๑หน่วยการเรียนรู้ท่ี นิราศภูเขาทอง
นิราศภูเขาทอง วรรณคดีที่ไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ เป็นนิราศเรื่องเอก
ของสุนทรภู่ ดีเด่นท้งั ดา้ นถอ้ ยคาและสานวนโวหาร อีกท้งั ยงั เป็ น
วรรณคดีซ่ึงถือเป็นแบบอยา่ งในการแต่งนิราศในสมยั ต่อมาอีกดว้ ย
๑ ความเป็ นมา
สุ นทรภู่ แต่งนิ ราศ
ภู เ ข า ท อ ง ใ น รั ช ส มั ย
พระบาทสมเด็จพระน่ัง-
เกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อราว
ปลาย พ.ศ. ๒๓๗๓ โดย
เล่าถึงการเดินทางเพ่ือไป
นมัสการเจดีย์ภูเขาทองที่
เมืองกรุงเก่า หรือจังหวดั
พ ร ะ น ค ร ศ รี อ ยุธ ย า ใ น
ปัจจุบนั หลงั จากจาพรรษา
อยู่ท่ีวดั ราชบูรณะหรือวดั
เลียบ
นิราศ
เนื้อหาของนิราศมกั เป็ นการคร่าครวญของกวีต่อสตรีอนั เป็ นที่รัก เน่ืองาากต้อง
พลัดพรากาากนางมาไกล อย่างไรก็ตาม นางในนิราศที่กวีถึงอาามีตัวตนาริงหรือไม่ก็ ดังเช่นท่ี
สุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทองขณะ ที่กาลังบวชอยู่ แต่ยังมีบทอาลัยถึงนางตามขนบนิราศสังเกต
าากบทประพนั ธ์ท้ายเรื่องที่ว่า
ใช่จะมที ร่ี ักสมคั รมาด แรมนิราศร้างมิตรพสิ มัย
ซ่ึงคร่าครวญทาทพี ริ ้ีพไิ ร ตามนิสัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา
เหมือนแม่ครัวคว่ั แกงพะแนงผัด สารพดั เพยี ญชนังเครื่องมงั สา
อันพริกไทยใบผกั ชีเหมือนสีกา ต้ องโรยหน้ าเสียสักหน่ อยอร่ อยใจ
จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น อย่านึกนินทาแถลงแหนงไฉน
นักเลงกลอนนอนเปล่ากเ็ ศร้าใจ จงึ ร่าไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย
๒ ประวตั ผิ ้แู ต่ง
สนุ ทรภู่ มีนามเดมิ วา่ ภู่ เกิดในรชั กาลท่ี ๑ เม่ือวนั ท่ี ๒๖ มิถนุ ายน
พ.ศ. ๒๓๒๙ ในวยั เดก็ สนุ ทรภไู่ ดศ้ กึ ษาท่ีวดั ชีปะขาว (วดั ศรสี ดุ าราม)
สุนทรภู่รับราชการอยไู่ ม่นาน รัชกาล
ท่ี ๒ ก็เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.
๒๓๖๗ ทาใหช้ ะตาชีวิตของสุนทรภู่
กลบั แปรผนั อีกคร้ัง
ในสมยั รัชกาลท่ี ๒ สุนทรภู่ได้ สุนทรภู่ลาออกจากราชการและ
เขา้ รับราชการเป็นท่ีพอพระราช-
หฤทยั จึงไดร้ ับพระราชทาน ออกบวชในระหวา่ งน้ีสุนทรภู่ได้
บรรดาศกั ด์ิเป็นขนุ สุนทรโวหาร มีโอกาสเดินทางไปยงั หวั เมือง
ต่างๆ และแต่งนิราศข้ึนหลาย
เร่ือง ซ่ึงรวมถึงนิราศภูเขาทอง
ผลงานสุนทรภู่
ผลงานของสุนทรภู่ มที ้งั หมด ๒๓ เร่ือง โดยแบ่งเป็ น ๖ ประเภท ดงั นี้
ประเภท เรื่อง
