The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

302 เนื้อหา ตำรา วิชาแผนที่ ปี3 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Patiparn Potardee, 2020-09-21 09:48:44

1. วิชาแผนที่ ปี3 2563

302 เนื้อหา ตำรา วิชาแผนที่ ปี3 2563

บทท่ี ิวชาการ ่อานแผนท่ีและการใช้เ ็ขมทิศ 31

ทิศทางและมุมภาคทศิ เหนือ

1. ทิศทาง

คือ แนวเส้นตรงที่ต้องการพิจารณาแนวใดแนวหน่ึงบนแผนที่หรือใน
ภูมปิ ระเทศ ทศิ ทางแสดงด้วยมมุ ภาคทศิ เหนือ

2. มุมภาคทิศเหนอื

คือ มุมทางระดับวัดตามเข็มนาฬิกาจากทิศทางหลักไปยังแนวพิจารณา
หรือไปยงั ท่หี มาย

3. ทิศทางหลัก

คอื ทศิ ทางที่ใช้เป็นแนวเรม่ิ ต้นในการวดั หรอื แนวศนู ย์ มี 3 ชนดิ
3.1 ทิศเหนอื จรงิ แสดงด้วยรูปดาว ( )
3.2 ทิศเหนอื กริด แสดงด้วยอักษร (GN)
3.3 ทศิ เหนือแม่เหลก็ แสดงด้วยหวั ลูกศรผ่าซีก ( หรือ )

4. ทศิ ทางมุม

ทศิ ทางจะเรม่ิ ทจ่ี ดุ ศนู ยก์ ลางของวงกลม ซง่ึ เรยี กวา่ วงกลมมมุ ภาคทศิ เหนอื
วงกลมนแ้ี บง่ ออกเป็น 360 หนว่ ย เรยี กวา่ องศา เลของศาจะกำ� หนดตามเขม็ นาฬกิ า 0 ํ
อยู่ท่ีทิศเหนอื , 90 ํ ทศิ ตะวันออก, 180 ํ ทิศใต้, 270 ํ ทิศตะวนั ตก และ 360 ํ หรอื 0 ํ
อยู่ที่ทิศเหนอื

32 วชิ าการอา่ นแผนที่และการใช้เขม็ ทศิ 5. ระยะทางจะไมท่ ำ� ใหค้ ่าของมุมภาคทิศเหนือแตกตา่ งกัน

6. มุมภาคทศิ เหนอื กลับ

คือ มุมภาคทิศเหนือที่วัดตรงข้ามกับมุมภาคทิศเหนือของแนวใดแนวหน่ึง
หรือเป็นมุมที่วัดจากจุดปลายทางมายังจุดเริ่มต้นน่ันเอง ค่าของมุมภาคทิศเหนือกลับ
จะแตกต่างกบั มมุ ภาคทศิ เหนืออยู่ 180 องศา เสมอ การคดิ ค่าของมุมภาคทิศเหนือกลบั
มีหลกั เกณฑ์ดงั นี้

13.6.1 ถ้ามุมภาคทิศเหนอื มากกว่า 180 องศา เอา 180 ลบ
13.6.2 ถ้ามุมภาคทศิ เหนอื น้อยกว่า 180 องศา เอา 180 บวก
13.6.3 ถ้ามมุ ภาคทศิ เหนอื 180 องศา เอา 180 บวก หรือ ลบ

7. การวดั มมุ ภาคทศิ เหนือบนแผนท่ี

7.1 การวดั มมุ ภาคทศิ เหนอื บนแผนทอ่ี าจวดั ดว้ ยเครอ่ื งมอื P-67 หรอื เครอื่ งมอื
อย่างหน่งึ อย่างใดท่มี ลี กั ษณะการใช้ท�ำนองเดยี วกนั น้ี

7.2 ถา้ จะใช้ P-67 วดั มมุ ภาคทศิ เหนอื บนแผนทข่ี น้ั ตน้ ใหใ้ ชด้ นิ สอดำ� ขดี เสน้ ตรง
เชอ่ื มโยงระหวา่ งจดุ เรม่ิ ตน้ และจดุ ปลายทางบนแผนทท่ี ตี่ อ้ งการ แลว้ ใชจ้ ดุ หลกั (INDEX POINT)
ท่มี ีลักษณะเป็นหวั ลกู ศร (ปลายหวั ลกู ศรอยู่ตรงจุดศนู ย์กลางของวงกลมที่เจาะเป็นรูเล็กๆ)
ทับตรงจุดหรือต�ำบลเรมิ่ ต้น แล้วจัดแนวขนานเส้นกรดิ ของ P-67 ให้ขนานกับเส้นกรดิ ต้งั บน
แผนที่ โดยหนั โคง้ วงกลมไปทางตำ� บลปลายทาง จดุ ทเี่ สน้ ตรงตดั กบั โคง้ วงกลม คอื คา่ มมุ ภาค
ทศิ เหนอื ทวี่ ดั จากจดุ เรมิ่ ตน้ ไปยงั จดุ ปลายทางทตี่ อ้ งการ โดยถอื หลกั วา่ ถา้ หนั โคง้ วงกลมไป
ทางขวามอื จะต้องอ่านเลของศาแถวใน (0 - 180 องศา) แต่ถ้าหนั โค้งวงกลมไปทางซ้ายมอื
จะต้องอ่านเลของศาแถวนอก (180 - 360 องศา) (รูปท่ี 1)

