The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เศรษฐศาสตร์ ม.4-6 หน่วยที่ 4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sun Cheaw, 2021-05-29 10:09:23

เศรษฐศาสตร์ ม.4-6 หน่วยที่ 4

เศรษฐศาสตร์ ม.4-6 หน่วยที่ 4

หน่วยการเรียนรู้ที่

ปัญหาทางเศรษฐกจิ ในชุมชน
และแนวทางแก้ไข

ตวั ชีว้ ัด วเิ คราะหป์ ัญหาทางเศรษฐกจิ ในชุมชนและเสนอแนวทางแกไ้ ข
(ส 3.1 ม.4-6/4)

ผังสาระการเรียนรู้ ปัญหาเศรษฐกจิ
ในชุมชน

ปัญหาทางเศรษฐกจิ แนวทางการพฒั นา
ในชุมชนและ เศรษฐกจิ ของชุมชน
แนวทางแกไ้ ข
ตวั อยา่ งของการรวมกลุม่ ทปี่ ระสบ
ความสาเร็จในการแกป้ ัญหาทาง

เศรษฐกจิ ของชุมชน

1. ปัญหาเศรษฐกจิ ในชุมชน

เศรษฐกิจทอ้ งถ่ินหรอื เศรษฐกิจชมุ ชน (Community Economics) คอื ระบบการผลติ
การแลกเปลี่ยนและการวภิ าคของชมุ ชนท่ีมีความสอดคลอ้ งกบั ชีวติ เศรษฐกิจ สงั คม
วฒั นธรรม ภายใตเ้ ง่ือนไขทางประวตั ิศาสตร์ ภมู ิศาสตร์ และทรพั ยากรธรรมชาติ

แตจ่ ากการพฒั นาประเทศไทยตลอดช่วงแผนพฒั นาเศรษฐกิจแหง่ ชาติท่ีผา่ นมาได้
ทมุ่ เททรพั ยากรไปในการพฒั นาประเทศ โดยมงุ่ สรา้ งความเจรญิ ทางเศรษฐกิจ โดยมี
ผลติ ภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ (GDP) เป็นตวั ชีว้ ดั หลกั ภายใตแ้ นวความคิดดา้ นความ
เจรญิ รุง่ เรอื งทางเศรษฐกิจในชว่ งแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 9 ภาพรวมในการพฒั นาท่ผี ่านมา
ชีใ้ หเ้ หน็ อย่างชดั เจนถงึ การพฒั นาท่ีขาดสมดลุ เกิดปัญหาความเหล่ือมลา้ ทางดา้ นฐานะทาง
เศรษฐกิจระหวา่ งในเมืองและชนบทชดั เจนมากย่ิงขนึ้ อนั เป็นการสะทอ้ นถงึ ปัญหาเศรษฐกิจ
ชมุ ชน ในแตล่ ะทอ้ งถ่ินของประเทศไทย ดงั ตอ่ ไปนี้

1.1 ปัญหาขาดทดี่ ินทากนิ

สงั คมไทยมีเกษตรกรทงั้ สิน้ ประมาณ 20 ลา้ นคน ปัจจบุ นั มีเกษตรกร 3.2 ลา้ นคน
ท่กี าลงั เดือดรอ้ นเรอ่ื งท่ดี นิ ในจานวนนีม้ ีเกษตรกรท่ีไมม่ ีท่ีดนิ เลย 1.3 ลา้ นคน มีท่ีดิน
อยบู่ า้ งแตไ่ มพ่ อทากิน 1.6 ลา้ นคน และขอเช่าท่ีดินรฐั อยู่ 3 แสนคน (ขอ้ มลู จากการ
จดทะเบียนคนจน โดยกระทรวงมหาดไทย) ดงั นนั้ การไมม่ ีท่ดี นิ ทากิน หรอื การมีท่ดี ิน
ทากินไมเ่ พียงพอของเกษตรกร จะทาใหช้ ีวติ ของคนในชนบทไมม่ ่นั คง เหน็ ไดช้ ดั คือ
การอพยพจากชนบทสเู่ มืองมากขนึ้ จนเกิดปัญหาชมุ ชนแออดั ในเมือง ดงั ท่ปี รากฏใหเ้ ห็น
เป็นปัญหาของสงั คมในปัจจบุ นั

1.2 ปัญหาความยากจน

อนั สบื เน่ืองมาจากปัญหาพืชผลทางการเกษตรท่ีมีราคาตกต่า อาทิ ขา้ ว ออ้ ย
มนั สาปะหลงั ซง่ึ ลว้ นแตเ่ ป็นการเกษตรเชิงเด่ยี วท่ีมีตน้ ทนุ การผลติ สงู อนั เน่ืองมาจาก
การใชป้ ๋ ยุ เคมี ยาปราบศตั รูพืช และการเช่าท่ีดนิ ทากินของเกษตรกร เม่อื ราคาผลผลติ ทาง
การเกษตรตกต่า ขายไมไ่ ดร้ าคา ขาดทนุ จงึ ขาดเงินลงทนุ ในการดาเนินกิจกรรมทาง
การเกษตรครงั้ ถดั ไป จงึ จาเป็นตอ้ งกหู้ นีย้ ืมสนิ จากนายทนุ ในทอ้ งถ่ิน (เงินกนู้ อกระบบ)
เกษตรกรบางรายนาท่ีดนิ ไปเป็นหลกั คา้ ประกนั แตพ่ อราคาสนิ คา้ การเกษตรตกต่า
ขายไม่ไดร้ าคา จงึ เกิดปัญหาภาระหนีส้ นิ ลน้ พน้ ตวั ถกู ยดึ ท่ีดินทากิน ทาใหป้ ัจจบุ นั รูปแบบ
การถือครองท่ีดินเปล่ียนแปลงไป เชน่ กรรมสทิ ธิ์ท่ีดินตกเป็นของนายทนุ กลมุ่ ใหญ่ บรษิ ัท
ขนาดใหญ่ หรอื นกั ลงทนุ ตา่ งชาติ รูปแบบการตงั้ ถ่ินฐานจงึ เปล่ยี นจากสงั คมเกษตรใน
ชนบท อพยพเขา้ มาขายแรงงานสภู่ าคอตุ สาหกรรมและในสงั คมเมือง

1.3 ปัญหาการว่างงงาน

ปัญหาการวา่ งงานในชนบทนบั วนั จะเพ่ิมมากขนึ้ เพราะเกษตรกรขนาดเลก็ จะ
แขง่ ขนั สบู้ รษิ ัทเกษตรกรรมขนาดใหญ่ไม่ได้ คนชนบทตอ้ งประสบปัญหาความแตกตา่ ง
ทางรายไดท้ ่ีหา่ งกนั มากขนึ้ ระหวา่ งเมืองกบั ชนบท การบรหิ ารงานแบบรวมศนู ยอ์ านาจ
ของระบบราชการท่ีดาเนินนโยบายจากการวางแผนมาจากสว่ นกลาง แตไ่ ม่ตอบสนอง
ความตอ้ งการหรอื ปัญหาท่ีแทจ้ รงิ ในพืน้ ท่ีได้

1.4 ระบบการคมนาคมขนส่งและสิ่งอานวยความสะดวก

ระบบการคมนาคมขนสง่ และสง่ิ อานวยความสะดวก เช่น ถนนหนทาง ศนู ยส์ ขุ ภาพ
และบรกิ ารตา่ ง ๆ ระบบไฟฟา้ ระบบประปา และการตดิ ตอ่ ส่ือสาร การขาดการเช่ือมโยง
ระหวา่ งหมบู่ า้ นและชมุ ชนดว้ ยกนั สง่ิ เหลา่ นีเ้ ป็นสาเหตแุ หง่ ความแตกตา่ งทางพนื้ ท่ี ทาให้
การบรกิ ารพืน้ ฐานตา่ ง ๆ มีลกั ษณะกระจดั กระจาย ขาดการเช่ือมโยง และการรวมกลมุ่
ทาใหเ้ ป็นการสนิ้ เปลอื งงบประมาณ

