3. การยิง «™‘ว“ิชÕ«า“อ‘™ว«า“ิชÿ∏วÕาุธ“อ «าÿ∏2ว16ุธ39 5 216395
1) ปลดห้ามไกแล้วเลอื กจังหวะการยงิ ตามต้องการ
2) เหนี่ยวไก
3) ห้ามไก เม่อื ปืนขดั ข้องหรอื เลิกยงิ
174 วชิ าอาวธุ ร√√ูปªŸ ªŸ ท∑∑่ี ’Ë 2Ë’22666ก°°า““ร√√ใ„„ส ่ซà´´à อÕÕงßßก°°ร√√ะ––ส ÿπนุ πÿ
√Ÿª∑Ë’ 26 °“√„ à´Õß°√– ÿπ
รปู ท√ªŸ่ี 2∑6Ë’ 2ก6าร°ใ“ส√่ซ„อ ง´à กÕรßะ°ส√ุน–( ตÿπ่อ)
4. °“√‡≈°‘ ¬‘ß
1) μ√«®§—π∫—ß§—∫°“√¬‘ß„ÀâÕ¬Ÿà„πμ”·Àπàß À (Àâ“¡‰°)
4. °“√2)‡≈∂‘°Õ¬¥‘ß´Õß°√– ÿπ‚¥¬º≈—°‡À≈Á°¬÷¥´Õß°√– ÿπ‰ª¢â“ßÀπâ“ À√◊Õ°¥ªÿÉ¡‡À≈Á°¬÷¥´Õß
°√– 1ÿπ) ≈μß√(√«Ÿª®∑§’Ë —π27∫)—ß§—∫°“√¬‘ß„ÀâÕ¬Ÿà„πμ”·Àπàß À (Àâ“¡‰°)
°√–· πÿπà„≈®2ß«)à“(3‰√∂¡)ŸªÕà¡∑¥¥’°÷ß’Ë´√2§–Õ7—π ß)√ÿπ°—Èß√‚§–√ ßÿππ‚”¥≈¬Ÿ°º‡≈≈◊ËÕ—°π‡¡À“≈¢Á°—¥¬‰«÷¥â„´πÕ™ßàÕ°ß√¢–—¥ §ÿπ—π‰√ª—Èß ¢·â“≈ßÀ–μπ√â“«®À¥√Ÿ„◊Õπ°√—ߥ‡æª≈ÿÉ¡‘߇À‡≈æÁ°◊ËÕ¬„À÷¥â ´Õß
4. การเลิกยงิ วิชาอา ุวธ 175
1) ตรวจคันบงั คับการยิงให้อยู่ในตำ� แหน่ง (ห้ามไก)
2) ถอดซองกระสนุ โดยผลกั เหลก็ ยดึ ซองกระสนุ ไปขา้ งหนา้ หรอื กดปมุ่ เหลก็
ยึดซองกระสนุ ลง (รูปที่ 27)
3) ดึงคันรั้งโครงน�ำลูกเล่ือนมาขัดไว้ในช่องขัดคันร้ังและตรวจดูในรังเพลิง
เพือ่ ให้แน่ใจว่าไม่มกี ระสนุ
4) ปล่อยคนั รั้งโครงนำ� ลูกเลอื่ นไปข้างหน้า
5) ปลดห้ามไกแล้วเหนยี วไก
6) ห้ามไก
การแกไ้ ขเหตตุ ดิ ขดั โดยทนั ทที นั ใดหลงั จากปนื ตดิ ขดั โดยยงั ไมต่ อ้ งพจิ ารณา
ค้นหาสาเหตตุ ดิ ขดั นน้ั ๆ แตอ่ ย่างใด วธิ แี ก้ไขขน้ั ตน้ เมอื่ เหนย่ี วไกนกปืนทำ� งานแต่ปนื ไมล่ ้น
ให้ดำ� เนินการดงั น้ี
1) รอเวลาประมาณ 10 วนิ าที (นบั 1 - 10)
2) ดึงคนั รงั้ โครงนำ� ลูกเลือ่ นมาข้างหลงั และปล่อยกลบั โดยเรว็
3) ทำ� การเลง็ และยงิ ต่อไป
4) ถ้าปืนยังท�ำการยิงต่อไปไม่ได้ให้ห้ามไก และถอดซองกระสุนออกแล้ว
พจิ ารณาคน้ หาสาเหตขุ ดั ขอ้ ง และวธิ แี กไ้ ขตอ่ ไป ตามตารางเหตตุ ดิ ขดั และวธิ แี กไ้ ข ดงั ตอ่ ไปน้ี
9. เหตตุ ดิ ขดั และวธิ แี ก้ไจ
เหตุติดขัดของปืน มักเกิดขึ้นจากการช�ำรุดสึกหรอของเครื่องกลไกประกอบชิ้น
ส่วนผิดขาดการบ�ำรุงรักษาเป็นส่วนใหญ่ ฉะน้ัน ในตารางต่อไปนี้แสดงสาเหตุการติดขัด
และวธิ ีแก้ไขท่ตี ้องประสบอยู่เสมอ
ตารางแสดงรายการแสดงการติดขัด สาเหตุ และการแก้ไข
176 วชิ าอาวธุ รายการแสดงการติดขดั สาเหตุ การแก้ไข
1. ลูกเลือ่ นเคลอ่ื นไปข้างหน้า ก. ซองกระสนุ ไม่เข้าท่ี ก. สอดซองกระสนุ ใหม่
โดยไม่บรรจกุ ระสุน ข. ซองกระสนุ หลวมจากช่อง ให้เข้าท่ี
2. ไม่รง้ั และคัดปลอกกระสนุ จัดซองกระสนุ ข. ตรวจดชู ่องยดึ ซองกระสนุ
3. กระสนุ ไมถ่ กู จดุ และไมเ่ ผาไหม้ ค. ขอบปากซองกระสนุ เสียรปู ค. เปลีย่ นซองกระสนุ ใหม่
ดนิ ส่งกระสุน ก. ขอรัง้ หรอื แหนบขอร้ังหกั ก. ส่งซ่อม
4. ลูกเลื่อนไม่ขดั กลอนสนทิ ข. เหลก็ คดั ปลอกกระสนุ ชำ� รดุ ข. ส่งซ่อม
ค. รงั เพลงิ สกปรก ค. ท�ำความสะอาดรงั เพลงิ
5. ปืนยิงไม่สม�่ำเสมอ ก. เขม็ แทงชนวนหกั ก. ส่งซ่อม
ข. เขม็ แทงชนวนปลายสน้ั ข. ส่งซ่อม
เกนิ ไป ค. บรรจกุ ระสนุ นดั ใหม่
ค. กระสุนเสอ่ื ม ก. และ ข. ท�ำความสะอาด
ก. รังเพลงิ สกปรก ค. บรรจกุ ระสุนนัดใหม่
ข. โครงตอ่ ทา้ ยล�ำกลอ้ งสกปรก ง. ส่งซ่อม
ค. กระสนุ ผดิ รูป
ง. แหนบสง่ โครงนำ� ลกู เลอื่ นหกั ก. ท�ำความสะอาด
ก. รงั เพลงิ สกปรก ข. ตบซองกระสนุ
ข. ซองกระสนุ ไม่เข้าท่ี ค. เปลย่ี นซองใหม่
ค. ซองกระสนุ สกปรกหรอื ผดิ รปู ง. ใช้กระสนุ นดั ใหม่
ง. กระสุนเสอ่ื ม
10. การบำ�รุงและรักษาความสะอาด
10.1 วัสดทุ ำ� ความสะอาดหล่อลน่ื และเครอื่ งใช้
10.1.1 วสั ดุใช้ทำ� ความสะอาด
- น้�ำมันชำ� ระล�ำกล้อง
- น้�ำร้อน และสบู่
- น้�ำยาซักแห้ง
- สารประกอบล้างธาตถุ ่าน
10.1.2 การหล่อลน่ื วิชาอา ุวธ 177
- น้�ำมันหล่อลน่ื ป้องกันสนิมชนิดพเิ ศษ
- น้�ำมันหล่อล่นื อาวธุ
- น้�ำมันหล่อลน่ื เครื่องยนต์
- ไขมนั
10.2 หน้าท่ขี องผู้ใช้ต้องรบั ผิดชอบ
- ท�ำความสะอาดอาวธุ ของตน
- ปรนนิบตั บิ �ำรุงอาวธุ ของตน
- ตรวจสภาพอาวธุ โดยท่ัว ๆ ไป
- ปืนมีสภาพสมบูรณ์พร้อมท้งั เคร่อื งประกอบ
- รายงานการช�ำรดุ และการเสอ่ื มสภาพทนั ที
10.3 การทำ� ความสะอาดทนั ที
- หลังยิงปืนแล้วทกุ ๆ วนั
- เมือ่ ถูกน�้ำ
- มีฝุ่นทรายเปรอะเปื้อน
11. การใชศ้ ูนย์และการปรับศนู ย์
11.1 หลกั การเลง็ ปืนมี ๓ ประการดงั นี้
11.1.1 ต้งั ปืนให้ตรงไม่ให้เครอ่ื งเลง็ เอนเอยี งไปทางหนง่ึ ทางใด
11.1.2 หลบั ตาซ้ายเลง็ ด้วยสายตาขวา (คนถนัดขวา)
11.1.3 ศนู ยร์ วู งกลมใหย้ อดศนู ยห์ นา้ อยกู่ ง่ึ กลางรวู งกลมศนู ยห์ ลงั ทง้ั ทาง
ด่ิงและทางระดับ เรียกว่า การเล็งศูนย์พอดี และให้ก่ึงกลางส่วนล่างของเป้าหมายตั้งบน
ยอดศนู ย์หน้า เรยี กว่า การเลง็ ท่หี มายน่งั แท่น
11.1.4 การปรับศูนย์ปืนเล็กยาว 11 ศูนย์หน้าแบบคงท่ี ส่วนศูนย์หลัง
เป็นศนู ย์ทส่ี ามารถปรับได้ท้งั ทางระยะและทางทิศ
14.1.2 À≈—∫μ“´â“¬ ‡≈Áߥ⫬ “¬μ“¢«“ (§π∂π—¥¢«“)
14.13.3 »Ÿπ¬å√Ÿ«ß°≈¡ „Àâ¬Õ¥»Ÿπ¬åÀπâ“Õ¬àŸ°÷Ëß°≈“ß√Ÿ«ß°≈¡»Ÿπ¬åÀ≈—ß∑—Èß∑“ߥ‘Ëß
·≈–∑“ß√–¥—∫ ‡√’¬°«à“ °“√‡≈Áß»πŸ ¬åæÕ¥’ ·≈–„Àâ°÷Ëß°≈“ß à«π≈à“ߢÕ߇ªÑ“À¡“¬μ—Èß∫π¬Õ¥
»Ÿπ¬åÀπâ“ ‡√’¬°«à“ °“√‡≈Áß∑’ËÀ¡“¬π—Ëß·∑àπ
1
2
178 วชิ าอาวธุ 270°14“4 √«™‘ ว‡“ิช≈Õา“อÁß«า∏ÿ»วุธπŸ ¬æå Õ¥’ °“√‡≈ßÁ ∑Ë’À¡“¬πß—Ë ·∑πà
รูปที่ 30 การจดั แนวเสน้ เลง็ ปลย.11
√ªŸ ∑’Ë 30 °“√®¥— ·π«‡ πâ ‡≈Áß ª≈¬.11
1 ™“¬
รปู ท√ี่Ÿª3∑1Ë’ 31ก-1า°ร“ป√ªร√ับ—∫ท∑“าßง∑ท»‘ ศิ √ªŸ ∑Ë’ 31-2ร°ปู “√ทÀ่ี ¡3(ÿπ∑1§“-«ß2∑߇»‘ °ก)≈า¬’ ร«หª√ม∫— นุ»Ÿπค¬วåÀง≈เß— กลยี ว
ปรบั ศูนย์หลงั (ทางทศิ )
ร√ูปªŸ ท∑ี่ ’Ë 32 ก°“า√รªป√ร—∫บั ∑ท“าßง สŸßูง
1.11.4.1 การปรบั ทางระยะ (รูปที่ 32) การปรับทางระยะนนั้ ต้องมีเครือ่ งบังคบั
แกนยึดแผ่นมาตราศูนย์หลังรูวงกลมให้ยุบตัวเข้าไปในแกนศูนย์หลัง การหมุนน้ีไม่ว่า
จะตามเขม็ หรอื ทวนเขม็ เพอ่ื ความสะดวกใหค้ ดิ เปน็ จำ� นวนรอบจากตำ� แหนง่ เดมิ ทม่ี อี ยู่ เชน่
1ท/�ำ4ใ, ห1/้เ2ป,ล3่ีย/4นแตลำ� ะบ1ลกรอรบะสหุนรถอื ูก2เปร้าอสบูงเหปรน็ ือตตน้ ำ�่ ล1ในง™“ร¬ะ4ยซะยมงิ. 25 เมตร 1 รอบ ของศนู ยห์ ลงั วงกลม วิชาอา ุวธ 179
