ค่มู ือบุคลากร
มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย
ปี พ.ศ. 2563
ฝา่ ยวเิ คราะห์งานบุคคล
กองกลาง สานกั งานอธิการบดี
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
คานา
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นสถาบันทางการศึกษาท่ีมุ่งผลิตบัณฑิต โดยเฉพาะ
ด้านพระพุทธศาสนา ให้เป็นท่ียอมรับและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ทั้งน้ีจะต้องอาศัยความร่วม
แรงร่วมใจของบุคลากร ซ่ึงถือเป็นปัจจัยสาคัญในการผลักดัน และขับเคล่ือนให้มหาวิทยาลัยฯ มี
ความกา้ วหน้า และทัดเทียมกับสถาบนั การศกึ ษาทม่ี ีคุณภาพมาตรฐานอน่ื ๆ ทัง้ ในและตา่ งประเทศ
บุคลากรของมหาวิทยาลัยฯ มีสถานภาพที่หลากหลาย กล่าวคือเป็นพระภิกษุ แม่ชี และ
คฤหัสถ์หญิง-ชาย ซ่ึงถือเป็นลักษณะเฉพาะและโดดเด่น มีการประสานสัมพันธ์และสร้างสรรค์
ภาระงานต่างๆ ร่วมกัน ภายใต้ระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ และประกาศต่างๆ เพ่ือความเป็น
เอกภาพและความเป็นน้าหน่ึงใจเดียวกัน ซ่ึงจะทาให้มหาวิทยาลัยฯ สามารถดาเนินไปได้ด้วยดี
และสาเร็จตามวัตถุประสงค์ ฉะน้ัน เพื่อให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยฯ ได้ทราบถึงแนวปฏิบัติ กฎ
ระเบียบ หรือกฎเกณฑ์ต่างๆ จึงได้จัดทาคู่มือบุคลากรฉบับนี้ข้ึน เพื่อให้บุคลากรได้ทราบถึงแนว
ปฏิบตั ิต่างๆ รวมถงึ สิทธิประโยชนท์ ่ีจะพึงได้รับ อนั จะก่อให้เกิดความเข้าใจ และนาไปสู่การปฏิบัติ
ไดอ้ ย่างถูกต้องและเป็นไปในทศิ ทางเดยี วกัน
หวังเป็นอย่างย่ิงว่า คู่มือฉบับน้ีจะอานวยประโยชน์ให้แก่บุคลากรของมหาวิทยาลัยฯ ได้
ตามสมควร
ฝา่ ยวิเคราะห์งานบุคคล
มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย
เมษายน 2563
สารบัญ หนา้
บทที่ 1 บทนา 1-6
ประวตั มิ หาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย
ปรัชญา ปณิธาน วสิ ยั ทศั น์ พันธกจิ และวัตถปุ ระสงค์ 7-11
อตั ลักษณ์ เอกลกั ษณ์ ศาสนสุภาษติ สี ตน้ ไม้ คติพจน์ ตราสัญลกั ษณ์ 12-15
16-17
บทที่ 2 โครงสรา้ งและหน่วยงาน 18-22
23-25
บทท่ี 3 การแตง่ กาย และเคร่ืองแบบบุคลากร 26-27
28-30
บทที่ 4 การทาบัตรประจาตวั เจา้ หน้าที่ของรฐั 31-36
บทท่ี 5 วัน เวลา ทางาน วันหยดุ การทางานล่วงเวลา และการลา 37-41
บทท่ี 6 การประเมินผลการปฏบิ ัติงาน 42-43
บทท่ี 7 การเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์
บทที่ 8 การขอกาหนดตาแหนง่ ทางวิชาการ
บทท่ี 9 สวสั ดกิ ารและสทิ ธิประโยชน์
- การเบิกค่ารักษาพยาบาล
- การลาศึกษาต่อ และขอทนุ บุคลากรเพื่อการศึกษาต่อ
- การเบิกค่าเล่าเรยี นบุตร
- เงินชดเชย
- กองทุนเงนิ สะสมของบุคลากร
บทที่ 10 วนิ ยั การรกั ษาวนิ ยั และเกณฑ์การลงโทษทางวินัย
การรอ้ งทกุ ข์ การอุทธรณ์ และการออกจากงาน
เอกสารอา้ งอิง
ภาคผนวก
ขอ้ บงั คับ ข้อกาหนด กฎ ระเบียบ ประกาศ พระราชบัญญัติ กฎกระทรวง
ท่เี กีย่ วข้องกับการจดั ทาหนังสอื
คู่มอื บุคลากร มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลัย 1
บทท่ี 1
บทนา
ประวัติมหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลยั
ประวตั คิ วามเป็ นมาของมหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั อาจจาแนกตามระยะเวลาท่ีได้ พั
ฒนามา จนถงึ ปจั จุบัน (พ.ศ. 2563) ได้ 3 ยุค ดงั น้ี
ยุคท่ี 1 : ยคุ เปน็ วิทยาลยั (พ.ศ. 2436-2488)
“มหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย” เดิมเป็นวิทยาลัยเรยี กวา่ “มหามกุฏราชวทิ ยาลัย” ได้รบั การ
สถาปนา (จัดต้ัง) ขึ้นโดยพระบรมราชานุญาตในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 5 เม่ือ
วันท่ี 1 ตุลาคม พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 122) ซ่ึงเป็นวันคล้ายกับวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลท่ี 4 และได้พระราชทานนามว่า “มหามกุฏราชวิทยาลัย” เพ่ือถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์เฉลิม
พระเกยี รติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ผู้ทรงเป็นปราชญท์ างพระพทุ ธศาสนาท่ีสาคญั พระองค์
หนึ่งของไทยและทรงตง้ั วัตถุประสงค์ของการสถาปนา “มหามกุฏราชวิทยาลัย” ไว้ตอนหนึ่งว่า “เพ่ือเป็นที่
เล่าเรียนศึกษาพระปริยัติธรรมของภิกษุสามเณร” ดังแจ้งความของกระทรวงธรรมการ ลงวันท่ี 23
กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 10 หนา้ 526
คมู่ อื บุคลากร มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย 2
ยคุ ที่ 2 : ยคุ เปน็ มหาวทิ ยาลัยพระพุทธศาสนา (พ.ศ. 2488 – 2540)
ในยคุ นีเ้ ริ่มจากปี พ.ศ. 2488 โดยกรรมการมหาวทิ ยาลยั ซง่ึ มีสมเด็จพระสงั ฆราชเจ้ากรมหลวง วชริ
ญาณวงศ์ ขณะทรงดารงพระสมณศกั ดเิ์ ปน็ สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นนายกกรรมการ ได้มมี ตใิ ห้จัดต้ัง
มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาขึ้น เรียกว่า “สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา
แห่งประเทศไทย” กล่าวได้ว่า มหามกุฏราชวิทยาลัยพัฒนาขึ้นเป็น “มหาวิทยาลยั พระพุทธศาสนา” เป็นไป
ตามที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิราญาณวโรรส ทรงพระดาริไว้เมื่อคร้ังท่ีพระองค์ยังทรงพระ
ชนมอ์ ยู่ และได้เปดิ ทาการสอนในรูปแบบของมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา เมอื่ วันท่ี 16 กนั ยายน พ.ศ.
2489 และมวี ัตถุประสงค์ตามที่สมเดจ็ พระสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงตัง้ ไว้ 3 ประการ คอื
(1) เพื่อเปน็ สถานทศี่ กึ ษาพระปรยิ ัติธรรมของสงฆ์
(2) เพื่อเปน็ สถานทีศ่ ึกษาวิทยา ซึง่ เปน็ ของชาตภิ ูมิและต่างประเทศแห่งกลุ บตุ รทง้ั หลาย
(3) เพอ่ื เปน็ สถานทจ่ี ดั ส่ังสอนพระพุทธศาสนา
ค่มู ือบคุ ลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั 3
จากวตั ถปุ ระสงคด์ ังกล่าวนี้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ สมเดจ็ พระสมณเจ้าฯ ทรงมพี ระดาริในเร่ืองการศึกษาที่
กว้างไกล ทรงเห็นพระภิกษุสามเณรน้ันควรจะได้ศึกษาท้ังความรู้ทางพระศาสนาและความรู้อ่ืน ๆ ท่ีจะเป็น
ประโยชน์ต่อการดาเนนิ ชวี ิตอยใู่ นสังคม ซง่ึ ทรงเรียกว่า “วิทยา” อันเปน็ ของชาตภิ มู แิ ละตา่ งประเทศ เพราะ
ความรู้ดังกล่าวนี้ แม้จะไม่เป็นประโยชน์ต่อการพระศาสนาโดยตรง แต่ก็จะเป็นสื่อกลางและปัจจัย
เก้ือหนนุ ตอ่ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาท้ังในระดับชาติและนานาชาติ และเป็นประโยชน์ตอ่ บา้ นเมอื ง ไม่ว่า
พระภิกษสุ ามเณรนน้ั ยังคงอยใู่ นสมณเพศ หรอื ลาสกิ ขาออกไปเปน็ พลเมืองของชาติ
ในยุคท่ี 2 (ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2516) เมื่อนักศึกษาเพิ่มมากขึ้น มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั จึง
ได้ขยายการศึกษาจากส่วนกลางออกสู่ส่วนภูมิภาค โดยจัดตั้งเป็นวิทยาเขต 7 แห่ง และวิทยาลัย 1 แห่ง
รวมเป็น 8 แหง่ คอื
(1) วทิ ยาเขตมหาวชริ าลงกรณราชวิทยาลยั ตงั้ อยู่ที่ จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา
(2) วิทยาเขตสิรินธรราชวทิ ยาลัย ตง้ั อยู่ที่ จงั หวัดนครปฐม
(3) วทิ ยาเขตอสี าน ตั้งอยทู่ ่ี จังหวัดขอนแกน่
(4) วทิ ยาเขตลา้ นนา ตั้งอยทู่ ่ี จงั หวัดเชยี งใหม่
(5) วทิ ยาเขตศรธี รรมโศกราช ต้งั อยู่ท่ี จังหวัดนครศรีธรรมราช
(6) วิทยาเขตรอ้ ยเอด็ ตง้ั อยู่ที่ จงั หวดั รอ้ ยเอ็ด
(7) วทิ ยาเขตศรลี า้ นชา้ ง ตั้งอยู่ที่ จงั หวดั เลย
(8) มหาปชาบดีเถรีวทิ ยาลยั ในพระสงั ฆราชปู ถมั ภ์ ต้งั อย่ทู ่ี จงั หวัดนครราชสมี า
คร้ังต่อมาในปี พ.ศ. 2530 มหาวิทยาลัยได้ตระหนักว่าวิชาการทางพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งจาเป็นและมี
ความสาคัญอย่างยิ่งต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาจาเป็นต้องมีความรู้ความสามารถ
ในการสอนธรรมะทีท่ นั สมัย และทันตอ่ ความเปลี่ยนแปลงของสงั คมโลกและวิทยาการด้านต่าง ๆ จงึ อนุมัติให้
เปิดดาเนินการจัดตั้งโครงการบัณฑิตศึกษาขึ้น เพื่อเปิดสอนในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก เรียกว่า
“บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย” เม่อื วนั ท่ี 25 ธันวาคม พ.ศ. 2530 โดยไดเ้ ปิดสอนระดับ
ปรญิ ญาโทคร้ังแรกเมอื่ วันที่ 3 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2531
ยุคที่ 3 : ยคุ เปน็ มหาวทิ ยาลัยของรัฐ (พ.ศ. 2540 – ปัจจุบนั )
มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา อันมีนามว่า “สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย” ได้พัฒนามา
เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ได้นามใหม่ว่า “มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย” โดยพระบาทสมเด็จพระ
ปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงมพี ระราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ให้จดั ต้ังมหาวทิ ยาลยั มหามกุฏ
ราชวิทยาลัย จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติข้ึนเรียกว่า “พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
พ.ศ. 2540” กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย” จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็น
นิติบุคคล และเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ มีวัตถุประสงค์ในการให้การศึกษาท่ีกว้างกว่าเดิม คือ “ให้การศึกษา
คมู่ อื บคุ ลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 4
วิจัย ส่งเสริมและให้บริการทางวิชาการพระพุทธศาสนาแก่พระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ รวมท้ังทานุบารุง
ศลิ ปวัฒนธรรม” (มาตรา 6)
ในยุคที่ 3 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยเปิดการสอนในระดับปรญิ ญาเอกเป็นครั้งแรกเมื่อวนั ท่ี
10 ธันวาคม พ.ศ. 2548 และในปี พ.ศ. 2549 ได้ขยายการศึกษาจากวิทยาเขตร้อยเอด็ โดยจดั ตงั้ เป็น
วิทยาลัยเพ่ิมอีก 2 แห่ง คือ (1) วิทยาลัยศาสนศาสตร์เฉลิมพระเกียรติกาฬสินธุ์ ต้ังอยู่ที่ จังหวัด
กาฬสินธุ์ และ (2) วทิ ยาลยั ศาสนศาสตรย์ โสธร ตั้งอยู่ทจ่ี ังหวดั ยโสธร
ปัจจุบัน (พ.ศ. 2557) มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มีอายุได้ 121 ปี (พ.ศ. 2436-2557)
เปิดสอนตามหลักสูตรสาขาวิชาต่าง ๆ ต้ังแต่ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกและมีคณะวชิ า
5 คณะ คือ (1) คณะศาสนาและปรัชญา (2) คณะมนุษยศาสตร์ (3) คณะศึกษาศาสตร์ (4) คณะ
สังคมศาสตร์ และ (5) บณั ฑิตวทิ ยาลัย
ปรัชญา ปณธิ าน วิสยั ทัศน์ พันธกจิ และวตั ถุประสงค์
1. ปรัชญา (Philosophy) “ความเปน็ เลศิ ทางวิชาการตามแนวพระพุทธศาสนา”
Academic Excellence based on Buddhism
2. ปณธิ าน (Aspiration)
มุ่งเน้นให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผลิตบัณฑิตให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการตามแนวพระพุทธศาสนา
พัฒนากระบวนการดารงชีวิตในสังคมด้วยศีลธรรม ช้ีนาและแก้ปัญหาสังคมด้วยหลักพุทธธรรมทั้งใน
ระดับชาติและนานาชาติ
