45
ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดา้ นเกษตรทฤษฎีใหม่ นายบุญเปง็ เปน็ เกษตรกรบ้านห้วยกา้ งปูล้าน ตำบลไมย้ า อำเภอ
พญาเม็งราย จังหวัดเชยี งราย ผผู้ สมผสานการทำเกษตรทหี่ ลากหลาย จนเปน็ ทยี่ อมรับโดยทั่วไป เดิมทีนายบุญเปง็
เปน็ คนไทยคนหน่ึงทย่ี ากจน ถงึ ข้ันต้องออกขอทานเพ่อื หาอาหารมาใส่ทอ้ ง หลงั จากได้ร่ำเรยี นในวดั กน็ ำหลัก
คุณธรรมมาใชใ้ นชวี ติ พอมีครอบครวั กป็ ระกอบอาชีพโดยยึดหลกั อทิ ธบิ าท 4 และพรหมวิหาร 4 ปี 2529 ไปทำงานท่ี
ประเทศบรูไน หวังใหฐ้ านะครอบครวั ดีขนึ้ แต่ไมส่ ำเรจ็ จึงเดิน ทางกลบั มา กบั เงนิ เก็บเพียงสองพนั กวา่ บาท ต่อมาได้
ประมาณตนเองและปรบั ความคดิ ว่า ถ้ามีความขยนั เหมอื นกบั ทำงานทบ่ี รไู น อยู่เมืองไทยกค็ งมีรายได้อยา่ งพอเพียง ปี
2542 รัฐบาลใหม้ ีการพักชำระหน้ี แตบ่ ญุ เป็งพกั ไม่ได้ เนอื่ งจากมียอดหน้เี กนิ แสน เลยนำเอา ปฏิทนิ รปู ในหลวงมาตั้ง
สจั จะอธษิ ฐานวา่ ขา้ พเจ้าและครอบครัวจะขยันเพิ่มข้ึน ลดละเลิกบางสง่ิ บางอย่างทไ่ี มจ่ ำเป็น กินทุกอย่างทป่ี ลกู ปลูก
ทกุ อย่างท่ีกินและจะขอปลดหนี้ภายใน 4 ปี โดยจะยึดแนวทางปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาดำเนนิ การ
เศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ แนวปรัชญาท่ีชกี้ ารดำรงอยแู่ ละปฏบิ ัตขิ องประชาชนทุกระดับ ตง้ั แต่ระดับครอบครัว
ระดับชุมชน จนถงึ ระดับรัฐ โดยผูป้ ฏบิ ัติจะต้องมีคุณลกั ษณะที่เป็นฐานราก คือ มที ้งั ความมีเหตผุ ล ความพอประมาณ
ความมีภมู คิ ุ้มกนั ความรอบรู้ และความมคี ุณธรรม ซ่ึงหลักการตา่ ง ๆ หัวหนา้ ครอบครัวจันตะ๊ ภา วยั 54 ปผี ู้นี้ ได้
นำมาปรบั ใช้ในชวี ติ ได้อยา่ งดีทีเดยี ว
นายบุญเป็ง พ่งึ พาตนเองครบวงจรอยา่ งสมบรู ณ์ ดว้ ยการเกษตรอินทรยี ท์ ฤษฎใี หม่ ใช้ทรัพยากร
อย่างรคู้ ุณค่า ทำใหป้ ระหยดั เงินลงทนุ เกดิ รายไดจ้ ากการเล้ียงปลา และผลผลิตทางการเกษตรตลอดปี ไม่สร้าง
หนีส้ ินให้เป็นภาระ ไม่เบยี ดเบยี นตนเอง รวมทัง้ ร้จู ักเรยี นรู้การใชท้ รัพยากรในพ้นื ท่ีหรือของเสียให้เกดิ ประโยชน์สูงสุด
ประกอบอาชีพการเกษตรผสมผสาน ปรบั ปรงุ และพฒั นาเปลี่ยนแปลงตามแนวทางทฤษฎีใหมอ่ ย่างสมำ่ เสมอ จน
ประสบความสำเรจ็ และยังถ่ายทอดความรูช้ ่วยเหลือสงั คม จนได้รบั รางวัลมากมายในปัจจบุ ัน รูจ้ ักอดออมไม่มหี นี้สนิ
ทำให้การดำเนินชีวิตไมเ่ ดือดร้อน พ้นื ที่แปลงเกษตรทฤษฎใี หม่จะปลกู ทุกอย่างท่ีกนิ กินทุกอยา่ งที่ปลูก และยดึ ถือคติ
การเปน็ ลูกจา้ งตนเอง ดีกว่าเป็นนายจา้ งคนอ่ืนลงแรงทำทุกอย่างดว้ ยตนเอง ใช้ภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ มาประยุกต์กบั
ความรใู้ หม่ ๆ ได้ไปศกึ ษาดูงานมา
บนพืน้ ที่ 10 ไร่ 1 งาน 35 ตารางวา มกี ารแบ่งสดั สว่ นตามหลักทฤษฎใี หม่ได้อย่างลงตวั เป็นนาข้าว 5 ไร่ ปลูกข้าว
เหนียวปลี ะ 1 คร้ัง ได้ผลผลติ 850 กโิ ลกรมั ต่อไร่ โดยปลกู สลับกบั ขา้ วโพด แตงโม แตงไทย แหล่งน้ำใชจ้ ากอา่ งเก็บน้ำ
ของหมู่บ้าน มีระบบส่งน้ำผ่านพื้นท่ที ำกนิ มสี ระน้ำขนาด 20x20x4 จำนวน 2 บ่อ มบี ่อนำ้ ขนาดเลก็ อกี 20 บอ่ อีก 5
ไร่ ปลูกผกั สมนุ ไพร ไม้ผล เช่น ลำไย มะม่วง กลว้ ย และส่วนสุดทา้ ยเปน็ บ้านพักอาศยั เปน็ เรือนพอเหมาะกบั
ครอบครวั มโี รงเลี้ยงสตั ว์ ประเภท กระบอื สกุ ร ไก่พ้นื เมืองและจ้งิ หรีดจากการประสบความสำเร็จในชีวิตของนายบุญ
เป็งนับเป็นบทพิสูจน์ไดเ้ ปน็ อย่างดีวา่ “เศรษฐกิจพอเพียง” สามารถนำมาปรบั ใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์สงู สุดต่อครอบครวั
และส่วนรวม หากรู้จักคิด ใช้ อยู่ กนิ อย่างพอเพียง ชวี ติ ก็ดำรงได้อย่างย่งั ยืนม่นั คง ภายใตภ้ าวะเศรษฐกจิ ถดถอยเช่น
ในตอนน้ี
46
ใบงานท่ี 1
เรอื่ ง ความพอเพียง
คำสง่ั : ใหผ้ เู้ รียนศึกษาคน้ ควา้ ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ททีเ่ กย่ี วข้อง จากเว็บไซต์ หนังสือเรียน ใบความร้สู ่ือตา่ งๆ ท่ี
ผเู้ รียนสนใจค้นคว้า แล้วสรปุ ผลการเรยี นร้นู า เสนอครู/ผสู้ อน ดงั น้ี
1. ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง หมายถงึ อะไร
47
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เศรษฐกิจพอเพยี ง ทา่ นสามารถปรบั ใช้ในการดำเนนิ ชีวิตอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………
3. จงบอกถึงแนวคิดในการบรหิ ารจัดการชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงวา่ มคี วามสำคญั อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. จงอธิบายถึงกระบวนการในพฒั นาชมุ ชนตามความเข้าใจของท่านว่ามอี ย่างไรบา้ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชอ่ื - สกุล ............................................................... รหัสนกั ศกึ ษา..................................กลุ่ม ............................
