The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เป็นผลงานนักเรียนในรายวิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ ของนักเรยนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rujida suksai :KruNOK, 2021-11-23 11:09:05

ผลงานIS1 ระดับ ม.5 ผ่านการคัดเลือกระดับห้องเรียน

เป็นผลงานนักเรียนในรายวิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ ของนักเรยนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2564

Keywords: IS

ผลงานการศึกษาค้นคว้าและ
สร้างองค์ความรู้ (IS1)

ที่ได้รับการคัดเลือกระดับห้องเรียน
ของ

นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564







โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล



เเนวทางการทาเทยี นหอมจากกากกาเเฟ โดยการใช้ไขถั่วเหลอื งแทนพาราฟิ น

เน่ืองจากสมยั น้ีคนส่วนใหญน่ ิยมด่ืมกาแฟสดกนั เป็ นจานวนมากเช่นกนั แต่ดว้ ยปัจจบุ นั น้ีเป็ น

โลกแห่งเทคโนโลยแี ละการคน้ ควา้ จึงทาใหม้ ีคนนากากกาแฟไปทาการวจิ ยั วา่ มีประโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ งและ

เมื่อไดท้ ราบถึงประโยชนข์ องกากกาแฟ ทาใหม้ ีคนนาเอากากกาแฟไปดบั กลิ่นหรือทาสครบั กาแฟ

นอกจากน้ีกากกาแฟยงั มีประโยชน์ในการไล่สตั วจ์ าพวกมด แมลงได้ รวมไปถึงการจุดเทียนสรา้ งบรรยากาศ

ดงั น้นั คณะผจู้ ดั ทาโครงงานจงึ แกป้ ัญหาดว้ ยการนากากกาแฟมาทาใหเ้ กิดประโยชน์ โดยการนามาทาเป็ น

เทยี นหอมกากกาแฟ ซ่ึงกากกาแฟทน่ี ามาจะช่วยในเรื่องกล่ินของเทียนหอมได้ และยงั มีการผสมไขถว่ั เหลือง

เขา้ ไปดว้ ย เพราะเม่ือจุดแลว้ จะไม่ทาใหม้ ีควนั ดา และจุดไดน้ านกวา่ เทยี นหอมทว่ั ไปที่ใชพ้ าราฟิ น

นอกจากน้ียงั เป็ นการนาของไม่ใชแ้ ลว้ นากลบั มาใชอ้ ีก

2.1 เพอื่ นากากกาแฟทเ่ี กลอื ท้งิ มาแปรรูปใหเ้ กิดมูลค่า
2.2 เพอ่ื ศึกษาวธิ ีการทาเทยี นหอมในรูปแบบท่ีใชไ้ ขถว่ั เหลือง

3.1 เทยี นหอมไขถวั่ เหลือง คอื หน่ึงในเคร่ืองมือท่ไี ดร้ ับโหวตจากหลายๆคนวา่ สามารถใชบ้ าบดั
และฟ้ื นฟูสภาพร่างกายและจิตใจทเ่ี หนื่อยลา้ จากการทางานและความเครียดสะสมมาอยา่ งยาวนาน ช่วยให้
ร่างกายและจติ ใจกลบั คนื สู่ความสมดุลย์ น่ิง สงบ พร้อมทีจ่ ะรบั มือกบั ปัญหาต่างๆทีจ่ ะเขา้ อยา่ งมี
สตสิ มั ปัชชญั ญะ เทยี นหอมอโรม่าไขถวั่ เหลืองทาจากกากถวั่ เหลือง ซ่ึงเป็ นวตั ถุดิบจากธรรมชาติ 100% มี
ขอ้ ดีตา่ งๆมากมายดงั ต่อไปน้ี

3.2 กากกาเเฟ คือ เศษท่ไี ดจ้ ากการควั่ บดกาแฟแลว้ นาไปชงดื่มเรียบร้อยแลว้ จะถูกทิ้งภายหลงั จาก
การสกดั เพอื่ ใหไ้ ดน้ ้ากาแฟออกมา แต่ในกากกาแฟจะยงั คงเหลือสารอาหารสาคญั โดยเฉพาะสารตา้ นอนุมูล
อิสระ เรานิยมนาเอากากกาแฟมาใชใ้ นการดูแลผวิ ดว้ ยการผสมกบั ส่วนผสมตามธรรมชาติ ใชข้ ดั หรือพอก

ไม่วา่ จะเป็นผวิ หนา้ หรือผวิ กาย ก็ลว้ นช่วยดึงเอาสารพษิ ตกคา้ ง เติมความใสใหผ้ วิ สุขภาพดีได้

