๒หน่วยการเรียนรู้ที่ โคลงโลกนิติ
โคลงโลกนิติ เป็ นโคลงสุภาษติ เก่าแก่ทแ่ี นะแนวทางการปฏิบัติตน
ในสังคม คนไทยใช้สอนและยึดถือปฏิบัติกันสืบมาต้ังแต่สมัยโบราณ
ถ้อยคาภาษาทใี่ ช้เรียบง่าย แต่มคี วามไพเราะและมีความเปรียบคมคาย
จงึ ทาให้ได้รับความนิยมเร่ือยมา
๑ ความเป็ นมา แผ่นศิลาจารึกเร่ืองโคลงโลกนิติ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน-
วิมลมังคลารามใหม่ และให้รวบรวมความรู้
หลายสาขาวิชา จารึกไว้บนแผ่นหินอ่อน
ประดบั ไว้ภายในบริเวณวดั โดยทรง
โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาเดชาดศิ ร ให้ทรงรวบรวม
โคลงโลกนิติของเก่ามาชาระ แล้วนาขึ้น
ทูลเกล้าฯ ถวาย เพ่ือจารึกไว้บนแผ่นศิลา
ประดับศาลาทิศท้ัง ๔ โดยรอบพระมณฑป
(หอไตรจัตุรมุข) โคลงโลกนิติจึงปรากฏ
แพร่หลายต้ังแต่คร้ังน้ันเป็ นต้นมา
๒ ประวตั ผิ ้แู ต่ง
สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดิศร
เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ-
เลิศหลา้ นภาลยั กบั เจา้ จอมมารดานิ่ม ประสูติเม่อ
วนั เสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๓๖ ในสมยั
รัชกาลท่ี ๒ ทรงรับสถาปนาเป็นกรมหม่นเดช-
อดิศร กากบั กรมพระอาลกั ษณ์ ต่อมาสมยั รัชกาล
ท่ี ๓ ไดท้ รงเล่อนเป็ นกรมขุนเดชอดิศร กระทง่ั
รัชกาลที่ ๔ ทรงเล่อนเป็ นกรมสมเด็จพระเดชาดิศร พระองคส์ ิ้นพระชนม์เม่อ
พ.ศ. ๒๔๐๒ พระชนั ษาได้ ๖๗ ปี
๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์
แผนผงั และตวั อย่าง โคลงสี่สุภาพ
โคลงโลกนิติ ๏ น้าเคยี้ วยงู ว่าเง้ียว ยงู ตาม
แต่งดว้ ยคาประพนั ธ์ ทรายเหลอื บหางยงู งาม ว่าหญ้า
ประเภทโคลงส่ีสุภาพ ตาทรายยง่ิ นิลวาม พรายเพริศ
และ มีบางบทเป็น หว่าดน้ิ โดยตาม
โคลงกระทู้ โดยมีแผง ลงิ ว่าหว้าหวงั หว้า
ผงั ฉนั ทลกั ษณ์และ
ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์
ดงั น้ี
๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ (ต่อ)
แผนผงั และตวั อย่าง โคลงกระทู้ ๒ คา
๏ เพอ่ื นกนิ ส้ินทรัพย์แล้ว แหนงหนี
หาง่าย หลายหมน่ื มี มากได้
เพอ่ื นตาย ถ่ายแทนชี- วาอาตม์
หายาก ฝากผีไข้ ยากแท้จักหา
๔ เนื้อเรื่อง
โคลงโลกนิติ (อ่านว่า โลก-
กะ-นิด แปลว่า ระเบียบแบบแผนแห่ง
โลก) เป็ นวรรณคดีท่ีมีเน้อหาเป็ นคา-