1.5 ปัญหาความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

การพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศไทยเทา่ ท่ีผา่ นมาก่อใหเ้ กิดการขยายตวั ดา้ นการ
ผลิตสนิ คา้ และบรกิ าร โดยมงุ่ เนน้ ใหค้ วามสาคญั เรอ่ื งความเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจและ
การเพ่ิมรายไดข้ องประชากร ซง่ึ มีการใชท้ รพั ยากรธรรมชาติเป็นปัจจยั การผลิตอยา่ ง
ฟ่ มุ เฟือย ขาดการวางแผนท่ีดี ดงั นนั้ ทรพั ยากรธรรมชาตจิ งึ เสือ่ มโทรมและลดลงอยา่ ง
รวดเรว็ ตามปรมิ าณการผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารท่ีเพ่ิมมากขนึ้ ในท่ีสดุ จงึ นาไปสปู่ ัญหาความ
ขดั แยง้ ทางสงั คม เน่ืองจากการแยง่ ชิงการใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ เชน่ ชมุ ชนท่ีอยอู่ าศยั อยู่
ในพืน้ ท่ีสงู บกุ รุกพืน้ ท่ีป่าเพ่มิ ขนึ้ เพ่ือใชท้ ่ดี ินในการทากิจกรรมทางเศรษฐกิจและเป็น

ท่ีอยอู่ าศยั ซง่ึ ขดั แยง้ กบั นโยบายของรฐั บาลในการอนรุ กั ษป์ ่า ความขดั แยง้ ระหวา่ งเกษตรกร
ผทู้ านากงุ้ กบั เกษตรกรผทู้ านาขา้ ว เน่ืองจากนา้ จากบอ่ เลีย้ งกงุ้ ไหลเขา้ ไปทาลายนาขา้ ว
โรงงานอตุ สาหกรรมปลอ่ ยนา้ เสียลงแมน่ า้ ลาคลอง ทาใหผ้ อู้ ยอู่ าศยั ท่ใี ชน้ า้ จากแมน่ า้ ลาคลอง
ดงั กลา่ วไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น ความขดั แยง้ ระหวา่ งภาครฐั กบั กลมุ่ ชาวบา้ นในกรณีรฐั บาล
กอ่ สรา้ งเข่ือน ซง่ึ ทาใหก้ ลมุ่ ชาวบา้ นตอ้ งถกู โยกยา้ ยพืน้ ท่ีทากินและท่อี ยอู่ าศยั ทงั้ หมดนี้
กระทบตอ่ เศรษฐกิจในชมุ ชนเป็นอยา่ งมาก

อนง่ึ พฤตกิ รรมการผลิตและการบรโิ ภคของประชาชนเปล่ยี นแปลงไป ทาใหม้ ีการทาลาย
ทรพั ยากรธรรมชาติและสรา้ งปัญหามลพิษและส่งิ แวดลอ้ ม เช่น การใชบ้ รรจภุ ณั ฑโ์ ฟม พลาสติก
อยา่ งฟ่ มุ เฟือย ทาใหม้ ีขยะมลู ฝอยเพ่ิมมากขนึ้ และสง่ ผลกระทบตอ่ ทรพั ยากรธรรมชาติและ
ส่งิ แวดลอ้ ม ทาใหก้ ารพฒั นาประเทศเกิดความไม่ย่งั ยืน ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งมีการบรหิ ารจดั การและ
อนรุ กั ษฟ์ ื้นฟอู ยา่ งจรงิ จงั อีกทงั้ ประเทศไทยยงั ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามกติกาสากลทางดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม
และกตกิ าการคา้ โลก ซง่ึ มีผลใหก้ ารพฒั นาประเทศมีตน้ ทนุ ท่ีสงู ขนึ้ อนั เป็นอปุ สรรคอยา่ งหน่งึ
ตอ่ ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ

จากปัญหาทางเศรษฐกิจของชมุ ชนดงั กลา่ วขา้ งตน้ จงึ มีแนวทางแกไ้ ขปัญหาเศรษฐกิจ
ชมุ ชน ดงั ตอ่ ไปนี้

เปา้ หมายหลกั ของการพฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชนไมค่ วรจากดั อยเู่ พียงเฉพาะ
การสง่ เสรมิ ความเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจเทา่ นนั้ หากตอ้ งรวมถงึ การพฒั นาคณุ ภาพ
ในการดารงชีวติ ของประชาชน คานงึ ถงึ การกระจายผลประโยชนจ์ ากการพฒั นาเศรษฐกิจ
อยา่ งเป็นธรรม อาทิ การคมนาคมขนสง่ ระบบสาธารณปู โภค ระบบมาตรฐานการศกึ ษา
ระบบสาธารณสขุ และคานงึ ถงึ เปา้ หมายการพฒั นาอย่างย่งั ยืน ในการพฒั นาเศรษฐกิจ
ชมุ ชนใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย เรม่ิ จาก

1) กาหนดนโยบายท่สี ง่ เสรมิ การลงทนุ การประกอบอาชีพและการดาเนินกิจกรรม
ตา่ ง ๆ ในชมุ ชนอยา่ งเป็นระบบ โดยท่ีนโยบายเหลา่ นีค้ วรเป็นรูปธรรม และมีการผลกั ดนั
ใหเ้ กิดการปฏิบตั ติ ามนโยบายอยา่ งจรงิ จงั อาทิ นโยบายแกไ้ ขปัญหาท่ีดนิ ทากิน
ของเกษตรกร

2) ควรสง่ เสรมิ ใหเ้ กิดเครอื ขา่ ยความรว่ มมือกนั ในการดาเนินงาน ทงั้ ภาครฐั เอง
ตอ้ งมีการกระจายอานาจ รบั ฟังปัญหาจากภาคประชาชนใหม้ ากย่ิงขนึ้ สามารถ
ดาเนินงานทางราชการท่ีสามารถแกไ้ ขปัญหา ตลอดจนความตอ้ งการของประชาชน
ในทอ้ งถ่ินไดม้ ากย่ิงขนึ้ เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจท่ีย่งั ยนื มิอาจเกิดขนึ้ ไดใ้ นเชิงเดย่ี ว
หากแตต่ อ้ งเช่ือมโยงกบั หนว่ ยกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น การสง่ เสรมิ การผลติ เป็น
วงจรใหเ้ กิดขนึ้ ในชมุ ชน ในรูปแบบของวสิ าหกิจชมุ ชน

3) การพฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชนตอ้ งพฒั นาโครงสรา้ งพืน้ ฐานทางเศรษฐกิจท่ี
รองรบั และเกือ้ กลู กนั กลา่ วคอื จะสง่ เสรมิ เฉพาะดา้ นการผลติ โดยไม่คานงึ ถงึ การขาย
การตลาด การพฒั นาเทคโนโลยีทางการเกษตร และระบบการคมนาคมขนสง่ ท่ีเช่ือมโยง
สแู่ หลง่ คา้ สง่ ไดอ้ ยา่ งสะดวกรวดเรว็ เพ่ือสง่ ผลิตภณั ฑไ์ ดท้ นั ตอ่ ความตอ้ งการของ
ผบู้ รโิ ภคท่ีอยใู่ นชมุ ชนเมือง

4) ตอ้ งพฒั นาทรพั ยากรบคุ คลใหม้ ีทกั ษะและมีฝีมือท่จี าเป็นในการดาเนิน
กิจกรรมทางเศรษฐกิจระดบั ชมุ ชน โดยผา่ นระบบการศกึ ษาท่ีไดม้ าตรฐาน และควร
สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนกลมุ่ ผดู้ อ้ ยโอกาสมีทกั ษะท่ีเพียงพอในการประกอบอาชีพ เพ่ือดแู ล
ตนเองไดต้ ามอตั ภาพ โดยการสง่ เสรมิ ผา่ นสถาบนั การเงนิ และเครดติ ชมุ ชนทอ้ งถ่ิน เช่น
สหกรณอ์ อมทรพั ย์ สหกรณเ์ ครดติ ยเู นียน ท่ีจะเออื้ ตอ่ การผลติ ภายในทอ้ งถ่ิน ลดการ
พง่ึ พิงรฐั และเอกชนจากภายนอก กาหนดอตั ราการเจรญิ เติบโตของทอ้ งถ่ินท่ีเหมาะสม
และประสานความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเขตเศรษฐกิจทอ้ งถ่ินกบั เศรษฐกิจแหง่ ชาติ

