The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

303 เนื้อหา ตำรา วิชากำลังสำรอง ปี3 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Patiparn Potardee, 2020-09-21 09:49:09

2. วิชากำลังสำรอง ปี3 2563

303 เนื้อหา ตำรา วิชากำลังสำรอง ปี3 2563

บทที่ ิวชาการก�ำลัง �สำรอง 1

การก�ำลงั ส�ำรอง

ตอนท่ี 1
กิจการเสอื ป่า

1. กิจการ “เสือปา่ ”

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งครอง
ราชย์ในช่วงปี พ.ศ. 2453 - 2468 ได้เริ่มเกิดความขัดแย้งทางความคิดในด้านระบอบ
การปกครองระหว่างคนรุ่นใหม่ท่ีนิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย กับคนรุ่นเก่า
ที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ท�ำให้ประเทศซึ่งในขณะ
นั้นยังคงไม่เป็นปึกแผ่น เกิดความล่อแหลมต่อการรุกรานของต่างชาติ อาทิ อังกฤษ
ฝรงั่ เศส และเยอรมนี ซงึ่ เขา้ มามบี ทบาทในภมู ภิ าคในฐานะชาตมิ หาอ�ำนาจลา่ เมอื งขนึ้
หากแต่ด้วยพระปรีชาสามารถ และสายพระเนตรท่ียาวไกลของพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงก�ำหนดอุดมการณ์ของราชอาณาจักรสยาม
ในสมยั นั้นข้นึ โดยก�ำหนดให้มี 3 สถาบนั หลัก คือ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์”
เป็นตัวนโยบายของรัฐบาล และเคร่ืองมือที่ส�ำคัญย่ิงที่พระองค์ทรงใช้ในการปลูกฝัง
ความส�ำนึกของประชาชนต่อ 3 สถาบันน้ีก็คือ “กิจการเสือป่าและลูกเสือ” จึงทรง
พระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้ต้ังกองพลสมคั รขน้ึ กองพลหนึง่ ให้ชื่อว่า “กองเสือป่า” เม่ือ
วนั ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2454

2 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง ต่อมาในช่วงสงครามโลกคร้งั ที่ 1 ได้มีการแบ่งการจดั หน่วยขน้ึ ใหม่เป็น 2 พวก
ได้แก่ กองเสือป่าหลวง (หรือกองเสือป่ารักษาพระองค์) และกองเสือป่ารักษาดินแดน
โดยกองเสือป่าหลวง ซึ่งต่อมาเปล่ียนชื่อเป็น “กองเสนาหลวงรักษาพระองค์” ส่วน
กองเสือป่ารกั ษาดินแดน แบ่งออกเป็น 4 ภาค ทำ� หน้าท่รี กั ษาดินแดนในแต่ละกลุ่มจงั หวดั
จงึ เป็นต้นแบบของต�ำรวจตระเวนชายแดนในเวลาต่อมา และภายหลงั เมือ่ พระบาทสมเด็จ
พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั เสดจ็ สวรรคต เม่อื วนั ที่ 25 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2468 กิจการเสอื ป่า
จงึ ได้ยตุ ิลง

“ลูกเสือ” กศุ โลบายแห่งการฝึกเยาวชน
เมอื่ ครงั้ ทก่ี จิ การเสอื ปา่ ไดต้ งั้ ขน้ึ เปน็ รปู รา่ งแลว้ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้
เจ้าอยู่หัว จึงทรงดำ� ริว่า “ควรจะได้อบรมบุตรของเสือป่าเสียด้วย โดยเป็นการอบรมเด็ก
แต่ยงั เยาว์วยั ให้เป็นคนดขี องชาติ เปรียบด้วยไม้อ่อนย่อมดัดง่าย” ด้วยเหตนุ จี้ ึงมพี ระบรม
ราชโองการส่งั ณ วันเสาร์ท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 คือหลังจากตง้ั กองเสือป่าได้ 2 เดือน
นับเป็นประเทศท่ี 3 ของโลกรองจากอเมริกา
กองลูกเสือกองแรกได้เข้าท�ำพิธีประจ�ำกองท่ีโรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือ
โรงเรยี นวชริ าวธุ วทิ ยาลยั ในปัจจุบนั เมือ่ วันท่ี 2 กนั ยายน พ.ศ. 2454 ใช้ช่อื ว่า “กองลกู เสือ
กรงุ เทพฯ ท่ี 1" โดยพระองค์พระราชทานคำ� ขวัญไว้ให้เช่นเดยี วกับเสอื ป่าว่า “เสยี ชพี อย่า
เสียสตั ย์” ซึ่งยงั คงใช้มาจนถงึ ปัจจุบัน

2. กจิ การยุวชนทหาร “ยุวชนทหาร” อนุชนใจกล้า ร่วมตอ่ สู้
ปกปอ้ งแผ่นดนิ

หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง กิจการลูกเสือได้ถูกปรับปรุงใหม่ ด้วย
ว่าในคราวหนึ่ง ลูกเสือได้ช่วยบ�ำเพ็ญประโยชน์แก่ข้าราชการในการปราบจลาจล เป็นท่ี
พอใจในผู้บังคบั การกองผสมในขณะน้นั ซง่ึ กค็ ือ พนั โท แปลก พบิ ูลสงคราม ดังนั้นในเวลา
ตอ่ มาเมอื่ ไดเ้ ปน็ พนั เอก หลวงพบิ ลู สงคราม รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงกลาโหม จงึ มแี นวความคดิ
ที่จะสร้างอนุชนใหม่ให้เป็นพลเมืองที่มีจิตตานุภาพในการสู้รบ นั่นคือ มีจิตใจท่ีเด็ดเด่ียว
กล้าหาญ พร้อมท่ีจะสู้รบอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด กอปรกับมีความส�ำนึกในหน้าที่และ
ความรับผิดชอบต่อประเทศชาติบ้านเมืองอย่างจริงจัง นอกจากน้ีการเตรียมพลเพ่ือขยาย
กำ� ลงั รบในยามสงคราม จำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารฝกึ สอนและผลติ นายทหาร นายสบิ เขา้ ตามอตั ราศกึ

เพราะเม่ือถึงเวลาระดมพลจะได้มีคนเพียงพอท่ีจะเป็นผู้บังคับหมวดและบังคับหมู่ ดังน้ัน ิวชาการก�ำลัง �สำรอง 3
จงึ ได้มกี ารจดั ตงั้ หน่วยยวุ ชนทหารขน้ึ เมื่อเดอื นมิถุนายน พ.ศ. 2478

ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2486 ไดม้ กี ารประสานโครงการทหารกบั ลกู เสอื เขา้ ดว้ ยกนั โดย
การออก พระราชบญั ญตั ยิ วุ ชนทหารแหง่ ชาติ พ.ศ. 2486 ก�ำหนดใหม้ อี งคก์ ารยวุ ชนแหง่ ชาติ
ขน้ึ เมอื่ 8 ตลุ าคม พ.ศ. 2486 โดยกำ� หนดใหม้ ฐี านะเปน็ ทบวงการเมอื งอยใู่ นบงั คบั บญั ชาของ
นายกรฐั มนตรี (จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในตำ� แหน่ง “ผู้บัญชาการยวุ ชนทหารแห่งชาต”ิ
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นรองผู้บัญชาการฝ่ายยุวชนทหาร และให้
รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ เป็นรองผู้บัญชาการฝ่ายลูกเสือ

3. วรี กรรมยุวชนทหาร เมอ่ื 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484

เกียรติประวัติที่ส�ำคัญยิ่งของยุวชนทหารท่ีเราจดจ�ำได้ ก็คือ ในปี พ.ศ. 2484
ในระหว่างสงครามโลกครั้งท่ี 2 ก�ำลังรุนแรงในทวีปยุโรปและแอฟริกา ประเทศญี่ปุ่นได้
ประกาศสงครามกบั ฝา่ ยสมั พนั ธมติ รและเรมิ่ ปฏบิ ตั กิ ารทหารหลาย ๆ ประเทศในทวปี เอเชยี
ในวนั ที่ 8 ธนั วาคม พ.ศ. 2484 ภายหลงั ประกาศสงครามเพยี งวนั เดยี ว กองทพั ญป่ี นุ่ กไ็ ดย้ กพล
ขนึ้ บกหลายแหง่ ในประเทศไทย โดยทจ่ี งั หวดั ชมุ พร ยวุ ชนทหารหนว่ ยที่ 52 ชน้ั ปที ี่ 2 จำ� นวน
30 คน ภายใต้การน�ำของ ร้อยเอก ถวลิ นิยมเสน ผู้บงั คบั หน่วยฝึกยวุ ชนทหารที่ 52 และ
สบิ เอก สำ� ราญ ควรพนั ธ์ ครฝู กึ พรอ้ มดว้ ยตำ� รวจภธู รและราษฎรอาสาสมคั รอกี จำ� นวนหนงึ่
ไดร้ ว่ มกนั ตอ่ ตา้ นการยกพลขนึ้ บกของกองทพั ญป่ี นุ่ ทบี่ รเิ วณสะพานทา่ นางสงั ข์ ตำ� บลทา่ ยาง
อำ� เภอเมอื ง จงั หวัดชุมพร การสู้รบได้ดำ� เนินไปอย่างรนุ แรง ตัง้ แต่เวลาประมาณ 9 นาฬิกา
จนถงึ 12 นาฬิกา จงึ ได้รบั ค�ำสั่งให้ระงบั การสู้รบ ผลการสู้รบท�ำให้ ร้อยเอก ถวิลฯ เสยี ชีวิต
พรอ้ มดว้ ยยวุ ชนทหารและตำ� รวจรวมทงั้ สน้ิ 5 นาย สว่ นทหารญปี่ นุ่ เสยี ชวี ติ 11 นาย บาดเจบ็
7 นาย ตอ่ มาทางจงั หวดั ชมุ พร จงึ ไดส้ รา้ งอนสุ าวรยี ย์ วุ ชนทหาร ณ บรเิ วณสะพานทา่ นางสงั ขฯ์
ซึง่ เป็นพ้นื ทส่ี ู้รบ

4. กจิ การนักศึกษาวิชาทหาร

“นกั ศกึ ษาวชิ าทหาร” เตรยี มการด้านก�ำลังพล
ภายหลงั จากทก่ี จิ การยวุ ชนทหารได้ยบุ เลกิ ลงในปี พ.ศ. 2491 พลโท หลวงชาติ
นกั รบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มแี นวคดิ ที่จะให้มกี ารฝึกทหารให้แก่ประชาชน
ท่ัวไป เพื่อเป็นการเตรียมการด้านก�ำลังพลส�ำหรับสงครามในอนาคต โดยเร่ิมต้นฝึกผู้ที่

4 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง จะมาเป็นผู้บัญชาการก่อน หลังจากนั้นก็จะท�ำการแยกย้ายฝึกพลเมืองต่อไป ด้วยเหตุ
ดังกล่าวกระทรวงกลาโหมจงึ ได้ตง้ั กรมการรักษาดินแดนขนึ้ เมือ่ 4 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2491
โดยอาศยั ความตามพระราชบญั ญตั กิ ารจดั ระเบยี บปอ้ งกนั ราชอาณาจกั ร มาตรา 6 (ซง่ึ เปน็
วนั ถดั จากวนั ประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั จิ ดั ระเบยี บปอ้ งกนั ราชอาณาจกั ร พ.ศ. 2491 ในราช
กจิ จานเุ บกษา เล่ม 65 ตอนที่ 7 หน้า 68 ลง 3 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2491 มีฐานะเป็นหน่วย
ขึ้นตรงของกระทรวงกลาโหม นนั้ คอื นักศึกษาวชิ าทหารได้กำ� เนดิ ขนึ้ คร้งั แรกในคร้งั นด้ี ้วย
โดยมที ตี่ งั้ ครง้ั แรกอยบู่ รเิ วณมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ทา่ พระจนั ทร์ และไดย้ า้ ยมายงั พนื้ ท่ี
สวนเจ้าเชตุ บรเิ วณตรงข้ามวดั พระเชตุพนวิมลมงั คลารามราชวรมหาวหิ าร หรอื “วดั โพธิ์”
เลขท่ี 2 ถนนเจริญกรุง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เมื่อปี
พ.ศ. 2498 และได้ดำ� เนนิ กิจการเร่อื ยมาตราบจนปัจจบุ ัน