สามารถนากากกาเเฟเหลือทงิ้ มาใชป้ ระโยชน์ได้
สามารถศึกษาเเละไดค้ วามรู้วธิ ีการทาเทยี นหอมนาความรูท้ ี่ไดจ้ ากการศกึ ษา ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั

การศึกษาเเนวทางการทาเทยี นหอมจากกากกาเเฟ โดยการใชไ้ ขถวั่ เหลืองแทนพาราฟิ น

ผดู้ าเนินการ
1.น.ส.นิชนนั ท์ กอบจิตต์ เลขที่ 19 ม.5/1 2. น.ส.ปัณณศ์ ีดา ทองชชู ่วย เลขท่ี 21 ม.5/1
3.น.ส.พลอยชมพู สุวรรณ์ เลขท่ี 23 ม5/1

รถหุ่นยนต์กวาดขยะควบคุมโดยโทรศัพท์
การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ I30201
ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา2564

ที่มาและความสำคัญ

เกิดจากการที่ไม่มีเวลาทำความสะอาดมากพอ หุ่นยนต์กวาดขยะจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
โดยหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะดูดเอาเศษฝุ่นหรือเศษขยะชิ้นเล็กๆที่ตกค้างจากการทำความสะอาด
เข้าไปในกล่องใส่ขยะฝุ่นละออง ทำให้โอกาสที่จะมีเศษฝุ่นหรือเศษขยะชิ้นเล็กๆตกค้างจึงมี
น้อยมากหรือเเทบจะเป็นศูนย์

วัตถุประสงค์

1.เพื่อพัฒนาทักษะในการประดิษฐ์ด้านอิเล็กทรอนิกส์
2.เพื่อใช่เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

สมมุติฐาน

1.รถหุ่นยนต์กวาดขยะสามารถเคลื่อนที่ได้ตามต้องการ
2.รถหุ่นยนต์กวาดขยะสามารถอำนวยความสะดวกได้
3.รถหุ่นยนต์กวาดขยะสามารถควบคุมได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ

ขั้นตอนการดำเนินการ

1.ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลและปัญหาต่างๆ
2.ศึกษาวิธีจัดทำโครงงาน
3.ศึกษาการเขียนโปรแกรมที่เกี่ยงกับการทำโครงงาน
4.ออกแบบตัวหุ่นยนต์
5.เริ่มทำการเขียนโปรแกรม
6.ในระหว่างเขียนโปรแกรม ทำตามแผนที่บอกไว้
7.เมื่อเขียนโปรแกรมเสร็จ จากนั้นทำการทดลองกับหุ่นยนต์
8 . วิ เ ค ร า ะ ห์ แ ล ะ ป รั บ ป รุ ง หุ่ น ย น ต์
9 . ส รุ ป ผ ล ก า ร ท ด ล อ ง แ ล ะ นำ เ ส น อ

องค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาและค้นคว้า

1.ได้รู้จักอุปกรณ์ทางกล,อุปกรณ์ขับเร้า,อุปกรณ์ไฟฟ้า,
อุปกรณ์ควบคุมและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบรถหุ่นยนต์
2.ได้รู้จักการเขียนcode
3.ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

นายศุภวิชญ์ อุไรรัตน์ เลขที่1 นายเอกสิทธิ์ แก้วสุวรรณ เลขที่3 นายณภัทร ธรรมรัตน์ เลขที่5