สอนในดา้ นต่างๆ ท้งั ทางโลกและทาง-
ธรรม ถอเป็ นคาสอนท่ีเก่าแก่และ
แพร่หลายมาต้งั แต่สมยั โบราณ โดยใน
ที่ น้ ี จ ะ ข อ น า เ ส น อ บ ท ป ร ะ พ ัน ธ์ ที่ ใ ห้
ขอ้ คิดและประโยชน์ในการดาเนินชีวิต
จากวรรณคดีเร่องโคลงโลกนิติจานวน
๒๔ บท ดงั ต่อไปน้ี
๔ เนื้อเร่ือง (ต่อ) มีพรรณ
ชาดบ้าย
๏ ผลเดอ่ื เมอื่ สุกไซร้ หนอนบ่อน
ภายนอกแดงดฉู ัน นอกน้ันดูงาม
ภายในย่อมแมลงวนั
ดจุ ดงั่ คนใจร้าย
“การคบคนอย่ามองเพยี งความงดงามภายนอก”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ) สุริโย
แช่มช้า
๏ นาคมี ีพษิ เพย้ี ง แมลงป่ อง
เลอื้ ยบ่ทาเดโช อวดอ้างฤทธี
พษิ น้อยหยง่ิ โยโส
ชูแต่หางเองอ้า
“ผู้มคี วามรู้ ความสามารถย่อมไม่อวดตนหรือคุยข่มผู้อื่น”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ ความรู้ผ้ปู ราชญ์นั้น นักเรียน
ฝนทงั่ เท่าเข็มเพยี ร ผ่ายหน้า
คนเกยี จเกลียดหน่ายเวียน วนจิต
กลอทุ กในตะกร้า เปี่ ยมล้นฤามี
“คนทมี่ ีความขยนั หม่นั เพยี รแม้ทากจิ การใดกย็ ่อมสาเร็จลงได้”
๔ เนื้อเร่ือง (ต่อ)
๏ ห้าม เพลงิ ไว้อย่าให้ มคี วนั
ส่องไซร้
ห้าม สุริยแสงจนั ทร์ คนื เล่า
ห้าม อายใุ ห้หัน จง่ึ ห้ามนินทา
ห้าม ดงั่ นี้ไว้ได้
“การห้ามนนิ ทาเป็ นเร่ืองยาก หรือเป็ นเรื่องทไี่ ม่อาจกระทาได้”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ) เริงใจ
สระจ้อย
๏ รู้น้อยว่ามากรู้ กลางสมุทร
กลกบเกดิ อย่ใู น มากลา้ ลกึ เหลอื
ไป่ เห็นชเลไกล
ชมว่าน้าบ่อน้อย
“คนทม่ี ีความรู้ หรือประสบการณ์น้อยย่อมหลงคดิ ว่า
สิ่งทต่ี นได้พบเห็นน้ันยง่ิ ใหญ่”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ) ไฉนหา ภักษ์เฮย
ยากแท้
๏ จระเข้คบั น่านน้า ไฉนอยู่ ได้แฮ
รถใหญ่กว่ารัถยา แล่นโล้ไปไฉน
เสือใหญ่กว่าวนา
เรือเข่ืองคบั ชเลแล้
“ควรดารงตนให้เหมาะสมกบั สภาพแวดล้อมและฐานะความเป็ นอยู่”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ เสีย สินสงวนศักดไ์ิ ว้ วงศ์หงส์
สิ่งรู้
เสีย ศักดสิ์ ู้ประสงค์ ไว้นา
เสีย รู้เร่งดารง ความสัตย์ ชีพม้วยมรณา
เสีย สัตย์อย่าเสียสู้
“การรักษาความสัตย์สาคญั เหนือส่ิงใด”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ) ยงู ตาม
ว่าหญ้า
๏ นา้ เคย้ี วยงู ว่าเงี้ยว พรายเพริศ