2. แนวทางการพัฒนาเศรษฐกจิ ของชุมชน

ถงึ แมป้ ระเทศไทยจะประสบความสาเรจ็ ทางเศรษฐกิจ ดงั จะสงั เกตไดจ้ ากมลู คา่
ผลิตภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศซง่ึ มีแนวโนม้ เพ่ิมขนึ้ ตงั้ แตช่ ่วงครง่ึ หลงั ทศวรรษท่ี 2540
เป็นตน้ มานนั้ การพฒั นาประเทศในชว่ งท่ีผ่านมาไดใ้ หค้ วามสาคญั กบั การเจรญิ เตบิ โต
ทางเศรษฐกิจเป็นหลกั โดยเช่ือวา่ หากเศรษฐกิจเติบโตสงู ขนึ้ ระดบั รายไดข้ องประชากร
ในประเทศกจ็ ะเพ่ิมขนึ้ ดว้ ย ซง่ึ จะสง่ ผลใหม้ าตรฐานการดารงชีวิตของประชาชนสงู ขนึ้
แตก่ ารขยายตวั ทางเศรษฐกิจในเชิงปรมิ าณดงั กลา่ ว กอ่ ใหเ้ กิดปัญหาหลายประการ เชน่
ปัญหาความเหลือ่ มลา้ ระหวา่ งภาคอตุ สาหกรรมกบั ภาคเกษตรกรรม ความแตกตา่ งระหวา่ ง
เมอื งกบั ชนบท ช่องวา่ งระหวา่ งคนรวยกบั คนจน ปัญหามลพิษ รวมทงั้ ความเสียหาย

และเส่อื มโทรมของส่งิ แวดลอ้ มและทรพั ยากร อนั ไดแ้ ก่ ดิน นา้ ป่าไม้ ทะเล รวมทงั้ แรต่ า่ ง ๆ
ซง่ึ นาไปสขู่ อ้ สรุปผลของการพฒั นาท่ีผา่ นมาวา่ “เศรษฐกิจดี สงั คมมีปัญหา การพฒั นาไมม่ ี
คณุ ภาพและไมย่ ่งั ยืน” ความเจรญิ ทางเศรษฐกิจไมอ่ าจดารงอยอู่ ยา่ งย่งั ยืนได้ หากไมค่ านงึ ถงึ
การบรหิ ารจดั การดา้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม โดยตอ้ งมีการใชอ้ ยา่ งเหมาะสม
และมีเหตผุ ล เพ่ือตอบสนองความจาเป็นขนั้ พืน้ ฐานของมนษุ ย์ พรอ้ มทงั้ จดั การและคมุ้ ครอง
ระบบนิเวศใหใ้ ชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งย่งั ยนื ดว้ ยเหตนุ ี้ ในทศวรรษท่ี 2550 ประเทศไทยจงึ ไดใ้ ห้
ความใสใ่ จอย่างจรงิ จงั กบั “การพฒั นาท่ยี ่งั ยืน”

2.1 ความหมายของการพฒั นาท่ยี ง่ั ยืน

การพฒั นาท่ยี ่งั ยืน หมายถึง การพฒั นาท่ีตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของคนในรุน่
ปัจจบุ นั โดยไม่ทาใหค้ นรุน่ ตอ่ ๆ ไปตอ้ งลดทอนความสามารถในการท่ีจะตอบสนองความ
ตอ้ งการของตนเอง ในประเทศไทย นกั วิชาการหลายทา่ นอธิบายความหมายของการพฒั นา
ท่ยี ่งั ยนื ใหม้ ีความชดั เจนย่ิงขนึ้ ท่ีสาคญั คือแนวคิดของสมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์
(ป.อ.ปยตุ โต) ซง่ึ อธิบายไวว้ า่ “การพฒั นาท่ีย่งั ยืนมีลกั ษณะท่ีเป็นบรู ณาการ (Integrated)
คือทาใหเ้ กิดเป็นองคร์ วม (Holistic) ซง่ึ หมายความวา่ องคป์ ระกอบทงั้ หลายท่ีเก่ียวขอ้ ง
จะตอ้ งมาประสานกนั ครบองค์ และมีลกั ษณะอกี อยา่ งหนง่ึ คอื มีดลุ ยภาพ (Balance) หรอื
พดู อกี นยั หนง่ึ คอื การทาใหก้ ิจกรรมของมนษุ ยส์ อดคลอ้ งกบั กฎเกณฑข์ องธรรมชาติ”

ตามแนวคดิ ดงั กลา่ วจงึ สรุปไดว้ า่ การพฒั นาท่ีย่งั ยืน เป็นการพฒั นาท่ีครอบคลมุ การพฒั นา
ในทกุ ๆ ดา้ น ทงั้ ดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม ทรพั ยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม
เป็นตน้ โดยมีคนเป็นศนู ยก์ ลางหรอื เปา้ หมายของการพฒั นา เพ่ือใหอ้ ยดู่ กี ินดีทงั้ คน
ในรุน่ ปัจจบุ นั และรุน่ ตอ่ ๆ ไป

แนวทางการพฒั นาทย่ี ง่ั ยืนมาจาก 3 แนวทางใหญ่ ๆ คือ

1) แนวทางดา้ นนิเวศวิทยา การพฒั นาท่ยี ่งั ยนื ใหค้ วามสาคญั เรอ่ื งการใช้

ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มในเชิงอนรุ กั ษ์ โดยคานงึ ถงึ ขีดจากดั เพ่ือตอบสนอง
ความตอ้ งการในปัจจบุ นั โดยไมส่ ง่ ผลเสียตอ่ ความตอ้ งการในอนาคต

2) แนวทางดา้ นสังคม การพฒั นาท่ยี ่งั ยนื จะตอ้ งสามารถตอบสนองความ

ตอ้ งการพืน้ ฐานของมนษุ ยไ์ ดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง โดยมีเปา้ หมายในการยกคณุ ภาพชีวติ ของ
ประชาชนใหด้ ีขนึ้ อยา่ งยาวนาน

3) แนวทางด้านเศรษฐกจิ การพฒั นาท่ีย่งั ยืนจะตอ้ งปรบั ปรุงโครงสรา้ ง

การผลติ และการบรโิ ภค และใชท้ รพั ยากรอยา่ งประหยดั มีประสทิ ธิภาพ มีการพฒั นาและ
ใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยที ่ีไมส่ ง่ ผลเสยี ตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม เพ่ือใหก้ ารขยายตวั ทางเศรษฐกิจ
ย่งั ยืนยาวนาน

ประเทศไทยตระหนกั ถึงปัญหาท่ีเกิดจากการพฒั นาประเทศและเรม่ิ กาหนด
เปา้ หมายหลกั ของการพฒั นาประเทศท่มี งุ่ รกั ษาความสมดลุ ระหวา่ งการเจรญิ เตบิ โต
ทางเศรษฐกิจ การกระจายรายไดแ้ ละการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ ตงั้ แตแ่ ผน
พฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 5 (พ.ศ. 2525-2529) เป็นตน้ มา ในแผน
พฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 8-11 มงุ่ เนน้ กระบวนการพฒั นาท่ีเช่ือมโยง
มิติดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม และส่งิ แวดลอ้ มเขา้ ดว้ ยกนั อย่างสมดลุ โดยใหค้ นเป็นศนู ยก์ ลาง

ของการพฒั นา และไดอ้ ญั เชิญหลกั “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ตามพระราชดารสั
ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช มาเป็นปรชั ญาในการพฒั นาประเทศ
โดยใหค้ วามสาคญั กบั การพฒั นาท่ีสมดลุ ดา้ นสงั คม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดลอ้ มโดยยดึ หลกั
ทางสายกลาง เพ่ือใหป้ ระเทศรอดพน้ จากวิกฤตและนาไปสกู่ ารพฒั นาท่ีสมดลุ มีคณุ ภาพ
และย่งั ยืน