ควบรวม 2 หนว่ ยเป็น “นสร.”
เมือ่ ปี พ.ศ. 2540 ผู้บญั ชาการทหารบก ได้กรุณาอนมุ ตั ิหลกั การให้จัดตั้งหน่วย
บัญชาการก�ำลังส�ำรอง (นสร.) ข้ึน โดยการรวมหน่วยระหว่างกรมการรักษาดินแดนและ
กรมการก�ำลังส�ำรองทหารบก เข้าด้วยกันเป็นหน่วยงานเดียวกัน โดยมีความมุ่งหมาย
เพ่ือให้มีหน่วยงานของกองทัพบกเพียงหน่วยงานเดียวที่รับผิดชอบการปฏิบัติต่อกิจการ
ก�ำลังพลส�ำรอง รวมท้ังกิจการสัสดี และอาสารักษาดินแดนอย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงเดิม
กรมการรักษาดินแดนจะเป็นหน่วยปฏิบัติในการผลิตกำ� ลังพลส�ำรอง และกรมการก�ำลัง
ส�ำรองทหารบกเป็นหน่วยปฏบิ ัตใิ น 4 กิจการย่อยทเ่ี หลือ ได้แก่ การบรรจุและการใช้กำ� ลัง
พลส�ำรอง, การฝึกศึกษาก�ำลังพลส�ำรอง, การควบคุมก�ำลังพลส�ำรอง และการเรียกพล
หรอื ระดมพล
กองทพั บก ไดร้ ายงานขออนมุ ตั หิ ลกั การจดั ตง้ั หนว่ ยบญั ชาการกำ� ลงั สำ� รองพรอ้ ม
ขอแก้ไขพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและก�ำหนดหน้าท่ีของส่วนราชการกองทัพบก
กองบัญชาการทหารสงู สดุ กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2513 จนกระท่งั มีประกาศเป็นพระราช
กฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการฯ พ.ศ. 2544 และได้ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาฉบบั กฤษฎกี า
เล่ม 118 ตอนท่ี 28 ก ลงวนั ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 โดยมผี ลบังคบั ใช้ตัง้ แต่วันที่
11 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 ซง่ึ ท่ีผ่านมาถือเป็นวนั คล้ายวันสถาปนา นสร.

ก้าวส่ศู กั ราชใหม่ในนาม “นรด.” ิวชาการก�ำลัง �สำรอง 5
ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ กองทัพบก กองทัพไทย กระทรวง
กลาโหม พ.ศ. 2522 กองทพั บกไดอ้ อกคำ� สงั่ กองทพั บก (เฉพาะ) ที่ 29/52 ลงวนั ท่ี 21 เมษายน
พ.ศ. 2522 ใหเ้ ปลย่ี นนามหนว่ ยจากเดมิ หนว่ ยบญั ชาการก�ำลงั สำ� รอง เปน็ หนว่ ยบญั ชาการ
รักษาดินแดน ต้งั แต่ 1 เมษายน พ.ศ. 2522 ดงั นั้น หน่วยบัญชาการรักษาดนิ แดน จึงยึดถือ
วันกำ� เนดิ กรมการรกั ษาดนิ แดน 4 กมุ ภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวนั คล้ายวันสถาปนา นรด.

ตอนที่ 2
กจิ การกำ�ลังพลสำ�รอง

พ.ร.บ.ก�ำลังพลส�ำรอง พ.ศ. 2558 มาตรา 3 ได้ให้ค�ำนิยามความหมายของ
“ก�ำลังพลสำ� รอง” หมายความว่า บคุ คลซึ่งเป็นกำ� ลงั สำ� รองประเภทหนง่ึ ตามกฎหมายว่า
ด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมที่มีการบรรจุในบัญชีบรรจุกำ� ลังตาม พ.ร.บ.
ก�ำลังพลสำ� รอง พ.ศ. 2558

“กจิ การกำ� ลังพลสำ� รอง” หมายความว่า การด�ำเนินการเกี่ยวกับการจดั เตรยี ม
และการใช้กำ� พลส�ำรอง เช่น การบรรจแุ ละการใช้กำ� ลังพลส�ำรอง การผลติ ก�ำลงั พลส�ำรอง
การฝึกศึกษาก�ำลังพลส�ำรอง การควบคุมก�ำลังพลส�ำรอง และการเรียกก�ำลังพลส�ำรอง
หรือการระดมพล

“บัญชีบรรจกุ ำ� ลงั ” หมายความว่า บัญชแี สดงรายชอื่ และต�ำแหน่งหน้าที่ตาม
อตั ราการจดั ของหน่วยทหาร

“นายจ้าง” หมายความว่า นายจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งต้ังให้ปฏิบัติการตาม
พ.ร.บ.กำ� ลงั พลสำ� รอง พ.ศ. 2558
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.กำ� ลังพลส�ำรอง
พ.ศ. 2558
ข้อบังคบั กระทรวงกลาโหม ว่าด้วยกิจการกำ� ลังพลส�ำรอง พ.ศ. 2559 ได้ให้คำ�
นยิ ามความหมายของ “ก�ำลงั พลสำ� รอง” หมายความวา่ บคุ คลซง่ึ เปน็ ก�ำลงั สำ� รองประเภท

6 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง หนึ่งตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมท่ีมีการบรรจุในบัญชี
บรรจกุ ำ� ลงั ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยกำ� ลงั พลสำ� รอง ซงึ่ ประกอบดว้ ย กำ� ลงั พลสำ� รองพรอ้ มใชง้ าน
และกำ� ลังพลส�ำรองเตรียมพร้อม

“กำ� ลงั พลส�ำรองพร้อมใช้งาน” หมายความว่า ก�ำลังพลส�ำรองท่ีมรี ายชอื่ อยู่ใน
บญั ชีบรรจุกำ� ลังคราวละ 6 ปี

“กำ� ลงั พลสำ� รองเตรยี มพร้อม” หมายความว่า กำ� ลงั พลสำ� รองพร้อมใช้งานทมี่ ี
รายช่ืออยู่ในบัญชีบรรจุก�ำลังครบระยะเวลาท่ีก�ำหนดและเป็นก�ำลังพลส�ำรองเตรียมพร้อม
อีกระยะเวลาไม่เกนิ 6 ปี

“กำ� ลงั สำ� รอง” หมายความวา่ กำ� ลงั ทม่ี ใิ ชก่ ำ� ลงั ทหารประจำ� การ และทหารกอง
ประจ�ำการที่เตรียมไว้สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจตามอ�ำนาจหน้าท่ีของกระทรวงกลาโหม
ซึง่ ได้แก่ กำ� ลงั ก่งึ ทหาร กลุ่มพลังมวลชนจดั ตง้ั กลุ่มพลงั มวลชนอ่ืน ก�ำลังพลส�ำรองทเ่ี ป็น
ทหารกองเกินและทหารกองหนุนตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร และกำ� ลังพล
ส�ำรองตามกฎหมายว่าด้วยกำ� ลังพลสำ� รอง

“ก�ำลังกึ่งทหาร” หมายความว่า ก�ำลังในส่วนท่ีบรรจุเข้าในหน่วยตามอัตรา
การจดั และยทุ โธปกรณ์ ในลกั ษณะคลา้ ยคลงึ กบั หนว่ ยทหาร มขี ดี ความสามารถเขา้ ทำ� การรบ
ได้ในระดบั หนึ่ง เช่น กองอาสารกั ษาดินแดน ต�ำรวจตระเวนชายแดน เป็นต้น

“กลุ่มพลังมวลชนจัดตั้ง” หมายความว่า กลุ่มพลังมวลชนที่มีการจัดต้ังตาม
พระราชบญั ญตั ิ กฎกระทรวง ข้อบงั คับ และมติคณะรฐั มนตรที ีเ่ กี่ยวข้อง

“กลมุ่ พลงั มวลชนอนื่ ” หมายความว่า กลมุ่ พลงั มวลชนทม่ี กี ารจดั ตงั้ นอกเหนอื
จากกลมุ่ พลงั มวลชนจดั ตง้ั เชน่ กลมุ่ พลงั มวลชนทจี่ ดั ตงั้ โดยองคก์ ร หรอื สว่ นราชการตา่ ง ๆ

“ก�ำลังพลส�ำรองท่ีมีความรู้ความช�ำนาญเฉพาะทาง” หมายความว่า บุคคล
ท่ีประกอบอาชีพที่มีความส�ำคัญต่อกิจกรรมทางทหารและกิจกรรมพลเรือนและเป็นอาชีพ
ส�ำคัญที่ต้องมีความช�ำนาญเป็นพิเศษ ซ่ึงผู้ท่ีปฏิบัติการในอาชีพนั้นต้องใช้เวลาฝึกอบรม
ประมาณ 2 ปี หรอื ผู้ปฏบิ ตั กิ ารในอาชีพนนั้ ต้องมีคณุ สมบตั ิของตัวบคุ คลเป็นพเิ ศษ หรอื
มีการขาดแคลนสถาบันการฝึกอบรมอาชีพน้ันหรือมีการขาดแคลนบุคลากรประเภทนั้น ๆ
ในปัจจุบนั หรือเป็นวิชาชพี ท่มี ีความจ�ำเป็นต่อกิจกรรมสำ� คัญในการเตรยี มพร้อมของชาติ

“กจิ การกำ� ลงั พลส�ำรอง” หมายความว่า การด�ำเนนิ การเกย่ี วกบั การจัดเตรยี ม
และการใชก้ ำ� ลงั พลสำ� รอง เชน่ การบรรจแุ ละการใชก้ ำ� ลงั พลสำ� รอง การผลติ กำ� ลงั พลสำ� รอง

การฝึกศึกษาก�ำลังพลส�ำรอง การควบคุมก�ำลังพล และการเรียกกำ� ลังพลส�ำรองหรือการ ิวชาการก�ำลัง �สำรอง 7
ระดมพล

“สว่ นราชการ” หมายความวา่ สำ� นกั งานปลดั กระทรวงกลาโหม กองบญั ชาการ
กองทพั ไทย กองทพั บก กองทพั เรือ และกองทพั อากาศ

“หน่วยทหาร” หมายความว่า หน่วยทหารตามกฎหมายว่าด้วยการจดั ระเบยี บ
ราชการกระทรวงกลาโหม

“หน่วยก�ำลังพลส�ำรอง” หมายความว่า หน่วยทหารท่ีท�ำหน้าที่เป็นหน่วยจัด
ท�ำบัญชีบรรจกุ �ำลงั หรอื หน่วยรบั การบรรจุ หรอื หน่วยฝึกก�ำลังพลส�ำรอง หรอื หน่วยรบั พล
หรอื หนว่ ยเรยี กพล ทม่ี กี ารบรรจรุ ายชอื่ ทหารประจำ� การ ทหารกองประจำ� การ และกำ� ลงั พล
สำ� รองลงในบญั ชีบรรจกุ �ำลงั ให้ครบอัตราเตม็

“หนว่ ยกำ� ลงั ประจำ� การ” หมายความวา่ หนว่ ยทหารซงึ่ มกี ารบรรจรุ ายชอื่ ทหาร
ประจำ� การ และทหารกองประจำ� การลงในบัญชีบรรจกุ ำ� ลังตามอตั ราทีก่ ำ� หนด

“หนว่ ยสนบั สนนุ กำ� ลงั ประจำ� การเสรมิ ” หมายความวา่ หนว่ ยทหารทที่ ำ� หน้าท่ี
สนับสนุนกำ� ลังประจำ� การเสริมให้กบั หน่วยก�ำลงั พลสำ� รอง

“หน่วยทางบัญชี” หมายความว่า หน่วยก�ำลังพลส�ำรองท่ียังไม่มีการจัดตั้ง
โดยมีการจดั ท�ำบัญชบี รรจกุ �ำลังไว้ต้งั แต่ในยามปกติ

“นายทหารสัญญาบัตรกองหนุน” หมายความว่า นายทหารซึ่งไม่มีต�ำแหน่ง
ราชการประจ�ำในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมสั่งให้เป็นนายทหารประเภทน้ี
โดยถืออายุเป็นเกณฑ์ คือ ยศร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี ถึงยศร้อยเอก เรือเอก
เรืออากาศเอก อายุไม่เกิน 45 ปี ยศพันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี ถึงยศพนั โท นาวาโท
นาวาอากาศโท อายไุ ม่เกิน 50 ปี ยศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก ถงึ ยศนายพล
อายุไม่เกนิ 55 ปี

“นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ” หมายความว่า นายทหารสัญญาบัตร
นายทหารซง่ึ ไม่มตี �ำแหน่งราชการประจำ� ในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมส่งั ให้
เป็นนายทหารประเภทน้ี โดยจะอยู่ในประเภทนายทหารสญั ญาบัตรนอกราชการได้ไม่เกิน
ก�ำหนดอายุ ดงั นี้ ยศร้อยตรี เรอื ตรี เรอื อากาศตรี ถึงยศร้อยเอก เรอื เอก เรืออากาศเอก
อายไุ ม่เกนิ 55 ปี ยศพันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี ถงึ ยศพันโท นาวาโท นาวาอากาศโท
อายุไม่เกนิ 60 ปี ยศพนั เอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก ถงึ ยศนายพล อายุไม่เกิน 65 ปี

8 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง “นายทหารสัญญาบัตรนอกกอง” หมายความว่า นายทหารซึ่งไม่มีต�ำแหน่ง
ราชการประจำ� ในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมส่งั ให้เป็นนายทหารประเภทน้ี

“ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี 1” หมายความว่า ทหารที่ปลดจากกองประจำ� การ
โดยรับราชการในกองประจ�ำการจนครบก�ำหนด หรือทหารกองเกินซ่ึงส�ำเร็จการฝึกวิชา
ทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสรมิ การฝึกวิชาทหาร และได้ขึน้ ทะเบียนกองประจำ� การ
แล้วปลดเป็นกองหนนุ ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร

“ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี 2” หมายความวา่ ทหารทปี่ ลดจากกองเกนิ เมอื่ ครบ
30 ปีบริบูรณ์ หรือทหารท่ีปลดจากกองประจ�ำการโดยต้องจ�ำขังหรือจ�ำคุกมีก�ำหนดวันที่
ต้องทณั ฑ์หรอื ต้องโทษรวมได้ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรอื กระทำ� ให้เสอ่ื มเสยี แก่ราชการทหารแล้ว
ถูกปลดเป็นทหารกองหนนุ ประเภทที่ 2

“ทหารกองเกนิ ” หมายความว่า ผู้ซงึ่ มอี ายตุ งั้ แต่สบิ แปดปีบรบิ ูรณ์และยงั ไม่ถงึ
สามสบิ ปบี รบิ รู ณ์ ซง่ึ ไดล้ งบญั ชที หารกองเกนิ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการรบั ราชการทหารแลว้

“รุ่นปี” หมายความว่า ปีพทุ ธศักราชท่ีทหารกองประจำ� การ หรอื ทหารกองเกนิ
ซ่ึงส�ำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหารและได้ขึ้น
ทะเบยี นกองประจำ� การแล้วถูกปลดเป็นทหารกองหนนุ ประเภทท่ี 1 เช่น คนซง่ึ ถกู ปลดใน
พทุ ธศักราช 2559 จะเป็นวนั เดอื นใดกต็ าม ให้เรยี กว่า “ทหารกองหนุน รุ่นปี 2559”

“ชัน้ ปี” หมายความว่า ปีพทุ ธศกั ราชทชี่ ายผู้น้นั มีอายุครบ 18 ปีบรบิ รู ณ์ เช่น
คนเกดิ ในพทุ ธศักราช 2541 จะเป็นวนั เดอื นใดกต็ าม อายคุ รบ 18 ปีบรบิ รู ณ์ ในพุทธศักราช
2559 ให้เรยี กว่า “คนช้นั ปี 2559”

“ภูมิล�ำเนาทหาร” หมายความว่า ท้องที่อ�ำเภอหรือเขตซ่ึงได้ไปแสดงตนเพื่อ
ลงบัญชีทหารกองเกินไว้ หรือท้องท่ีอ�ำเภอหรือเขตใหม่ ซ่ึงได้รับอนุญาตให้ย้ายมามีถิ่น
ท่อี ยู่เป็นหลกั ฐานตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารแล้ว

“ภมู ลิ ำ� เนา” หมายความวา่ ถนิ่ ทอ่ี ยอู่ นั เปน็ หลกั แหลง่ สำ� คญั ทต่ี งั้ ทำ� การหาเลยี้ งชพี
ประจ�ำอยู่เป็นหลกั ฐานตามทะเบยี นบ้านท่อี อกตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบยี นราษฎร์

“การนับอาย”ุ ตามข้อบงั คับนบั อายตุ ามกฎหมายว่าด้วยการรบั ราชการทหาร
โดยอนโุ ลม

การจดั เตรยี มก�ำลงั พลสำ� รองทก่ี ำ� หนดตามข้อบงั คับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วย
กจิ การกำ� ลงั พลสำ� รอง พ.ศ. 2559 และในระเบยี บกองทพั บก วา่ ดว้ ยการเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รอง
เข้ารบั ราชการทหาร พ.ศ. 2560 มกี จิ ส�ำคญั ท่ตี ้องปฏบิ ตั ิ 5 ประการ ได้แก่

1. การบรรจแุ ละการใช้ก�ำลงั พลส�ำรอง ิวชาการก�ำลัง �สำรอง 9
2. การผลติ กำ� ลงั พลสำ� รอง
3. การฝึกศึกษากำ� ลงั พลสำ� รอง
4. การควบคมุ ก�ำลังพลส�ำรอง
5. การเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองหรอื การระดมพล

1. การบรรจุและการใช้ก�ำ ลงั พลส�ำ รอง

การบรรจุและการใช้ก�ำลังพลส�ำรอง หมายถึง การด�ำเนินการเก่ียวกับการ
รบั สมคั ร หรอื คดั เลอื กกำ� ลงั พลสำ� รองทม่ี คี ณุ สมบตั คิ รบถว้ น เหมาะสม เพอื่ บรรจใุ นตำ� แหนง่
ต่าง ๆ ในหน่วยทหารตามลักษณะการใช้กำ� ลังพลส�ำรอง คือ เสริมกำ� ลัง เพ่ิมเติมกำ� ลัง
ทดแทนก�ำลัง และขยายกำ� ลงั เพื่อสนบั สนุนการปฏิบตั ภิ ารกจิ ของกระทรวงกลาโหมตามท่ี
กฎหมายกำ� หนด

1.1 การบรรจกุ �ำลังพลสำ� รองในบัญชีบรรจุกำ� ลัง
1.1.1 กรณคี ดั เลอื ก จะบรรจเุ ปน็ กำ� ลงั พลสำ� รองพรอ้ มใชง้ านคราวละ 6 ปี
เมอ่ื ครบระยะเวลาทกี่ ำ� หนดและเปน็ กำ� ลงั พลสำ� รองเตรยี มพรอ้ ม อยใู่ นบญั ชบี รรจกุ ำ� ลงั อกี
ระยะเวลาไม่เกนิ 6 ปี
1.1.2 กรณรี บั สมคั ร กำ� ลงั พลสำ� รองสามารถสมคั รตอ่ โดยอยใู่ นบญั ชบี รรจุ
กำ� ลังคราวละ 6 ปี ไม่เกิน 2 ครั้ง และเป็นกำ� ลงั พลสำ� รองเตรียมพร้อม อยู่ในบญั ชบี รรจุ
ก�ำลัง อกี ระยะเวลาไม่เกนิ 6 ปี
1.2 การใช้ก�ำลังพลส�ำรอง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกระทรวง
กลาโหมตามทก่ี ฎหมายก�ำหนด กระทำ� ได้ 4 ลักษณะ ดังนี้
1.2.1 เสรมิ กำ� ลงั หมายถงึ การบรรจกุ ำ� ลงั พลสำ� รองพรอ้ มใชง้ าน ในบญั ชี
บรรจุกำ� ลังให้กบั หน่วยก�ำลังพลสำ� รองให้ครบตามอตั ราเตม็
1.2.2 เพ่ิมเติมก�ำลัง หมายถึง การบรรจุกำ� ลังพลส�ำรองพร้อมใช้งานให้
ครบตามอัตราเต็มให้กับหน่วยก�ำลังพลส�ำรองที่ได้รับอนุมัติให้บรรจุทหารประจ�ำการ และ
ทหารกองประจ�ำการในอัตราโครงหรือบางต�ำแหน่ง เพ่ือให้ได้หน่วยก�ำลังพลส�ำรองที่มี
ลักษณะแบบเดยี วกันเพิ่มมากข้นึ
1.2.3 ทดแทนกำ� ลงั หมายถงึ การบรรจกุ �ำลังพลส�ำรองพร้อมใช้งาน ให้
กบั หนว่ ยกำ� ลงั พลสำ� รองทง้ั ในกรณเี ปน็ รายบคุ คลหรอื เปน็ หนว่ ยก�ำลงั ทดแทน เชน่ กองรอ้ ย
ก�ำลังทดแทน กองพนั ก�ำลงั ทดแทน หรอื ศูนย์ฝึกก�ำลังทดแทน

10 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง 1.2.4 ขยายกำ� ลัง หมายถงึ การบรรจุกำ� ลงั พลส�ำรองพร้อมใช้งาน และ
กำ� ลงั พลสำ� รองเตรยี มพรอ้ ม ใหก้ บั หนว่ ยทางบญั ชปี ระเภทหนว่ ยกำ� ลงั พลสำ� รองทไี่ ดร้ บั การ
จัดต้ังใหม่ตามแผนป้องกนั ประเทศ

2. การผลิตก�ำ ลังพลสำ�รอง

การผลติ กำ� ลังพลส�ำรอง หมายถงึ กรรมวธิ เี พอื่ ให้ได้มาซ่งึ บคุ คลที่มคี ณุ สมบัติ
ที่จะเป็นก�ำลังพลสำ� รอง โดยมแี หล่งท่มี าของก�ำลังพลสำ� รอง ดงั น้ี

2.1 เป็นผู้ส�ำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึก
วิชาทหาร พ.ศ. 2503 และฉบับแก้ไข รวมถึงผู้ที่สำ� เร็จการฝึกวิชาทหารจากต่างประเทศ
ซึ่งกระทรวงกลาโหมรับรองวิทยฐานะเทียบเท่ากับผู้ท่ีส�ำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมาย
ว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503 และฉบับแก้ไข และส�ำเร็จการศึกษา
ซึง่ กระทรวงศกึ ษาธิการรบั รองวทิ ยฐานะเทียบเท่า

2.2 เป็นทหารประจ�ำการที่ลาออกจากราชการทหาร ตามพระราชบัญญัติ
ระเบยี บข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 และฉบับแก้ไข

2.3 เป็นทหารกองประจ�ำการท่ีรับราชการครบก�ำหนดแล้วปลดเป็นกองหนุน
ตามพระราชบญั ญตั ิรบั ราชการทหาร พ.ศ. 2497 และฉบบั แก้ไข

2.4 เป็นทหารกองเกิน หรอื ทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ตามพระราชบญั ญตั ิ
รับราชการทหาร พ.ศ. 2497 และฉบบั แก้ไข

2.5 เป็นบคุ คลท่วั ไปท่มี ีคณุ สมบัตคิ รบถ้วนตามท่กี ระทรวงกลาโหมก�ำหนด

3. การฝึกศึกษาก�ำ ลังพลสำ�รอง

การฝกึ ศกึ ษากำ� ลงั พลสำ� รอง หมายถงึ การฝกึ ศกึ ษา อบรม ใหแ้ ก่ กำ� ลงั พลสำ� รอง
พรอ้ มใชง้ าน กำ� ลงั พลสำ� รองเตรยี มพรอ้ ม เพอ่ื ใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถ ตามตำ� แหนง่ หนา้ ที่
ท่ีบรรจุ การปฏิบัติภารกิจที่ต้องใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะ รวมท้ังการให้
การศกึ ษาแก่กำ� ลงั พลสำ� รองตามแนวทางการรบั ราชการทหาร

3.1 การฝึกศกึ ษาก�ำลังพลสำ� รองพร้อมใช้งาน
3.1.1 การฝึกศึกษาก�ำลังพลส�ำรอง เม่ือมีการเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพ่ือ
ตรวจสอบใหม้ กี ารฝกึ ศกึ ษา อบรม ในเรอื่ งทก่ี ำ� ลงั พลสำ� รองควรทราบ เปน็ การกระตนุ้ เตอื น
หรอื เพมิ่ พนู ความรคู้ วามเขา้ ใจ เพอ่ื ใหก้ ำ� ลงั พลสำ� รองตน่ื ตวั และมน่ั ใจวา่ ตนยงั เปน็ กำ� ลงั พล

สำ� รองอยเู่ สมอ โดยมอบใหห้ นว่ ยกำ� ลงั พลสำ� รอง หรอื หนว่ ยทหารตามทส่ี ว่ นราชการกำ� หนด วิชาการก�ำ ัลง �สำรอง 11
ท�ำหน้าทเ่ี ป็นหน่วยฝึกก�ำลังพลสำ� รอง

3.1.2 การฝกึ ศกึ ษากำ� ลงั พลสำ� รอง เมอ่ื มกี ารเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองเพอ่ื ฝกึ
วิชาทหารให้มกี ารศกึ ษา อบรม ในเรือ่ งดงั ต่อไปนี้