48
แผนการจัดการเรยี นรรู ายสปั ดาห ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ครงั้ ที่ 3
รายวชิ า เศรษฐกจิ พอเพยี ง รหสั วชิ า ทช31001
เวลาเรยี น 40 ช่วั โมง
พบกลุม 6 ช่ัวโมง /การเรียนรดู วยตนเอง 14 ช่วั โมง
วันท่ี......................เดอื น...................................พ.ศ. ..........
มาตรฐานท่ี 4.1 มีความรู้ความเข้าใจ เจตคติท่ีดีเก่ียวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถ
ประยุกตใ์ ชใ้ นการดาเนินชวี ติ ไดอ้ ย่างเหมาะสม
มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ
รู้ เขา้ ใจ ตระหนัก และเห็นคุณค่า ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ยอมรับ ประยุกต์ใช้ใน ชมุ ชน และ มีค้มุ กันในการดา
เนินชีวิต และการอยู่ร่วมกันในครอบครัว ชุมชน และสังคม อย่างสันติสุข สร้างความร่วมมือในการพัฒนาชุมชน
ทอ้ งถิ่น
เร่อื ง สถานการณข์ องประเทศกบั ความพอเพยี ง
ตวั ช้ีวดั ๑. อธิบายและวิเคราะห์การพฒั นาประเทศตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งได้
๒. ตระหนักในความสำคญั ของการพฒั นาประเทศและเลือกแนวทางหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมา
๓. ประยุกต์ใชใ้ นการดาเนนิ ชีวิตอยา่ งสมดุลและพรอ้ มรบั ตอ่ การเปลีย่ นแปลงของประเทศชาติ
เรอื่ ง สถานการณ์โลกกบั ความพอเพยี ง
ตัวชีว้ ัด
๑. วิเคราะห์การพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าไปได้อย่างสมดุลภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์โดยยึดหลักปรัชญา
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
๒. ตระหนักในความสำคัญของการพัฒนาประเทศภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และเลือกแนวทางหลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิตอย่างสมดุลและพร้อมรับ ต่อการเปล่ียนแปลงของประเทศภายใต้
กระแสโลกาภิวตั น์
เรอื่ ง การประกอบอาชีพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือการสรา้ งรายได้ อย่างม่นั คง ม่ังค่ัง และยั่งยนื
ตัวชวี้ ดั
1. อธบิ ายแนวทาง กระบวนการเขา้ สูอ่ าชีพได้
2. อธิบายแนวทางการพัฒนาอาชีพได้
3. สามารถสร้างงานตามกลมุ่ อาชีพทเ่ี หมาะสมกับตนเองได้อยา่ งน้อย 1 อาชพี
4. นาความรมู้ าใชเ้ ป็นฐานในการประกอบอาชพี
5. มคี ณุ ธรรมในการประกอบอาชพี
49
วิธกี ารเรียน : แบบพบกลุ่ม (ON-Site)
กระบวนการจดั การเรียนรู้
การกำหนดสภาพ ปญั หา ความต้องการในการเรียนรู้ (O : Orientation)
1.ข้ันนาํ เขาสูบทเรยี น (30 นาที)
1.1 ครทู กั ทายนกั ศึกษา และนําเข้าสูบทเรยี นโดยแจงขาวสารเหตกุ ารณ์ปจจุบนั ใหน้ ักศึกษา
ทราบพร้อมทัง้ แลกเรียนเปลย่ี นเรยี นรูขอ้ มูลขาวสารเหตกุ ารณ์ปจจบุ ัน ร่วมกันวิเคราะห และแสดงควาคดิ เห็น รว่ มกนั
ในชนั้ เรียน
1.2 ครูชี้แจง สาระสําคัญ จุดประสงค์การเรียนรู เน้ือหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ส่ือและแหลงการเรียนรู้
การวัดและประเมนิ ผล และการตดิ ตาม ในรายวชิ าเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1.3 ครูและนักศึกษาร่วมกันวิเคราะหและแสดงความ คิดเห็น เก่ียวกับปัญหา ความตองการ รูปแบบในการ
เรียน และการแสวงหาความรจู้ ากสื่อตาง ๆ ในการเรียนวชิ าเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง สถานการณ์ของประเทศกับความ
พอเพียง
การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2. ขั้นการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ( 3 ชว่ั โมง 30 นาท)ี
2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้ เกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง แล้วให้
นักศกึ ษาเขียนออกมาในรูปแบบแผนผังความคดิ ลงในสมุดบนั ทึก กศน.
2.2 ครูอธิบายเนื้อหาตามหนังสือเรียนรายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง เก่ียวกับสถานการณ์ของประเทศกับความ
พอเพียงและให้นักศึกษาสรปุ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.