2.2 แนวทางการปรับตวั ของประเทศไทยสู่การพฒั นาทยี่ งั่ ยืน

แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 11 ไดก้ าหนดทิศทางและยทุ ธศาสตร์
การพฒั นาประเทศเพ่ือนาไปสกู่ ารพฒั นาประเทศท่มี ่นั คงและย่งั ยนื ดงั นี้

1) ยุทธศาสตรก์ ารสร้างความเป็ นธรรมในสังคม ใหค้ วามสาคญั ในเรอ่ื ง

ดงั ตอ่ ไปนี้
(1) การสรา้ งความม่นั คงทางเศรษฐกิจและสงั คมใหท้ กุ คนในสงั คมไทย ควบคู่

กบั การเสรมิ สรา้ งขีดความสามารถในการจดั การ ความเสย่ี งและโอกาสในชีวติ ใหแ้ ก่ตนเอง
(2) การจดั บรกิ ารทางสงั คมใหท้ กุ คนตามสทิ ธิขนั้ พืน้ ฐาน เนน้ การสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั

ระดบั ปัจเจก และการสรา้ งการมีสว่ นรว่ มในกระบวนการตดั สนิ ใจในการพฒั นาประเทศ

(3) การเสรมิ สรา้ งพลงั ใหท้ กุ ภาคสว่ นสามารถเพ่ิมทางเลือกการใชช้ ีวติ ในสงั คม
และมีสว่ นรว่ มในเชิงเศรษฐกิจ สงั คม และการเมืองไดอ้ ยา่ งมีคณุ คา่ และศกั ดศิ์ รี

(4) การสานสรา้ งความสมั พนั ธข์ องคนใหม้ ีคณุ คา่ รว่ มและตระหนกั ถึง
ผลประโยชนข์ องสงั คม และเสรมิ สรา้ งการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ท่ีมีประสิทธิภาพ โปรง่ ใส
มีระบบตรวจสอบและการรบั ผิดชอบท่ีรดั กมุ

2) ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาการสู่สังคมแหง่ การเรียนรู้ตลอดชีวติ
อยา่ งย่ังยนื ใหค้ วามสาคญั ในเรอ่ื งดงั ตอ่ ไปนี้

(1) การปรบั โครงสรา้ งและการกระจายตวั ประชากรใหเ้ หมาะสม
(2) การพฒั นาคณุ ภาพคนไทยใหม้ ีภมู ิคมุ้ กนั ตอ่ การเปล่ยี นแปลง
(3) การสง่ เสรมิ การลดปัจจยั เส่ยี งดา้ นสขุ ภาพอยา่ งเป็นองคร์ วม
(4) การสง่ เสรมิ การเรยี นรูต้ ลอดชีวติ
(5) การเสรมิ สรา้ งความเขม้ แข็งของสถาบนั ทางสงั คม

3) ยุทธศาสตรค์ วามเข้มแขง็ ภาคเกษตร ความม่ันคงของอาหารและ
พลังงาน ใหค้ วามสาคญั ในเรอ่ื งดงั ตอ่ ไปนี้

(1) การพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาติท่ีเป็นฐานการผลติ ภาคเกษตรใหเ้ ขม้ แข็ง
และย่งั ยืน

(2) การเพ่ิมประสิทธิภาพและศกั ยภาพการผลิตภาคเกษตร
(3) การสรา้ งมลู คา่ เพ่ิมผลผลติ ทางการเกษตรตลอดหว่ งโซก่ ารผลติ
(4) การสรา้ งความม่นั คงในอาชีพและรายไดใ้ หแ้ ก่เกษตรกร
(5) การสรา้ งความม่นั คงดา้ นอาหารและพฒั นาพลงั งานชีวภาพในระดบั
ครวั เรอื นและชมุ ชน
(6) การสรา้ งความม่นั คงดา้ นพลงั งานชีวภาพเพ่ือสนบั สนนุ การพฒั นาประเทศ
และความเขม้ แขง็ ภาคเกษตร
(7) การปรบั ระบบบรหิ ารจดั การภาครฐั เพ่ือเสรมิ สรา้ งความม่นั คงดา้ นอาหาร
และพลงั งาน

4) ยุทธศาสตรป์ รับโครงสร้างเศรษฐกจิ สู่การเตบิ โตอยา่ งมคี ุณภาพ
และย่ังยนื ใหค้ วามสาคญั ในเรอ่ื งดงั ตอ่ ไปนี้

(1) การปรบั โครงสรา้ งเศรษฐกิจสกู่ ารพฒั นาท่ีมีคณุ ภาพและย่งั ยนื
(2) การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจยั และนวตั กรรม
(3) การพฒั นาขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ท่ีมีประสทิ ธิภาพ เทา่ เทียม และ
เป็นธรรม
(4) การบรหิ ารจดั การเศรษฐกิจสว่ นรวมอย่างเสถียรภาพ

5) ยุทธศาสตรก์ ารสร้างความเชอ่ื มโยงกับประเทศในภมู ภิ าคเพอื่
ความม่ันคงทางเศรษฐกจิ และสังคม ใหค้ วามสาคญั ในเรอ่ื งดงั ตอ่ ไปนี้

(1) การพฒั นาความเช่ือมโยงดา้ นการขนสง่ และระบบโลจิสตกิ สภ์ ายใต้
กรอบความรว่ มมือในอนภุ าคตา่ ง ๆ

(2) การพฒั นาฐานลงทนุ โดยเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขนั ระดบั
อนภุ มู ิภาค

(3) การสรา้ งความพรอ้ มในการเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น
(4) การเขา้ รว่ มเป็นภาคคี วามรว่ มมือระหวา่ งประเทศและภมู ิภาคภายใต้
บทบาทท่สี รา้ งสรรค์ เป็นทางเลอื กในการดาเนินนโยบายระหวา่ งประเทศในเวทีโลก
(5) การสรา้ งความเป็นหนุ้ สว่ นทางเศรษฐกิจในภมู ิภาคดา้ นการพฒั นา
ทรพั ยากรมนษุ ย์ การเคลอื่ นยา้ ยแรงงาน และการสง่ เสรมิ แรงงานไทยในตา่ งประเทศ

(6) การมีสว่ นรว่ มอยา่ งสาคญั ในการสรา้ งสงั คมนานาชาตทิ ่ีมีคณุ ภาพชีวิต
ปอ้ งกนั ภยั จากการก่อการรา้ ยและอาชญากรรม สารเสพติด ภยั พิบตั ิ และการแพรร่ ะบาด
ของโรคภยั

(7) การเสรมิ สรา้ งความรว่ มมือท่ีดีระหวา่ งประเทศในการสนบั สนนุ การ
เจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจอยา่ งมีจรยิ ธรรมและไมส่ ง่ ผลกระทบตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม พรอ้ มทงั้
เปิดรบั ความรว่ มมือกบั องคก์ รระหวา่ งประเทศท่ีไม่แสวงหากาไร

(8) การเรง่ รดั การใชป้ ระโยชนจ์ ากขอ้ ตกลงการคา้ เสรที ่ีมีผลบงั คบั ใชแ้ ลว้
(9) การสง่ เสรมิ ใหป้ ระเทศไทยเป็นฐานการลงทนุ และการประกอบธรุ กิจ
ในเอเชีย รวมทงั้ เป็นฐานความรว่ มมือในการพฒั นาภมู ิภาค
(10) การปรบั ปรุงและเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของภาคกี ารพฒั นา
ภายในประเทศ ตงั้ แตร่ ะดบั ชมุ ชนทอ้ งถ่ิน

2.3 ดรรชนีชี้วดั การพฒั นาท่ียง่ั ยืนของประเทศไทย

การวดั ผลสาเรจ็ ของการพฒั นาประเทศ สว่ นใหญ่พิจารณาจากผลติ ภณั ฑม์ วลรวม
ภายในประเทศ (Gross Domestic Product-GDP) และผลติ ภณั ฑม์ วลรวมประชาชาติ
(Gross National Product-GNP) ซง่ึ เป็นการใหค้ วามสาคญั กบั การสรา้ งความ
เจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามในปัจจบุ นั การพฒั นาประเทศไมไ่ ดม้ งุ่ เนน้ ดา้ น
การพฒั นาเศรษฐกิจเพยี งดา้ นเดยี ว แตใ่ หค้ วามสาคญั กบั การพฒั นาในทกุ ๆ ดา้ น อยา่ ง
เป็นองคร์ วม มีดลุ ยภาพ ซง่ึ เป็นการพฒั นาท่ยี ่งั ยืน