ทรายเหลอื บหางยงู งาม หว่าดน้ิ โดยตาม
ตาทรายยงิ่ นิลวาม
ลงิ ว่าหว้าหวงั หว้า
“การหลงผดิ โดยขาดการไตร่ตรอง อาจนามาซึ่งอนั ตรายถงึ ชีวติ ”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ พระสมทุ รสุดลกึ ล้น คณนา
สายดงิ่ ทง้ิ ทอดมา หยง่ั ได้
กาหนด
เขาสูงอาจวัดวา ยากแท้หยงั่ ถงึ
จิตมนษุ ย์นี้ไซร้
“สิ่งทไี่ ม่อาจวดั หรือทาความเข้าใจได้ คือ จิตใจของคน”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ รักกนั อย่ขู อบฟ้า เขาเขียว
เสมออย่หู อแห่งเดยี ว ร่วมห้อง
ชังกนั บ่แลเหลยี ว ตาต่อ กนั นา
ป่ าไม้มาบงั
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง
“คนทมี่ คี วามรักความหวังดตี ่อกนั ย่อมมใี จผูกสัมพนั ธ์กนั อย่เู สมอ
ตรงข้ามกบั คนทชี่ ังกนั แม้จะอย่ใู กล้แต่กไ็ ม่เคยพดู คุยหรือพง่ึ พาอาศัยกนั ”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ เจด็ วนั เว้นดดี ซ้อม ดนตรี
อกั ขระห้าวันหนี เนิ่นช้า
สามวนั จากนารี เป็ นอนื่
วันหนึ่งเว้นล้างหน้า อับเศร้าศรีหมอง
“ควรเอาใจใส่ต่อกจิ ทท่ี าอยู่เป็ นนิจ เพ่ือผลประโยชน์แก่ตน”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ) รัดรึง
ไป่ หม้นั
๏ ใครจักผกู โลกแม้ หายเสื่อม
เหลก็ เท่าลาตาลตรึง แน่นเท้าวันตาย
มนตร์ยาผกู นานหึง
ผกู เพอื่ ไมตรีนั้น
“ไม่มีส่ิงใดทจ่ี ะผูกมดั คนให้คงม่นั ต่อกนั เท่าไมตรีและความเอือ้ อาทร”
๔ เนื้อเร่ือง (ต่อ) สินทรัพย์
ยงิ่ ไซร้
๏ ความรู้ดยู ง่ิ ลา้ กายอาต-มานา
คดิ ค่าควรเมืองนับ เร่งรู้เรียนเอา
เพราะเหตจุ กั อย่กู บั
โจรจกั เบยี นบ่ได้
“ความรู้มีความสาคญั ทส่ี ุด และไม่มใี ครสามารถมาแย่งชิงไปได้”
๔ เนื้อเร่ือง (ต่อ)
๏ สนิมเหลก็ เกดิ แต่เน้ือ ในตน
กนิ กดั เน้อื เหลก็ จน กร่อนขร้า
บาปเกดิ แต่ตนคน เป็ นบาป
บาปย่อมทาโทษซ้า ใส่ผ้บู าปเอง
“หากเราคดิ ไม่ดคี วามคดิ น้ันจะกดั กร่อนจิตใจ ทาให้รู้สึกไม่สบายใจ”
๔ เนื้อเร่ือง (ต่อ)
๏ นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว
รังแต่งจเุ มยี ผวั อย่ไู ด้
มักใหญ่ย่อมคนหวัว ไพเพดิ
ทาแต่พอตัวไซร้ อย่าให้คนหยนั
“จะทาการสิ่งใด ให้คานึงถึงความเหมาะสมกบั ฐานะของตน”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ เห็นท่านมีอย่าเคลม้ิ ใจตาม