ไป 1 ซม. นน่ั เอง หรือ 1/4 รอบเปล่ียนตำ� บลกระสุน
ในระยะ 100 ม. ถ้าหมุนแผ่นมาตราระยะยิงไป 1/4 รอบ กจ็ ะเปลี่ยน
ตำ� บลกระสนุ ถกู ต้อง 4 ชม. สำ� หรบั ระยะ 200, 300 และ 400 ม. นน้ั คดิ ปัจจัยตัวเลข
ระยะนน้ั ๆ แล้วหารด้วย 100 200
ตวั อย่าง ระยะยงิ 200 ม1/.4ปรัจอจบยั ต=ัวแ2กx้เท4่ากซบั ม.1200ก00าร=หม2นุ แผ่นมาตรา
เพราะฉะนั้นถ้าหมนุ ไป
ระยะยิงนน้ั มขี ้อควรจ�ำ คอื
ก. ถ้าหมนุ ศนู ย์หลงั ตามเขม็ นาฬิกาท�ำให้รอยกระสุนต่�ำ
ข. ถ้าหมนุ ศูนย์หลงั ทวนเข็มนาฬิกาท�ำให้รอยกระสุนสงู ขึ้น
ค. การหมุนแผ่นมาตราระยะยิงน้ัน ต้องให้ลงร่องขัดของรูกลม
ทกุ ระยะยงิ ที่แกนยดึ แผ่นมาตราระยะยิง (มเี สียงดงั คลกิ )
180 วชิ าอาวธุ 1.11.4.2 การปรบั ทางทศิ (รปู ท่ี 31) ปนื เลก็ ยาว 11 ไมส่ รา้ งมาตรามมุ ทศิ ไว้
เช่น ปืนอื่น ๆ จ�ำเป็นต้องอาศัยการหมุนเป็นรอบของควงปรับทางทิศของฐานศูนย์หลัง
ซ่ึงอยู่ทางขวาของฐานศูนย์หลังถ้าให้สะดวกควรคิดเป็นจ�ำนวนรอบของฐานศูนย์หลัง
ถา้ ใหส้ ะดวกควรคดิ เปน็ จ�ำนวนรอบของควงมมุ ทศิ จากต�ำแหนง่ เดมิ ซง่ึ เปน็ ควงหวั ผา่ 2 แฉก
การนบั รอบคอื 1/4, 1/2, 3/4 และ 1 รอบ 2 รอบเป็นต้น
ในระยะ 25 เมตร 1 รอบของควงมมุ ทศิ ทำ� ใหเ้ ปลย่ี นตำ� บลกระสนุ
ไปทางซ้ายหรอื ขวามอื 4 ซม. เช่นเดยี วกบั ทางระยะเหมอื นกนั
ในระยะ 100 เมตร ถ้าหมุนควงมุมทิศไป 1/4 รอบก็จะเปลยี่ น
ตำ� บลกระสุนถกู ไปจากทเ่ี ดมิ 4 ซม. ระยะ 25 = 1 ซม.
ส�ำหรับระยะ 200, 300 และ 400 ม. กค็ ิดปัจจยั เช่นเดียวกบั
ทางระยะยงิ การหมนุ ควงปรบั ทางทศิ มขี ้อควรจ�ำคอื
ก่อนใช้ไขควงจ�ำปาขันหรือคลายควงมุมทิศให้ใช้ไขควงจ�ำปา
คลายเกลยี วยดึ ฐานศนู ย์หลงั ให้หลวมพอขยบั ตวั ได้ 3/4 รอบ
แล้วใช้ไขควงจ�ำปาขันหรอื คลายมมุ ทิศโดยเกณฑ์ดังน้ี
1. ถา้ ตอ้ งการเปลยี่ นตำ� บลกระสนุ ถกู ไปทางขวาใหห้ มนุ ควงมมุ
ทศิ ทวนเขม็ นาฬิกาศูนย์หลงั จะไปซ้าย
2. ถา้ ตอ้ งการเปลย่ี นตำ� บลกระสนุ ถกู ไปทางซา้ ยใหห้ มนุ ควงมมุ
ทิศตามเขม็ นาฬิกาศูนย์หลงั จะไปขวา
12. กระสนุ (รปู ท่ี 33)
กระสนุ ซงึ่ ใช้กบั ปลย.11 มีอยู่ 4 ชนดิ
1. กระสนุ ธรรมดาทำ� ดว้ ยโลหะหลอ่ ผสมตะกวั่ หมุ้ ดว้ ยโลหะเปน็ กระสนุ พน้ื ฐาน
ใช้ในสนามรบ
2. กระสุนส่องวิถีเหมือนกระสุนธรรมดาทาสีส้มท่ีปลายลูกกระสุนใช้ยิง เพ่ือ
ตรวจการณผ์ ลการยงิ ผลทำ� ใหเ้ กดิ เพลงิ ไหมแ้ ละเปน็ สญั ญาณโดยปกติ จะยงิ่ เปน็ อตั ราสว่ น
กับกระสนุ ธรรมดา 4 นดั ต่อกระสุนส่องวถิ ี 1 นดั
2. °√– ÿπ àÕß«‘∂’ ‡À¡◊Õπ°√– ÿπ∏√√¡¥“ ∑“ ’ â¡∑’˪≈“¬≈Ÿ°°√– ÿπ „™â¬‘ß‡æ◊ËÕμ√«® วิชาอา ุวธ 181
°“√≥åº≈°“√¬‘ß º≈∑”„À⇰‘¥‡æ≈‘߉À¡â·≈–‡ªìπ —≠≠“≥ ‚¥¬ª°μ‘®–¬‘߇ªìπÕ—μ√“ à«π°—∫
°√– ÿπ∏√√¡¥“ 4 π—¥ μàÕ°√– ÿπ àÕß«‘∂’ 1 π—¥
3. °√– ÿπ´âÕ¡√∫3. ∑ก’˪ระ≈ส“ุน¬ซª้อ≈มÕร°บ∑ท”่ีป√ลàÕาßย¬ป“ล«อ∫ก’∫ทª�ำรî¥่อ‡งªยìπา®วบ’∫ีบป∑ิด“เ ป’¡็นàจ«ีบßทา„ส™ีมâΩ่วñ°ง¬‘ßใ∑ช้ฝ“ßึกยิง
¬ÿ∑∏«‘∏’‡æ◊ËÕ„ทÀาâ∑งÀยุท“√ธ§วธิÿâπี ‡เ§พ¬ื่อ°ให—∫้ท‡ ห’¬ารßค°ุ้น√เ–ค ยÿπก„บั πเส°ีย“ง√ก√∫ระสμุนâÕใßน„ก™าâ°ร—∫รบªต≈้อÕง°ใ∑ช้ก«บั’§ป«“ล¡อก∂ทÕว¬คี วามถอย
·μà¿“4¬. „°π√ª–แ≈ ตÕÿπ่ภ°Ωา‰ñย°¡ใÀà¡น—’¥¥ป‘π∫ล4. อ√ àß√กก°®ไรม√ÿะ–่มส√ ดีุนŸªÿπินฝ√สึกà“·่งหß≈กดัª–รบะ≈™รสπÕรนุ «°จπุร‡แูปª∑ลรìπะâ“่าช¬√งนàÕปªวßล≈น¬อÕท“ก°้า«เ°ปย√็นป–6รล ่ออÿπง√กยàÕการßวะส6‡ุนÀร¡่อง◊Õπเห°ม√ือ–น กÿπระ∏ส√นุ√¡ธร¥ร“มดา
ª≈“¬ ’ â¡
ª≈“¬ ’¡à«ß
√ªŸ ∑’Ë 33 °√– πÿ ª≈¬.11 4 ™π¥‘
รปู ท่ี 33 กระสุน ปลย.11 4 ชนดิ
182 วชิ าอาวธุ บทท่ี
ปนื เลก็ ยาว เอ็ม 16 เอ 1
1. อาวธุ ศกึ ษา
รายการท่วั ไป
- ปืนเลก็ ยาว เอม็ 16 เอ 1 ซ่งึ มีขนาดกว้างปากลำ� กล้อง 5.56 มม. (0.223 น้วิ )
- ป้อนกระสุนด้วยซองกระสนุ ชนดิ บรรจุได้ 20 นดั และ 30 นัด
- ท�ำงานด้วยแก๊สระบายความร้อนด้วยอากาศ
- เป็นอาวธุ ที่ยงิ ด้วยการประทบั บ่า
- ปืนนอี้ อกแบบสร้างขน้ึ เพื่อให้สามารถท�ำการยงิ ได้ ทั้งแบบก่งึ อัตโนมตั ิ
และยงิ เป็นแบบอตั โนมัติ โดยการจดั คนั บงั คับการยิงให้อยู่ในต�ำแหน่งทีต่ ้องการ
- ปืนน้มี ปี ลอกลดแสงตดิ อยู่ที่ปากล�ำกล้อง เพ่อื ลดแสงสว่างให้ลดน้อยลง
ในขณะทที่ ำ� การยงิ ใชย้ งิ ลกู ระเบดิ ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งใชเ้ ครอื่ งประกอบอนื่ ๆ มาตดิ ตงั้ เพมิ่ อกี
- ล�ำกล้องท�ำด้วยโลหะผสมอะลมู เิ นียม
- ครอบล�ำกล้องชนิดกันความร้อนแบบแก้วไฟเบอร์ 2 อัน มีช่องระบาย
ความรอ้ นขา้ งบน 10 ชอ่ ง ขา้ งลา่ ง 6 ชอ่ ง เพอ่ื ใหอ้ ากาศเขา้ หมนุ เวยี นรอบบรเิ วณลำ� กลอ้ งได้
และเป็นการป้องกนั ท่อแก๊สไม่ให้เกดิ ช�ำรุดได้ง่าย
- แผ่นยางรองพานท้ายติดอยู่ท่ีพานท้ายปืน เพื่อรับแรงสะท้อนถอยหลังของ
ปืนให้ลดน้อยลงขณะยงิ
- เครอื่ งชว่ ยสง่ ลกู เลอื่ นใหก้ ลบั ไปขา้ งหนา้ อยทู่ างขวาของหอ้ งลกู เลอื่ นตอนบน
เคร่ืองช่วยส่งลูกเลื่อนให้กลับไปข้างหน้าและเข้าขัดกลอนได้ในเม่ือแหนบรับแรงถอยส่ง
ลูกเลอ่ื นไม่เข้าขดั กลอน
- ขาทราย ทำ� เปน็ รปู ไมห้ นบี ผา้ การใชข้ าทรายเพอื่ ใหเ้ กดิ ความแมน่ ยำ� สำ� หรบั
การยิงเป็นอัตโนมัติ ในท่านอนยิง, ท่ายิงในหลุมบุคคล และท่ายิงใต้แขนในโอกาสเข้า
ตะลุมบอนโดยใช้ขาทรายตดิ กบั ล�ำกล้องปืนบรเิ วณใต้ศนู ย์หน้า
- โกร่งไก สามารถปรบั ได้ง่าย เพ่อื สะดวกในการสวมถงุ มอื ยิงในสภาพการรบ
ทีม่ อี ากาศหนาว
- แผ่นปิดกันฝุ่น มีไว้เพื่อปิดป้องกันฝุ่นในเมื่อไม่ได้ใช้ปืนท�ำการยิง เช่น
เม่ือน�ำปืนไปมา
รูปท่ี 1 ปลย.เอม็ .16 เอ.1
น�ำ้ หนกั กิโลกรมั ปอนด์ วิชาอา ุวธ 183
ปลย.ไม่มซี องกระสนุ 2.97 6.55
และสายสะพาย น้�ำหนักรวมสายสะพาย 3.45 7.6
และซองกระสนุ บรรจกุ ระสนุ 20 นดั 3.60 7.9
.27 .60
30 นดั .09 .20
ขาทราย แบบ เอม็ .3 .27 .60
กล่องใส่ขาทราย .14 .30
ดาบปลายปืนแบบ เอ็ม.7 .18 .40
ฝักดาบ น้วิ
สายสะพายแบบ เอม็ .1 เซนติเมตร 44.25
ความยาว 112.40 39.00
ปลย. ตดิ ดาบปลายปืน 99.06
ความยาวของ ปลย. รวม
ปลอกลดแสง
รปู ที่ 1 ปลย.เอม็ .16 เอ.1 (ต่อ)
184 วชิ าอาวธุ ลำ� กล้องรวมปลอกลดแสง 53.34 21.00
ลำ� กล้องไม่รวมปลอกลดแสง 41.80 20.00
