โครงงานคณิตศาสตร์
เรื่อง ตรรกศาสตร์เบ้อื งตน้ ของนกั เรียน
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 6
โรงเรียนมธั ยมบา้ นบางกะปิ สานกั งานเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
โดย
1. นายนนั ทวฒุ ิ เกศชยั ชนา เลขท่ี 2
2. นางสาวณฐั วรา รตั นโชตกิ รกุล เลขที่ 5
3. นางสาวนภสั วรรณ วงษแ์ สวง เลขที่ 12
4. นางสาวปารมี ขนั ตรี เลขท่ี 27
โดย
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 6/3
รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษารายวชิ า คณิตศาสตร์ 6 (ค33201)
ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564
โรงเรียนมธั ยมบา้ นบางกะปิ สานักงานเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
โครงงานคณิตศาสตร์
เรื่อง ตรรกศาสตร์เบ้อื งตน้ ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6
โรงเรียนมธั ยมบา้ นบางกะปิ สานกั งานเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
โดย
1. นายนนั ทวฒุ ิ เกศชยั ชนา เลขท่ี 2
2. นางสาวณัฐวรา รตั นโชตกิ รกลุ เลขที่ 5
3. นางสาวนภสั วรรณ วงษแ์ สวง เลขที่ 12
4. นางสาวปารมี ขนั ตรี เลขท่ี 27
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 6/3
ครูทป่ี รึกษาโครงงาน
ครูนฤดี โอบออ้ ม
รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษารายวิชา คณิตศาสตร์ 6 (ค33201)
ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2564
โรงเรียนมธั ยมบา้ นบางกะปิ สานกั งานเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
ชื่อโครงงาน จารึกบนั ทึกตรรกศาสตร์
ประเภทของโครงงาน สิ่งประดิษฐ์
ผจู้ ดั ทา 1. นายนนั ทวฒุ ิ เกศชยั ชนา เลขที่ 2
2. นางสาวณัฐวรา รตั นโชตกิ รกุล เลขท่ี 5
3. นางสาวนภสั วรรณ วงษแ์ สวง เลขท่ี 12
4. นางสาวปารมี ขนั ตรี เลขท่ี 27
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 6/3
ครูทีป่ รึกษา ครูนฤดี โอบออ้ ม
สถานศกึ ษา โรงเรียนมธั ยมบา้ นบางกะปิ
ปี การศกึ ษา 2564
บทคดั ยอ่
โครงงานเรื่องการตรรกศาสตร์ ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 โรงเรียนมธั ยมบา้ นบาง
กะปิ เป็นโครงงานที่จดั ทาข้นึ เพ่อื เป็นส่ือการสอน ใหค้ วามรู้ และขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ แก่นกั เรียน หรือ
ผูท้ ต่ี อ้ งการศึกษาขอ้ มูลเน้ือหาบทท่ี 3 ตรรกศาสตร์เบ้อื งตน้ ในรายวชิ าคณิตศาสตร์ ม.4