เรายากหากใจงาม อย่าคร้าน
อตุ ส่าห์พยายาม การกจิ
เอาเยย่ี งอย่างเพอ่ื นบ้าน อย่าท้อทากนิ
“ให้หมั่นอุตสาหะในการประกอบสัมมาอาชีพ
อย่าใช้จ่ายฟ่ ุมเฟื อยตามแบบอย่างผู้อ่ืน”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ คนใดละพ่อทงั้ มารดา
อันทพุ พลชรา- ภาพแล้ว
ขับไล่ไป่ มีปรา- ณีเนตร
คนดง่ั นี้ฤๅแคล้ว คลาดพ้นไภยนั
“บุคคลใดละทงิ้ ไม่เลยี้ งดูบุพการี
คนผู้น้ันย่อมไม่ประสบความสาเร็จในชีวติ ”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ คณุ แม่หนาหนักเพยี้ ง พสุธา
คณุ บิดรดุจอา- กาศกว้าง
คณุ พพ่ี ่างศิขรา
คณุ พระอาจารย์อ้าง เมรุมาศ
อาจสู้สาคร
“พระคุณของบดิ า มารดา ญาตพิ นี่ ้อง และครูอาจารย์ยงิ่ ใหญ่มาก
ควรสานึกและตอบแทนคุณ”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ ก้านบัวบอกลกึ ต้ืน ชลธาร
มรรยาทส่อสันดาน ชาตเิ ช้ือ
โฉดฉลาดเพราะคาขาน ควรทราบ
หย่อมญ่าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดนิ
“การแสดงกริ ิยาท่าทาง หรือการพูดจา
ย่อมบ่งบอกว่าบุคคลผู้น้ันเป็ นคนเช่นไร”
๔ เนื้อเร่ือง (ต่อ) กนิ เกลอื
พวกพ้อง
๏ ถงึ จนทนสู้กดั สงวนศักด์ิ
อย่าเทยี่ วแล่เนื้อเถอื จับเน้ือกนิ เอง
อดอยากเยย่ี งอย่างเสือ
โซกเ็ สาะใส่ท้อง
“ควรรู้จกั พง่ึ พาตนเอง ไม่เบยี ดเบยี นขอความช่วยเหลือจากผู้อ่ืน”
๔ เนื้อเร่ือง (ต่อ) เขาหนัง
อย่ไู ซร้
๏ โคควายวายชีพได้ ขารร่าง
เป็ นสิ่งเป็ นอนั ยงั แต่ร้ายกบั ดี
คนเดด็ ดบั สูญสัง-
เป็ นช่ือเป็ นเสียงได้
“เมื่อคนเราตายไป คงเหลือแต่ความดคี วามชั่วให้ได้กล่าวขานถึง”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ) เหยยี บหยนั
พลวกพล้ัง
๏ สูงสารส่ีเท้าย่าง ถงึ มาก กด็ ี
บางคาบเชี่ยวไปพลนั พลาดถ้อยทางความ
นักรู้ร่าเรียนธรรม์
กล่าวดงั่ น้าผลงั้ ผลัง้
“แม้มคี วามรู้ ความชานาญเพยี งใด หากประมาทกย็ ่อมพลาดพล้งั ได้”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ เพอื่ นกนิ สิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี
หาง่าย หลายหม่ืนมี มากได้
เพอื่ นตาย ถ่ายแทนชี- วาอาตม์
หายาก ฝากผไี ข้ ยากแท้จักหา
“ควรระมดั ระวงั ในการเลือกคบเพื่อน เพราะเพื่อนทดี่ นี ้ันหายาก”
๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ)