๑. นิราศ นิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท นิราศภูเขาทอง
นิราศวดั เจา้ ฟ้า นิราศอิเหนา โคลงนิราศสุพรรณ
๒. นิทาน ราพนั พิลาป นิราศพระประธม และนิราศเมืองเพชร
๓. บทเห่กล่อม นิทานคากลอนเร่ืองโคบุตร พระอภยั มณี ลกั ษณวงศ์
๕. วรรณกรรมคาสอน สิงหไกรภพ และกาพยเ์ รื่องพระไชยสุริยา
๖. บทละคร
บทเห่เรื่องจบั ระบา กากี พระอภยั มณี และโคบุตร
สวสั ดิรักษาและเพลงยาวถวายโอวาท
อภยั นุราช
๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ เอย
นิราศภูเขาทอง
แต่งดว้ ยคาประพนั ธ์
ประเภทกลอนนิราศ
มีลกั ษณะคลา้ ยกลอน
สุภาพ แต่กลอนนิราศ
จะข้ึนตน้ ดว้ ยวรรครับ
และเมื่อจะจบเรื่องให้
คาสุดทา้ ยในวรรคส่ง
จบดว้ ยคาวา่ “เอย”
๔ เร่ืองย่อ
สุ นทรภู่เริ่ มเร่ื องด้วยการปรารภถึง
สาเหตุที่ตอ้ งออกจากวดั ราชบูรณะเดินทางโดย
เรือพร้อมหนูพดั ซ่ึงเป็นบุตรชาย ลอ่ งไปตามลาน้า
เจา้ พระยา ผา่ นพระบรมมหาราชวงั จนมาถึง
วดั ประโคนปัก ผ่านโรงเหล้า บางจาก บางพลู
บางพลดั บางโพ บา้ นญวน วดั เขมา ตลาดแก้ว
ตลาดขวญั บางธรณี เกาะเกร็ด บางพูด บางเดื่อ
บางหลวงเชิงราก สามโคก บา้ นงิ้ว เกาะราชคราม
จนถึงกรุงเก่าเมื่อเวลาเยน็ โดยจอดเรือพกั ที่ท่าน้า
วดั พระเมรุ คร้ันรุ่งเชา้ จึงไปนมสั การเจดียภ์ ูเขา-
ทอง ส่วนขากลบั สุนทรภู่กล่าวแต่เพยี งวา่ เมื่อถึง
กรุงเทพฯ ไดจ้ อดเทียบเรือที่ท่าน้าหน้าวดั อรุณ-
ราชวรารามราชวรมหาวิหาร
วรรคทองในนิราศภูเขาทอง
วรรคทอง หมายถึง บทกวบี างช่วงบางตอนที่มีความไพเราะ ความหมายดี
ใหแ้ ง่คิดที่เป็นประโยชน์ กระทง่ั เป็นท่ีรู้จกั และนิยมกลา่ วถึงโดยทวั่ ไป
วรรคทองในนิราศภูเขาทอง นิราศภูเขาทองเป็นวรรณคดีที่มีเน้ือเรื่องไม่ยาว
นกั แตพ่ ร้อมไปดว้ ยกระบวนกลอนอนั ไพเราะ และแง่คิดสาหรับการดารงชีวิตซ่ึง
สุนทรภูแ่ ทรกไวต้ ลอดเรื่อง ในท่ีน้ีจึงขอยกตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ที่มีความไพเราะ
รวมถึงใหข้ อ้ คิดท่ีประโยชนใ์ นการดาเนินชีวิต อนั จะสามารถถือเป็น “วรรคทอง”
ดงั น้ี
วรรคทองในนิราศภูเขาทอง
เคยหมอบใกล้ได้กลน่ิ สุคนธ์ตรลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
ส้ินแผ่นดนิ สิ้นรสสุคนธา วาสนาเรากส็ ้ินเหมือนกลน่ิ สุคนธ์ ฯ
สุนทรภู่เคยรับราชการและเป็นกวีที่โปรดปรานในรัชกาลที่ ๒ แต่เมื่อ
พระองคเ์ สดจ็ สวรรคต วาสนาของสุนทรภู่กส็ ิ้นตามไปดว้ ย
วรรคทองในนิราศภูเขาทอง
๏ ถงึ โรงเหล้าเตากลน่ั ควนั โขมง มีคนั โพงผกู สายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้านรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมอื นหนึ่งบ้าเป็ นน่าอาย