3.1.2.1 การฝึกทบทวนวิชาทหาร รวมท้ังการปฏิบัติหน้าที่ตาม
กฎหมายวา่ ดว้ ยการจดั ระเบยี บราชการกระทรวงกลาโหม ในแตล่ ะต�ำแหนง่ เปน็ รายบคุ คล
หรือเป็นหน่วยให้มีความรู้ ความสามารถ พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมอบให้หน่วยกำ� ลงั พลสำ� รอง หรือหน่วยทหารตามทสี่ ่วนราชการกำ� หนด ทำ� หน้าทเี่ ป็น
หน่วยฝึกกำ� ลงั พลสำ� รอง

3.1.2.2 การฝึกศึกษาหลักสูตรตามแนวทางรับราชการทหาร
ให้ก�ำลังพลส�ำรองได้รับการศึกษาในหลักสูตรตามแนวทางรับราชการทหารและหลักสูตร
เพ่ิมพูนความรู้เช่นเดียวกับทหารประจ�ำการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหาร
โดยอนุโลม และปรับลดเวลาการฝึกศึกษาเพื่อให้ก�ำลังพลส�ำรองมีความรู้ความสามารถ
เฉพาะต�ำแหน่งที่บรรจุ โดยมอบให้หน่วยทหารตามท่ีส่วนราชการก�ำหนด ท�ำหน้าที่เป็น
หน่วยฝึกศกึ ษาก�ำลงั พลส�ำรอง

3.1.2.3 การฝกึ ศกึ ษากำ� ลงั พลสำ� รอง เมอ่ื มกี ารเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รอง
เพอ่ื ปฏิบตั ริ าชการให้มกี ารฝึกศกึ ษา อบรม ในเรอ่ื งดงั ต่อไปนี้

1) การฝึกปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่ีต้ัง
หน่วยทหาร โดยมอบให้หน่วยก�ำลังพลสำ� รอง หรือหน่วยทหารตามทีส่ ่วนราชการก�ำหนด
ทำ� หน้าทเ่ี ป็นหน่วยฝึกก�ำลังพลสำ� รอง

2) การฝึกปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องใช้ความรู้ความเช่ียวชาญ
เปน็ การเฉพาะ โดยมอบใหห้ นว่ ยกำ� ลงั พลสำ� รอง หรอื หนว่ ยทหารตามทสี่ ว่ นราชการกำ� หนด
ทำ� หน้าทเ่ี ป็นหน่วยฝึกก�ำลงั พลสำ� รอง

3) การฝกึ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ นการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาจาก
ภยั พบิ ตั ติ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั โดยมอบใหห้ นว่ ยก�ำลงั พล
ส�ำรอง หรอื หน่วยทหารตามท่สี ่วนราชการก�ำหนดทำ� หน้าท่เี ป็นหน่วยฝึกก�ำลังพลส�ำรอง

3.1.2.4 การฝึกศึกษาก�ำลังพลส�ำรอง เมื่อมีการเรียกก�ำลังพล
ส�ำรองเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม ให้มีการฝึกศึกษา อบรม ในเรื่องการเพิ่มพูนความรู้

12 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง ความสามารถ ในการปฏบิ ตั กิ ารทางทหารเพอ่ื เตรยี มรบั สถานการณ์ หรอื เมอ่ื มกี ารระดมพล
โดยมอบให้หน่วยกำ� ลังพลสำ� รอง หรอื หน่วยทหารตามท่ีส่วนราชการกำ� หนดทำ� หน้าทเ่ี ป็น
หน่วยฝึกกำ� ลังพลสำ� รอง

3.2 การฝึกศึกษาก�ำลังพลส�ำรองเตรียมพร้อม เป็นการเรียกก�ำลังพลส�ำรอง
เข้ารับราชการทหาร ในการระดมพล เพื่อให้ก�ำลังพลส�ำรองมีความพร้อมในการปฏิบัติ
หน้าทร่ี ่วมกบั กำ� ลงั ประจำ� การได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพเมอื่ มกี ารระดมพล โดยมอบให้หน่วย
ก�ำลงั พลสำ� รอง หรือหน่วยทหารตามทส่ี ่วนราชการกำ� หนดทำ� หน้าทเ่ี ป็นหน่วยฝึกก�ำลงั พล
ส�ำรอง

4. การควบคุมกำ�ลงั พลสำ�รอง

การควบคุมก�ำลังพลส�ำรอง หมายถึง การปฏิบัติเพื่อดำ� รงการติดต่อกับกำ� ลัง
พลสำ� รอง เพ่อื ให้ทราบสถานภาพต่าง ๆ อันจะเกดิ ประโยชน์สงู สดุ ในงานด้านกจิ การกำ� ลงั
พลสำ� รอง

4.1 การควบคมุ ก�ำลังพลสำ� รองทางบญั ชี
4.1.1 ก�ำลงั พลสำ� รองพร้อมใช้งาน ให้หน่วยกำ� ลังพลส�ำรอง หรอื หน่วย
ทหารตามทสี่ ว่ นราชการกำ� หนด ดำ� เนนิ การควบคมุ กำ� ลงั พลสำ� รองทางบญั ชตี ามแบบบญั ชี
บรรจกุ �ำลงั ท่กี �ำหนดไว้ในข้อบงั คับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการเตรยี มพล พ.ศ. 2515 เป็น
ระยะเวลาคราวละ 6 ปี โดยอนโุ ลม
4.1.2 กำ� ลงั พลสำ� รองเตรียมพร้อม ให้มณฑลทหารบก หรอื หน่วยทหาร
ตามทส่ี ว่ นราชการกำ� หนด ดำ� เนนิ การควบคมุ กำ� ลงั พลสำ� รองทางบญั ชตี ามแบบบญั ชบี รรจุ
ก�ำลัง ที่ก�ำหนดไว้ในข้อบงั คับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการเตรียมพล พ.ศ. 2515 เป็นระยะ
เวลาไม่เกนิ 6 ปี โดยอนโุ ลม
4.2 การควบคมุ ก�ำลงั พลสำ� รองทางปฏิบัติ
4.2.1 กำ� ลงั พลสำ� รองพร้อมใช้งาน ให้หน่วยกำ� ลังพลส�ำรอง หรือหน่วย
ทหารตามท่สี ่วนราชการก�ำหนด ดำ� เนินการดงั น้ี
4.2.1.1 ด�ำรงการติดต่อกับก�ำลังพลส�ำรองของตนเป็นประจ�ำ
ทกุ เดือนอย่างต่อเนอ่ื งด้วยเคร่อื งมอื สอ่ื สารชนดิ ต่าง ๆ และอาศยั ประโยชน์จากการตดิ ต่อ
เพอื่ ใหก้ ำ� ลงั พลสำ� รองไดต้ ระหนกั ถงึ หนา้ ทขี่ องกำ� ลงั พลสำ� รองทมี่ ตี อ่ ประเทศชาติ ตลอดทงั้
หาวธิ ีการท่จี ะให้ก�ำลงั พลส�ำรองได้ตดิ ต่อกบั หน่วยต้นสังกัดโดยต่อเน่อื งเช่นเดียวกนั

4.2.1.2 จดั ชดุ เจา้ หนา้ ทพ่ี บปะ และเยย่ี มเยยี นกำ� ลงั พลสำ� รองทมี่ ี วิชาการก�ำ ัลง �สำรอง 13
รายชอ่ื บรรจอุ ยใู่ นบญั ชบี รรจกุ ำ� ลงั กำ� หนดแผนงานใหก้ ำ� ลงั พลสำ� รองมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรม
สาธารณกศุ ลและเชญิ ก�ำลังพลสำ� รองมาร่วมกิจกรรมของหน่วยในโอกาสต่าง ๆ เพื่อสร้าง
ความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บังคับบัญชาและก�ำลังพลส�ำรองของหน่วยอย่างต่อเนื่องและ
แน่นแฟ้น ตลอดระยะเวลาท่อี ยู่ในความควบคุมของหน่วยต้นสังกดั

4.2.2 ก�ำลังพลส�ำรองเตรียมพร้อม ให้มณฑลทหารบก หรือหน่วยทหาร
ตามทสี่ ว่ นราชการกำ� หนด ดำ� เนนิ การประชาสมั พนั ธเ์ ปน็ สว่ นรวมในเขตพน้ื ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบ
เพอ่ื ให้กำ� ลังพลสำ� รองเกิดทศั นคตทิ ่ีดรี ะหว่างก�ำลงั พลสำ� รองกบั หน่วยต้นสงั กดั โดยอาศยั
เครอ่ื งมอื ประชาสมั พนั ธท์ กุ รปู แบบเพอ่ื ทราบสถานภาพและภมู ลิ �ำเนาทแ่ี ทจ้ รงิ ของกำ� ลงั พล
ส�ำรองเป็นรายบคุ คลอย่างต่อเน่อื ง

5. การเรียกกำ�ลงั พลสำ�รองหรือการระดมพล

การเรยี กกำ� ลังพลสำ� รอง หรอื ระดมพล หมายถงึ กรรมวิธีในการเรียกก�ำลงั พล
ส�ำรองเข้ารบั ราชการทหารตามความมุ่งหมายของการเรยี กก�ำลังพลส�ำรอง เพอื่ ตรวจสอบ
เพื่อฝึกวชิ าทหาร เพื่อปฏิบัตริ าชการ หรือเพือ่ ทดลองความพรัง่ พร้อม และการระดมพล

5.1 การเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพ่ือตรวจสอบ ให้กระท�ำได้เพื่อเรียกก�ำลังพล
สำ� รองเขา้ รบั การตรวจสภาพ ตรวจสอบบญั ชเี ตรยี มกำ� ลงั พลสำ� รอง และซกั ซอ้ มระเบยี บการ
เพื่อประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมในการเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพื่อฝึกวิชาทหาร
เพือ่ ปฏบิ ัติราชการ หรอื เพอื่ ทดลองความพรง่ั พร้อม และในการระดมพล

5.2 การเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพ่ือฝึกวิชาทหาร ให้กระท�ำได้เพ่ือเรียกก�ำลังพล
ส�ำรองเข้ารับการฝึก ศึกษา หรือทบทวนวิชาทหาร เพ่ือให้มีความรู้ความสามารถพร้อม
ทีจ่ ะปฏิบัติหน้าทไ่ี ด้อย่างมปี ระสิทธิภาพ

5.3 การเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพื่อปฏิบัติราชการ ให้กระท�ำได้ในกรณีจ�ำเป็น
เพื่อเรียกก�ำลังพลส�ำรองเข้าปฏิบัติราชการตามอ�ำนาจหน้าท่ีของกระทรวงกลาโหม
ในการปฏิบัติภารกิจที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะ หรือเพ่ือปฏิบัติหน้าท่ี
ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทา
สาธารณภยั

5.4 การเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองเพอ่ื ทดลองความพรงั่ พรอ้ ม ใหก้ ระทำ� ไดเ้ พอ่ื เรยี ก
ก�ำลังพลส�ำรองเข้ารับการทดสอบแผนหรือเตรียมรับสถานการณ์ เพื่อให้สามารถปฏิบัติ
หน้าทต่ี ามแผนทีก่ �ำหนด

14 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง 5.5 การระดมพล ให้กระทำ� ได้ในเวลาทม่ี กี ารประกาศสถานการณ์ฉกุ เฉนิ หรอื
ประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือกรณีท่ีมีการรบหรือการสงคราม จนถึงขั้นต้องมีการระดม
สรรพกำ� ลงั ของชาติ

และตามที่ก�ำหนดในระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเรียกก�ำลังพลส�ำรองเข้า
รับราชการทหาร พ.ศ. 2560 ได้ให้คำ� จำ� กัดความท่เี ก่ยี วข้องกบั การเรียกก�ำลงั พลส�ำรองเข้า
รบั ราชการทหาร หมายความวา่ การน�ำกำ� ลงั พลสำ� รองเขา้ ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ตามอ�ำนาจหนา้ ที่
ของกระทรวงกลาโหม โดยการเรียกก�ำลงั พลสำ� รอง เพ่อื ตรวจสอบ เพอ่ื ฝึกวิชาทหาร เพ่อื
ปฏิบัตริ าชการ หรือเพอื่ ทดลองความพรงั่ พร้อม และในการระดมพลตามกฎหมายว่าด้วย
กำ� ลงั พลสำ� รอง ซง่ึ ประกอบดว้ ย การเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองเขา้ รบั ราชการทหารแบบไมเ่ ตม็ เวลา
และการเรยี กก�ำลงั พลสำ� รองเข้ารบั ราชการทหารแบบเต็มเวลา

1. การเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองเขา้ รบั ราชการทหารแบบไมเ่ ตม็ เวลา หมายความวา่
การน�ำกำ� ลงั พลส�ำรองพร้อมใช้งานเข้ารับราชการทหาร คราวละ 6 ปี และกำ� ลงั พลส�ำรอง
เตรียมพร้อมเข้ารับราชการทหารเม่ือมีการระดมพล โดยปฏิบัติหน้าท่ีไม่เต็มเวลา เช่น
ครง้ั ละ 4 ชว่ั โมง หรอื 8 ช่ัวโมง หรอื ไม่เกิน 3 วันต่อเนื่องหรอื ไม่เกิน 10 วันต่อเนือ่ ง เป็นต้น
รวมเวลาปีละไม่เกนิ 60 วนั จะจดั ที่พักให้หรือเดินทางไปเช้าเย็นกลับกไ็ ด้

2. การเรียกกำ� ลงั พลส�ำรองเข้ารบั ราชการทหารแบบเตม็ เวลา หมายความว่า
การน�ำก�ำลงั พลสำ� รองพร้อมใช้งานเข้ารบั ราชการทหาร คราวละ 6 ปี และกำ� ลังพลส�ำรอง
เตรียมพร้อมเข้ารับราชการทหารเมื่อมีการระดมพล โดยปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา เช่นเดียว
กับทหารประจ�ำการ ท้ังนี้ ต้องไม่ใช่ลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน จะ
จัดทพี่ ักให้หรอื เดินทางไปเช้าเยน็ กลับกไ็ ด้ หรอื อาจเข้ารับราชการทหารน้อยกว่ากไ็ ด้ ทง้ั นี้
ให้เป็นไปตามทก่ี องทพั บกก�ำหนด

ตอนท่ี 3
การเรยี กก�ำ ลงั ลส�ำ รองเข้ารับราชการทหาร

เพอื่ ใหก้ ารจดั เตรยี มและการใชก้ ำ� ลงั พลสำ� รอง เพอ่ื สนบั สนนุ การปฏบิ ตั ภิ ารกจิ
ตามอ�ำนาจหน้าท่ีของกระทรวงกลาโหม ด�ำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ตามท่ีก�ำหนดใน

พระราชบญั ญัตกิ �ำลงั พลสำ� รอง พ.ศ. 2558 กฎกระทรวงกจิ การกำ� ลังพลส�ำรอง พ.ศ. 2559
และขอ้ บงั คบั กระทรวงกลาโหม วา่ ดว้ ยกจิ การกำ� ลงั พลสำ� รอง พ.ศ. 2559 โดยอาศยั อำ� นาจ
การดำ� เนนิ การในสว่ นทเี่ กยี่ วขอ้ งตามพระราชบญั ญตั ริ บั ราชการทหาร พ.ศ. 2497 และฉบบั
แกไ้ ข พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ การฝกึ วชิ าทหาร พ.ศ. 2503 และฉบบั แกไ้ ข พระราชบญั ญตั จิ ดั
ระเบยี บราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 และฉบบั แกไ้ ข จงึ กำ� หนดวธิ กี ารและแนวทาง
ปฏบิ ัตใิ นการเรยี กก�ำลังพลสำ� รองเข้ารบั ราชการทหารไว้ 5 ประเภท คอื

1. การเรยี กก�ำลังพลสำ� รองเพอื่ ตรวจสอบ
2. การเรยี กก�ำลงั พลสำ� รองเพ่ือฝึกวชิ าทหาร
3. การเรยี กก�ำลงั พลสำ� รองเพอ่ื ปฏบิ ัตริ าชการ
4. การเรยี กก�ำลังพลสำ� รองเพอื่ ทดลองความพรัง่ พร้อม
5. การระดมพล

1. การเรยี กก�ำ ลังพลเพ่ือตรวจสอบ ให้กระท�ำ ได้เพื่อเรยี กกำ�ลังพล
สำ�รองเขา้ รบั การตรวจสอบ

1.1 การเรียกก�ำลังพลสำ� รองเพอื่ ตรวจสอบ ให้กระทำ� ในเวลาปกติ ปีละไม่เกนิ วิชาการก�ำ ัลง �สำรอง 15
1 วนั มคี วามมุ่งหมาย ดงั น้ี

1.1.1 ทดสอบผลการเรียก โดยให้ก�ำลังพลส�ำรองซ่ึงถูกเรียกเข้ามา
รายงานด้วยตนเอง ณ ต�ำบล วันและเวลาที่ก�ำหนดให้ เพื่อตรวจสอบการเดินทาง
เพอื่ ให้เกดิ ความคุ้นชนิ ต่อการเรยี กและเพือ่ ทราบสถติ ิที่เรียกได้

1.1.2 ตรวจสอบบญั ชเี ปน็ รายบคุ คลเพอื่ ทราบวา่ ยงั มตี วั จรงิ และหลกั ฐาน
ถกู ต้องหรอื ไม่

1.1.3 ทดสอบและตรวจสอบขนาดเครอ่ื งแต่งกาย
1.1.4 ตรวจร่างกาย
1.1.5 อบรมและบรรยายเรื่องที่ควรทราบ หรือชี้แจง และทบทวนหน้าท่ี
ของกำ� ลังพลสำ� รอง
1.1.6 ซกั ซอ้ มวธิ ปี ฏบิ ตั ขิ องเจา้ หนา้ ทที่ เี่ กย่ี วขอ้ งในการเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รอง
เข้ารบั ราชการทหาร
1.2 ผมู้ อี ำ� นาจสงั่ การและลงชอ่ื ในคำ� สง่ั เรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองเพอื่ ตรวจสอบ คอื
ปลดั กระทรวงกลาโหม ผบู้ ญั ชาการทหารสงู สดุ ผบู้ ญั ชาการทหารบก ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื

16 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง และผบู้ ญั ชาการทหารอากาศ เจา้ กรมการสรรพกำ� ลงั กลาโหม ผบู้ ญั ชาการหนว่ ยบญั ชาการ
รักษาดินแดน เจ้ากรมกำ� ลงั พลทหารบก เจ้ากรมกำ� ลังพลทหารเรอื และเจ้ากรมกำ� ลงั พล
ทหารอากาศ และผู้บญั ชาการมณฑลทหารบก

1.3 ก�ำลังพลส�ำรองพร้อมใช้งาน มีหน้าท่ีเข้ารับการเรียกกำ� ลังพลส�ำรองเพื่อ
ตรวจสอบ

1.4 การดำ� เนนิ การเรียกกำ� ลังพลสำ� รองเพอื่ ตรวจสอบ
1.4.1 ผู้มีอ�ำนาจสั่งการเรียกก�ำลังพลส�ำรอง เป็นผู้วางแผน จัดเตรียม
อ�ำนวยการ และด�ำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ โดยให้ขออนุมัติกองทัพบก
(ผ่านหน่วยบญั ชาการรกั ษาดินแดน) ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 ปีงบประมาณ
1.4.2 ผมู้ อี ำ� นาจสงั่ การเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองประเภทนายทหารสญั ญาบตั ร
กองหนุน ให้รายงานตวั ตามลำ� ดับช้นั เพือ่ ขออนมุ ัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อน
ก�ำหนดการเรยี กก�ำลังพลส�ำรองอย่างน้อย 2 เดอื น
1.4.3 ผู้มีอำ� นาจสง่ั การเรียกก�ำลังพลสำ� รอง ให้รายงานจ�ำนวนกำ� ลงั พล
ส�ำรองทัง้ หมดทเ่ี ข้ารบั การเรียกก�ำลังพลสำ� รอง ตามล�ำดบั ช้นั ถึงรฐั มนตรีว่าการกระทรวง
กลาโหม ก่อนก�ำหนดการเรยี กก�ำลงั พลสำ� รองอย่างน้อย 2 เดอื น เพือ่ ให้กระทรวงกลาโหม
ประสานส่วนราชการอ่นื ทเ่ี ก่ยี วข้อง
1.4.4 การเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพ่ือตรวจสอบ มุ่งหมายให้กระท�ำทุกปี
โดยจะทำ� พรอ้ มกนั ทกุ มณฑลทหารบก หรอื เฉพาะบางมณฑลทหารบก หรอื บางจงั หวดั หรอื
บางอำ� เภอ ทงั้ น้ี ให้เป็นไปตามนโยบาย ความเหมาะสมของสถานการณ์ และงบประมาณ
ท่ีได้รับการสนบั สนนุ

2. การเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพ่ือฝึกวิชาทหารให้กระท�ำได้เพ่ือเรียก
ก�ำลังพลส�ำรองเข้ารับการฝึก   ศึกษา   หรือทบทวนวิชาทหาร
เพื่อให้มีความรู้ความสามารถพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าท่ีได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ

2.1 การเรยี กกำ� ลังพลสำ� รองเพือ่ ฝึกวิชาทหาร ให้กระท�ำตั้งแต่เวลาปกติ ปีละ
ไม่เกิน 60 วนั เว้นแต่ ผู้ทีเ่ ข้าเป็นกำ� ลงั พลสำ� รอง โดยการรบั สมคั รบคุ คลเข้าเป็นกำ� ลงั พล
ส�ำรอง ส่วนราชการอาจเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพ่ือฝึกวิชาทหารได้ตามความเหมาะสม
มีความมุ่งหมายดงั น้ี

2.1.1 ฝึกทบทวนวิชาทหาร รวมถึงการฝึกศึกษาก�ำลังพลส�ำรองตาม วิชาการก�ำ ัลง �สำรอง 17
แนวทางการรบั ราชการ

2.1.2 ฝกึ ศกึ ษา อบรมตามความช�ำนาญการทางทหาร ใหส้ ามารถปฏบิ ตั ิ
หน้าท่ไี ด้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

2.1.3 ซักซ้อมวิธีปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ท่ีเก่ียวข้องในการเรียกก�ำลังพล
ส�ำรองเข้ารบั ราชการทหาร

2.2 ผู้มีอ�ำนาจส่ังการและลงช่ือในคำ� สั่งเรียกกำ� ลังพลส�ำรองเพ่ือฝึกวิชาทหาร
คือ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการ
ทหารเรอื และผบู้ ญั ชาการทหารอากาศ เจา้ กรมการสรรพกำ� ลงั กลาโหม ผบู้ ญั ชาการหนว่ ย
บัญชาการรกั ษาดินแดน เจ้ากรมกำ� ลังพลทหารบก เจ้ากรมกำ� ลังพลทหารเรอื และเจ้ากรม
กำ� ลังพลทหารอากาศ และผู้บญั ชาการมณฑลทหารบก

2.3 ก�ำลังพลส�ำรองพร้อมใช้งาน มีหน้าที่เข้ารับการเรียกก�ำลังพลส�ำรอง
เพื่อฝึกวิชาทหาร

2.4 การดำ� เนนิ การเรยี กก�ำลงั พลสำ� รองเพอ่ื ฝึกวชิ าทหาร
2.4.1 ผู้มีอ�ำนาจส่ังการเรียกก�ำลังพลส�ำรอง เป็นผู้วางแผน จัดเตรียม
อ�ำนวยการ และด�ำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ โดยให้ขออนุมัติกองทัพบก
(ผ่านหน่วยบญั ชาการรกั ษาดินแดน) ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 ปีงบประมาณ
2.4.2 ผู้มีอ�ำนาจส่ังการเรียกก�ำลังพลส�ำรองประเภทนายทหารสัญญา
บัตรกองหนนุ ให้รายงานตวั ตามลำ� ดบั ชั้น เพอื่ ขออนุมตั ิรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ก่อนกำ� หนดการเรยี กก�ำลงั พลสำ� รองอย่างน้อย 2 เดอื น
2.4.3 ผู้มีอ�ำนาจส่ังการเรียกกำ� ลังพลสำ� รอง ให้รายงานจำ� นวนกำ� ลังพล
สำ� รองทง้ั หมดทเ่ี ข้ารบั การเรยี กก�ำลงั พลสำ� รอง ตามล�ำดับชั้น ถงึ รฐั มนตรีว่าการกระทรวง
กลาโหม ก่อนก�ำหนดการเรยี กก�ำลงั พลส�ำรองอย่างน้อย 2 เดอื น เพ่อื ให้กระทรวงกลาโหม
ประสานส่วนราชการอ่นื ท่เี ก่ยี วข้อง
2.4.4 การเรียกกำ� ลังพลสำ� รองเพ่อื ฝึกวชิ าทหาร มุ่งหมายให้กระท�ำทุกปี
โดยจะทำ� พรอ้ มกนั ทกุ มณฑลทหารบก หรอื เฉพาะบางมณฑลทหารบก หรอื บางจงั หวดั หรอื
บางอำ� เภอ ทงั้ นี้ ให้เป็นไปตามนโยบาย ความเหมาะสมของสถานการณ์ และงบประมาณ
ท่ีได้รับการสนบั สนนุ