2.3 หลังจากการบรรยายแล้ว ให้นักศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติมเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์ของประเทศกับความ
พอเพียง โดยนักศึกษาสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหนังสือเรียนเศรษฐกิจพอเพียง (ทช31001) หรอื ใบความรู้
ท่ี 2 หรอื E-book หรือหาความรู้เพิม่ เตมิ ได้จากอินเตอร์เน็ต
2.4 ครูให้นักศึกษาแบบกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน หรือแล้วแต่ตามความเหมาะสม และให้
นกั ศกึ ษาศกึ ษาเน้อื หาเพมิ่ เติม ดังน้ี
50
กลุ่มท่ี 1 การวเิ คราะหส์ ถานการณข์ องประเทศโดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
กลมุ่ ที่ 2 สถานการณข์ องโลก(ประเทศภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์) ทีเ่ ก่ยี วข้องกับ ภาวะโลกร้อน การส่ือสารไร้
พรมแดน นา้ มันเช้ือเพลิง
กลุ่มที่ 3 การวิเคราะห์สถานการณข์ องโลกโดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
กลุม่ ท่ี 4 แนวทาง กระบวนการประกอบอาชีพ
กลมุ่ ท่ี 5 การสรา้ งงานอาชพี ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5 กลุ่มอาชีพ
2.5 ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน และให้นักศึกษาทุกคนจดบันทึกที่ได้จากการฟัง
ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. โดยครูจะเป็นผ้ตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง ใหค้ วามร้เู พ่ิมเติมและขอ้ เสนอแนะ
2.8 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรื่อง ความสะอาด ความสุภาพ ความขยัน ความ
ประหยดั ความซื่อสัตย์สจุ ริต ความสามัคคี ความมนี ้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดม่นั ในวถิ ี
ชีวติ และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ
การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยุกต์ (I : Implementation)
3. ข้ันการปฏิบัติและนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที )
3.1 ครูสมุ่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอ เพื่อแลกเปลีย่ นความคดิ เห็นซ่งึ กันและกนั สรปุ ส่งิ ท่ีไดเ้ รียนรูร้ ว่ มกันและให้
นกั ศึกษาบนั ทึกความรู้ทีไ่ ด้ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.
3.2 นักศึกษานำความรู้ท่ไี ดจ้ ากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาและการดำเนินชีวิตในประจำวนั
ตอ่ ไป
ขัน้ ประเมนิ ผล (E : Evaluation)
4. ขน้ั สรปุ และประเมนิ ผล (1 ชว่ั โมง)
4.1 ครูและนักศึกษาสรุปส่ิงที่ได้เรียนรูร่วมกัน พรอมเพิ่มเติมความรู้และใหข้อเสนอแนะเพิ่มเติม นักศึกษา
บันทกึ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.
4.2 ให้นักศึกษาทําแบบทดสอบยอย เร่ือง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง ผ่านเอกสารหรือ
Google Form พรอมเฉลยและประเมนิ ผล ใหน้ ักศึกษาบนั ทกึ คะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู กศน.
4.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทําความดีและคุณธรรมที่ไดปฏิบัติ พรอมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพ่ือการ
ประเมนิ คณุ ธรรม
5. ขน้ั มอบหมายงาน
5.1 ครมู อบหมายให้นกั ศกึ ษาไปทบทวนเนื้อหาของบทเรยี นเพิ่มเติม จากหนงั สือเรยี นออนไลน์
(ลงิ ค์ http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1) พรอ้ มบนั ทกึ สรปุ ลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. ดังน้ี
51
- การวิเคราะห์สถานการณ์ของประเทศโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
- สถานการณ์ของโลก(ประเทศภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์) ท่ีเกี่ยวข้องกับ ภาวะโลกร้อน การส่ือสารไร้
พรมแดน นา้ มนั เชือ้ เพลิง
- การวเิ คราะหส์ ถานการณ์ของโลกโดยใชห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
- แนวทาง กระบวนการประกอบอาชีพ
- การสรา้ งงานอาชีพตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 5 กลุม่ อาชพี
5.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าและทำในใบงาน เร่ืองสถานการณ์ของประเทศกับความ
พอเพยี ง โดยใหใ้ บงานผา่ นทาง Google Classroom แลว้ ส่งใบงานในการเรียนสปั ดาหต์ อ่ ไป
6.ข้นั ติดตามผล (30 นาท)ี
6.1 ครตู ิดตามงานทไ่ี ด้มอบหมายนกั ศกึ ษา เพือ่ ตดิ ตามความคืบหน้า ดงั น้ี
6.1.1 ตดิ ตามงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายสัปดาห์ทผ่ี ่านมา
6.1.2 การติดตามการทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.)
6.1.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนกั ศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การ แตง่ กาย)
6.1.4 ตดิ ตามสอบถามการทำความดีในแต่ละวนั สปั ดาห์ท่ผี ่านมาและตดิ ตามการ บันทึกกจิ กรรมที่ทำความดี
ลงในสมดุ บนั ทึกความดเี พ่ือการประเมินคุณธรรม
6.1.5 ตดิ ตามสอบถามเกี่ยวกบั งานอดเิ รก สนุ ทรียภาพ การเล่นกฬี า การใช้เวลาว่าง ใหเ้ ป็นประโยชน์ ฯลฯ
6.1.6 ติดตามความกา้ วหน้าการทำโครงงาน
ส่ือและแหลงการเรียนรู
1. หนงั สือเรยี นวชิ า ทช31001 เศรษฐกิจพอเพยี ง
2. หนังสือเรยี นออนไลน์ E-book
3. Power Point เรอื่ ง เศรฐกิจพอเพยี ง
4. แบบทดสอบ รายวิชา ทช31001 (รปู แบบ Google Form)
5. ใบความรู้ เรอ่ื งสถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
6. ใบงาน เรื่องสถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
7. แบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.
8. สมดุ บนั ทึกความดี เพื่อประเมินคุณธรรม นักศึกษา กศน.
9. คมู่ อื นกั ศกึ ษา
การมอบหมายงาน กรต.
52
1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอานทบทวนเนื้อหาทั้งหมด เร่ือง ความพอเพียง และ สรุปลงในแบบบันทึก
การเรียนรู กศน.
2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคนคว้า เรื่อง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง แล้วทําลงใน
ใบงาน เร่อื ง สถานการณข์ องประเทศกบั ความพอเพียง โดยใหส้ งในการเรยี นสปั ดาหต์ อไป
3. ครมู อบหมายนักศึกษาใหไ้ ปศกึ ษา เร่ืองสถานการณ์ของประเทศกบั ความพอเพียง เพ่ือเตรียมการเรียนรูใน
ครั้งต่อไป
การวัดและประเมินผล
1. การเข้าเรยี นดวยระบบออนไลน์
2. ตรวจแบบบนั ทึกการเรยี นรู กศน.