กระสุน : 179 เกรน
แบบ เอ็ม.193
นำ้� หนกั รวม 1 นดั 55 เกรน
หวั กระสุน 380 นัด
ชนดิ ธรรมดา ส่องวถิ ี ซ้อมรบ หดั บรรจุ 1 รอบ เท่ากบั 12 นิ้ว
และพลาสติก 3,250 ฟตุ /วนิ าที (โดยประมาณ)
อัตรากระสนุ มูลฐาน 700 ถึง 800 นดั /นาที (โดยประมาณ)
(ซองกระสุน แบบ 30 นดั ) 45 ถงึ 65 นดั /นาที
ลักษณะการปฏบิ ตั ิงาน 150 ถงึ 200 นดั /นาที
เกลียว 6 เกลยี ว เวยี นขวา ; 12 ถึง 15 นดั /นาที
ความเรว็ ต้นท่ปี ากล�ำกล้อง ต่อเนอ่ื งใน 1 นาที
อตั ราการยงิ เป็นวงรอบ 2,653 เมตร
อัตราการยงิ สงู สดุ
แบบกง่ึ อตั โนมตั ิ 460 เมตร
แบบอัตโนมัติ
ยงิ ต่อเนอ่ื ง
ระยะยงิ ไกลสดุ
ระยะยงิ หวงั ผล
ในเวลากลางวนั ต่อเป้าขนาดตวั คน
อยู่กบั ท่โี อกาสถกู เป้า 50%
ในระยะ 250 ถงึ 300 เมตร ในเวลากลางวนั
ต่อเป้าขนาดตวั คนก�ำลังเคลอื่ นทโ่ี อกาส
ถูกเป้า 30 - 40% ในระยะ 200 เมตรลงมา
ระยะยิงหวงั ผลสูงสุด
2. การถอดประกอบ วิชาอา ุวธ 185
ปืนเล็กยาว เอ็ม.16 เอ.1 ถ้าปืนไม่ได้ข้ึนนกจะจัดคันบังคับการยิงให้อยู่ใน
ตำ� แหน่งห้ามไกไม่ได้
การถอด-การประกอบ แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ
1. การถอด-ประกอบปกติ ท�ำการถอดเพื่อท�ำความสะอาดช้ินส่วนต่าง ๆ
ของปืนให้ระดับหน่วยใช้และพลทหารท�ำการถอดประกอบได้ โดยไม่ต้องอยู่ในความ
ควบคมุ กำ� กับดูแล
2. การถอด-ประกอบพิเศษ ท�ำการถอดเพ่ือสับเปลี่ยนชิ้นส่วนของปืนเกิดการ
ช�ำรุดสึกหรอไม่สามารถใช้งานได้ ท�ำการถอดโดยผู้มีความช�ำนาญการ เช่น เจ้าหน้าท่ี
สรรพาวธุ หรอื นายสบิ ชา่ งอาวธุ ของหนว่ ย ถา้ ทหารมคี วามจ�ำเปน็ จะตอ้ งทำ� การถอด จะตอ้ ง
อยู่ในความควบคมุ ของนายทหารช้นั สัญญาบัตรหรือนายสบิ ช่างอาวุธของหน่วย
การถอด-ประกอบปกติ ท�ำตามลำ� ดบั ต่อไปนี้
1. ถอดสายสะพายและวางปืนหนั ปากล�ำกล้องไปทางซ้าย
2. ถอดสลกั ยดึ โครงปืนอนั หลงั และอนั หน้า (อย่าให้สลกั ยึดโครงปืนทง้ั 2 อัน
หลดุ ออกจากโครงปืนส่วนล่าง)
3. แยกโครงปืนส่วนบนและส่วนล่างออกจากกนั
4. หยบิ โครงปนื สว่ นบนใหป้ ากลำ� กลอ้ งหนั ไปทางซา้ ย ดงึ คนั รง้ั โครงนำ� ลกู เลอื่ น
มาข้างหลงั คร่ึงหนง่ึ แล้วถอดโครงน�ำลกู เลอื่ นออกมา และถอดคนั รั้งโครงน�ำลูกเลอ่ื น
การถอดชุดโครงนำ� ลูกเลอื่ น
- ถอดสลักเขม็ แทงชนวน
- ถอดเข็มแทงชนวน (เทออกทางด้านหลงั )
- ถอดสลกั ลกู เบยี้ ว (หมนุ 90 องศา หรือ 1/4¼ รอบ)
- ถอดลกู เลื่อนออกทางด้านหน้า
- ถอดแหนบและแกนแหนบรบั แรงถอย
- ชน้ิ ส่วนสดุ ท้ายท่จี ะถอดคอื ครอบล�ำกล้องปืน
การประกอบ ใหก้ ระทำ� ตรงขา้ มกบั การถอด ชน้ิ สว่ นทถ่ี อดออกหลงั สดุ ใหป้ ระกอบ
เข้าไว้ก่อน
186 วชิ าอาวธุ การถอด-ประกอบพิเศษ คือ การถอดช้ินส่วนของโครงปืนส่วนล่าง มีล�ำดับ
การถอด ดงั น้ี
1. ถอดสลักนกปืน
2. นกปืนและแหนบนกปืน
3. สลักกระเดื่องไกอตั โนมัติ
4. กระเด่ืองไกอตั โนมัติและแหนบ
5. คนั บงั คบั การยงิ
6. สลักไก
7. ไกและแหนบไก
8. กระเดื่องตดั จงั หวะการยงิ
การประกอบ ให้กระทำ� ตรงกันข้ามกบั การถอด
3. การท�ำ งานของปนื
ทหารจะตอ้ งเขา้ ใจชน้ิ สว่ นประกอบของ ปลย. และขนั้ ตอนการท�ำงานของกลไก
ในระหว่างวงรอบของการยิง ปลย.เอ็ม.16 เอ.1 ถูกออกแบบให้สามารถท�ำการยิงได้
ทั้งแบบกึ่งอัตโนมัติและแบบอัตโนมัติ ปลย.เอ็ม.16 เอ.2 น้ัน ถูกออกแบบให้สามารถ
ท�ำการยงิ ได้ทง้ั แบบกึ่งอัตโนมตั ิและแบบอตั โนมตั ชิ ดุ ส้นั (3 นดั )
ข้ันตอนการท�ำงาน
ขนั้ ตอนการทำ� งาน 8 ขน้ั ตอน (การปอ้ นกระสนุ , การเขา้ สรู่ งั เพลงิ , การขดั กลอน,
การยิง, การปลดกลอน, การร้ังปลอกกระสุน, การคัดปลอกกระสุน และการข้ึนนก)
จะเริ่มต้นภายหลงั จากทไ่ี ด้น�ำซองกระสุนบรรจุกระสุนใส่เข้าไปในตัวปืน
ขั้นตอนท่ี 1 การปอ้ นกระสุน (รูปที่ 2)
ในขณะท่ีชุดโครงน�ำลูกเล่ือนเคลื่อนที่มาข้างหลัง จนกระทั่งสัมผัสกับโครง
พานทา้ ยนนั้ จะกดสปรงิ รบั แรงถอยใหจ้ มลงไปในสว่ นพานทา้ ย ซงึ่ เมอื่ หนา้ ลกู เลอื่ นพน้ จาก
สว่ นบนของซองกระสนุ แลว้ แหนบของซองกระสนุ จะขยายตวั ดนั กระสนุ ขน้ึ มาอยใู่ นทศิ ทาง
ท่ีลูกเลื่อนจะเคล่ือนท่ีกลับมาข้างหน้า เพราะแหนบรับแรงถอยจะขยายตัวดันชุดโครง
ลกู เลอ่ื นกลบั มายงั ตำ� แหนง่ เดมิ ดว้ ยแรงพอเพยี งทจี่ ะนำ� กระสนุ นนั้ เคลอื่ นทไี่ ปขา้ งหนา้ ดว้ ย
รปู ที่ 2 การปอ้ นกระสนุ วิชาอา ุวธ 187
ขน้ั ตอนที่ 2 การเข้าสู่รังเพลงิ (รูปที่ 3)
ในขณะท่ีชุดโครงน�ำลูกเลื่อนเคล่ือนท่ีกลับไปข้างหน้านั้น หน้าลูกเลื่อน
จะส่งกระสุนเข้าไปในรังเพลิง ช่วงเวลาเดียวกันกับท่ีหน้าลูกเลื่อนสัมผัสกับจานท้าย
ของกระสุนนน้ั เหลก็ คัดปลอกกระสนุ จะถูกอดั ตัวจมลงไปในหน้าลูกเล่อื น
รูปท่ี 3 การเข้าสู่รังเพลิง
188 วชิ าอาวธุ ขั้นตอนท่ี 3 การขัดกลอน (รปู ที่ 4)
ในขณะที่ชุดโครงน�ำลูกเล่ือนเคลื่อนท่ีมาข้างหน้า สลักลูกเบ้ียวก็จะถูกบังคับ
จากร่องลาดลูกเบี้ยวในห้องลูกเล่ือนส่วนบน ก่อนท่ีจะสัมผัสกับส่วนท้ายของล�ำกล้อง
สลกั ลกู เบยี้ วจะเคลอื่ นทไ่ี ปตามแนวรอ่ งลาดลกู เบย้ี ว ทำ� ใหล้ กู เลอื่ นหมนุ ตวั ทวนเขม็ นาฬกิ า
ไปอยู่ในท่าขดั กลอน ครัน้ แล้วปืนกพ็ ร้อมท่จี ะท�ำการยิง
รปู ท่ี 4 การขัดกลอน
ขน้ั ตอนที่ 4 การยงิ (รูปท่ี 5)
เร่ิมต้นโดยมกี ระสุน 1 นัด อยู่ในรงั เพลิง นกปืนอยู่ในท่าขน้ึ นก และคันบงั คบั
การยิงอยู่ในต�ำแหน่งก่ึงอัตโนมัติ ผู้ยิงเหน่ียวไก ไกจะหมุนตัวบนสลักไก ท�ำให้ปลาย
ของหน้าไกต�่ำลงและหลุดตัวออกจากปากแง่ล่างของนกปืน นกปืนจะฟาดตัวไปข้างหน้า
ดว้ ยแรงขยายของแหนบของปนื นกปนื จะตเี ขา้ กบั ทา้ ยเขม็ แทงชนวน และขบั ใหเ้ ขม็ แทงชนวน
ว่ิงผ่านลูกเลื่อนเข้าแทงจอกกระทบแตกของจานท้ายปลอกกระสุน เม่ือจอกกระทบแตก
เผาไหม้ดินส่งกระสุน ลูกกระสุนก็ถูกบังคับให้วิ่งผ่านไปในลำ� กล้อง ในขณะเดียวกันนั้น
แก๊สก็จะเคลื่อนท่ีผ่านล�ำกล้องไปจนกระท่ังผ่านช่องแก๊ส ซึ่งอยู่ที่ผนังด้านบนตอนปลาย
ของลำ� กลอ้ ง (ใตศ้ นู ยห์ นา้ ) แกส๊ สว่ นนอ้ ยจะวง่ิ ผา่ นเขา้ ไปในชอ่ งแกส๊ และวงิ่ ไปในทอ่ นำ� แกส๊
จนกระท่ังถึงหน้าโครงน�ำลูกเลื่อนซ่ึงสร้างเป็นท่อรับแก๊สไว้ ดันให้โครงน�ำลูกเล่ือนวิ่ง