7.3 แนวขนานเส้นกรดิ ทม่ี ีอยู่ถงึ 10 เส้น และเรียงเกอื บชิดกนั บน P-67 นี้ ช่วย
ในการจัดภาพขนานได้รวดเร็วมาก ทั้งนี้เพราะเส้นหน่ึงเส้นใดใน 10 เส้นนี้ อาจจะเฉียด
หรอื อาจจะทาบทบั ไปกบั เส้นกรดิ ตงั้ บนแผนท่ี เลของศาใน 1 รอบวงกลม (0 - 360 องศา)
ซ่งึ น�ำมาจดั ทำ� เป็นภาพคร่งึ วงกลมแบบ P-67 น้ีช่วยให้สามารถหามุมภาคทิศเหนือได้ทนั ที
โดยตัวเลขแถวในและแถวนอกจะเป็นมมุ ภาคทศิ เหนือกลับกันอยู่ในตวั เช่น วัดมุมภาคได้
270 องศา (แถวนอก) มมุ ภาคทศิ เหนือกลบั กค็ ือ 90 องศา (แถวใน) เป็นต้น

รปู ที่ 1 วิธวี ัดมุมภาคทิศเหนอื บนแผนทีด่ ้วยเครื่องวัดมุม P-67 ิวชาการ ่อานแผนท่ีและการใช้เ ็ขมทิศ 33

8. มมุ กรดิ แมเ่ หล็ก (มุม ก - ม)

8.1 การทจี่ ะรแู้ ละเขา้ ใจมมุ กรดิ แมเ่ หลก็ จะตอ้ งรคู้ วามหมายของมมุ ภาคทศิ เหนอื
วา่ คอื มมุ ทางระดบั วดั ตามเขม็ นาฬกิ าจากทศิ ทางหลกั ผใู้ ชแ้ ผนทม่ี คี วามเกยี่ วขอ้ งกบั ทศิ ทาง
ใช้หลักอยู่ 2 ชนิด คือ ทิศเหนือกริด (วัดจากแผนท่ีด้วยเคร่ืองมือวัดมุม) และทิศเหนือ
แม่เหล็ก (วดั ในภมู ปิ ระเทศด้วยเขม็ ทิศ)

8.1.1 มุมภาคทิศเหนือกริด คือ มุมทางระดับวัดตามเข็มนาฬิกาจาก
แนวทิศเหนอื กริด

8.1.2 มมุ ภาคทศิ เหนอื แม่เหลก็ คอื มมุ ทางระดบั วดั ตามเขม็ นาฬิกาจาก
แนวทิศเหนอื แม่เหล็ก

8.1.3 มมุ ก - ม คอื ความแตกต่างทางมมุ ระหว่างทศิ เหนือกรดิ กบั มุม
ภาคทิศเหนอื แม่เหล็ก

8.2 การใช้มุมภาคทิศเหนือกริดในสนามจะต้องเปลี่ยนเป็นมุมภาคทิศเหนือ
แม่เหล็กก่อน
8.3 การใช้มุมภาคทิศเหนือแม่เหล็กบนแผนที่จะต้องเปลี่ยนเป็นมุมภาค
ทิศเหนือกรดิ เสยี ก่อน
8.4 การเปลย่ี นค่าของมมุ เป็นอย่างหนงึ่ อย่างใดนจ้ี ะต้องใช้มุม ก - ม
8.5 การสร้างภาพมมุ ก - ม
8.5.1 แผนท่ีบางระวางจะมีรายการเปลี่ยนแปลงประจ�ำปีของแม่เหล็ก
เขยี นไว้ใต้เดคลเิ นช่นั ซ่งึ แผนทีจ่ ะต้องเปลยี่ นแปลงผงั เดคลิเนชน่ั ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
8.5.2 การคำ� นวณคา่ ของมมุ ก - ม ใหค้ ดิ ใกลเ้ คยี ง ½ องศา โดยถอื หลกั ดงั นี้
1 ถงึ 14 ลิปดา =กา0รเอรียงศกาช,ื่อ1ม5ุมต- า44มผลงั ปิ เดดคาล=ิเน½ ช12่นั องศา และ 45 - 60 ลิปดา = 1 องศา
8.6

34 วชิ าการอา่ นแผนที่และการใช้เขม็ ทศิ มุมเยอื้ งแม่เหลก็ 5 ํ ตะวันตก
มุมกรดิ แม่เหลก็ 3 ํ ตะวันตก
มุมเย้ืองกรดิ 2 ํ ตะวนั ตก (5 - 3)
มุมภาคทศิ เหนอื กริด 225 ํ
มมุ ภาคทศิ เหนอื จริง 223 ํ (255 ํ- 2 ํ)
มมุ ภาคทศิ เหนอื แม่เหลก็ 228 ํ (255 ํ+ 3 ํ)

รูปท่ี 2 การเรยี กช่ือมมุ ต่างๆ ตามผังเดคลิเนชัน่
8.7 การแปลงค่าของมุมภาคทิศเหนือกริดเป็นมุมภาคทิศเหนือแม่เหล็ก หรือ
การแปลงค่ามมุ ภาคทศิ เหนอื แม่เหล็กเป็นมุมภาคทศิ เหนือกรดิ ให้ปฏบิ ัตดิ งั น้ี
8.7.1 เม่อื มมุ ก - ม มีค่าเป็นตะวนั ออก