วธิ ีดาเนินงาน เร่ิมจากวางแผนกนั วา่ จะทาเร่ืองอะไร เป็นชิ้นงานส่ือการสอนหรือเกม พอ
ไดข้ อ้ ตกลงว่าจะทาเป็นชิ้นงานสื่อการสอน หลงั จากน้นั หาขอ้ มลู วา่ ชิน้ งานท่ีจะทาตอ้ งใช้
อุปกรณอ์ ะไรและซ้ือเตรียมไวใ้ ห้พรอ้ ม นดั วนั กนั ทางาน หาขอ้ มูลและเน้ือหาทต่ี อ้ งการจะใช้
พร้อมลงมือทาชิน้ งาน พอชิ้นงานเสร็จค่อยเร่ิมทารูปเลม่ โครงงาน
ผลการดาเนินงาน พบว่าการทาชิ้นงานสื่อการสอน(ศลิ าจารึก)ไมไ่ ดง้ า่ ยอยา่ งทค่ี ดิ มี
อุปสรรคในการตดั กระดาษและฟิวเจอบอร์ดให้เท่ากนั ติดกาวไมอ่ ยู่ ซีนชิน้ งานไม่เรียบ แต่
ช่วยกนั ทาจนชิ้นงานเสร็จสมบรู ณ์
กิตติกรรมประกาศ
การจดั ทาโครงงานคณิตศาสตร์เรื่อง ตรรกศาสตร์เบ้ืองตน้ ประจาปี การศึกษา 2564
เป็นโครงงานท่ี แสดงความคดิ เห็นของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 6 โดยโครงการน้ีจดั ทาข้ึน
เพ่ือแสดงให้ เหน็ ความสาคญั ของวชิ าคณิตศาสตร์ สาเร็จไดด้ ว้ ยความอนุเคราะห์จาก ครูนฤดี
โอบออ้ ม ครูผสู้ อน ท่ีใหค้ าแนะนาตลอดจนการใหค้ าปรึกษา นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 (ปี
การศกึ ษา 2564) และสมาชิกทใ่ี หค้ วามชว่ ยเหลอื จนโครงการน้ีสาเร็จลลุ ว่ งไปดว้ ยดี
คณะผจู้ ดั ทาหวงั ว่า โครงงานเร่ือง ตรรกศาสตร์เบ้อื งตน้ ชิน้ น้ี จะเป็นประโยชนต์ ่อผูท้ ม่ี ีความ
สนใจศกึ ษาทว่ั ไป
คณะผจู้ ดั ทา
12 / กุมภาพนั ธ์ / 2565
คานา
โครงงานคณิตศาสตร์ เร่ืองตรรกศาสตร์เบ้ืองตน้ เป็นโครงงานทีช่ ่วยใหผ้ ทู้ ่ีตอ้ งการ
จะศกึ ษาขอ้ มูลเรื่องตรรกศาสตร์ สามารถเขา้ ใจและวิเคราะห์เน้ือหาบทเรียนไดพ้ รอ้ มท้งั สามารถ
อธิบายในเรื่องของประพจน์ การเชื่อมประพจน์ นิเสธของประพจน์ การเชื่อมประพจน์ดว้ ย
“และ” , “หรือ” , “ถา้ …แลว้ …” , “กต็ อ่ เมื่อ”
คณะผจู้ ดั ทาหวงั ว่า โครงงานตรรกศาสตร์เบ้อื งตน้ จะมขี อ้ มูลใหผ้ ทู้ ี่ตอ้ งการจะศึกษา
ขอ้ มลู เน้ือหาของบทที่ 2 ในรายวิชาคณิตศาสตร์พ้นื ฐาน ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 สามารถเขา้ ใจใน
เน้ือหามากข้ึน สามารถทาแบบฝึกหดั และแบบทดสอบไดอ้ ยา่ งกระจา่ ง หากรายงานโครงงาน
ฉบบั น้ีมีขอ้ ผดิ พลาดประการใด คณะผูจ้ ดั ทาขอกราบอภยั มา ณ ทีน่ ้ีดว้ ย และขอนอ้ มรับความ
คดิ เห็นคาแนะนาหรือขอ้ เสนอแนะดว้ ยความยินดีย่งิ
คณะผจู้ ดั ทา
12 / กมุ ถาพนั ธ์ / 2565
บทท1ี่
บทนา
ท่ีมาและความสาคญั
โดยทว่ั ไปแลว้ รายวิชาคณิตศาสตร์มีลกั ษณะเป็นนามธรรม มโี ครงสรา้ งที่