3. ตรวจใบงาน
4. ตรวจแบบทดสอบ
5. ประเมินคุณธรรม
วิธกี ารเรยี น : แบบออนไลน์ (ON-Line)
กระบวนการจดั การเรยี นรู้
การกำหนดสภาพ ปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1. ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรยี น (30 นาท)ี
53
1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ผ่านทาง Google
Classroom หรือ LINE กลุ่ม ให้นักศึกษาทราบพร้อมทั้งแลกเรียนเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน
ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม พร้อมอธิบายถึง
เหตุผลความจำเป็นทตี่ อ้ งจัดกิจกรรมการเรียนรูปแบบออนไลน์
1.2 ครูชี้แจง สาระสำคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
การวดั และประเมนิ ผล และการตดิ ตามในรายวชิ าเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผา่ นทาง Google Classroom/Line กลุ่ม
1.3 ครูและนักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์และแสดงความ คิดเห็น เกี่ยวกับปัญหา ความต้องการ รูปแบบในการ
เรียน และการแสวงหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ ในการเรียนวิชาเศรษฐกิจพอเพียงผ่านทาง Google Classroom/Line
กลมุ่
การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2. ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน (3 ช่วั โมง 30 นาที)
2.1 ค รู ม อ บ ห ม า ย ใ ห้ นั ก ศึ ก ษ า ไ ป ศึ ก ษ า ห า ค ว า ม รู้ จ า ก ห นั ง สื อ เ รี ย น อ อ น ไ ล น์
(ลิงค์ http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1) หรือศึกษาหาความรู้จากใบงาน และให้สรุปลงในแบบ
บนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. ในหวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
1. การวเิ คราะหส์ ถานการณ์ของประเทศโดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2. สถานการณ์ของโลก(ประเทศภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์) ที่เก่ียวข้องกับ ภาวะโลกร้อน การสื่อสารไร้
พรมแดน น้ามันเชอื้ เพลิง
3. การวิเคราะหส์ ถานการณข์ องโลกโดยใช้หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
4. แนวทาง กระบวนการประกอบอาชพี
5. การสรา้ งงานอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 5 กลุม่ อาชีพ
2.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเลือกหัวข้อท่ีสนใจจำนวน 1 เรือ่ ง ให้ไปศึกษาค้นควา้ จากหนังสือเรยี นออนไลน์
(ลิงค์ http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1 )และใหส้ รปุ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. ดังน้ี
เรอ่ื งที่ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์ของประเทศโดยใชห้ ลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
เรอ่ื งที่ 2 สถานการณ์ของโลก(ประเทศภายใต้กระแสโลกาภวิ ัตน)์ ที่เก่ยี วข้องกบั ภาวะโลกร้อน การส่ือสารไร้
พรมแดน น้ามันเชือ้ เพลงิ
เรื่องที่ 3 การวิเคราะห์สถานการณ์ของโลกโดยใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
เรื่องที่ 4 แนวทาง กระบวนการประกอบอาชพี
เรือ่ งท่ี 5 การสร้างงานอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 5 กล่มุ อาชีพ
2.3 ครูเปดิ โอกาสให้นักศึกษาซกั ถามประเด็นท่ีสงสัย และครตู อบขอ้ ซักถามผา่ นทาง LINE กล่มุ
2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรอ่ื ง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตญั ญกู ตเวทคี วาม
ขยัน ความประหยัด ความซ่ือสัตย์ ความมีน้าใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดม่ันในวิถีชีวิต
และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข ผา่ นทาง LINE กลุ่ม
54
การปฏบิ ตั ิและนำไปประยกุ ต์ (I : Implementation)
3. ขนั้ การปฏิบัติและนำไปประยกุ ต์ใช้( 30 นาที )
3.1 ครสู ุ่มตวั แทนกลมุ่ นำเสนอ เพ่ือแลกเปล่ยี นความคิดเห็นซ่ึงกนั และกัน สรุปสิง่ ท่ีไดเ้ รียนรู้รว่ มกันและให้
นักศึกษาบนั ทึกความรู้ท่ีได้ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
3.2 นักศึกษานำความรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชีวิตในประจำวัน
ตอ่ ไป
ข้ันประเมินผล (E :Evaluation)
4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (1 ชัว่ โมง)
4.1 ครใู ห้นักศึกษาทำแบบทดสอบจากชุดแบบทดสอบ หรือจาก Google From พร้อมเฉลยและประเมินผล
ให้นักศกึ ษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.
4.2 ครตู รวจสอบงานทไ่ี ด้รบั มอบหมายท่ใี ห้นกั ศกึ ษาไปศึกษาหาความรู้ จำนวน 1 เรอื่ ง
4.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทำความดีและคุณธรรมที่ได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดีเพ่ือการ
ประเมินคุณธรรม
5. ขน้ั มอบหมายงาน
5.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเนื้อของบทเรียนเพิ่มเติมจากหนังสือออนไลน์ (ลิงค์
http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1) พร้อมบันทกึ สรปุ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. ดังน้ี
เร่ืองที่ 1 การวิเคราะหส์ ถานการณข์ องประเทศโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
เรอ่ื งที่ 2 สถานการณ์ของโลก(ประเทศภายใตก้ ระแสโลกาภวิ ัตน)์ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับ ภาวะโลกร้อน การสอ่ื สารไร้
พรมแดน นา้ มนั เช้อื เพลิง
เรื่องท่ี 3 การวเิ คราะหส์ ถานการณ์ของโลกโดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เร่อื งท่ี 4 แนวทาง กระบวนการประกอบอาชีพ
เรื่องที่ 5 การสรา้ งงานอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5 กลมุ่ อาชีพ
5.2 ครูมอบหมายใหน้ ักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าและทำในใบงาน เรอ่ื งสถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง โดยให้
ใบงานผ่านทาง Google Classroom โดยให้สง่ ทางแอปพลเิ คชนั Line ในการเรยี นสปั ดาห์ต่อไป
5.3 ครูมอบหมายให้นักศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมรายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ทช31001 จากหนังสือเรียน
ออนไลน์ (ลงิ ค์ http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1) เพื่อเตรียมการเรยี นรู้ทางออนไลน์ครั้งต่อไป
6. ขน้ั ตดิ ตามผล (30 นาที)
6.1 ครตู ิดตามงานทไี่ ดม้ อบหมายนกั ศึกษา เพ่อื ติดตามความคืบหนา้ ทางแอปพลเิ คชัน Line ดงั น้ี
6.1.1 ตดิ ตามงานท่ีได้รบั มอบหมายสัปดาห์ที่ผ่านมา
6.1.2 การทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ (กพช.)