วดั มมุ ภาคทิศเหนือกรดิ ก - ข ได้ = 270 ํ
วดั มมุ ภาคทศิ เหนอื แมเ่ หลก็ ก - ข ได้ = 265 ํ
(270 ํ - 5 ํ)




วดั มมุ ภาคทิศเหนือแม่เหล็ก ก - ข ได้ = 265 ํ ิวชาการ ่อานแผนท่ีและการใช้เ ็ขมทิศ 35
วัดมมุ ภาคทิศเหนอื กรดิ ก - ข ได้ = 270 ํ
(265 ํ + 5  )ํ


รปู ท่ี 3 การแปลงค่ามมุ ก-ม ทมี่ คี ่าเป็นตะวันออก เปน็ มุมภาคทศิ เหนือกริด

8.7.2 เมื่อมมุ ก - ม มคี ่าเป็นตะวนั ตก


วัดมมุ ภาคทศิ เหนือกรดิ ก - ข ได้ = 90  ํ
วดั มมุ ภาคทิศเหนอื แม่เหล็ก ก - ข ได้ = 95 ํ
(90  ํ + 5  )ํ


36 วชิ าการอา่ นแผนที่และการใช้เขม็ ทศิ วดั มมุ ภาคทิศเหนอื แม่เหลก็ ก - ข ได้ = 95 ํ
วดั มมุ ภาคทิศเหนอื กรดิ ก - ข ได้ = 90 ํ
(95 ํ - 5 ํ)

รูปท่ี 4 การแปลงค่ามมุ ก - ข ท่ีมคี า่ เป็นตะวันตก เป็นมุมภาคทศิ เหนอื กรดิ
หมายเหตุ การแปลงคา่ มมุ ตามขอ้ 8.7 จะเหน็ วา่ ตอ้ งเอามมุ ก - ม มาเกย่ี วขอ้ งทงั้ + (บวก)

และ – (ลบ) ยุ่งยากและสบั สนในการจดจ�ำ จงึ ใคร่แนะนำ� วิธีจดจำ� ทีด่ ีทส่ี ดุ คอื การเขยี น
ภาพประกอบการพจิ ารณาแล้วท�ำความเข้าใจ

บทที่

เข็มทศิ เลนเซติกและการใช้

1. ลกั ษณะของเขม็ ทิศเลนเซติก (รปู ท่ี 5)

ก้านเล็ง ฝาตลับเขม็ ทศิ เรือนเข็มทศิ ิวชาการ ่อานแผนท่ีและการใช้เ ็ขมทิศ 37
เส้นเลง็ ครอบหน้าปดั เขม็ ทศิ
บากเล็ง หนา้ ปดั เขม็ ทศิ
แวน่ ขยาย จดุ เล็งพรายนำ�้

หว่ งมอื ถือ

รูปที่ 5 เขม็ ทศิ เลนเซติก

1.1 เขม็ ทศิ เลนเซตกิ เป็นเขม็ ทศิ ทที่ ำ� ขนึ้ ให้สามารถปิด-เปิดได้ เพอื่ ป้องกนั
การช�ำรดุ และเสียหายทข่ี อบด้านข้างมีมาตราส่วนบรรทัดขนาดมาตราส่วน 1 : 25,000
หรอื 1 : 50,000 สำ� หรบั วดั ระยะจรงิ บนแผนที่ เขม็ ทศิ แบบนส้ี ามารถอา่ นไดถ้ กู ตอ้ งใกลเ้ คยี ง
2 องศา

1.2 ส่วนประกอบของเขม็ ทศิ แบบเลนเซติกทสี่ ำ� คญั มี 3 ส่วน
1.2.1 ฝาตลบั เข็มทิศ
1.2.2 เรือนเขม็ ทิศ
1.2.3 ก้านเลง็

38 วชิ าการอา่ นแผนท่ีและการใช้เขม็ ทศิ 1.3 ฝาตลบั เขม็ ทิศ ส่วนประกอบส่วนนท้ี �ำหน้าท่เี สมือนเป็นศนู ย์หน้า ซ่ึงมีท้ัง
เส้นเลง็ และจดุ พรายนำ้� เพือ่ สามารถใช้ได้ทง้ั กลางวนั และกลางคืน