๏ อ่อนหวานมานมติ รล้น เหลอื หลาย
หยาบบ่มเี กลอกราย เกลอ่ื นใกล้
ดจุ ดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดบั นา
สุริยะส่องดาราไร้ เพอ่ื ร้อนแรงแสง
“คนทพ่ี ูดจาไพเราะอ่อนหวาน ย่อมมแี ต่คนอยากพูดคุยและคบหาด้วย”
๕ บทวเิ คราะห์
โคลงโลกนิติเป็ นโคลงสุภาษิตท่ีมี
จุดมุ่งหมายเพ่ือสอนให้ทุกคนในสังคมเป็ นคน
ดี ปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในทุก
โอกาส นอกจากนี้ยังมีศิลปะการประพันธ์ ท่ี
ไพเราะ แสดงความเปรียบคมคาย จากบทที่
คัดมาให้ศึกษา สามารถวิเคราะห์คุณค่า โดย
แบ่งเป็ น คุณค่าด้านเน้ือหา และ คุณค่า
ด้านวรรณศิลป์ ดงั รายละเอยี ดต่อไปนี้
๑. คุณค่าด้านเนื้อหา
โคลงโลกนิติ มีเนื้อหาที่สะท้อนให้เห็นความเช่ือ ค่านิยม จริยธรรม ของสังคมไทยท่ี
ปฏิบัติสืบต่อมาช้านาน หากผู้อ่านพจิ ารณาให้ลึกซึ้ง จะทา ให้เข้าใจถงึ สัจธรรมของชีวิตมาก
ยิ่งขนึ้ และสามารถนา ข้อคดิ ไปปรับใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้ โดยแบ่งเป็ น ๑๐ ประเภท ดงั นี้
๑. สอนให้ยดึ มัน่ ในความดี ๒. สอนให้มีไมตรีจิต
๓. สอนให้คดิ กตญั ญู ๔. สอนให้รู้รักษาความสัตย์
๕. สอนให้หัดเลือกคบคน ๖. สอนให้สนใจการศึกษา
๗. สอนให้พงึ่ พาตนเอง ๘. สอนให้เป็ นผู้รู้จักประมาณตน
๙. สอนให้เป็ นคนต้งั ใจจริง ๑๐. สอนให้ละทงิ้ ความโอ้อวด
๑) สอนให้ยดึ ม่ันในความดี
โคลงโลกนิติมีคาสอนเร่ืองการยึดม่ันในศีลธรรมหรือความดี และเชื่อในเร่ืองกฎแห่ง
กรรม คือ การทาดยี ่อมได้รับผลเป็ นความดี การทาชั่วย่อมได้รับผลเป็ นความชั่ว และความชั่ว
น้ันย่อมกดั กร่อนจิตใจและให้ผลร้ายแก่คนที่กระทาความช่ัว ดงั ตวั อย่างบทประพนั ธ์
๏ สนิมเหลก็ เกดิ แต่เนอ้ื ในตน
กนิ กดั เนือ้ เหลก็ จน กร่อนขร้า
บาปเกดิ แต่ตนคน เป็ นบาป
บาปย่อมทาโทษซ้า ใส่ผ้บู าปเอง
๒) สอนให้มีไมตรีจิต
โคลงโลกนิติสอนเรื่องการมไี มตรีจิต โดยกล่าวว่า แม้จะใช้เหลก็ ที่มีขนาดใหญ่เท่าลาตาล
มัดตรึงไว้ก็ไม่แน่นหนาหรือจะใช้เวทมนตร์ คาถานานเข้าก็เส่ือมหาย แต่หากผูกใจผู้คน
ท้งั หลายด้วยไมตรีย่อมยัง่ ยืนอย่างไม่เส่ือมคลาย ดงั ตวั อย่างบทประพนั ธ์
๏ ใครจกั ผกู โลกแม้ รัดรึง
เหลก็ เท่าลาตาลตรึง ไป่ หม้ัน
หายเสื่อม
มนตร์ยาผกู นานหึง แน่นเท้าวนั ตาย
ผกู เพอ่ื ไมตรีน้ัน