6.1.3 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย)
6.1.4 ติดตามสอบถามการทำความดใี นแต่ละวนั สัปดาห์ท่ีผ่านมาและติดตามการบันทึกกิจกรรมท่ีทำความดี
ลงในสมดุ บนั ทกึ บนั ทึกความดีเพอื่ การประเมินคุณธรรม
55
6.1.5 ตดิ ตามสอบถามเกีย่ วกับงานอดเิ รก สุนทรยี ภาพ การเลน่ กฬี า การใช้เวลาว่างให้ เป็นประโยชน์ ฯลฯ
6.1.6 ติดตามความกา้ วหน้าการทำโครงงาน
สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้
แบบออนไลน์
1. Googgle Classroom / แอปพลิเคชนั Line
2. หนังสือเรยี นวิชา ทช31001 เศรษฐกจิ พอเพียง/หนังสือเรียนออนไลน์
(ลงิ ค์ http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1)
3. แบบทดสอบ (รูปแบบ Google Form)
4. ใบความรู้ เรือ่ งสถานการณ์ของประเทศกบั ความพอเพียง
5. ใบงาน เรือ่ งสถานการณ์ของประเทศกบั ความพอเพยี ง
6. อินเทอร์เน็ต ฯลฯ
เคร่ืองมือในการวดั และการประเมินผล
แบบออนไลน์
1. การมสี ว่ นรว่ มในการเขา้ เรียน จาก Googgle Classroom / แอปพลเิ คชัน Line
2. การตรวจแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.
3. การตรวจใบงาน
4. การตรวจแบบทดสอบ
5. การประเมนิ คุณธรรม
การมอบหมายงาน กรต.
1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอานทบทวนเนื้อหาท้ังหมด เรื่อง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
และ สรุปลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู กศน.
2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคนคว้า เร่ือง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง แลว้ ทําลงในใบ
งาน เรอื่ ง สถานการณ์ของประเทศกบั ความพอเพียง โดยใหส้ งในการเรยี นสปั ดาห์ตอไป
3. ครมู อบหมายนักศึกษาใหไ้ ปศึกษา เรื่องสถานการณ์ของประเทศกับความพอเพยี ง เพื่อเตรยี มการเรยี นรูใน
ครงั้ ต่อไป ผา่ นทางแอพพลิเคช่ัน Line
การวดั และประเมินผล
1. การเขา้ เรียนดวยระบบออนไลน์
56
2. ตรวจแบบบันทกึ การเรียนรู กศน.
3. ตรวจใบงาน
4. ตรวจแบบทดสอบ
5. ประเมินคณุ ธรรม
วิธกี ารเรียน : แบบหนงั สือเรยี น มอบหมายงาน (ON - Hand)
กระบวนการจดั การเรยี นรู้
การกำหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรยี นรู้ (O : Orientation)
1. ขัน้ ตอนนำเขา้ สบู่ ทเรียน ( เวลา 30 นาที )
1.1 ครทู ักทายนกั ศึกษา และนำเข้าสบู่ ทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณป์ ัจจุบนั ผา่ นทาง Google
Classroom หรอื LINE กลุ่ม ใหน้ กั ศึกษาทราบพร้อมทั้งแลกเรยี นเปลยี่ นเรียนรขู้ อ้ มูลขา่ วสารเหตุการณป์ จั จุบนั
รว่ มกนั วเิ คราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ผา่ นทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม พร้อมอธิบายถึง
เหตุผลความจำเป็นทตี่ ้องจดั กิจกรรมการเรยี นรูปแบบออนไลน์
1.2 ครูช้แี จง สาระสำคญั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เน้อื หา กระบวนการจัดการเรยี นรู้ สื่อและแหลง่ การเรียนรู้
การวดั และประเมนิ ผล และการติดตาม ผ่านทาง Google Classroom หรอื LINE กลมุ่
1.3 ครแู ละนักศึกษารว่ มกันวิเคราะหแ์ ละแสดงความ คดิ เห็น เก่ยี วกับปญั หา ความต้องการ รูปแบบในการ
เรยี น และการแสวงหาความรู้จากส่อื ต่าง ๆ ในการเรยี นรายวิชาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เรื่อง สถานการณ์ของประเทศกับ
ความพอเพียง ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม
การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2. ข้นั จดั การเรยี นการสอน ( เวลา 3 ช่ัวโมง 30 นาที )
57
2.1 ครมู อบหมายให้นักศึกษาไปศกึ ษาหาความร้จู ากหนังสือเรยี นออนไลน์ วชิ าเศรษฐกิจพอเพยี ง
http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1 หรือจากแหลง่ เรยี นรตู้ ่าง ๆ และใหส้ รปุ ลงในแบบบันทกึ การ
เรยี นรู้ กศน. ในหวั ข้อต่อไปน้ี
เรื่องที่ 1 การวเิ คราะหส์ ถานการณ์ของประเทศโดยใช้หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
เร่ืองที่ 2 สถานการณ์ของโลก(ประเทศภายใต้กระแสโลกาภวิ ัตน์) ท่ีเกี่ยวขอ้ งกับ ภาวะโลกร้อน การสือ่ สารไร้
พรมแดน นา้ มันเชอ้ื เพลิง
เร่ืองท่ี 3 การวิเคราะห์สถานการณข์ องโลกโดยใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรื่องที่ 4 แนวทาง กระบวนการประกอบอาชีพ
เร่ืองที่ 5 การสร้างงานอาชีพตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5 กลุม่ อาชีพ
2.2 ครูให้นักศึกษาศกึ ษาคน้ ควา้ จากแหลง่ เรยี นรสู้ อ่ื สง่ิ พิมพ์ อนิ เตอรเ์ นต็ และใบความรู้ เรื่องสถานการณ์ของ
ประเทศกับความพอเพียง (โดยครจู ะส่งใบความรทู้ าง Google classroom) พรอ้ มทงั้ ให้นักศกึ ษาสรปุ เนอื้ หา
สาระสำคญั ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. และทำใบงาน เรอื่ งสถานการณ์ของประเทศกับความพอเพยี ง (โดยครู
จะส่งใบงานทาง Google classroom)
2.3 ครสู อนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรือ่ ง ความสะอาด ความสภุ าพ ความกตญั ญกู ตเวทีความ
ขยนั ความประหยดั ความซื่อสัตย์ ความมนี ้ำใจ ความมวี ินยั ศาสน์ กษตั รยิ ์ รกั ความเป็นไทย และยึดม่ันในวิถีชีวติ
และการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ผา่ นทาง LINE กลุม่
การปฏิบัตแิ ละนำไปประยุกต์ (I : Implementation)
3. ขน้ั การปฏิบตั ิและนำไปประยุกต์ใช้( 30 นาที )
3.1 ครูสมุ่ ตวั แทนกล่มุ นำเสนอ เพื่อแลกเปลีย่ นความคดิ เห็นซึง่ กันและกัน สรุปสงิ่ ท่ีไดเ้ รียนรู้รว่ มกันและให้
นกั ศึกษาบันทึกความรู้ทีไ่ ด้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.
3.2 นักศึกษานำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชีวิตในประจำวัน
ตอ่ ไป
ขัน้ ประเมนิ ผล (E :Evaluation)
4. ข้นั สรปุ และประเมนิ ผล ( เวลา 1 ช่ัวโมง )
4.1 ครใู ห้นักศึกษาทำแบบทดสอบย่อย ผ่านทาง Google From พร้อมเฉลยและประเมินผล ให้นกั ศกึ ษา
บนั ทึกคะแนนลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.