ถอยมาข้างหลงั
รูปที่ 5 การยิง วิชาอา ุวธ 189
ขั้นตอนท่ี 5 การปลดกลอน (รูปที่ 6)
เม่ือโครงน�ำลูกเลื่อนเคล่ือนท่ีไปทางด้านหลัง ร่องบังคับลูกเบี้ยว ซ่ึงอยู่ท่ีผนัง
ตอนบนของห้องลูกเลื่อนจะบังคับต่อสลักลูกเบี้ยว สลักลูกเบ้ียวจะบังคับต่อลูกเล่ือน
ให้หมุนตัว จนกระทั่งครีบขัดกลอนของลูกเลื่อนไม่อยู่ตรงกับครีบขัดกลอนของโครงปืน
ซ่งึ อยู่ตอนท้ายของรงั เพลงิ
รปู ท่ี 6 การปลดกลอน
190 วชิ าอาวธุ ขัน้ ตอนที่ 6 การร้ังปลอกกระสนุ (รปู ท่ี 7)
โครงน�ำลูกเลื่อนยังคงเคลื่อนท่ีไปทางด้านหลังพร้อมกันกับลูกเลื่อน ด้วยการ
ทำ� งานของขอรงั้ ปลอกกระสนุ ซงึ่ ตดิ อยทู่ ล่ี กู เลอ่ื นกจ็ ะน�ำปลอกกระสนุ เปลา่ ออกจากรงั เพลงิ
ขอร้ังปลอกกระสุนซ่ึงฝังตัวอยู่ในขอบจานท้ายปลอกกระสุน จะยึดจานท้ายปลอกกระสุน
ให้ตดิ มากบั หน้าลกู เลอ่ื นด้วย
รูปที่ 7 การรัง้ ปลอกกระสนุ
ขน้ั ตอนที่ 7 การคดั ปลอกกระสนุ (รูปท่ี 8)
เมอ่ื จานทา้ ยปลอกกระสนุ สมั ผสั กบั หนา้ ลกู เลอื่ น เหลก็ คดั ปลอกกระสนุ กจ็ ะถกู
กดให้จมเข้าไปในช่องของเหล็กคัดปลอกกระสุน เม่ือโครงน�ำลูกเล่ือนเคล่ือนที่ผ่านช่อง
คัดปลอกกระสุน ปลอกกระสุนเปล่าก็จะถูกเหว่ียงออกมาจากช่องคัดปลอกกระสุน ด้วย
แรงดนั ของเหลก็ คดั ปลอกกระสุนและแหนบ
รูปที่ 8 การคดั ปลอกกระสนุ
ข้ันตอนท่ี 8 การข้ึนนก (รปู ที่ 9) วิชาอา ุวธ 191
การเคล่ือนที่มาทางด้านหลังของโครงน�ำลูกเลื่อน จะชนเข้ากับนกปืน และ
บงั คบั ใหน้ กปนื พลกิ ตวั ตำ�่ ลงในหอ้ งลกู เลอ่ื น ทำ� ใหเ้ กดิ อดั แหนบนกปนื แงอ่ นั ลา่ งของนกปนื
จะถกู กระเด่อื งไกยึดไว้ เมื่อไกถูกปล่อยนกปืนกจ็ ะหลุดออกจากกระเด่ืองไก และถูกปลาย
หน้าของไกเก่ยี วไว้ ก่อนท่จี ะท�ำการยงิ กระสุนนัดต่อไปได้จะต้องเหนยี่ วไกอีก
รูปท่ี 9 การขน้ึ นก
การยิงแบบกง่ึ อัตโนมตั ิ (ปลย.เอม็ .16 เอ.1)
กระเด่ืองไกน้ันเป็นเครื่องกลไกที่ติดต้ังไว้ เพ่ือให้ผู้ยิงท�ำการยิงได้ทีละนัด
ท้ังใน ปลย.เอ็ม.16 เอ.1 และ เอ.2 กระเด่ืองไกท่ีติดอยู่กับไกจะพลิกไปทางด้านหน้า
ด้วยแรงดนั ของแหนบกระเดอ่ื งไก เมื่อปืนขึน้ นก เนอื่ งจากการถอยมาข้างหลังของโครงนำ�
ลกู เลอ่ื นกระเดอ่ื งไกกจ็ ะเกย่ี วเขา้ กบั แงล่ า่ งนกปนื และจะยดึ นกปนื ไวจ้ นกวา่ ไกจะถกู ปลอ่ ย
เมอื่ ปลอ่ ยไกแลว้ กระเดอ่ื งไกกจ็ ะพลกิ ตวั ลงดา้ นลา่ งเปน็ การปลดนกปนื และปลอ่ ยใหน้ กปนื
หมุนไปด้านหน้า จนกระทั่งนกปืนถูกปลายหน้าของไกเหนี่ยวไว้ การท�ำงานดังกล่าวน้ี
เป็นการป้องกันมิให้นกปืนฟาดตัวตามโครงน�ำลูกเล่ือนในทางด้านหน้า ซึ่งจะท�ำให้ปืนยิง
อตั โนมัตไิ ด้
192 วชิ าอาวธุ การยิงแบบอัตโนมตั ิ (ปลย.เอม็ .16 เอ.1)
เมอ่ื จดั คนั บงั คบั การยงิ ไปอยใู่ นตำ� แหนง่ อตั โนมตั ิ (AUTO) แลว้ ปนื กจ็ ะทำ� การยงิ
ตดิ ตอ่ กนั เรอ่ื ยไปตราบเทา่ ทเี่ รายงั เหนย่ี วไกไว้ และยงั มกี ระสนุ อยใู่ นซองกระสนุ การทำ� งาน
ของชน้ิ ส่วนบางชน้ิ ของปืนจะเปล่ยี นแปลงไปบ้างเม่ือท�ำการยิงเป็นอัตโนมตั ิ
เม่ือเหน่ียวไกวงรอบ การท�ำงานจะเร่ิมข้ึน โครงลูกเลื่อนจะถอยไปข้างหลัง
นกปืนจะข้ึนนก แต่ลูกเบ้ียวตัวกลางของคันบังคับการยิงจะกดส่วนหลังของกระเด่ืองไก
และป้องกันแง่หน้าของกระเดอ่ื งไกมใิ ห้เก่ียวกบั ส่วนล่างของนกปืนได้
กระเด่ืองไกอัตโนมัติ ซ่ึงจะเก่ียวกับแง่บนของนกปืนและจะยึดนกปืนไว้
จนกระท่ังโครงน�ำลูกเลื่อนเคล่ือนที่ไปทางด้านหน้า และส่วนล่างของโครงน�ำลูกเล่ือน
ชนเขา้ กบั สว่ นบนของกระเดอื่ งไกอตั โนมตั ิ จะเปน็ ผลใหเ้ กดิ การปลดนกปนื ปนื กจ็ ะทำ� การยงิ
เป็นอัตโนมตั ิ
ถ้าปล่อยไก นกปืนจะเคลอ่ื นทไี่ ปทางด้านหน้าและถูกปลายหน้าของไกเกย่ี วไว้
ก็จะทำ� ให้สิน้ สดุ วงรอบของการยงิ เป็นอตั โนมตั ิ จนกว่าจะเหน่ียวไกอีก
รปู ที่ 10 การยิงในแบบอัตโนมัติ (ปลย.เอม็ .16 เอ.1)
4. การท�ำ งานผิดปกติและการแก้ไข วิชาอา ุวธ 193
การด�ำรงรักษาสภาพของอาวุธ เป็นความรับผิดชอบของผู้บังคับหน่วยและ
นายสิบช่างอาวุธ ตัวทหารเองก็มีความรับผิดชอบในการปรนนิบัติบ�ำรุงอาวุธของตน
ให้สะอาดและอยู่ในสภาพใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะในการฝึกหรืออบรม ดังนั้น
ทหารจงึ ควรจะไดร้ บั การแจกจา่ ยคมู่ อื การใชง้ าน และอปุ กรณท์ ำ� ความสะอาดอาวธุ ประจำ� กาย
หรอื อาวธุ ทีต่ นได้รับมอบให้ใช้งาน
เหตุตดิ ขดั
เหตตุ ดิ ขดั คอื การทอี่ าวุธไม่ท�ำงานตรงตามวงรอบของเครอื่ งกลไก โดยท่ีผู้ยิง
ไมเ่ จตนา ผยู้ งิ สามารถใชก้ ารแกไ้ ขเหตตุ ดิ ขดั ทนั ทที นั ใด หรอื การแกไ้ ขตามสาเหตุ เพอื่ ทำ� ให้
เครอื่ งกลไกของปืนท�ำงานให้ครบวงรอบ เหตุตดิ ขดั ในบางลกั ษณะไม่สามารถใช้การแก้ไข
ทันทีทันใดหรือการแก้ไขตามสาเหตุได้ ก็จ�ำเป็นต้องใช้การซ่อมโดยช่างอาวุธ การเข้าใจ
ในระบบการทำ� งานของอาวธุ ปืน จงึ เป็นส่วนหนง่ึ ท่ีจะช่วยให้การแก้ไขดังกล่าวสำ� เรจ็
การแกไ้ ขทนั ทที นั ใด หมายถงึ การดำ� เนนิ การโดยใชว้ ธิ กี ารตา่ ง ๆ อยา่ งรวดเรว็
เพื่อขจัดเหตุติดขัด เม่ือผู้ยิงได้ตรวจพบหรือสันนิษฐานเอา โดยยังไม่ต้องใช้การวิเคราะห์
อย่างละเอยี ดแท้จรงิ การแก้ไขทนั ทีทนั ใดนนั้ มขี น้ั ตอน คือ :
- ให้ตบซองกระสนุ ขึ้นข้างบนไม่แรงนกั เพือ่ ม่ันใจว่าซองกระสนุ เข้าที่
- ดึงคนั รง้ั โครงนำ� ลกู เลื่อนมาข้างหลงั จนสดุ แล้วตรวจดูในรงั เพลงิ (มองดูว่า
การคัดปลอกกระสุนเป็นปกติ และมีกระสุนท่ียิงแล้วค้างอยู่หรือไม่ ถ้ามีให้หยุดคันร้ังไว้
ข้างหลงั แล้วใช้การแก้ไขตามสาเหต)ุ
- ปล่อยคนั รง้ั โครงน�ำลกู เลอ่ื นไปข้างหน้า (อย่าผลกั คันร้งั )
- ดันเครือ่ งช่วยส่งลูกเล่อื นให้กลบั ไปข้างหน้าสดุ เพือ่ ให้ลกู เล่อื นเข้าขดั กลอน
- ท�ำการยิงต่อไป
- ใหใ้ ชก้ ารแกไ้ ขทนั ทที นั ใดเพยี งครงั้ เดยี ว อยา่ ทำ� ถงึ สองครงั้ ถา้ หากปนื ยงั ไมท่ ำ� งาน
ตามปกติ ให้ตรวจดูสาเหตุของการติดขัดหรือการทำ� งานผิดปกติ แล้วจึงใช้การแก้ไขตาม
สาเหตุ การแกไ้ ขตามสาเหตุ เป็นวิธกี ารทใี่ ช้ต่อมา เพอ่ื ตรวจดสู าเหตขุ องการติดขัดหรือ
การทำ� งานผดิ ปกติ เพ่อื ขจดั เหตตุ ิดขดั น้นั เม่อื ค้นพบแล้ว
