The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

210 เนื้อหาวิชาสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ปี2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Patiparn Potardee, 2020-09-20 09:31:35

8.วิชาสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ปี2

210 เนื้อหาวิชาสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ปี2

456 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เปน็ พระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพ
เมอื่ วนั พธุ ท่ี 8 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2436 ไดร้ บั พระราชทานพระนามวา่ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ
เจ้าฟา้ ประชาธปิ กศกั ดเิ ดชนฯ์ ทรงเรมิ่ ศกึ ษาตามประเพณขี ตั ตยิ ราชกมุ าร ทรงเป็นนกั เรยี น
นายร้อยพิเศษในโรงเรียนนายร้อยชั้นประถม มีพระอาจารย์ถวายอักษรเพ่ิมเติมวิชา
ภาษาไทยและภาษาองั กฤษในพระราชวงั ดสุ ติ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการพระราชพิธีโสกันต์พระราชทาน
เม่ือวันท่ี 4 มีนาคม พ.ศ. 2448 ภายหลังพระราชพิธีโสกันต์แล้ว มีพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขนุ สุโขทยั ธรรมราชา

ใน พ.ศ. 2451 เสด็จไปทรงศกึ ษาวทิ ยาการในประเทศยโุ รป ณ วิทยาลัยอีตนั
(Eton College) ประเทศองั กฤษ จากน้ันใน พ.ศ. 2454 - พ.ศ. 2456 ทรงศึกษาวชิ าทหาร
ปนื ใหญม่ ้าโรงเรยี นนายรอ้ ยเมอื งวลู ชิ (Royal Military Academy, Woolwich) ประเทศองั กฤษ
และเสด็จไปประจ�ำกรมทหารปืนใหญ่ม้าอังกฤษ ณ เมืองออลเดอชอต (Aldershot)
เพ่ือทรงศึกษาและฝึกฝนหน้าท่ีนายทหาร แต่เน่ืองจากภาวะสงครามในยุโรปลุกลาม
จนกลายเป็นสงครามโลกครง้ั ท่ี 1 ใน พ.ศ. 2457 พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั
จึงทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้เสดจ็ นิวัตประเทศไทย

ใน พ.ศ. 2458 ทรงรับราชการในต�ำแหน่งนายทหารคนสนิทของจอมพล
สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก
ต่อมาได้รับพระราชทานเล่ือนข้ึนเป็นผู้บังคับกองร้อยทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์
และทรงดำ� รงพระยศเป็นนายร้อยเอก จากนัน้ ทรงย้ายไปรับราชการประจำ� กรมบญั ชาการ
กองทพั น้อยท่ี 2 ในตำ� แหน่งนายทหารฝ่ายเสนาธกิ าร และได้เลอ่ื นพระยศเป็นนายพนั ตรี
ตำ� แหนง่ ผบู้ งั คบั การโรงเรยี นนายรอ้ ยชนั้ ประถม วนั ที่ 27 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2460 ทรงลาราชการ
เพ่ือทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และประทับจ�ำพรรษา
จนครบไตรมาส ณ พระต�ำหนักทรงพรต วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อทรงลาสิกขาแล้ว
กราบบงั คมทลู พระกรณุ าขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าตอภเิ ษกสมรสกบั หมอ่ มเจา้ หญงิ
รำ� ไพพรรณี สวสั ดวิ ตั น์ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ
ประกอบพธิ อี ภเิ ษกสมรสพระราชทานในวนั ท่ี 25 สงิ หาคม พ.ศ. 2461 ณ พระทน่ี งั่ วโรภาสพมิ าน
พระราชวงั บางปะอิน และมพี ิธขี นึ้ ต�ำหนกั ใหม่ วังศุโขทยั ถนนสามเสน

ใน พ.ศ. 2464 พนั โท สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ ฯ กรมขนุ สโุ ขทยั ธรรมราชา ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 457
และพระชายาได้เสด็จยุโรปเพื่อรักษาพระองค์ เม่ือแพทย์วินิจฉัยพระโรคแล้ว ยืนยันว่า
ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง จึงตัดสินพระทัยเข้าศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบกฝรั่งเศส
(École de Guerre) มีพระสหายร่วมรุ่นท่ีต่อมามีบทบาทส�ำคัญทางการทหารและการเมือง
ของฝรั่งเศสคอื ร้อยเอก ชาร์ล เดอ โกลล์ (Charles de Gaulle) ซึ่งต่อมาคือประธานาธิบดี
ฝร่ังเศส ทรงสำ� เรจ็ การศกึ ษาในเดือนกันยายน พ.ศ. 2467

พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั มพี ระบรมราชโองการดำ� รสั สง่ั ใหเ้ ลอ่ื น
สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดเิ ดชน์ กรมขุนสโุ ขทยั ธรรมราชา ขน้ึ เป็น
สมเดจ็ พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวง และทรงสถาปนาขึ้นเป็นรชั ทายาทในเดอื น
พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2467 เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ สวรรคต พระบรม
วงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ทรงอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์
กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชาข้ึนเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลท่ี 7 แห่งพระราชวงศ์จักรี ได้
ประกอบพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกในวันท่ี 25 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2468 พระราชทานปฐม
บรมราชโองการว่า “…ดูกรพราหมณ์ บดั น้เี ราทรงราชภาระ ครองแผ่นดินโดยธรรม
สมำ�่ เสมอ เพอื่ ประโยชนเ์ กอ้ื กลู และสขุ แหง่ มหาชน เราแผร่ าชอาณาเหนอื ทา่ นทง้ั หลาย

กบั โภคสมบตั ิ เปน็ ทพี่ งึ่ จดั การปกครองรกั ษาปอ้ งกนั อนั เปน็ ธรรมสบื ไป ทา่ นทง้ั หลาย
จงวางใจอยู่ตามสบายเทอญฯ” พระราชกรณียกิจด้านการศึกษาและการศาสนา
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปมหาวิทยาลัย โดยทรงสร้างกลไก
การปฏริ ปู คอื แตง่ ตง้ั คณะกรรมการปฏริ ปู จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั เพอื่ เปน็ พลงั ขบั เคลอื่ น
การปฏิรูปการศึกษาให้เกิดผลเร็วข้ึนและบรรลุผลท่ัวทั้งแผ่นดิน นับเป็นคร้ังแรกท่ีผู้หญิง
และผชู้ ายไดร้ บั ความเสมอภาคทางการศกึ ษา ใหม้ โี อกาสเขา้ รบั การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี
คณะแพทยศาสตร์ โดยเปดิ รบั นสิ ติ หญงิ เขา้ เรยี นเตรยี มแพทย์ เมอื่ พ.ศ. 2470 จ�ำนวน 7 คน
และยกระดับมาตรฐานการศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสู่ระดับปริญญาตรี
อย่างสมบูรณ์ คือ การประสาทปริญญาเวชชบัณฑิตชั้นตรี (แพทยศาสตรบัณฑิต) เป็น
ครงั้ แรกเม่อื วันท่ี 25 ตุลาคม พ.ศ. 2473

458 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย ส่วนทางด้านศาสนา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจัดพิมพ์
พระไตรปิฎกฉบับพิมพ์อักษรไทยสมบูรณ์ ขนานนามว่า “พระไตรปิฎกสยามรัฐ”
จดั พมิ พจ์ ำ� นวน 1,500 จบ (จบหนงึ่ มี 45 เลม่ ) พระราชทานในพระราชอาณาจกั ร 200 จบ และ
แจกจ่ายไปตามมหาวิทยาลยั และหอสมุดนานาชาตทิ ั่วโลกจ�ำนวน 450 จบ อีก 850 จบ
พระราชทานแก่ผู้บรจิ าคทรพั ย์เพอื่ ขอรับพระไตรปิฎก (อัตราจบละ 450 บาท) นอกจากน้ี
โปรดเกล้าฯ ให้มีการประกวดแต่งหนงั สือสอนพระพทุ ธศาสนาสำ� หรับเดก็ โดยโปรดเกล้าฯ
ให้ราชบัณฑิตยสภา (ปัจจุบันคือราชบัณฑิตยสถาน) ท�ำหน้าที่ออกประกาศเชิญชวน
และคัดเลือกหนังสือเร่ืองท่ีแต่งดี เห็นสมควรได้รับพระราชทานรางวัลน�ำข้ึนทูลเกล้าฯ
ถวายเพอ่ื ทรงตัดสินว่าเร่อื งใดสมควรได้รบั รางวลั ท่ี 1 หรอื ท่ี 2 และมพี ระมหากรุณาธคิ ุณ
ทรงพระราชนิพนธ์ค�ำน�ำให้เป็นเกียรติแก่ผู้แต่งด้วย หนังสือเร่ืองแรกที่ได้รับพระราชทาน
รางวัลประจ�ำปี พ.ศ. 2472 เป็นพระนิพนธ์ของหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล เร่ือง
“สาสนคุณ” แต่นั้นมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดประกวด
แต่งหนงั สอื สอนพระพุทธศาสนาส�ำหรบั เด็ก และจดั พมิ พ์แจกจ่ายในพระราชพิธีวสิ าขบชู า
เป็นประจ�ำทกุ ปี ซง่ึ ได้มกี ารด�ำเนินการสืบมาจนถึงรชั กาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชด�ำริที่จะปรับปรุงการปกครอง
ท้องถิ่นให้เป็นแบบเทศบาล เพ่ือให้เป็นพ้ืนฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ตั้งแต่ต้นรัชกาล เมื่อทรงสร้าง “สวนไกลกังวล” เป็นที่ประทับที่หัวหินแล้ว โปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติการจัดสภาบ�ำรุงสถานที่ทะเลฝั่งตะวันตก พุทธศักราช 2469
เพอ่ื เปน็ แนวพระราชดำ� รใิ หป้ ระเทศปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยในภายหนา้ “สภาบำ� รงุ ฯ”
จึงเป็นการทดลองปกครองตนเองระดับท้องถ่ินในรูปแบบ municipality หรือประชาภิบาล
(ภายหลงั เรยี กว่าเทศบาล)

แนวพระราชดำ� รทิ จ่ี ะใหร้ ะบอบประชาธปิ ไตยหยง่ั รากลกึ นนั้ จะตอ้ งใหป้ ระชาชน
มีความรู้ความเข้าใจระบอบการเมืองการปกครอง โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมและมีความ
คนุ้ เคยกบั การปกครองตนเองในระดบั ทอ้ งถน่ิ ปรากฏชดั เจนในพระราชบนั ทกึ “Democracy
in Siam” ซึ่งต่อมาคณะราษฎรเล็งเห็นความจำ� เป็นที่จะต้องมีการปกครองท้องถิ่นในรูป
ของเทศบาล เพ่ือให้เป็นรากฐานแห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย และปลูกฝัง
ให้ราษฎรเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของการปกครองในระบอบรัฐสภา จึงให้ประกาศพระราช
บัญญัติจดั ระเบยี บเทศบาล พทุ ธศกั ราช 2476

พระราชด�ำริส�ำคัญอีกประการหน่ึงคือระเบียบข้าราชการ พระบาทสมเด็จ ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 459
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชด�ำริท่ีจะวางระเบียบข้าราชการพลเรือนเป็นข้าราชการ
อาชพี โดยไมแ่ สวงหาผลประโยชน์ทางอนื่ เปดิ โอกาสให้ผ้มู คี วามร้ดู เี ข้ารบั ราชการ มรี ะบบ
สรรหาเป็นกลางและยุติธรรม มีระเบียบวินัยเป็นแบบแผนเดียวกันเพ่ือให้ข้าราชการได้รับ
ความเป็นธรรม รวมทง้ั มสี ิทธหิ รือหน้าท่ตี ่อราชการเสมอเหมอื นกนั

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำ� ริเรื่องการปกครองระบอบ
พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) ได้มีพระราชหัตถเลขา
ถึงพระยากลั ยาณไมตรี (Dr. Francis B. Sayre) ในหวั เรอ่ื ง “Problems of Siam” ประกอบ
ด้วยพระราชปุจฉา 9 ข้อ เก่ียวกับสภาพการณ์ทางการเมืองที่ประเทศไทยกำ� ลังเผชิญ
อยู่ในตอนต้นรัชกาล พระยากัลยาณไมตรีตอบพระราชปุจฉาทุกข้อ และได้ทูลเกล้าฯ
ถวายร่างรัฐธรรมนูญฉบับสั้น ๆ 12 มาตรา แสดงถึงโครงสร้างของรัฐบาลที่ควรจะเป็น
ตามความเหน็ ของพระยากลั ยาณไมตรี โดยใช้ชือ่ ว่า “Outline of Preliminary Draft”
นบั เป็นร่างรฐั ธรรมนญู ฉบบั แรก พ.ศ. 2469 ส่วนร่างรฐั ธรรมนญู ฉบบั ท่ี 2 นน้ั โปรดเกล้าฯ
ให้นายเรมอนด์ บ.ี สตเี วนส์ (Raymond B. Stevens) ทีป่ รกึ ษากระทรวงการต่างประเทศ
และพระยาศรวี สิ ารวาจา ปลดั ทูลฉลองกระทรวงการต่างประเทศร่วมกันยกร่าง แล้วเสร็จ
ในวันท่ี 9 มนี าคม พ.ศ. 2475 ก่อนเปลีย่ นแปลงการปกครองวนั ท่ี 24 มถิ ุนายน พ.ศ. 2475
เพียง 3 เดือนเศษเท่านั้น ร่างรัฐธรรมนูญน้ีเป็นภาษาอังกฤษมีชื่อว่า “An Outline of
Changes in the Form of Government” เนือ้ หาสำ� คัญคือกำ� หนดรูปแบบการปกครอง
ความสัมพันธ์ระหว่างอ�ำนาจบริหาร และนิติบัญญัติ ตลอดจนวิธีการเลือกต้ังและแต่งต้ัง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซ่ึงหลักการดังกล่าว ปรากฏอยู่ในพระราชบัญญัติธรรมนูญ
การปกครองแผ่นดนิ สยามชว่ั คราว พุทธศกั ราช 2475

อน่งึ ใน พ.ศ. 2475 กรุงรตั นโกสนิ ทร์ครบ 150 ปี ในโอกาสนพี้ ระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธฉี ลองพระนคร 150 ปี และโปรดให้สร้าง
สะพานสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ และพระบรมราชานสุ าวรยี พ์ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้
จุฬาโลกขึ้นเป็นทร่ี ะลึก

อยา่ งไรกต็ าม เชา้ ตรวู่ นั ที่ 24 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2475 ณ ลานพระทนี่ งั่ อนนั ตสมาคม
พระราชวงั ดสุ ติ พนั เอก พระยาพหลพลพยหุ เสนา (พจน์ พหลโยธนิ ) หวั หนา้ “คณะราษฎร”
อ่านประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 มีเนื้อหาโจมตีพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