3. วิสยั ทัศน์ (Vision Statements)
เป็นสถาบันอุดมศกึ ษาท่ีผลิตบัณฑติ ซึ่งมคี วามเปน็ เลศิ ดา้ นพระพทุ ธศาสนาระดบั นานาชาติ
4. พันธกิจ (Mission Statements)
ใหก้ ารศึกษา วิจยั สง่ เสริมและให้บรกิ ารวชิ าการทางพระพุทธศาสนาแก่พระภกิ ษุ สามเณร และ
คฤหสั ถ์ รวมทั้งการทานบุ ารุงศลิ ปวฒั นธรรม
5. วตั ถปุ ระสงคห์ ลัก (Objectives)
1. ผลิตบัณฑิต ให้มคี วามเป็นเลศิ ทางวชิ าการพระพทุ ธศาสนาในระดับชาตแิ ละนานาชาติ
2. ผลิตบัณฑิต ใหเ้ ปน็ คนดี คือ คดิ ดี พดู ดี และทาดี ตามแนวทางแห่งพระพุทธศาสนา
3. บริการวิชาการทางพระพุทธศาสนาแก่สังคมให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นประจักษ์ชัดเจน ต่อ
สังคมไทยและสังคมโลก
4. ผลิตบัณฑิตเป็นผู้นา เพื่อสร้างสังคมไทยให้มีความเข้มแข็งทางสังคมศาสตร์ และมีคุณภาพท้ัง
ดา้ นความร้แู ละความประพฤติ
5. ผลิตบัณฑิตเป็นผู้นา เพ่ือสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งภูมิปัญญา การเรียนรู้ และเป็น
ศนู ย์กลางทางวิชาการพระพุทธศาสนาเถรวาท
คมู่ อื บุคลากร มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย 5
มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย Mahamakut Buddhist University
ชือ่ ย่อ : มมร / MBU
อตั ลกั ษณข์ องมหาวิทยาลัย :
บัณฑิตมีความรอบรู้ในหลักพระพุทธศาสนาและสามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่สังคมใน
ระดบั ชาตหิ รอื นานาชาติ
เอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัย :
บรกิ ารวิชาการพระพุทธศาสนาแกส่ ังคมในระดับชาตหิ รือนานาชาติ
ศาสนสภุ าษิตประจามหาวทิ ยาลัย :
วิชฺชาจรณสมปฺ ณโฺ น โส เสฏฺโฐ เทวมานเุ ส
(ผูส้ มบรู ณด์ ้วยความรู้และความประพฤติ เป็นผู้ประเสริฐในหมู่เทพและมนษุ ย์)
สีประจามหาวิทยาลยั :
สีส้ม หมายถึง สีประจาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งตรงกับ
วนั พฤหัสบดี อนั เปน็ วนั พระราชสมภพ
ตน้ ไมป้ ระจามหาวิทยาลยั :
ต้นโพธิ์ เป็นทตี่ รสั รขู้ ององคส์ มเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา้
คตพิ จน์ประจามหาวิทยาลัย :
ระเบียบ สามคั คี บาเพ็ญประโยชน์
ตราสัญลกั ษณ์
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มีตราสัญลักษณ์ซ่ึงประกอบด้วย สัญลักษณ์ 9 ประการ
ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. พระมหามงกุฎและอุณาโลม หมายถงึ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รัชกาลท่ี 4 พระผ้ทู รงเปน็ ท่ีมา
แหง่ นาม “มหามกฏุ ราชวิทยาลยั ”
2. พระเก้ียวประดิษฐานบนหมอนรอง หมายถึง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
พระผูพ้ ระราชทานพระบรมราชานุญาตใหจ้ ัดต้ัง “ มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั ”
3. หนังสือ หมายถึง คัมภรี ์และตาราทางพระพทุ ธศาสนา เพ่อื การศึกษาค้นคว้าและเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ค่มู ือบคุ ลากร มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 6
4. ปากกาไก่ ดินสอ และม้วนกระดาษ หมายถึง อุปกรณ์ในการศึกษาเล่าเรียน การพิมพ์เผยแพร่คัมภีร์
และการผลิตตาราทางพระพุทธศาสนา เพราะมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ท้งั
สถาบนั การศึกษาและแหลง่ ผลติ ตาราทางพระพุทธศาสนา
5. ช่อดอกไม้แย้มกลีบ หมายถึง ความเบ่งบานแห่งสติปัญญาและวิทยาการในทางพระพุทธศาสนา และ
หมายถงึ กิตติศัพท์กติ ตคิ ณุ ท่ีฟุ้งขจรไปดุจกลน่ิ หอมแหง่ ดอกไม้
6. ธงชาติไทย หมายถึง อุดมการณ์ของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยท่ีมุ่งพิทักษ์สถาบันหลักท้ัง 3
คือชาตไิ ทย พระพทุ ธศาสนา และพระมหากษตั ริย์
7. พานรองรับหนังสือหรือคมั ภีร์ หมายถึง มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัยเป็นสถาบันเพอื่ ความมั่นคง
และแพรห่ ลายของพระพุทธศาสนา
8. วงรัศมี หมายถึง แสงสว่างแห่งปัญญา วิสุทธิ สันติและกรุณา ท่ีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยมุ่ง
สาดส่องไปทัว่ โลก
9. มหามกุฏราชวิทยาลัย หมายถึง มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อันเป็นสถาบันการศึกษาทาง
พระพุทธศาสนาระดับอุดมศกึ ษา
คูม่ อื บคุ ลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย 7
บทที่ 2
โครงสรา้ งและหน่วยงาน
โครงสรา้ งองคก์ ารและโครงสร้างการบรหิ าร
โครงสร้างองค์การ (โครงสร้างการแบ่งส่วนงาน) หรือโครงสร้างการบริหาร ของมหาวิทยาลัยมหามกุฏ
ราชวิทยาลัย จัดแบ่งตามพระราชบัญญตั ิมหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย พ.ศ. 2540 และเปน็ การจัดตาม
รูปแบบของมหาวิทยาลัยในกากับของรัฐตามความในมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหามกุฏราช
วิทยาลัย พ.ศ. 2540 ท่ีกาหนดให้รัฐมนตรี (กระทรวงศึกษาธิการ) มีอานาจและหน้าที่กากับดูแลโดยทั่วไปซึ่ง
กิจการของมหาวิทยาลัย ใหเ้ ปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงค์ทกี่ าหนดไว้ในมาตรา 6 คอื “มีวัตถปุ ระสงค์ให้การศึกษา
วิจัย ส่งเสริม และให้บริการวิชาการทางพระพุทธศาสนา แก่พระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ รวมทั้งการทานุ
บารงุ ศิลปวฒั นธรรม”
การจัดโครงสร้างและระบบการบริหารมหาวิทยาลัย ในแต่ละหน่วยงานหรือองค์กร มี
ความหมายสอดคล้องกับพระราชบัญญัติมหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย พ.ศ. 2540 ตามความหมายในมาตรา
น้นั ๆ โดยอาจจาแนกองค์กรหรอื หนว่ ยงานหลัก ๆ คอื
(1) สภามหาวิทยาลัย (2) สภาวชิ าการ
(3) สานกั งานอธิการบดี (4) สานักงานวิทยาเขต
(5) บัณฑติ วทิ ยาลยั (6) คณะ
(7) สถาบัน (8) สานัก
(9) ศนู ย์ (10) วิทยาลยั
ซ่ึงการจัดโครงสร้างและระบบการบรหิ ารดังกล่าวน้ี มีรายละเอียดดังปรากฏในหน้าถัดไป อย่างไรก็
ตาม มหาวิทยาลัยอาจมีหน่วยงานท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะสถาบัน สานัก ศูนย์ หรือ
วทิ ยาลัย เพื่อดาเนนิ การตามวัตถปุ ระสงค์ที่ระบไุ วใ้ นมาตรา 6 เปน็ ส่วนงานในมหาวิทยาลยั อีกได้
สานักงานอธิการบดี และสานักงานวิทยาเขต อาจแบ่งส่วนงานเป็นกอง บัณฑิตวิทยาลัยอาจแบ่ง
ส่วนงานเป็นสานักงานคณบดี หรือกอง คณะอาจแบ่งส่วนงานเป็นสานักงานคณบดี ภาควิชาหรือกอง ส่วน
สถาบัน สานัก ศูนย์ หรือวิทยาลัย อาจแบ่งส่วนงานเป็นสานักงานบริหาร กอง หรือหน่วยงานอ่ืนท่ีมี
ฐานะเทยี บเท่า
ค่มู ือบคุ ลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 8
ค่มู ือบคุ ลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 9
ค่มู ือบคุ ลากร มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลยั 10
ค่มู ือบคุ ลากร มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลยั 11
คู่มอื บุคลากร มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั 12
บทท่ี 3
การแต่งกาย และเคร่ืองแบบบคุ ลากร
บุคลากรของมหาวิทยาลัย ท้ังที่เป็นบุคลากรประจา และลูกจ้างจะต้องแต่งกายให้เหมาะสม เพ่ือ
ความเป็นระเบียบ และสุภาพเรียบร้อย ตามประกาศมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เร่ืองการแต่งกาย
ของบคุ ลากรและลูกจ้างเวลาปฏิบตั ิงานปกติในวนั ทาการ ดงั นี้
การแต่งกาย
บรรพชติ น่งุ ห่มเปน็ ปริมณฑล เฉวยี งบา่
คฤหัสถ์ชาย ชุดสากลนิยม หรือเส้ือเชิ้ตคอปก แขนยาว หรือแขนส้ันมีความยาวเหนือศอกแบบ
สุภาพ สีและลวดลายไม่ฉูดฉาด ผ่ากลางตลอดทั้งตัว เม็ดกระดุมพลาสติก กระเป๋าไม่มีฝาปิด ชายเสื้อสอดอยู่
ในกางเกง กางเกงขายาว (ผา้ บูติก) แบบสภุ าพ ขอบเอวมีหสู าหรับสอดรดั เข็มขัด รองเทา้ หุ้มส้นแบบสุภาพ ถุงเท้า
สีสภุ าพ
คฤหัสถ์หญิง เส้ือสีและทรงสุภาพ ไม่รัดรูปและไม่บางจนเกินไป คลุมไหล่ยาวปิดสะเอว คอเส้ือ
จะต้องไม่กว้างหรอื ลึกจนเกินไป และจะต้องเป็นเสือ้ มีแขน กระโปรงหรอื กางเกง (ผ้าบูติก) ทรงแบบสุภาพ สี
และลวดลายไม่ฉูดฉาด ไม่รัดรูปและไม่บางจนเกินไป ชายกระโปรงเสมอกัน และไม่สั้นเหนือเข่า รองเท้าหุ้ม
สน้ หรือรัดส้น แบบสภุ าพ
ในกรณีงานบางประเภทที่ต้องการความคล่องตัวในการทางาน ให้บุคลากรและลูกจ้างแต่งกายอย่าง
อืน่ ใหเ้ หมาะสมกับงานนั้นๆ ได้
เครอ่ื งแบบบุคลากร
ตามระเบียบมหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย วา่ ดว้ ยเคร่อื งแบบบุคลากรมหาวิทยาลยั พ.ศ. 2541
กาหนดให้บุคลากรฝ่ายคฤหัสถ์ของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง มี
เครื่องแบบ 3 ชนิดคือ เครื่องแบบปกติ เครื่องแบบครึ่งยศ และเครื่องแบบเต็มยศ ซ่ึงตามข้อกาหนด
เคร่ืองแบบบุคลากร มหาวิทยาลัยท้ายระเบียบมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วย เคร่ืองแบบ
บุคลากรมหาวทิ ยาลัย พ.ศ. 2541 ได้แสดงรายละเอียดของเครอื่ งแบบแต่ละประเภทไว้ดังน้ี
เครื่องแบบปกติ เคร่ืองแบบปกติแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ เครื่องแบบปกติขาว และเครื่องแบบ
ปกตกิ ากีคอพับ
เครื่องแบบปกติขาว
การแต่งกายเครื่องแบบปกติขาวของบุคลากรชาย ให้ใช้หมวกทรงหม้อตาลสีขาว กะบังหน้า
ทาด้วยหนัง หรือวัตถุเทียมหนังสีดา สายรัดคางสีทอง กว้าง 1 เซนติเมตร มีดุมโลหะสีทองตรามหาวิทยาลัย
มหามกุฏราชวิทยาลัยขนาดเล็ก ติดที่ข้างหมวก ข้างละ 1 ดุม ผ้าพันหมวกสีขาว ท่ีหน้าหมวกติดตรา
คูม่ ือบุคลากร มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 13
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลัย ปักดิ้นทองสูง 4 เซนติเมตร บนหมอนสักหลาดสีขาว ใส่เส้ือแบบราชการ
สีขาว ใช้ดุมโลหะสีทองตรามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยขนาดใหญ่ 5 ดุม ผู้ได้รับพระราชทาน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้ประดับแพรแถบเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ที่อกเส้ือด้านเหนือกระเป๋าบนซ้ายด้วย ให้
ติดตรามหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั ซึ่งทาด้วยโลหะโปร่งสีทองไมม่ ีขอบ สงู 2 เซนตเิ มตร ทค่ี อเส้ือตอน
หนา้ ท้งั สองขา้ ง นงุ่ กางเกงแบบสีขาวขายาว ไม่พบั ปลายขา ใช้รองเทา้ หุม้ ส้นหนงั สีดาชนิดผูก ถงุ เท้าสดี าหรือ
แลว้ แตค่ วามเหมาะสม
การแต่งกายเคร่ืองแบบปกติขาวของบุคลากรหญิง ลักษณะหมวกให้อนุโลมตามแบบหมวก
ของบคุ ลากรชายแต่เป็นทรงอ่อน ใช้เสื้อนอกคอแบะสีขาวแบบคอป้าน แขนยาวถึงข้อมือมตี ะเข็บหลัง 4 ตะเขบ็ ท่ี
แนวสาบมีดุมโลหะสีทอง ตรามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร ดุมมี
กระเป๋าข้างละ 1 กระเป๋า เป็นกระเป๋าเจาะเฉียงเล็กน้อยไม่มีใบปกกระเป๋า และให้ใช้เสื้อคอพับแขนยาวสี
ขาวผูกผ้าคอสีดา เงื่อนกลาสี ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้ประดับแพรแถบ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ท่ีอกเส้ือเบ้ืองซ้าย พร้อมท้ังติดตรามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยซึ่งทาด้วยโลหะ
โปร่งสีทองไม่มีขอบ สูง 2 เซนติเมตร ที่คอเส้ือตอนหน้าท้ังสองข้าง ใช้กระโปรงสีขาว ตรงกลางด้านหลังมีจีบ
พับทบยาวถึงครึ่งน่อง ชายกระโปรงไม่บาน ใช้รองเท้าส้นสูงสีดาปิดปลายเท้า ไม่มีลวดลาย ส้นสูงไม่เกิน 7