4.2 ครตู รวจสอบงานท่ีได้มอบหมายใหน้ ักศกึ ษาไปศึกษาหาความรู้และทส่ี รปุ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้
กศน. เร่อื งสถานการณ์ของประเทศกบั ความพอเพียง
4.3 ครูใหน้ ักศึกษาสรปุ การทำความดแี ละคณุ ธรรมทไ่ี ดป้ ฏิบัติ จากบันทึกลงในสมดุ บนั ทึกความดีเพ่ือ
การประเมินคณุ ธรรม
5. ขน้ั มอบหมายงาน
58
5.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเน้ือหาเพิ่มเติม จากหนังสือเรียนออนไลน์ ลิงค์
http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1 และใหส้ รุปลงในแบบบนั ทกึ การ เรียนรู้ กศน.
5.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าและทำใบงาน เร่ืองสถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
โดยให้ส่งในการเรียนสัปดาห์ต่อไป (โดยครูจะส่งใบงานทาง Google classroom) และให้นักศึกษาส่งงานทาง
Google classroom หรอื ทาง LINE ตามวันเวลาทีค่ รนู ัดหมาย
5.3 ครูมอบหมายนักศกึ ษาให้ไปศึกษา เรอื่ ง ความพอเพยี ง จากหนงั สือ เรยี นออนไลน์ ลงิ ค์
http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1 เพื่อเตรียมการเรียนร้ใู นสัปดาห์ตอ่ ไป
6. ข้ันตดิ ตามผล ( เวลา 30 นาท)ี
6.1 ครูติดตามงานที่ได้มอบหมายนักศึกษา เพื่อตดิ ตามความคืบหน้าทางแอปพลเิ คชัน LINE ดงั นี้
6.1.1 ตดิ ตามงานที่ได้รบั มอบหมายสปั ดาห์ทีผ่ ่านมา
6.1.2 ตดิ ตามการทำกิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวติ (กพช.)
6.1.3 ตดิ ตามสอบถามสขุ ภาพของนักศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย)
6.1.4 ติดตามสอบถามการทำความดใี นแต่ละวัน สัปดาห์ท่ีผ่านมาและติดตามการบนั ทกึ กจิ กรรมท่ีทำ6ความ
ดี ลงในสมดุ บนั ทกึ บนั ทึกความดีเพ่ือการประเมินคณุ ธรรม
6.1.5 ตดิ ตามสอบถามเกย่ี วกับงานอดิเรก สนุ ทรยี ภาพ การเล่นกฬี า การใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ
6.1.6 ติดตามความก้าวหนา้ การทำโครงงาน
สอ่ื และแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สือเรียนวชิ า ทช 31001 วชิ าเศรษฐกจิ พอเพียง หรือ หนังสือเรียนออนไลน์ ลงิ ค์
http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1
2. คมู่ อื นักศกึ ษา
3. แบบทดสอบ (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google Form)
4. ใบความรู้ เร่ืองสถานการณ์ของประเทศกบั ความพอเพียง
5. ใบงาน เรื่องสถานการณ์ของประเทศกับความพอเพยี ง
6. แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
การวัดและประเมนิ ผล
59
1. การสงั เกตพฤติกรรมการมีส่วนรว่ มรายบคุ คล/รายกล่มุ
2. ตรวจแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบทดสอบยอ่ ย
6. ประเมินคุณธรรม
การมอบหมายงาน กรต.
1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอานทบทวนเน้ือหาท้ังหมด เร่ือง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
และ สรปุ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู กศน.
2. ครูมอบหมายให้นกั ศึกษาไปศึกษาคนคว้า เร่ือง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง แลว้ ทําลงในใบ
งาน เร่อื ง สถานการณข์ องประเทศกบั ความพอเพยี ง โดยให้สงในการเรยี นสัปดาหต์ อไป
การวดั และประเมินผล
1. การสงั เกตพฤติกรรมการมรี ายบุคคล/รายกลุม่
2. การตรวจแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน/ชิน้ งาน
4. การตรวจใบงาน
5. การตรวจแบบทดสอบ
6. การประเมินคุณธรรม
60
วธิ ีการเรยี น : แบบผา่ นช่องทาง ETV (ON-Air)
กระบวนการจัดการเรียนรู้
การกำหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O : Orientation)
1. ขัน้ นำเข้าสู่บทเรียน (30 นาท)ี
1.1 ครทู กั ทายนกั ศึกษา และนำเข้าสู่บทเรยี นโดยแจง้ ขา่ วสารเหตกุ ารณป์ จั จบุ นั ผ่านทาง Google
Classroom หรอื LINE กล่มุ ใหน้ ักศึกษาทราบพร้อมท้ังแลกเรียนเปลี่ยนเรยี นรขู้ ้อมลู ขา่ วสารเหตกุ ารณป์ จั จุบัน
ร่วมกนั วเิ คราะห์ และแสดงความคดิ เหน็ ร่วมกัน ผา่ นทาง Google Classroom หรือ LINE กลมุ่ พร้อมอธบิ ายถงึ
เหตผุ ลความจำเปน็ ทต่ี ้องจดั กิจกรรมการเรยี นรปู แบบออนไลน์
1.2 ครูนำเขา้ สบู่ ทเรยี นโดย ให้นกั ศกึ ษาสมคั รเป็นสมาชิก ETV ตามลิงค์
ตอ่ ไปน้ีhttps://www.etvthai.tv/member/AddMember_ext.aspx เพื่อใหน้ กั ศกึ ษามรี หสั ผ่านเพือ่ เขา้ ไปศกึ ษา
หาความรู้ตามตารางออนแอร์ ในแตล่ ะวนั ของสถานวี ทิ ยุโทรทัศน์เพ่ือการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ตามลิงค์
รายการโทรทศั นส์ ง่ เสริมการศึกษานอกระบบโรงเรยี น
http://www.etvthai.tv/Video/VDO_Detail_Ext.aspx?ContentID=320&videoid=1087&v=1&p=5 และ
นักศึกษาสามารถติดตามขา่ วสารไดใ้ นเฟสบุ๊ค ETV Channel ตามลิง้ ตอ่ ไปนี้ https://www.facebook.com/Etv-Channel-
1512499252411798/
1.3 ครแู จกตารางการออนแอร์ของรายการ ETV เพื่อให้นักศกึ ษาตามวันและเวลาที่กำหนด
การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรยี นรู้ (N : New ways of learning)
2. ขนั้ จดั การเรียนการสอน ( เวลา 3 ช่ัวโมง 30 นาที )
61
2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเข้าไปศึกษาหาความรู้ ของสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษ า
กระทรวงศึกษาธิการตามเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tv โดย เขา้ สูร่ ะบบด้วยรหสั ผ่านท่ีนกั ศึกษาสมัครไว้แลว้ โดยสามารถ
ดูตาราง ออนแอร์ได้ ตามล้ิงhttp://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดูรายการ
ย้อนหลังได้ ตามล้ิงhttp://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx อีกช่องทางการศึกษาหาความรู้โดยผ่าน ทีวีดิจิตอลช่อง
52 (กศน.) สามารถติดตามข่าวสารและตารางออนแอร์ได้ในเฟสบุ๊ค : ETV ส่ือดิจิทัลเพื่อการศึกษา สำนักงาน กศน.