460 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย ความไมเ่ หมาะสมของระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยแ์ ละความจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งเปลยี่ นแปลง
การปกครองไปสรู่ ะบอบพระมหากษตั รยิ อ์ ยภู่ ายใตร้ ฐั ธรรมนญู รวมทง้ั ประกาศหลกั 6 ประการ
ในการปกครอง คณะราษฎรสามารถยึดอ�ำนาจในกรุงเทพฯ ได้ แล้วจับกุมพระบรมวงศ์
และข้าราชการต�ำแหน่งส�ำคัญ ๆ ไว้เป็นตัวประกัน และได้มีหนังสือกราบบังคมทูลเชิญ
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ คนื สพู่ ระนคร เปน็ พระมหากษตั รยิ ์
ภายใต้รัฐธรรมนูญ วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎรนำ� ร่างพระราชบัญญัติ
ธรรมนูญการปกครองแผ่นดนิ สยาม พ.ศ. 2475 พร้อมด้วยร่างพระราชกำ� หนดนิรโทษกรรม
ในคราวเปลย่ี นแปลงการปกครองแผน่ ดนิ พทุ ธศกั ราช 2475 ขน้ึ ทลู เกลา้ ฯ ถวาย ณ วงั ศโุ ขทยั
เพื่อลงพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ลงพระปรมาภิไธยเฉพาะ
ร่างพระราชก�ำหนดนิรโทษกรรมในคราวเปล่ียนแปลงการปกครอง พุทธศักราช 2475
เพยี งฉบบั เดยี ว สว่ นรา่ งพระราชบญั ญตั ธิ รรมนญู การปกครองแผน่ ดนิ สยาม พทุ ธศกั ราช 2475
นน้ั ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ทรงรบั ไว้พจิ ารณาและโปรดเกล้าฯ นดั หมายให้คณะราษฎร
มาเฝา้ ในวนั รงุ่ ขนึ้ เมอ่ื ไดท้ รงพจิ ารณาโดยถถี่ ว้ นแลว้ ไดล้ งพระปรมาภไิ ธยและทรงเตมิ ค�ำวา่
“ช่ัวคราว” ในช่อื ของรฐั ธรรมนญู ฉบบั แรก พระราชบญั ญัตธิ รรมนญู การปกครองแผ่นดิน
สยามช่วั คราว พทุ ธศกั ราช 2475 ประกาศใช้วนั ที่ 27 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2475

เม่ือคณะราษฎรได้ปกครองประเทศระยะหนึ่ง หลักการและการกระท�ำ
บางประการของคณะราษฎรขดั แยง้ กบั พระราชดำ� รใิ นพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
กอปรกับพระพลานามัยเส่ือมลง และเสถียรภาพการเมืองที่ยังไม่มั่นคงนัก พระบาท
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชด�ำเนินไปผ่าตัดพระเนตรพร้อมด้วย
สมเด็จพระนางเจ้ารำ� ไพพรรณี พระบรมราชนิ ี ณ ประเทศองั กฤษ เม่ือวันที่ 12 มกราคม
พ.ศ. 2476 หลังจากทรงรับการผ่าตัดแล้ว ความขัดแย้งระหว่างพระองค์กับคณะรัฐบาล
ยังคงด�ำเนินต่อไป ในที่สุดพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราช
หตั ถเลขาสละราชสมบตั ิในวนั ท่ี 2 มนี าคม พ.ศ. 2477 ขณะประทบั ณ พระตำ� หนกั โนล
(Knowle House) เมอื งแครนลี (Cranleigh) มณฑลเซอร์เรย์ (Surrey) ประเทศอังกฤษ

หลังจากทรงสละราชสมบัติแล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและ
สมเด็จพระบรมราชินีประทับอยู่ท่ีประเทศอังกฤษ โดยทรงใช้พระนามและพระอิสริยยศ
เดิมคือ สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา และทรงย้าย
ทป่ี ระทบั จากพระต�ำหนกั โนล ซง่ึ มขี นาดใหญ่ ค่าเชา่ แพง และค่อนข้างทบึ ไมเ่ หมาะสมกบั

พระพลานามยั ไปประทบั ทพ่ี ระตำ� หนกั ใหมข่ นาดเลก็ ลง คอื พระตำ� หนกั “เกลน แพมเมนต”์ ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 461
(Glen Pamment) หลังจากประทับอยู่ท่ีพระต�ำหนักเกลน แพมเมนต์ ประมาณ 2 ปี
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยทรุดโทรมลง ทรงประชวร
ด้วยโรคพระหทัย ทรงซื้อพระต�ำหนักใหม่ขนาดเล็กลงชื่อ “เวนคอร์ต” (Vane Court)
เมื่ออังกฤษประกาศสงครามกบั เยอรมนีในสงครามโลกคร้ังที่ 2 พ.ศ. 2482 พระบาทสมเดจ็
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงย้ายไปประทับที่พระต�ำหนักคอมพ์ตัน (Compton House)
พระตำ� หนกั ขนาดเลก็ ทสี่ ดุ ในบรรดาพระตำ� หนกั ตา่ ง ๆ ทป่ี ระทบั มากอ่ น ดว้ ยสภาวะสงคราม
ความเป็นอย่ยู ากล�ำบาก ขาดแคลนอาหาร ต้องระวงั การโจมตที างอากาศ พระบาทสมเดจ็
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงย้ายที่ประทับช่ัวคราวไปอยู่ท่ีพระต�ำหนักสแตดดอน (Staddon)
นอร์ท เดวอน (North Devon) ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอังกฤษ ใน พ.ศ. 2483
พระสุขภาพพลานามยั ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั ทรดุ ลง ต้องทรงย้ายกลบั
ไปประทบั ณ พระตำ� หนกั คอมพ์ตนั (Compton House) อีกคร้งั จนกระทง่ั เสด็จสวรรคต
เม่ือวันท่ี 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 พระชนมายุ 48 พรรษา ทรงด�ำรงสริ ิราชสมบัติ 9 ปี

ธรี ะ นุชเปี่ยม
วรี วัลย์ งามสนั ตกิ ุล

เอกสารอา้ งองิ
1 ศตวรรษ ศภุ สวัสด์ิ 23 สงิ หาคม 2543. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พร้นิ ตงิ้ แอนด์พบั ลิชชิ่ง

จ�ำกดั (มหาชน), 2543.
พระราชบันทึกทรงเล่าในสมเด็จพระนางเจ้าร�ำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลท่ี 7.

นนทบรุ :ี สถาบนั พระปกเกล้า, 2545.
พระราชประวตั สิ มเดจ็ พระนางเจา้ รำ� ไพพรรณี พระบรมราชนิ ใี นรชั กาลที่ 7. กรงุ เทพฯ:

อมรนิ ทรพ์ รนิ้ ตงิ้ กรพุ๊ จ�ำกดั , 2531. (ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ มิ พพ์ ระราชทาน
ในงานพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าร�ำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลท่ี 7
ณ พระเมรุมาศท้องสนามหลวง วนั ท่ี 9 เมษายน พทุ ธศกั ราช 2528)
พระราชหตั ถเลขาทรงสละราชสมบตั .ิ พพิ ธิ ภณั ฑพ์ ระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
สถาบันพระปกเกล้า จดั พิมพ์

462 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย บทที่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั อานนั ทมหดิ ล

พระบรมสาทิสลักษณ์
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวอานนั ทมหดิ ล
ประดิษฐาน ณ มขุ กระสันตะวันออก พระท่ีน่งั จกั รมี หาปราสาท

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหดิ ลหรอื พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทร ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 463
มหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดินทร ทรงครองราชย์ พ.ศ. 2477 - พ.ศ. 2489 ทรงเป็น
พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย เสด็จข้ึนครองราชสมบัติขณะยังทรงพระเยาว์
ระหว่างนั้นประเทศไทยต้องเผชิญกับการสงคราม ทั้งสงครามอินโดจีนและสงครามมหา-
เอเชยี บรู พา พระองค์ประทบั อยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่เพื่อทรงศกึ ษาเล่าเรียน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเป็นพระโอรสองค์แรกของสมเด็จ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหดิ ลอดลุ เดช กรมหลวงสงขลานครนิ ทร์ (สมเดจ็ พระมหิตลา-
ธเิ บศร อดลุ ยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก) กับหม่อมสงั วาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สมเด็จ
พระศรีนครินทราบรมราชชนนี) เสด็จพระราชสมภพเม่ือวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468
(ตรงกับวนั พระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ) ณ โรงพยาบาล
เมืองไฮเดลแบร์ก (Heidelberg) ประเทศเยอรมนี

เมอื่ แรกประสตู ดิ ำ� รงพระยศหมอ่ มเจา้ ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานนั ทมหิดล พระองค์
มีพระเชษฐภคนิ ี 1 พระองค์ คอื หม่อมเจ้ากลั ยาณวิ ฒั นา (สมเดจ็ พระเจ้าพนี่ างเธอ เจ้าฟ้า
กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร)์ และพระอนชุ า 1 พระองค์ คอื พระวรวงศเ์ ธอ
พระองค์เจ้าภมู พิ ลอดุลยเดช (พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ภมู ิพลอดุลยเดช)

เมอ่ื พระชนกเสดจ็ กลบั ประเทศไทยเพอื่ รกั ษาพระอาการประชวร ใน พ.ศ. 2471
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดลได้เสด็จกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกพร้อม
พระชนนี พระเชษฐภคนิ ี และพระอนุชา ปีถดั มาพระชนกส้ินพระชนม์ พระองค์จงึ ประทบั ท่ี
เมืองไทยต่อ และทรงเร่ิมเข้ารบั การศึกษาชน้ั อนบุ าลท่โี รงเรยี นมาแตร์เดอวี ิทยาลยั ต่อมา
ใน พ.ศ. 2475 ทรงยา้ ยไปเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาทโ่ี รงเรยี นวดั เทพศริ นิ ทร์ เมอ่ื มกี ารเปลยี่ นแปลง
การปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยในปีเดียวกันน้ี สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจา้ ทรงเกรงวา่ ความผนั ผวนของเหตกุ ารณบ์ า้ นเมอื งอาจสง่ ผลกระทบ
ต่อพระนัดดา ประกอบกับเรื่องสุขภาพ จึงโปรดให้หม่อมสังวาลย์น�ำพระโอรส พระธิดา
เสดจ็ ไปประทบั ณ เมอื งโลซาน ประเทศสวติ เซอร์แลนด์ เพอ่ื รบั การศกึ ษาและเป็นผลดีต่อ
พระพลานามยั พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ อานนั ทมหดิ ล ไดท้ รงศกึ ษาทโี่ รงเรยี นเมยี รม์ องต์
(Ecole Miremont)

464 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย ระหวา่ งนท้ี เี่ มอื งไทยมกี ารเปลยี่ นแปลงทสี่ ำ� คญั คอื พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้
เจ้าอยู่หวั ทรงประกาศสละราชสมบตั ิ เม่ือวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 (นบั ตามแบบเก่า)
อีกทั้งทรงสละสิทธ์ิ ในการแต่งตั้งผู้สืบราชสมบัติตามกฎมณเฑียรบาล พ.ศ. 2467
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล ทรงอยู่ในลำ� ดับท่ี 1 ในการสืบสันตติวงศ์สภา
ผแู้ ทนราษฎรจงึ ลงมตเิ หน็ ชอบใหก้ ราบบงั คมทลู อญั เชญิ ขน้ึ ครองราชสมบตั ิ ทรงพระนามวา่
สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหดิ ล เปน็ พระมหากษตั รยิ ล์ ำ� ดบั ท่ี 8 แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์
ขณะพระชนมายุ 8 พรรษา 5 เดอื น 11 วนั โดยมพี ลเอก พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื อนวุ ตั ร
จาตรุ นต์ นาวาตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทติ ย์ทพิ อาภา และเจ้าพระยายมราช
(ปน้ั สขุ มุ ) เปน็ คณะผสู้ ำ� เรจ็ ราชการแทนพระองค์ มพี ระราชชนนถี วายพระอภบิ าล พระบาท
สมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั อานนั ทมหดิ ลยงั คงประทับทเี่ มืองโลซานเพื่อทรงศึกษา ใน พ.ศ. 2478
ทรงยา้ ยไปเรยี นทโ่ี รงเรยี นเอกอล นแู วล เดอ ลา ซอื อสิ โรมองด์ (Ecole Nouvelle de la Suisse
Romande) พรอ้ มพระอนชุ า โดยทรงศกึ ษาในสายศลิ ป์ ทรงศกึ ษาภาษาละตนิ และภาษาองั กฤษ
พร้อมกันนั้น ก็ทรงศึกษาภาษาฝร่ังเศสและภาษาเยอรมันเพราะเป็นภาษาบังคับด้วย
ทรงศึกษาจนจบหลกั สตู รและได้รบั ประกาศนียบัตร Diplmô e de Bachelierès Lettres

พระราชชนนที รงอภบิ าลพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหดิ ลเปน็ อยา่ งดี
พร้อมทรงปฏิบัติต่อพระธิดาและพระโอรสคล้ายคลึงกัน พระองค์เอาพระทัยใส่ในเรื่อง
สขุ ภาพ ทรงปลกู ฝงั ใหร้ กั การศกึ ษา มคี ณุ ธรรม มวี นิ ยั มคี วามรบั ผดิ ชอบ ใหเ้ รยี นภาษาไทย
วฒั นธรรมไทย ประวตั ิศาสตร์ไทย พระพุทธศาสนา และให้รู้จกั ความเป็นไทย รักเมืองไทย
เพื่อเตรียมพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ท่ีดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
เสด็จนิวัตประเทศไทยคร้ังแรกพร้อมพระราชชนนี พระเชษฐภคินี และพระอนุชา
ระหวา่ งวนั ท่ี 15 พฤศจกิ ายน - 13 มกราคม พ.ศ. 2481 ตามค�ำกราบบงั คมทลู เชญิ ของรฐั บาล
ในปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ไทยสามารถยกเลิกสนธิสัญญาท่ีไม่เท่าเทียมกันที่ผูกมัดไทยด้วย
เรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขต อัตราภาษีท่ีต่�ำตามสนธิสัญญาเบาว์ริงได้อย่างสมบูรณ์
ขณะเสดจ็ นวิ ตั ประเทศไทย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหดิ ลมพี ระชนมายุ 13 พรรษา
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ซ่ึงขณะนั้นประทับท่ีเกาะปีนัง
และทรงได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนท่ีจะเสด็จถึงประเทศไทย

ทรงกล่าวถึงด้วยความช่ืนชม ดังความตอนหน่ึงว่า “...สมเด็จพระอานันทมหิดลน้ัน ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 465

พระกิริยาอัธยาศัย หรือ...พระอุปนิสัยดีมาก มีเค้าทรงสติปัญญาผิดเด็กสามัญ

และรจู้ กั วางพระองคพ์ อเหมาะแกก่ ารเปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ ทยี่ งั ทรงพระเยาว์ ใคร ๆ

ได้เข้าใกล้แล้วมีแต่ชอบและสรรเสริญกันทุกคน...” และทรงช่ืนชมสมเด็จพระศรี-
นครนิ ทราบรมราชชนนใี นการอภบิ าลทด่ี ดี ว้ ย รฐั บาล ซง่ึ มพี นั เอก พระยาพหลพลพยหุ เสนา
(พจน์ พหลโยธิน) เป็นนายกรัฐมนตรี ได้รับเสด็จอย่างสมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หวั อานนั ทมหดิ ลมีพระราชด�ำรัสตอบความตอนหนึ่งว่า

“...ข้าพเจ้ายินดีมากที่ได้กลับมาเย่ียมเมืองไทยที่ข้าพเจ้ารักและคิดถึง

อยูเ่ สมอ...ขอให้ประชาชนอย่เู ยน็ เปน็ สุขในความร่มเย็นของรัฐธรรมนญู ท่ัวกัน...”