๓) สอนให้คดิ กตญั ญู
โคลงโลกนิตมิ ีคาสอนเรื่องความกตัญญูและการรู้สานึกในพระคุณของบิดา มารดา ญาติ
พน่ี ้อง และครูอาจารย์ โดยกล่าวเปรียบเทียบถงึ ส่ิงต่างๆ ดงั ตวั อย่างบทประพนั ธ์
๏ คณุ แม่หนาหนักเพยี้ ง พสุธา
คณุ บดิ รดุจอา- กาศกว้าง
คณุ พพ่ี ่างศิขรา
คณุ พระอาจารย์อ้าง เมรุมาศ
อาจสู้สาคร
๔) สอนให้รู้รักษาความสัตย์
โคลงโลกนิติบทหนึ่งกล่าวถึงการรักษาความสัตย์ไว้ ว่าเป็ นส่ิงสาคัญมากที่สุ ด
นอกเหนือจากการรักษาศักด์ิศรีและการแสวงหาความรู้ แม้จะต้องสละชีวิตก็อย่ายอมเสีย
ความสัตย์เป็ นอนั ขาด ดงั ตัวอย่างบทประพนั ธ์
๏ เสีย สินสงวนศักดไิ์ ว้ วงศ์หงส์
สิ่งรู้
เสีย ศักดิ์สู้ประสงค์ ความสัตย์ ไว้นา
เสีย รู้เร่งดารง ชีพม้วยมรณา
เสีย สัตย์อย่าเสียสู้
๕) สอนให้หัดเลือกคบคน
โคลงโลกนิติสอนให้รู้จักการพิจารณาและไม่ประมาทในการเลือกคบคน โดย
เปรียบเทียบว่ามหาสมุทร แม้จะลกึ เพยี งใด ยงั อาจใช้สายดงิ่ วดั ได้ หรือภูเขาจะสูงเพยี งใด ก็ยงั
วดั ระยะความสูงได้ แต่จติ ใจของคนน้ันยากที่เข้าใจ ดงั ตวั อย่างบทประพนั ธ์
๏ พระสมทุ รสุดลกึ ล้น คณนา
สายดงิ่ ทง้ิ ทอดมา หยงั่ ได้
กาหนด
เขาสูงอาจวดั วา ยากแท้หยง่ั ถงึ
จติ มนุษย์น้ีไซร้
๖) สอนให้สนใจการศึกษา
โคลงโลกนิติสอนให้เห็นความสาคญั ของการเรียน มคี วามขยนั หม่ันเพยี รในการศึกษา
เนื่องจากวิชาความรู้มีคุณค่าย่ิงกว่าทรัพย์สมบัติท้ังหลายและคงอยู่ติดตัวไปจนตาย ไม่มีใคร
มาแย่งชิงไปได้ ดงั ตวั อย่างบทประพนั ธ์
๏ ความรู้ดูยงิ่ ลา้ สินทรัพย์
คดิ ค่าควรเมืองนับ ยงิ่ ไซร้
กายอาต-มานา
เพราะเหตุจักอย่กู บั เร่งรู้เรียนเอา
โจรจักเบยี นบ่ได้
๗) สอนให้พง่ึ พาตนเอง
โคลงโลกนิติได้สอนหลักธรรมที่ตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตท่ีว่า อัตตาหิ อัตโนนาโถ
หมายถงึ ตนเป็ นที่พงึ่ แห่งตน แม้เราจะตกอยู่ในภาวะอบั จน แต่กต็ ้องรู้จกั นาพาตนเองให้
หลุดพ้นจากภาวะดังกล่าว โดยไม่เท่ียวไปเบียดเบียนหรือขอความช่วยเหลือผู้อื่น ดังตัวอย่าง
บทประพนั ธ์
๏ ถงึ จนทนสู้กดั กนิ เกลอื
อย่าเทย่ี วแล่เน้อื เถอื พวกพ้อง
อดอยากเยย่ี งอย่างเสือ สงวนศักดิ์
โซกเ็ สาะใส่ท้อง จบั เนือ้ กนิ เอง
๘) สอนให้เป็ นผู้รู้จกั ประมาณตน
โคลงโลกนิติสอนให้เป็ นผู้รู้จักประเมินความสามารถและประมาณกาลังของตน ควร