194 วชิ าอาวธุ ค�ำเตือน
ถ้าหากขณะท�ำการยิงปืน ทหารได้ยินเสียงปืนของตนดังเบาผิดปกติ หรือ
แรงสะทอ้ นถอยหลงั ของปืนนอ้ ยผดิ ปกต,ิ ใหท้ หารหยดุ ทำ� การยงิ ทนั ที เพราะเสยี งปนื ทด่ี งั
เบาผิดปกตหิ รอื แรงสะท้อนถอยหลงั ที่น้อยผดิ ปกตนิ ั้น เป็นสง่ิ บอกเหตุว่า น่าจะมกี ระสนุ
ท่ีถูกท�ำการยิงแต่ออกไม่พ้นปากล�ำกล้อง เนื่องจากการเผาไหม้ของดินปืนไม่ท�ำให้เกิด
แรงส่งทพ่ี อเพียง กระสนุ จึงค้างอยู่ในกล้อง กรณีเช่นน้ี ห้ามใช้วิธีการแก้ไขเหตุติดขัดทันที
ทันใดโดยเดด็ ขาด และให้ทหารปฏบิ ัตดิ งั น้ี.-
- ปลดซองกระสนุ ออกจากปืน
- ดึงคันร้ังโครงน�ำลูกเลื่อนมาข้างหลัง แล้วกดสลักหยุดลูกเลื่อนแขวนโครง
น�ำลกู เล่ือนไว้
- จัดคันบงั คับการยิงไปทีต่ �ำแหน่งห้ามไก (SAFE)
- ใช้สายตาตรวจดูภายในลำ� กล้องว่ามกี ระสนุ ค้างอยู่หรอื ไม่
- ถ้าพบว่ามกี ระสนุ ติดค้างอยู่ในล�ำกล้อง อย่าพยายามเอาออกด้วยตนเอง
- ให้น�ำอาวุธปืนกระบอกน้นั ส่งไปให้นายสบิ ช่างอาวุธ
สาเหตสุ ำ� คญั ของการทำ� งานผดิ ปกติ
การทำ� งานผดิ ปกตนิ น้ั มสี าเหตหุ ลกั ๆ มาจากเครอื่ งกลไกของ ปลย. ซองกระสนุ
และความผิดปกติของกระสุน หากได้มีการตรวจสภาพอาวุธก่อนท�ำการยิง และมีการ
ตรวจสภาพการปรนนบิ ตั บิ ำ� รงุ จะทำ� ใหส้ ามารถคน้ พบขอ้ บกพรอ่ งได้ กอ่ นทอ่ี าวธุ จะทำ� งาน
ผดิ ปกติประเภทของการทำ� งานผิดปกติเบอื้ งต้นนั้น มอี ยู่ 3 ลกั ษณะ คือ.-
1. การไม่ปอ้ นกระสนุ ไม่เข้ารังเพลิง หรือไมข่ ดั กลอน
ลกั ษณะอาการ การทำ� งานผดิ ปกตนิ ้ี จะเกดิ ขนึ้ เมอื่ บรรจกุ ระสนุ เขา้ ปนื หรอื
ในระหว่างวงรอบการทำ� งาน เม่ือบรรจุซองกระสุนเข้ากบั ปืนแล้ว การเคลอ่ื นที่ไปข้างหน้า
ของชุดโครงน�ำลูกเล่ือน ไม่ส่งแรงที่พอเพียง (แรงท่ีเกิดจากการขยายตัวของสปริง หรือ
แหนบรับแรงถอย) ท่ีจะป้อนกระสุนเข้าสู่รังเพลิง หรือท�ำให้เกิดการขัดกลอนในนัดแรก
ในเมื่อท�ำการยิงวงรอบของการท�ำงานจะถูกรบกวนจากการที่กระสุนไม่ถูกดันขึ้นมาจาก
ซองกระสนุ จงึ ไม่เข้ารงั เพลงิ และไม่ขดั กลอน (รปู ที่ 11)
สาเหตุท่ีน่าจะเป็น สาเหตุที่ท�ำให้เกิดอาการดังกล่าวน่าจะเป็นหน่ึงหรือ วิชาอา ุวธ 195
หลาย ๆ สิ่ง ดังต่อไปนี้ : ลูกเล่ือนและโครงน�ำลูกเลื่อนมีสิ่งสกปรกหรือส่ิงแปลกปลอม
สะสมอยู่บรเิ วณรอบ ๆ มากเกนิ ไป ซองกระสนุ ผดิ รปู ร่าง (บบุ เป็นรอยหรอื ขยายอ้าออก)
การบรรจุกระสุนเข้าซองกระสุนไม่ถูกต้อง กระสุนผิดรูปร่าง (หัวกระสุนถูกดันเข้าไปใน
ปลอกกระสุนท�ำให้เกิดกระสุนผิดรูป) หรือจานท้ายปลอกกระสุนของนัดก่อนขาดติดอยู่
ในรงั เพลงิ สำ� หรบั สาเหตอุ น่ื ๆ ทอ่ี าจเปน็ ไดค้ อื : สปรงิ หรอื แหนบรบั แรงถอยหกั หรอื เสยี หาย
ส่ิงสกปรกสะสมอยู่ภายนอกโครงปืนส่วนล่างหรือท่อน�ำแก๊สสกปรก จึงท�ำให้แรงดัน
ของแก๊สลดน้อยลง
รูปท่ี 11 การไม่ปอ้ นกระสุน ไม่เข้ารังเพลงิ หรือไม่ขัดกลอน
การปฏิบัติเพื่อแก้ไข ให้ใช้การแก้ไขเหตุติดขัดทันทีทันใดกับการท�ำงาน
ผิดปกตินั้น อย่างไรกต็ าม เพ่อื หลกี เลย่ี งการที่จะเกดิ การป้อนกระสุนซ้อน 2 นดั ผู้ยิงควร
ตรวจดูการคัดปลอกกระสุนเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีกระสุนหลงเหลืออยู่ในโครงปืนส่วนบน
ถ้าการแก้ไขทันทีทันใดนั้นไม่ได้ผลให้ผู้ยิงใช้การแก้ไขจากสาเหตุ ไม่ควรใช้ก�ำลังกระแทก
หรือดันโครงน�ำลูกเล่ือน ถ้าพบว่า มีแรงต้านทานซึ่งอาจเกิดข้ึนจากกระสุนที่ผิดรูปหรือ
ใช้งานไม่ได้ ให้ดึงโครงน�ำลูกเล่ือนมาข้างหลัง แล้วแขวนโครงน�ำลูกเล่ือนไว้ จากน้ัน
196 วชิ าอาวธุ ดึงซองกระสุนออก แล้วตรวจสอบดูสาเหตุของการท�ำงานผิดปกติ ตัวอย่างเช่น ลูกเล่ือน
ได้เคล่ือนตัวขึ้นมาด้านบนเพราะปลอกกระสุนแทรกตัวเข้ามาระหว่างลูกเล่ือนและคันรั้ง
โครงน�ำลกู เลื่อน หนทางปฏบิ ัติท่ดี ีท่ีสุดที่จะแก้ปัญหา คือ
- ตรวจดูให้แน่ใจว่าคันรั้งโครงน�ำลูกเล่ือนได้เคล่ือนตัวไปข้างหน้า และ
อยู่ในตำ� แหน่งปกติ
- จับถือปืนใหญ่ท่าท่ีปลอดภัย แล้วดึงลูกเลื่อนมาด้านหลัง จนกระท่ัง
ลูกเลือ่ นกลบั เข้ามายงั ร่องลาดลูกเลอ่ื น
- หมนุ ตวั ปืนไปทางขวาเพอ่ื เทปลอกกระสุนนน้ั ออกมา
2. การท่ปี นื ไมล่ ั่นกระสุน
ลักษณะอาการ การท่ีปืนไม่ลั่นกระสุน ถึงแม้ว่ากระสุนจะถูกป้อนเข้า
รังเพลิงผู้ยิงได้เหน่ียวไกและนกปืนฟาดไปข้างหน้าแล้ว อาการเช่นน้ีเกิดข้ึนเมื่อเข็มแทง
ชนวนถูกกระแทก เข้ากบั จานท้ายของกระสนุ ด้วยแรงทไี่ ม่พอเพยี ง หรอื กระสนุ ใช้งานไม่ได้
สาเหตทุ นี่ า่ จะเปน็ คอื การทมี่ คี ราบเขมา่ ตดิ อยทู่ เ่ี ขม็ แทงชนวนมากเกนิ ไป
(รูปท่ี 12 ก.) เป็นสาเหตุที่เกิดข้ึนบ่อยคร้ัง เพราะเข็มแทงชนวนจะไม่สามารถเคลื่อนตัว
ไปขา้ งหนา้ ไดเ้ ตม็ ท่ี แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม สาเหตอุ าจเกดิ จากเขม็ แทงชนวนคดหรอื หกั การตรวจ
ดูสภาพของกระสุนจะท�ำให้รู้ได้ว่า จานท้ายของกระสุนถูกกระแทกเป็นรอยต้ืนหรือ
ไม่มีรอยถูกกระแทก แสดงว่าเข็มแทงชนวนผิดปกติ (รูปที่ 12 ข.) แต่ถ้าหากท่ีจานท้าย
ของกระสนุ มรี อยถกู กระแทกเปน็ รอยลกึ นนั้ แสดงวา่ ไมไ่ ดเ้ กดิ จากเขม็ แทงชนวนแตเ่ กดิ จาก
กระสุนใช้งานไม่ได้
รปู ท่ี 12 การท่ปี นื ไมล่ นั่ กระสุน
การปฏิบัติเพื่อแก้ไข ถ้าหากการท�ำงานผิดปกติยังคงเป็นต่อไป ทหาร วิชาอา ุวธ 197
จะต้องตรวจสภาพของเขม็ แทงชนวน, ลูกเล่ือน, โครงนำ� ลูกเล่อื น และร่องที่ท้ายลำ� กล้อง
เพื่อดูคราบเขม่าและสิ่งสกปรกแล้วท�ำความสะอาด นอกจากน้ีจะต้องตรวจสภาพของ
เข็มแทงชนวน ถ้ารอยถูกกระแทกท่ีจานท้ายเป็นรอยลึกปกตินั้นจะแสดงให้เห็นว่ากระสุน
ใช้งานไม่ได้ หรอื อาจเป็นเพราะกระสนุ ไม่เข้าท่ใี นรังเพลงิ ตามปกติ
หมายเหตุ : เมอ่ื ตรวจพบว่ากระสนุ ใชง้ านไม่ได้ ใหร้ ายงานไปยงั หนว่ ยงาน
ส่งกำ� ลังบำ� รงุ ที่รับผดิ ชอบ หรอื อาจน�ำส่งคนื ทง้ั หมดในหมายเลขงานนน้ั
3. การไมร่ ง้ั และไมค่ ัดปลอกกระสนุ
การไม่ร้ังปลอกกระสุน ปลอกกระสุนจะต้องถูกรั้งมาข้างหลังก่อนที่
จะถูกคดั ออก
ลกั ษณะอาการ การทป่ี ลอกกระสนุ ไมถ่ กู รงั้ มาขา้ งหลงั ปลอกกระสนุ จะยงั คง
ค้างอยู่ในรังเพลิงเพราะลูกเลื่อนและโครงน�ำลูกเล่ือนเคล่ือนที่มาข้างหลังเพียงเล็กน้อย