เมื่อถึงโรงเหลา้ สุนทรภู่กล่าวถึงโทษของการดื่มเหลา้ ไวว้ า่
เปรียบเสมือนน้านรกท่ีทาใหผ้ ดู้ ่ืมมวั เมา จนขาดสติ
วรรคทองในนิราศภูเขาทอง
๏ ถงึ บางพูดพูดดเี ป็ นศรีศักดิ์ มคี นรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดช่ัวตัวตายทาลายมติ ร จะชอบผดิ ในมนษุ ย์เพราะพูดจา ฯ
เม่ือถึงหมู่บา้ นบางพดู สุนทรภู่ไดใ้ หข้ อ้ คิดในเรื่องการพดู ไวว้ า่ หาก
ใครพดู ดีกจ็ ะมีคนรัก แต่หากพดู ไม่ดีกอ็ าจจะเป็นภยั ต่อตนเองไม่มี
ใครคบหา ดงั น้นั คาพดู จึงถือเป็นสิ่งสาคญั ที่ควรระมดั ระวงั และใชใ้ ห้
เหมาะสมกบั กาลเทศะและบุคคล
วรรคทองในนิราศภูเขาทอง
๏ ถงึ บางเดอ่ื โอ้มะเดอ่ื เหลอื ประหลาด บงั เกดิ ชาติแมลงหวีม่ ใี นไส้
เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อปุ ไมยเหมอื นมะเดอื่ เหลอื ระอา
สุนทรภู่เปรียบเทียบลูกมะเด่ือกบั คนพาลไวว้ ่า ผลมะเดื่อที่ภายนอกน
ดูสวยงามน่ารับประทาน แต่ภายในกลบั มีแมลงมีหนอนชอนไชอยู่
เช่นเดียวกบั คนพาลที่ปากพดู ดีแต่ในใจคิดทาอนั ตราย
วรรคทองในนิราศภูเขาทอง
เหมือนแม่ครัวคว่ั แกงพะแนงผดั สารพดั เพยี ญชนังเครื่องมังสา
อันพริกไทยใบผกั ชีเหมือนสีกา ต้องโรยหน้าเสียสักหน่อยอร่อยใจ ฯ
สุนทรภู่กล่าวถึงการแต่งนิราศภูเขาทองน้ีข้ึนก็เหมือนกบั แม่ครัวจะปรุง
อาหารนอกจากจะใส่เครื่องปรุงและเน้ือสัตวแ์ ลว้ ยงั ตอ้ งใส่พริกไทยใบ
ผกั ชีเพ่ือเพิ่มความน่ารับประทานแก่อาหาร เช่นเดียวกบั นางในนิราศ
สุนทรภู่กก็ ล่าวเสริมข้ึนเพอ่ื ใหน้ ิราศน้ีน่าอ่าน
บอกเล่าเก้าสิบ : เจดยี ์ภูเขาทอง เาดีย์ภูเขาทอง เป็ นโบราณสถานเก่าแก่
ต้ังอยู่กลางทุ่งภูเขาทอง นอกเกาะเมืองาังหวัด
พระนครศรีอยุธยา ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ประมาณ ๒ กิโลเมตร เป็ นเาดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง บน
ฐานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ๔ ช้ัน กว้าง ๘๐ เมตรความ
สูงาากพื้นถึงยอด ๖๔ เมตรสันนิษฐานว่าเาดีย์ภูเขา
ทองสร้างขึน้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็า
พระราเมศวร เมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๙๓๐ คร้ันถึง
รัชกาลสมเดา็ พระเา้าอยู่หัวบรมโกศใน พ.ศ. ๒๒๘๗
พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์องค์เาดีย์ท่ีทรุด
โทรมลง กระท่ังเม่ือต้นกรุงรัตนโกสินทร์ใน พ.ศ.