3. การเรียกกำ�ลงั พลสำ�รองเพอื่ ปฏิบตั ิราชการ ใหก้ ระทำ�ได้ในกรณี
จำ�เป็นเพ่ือเรียกกำ�ลังพลสำ�รองเข้าปฏิบัติราชการตามอำ�นาจ
หน้าทขี่ องกระทรวงกลาโหมในการปฏิบตั ภิ ารกจิ ท่ตี อ้ งใชค้ วามรู้
ความเชย่ี วชาญเปน็ การเฉพาะหรอื เพอ่ื ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ใี นการปอ้ งกนั
และแก้ ไขปัญหาจากภัยพิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย

3.1 การเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองเพอ่ื ปฏบิ ตั ริ าชการ ใหก้ ระทำ� เปน็ การชวั่ คราวและ
เท่าท่จี �ำเป็น ตามท่สี ่วนราชการก�ำหนด มีความมุ่งหมาย ดงั นี้
3.1.1 ปฏบิ ัติหน้าทรี่ ักษาความปลอดภัยทีต่ ้ังหน่วยทหาร
3.1.2 ปฏบิ ัตหิ น้าที่ทตี่ ้องใช้ความรู้ความเช่ยี วชาญเป็นการเฉพาะ
3.1.3 ปฏิบัติหน้าท่ีในการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติ ตาม
กฎหมายว่าด้วยการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั
3.1.4 ปฏบิ ัตหิ น้าท่ที เ่ี ป็นการปฏบิ ัติทางทหารนอกเหนอื จากสงคราม
18 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง 3.2 ผมู้ อี ำ� นาจสง่ั การและลงชอ่ื ในคำ� สงั่ เรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองเพอ่ื ปฏบิ ตั ริ าชการ
คือ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการ
ทหารเรอื และผบู้ ญั ชาการทหารอากาศ เจา้ กรมการสรรพกำ� ลงั กลาโหม ผบู้ ญั ชาการหนว่ ย
บัญชาการรกั ษาดนิ แดน เจ้ากรมกำ� ลงั พลทหารบก เจ้ากรมกำ� ลังพลทหารเรือ และเจ้ากรม
กำ� ลงั พลทหารอากาศ และผู้บญั ชาการมณฑลทหารบก
3.3 ก�ำลังพลส�ำรองพร้อมใช้งาน มีหน้าที่เข้ารับการเรียกกำ� ลังพลส�ำรองเพื่อ
ปฏิบตั ิราชการ
3.4 การดำ� เนินการเรียกกำ� ลังพลสำ� รองเพอื่ ปฏิบัตริ าชการ
3.4.1 ผู้มีอ�ำนาจสั่งการเรียกก�ำลังพลส�ำรอง เป็นผู้วางแผน จัดเตรียม
อ�ำนวยการ และด�ำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ โดยให้ขออนุมัติกองทัพบก
(ผ่านหน่วยบญั ชาการรกั ษาดนิ แดน) ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 ปีงบประมาณ
3.4.2 ผมู้ อี ำ� นาจสง่ั การเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองประเภทนายทหารสญั ญาบตั ร
กองหนนุ ให้รายงานตวั ตามลำ� ดบั ช้ัน เพ่อื ขออนมุ ัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อน
กำ� หนดการเรยี กก�ำลังพลสำ� รองอย่างน้อย 2 เดอื น

3.4.3 ผู้มีอ�ำนาจสั่งการเรียกกำ� ลังพลสำ� รอง ให้รายงานจำ� นวนกำ� ลังพล วิชาการก�ำ ัลง �สำรอง 19
ส�ำรองท้งั หมดทเ่ี ข้ารบั การเรียกก�ำลังพลสำ� รอง ตามล�ำดับชน้ั ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
กลาโหม ก่อนก�ำหนดการเรยี กก�ำลังพลสำ� รองอย่างน้อย 2 เดอื น เพอื่ ให้กระทรวงกลาโหม
ประสานส่วนราชการอน่ื ทเ่ี ก่ยี วข้อง

3.4.4 การเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพื่อปฏิบัติราชการ ให้ด�ำเนินการตามข้อ
3.1.1 ถึง 3.1.4 เว้นแต่ การเรยี กก�ำลังพลสำ� รองตามข้อ 3.1.3 ให้ด�ำเนนิ การตามกฎหมาย
ว่าด้วยการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย

4. การเรียกก�ำ ลังพลสำ�รองเพือ่ ทดลองความพร่ังพร้อม ใหก้ ระท�ำ
ได้เพื่อเรียกกำ�ลังพลสำ�รองเข้ารับการทดสอบแผนหรือเตรียม
รับสถานการณ์ เพอ่ื ใหส้ ามารถปฏิบตั ิหน้าที่ตามแผนที่กำ�หนด

4.1 การเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม ให้กระท�ำได้ต้ังแต่
ในเวลาปกติ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ มีความมุ่งหมาย ดังน้ี

4.1.1 เพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ ในการปฏิบัติการทางทหาร เพ่ือ
เตรยี มรับสถานการณ์ท่อี าจเกดิ ในระยะอันใกล้ เมอ่ื มกี ารระดมพล

4.1.2 ทดสอบแผนป้องกันประเทศ หรือแผนป้องกันและบรรเทา
สาธารณภยั

4.1.3 ฝึกอบรมเพอื่ ให้สามารถปฏบิ ัตหิ น้าท่ีได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
4.2 ผมู้ อี ำ� นาจสงั่ การและลงชอ่ื ในคำ� สง่ั เรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองเพอื่ ปฏบิ ตั ริ าชการ
คือ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการ
ทหารเรอื และผบู้ ญั ชาการทหารอากาศ เจา้ กรมการสรรพกำ� ลงั กลาโหม ผบู้ ญั ชาการหนว่ ย
บญั ชาการรกั ษาดินแดน เจ้ากรมกำ� ลงั พลทหารบก เจ้ากรมกำ� ลงั พลทหารเรอื และเจ้ากรม
กำ� ลังพลทหารอากาศ และผู้บญั ชาการมณฑลทหารบก
4.3 ก�ำลังพลส�ำรองพร้อมใช้งาน มีหน้าที่เข้ารับการเรียกก�ำลังพลส�ำรอง
เพ่อื ทดลองความพร่งั พร้อม
4.4 การด�ำเนินการเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองเพ่อื ทดลองความพรั่งพร้อม
4.4.1 กองทพั บก โดยหน่วยบัญชาการรกั ษาดนิ แดน เป็นผู้วางแผน เป็น
ผู้วางแผน อำ� นวยการ ประสานงาน กำ� กับดแู ล การดำ� เนินการและด้านงบประมาณ

20 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง 4.4.2 การเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพ่ือทดลองความพร่ังพร้อม คงปฏิบัติ
เช่นเดยี วกบั การด�ำเนินการเรยี กก�ำลงั พลส�ำรองเพอื่ ตรวจสอบ ตามข้อ 1.4

4.4.3 การเรียกกำ� ลังพลสำ� รองเพื่อทดลองความพรัง่ พร้อม จะเรยี กกำ� ลงั
พลส�ำรองท่ีบรรจุไว้ในบัญชีบรรจุก�ำลังของหน่วยก�ำลังพลส�ำรอง โดยจะเรียกเข้ามาเต็ม
อตั ราการบรรจตุ ามแผน หรอื เฉพาะบางสว่ น ขนึ้ อยกู่ บั นโยบายและสถานการณใ์ นขณะนนั้

5. การระดมพล  ให้กระท�ำได้ในเวลาที่มีการประกาศสถานการณ์
ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก  หรือกรณีที่มีการรบหรือ
การสงคราม จึงถงึ ขัน้ ตอ้ งมกี ารระดมสรรพก�ำลงั ของชาติ

5.1 การระดมพล มีความมุ่งหมาย ดงั นี้
5.1.1 ป้องกนั ประเทศตามแผนป้องกนั ประเทศ
5.1.2 แก้ไขปัญหาจากภัยพบิ ัติสาธารณะ
5.1.3 ป้องกนั หรือปราบปรามการจลาจล
5.1.4 ขยายกำ� ลังตามอัตราสงคราม
5.2 ผู้มอี ำ� นาจส่งั ระดมพล
5.2.1 พระบรมราชโองการใหต้ ราเปน็ พระราชกฤษฎกี า วา่ ดว้ ยการระดมพล
5.2.2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ดำ� เนินการให้เป็นไปตาม
พระราชกฤษฎกี า ว่าด้วยการระดมพล
5.3 กำ� ลงั พลสำ� รองพรอ้ มใชง้ าน และ/หรอื กำ� ลงั พลสำ� รองเตรยี มพรอ้ ม มหี นา้ ที่
เข้ามารบั การระดมพล
5.4 การดำ� เนินการระดมพล
5.4.1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้เสนองบประมาณพิเศษ
ให้แก่กองทพั บก เพอ่ื ด�ำเนินการระดมพล
5.4.2 การระดมพล จะเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองทไี่ ดบ้ รรจไุ วใ้ นบญั ชบี รรจกุ ำ� ลงั
ของหน่วยก�ำลังพลส�ำรอง เข้าประจ�ำหน่วยก�ำลังพลส�ำรอง โดยจะระดมเข้ามาทุกหน่วย
เป็นบางหน่วย หรอื เฉพาะบางส่วน ข้นึ อยู่กับนโยบายและสถานการณ์ในขณะนั้น
5.4.3 การระดมพลอาจจะกระท�ำโดยทันที หรือต่อเน่ืองกับการเรียก
ระดมพลประเภทอ่นื ๆ โดยวิธกี ารทำ� นองเดยี วกนั กับการเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพื่อทดลอง
ความพรั่งพร้อม โดยอนุโลม หรือจะก�ำหนดการปฏิบัติข้ึนมาใหม่ เพ่ือให้การระดมพล
สามารถกระทำ� ได้อย่างรวดเรว็ และทันเวลาต่อสถานการณ์ท่เี กิดข้นึ

ตอนที่ 4 วิชาการก�ำ ัลง �สำรอง 21
หนา้ ท่ีของกำ�ลงั พลส�ำ รอง

พระราชบญั ญตั กิ ำ� ลงั พลสำ� รอง พ.ศ. 2558 ไดก้ ำ� หนดหนา้ ทขี่ องกำ� ลงั พลสำ� รองไว้
ดังน้ี

มาตรา 20 กำ� ลังพลสำ� รองมหี น้าทเ่ี ข้ารบั ราชการทหารในการเรียกก�ำลังพล
สำ� รองเพอื่ ตรวจสอบ เพอื่ ฝึกวชิ าทหาร เพอื่ ปฏบิ ตั ริ าชการ หรอื เพอ่ื ทดลองความพรงั่ พร้อม
และในการระดมพล

การเขา้ รบั ราชการทหารตามวรรคหนง่ึ ใหก้ ำ� ลงั พลสำ� รองมอี ำ� นาจหนา้ ทต่ี ามชนั้
ยศและตำ� แหน่ง เช่นเดยี วกบั ทหารประจ�ำการและทหารกองประจำ� แล้วแต่กรณี

การแตง่ ตง้ั และการเลอ่ื นยศของก�ำลงั พลสำ� รอง ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายวา่ ดว้ ย
ยศทหาร

การผอ่ นผนั ใหก้ �ำลงั พลสำ� รองไมต่ อ้ งเขา้ รบั ราชการทหารตามวรรคหนงึ่ ใหเ้ ปน็
ไปตามกฎเกณฑ์ วธิ กี าร และเง่อื นไขทก่ี �ำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา 21 การเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร เพื่อ
ปฏิบัติราชการ หรือเพ่ือทดลองความพรั่งพร้อม ให้กระท�ำตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ทก่ี ำ� หนดในข้อบงั คับ

มาตรา 22 การเรยี กกำ� ลงั พลเพอ่ื ตรวจสอบ ใหก้ ระทำ� ไดเ้ พอื่ เรยี กกำ� ลงั พลสำ� รอง
เข้ารบั การตรวจสอบสภาพ ตรวจสอบบญั ชเี ตรยี มกำ� ลงั พลสำ� รอง และซกั ซ้อมระเบยี บการ
เพ่ือประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมในการเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพ่ือฝึกวิชาทหาร
เพื่อปฏิบตั ิราชการ หรอื เพ่ือทดลองความพรั่งพร้อม และในการระดมพล