บางกรณลี กู เลอื่ นและโครงน�ำลกู เลอื่ นเคลอื่ นทมี่ าขา้ งหลงั เตม็ ที่ แตป่ ลอกกระสนุ ยงั คงคา้ ง
อยู่ในรงั เพลิง และกระสนุ นัดต่อไปจะเคล่อื นตวั ข้ึนมาชนกบั จานท้ายปลอกกระสนุ นดั ก่อน
ขณะเดียวกันกับท่ีลูกเลื่อนเคล่ือนตัวกลับมาข้างหน้า การท�ำงานผิดปกติลักษณะน้ี
ยากทจ่ี ะค้นพบสาเหตแุ ละแก้ไขต่อไป
หมายเหตุ : แรงสะท้อนถอยหลังท่ีน้อยผิดปกตินี้ เกิดจากท่อน�ำแก๊ส
สกปรกหรือมสี ่ิงตกค้าง
ค�ำเตือน
การไม่ร้ังปลอกกระสุนนั้น ถือเป็นการท�ำงานผิดปกติอย่างยิ่ง ซ่ึงต้องการ
การใช้เคร่ืองมือพิเศษแก้ไขปัญหา และถ้าหากกระสุนท่ีติดอยู่ในรังเพลิงน้ัน ยังมิได้
ถูกท�ำการยิง แล้วมีการป้อนกระสุนใหม่ซ้อนเข้าไปอีก โดยท่ีหัวกระสุนนัดใหม่เข้าไป
ชนกับจานท้ายของกระสุนนัดเดิม ปืนก็อาจจะเกิดการระเบิดและเป็นอันตรายแก่ผู้ยิง
การทำ� งานผดิ ปกตลิ กั ษณะน้ี จะตอ้ งถกู คน้ หาสาเหตแุ ละรายงานใหผ้ คู้ วบคมุ การฝกึ ทราบ
ส่วนการไม่คดั ปลอกกระสนุ นน้ั จะต้องแยกต่างหาก จากกรณกี ารไม่ร้ังปลอกกระสนุ
198 วชิ าอาวธุ สาเหตทุ นี่ า่ จะเปน็ แรงสะทอ้ นถอยหลงั ทนี่ อ้ ยผดิ ปกตแิ ละรงั เพลงิ ทสี่ กปรกหรอื
เปน็ สนมิ มกั จะเปน็ สาเหตทุ วั่ ไปของการทป่ี นื ไมร่ ง้ั ปลอกกระสนุ เหลก็ รง้ั ปลอกกระสนุ ทชี่ �ำรดุ
หรือแหนบร้งั ปลอกกระสุนทีล่ ้าหรอื หัก กเ็ ป็นสาเหตหุ น่งึ ของการไม่รงั้ ปลอกกระสนุ เช่นกัน
การปฏิบตั เิ พอ่ื แก้ไข จากลักษณะต่าง ๆ ทป่ี รากฏจะเป็นส่ิงบ่งช้ใี ห้ทราบถงึ
วธิ กี ารแกไ้ ข กลา่ วคอื ถา้ หากลกู เลอ่ื นเคลอ่ื นตวั มาขา้ งหลงั เปน็ ระยะพอเพยี งทกี่ ระสนุ นดั ใหม่
จะเลอ่ื นตวั ขนึ้ มาแลว้ จะตอ้ งดงึ โครงนำ� ลกู เลอื่ นมาทางดา้ นหลงั แลว้ แขวนโครงนำ� ลกู เลอ่ื นไว้
ทหารจะต้องปลดซองกระสุน และนำ� กระสุนที่ติดค้างอยู่ออกเสียก่อนที่จะทำ�
การค้นหาสาเหตุต่อไป การนำ� กระสุนออกจากรังเพลิงนั้น โดยปกติใช้การเคาะพานท้าย
กจ็ ะทำ� ให้ปลอกกระสนุ รว่ งหล่นลงมาจากรงั เพลงิ แตถ่ ้าหากปลอกกระสนุ เกดิ การขยายตวั
หรอื บวมกม็ กั จะตดิ แนน่ อยใู่ นรงั เพลงิ การแกไ้ ขกค็ อื ใชแ้ สท้ ำ� ความสะอาดสอดเขา้ ไปทางปาก
ลำ� กลอ้ งแลว้ กระทงุ้ ปลอกกระสนุ ออกมาจากรงั เพลงิ และถา้ หากทำ� ความสะอาดเครอ่ื งกลไก
ของลูกเล่ือนและรังเพลิงแล้วไม่พบส่ิงผิดปกติ แต่ปืนยังคงไม่รั้งปลอกกระสุนเช่นเดิม
จะตอ้ งดำ� เนนิ การเปลย่ี นขอรงั้ ปลอกกระสนุ และแหนบขอรง้ั ปลอกกระสนุ ใหม่ และถา้ ตรวจ
พบว่า ผวิ ของรงั เพลงิ มรี อยช�ำรุดเสียหาย กจ็ ะต้องเปล่ยี นชดุ ล�ำกล้องท้งั ชุด
การไม่คดั ปลอกกระสุน
การไมค่ ดั ปลอกกระสนุ นนั้ เปน็ ลกั ษณะของการทำ� งานผดิ ปกตซิ งึ่ ไมเ่ กยี่ วขอ้ งกบั
จังหวะการยิงของปืน การท�ำงานผิดปกติน้ีเกิดขึ้นเม่ือปลอกกระสุนไม่ถูกคัดออกมาทาง
ชอ่ งคดั ปลอกกระสนุ และปลอกกระสนุ นน้ั ยงั คงตดิ ค้างอยใู่ นรงั เพลงิ ในขณะทล่ี กู เลอ่ื นปิด
เม่ือผู้ยิงท�ำการแก้ไขขั้นต้นน้ัน ปลอกกระสุนอาจเคล่ือนตัวกระทบกับโครงปืน และกลับ
เข้าไปวางตวั อยู่ทีห่ น้าลูกเลอ่ื นได้อกี
สาเหตทุ ีน่ ่าจะเป็น
การทำ� งานผดิ ปกตนิ ้ี ยากทจี่ ะระบชุ ชี้ ดั ถงึ สาเหตไุ ด้ แตก่ ม็ กั จะเกดิ จากการชำ� รดุ
หรอื การออ่ นลา้ ของแหนบรงั้ ปลอกกระสนุ และ/หรอื แหนบคดั ปลอกกระสนุ การไมค่ ดั ปลอก
กระสุนนั้นอาจเกิดจากการท่ีมีเขม่าหรือสิ่งสกปรกติดอยู่ที่แหนบคัดปลอกกระสุน หรือ
ขอรั้งปลอกกระสุน หรืออาจเกิดจากแรงสะท้อนถอยหลังที่น้อยผิดปกติ ซึ่งแรงสะท้อน
ถอยหลังท่ีผิดปกตินี้ อาจเกิดจากสิ่งสกปรกภายในกลไกของโครงน�ำลูกเลื่อนหรือภายใน
ทอ่ นำ� แกส๊ และเปน็ สาเหตขุ องการทำ� งานผดิ ปกตอิ นื่ ๆ ไดอ้ กี มากมาย แรงเสยี ดทานทเ่ี กดิ จากคราบ
เขม่าหรอื สนิมในรงั เพลิงจะท�ำให้การร้งั ปลอกกระสนุ ช้าลง และไม่คัดปลอกกระสุนในท่ีสุด
การปฏิบัตเิ พื่อแกไ้ ข วิชาอา ุวธ 199
การดงึ คนั รงั้ โครงนำ� ลกู เลอื่ นมาขา้ งหลงั มกั จะทำ� ใหป้ ลอกกระสนุ ดดี ตวั ออกมา
และท�ำให้ส่วนอื่น ๆ เคลื่อนท่ีได้ แต่ผู้ยิงไม่ควรปล่อยคันรั้งจนกว่าจะได้ด�ำเนินการ
กับกระสุนนัดต่อไปให้เข้าสู่ต�ำแหน่งท่ีถูกต้อง ถ้าหากกระสุนนัดต่อไปถูกดันข้ึนมา
จากซองกระสุนและยังคงติดอยู่ในรังเพลิง ก็จะต้องปลดซองกระสุนและน�ำกระสุน
ท่ีติดค้างอยู่ออกเสียก่อนที่จะปล่อยคันร้ังไปข้างหน้า และถ้าหากเกิดการท�ำงานผิดปกติ
ขึ้นหลายครั้ง แล้วไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการท�ำความสะอาดหรือการชโลมสารหล่อลื่น
ผใู้ ชป้ นื กระบอกนน้ั จะตอ้ งดำ� เนนิ การเปลยี่ นแปลงคดั ปลอกกระสนุ , แหนบรงั้ ปลอกกระสนุ
และเหล็กรง้ั ปลอกกระสุนใหม่
การทำ� งานผดิ ปกตใิ นลักษณะอื่น ๆ อาจเกิดขึน้ ในลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี
การท่ีลูกเลื่อนไม่อยู่ในต�ำแหน่งเปิด ภายหลังจากที่กระสุนนัดสุดท้ายถูกยิง
ออกไปแล้ววิธีแก้ไขให้ตรวจดูสภาพของซองกระสุนและสาเหตุท่ีท�ำให้เกิดแรงสะท้อน
ถอยหลังน้อยลง
- การที่ลกู เล่อื นไม่ถกู หยดุ ในต�ำแหน่งเปิดทง้ั ๆ ที่สลกั หยุดลกู เล่อื นได้ท�ำงาน
วิธแี ก้ไข คอื การตรวจสภาพของสลกั หยุดลกู เลอ่ื น และท�ำการเปลีย่ นใหม่ถ้าจ�ำเป็น
- ปนื ทำ� การยงิ ทลี ะ 2 นดั หรอื มากกวา่ เมอื่ เหนยี่ วไกในขณะทค่ี นั บงั คบั การยงิ
อยใู่ นต�ำแหนง่ กงึ่ อตั โนมตั ิ หรอื SEMI กรณนี แ้ี สดงใหเ้ หน็ วา่ หน้านกปืนสกึ หรอมากผดิ ปกติ
หรือลูกเบี้ยว หรือกระเด่ืองไกสึกหรอมากเกินไป วิธีแก้ไข คือ การส่งซ่อมเพ่ือเปล่ียน
หรือซ่อมแซมชดุ เครื่องลั่นไก
- ไม่สามารถเหนี่ยวไกปืนมาข้างหลัง หรือไกปืนไม่กลับเข้าที่เดิมหลังจาก
ปลอ่ ยนว้ิ ทเี่ หนยี่ วไกในขณะทไี่ มไ่ ดห้ า้ มไกไว้ แสดงวา่ สลกั เครอื่ งลน่ั ไก (รปู ท่ี 13 ก.) หลดุ จาก
โครงปืนหรอื แหนบนกปืนช�ำรุด วธิ แี ก้ไข คือ การส่งซ่อม
- การทซ่ี องกระสนุ ไม่ยดึ กบั ตวั ปนื (รปู ที่ 13 ข.) ให้ตรวจดซู องกระสนุ และเหลก็
ยึดซองกระสนุ ว่าช�ำรดุ หรือไม่ เพอ่ื ท�ำการส่งซ่อม
- การทำ� งานผิดปกตขิ องส่วนใดส่วนหน่งึ ของชดุ โครงน�ำลูกเลื่อน (รปู ท่ี 13 ค.)