๒๓๗๓ สุนทรภู่ได้เดนิ ทางมานมสั การ พร้อมท้งั แต่ง
นิราศภูเขาทองไว้ในคร้ังน้ัน
๕ บทวเิ คราะห์
นิราศภูเขาทอง วรรณคดที ไี่ ด้รับการยกย่องว่าเป็ นวรรณคดนี ิราศ
ทไี่ พเราะทสี่ ุดของสุนทรภู่ มคี วามดเี ด่นท้งั ในด้านเนื้อหาและด้านวรรณศิลป์
ดงั าะวเิ คราะห์ให้เห็นถงึ คุณค่าในด้านต่างๆ โดยแบ่งได้ ดงั นี้
๑. คุณค่าด้านเนื้อหา
๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๑. คุณค่าด้านเนื้อหา
เน้ือหาดงั ที่ปรากฏในนิราศภูเขาทอง แสดงให้เห็นถึงความรอบรู้และความช่างสังเกต
ของสุนทรภู่ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี เน่ืองจากสุนทรภู่ไดบ้ นั ทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตน
ไดพ้ บเห็นตลอดเสน้ ทาง ต้งั แต่ออกจากวดั ราชบูรณะจนถึงจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา
ทาใหน้ ิราศเรื่องน้ีมีคุณค่าในดา้ นเน้ือหา ควรค่าแก่การศึกษา ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี
๑) สะท้อนสภาพบ้านเมืองและสังคม
๒) ตานานสถานท่ี
๓) ความเช่ือของคนไทย
๔) แง่คดิ เกย่ี วกบั ความาริงของชีวิต
๑) สะท้อนสภาพบ้านเมืองและสังคม
๑.๑) การติดต่อค้าขาย สุนทรภูถ่ ่ายทอดสภาพสังคมสองฝ่ังแม่น้า
เจา้ พระยา ทาใหผ้ อู้ า่ นเห็นภาพการคา้ ขายริมน้าที่ดาเนินไปอยา่ งคึกคกั
มีการนาสินคา้ หลากหลายประเภทท่ีบรรทุกมากบั เรือสาเภามาวางขาย
ในแพที่จอดเรียงรายอยตู่ ามริมน้า
ไปพ้นวัดทัศนาริมท่าน้า แพประจาจอดรายเขาขายของ
มแี พรผ้าสารพดั สีม่วงตอง ทงั้ สิ่งของขาวเหลอื งเคร่ืองสาเภา
๑) สะท้อนสภาพบ้านเมืองและสังคม (ต่อ)
๑.๒) การต้ังบ้านเรือน สุนทรภู่ไดถ้ ่ายทอดเรื่องราวท่ีแสดงให้เห็นถึงสภาพ
การต้งั ถิ่นฐานของคนไทยในอดีตไวว้ ่ามกั สร้างตามริมน้า โดยเฉพาะในยา่ น
ชุมชนขนาดใหญ่ จะมีเรือสินคา้ จอดเรียงราย ดงั มีตวั อยา่ งปรากฏในบทกลอน
ตอนหน่ึงซ่ึงกลา่ วถึง ตลาดขวญั โดยปัจจุบนั เป็นส่วนหน่ึงของจงั หวดั นนทบุรี
ถงึ แขวงนนท์ชลมารคตลาดขวญั มพี ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย
ทั้งของสวนล้วนเรืออย่เู รียงราย พวกหญงิ ชายประชุมกนั ทกุ วันคนื
๑) สะท้อนสภาพบ้านเมืองและสังคม (ต่อ)
๑.๓) ชุมชนชาวต่างชาติ การเดินทางของชาวต่างชาติเขา้ มาในประเทศ-
ไทยมีมาต้งั แตอ่ ดีตเป็นเวลาชา้ นาน จนชาวต่างชาติส่วนใหญ่ไดก้ ลายเป็น
ส่วนหน่ึงของสังคมไทยและไดซ้ ึมซบั เอาขนบธรรมเนียมประเพณีและคติ
ความเชื่อต่างๆ เขา้ ไปผสมผสานกบั วฒั นธรรมและวถิ ีการดาเนินชีวิตท่ี
ติดตวั มาแต่เดิม
ถงึ เกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผ้หู ญงิ เกล้ามวยงามตามภาษา
เดยี๋ วนี้มอญถอนไรจกุ เหมอื นตุ๊กตา ทง้ั ผดั หน้าจบั เขม่าเหมอื นชาวไทย
๑) สะท้อนสภาพบ้านเมืองและสังคม (ต่อ)
๑.๔) การละเล่นและงานมหรสพ สุนทรภู่ไดก้ ล่าวถึงการละเล่นและงานมหรสพ