1.4 เรอื นเขม็ ทศิ ประกอบด้วย
1.4.1 ครอบหน้าปัดเข็มทิศ หมายถึง ส่วนบนท้ังหมดที่เรือนเข็มทิศ
ซ่ึงประกอบด้วยวงแหวนมีลักษณะเป็นร่องหมุนไปมาได้ เมื่อวงแหวนหมุนไป 1 คลิก
มมุ ภาคทศิ เหนอื จะเปลย่ี นไป 3 องศา นอกจากนยี้ งั มกี ระจกตดิ อยกู่ บั วงแหวน ทกี่ ระจกมขี ดี
พรายนำ้� ยาวและขดี พรายนำ�้ สนั้ จดุ (45) เพอื่ ใชใ้ นการตง้ั เขม็ ทศิ เพอื่ เดนิ ทางในเวลากลางคนื
1.4.2 กระจกหน้าปัดเข็มทิศมีเส้นขีดด�ำหรือดัชนีชี้มุมภาคทิศเหนือและ
จดุ พรายน้ำ� 3 จุด (90, 180 และ 270) การอ่านค่ามุมภาคทิศเหนอื จะต้องอ่านเลขทีต่ รงกบั
ดัชนีสีด�ำเสมอ สำ� หรับจดุ พรายน้ำ� 3 จุด จะช่วยให้นับคลิกน้อยลง
1.4.3 หน้าปัดเข็มทิศเป็นแผ่นใสลอยตัวอยู่บนแกน และจะหมุนไปมาได้
เมอื่ จบั เขม็ ทศิ ใหไ้ ดร้ ะดบั ทหี่ นา้ ปดั มลี กู ศรพรายนำ�้ ชที้ ศิ เหนอื อกั ษร E, S และ W นอกจากนี้
ยังมีมาตราวดั มมุ ภาคทศิ เหนอื 2 ชนิด รอบนอกเป็นมลิ เลยี มเรม่ิ ต้งั แต่ 0 - 6,400 มิลเลียม
รอบในเป็นองศาเรม่ิ ต้ังแต่ 0 - 360 องศา
1.4.4 พรายน้�ำเรือนเข็มทิศ เพื่อช่วยให้เกิดความสว่างข้ึนภายในเรือน
เข็มทิศ
1.4.5 กระเดอื่ งบงั คบั หนา้ ปดั เขม็ ทศิ เปน็ กระเดอื่ งทใ่ี ชเ้ พอ่ื ปลดใหห้ นา้ ปดั
ลอยตัวหรือบงั คบั ไม่ให้เคลือ่ นไหวเม่อื มีการยกหรอื กดก้านเล็ง
1.5 ก้านเล็ง ท�ำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์หลังของเข็มทิศมีช่องเล็งไปยังท่ีหมาย
และมีแว่นขยายไว้สำ� หรบั อ่านมาตรามุมภาคทศิ เหนือที่หน้าปัดเข็มทศิ
1.6 นอกจากส่วนประกอบดังกล่าวแล้ว ยังมีบากเล็งหน้า บากเล็งหลัง
เพ่ือใช้ในการวดั มุม ภาคทศิ เหนอื แม่เหล็กบนแผนที่ และมหี ่วงถือเพื่อสะดวกในการจับถอื
อีกด้วย (แต่โดยปกติแล้ว เรามักใช้ขอบด้านตรงของเข็มทิศวัดมุมภาคทิศเหนือบนแผนท่ี
ทั้งนีเ้ พราะสะดวกและรวดเรว็ กว่า)

2. การจบั เขม็ ทิศและการวดั มุมภาคทศิ เหนอื ิวชาการ ่อานแผนท่ีและการใช้เ ็ขมทิศ 39

2.1 จับเพอ่ื ยกข้นึ เล็งเป็นวธิ ีท่ีใช้กนั อยู่โดยท่วั ไปนานมาแล้ว (รูปท่ี 6)

รูปที่ 6 การจับเข็มทิศเพอื่ ยกขนึ้ เลง็
2.1.1 จับเข็มทิศด้วยมือที่ถนัด โดยเอาหัวแม่มือสอดเข้าไปในห่วงถือ
น้วิ ช้รี ดั อ้อมไปตามขอบข้างล่างของเรือนเขม็ ทศิ นว้ิ ท่ีเหลอื รองรบั อยู่ข้างล่าง
2.1.2 เปิดฝาตลบั เข็มทิศ ยกขึ้นให้ตัง้ ฉากกับเรือนเขม็ ทิศ และยกก้านเลง็
ให้สงู ข้นึ ทำ� มุมประมาณ 45 องศา
2.1.3 จบั เขม็ ทิศให้ได้ระดบั เสมอ เพ่อื ให้หน้าปัดลอยตวั เป็นอิสระ
2.1.4 การวดั มุมภาคทศิ เหนือ
2.1.4.1 ยกเขม็ ทศิ ใหอ้ ยใู่ นระดบั สายตาและเลง็ ผา่ นชอ่ งเลง็ ตรงไปยงั
เส้นเลง็ และทห่ี มาย
2.1.4.2 ในขณะนี้ให้เหลือบสายตาลงมาท่ีแว่นขยาย และอ่านค่า
มุมภาคทศิ เหนอื ทอ่ี ยู่ใต้เส้นดชั นีสีดำ� ของกระจกหน้าปัดเข็มทศิ