ให้ตรวจสภาพผิดปกติของชิ้นส่วนนั้น ๆ ภายในชุด แล้วท�ำความสะอาด จัดเข้าท่ี หรือ
นำ� เอาชนิ้ ส่วนอะไหล่มาเปล่ยี น
- การทซ่ี องกระสนุ ไม่ป้อนกระสนุ ตามปกติ (รปู ท่ี 13 ง.) ให้ตรวจดสู ภาพของ
ซองกระสนุ ว่าช�ำรดุ หรอื ไม่ ถ้าชำ� รุดให้ส่งคืนและเบกิ ใหม่
หมายเหตุ : รายละเอยี ดเกย่ี วกบั ขอ้ มลู ทางเทคนคิ ทเี่ กยี่ วกบั การทำ� งานผดิ ปกติ
และการซอ่ มหรอื เปลยี่ นชน้ิ สว่ นจะปรากฏในคมู่ อื ทางเทคนคิ การปรนนบิ ตั บิ ำ� รงุ ของ ปลย. น้ี
200 วชิ าอาวธุ รูปท่ี 13 การท�ำงานผดิ ปกติในลักษณะอ่นื ๆ ทอี่ าจเกิดขน้ึ
5. การบำ�รุงรักษาและท�ำ ความสะอาด
การใชอ้ าวธุ ประจำ� กายนนั้ ผใู้ ชเ้ มอื่ นำ� ไปใชง้ านนน้ั มคี วามประสงคอ์ ยู่ 2 ประการ
คอื
1. ในขณะท�ำการยงิ ขออย่าได้ตดิ ขัด
2. เมื่อท�ำการยงิ ขอให้ถกู เป้าหมาย
ส�ำหรบั ความประสงค์ของผู้ใช้ในข้อ 1 น้นั จะตอบสนองผู้ใช้ได้ ผู้ใช้จะต้องรู้จกั
ท�ำความสะอาด ปรนนบิ ัตบิ �ำรุงอาวธุ น้ันอย่างเหมาะสม อาวุธจงึ จะมีการทำ� งานให้เป็นไป
ตามเทคนคิ ของอาวธุ นนั้ สำ� หรบั ปนื เลก็ ยาว เอม็ .16 เอ.1 มสี ว่ นสำ� คญั ทจ่ี ะตอ้ งทำ� ความสะอาด
ดังต่อไปน้ี คอื
1. ภายในลำ� กล้องปืน วิชาอา ุวธ 201
2. ชดุ โครงนำ� ลูกเลื่อน
3. ชุดโครงปืนส่วนล่าง
วสั ดุท่ีใช้ทำ� ความสะอาดและหล่อล่นื มดี งั นี้ คอื
- น�้ำมันชำ� ระล้างลำ� กล้อง
- น้�ำ-สบู่
- นำ�้ มันใส
- น�ำ้ มนั ใสพเิ ศษ
- ไขทาปืน
- น้�ำมนั เคร่อื งเกรดต่าง ๆ
6. ศูนย์มาตรฐานของ ปลย.เอ็ม.16 เอ.1 และการปรบั ศูนย์
ในการปรับศูนย์รบของ ปลย. น้ัน ทหารจะต้องเข้าใจถึงขั้นตอนท่ีถูกต้อง
ของการปรบั ศูนย์ การยงิ ปรับศนู ย์ท่ีได้ผลดที ส่ี ุด คอื การยงิ ปรบั ในระยะตามความเป็นจริง
แตเ่ นอื่ งจากความไมส่ ะดวกและความไมพ่ รอ้ มในบางโอกาสทไี่ มส่ ามารถทำ� การยงิ ในสนาม
ระยะ 250 เมตรได้ ดังน้นั การยิ่งปรับศนู ย์ส่วนใหญ่จงึ กระท�ำกนั ในสนามระยะ 25 เมตร
โดยการผลักศูนย์หลงั ให้พลกิ ไปข้างหน้า เพือ่ ให้เคร่อื งหมาย L ปรากฏขีน้ มา ในการยงิ นั้น
กระสุนจะว่ิงขึ้นตัดแนวเส้นสายตาท่ีระยะ 25 เมตร และวิ่งสูงขึ้นจนถึงยอดกระสุนวิถี
ชง่ึ สงู กวา่ แนวเสน้ สายตาประมาณ 11 นวิ้ ในระยะ 225 เมตร และวง่ิ ลงตดั กบั แนวเสน้ สายตา
อกี ครั้งในระยะ 375 เมตร (รูปท่ี 14)
จากการที่ได้ปรับให้ ปลย. กระบอกหน่ึงสามารถใช้ยิงถูกเป้าหมาย ในระยะ
25 เมตร และกระสนุ จะถูกเป้าหมายทีจ่ ุดเดมิ ในระยะ 375 เมตร แล้วเม่ือพลิกศูนย์กลับมา
เป็นศูนย์ระยะใกล้ และทำ� การเล็งที่ก่ึงกลางเป้าในระยะ 42 เมตร กระสุนก็วิ่งข้ึนตัดกับ
แนวเส้นสายตาในระยะ 42 เมตร จากนั้นก็จะว่ิงข้ึนสู่ยอดกระสุนวิถี แล้ววิ่งลงตัดกับ
แนวเส้นสายตาอกี ครัง้ ในระยะ 250 ตามทแ่ี สดงในรปู ที่ 15
202 วชิ าอาวธุ รปู ท่ี 14 กระสุนวิถีของการปรับศูนย์ ปลย.เอ็ม.16 เอ.1
รปู ท่ี 15 กระสุนวถิ ีของ ปลย.เอ็ม.16 เอ.1 ในระยะ 250 เมตร
เป้าหมายท่ีจะถูกท�ำการยิงในสนามรบน้ันโดยมากจะอยู่ในระยะต้ังแต่ 0 ถึง วิชาอา ุวธ 203
300 เมตร ดงั นน้ั ศนู ยร์ บทถี่ กู ปรบั ไวใ้ นระยะ 250 เมตร จงึ เปน็ การปรบั ทยี่ งั ตอ้ งคงไวท้ ี่ ปลย.
กระบอกน้ันในระยะ 25 เมตร กระสุนวิถีจะอยู่ต่�ำกว่าแนวเส้นสายตาประมาณ 1 นิ้ว
วิ่งข้ึนตัดกับแนวเส้นสายตาที่ระยะ 42 เมตร จากน้ันจะขึ้นสู่ยอดกระสุนวิถีขึ้นอยู่เหนือ
แนวเสน้ สายตาประมาณ 5 นวิ้ ในระยะประมาณ 175 เมตร แลว้ วง่ิ ลงตดั กบั แนวเสน้ สายตา
อกี ครงั้ ทร่ี ะยะ 250 เมตร และจะอยตู่ ่�ำกวา่ แนวเสน้ สายตาประมาณ 7 นวิ้ ทร่ี ะยะ 300 เมตร
ดงั นน้ั เปา้ หมายในการรบจงึ ถกู ยงิ อยา่ งไดผ้ ลถงึ ระยะ 300 เมตร โดยทผ่ี ยู้ งิ ไมต่ อ้ งปรบั เปลย่ี น
ตำ� บลเล็งเลย (ถ้าต้องการยงิ ให้ได้ผลมากขึ้นอกี ก็ควรใช้การปรับเปลี่ยนตำ� บลเล็งเล็กน้อย)
ศนู ยป์ นื ศนู ยป์ นื นน้ั สามารถปรบั ไดท้ งั้ ทางสงู และทางทศิ ในการปรบั ทางทศิ นน้ั
ใช้การปรบั ทศ่ี ูนย์หลงั และการปรบั ทางระยะหรอื สงู ต่�ำใช้การปรบั ทศ่ี ูนย์หน้า
ศูนยห์ ลงั ศูนย์หลังประกอบด้วย ศูนย์รู 2 ระยะ และจานปรับทางทศิ ซึ่งมี
สปริงบังคับอยู่ภายใน (รูปท่ี 16) ศูนย์ท่ีมีเคร่ืองหมายรูปตัวแอล L น้ัน ใช้กับการยิง
ในระยะไกลกว่า 300 เมตรข้ึนไป และศนู ย์ท่ไี ม่มเี คร่อื งหมายนน้ั ใช้กบั การยิงในระยะตั้งแต่
300 เมตรลงไป และศนู ย์ทไ่ี ม่มีเครือ่ งหมายนน้ั ใช้กับการยงิ ในระยะตง้ั แต่ 300 เมตรลงไป
การปรบั ทางทศิ นนั้ กระทำ� โดยการกดลงตรงทสี่ ลกั ทจ่ี านปรบั ทางทศิ ดว้ ยเครอ่ื งมอื ปลายแหลม
(หรือใช้ปลายหัวกระสุน) แล้วหมุนจานนั้นไปในทิศทางท่ีต้องการ (ซ้ายหรือขวา) เพื่อให้
กระสนุ ไปในทศิ ทางนั้น
รปู ที่ 16 ศนู ย์หลังของ ปลย.เอม็ .16 เอ.1 และจานปรบั ทางทิศ
204 วชิ าอาวธุ ศูนยห์ นา้ ศูนย์หน้าประกอบด้วยแท่นเหลก็ เลก็ ๆ อยู่บนฐานท่สี ามารถหมุน
ได้ 5 ต�ำแหน่ง และสปริงที่บังคับ (รูปที่ 17) การปรับศูนย์หน้านี้กระท�ำโดยใช้เครื่องมือ
ปลายแหลม (หรือใช้ปลายหัวกระสุน) กดลงบนสลักที่บังคับอยู่ แล้วออกแรงหมุนฐาน
ศูนย์หน้านั้นไปในทิศทางท่ีต้องการ (สูงหรือต่�ำ) เพื่อให้กระสุนที่ถูกเป้าเป็นไปตามระยะ
สงู ตำ�่ ทก่ี ำ� หนด
รปู ท่ี 17 ศูนย์หน้าของ ปลย.เอ็ม.16 เอ.1
การย้ายกลุ่มกระสุน การย้ายท่ีของกลุ่มกระสุนนั้น กระท�ำได้โดยให้ผู้ยิง
กำ� หนดจดุ ยา่ นกลางของกลมุ่ กระสนุ 3 นดั ทท่ี ำ� การยงิ แลว้ คำ� นวณหาระยะทางจากจดุ นน้ั
ไปยังต�ำบลที่ต้องการให้กระสุนถูกเป้า ระยะทางสูงให้วัดตามทางด่ิง ส่วนระยะทางทิศ
ให้วัดตามแนวระดับเมื่อใช้เป้าปรับศูนย์ปืนแบบมาตรฐานหรือเป้าแสดงผลน้ัน จะมี
คำ� แนะน�ำในการปรบั ศนู ย์แสดงไว้ท่แี ผ่นเป้า (ดผู นวก ฉ เร่อื งกฎของการปรบั ทางสงู และ
การปรบั ทางทศิ )
เม่ือต้องการให้กลุ่มกระสุนสูงข้นึ ผู้ยงิ จะต้องหมนุ ศูนย์หน้าไปตามจำ� นวนคลิก
ท่ีต้องการในทิศทางตามเข็มนาฬิกา (ตามทิศทางของลูกศรท่ีมีตัวอักษร UP ในรูปที่ 17)
ผลทเี่ กดิ ขน้ึ กค็ อื กลมุ่ กระสนุ จะสงู ขน้ึ แตศ่ นู ยห์ นา้ จะตำ่� ลง และถา้ ตอ้ งการใหก้ ลมุ่ กระสนุ ตำ่� ลง
ผู้ยิงจะต้องหมนุ ศนู ย์หน้าไปในทศิ ทางกลับกัน
เม่ือต้องการให้กลุ่มกระสุนย้ายไปทางขวา ผู้ยิงจะต้องหมุนจานปรับทางทิศ วิชาอา ุวธ 205
ไปตามจำ� นวนคลกิ ทตี่ อ้ งการในทศิ ทางตามเขม็ นาฬกิ า (ตามทศิ ทางของลกู ศรทม่ี ตี วั อกั ษร R
ในรปู ที่ 18) และถ้าตอ้ งการใหก้ ลมุ่ กระสนุ ย้ายไปทางซ้าย ผยู้ งิ จะตอ้ งหมนุ จานปรบั ทางทศิ
ไปในทิศทางกลบั กัน
ศนู ย์มาตรฐานของ ปลย.เอม็ .16 เอ.2 และการปรบั ศนู ย์
เม่อื ทหารมขี ดี ความสามารถในการยิงปืนได้กลุ่มกระสุน 3 นัด ในขนาดกว้าง
ไม่เกิน 4 ซม. ในระยะ 25 เมตร โดยไม่ต้องค�ำนึงว่า กลุ่มกระสุนจะอยู่ ณ ที่ใด ทหารคนนั้น
มีความพร้อมทจ่ี ะยงิ เพอื่ ปรบั ศนู ย์ปืนเพื่อปรับศนู ย์ได้
ข้อมลู เกย่ี วกบั ศูนยห์ ลงั และศนู ย์หนา้
ศูนย์หลัง ศูนย์หลังประกอบด้วย ศูนย์รู 2 ระยะ ควงปรับทางทิศและจาน
ปรบั ทางระยะ
รปู ที่ 18 ศนู ย์หลังของ ปลย.เอม็ .16 เอ.1
ศนู ย์รูใหญ่ท่มี เี คร่ืองหมาย 0-2 น้นั ใช้ส�ำหรบั การยงิ เป้าเคล่อื นที่ และการยงิ