ประกอบดว้ ย คานิยาม บทนิยาม สัจพจน์ ทเ่ี ป็นขอ้ ตกลงเบ้อื งตน้ จากน้นั จงึ ใชก้ ารให้เหตผุ ลที่
สมเหตสุ มผลสรา้ ง ทฤษฎีบทตา่ ง ๆ ข้นึ และนาไปใชอ้ ยา่ งเป็นระบบ คณิตศาสตร์มคี วามถูกตอ้ ง
เที่ยงตรง คงเสน้ คงวา มรี ะเบียบแบบแผนเป็นเหตเุ ป็นผล และมีความสมบูรณ์ในตวั เอง หรือ
กลา่ วไดว้ า่ คณิตศาสตร์เป็น ศาสตร์และศลิ ป์ ทศ่ี ึกษาเกยี่ วกบั แบบรูปและความสมั พนั ธ์ เพื่อให้
ไดข้ อ้ สรุปและนาไปใช้ ประโยชน์ คณิตศาสตร์มีลกั ษณะเป็นภาษาสากลท่ที ุกคนเขา้ ใจตรงกนั
ในการสื่อสาร (สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2544 : 2) สามารถนา
ประสบการณ์ทางดา้ นความรู้ ความคดิ และทกั ษะทีไ่ ดไ้ ปใชใ้ นการเรียนรูส้ ่ิงตา่ ง ๆ และใชใ้ น
ชีวติ ประจาวนั ในการเรียนคณิตศาสตร์มีบทนิยาม ทฤษฏบี ท และสูตรต่าง ๆ มาใชอ้ ยา่ ง
หลากหลาย โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในรายวชิ าคณิตศาสตรข์ องระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลาย รวม
การประยุกตก์ บั เรื่องอนื่ ๆ ความรู้ความเขา้ ใจจะเป็นพ้นื ฐานท่ีสาคญั ในการเรียนตอ่ ในระดบั ที่
สูงข้นึ
วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน
1.จาแนกขอ้ ความว่าเป็นประพจนห์ รือไมเ่ ป็นประพจน์
2.หาคา่ ความจริงของประพจน์ทมี่ ตี วั เชื่อม
3.ใชค้ วามรู้เกี่ยวกบั ตรรกศาสตร์เบ้อื งตน้ ในการส่ือสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์
ขอบเขตการศกึ ษา
1.เน้ือหาทางคณิตศาสตร์ (ตรรกศาสตร์เบ้อื งตน้ )
1.1 ประพจน์
1.2 การเชื่อมประพจน์
1.3 นิเสธของประพจน์
1.4 การเช่ือมประพจนด์ ว้ ยตวั เชื่อม “และ”
1.5 การเช่ือมประพจนด์ ว้ ยตวั เช่ือม “หรือ”
1.6 การเชื่อมประพจน์ดว้ ยตวั เช่ือม “ถา้ …แลว้ …”
1.7 การเช่ือมประพจนด์ ว้ ยตวั เช่ือม “กต็ อ่ เมื่อ”
2. ระยะเวลาที่ใชท้ าโครงงาน
จดั ทาโครงงานระหวา่ งวนั ที่ 4 พฤศจิกายน 2564 - 20 กมุ ภาพนั ธ์ 2565
3. เครื่องมือที่ใชใ้ นการทาโครงงาน
3.1 โทรศพั ทม์ อื ถือ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต
3.2 เวบ็ ไซตท์ ี่หาขอ้ มลู https://www.slideshare.net/sarawutsaoklieo/ss-70971648
3.3 เวบ็ ไซตท์ ี่ใชใ้ นการติดตอ่ สื่อสาร https://www.messenger.com
4. กล่มุ คนทคี่ น้ ควา้
4.1 นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 6/3 จานวน 4 คน
5. สถานท่ี