เซนติเมตร สวมถุงเทา้ ยาวสีเนือ้
การติดอนิ ทรธนสู าหรบั การแตง่ กายด้วยชดุ ปกติขาว การติดอนิ ทรธนูทง้ั ชายและหญงิ ให้มี
อินทรธนูแข็ง กว้าง 4 เซนตเิ มตร ยาวตามความขาวของบ่า พ้นื สกั หลาดสีส้ม ติดทบั เสื้อเหนือบ่าทัง้ สองข้าง
จากไหลไ่ ปคอ ดา้ นคอปลายมน ติดดุมโลหะทอง ตรามหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั ขนาดเล็ก อินทรธนู
มลี าย ดงั นี้
ระดับ 7 ข้ึนไป มีแถบสีทอง กว้าง 5 มิลลิเมตร เป็นขอบและปักด้ินสีทองลายช่อดอกพุดตาลยาว
ตลอดสว่ นกลางของอนิ ทรธนู
ระดับท่ี 5-6 มีแถบสีทอง กว้าง 1 เซนติเมตร เป็นขอบและปักดนิ้ สีทองช่อดอกพดุ ตาลมีดอก 3 ดอก
เรยี งตามสว่ นยาวของอนิ ทรธนไู มเ่ กิน 3 ใน 4 สว่ นของอนิ ทรธนู
ระดับ 3-4 มีแถบสีทอง กว้าง 1 เซนติเมตร เป็นขอบและปักดิ้นสีทองลายช่อดอกพุดตาลมีดอก 2 ดอก
เรียงตามส่วนยาวของอนิ ทรธนูไม่เกนิ ครึง่ หน่ึงของอนิ ทรธนู
ระดับ 2 มีแถบสีทอง กว้าง 1 เซนติเมตร เป็นขอบและปักดิ้นทองลายช่อดอกพุฒตาลมีดอก 1 ดอก
ไม่เกนิ 1 ใน 4 ส่วนของอินทรธนู
ระดบั 1 มแี ถบสีทองกว้าง 5 มิลลิเมตร ขวางกลาง
คู่มอื บุคลากร มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย 14
เคร่อื งแบบปกตกิ ากคี อพับ
การแตง่ กายแบบปกติกากคี อพบั สาหรับบุคลากรชาย ให้สวมหมวกหม้อตาลสีกากี หรือสีกากี
นวล กะบังหนา้ ทาดว้ ยหนงั หรือวตั ถุเทียมหนงั สีดา สายรดั คางหนงั หรอื วตั ถเุ ทยี มหนังสีดา มีดมุ โลหะสที องตรา
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ขนาดเล็กติดอยู่ข้างหมวก ข้างละ 1 ดุม ผ้าพันหมวกสีกากี ท่ีหน้าหมวก
ตรามหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัยในบวั กระหนก ทาด้วยโลหะสีทอง สูง 6.5 เซนตเิ มตร ใส่เส้ือเชติ้ สีกากี
หรือสีกากีนวลแขนยาวรัดข้อมือ มีดุมท่ีข้อมือข้างละ 1 ดุม หรือแขนสั้นมีกระเป๋าเย็บติดที่หน้าอกเส้ือข้างละ
1 กระเป๋า ที่กระเป๋าเส้ือมีแถบอยู่กลางดิ่งกว้าง 3.5 เซนติเมตร มีใบปกกระเป๋ารูปมนชายกลางแหลม ท่ีปาก
กระเป๋าทั้งสองข้างติดกระดุมข้างละ 1 ดุม สาหรับขัดกับใบปกกระเป๋า ตัวเสื้อผ่าอกตลอด มีสาบกว้าง 3.5
เซนติเมตร ติดดุมตามแนวอกเสื้อ 5 ดุม ระยะห่างกันพอสมควร และติดเครื่องหมายสังกัดท่ีปกคอเสื้อ
ด้านหน้าท้ังสองข้าง ท่ีไหล่เส้ือประดับอินทรธนูสีเดียวกับเสื้อ ยาวตามความยาวของบ่า เย็บติดกับเส้ือเหนือ
บ่าทงั้ สองจากไหล่ไปคอปลายบนดา้ นไหลก่ วา้ ง 4 เซนติเมตร ด้านคอกว้าง 3 เซนตเิ มตร ตอนปลายขัดดมุ ติด
กับตัวเส้ือ ดุมท่ีกล่าวน้ีมีลักษณะเป็นรูปกลมแบน ทาด้วยวัตถุส้ีน้าตาลแก่ แต่ในโอกาสไปงานพิธีหรือเข้าที่
ชุมชน ให้ใช้เสื้อเช้ติ แขนยาว ผูกผ้าผูกคอสดี าเงื่อนหลากสี สอดชายผ้าผูกคอไว้ภายในเสื้อใต้ดมุ เม็ดที่สอง นุ่ง
กางเกงสีกากี หรือสีกากีนวล ไม่พับปลายขา ใช้เข็มขัดทาด้วยด้ายถักสีกากี กว้าง 3 เซนติเมตร หัวเข็มขัดทา
ด้วยโลหะสีทองเป็นรูปเหลี่ยมผืนผ้าทางนอนปลายมนกว้าง 3.5 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตร มีรูปตรา
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย นูนอยู่กลางหัวเข็มขัดไม่มีเข็มสาหรับสอดรูปลายเข็มขัดหุ้มด้วยโลหะสี
ทองกว้าง 1 เซนติเมตร ใสร่ องเทา้ หุ้นสน้ หรอื หุ้มข้อหนังสดี าชนิดผกู ถุงเท้าสดี าหรือแลว้ แตค่ วามเหมาะสม
การแตง่ กายแบบปกตกิ ากคี อพบั สาหรบั บคุ ลากรหญิง
การแต่งกายด้วยชุดกากีคอพับสาหรับบุคลากรหญิง ให้ใช้หมวก เสื้อ กางเกง และเข็มขัด
เช่นเดียวกับบุคลากรชาย ใส่รองเท้าหุ้มส้น หนังสีดาปิดปลายเท้า ไม่มีลวดลาย ถุงเท้าสั้นสีดา และหาก
ต้องการใช้กระโปรง ให้ใช้กระโปรงสีกากีหรือสีกากีนวล ตรงกลางด้านหลังมีจีบพับทบยาวถึงคร่ึงน่อง
ชายกระโปรงไม่บาน ใส่รองเท้าส้นสูงสีดาปิดปลายเท้า ไม่มีลวดลาย ส้นสูงไม่เกิน 7 เซนติเมตร ถุงเท้ายาวสี
เนอ้ื
การติดอินทรธนู สาหรับชดุ กากคี อพับ
การประดับอินทรธนูสาหรับชุดกากีคอพับ ทั้งบุคลากรชายและหญิง ผู้ที่มีระดับ 7 ขึ้นไป มีแถบ
กว้าง 3 เซนติเมตร ติดทางต้นอินทรธนู 1 แถบ และแถบ กว้าง 1 เซนติเมตร ติดเรียงต่อไปอีก 1 แถบ แถบ
บนขมวดเปน็ วงกลม ขนาดวดั เสน้ ผ่าศนู ย์กลางวงใน 1 เซนตเิ มตร
ระดับ 5-6 มีแถบกว้าง 1 เซนติเมตร 3 แถบ แถบบนขมวดเป็นวงกลม ขนาดวัดเส้นผ่าศูนย์กลางวง
ใน 1 เซนติเมตร
ระดับ 3-4 มีแถบกว้าง 1 เซนติเมตร 2 แถบ แถบบนขมวดเป็นวงกลม ขนาดวัดเส้นผ่าศูนย์กลางวง
ใน 1 เซนตเิ มตร
ระดับ 2 มีแถบกว้าง 1 เซนติเมตร 1 แถบ ขมวดเป็นวงกลม ขนาดวัดเส้นผ่าศูนย์กลางใน
1 เซนตเิ มตร
ค่มู อื บุคลากร มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 15
ระดับ 1 มีแถบกว้าง 5 มิลลิเมตร 2 แถบ แถบขมวดเป็นวงกลม ขนาดวัดเส้นผ่าศูนย์กลางวงใน 5
มิลลเิ มตร
แถบดังกล่าวให้ใช้สีเหลืองหรือสีทอง การติดแถบให้ติดตามขวางท่ีต้นอินทรธนู แถบแรกให้ห่างจาก
ต้นอนิ ทรธนู 5 มิลลเิ มตร และแถบต่อไปเว้นระยะหา่ งกัน 5 มิลลเิ มตร
เคร่อื งแบบครึ่งยศ
ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเคร่ืองแบบปกติขาว เว้นแต่กางเกงหรือกระโปรงให้ใช้ผ้า
สกั หลาดหรอื เสริ ์จสดี า ประดับเครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์
เครอ่ื งแบบเตม็ ยศ
ลักษณะส่วนประกอบเช่นเดียวกับเคร่ืองแบบคร่ึงยศ สวมสายสะพายในฤดูร้อน ให้ใช้กางเกงสีขาว
แทนสีดาได้
คมู่ อื บุคลากร มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 16
บทท่ี 4
การทาบตั รประจาตวั เจ้าหน้าทขี่ องรัฐ
บัตรประจาตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย หมายถึงบัตรประจาตัวบุคลากร
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ผู้ซ่ึงได้รับการบรรจุให้ปฏิบัติงานเป็นบุคลากรประจา เป็นเอกสารทาง
ราชการท่ีสาคัญ สามารถใช้ติดต่อราชการเพ่ือแสดงตนท้ังในส่วนงานของมหาวิทยาลัยและส่วนงานอื่นๆ ท้ัง
ภาครฐั และเอกชน นอกจากนย้ี ังสามารถใช้เพอื่ ติดต่อทาธุรกรรมต่างๆ แทนบตั รประชาชนได้อีกด้วย
บัตรประจาตัวเจ้าหน้าท่ีของรัฐมีอายุการใช้งาน 6 ปี นับต้ังแต่วันท่ีออกบัตร และเมื่อบัตรหมดอายุ
ให้บคุ ลากรยน่ื คารอ้ งของทาบัตรประจาตวั เจา้ หน้าทขี่ องรัฐใหม่
การออกบัตรประจาตัวเจ้าหน้าท่ีของรัฐให้บุคลากรที่มีกาหนดเกษียณการทางาน หรือมีอายุงาน
คงเหลือไม่ครบ 6 ปี ตามอายุบัตร ให้กาหนดวันหมดอายุบัตร ณ วันส้ินปีงบประมาณที่บุคลากรครบกาหนด
เกษียณการทางาน
สาหรับการออกบัตรประจาตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐให้แก่บุคลากรท่ีดารงตาแหน่งบริหาร ให้กาหนด วัน
หมดอายุบัตรตามวาระการดารงตาแหนง่ บริหารนน้ั
กรณีที่บุคลากรเปล่ียนชั้นยศ สมณศักด์ิ คานาหน้าชื่อ นามสกุล ตาแหน่งทางวิชาการ ตาแหน่ง
บริหาร สายปฏิบัติงาน และส่วนงานท่ีสังกัด ให้บุคลากรยื่นคาร้องขอทาบัตรประจาตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐใหม่
และยกเลกิ บัตรประจาตัวเดมิ
เมื่อบุคลากรพ้นสภาพการเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัยทุกกรณี ให้ส่งคืนบัตรประจาตัวเจ้าหน้าท่ี
ของรัฐ และยกเลิกการใชง้ านบัตร
การขอทาบตั รประจาตัวเจา้ หน้าทขี่ องรัฐ
บุคลากรท่ีประสงค์จะทาบัตร ให้ติดต่อที่ฝ่ายวิเคราะห์งานบุคคล สานักงานอธิการบดี เพ่ือกรอก
แบบฟอร์มการขอทาบัตรประจาตัวเจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั พรอ้ มรปู ถา่ ยขนาด 1 น้ิว ถึง 1 นว้ิ ครงึ่ จานวน 2 รปู
ขัน้ ตอนการออกบัตรประจาตวั เจา้ หน้าที่ของรฐั
1. ให้บุคลากรประจาในวิทยาเขต วิทยาลัย ที่ประสงค์ขอทาบัตร กรอกแบบฟอร์มย่ืนคาร้องขอทาบตั ร
นาส่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์งานบุคคลหรือผู้ปฏิบัติงานบริหารงานบุคคล ในวิทยาเขต วิทยาลัย เพื่อ
ดาเนินการออกบัตรประจาตัวเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ ตามแบบฟอรม์ ทีก่ าหนด
2. ให้เจ้าหน้าที่วิเคราะห์งานบุคคล หรือผู้ปฏิบัติงานบริหารงานบุคคล ในวิทยาเขต วิทยาลัย ออกบัตร
ประจาตวั เจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐ ตามแบบฟอรม์ บัตร โดยกรอกข้อมูล ตดิ รูปถ่ายบตั ร ของผูท้ ยี่ ื่นคาร้องขอ
ทาบัตร ให้ถูกต้องครบถ้วน และให้ผู้ที่ย่ืนคาร้องขอทาบัตร ลงลายมือชื่อ (ปากกาหมึกสีดา) ในบัตร
กอ่ นนาสง่ เรอื่ ง
คมู่ ือบุคลากร มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลยั 17
3. นาส่งเรื่องขอทาบัตรประจาตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถึง หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์งานบุคคล มหาวิทยาลัย
มหามกฏุ ราชวิทยาลยั ส่วนกลาง โดยแนบเอกสารประกอบดงั นี้
แบบฟอร์มบัตรท่ีกรอกข้อมูล ติดรูปถ่ายบัตร และลงลายมือช่ือ (ปากกาหมึกสีดา) ของผู้ท่ี
ยื่นคาร้องของทาบัตร
แบบคารอ้ งขอทาบัตร
4. ฝ่ายวิเคราะห์งานบุคคล ส่วนกลาง ดาเนินการตรวจสอบ และเสนอเรื่องต่ออธิการบดีเพื่อโปรดลง
นามในบตั ร
5. ฝ่ายวิเคราะห์งานบุคคล จะนาส่งบัตรประจาตัวเจ้าหน้าท่ีของรัฐ กับวิทยาเขต วิทยาลัย ทาง
ไปรษณีย์ หรอื ติดตอ่ ประสานงานการนาส่งบัตรกับเจา้ หน้าทีข่ องวทิ ยาเขต วิทยาลัย
ลกั ษณะบตั รประจาตัวเจา้ หน้าทขี่ องรัฐมหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย
ตัวอยา่ งบัตรด้านหน้า ตัวอย่างบัตรดา้ นหลัง
คู่มือบุคลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย 18
บทท่ี 5
วันเวลาทางาน วนั หยุด การทางานลว่ งเวลา และการลา
วนั ทางาน
บุคลากรของมหาวิทยาลัยฯ ทั้งที่เป็นพระภิกษุและคฤหัสถ์ ทางานสัปดาห์ละ 5 วัน ตั้งแต่วันจันทร์
ถงึ วันศุกร์
เวลาทางาน
เวลาทางานสาหรับบุคลากรสายเจา้ หนา้ ทค่ี ฤหสั ถ์
ชว่ งเวลาทางาน ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 16.30 น.
เวลาทางานสาหรับบคุ ลากรท่ีเปน็ พระภกิ ษุและคฤหัสถ์สายอาจารย์
ชว่ งเวลาทางาน ตั้งแตเ่ วลา 12.30 น. ถึง 18.30 น.
วันหยุด
วันหยดุ ประจาสปั ดาห์
บุคลากรสายเจ้าหน้าที่คฤหัสถ์ให้หยุดทางานในวันเสาร์และวันอาทิตย์ แต่สาหรับพระภิกษุ
ถ้าวันธรรมสวนะตรงกับวันทางานระหว่างวันจนั ทร์ถึงวนั ศุกร์ ใหห้ ยดุ ทางานในวันน้ัน และใหท้ างานใน
วันเสาร์แทน
กรณบี คุ ลากรสายจัดการศึกษาทีม่ ีการสอนในวันเสาร์ให้ถือเปน็ วนั ปฏบิ ัติงานปกติ
วนั หยุดตามประเพณี คอื
วันหยุดราชการประจาปี
วันธรรมะสวนะ ซ่งึ ตรงกบั วันข้ึนหรอื แรม 8 คา่ , 14 หรือ 15 ค่า
วนั งานพธิ ีหรอื งานอ่นื ของมหาวทิ ยาลยั ซงึ่ อธกิ ารบดมี ีคาสั่งใหห้ ยุดเปน็ คร้ังคราว
วนั หยุดประจาภาคการศกึ ษา
อธิการบดี อาจมีคาสั่งให้หยุดประจาภาคการศึกษาได้ ซ่ึงมหาวิทยาลัยฯ จะประกาศให้
ทราบทุกปี ในกรณีจาเป็นอธิการบดีอาจระงับการหยุดประจาภาค หรือลดเวลาหยุดลงได้ ในการ
หยุดนไ้ี มถ่ อื ปฏิบัติกับนกั การภารโรง ซง่ึ จะกาหนดวนั หยุดไวต้ า่ งหาก
ค่มู อื บุคลากร มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย 19
เพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติงานของบุคลากรของมหาวิทยาลัย เช่นปัญหาการจราจรคับคั่ง
ภาวะภัยธรรมชาติมหาวิทยาลัยอาจมอบหมายให้ส่วนงานต่าง ๆ สามารถปรับเวลาปฏิบัติงานในลักษณะ
ยดื หย่นุ ได้ โดยให้คงช่วงเวลาปฏิบัตงิ านไว้เท่าเดิม