พ้นื บา้ น ซ่ึงเป็นท่ีนิยมกนั ในสมยั น้นั และจดั ข้ึนในช่วงเทศกาลสาคญั ประจาปี อาทิ
งานฉลองผา้ ป่ าที่วดั พระเมรุ มีการประดบั ประดาโคมไฟแลดูสวา่ งไสวไปทวั่ บริเวณงาน
และยงั มีการขบั เสภาและร้องเพลงเรือเก้ียวกนั ระหวา่ งหนุ่มสาวชาวบา้ น
มาจอดท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม ริมอารามเรือเรียงเคยี งขนาน
บ้ างข้ึนล่องร้ องราเล่นสาราญ ทั้งเพลงการเกย้ี วแก้กนั แซ่เซ็ง
บ้างฉลองผ้าป่ าเสภาขบั ระนาดรับรัวคล้ายกบั นายเส็ง
มีโคมรายแลอร่ามเหมอื นสามเพง็ เม่อื คราวเคร่งกม็ ิใคร่จะได้ดู
๒) ตานานสถานที่
เนื่องจากเน้ือหาของนิราศส่วนใหญ่ มกั จะกล่าวถึงสถานที่ท่ีเดินทางผ่าน
เช่ นเดี ยวกับสุ นทรภู่ เมื่ อเดิ นทางผ่านสถานท่ีใดก็จะบอกเล่าเรื่ องราวเกี่ ยวกับ
สถานที่น้นั ผา่ นบทประพนั ธ์ อาทิ
วดั ประโคนปัก ไม่เห็นหลักลือเล่าว่าเสาหิน
มิรู้สิ้นสุดชื่อท่ีลือชา
ถงึ อารามนามวัดประโคนปัก
เป็ นสาคญั ปันแดนในแผ่นดนิ พระพุทธเจ้าหลวงบารุงซึ่งกรุงศรี
ช่ือปทุมธานีเพราะมบี ัว
สามโคก (ปทุมธานี)
ถึงสามโคกโศกถวลิ ถึงปิ่ นเกล้า
ประทานนามสามโคกเป็ นเมอื งตรี
๓) ความเช่ือของคนไทย
สุนทรภู่ไดส้ อดแทรกคติความเชื่อของคนไทย ซ่ึงส่วนใหญ่มกั
เก่ียวเนื่องในพระพทุ ธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องนรก-สวรรค์ อาทิ ความเชื่อที่วา่
หากใครคบชู้ คือ ประพฤติตนผดิ ศีลขอ้ ๓ ตามหลกั ศีล ๕ เม่ือตายไป ผนู้ ้นั จะ
ตกนรกและตอ้ งปี นตน้ งิ้วซ่ึงมีหนามยาวและแหลมคม
ง้ิวนรกสิบหกองคลุ ีแหลม ดงั ขวากแซมเส้ียมแทรกแตกไสว
ใครทาชู้ค่ทู ่านคร้ันบรรลัย กต็ ้องไปปี นต้นน่าขนพอง
๔) แง่คดิ เกย่ี วกบั ความาริงของชีวติ
บทประพนั ธ์ของสุนทรภู่มกั สอดแทรกขอ้ คิด คติการดาเนินชีวิต และช่วย
ยกระดบั จิตใจของผูอ้ ่านใหป้ ฏิบตั ิตนไปตามแนวทางที่เหมาะสม ดงั ปรากฏในบทกลอน
ตอนหน่ึงซ่ึงมีเน้ือหากล่าวเกี่ยวถึงเรื่อง โลกธรรม ๘ ตามหลกั คาสอนทางพระพทุ ธศาสนา
โดยกล่าวถึงเร่ืองชื่อเสียงเกียรติยศ เมื่อมีรุ่งเรืองก็มีเสื่อมไดเ้ ป็ นธรรมดาจึงควรมองโลก
อยา่ งเขา้ ใจวา่ ทุกสิ่งทุกอยา่ งลว้ นเป็นอนิจจงั
ทงั้ องค์ฐานรานร้าวถงึ เก้าแฉก เผยอแยกยอดทรุดกห็ ลดุ หัก
โอ้เจดยี ์ทส่ี ร้างยงั ร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน้าตากระเดน็
กระนี้หรือชื่อเสียงเกยี รติยศ จะมหิ มดล่วงหน้าทนั ตาเห็น
เป็ นผ้ดู มี มี ากแล้วยากเยน็ คดิ กเ็ ป็ นอนจิ จังเสียทง้ั น้ัน
๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์
นิราศภูเขาทอง นอกาากาะมีคุณค่าด้านเนื้อหา
แล้ว ในด้านวรรณศิลป์ ก็ได้รับการยอมรับว่ามีความ
งดงามและมีความไพเราะ แม้ สุ นทรภู่าะใช้ ถ้อยคา
ธรรมดาสามัญในการประพนั ธ์ แต่ทว่ามคี วามหมายลึกซึ้ง
สะเทือนอารมณ์ และสร้างาินตภาพได้อย่างชัดเาน นิราศ