5.1 โลตสั สุขาภบิ าล 1
ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับ
ไดท้ บทวนเน้ือหาบทเรียน สามารถเขา้ ใจเน้ือหาและทาแบบฝึกหัด แบบทดสอบได้
บทท่ี 2
เอกสารท่ีเกีย่ วขอ้ ง
โครงงานเรื่องตรรกศาสตร์เบ้อื งตน้ เป็นโครงงานประเภทส่ิงประดิษฐ์ มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือให้
สามารถจาแนกขอ้ ความวา่ เป็นประพจน์หรือไม่เป็นประพจน์, หาคา่ ความจริงของประพจน์ที่มี
ตวั เช่ือม, ใชค้ วามรูเ้ ก่ียวกบั ตรรกะศาสตร์เบ้อื งตน้ ในการส่ือสารและสื่อความหมายทาง
คณิตศาสตร์ได้
โดยคณะผจู้ ดั ทาไดศ้ ึกษาเอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง และไดน้ าเสนอตามหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี
-เอกสารท่เี กยี่ วขอ้ งกบั วิชาคณิตศาสตร์
เอกสารทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั วชิ าคณิตศาสตร์ ตรรกศาสตร์เบ้ืองตน้
2.1 ประพจน์
ประพจน์ (Statement) คอื ประโยคหรือขอ้ ความท่เี ป็นจริงหรือเทจ็ อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเท่าน้นั
ซ่ึงประโยคหรือขอ้ ความดงั กล่าวจะอยใู่ นรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธกไ็ ด้
ตวั อยา่ ง
• ดวงอาทิตยเ์ ป็นดาวฤกษ์ (จริง)
• ดาวศกุ ร์เป็นดาวเคราะห์แคระ (เทจ็ )
• กรุงเทพมหานครอยภู่ าคใตข้ องประเทศไทย (เทจ็ )
ในตรรกศาสตร์เรียกการเป็นจริง / เป็นเทจ็ ของแตล่ ะประพจนว์ า่ “คา่ ความจริง” (Truth Value)
ของประพจน์ เชน่ เซตว่างเป็นสับเซตของเซตทุกเซต เป็นประพจนท์ ม่ี ีคา่ ความจริงเป็นจริง /
กล่าวส้นั ๆไดว้ ่า เซตว่างเป็นเซตเป็นประพจนท์ ่เี ป็นจริง
ตวั อยา่ ง / ขอ้ ความท่ีไมเ่ ป็นประพจน์
• ขออภยั ในความไมส่ ะดวก
• กรุณาเคารพสถานท่ีโดยการแต่งกายใหส้ ุภาพเรียบร้อย
• โปรดงดสูบบหุ รี่
• หา้ มนาอาหารและเคร่ืองด่ืมทุกชนิดเขา้ มาในหอ้ งสมดุ
• จงเติมคาตอบลงในชอ่ งว่าง
• หนงั สือเลม่ น้ีราคาเท่าไหร่
2.2 การเชื่อมประพจน์
ในวิชาคณิตศาสตร์เรียกคา "ไม่" "และ" "หรือ" "ถา้ ...แลว้ "....และ"ก็ต่อเมือ่ " ว่าตวั เชื่อมประพจน์
ท่ีไดศ้ กึ ษามาแลว้ ในหวั ขอ้ 2.1 เป็นประพจนท์ เี่ รียกว่า ประพจน์เชิงเดียว ซ่ึงสามารถนามาสรา้ ง
ประพจนท์ ซี่ บั ซ้อนข้ึนเรียกวา่ ประพจน์เชิงประกอบ โดยอาศยั ตวั เช่ือมทกี่ ล่าวถงึ ขา้ งตน้ เช่น
สองเป็นจานวนคู่และ2หาร4ลงตวั ประกอบดว้ ยประพจนเ์ ชิงเดียว2ประพจน์ นิยมใชอ้ กั ษร