40 วชิ าการอา่ นแผนท่ีและการใช้เขม็ ทศิ รูปท่ี 7 การจบั เข็มทศิ โดยไมต่ ้องยกขนึ้ เลง็ (เลง็ เร่งดว่ น)
2.2 จับโดยไม่ต้องยกข้ึนเล็ง เป็นการใช้เทคนิคการจับให้เข็มทิศอยู่ก่ึงกลาง
ของลำ� ตวั + (รปู ท่ี 7)
2.2.1 เปดิ ฝาตลบั เลง็ เขม็ ทศิ จนเปน็ แนวเสน้ ตรงกบั ฐานและยกกา้ นเลง็ ขนึ้
จนสดุ
2.2.2 สอดหวั แมม่ อื ขา้ งหลงั เขา้ ไปในหว่ งถอื นวิ้ ชที้ าบไปตามขอบดา้ นขา้ ง
ของเขม็ ทศิ และนวิ้ ท่เี หลอื รองรบั อยู่ข้างล่างให้มั่นคง
2.2.3 เอาหวั แม่มืออีกข้างหนง่ึ วางลงระหว่างก้านเลง็ กบั เรอื นเขม็ ทศิ และ
ใช้นิ้วชี้ทาบไปตามด้านข้างของเข็มทิศอีกข้างหนึ่ง นิ้วที่เหลือรัดพับบนนิ้วมือของอีกข้าง
หน่ึงเพอ่ื ให้แน่นมากยง่ิ ขนึ้
2.2.4 การจับโดยวิธีนี้จะต้องให้ข้อศอกท้ังสองข้างแนบแน่นกับล�ำตัว
และให้เขม็ ทศิ อยู่ระหว่างคางกบั เขม็ ขดั
2.2.5 การวดั มุมภาคทศิ เหนอื
2.2.5.1 หมุนตัวให้ไปอยู่ในแนวของท่ีหมายและให้ฝาตลับเข็มทิศ
พุ่งตรงไปยงั ทห่ี มาย
2.2.5.2 ในขณะท่ีอยู่ตรงแนวท่ีหมาย ก้มศีรษะลงอ่านมุมภาค
ทศิ เหนอื ทอ่ี ยู่ใต้ดัชนสี ดี ำ�

2.3 จากประสบการณ์การใช้เทคนิคการจับเข็มทิศให้อยู่ก่ึงกลางของล�ำตัว ิวชาการ ่อานแผนท่ีและการใช้เ ็ขมทิศ 41
โดยวธิ นี ม้ี คี วามถกู ตอ้ งเชน่ เดยี วกบั การจบั เขม็ ทศิ ยกขนึ้ เลง็ และยง่ิ ไปกวา่ นนั้ การจบั เขม็ ทศิ
กึง่ กลางลำ� ตวั ยงั ดีกว่าการจบั เขม็ ทิศยกข้นึ เล็งอีกหลายประการดังต่อไปน้ี

2.3.1 ใช้ได้รวดเรว็ กว่า
2.3.2 ใช้ได้ง่ายกว่าเพราะลดข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิลงมาก
2.3.3 สามารถใช้ได้ทกุ สภาพการมองเหน็
2.3.4 สามารถใช้ได้ในภมู ปิ ระเทศทกุ ชนดิ
2.3.5 สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องน�ำเอาอาวุธออกจากตัว แต่ต้องสะพายไว้
ขา้ งหลงั
2.3.6 สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องถอดหมวกเหล็กออก

3. การเดินทางตามมมุ ภาคทิศเหนือท่กี �ำ หนด

3.1 จับเขม็ ทศิ หันหน้าไปให้มมุ ภาคทศิ เหนอื ท่กี �ำหนดอยู่ใต้ดชั นสี ีดำ�
3.2 หาทห่ี มายทต่ี รงกบั เส้นเล็งตามแนวมมุ ภาคทศิ เหนอื น้ี
3.3 เดินทางไปยงั ตำ� บลทห่ี มายท่ีเลอื กไว้และท�ำเช่นนตี้ ลอดไป

4. การตั้งเขม็ ทิศเพื่อใช้งานในเวลากลางคืน

4.1 เมือ่ มแี สงสว่าง
4.1.1 จบั เขม็ ทิศหันไปจนดชั นสี ดี ำ� ชี้ตรงมุมภาคทศิ เหนอื ทีต่ ้องการ
4.1.2 หมุนครอบหน้าปัดเข็มทิศให้ขีดพรายน�้ำยาวทับหัวลูกศรและรักษา
ไว้เช่นน้ี
4.1.3 ทิศทางตามแนวเส้นเลง็ ขณะนีจ้ ะเป็นทิศทางท่ตี ้องการ
4.2 เมื่อไม่มแี สงสว่าง
4.2.1 ต้งั เขม็ ทศิ ปกติ (ดชั นสี ดี ำ� , หวั ลูกศร, ขดี พรายน�ำ้ ยาวตรงกัน)
4.2.2 หมนุ ครอบหน้าปัดเขม็ ทศิ ทวนเข็มนาฬิกาตามจ�ำนวนคลิกทไี่ ด้
4.2.3 ทิศทางตามแนวเส้นเล็งขณะที่ขีดพรายน้�ำยาวทับหัวลูกศรจะเป็น
ทิศทางทต่ี ้องการ

42 วชิ าการอา่ นแผนท่ีและการใช้เขม็ ทศิ 5. การเดินทางออ้ มเครอื่ งกดี ขวางหรือข้าศกึ (รูปท่ี 8)

5.1 ในเวลากลางวนั
5.1.1 ให้ถือหลักว่าหักออกจากแนวเดิมเป็นมุมฉากด้วยระยะหนึ่งท่ี
เหมาะสม
5.1.2 เดินหกั ออกทางขวาให้บวกด้วยมมุ 90 องศา
5.1.3 เดินหกั ออกทางซ้ายให้ลบด้วยมุม 90 องศา
5.1.4 ถ้าบวกด้วย 90 องศา มมุ เกิน 360 องศา ให้เอา 360 ลบออก
5.1.5 ถ้าบวกด้วย 90 องศา มมุ ทีม่ ีค่าติดลบให้เอาเฉพาะค่าตวั เลขไปลบ
ออกจาก 360 องศา
5.2 ในเวลากลางคนื