การทางานลว่ งเวลา
การทางานล่วงเวลา หมายถึงการทางานในวนั ทาการเกินกว่าเวลาทางานปกติท่ีมหาวทิ ยาลัยกาหนด
การทางานในวันหยุดประจาสัปดาห์หรือการทางานในวันหยุดประจาปี ตามประกาศมหาวิทยาลัยมหามกุฏ
ราชวิทยาลัย หรอื การทางานในวันหยุดพเิ ศษอนื่ ๆ ตามที่รัฐมนตรีกาหนด
การทางานล่วงเวลาเป็นการปฏิบัติงานเพ่ือป้องกันมิให้เสียหายแก่มหาวิทยาลัย หรือเป็นงานท่ีไม่
สามารถปฏบิ ัติได้ในเวลาทางานโดยปกติ หรอื เปน็ งานที่รีบเร่งไม่สามารถปฏิบัตงิ านได้ทนั ให้เสรจ็ ภายในเวลา
ทก่ี าหนดในเวลาทางานปกติ
การทางานลว่ งเวลา ตอ้ งได้รบั คาสัง่ หรือไดร้ ับอนุมตั ิจากอธิการบดี หรือผูท้ ีอ่ ธกิ ารบดมี อบหมาย โดย
พิจารณาเฉพาะช่วงเวลาที่จาเป็นต้องทา และเพ่ือประโยชน์ของมหาวิทยาลัยเป็นสาคัญ และให้รายงานผล
การทางานล่วงเวลาต่ออธิการบดี หรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายภายใน 15 วันนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการปฏิบัติงาน
ล่วงเวลา
การลา และเกณฑก์ ารลา
ตามขอ้ กาหนดมหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั วา่ ด้วยวนั เวลาทางาน วนั หยดุ การลา และเกณฑ์
การลา พ.ศ. 2541 ไดก้ าหนดประเภทของการลาไวด้ งั นี้
การลาป่วย
การลาป่วย ให้เสนอส่งใบลาก่อนหรือวันท่ีลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่จาเป็นจะเสนอหรือจัดส่งใบลาใน
วันแรกทมี่ าปฏิบตั ิงานกไ็ ด้ กรณที ีไ่ มส่ ามารถลงชอื่ ในใบลาได้ จะใหผ้ ู้อ่นื แจ้งลาแทนก็ได้ แตเ่ มอื่ ไมส่ ามารถลง
ชื่อไดใ้ ห้เสนอหรอื จดั ส่งใบลาโดยเร็ว
การลาป่วยต้ังแต่ 30 วันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองแพทย์ปริญญา หรือแพทย์ซ่ึงผู้บังคับบัญชาเห็นชอบ
แนบดว้ ย แต่ถา้ ผู้บงั คบั บัญชาผู้มีอานาจอนุญาต จะสั่งให้มีใบรับรองแพทย์เพ่ือประกอบการพิจารณาอนุญาต
แม้จะลาปว่ ยไม่ถึง 30 วนั กไ็ ด้
ปีงบประมาณหน่ึง ให้ลาป่วยธรรมดาโดยได้รับเงินเดือนไม่เกิน 60 วันทาการ หากต้องพักรักษาตัว
เปน็ ระยะเวลานานกว่า 60 วนั ทาการ หวั หน้าส่วนงานจะอนุญาตใหล้ าป่วยต่อไปอกี ก็ได้ แตไ่ มเ่ กิน 60 วันทา
การ
บุคลากรคนใดลาป่วยครบ 120 วันแล้ว ยังไม่สามารถมาทางานได้ตามปกติ ผู้บังคับบัญชาจะ
พจิ ารณาใหล้ าตอ่ ตามเหมาะสมอกี ก็ได้ โดยไม่ได้รับเงนิ เดือน
ค่มู ือบุคลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั 20
การลาคลอดบตุ ร
บุคลากรที่ลาคลอดบุตร ให้ได้รับเงินเดือนระหว่างลาได้ไม่เกิน 90 วัน โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์
(ลาคลอดบุตร 60 วัน และลากิจส่วนตัวเพื่อเล้ียงดูบุตร 30 วัน) โดยเสนอหรือจัดส่งใบลาก่อนหรือในวันที่ลา
น้ัน เว้นแต่ไม่สามารถจะลงช่ือในใบลานั้น จะให้ผู้อ่ืนแจ้งลาแทนก็ได้ แต่เม่ือสามารถลงช่ือได้แล้วให้เสนอจัดส่ง
ใบลาโดยเร็ว
การลากจิ สว่ นตัว
การลากิจส่วนตัว ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชา เม่ือได้รับอนุมัติแล้วจึงหยุดงานได้ เว้นแต่มีเหตุ
จาเป็นเร่งด่วนไม่ต้องรอการอนุมัติ แต่ต้องเสนอหรือจัดส่งใบลาพร้อมด้วยระบุเหตุจาเป็นไว้แล้วหยุดงานไป
กอ่ นก็ได้ บุคลากรท่ีได้รบั อนุญาตให้ลากิจแต่ยงั ไม่ครบกาหนดวันลา หากมีความจาเป็นผู้บังคับบญั ชาหรือผู้มี
อานาจอาจจะเรียกตัวมาปฏิบตั ิหนา้ ท่กี ็ได้ ยกเวน้ ลากิจส่วนตวั เพือ่ เลย้ี งดบู ุตร
สาหรับบุคลากรท่ีเริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่ในปีแรก ให้ลากิจส่วนตัวโดยได้รับเงินเดือนไม่เกิน 15 วันทา
การ เพ่ือเลี้ยงดูบุตรต่อเน่ืองจากลาคลอดบุตรในปีใดแล้ว ยังมีสิทธิลากิจโดยได้รับเงินเดือนได้อีกตามจานวน
วันทเ่ี หลอื อยู่
บุคลากรที่ลาคลอดบุตรแล้ว มีสิทธิลากิจส่วนตัวเพื่อเล้ียงดูบุตรต่อเน่ืองจากลาคลอดบุตร โดยได้รับ
เงินเดือน ได้อีกไม่เกิน 30 วันทาการ และมีสิทธิลากิจส่วนตัวได้อีก แต่ต้องไม่เกิน 45 วันทาการ หากประสงค์จะ
ลากิจสว่ นตัวเพือ่ เล้ยี งดูบตุ รต่อไปอีก ใหส้ ามารถลาได้ไม่เกิน 120 วันทาการ แตไ่ มม่ สี ิทธิได้รับเงนิ เดือน
การลาพักผอ่ นประจาปี
ปีงบประมาณหน่ึง บุคลากรมีสิทธิลาพักผ่อนประจาปไี ด้ 10 วันทาการ บุคลากรดังต่อไปนี้ ไม่มีสิทธิ
พกั ผ่อนประจาปี ในปที ไ่ี ดร้ บั การบรรจุเปน็ บุคลากร ยังไม่ถงึ 6 เดือน คือ
ก. ผซู้ ึ่งไดร้ บั การบรรจเุ ข้าเป็นบคุ ลากรคร้ังแรก
ข. ผูซ้ ง่ึ ลาออกเพราะเหตสุ ว่ นตัว ตอ่ มาไดร้ ับการบรรจเุ ปน็ บุคลากรอกี
ค. ผู้ซ่ึงลาออกจากหน้าที่เพ่ือดารงตาแหน่งทางการเมือง หรือเพ่ือสมัครรับเลือกตั้ง ต่อมา
ได้รับบรรจอุ กี หลงั 6 เดอื น นับตั้งแต่ลาออกจากหน้าที่
ง. ผซู้ ง่ึ ถกู สงั่ ให้ออกจากงานในกรณีอ่นื ยกเวน้ กรณไี ปรับราชการทหารตามกฎหมาย ว่าดว้ ย
การรบั ราชการทหาร และกรณีไปปฏบิ ตั งิ านใดๆ ตามประสงคข์ องมหาวทิ ยาลยั ต่อมาไดร้ ับการบรรจอุ กี
ปีใดมิได้ลาพักผ่อนหรือลาพักผ่อนแล้วแต่ไม่ครบ 10 วัน ให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีน้ันรวมเข้ากบั ปี
ต่อไปได้ แต่รวมกันไม่เกิน 20 วันทาการ แต่สาหรับผู้ท่ีทางานติดต่อกันไม่น้อยกว่า 10 ปีงบประมาณ ให้มี
สิทธิสะสมวันลาพกั ผ่อนได้ 30 วนั ทาการ
ในการลาพักผ่อนให้ผู้มีอานาจอนุญาตให้ลาพักผ่อนลาคร้ังเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ โดยมิให้เสียหาย
ตอ่ หนา้ ท่ี
ในระหว่างการลา หากมีความจาเป็นต่อมหาวิทยาลัย ผู้มีอานาจหรือผู้บังคับบัญชาสามารถเรียกตัว
เข้าปฏิบัติงานก็ได้
คู่มอื บุคลากร มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 21
บุคลากรประเภทท่ีได้รับวันหยุดภาคการศึกษาเกินกว่า 10 วันทาการ บุคลากรประเภทน้ันไม่มีสิทธิ
ลาพักผ่อน
การลาอุปสมบท
บุคลากรผูป้ ระสงค์จะลาอุปสมบทจะต้องบรรจมุ าแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 1 ปี และสามารถลาได้ไม่เกนิ 120
วัน โดยให้ส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวันอุปสมบทไม่น้อยกว่า 60 วัน ในกรณีมีเหตุจาเป็นไม่สามารถย่ืน
ใบลาก่อน 60 วันได้ ให้ช้ีแจงเหตุผลความจาเป็น ท้ังนี้ข้ึนอยู่ในดุลยพินิจของผู้มีอานาจท่ีจะพิจารณาให้ลา
หรือไม่ก็ได้ และหากลาสิกขาแล้ว ใหร้ ายงานตัวเขา้ ทางาน ภายใน 5 วัน นบั แตว่ นั ทีล่ าสกิ ขา
ในกรณีที่เกิดอุปสรรคไม่สามารถอุปสมบทตามที่ได้ขออนุญาตลาไว้ ให้รายงานตัวเข้าทางานพร้อม
ดาเนินการถอนวันลาอุปสมบท โดยให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาอนุญาตให้ถอนวันลาอุปสมบท และให้ถือว่า
วนั ทไ่ี ดห้ ยดุ งานไปแล้วเปน็ วันลากจิ สว่ นตวั
การลาเขา้ รับการตรวจเลือก หรอื เขา้ รับการเตรียมพล
เม่ือบุคลากรได้รับหมายเรียกเพ่ือเข้ารับการตรวจเลือก หรือเข้ารับการเตรียมพล ให้รายงาน
ผู้บังคับบัญชาภายใน 48 ช่ัวโมง นับแต่เวลารับหมายเรียกเป็นต้นไป โดยไม่ต้องรอรับคาส่ังอนุญาต เม่ือพ้น
จากการเข้ารับการตรวจเลือกเข้ารบั การระดมพล ให้รายงานตัวเพื่อเข้าปฏบิ ัตหิ น้าที่ภายใน 7 วัน กรณีมีเหตุ
จาเปน็ อาจขอขยายเวลาให้ไดแ้ ต่ตอ้ งไม่เกิน 15 วัน
การลาเพอ่ื ไปอบรมดงู าน และการลาไปปฏบิ ตั ิงานวิจยั
การลาเพื่อไปดูงานท้ังในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการลาเพ่ือไปปฏบิ ัติงานวจิ ัย ให้ทาหนังสอื
ลาถึงอธกิ ารบดีเพื่อขออนญุ าต ผา่ นผู้บงั คบั บญั ชาตามลาดับ
การลาไปปฏบิ ตั ิงานในองคก์ ารระหวา่ งประเทศ
การไปปฏบิ ตั ิงานในองค์การระหว่างประเทศ มี 2 ประเภท คอื
1. การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ซ่ึงประเทศไทยเป็นสมาชิก และเป็น
วาระท่จี ะตอ้ งส่งไปปฏบิ ัตงิ านในองคก์ ารน้ัน
2. การไปปฏิบัติงานนอกเหนือจากประเภทท่ี 1 ซ่ึงจะต้องเป็นบุคลากรประจา ปฏิบัติงาน
ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนถึงวันที่ได้รับอนุญาตให้ไปปฏิบัติงาน เว้นแต่ผู้ที่ไปปฏิบัติงานในองค์การ
สหประชาชาติ กาหนดเวลาห้าปีให้ลดเป็นสองปี มีอายุไม่เกิน 52 ปี มีความประพฤติเรียบร้อย และไม่อยู่ใน
ระหวา่ งถูกสอบสวนทางวินัย
การลาตดิ ตามคูส่ มรส
การลาติดตามคู่สมรส เป็นการลาโดยไม่ได้รับเงินเดือน ซ่ึงอธิการบดีเป็นผู้อนุญาต โดยส่งใบลาต่อ
ผบู้ งั คบั บัญชาตามลาดบั และลาไดไ้ ม่เกิน 2 ปี หากมคี วามจาเป็นให้ลาตอ่ ได้อกี 2 ปี ถา้ เกิน 4 ปี ให้พน้ สภาพ
การเป็นบุคลากรของมหาวทิ ยาลยั
ค่มู ือบุคลากร มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 22
การอนุญาตให้ลาคร้ังเดียวหรือหลายครั้งได้ โดยมิให้เสียหายแก่มหาวิทยาลัย และจะต้องเป็นกรณที ่ี
คู่สมรสอยู่ปฏิบัติหน้าท่ี หรือปฏิบัติงานในต่างประเทศเป็นระยะเวลาติดต่อกัน ไม่ว่าจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่หรือ
ปฏิบตั งิ านในประเทศหรอื ต่างประเทศ
บุคลากรท่ีได้ลาติดตามคู่สมรสในช่วงเวลาท่ีคู่สมรสอยู่ปฏิบัติหน้าที่งานในต่างประเทศ ติดต่อกัน
คราวหนึ่งแล้ว ไม่มีสิทธิขอลาติดตามคู่สมรสอีก เว้นแต่คู่สมรสจะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติงาน
ประจาประเทศไทยแล้ว ต่อมาได้รับคาสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าท่ีหรอื ปฏบิ ัติงานในตา่ งประเทศอีกในช่วงเวลาใหม่
จึงจะมีสทิ ธขิ อลาตดิ ตามคู่สมรสใหม่ได้
การขออนุญาตออกเดนิ ทางไปนอกประเทศ
การขออนุญาตออกเดินทางไปนอกประเทศมิใช่เป็นการขอลา ดังนั้นบุคลากรผู้มีความประสงค์จะไป
ตา่ งประเทศ ในชว่ งการลาประเภทใดหรือในช่วงวนั หยุดทาการ ใหย้ ่นื หนงั สอื เสนออนุญาตต่ออธิการบดี เมื่อ
ไดร้ บั การอนญุ าตแลว้ ใหร้ ายงานให้สภามหาวทิ ยาลยั ทราบ
การนบั วันลา
การนับวันลาให้นับตามปีงบประมาณ ซ่ึงการนับวันลาป่วย ลากิจส่วนตัว และวันลาพักผ่อน ให้นับ
เฉพาะวันทาการเทา่ น้ัน
การนบั ครง้ั ของการลา
การลาประเภทเดียวกันและมีระยะเวลาต่อเนื่อง จะเป็นไปในปีเดียวกันหรือไม่ก็ตาม ให้นับเป็น
การลาครงั้ หนง่ึ
การลาครึ่งวัน
การลาในครึง่ วันหมายถึงการลาเฉพาะช่วงเวลาเช้า หรอื ชว่ งเวลาบา่ ย
ผมู้ ีอานาจพิจารณาหรืออนญุ าตการลา
อธิการบดีเป็นผู้มีอานาจอนุญาต หรือมอบหมายอานาจ โดยทาเป็นหนังสือให้แก่ผู้ดารงตาแหน่ง
รองลงมา หรือตาแหนง่ ท่ีเหมาะสมอนญุ าตแทนก็ได้
การลงเวลาปฏบิ ัตหิ นา้ ที่
ฝ่ายวิเคราะห์งานบุคคลมีหน้าที่จัดทาบัญชี หรือหลักฐานการปฏิบัติงานของบุคลากร เพื่อเป็น
หลกั ฐานอันสามารถตรวจสอบวนั เวลา ปฏิบตั งิ านได้
คมู่ ือบุคลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย 23
บทที่ 6
การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงาน
มหาวทิ ยาลยั มกี ารตดิ ตามผลการปฏิบตั งิ านของบคุ ลากร เพ่ือใหบ้ คุ ลากรมมี าตรฐานการปฏบิ ัติงานที่
ดี สอดคล้องกบั การดาเนินงานตามนโยบายของมหาวิทยาลัย ในฐานะเป็นมหาวิทยาลยั ในกากบั ของรฐั
การประเมินผลการปฏบิ ัตงิ านของบุคลากร ใช้ปีละ 2 ครั้ง โดยมีการประเมนิ คร้งั แรกในเดือนมีนาคม
และครง้ั ทสี่ องในเดอื นกนั ยายนของทุกปงี บประมาณ และผู้บงั คบั บัญชาเหนอื ขึน้ ไปหน่ึงระดบั เป็นผปู้ ระเมนิ
การใชแ้ บบประเมินการปฏิบตั ิงานของบุคลากร
“ผบู้ รหิ ารระดับสงู ” หมายความว่า รองอธิการบดี คณบดี ผู้อานวยการสานัก ผู้อานวยการศูนย์
ผู้อานวยการสถาบัน ผู้อานวยการวิทยาลัย หรือตาแหน่งอื่นที่เทียบเท่า (ใช้แบบ