นายณภัทร จํานงค์ เลขที่15 นายดลณภัทร์ สายสลํา เลขที่16

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5ห้อง2

กIา3รศ0กึ 2ษา0คน1ควาและสรางองคค วามรู

ท�มี าและความสาํ คญั �ตข(น)นมั�้าํ�กตเหปรอนละนกับอื กเกวปานกลรกงุส้อื ใางกันรเกแคNงุย้ราaก:ะOโปหปHรไร์ มิคเตขาโนีมต้ตขรซนส้าารนรอ้ ลยะลละาย� NในaอOตั Hร)าเสข่วม้ นขน้�ร:�อ้ ยละ
ในชวี ติ ประจาํ วนั เมอ�ื เรารบั ประทานอาหารทะเลเช่น กงุ้ กง�ั น�าํ�ทกเ�ีลตนัร� จยี นมมไวคี )้่ทาพอ�ี เีณุ อชหเภปมู็นิก�ล�า�งแ°Cลว้ เนปาํ็นไปเวอลบาท�อ�ี hณุ r.หกภรมูอิง�แ�ล�ะ°ลCา้ ง
เป็นเวลา �hr.
กแลาระปปรู ุงเปอ็นาหตาน้รหมรอืกั กจาะรมรเีบัปปลรอื ะกทหารนอื ทกไ�ีรมะไ่ดดอใ้งชทป้ เ�ี รหะลโอืยมชนาจอ์ าะกไกรรแะลบะวมนกั �ต)ม้ กเปรละบอื กวนกกงุ้ ใานรแHยCกแl รเข่ธมา้ ตขุน้ รอ้ ยละ � ในอตั ราส่วน �:�
พขจอะวถงกสกู นตทั�ีมว�งิ าทเ์แปะป็นเรลธรพรูปรวเมกปดน็นา�ีสสซาามรง�ึ ขปาราร้ พถะนกเจาอํ าม้ บเลาไใง็คชเโหป้ตน็รซะแาโลนยวโ้ชดวนา่ยไ์ เนดปาํ ล้ มโดอื ากยผน่าหนาํรขกอื อรกงะรเบหะวดลนออื ง (เกตนลราํ� นัห�ยี จนมะกไั มวเปคี)้ ่ลาทพอือ�ี เีกณุอกชหงุ้เภป:็มูนปกิ ร�ลมิ�า�างต°Cแรสลเาวป้ รน็นลาํเะไวลปลาอายบ�ทHhอ�ีrC.ณุ lเกขหรมภ้อขมูงนแ้ิ �รล�อ้ะ�ยล°ลา้Cงะนเ�าปํ� ็นท�ี
กกาารรกกาาํํ จจดดัั แหรร่ธอื าลตดุ หมอู่ ะซติ ลิ กระบวนการกาํ จดั โปรตนี และกระบวน

จากสก่วานรลนา้าํ�งเพสยีชื จผากั กโครรงาอบาไหขามรทนั อ�ี แอลกะมเศาเษตอม็ าไหปาดรวจ้ ยากสการาพรลษิ า้ฆงจ่าแานมหลรงอื เ�นว)าํลไกาครต�ะhนิบrแว.นหไกงด้ ทาผ้รไ�ี ลดดติงมึ้ หภาจมณั าอู ฑกะรเ์ซปะติ็บนลิ วสนารกไาครตทนิ�ี � มาตม้ ในสารละลาย
ลา้ งเน�ือสตั ว์ ซง�ึ คราบไขมนั จดั เป็นปญั หาสาํ คญั ทท�ี าํ ใหน้ าํ� เน่าเสยี 1สN0าaร0Oล°CHะลเาเปขย็นม้ Nเขวนa้ลรOาอ้H�ยhลเrขะ.ม้ก�ขร�น้อใรงนอแ้ อยลตัละรละาา้ส�ง�น่วนาํ�ทกเ�ี�ลต:น�ัร� ยีจ(นมนมไาํ� วหคี )น้ ่าทพกั อ�ีไเี อคณุ ชตหเนิปภ็นมู: ิ
กเในนา�อืรอจงสาจงกึกาทาดักศาํไกใผคหา่ารโก้นตจลลบซั มุ่ งตาขสนวั อู่นกจงาํ�นาัขเกปเาป้เพ็นป็นเตลแจวอืัาผ้ กสกน่ านกลรงใุ้สอจเยพาํทคออ�ืจ�ี ญัยใะูบ่ชททนบ้าทํ�ี เผาํราํ บใว�อิื หดนังนทนา้ํ� ปาํ�ศ�ํ�ีาเิดเนึกสก่ษายี นเั�าสมเยีรใิ�อื หงอ้ อกซเิ จน ไกดลผ้างลแติ ลภว้ ณันาฑํ ไเป์ ปอ็นบไทคอ�ีโตณุ ซหานภมู ิ ���°C เป็นเวลา �hr.
วตั ถุประสงคข์ องเร�ืองท�ศี ึกษา ผมนลั สในรจุปนาขาํ�กเอสกงยีากรสาศงัรึกเกคษารราาสศะภหึกาษแ์ วลาะคะทใน้เ�ีนหคนมวาํ�าา้ทะ�งิสดมว้ใยนไกคาโรตดซูดาซนบัจนากาํ� มเปนั ลแอื ลกะกไขงุ้
��ส..ตัเเพพวทออ��ืื์ ศศะเึึกกลษษแาาผกลระละผขบลอวตงิ นไสคกาโารตรไซสคางโั นตเคใซรนาานกะาหรไ์บคาํ โบตดัซนานาํ� เจสายี กจเปากลโอืรกงอขาอหงาร ปแสลงจัั เะจคกยัราการะาปรหรดด์ ะูดวย้ ซยุกบัไตคตใ์โ่าชตงง้ๆซาานทนจม�ี จรตี างิ ่อกกสเปาาลรมดอืารูดกถซกสบงุั้ รนพุปาํ�บผมวลนัา่ กแปาลรระมิ ทไาดขณมลทนอั เ�ีงใหนไมดนาด้าํ�ะเงัสสนมยี�ี
โ�บร.าํเงบพเรดอ�ัื ยี นเผนาํ� ยหเสแายีดพดใรหว่ค้ ยญวสา่สมามรรไบูก้คูรรโณะตบก์ซวาลุ นนกกนั ายราสงั เคราะห์ และกระบวนการ ไขคอโงตไคซาโตนซ�านgส.จาํ หะมรบปัี นระาํ� สเสทิ ยี ธทภิ ม�ี าคพี วในามกเาขรม้ดขูดน้ ซบ�ั �น�าํ� มmนั gแ/ลLะไคขอื มนั
�.เพอ�ื นาํ ความรูท้ างเคมมี าประยุกตใ์ ชใ้ หเ้กดิ ประโยชน์ สูงสุดคดิ เป็นรอ้ ยละ ��

กสมระมบุตสวฐิ นาามกนาาขรรถอสงนงั กเาํ คาเปรรศลาะอึกื หกษเ์หปาค็รนอืน้สกคารรวะไา้คดโอตงซขาอนงสแตั ลวว้ท์ นะาํ เไลปดมกาั ผจ่าบั น รายชือ่ สมาชกิ
ไขมนั จากการลา้ งจานจากโรงอาหารได้ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5/3

นายจุติสุข อนันตวลิ าส เลขที่ 4 นายธนพล อ๋งั สกลุ เลขท่ี 5
นายทฆี ายุ จริ าวฒุ ิวรนาถ เลขท่ี 11 นายฐาปณวัชร บุรสี วัสด์ิ เลขที่ 12
นายวฒุ พิ งศ ขาวจนั ทรคง เลขที่ 13 นายดนสุ รณ อนุสาร เลขที่ 14



หมอนหลอดเพื่อสุขภาพ

รายวิชาการศึ กษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้(I 30201)
ภาคเรียนที่1 ปีการศึ กษา2564

1.นำหลอดมาตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 1 เซนติเมตร
2.นำผ้าที่เตรียมไว้มาเย็บต่อกันเป็นปลอกหมอนแล้วนำถุงซักที่
เตรียมไว้มาใส่หลอดที่ตัด
3.นำใบมะกรูดมาหั่นแล้วนำไปตากแห้งจากนั้นนำมาใส่ใน
ปลอกหมอน
5.เมื่อได้ปลอกหมอนแล้วนำมาใส่กับหมอนหลอดเพื่อสุขภาพ
ที่เราทำไว้เสร็จแล้ว เป็นอันเสร็จสามารถนำไปใช้งานได้
6.นำหมอนหลอดไปทดลองกับผู้สูงอายุที่เคยมีอาการภูมิแพ้
และปวดคอบ่อย ใช้เวลาทดลองประมาณ3สัปดาห์

จากการที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับประเด็นปัญหาดังกล่าวสรุปได้ว่า โรค
ภูมิแพ้จากไรฝุ่นมักจะมาจากหมอนที่เรานอนอยู่นั่นเองซึ่งโดยหมอนทั่วไป
มักจะมีแหล่งสะสมของฝุ่นอยู่มากมายเลยทีเดียวดังนั้นหมอนหลอดเพื่อ
สุขภาพที่ผสมใบมะกรูดตากแห้ง นั้นสามารถช่วยลดอาการปวดคอ และ
แก้ปัญหาภูมิแพ้จากไรฝุ่นได้ได้เนื่องจากหลอดที่เราใช้ดื่มน้ำอยู่ทุกวันนั้น
ไม่เป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่นทั้งหลายนอกจากนี้ใบมะกรูดตากแห้งยังช่วย
ในเรื่องขับลมในลำไส้ และ แก้แน่นได้อีกด้วย

คณะผู้จัดทำ

นายศิริโชค สุวรรณโน เลขที่ 12 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 5
นายวิชยุตม์ ฤทธิ์รัตน์ เลขที่ 15 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 5
นางสาวชญาณินท์ รัตนะ เลขที่ 32 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 5
นางสาวนัฐวดี ศรีสมานุวัตร เลขที่ 34 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 5
นางสาววชิราภรณ์ วัลภา เลขที่ 37 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 5

สีย้อมผ้าจาก
ธรรมชาติ


รายวิชา การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้
รหัสวิชา I30201 ภาคเรียนที่1/2564

ที่มาและความสำคัญ


สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ คือ สีที่สกัดได้จากวัตถุดิบที่มาจาก พืช สัตว์ และแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นจาก