มาตรา 23 การเรียกกำ� ลงั พลสำ� รองเพอ่ื ฝึกวชิ าทหาร ให้กระทำ� ได้เพอื่ เรยี ก
กำ� ลงั พลสำ� รองเข้ารบั การฝึก ศกึ ษา หรือทบทวนวชิ าทหาร เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ
พร้อมท่จี ะปฏบิ ัตหิ น้าท่ไี ด้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ

มาตรา 24 การเรยี กก�ำลังพลส�ำรองเพอ่ื ปฏบิ ตั ิราชการ ให้กระทำ� ได้ในกรณี
จ�ำเป็นเพ่ือเรียกก�ำลังพลส�ำรองเข้าปฏิบัติราชการตามอ�ำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม
ในการปฏิบัติภารกิจที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะ หรือเพื่อปฏิบัติหน้าท่ี
ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทา
สาธารณภยั

22 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง มาตรา 25 การเรยี กกำ� ลงั พลเพอื่ ทดลองความพรงั่ พรอ้ ม ใหก้ ระทำ� ไดเ้ พอื่ เรยี ก
ก�ำลังพลส�ำรองเข้ารับการทดสอบแผนหรือเตรียมรับสถานการณ์ เพ่ือให้สามารถปฏิบัติ
หน้าทต่ี ามแผนท่ีก�ำหนด

มาตรา 26 การระดมพล ใหก้ ระทำ� ไดใ้ นเวลาทม่ี กี ารประกาศสถานการณฉ์ กุ เฉนิ
หรือประกาศใช้กฎอยั การศึก หรอื กรณที ่มี ีการรบหรือการสงคราม จนข้นั ทต่ี ้องมกี ารระดม
สรรพก�ำลังของชาติ

การระดมพล ให้กระท�ำได้โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎกี า
มาตรา 27 กำ� ลงั พลสำ� รองตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหไ้ ดร้ บั การยกเวน้ การเรยี ก
กำ� ลงั พลเพอื่ ตรวจสอบ เพอ่ื ฝกึ วชิ าทหาร หรอื เพอ่ื ทดลองความพรงั่ พรอ้ ม และการระดมพล
ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการรบั ราชการทหารและใหก้ ารด�ำเนนิ การในเรอื่ งดงั กล่าวเปน็ ไปตาม
พระราชบญั ญตั นิ ี้แทน
มาตรา 28 ให้กระทรวงกลาโหมมีอ�ำนาจหน้าที่จัดเตรียม อ�ำนวยการ และ
ดำ� เนินการในกจิ การก�ำลังพลสำ� รอง ท้ังนี้ ให้เป็นไปตามวธิ กี ารท่กี �ำหนดในข้อบงั คับ
มาตรา 29 ก�ำลังพลส�ำรองซึ่งถูกเรียกเข้ารับราชการทหารตามมาตรา 20
ถ้าไม่มาหรือมาแต่ไม่เข้ารับราชการทหาร หรือไม่อยู่จนกว่าการรับราชการทหารแล้วเสร็จ
ให้ถอื ว่าก�ำลังพลสำ� รองนั้นหลกี เลยี่ งขดั ขืนไม่เข้ารบั ราชการทหาร เว้นแต่
(1) ข้าราชการซ่ึงได้รับค�ำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยปัจจุบันทันด่วนให้ไป
ราชการอนั ส�ำคัญย่งิ หรอื ไปราชการต่างประเทศโดยค�ำส่ังของเจ้ากระทรวง
(2) นกั เรยี นซงึ่ ออกไปศกึ ษาวชิ า ณ ตา่ งประเทศ ตามทกี่ ำ� หนดในกฎกระทรวง
(3) ขา้ ราชการหรอื ผปู้ ฏบิ ตั งิ านในสถานทร่ี าชการ หรอื โรงงานอน่ื ใด ในระหวา่ ง
ทม่ี กี ารรบหรอื การสงคราม อนั เปน็ อปุ กรณใ์ นการรบหรอื การสงครามและอยใู่ นความควบคมุ
ของกระทรวงกลาโหม
(4) บคุ คลซ่ึงกำ� ลังปฏบิ ตั ิงานร่วมกบั หน่วยทหารในราชการสงคราม
(5) เกดิ เหตุสดุ วสิ ัย
(6) ป่วยไม่สามารถจะมาได้ โดยให้บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะและเชื่อถือได้มา
แจ้งต่อพนกั งานเจ้าหน้าทใ่ี นวนั ท่เี รยี กเข้ารบั ราชการทหาร
(7) กรณีอ่ืนตามทก่ี �ำหนดในกฎกระทรวง
กรณตี าม (1) (2) (3) หรอื (4) ต้องได้รับการผ่อนผันเฉพาะคราวจากรฐั มนตรี
หรือผู้ซง่ึ รฐั มนตรมี อบหมาย

มาตรา 30 กระทรวงกลาโหมอาจรบั สมัครก�ำลังพลส�ำรองเพือ่ ท�ำหน้าทีท่ หาร วิชาการก�ำ ัลง �สำรอง 23
เป็นการช่วั คราวได้ตามกฎหมายว่าด้วยระเบยี บข้าราชการทหาร

กำ� ลงั พลสำ� รองทเี่ ขา้ รบั ราชการทหารตามวรรคหนง่ึ ใหพ้ น้ จากการเปน็ กำ� ลงั พล
ส�ำรองตามพระราชบญั ญัตนิ ี้

หมวด 4
บทก�ำ หนดโทษ

มาตรา 37 ก�ำลังพลส�ำรองผู้ใดหลีกเล่ียงหรือขัดขืนไม่มาหรือมาแต่ไม่เข้า
รับราชการทหารในการเรียกก�ำลังพลส�ำรองเพ่ือตรวจสอบตามมาตรา 20 ต้องระวางโทษ
จ�ำคุกไม่เกนิ สามเดอื น หรอื ปรับไม่เกินห้าพันบาท หรอื ท้ังจ�ำท้ังปรับ

ก�ำลังพลส�ำรองผู้ใดหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนไม่มาหรือมาแต่ไม่เข้ารับราชการ
ทหารในการเรยี กก�ำลงั พลสำ� รองเพอื่ ฝึกวชิ าทหาร หรอื เพอื่ ปฏิบตั ริ าชการ หรอื เพื่อทดลอง
ความพร่งั พร้อม หรอื ในการระดมพล ตามมาตรา 20 ต้องระวางโทษจ�ำคกุ ไม่เกนิ สีป่ ี

มาตรา 38 กำ� ลังพลสำ� รองผู้ใดหลกี เลีย่ งหรอื ขดั ขนื ไม่อยู่รบั ราชการทหารตาม
มาตรา 20 จนครบกำ� หนดเวลาตามทก่ี ำ� หนดในคำ� ส่งั เรยี กโดยมิได้รบั อนญุ าต หรอื ไม่มา
ปฏบิ ตั ริ าชการเมอ่ื พน้ ก�ำหนดอนญุ าตลาแล้ว ใหถ้ อื วา่ ผ้นู น้ั กระท�ำความผดิ ฐานหนรี าชการ
และต้องระวางโทษตามกฎหมายว่าด้วยอาญาทหารและให้น�ำบทบัญญัติตามกฎหมายว่า
ด้วยอาญาทหารในส่วนท่ีเก่ียวกับอ�ำนาจลงทัณฑ์ในความผิดต่อวินัยทหารมาใช้บังคับแก่
การกระทำ� ความผดิ น้ี

มาตรา 39 ก�ำลังพลส�ำรองในบัญชีบรรจุก�ำลังผู้ใดไม่ปฏิบัติตามความใน
(มาตรา 34 ก�ำลังพลสำ� รองผู้ใดเปลย่ี นชอ่ื ตัวหรือชอ่ื สกุล หรือแก้ไขเลขประจำ� ตัวประชาชน
ให้ผู้น้ันแจ้งการเปล่ียนช่ือตัวหรือชื่อสกุลหรือการแก้ไขเลขประจ�ำตัวประชาชนไปยังหน่วย
ทหารท่ตี นมรี ายชอ่ื บรรจอุ ยู่ ภายใน 30 วันนบั แต่วนั ท่มี กี ารเปลย่ี นชื่อตัวหรือชอ่ื สกลุ หรอื
การแก้ไขเลขประจำ� ตัวประชาชน ทง้ั น้ี ให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารท่ีกำ� หนดในข้อ
บงั คบั ) ตอ้ งระวางโทษจำ� คกุ ไมเ่ กนิ หนงึ่ เดอื น หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หนงึ่ พนั บาท หรอื ทง้ั จำ� ทง้ั ปรบั

มาตรา 40 นายจ้างผู้ใดไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างซ่ึงเป็นก�ำลังพลส�ำรองใน
วนั ลาเพอื่ รบั ราชการทหารตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมน่ื บาท

24 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง ตอนที่ 5
สทิ ธิของกำ�ลงั พลสำ�รอง

ระเบยี บกระทรวงกลาโหม วา่ ดว้ ยสทิ ธปิ ระโยชนข์ องก�ำลงั พลสำ� รอง พ.ศ. 2559
โดยอาศัยอำ� นาจตามความใน มาตรา 36 แห่งพระราชบญั ญัตกิ ำ� ลังพลส�ำรอง พ.ศ. 2558
ได้ให้ค�ำนิยามความหมายทเ่ี กยี่ วข้องกบั สทิ ธิประโยชน์ของก�ำลงั พลส�ำรอง ดงั นี้

“สิทธิประโยชน์” หมายความว่า สิทธิท่กี �ำลังพลส�ำรองได้รับในรปู ของตัวเงิน
และมิใช่ตวั เงนิ

“ค่าตอบแทน” หมายความว่า เงินตอบแทนท่ีจ่ายให้กับก�ำลังพลส�ำรองที่มี
รายช่ือบรรจุอยู่ในบัญชีบรรจุก�ำลังและเข้ารับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยก�ำลังพล
ส�ำรอง

“ค่าเบ้ียเล้ยี ง” หมายความว่า เงนิ ทีจ่ ่ายให้กบั ก�ำลงั พลส�ำรองท่ีเข้ารับราชการ
ทหารในการเดินทางจากท่ีอยู่ ท่ีพัก หรือสถานที่ปฏิบัติงานมายังหน่วยก�ำลังพลส�ำรอง
ในวนั รายงานตวั และวนั เดนิ ทางกลบั จากหนว่ ยกำ� ลงั พลสำ� รองไปยงั ทอี่ ยู่ ทพ่ี กั หรอื สถานท่ี
ปฏบิ ัตงิ าน

“ค่าอาหาร” หมายความว่า เงินท่ีจ่ายเพ่ือใช้ประกอบเล้ียงให้กับก�ำลังพล
ส�ำรองทเ่ี ข้ารบั ราชการ

“คา่ พาหนะ” หมายความวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทางในลกั ษณะเหมาจา่ ยของ
กำ� ลงั พลส�ำรองจากท่อี ยู่ ท่พี กั หรอื สถานทีป่ ฏบิ ตั ิงาน มายงั หน่วยกำ� ลงั ส�ำรองหรอื หน่วย
ทหารตามทส่ี ่วนราชการก�ำหนด และจากหน่วยก�ำลังพลสำ� รองหรอื หน่วยทหารตามทีส่ ่วน
ราชการกำ� หนดไปยงั ท่อี ยู่ ท่พี ัก หรอื สถานท่ีปฏิบัติงาน

“คา่ เชา่ ทพี่ กั ” หมายความวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเชา่ หอ้ งพกั ในโรงแรมหรอื ทพ่ี กั แรม
“การรักษาพยาบาล” หมายความว่า สิทธิการได้รับการรักษาพยาบาลของ
ก�ำลังพลสำ� รองในสถานพยาบาล