ประเมนิ ปป. 01)
“ผูบ้ ริหารระดับกลาง” หมายความว่า ผู้ช่วยอธิการบดี รองคณบดี รองผู้อานวยการสานัก รองผู้อานวยการ
ศูนย์ รองผู้อานวยการสถาบัน รองผู้อานวยการวิทยาลัย หัวหน้ากอง (ใช้แบบ
ประเมิน ปป. 02)
“ผู้ปฏิบตั งิ านระดับต้น” หมายความว่า หัวหน้าส่วน หัวหน้าฝ่าย หัวหน้างาน หรือตาแหน่งที่เรียกช่ือ
อย่างอ่ืนซ่ึงมีฐานะเทียบเท่า รวมท้ังบุคลากรของมหาวิทยาลัยทุกตาแหน่งท่ีมิใช่
ผบู้ รหิ ารระดับสูงและระดับกลาง (ใช้แบบประเมิน ปป. 03)
“อาจารยป์ ระจา” หมายความว่า อาจารย์ผ้ทู าการสอน และเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหามกุฏ
ราชวิทยาลัย โดยได้รับเงินค่าจ้างเป็นรายเดือนในแต่ละปีงบประมาณ (ใช้แบบ
ประเมนิ ปป. 04 รว่ มกบั แบบประเมิน ปป. 06)
“อาจารย์พิเศษ” หมายความว่า อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยได้เชิญให้มาสอนประจาวิชาตามหลักสูตร
ของมหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ในวิชาใดวิชาหนึง่ ภาคการศึกษา หรอื ปี
การศึกษา และได้รับค่าตอบแทนจากมหาวิทยาลัยในแต่ละภาคการศึกษาหรือปี
การศกึ ษานัน้ ๆ (ใช้แบบประเมิน ปป. 05)
“บคุ ลากร” หมายความว่า บุคลากรที่ได้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้แก่
คณาจารย์ เจา้ หนา้ ทแ่ี ละลูกจา้ ง ท้ังบรรพชติ และคฤหัสถ์
คูม่ อื บคุ ลากร มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย 24
แนวการประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ าน
1. ดา้ นบรหิ าร หรือสนบั สนุนการบริหาร
2. ด้านการสอน
3. ดา้ นการวิจัยและงานวิชาการ
4. ด้านบริการวิชาการแกส่ งั คม และทานุบารงุ ศิลปวัฒนธรรม
5. ดา้ นการพฒั นานักศึกษา
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงาน
1. ปริมาณงาน หรอื ภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
2. คุณภาพของงาน
3. ความรับผดิ ชอบงาน
4. ความสาเรจ็ ของงาน
5. พฤติกรรมในการทางาน
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผู้ประเมนิ พิจารณาผลการปฏิบัติงานของบุคลากรที่อยใู่ นความรับผิดชอบตามสายงานด้วยความเป็น
ธรรมตามสภาพความเปน็ จริง โดยพิจารณาใหค้ ะแนนตามเกณฑท์ ก่ี าหนดคอื
คะแนนระดับ 5 คะแนน หมายถึงมีผลงานในรอบการประเมินน้ันอยู่ในข้ันดีเลิศหรือดีเด่นเป็น
ที่ประจักษ์ชดั เจน
คะแนนระดับ 4 คะแนน หมายถึงมีผลงานในรอบการประเมินนั้นอยู่ในข้ันดีและเป็นท่ียอมรับของ
หน่วยงาน ผ้บู ังคับบญั ชา และเพ่ือนรว่ มงานอย่างสม่าเสมอ
คะแนนระดับ 3 คะแนน หมายถึงมผี ลงานในรอบการประเมินนัน้ อยใู่ นขน้ั ปานกลาง
คะแนนระดบั 2 คะแนน หมายถงึ มีผลงานในรอบการประเมินน้ันอยู่ในขัน้ ต้องมีการพิจารณาทักษะ
หรอื ความรูบ้ างดา้ น หรือปรบั ปรุงให้ดีข้นึ กวา่ เดมิ
คะแนนระดับ 1 คะแนน หมายถึงมีผลงานในรอบการประเมินน้ันอยู่ในขั้นไม่น่าพอใจ จะต้องเร่ง
แก้ไขโดยด่วนทุกด้าน ทั้งทักษะการทางาน ความเอาใจใส่ต่องาน การตรงต่อเวลา ประสิทธิภาพ และ
ความรับผดิ ชอบ
คู่มอื บุคลากร มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย 25
การนาผลคะแนนไปใช้
การนาผลคะแนนของผู้ถูกประเมินมาประกอบการพิจารณาในการทาสัญญาจ้างปฏิบัติงาน
และพิจารณาความดีความชอบประจาปี มดี งั น้ี
การจ้างปฏบิ ัติงาน
ระดับคะแนนรวม ข้อพจิ ารณา / วินิจฉยั
ต่ากว่า 30 คะแนน พจิ ารณาทบทวนการจา้ งตอ่ ภายใน 3 เดือน
30 ถงึ 44 คะแนน ใหป้ ฏบิ ัติงานต่อไมเ่ กิน 1 ปี และใหพ้ ฒั นาศักยภาพโดยเรว็
45 ถึง 64 คะแนน ใหป้ ฏิบตั ิงานต่อได้
65 ถงึ 75 คะแนน ให้ถือปฏิบตั ิงานดีเด่น
การพจิ ารณาความดคี วามชอบประจาปี
ระดับคะแนนรวม ขอ้ พจิ ารณา / วนิ ิจฉยั
ตา่ กวา่ 30 คะแนน ไมข่ ้ึนขั้นเงินเดอื น
30 ถงึ 44 คะแนน ข้นึ ได้ไม่เกนิ 0.5 ข้ัน
45 ถึง 64 คะแนน ข้ึนได้ไม่เกนิ 1 ข้นั
65 ถึง 75 คะแนน ข้นึ ได้ไม่เกนิ 2 ขัน้
** ในอนาคตอาจมีการเปล่ียนแปลงแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานเพ่ือให้สะท้อนผลการ
ปฏิบตั ิงานตามความเป็นจรงิ เกดิ ความเป็นธรรมและความโปรง่ ใส เป็นเกณฑ์วัดท่ีเปน็ รปู ธรรม
ค่มู อื บคุ ลากร มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย 26
บทท่ี 7
การเสนอขอพระราชทานเคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยได้ดาเนินการเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ อันมี
เกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย และอันเป็นท่ีเชิดชูยิ่งช้างเผือก ให้แก่บุคลากรของมหาวิทยาลัย โดยใช้เกณฑ์ตามร่าง
บัญชี 18 (ที่ปรับปรุงใหม่) เน่ืองจากมหาวิทยาลัยได้ถูกกาหนดให้เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐท่ีมีลักษณะพิเศษ
ในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทางมหาวิทยาลัยจะดาเนินการเสนอขอพระราชทานให้เฉพาะ
บคุ ลากรประจาที่เป็นฆราวาส และปฏบิ ตั งิ านในสายอาจารย์และเจ้าหน้าที่เท่าน้นั โดยจะเร่มิ ขอเมื่อบุคลากร
ปฏบิ ัตงิ านครบ 5 ปี บรบิ ูรณ์ (นับจากวนั บรรจ)ุ ก่อนวนั ที่ 5 ตุลาคมของปที ่ีเสนอขอ
การเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณ์ ให้แกบ่ ุคลากรคร้ังแรกเมื่อได้รบั การบรรจคุ รบ 5 ปี
แลว้ ให้เสนอขอในตาแหนง่ ท่ีดารงอยูใ่ นขณะนัน้ คือ
ตาแหนง่ เจ้าหน้าท่ี หรือตาแหน่งอ่นื ทเี่ ทียบเทา่ เร่ิมขอในชน้ั บ.ม.
ตาแหนง่ หัวหนา้ ฝ่าย หรือตาแหน่งอื่นทเี่ ทยี บเท่า เริม่ ขอในชนั้ จ.ม.
ตาแหน่งผ้ชู ่วยอธกิ ารบดี หวั หน้ากอง หรือตาแหนง่ อื่นทเ่ี ทียบเท่า เริ่มขอในช้นั ต.ม.
ตาแหน่งรองอธกิ ารบดี คณบดี ผู้อานวยการ หรอื ตาแหนง่ อ่ืนท่ีเทยี บเท่า เริม่ ขอในชนั้ ท.ม.
ตาแหนง่ อาจารย์ หรือผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ เริม่ ขอในชัน้ จ.ช.
ตาแหน่งรองศาสตราจารย์ เร่ิมขอในชั้น ต.ม.
ตาแหน่งศาสตราจารย์ เร่ิมขอในช้ัน ท.ม.
อธิการบดี หรือตาแหน่งอ่นื ท่ีเทียบเทา่ เร่ิมขอในช้ัน ท.ม.
เม่ือบุคลากรได้รับการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในครั้งแรกแล้ว หากยังดารง
ตาแหน่งเดิม ให้เสนอขอพระราชทานเพ่ือเลื่อนชนั้ ตรา โดยเว้นระยะ 5 ปี ไปจนถึงชั้นตราสูงสุดของตาแหนง่
น้นั ๆ ยกเวน้ ตาแหนง่ ศาสตราจารย์และรองศาสตราจารย์ ใหเ้ ว้นระยะเวลา 3 ปี
สาหรับบคุ ลากรที่ไดร้ ับการเลื่อนตาแหน่งสงู กว่าตาแหนง่ เดิม หลงั จากการได้รบั ชั้นตราครงั้ แรกแลว้
สามารถเสนอขอพระราชทานเลือ่ นชัน้ ตราได้ โดยไมต่ ้องรอครบ 5 ปี แต่ตอ้ งเวน้ ชว่ งระยะเวลาการเสนอขอ
อยา่ งน้อยเป็นเวลา 1 ปี จงึ จะสามารถดาเนนิ การเสนอขอพระราชทาน เพื่อเล่อื นชน้ั ตราท่ีสูงกวา่ ได้
การเสนอขอเลื่อนช้ันตราต่อจากการเสนอขอในคร้ังแรก หากยังดารงตาแหน่งเดิม ให้เสนอขอได้
จนถงึ ชัน้ ตราสูงสุดในตาแหน่งนั้น ๆ ซ่ึงตามระเบียบกาหนดไวด้ งั นี้
ตาแหนง่ เจา้ หนา้ ที่ หรือตาแหน่งอื่นทีเ่ ทยี บเท่า สามารถเสนอขอได้ไปจนถงึ ชน้ั จ.ช.
ค่มู ือบคุ ลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย 27
ตาแหนง่ หวั หนา้ ฝา่ ย หรือตาแหน่งอ่ืนทเี่ ทยี บเท่า สามารถเสนอขอได้ไปจนถึงชนั้ ต.ม.
ตาแหน่งผชู้ ่วยอธิการบดี หวั หน้ากอง หรือตาแหน่งอ่ืนที่เทียบเท่า สามารถเสนอขอได้ไปจนถงึ ชน้ั ท.ม.
ตาแหน่งรองอธกิ ารบดี คณบดี ผู้อานวยการ หรือตาแหน่งอน่ื ทเี่ ทียบเท่า สามารถเสนอขอไดไ้ ปจนถงึ ชั้น ท.ช.
ตาแหนง่ ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ หรอื อาจารย์ สามารถเสนอขอได้ไปจนถงึ ชน้ั ท.ม.
ตาแหนง่ รองศาสตราจารย์ สามารถเสนอขอได้ไปจนถึงชน้ั ป.ม.
ตาแหนง่ ศาสตราจารย์ สามารถเสนอขอไดไ้ ปจนถึงช้นั ป.ช.
อธิการบดหี รือตาแหน่งอื่นท่ีเทยี บเท่า สามารถเสนอขอไดไ้ ปจนถึงช้นั ป.ม.
ชื่อลาดบั ชนั้ ตราของเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ที่เสนอขอให้แก่บคุ ลากรของมหาวทิ ยาลัยมดี ังน้ี
ช้นั ที่ 1 ประถมาภรณ์มงกฎุ ไทย (ป.ม.) ชั้นสายสะพาย
ชน้ั ที่ 2 ทวีตยิ าภรณช์ ้างเผือก (ท.ช.)
ช้นั ที่ 2 ทวตี ิยาภรณ์มงกฎุ ไทย (ท.ม.) ช้ันตา่ กวา่
ชน้ั ที่ 3 ตรติ าภรณช์ า้ งเผือก (ต.ช.) สายสะพาย
ช้ันท่ี 3 ตริตาภรณ์มงกฎุ ไทย (ต.ม.)
ชั้นท่ี 4 จตั ุรถาภรณ์ช้างเผอื ก (จ.ช.)
ชั้นที่ 4 จตั รุ ถาภรณม์ งกฎุ ไทย (จ.ม.)
ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณช์ ้างเผอื ก (บ.ช.)
ชั้นท่ี 5 เบญจมาภรณม์ งกฎุ ไทย (บ.ม.)
คู่มือบุคลากร มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั 28
บทท่ี 8
การเสนอขอกาหนดตาแหนง่ ทางวชิ าการ
การขอกาหนดตาแหน่งผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ (ผศ.)
ผู้ทีจ่ ะดาเนินการเสนอขอกาหนดตาแหน่งผูช้ ่วยศาสตราจารย์ “ผศ.” ไดร้ ับวฒุ ิปรญิ ญาตรีหรือเทยี บเท่า
ต้องดารงตาแหน่งอาจารย์และปฏิบตั ิหน้าทใ่ี นตาแหนง่ ดงั กลา่ วไมน่ อ้ ยกว่า 9 ปี ไดร้ บั วฒุ ปิ รญิ ญาโทหรือ
เทียบเท่าต้องดารงตาแหน่งอาจารยแ์ ละปฏิบตั งิ านในตาแหน่งดงั กลา่ วไมน่ ้อยกวา่ 5 ปี และได้รบั วุฒิปริญญา
เอกต้องดารงตาแหน่งอาจารย์และปฏบิ ตั ิงานในตาแหน่งดังกล่าวไมน่ ้อยกว่า 2 ปี
ผู้ดารงตาแหน่งท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืน แต่ได้โอนหรือย้ายมาบรรจุและแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งอาจารย์
ประจาในมหาวิทยาลัย หากผู้น้ันเคยได้รับการแต่งตั้งเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย หรือ
สถาบันอุดมศึกษาที่สภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยรับรอง และได้สอนประจาวิชาใดวิชาหน่ึง ซึ่ง
เทียบค่าได้ไม่น้อยกว่า 2 หน่วยกิต/ทวิภาค อาจนาระยะเวลาระหว่างเป็นอาจารย์พิเศษในภาคการศึกษาท่ี
สอนนนั้ มาเป็นเวลาในการขอตาแหน่งทางวิชาการ โดยให้คานวณเวลาในการสอนพเิ ศษได้ 3 ใน 4 ของเวลาที่
ทาการสอน
ในกรณีท่ีอาจารย์ผู้ใดได้รับวุฒิเพิ่มข้ึนให้นับรวมเวลาก่อนได้รับวุฒิกับหลังท่ีได้รับวุฒิ ตามอัตราส่วน
ของระยะเวลาท่กี าหนดไว้
ในการขอกาหนดตาแหนง่ ทางวิชาการ ผู้ขอจะต้องมีช่ัวโมงสอนประจาวิชาใดวิชาหน่ึงที่กาหนดไวใ้ น
หลักสูตรของมหาวิทยาลัยและทาการสอนได้ผลดีสมความมุ่งหมาย โดยผ่านการประเมินจากคณะกรรมการ
ตามหลักเกณฑท์ ่สี ภามหาวิทยาลยั กาหนด และมีผลงานทางวิชาการ เชน่ เอกสารประกอบการสอน งานเขียน
ทางวชิ าการ งานวจิ ยั เปน็ ตน้
การขอกาหนดตาแหน่งรองศาสตราจารย์ (รศ.)
ผู้ที่ประสงค์จะขอตาแหน่งรองศาสตราจารย์ต้องดารงตาแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ “ผศ.” และ
ปฏิบัติหน้าท่ีในตาแหน่งดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และมีชั่วโมงสอนประจาวิชาใดวิชาหน่ึงท่ีกาหนดไว้
ในหลักสูตรของมหาวิทยาลัย และทาการสอนได้ผลดีสมความมุ่งหมาย โดยผ่านการประเมินจาก
คณะกรรมการตามหลกั เกณฑ์ที่สภามหาวิทยาลยั กาหนด และมีผลงานทางวิชาการ เชน่ เอกสารประกอบการ
สอน งานเขยี นทางวิชาการ งานวจิ ัย ซึ่งต้องไม่ซ้ากับผลงานทเี่ คยใชใ้ นการขอตาแหนง่ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์
คมู่ ือบคุ ลากร มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 29
การขอกาหนดตาแหน่งศาสตราจารย์ (ศ.)