ภาษาองั กฤษตวั พมิ พเ์ ล็ก เชน่ p,g,r,s แทนประพจนท์ ่ีนามาเช่ือมถา้ P เป็นประพจน์ใดๆ แลว้ ค่า
ความจริงของP เป็นได้ 2 กรณี คอื จริง (true) สญั ลกั ษณ์ T หรือ เทจ็ (fake) สญั ลกั ษณ์ F
2.2.1 นิเสธของประพจน์
ถา้ P เป็นประพจนใ์ ดๆ นิเสธ (negation) ของ P เขียนแทนดว้ ย ~P
ตวั อยา่ งนิเสธของประพจน์
P ~P
ประจมิ ชอบวชิ าคณิตศาสตร์ ประจิมไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์
2+3=5 2+3≠5
2<3 2≮3
√2 เป็นจานวนตรรกยะ √2 ไมเ่ ป็นจานวนตรรกยะ
2.2.2 การเช่ือมดว้ ย"และ"
ถา้ p และ q เป็นประพจนใ์ ดๆแลว้ การเช่ือมประพจน์ p และประพจน์ q ดว้ ยตวั เช่ือม
"และ" ( and) )เขียนแทนดว้ ยสัญลกั ษณ์ p^q
ตวั อยา่ งการเช่ือม"และ"
p q p^q
ประจิมชอบวชิ าคณิตศาสตร์ นุชชอบวชิ าองั กฤษ ประจิมชอบคณิตและนุชชอบองั กฤษ
2 + 3 = 5 และ√2 เป็นจานวนตรรกยะ
2+3=5 √2 เป็นจานวนตรรกยะ
2.2.3 การเช่ือมดว้ ย "หรือ"
ถา้ p และ q เป็นประพจนใ์ ดๆ แลว้ การเชื่อมประพจน์ p และ ประพจน์ q ดว้ ยตวั เช่ือม
"หรือ"(or) เขยี นเเทนดว้ ยสัญลกั ษณ์ p v q
ตวั อยา่ งการเชื่อมประพจนด์ ว้ ยตวั เช่ือม "หรือ"
p q pvq
โสมทาการบา้ น โสมอา่ นหนงั สือ โสมทาการบา้ นหรืออา่ นหนงั สือ
3 เป็นจานวนคู่ - 1<0 เป็นจานวนคู่ หรือ -1<0
อากาศรอ้ น เคร่ืองปรบั อากาศเสีย อากาศรอ้ นหรือเครื่องปรับอากาศเสีย
1+5= 5+1 4(2+3)=(4+2)+(4×3) 1+5= 5+1หรือ4(2+3)=(4+2)+(4×3)
2.2.4 การเชื่อมดว้ ย"ถา้ ...แลว้ ..."
ถา้ p และ q เป็นประพจน์ใดๆแลว้ การเชื่อมประพจน์ p และประพจน์ q ดว้ ยตวั เช่ือม
"ถา้ ... แลว้ ..." (if...then...) เขียนแทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์ P -> Q
P -> Q แทนถา้ แลว้ q เรียกวา่ เหต&ุ วา่ ผล
ตวั อยา่ งการเชื่อมประพจนด์ ว้ ยตวั เชื่อม "ถา้ ...แลว้ ..."
p q p -> q
ป่ิ นต้งั ใจเรียน ปิ่ นจะสอบผา่ น ถา้ ปิ่ นต้งั ใจเรียนปิ่ นจะสอบผา่ น
2+3=3+2 4(2+3)=4(3+2) ถา้ 2 + 3 = 3 + 2 แลว้ 4 ( 2 + 3 ) = 4 ( 3 + 2 )
วนั น้ีฝนตก หลงั คาบา้ นเปี ยก ถา้ วนั น้ีฝนตกแลว้ หลงั คาบา้ นเปี ยก
2.2.5 การเช่ือมดว้ ยกต็ อ่ เมือ่ ภาพ p และ q เป็นประพจน์ใดๆแลว้ การเช่ือมประพจน์ p และ
ประพจน์ q ดว้ ยตวั เช่ือม "กต็ ่อเม่อื "( if and only if ) เขยี นแทนดว้ ยสัญลกั ษณ์ P <-> Q
ตวั อยา่ งการเช่ือมประพจนด์ ว้ ยตวั เชื่อม "ก็ต่อเม่อื "
p q p <-> q
ดาวเรียนจบ ดาวสอบผา่ นทกุ วชิ า ดาวเรียนจบกต็ อ่ เมือ่ ดาว