ในทัศนวิสัยจ�ำกัด ส่วนศูนย์รูที่ไม่มีเครื่องหมายน้ันใช้ส�ำหรับการยิงในสถานการณ์ปกติ
การยิงปรับศูนย์ และเม่ือหมุนจานปรับทางระยะไปท่ีส�ำหรับการยิงเป้าในระยะต้ังแต่
800 เมตรขึน้ ไป ศนู ย์รูทไ่ี ม่มเี ครือ่ งหมายน้นั กจ็ ะใช้ส�ำหรบั การยิงปรบั ศูนย์รบ
เม่อื ใช้จานปรบั ทางระยะแล้ว ต่อไปการปรับทางสูงต�่ำกจ็ ะกระท�ำโดยการปรบั
ศูนย์หน้าขึ้นหรือลง เพื่อให้ขั้นตอนของการยิงปรับศูนย์ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ส่วนการปรับ
ทางทศิ นน้ั ให้ใช้การหมนุ ปุ่มปรบั ทางทศิ
206 วชิ าอาวธุ จุดเริ่มต้นของการใช้ควงปรับทางทิศน้ัน คือ จุดท่ีเคร่ืองหมาย 0-2 บนศูนย์
ได้ตรงกบั เครอ่ื งหมายดรรชนบี นฐานศูนย์หลงั (รูปท่ี 19)
รปู ท่ี 19 จดุ เริ่มต้นในการปรับศูนยห์ ลงั
ศูนยห์ น้า การปรับศูนย์หน้าของ ปลย.เอม็ .16 เอ.2 นน้ั คงปฏิบตั ิเช่นเดยี วกับ
การปรบั ศนู ยห์ นา้ ของ ปลย.เอม็ .16 เอ 1 ศนู ยห์ นา้ ของแบบ เอ.2 มลี กั ษณะเปน็ แทง่ สเี่ หลย่ี ม
เลก็ ๆ หมนุ ได้ 4 ต�ำแหน่ง มสี ปริงบังคบั ไว้ (รปู ท่ี 20) การปรบั กระทำ� ได้โดยใช้เครอ่ื งมอื
ปลายแหลมหรอื ปลายของหวั กระสนุ กดลงไปตรงสลกั บงั คบั แลว้ ออกแรงหมนุ แทน่ ศนู ยห์ นา้
ไปตามทศิ ทางทีต่ ้องการ (รปู ท่ี 20)
รูปที่ 20 ศนู ย์หน้าของ ปลย.เอ็ม.16 เอ.1 ซึง่ ปรบั หมุนได้ 4 ต�ำแหนง่
7. กระสุน วิชาอา ุวธ 207
ในตอน 4 นี้ จะประกอบด้วย ข้อมูลของกระสนุ แบบมาตรฐานต่าง ๆ สำ� หรบั
ปลย.เอ็ม.16 เอ.1 และ ปลย.เอ็ม.16 เอ.2 ซ่งึ มีการใช้งานเฉพาะกระสนุ ท่ีผลติ ในประเทศ
สหรฐั อเมรกิ าและกลุ่มประเทศสมาชิกนาโต
ชนดิ ประเภท และคณุ ลักษณะ
กระสุนชนดิ ต่าง ๆ ในกลุ่มของ เอม็ .16 จะประกอบด้วย
กระสุนขนาด 5.56 มม. ชนิดหัดบรรจุ แบบ เอ็ม.199 (ใช้กบั ปลย.เอ็ม.16
ทง้ั 2 แบบ) กระสุน เอ็ม.199 น้ี ใช้เมื่อทำ� การฝึกยงิ แห้งหรือการฝึกบรรจุ (ดูหมายเลข 3
ของรูปท่ี 21) จะสังเกตได้จากร่อง 6 ร่อง ท่ตี วั ปลอกกระสนุ ซ่ึงมรี ะยะห่างประมาณ 1/2 นิว้
จากส่วนหัว กระสุนน้ีไม่มีดินส่งกระสุนหรือจอกกระทบแตกท่ีจานท้ายจะเป็นช่องว่าง
ไว้เพ่อื ป้องกนั เข็มแทงชนวนช�ำรุด
กระสนุ ขนาด 5.56 มม. ซอ้ มรบ แบบ เอม็ .200 (ใช้กบั ปลย.เอ็ม.16 เอ.1
และ เอ.2) กระสุนแบบ เอ็ม.200 นี้ ไม่มีหัวกระสุน ที่ปลายปลอกกระสุนจะเป็นหัวจีบ
มี 7 จีบ ปลายทาสมี ่วง (ดูหมายเลข 4 ของรูปท่ี 21) (ดูผนวก ค. การใช้กระสุนซ้อมรบและ
เครอ่ื งประกอบ ปลย.) แบบ เอม็ .200 เดมิ ปลายทาสขี าว ทำ� ใหเ้ กดิ สงิ่ สกปรกตกคา้ งในปนื มาก
และทำ� ให้ปืนท�ำงานผดิ ปกติ ดงั นีค้ วรใช้เฉพาะกระสุนซ้อมรบทป่ี ลายทาสมี ่วงเท่านั้น
กระสุนขนาด 5.56 มม. พลาสตกิ ฝกึ ยงิ แบบ เอม็ .862 (ใช้กบั ปลย.เอม็ .16
ทงั้ แบบ เอ.1 และ เอ.2) กระสนุ แบบ เอม็ .562 นี้ ใชส้ ำ� หรบั การฝกึ ยงิ สามารถใชท้ ดแทนกระสนุ
จริงได้ ส�ำหรับการยิงในสนามย่นระยะที่สร้างภายในตัวอาคารส�ำหรับหน่วยที่ไม่มีพื้นท่ี
สรา้ งสนามทราบระยะ หรอื มพี น้ื ทจ่ี ำ� กดั ซงึ่ ไมส่ ามารถใชก้ ระสนุ จรงิ ได้ กระสนุ แบบ เอม็ .862 นี้
ใช้ประกอบกับลกู เลอ่ื นฝึกแบบ เอม็ .2
ถึงแม้ว่ากระสุนพลาสติกฝึกยิง (หมายเลข 7 ในรูปท่ี 21) จะมีวิถีกระสุน
และคณุ ลกั ษณะใกล้เคยี งกบั กระสนุ จรงิ ในระยะ 25 เมตร ลงมากต็ าม, แตไ่ มค่ วรใช้กระสนุ
พลาสติกน้ีในการปรับศูนย์ปืนเพื่อทดแทนการใช้กระสุนจริง ถ้าจะใช้กระสุนพลาสติก
ปรับศูนย์กค็ วรใช้กับการยงิ ในระยะ 25 เมตร ลงมาด้วยกระสุนพลาสตกิ เท่านัน้
208 วชิ าอาวธุ ส�ำหรับหน่วยท่ีไม่มีสถานที่สร้างสนามฝึกยิงปืนกลางแจ้ง หรือมีพ้ืนท่ีจ�ำกัด
ก็อาจใช้กระสนุ พลาสตกิ นท้ี �ำการฝึกยงิ ในระยะ 25 เมตรลงมา กับเป้ารปู หุ่นเงาดำ� แบบย่อ
ส่วนระยะ 25 เมตร หรือเป้าแบบย่อส่วนอน่ื ๆ รวมทง้ั การฝึกยงิ แบบฉบั พลนั หรอื ใช้กับ
การฝึกแบบรบในเมอื งก็ได้
รูปท่ี 21 กระสนุ (5.56 มม.) ส�ำหรับ ปลย.เอม็ .16 เอ.1
กระสุนขนาด 5.56 มม. ธรรมดา แบบ เอ็ม.193 กระสุนแบบ เอ็ม.193
เป็นกระสุนชนวนกลางมีน�้ำหนัก 55 เกรน หัวเคลือบโลหะ มีแกนโลหะผสมภายใน
ชนวนจอกกระทบแตกและปลอกกระสนุ กนั นำ�้ ได้ กระสนุ แบบ เอม็ .193 นี้ เปน็ แบบมาตรฐาน
สำ� หรบั ปลย.เอม็ .16 เอ.1 ใชใ้ นราชการสนาม ไมม่ เี ครอื่ งหมายพเิ ศษใด ๆ (ดหู มายเลข 1 ใน
รูปท่ี 21) กระสุนน้ี มหี วั กระสนุ หนกั 55 เกรน ความยาวเท่ากบั 1.9 ซม. มแี กนตะก่วั ภายใน
การสุนขนาด 5.56 มม. ส่องวิถี แบบ เอม็ .196 (ใช้กับ ปลย.เอ็ม.16 เอ.1)
กระสุนส่องวิถีแบบ เอ็ม.196 นี้มีที่สังเกตคือ ทาสีแดง หรือสีส้ม ท่ีปลายหัวกระสุน
(ดูหมายเลข 2 ของรปู ท่ี 21) ความมุ่งหมายในการใช้ เพอื่ ตรวจการณ์การยิง ต้องการผล
จากการเผาไหม้ หรอื ใช้เพือ่ เป็นอาณัตสิ ญั ญาณ ทหารควรหลกี เล่ยี งการใช้กระสนุ ส่องวิถี
ท�ำการยิงล้วน ๆ ทง้ั หมด เป็นระยะเวลาต่อเนอ่ื งยาวนาน เพราะอาจทำ� ให้เกิดการสะสม วิชาอา ุวธ 209
รวมตัวของสารเคมีหรือวัตถุท่ีก่อให้เกิดการเผาไหม้ ซ่ึงถ้ามีมากข้ึนก็จะท�ำให้ล�ำกล้อง
เสยี หาย ดงั นน้ั เมอื่ ตอ้ งการใชก้ ระสนุ สอ่ งวถิ กี ค็ วรใชโ้ ดยปะปนสลบั กบั กระสนุ แบบธรรมดา
ในอตั ราสว่ นไมเ่ กนิ หนง่ึ ตอ่ หนง่ึ แตต่ ามปกตแิ ลว้ อตั ราสว่ นทน่ี ยิ มใชค้ อื กระสนุ แบบธรรมดา
3 นดั ต่อกระสนุ ส่องวถิ ี 1 นดั
กระสนุ ขนาด 5.56 มม. ธรรมดา แบบ เอม็ .855 กระสนุ แบบนีม้ หี วั กระสุน
หนัก 62 เกรน เคลือบโลหะและมีแกนโลหะผสมอยู่ภายใน ซ่ึงหัวกระสุนน้ี สามารถ
เจาะแผ่นเหล็กได้ ตัวปลอกกระสุนและจอกกระทบแตก สามารถกันนำ้� ได้ กระสุนแบบนี้
เป็นแบบมาตรฐานของนาโต ที่ใช้กบั ปลย.เอม็ .16 เอ.2 (ใช้กับ ปลก.เอ็ม.249 SAW ได้ด้วย)
มีท่ีสังเกตคือ ทาสีเขียวท่ีปลายหัวกระสุน (ดูหมายเลข 5 ของรูปที่ 21) ซ่ึงมีน�้ำหนัก
62 เกรน และมคี วามยาว 2.3 ซม.
กระสนุ ขนาด 5.56 มม. ส่องวิถี แบบ เอม็ .856 (ใช้กับ ปลย.เอม็ .16 เอ.2)
กระสนุ ส่องวถิ ีแบบ เอม็ .856 นมี้ คี ุณลักษณะคล้ายคลงึ กบั กระสนุ แบบ เอม็ .196 แต่แบบ
เอม็ .856 นี้ มรี ะยะเวลาการเผาไหม้สอ่ งวถิ นี านกว่าเลก็ น้อย หวั กระสนุ มนี ้�ำหนกั 63.7 เกรน
ไม่มีแกนส�ำหรับเจาะแผ่นเหล็ก มีที่สังเกตคือ ทาสีแดงที่ปลายหัวกระสุน (ทาสีส้มเมื่อ
ผสมกับกระสนุ ธรรมดา ในอตั ราส่วน กระสนุ ธรรมดา 4 นดั ) (ดหู มายเลข 6 ของรูปที่ 21)
การดูแลรกั ษาและขอ้ ควรระวังในการใช้งาน
เมื่อจ�ำเป็นท่ีจะต้องเก็บกระสุนไว้ในท่ีเปิด ให้วางหีบกระสุนใต้เคร่ืองหนุนรอง
ซงึ่ มคี วามสูงจากพ้นื อย่างน้อย 6 น้ิวฟตุ และใช้ผ้าใบปกคลุมไว้ โดยให้มีช่องว่างสำ� หรบั
การถ่ายเทของอากาศได้อย่างพอเพียง และเพราะเหตุว่ากระสุนและวัตถุระเบิดสามารถ
ถูกท�ำให้เสื่อมสภาพหรือเสียหายได้โดยความช้ืนและอุณหภูมิสูง จึงควรระมัดระวัง
ตามหัวข้อต่าง ๆ ดงั น้ี :
- อย่าเปิดหบี กระสุนจนกว่าจะต้องการใช้งาน
- ป้องกนั กระสนุ จากอุณหภูมสิ งู และการถูกแสงแดดส่องโดยตรง
- อย่าพยายามถอดหวั กระสนุ หรือส่วนประกอบส่วนใดส่วนหน่งึ
- ห้ามใช้สารหล่อลน่ื หรอื ไข ทาหัวกระสุนเด็ดขาด