ระหว่าง 59 วันที่เสด็จประทับในเมืองไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อานันทมหดิ ลได้ปฏิบัตพิ ระราชกรณยี กิจท่ีส�ำคญั หลายประการ เช่น เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ
ในการพระราชพิธีสมโภชในวโรกาสเสด็จนิวัตพระนคร ณ พระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย
ในการน้ีมีการประกาศสถาปนาพระราชชนนีเป็น “สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์”
เจ้านายฝ่ายเหนอื คือ เชียงใหม่ ล�ำพูน น่าน เข้าเฝ้าทลู ละอองธุลพี ระบาท ทรงพระกรณุ า
โปรดเกล้าฯ พระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ พระราชทานธงประจ�ำกองลูกเสือ
ทรงเปดิ งานฉลองรฐั ธรรมนญู ประทบั สามลอ้ พระทน่ี งั่ ทอดพระเนตรงาน ทอดพระเนตรการ
ประกอบอาชพี ของราษฎร เช่น การทำ� นา จับปลา ระหว่างท่ปี ระทบั ในพระนคร ประชาชน
ที่ทราบข่าวจะคอยเฝ้ารับเสด็จทุกแห่งก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
จะเสด็จกลับไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อทรงศึกษาต่อ มีพระราชด�ำรัสต่อประชาชนทางวิทยุ
กระจายเสยี งความตอนหนงึ่ วา่ “...ขา้ พเจา้ จะตง้ั ใจเรยี นจนสำ� เรจ็ เพอื่ จะไดม้ าสนองคณุ

ชาตทิ ีร่ ักของเรา ในการทข่ี ้าพเจา้ จะลาท่านไปน้ี ขา้ พเจา้ ขออวยพรใหท้ ่านทั้งหลาย

มคี วามสุขความเจริญทว่ั กนั ...”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลพร้อมสมเด็จพระราชชนนีฯ
พระเชษฐภคนิ ี และพระอนชุ า เสดจ็ ถงึ สวติ เซอรแ์ ลนดใ์ นตน้ เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2481 แมว้ า่
จะมีเหตกุ ารณ์ร้ายแรงเกดิ ขึน้ ในสงั คมโลก แต่พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวอานนั ทมหดิ ล

466 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย ก็ทรงมุ่งม่ันและให้ความส�ำคัญกับการศึกษาดังที่ทรงให้ค�ำม่ันสัญญาไว้ ใน พ.ศ. 2486
เมื่อทรงสำ� เรจ็ ช้ันมธั ยมศกึ ษาจากโรงเรยี นเดมิ ทรงเข้าศกึ ษาวิชานติ ศิ าสตร์ทมี่ หาวทิ ยาลยั
โลซาน 2 ปีต่อมาทรงสอบไล่ได้ Semi doctoral en Droit และต้งั พระราชหฤทยั จะศกึ ษา
ระดับปรญิ ญาเอกต่อไป

สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 สน้ิ สุดในเดือนสงิ หาคม พ.ศ. 2488 ถงึ วนั ท่ี 20 กันยายน
พ.ศ. 2488 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลก็ทรงบรรลุนิติภาวะ และเสด็จ
นิวัตประเทศไทยเป็นคร้ังท่ี 2 ตามค�ำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาล เพื่อเยี่ยมเยือนและ
บ�ำรุงขวัญประชาชนเม่ือวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2488 โดยมีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จ
อย่างเนืองแน่น ต่อมาในวันท่ี 10 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญ มีพระราชดำ� รัสต่อ
ประชาชนความตอนหน่งึ ว่า

...ข้าพเจ้าเช่ือว่า ถ้าคนไทยทุกคนถือว่าตนเป็นเจ้าของชาติบ้านเมือง และ
ต่างปฏิบัติหน้าท่ีของตนให้ดีด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต และถูกต้องตามท�ำนองคลองธรรม
แล้ว ความทุกข์ยากของบ้านเมืองก็จะผ่านพ้นไปได้ ข้าพเจ้าจึงขอร้องให้ท่านทุกคนได้
ช่วยกนั ท�ำหน้าท่ขี องตนโดยขนั แข็งและขอให้มคี วามสามัคคกี ลมเกลยี วกนั จรงิ ๆ เพ่ือชาติ
จะได้ด�ำรงอยู่ในความวฒั นาถาวรสบื ไป...

ระหว่างน้ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลทรงปฏิบัติพระราช
กรณียกิจมากมาย เช่น เสด็จพระราชด�ำเนินตรวจพลสวนสนามของกองทัพพันธมิตร
พร้อมกบั ลอร์ด หลยุ ส์ เมานต์แบตเทน (Lord Louis Mountbatten) ผู้บญั ชาการทหารฝ่าย
พนั ธมิตรในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ณ ท้องสนามหลวง เสดจ็ พระราชดำ� เนินเยีย่ มราษฎร
ในหลายจงั หวดั เสดจ็ พระราชดำ� เนินไปพระราชทานปรญิ ญาบตั รแก่บณั ฑติ มหาวิทยาลัย
ต่าง ๆ เสด็จประพาสส�ำเพ็ง ซ่ึงท�ำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันระหว่างคนไทยกับคนจีน
หลังเกิดความร้าวฉานจนมีการต่อสู้กันในเดือนกันยายน พ.ศ. 2488 การเสด็จคร้ังน้ัน
มชี าวจนี ไทย แขก ตั้งแถวรบั เสด็จด้วยความจงรกั ภักดอี ย่างเนืองแน่น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงก�ำหนดกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เพ่ือศึกษาต่อระดับปริญญาเอกทางด้านกฎหมายในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2489
แต่ในวันท่ี 9 มิถุนายน ก่อนการเสด็จกลับเพียง 4 วัน ได้เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืน
ในที่พระบรรทม ขณะพระชนมายุเพียง 20 พรรษา 9 เดือน ยังความโศกเศร้าอาลัยแก่
คนไทยท้งั มวลทุกเช้ือชาติ ศาสนา

รัฐบาลได้ให้ความเห็นชอบอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 467
อดุลยเดช ข้ึนครองราชสมบัติต่อ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หวั อานันทมหดิ ล มขี นึ้ ในวนั ท่ี 29 มีนาคม พ.ศ. 2493 ณ ท้องสนามหลวง

ตอ่ มาใน พ.ศ. 2539 พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทรงประกาศ
เฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลอย่างสังเขปว่า
“พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอฐั มรามาธิบดนิ ทร”

อน่ึง รัฐบาลได้ก�ำหนดให้วันท่ี 20 กันยายนของทุกปี ซ่ึงตรงกับวันเสด็จ
พระราชสมภพ เป็นวนั เยาวชนแห่งชาติ

วุฒิชัย มลู ศิลป์

เอกสารอา้ งอิง
กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้า.

เจ้านายเล็กๆ - ยุวกษัตริย์. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์, 2530. (จัดพิมพ์
เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเจริญ
พระชนมายุ 60 พรรษา 5 ธันวาคม 2530)
________. แมเ่ ลา่ ใหฟ้ ัง. กรงุ เทพฯ: ส�ำนกั ราชเลขาธกิ าร, 2538.
รอง ศยามานนท์. ประวตั ิศาสตรไ์ ทยในระบอบประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นา
พานชิ , 2520.
ราชบัณฑิตยสถาน. ใต้ร่มพระบารมีจักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช. กรุงเทพฯ:
ราชบณั ฑติ ยสถาน, 2547.
วุฒิชัย มูลศิลป์ และคณะ. พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: เกรท
เอด็ ดูเคช่นั , ม.ป.ป.

468 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย บทที่

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวภูมพิ ลอดลุ ยเดช

พระบรมฉายาลกั ษณ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมพิ ลอดุลยเดช
เสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ สหี บญั ชร พระทน่ี ง่ั อนนั ตสมาคม พระราชวังดุสติ
เนื่องในพระราชพิธฉี ลองสริ ิราชสมบัตคิ รบ 60 ปี วนั ที่ 9 มิถนุ ายน พ.ศ. 2549

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช พระมหากษตั รยิ ์รชั กาลที่ 9 แห่ง ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 469
พระราชวงศ์จักรี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ทค่ี รองราชสมบตั ยิ าวนานทส่ี ดุ ในประวตั ศิ าสตร์
ชาตไิ ทย พระองคเ์ ปน็ พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหติ ลาธิเบศร อดุลยเดชวกิ รม
พระบรมราชชนกกบั สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี เสดจ็ พระราชสมภพเมอื่ วนั จนั ทรท์ ี่
5 ธนั วาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาลเมานต์ออเบริ ์น (Mount Auburn) เมอื งเคมบริดจ์
รัฐแมสซาชูเซตต์ (Massashusetts) ประเทศสหรัฐอเมริกา เม่ือแรกประสูติมีพระนามว่า
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช มีพระเชษฐภคินีและพระบรมเชษฐาธิราช
คือ สมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
(6 พฤษภาคม 2466 - 2 มกราคม 2551) และพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั อานนั ทมหิดล
พระอฐั มรามาธบิ ดินทร

เมือ่ สมเดจ็ พระบรมราชชนกประชวรสวรรคตในวนั ท่ี 24 กนั ยายน พ.ศ. 2472
ขณะน้ันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมพรรษาไม่ถึง 2 พรรษา ใน พ.ศ. 2475
ขณะมีพระชนมพรรษา 5 พรรษา ได้เสด็จเข้าทรงศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย
จนกระทั่ง พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินี และ
สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ไปประทับท่ีเมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงศึกษา
ทีโ่ รงเรยี นเมยี ร์มองต์ (Ecole Miremont) แล้วทรงศึกษาต่อทโ่ี รงเรยี นเอกอล นแู วล เดอ ลา
ซืออิส โรมองด์ (Ecole Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายยี ซูร โลซาน
(Chailly-sur Lausanne) พ.ศ. 2481 ทรงจบการศกึ ษาจากโรงเรยี นยมิ นาสคลาสสคิ กอ็ งโตนาล
(Gymnase Classique Cantonal) แหง่ เมอื งโลซาน ทรงไดร้ บั ประกาศนยี บตั รทางอกั ษรศาสตร์
จากนน้ั ทรงเข้าศกึ ษาต่อในมหาวทิ ยาลยั โลซาน แผนกวชิ าวทิ ยาศาสตร์

ในวันท่ี 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง
สละราชสมบตั ิ รฐั บาลได้กราบทูลเชิญพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เสด็จขึ้น
ครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลใน พ.ศ. 2477 และพระวรวงศ์เธอ
พระองคเ์ จา้ ภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงไดร้ บั สถาปนาเปน็ สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ ภมู พิ ล
อดลุ ยเดช

470 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย ตอ่ มาในวนั ที่ 9 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2489 สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหดิ ลสวรรคต
ณ พระที่นั่งบรมพิมาน รัฐบาลโดยความเห็นชอบของรัฐสภาจึงอัญเชิญสมเด็จพระเจ้า
น้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติในวันเดียวกันขณะที่มี
พระชนมพรรษายังไม่เต็ม 19 พรรษา และยังทรงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยโลซาน เมื่อ
จัดการพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลแล้ว พระองค์ได้เสด็จกลับไป
ทรงศกึ ษาต่อทป่ี ระเทศสวติ เซอร์แลนด์ในวนั ท่ี 19 สิงหาคม พ.ศ. 2489

เมอ่ื เสดจ็ กลบั ไปทรงศกึ ษาตอ่ นนั้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั วา่
พระองคจ์ ะตอ้ งเปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ ปกครองประชาชนใหร้ ม่ เยน็ เปน็ สขุ จงึ ทรงเปลยี่ นแนวทาง
การศึกษาใหม่ จากวิชาวิทยาศาสตร์มาเป็นวิชาสังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์
(Licence et Doctoratès Sciences Sociales) ท้ังน้ีเพื่อจะเป็นประโยชน์ในการท่ีจะทรง
ด�ำรงฐานะพระมหากษัตริย์ต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัตประเทศไทย
เม่ือวันท่ี 24 มีนาคม พ.ศ. 2493 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำ� หนดพระราชพิธี
ถวายพระเพลงิ พระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั อานนั ทมหิดลในวนั ที่ 29 มีนาคม
พ.ศ. 2493 แลว้ กำ� หนดจดั พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกสมรสกบั หมอ่ มราชวงศส์ ริ กิ ติ ์ิ กติ ยิ ากร
ณ พระตำ� หนักสมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทิราบรมราชเทวี พระพนั วัสสาอยั ยกิ าเจ้า วงั สระปทุม
เมอื่ วนั ท่ี 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ครนั้ วนั ท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ
ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีข้ึน ณ พระท่ีน่ัง
ไพศาลทักษณิ ในพระบรมมหาราชวงั ในการพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษกนี้ พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์จะมีพระบรมราชโองการครั้งแรกหลังจากที่ทรงรับราชาภิเษก
เป็นพระเจ้าแผ่นดนิ โดยสมบรู ณ์ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวภมู ิพลอดลุ ยเดชมีพระบรม
ราชโองการแก่ประชาชนชาวไทยว่า “เราจะครองแผ่นดนิ โดยธรรม เพ่ือประโยชนส์ ุข
แห่งมหาชนชาวสยาม” แล้วทรงหลั่งทักษิโณทกต้ังพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติ
พระราชกรณยี กจิ ปกครองราชอาณาจกั รไทยโดยทศพธิ ราชธรรมจรยิ า โดยมพี ระปรมาภไิ ธย
จารกึ ในพระสพุ รรณบฏั วา่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มหติ ลาธเิ บศร
รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร พระปฐมบรมราชโองการ
ในวันบรมราชาภิเษกนี้ แม้จะส้ันแต่ก็ได้ความลึกซ้ึง อันแสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธาน
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงปกครองบ้านเมืองด้วยหลักทศพิธราชธรรม