ประเทศไทยใชผ้ ลิตภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศและผลิตภณั ฑม์ วลรวม
ประชาชาติ เป็นดรรชนีชีว้ ดั ระดบั การพฒั นาประเทศเชน่ เดยี วกบั ประเทศอ่นื ๆ

อย่างไรก็ตามดงั ท่ีกลา่ วมาแลว้ วา่ การพฒั นาทางเศรษฐกิจเป็นเพียงมิติหนง่ึ ของการ
พฒั นาประเทศเทา่ นนั้ แตก่ ารพฒั นาท่ยี ่งั ยืน ซง่ึ เป็นแนวคิดใหมใ่ นการพฒั นาประเทศนนั้
จาเป็นตอ้ งใหค้ วามสาคญั กบั ทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม และสิง่ แวดลอ้ มไปพรอ้ ม ๆ กนั
ในแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 8-11 กาหนดให้ “คนเป็นศนู ยก์ ลาง
ของการพฒั นา” โดยการพฒั นาเศรษฐกิจเป็นเครอ่ื งมือในการพฒั นาคนใหม้ ีความสขุ และ
มีคณุ ภาพชีวติ ท่ดี ขี นึ้ ดงั นนั้ สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ
จงึ ไดพ้ ฒั นาดรรชนีชีว้ ดั เพ่ือใชว้ ดั ผลกระทบขนั้ สดุ ทา้ ยของการพฒั นาท่มี ีตอ่ คน เรยี กวา่

ดรรชนีความอยดู่ มี ีสุข

ความอยู่ดมี ีสุข หมายถงึ การมีสขุ ภาพอนามยั ท่ดี ที งั้ รา่ งกายและจิตใจ
มีความรู้ มีงานทาท่ีท่วั ถงึ มีรายไดพ้ อเพียงตอ่ การดารงชีพ มีครอบครวั ท่ีอบอนุ่ ม่นั คง
อยใู่ นสภาพแวดลอ้ มท่ีดี และอยภู่ ายใตร้ ะบบบรหิ ารจดั การท่ีดขี องภาครฐั ความอยดู่ ี
มีสขุ สามารถจาแนกเป็น 7 ดา้ น คือ

1. สขุ ภาพอนามยั 2. การศกึ ษา
3. ชีวิตการทางาน 4. รายไดแ้ ละการกระจายรายได้
5. ชีวิตครอบครวั 6. สภาพแวดลอ้ ม
7. การบรหิ ารจดั การท่ีดขี องภาครฐั
ซง่ึ ทกุ องคป์ ระกอบจะตอ้ งพฒั นาไปพรอ้ ม ๆ กนั เพ่ือใหเ้ กิดผลตอ่ ความอยดู่ ีมีสขุ
ตามแผนภาพท่ีแสดงไว้

มีความรู้ + ความคดิ สงั คม วฒั นธรรม

แขง็ แรง มีเหตผุ ล เศรษฐกิจ ทรพั ยากร
สขุ อนามยั ดี การปกครอง ธรรมชาติ
สมองดี มีจินตนาการ ดา้ น
กายดี และ
ส่งิ แวดลอ้ ม

สขุ ภาพ การบรหิ ารจดั การท่ีดี

ใจดี คุณลักษณะ หลกั การ หลกั ความรู้
“สังคมอยู่ดมี ีสุข” หลกั คณุ ธรรม
เบิกบาน สมานฉนั ท์
เอือ้ อาทร มีภมู ิคมุ้ กนั ตงั้ อยู่บน หลกั การมีสว่ นรว่ ม
ของคนในสงั คม
วฒั นธรรมของคนในสงั คม

แผนภาพแสดงคณุ ลกั ษณะของสงั คมอยูด่ มี สี ขุ

• สบื ทอด/อนรุ กั ษ์/สง่ เสรมิ /พฒั นาวฒั นธรรม หรอื ภูมปิ ัญญาของคนในสงั คม

• คน้ หาจดุ เดน่ ของวฒั นธรรม  สรา้ ง “เอกลกั ษณ”์ ใหค้ นในสงั คม

• นาเอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรมไปตอ่ ยอด สรา้ งมูลคา่ เพ่มิ ทางเศรษฐกจิ ทยี่ งั คงคณุ คา่ ของวฒั นธรรมนนั้

จะเหน็ ไดว้ า่ การสรา้ ง “ความอยดู่ มี ีสขุ ” ใหก้ บั สงั คม จะช่วยเสรมิ ให้ “พลงั ชมุ ชน”
มีความเขม้ แข็งในทกุ มิติ โดยเฉพาะมติ ทิ างเศรษฐกิจและวฒั นธรรม แนวทางการพฒั นา
เศรษฐกิจชมุ ชนจงึ ตอ้ งควบคไู่ ปกบั การพฒั นาดา้ นสขุ ภาพ ทรพั ยากรและสิ่งแวดลอ้ ม
ภมู ิปัญญา วฒั นธรรมของผคู้ นในชมุ ชนเอง

2.4 เศรษฐกจิ ชุมชนกบั การพฒั นายงั่ ยืน

เศรษฐกิจชมุ ชน คือ การดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตา่ ง ๆ ทงั้ ดา้ นเกษตรกรรม
อตุ สาหกรรม การบรกิ าร ทงั้ ในดา้ นการผลิต การบรโิ ภค และการกระจายผลผลิต โดยใหค้ น
ในชมุ ชนมีสว่ นรว่ มในการแกป้ ัญหาพืน้ ฐานทางเศรษฐกิจของชมุ ชน คอื ใหม้ ีสว่ นรว่ มคดิ
รว่ มทา รว่ มรบั ผลประโยชน์ บนรากฐานของความสามารถท่ีมีอยู่ จากการใช้ “ทนุ ของ
ชมุ ชน” ทงั้ ท่ีเป็นสินคา้ ทนุ (เครอ่ื งมือ เครอ่ื งจกั ร อปุ กรณก์ ารผลติ ตา่ ง ๆ ท่มี ีอยู่ หรอื
สามารถจดั หามาไดต้ ามศกั ยภาพ) ทนุ ทางเศรษฐกิจ (ปัจจยั ท่สี นบั สนนุ ใหก้ ารดาเนิน
กิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นไปอยา่ งสะดวก เช่น ท่ีดนิ แหลง่ นา้ สภาพภมู ิประเทศ
การคมนาคมขนสง่ ) และทนุ ทางสงั คม (วถิ ีการผลติ ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน ศาสนสถาน
โรงเรยี น สถานีอนามยั )

สมาชิกในชมุ ชนจะเป็นผตู้ ดั สินวา่ พวกเราจะผลติ อะไรไดบ้ า้ งตามศกั ยภาพและทนุ ประเภทตา่ ง ๆ
ท่ีมีอยู่ เราจะผลติ กนั อยา่ งไร แลว้ เราจะแบง่ ปันผลประโยชนจ์ ากการผลติ กนั อยา่ งไร โดยท่ีชมุ ชนสามารถ
คดิ เอง ทาเอง ไดเ้ อง

1) เป้าหมายของการพฒั นาเศรษฐกจิ ชุมชน

การพฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชน ควรมีเปา้ หมายสาคญั ดงั นี้
(1) การพฒั นาขีดความสามารถของคน ครอบครวั และชมุ ชน จากการสรา้ งกระบวน
การเรยี นรูเ้ พ่ือใหพ้ ง่ึ ตนเองได้
(2) การพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม ฟื้นฟทู รพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม รวมถงึ
การอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรม และภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน
จะเห็นไดว้ า่ ถา้ สามารถพฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชนใหเ้ ป็นไปตามเปา้ หมายท่ีกาหนดไว้ ปัญหา
เศรษฐกิจ สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ มจะลดลงหรอื หมดไปจากชมุ ชนนนั้ ๆ เป็นการแสดงใหเ้ ห็นวา่ ไดพ้ ฒั นา
ท่ีย่งั ยืนตามหลกั สากล นอกจากนีส้ ามารถพง่ึ พาไดด้ ว้ ยตนเองโดยไม่ตอ้ งพง่ึ พาผอู้ ่ืน