รูปที่ 8 การเดินออ้ มเคร่ืองกดี ขวาง
5.2.1 ใช้หลักการเดินหักออกจากแนวเดิมเป็นมุมฉากเช่นเดียวกันกับ
เวลากลางวนั
5.2.2 เดินหักออกทางขวา หันตัวไปทางขวาจนขีดพรายน้�ำยาวตรงจุด
ก่ึงกลางของตวั อกั ษร E
5.2.3 เดินหักออกทางซ้าย หันตัวไปทางซ้ายจนขีดพรายน้�ำยาวตรงจุด
กึง่ กลางของตวั อักษร W
5.2.4 ข้อควรจำ� การเดินหกั เป็นมุมฉากไม่ต้องใช้คลิกเลย

6. การใช้เขม็ ทศิ วดั มมุ ภาคทศิ เหนือบนแผนที่ (รูปที่ 9) ิวชาการ ่อานแผนท่ีและการใช้เ ็ขมทิศ 43

รูปที่ 9 การใชเ้ ข็มทิศวดั มมุ ภาคทิศเหนือบนแผนท่ี
6.1 วางแผนทใ่ี ห้ถกู ทศิ (มมุ ก - ม = 0)
6.1.1 เปิดฝาตลบั เข็มทิศและก้านเล็งออกจนสุด
6.1.2 ใช้มาตราส่วนเส้นบรรทัดของเข็มทิศ (ขอบด้านตรง) ทาบไปกับ
เส้นกริดต้งั โดยหนั ฝาตลบั ไปทางหวั แผนที่
6.1.3 จบั แผนทห่ี มนุ จนกงึ่ กลางหวั ลกู ศรทห่ี นา้ ปดั เขม็ ทศิ มาอยใู่ ตเ้ สน้ ดชั นี
สีดำ�
6.2 ยกเขม็ ทิศออกโดยแผนท่ไี ม่ขยบั เขยือ้ น
6.3 ใช้ขอบด้านตรงของเข็มทิศทาบระหว่างต�ำบลทั้งสอง โดยให้ขอบด้านตัว
เรอื นเขม็ ทศิ ทับตำ� บลต้นทาง และขอบฝาตลับเขม็ ทศิ ทับต�ำบลปลายทาง
6.4 อ่านมาตรามมุ ภาคทศิ เหนอื ตรงใต้เส้นดชั นสี ีดำ�

7. ข้อระวังในการใช้และเก็บรกั ษา

7.1 เม่ือไม่ใช้ต้องปิดฝาและใส่ไว้ในซอง 55 เมตร
7.2 การใช้ต้องห่างจากโลหะและสายไฟแรงสูงดังน้ี 18 เมตร
7.2.1 สายไฟแรงสูง 10 เมตร
7.2.2 ปืนใหญ่สนาม, รถยนต์, รถถงั 2 เมตร
7.2.3 สายโทรศพั ท์, สายโทรเลข และลวดหนาม 0.5 เมตร
7.2.4 ปืนกล
7.2.5 หมวกเหลก็ หรือปืนเลก็

44 วชิ าการอา่ นแผนท่ีและการใช้เขม็ ทศิ 8. การกะระยะทางในสนาม

8.1 วธิ ใี ช้โดยทว่ั ไป ได้แก่ การนบั ก้าวจากตำ� บลหนง่ึ ไปยงั อกี ตำ� บลหนึ่ง
8.2 เปลีย่ นระยะทางจากการนบั ก้าวเป็นระยะแผนท่ี
8.3 ผู้นบั ก้าวจะต้องตรวจสอบจากก้าวของตนกับระยะทท่ี ราบแล้ว
8.4 พึงระลึกเสมอว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศ ลมฟ้าอากาศ
และอาวธุ ยทุ โธปกรณ์ จะมผี ลกระทบกระเทอื นเก่ยี วกับระยะของก้าวเป็นอย่างยิง่
8.5 ปัจจยั ท่มี ีผลกระทบกระเทอื นต่อระยะก้าวทว่ั ไป ได้แก่
8.5.1 ลาด เดนิ ลงลาดก้าวจะยาว และเดินขน้ึ ลาดก้าวจะสนั้
8.5.2 ลม เดนิ ทวนลมก้าวจะสน้ั เดนิ ตามลมก้าวจะยาว
8.5.3 ผวิ พ้นื ทราย กรวด โคลน และผิวพน้ื ในลักษณะเดียวกันนจี้ ะทำ� ให้
ก้าวสนั้
8.5.4 สภาพอากาศ หมิ ะ ฝน นำ้� แขง็ จะทำ� ให้ก้าวส้นั ลง
8.5.5 เคร่ืองนุ่งห่ม น้ำ� หนกั ของเสือ้ ผ้าท่มี ากไปจะทำ� ให้ก้าวสั้น
8.5.6 ความอดทน ความเหน็ดเหนื่อย ย่อมเป็นผลกระทบกระเทือน
ในการก้าว