เพ่ือประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์ และนับแต่น้ันมาตลอดระยะเวลาแห่งการครอง ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 471
สิริราชสมบัติได้ทรงอุทิศก�ำลังพระวรกายและก�ำลังพระสติปัญญาเพื่อประโยชน์สุข
ของประชาชนตลอดมา ทรงตง้ั พระราชปณธิ านว่าจะเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ทรงเยยี่ มราษฎร
ในต่างจังหวัดให้ท่ัวประเทศโดยเร่ิมท่ีภาคกลางก่อน แล้วจะเสด็จยังภาคอื่น ๆ จนครบ
ทกุ ภาค การเสดจ็ เยยี่ มราษฎรตามพระราชปณธิ านนเี้ องทท่ี ำ� ใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
ทรงทราบถึงทุกข์สุขและความเป็นอยู่ของราษฎร จนน�ำมาซึ่งโครงการอันเน่ืองมาจาก
พระราชด�ำริต่าง ๆ ที่ครอบคลุมปัญหาทุกด้านของประชาชน ก่อให้เกิดความผูกพัน
และความจงรักภักดีท่ีประชาชนมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จนกลายเป็นเอกลักษณ์
ทส่ี �ำคัญของประเทศไทยซง่ึ ไม่มชี าตใิ ดเสมอเหมอื น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีฐานะเป็นองค์พระประมุขของชาติตาม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และทรงมีกรอบในการปฏิบัติพระราชภารกิจและ
พระราชกรณยี กจิ ตา่ ง ๆ เพอ่ื ความผาสกุ ของราษฎร การด�ำรงฐานะพระมหากษตั รยิ ใ์ นระบอบ
ประชาธิปไตยน้ัน ท�ำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการ
แผ่นดินได้น้อยตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญดังที่มีค�ำกล่าวว่า “พระมหากษัตริย์
ทรงปกเกล้า แต่มิได้ทรงปกครอง” และจะต้องวางพระองค์เป็นกลางทางการเมือง
ซึ่งแม้พระราชอ�ำนาจทร่ี ะบุไว้ในรัฐธรรมนูญจะมีอยู่อย่างจ�ำกดั แต่เนือ่ งจากความสัมพนั ธ์
ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับประชาชนเป็นไปอย่างแน่นแฟ้น จึงมีพระราชสถานะและ
พระราชอำ� นาจตามจารตี ประเพณที ค่ี นสว่ นใหญย่ อมรบั โดยทไี่ มไ่ ดบ้ ญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญู
เพราะทรงอยู่ในฐานะท่ีทรงเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของประชาชนชาวไทย จึงทรงเป็น
ประมุขหรือผู้น�ำท่ีเปี่ยมด้วยพระบารมี พระราชอ�ำนาจของพระองค์ตามจารีตประเพณี
จึงเกิดจากพระบารมีอย่างแท้จริง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีบทบาทส�ำคัญ
ในการสร้างความปรองดองของชนในชาติ ยามท่ีบ้านเมืองเกิดวิกฤตการณ์ และไม่มีผู้ใด
สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว ประชาชนทุกคนคาดหวังว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จะทรงแก้ไขปัญหาได้ ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์เมื่อวันท่ี 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และ
เหตกุ ารณ์เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. 2535 ซงึ่ คนไทยต้องเผชิญหน้ากันเองน้ัน พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวได้ใช้พระบารมีจนท�ำให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยได้ ซ่ึงไม่มี
พระมหากษตั รยิ ์หรือประมุขของรฐั ใดทีจ่ ะท�ำได้เช่นนี้

472 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้พระราชทานแนวพระราชดำ� ริ
เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาสำ� คญั ของชาตหิ ลายประการ เชน่ พระราชดำ� รเิ รอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพยี งซง่ึ ได้
พระราชทานพระราชดำ� รสั เรอื่ งความพอควร พออยู่ พอกนิ มคี วามสงบมาตง้ั แต่ พ.ศ. 2517
ดงั พระราชดำ� รสั ทพ่ี ระราชทานแก่คณะผู้แทนสมาคม องค์การศาสนา ครู นกั เรียนโรงเรียน
ต่าง ๆ นักศึกษามหาวิทยาลัยท่ีเข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลเน่ืองในโอกาสวันเฉลิม
พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั พระราชวงั ดุสิต เม่ือวนั พุธท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ว่า

ทง้ั น้ี คนอนื่ จะวา่ อยา่ งไรกช็ า่ งเขา จะวา่ เมอื งลา้ สมยั วา่ เมอื งไทยเชย วา่ เมอื งไทย
ไม่มสี ง่ิ ทส่ี มัยใหม่ แต่เราอยู่พอมพี อกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาทจี่ ะให้เมอื งไทย
พออยู่พอกิน มคี วามสงบและท�ำงานต้ังจติ อธษิ ฐาน ตง้ั ปณิธานในทางน้ี ที่จะให้เมืองไทย
อยู่แบบพออยู่พอกนิ ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามคี วามพออยู่พอกิน มีความสงบ
เปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินน้ีได้ เราก็จะยอดย่ิงยวดได้
ประเทศตา่ ง ๆ ในโลกนก้ี ำ� ลงั ตก กำ� ลงั แย่ กำ� ลงั ยงุ่ เพราะแสวงหาความยงิ่ ยวดทงั้ ในอำ� นาจ
ทง้ั ในความกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกจิ ทางอตุ สาหกรรม ทางลทั ธิ ฉะนนั้ ถา้ ทกุ ทา่ นซง่ึ ถอื วา่ เปน็
ผู้ที่มคี วามคดิ และมีอิทธิพล มีพลังทจี่ ะท�ำให้ผู้อ่นื ซง่ึ มีความเหน็ เหมือนกัน ช่วยกันรักษา
สว่ นรวมใหอ้ ยดู่ กี นิ ดพี อสมควร ขอยำ�้ พอควร พออยพู่ อกนิ มคี วามสงบ ไมใ่ หค้ นอน่ื มาแยง่
คุณสมบัตจิ ากเราไปได้ กจ็ ะเป็นของขวัญวนั เกิดท่ีถาวร ทจ่ี ะมคี ณุ ค่าอยู่ตลอดเวลา

พระราชด�ำรัสน้ีแสดงให้เห็นถึงพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เมื่อประเทศไทย
เกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงต้ังแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ซึ่งส่งผลกระทบ
ต่อสังคมไทยในวงกว้าง ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่จนถึงประชาชนในชนบท จนท�ำให้การ
ด�ำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศต้องตกอยู่ใต้อ�ำนาจการก�ำกับ
และการควบคมุ ของกองทนุ การเงนิ ระหวา่ งประเทศ หรอื IMF (International Monetary Fund)
ภายใต้สถานการณ์เช่นน้ี ประเทศไทยจำ� เป็นต้องแสวงหา มาตรการแก้ไขปัญหาเพือ่ ความ
อยรู่ อดของประเทศ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทาน
แนวพระราชด�ำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นแนวทางในการด�ำเนินชีวิตแก่คนไทย
โดยเน้นการพึ่งตนเองเป็นหลัก และมีจุดเริ่มต้นที่การฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริม
ความสามัคคี ของชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนสามารถด�ำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นปกติสุข
ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชด�ำรัสแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าถวาย

ชัยมงคลเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 473
พ.ศ. 2540 ว่า “การจะเป็นเสือน้ันมันไม่ส�ำคัญ ส�ำคัญอยู่ท่ีเราพออยู่พอกิน
และมีเศรษฐกิจ การเป็นอยู่แบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกิน หมายความว่า
อมุ้ ชตู วั เองไวใ้ หม้ คี วามพอเพยี งกบั ตวั เอง” มพี ระราชดำ� รวิ า่ “ถา้ สามารถทจี่ ะเปลยี่ น
ใหก้ ลบั เปน็ เศรษฐกจิ แบบพอเพยี ง ไมต่ อ้ งทง้ั หมด แมจ้ ะไมถ่ งึ ครงึ่ อาจจะเศษหนงึ่
สว่ นสี่ กจ็ ะสามารถทจ่ี ะอยไู่ ด”้ และในปตี อ่ มาไดพ้ ระราชทานพระราชดำ� รสั แกค่ ณะบคุ คล
ตา่ ง ๆ ทเี่ ขา้ เฝา้ ฯ ถวายชยั มงคล เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั
พระราชวงั ดสุ ติ เมื่อวนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 โดยทรงอธิบายถึงการปฏิบตั ิตามหลัก
เศรษฐกิจพอเพยี งว่า

...ควรจะปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียงไม่ต้องทั้งหมด เพียงครึ่งหนึ่งก็ใช้ได้
แม้จะเป็นเศษหน่ึงส่วนสี่ก็พอ หมายความว่าวิธีปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียงนั้น
ไมต่ อ้ งทำ� ทงั้ หมด และขอเตมิ วา่ ถา้ ทำ� ทง้ั หมดกจ็ ะทำ� ไมไ่ ด้ ถา้ ครอบครวั หนงึ่ หรอื แม้
หมู่บ้านหน่ึงท�ำเศรษฐกิจพอเพียงร้อยเปอร์เซ็นต์ก็จะเป็นการถอยหลังถึงสมัยหิน
สมัยคนอยู่ในอุโมงค์หรือในถ้�ำ ซึ่งไม่ต้องอาศัยหมู่บ้านอื่น เพราะว่าหมู่อ่ืนก็เป็น
ศตั รทู งั้ นนั้ ตกี นั ไมใ่ ชร่ ว่ มมอื กนั จงึ ตอ้ งทำ� เศรษฐกจิ พอเพยี ง แตล่ ะคนตอ้ งหาทอ่ี ยู่
กห็ าอโุ มงคห์ าถำ้� ตอ้ งหาอาหาร คอื ไปเดด็ ผลไมห้ รอื ใบไมต้ ามทม่ี ี หรอื ไปใชอ้ าวธุ ที่
ไดส้ รา้ งไดป้ ระดษิ ฐเ์ อง ไปลา่ สตั ว์ กลมุ่ ทอ่ี ยใู่ นอโุ มงคใ์ นถำ้� นน้ั กม็ เี ศรษฐกจิ พอเพยี ง
100 เปอร์เซ็นต์ ก็ปฏิบตั ไิ ด้

ต่อมารัฐบาลได้อัญเชิญแนวพระราชด�ำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญา
นำ� ทางในการพฒั นาและการบรหิ ารประเทศ โดยบรรจไุ วใ้ นแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม
แหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2545 - พ.ศ. 2549) และฉบบั ท่ี 10 (พ.ศ. 2550 - พ.ศ. 2554) นอกจากน้ี
แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ยังบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศกั ราช 2550 อกี ด้วย

แนวพระราชดำ� รสิ �ำคญั อกี ประการหนงึ่ ทพี่ ระราชทานเพอื่ แก้ไขปัญหาของชาติ
คือ พระราชด�ำริในการแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
หลกั การเข้าใจ เข้าถงึ พัฒนา โดยได้พระราชทานหลักปฏบิ ัติในการแก้ไขปัญหาแก่รฐั บาล
เมอื่ พ.ศ. 2547 วา่ “ใหพ้ ยายามทำ� ความเขา้ ใจปญั หา เขา้ ถงึ ประชาชน และรว่ มกนั พฒั นา”

474 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย นับว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีบทบาทส�ำคัญอย่างย่ิงในการสร้าง
ความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทยท้ังในยามปกติและในภาวะวิกฤต ท้ังนี้ โดยการ
ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยพระองคเ์ องและพระราชทานแนวพระราชดำ� รใิ หผ้ ทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ งรบั ไปปฏบิ ตั ิ ซง่ึ เปน็
แนวทางทจี่ ะทำ� ใหส้ งั คมโดยรวมอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสงบสขุ ในทสี่ ดุ การสรา้ งความปรองดองให้
เกดิ ขนึ้ ในสงั คมนนั้ สงิ่ สำ� คญั คอื ความเปน็ ธรรมทรี่ าษฎรพงึ ไดร้ บั อยา่ งเทา่ เทยี มกนั พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีบทบาทในการพระราชทานความเป็นธรรมแก่ราษฎรตลอดมา
ทั้งการใช้พระราชอำ� นาจในการพระราชทานอภัยโทษ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
ไทยและกฎหมายอ่ืน ๆ พระองค์ใส่พระทัยเรื่องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแก่นักโทษ
ซ่ึงต้องโทษเป็นอันมาก ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณเก่ียวกับชีวิตและอิสรภาพของราษฎร
โดยตรง เพอื่ ใหป้ ระชาชนของพระองคท์ ตี่ อ้ งโทษไดม้ โี อกาสกลบั ตวั ประพฤตติ นเปน็ พลเมอื งดี
และกลับมาบ�ำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ครอบครวั และประเทศชาตติ ่อไป

นอกจากน้ี ยังได้พระราชทานความช่วยเหลือในเร่อื งท่รี าษฎรทลู เกล้าฯ ถวาย
ฎีการ้องทุกข์ต่าง ๆ ที่ไม่เก่ียวข้องกับคดีความด้วย นับตั้งแต่เสด็จข้ึนครองราชสมบัติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะ
พระมหากษัตริย์นักพัฒนาด้วยการทุ่มเทก�ำลังพระวรกายและก�ำลังพระสติปัญญาเพ่ือ
พสกนิกรของพระองค์ ปรากฏให้เห็นเป็นพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาเพ่ือบำ� บัดทุกข์
และบำ� รงุ สขุ ของประชาชนตามโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชด�ำรจิ ำ� นวนมาก ซงึ่ ไดเ้ รม่ิ ตน้
ตงั้ แต่ พ.ศ. 2494 เป็นต้นมา