สาหรับการขอตาแหน่งทางวิชาการ ตาแหน่ง ศาสตราจารย์ “ศ.” ผู้เสนอขอต้องดารงตาแหน่งรอง
ศาสตราจารย์ และปฏิบัติหน้าท่ีดังกล่าวมาไม่น้อยกว่า 2 ปี มีชั่วโมงการสอนวิชาใดวิชาหนึ่งที่กาหนดไว้ใน
หลักสูตรของมหาวิทยาลัย และทาการงานได้ผลดีสมความมุ่งหมาย โดยผ่านการประเมินจากคณะกรรมการ
ตามเกณฑ์ทสี่ ภามหาวิทยาลยั กาหนด มีผลงานทางวิชาการเช่น มีงานแตง่ เรียบเรียง ตาราหรอื หนังสืออย่างใด
อยา่ งหนง่ึ ที่ใช้ประกอบการศึกษาในระดับมหาวทิ ยาลัยไม่น้อยกว่า 1 เลม่
มีผลงานวิจัยท่ีได้รับการเผยแพร่ตามเกณฑ์ท่ีสภามหาวิทยาลัยกาหนด ทั้งน้ีไม่นับงานวิจัยที่เปน็ สว่ น
หนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญาหรือประกาศนียบัตรใดๆ ได้รับการอ้างอิงในวารสาร ตาราหรือหนังสือท่ี
เชื่อถือได้ในวงวิชาการ โดยเฉพาะที่เป็นผลงานใหม่ๆ และหรือการอ้างอิงผลงานซ่ึงมีหลักฐานชัดเจนว่ามี
ผลงานทางวิชาการไปใช้ประโยชน์ทางวิชาการอย่างกวา้ งขวางจนเป็นที่ยอมรับในสาขาเดยี วกัน และหลกั ฐาน
ดังกลา่ วเปน็ สง่ิ ที่เชื่อถือได้ เชน่ ไดร้ ับเชิญให้เป็นผู้เช่ียวชาญ หรอื ผูท้ รงคณุ วุฒิในสาขาน้ันๆ ท้ังในประเทศและ
ต่างประเทศ เพอ่ื บรรยายหรือเสนอผลงานเป็นต้น
ขนั้ ตอนการเสนอขอกาหนดตาแหน่งทางวิชาการของอาจารย์ประจา
ในการเสนอขอตาแหน่งทางวิชาการ ให้อาจารย์ประจาผู้ประสงค์จะเสนอขอกาหนดตาแหน่งทาง
วิชาการ หรือผู้บังคับบัญชาที่มีระดับไม่ต่ากวา่ หัวหน้าภาควิชากรอกข้อความตามแบบที่มหาวิทยาลยั กาหนด
และเสนอพร้อมด้วยผลงานทางวิชาการต่อคณบดีของคณะที่ภาควิชาน้ันสังกัด เพื่อเสนอคณะกรรมการ
ประจาคณะกลัน่ กรองคุณสมบตั ิตามที่มหาวทิ ยาลัยกาหนด แลว้ เสนอสภาวชิ าการเพอ่ื พิจารณา
กรณีการเสนอขอตาแหน่งทางวิชาการในระดับวิทยาลัย ให้อาจารย์ประจาผู้เสนอขอ หรือ
ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีระดับไม่ต่ากว่าประธานสาขาวิชากรอกข้อความตามแบบท่ีมหาลัยกาหนด แล้วนาเสนอ
พร้อมด้วยผลงานทางวิชาการต่อผู้อานวยการวิทยาลัย เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการประจาวิทยาลัยเพ่ือ
พิจารณากลนั่ กรองและส่งสภาวชิ าการเพอ่ื พจิ ารณาต่อไป
สาหรับตาแหน่งทางวิชาการระดับ ผศ. และ รศ. เม่ือสภาวิชาการเห็นชอบแล้วให้นาเสนอสภา
มหาวทิ ยาลยั และหากสภามหาวิทยาลัยอนุมตั ิแล้ว ใหอ้ ธิการบดีเปน็ ผู้ออกคาสงั่ แต่งตั้ง
แต่ในกรณีตาแหน่งทางวิชาการระดับ ศาสตราจารย์ เมื่อสภาวิชาการเห็นชอบแล้ว ให้นายกสภา
มหาวิทยาลยั เสนอขอใหร้ ฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ ารนาความกราบทลู เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
แตง่ ตง้ั ต่อไป
คู่มอื บคุ ลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย 30
ตารางแสดงเอกสารประกอบการขอกาหนดตาแหนง่ ทางวชิ าการ
ระดบั การขอ ผลการสอน ผลงานวชิ าการ
ตาแหนง่ งานวจิ ยั /งานวิชาการ งานแต่ง/เรียบเรียง
ทางวิชาการ
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ เอกสารประกอบการสอน - ผลงานวิจัย หรอื - ตารา หนงั สอื หรือ
ผลงานวิชาการ บทความทางวชิ าการ
ในลักษณะอ่นื (เช่นงาน
สร้างสรรค์ หรืองาน - คุณภาพดี
แปล)
- คุณภาพดี
รองศาสตราจารย์ เอกสารประกอบการสอน - ผลงานวิจยั หรอื - ตารา หรอื หนงั สอื
ผลงานวชิ าการใน - คุณภาพดี
ลักษณะอน่ื (เช่นงาน
สรา้ งสรรค์ หรืองาน
แปล)
- คณุ ภาพดี
ศาสตราจารย์ เอกสารประกอบการสอน - ผลงานวจิ ัย หรือ - ตารา หรอื หนังสอื
ผลงานวชิ าการ ใน - คณุ ภาพดีมาก
ลักษณะอื่น (เช่นงาน
สรา้ งสรรค์ หรืองาน
แปล)
- คณุ ภาพดมี าก
คูม่ ือบคุ ลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั 31
บทท่ี 9
สวสั ดิการและสทิ ธปิ ระโยชน์
การเบกิ คา่ รกั ษาพยาบาล
บุคลากรมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามความเหมาะสม
ซ่ึงมหาวิทยาลัยได้มีประกาศ เร่ืองวิธีการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลบุคลากร พ.ศ. 2543 โดยให้บุคลากรผู้
ประสงคจ์ ะเบกิ คา่ รักษาพยาบาลนาใบเสร็จรับเงินจากสถานพยาบาลไปแสดงต่อหวั หน้าฝ่ายการเงินและบัญชี
ของมหาวิทยาลัยตามแบบที่กาหนดเพ่ือประกอบการขออนุมัติเบกิ จ่าย ซึ่งเมื่อได้รับอนุมัติแล้วให้ฝ่ายการเงิน
และบัญชีดาเนนิ การเบิกจ่ายภายในหนง่ึ สปั ดาห์
สาหรับบุคลากรในวิทยาเขตให้ย่ืนแบบคาขอเบิกค่ารักษาพยาบาลพร้อมหลักฐานต่อเจ้าหน้าท่ี
การเงิน และบัญชีของวิทยาเขต และให้วิทยาเขตทดรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล แล้วรวบรวมหลักฐานการ
จา่ ยเงินส่งฝ่ายการเงินและบญั ชีมหาวิทยาลัยเป็นรายเดอื น
มหาวทิ ยาลยั จะไมจ่ ่ายค่ารักษาพยาบาลในกรณตี ่อไปนี้
1. การเจบ็ ปว่ ยอนั เน่ืองมาจากการทาแท้งโดยผดิ กฎหมาย
2. กามโรค
3. การผา่ ตัดหรือการตกแตง่ เพอ่ื ความสวยงาม
4. การเจ็บปว่ ยอนั เนื่องมาจากสงครามหรือการจลาจล
5. การประกอบแวน่
6. การใส่ฟันหรอื ตกแตง่ ฟนั
7. การเจ็บป่วยด้วยโรคตดิ ต่อ หรอื โรคระบาดทมี่ หาวิทยาลัยประกาศให้ไปรับการป้องกันแต่
ผู้นั้นหลกี เลย่ี ง
8. การเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุอันเน่ืองมาจากการกระทาหรือพยายามกระทาผิด
กฎหมาย
9. การเจ็บปว่ ยหรืออบุ ัติเหตุอนั เน่อื งมาจากการเสพสรุ าหรือเครอื่ งดองของเมา
10. การเจ็บปว่ ยหรอื อุบตั เิ หตุอันเองมาจากการแข่งขันยานพาหนะ
11. ทุพพลภาพหรือเจ็บป่วยที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายว่าด้วยแรงงานใด ๆ แล้ว
และอาจเบิกจา่ ยจากกองทนุ ทดแทนได้อยู่แล้ว
12. ไม่ไดน้ าใบเสรจ็ รับเงินจากสถานพยาบาลแสดงตอ่ หนา้ ฝา่ ยการเงินและบญั ชี
คู่มือบุคลากร มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย 32
การลาศกึ ษาต่อ และการขอทนุ บุคลากรเพอ่ื ศกึ ษาตอ่
การขออนุมตั ิลาศึกษาตอ่
บุคลากรของมหาวิทยาลัยซึ่งมีประสงค์ที่จะลาศึกษาต่อ ให้ยื่นหนังสือขออนุมัติเพ่ือไปสมัครสอบต่อ
ผู้บังคับบัญชาตามลาดับ จนถึงระดับคณบดีหรือเทียบเท่าให้อนุมัติก่อนสมัครสอบศึกษาต่อในระดับท่ีสูงข้ึน
กว่าการศึกษาทผี่ นู้ นั้ ได้รับ และในการสมัครศึกษาต่อจะต้องสมัครเข้าศึกษาต่อในสาขาที่ตรงกับความต้องการ
ของมหาวิทยาลัย
เมื่อสอบได้ หรือมหาวิทยาลัย สถาบันได้ประกาศรับเข้าศึกษาต่อเรียบร้อยแล้ว ให้ทาเรื่องเป็น
ทางการขออนุมัติลาศึกษาต่อก่อนเข้าศึกษา ไม่น้อยกว่า 30 วัน ยกเว้นมีเหตุจาเป็นให้อยู่ในดุลยพินิจของ
คณะกรรมการบรหิ ารงานบคุ คลมหาวิทยาลยั เป็นกรณี ๆ ไป
บคุ ลากรผูไ้ ด้รบั การอนุมัตใิ ห้ลาศกึ ษาต่อจะต้องทาสัญญากบั มหาวทิ ยาลัย ตามแบบท่ีกาหนด และให้
มีผู้ค้าประกัน ตามสัญญาด้วย มหาวิทยาลัยสงวนสิทธิที่จะให้ผู้รับทุนศึกษาต่อ หรือลาศึกษาต่อด้วยทุน
ส่วนตัวกลับมาปฏิบัตงิ านได้ในกรณีมีงานเรง่ ด่วนและจาเป็น และถือว่าบุคคลนั้นไม่ผดิ สัญญาการรบั ทุน หรือ
สัญญาลาศึกษา
การขอทุนบุคลากรเพอื่ ศึกษาต่อ
เพื่อเปน็ การสง่ เสริมให้บคุ ลากรของมหาวิทยาลยั ไดพ้ ัฒนาความรู้ ความสามารถ และเสริมสรา้ งศกั ยภาพ
ใหม้ คี ุณภาพ และประสิทธิภาพในการปฏิบัตงิ านมากยิ่งขน้ึ มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัยจึงได้มีระเบยี บวา่
ด้วยการใหท้ ุนบคุ ลากร เพ่ือศึกษาต่อและฝึกอบรม พ.ศ. 2542 ซ่งึ มีรายละเอียดดงั นี้
คุณสมบัตขิ องบคุ ลากรผู้ขอรับทนุ ของมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาต่อ
- เป็นบุคลากรปฏบิ ตั ิงานในมหาวทิ ยาลัยอยา่ งนอ้ ย 1 ปีบรบิ ูรณ์
- จะตอ้ งมอี ายไุ มเ่ กนิ 45 ปี ถ้าเกนิ กวา่ ทีก่ าหนด ใหค้ ณะกรรมการเป็นผูพ้ จิ ารณาเป็นกรณี ๆ ไป
- มหี นงั สอื หรือเอกสารตอบรับ หรอื แสดงวา่ มหาวทิ ยาลยั ใหเ้ ข้าศกึ ษาตอ่ ไดม้ าแสดง
- และมหาวิทยาลัยหรือสถาบันที่บุคลากรของมหาวิทยาลัยเข้าไปศึกษา และขอรับทุน จะต้อง
เป็นมหาวิทยาลัย หรือสถาบันท่ีได้ รับการรับรองจากรัฐบาลหรือองค์กรวิชาชีพที่รัฐบาล
รับรองและมมี าตรฐานการศึกษาสูง
- ผู้ท่ีได้รับทุนของมหาวิทยาลัยไปศึกษาต่อและกลับมาปฏิบัติงานแล้ว ต้องปฏิบัติงานใน
มหาวทิ ยาลยั ครบ 2 ปี จึงมีสิทธิขอทนุ ได้
- ต้องย่นื แสดงความประสงคข์ อรับทนุ ตามที่มหาวทิ ยาลัยประกาศไว้
- ผู้ได้รับทุนจะต้องย่ืนหลักฐานการลาศึกษาต่อมหาวิทยาลัยตามแบบท่ีกาหนด และถ้าเป็นการ
ลาไปศึกษาต่างประเทศ จะต้องยืน่ ก่อนเดินทางไปศึกษา 4 เดือน
คู่มือบคุ ลากร มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย 33
- ผไู้ ด้รับทนุ ศึกษาต่อ จะตอ้ งทาสัญญากับมหาวิทยาลัยก่อนไปศึกษาต่อตามแบบทม่ี หาวิทยาลัย
กาหนด
- ยงั ไมไ่ ด้รับทุนจากหน่วยราชการต่าง ๆ
เกณฑ์ในการจัดสรรทนุ การศกึ ษามดี ังน้ี
ทนุ ศกึ ษาต่อภายในประเทศ
ระดบั ปรญิ ญาโท ไมเ่ กนิ ปลี ะ 50,000 บาท ให้ทุนได้ไม่เกิน 2 ปกี ารศึกษา และสามารถ
ขอทุนทาวทิ ยานพิ นธ์ไม่เกนิ 30,000 บาท
ระดับปริญญาเอก ไม่เกนิ ปลี ะ 70,000 บาท ให้ทนุ ได้ไมเ่ กิน 3 ปกี ารศึกษา และสามารถ
ขอทุนเพื่อทาวิทยานพิ นธ์ไม่เกนิ 50,000 บาท
ทนุ ศึกษาต่อต่างประเทศ
ระดบั ปริญญาโท ไมเ่ กนิ ปีละ 70,000 บาท ใหท้ ุนไดไ้ ม่เกิน 2 ปกี ารศกึ ษา และสามารถ
ขอทนุ สาหรับทาวทิ ยานิพนธ์ไมเ่ กนิ 50,000 บาท
ระดับปริญญาเอก ไม่เกินปีละ 100,000 บาท ให้ทุนได้ไม่เกิน 3 ปี และสามารถขอทุน
เพ่อื ทาวทิ ยานิพนธไ์ ด้ไม่เกนิ 100,000 บาท
การขอทนุ เพื่อฝึกอบรม
บคุ ลากรของมหาวิทยาลยั จะรบั ทุนฝกึ อบรม จะต้องมีคุณสมบัตดิ งั นี้
1. เปน็ บุคลากรของมหาวิทยาลยั และจะต้องปฏบิ ตั ิงานครบ 1 ปบี ริบรู ณ์
2. มีวฒุ ิระดับปรญิ ญาตรี หรือเทยี บเทา่ ขึ้นไป
3. ต้องเสนอโครงการไปฝกึ อบรมและแบบตอบรบั การฝกึ อบรมมาแสดงตอ่
คณะกรรมการ
ผ้ไู ด้รบั ทุนไปฝึกอบรมจะต้องจัดทารายงานผลการฝกึ อบรมเสนอต่อมหาวทิ ยาลยั 10 ชุดต่อครงั้ ต่อ
ลาดบั ขนั้ ของสายงาน และในกรณที ผี่ ู้ได้รับทนุ ไปฝึกอบรมเกนิ 30 วัน จะต้องทาสญั ญาการรับทุน และลาไป
ฝกึ อบรมต่อมหาวิทยาลัยตามแบบท่กี าหนด
การเบิกคา่ เลา่ เรียนบตุ ร
บุคลากรที่จะสามารถเบิกค่าเล่าเรียนบุตรได้ จะต้องเป็นบุคลากรประจาตามข้อบังคับมหาวิทยาลัย
มหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2541 ท่ีได้รับเงินเดือนประจาตามบัญชีอัตรา
เงินเดือนของมหาวิทยาลัย โดยสามารถเบิกค่าเล่าเรียนบุตรได้เพียงคนท่ี 1-3 ซ่ึงต้องเป็นบุตรของบุคลากร
โดยชอบด้วยกฎหมาย และบุตรที่บิดาได้รับรองแล้วตามกฎหมาย มีอายุไม่เกินย่ีสิบห้าปีในวันท่ีหน่ึง
พฤษภาคมของทกุ ปี ทัง้ น้ีไมร่ วมถงึ บุตรบุญธรรม และบตุ รซึ่งบดิ ามารดาได้ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของผูอ้ ่นื
การนับลาดับบุตรคนที่หนึ่งถึงคนท่ีสามให้นับเรียงลาดับการเกิดก่อนหลัง ทั้งน้ี ไม่ว่าบุตรที่เกิดจาก
การสมรสครัง้ ใด หรืออยใู่ นอานาจปกครองของตนหรือไม่
คมู่ ือบุคลากร มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย 34
กรณีที่บุคลากรมีบุตรเกิน 3 คน ถ้าคนใดคนคนหนึ่งใน 3 คนแรก มีความพิการ ตาย หรือมีลักษณะ
วิกลจริต ไม่สามารถศึกษาเล่าเรียนได้ต้ังแต่เกิด หรือก่อนอายุ 25 ปี ให้บุตรคนถัดไปใช้สิทธิเบิกค่าเล่าเรียน
แทนได้
เงินชดเชย
เงินชดเชยได้แก่ เงินที่มหาวิทยาลัยจ่ายให้บุคลากร นอกเหนือจากเงินเดือนประจาและเงินประเภท
อื่นซ่ึงมหาวิทยาลัยจ่ายให้แก่บุคลากร เมื่อบุคลากรของมหาวิทยาลัยออกจากงานโดยไม่มีความผิดตาม
ขอ้ บงั คบั ที่มหาวทิ ยาลัยกาหนด โดยมหาวิทยาลัยจา่ ยใหค้ ร้ังเดยี ว
บุคลากรผู้ท่ีจะได้รับเงินชดเชย ต้องเป็นบุคลากรที่ได้รับการบรรจุเป็นบุคลากรประจาตามระเบียบ