สอบผ่านทุกวชิ า
รูปสามเหล่ยี ม ABC เป็นรูป รูปสามเหลย่ี ม ABC มดี า้ น
รูปสามเหลย่ี ม ABC เป็นรูป
สามเหลย่ี มหนา้ จวั่ ยาวเทา่ กนั 2 ดา้ น สามเหล่ยี มหนา้ จว่ั กต็ อ่ เมอื่
รูปสามเหลี่ยม ABC มีดา้ น
ยาวเท่ากนั 2 ดา้ น
บทที่ 3
วิธีดาเนินการ
การศึกษาครงั้ นดี้ าเนินการโดยสมาชิกภายในกลุม่ ในการเรียนรู้กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ชว่ งชนั้ มัธยมศกึ ษาปี 4
โรงเรียนมธั ยมบ้านบางกะปิ สานกั งานเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
เครื่องมือทใี่ ช้ในการดาเนนิ การ
1. โทรศัพท์มือถือ
2. แทบ็ เลต็
วัสดุและอปุ กรณ์ท่ีใช้ในการศึกษา
3. หนงั สอื คณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน ม.4
ขนั้ ตอนการดาเนินงาน
1. รวบรวมสมาชกิ 4 คนเพอื่ จัดทาโครงงานคณติ ศาสตร์
2. วางแผนครา่ วๆว่าจะทาโครงงานอะไร
3. ได้หวั ข้อโครงงาน
4.สมาชกิ แตล่ ะคนหาชนิ้ งานทตี่ นเองสนใจ
5.ได้ข้อสรุปว่าจะทาชนิ้ งานเป็นแบบไหน
6. หาข้อมลู และทาชนิ้ งานร่วมกัน
7.ช่วยกันทารูปเลม่ โครงงาน
การดาเนินงาน วัน/เดอื น/ปี ผ้รู ับผิดชอบ
1. ขนั้ ตอนวางแผน สมาชิกทุกคนในกลุม่
4 พฤศจิกายน 2564 สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่ม
1.1 รวบรวมสมาชิกและคดิ หัวข้อโครงงาน 4 พฤศจิกายน 2564 สมาชิกทกุ คนในกลุ่ม
1.2 วางแผนคร่าวๆ วา่ จะทาโครงงานออกมา สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่ม
แนวไหน 30 ธันวาคม 2564
1.3 ได้หวั ข้อโครงงาน 31 ธันวาคม สมาชกิ ทุกคนในกลุ่ม
1.4 ได้ข้อสรปุ วา่ ทาชนิ้ งานแบบไหน
2.ขนั้ ตอนดาเนินงาน 30 ธนั วาคม 2564
2.1 ได้หัวข้อโครงงาน
2.2 สมาชิกแตล่ ะคนหาชนิ้ งานทต่ี นเองสนใจ 31 ธนั วาคม 2564
2.3 ได้ข้อสรุปวา่ จะทาชนิ้ งานเป็นแบบไหน 2,6 มกราคม 2565
2.4 หาข้อมูลและทาชนิ้ งานร่วมกัน 12,20 กมุ ภาพันธ์
2.4 แก้ชิน้ งาน 2565
3.ขนั้ ตอนการทารูปเลม่ โครงงาน 15 มกราคม, 20
3.1 ชว่ ยกันทารูปเลม่ โครงงาน กมุ ภาพนั ธ์ 2565
บทที่ 4
ผลการศกึ ษา
ผลจากการทาโครงงานคณิตศาสตร์การศกึ ษาค้นคว้าเร่ือง ตรรกศาสตร์เบอื ้ งต้น คณะผ้จู ดั ทาได้ปฏิบตี ิตามขนั้ ตอนการดาเนินงานตามโครงงานและมผี ลการศึกษา
ค้นคว้าและแนวปฏิบตั อิ ย่างเป็นระบบ เป็นยต้น
ผลการศกึ ษาที่ได้เป็นองคค์ วามรู้
คณะผ้จู ัดทาได้ค้นคว้าข้อมูลเกีย่ วกับตรรกศาสตร์เบอื ้ งต้น จากแหลง่ ข้อมูลตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเป็นหนงั สอื เรียนคณิตศาสตร์พนื้ ฐาน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 sinv