2) ปัจจยั สาคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน

ปัจจยั สาคญั ในการพฒั นาเป็นสิ่งท่มี ีอยใู่ นทอ้ งถ่ินและคนในทอ้ งถ่ิน โดยมีความรู้
ความเขา้ ใจเก่ียวกบั ศกั ยภาพของทอ้ งถ่ิน และทนุ ทอ้ งถ่ินในชมุ ชนตา่ ง ๆ นอกจากนี้ การมงุ่
พฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชนมีจดุ แข็งท่เี ออื้ อานวยตอ่ การพฒั นา ก็คือ คนในทอ้ งถ่ินในชมุ ชน
เดยี วกนั มีจิตสานกึ รว่ มกนั มีความเป็นมาและดารงอยดู่ ว้ ยกนั การมีความเออื้ อารี
มีความช่วยเหลือเกือ้ กลู ระหวา่ งกนั การมีปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั ระหวา่ งกลมุ่ ดว้ ยความ
สมคั รใจ ไมใ่ ช่การบงั คบั เป็นการพฒั นาท่เี รม่ิ จากการกาหนดพืน้ ท่ีโดยคนในชมุ ชนท่ีมี
จานวนไมม่ าก จดั การไดง้ า่ ยกวา่ และเม่ือพืน้ ท่ีใดพืน้ ท่ีหนง่ึ ประสบความสาเรจ็ สามารถ
แพรก่ ระจายความคิด วธิ ีการ ก่อใหเ้ กิดการพฒั นาในลกั ษณะเดยี วกนั ออกไปในวงกวา้ ง

3) แนวปฏบิ ัตใิ นการพัฒนาเศรษฐกจิ ชุมชน

แนวทางในการพฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชนสามารถปฏิบตั ไิ ดด้ งั นี้
(1) สรา้ งเวทีการเรยี นรูใ้ หเ้ กิดขนึ้ กอ่ น อาจเป็นลกั ษณะของประชาคมตาบล/
อาเภอ ในลกั ษณะของรา้ นคา้ ชมุ ชน ตลาดนดั ชมุ ชน
(2) วเิ คราะหศ์ กั ยภาพในขดี ความสามารถของทอ้ งถ่ิน
(3) วางแผนพฒั นาตามแนวทาง “เศรษฐกิจพอเพยี ง” ตามขนั้ ตอน “ทฤษฎใี หม”่
(4) สง่ เสรมิ การรวมกลมุ่ ในลกั ษณะตา่ ง ๆ เช่น กลมุ่ อาชีพ กลมุ่ ออมทรพั ย์
กลมุ่ อนรุ กั ษ์ และสรา้ งเครอื ขา่ ยองคก์ รชมุ ชน
(5) พฒั นาเทคโนโลยใี นความรูเ้ ก่ียวกบั วิธีการผลติ การคดั คณุ ภาพ
การเก็บรกั ษา การแปรรูป การบรรจหุ ีบหอ่

(6) พฒั นาระบบตลาด เชน่ ตลาดทอ้ งถ่ิน และตลาดปลายทาง ดว้ ยการสรา้ ง
เครอื ขา่ ยผผู้ ลติ เช่ือมโยงผผู้ ลติ กบั ตลาดปลายทาง เช่น ระหวา่ งกลมุ่ ผผู้ ลิตกบั กลมุ่ ผบู้ รโิ ภค
กลมุ่ ผผู้ ลติ กบั โรงงาน

(7) พฒั นากิจกรรมเก่ียวกบั การศกึ ษา วฒั นธรรม สาธารณสขุ และสิ่งแวดลอ้ ม
(8) ทาการวจิ ยั เพ่ือใชส้ นบั สนนุ กิจกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชน
(9) สรา้ งศนู ยก์ ารเรยี นรูเ้ ศรษฐกิจชมุ ชนแบบเบด็ เสรจ็ ในระดบั อาเภอ /จงั หวดั
โดยเนน้ การมีสว่ นรว่ มขององคก์ รชมุ ชนทอ้ งถ่ิน
(10) สรา้ งหลกั สตู รฝึกอบรมการพฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชน พฒั นาสถานท่ีดงู าน
(11) พฒั นาระบบขอ้ มลู ขา่ วสารเพ่ือชว่ ยในการตดั สนิ ใจการทาธรุ กิจชมุ ชน
(12) เผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารการพฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชนออกสสู่ งั คมภายนอก

การพฒั นาเศรษฐกจิ ชุมชนด้วยแนวพระราชดาริของ
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช “ระเบดิ จากข้างใน”

ระเบิดจากขา้ งใน เป็นหลกั ในการพฒั นาคน ท่ีตอ้ งเรม่ิ จากการสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั
คนในชมุ ชนใหม้ ีสภาพพรอ้ มท่ีจะรบั การพฒั นาก่อนแลว้ จงึ คอ่ ยออกมาสสู่ งั คมภายนอก มิใช่
การนาเอาความเจรญิ หรอื บคุ คลจากสงั คมภายนอกเขา้ ไปหาชมุ ชนหมบู่ า้ นท่ไี ม่มีโอกาส
ไดเ้ ตรยี มตวั

หลกั การนี้ คือ หลกั การพฒั นาท่ีแทจ้ รงิ การพฒั นาท่ีแทต้ อ้ งเรม่ิ จากระดบั ฐาน ระดบั
ยอ่ ยท่ีสดุ หรอื “ขา้ งใน” ก่อน โดยตอ้ งเรม่ิ พฒั นาหรอื กระทาใด ๆ ใหร้ ะดบั ทงั้ หมดท่ีกลา่ ว
มานนั้ ม่นั คง ยืนอยไู่ ดด้ ว้ ยตนเองในทกุ ๆ ดา้ น ซง่ึ หลกั การนีแ้ ทจ้ รงิ คอื การสรา้ ง “ภมู ิคมุ้ กนั ”
ในตวั เพราะแมภ้ ายนอกมากระทบ แตภ่ ายในเหนียวแนน่ และเขม้ แขง็ ตวั เราและสงั คมของเรา
จะยงั ดารงอยไู่ ดอ้ ย่างม่นั คง

ประชาธิปไตยในชมุ ชน เนน้ การมีสว่ นรว่ มของคนในชมุ ชน

ภายนอก เรยี นรูก้ ารบรหิ ารจดั การ เรยี นรูท้ ่ีจะปกครองตนเอง เรยี นรูส้ รา้ งพลงั หรอื ภายนอก
•ประเทศ ทรพั ยากรชมุ ชน เครอื ข่ายทางเศรษฐกิจ •ประเทศ
ระเบดิ จากขา้ งใน •โลก
•โลก กลมุ่ สหกรณ์
กองทนุ หม่บู า้ น ยงั ไม่
การใชป้ ระโยชน์ เปิดรบั
การสรา้ งมลู ค่าเพ่ิม

กลมุ่ อนรุ กั ษ์

เปิดรบั เรยี นรูว้ ฒั นธรรม เรยี นรูส้ รา้ งพลงั หรอื
เครอื ข่ายทางสงั คม
และภมู ิปัญญาของชมุ ชน

แสดงออก สบื ทอด กลมุ่ ชมรม กลมุ่ พ่อแม่ กลมุ่ เยาวชน กลมุ่ พลงั สขุ ภาพ

ถ้าพร้อม เตรียมความพร้อม + ความแข็งแกร่ง ถ้ายังไมพ่ ร้อม
ใหก้ บั สังคมระดบั รากฐาน-ชุมชน

แผนภาพแสดงหลกั การระเบดิ จากขา้ งใน

3. ตวั อยา่ งของการรวมกลุ่มทป่ี ระสบความสาเร็จ
ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของชุมชน

ชุมชนบ้านบอ่ ลูกรัง

ประวตั กิ ารกอ่ ตงั้ ชุมชน
ขอ้ มลู จากการสมั ภาษณผ์ สู้ งู อายใุ นชมุ ชนบา้ นบอ่ ลกู รงั พบวา่ ชมุ ชนบา้ นบอ่ ลกู รงั
ตาบลคลองหนิ ปนู อาเภอวงั นา้ เย็น จงั หวดั สระแกว้ เรม่ิ เกิดขนึ้ ในชว่ งประมาณ พ.ศ. 2512 โดย
เรม่ิ จากคนในจงั หวดั อ่นื ยา้ ยถ่ินฐานเขา้ มา ดว้ ยความตอ้ งการหาแหลง่ ท่ดี นิ ทากินท่ีมีความอดุ ม
สมบรู ณ์ ภายหลงั จงึ ไดม้ ีการชกั ชวนเครอื ญาติหรอื คนรูจ้ กั ใหเ้ ขา้ มาอยอู่ าศยั และซือ้ ท่ีดิน ทาให้
เกิดเป็นชมุ ชนบา้ นบอ่ ลกู รงั ท่ีรวมกนั อยเู่ ป็นสงั คมชมุ ชนเชน่ ในปัจจบุ นั

ลักษณะทางกายภาพ
ลกั ษณะทางภมู ิศาสตรข์ องชมุ ชนบา้ นบอ่ ลกู รงั มีสภาพพืน้ ท่ีเป็นภเู ขาสลบั กบั ท่ีราบ
ใน พ.ศ. 2549 มีจานวนประชากรตามทะเบียนบา้ น 200 หลงั คาเรอื น แตอ่ ยจู่ รงิ ในหมบู่ า้ น
149 หลงั คาเรอื น และมีจานวนประชากรทงั้ หมด 768 คน อยจู่ รงิ 293 คน สว่ นการประกอบ
อาชีพนนั้ อาชีพหลกั ของชมุ ชนบา้ นบอ่ ลกู รงั คอื การทาไรข่ า้ วโพด และการทาเกษตรกรรม
ประเภทอ่นื ๆ

สภาพปัญหาของชุมชนบา้ นบอ่ ลูกรัง
ปัญหาของชมุ ชนบา้ นบอ่ ลกู รงั มีประเดน็ ปัญหาหลายดา้ น โดยเฉพาะปัญหาทาง
เศรษฐกิจท่ีมีความสาคญั ตอ่ การพฒั นาชมุ ชน โดยมากเกิดจากปัญหา 3 ดา้ น ดงั นี้

1. ปัญหาท่ีดินทากิน กรมป่าไมไ้ ดม้ าซอื้ พืน้ ท่ีทางตอนใตข้ องชมุ ชนไวเ้ ป็นท่ีสงวน
ทงั้ อาเภอวงั นา้ เย็นถกู กรมป่าไมค้ มุ ปลกู ป่าหมด และไมไ่ ดม้ าแจง้ ใหช้ าวบา้ นทราบกอ่ น
สว่ นใหญ่จะเป็นพืน้ ท่ีราบ ประชากรในหมบู่ า้ นมีจานวนไมม่ าก ชาวบา้ นไมม่ ีท่ที ากินและ
ไดย้ า้ ยเขา้ ไปอยใู่ นป่าลกึ กวา่ เดิม โดยไดเ้ รม่ิ เขา้ ยดึ พืน้ ท่ีทากินตงั้ แต่ พ.ศ. 2520 ก่อนท่ีป่า
สงวนจะเขา้ มายดึ ก็เรม่ิ มีใบภาษีบารุงทอ้ งท่แี ลว้ ตอ่ มาใน พ.ศ. 2530 เป็นตน้ ไป เรม่ิ มี
การออกเอกสารสิทธิ พืน้ ท่ีจานวน 250 ไร่ เป็นของป่าไมจ้ านวน 100 ไร่ ของนายทนุ
100 ไร่ ท่ีเหลือ 50 ไร่ เป็นของประชาชน

2. ปัญหานายทนุ ปลอ่ ยเงนิ กแู้ ละปัญหาหนีส้ นิ เกิดจากการท่นี ายทนุ ปลอ่ ยเงินกู้
ใหแ้ ก่ชาวบา้ นเพ่ือมาทาไรข่ า้ วโพด แลว้ นาขา้ วโพดท่ีปลกู มาจา่ ยดอกกบั นายทนุ รอ้ ยละ
5-6 ถงั /ปี สิน้ ปีท่ขี ายขา้ วโพดเหลอื บา้ ง ไมเ่ หลือบา้ ง นายทนุ จะเกบ็ เป็นปี หนีส้ นิ เกิดจาก
ผลผลติ ท่ไี ดไ้ ม่สมดลุ และมีภาระคา่ ใชจ้ ่ายมากขนึ้ ตอ่ มาไดม้ ีการจดั ตงั้ ธนาคารเพ่ือ
การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร (ธ.ก.ส.) ซง่ึ ธนาคารไดป้ ลอ่ ยเงินกโู้ ดยการท่ีประชาชน
เขา้ ไปเป็นลกู คา้ ของ ธ.ก.ส. แลว้ ไดไ้ ปกเู้ งินกบั ธนาคาร ดอกเบยี้ ก็ถกู ลง ตดั ปัญหาของ
นายทนุ และหนีน้ อกระบบไดบ้ า้ ง แตช่ าวบา้ นกเ็ ป็นหนี้ ธ.ก.ส. แทน

3. ปัญหาจากภยั ธรรมชาติและศตั รูพืช ต๊กั แตนปาทงั กา คือศตั รูพืชท่ีทาให้
ผลผลติ ทางการเกษตร เช่น ขา้ วโพด มะพรา้ ว ออ้ ย ถ่วั ลสิ ง ถ่วั เขียว และขา้ วฟ่ างเสียหาย
แตป่ ัญหานีไ้ ดร้ บั การแกไ้ ขโดยการจดั ตงั้ ศนู ยต์ ๊กั แตนเพ่ือใชย้ าในการปราบศตั รูพืช

กลา่ วโดยสรุป ปัญหาสว่ นหน่งึ เกิดจากการกาหนดพืน้ ท่ีของรฐั โดยไม่
สอดคลอ้ งกบั คนในชมุ ชน ซง่ึ ตอ้ งใชพ้ ืน้ ท่ีเพ่ือการดารงชีวิตและทากิน สว่ นปัญหาหนีส้ นิ
เกิดจากระบบการกใู้ นแบบเดิม คือ กนู้ อกระบบ ท่ีมีระบบผอ่ นชาระท่ไี มส่ อดคลอ้ งกบั
วิถีการดาเนินชีวติ และการประกอบอาชีพของคนในชมุ ชน และปัญหาจากภยั ธรรมชาติ
ทงั้ ความแหง้ แลง้ ศตั รูพืชท่ีสรา้ งความเสียหายตอ่ ภาคเกษตรกรรม

จากปัญหาตา่ ง ๆ เป็นตน้ เหตแุ ละแรงผลกั ดนั สาคญั ใหผ้ นู้ าชมุ ชนและชาวบา้ น
รว่ มกนั คน้ หาแนวทางในการแกป้ ัญหา การแกป้ ัญหาแบบมีสว่ นรว่ มและการจดั ทาขอ้ มลู
ชมุ ชนก็เป็นองคป์ ระกอบหน่งึ ท่ีเป็นเสมือนจดุ เรม่ิ ในการชกั นาชาวบา้ นใหเ้ ขา้ มา
มีสว่ นรว่ มในการดาเนินกิจกรรมตา่ ง ๆ และแกป้ ัญหาในชมุ ชน

แนวคดิ ของชุมชนบา้ นบอ่ ลูกรังในการจดั ทาศูนยข์ ้อมูลชุมชน
เพอ่ื การพฒั นาทยี่ ่งั ยนื

1. แนวทางในการแกป้ ัญหาดา้ นตา่ ง ๆ ของชมุ ชนสว่ นใหญ่จะผา่ นการพดู คยุ ปฏิบตั ิ
แตเ่ ม่ือพดู คยุ เสรจ็ สิน้ กจ็ ะลืม ชมุ ชนจงึ ไดม้ ีแนวคดิ ในการจดั เก็บขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั
นอกจากนีย้ งั สามารถรวบรวมภมู ิปัญญาดา้ นตา่ ง ๆ เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั เช่น เรอ่ื งวถิ ีการเกษตร
การประกอบอาชีพ แมก้ ระท่งั เรอ่ื งการกเู้ งิน หากมีขอ้ มลู ชมุ ชนสามารถตรวจสอบไดว้ า่ ทา
ธรุ กรรมทางการเงินอยา่ งไร ทาอะไร และมีหลกั ฐานยืนยนั ท่ีแนช่ ดั