กระบวนการตามธรรมชาติ แหล่งวัตถุดิบของสีธรรมชาติสามารถหาได้จาก ต้นไม้ ใบไม้ และจากบางส่วนของสัตว์
หลายชนิด สามารถให้สีสันตามที่เราต้องการ และด้วยกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกันทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีความ
สวยงามและสีสันที่หลากหลาย หนึ่ งในผลิตภัณฑ์ที่นิยมมากคือ สีย้อมผ้า แหล่งวัตถุดิบ สำหรับสีย้อมผ้าธรรมชาติ
ที่มักนำมาใช้กันมักเป็ น พืช สัตว์และแร่ธาตุที่มีอยู่ในแต่ละท้องถิ่น เพื่อการนำทรัพยากรท้องถิ่นมาใช้ให้
เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็ นการถ่ายทอดภูมิปั ญญาในท้องถิ่น

สมมุติฐาน


1.สี ย้อมผ้าธรรมชาติสามารถใช้ แทนสี ย้อมผ้าสั งเคราะห์ ได้และจะมีสี ที่ สวยและหลายสี มากกว่า
2.การย้อมสีจากธรรมชาติในการทา เราใส่สารส้ม ให้สีสดและเข้มขึ้น ทำให้เราไม่ต้องใช้วัตถุดิบมาก

วัตถุประสงค์
1.ศึ กษาสี ย้
อมผ้าจากวัสดุธรรมชาติ 

2.สามารถทำสี ย้อมผ้าจากธรรมชาติได้ 
3.ศึกษาวิธีการย้อมผ้าโดยการใช้สีจากขมิ้น อัญชันและใบเตย 
4.ปฏิบัติการทำผ้ามัดย้อมได้ตามขั้นตอนอย่างประหยัดและปลอดภัย 
5.บอกชนิ ดและคุณสมบัติของสารทำปฏิกิริยาที่ใช้ในการย้อมผ้าได้

ขั้นตอนการดำเนินงาน


1.คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนำเสนอครู ที่ปรึกษาโครงงาน

2.ศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ คือเรื่องสีย้อมผ้าจากธรรมชาติ
3.ศึกษาเรื่องสีย้อมผ้าธรรมชาติ จากเอกสารและเว็บไซส์ต่างๆ
4.จัดทำโครงร่างโครงงานเพื่อเสนอครู ที่ปรึกษาโครงงาน
5.ปฎิบัติการจัดทำสี ย้อมผ้าจากธรรมชาติ
6.รับฟั งและนำข้อติชมมาปรับใช้
7.จัดทำเอกสารรายงาน

สรุปองค์ความรู้


- สีของอัญชัน ขมิ้น และใบเตย สมาชิกในกลุ่ม
ได้รู้ว่าสี ธรรมชาติจากสิ่ งใกล้ตัวเราอย่าง 1.นายทัพไท จำดวง เลขที่ 12 ม.5/6
อัญชัน ขมิ้น และใบเตยมาสามารถนำมาทำ 2.นางสาวธิติมา สะหลับทอง เลขที่ 25 ม.5/6
เป็ นสีย้อมผ้าได้ และสามารถนำมาทำเป็ น 3.นางสาวนุสรา อนงค์ เลขที่ 26 ม.5/6
ผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมที่ใช้นุ่ งห่มและอย่างอื่น 4.นางสาวอภิษฐา พรหมสาลี เลขที่ 27 ม.5/6
ได้อีกมากมาย 5.นางสาวอรชพร ง่อบุตร เลขที่ 28 ม.5/6
6.นางสาวทิรภรณ์ รอดสร้างบุญ เลขที่ 34 ม.5/6
7.นางสาวเสาวนีย์ รองสวัสดิ์ เลขที่ 37 ม.5/6
8.นางสาวทัตพิชา สังข์ทอง เลขที่ 38 ม.5/6
9.นางสาวปภัสชา รัตนพันธ์ เลขที่ 43 ม.5/6

SOTA มาร์กแตงกวา

การสื่อสารและการนำเสนอ (IS) I30201 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

แตงกวาเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่ายในประเทศไทยจึงมีความคิดที่จะนำแตงกวา
ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด นอกจากจะรับประทานได้แล้ว
ยังเป็นสมุนไพรมีสรรพคุณทางยาคือมีสรรพคุณเกี่ยวกับการบำรุงผิวอย่างดีทั้งผิวหน้า
และผิวกาย เช่น ลดความมันบนใบหน้า ช่วยในการกระชับรูขุมขน ช่วยในการฆ่าเชื้ออ่อนๆ
บนใบหน้ารักษารอยดำคล้ำสำหรับคนนอนดึก ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า และลดรอยไหม้
จากแดดได้ทั้งผิวหน้าและผิวตัว ผู้ศึกษาจึงสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับสรรพคุณของ
แตงกวา
วัตถุประสงค์การของการศึกษา
เพื่อศึกษาสรรพคุณของแตงกวาที่มีผลต่อสภาพผิวหน้าและผิวตัว
สมมุติฐานของการศึกษา
สรรพคุณของแตงกวาสามารถทำให้ปัญหาต่างๆบนใบหน้าและผิวตัวลดลงได้

1ขั.ส้นำตรวอจนปกัญารหดาําทีเ่พนิบนกแาลระต้องการแก้ไขกำหนดเรื่องที่จะศึกษา ขอบเขตการวิจัยและ
2.ประชุม และร่วมกันคิดและวางแผน ว่าจะศึกษาเรื่องใด
3. สมาชิกในกลุ่ม วางแผนและรับฟังความคิดเห็น
5.เขียนความสำคัญความเป็นมาของปัญหา วัตถุประสงค์ สมมุติฐาน

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
6. รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สรุปการศึกษา และนำเสนอ

สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า
แตงกวาที่มีอยู่ตามท้องถิ่นต่างๆมีสรรพคุณในการช่วยลดปัญหาต่างๆบนใบหน้าและผิวตัวให้

ลดลงได้ เช่นใบหน้าที่มีความมัน แห้งกร้าน จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ ซึ่งแตงกวาในท้องถิ่น
ทั่วไปนั้นก็เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ช่วยรักษาปัญหาต่างๆบนใบหน้าและผิวกายให้ลดน้อยลง

คณะผู้จัดทำ

1.นางสาวนัยน์ภ​ัค​แก้วส​ วัสดิ์​ เลขที่ 15

2. นางสาวบุษกร​พริกบ​ างเ​ข็ม​ เลขที่​25

3.นางสาว​โชษิตา​บุญช่วย​ เลขที่ 27

4.นางสาว​ณิซรีน​สำหนาว​ เลขที่ 33

5.นางสาว​ธมลวรรณ​สุวรรณ​รัตน์​เลขที่ 43

6.นางสาว​ลภัสรดา​ทองขาว​ เลขที 45

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/7

Natural Lip Care บำรงุ ฝีปากดว้ ยธรรมชาติ
รายวิชา การศกึ ษาคน้ คว้าและสร้างองคค์ วามรู้ (IS1) รหสั วชิ า I30201

ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
คณะผู้จดั ทำได้เล็งเหน็ ปัญหาทอ่ี า้ งองิ จาก แคมเปญ US consumer group กล่าววา่ ‘‘ได้มกี ารนำ
ลปิ สติก/ลปิ บาล์มตามท้องตลาดมาทดสอบหาปริมาณสารตะกว่ั กวา่ ร้อยละ 60 พบวา่ มสี ารตะกั่วปะปนอยู่

โดยเฉพาะอย่างย่ิงลิปสตกิ สแี ดงและทน่ี า่ กงั วลกวา่ นัน้ คือ สารตะกั่วเหลา่ น้นั สามารถเขา้ สูร่ ่างกายผ่านทางริม
ฝีปากของผู้ใช้ไมว่ ่าจะเปน็ การทานเข้าไปโดยไม่รู้ตวั หรือซมึ ผา่ นรมิ ฝปี ากบางๆของผู้ใช้ โดยเฉลี่ย 2.7 กิโลกรัม
หรือราว 6 ปอนด์ ในตลอดชวี ิตของการทาลปิ สติก/ลิปบาล์มของผูใ้ ช้’’ โดยทวั่ ไปอาจจะไมส่ ง่ ปญั หาตอ่ ผูใ้ ช้ใน
ระยะเวลาอันสนั้ แตห่ ากผ้ใู ช้ได้ใชล้ ปิ บาลม์ ทมี่ ีส่วนประกอบของสารเคมไี ปในระยะยาวกจ็ ะส่งผลเสียต่อสขุ ภาพ
ร่างกายได้ จากสภาพปัญหาดังกลา่ ว คณะผ้จู ัดทำจงึ คิดนำวัตถดุ ิบจากธรรมชาติมาเป็นสว่ นประกอบหลักใน
การทำลปิ บาล์มและต้องการสง่ เสริมพชื พรรณธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการนำ กุหลาบ กระเจีย๊ บ
บีทรทู มาเปน็ ตัวให้สขี องลปิ บาลม์ คณะผูจ้ ัดทำจึงได้ตงั้ จุดประสงค์โครงงานวา่ เพอ่ื ผลิตลิปบาล์มจากสี
ธรรมชาติที่ทำมาจากสีของกุหลาบ กระเจีย๊ บ บที รูท และ เพ่อื ศึกษาความพงึ พอใจในการใชล้ ิปบาล์มบำรุงปาก
จากสีของกุหลาบ กระเจี๊ยบ บีทรูท โดยต้งั สมมตฐิ านไว้ว่า ‘‘ลปิ บาล์มบารงุ ปากทผี่ สมจากสธี รรมชาตมิ คี วาม
ปลอดภยั กวา่ ลิปบาลม์ ทวั่ ไปท่ีผสมสารเคมี’’