อนิ เทอร์เน็ต
1. ศึกษาความหมายของตรรกศาสตร์
2. ศกึ ษาการประดษิ ฐ์ศลิ าจารึก
3. ศึกษาอุปกรณ์การทาศิลาจารึก
4. ศึกษาขนั้ ตอนและวิธกี ารทาศิลาจารกึ
บทท่ี 5
บทสรุป อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ
สรุปผลการวเิ คราะห์โครงงานหลงั จากไดน้ าโครงงาน จารกึ บันทกึ ตรรกศาสตร์ มาใชเ้ ป็ น
สอื่ การสอนในการทบทวนบทเรยี นวชิ าคณติ ศาสตร์ เรอื่ ง ตรรกศาสตร์
เบอื้ งตน้ สามารถสรุปผลการดาเนนิ งานไดด้ ังน้ี
จากการทไี่ ดน้ าความรเู ้ กยี่ วกับตรรกศาสตร์ ในสว่ นของประพจน์
การเชอื่ มประพจน์ นเิ สธของประพจน์ การเชอื่ มดว้ ย”และ” การเชอ่ื ม
ดว้ ย”หรอื ” การเชอื่ มดว้ ย”ถา้ …แลว้ …” การเชอื่ มดว้ ย”กต็ อ่ เมอื่ ” มาใชใ้ น
การประกอบการทาสอ่ื การสอนในรปู แบบของชน้ิ งาน สรปุ ไดว้ า่ สอื่ การ
สอนชน้ิ น้ีสามารถชว่ ยทาใหผ้ ูเ้ รยี นมคี วามเขา้ ใจในบทเรยี นเรอ่ื ง
ตรรกศาสตรม์ ากขน้ึ เพราะจากอา่ นศลิ าจารกึ แลว้ นัน้ ผูอ้ า่ นสามารถ
วเิ คราะหต์ รรกศาสตรไ์ ดม้ ากขนึ้ ทาใหเ้ ป็ นการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ
ประโยชนแ์ ละไดท้ บทวนเนื้อหาเดมิ ทเ่ี คยเรยี นในรปู แบบใหมๆ่ ทม่ี ใิ ชแ่ ค่
จากการอา่ นในหนา้ หนังสอื เพยี งอยา่ งเดยี ว และยงั สามารถนาความรูท้ ี่
ไดม้ าประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ ขา้ กบั จุดประสงคแ์ ละความเหมาะสมในการใชง้ าน
อกี ดว้ ย ซง่ึ ผลทไ่ี ดร้ ับกไ็ ดต้ รงตามจดุ ประสงคท์ คี่ ณะผจู ้ ัดทาไดค้ ดิ กันไว ้
คอื เพอ่ื ใหผ้ เู ้ รยี นไดท้ บทวนเนื้อหาความรเู ้ รอื่ งตรรกศาสตรท์ เี่ คยเรยี น
การจดจาสตู รและแผนภาพ และฝึกไหวพรบิ ในการคดิ
ผลทไี่ ดร้ บั 1. ผทู้ ่ีศึกษาไดใ้ ชส้ ื่อน้ีการจดจาและเขา้ ใจเน้ือหาเกยี่ วกบั เรื่อง ตรรกศาสตร์ ไดด้ ี
ย่ิงข้ึน
2. สามารถทาขอ้ สอบและแบบฝึกหดั ได้
3. สามารถจาแนก หาคา่ ความจริงของประพจนไ์ ด้
ขอ้ เสนอแนะของคณะผจู้ ดั ทำ
1. นาเน้ือหาบทเรียนมาสร้างเป็นชิ้นงานเพอื่ ใชท้ บทวนบทเรียนได้ ท้งั ในเน้ือหาที่ยาก
ข้ึนและเน้ือหาในวิชาอื่นๆ
2. พฒั นาชิ้นงานใหม้ คี วามน่าสนใจมากข้นึ
3. ปรับเปล่ียนรูปแบบของชิน้ งานใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย ไม่ซบั ซ้อน และดูน่าสนใจ
ภาคผนวก
1. ภาพอปุ กรณ์
2. รูปขณะปฏบิ ตั งิ าน