ตามลงิ้ น้ี https://www.facebook.com/etv.digital/
2.2 ครูมอบหมายให้นักศกึ ษาเรยี นรูแ้ บบ (ON-Air) ในเร่ืองสถานการณ์ของประเทศกบั ความพอเพยี ง
https://www.youtube.com/watch?v=8aE3JSNmswc&list=PLPBTQSTtkB-zD5VYVzf72WLbAUwPgMPv
และใหน้ ักศกึ ษาสรุปลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. นำส่งผา่ นทาง Google Classroom หรือ แอปพลิเคชัน LINE
2.3 ครูมอบหมายใหน้ ักศึกษาเลอื กโครงงานทนี่ ักศึกษาสนใจ จำนวน 1 เร่อื ง ใหไ้ ปศึกษาค้นควา้ จากหนงั สือ
เรยี นออนไลน์ (ลงิ ค์ http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1) และจากการศกึ ษาในรูปแบบ(ON-Air)
ทั้งในเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tvและ ทีวีดิจติ อลช่อง 52 (กศน.) หรอื จากแหลง่ การเรียนร้ตู า่ งๆ และให้นักศกึ ษาจดั ทำสรุป
ความรเู้ ปน็ แผนผงั ความคิด ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน. ในหัวขอ้ ดังนี้
เร่อื งที่ 1 การวเิ คราะห์สถานการณข์ องประเทศโดยใชห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
เร่อื งท่ี 2 สถานการณ์ของโลก(ประเทศภายใตก้ ระแสโลกาภิวัตน์) ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ภาวะโลกร้อน การสือ่ สารไร้
พรมแดน นา้ มันเชอ้ื เพลิง
เร่ืองที่ 3 การวเิ คราะหส์ ถานการณข์ องโลกโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เรือ่ งท่ี 4 แนวทาง กระบวนการประกอบอาชีพ
เรอ่ื งท่ี 5 การสร้างงานอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5 กลมุ่ อาชีพ
และส่งงานผ่านทาง Google Classroom หรอื แอปพลเิ คชนั LINE
2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรอื่ ง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญกู ตเวทีความ
ขยัน ความประหยดั ความซ่ือสัตย์ ความมีน้ำใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเปน็ ไทย และยดึ มัน่ ในวถิ ชี ีวติ
และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ ผ่านทาง LINE กลุ่ม
การปฏิบัติและนำไปประยุกต์ (I : Implementation)
3. ขั้นการปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยุกตใ์ ช้( 30 นาที )
3.1 ครูสุม่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอ เพ่ือแลกเปล่ียนความคดิ เห็นซ่ึงกันและกัน สรุปสงิ่ ที่ได้เรียนรู้รว่ มกนั และให้
นักศึกษาบนั ทึกความรู้ที่ได้ ลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.
3.2 นักศึกษานำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชีวิตในประจำวัน
ต่อไป
ขนั้ ประเมินผล (E :Evaluation)
4. ขนั้ สรุปและประเมินผล (1 ช่ัวโมง )
62
4.1 ครูใหน้ กั ศึกษาทำแบบทดสอบยอ่ ย ผ่านทาง Google From พรอ้ มเฉลยและประเมินผล ใหน้ ักศกึ ษา
บนั ทึกคะแนนลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.
4.2 ครูตรวจสอบงานที่ได้มอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้และท่ีสรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู้
กศน. เรอื่ ง ความพอเพยี ง
4.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทำความดีและคุณธรรมที่ได้ปฏิบัติ จากบันทึกลงในสมุดบันทึกความดีเพื่อ การ
ประเมินคณุ ธรรม
5. ข้ันมอบหมายงาน
5.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเน้ือหาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง จา
กล้ิง ลิงค์ http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1 พร้อมบันทึกสรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน.
ดงั น้ี
เรอ่ื งที่ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์ของประเทศโดยใชห้ ลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
เร่ืองท่ี 2 สถานการณ์ของโลก(ประเทศภายใต้กระแสโลกาภวิ ัตน์) ท่ีเก่ยี วข้องกับ ภาวะโลกร้อน การสอ่ื สารไร้
พรมแดน นา้ มนั เช้ือเพลิง
เรื่องที่ 3 การวิเคราะหส์ ถานการณข์ องโลกโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
เรือ่ งที่ 4 แนวทาง กระบวนการประกอบอาชีพ
เรือ่ งท่ี 5 การสร้างงานอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5 กลมุ่ อาชีพ
5.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าและทำในใบงาน เรื่องสถานการณ์ของประเทศกับความ
พอเพยี ง โดยใหใ้ บงานผา่ นทาง Google Classroom โดยใหส้ ง่ ทางแอปพลเิ คชนั Line ในการเรยี นสัปดาหต์ อ่ ไป
5.3 ครูมอบหมายให้นักศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพ่ิมเติมรายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ทช31001 จากหนังสือ
เรียนออนไลน์ (ลิงค์http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1) เพื่อเตรียมการเรียนรู้ทางออนไลน์คร้ัง
ตอ่ ไป
6. ขัน้ ติดตามผล ( เวลา 30 นาที)
6.1 ครตู ิดตามงานท่ไี ด้มอบหมายนักศึกษา เพือ่ ตดิ ตามความคืบหนา้ ทางแอปพลิเคชัน LINE ดงั นี้
6.1.1 ตดิ ตามงานที่ไดร้ ับมอบหมายสัปดาหท์ ผี่ า่ นมา
6.1.2 ติดตามการทำกิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวติ (กพช.)