ข้นั ตอนการดำเนินการ คณะผูจ้ ดั ทำไดส้ งั เกตเห็นถงึ ปัญหาดังกลา่ ว จึงตงั้ ประเด็นคำถามเก่ียวกบั
ปญั หา ค้นควา้ หาคำตอบ นำเสนอหวั ข้อโครงงานตอ่ ครูท่ีปรึกษาและเพื่อน ตง้ั หัวข้อโครงงาน ตัง้ จดุ ประสงค์
และสมมติฐาน จากนน้ั ปรึกษาหารอื กนั ในกลมุ่ คณะผ้จู ัดทำคดิ ประเดน็ ศึกษา แบ่งงานคน้ คว้า และเร่ิม
ดำเนินการจากการศึกษาหาข้อมูล โดยเริ่มจากการศึกษาโครงงานของผ้อู ่ืนและทำการเปรียบเทยี บโครงงานจน
ไดข้ ้อสรปุ วิธีการท่ีกลมุ่ ของคณะผจู้ ดั ทำสนใจ ออกแบบการทดลองใช้และแบบประเมินความพงึ พอใจของงาน
จนสดุ ท้ายแลว้ ไดม้ าซ่ึงข้อมูลทสี่ มบรู ณ์

จากการไดศ้ ึกษาค้นคว้าจนได้ขอ้ มลู องค์ความรูท้ ี่สมบูรณ์แล้วทำใหข้ ณะนี้คณะผูจ้ ัดทำได้อย่ใู น
ขนั้ ตอนการเตรยี มลงมือทำการผลิต และคณะผู้จัดทำหวังเอาไวว้ า่ จะสามารถผลติ ลปิ บาลม์ บำรงุ ปาก
จากสีธรรมชาติ ไดต้ รงกับจุดประสงคท์ ่วี างเอาไว้ เพอ่ื สนับสนนุ สมมติฐานทก่ี ลา่ วไวข้ ้างต้น

สมาชิกกลุม่
นางสาววนั นภา แกว้ คงสุข เลขที่ 18
นางสาวอนชุ สรา โพธิ์ศรี เลขท่ี 19
นางสาวธัญชนติ ทิพย์สเุ นตร เลขที่ 30

ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 หอ้ ง 8



ม ะ พ ร้ า ว บ อ น ไ ซ

การศึกษาค้นคว้าหาองค์ความรู้ I30201

ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน

มะพร้าว เป็นพืชไม้ผลมหัศจรรย์ที่ให้ประโยชน์อเนกอนันต์ภายหลังไทยได้รับความรู้มาจากอินโดนีเซียในการนำ
มะพร้าวมาทำเป็นพืชประดับตกแต่ง เรียกกันว่า บอนไซมะพร้าว เสน่ห์หรือจุดเด่นคือการวางเส้นรากบนกะลา การ
ตกแต่งกะลาด้วยน้ำยาเคลือบเงาหรือสี การวางทรงต้น การตัดแต่งใบด้วยเหตุนี้ส่งผลให้กลุ่มของข้าพเจ้าสนใจที่
จะศึกษาความรู้และกระบวนการทำบอนไซมะพร้าวหรือมะพร้าวบอนไซ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดสร้างผลงาน สร้าง
รายได้ อีกทั้งยังได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อีกด้วย

วัตถุประสงค์ของการการศึกษา สมมติฐานการศึกษา

1.เพื่อนำมะพร้าวมาแปรรูปให้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ 1.มะพร้าวสามารถนำมาแปรรูปได้
2.เพื่อศึกษาวิธีการทำมะพร้าวบอนไซ 2.ได้รู้วิธีการทำมะพร้าวบอนไซ
3.เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้ 3.มะพร้าวบอนไซสามารถทำเพื่อหารายได้เสริมได้