ภูเขาทองาึงมีคุณค่าและความดีเด่นในด้านวรรณศิลป์
ดงั ต่อไปนี้
๑) การเล่นเสียง
๒) ความเปรียบลกึ ซึง้ กนิ ใา
๓) การใช้คาเพื่อสร้างาินตภาพ
๑) การเล่นเสียง “ ดูน้าว่ิงกลิ้งเช่ียวเป็ นเกลยี วกลอก
กลบั กระฉอกฉาดฉัดฉวดั เฉวยี น
บทประพนั ธ์ของสุนทรภู่ บ้างพล่งุ พลุ่งว้งุ วงเหมือนกงเกวยี น
ถื อได้ว่ามี ความดี เด่ นเรื่ อ ง ดเู วียนเวยี นคว้างคว้างเป็ นหว่างวน ”
การเล่นเสียงโดยเฉพาะการ
เล่นเสียงสัมผสั ภายในวรรค สัมผสั ในวรรค เช่น วง่ิ – กลงิ้ เช่ียว – เกลยี ว
ท้ ัง สั ม ผ ัส ส ร ะ แ ล ะ สั ม ผ ัส ฉอก – ฉาด – ฉัด ฉวดั – เฉวยี น เป็ นต้น
อักษร ทาให้กลอนนิราศ
ภูเขาทองมีความไพเราะ
เป็นอยา่ งมาก ดงั ตวั อยา่ ง
๒) ความเปรียบลกึ ซึ้งกนิ ใา
นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง “ เม่ือเคราะห์ร้ายกายเรากเ็ ท่านี้
นบั เป็นวรรณคดีนิราศ ไม่มีทพี่ สุธาจะอาศัย
ท่ี เ ต็ ม ไ ป ด้ ว ย ก า ร ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคบั แคบใจ
พรรณนาความอาลยั ที่ เหมอื นนกไร้รังเร่อย่เู อกา ”
กวีมีต่อนางอันเป็ นท่ี
รัก โดยสุนทรภู่ไดค้ ดั - บ ท ก ล อ น ต อ น นี้ มี เ นื้ อ ค ว า ม แ ส ด ง ถึ ง ก า ร ค ร่ า ค ร ว ญ
สรรถ้อยคาเปรี ยบ - โศกเศร้า ซ่ึงตรงกับรสวรรณคดีที่เรียกว่า สัลลาปังคพิสัย
เ ป ร ย ที่ ส ร้ า ง อ า ร ม ณ์ โดยทา ให้เห็นภาพพาน์ท่ีว่า คนเรามีร่างกายเล็กมากหาก
ส ะ เ ทื อ น ใ จ ใ ห้ แ ก่ เทียบกับพื้นแผ่นดินซึ่งกว้างใหญ่ แต่เมื่อถึงคราวตกอับ
ผอู้ ่าน ดงั ตวั อยา่ ง กลบั ไม่มีพืน้ ทา่ี ะอาศัย
๓) การใช้คาเพ่ือสร้างานิ ตภาพ
สุนทรภู่ นับป็ นกวี “ จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพนั ธ์ุผัก
ที่มีความสามารถในการ ดนู ่ารักบรรจงส่งเกสร
เลือกใชค้ าเพอื่ สร้าง เหล่าบวั เผือ่ นแลสล้างริมทางจร
จินตภาพ ซ่ึงสังเกตได้ ก้ามก้งุ ซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา ”
จากบทประพนั ธ์ท่ีมีการ
พ ร ร ณ น า ค ว า ม ด้ ว ย บท ก ล อ น ตอ น นี้สุ น ท รภู่ ไ ด้ พ ร รณ น า ภ า พ บร ร ย า ก า ศ
ถอ้ ยคาที่เรียบง่าย แต่ทา ธรรมชาตริ ะหว่างการเดินทางทา ให้ผู้อ่านาินตนาการเห็น
ใหผ้ อู้ ่านเห็นภาพชดั เจน ถึงภาพท้ องน้ายามรุ่ งเช้ าท่ีละลานตาไปด้ วยพืชน้านานา
ดงั ตวั อยา่ ง ชนิด ที่ชูช่อประชันกัน และยังทาให้เห็นว่าสายน้าน้ันมี
ความใสสะอาดานสามารถมองเห็นพืชท่ีขนึ้ อยู่ใต้นา้ ได้
สรุป
นิราศภูเขาทอง มลี กั ษณะการแต่งแบบกลอนนิราศ าึงได้ปรุงเร่ือง
ขนึ้ ตามขนบนิราศ คือ กล่าวถึงการเดนิ ทางและราพงึ ถึงนางอนั เป็ นที่รัก แต่
มไิ ด้มกี าราากหญิงคนรัการิง เพยี งแต่สมมตขิ นึ้ ตามนิสัยกาพย์กลอนแต่
ก่อนมา นอกาากนีน้ ิราศภูเขาทองยงั เป่ี ยมด้วยคุณค่าท้งั ด้านเนื้อหาและ
วรรณศิลป์ าึงควรค่าแก่การอ่านเป็ นอย่างยงิ่