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2541 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมท่ีได้รับ
เงินเดือนของมหาวิทยาลัย (ไม่รวมลกู จา้ งช่ัวคราวรายปแี ละลูกจา้ งทีม่ ีกาหนดระยะเวลาการจ้าง)
หลักเกณฑ์จ่ายเงินชดเชย
1. บุคลากรทางานติดต่อกันครบหน่งึ ร้อยย่ีสบิ วันขึ้นไป แต่ไม่ครบหนึ่งปีโดยนับวนั หยุด วันลาและ
วันที่มหาวิทยาลัยสั่งให้หยุดทางานเพ่ือประโยชน์ของมหาวิทยาลัยด้วย ให้จ่ายเงินชดเชยเท่ากับ
1 เทา่ ของอตั ราเงนิ เดอื นเดอื นสุดท้าย
2. บุคลากรทางานติดต่อกันครบหน่ึงปีขึ้นไป แต่ไม่ครบสามปีโดยนับวันหยุด วันลาและวันที่
มหาวทิ ยาลยั ส่ังใหห้ ยุดทางานเพ่ือประโยชน์ของมหาวทิ ยาลยั ด้วย ให้จ่ายเงนิ ชดเชยเท่ากับ 3 เท่า
ของอัตราเงินเดือนเดือนสุดทา้ ย
3. บุคลากรทางานติดต่อกันครบสามปีขึ้นไป แต่ไม่ครบหกปีโดยนับวันหยุด วันลาและวันที่
มหาวิทยาลัยสั่งให้หยุดทางานเพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัยด้วย ให้จ่ายเงินชดเชยเท่ากับ 6
เท่า ของอัตราเงินเดือนเดือนสุดทา้ ย
4. บุคลากรทางานติดต่อกันครบหกปีข้ึนไป แต่ไม่ครบสิบปีโดยนับวันหยุด วันลาและวันท่ี
มหาวิทยาลัยสั่งให้หยุดทางานเพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัยด้วย ให้จ่ายเงินชดเชยเท่ากับ 8
เท่า ของอตั ราเงินเดือนเดือนสดุ ทา้ ย
5. บุคลากรทางานติดตอ่ กันครบสิบปีขึ้นไป โดยนับวนั หยุด วันลาและวันท่ีมหาวทิ ยาลัยสงั่ ให้หยุด
ทางานเพือ่ ประโยชนข์ องมหาวิทยาลยั ด้วย ใหจ้ ่ายเงินชดเชยเทา่ กบั 10 เท่า ของอัตราเงินเดือน
เดือนสดุ ทา้ ย
คุณสมบตั ิของบุคลากรผู้มสี ิทธไิ ดร้ บั เงินชดเชย
(1) ลาออกด้วยความสมัครใจ แตต่ ้องปฏบิ ตั ิงานตดิ ตอ่ กนั ครบ 10 ปีขึน้ ไป
(2) ครบเกษียณอายุ
(3) ถูกสัง่ ให้ออกจากงานกรณีที่เจ็บป่วยจนไมส่ ามารถปฏบิ ัติงานของตนไดโ้ ดยสม่าเสมอ
(4) ถกู ส่ังให้ออกจากงานกรณีถูกยบุ เลิกตาแหน่งและไม่อาจบรรจุให้ลงในตาแหน่งอืน่ ทเี่ หมาะสม
คู่มือบุคลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั 35
(5) ตายในขณะทีม่ ีสถานภาพเป็นบุคลากรมหาวิทยาลยั
กรณีบคุ ลากรเสยี ชีวิต ให้จ่ายเงนิ ชดเชยตามลาดบั ดังน้ี
(1) สามหี รอื ภรรยาท่ีชอบดว้ ยกฎหมายของบคุ ลากรมหาวิทยาลัยผนู้ ั้น ทย่ี งั มีชวี ติ อยู่
(2) ให้จา่ ยแก่บตุ รท่ีชอบด้วยกฎหมายของบุคลากรมหาวิทยาลยั ผูน้ นั้ ท่ยี ังมีชีวิตอยู่
(3) ให้จ่ายแกบ่ ิดามารดาหรือทายาทโดยธรรมของบคุ ลากรผ้นู ัน้ ทีย่ งั มีชีวิตอยู่
(4) บุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งบุคลากรได้ทาใบแจ้งความจานงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ ณ
ฝ่ายวิเคราะห์งานบุคคล สานักงานอธกิ ารบดี
กองทุนเงนิ สะสมของบคุ ลากร
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้มีข้อบังคับว่าด้วยกองทุนเงินสะสมของบุคลากร พ.ศ. 2544
โดยมวี ตั ถปุ ระสงคด์ งั น้ี
(1) เพ่ือเปน็ ประโยชนต์ อบแทนการทางานแกบ่ ุคลากรเม่ือออกจากงาน
(2) เพ่ือสง่ เสริมการออมทรพั ย์ของสมาชิก
(3) เพือ่ จดั สวัสดิการและสิทธปิ ระโยชน์อื่นใหแ้ ก่สมาชิก
กองทุนอาจมีรายไดจ้ ากแหล่งตา่ ง ๆ ดังนี้
(1) เงินสะสมของบคุ ลากรในอตั ราร้อยละสามของเงินเดือน
(2) เงินสมทบของมหาวิทยาลัยซึ่งมหาวิทยาลัยออกสมทบเป็นเงินอุดหนุนให้ไม่น้อยกว่า
เงินสะสมของบุคลากร
(3) เงินอุดหนุนจากรฐั บาลทีจ่ ่ายสมทบกองทนุ
(4) ทรัพยส์ ินท่มี ผี ้บู ริจาคให้
(5) ดอกผลของเงนิ หรือทรัพย์สนิ ของกองทนุ
(6) รายได้อน่ื ๆ
บุคลากรที่จะสามารถเป็นสมาชิกกองทุนเงินสะสมบุคลากรได้จะต้องเป็นบุคลากร ผู้ได้รับการบรรจุ
เป็นบุคลากรประจาตามข้อบังคับ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล
พ.ศ. 2541 ท่ีไดร้ ับเงนิ เดือนประจาตามบัญชอี ตั ราเงินเดอื นของมหาวทิ ยาลยั
สมาชกิ ภาพของสมาชิกสนิ้ สุดลงเมือ่
1. ออกจากงาน
2. มรณภาพหรอื ตาย
3. คณะกรรมการมีมตใิ ห้ออก
กองทนุ เงนิ สะสมประกอบด้วย
1. เงนิ สะสม ได้แก่เงนิ ท่ีหักจากบคุ ลากรร้อยละสามของเงนิ เดือน
คู่มอื บุคลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย 36
2. เงนิ สมทบ ไดแ้ กเ่ งินท่ีมหาวทิ ยาลัย และรัฐบาลจา่ ยสมทบ
บคุ ลากรทไี่ ม่ไดร้ ับเงินสมทบ ไดเ้ ฉพาะเงินสะสม มดี ังนี้
1. เปน็ สมาชิกซง่ึ สง่ เงนิ สะสมเขา้ กองทนุ มีระยะเวลาไม่ถงึ 60 เดือน
2. ถูกไล่ออก หรือถึงแก่กรรมเนอ่ื งจากการประพฤตชิ ั่วรา้ ยแรงของตนเอง
เมอ่ื บุคลากรพ้นสภาพการเป็นบุคลากร ให้ดาเนินการติดตอ่ ขอรับเงินสะสมและเงินสมทบ ไดท้ ฝี่ า่ ย
กองทนุ เงนิ สะสมบุคลากร เพือ่ ให้คณะกรรมการกองทนุ ตรวจสอบสิทธิการได้รบั เงินสะสมและเงินสมทบ ซง่ึ
กองทุนจะจ่ายภายในเจ็ดวันทาการนบั แต่วนั ท่ไี ดด้ าเนินการตรวจสอบเสรจ็ เรยี บร้อยแล้ว เวน้ แต่มเี หตุอนั
สมควร
คมู่ ือบคุ ลากร มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั 37
บทท่ี 10
วนิ ยั การรักษาวินัย เกณฑก์ ารลงโทษทางวินยั
การร้องทกุ ข์ การอทุ ธรณ์ และการออกจากงาน
วนิ ยั การรกั ษาวนิ ยั
1. ตอ้ งไม่กระทาการกระทาการใด ๆ อันเป็นการลบหลพู่ ระรตั นตรัย
2. ต้องรักษาวินัยของบคุ ลากรท่ีมหาวทิ ยาลยั กาหนดดว้ ยตนเอง โดยเครง่ ครัดอยู่เสมอ
3. ต้องสุภาพเรียบร้อย เชอ่ื ฟังและปฏิบัตติ ามคาส่ังของผ้บู งั คับบัญชาซึ่งส่งั การในหนา้ ท่โี ดยชอบ
4. ตอ้ งปฏบิ ัตติ ามนโยบาย คาสง่ั กฎระเบียบ ข้อบงั คับ และแบบธรรมเนยี มของมหาวิทยาลยั
5. ต้องปฏิบตั หิ นา้ ทที่ ่ีได้รับมอบหมายให้เกิดผลดี หรือเกดิ ความกา้ วหนา้ แก่มหาวทิ ยาลยั ระมดั ระวัง
รักษาทรัพย์สนิ และผลประโยชน์ของมหาวทิ ยาลัย
6. ต้องอุทิศเวลาให้แก่มหาวิทยาลัย และมาปฏิบัติงานตรงต่อเวลาสม่าเสมอ การมาปฏิบัติงานสาย
หรือกลบั กอ่ นกาหนดเวลาเนอื ง ๆ ถอื ว่าเป็นการกระทาผดิ วนิ ัย
7. ต้องรกั ษาความลบั ของมหาวทิ ยาลัย
8. ต้องรกั ษาความสามคั คแี ละช่วยเหลือซึง่ กันและกนั ในการปฏิบัติหนา้ ทใ่ี หเ้ กดิ ผลดีต่อมหาวิทยาลยั
9. ต้องไม่รายงานเท็จหรอื ปกปิดขอ้ เท็จจรงิ ต่อผู้บังคับบญั ชา
10. ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ห้ามอาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยอานาจหน้าที่ของตน
ไมว่ า่ โดยตรงหรือทางอ้อม หาประโยชน์ให้แก่ตน หรือ ผูอ้ ื่น
11. ต้องไม่เป็นตัวกระทาการในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท หรือปฏิบัติงานอ่ืนใดท่ีได้รับค่าจ้างหรือ
คา่ ตอบแทนในลกั ษณะเดียวกับค่าจ้าง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบญั ชา โดยต้องคานงึ ถงึ ว่า
จะไมท่ าให้เกิดความเสยี หายแกม่ หาวทิ ยาลัย
12. ตอ้ งไม่ประพฤติให้เสอื่ มเสยี ชือ่ เสยี งแก่ตน หรือแก่ชื่อเสยี งของมหาวทิ ยาลยั
ความผดิ วนิ ัยอยา่ งร้ายแรง
บุคลากรของมหาวิทยาลัยผู้ใดกระทาความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จักต้องได้รับโทษปลดออกหรือไล่ออก
ซึ่งมหาวทิ ยาลัยได้กาหนดการปฏบิ ตั ิของบุคลากรที่ถือว่าไดก้ ระทาความผิดวินยั รายแรงไว้ดงั น้ี
1. ไม่เชื่อฟัง และฝ่าฝืนคาสั่งของผู้บังคับบัญชาซ่ึงสังการในหน้าที่โดยชอบ อันทาให้เกิดความ
เสียหายแก่มหาวทิ ยาลยั อย่างร้ายแรง
2. ไมป่ ฏิบตั ิตามนโยบาย คาสงั่ กฎระเบียบ ข้อบังคับ และแบบธรรมเนยี มของมหาวทิ ยาลยั อันทา
ใหเ้ กิดความเสยี หายแกม่ หาวิทยาลัยอยา่ งรา้ ยแรง
คู่มือบุคลากร มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั 38
3. ไม่ระมัดระวังรักษาทรัพย์สินและผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัย อันทาให้เกิดความเสียหายแก่
มหาวทิ ยาลยั อยา่ งร้ายแรง
4. ละท้ิงหนา้ ทก่ี ารงานติดตอ่ กันเกินกวา่ 15 วัน โดยไม่มีเหตุผลอนั สมควร
5. เปิดเผยความลับของมหาวิทยาลยั อันทาใหเ้ กิดความเสียหายแก่มหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรง
6. สร้างความแตกแยกความสามัคคี อันทาให้เกิดความเสียหายแก่การปกครองและการบรหิ ารงาน
ของมหาวิทยาลยั อยา่ งร้ายแรง
7. รายงานเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงต่อผู้บังคับบัญชาอันทาให้เกิดความเสียหายแก่มหาวิทยาลัยอย่าง
ร้ายแรง
8. ทุจริตต่อหน้าท่ีและใช้อานาจหน้าท่ีของตนเอง หรือยอมให้อาศัยอานาจหน้าที่ของตนเองหา
ประโยชนใ์ หแ้ กต่ นเองหรือผู้อ่ืน อันทาใหเ้ กิดความเสยี หายแก่มหาวิทยาลัยอยา่ งร้ายแรง
9. กระทาการที่ถือว่าเป็นการประพฤติช่ัว อันทาให้เสื่อมเสียแก่ตาแหน่งหน้าที่และช่ือเสียงของ
มหาวทิ ยาลัยอย่างร้ายแรง
เกณฑ์การลงโทษทางวนิ ัย
คณะกรรมการบริหารงานบุคคล ในการประชุมครั้งที่ 4/2543 มีมติให้กาหนดเกณฑ์การลงโทษทาง
วินัยของมหาวิทยาลัยข้ึนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาโทษบุคลากรที่กระทาความผิดให้เหมาะสมกับ
ความผิดและมมี าตรฐานเดียวกนั
กรณีที่บุคลากรของมหาวิทยาลัยมีความผิดหรือถือกล่าวหาว่ากระทาการส่อไปในทางผิดวินัย ให้
มหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หรือคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แล้วแต่กรณี
ความผิดหรือลักษณะของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จานวน 5 ถึง 7 รูป/คน ท้ังนี้ประธานกรรมการจะต้องเป็น
บรรพชิตมีตาแหน่งทางบริหาร หรือวิชาการสูงกว่าผู้ถูกกล่าวหา แล้วนาเสนอผลการสอบสวนต่อ
คณะกรรมการบรหิ ารงานบุคคลพิจารณา
การพจิ ารณาโทษทางวนิ ัยให้ถือเกณฑ์การลงโทษการกระทาผดิ วนิ ัยในแต่ละระดับโทษตามกรณีที่ผิด
อย่างใดอยา่ งหนึง่ หรอื หลายกรณีรวมกันดังตอ่ ไปน้ี เป็นแนวทางการพิจารณาลงโทษทางวนิ ยั โดยอนุโลม
ภาคทัณฑห์ รือตาหนเิ ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร
กรณคี วามผิดทป่ี รากฏชดั เจน
1. ผิดจรรยาบรรณในการปฏบิ ตั งิ าน
2. กล่าววาจาไม่สุภาพกับผบู้ งั คบั บัญชา เพอ่ื นรว่ มงาน และผมู้ าตดิ ต่อมหาวทิ ยาลยั
3. ใช้เวลาปฏิบตั งิ านไปเป็นประโยชนส์ ่วนตัว
4. ปฏบิ ตั งิ านไม่มปี ระสิทธภิ าพ
5. เป็นผูส้ ร้างความแตกสามัคคีในหนว่ ยงาน และร่วมเปน็ ผกู้ ระทาการ
6. ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามคาสั่งของผู้บังคบั บัญชาทช่ี อบด้วยระเบียบ และประเพณีปฏิบตั ิ
ค่มู อื บคุ ลากร มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั 39
ตดั เงินเดอื น
กรณที ่มี ีความผิดชัดเจน
1. ไมป่ ฏิบตั ิตามคาสัง่ ของผู้บังคบั บัญชาที่ชอบดว้ ยระเบียบ และประเพณปี ฏิบตั ิเกิน 2 ครงั้
2. ไมร่ ักษาความสามัคคี ช่ือเสียงของมหาวิทยาลัย
3. ก่อการทะเลาะววิ าทกับเพ่ือนรว่ มงาน
4. ไมร่ กั ษาทรัพย์สนิ ของมหาวทิ ยาลัย ยกเว้นเหตุสุดวิสยั
5. นาทรพั ยส์ ินของมหาวทิ ยาลัยไปใชส้ ่วนตัว
6. เสพของมนึ เมา หรอื ด่ืมสุราจนครองสติไม่ได้ในขณะปฏิบตั ิหนา้ ท่ี
ลดขัน้ เงนิ เดอื น
กรณีที่มีความผดิ ปรากฏชดั เจน
1. ไม่ปฏิบัติตามคาสง่ั ของผบู้ ังคบั บญั ชาที่ชอบดว้ ยระเบยี บ และประเพณีปฏบิ ตั เิ กนิ 3 คร้ัง
2. ทาลายทรัพย์สินของมหาวิทยาลยั โดยไมเ่ จตนา
3. นามหาวิทมยาลัยไปเพื่อเชิงการค้า หรือธุรกจิ
4. ปลุกปนั่ ยุยงเพื่อนร่วมงานหรอื บุคคลอ่ืนให้ฝ่าฝืน จงใจเพ่ือมุ่งร้ายต่อมหาวิทยาลัย
ปลดออก
กรณที ีม่ ีความผิดปรากฏชดั เจน
1. ไมป่ ฏิบตั ิตามคาสงั่ ของผู้บังคบั บญั ชาที่ชอบด้วยระเบยี บ และประเพณีปฏิบัติเกิน 4
คร้ัง
2. ขาดงานติดต่อกันเกิน 15 วนั และได้กลับมาทางานอีก
3. ต้องคาพิพากษาของศาลเพราะความผิดทางอาญาจนถึงท่สี ุดในความผิดลหุโทษ