ขั้นตอนการดำเนินงาน สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา

1.หาลูกมะพร้าวที่มีรากงอกหรือเพาะลูก ประโยขน์ของมะพร้าวบอนไซมีมากมายไม่
มะพร้าวแก่ให้งอกราก ว่าจะสามารถนำมาแปรรูปได้ สามารถทำเพื่อ
2.ปลอกเปลือกมะพร้าวให้เหลือแต่กะลากับ หารายได้เสริมได้ สามารถนำมาตกแต่งสวน
ราก ให้เกิดความสวยงาม ใช้เวลาว่างให้เกิด
3.เอากระดาษทรายมาถูกะลาให้แววเพื่อ ประโยชน์ เกิดงานอดิเรกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง
สวยงาม สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้และ
4.เอารากไปแช่น้ำเพื่อให้รากงอกยาวเร็วขึ้น สามารถทำไปต่อยอดในด้านต่างๆได้อีกด้วย
5.พอรากโตเต็มที่แล้วนำมาลงดิน
6.ตกแต่งใบให้สวยงาม เป็นอันเสร็จ

คณะผู้จัดทำ

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/10

1.นางสาวญาณิศา แก้วพะวงค์ เลขที่ 18

2.นายปรมินทร์ แก้วทอง เลขที่ 29

3.นายณัฐพล ฆ้องงาม เลขที่ 30

4.นางสาวสุชาวลี พ้นภัย เลขที่ 35

5.นางสาวพิยดา ดำมี เลขที่ 43

ถ่านไร้ควันไร้กลิ่น

วิชา การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ I30201
โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

เนื่องจากถ่านที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีควันที่เยอะและกลิ่นที่เหม็นกวนใจ หลายคนมองว่ามันเป็นเพียงแค่
ปัญหาเล็กน้อยและไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มาก จากการสำรวจจากบุคคลรอบข้าง รวมทั้งบนโลกโซเชียลมี
บุคคลจำนวนค่อนข้างมากที่ประสบปั ญหาจากกลิ่นควันถ่านไม่ว่าจะเป็ นปั ญหาสุขภาพที่อาจตามมาในภายหลัง
หรือกลิ่นเหม็นติดเสื้อผ้า และในบางสถานการณ์นั้นก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ถ่านได้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ป้ องกันมลภาวะจากควันถ่าน และมีความสบายใจในระหว่างการทำอาหารหรือสังสรรค์ที่ในสถานการณ์นั้นต้องมี
ถ่านเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งเพื่อศึกษาศึกษาหาความรู้ในเรื่องของความยากง่ายในขั้นตอนของการผลิตถ่านเพื่อ
เป็ นประสบการณ์ในการนำไปหารายได้ในอนาคต

ขั้นตอนดำเนินการ ขั้นตอนแรก นำเศษไม้ที่จะนำมาทำถ่านนำไปอบหรือตากแดด(แดดจ้า)ให้ความชื้นออก
จากตัวไม้ให้หมด ขั้นตอนต่อไปนำเศษถ่าน(ไม้,กะลา)มาบด ใช้เครื่องบดหากไม่มีให้ใช้ครกไม้เก่าหรือดัดแปลง
อะไรก็ได้ทุบให้ถ่านละเอียด ต่อไปผสมถ่านที่บดละเอียดแล้ว มาผสมกับน้ำและแป้ งมัน คลุกให้ส่วนผสมเข้ากัน วิธี
เช็คว่าใช้ได้หรือยังให้กำถ่านที่ผสมแล้วบีบดูว่าเหนียวได้ที่หรือยัง บีบจนให้ไม่มีน้ำออกมาเป็นอันใช้ได้และขั้นตอน
สุดท้ายเมื่อนวดให้ถ่านบดผสมกับแป้ งมันและน้ำได้เหนียวได้ที่แล้ว ก็นำถ่านอัดเข้าไปในบล็อค ที่เตรียมไว้ใช้แท่น
เหล็กบีบอัดให้แน่นแล้วดันออกมา กลายเป็นถ่านไร้ควันไร้กลิ่น

จากการทำถ่านไร้ควันไร้กลิ่นและได้นำมาใช้ในการทำอาหาร สามารถใช้ได้โดยหมดปัญหาควันจากถ่านมา
กวนใจ หรือกลิ่นจากควันมาทำให้จามหรือเป็นภูมิแพ้ได้ถือว่าสามารถลดมลภาวะที่มาจากควันถ่านได้อย่างดี และ
ยังหมดปัญหาควันฟุ้ งเกลื่อน

สมาชิกในกลุ่ม
1.นาย ภานุวัฒน์ คงเกต เลขที่3
2.นางสาว พานสจี มุกดา เลขที่11
3.นายธีรภัทร ธรรมโชเต เลขที่19

ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่5/11



โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล


Click to View FlipBook Version