ดาเนินชีวิตด้วยความพอดี อันเป็ นวิถีทางที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนว
พระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ดงั ตวั อย่างบทประพนั ธ์
๏ นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว
รังแต่งจเุ มียผวั อย่ไู ด้
มกั ใหญ่ย่อมคนหววั ไพเพดิ
ทาแต่พอตวั ไซร้ อย่าให้คนหยนั
๙) สอนให้เป็ นคนต้งั ใจจริง
โคลงโลกนิติสอนให้มีความต้ังใจ โดยเฉพาะในเร่ืองการเรียนและการทางาน เพราะ
หากละเลยหรือไม่เอาใจใส่ ในส่ิงท่ีทา ย่อมไม่มีวันที่จะเกิดความชานาญและประสบ-
ความสาเร็จได้ ดงั ตัวอย่างบทประพนั ธ์
๏ เจ็ดวนั เว้นดดี ซ้อม ดนตรี
อักขระห้าวนั หนี เนนิ่ ช้า
สามวนั จากนารี เป็ นอ่ืน
วนั หน่ึงเว้นล้างหน้า อบั เศร้าศรีหมอง
๑๐) สอนให้ละทงิ้ ความโอ้อวด
โคลงโลกนิติสอนถึงเร่ืองความโอ้อวดไว้ โดยกล่าวถึงกิริยาหรือธรรมชาติของสัตว์
เปรียบเทียบกบั มนุษย์ว่าเราควรมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ควรโอ้อวดสรรพคุณของตนเอง
ดงั ตัวอย่างบทประพนั ธ์
๏ นาคมี ีพษิ เพยี้ ง สุริโย
เลอื้ ยบ่ทาเดโช แช่มช้า
พษิ น้อยหยง่ิ โยโส แมลงป่ อง
ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี
๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ โค ลงโลกนิ ติ สอนถึง เร่ื องควา มโอ้ อวดไว้
โดยกล่าโวคถลึงงกโิรลิยกานหิตริ ืเอปธ็ นรวรรมรชณาคตดิขทีอี่มงสีคัตวาวม์ เดปเีรดีย่นบในเทดีย้าบนกถับ้อมยคนาุษแยล์วะ่าสเราานคววนรโมวีคหวาารมทอี่เ่ขอ้านในจ้งอ่ามย
ถแ่อตม่มตีคนวาไมมห่คมวารยโลอ้กอึ ซวดึ้งสแลระรมพีควุณาขมอไพงตเรนาเะอสงลดะงัสตลัววอยยเ่านงื่อบงทดป้วรยะกพวนัมี ธกี ์ลวธิ ีในการประพนั ธ์ ดงั นี้
๑. การใช้ภาพพจน์
๒. การใช้ภาษาสร้างจินตภาพ
๓. การเล่นเสียง
๔. การเล่นคา
๑) การใช้ภาพพจน์ โค ลงโลกนิ ติ สอนถึง เรื่ องควา มโอ้ อวดไว้
ถโเดป่อยรมีกยตบลนโ่าเทควไียถมลบึง่คงกกวโิรลบัริยโกสอานิ่ง้หอใิตวกริดมืลอ้ตสีธกวัรรารเรรพพมใ่ือชคช้ใคุณาหตว้เขหิขาอม็นองเงจตปสรนรัิงตเียอวกบง์ลเปโวดดิธรงั ยีีนตยเบัวีเ้ ปปอเ็รทนยียี่ยกางบบาบรวกนท่าับปาสมส่ิรงน่ิงะหใุษพกนยนัลึ่ง์ว้ตธเ่าห์ัวเรทมา่ีผือคู้อนว่ารกนมับพีคสบวิ่งเาหหม็นนอ่หอ่ึงนรซือน่ึงร้อู้จจมักะ