บทที่ ิวชาการ ่อานแผนท่ีและการใช้เ ็ขมทิศ 45

การก�ำหนดจดุ ที่อยู่

1. การกำ�หนดจุดที่อยู่ของตนลงบนแผนท่ี  โดยใช้เข็มทิศและ
เครื่องมอื วัดมมุ

1.1 การเล็งสกัดกลับ คือ วิธีการก�ำหนดจุดท่ีอยู่ของตนเองลงบนแผนท่ี
โดยวัดมุมภาคทิศเหนือจากต�ำบลท่ียืนอยู่ในภูมิประเทศไปยังต�ำบลเด่นอีก 2 ต�ำบล
ในภมู ปิ ระเทศซง่ึ ปรากฏอยู่บนแผนท่ี วิธีปฏิบตั ิดงั นี้ (รปู ที่ 10)

รูปที่ 10 การเล็งสกัดกลบั

46 วชิ าการอา่ นแผนที่และการใช้เขม็ ทศิ 1.1.1 วัดมมุ ภาคทศิ เหนอื จากจดุ ท่ียนื ไปยังตำ� บลท้ังสอง
1.1.2 เปลย่ี นค่าของมมุ ทว่ี ัดได้เป็นมมุ ภาคทศิ เหนือกลับ
1.1.3 ขีดแนวมมุ ภาคทิศเหนอื กลบั จากจดุ ทงั้ สองบนแผนที่
1.1.4 จดุ ทีแ่ นวมมุ ภาคทศิ เหนอื ท้ังสองตดั กัน คือ จดุ ที่อยู่ของตนเองบน
แผนที่
1.2 การเลง็ สกดั ประกอบแนว วธิ นี เ้ี ปน็ การหาจดุ ทอ่ี ยขู่ องตนเองทสี่ ะดวกและ
รวดเรว็ แตจ่ ำ� กดั ดว้ ยภมู ปิ ระเทศทยี่ นื อยจู่ ะตอ้ งเปน็ ถนน เสน้ ทาง ลำ� นำ�้ หรอื ลำ� ธารทปี่ รากฏ
บนแผนท่ี มีวธิ ีปฏิบตั ดิ ังนี้ (รปู ท่ี 11)

รูปที่ 11 การเลง็ สกัดกลับประกอบแนว

1.2.1 วางแผนท่ใี ห้ถกู ทศิ ิวชาการ ่อานแผนท่ีและการใช้เ ็ขมทิศ 47
1.2.2 เลอื กต�ำบลเด่นในภูมปิ ระเทศ 1 ต�ำบล ซ่ึงมอี ยู่บนแผนที่
1.2.3 วัดมมุ ภาคทศิ เหนอื จากจดุ ที่ยนื ไปยังตำ� บลนัน้
1.2.4 เปลย่ี นค่าของมมุ ที่วดั ได้เป็นมุมภาคทิศเหนือกลบั
1.2.5 ขีดแนวมมุ ภาคทศิ เหนอื กลบั จากจดุ ทเี่ ลือกไว้บนแผนท่ี
1.2.6 จดุ ทแี่ นวมมุ ภาคทศิ เหนอื ตดั กบั เส้นทางเป็นทอี่ ยู่ของตนเอง
1.3 การเลง็ สกดั กลบั โดยวธิ หี มายต�ำบลระเบดิ (MARKING ROUNDS) บางครงั้
ตอ้ งปฏบิ ตั กิ ารในพน้ื ทม่ี ลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศเปน็ พนื้ ราบหรอื ปา่ สงู ไมส่ ามารถทจ่ี ะมองเหน็
ภมู ปิ ระเทศสูงเด่นได้ วธิ ีการกำ� หนดจดุ ท่ีอยู่ของตนเองทีก่ ล่าวมาแล้วน�ำมาใช้ไม่ได้ จึงต้อง
อาศัยหน่วยทหารปืนใหญ่เป็นผู้ทำ� ต�ำบลเด่นให้ โดยการใช้กระสุนควันฟอสฟอรัสขาวยิง
แตกอากาศตามพกิ ัดท่ขี อยงิ ซึ่งสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ 2 วธิ ี คอื การยิง ป.ยงิ 2 จุด และการใช้
ป.ยิงจดุ เดยี ว
1.3.1 การใช้ ป.ยงิ 2 จุด ปฏบิ ตั ดิ ังนี้ (รูปท่ี 12)
1.3.1.1 ก�ำหนดท่อี ยู่ของตนเองลงบนแผนที่โดยประมาณ

รูปท่ี 12 การเลง็ สกดั กลบั โดยใช้ ป.ยิง 2 จุด

48 วชิ าการอา่ นแผนที่และการใช้เขม็ ทศิ 1.3.1.2 เลือกจดุ ขอยงิ เป็นพกิ ดั (ตรงจุดตดั ของเส้นกรดิ ) 2 จดุ ห่าง
จากตวั เราประมาณ 2 กม. หรอื มากกว่า และจุดท้ังสองนี้ควรห่างกันประมาณ 3 - 4 กม.