พระราชกรณียกิจในช่วงสมัยต้น ๆ แห่งการครองราชสมบัติเป็นลักษณะของ
การพฒั นาสงั คม เช่น การรณรงค์หาทนุ เพ่อื ก่อสร้างอาคารพยาบาล การต่อสู้โรคเรอ้ื นของ
มลู นธิ ริ าชประชาสมาสยั การจดั ตง้ั โรงเรยี นสงเคราะหเ์ ดก็ ยากจน การเสดจ็ แปรพระราชฐาน
ไปประทับในต่างจังหวัด เป็นโอกาสให้พระองค์ทรงรับรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่อย่างแท้จริง
ของประชาชน พระราชกรณียกิจของพระองค์จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาสภาพความเป็นอยู่
ของประชาชน และการป้องกันปัญหาท่ีจะเกิดข้ึน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็น
ประจักษ์ว่า ความทุกข์ของประชาชนไทยมิได้มีเพียงในชนบทที่ห่างไกลเท่าน้ัน แม้แต่ใน
กรุงเทพมหานครก็ยังมีปัญหาที่ท�ำให้ต้องพระราชทานแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยเช่นกัน
ท้ังปัญหาน้�ำท่วมและปัญหาการจราจร งานพัฒนาดังกล่าวนี้เป็นส่วนที่สามารถช่วยให้
การบริหารราชการแผ่นดนิ ของทางราชการด�ำเนินไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทอดพระเนตรการเรยี นการสอน ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 475
ของโรงเรียนราชประชาสมาสัยซึ่งโปรดเกลา้ ฯ ให้จดั ตงั้ ขึ้น

ส�ำหรบั สอนบุตรหลานผู้ป่วยโรคเรื้อน

พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั มพี ระราชปฏสิ ันถารกบั ราษฎร
เพอ่ื ทรงทราบปัญหาและความเดอื ดรอ้ นโดยตรง

476 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย แนวพระราชดำ� รทิ พี่ ระราชทานเพอ่ื นำ� ไปปฏบิ ตั ริ วมทงั้ ทท่ี รงปฏบิ ตั เิ ปน็ ตวั อยา่ ง
มหี ลกั ใหญ่ 2 ประการ คอื พฒั นาความเป็นอยู่เพื่อให้ราษฎรมีความม่ันคงทางเศรษฐกิจ
หรือมีปัจจัย 4 เพียงพอในการด�ำรงชีวิต และพัฒนาคนให้มีคุณภาพ มีความสามารถ
ในการประกอบการงานเพื่อสร้างความม่ันคงให้ชีวิต โดยทรงมุ่ง “หลักการพึ่งตนเอง”
ทรงเน้นความสามัคคีที่ทำ� ให้การร่วมกันประกอบกิจกรรมใด ๆ ก็ตามประสบความสำ� เร็จ
การดำ� เนนิ โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� รติ า่ ง ๆ จงึ ทรงเนน้ การอยรู่ วมกลมุ่ เพอื่ รว่ มกนั
แก้ปัญหาและพฒั นากจิ กรรมต่าง ๆ ให้ไปสู่เป้าหมายท่ีวางไว้ และด้วยนำ้� พระราชหฤทัย
ท่ีเปี่ยมด้วยพระเมตตาต่อราษฎรและพระวิสัยทัศน์ท่ียาวไกล จึงเป็นส่วนส�ำคัญอย่างยิ่ง
ในการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของราษฎรไทย

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ ใ์ นระบอบประชาธปิ ไตย
ท่ีมีบทบาทอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องในการพัฒนาชาติและพัฒนาคน เสมือนว่าพระองค์
ทรงดำ� รงอยใู่ นฐานะ “ทป่ี รกึ ษาของชาต”ิ โดยทรงยดึ ถอื ประโยชนส์ ขุ ของประชาชนเปน็ ทตี่ ง้ั
ซึ่งเป็นบทบาทที่ไม่ได้พบเห็นในประเทศใดในโลกท่ีปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
อนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ

การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนซึ่งเป็นเร่ืองที่พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติอย่างหนักและต่อเน่ืองมาโดยตลอด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
และสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีข้ึนในทุกด้านโดยเฉพาะผู้ยากไร้ในชนบท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมุ่งเน้นเร่ืองการเกษตร ซ่ึงเป็นอาชีพหลักของราษฎร
ทั้งประเทศ โดยทรงให้ความสำ� คญั ต่อการพัฒนาทรพั ยากรและส่งิ แวดล้อม เช่น แหล่งนำ้�
ดิน และป่าไม้ ทรงตระหนักว่าน้�ำเป็นปัจจัยส�ำคัญย่ิงและเป็นความต้องการอย่างมาก
ของราษฎรในชนบท ทง้ั การใชอ้ ปุ โภคบรโิ ภคและเพอ่ื การเกษตร พระองคส์ นพระราชหฤทยั
เรอื่ งการใช้ทด่ี ินเพอ่ื การเกษตร และทรงเน้นการพัฒนาทด่ี ิน รวมท้ังป่าไม้อนั เป็นทรัพยากร
ธรรมชาติที่ส�ำคัญของประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
นานปั การในดา้ นการใชท้ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ แกร่ าษฎร
จนเป็นท่ีประจักษ์ชัดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ แนวพระราชดำ� ริเรื่องทฤษฎีใหม่
ซ่ึงเป็นการจัดการทรัพยากรน�้ำและที่ดินเพื่อการเกษตร เป็นแนวพระราชด�ำริที่ได้รับการ
ยอมรับโดยทว่ั ไป

พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่ีส�ำคัญย่ิง ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 477
คอื งานพฒั นาทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั นำ�้ ศาสตรท์ ง้ั ปวงทเ่ี กย่ี วกบั นำ�้ ทง้ั การพฒั นา การจดั หาแหลง่ นำ�้
การเก็บกักน้ำ� การระบาย การควบคุม การท�ำนำ�้ เสยี ให้เป็นน�ำ้ ดี ตลอดจนการแก้ไขปัญหา
นำ�้ ทว่ ม พระราชกรณยี กจิ ในชว่ งตน้ ๆ แหง่ การเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ทรงเยยี่ มราษฎรในภมู ภิ าค
ต่าง ๆ ของประเทศ ทรงเน้นเรื่องความส�ำคัญของแหล่งน�้ำเพื่อใช้ในการอุปโภคและการ
เกษตรกรรม ทรงเชอ่ื วา่ เมอื่ ใดทส่ี ามารถแกไ้ ขหรอื บรรเทาความเดอื ดรอ้ นในเรอ่ื งนำ้� ใหร้ าษฎร
หรือให้ราษฎรมีน�้ำกินน�้ำใช้เพื่อการเพาะปลูกได้แล้ว ราษฎรก็ย่อมจะมีฐานะความเป็นอยู่
ที่ดีข้ึนกว่าเดิม การพัฒนาเร่ืองแหล่งนำ�้ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มตั้งแต่ปลาย
พ.ศ. 2505 สง่ ผลใหม้ โี ครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� รจิ ำ� นวนมาก ทเ่ี กยี่ วกบั ทรพั ยากรนำ้�
นอกจากน้ี ความสนพระราชหฤทยั เรอื่ งนำ้� ของพระองค์ มไิ ดจ้ ำ� กดั อยเู่ ฉพาะโครงการพฒั นา
แหล่งน�้ำด้วยวิธีการจัดสร้างแหล่งน�้ำถาวร ซึ่งอาจจะเป็นอ่างเก็บน้�ำหรือฝายให้ราษฎร
ในทอ้ งถน่ิ ตา่ ง ๆ มนี ำ้� ใชโ้ ดยไมข่ าดแคลนเทา่ นนั้ แตย่ งั ทรงหาวธิ กี ารจดั หาน�้ำชว่ ยเหลอื ราษฎร
จงึ เกิดแนวพระราชด�ำรเิ รือ่ ง “ฝนหลวง” ขึ้น โดยเร่ิมโครงการตง้ั แต่วันท่ี 14 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2498 และได้เร่ิมท�ำฝนเทียมคร้ังแรกเมื่อวันท่ี 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 จากน้ัน
การค้นคว้าพัฒนาเก่ียวกับฝนหลวงก็ได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเน่ือง ทรงทดลองวิจัย
ด้วยพระองค์เอง และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ร่วมเป็นค่าใช้จ่าย
ด้วยพระวิริยอุตสาหะเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ด้วยพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพ
ท�ำให้สามารถก�ำหนดบังคับฝนให้ตกลงสู่พื้นท่ีเป้าหมายได้ ฝนหลวงที่มุ่งหวังช่วยเหลือ
เกษตรกรที่ประสบภัยแล้งได้ขยายไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
โดยการช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนน�้ำหรือฝนท้ิงช่วง และช่วยด้านการอุปโภคบริโภค
ประเทศไทยได้จดทะเบียนเทคโนโลยีฝนหลวงกับองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่ง
สหประชาชาติเป็นครั้งแรก เม่ือ พ.ศ. 2525 ต่อมาองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกได้ทูลเกล้าฯ
ถวายเคร่อื งหมายเชิดชเู กยี รติ เมอ่ื วันท่ี 18 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2540 ในฐานะทที่ รงพระปรีชา
สามารถและทรงเป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกกิจกรรมดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝนในภูมิภาค
เขตร้อนมคี วามเป็นไปได้และก้าวหน้ามาจนปัจจุบนั

478 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย นอกจากนี้ ยงั มพี ระราชดำ� รเิ กยี่ วกบั การแกไ้ ขปญั หานำ้� เสยี เชน่ โครงการ “นำ�้ ดี
ไล่น�้ำเสีย” ในการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้�ำ โดยทรงใช้น�้ำที่มีคุณภาพดีจากแม่น�้ำ
เจา้ พระยาใหช้ ว่ ยผลกั ดนั และเจอื จางนำ้� เนา่ เสยี ใหอ้ อกจากแหลง่ นำ�้ ของชมุ ชนภายในเมอื ง
ตามคลองต่าง ๆ เช่น คลองบางเขนคลองบางซื่อ คลองแสนแสบ คลองเทเวศร์ และคลอง
บางลำ� พู พระราชด�ำริเรื่องบ�ำบัดน้�ำเสียโดยหลักการนี้เป็นวิธีการที่ง่าย ประหยัดพลังงาน
และสามารถปฏิบัติได้ตลอดเวลา มีพระราชด�ำริให้ใช้บึงมักกะสันเป็นที่รองรับน�้ำเสียจาก
ชมุ ชนในเขตปรมิ ณฑลและในกรงุ เทพมหานคร โดยทรงเปรยี บเทยี บวา่ “บงึ มกั กะสนั ” เปน็
เสมอื นดงั “ไตธรรมชาต”ิ ของกรงุ เทพมหานครทเี่ กบ็ กกั และฟอกนำ�้ เสยี ตลอดจนเปน็ แหลง่
เกบ็ กกั และระบายนำ้� ในฤดฝู น และยงั โปรดเกลา้ ฯ ใหม้ กี ารทดลองใชผ้ กั ตบชวามาชว่ ยดดู ซบั
ความสกปรก รวมทง้ั สารพษิ ตา่ ง ๆ จากนำ้� เนา่ เสยี ประกอบกบั เครอื่ งบำ� บดั นำ้� เสยี แบบตา่ ง ๆ
ท่ีได้ทรงคิดค้นประดิษฐ์ขึ้น โดยเน้นท่ีวิธีการเรียบง่าย ประหยัด และไม่ก่อให้เกิดความ
เดอื ดร้อนรำ� คาญแก่ประชาชนในพ้นื ท่ี และบึงพระราม 9 ซง่ึ เป็นบงึ ขนาดใหญ่อยู่ใจกลาง
กรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชด�ำริให้ใช้เครื่องเติมอากาศ
ลงในนำ�้ ซง่ึ ไดผ้ ลดเี ปน็ อยา่ งยง่ิ อนั สง่ ผลใหป้ ระชาชนมคี ณุ ภาพชวี ติ และสง่ิ แวดลอ้ มทด่ี ขี น้ึ
ส�ำหรับปัญหาอุทกภัยซ่ึงก่อให้เกิดความทุกข์แก่ประชาชน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ไดพ้ ระราชทานพระราชดำ� รใิ หห้ นว่ ยงานตา่ ง ๆ พจิ ารณาแกไ้ ข ปอ้ งกนั หรอื ชว่ ยบรรเทาปญั หา
น�้ำในแม่น้�ำล�ำคลองซึ่งมีระดับสูงในฤดูน้�ำหลาก ทรงเห็นความส�ำคัญของการควบคุมน�้ำ
เป็นอย่างยิ่ง พระราชทานแนวทางแก้ไขปัญหานำ�้ ท่วมด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับ
แตล่ ะพน้ื ท่ี เชน่ โครงการพฒั นาลมุ่ แมน่ ำ้� ปา่ สกั อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� ริ ซงึ่ เปน็ โครงการ
พัฒนาแหล่งน�้ำอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริให้ด�ำเนินการเพ่ือแก้ไขปัญหาน้�ำท่วมพื้นที่
เพาะปลูกและปัญหาการขาดแคลนน�้ำเพ่ือการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตร และได้
พระราชทานพระราชดำ� รใิ หก้ รมชลประทานศกึ ษาความเหมาะสมของโครงการเขอ่ื นเกบ็ กกั นำ�้
แม่น�้ำป่าสักอย่างจริงจังเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน�้ำและปัญหาอุทกภัย
ซ่ึงต่อมาคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ด�ำเนินงานตามโครงการเขื่อนเก็บกักน�้ำแม่น้�ำป่าสักได้
โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันท่ี 2 ธันวาคม พ.ศ. 2537 และได้พระราชทานนามว่า เขื่อนป่าสัก
ชลสิทธ์ิ แนวพระราชด�ำริท่ีส�ำคัญในการแก้ไขปัญหาน�้ำท่วมที่ส�ำคัญอีกโครงการหนึ่งคือ
“โครงการแก้มลิงอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริ” ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก
ของแม่น้�ำเจ้าพระยา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับการอนุรักษ์ดินและ ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 479
เพ่ิมความชุ่มชื้นให้แก่ดินและป่าไม้ ในพ้ืนที่ต่าง ๆ ทุกภูมิภาคของประเทศไทยท่ีได้เสด็จ
พระราชด�ำเนินทรงเย่ียมราษฎร พระองค์ได้พระราชทานพระราชด�ำริแก่ส่วนราชการและ
องคก์ ารตา่ ง ๆ เกยี่ วกบั ปญั หานำ้� ปา่ ไม้ และสภาพปญั หาทเ่ี กดิ จากดนิ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่
ทเ่ี ปน็ ปา่ ชายเลน อนั เปน็ แหลง่ เจรญิ เตบิ โตของสตั วน์ ้�ำนานาชนดิ พระราชทานพระราชด�ำริ
ให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริข้ึนหลายแห่ง ซ่ึงที่ศูนย์ศึกษา
การพัฒนาพกิ ลุ ทองอนั เนือ่ งมาจากพระราชด�ำริ จังหวัดนราธิวาส ทรงใช้วิธี “แกลง้ ดิน”
ท�ำให้บริเวณพ้ืนดินที่เปล่าประโยชน์และไม่สามารถท�ำอะไรได้กลับฟื้นคืนสภาพ
สามารถท�ำการเพาะปลูกได้อีกครั้งหน่ึง ท�ำให้พืชเศรษฐกิจต่าง ๆ สามารถเจริญ
งอกงามให้ผลผลิตได้ อันเป็นประโยชน์ต่อความกินดีอยู่ดีของประชาชนในภูมิภาคนั้น ๆ
การพฒั นาในเรอ่ื งดนิ ตามพระราชดำ� รทิ ส่ี ำ� คญั อกี โครงการหนง่ึ คอื การปลกู หญา้ แฝกปอ้ งกนั
การเส่ือมโทรมและพงั ทลายของดนิ การปลกู หญ้าแฝกตามพระราชดำ� รินไี้ ด้รับการยอมรับ
จากธนาคารโลกว่า “ประเทศไทยท�ำได้ผลอย่างเต็มทแ่ี ละมีประสิทธภิ าพยอดเยย่ี ม”
และเมื่อวนั ท่ี 25 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2536 International Erosion Control Association (IECA)
ได้มีมติให้ถวายรางวลั The International Erosion Control Association’s International Merit
Award แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะท่ีทรงเป็นแบบอย่างในการน�ำหญ้าแฝก
มาใช้ในการอนรุ กั ษ์ดนิ และน้�ำ

ในเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สนพระราชหฤทยั และทรงตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั เปน็ อยา่ งยงิ่ ตงั้ แตเ่ รม่ิ เสดจ็ ขน้ึ เถลงิ ถวลั ย
ราชสมบัตเิ ป็นต้นมา ทรงห่วงในเร่อื งปรมิ าณป่าไม้ท่ีลดลง ได้ทรงค้นหาวธิ ีการต่าง ๆ ท่จี ะ
เพม่ิ ปรมิ าณปา่ ไมใ้ หม้ ากขน้ึ มพี ระราชดำ� รทิ จี่ ะอนรุ กั ษป์ า่ ไมด้ ว้ ยการสรา้ งความสำ� นกึ ใหร้ กั
ปา่ ไมร้ ว่ มกนั มากกวา่ วธิ กี ารใชอ้ �ำนาจบงั คบั ดงั พระราชด�ำรทิ พ่ี ระราชทานตง้ั แต่ พ.ศ. 2519
ที่ให้มีการปลูกต้นไม้ 3 ชนิดที่แตกต่างกัน คือไม้ผล ไม้โตเร็ว และไม้เศรษฐกิจ เพ่ือ
ให้เกิดป่าไม้แบบผสมผสานและสร้างความสมดุลแก่ธรรมชาติอย่างย่ังยืน นอกจากนี้
ยงั ได้พระราชทานพระราชดำ� รเิ ร่อื งการปลูกป่าอกี หลายประการ เช่น การปลกู ป่าทดแทน
การปลกู ป่าในทส่ี ูง การปลกู ป่าต้นนำ้� ท่ีลำ� ธาร หรือการปลูกป่าธรรมชาติ และการปลกู ป่า
3 อย่าง ได้ประโยชน์ 4 อย่าง

480 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย แนวพระราชด�ำริด้านการเกษตรที่ส�ำคัญคือ “ทฤษฎีใหม่” อันเป็นการใช้
ประโยชน์จากพ้ืนท่ีท่ีมีอยู่จ�ำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันก็มีน้�ำไว้ใช้ตลอดปี
เป็นการอ�ำนวยประโยชน์ต่อทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
โดยทวั่ ไป “ทฤษฎใี หม”่ จงึ เปน็ แนวทางหรอื หลกั การในการบรหิ ารจดั การทดี่ นิ และแหลง่ นำ้�
เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยทรงเริ่มการทดลองที่วัดมงคล
ชยั พัฒนา ต�ำบลห้วยบง อ�ำเภอเมอื งฯ จงั หวัดสระบุรี และแพร่หลายจนเป็นท่ยี อมรับกัน
ทัว่ ไปในปัจจบุ นั

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงค้นคว้าทดลองและวิจัยด้านการเกษตร
เป็นโครงการส่วนพระองค์มาต้ังแต่ พ.ศ. 2505 ในบริเวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
ทรงแบง่ โครงการสว่ นพระองคเ์ ปน็ 2 แบบ คอื โครงการแบบไมใ่ ชธ่ รุ กจิ และโครงการกงึ่ ธรุ กจิ
โครงการแบบไม่ใช่ธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร
โดยทรงให้ความส�ำคัญกับการเพ่ิมพูนคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในระยะยาว เพ่ือให้
เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้ทางด้านอาหารและสนับสนุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือ
จากรายไดจ้ ากภาคเกษตร อกี ทงั้ ยงั เนน้ การพฒั นาและอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตดิ ว้ ย เชน่
นาข้าวทดลอง การเล้ียงปลานิล การผลิตแก๊สชีวภาพ ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์
เพ่ือใช้ตรวจคุณภาพของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ท่ีผลิตจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
ห้องปฏบิ ัติการเพาะเล้ียงเนอ้ื เยอื่ พืชเพ่อื ขยายพันธุ์ไม้ โครงการบำ� บัดนำ�้ เสยี และโครงการ
สาหร่ายเกลียวทอง ซึ่งน�ำมาผลิตเป็นอาหารปลา ส่วนโครงการกึ่งธุรกิจซึ่งเป็นโครงการ
ที่มีการจ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคาย่อมเยาโดยไม่หวังผลก�ำไรอันเป็นที่รู้จักกันโดยท่ัวไป
เชน่ โรงโคนม สวนจติ รลดา โรงนมผงสวนดสุ ติ ศนู ย์รวมนมสวนจติ รลดา โรงสขี า้ วตวั อย่าง
สวนจติ รลดา โรงนมเมด็ สวนดสุ ติ โรงเนยแขง็ โรงกลน่ั แอลกอฮอล์ โรงเพาะเหด็ โรงนำ�้ ผลไม้
กระป๋อง โครงการต่าง ๆ เหล่าน้ีเน้นการน�ำทรัพยากรธรรมชาติและปัจจัยทางการเกษตร
ที่มีอยู่มาใช้อย่างประหยัดและเน้นประโยชน์สูงสุด เพ่ือน�ำผลการทดลองออกเผยแพร่
เพอื่ เป็นตัวอย่างแก่เกษตรกร

โครงการส�ำคัญท่ีเก่ียวข้องกับการเกษตรอีกโครงการหนึ่งซึ่งพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวทรงก่อต้ังขึ้นคือ โครงการหลวง โดยเร่ิมจากการเสด็จพระราชด�ำเนินแปร
พระราชฐานไปประทบั ณ พระตำ� หนกั ภูพงิ คราชนเิ วศน์ และได้ทอดพระเนตรความเป็นอยู่

ของชาวเขาที่มีฐานะยากจน ปลูกฝิ่น และท�ำลายป่าไม้ต้นน้�ำล�ำธาร จึงทรงริเริ่ม ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 481
ส่งเสริมการเกษตรแก่ชาวเขาโดยพระราชทานพันธ์ุพืช พันธ์ุสัตว์ เพ่ือทดแทนการปลูกฝิ่น
ใน พ.ศ. 2512 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งโครงการส่วนพระองค์ขึ้นชื่อโครงการ
พระบรมราชานเุ คราะห์ชาวเขา ซงึ่ ต่อมาเปลยี่ นเป็นโครงการหลวงพฒั นาชาวเขา โครงการ
หลวงได้ให้ทนุ สนบั สนนุ นกั วชิ าการจากมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่
หน่วยราชการต่าง ๆ ให้ท�ำการวิจัยจ�ำนวนมาก โครงการวิจัยต่าง ๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับ
การเกษตร เชน่ โครงการวจิ ยั ไมผ้ ล โครงการวจิ ยั พชื ผกั โครงการวจิ ยั ไมด้ อกไมป้ ระดบั ฯลฯ

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทอดพระเนตร
สภาพพื้นทแ่ี ละผลผลติ ของมลู นิธโิ ครงการหลวง

482 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์
พระราชทานขณะเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปทรงเยย่ี มราษฎรในทอ้ งถน่ิ ตา่ ง ๆ พชื ไร่ โครงการวจิ ยั
ศัตรพู ชื โครงการวิจัยงานเล้ยี งสตั ว์ โครงการวจิ ัยงานขยายพันธ์ุพืช นอกจากการวจิ ัยแล้ว
โครงการหลวงยังขยายผลไปสู่การปฏิบัติ โดยชักชวนเกษตรกรชาวเขาเข้ามาร่วมมือ
ดำ� เนนิ การเชงิ การคา้ พรอ้ มไปกบั งานวจิ ยั ปญั หาตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในแปลงเกษตรไดร้ บั การแกไ้ ข
เพ่ิมเติม ติดต่อกันไป ส่งผลให้งานส่งเสริมปลูกพืชทดแทนฝิ่นท�ำได้อย่างรวดเร็วขึ้นมาก
พรอ้ มกบั การแกไ้ ขปญั หาในพน้ื ทกี่ ารเกษตรกส็ ามารถทำ� ไดอ้ ยา่ งจรงิ จงั งานของโครงการหลวง
ได้รบั การยอมรบั ว่าเป็นวธิ กี ารแก้ปัญหาพ้นื ทป่ี ลกู ฝิ่นท่ีท�ำได้อย่างสนั ติวธิ ีท่สี ดุ และยงั เป็น
การช่วยชาวเขาให้มีอาชีพม่ันคง มูลนิธิแมกไซไซแห่งประเทศฟิลิปปินส์จึงประกาศให้
โครงการหลวงเป็นองค์กรท่ีได้รับรางวัลแมกไซไซในด้าน International Understanding
เมอ่ื พ.ศ. 2531

ปัจจุบันโครงการหลวงเป็นมูลนิธิโครงการหลวงเพ่ือสาธารณประโยชน์
ทมี่ งุ่ ทำ� งานวจิ ยั ทต่ี อ้ งการพฒั นาและการผลติ ทแ่ี นน่ อน มตี ลาดรองรบั รวมทง้ั เปน็ โครงการ
นำ� รอ่ งและการถา่ ยทอดเทคโนโลยใี หม่ ๆ ทสี่ ำ� คญั แกก่ ารพฒั นาในทสี่ งู การสรา้ งมลู คา่ เพม่ิ
กับผลิตผลและผลิตภัณฑ์ของโครงการหลวง โดยมีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษาสภาพ
ต้นน้�ำล�ำธารทส่ี �ำคญั ของประเทศไว้ด้วย

การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนท่ีสำ� คัญอีกเรื่องหน่ึงคือการสาธารณสุข
ซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทรงดำ� เนนิ ตามรอยพระบาทของสมเดจ็ พระมหติ ลาธเิ บศร
อดลุ ยเดชวกิ รม พระบรมราชชนกและสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี ในการทรงบ�ำเพญ็
พระราชกรณยี กจิ ทางการแพทย์และการสาธารณสขุ เพอ่ื ประโยชนข์ องประชาชน เรมิ่ ตง้ั แต่
ใน พ.ศ. 2496 ไดพ้ ระราชทานพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคแ์ กก่ องวทิ ยาศาสตร์ สภากาชาดไทย
เพอ่ื สรา้ ง “อาคารมหดิ ลวงศานสุ รณ”์ เปน็ ศนู ยผ์ ลติ วคั ซนี บ.ี ซ.ี จ.ี ซง่ึ เปน็ วคั ซนี ปอ้ งกนั วณั โรค
เพราะขณะนนั้ ประเทศไทยยงั ผลติ เองไมไ่ ด้ การผลติ วคั ซนี ไดท้ �ำใหก้ ารควบคมุ โรคสะดวกขน้ึ
และประหยัดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังสนพระราชหฤทัยปัญหาโรคเรื้อนเป็นอย่างมาก
ใน พ.ศ. 2497 ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ในการจัดตั้งกองทุนราชประชาสมาสัย
ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นมูลนิธิราชประชาสมาสัยในพระบรมราชูปถัมภ์เพ่ือสนับสนุน
การด�ำเนินงานปราบปรามโรคเรื้อน และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์

เพื่อสร้างโรงเรียนส�ำหรับบุตรหลานผู้ป่วยโรคเรื้อนข้ึน พระราชทานนามว่า โรงเรียน ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 483
ราชประชาสมาสัย ในการเสด็จพระราชด�ำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ ได้ทรง
พบวา่ ราษฎรสว่ นหนง่ึ มสี ขุ ภาพไมส่ มบรู ณเ์ นอ่ื งจากขาดทนุ ทรพั ยใ์ นการรกั ษา ขาดผรู้ กั ษา
หรืออยู่ห่างไกลสถานรักษา และจ�ำนวนไม่น้อยที่ขาดอาหาร จึงทรงเริ่มจัดหน่วยแพทย์
เคลอื่ นทพี่ ระราชทานตงั้ แตใ่ น พ.ศ. 2497 ทงั้ ทางบกและทางน�้ำ โดยใชจ้ า่ ยจากพระราชทรพั ย์
ส่วนพระองค์ทง้ั สิ้น นอกจากน้ี พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั มพี ระราชดำ� ริถงึ ความส�ำคัญ
ของการพฒั นาบุคลากรทางการแพทย์ของไทยให้ก้าวหน้าย่ิงขน้ึ โดยโปรดเกล้าฯ ให้ต้งั ทุน
การศึกษาขั้นสูงส�ำหรับผู้ท่ีส�ำเร็จการศึกษาระดับปริญญาบัณฑิตสาขาแพทยศาสตร์
ในประเทศไทยไปศกึ ษาต่อ ณ ต่างประเทศ โดยพระราชทานทนุ อานนั ทมหิดล ซ่งึ ต่อมา
เปลย่ี นสถานภาพ จากทุนเป็นมูลนธิ ิอานันทมหดิ ล และได้ขยายการพระราชทานทนุ ให้แก่
นกั ศกึ ษาในสาขาอน่ื ดว้ ย นอกจากแพทยศาสตร์ พระราชกรณยี กจิ ทสี่ ำ� คญั อกี ประการหนง่ึ
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนพระราชหฤทัยทางการแพทย์และสาธารณสุข คือ การ
พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล (Prince Mahidol Awards) โดยรัฐบาลได้จัดตั้ง
มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลข้ึน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ รับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทรงแต่งต้ังสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม
บรมราชกุมารีเป็นองค์ประธานมูลนิธิฯ โดยมีจุดมุ่งหมายท่ีจะมอบรางวัลแก่บุคคลหรือ
องค์กรจากทวั่ โลกทมี่ ผี ลงานดเี ด่นทางการแพทย์และการสาธารณสขุ โดยไม่จำ� กดั เชอ้ื ชาติ
ศาสนา และลทั ธกิ ารปกครอง ซงึ่ มผี ลชว่ ยใหค้ ณุ ภาพชวี ติ ของมนษุ ยชาตดิ ขี นึ้ ทงั้ นมี้ ผี ไู้ ดร้ บั
พระราชทานรางวัล ใน พ.ศ. 2535 เป็นครั้งแรก พระราชกรณียกิจทางการแพทย์และ
การสาธารณสขุ เพอ่ื ประโยชน์ของประชาชน ยงั มอี กี เป็นจ�ำนวนมาก

พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็น
ที่ประจักษ์ เห็นได้จากโครงการต่าง ๆ จ�ำนวนมากท่ีล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายท่ีจะให้ราษฎร
มีความผาสุกอย่างแท้จริง ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ท้ังทรัพยากรธรรมชาติ
และคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน โครงการต่าง ๆ ทพ่ี ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ทรงดำ� เนิน
การเพอ่ื ประชาชนนน้ั แยกได้เป็นโครงการตามพระราชประสงค์ คอื โครงการทีท่ รงศกึ ษา
ทดลอง ปฏิบัติเป็นการส่วนพระองค์ โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เม่ือได้ผลดี
กจ็ ะใหห้ นว่ ยงานของรฐั รบั ดำ� เนนิ งานตอ่ ไป โครงการหลวง คอื การพฒั นาชวี ติ ตามความเปน็ อยู่

484 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย ของชาวไทยภเู ขาให้ดขี ้ึน ชกั จงู ให้เลกิ ปลูกฝิ่น งดการตดั ไม้ท�ำลายป่า และทำ� ไร่เลอ่ื นลอย
โครงการตามพระราชดำ� ริ คอื โครงการทที่ รงวางแผนพฒั นาและเสนอแนะใหร้ ฐั บาลเขา้ รว่ ม
ด�ำเนินงานตามพระราชด�ำริ ปัจจุบันเรียกว่าโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริ ซึ่งมีอยู่
ท่วั ทกุ ภาคของประเทศไทย

โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� รเิ ปน็ โครงการทที่ รงวางแผนเพอ่ื การพฒั นา
ซ่ึงเกิดจากการท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำเนินเยี่ยมราษฎรในภูมิภาค
ต่าง ๆ ทว่ั ประเทศ และทรงพบเหน็ ปัญหาที่เกดิ ขึ้นโดยเฉพาะอย่างยง่ิ ปัญหาเกษตรกรรม
จงึ ไดพ้ ระราชทานคำ� แนะนำ� เพอื่ นำ� ไปปฏบิ ตั จิ นไดผ้ ลดแี ละไดร้ บั การยอมรบั จากผปู้ ฏบิ ตั งิ าน
ทั้งหลายว่าสมควรย่ิงท่ีจะด�ำเนินตามพระราชด�ำริ พระราชด�ำริเร่ิมแรกอันเป็นโครงการ
ช่วยเหลอื ประชาชนเรมิ่ ขน้ึ ตั้งแต่ พ.ศ. 2494 โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้กรมประมง
น�ำพันธ์ุปลาหมอเทศจากปีนงั ซึ่งได้รับจากผู้เช่ยี วชาญด้านการประมงขององค์การอาหาร
และเกษตรแห่งสหประชาชาติเข้าไปเล้ียงในสระน�้ำ บริเวณพระที่น่ังอัมพรสถาน และ
เมอื่ วนั ที่ 7 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2496 กท็ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานพนั ธป์ุ ลาหมอเทศ
แก่กำ� นนั ผู้ใหญ่บ้านทว่ั ประเทศ นำ� ไปเลย้ี งเผยแพร่ขยายพนั ธ์แุ ก่ราษฎรในหมู่บ้านของตน
เพ่อื จะได้มอี าหารโปรตีนเพ่มิ ข้นึ

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองฯ
ซึง่ ทรงจัดตั้งในพนื้ ท่พี รุของภาคใต้

โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริที่นับได้ว่าเป็นโครงการพัฒนาชนบท ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 485
โครงการแรกเกิดขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2495 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ พระราชทานรถบูลโดเซอร์ให้หน่วยต�ำรวจตระเวนชายแดนค่ายนเรศวร
ไปสรา้ งถนนเขา้ ไปยงั บา้ นหว้ ยมงคล ตำ� บลหนิ เหลก็ ไฟ อำ� เภอหวั หนิ จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์
เพ่ือให้ราษฎรสามารถสัญจรไปมา และน�ำผลผลิตออกมาจ�ำหน่ายยังชุมชนภายนอก
ได้สะดวกข้นึ จากน้นั ใน พ.ศ. 2496 ได้พระราชทานพระราชดำ� รใิ ห้สร้างอ่างเกบ็ น�ำ้ เขาเต่า
อำ� เภอหวั หนิ จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ เพอ่ื บรรเทาความแหง้ แลง้ และความเดอื ดรอ้ นของราษฎร
และสรา้ งเสรจ็ ใชป้ ระโยชนไ์ ดใ้ น พ.ศ. 2506 ซง่ึ นบั เปน็ โครงการพระราชดำ� ริ ทางดา้ นชลประทาน
แห่งแรกของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั กล่าวได้ว่าโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ
ในระหว่างเริ่มแรกเป็นโครงการท่ีเก่ียวข้องกับการแก้ไขปัญหาของราษฎรเพื่อส่งเสริมให้
มีความอยู่ดีกินดีข้ึนทั้งสิ้น และโดยที่ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร
จึงทรงเน้นการศกึ ษาทเ่ี ก่ียวกบั การพัฒนาการเกษตร การพฒั นาทดี่ นิ และการชลประทาน

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ ตั้งแต่เร่ิมแรกจนถึงปัจจุบันมีท้ังส้ินกว่า
4,000 โครงการ อยู่ในความรบั ผดิ ชอบของสำ� นักงานคณะกรรมการพเิ ศษเพอื่ ประสานงาน
โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริ (ส�ำนักงาน กปร.) ซ่ึงเป็นหน่วยงานระดับกรม
แยกเป็นประเภทต่าง ๆ คือ การเกษตรส่ิงแวดล้อม สาธารณสุข การพัฒนาแหล่งน�้ำ
การส่งเสรมิ อาชีพ การคมนาคมส่อื สาร สวสั ดกิ ารสังคม ฯลฯ

การทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มพี ระราชด�ำรใิ หจ้ ดั ตง้ั ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นา
อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริขึ้นนั้น วัตถุประสงค์ท่ีส�ำคัญอีกประการหนึ่งคือ การเป็น
แหล่งความรู้ให้แก่ราษฎร เพ่ือให้เป็นตัวอย่างน�ำไปประยุกต์ใช้กับงานอาชีพของตน
โดยเฉพาะอย่างย่ิงเร่ืองท่ีเกี่ยวกับการเกษตรกรรมต่าง ๆ อันจะท�ำให้เกษตรกรเหล่าน้ี
มีรายได้ในการเลี้ยงตนเองและครอบครัวเพิ่มข้ึน ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจาก
พระราชดำ� รไิ ดจ้ ดั ตงั้ ขนึ้ ตามแนวพระราชดำ� รใิ นทกุ ภมู ภิ าคจำ� นวน 6 ศนู ย์ ไดแ้ ก่ (1) ศนู ยศ์ กึ ษา
การพัฒนาเขาหินซ้อน (2) ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย (3) ศูนย์ศึกษาการพัฒนา
อ่าวคุ้งกระเบน (4) ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน (5) ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้
(6) ศนู ย์ศึกษาการพฒั นาพิกลุ ทอง เพ่อื เป็นสถานท่ศี กึ ษา ทดลอง ทดสอบ และแสวงหา

486 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย วิธีการพัฒนาด้านต่าง ๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
ศนู ย์ศกึ ษาฯ จงึ เปรยี บเสมือน “ตวั แบบ” ของความส�ำเร็จทีจ่ ะเป็นแนวทางและตัวอย่าง
ของผลสำ� เร็จให้แก่พ้นื ทอ่ี นื่ ๆ เป็น “ศูนย์บริการแบบเบด็ เสร็จ” คือสามารถท่ีจะศกึ ษา
หาความรู้ได้ทุกเร่ือง ท้ังด้านการปรับปรุงบ�ำรุงดิน การปลูกพืชสวน พืชไร่ การเล้ียงสัตว์
การประมง ป่าไม้ ตลอดจนการชลประทาน งานศิลปาชีพพเิ ศษ ฯลฯ ซึ่งผลสำ� เร็จเหล่านี้
ได้จดั สาธติ ไว้ในลักษณะของ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาตทิ ่มี ีชวี ติ ”

นอกจากการพฒั นาดา้ นตา่ ง ๆ อนั เปน็ การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชนแลว้
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ยงั ประกอบพระราชกรณยี กจิ ดา้ นการศกึ ษา เพอ่ื พฒั นาบคุ คล
เป็นอย่างมาก เช่น ได้พระราชทานความช่วยเหลือให้จดั ต้งั โรงเรียนต่าง ๆ เช่น โรงเรียน
สำ� หรบั เยาวชนในทอ้ งถนิ่ ทรุ กนั ดาร ทต่ี �ำรวจตระเวนชายแดนดำ� เนนิ การมาตงั้ แต่ พ.ศ. 2499
จนกระท่ังมีโรงเรียนที่ทรงจัดตั้งมากกว่า 200 โรงเรียนท่ัวประเทศ โรงเรียนร่มเกล้า
ซึ่งเป็นโรงเรียนส�ำหรับเยาวชนในท้องถ่ินชนบทห่างไกลท่ีมีความไม่สงบจากภัยต่าง ๆ
โรงเรียนราชประชาสมาสัย เพื่อเป็นสถานศึกษาอยู่ประจ�ำส�ำหรับเยาวชนที่เป็นบุตรธิดา
ของคนไข้โรคเร้ือน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ร่วมกับประชาชนเพ่ือให้การศึกษาแก่เด็ก
กำ� พรา้ ทคี่ รอบครวั ประสบวาตภยั ในภาคใต้ และเดก็ ทยี่ ากไรข้ าดทพี่ ง่ึ ซง่ึ ปจั จบุ นั มโี รงเรยี น
ราชประชานเุ คราะห์ 30 แหง่ ทว่ั ทกุ ภาคของประเทศ พระราชทานพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองค์
พัฒนาโรงเรียนวังไกลกังวล หัวหิน ทรงจัดต้ังโรงเรียนจิตรลดาขึ้นในบริเวณพระต�ำหนัก
จิตรลดารโหฐานเพ่ือเป็นสถานศึกษาของพระราชโอรส พระราชธิดา และบุตรหลานของ
พระบรมวงศานวุ งศ์ มหาดเลก็ และประชาชนทวั่ ไป ในระดบั อุดมศกึ ษา ทรงตัง้ ทนุ ภมู ิพล
ข้ึนเพ่ือพระราชทานแก่ผู้มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ทรงฟื้นฟูการพระราชทาน
ทนุ เล่าเรยี นหลวงคิงสกอลาชปิ (King Scholarship) ขึ้นอกี ทุนเล่าเรยี นหลวงนพ้ี ระราชทาน
แก่ผู้มีผลการเรียนดีเด่นให้ไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ ผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาดังกล่าว
ไดก้ ลบั มาทำ� งานรบั ใชช้ าตบิ า้ นเมอื งเปน็ จำ� นวนมาก ทนุ การศกึ ษาทสี่ ำ� คญั อกี ประการหนง่ึ
คือทรงก่อตั้งทุนมูลนิธิอานันทมหิดลเพ่ือเป็นอนุสรณ์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อานนั ทมหดิ ล โดยให้ผู้ท่เี รยี นดีไปศกึ ษาวชิ าแพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์
เกษตรศาสตร์ อักษรศาสตร์ นติ ศิ าสตร์ รฐั ศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และโบราณคดี ผู้สำ� เร็จ

การศึกษาได้กลับมาท�ำงาน รับใช้ประเทศจ�ำนวนมาก แม้ว่าทุนนี้จะไม่ระบุว่าจะต้อง ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 487
กลับมาท�ำงานชดใช้ทุนก็ตาม เน่ืองด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ไมท่ รงตอ้ งการใหม้ กี ารทำ� สญั ญาวา่ จะใชท้ นุ แตข่ อใหเ้ ปน็ สญั ญาทางใจซงึ่ สำ� คญั กวา่ สญั ญา
ทางลายลกั ษณอ์ กั ษร นอกจากการศกึ ษาในระบบโรงเรยี นแลว้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
ยังมีพระราชด�ำริท่ีจะให้จัดการศึกษานอกระบบขึ้น เช่น โรงเรียนพระดาบส และยังทรง
ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมอีกด้วย รวมท้ังทรงริเริ่ม
ให้มีการจัดท�ำสารานุกรมไทยส�ำหรับเยาวชนข้ึน เพื่อให้เยาวชนของชาติมีหนังสือท่ีดี
ส�ำหรับค้นคว้าและแสวงหาความรู้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อมใสศรัทธา
พระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทรงผนวช เช่นเดียวกับชายไทยทั่วไปซึ่งเป็นชาวพุทธ
ทรงท�ำนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง ทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก ทรงประกอบ
พระราชกรณยี กจิ นานปั การเพอ่ื สง่ เสรมิ พระพทุ ธศาสนา และไดพ้ ระราชทานพระราชปู ถมั ภ์
บำ� รงุ ศาสนาอนื่ ๆ ในประเทศไทย ทงั้ ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาซกิ ข์ ศาสนาฮนิ ดู
รวมทงั้ ไดพ้ ระราชทานพระราชทรพั ยอ์ ปุ ถมั ภแ์ ละบำ� รงุ ศาสนาเหลา่ นน้ั ดว้ ย ทำ� ใหป้ ระชาชน
ทุกศาสนาได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระปรีชาสามารถในศาสตร์สาขาต่าง ๆ ซ่ึงส่งผลต่อการพัฒนาทั้งสิ้น ทั้งในด้าน
การประดษิ ฐ์ ได้แก่ การประดษิ ฐ์ “กงั หนั นำ�้ ชยั พฒั นา” เครอ่ื งกลเตมิ อากาศแบบท่นุ ลอย
ซง่ึ ไดร้ บั การออกสทิ ธบิ ตั รตามกฎหมายขนึ้ ทลู เกลา้ ฯ ถวายเมอ่ื วนั ท่ี 2 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2536
“กังหันน้�ำชัยพัฒนา” จึงเป็นส่ิงประดิษฐ์เคร่ืองกลเติมอากาศเครื่องท่ี 9 ของโลกที่ได้รับ
สทิ ธบิ ตั รและเป็นครง้ั แรกทไ่ี ด้มกี ารรบั จดทะเบียนและออกสิทธิบัตรให้แก่ “นกั ประดษิ ฐ”์
ซง่ึ เปน็ พระมหากษตั รยิ ์ และไดร้ บั รางวลั ระดบั โลกในฐานะสง่ิ ประดษิ ฐด์ เี ดน่ ในงานนทิ รรศการ
Brussels Eureka 2000: 49th World Exhibition Innovation, Research and New Technology
ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม กังหันน�้ำชัยพัฒนาได้รับรางวัลจากคณะกรรมการ
นานาชาติ และรางวัลจากกรรมการประจำ� ชาติถึง 5 รางวัล นอกจากพระปรีชาสามารถ
ในด้านการประดษิ ฐ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ยงั มีพระปรีชาสามารถในด้านอืน่ ๆ
อกี ด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ ด้านแผนท่ี ด้านการจราจรและขนส่ง เช่น
โครงการการก่อสร้างถนนวงแหวนรชั ดาภเิ ษก โครงการคู่ขนานลอยฟ้า ฯลฯ