4. สร้างความแตกแยกสามัคคีในมหาวิทยาลยั
5. ทจุ รติ ต่อหน้าที่
6. ทาลายทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย
ไลอ่ อก
กรณที ี่มีความผิดปรากฏชัดเจน
1. ขัดขืนคาสั่งของผู้บังคบั บัญชาท่ชี อบด้วยระเบียบ และประเพณปี ฏิบตั เิ กนิ 5 ครง้ั
2. ขาดงานติดต่อกนั เกนิ 15 วนั และไม่มาปฏบิ ตั ิงาน
3. ต้องคาพพิ ากษาของศาลเพราความผิดทางอาญาจนถึงท่ีสดุ ในความผดิ คดีอกุ ฉกรรจ์
4. ประทุษรา้ ย และปองร้ายผู้บังคบั บัญชาโดยมีเจตนาไตร่ตรองไว้กอ่ น
5. ทจุ รติ ตอ่ หน้าท่วี งเงนิ มูลคาเกิน 10,000 บาท
6. ทาลายทรัพยส์ นิ ของมหาวิทยาลยั
7. แจง้ หลกั ฐาน เอกสารเท็จในการเข้าปฏบิ ัติงานในมหาวิทยาลัย
คมู่ ือบคุ ลากร มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั 40
การร้องทุกข์
บุคลากรของมหาวทิ ยาลัยมีสิทธิร้องทุกขไ์ ด้เมื่อ
(1) เห็นว่าผู้บังคับบัญชาใช้อานาจหน้าท่ีปฏิบัติต่อตนไม่ถูกต้อง หรือไม่ปฏิบัติต่อตนให้
ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบยี บและขอ้ บังคับของมหาวิทยาลยั ใหผ้ นู้ นั้ รอ้ งทุกขต์ ่อผู้บังคับบัญชาข้นั ต้น และเม่ือ
ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นพิจารณาแล้ว ผู้ร้องทุกข์เห็นว่ายังไม่ได้รับการแก้ไขก็ให้ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาช้ัน
ถัดไป เมือ่ ผูบ้ งั คบั บญั ชาช้นั ถัดไปวินจิ ฉยั ประการใด ให้ถอื เป็นท่ียตุ ิ
(2) ถูกสั่งให้ออกจากงานหรือเลิกจ้าง ให้ผู้น้ันมีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการได้เมื่อ
คณะกรรมการวินิจฉัยเป็นประการใด ให้อธิการบดีส่ังให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการ และถือให้เป็นที่ยุติ
การร้องทุกขแ์ ละการพิจารณาเร่อื งรอ้ งทุกข์ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารทีค่ ณะกรรมการกาหนด
การอุทธรณ์
บุคลากรของมหาวทิ ยาลัยผู้ใดถูกสง่ั ลงโทษ ให้ผ้นู นั้ มีสิทธอิ ุทธรณ์ ดังนี้
(1) การอุทธรณ์ คาส่ังลงโทษ ตัดเงินเดือน ลดข้ันเงินเดือน ให้อุทธรณ์ต่อผู้บังคับบัญชา
ช้ันต้นภายในสิบห้าวัน นับแต่วันทราบคาสั่ง เมื่อผู้บังคับบัญชาช้ันต้นได้รับคาอุทธรณ์และวินิจฉัยเป็น
ประการใดแล้ว ผู้อุทธรณ์ยังเห็นว่าไม่เป็นธรรม ให้อุทธรณ์ต่อผู้บังคับบัญชาชั้นถัดขึ้นไป และเม่ือมีคา
วินจิ ฉยั ประการใด ให้ถือเปน็ ท่ียตุ ิ
(2) การอุทธรณ์ คาส่ังลงโทษ ปลดออก ให้อทุ ธรณต์ อ่ คณะกรรมการภายในสามสบิ วันนับ
แตว่ นั ทราบคาส่ัง เมอื่ คณะกรรมการวินิจฉัยเป็นประการใด ใหอ้ ธิการบดีสัง่ ให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการ
และใหถ้ ือเปน็ ท่ียุติ
การอุทธรณ์และการพิจารณาเรื่องอุทธรณ์ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ
กาหนด
การออกจากงาน
บคุ ลากรของมหาวิทยาลัยออกจากงานเมื่อ
(1) มรณภาพหรือตาย
(2) ครบเกษยี ณอายุ
(3) ไดร้ บั อนุญาตใหล้ าออก
(4) ยุบหรอื เลิกตาแหน่ง หรือยุบหนว่ ยงาน ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกาหนด
(5) สน้ิ สดุ สัญญา
(6) ถูกสัง่ ให้ออกหรือเลกิ จ้าง
(7) ถูกสง่ั ลงโทษปลดออก
(8) ถูกสง่ั ลงโทษไล่ออก
(9) พน้ จากความเปน็ พระภกิ ษุ สาหรบั บคุ ลากรทเี่ ปน็ บรรพชติ
อธิการบดี มีอานาจสง่ั ใหบ้ คุ ลากรของมหาวิทยาลยั ออกจากงานหรือเลิกจ้างได้ ในกรณตี อ่ ไปนด้ี ว้ ย คือ
ค่มู อื บุคลากร มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั 41
(1) เมื่อบคุ ลากรของมหาวิทยาลยั ผใู้ ดเจ็บปว่ ยไม่อาจปฏบิ ตั ิหนา้ ทขี่ องตนได้โดยสม่าเสมอ
(2) เม่ือบุคลากรของมหาวิทยาลัยผู้ใดประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตาแหน่งหน้าที่หรือบกพรอ่ ง
ในหน้าทด่ี ้วยเหตุใด ๆ
(3) เม่ือบุคลากรของมหาวิทยาลัยผู้ใดขาดคุณสมบัติตามข้อ 10 หรือขาดพ้ืนความรู้อยู่ก่อน
บรรจุ โดยไม่ได้รับการยกเวน้ ตามข้อ 21 แห่งข้อบงั คับมหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย
ว่าดว้ ยการบรหิ ารงานบุคคล พ.ศ. 2541
(4) เมื่อบุคลากรของมหาวิทยาลัยผู้ใด มีผลการปฏิบัติงานต่ากว่าเกณฑ์และไม่ได้รับการเล่ือน
ขั้นเงนิ เดอื นประจาปตี ดิ ต่อกนั 3 ปี เว้นแต่กรณีเงนิ เดือนเต็มขั้น
(5) เม่ือบุคลากรของมหาวทิ ยาลยั ผูใ้ ดปฏิบตั หิ น้าทีโ่ ดยไม่มีประสิทธภิ าพ หรอื ปฏิบัติงานโดยใช้
ความร้คู วามสามารถไมถ่ งึ เกณฑท์ ่กี าหนด
(6) เมื่อบุคลากรของมหาวิทยาลัย ถูกกล่าวหาว่ากระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรงและได้มีการ
สอบสวนแล้ว ผลการสอบสวนไม่ได้ความว่ากระทาความผิดท่ีจะถูกลงโทษปลดออกหรือ
ไล่ออก แต่มีมลทินมัวหมองในกรณีท่ีถูกสอบสวน หากไม่ปฏิบัติงานต่อไป อาจจะเกิด
ความเสยี หายแกม่ หาวิทยาลยั
(7) เมือ่ บคุ ลากรของมหาวิทยาลยั ผูใ้ ดตอ้ งรบั โทษจาคุก โดยคาพพิ ากษาถงึ ทีส่ ดุ ใหจ้ าคุก
ค่มู อื บุคลากร มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย 42
เอกสารอา้ งองิ
รายงานประจาปี 2556 มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั
ข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วยการกาหนดสี และความหมายดวงตรามหาวิทยาลัย
พ.ศ. 2546
ข้อกาหนดมหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย ว่าด้วย การจัดตง้ั ส่วนงาน พ.ศ. 2540
ข้อกาหนดมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลัย ว่าด้วย การจดั ตง้ั สว่ นงาน พ.ศ. 2541
ขอ้ กาหนดมหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ว่าดว้ ย การจัดตั้งสว่ นงาน พ.ศ. 2541 (เพิ่มเติม)
ขอ้ กาหนดมหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั วา่ ด้วยการจัดตั้งส่วนงาน (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2544
ข้อกาหนดมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าดว้ ยการจัดตั้งส่วนงาน (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2550
ประกาศมหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย ว่าด้วยการแบ่งส่วนงาน พ.ศ. 2540
ประกาศมหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั วา่ ดว้ ยการแบ่งสว่ นงาน พ.ศ. 2541
ประกาศมหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลยั เร่อื งการแตง่ กายของบคุ ลากรและลกู จา้ งเวลาปฏิบัตงิ านปกติ
ในวันทาการ
ระเบยี บมหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย วา่ ด้วย เคร่อื งแบบบุคลากรมหาวิทยาลยั พ.ศ. 2541
ข้อกาหนดเครื่องแบบบุคลากรมหาวิทยาลัย ท้ายระเบียบมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วย
เคร่ืองแบบบุคลากรมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2541
พระราชบัญญัตบิ ตั รประจาตวั เจา้ หน้าที่ของรฐั พ.ศ. 2542
กฎกระทรวง (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติบัตรประจาตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2542
ประกาศมหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย เรื่องรหัสประจาตัวบคุ ลากร และบตั รประจาตัวเจ้าหนา้ ที่ของ
รัฐ
ข้อกาหนดมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วยวัน เวลาทางาน วันหยุด การลา และเกณฑ์การลา
พ.ศ. 2541
ประกาศเอกสารท้ายข้อกาหนด ว่าด้วยวัน เวลาทางานและวันหยุดของบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหามกุฏ
ราชวทิ ยาลัย พ.ศ. 2541
ข้อบงั คับมหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั วา่ ด้วยการทางานลว่ งเวลา พ.ศ. 2550
ระเบยี บมหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั ว่าด้วยการประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงานของบคุ ลากร พ.ศ. 2542
เกณฑก์ ารประเมินผลการปฏบิ ตั ิงานของบุคลากรมหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั พ.ศ. 2542
ประกาศมหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลยั เรื่องเกณฑ์การสอนของบุคลากรประจา พ.ศ. 2543
ข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วยเกณฑ์การเลื่อนเงินเดือนของบุคลากรของ
มหาวิทยาลยั พ.ศ. 2542
ค่มู ือบุคลากร มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย 43
ร่างบัญชี 18 (ที่ปรับปรุงใหม่) การขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ดารงตาแหน่งใน
สถาบันอดุ มศึกษาของรัฐที่มลี ักษณะพิเศษ
ข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งอาจารย์
พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ รองศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์พิเศษ
ศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์พเิ ศษ
ประกาศมหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย เร่ืองการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลบุคลากร พ.ศ. 2543
ระเบยี บมหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย ว่าดว้ ยการลาศกึ ษาตอ่ ของบุคลากร พ.ศ. 2542
ระเบียบมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วยการให้ทุนบุคลากรศึกษาต่อและฝึกอบรม พ.ศ.
2542
ข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ.
2544
หนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนทสี่ ดุ ท่ี กค 0422.3/621 วันท่ี 13 กุมภาพนั ธ์ 2557 เร่อื ง ประเภทและอัตรา
เงนิ บารงุ การศึกษาและคา่ เลา่ เรยี น
ระเบียบมหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลัย วา่ ดว้ ยเงนิ ชดเชย พ.ศ. 2557
ข้อบงั คับมหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลัย วา่ ด้วยกองทนุ เงนิ สะสมของบคุ ลากร พ.ศ. 2544
ขอ้ บงั คับมหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย วา่ ดว้ ยการบรหิ ารงานบคุ คล พ.ศ. 2541
ประกาศมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เกณฑ์ลงโทษทางวินัยของมหาวิทยาลัยมหามกุฏ ราช
วิทยาลยั พ.ศ. 2543
ขอ้ บงั คับ ข้อกำหนด กฎ ระเบยี บ ประกำศ
พระรำชบญั ญตั ิ กฎกระทรวง
ท่ีเกย่ี วข้องกับกำรจดั ทำหนงั สือ
เอกสำรทเ่ี กย่ี วข้องกับบทท่ี 1
- ข้อบงั คบั มหำวิทยำลัยมหำมกฏุ รำชวทิ ยำลยั วำ่ ด้วยกำรกำหนดสี และควำมหมำยดวง
ตรำมหำวิทยำลัย พ.ศ. 2546
เอกสำรทเี่ ก่ียวข้องกบั บทท่ี 2
- ขอ้ กำหนดมหำวิทยำลัยมหำมกุฏรำชวิทยำลัย ว่ำดว้ ย กำรจดั ต้ังส่วนงำน พ.ศ. 2540
- ขอ้ กำหนดมหำวทิ ยำลยั มหำมกฏุ รำชวทิ ยำลยั ว่ำด้วย กำรจัดตั้งสว่ นงำน พ.ศ. 2541
- ข้อกำหนดมหำวิทยำลัยมหำมกุฏรำชวิทยำลยั ว่ำด้วย กำรจัดตั้งส่วนงำน พ.ศ. 2541
(เพิ่มเตมิ )
- ข้อกำหนดมหำวิทยำลัยมหำมกุฏรำชวิทยำลัย ว่ำด้วยกำรจัดตั้งส่วนงำน (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2544
- ข้อกำหนดมหำวิทยำลัยมหำมกุฏรำชวิทยำลัย ว่ำด้วยกำรจัดตั้งส่วนงำน (ฉบับท่ี 3)
พ.ศ. 2550
- ประกำศมหำวทิ ยำลัยมหำมกฏุ รำชวทิ ยำลยั วำ่ ดว้ ยกำรแบง่ สว่ นงำน พ.ศ. 2540
- ประกำศมหำวทิ ยำลยั มหำมกฏุ รำชวทิ ยำลัย วำ่ ด้วยกำรแบง่ ส่วนงำน พ.ศ. 2541
เอกสำรทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับบทท่ี 3
- ประกำศมหำวิทยำลัยมหำมกฏุ รำชวทิ ยำลยั เรื่องกำรแต่งกำยของบคุ ลำกรและลกู จำ้ ง
เวลำปฏิบัตงิ ำนปกตใิ นวันทำกำร
- ระเบียบมหำวิทยำลัยมหำมกุฏรำชวิทยำลัย ว่ำด้วย เครื่องแบบบุคลำกรมหำวิทยำลัย
พ.ศ. 2541
- ข้อกำหนดเคร่ืองแบบบุคลำกรมหำวิทยำลัย ท้ำยระเบียบมหำวิทยำลัยมหำมกุฏรำช
วิทยำลัย ว่ำดว้ ย เครื่องแบบบคุ ลำกรมหำวทิ ยำลยั พ.ศ. 2541