2. ชมุ ชนบา้ นบอ่ ลกู รงั มีโอกาสไดไ้ ปศกึ ษาเรยี นรูช้ มุ ชนอ่ืน ๆ ท่ีประสบความสาเรจ็
อาทิ ชมุ ชนบา้ นสามขา ท่จี งั หวดั ลาปาง โดยความช่วยเหลือของศนู ยก์ ารศกึ ษานอกโรงเรยี น
จงั หวดั สระแกว้ ซง่ึ ชมุ ชนท่ีชมุ ชนบา้ นบอ่ ลกู รงั ไดไ้ ปเรยี นรูน้ นั้ มีการจดั ทาธนาคารสมอง
มีระบบคอมพิวเตอรบ์ า้ นสามขาซง่ึ ตงั้ อยใู่ นพืน้ ท่ีหา่ งไกล แตเ่ ยาวชนในชมุ ชนสามารถ
ใชข้ อ้ มลู จากเทคโนโลยีทนั สมยั ได้

3. มีพนั ธมติ รทางการสรา้ งความรว่ มมือและสนบั สนนุ ชมุ ชน
4. ชมุ ชนมีทมี งานและคณะทางานชมุ ชนท่ีเขม้ แขง็

เหตุผลในการจดั ทาศนู ยข์ ้อมูลชุมชนบา้ นบอ่ ลูกรัง
1. เพ่ือเป็นการสืบคน้ เรอ่ื งราวตา่ ง ๆ ท่ีชมุ ชนมคี วามตอ้ งการจะเรยี นรู้ ควรรูแ้ ละ
ตอ้ งรู้ ส่งิ ท่ีชมุ ชนอยากรู้ เชน่ ประวตั ิการก่อตงั้ หมบู่ า้ น ซง่ึ หากไมม่ ีการสืบคน้ ขอ้ มลู เหลา่ นี้
จะสญู หายไป ลกู หลานในชมุ ชนจะไมม่ ีใครไดร้ บั รู้ รวมถงึ ภมู ิปัญญาเกา่ แกท่ ่ีมีอยกู่ ็จะ
สญู หายไปจากชมุ ชนดว้ ย
2. เป็นการสรา้ งกระบวนการเรยี นรูใ้ หก้ บั ชมุ ชน เม่ือนาเยาวชนช่วยสืบคน้
มีสว่ นรว่ มกบั คณะทางานในหมบู่ า้ น จะเป็นการฝึกฝนความสามารถในการทางานใหแ้ ก่
ชมุ ชนใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และเป็นแนวทางท่จี ะทาใหค้ นรุน่ ใหมผ่ กู พนั กบั ชมุ ชน
และไมถ่ กู กระบวนการพฒั นาอ่นื ๆ พรากลกู หลานของชมุ ชนไปจากชมุ ชน

3. สะดวกตอ่ การคน้ หาและจดั เก็บขอ้ มลู เพราะนาโปรแกรมสาเรจ็ รูปมาใช้
4. เป็นเครอ่ื งมือและนวตั กรรมการพฒั นาชมุ ชนบนฐานความรู้ คอื ฐานขอ้ มลู ท่ี
ชมุ ชนออกแบบรว่ มกนั กบั เครอื ขา่ ยคณะทางานและสรา้ งขนึ้ เพ่ือใชง้ าน
5. มีฐานขอ้ มลู ชมุ ชนสาหรบั เป็นแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาชมุ ชน
6. นาฐานขอ้ มลู มาวเิ คราะหถ์ งึ การแกป้ ัญหาความยากจน
7. นาไปสกู่ ารอา้ งสื่อสาธารณะในชมุ ชน เชน่ หนงั สอื ถอดบทเรยี นชมุ ชน
8. เยาวชนไดเ้ รยี นรูเ้ รอ่ื งการประกอบเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ และอบรมการใชโ้ ปรแกรม
ฐานขอ้ มลู

9. มีผสู้ บื ทอดการเรยี นรูใ้ นชมุ ชน คอื เยาวชนคนรุน่ ใหมท่ ่ีมีสว่ นรว่ มในการทางาน
10. ยกระดบั การพฒั นาศนู ยก์ ารเรยี นรู้ เชน่ จากกองทนุ หมบู่ า้ นมาเป็นการจดั ตงั้
ธนาคารหมบู่ า้ น
11. สื่อความหมายไดช้ ดั เจนและรวดเรว็ ซง่ึ ความหวงั ของชมุ ชนบา้ นบอ่ ลกู รงั คอื การ
จดั ทา Website บา้ นบอ่ ลกู รงั
12. ชมุ ชนควรมีขอ้ มลู ของตนเอง
13. มีขอ้ มลู มีแนวทางและสิ่งท่ีคาดหวงั ของชมุ ชน คือ ชมุ ชนพง่ึ ตนเองแบบย่งั ยืน

กระบวนการเร่ิมตน้ หรือการก่อรูปขององคก์ รชุมชนเพอื่ จัดทาข้อมูลชุมชน
ชองชุมชนบา้ นบอ่ ลูกรัง

ผนู้ าชมุ ชนถือไดว้ า่ เป็นสว่ นสาคญั ตอ่ การชกั ชวนสรา้ งความเขา้ ใจกบั ชาวบา้ น
เก่ียวกบั การทาขอ้ มลู ชมุ ชน ในสว่ นบา้ นบอ่ ลกู รงั ผใู้ หญ่บา้ นไดม้ ีโอกาสประชมุ และรบั ทราบ
เรอ่ื งแนวความคิดในการจดั ทาขอ้ มลู ชมุ ชน หลงั จากนนั้ จงึ ไดจ้ ดั ประชมุ และอธิบายถงึ ท่ีมา
แนวความคดิ โครงสรา้ ง กระบวนการ และประโยชนท์ ่ีจะไดร้ บั จากการทาขอ้ มลู ชมุ ชน ซง่ึ
สามารถใชเ้ ป็นฐานขอ้ มลู ในการชว่ ยเหลอื หรอื บรรเทาปัญหาตา่ ง ๆ ของชาวบา้ น รวมถงึ
ปัญหาทางเศรษฐกิจในชมุ ชนได้

กระบวนการลงพืน้ ท่ีเพ่ือจดั ทาขอ้ มลู ระดบั ชมุ ชนแบบมีสว่ นรว่ มของชมุ ชน
บา้ นบอ่ ลกู รงั ไดม้ ีการดาเนินงานหลงั จากท่ีผนู้ าชมุ ชนไดป้ ระสานความเขา้ ใจและทา
ประชาคมรว่ มกบั ชาวบา้ น โดยคณะทางานไดร้ ว่ มกนั จดั เก็บขอ้ มลู ไดแ้ ก่ บรบิ ทชมุ ชน
ซง่ึ ประกอบดว้ ย ประวตั ศิ าสตรห์ มบู่ า้ น สภาพทางกายภาพ ปัญหา อปุ สรรคและสาเหตุ
แผนการพฒั นาหมบู่ า้ น และสถานภาพทางการเงนิ เชน่ รายรบั -รายจ่ายตอ่ เดือน
ภาระหนีส้ ิน เงินออมตอ่ เดือน และมลู คา่ โดยประมาณของทรพั ยส์ ินท่ีไมใ่ ชเ่ งิน เช่น ววั
ควาย ท่ีดนิ บา้ น

การจดั เกบ็ ขอ้ มลู ของกลมุ่ และองคก์ รในชมุ ชน เช่น ประเภทของกลมุ่ กิจกรรม
สถานะทางการเงนิ และหนว่ ยงานท่ีใหก้ ารสนบั สนนุ รวมถึงทิศทางหรอื นโยบาย
การพฒั นากลมุ่ ในอนาคต มีการถอดบทเรยี นของกลมุ่ เชน่ ถอดบทเรยี นกองทนุ หมบู่ า้ น


Click to View FlipBook Version