1.3.1.3 ขอยงิ กระสนุ ควนั ทลี ะจดุ แลว้ ใชเ้ ขม็ ทศิ วดั มมุ ไปยงั จดุ ทง้ั สอง
1.3.1.4 แปลงมมุ ทว่ี ดั ได้เป็นมมุ ภาคทศิ เหนือกลบั
1.3.1.5 ขีดแนวมมุ ภาคทิศเหนอื กลบั จากจุดทั้งสองบนแผนท่ี
1.3.1.6 จดุ ทเี่ สน้ ตรงสองเสน้ ตดั กนั คอื จดุ ทอี่ ยขู่ องตนเองบนแผนท่ี
1.3.2 การใช้ ป.ยงิ จุดเดียว ปฏิบัตดิ งั นี้ (รูปที่ 13)
1.3.2.1 เลอื กจดุ ขอยิงเป็นพกิ ัด (ตรงจุดตดั ของเส้นกรดิ ) 1 จดุ ห่าง
จากตวั เราประมาณ 2 กม. หรอื มากกว่า

รปู ที่ 13 การเล็งสกัดกลบั โดยใช้ ป.ยิงจดุ เดยี ว
1.3.2.2 ขอยงิ กระสนุ ควนั ทจ่ี ดุ นัน้
1.3.2.3 นับเวลาเป็นวินาทีต้ังแต่มองเห็นกระสุนระเบิด และหยุด
นับเม่อื ได้ยนิ เสยี งระเบิด พร้อมท้งั ใช้เข็มทิศวดั มุมไปยงั ต�ำบลระเบิดน้นั
1.3.2.4 หาระยะทางจากต�ำบลระเบิดถึงตัวเรา โดยใช้สูตร 350
เมตร x (คณู ) จำ� นวนวนิ าทีทน่ี ับได้ และแปลงมมุ ทว่ี ดั ได้เป็นมมุ ภาคทศิ เหนอื กลับ
1.3.2.5 ขีดแนวมุมภาคทิศเหนือกลับ และระยะที่คิดได้ตามข้อ
1.3.2.4 บนแผนท่ี โดยเรมิ่ ต้นจากจดุ ขอยงิ

1.3.2.6 ปลายเส้นที่ขดี ขนึ้ ตามข้อ 1.3.2.5 คอื จุดท่ีอยู่ของตนเอง ิวชาการ ่อานแผนท่ีและการใช้เ ็ขมทิศ 49
บนแผนท่ี

หมายเหตุ วธิ ใี ช้ ป.ยงิ จดุ เดยี วนมี้ คี วามถกู ตอ้ งไมม่ ากนกั ปกตติ ำ� บลระเบดิ จะสงู
จากพน้ื ดนิ ประมาณ 200 เมตร เมอื่ ขอยงิ นดั แรกยงั มองไมเ่ หน็ ตำ� บลระเบดิ อาจขอยงิ ซำ�้ หรอื
ขอเลอื่ นตำ� บลระเบดิ สงู ขน้ึ แตก่ ารขอเลอ่ื นตำ� บลระเบดิ สงู ขน้ึ กวา่ เดมิ มากเทา่ ไร ความถกู ตอ้ ง
ของท่ีอยู่ยง่ิ ลดน้อยลงเท่านน้ั

2. การกำ�หนดจุดที่หมายลงบนแผนที่โดยใช้เข็มทิศและเคร่ืองมือ 
วัดมมุ

2.1 วิธีโปล่า เป็นวิธีก�ำหนดจุดท่ีหมายในภูมิประเทศลงบนแผนท่ี โดยใช้มุม
ภาคทศิ เหนอื (ทิศทาง) และระยะ (เมตร, หลา) จากจดุ เรม่ิ ต้น (จดุ ท่ีทราบ) วธิ ีนเี้ หมาะ
ส�ำหรับหน่วยขนาดเลก็ ทป่ี ฏิบัตกิ ารในสนาม มีวิธีปฏบิ ตั ิดังน้ี (รูปที่ 14)

2.1.4 วดั ระยะตามแนวมมุ ภาคทศิ เหนือเท่ากับระยะทก่ี ะได้
2.1.5 จดุ ปลายของระยะตามแนวมมุ ภาคทศิ เหนือคือจดุ ทหี่ มาย

รปู ท่ี 14 การก�ำหนดทีห่ มายดว้ ยวิธโี ปลา่

50 วชิ าการอา่ นแผนที่และการใช้เขม็ ทศิ 2.2 การเลง็ สกดั ตรง คอื วธิ ีการกำ� หนดจดุ ที่หมายต่างๆ ในภูมปิ ระเทศลงบน
แผนทโี่ ดยวดั มมุ ภาคทศิ เหนอื จากตำ� บล 2 ตำ� บลทที่ ราบแลว้ ทงั้ ในภมู ปิ ระเทศและบนแผนท่ี
ไปยงั จุดท่หี มายในภูมิประเทศ มวี ิธีปฏบิ ตั ดิ งั น้ี (รูปที่ 15)

2.2.1 วางแผนทใ่ี ห้ถกู ทิศ
2.2.2 เลอื กต�ำบลเด่น 2 ต�ำบล ซง่ึ มีอยู่ทัง้ ในภมู ปิ ระเทศและบนแผนที่
2.2.3 จากต�ำบลทง้ั สองในภูมปิ ระเทศ วดั มุมภาคทิศเหนือไปยงั ทห่ี มาย
2.2.4 ขีดแนวมมุ ภาคทศิ เหนอื ท้งั สองน้นั บนแผนท่ี
2.2.5 จดุ ทีแ่ นวท้งั สองตัดกนั เป็นจดุ ของทห่ี มาย

รปู ท่ี 15 การเลง็ สกัดตรง


Click to View FlipBook Version