หมวด 2 วิชาการก�ำ ัลง �สำรอง 25
ค่าตอบแทน

ข้อ 5 การจ่ายค่าตอบแทนให้กบั ก�ำลงั พลสำ� รอง
5.1 หลกั เกณฑ์
5.1.1 ให้จ่ายค่าตอบแทนให้กบั กำ� ลงั พลส�ำรอง ดังนี้
5.1.1.1 ก�ำลังพลส�ำรองพร้อมใช้งานของหน่วยก�ำลังพล
ส�ำรองท่ีเข้ารับราชการทหารตามแผนหรือค�ำส่ังเรียกก�ำลังพลส�ำรองเข้ารับราชการทหาร
ประจำ� ปี
5.1.1.2 กำ� ลงั พลสำ� รองพร้อมใช้งาน ทเ่ี ข้ารบั ราชการทหาร
เพอื่ ปฏบิ ตั ริ าชการ เพ่อื ทดลองความพรงั่ พร้อม และในการระดมพล
5.1.1.3 ก�ำลังพลส�ำรองเตรียมพร้อมที่เข้ารับราชการทหาร
ในการระดมพล
5.1.2 ใหจ้ า่ ยอตั ราเดยี วกบั ทหารประจ�ำการ หรอื ทหารกองประจ�ำ
การตามบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการทหาร ทหารกองประจ�ำการ และนักเรียนในสังกัด
กระทรวงกลาโหม ทแี่ นบทา้ ยพระราชบญั ญตั ริ บั ราชการทหาร พ.ศ. 2521 และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ
ค�ำนวณตามเกณฑ์การจ่ายเงนิ เดือนข้าราชการ ซงึ่ มสี ทิ ธไิ ด้รับเงินไม่เต็มเดอื น ตั้งแต่วนั ที่
มีสิทธไิ ด้รบั เงนิ ในเดือนนนั้ โดยอนโุ ลม
5.1.3 ก�ำลังพลส�ำรองท่ีเคยเป็นทหารประจ�ำการ หรือทหารกอง
ประจำ� การใหค้ ำ� นวณจากเงนิ เดอื นในเดอื นสดุ ทา้ ยกอ่ นออกจากราชการ ทงั้ นี้ หากกำ� ลงั พล
ส�ำรองดังกล่าวข้างต้น ได้รับการแต่งตั้งยศ การเล่ือนยศ และเล่ือนฐานะ การจ่ายค่า
ตอบแทน ใหค้ ำ� นวณจากอตั ราเงนิ เดอื นของชน้ั ยศ ตามกฎกระทรวงกำ� หนดหลกั เกณฑแ์ ละ
วธิ กี ารบรรจบุ คุ คลเขา้ รบั ราชการเปน็ ขา้ ราชการทหารและการใหไ้ ดร้ บั เงนิ เดอื น โดยอนโุ ลม
5.1.4 ก�ำลังพลส�ำรองที่ไม่เคยเป็นทหารกองประจ�ำการ หรือ
ทหารประจ�ำการ ให้ค�ำนวณจากอัตราเงินเดือนของชั้นยศ ตามกฎกระทรวงก�ำหนด
หลกั เกณฑ์และวธิ กี ารบรรจุบุคคลเข้ารบั ราชการทหารและการให้ได้รับเงินเดือน
5.1.5 การจ่ายค่าตอบแทนไม่ใช้บังคับกับกำ� ลังพลสำ� รอง ซ่ึงเป็น
ขา้ ราชการ พนกั งาน ลกู จา้ งประจำ� หรอื บคุ คล ผปู้ ฏบิ ตั งิ านในสว่ นราชการ หนว่ ยงานของรฐั

26 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง รฐั วสิ าหกจิ หรอื ราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ และเจา้ พนกั งานตามกฎหมายวา่ ดว้ ยลกั ษณะปกครอง
ท้องที่ โดยให้ได้รบั เงินเดอื นจากต้นสังกดั เดิม ตลอดระยะเวลาท่เี ข้ารบั ราชการทหาร

5.2 วธิ กี ารจ่าย
5.2.1 ให้หน่วยก�ำลังพลส�ำรองหรือหน่วยทหารตามส่วนท่ีราชการ
กำ� หนด เป็นผู้เบกิ จ่ายให้กบั ก�ำลงั พลสำ� รองท่ีเข้ารับราชการทหาร
5.2.2 ให้จ่ายค่าตอบแทนต้ังแต่วันท่ีมารายงานตัวจนถึงวันที่ครบ
กำ� หนดเวลารบั ราชการตามค�ำส่ังเรยี กกำ� ลงั พลสำ� รองเข้ารบั ราชการทหาร
5.2.3 ให้จ่ายในวนั สดุ ท้าย ตามที่กำ� หนดไว้ในคำ� สัง่ เรยี กก�ำลังพล
สำ� รองเขา้ รบั ราชการทหาร หรอื กรณที ม่ี กี ารเรยี กเขา้ รบั ราชการทหารเกนิ กวา่ 15 วนั ใหแ้ บง่
จ่ายตามท่สี ่วนราชการก�ำหนด

หมวด 3
ค่าเบี้ยเล้ียง

ข้อ 6 การจ่ายเบย้ี เล้ยี งให้ก�ำลงั พลสำ� รอง
6.1 หลักเกณฑ์ ให้จ่ายในอตั รา 240 บาทต่อเท่ยี วต่อคน
6.2 วธิ กี ารจ่าย

6.2.1 ให้หน่วยกำ� ลังพลสำ� รอง หรือหน่วยทหารตามทส่ี ่วนราชการ
กำ� หนด เป็นผู้ เบกิ จ่ายให้กบั ก�ำลังพลสำ� รองที่เข้ารับราชการทหาร

6.2.2 ให้จ่ายในวันสุดท้ายตามท่ีก�ำหนดไว้ในค�ำสั่งเรียกก�ำลังพล
ส�ำรองเข้ารบั ราชการทหาร

หมวด 4 วิชาการก�ำ ัลง �สำรอง 27
คา่ อาหาร

ข้อ 7 การจ่ายค่าอาหารให้กำ� ลงั พลสำ� รอง
7.1 หลกั เกณฑ์ ให้จ่ายในอตั รา 240 บาทต่อวันต่อคน
7.2 วธิ กี ารจ่าย
ใหห้ นว่ ยกำ� ลงั พลสำ� รองหรอื หนว่ ยทหารตามทส่ี ว่ นราชการกำ� หนด
เป็นผู้เบิกจ่ายให้กบั ก�ำลงั พลสำ� รองท่เี ข้ารบั ราชการทหาร

หมวด 5
คา่ พาหนะ

ข้อ 8 การจ่ายค่าพาหนะให้กำ� ลงั พลสำ� รอง
8.1 หลักเกณฑ์ ให้จ่ายในอตั รา 500 บาทต่อเทย่ี วต่อคน
8.2 วิธีการจ่าย
8.2.1 ให้หน่วยก�ำลังพลส�ำรองหรือหน่วยทหารตามที่ส่วนราชการ
กำ� หนดเป็นผู้เบกิ จ่ายให้กบั ก�ำลังพลสำ� รองท่ีเข้ารบั ราชการทหาร
8.2.2 ให้จ่ายในวนั สดุ ท้าย ตามทก่ี ำ� หนดไว้ในค�ำสั่งเรียกก�ำลังพล
ส�ำรองเข้ารบั ราชการ

หมวด 6
คา่ เชา่ ท่พี ัก

ข้อ 9 การจ่ายค่าเช่าทพ่ี ักให้ก�ำลงั พลสำ� รอง
9.1 หลกั เกณฑ์ ใหจ้ า่ ย ใหจ้ า่ ยตามอตั ราของทหารประจำ� การ หรอื ทหาร
กองประจ�ำการ ตามพระราชกฤษฎกี าค่าใช้จ่ายในการเดนิ ทางไปราชการ พ.ศ. 2526 และ
ท่แี ก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยอนุโลม

28 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง 9.2 วิธีการจ่าย ให้หน่วยก�ำลังพลส�ำรองหรือหน่วยทหารตามท่ีส่วน
ราชการก�ำหนดเป็นผู้เบิกจ่ายให้กับก�ำลังพลส�ำรองท่ีเข้ารับราชการทหาร ในกรณีที่ส่วน
ราชการไม่สามารถจดั ท่พี กั ให้

หมวด 7
ค่ารกั ษาพยาบาล

ข้อ 10 กำ� ลังพลส�ำรองพร้อมใช้งาน และกำ� ลงั พลสำ� รองเตรยี มพร้อม ท่ีเข้ารบั
ราชการทหารให้ได้รบั การรกั ษาพยาบาลตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการตรวจ
และรักษาพยาบาล พ.ศ. 2502 และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเตมิ นอกเหนอื จากสทิ ธกิ ารรกั ษาพยาบาล
ทีก่ �ำลังพลสำ� รองมสี ทิ ธอิ ยู่เดิม

ข้อ 11 วธิ กี ารจา่ ย ใหส้ ว่ นราชการกำ� หนดวธิ กี ารจา่ ยโดยปฏบิ ตั ติ ามการเบกิ จา่ ย
ค่ารักษาพยาบาลของทหารประจำ� การ หรอื ทหารกองประจำ� การ โดยอนุโลม

หมวด 8
สิทธิประโยชนอ์ น่ื

ข้อ 12 ก�ำลังพลส�ำรองอาจได้รับสิทธิประโยชน์อื่น อย่างหน่ึงอย่างใดตาม
กฎหมายหรอื ระเบยี บกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการนัน้ แล้วแต่กรณี ดังน้ี

12.1 เคร่อื งแต่งกาย
12.2 การแต่งต้งั ยศ การเลื่อนยศ และการเลือ่ นฐานะ
12.3 การขอใช้สวสั ดกิ ารของส่วนราชการ
12.4 ทนุ การศกึ ษา
12.5 การขอกองทหารเกยี รตยิ ศ
12.6 คะแนนเพม่ิ พิเศษ กรณี สอบบรรจุเข้าเป็นทหารประจ�ำการ
12.7 การรบั เงินช่วยเหลอื กรณเี สยี ชีวติ พิการ หรอื ทุพพลภาพ

ตอนท่ี 6 ผนวก
ผนวก ก การกำ�ลังสำ�รอง

จ�ำ นวน 4 ชว่ั โมง

ความมุ่งหมาย : เพ่ือให้นักศึกษาวิชาทหารมีความรู้เกี่ยวกับการก�ำลังส�ำรอง กิจการ
ก�ำลังพลส�ำรอง ทราบถึงหน้าท่ีของก�ำลังพลส�ำรอง สิทธิของก�ำลังพลส�ำรอง และการฝึก
ศกึ ษากำ� ลงั พลสำ� รอง ซง่ึ จะตอ้ งผกู พนั กบั ทางกองทพั ตอ่ ไปหลงั จากส�ำเรจ็ วชิ าทหารชน้ั ปที ่ี 3
แล้ว และปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับท่ีก�ำหนดไว้ พร้อมท่ีจะเป็น
ก�ำลังพลสำ� รองท่มี คี ณุ ภาพและประสิทธิภาพ

เร่ือง ช่วั โมงและ ขอบเขตการสอน หลักฐาน
วธิ กี ารสอน

1. การกำ� ลงั ส�ำรอง 1 - ประวัติความเป็นมา - พ.ร.บ.ก�ำลงั พล
และกิจการก�ำลังพล สช. ค�ำนิยาม และความหมาย ส�ำรอง พ.ศ. 2558 วิชาการก�ำ ัลง �สำรอง 29
ส�ำรอง ท่ีเกี่ยวข้องกับการก�ำลัง
สำ� รอง
- ความหมายของกิจการ - ข้อบังคับ กห. ว่า
กำ� ลงั พลสำ� รอง ด้วยกิจการก�ำลังพล
- กิจการกำ� ลงั พลส�ำรอง ส�ำรอง พ.ศ. 2559

2. การเรียกก�ำลังพล 1 - การเรียกกำ� ลังพลส�ำรอง - ระเบยี บ ทบ. วา่ ดว้ ย
ส�ำรองเข้ารับราชการ สช. เข้ารบั ราชการทหาร การเรียกก�ำลังพล
ทหาร ส�ำรองเข้ารับราชการ

ทหาร พ.ศ. 2560

3. หนา้ ทขี่ องกำ� ลงั พล 1 - หนา้ ทขี่ องกำ� ลงั พลสำ� รอง - พ.ร.บ.ก�ำลังพล
ส�ำรอง สช. ส�ำรอง พ.ศ. 2558

เรื่อง ชั่วโมงและ ขอบเขตการสอน หลักฐาน
วธิ ีการสอน

4. สิทธิของก�ำลังพล 1 - สทิ ธิของกำ� ลงั พลสำ� รอง - ระเบยี บ กห. วา่ ดว้ ย
สำ� รอง สช. - ค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ของ
- ค่าเบ้ยี เลย้ี ง กำ� ลงั พลส�ำรอง พ.ศ.
- ค่าอาหาร 2559
- ค่าพาหนะ
- ค่าเช่าท่พี กั
- การโดยสารยานพาหนะ
- การรกั ษาพยาบาล
- สิทธปิ ระโยชน์อ่นื ๆ

30 วชิ าการก�ำลงั ส�ำรอง


Click to View FlipBook Version