488 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย ความส�ำเร็จในด้านการพัฒนาท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน
แนวคิดแก่สังคมไทยมาโดยตลอด เป็นท่ีประจักษ์ชัดเม่ือส�ำนักงานโครงการพัฒนา
แหง่ สหประชาชาติ (UNDP) ทลู เกลา้ ฯ ถวายรางวลั ความสำ� เรจ็ ดา้ นการพฒั นามนษุ ย์ (UNDP
Human Development Lifetime Achievement Award) เมือ่ วันท่ี 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2549
โดยนายโคฟี อนั นนั (Kofi Annan) เลขาธิการองค์การสหประชาชาตเิ ป็นผู้ทลู เกล้าฯ ถวาย
รางวัลเกียรติยศนี้สหประชาชาติจัดท�ำขึ้น เพื่อมอบให้แก่บุคคลดีเด่นที่อุทิศตนตลอดชีวิต
และสร้างคุณค่าของผลงานอันเป็นที่ประจักษ์และเป็นคุณูปการในการผลักดันความ
ก้าวหน้าในการพฒั นาคน ซึ่งเป็นการพฒั นาท่ีให้คนเป็นเป้าหมายศูนย์กลางในการพฒั นา
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างย่ังยืน มีความม่ันคงในชีวิต
มีความเท่าเทียมกัน และการมีส่วนร่วมทางการเมือง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงได้รับทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลอันเนื่องมาจากผลงานการพัฒนาชนบทของพระองค์
ซงึ่ มจี ำ� นวนมากในทกุ ภูมภิ าคของประเทศ

สงิ่ ทสี่ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ พระราชจรยิ วตั รอนั งดงามของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
ทท่ี รงปฏบิ ตั อิ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งมาตลอดรชั สมยั ปรากฏในพระราชดำ� รสั ของสมเดจ็ พระราชาธบิ ดี
แหง่ บรไู นดารสุ ซาลาม ซง่ึ ถวายพระพรแดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในนามของพระประมขุ
และพระราชวงศ์ทั้ง 25 ราชอาณาจักร เม่ือวันท่ี 13 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ในโอกาส
การจัดงานฉลองสริ ิราชสมบตั ิครบ 60 ปี ว่า

…ห้วงเวลาท่ีผ่านมาเป็นห้วงท่ีเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็วและ
กว้างไกลมากท่สี ดุ เท่าทเ่ี คยประสบมาในประวัติศาสตร์ของมนษุ ยชาติ ความเปลี่ยนแปลง
เหลา่ นี้ ทา้ ทายการดำ� รงอยขู่ องเราในทกุ มติ ิ โดยเฉพาะความเปน็ ชาตอิ นั ธำ� รงไว้ ซง่ึ อธปิ ไตย
ในยามทถ่ี กู ทา้ ทายเชน่ น้ี สง่ิ ทเี่ ราทกุ คนเพรยี กหาคอื การตดั สนิ ใจทถ่ี กู ตอ้ งและเฉยี บคมทกุ ครงั้
ฝ่าพระบาทได้ทรงใช้พระราชปรีชาญาณ พระสติปัญญา พระวิริยอุตสาหะ ตลอดจน
ความองอาจและกล้าหาญทพี่ ระองค์ทรงมอี ยู่อย่างท่วมท้นในการนำ� ประเทศไทยให้พ้นภยั
ฝา่ พระบาทไมเ่ คยทรงอยหู่ า่ งไกลจากประชาชนของพระองค์ ไมเ่ คยมพี ระราชดำ� รใิ หป้ ระชาชน
เป็นเพียงผู้ฟังค�ำส่ังหรือบริวาร ในทางตรงกันข้ามฝ่าพระบาททรงอยู่เคียงข้างพสกนิกร
ของพระองค์ และทรงร่วมทกุ ข์ร่วมสขุ กบั ประชาชนชาวไทยตลอดมา…

ตลอดรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ปฏิบัติ ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 489
พระราชภารกิจในฐานะของพระมหากษัตริย์ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยทรงตระหนักถึงบทบาทและหน้าท่ีของสถาบัน
กษัตริย์ว่า หน้าที่ของพระองค์คือ “…ท�ำอะไรก็ตามท่ีเป็นประโยชน์…” นอกจาก
จะประกอบพระราชกรณียกิจตามฐานะ และพระราชอำ� นาจของพระมหากษัตริย์ ตามที่
มีบทกฎหมายก�ำหนดไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภมู ิพลอดุลยเดช
ยงั ไดป้ ฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ในฐานะพระมหากษตั รยิ น์ กั พฒั นา ทรงทมุ่ เทกำ� ลงั พระวรกาย
และกำ� ลังพระสตปิ ัญญาเพื่อพสกนิกรของพระองค์ ดงั ทป่ี รากฏในโครงการอันเนื่องมาจาก
พระราชด�ำริต่าง ๆ ซึ่งเป็นพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาเพ่ือบ�ำบัดทุกข์บ�ำรุงสุข
ของประชาชน เพ่อื ให้ประชาชนของพระองค์มคี วามเกษมสขุ โดยเท่าเทียมกัน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ
พระบรมราชนิ ีนาถ

มีพระราชโอรสและพระราชธดิ ารวม 4 พระองค์ คอื
1. ทูลกระหม่อมหญงิ อบุ ลรัตนราชกญั ญา สริ วิ ฒั นาพรรณวดี
2. สมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช เจ้าฟ้ามหาวชริ าลงกรณ สยามมกฎุ ราชกุมาร
3. สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี
4. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจฬุ าภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกมุ ารี

กนกวลี ชูชยั ยะ

เอกสารอ้างองิ
กนกวลี ชชู ยั ยะ และกฤษฎา บณุ ยสมติ . “กษตั รยิ น์ กั พฒั นา.” ใน ใตร้ ม่ พระบารมี จกั รี

นฤบดนิ ทร์ สยามนิ ทราธริ าช. กรงุ เทพฯ: ดา่ นสทุ ธาการพมิ พ,์ 2547. (ราชบณั ฑติ ย
สถานจัดพิมพ์ในโอกาสท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา
75 พรรษา)
______. “พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดุลยเดช พระปรชี าสามารถในการ
บริหารจดั การ” ใน พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว พระอจั ฉรยิ ภาพในการ
บรหิ ารจดั การ. กรงุ เทพฯ: ส�ำนกั งาน ก.พ.ร., 2549.

490 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย ______. “พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช พระมหากษตั รยิ น์ กั พฒั นา
ผทู้ รงเปน็ ตน้ แบบของการบริหาร จัดการสมยั ใหม”่ ใน 9 แผ่นดนิ ของการ
ปฏริ ูประบบราชการ. กรงุ เทพฯ: ส�ำนกั งาน ก.พ.ร., 2549.

กรมวิชาการ. พระเจา้ อยูห่ ัว. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ชวนพิมพ์, 2530.
กระทรวงมหาดไทย. ส�ำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย. การท�ำความเข้าใจเก่ียวกับ

กรอบแนวทางการด�ำเนินงานในการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เข้าใจ เข้าถงึ พัฒนา. ม.ป.ท., 2548.
คณะกรรมการอำ� นวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ 60 ป.ี สารานกุ รมพระราชกรณยี กจิ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรอบ 60 ปีแห่งการครองราชย์. กรุงเทพฯ:
กรมศิลปากร, 2551.
โครงการสารานกุ รมไทยสำ� หรบั เยาวชน โดยพระราชประสงคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั .
สารานกุ รมไทยฉบบั กาญจนาภเิ ษก. กรงุ เทพฯ: ด่านสทุ ธา, 2539.
______. สารานกุ รมไทย ฉบบั เฉลมิ พระเกยี รติ ในโอกาสฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ 60 ป.ี
กรุงเทพฯ: อมรนิ ทร์พริ้นตง้ิ แอนด์พบั ลชิ ช่ิง, 2550.
ทบวงมหาวทิ ยาลัย. เอกกษัตริย์อัจฉรยิ ะ. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ชวนพมิ พ์, 2540. (ทบวง
มหาวทิ ยาลยั รว่ มกบั สถาบนั อดุ มศกึ ษาของรฐั และเอกชน จดั พมิ พเ์ นอื่ งในมหามงคล
สมยั ฉลองสริ ิราชสมบตั ิครบ 50 ปี พุทธศกั ราช 2539)
พระราชดำ� รสั พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลตา่ ง ๆ ทเี่ ขา้ เฝา้ ฯ ถวายชยั มงคลเนอื่ งในโอกาส

วันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั สวนจติ รลดาฯ พระราชวังดุสิต

วนั พธุ ท่ี 4 ธนั วาคม 2517 วนั พฤหสั บดที ่ี 4 ธนั วาคม 2518 วนั เสารท์ ี่ 4 ธนั วาคม
2519 วนั อาทิตย์ท่ี 4 ธันวาคม 2520 วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2521. กรุงเทพฯ:
อมรินทร์พร้นิ ต้งิ แอนด์พบั ลิชชง่ิ , 2541.
พระราชดำ� รสั พระราชทานเมือ่ วันท่ี 4 ธนั วาคม 2540 คมู่ อื การดำ� เนินชวี ติ สำ� หรบั
ประชาชน ปี 2541 และทฤษฎีใหม่. พมิ พ์ครั้งท่ี 2. กรุงเทพฯ: สำ� นักงานจัดการ
ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ส�ำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บริษัท มงคลชัย
พฒั นา จำ� กดั และบรษิ ัท บางจากปิโตรเลียม จ�ำกดั (มหาชน), 2541.

มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. สรรพศลิ ปศาสตราธิราช. กรงุ เทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์ ิวชาสถาบันพระมหากษัต ิรย์ไทย 491
พบั ลชิ ชง่ิ , 2542. (มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตรจ์ ดั พมิ พเ์ นอ่ื งในโอกาสสภามหาวทิ ยาลยั
เกษตรศาสตร์ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
แด่พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั พ.ศ. 2542)

สำ� นกั งาน กปร. ทฤษฎใี หม่. กรุงเทพฯ: บางกอกบล๊อก, 2547.
______. หลกั การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั . กรงุ เทพฯ: 21 เซน็ จรู ,ี 2548.
ส�ำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. เรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท: หน้าท่ี.

กรุงเทพฯ: ส�ำนกั งานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, 2546.
ส�ำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์

การแพทย.์ สายธาราแหง่ พระมหากรณุ าธคิ ณุ . กรงุ เทพฯ: บญุ ศริ กิ ารพมิ พ,์ 2539.
ส�ำนักงานปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง. ในหลวงของเรากับฝนหลวง. ม.ป.ท., ม.ป.ป.

ทม่ี าของภาพ
กรมศิลปากร. ประชุมจารึกภาคท่ี 8 จารึกสุโขทัย. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พร้ินติ้งแอนด์

พบั ลชิ ชิ่ง, 2548.
______. สมดุ ภาพไตรภมู ฉิ บบั กรงุ ศรอี ยธุ ยา-กรงุ ธนบรุ ี เลม่ 1. กรงุ เทพฯ: อมรนิ ทรพ์ รนิ้ ตง้ิ

แอนดพ์ บั ลชิ ช่งิ , 2542.
______. อนุสาวรยี ใ์ นประเทศไทย เล่ม 2. กรงุ เทพฯ: กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์,

2542.
คณะกรรมการจัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี. สมุดภาพประติมากรรมกรุง

รัตนโกสนิ ทร์. กรงุ เทพฯ: กราฟฟิคอาร์ต, 2525.
โครงการสารานุกรมไทยส�ำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จ

พระเจ้าอยู่หัว. สารานุกรมไทยฉบับเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองสิริราช
สมบัตคิ รบ 60 ปี. กรุงเทพฯ: อมรนิ ทร์พร้นิ ตง้ิ แอนด์พบั ลิชชง่ิ , 2550.
ธวัชชัย ต้งั ศิริวานชิ . กรุงศรอี ยุธยาในแผนท่ฝี รัง่ . กรุงเทพฯ: มตชิ น, 2549.

492 วชิ าสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ไทย พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับความสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส

เลม่ หนงึ่ ตง้ั แตส่ รา้ งกรงุ ศรอี ยธุ ยาถงึ สน้ิ รชั กาลสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช.
กรุงเทพฯ: สหธรรมิก, 2549. (คณะสงฆ์วัดพระเชตุพนจัดพิมพ์เปนที่รฦกเน่ือง
ในวโรกาสพระราชพธิ ฉี ลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี 10 มิถนุ ายน 2549)
ราชบัณฑิตยสถาน. ใต้ร่มพระบารมี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช. กรุงเทพฯ:
ราชบัณฑิตยสถาน, 2547. (ราชบณั ฑิตยสถานจดั พิมพ์ในโอกาสท่ีพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หวั ทรงเจรญิ พระชนมพรรษา 75 พรรษา 5 ธนั วาคม พ.ศ. 2545)
ศกั ดช์ิ ยั สายสงิ ห.์ ศลิ ปะสโุ ขทยั : บทวเิ คราะหห์ ลกั ฐานโบราณคดี จารกึ และศลิ ปกรรม.
กรงุ เทพฯ: สถาบนั วิจยั และพฒั นา มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2547.
สุรยิ วุฒิ สขุ สวสั ดิ์, ม.ร.ว. พระพุทธปฏมิ าในพระบรมมหาราชวัง. กรงุ เทพฯ: อมรนิ ทร์
พริน้ ตงิ้ กรุ๊พ, 2535.
อภนิ นั ท์ โปษยานนท.์ จติ รกรรมและประตมิ ากรรมแบบตะวนั ตกในราชสำ� นกั เลม่ 1 - 2.
กรงุ เทพฯ: อมรนิ ทร์พรน้ิ ต้งิ กรุ๊พ, 2536.


Click to View FlipBook Version