มาใช้เป็ นคตเิ ตือนใจ ทาให้ผู้อ่านเกดิ ความเข้าใจมากขนึ้ ดงั ตวั อย่างบทประพนั ธ์
๏ ผลเดอื่ เม่ือสุกไซร้ มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย
ภายในย่อมแมลงวนั หนอนบ่อน
นอกน้ันดูงาม
ดุจดง่ั คนใจร้าย
๒) การใช้ภาษาสร้างจินตภาพ โคลงโลกนิติสอนถึงเร่ืองความโอ้อวดไว้
โดยกล่าวกถาึงรกใิรชิย้ภาาหษราือสธรร้ารงมจชินาตตภิขาอพงเสป็ัตนวศ์ ิลเปประียกบาเรทปียรบะกพับันมธน์ทุษี่พยบ์วม่าเารกาใคนวโรคมลีคงโวลากมนอ่ิตอนิ ทนา้อใมห้
ถเน่อื้อมคตวนามไมล่คกึ ซวรึ้งโแอล้อะวสดรส้างรจรพินตคนุณาขกอางรตไดน้อเอยง่างดแงั จต่มัวชอัดยด่างงั บตทัวอปยร่าะงพบนั ทธป์ ระพนั ธ์
๏ จระเข้คบั น่านน้า ไฉนหา ภกั ษ์เฮย
รถใหญ่กว่ารัถยา ยากแท้
เสือใหญ่กว่าวนา ไฉนอยู่ ได้แฮ
เรือเขอ่ื งคบั ชเลแล้ แล่นโล้ไปไฉน
๓) การเล่นเสียง โค ลงโลกนิ ติ สอนถึง เร่ื องควา มโอ้ อวดไว้
โดยกล่าวกถาึงรกเลิร่นิยาเสหียรงือเธป็รนรกมาชราใตช้ิสขัมองผสัสัตสวร์ ะเปหรรียือบสเัมทผียัสบอกักบษมรนใุษนยว์วร่ารเคราเดคียววรกมันีควชา่วมยอท่อานใหน้เอกมิด
ถค่อวมามตไนพไเรมา่คะวมรโีลอลี ้อาวจดงั สหรวระพแคลุณะเขสอียงตขนองเอคงากดลงั มตกัวลอืนย่ากงนั บทดปงั ตรัวะอพยนั ่าธง์บทประพนั ธ์
๏ สูงสารส่ีเท้าย่าง เหยยี บหยนั
บางคาบเชี่ยวไปพลนั พลวกพลง้ั
ถงึ มาก กด็ ี
นักรู้ร่าเรียนธรรม์ พลาดถ้อยทางความ
กล่าวดง่ั น้าผลง้ั ผลง้ั
๔) การเล่นคา โค ลงโลกนิ ติ สอนถึง เร่ื องควา มโอ้ อวดไว้
โดยกล่าวกถาึงรกเลิริ่ยนาคหาเรปือ็ นธกรลรวมิธชีกาาตริขใชอ้คงาสซัต้าว์เพเป่ือรชีย่วบยเดท้าียนบเสกีัยบงมแนลุษะเยน์ว้น่ายเรา้ าคคววารมมหีคมวาายมโอด่อยนกวนจี้อะม
ซถ่อ้าคมาตในนตไมาแ่คหวนร่โงอต้อ้นวบดาสทรขรอพงคทุณุกบขอาทงตดนงั เตอัวงอดยงั่าตงบวั อทยป่ารงะบพทนัปธร์ะพนั ธ์
๏ ห้าม เพลงิ ไว้อย่าให้ มีควนั
ส่องไซร้
ห้าม สุริยแสงจนั ทร์ คนื เล่า
ห้าม อายใุ ห้หัน จึง่ ห้ามนินทา
ห้าม ดงั่ นี้ไว้ได้
สรุป
โคลงโลกนิติ นอกจากจะได้รับการยอมรับว่าเป็ น
หนังสือท่ีแต่งดีมีศิลปะการประพันธ์ท่ีโดดเด่น ท้ังในด้าน
ถ้อยคาและสานวนภาษาทมี่ ีความไพเราะและอ่านเข้าใจง่ายแล้ว
ยงั เป็ นวรรณคดที ที่ รงคุณค่าควรแก่การศึกษาและสามารถนา
คาสอน ในเร่ืองต่างๆ ไปปรับใช้ในการดาเนินชีวติ ประจาวนั
ในปัจจุบนั ได้เป็ นอย่างดี