6.1.3 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย)
6.1.4 ติดตามสอบถามการทำความดีในแต่ละวนั สปั ดาหท์ ี่ผ่านมาและตดิ ตามการบนั ทึกกจิ กรรมที่ทำความดี
ลงในสมุดบันทึกบันทึกความดีเพือ่ การประเมนิ คุณธรรม
6.1.5 ติดตามสอบถามเกี่ยวกับงานอดเิ รก สุนทรียภาพ การเล่นกฬี า การใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ฯลฯ
6.1.6 ตดิ ตามความก้าวหน้าการทำโครงงาน
สือ่ และแหล่งการเรยี นรู้
วิธีเรยี นผ่านช่องทาง ETV (ON-AIR)
63
1.www.etvthai.tv
2.ทีวดี ิจติ อลช่อง 52 (กศน.)
3.เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/etv.digital/ และ
https://www.facebook.com/Etv-Channel-1512499252411798/
4. Google Classroom / แอปพลิเคชนั LINE
5. หนงั สอื เรยี นวชิ า ทช31001 เศรษฐกิจพอเพยี ง/หนงั สือเรียนออนไลน์
(ลงิ ค์ http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1)
6. แบบทดสอบ (รูปแบบ Google Form)
7. ใบความรู้ เร่ืองความพอเพียง
8. ใบงาน เรื่องความพอเพียง
9. แบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.
การมอบหมายงาน กรต.
1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอานทบทวนเนื้อหาท้ังหมด เรื่อง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
และ สรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู กศน.
2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคนคว้า เรื่อง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง แล้วทําลงใน
ใบงาน เร่อื ง สถานการณข์ องประเทศกับความพอเพยี ง โดยใหส้ งในการเรยี นสปั ดาห์ตอไป
3. ครูมอบหมายนักศึกษาให้ไปศึกษา เรื่องความพอเพียง เพ่ือเตรียมการเรียนรูในครั้งต่อไป ผ่านทาง
แอพพลเิ คชั่น Line
การวัดและประเมนิ ผล
1. การเข้าเรยี นดวยระบบออนไลน์
2. ตรวจแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน.
3. ตรวจใบงาน
4. ตรวจแบบทดสอบ
5. ประเมินคุณธรรม
64
วิธีการเรียน : ผา่ นแอปพลเิ คชนั (ON-Demand)
65
กระบวนการจัดการเรยี นรู้
การกำหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O : Orientation)
1. ข้ันตอนนำเขา้ ส่บู ทเรยี น ( เวลา 30 นาที )
1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนำเข้าสู่บทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ผ่านทาง Google
Classroom หรือ LINE กลุ่ม ให้นักศึกษาทราบพร้อมท้ังแลกเรียนเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน
ร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม พร้อมอธิบายถึง
เหตุผลความจำเปน็ ที่ต้องจัดกจิ กรรมการเรยี นรูปแบบออนไลน์
1.2 ครูชแ้ี จง สาระสำคญั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ เนอื้ หา กระบวนการจดั การเรียนรู้ ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้
การวดั และประเมินผล และการติดตาม ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กล่มุ
1.3 ครูและนักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับปัญหา ความต้องการ รูปแบบในการ
เรียน และการแสวงหาความรู้จากสื่อต่าง ๆ ในการเรียนรายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง สถานการณ์ของประเทศกับ
ความพอเพยี ง ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม
การแสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning)
2. ข้นั จดั การเรียนการสอน ( เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที )
2.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้จากหนังสือเรียนออนไลน์ วิชาเศรษฐกิจพอเพียง
http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1 หรือจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ และให้สรุปลงในแบบบันทึกการ
เรียนรู้ กศน. ในหัวขอ้ ต่อไปนี้
เรื่องที่ 1 การวเิ คราะห์สถานการณ์ของประเทศโดยใชห้ ลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรอ่ื งท่ี 2 สถานการณข์ องโลก(ประเทศภายใตก้ ระแสโลกาภวิ ัตน)์ ท่ีเก่ยี วข้องกบั ภาวะโลกร้อน การส่ือสารไร้
พรมแดน น้ามันเชือ้ เพลิง
เรอ่ื งท่ี 3 การวิเคราะหส์ ถานการณข์ องโลกโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรอื่ งที่ 4 แนวทาง กระบวนการประกอบอาชีพ
เรอ่ื งที่ 5 การสร้างงานอาชีพตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5 กลุ่มอาชีพ
2.2 ครใู หน้ ักศึกษาดคู ลปิ วิชา เศรษฐกิจพอเพยี ง เร่อื ง สถานการณข์ องประเทศกบั ความพอเพียง
(https://www.youtube.com/watch?v=k6F2x39jHuc)
2.3 ครูให้นักศึกษาศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้สื่อส่ิงพิมพ์ อินเตอร์เน็ต และใบความรู้ เร่ืองความพอเพียง
(โดยครูจะส่งใบความรู้ทาง Google classroom) พร้อมท้ังให้นักศึกษาสรุปเน้ือหาสาระสำคัญลงในแบบบันทึกการ
เรียนรู้ กศน. และทำใบงาน เร่ือง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง (โดยครูจะส่งใบงานทาง Google
classroom)
66
2.4 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม 11 ประการ ในเรอื่ ง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตญั ญูกตเวทีความ
ขยนั ความประหยัด ความซ่ือสัตย์ ความมนี ้ำใจ ความมีวินยั ศาสน์ กษัตรยิ ์ รกั ความเป็นไทย และยดึ มั่นในวิถีชีวิต
และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ ผา่ นทาง LINE กลมุ่
การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยุกต์ (I : Implementation)
3. ขน้ั การปฏิบตั ิและนำไปประยกุ ต์ใช้( 30 นาที )
3.1 ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มนำเสนอ เพ่ือแลกเปลีย่ นความคดิ เห็นซ่งึ กนั และกนั สรุปส่งิ ที่ได้เรียนร้รู ว่ มกนั และให้
นกั ศกึ ษาบันทึกความรู้ที่ได้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.
3.2 นักศึกษานำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและการดำเนินชีวิตในประจำวัน
ตอ่ ไป
ขั้นประเมินผล (E :Evaluation)
4. ข้ันสรปุ และประเมินผล ( เวลา 1 ชั่วโมง )
4.1 ครูให้นักศึกษาทำแบบทดสอบ ผ่านทาง Google From พร้อมเฉลยและประเมินผล ให้นักศึกษาบันทึก
คะแนนลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.
4.2 ครูตรวจสอบงานท่ีได้มอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาหาความรู้และท่ีสรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู้
กศน. เร่อื งสถานการณ์ของประเทศกบั ความพอเพยี ง
4.3 ครใู ห้นักศกึ ษาสรุปการทำความดแี ละคณุ ธรรมที่ได้ปฏบิ ัติ จากบนั ทกึ ลงในสมุดบนั ทึกความดเี พือ่
การประเมนิ คุณธรรม
5. ขน้ั มอบหมายงาน
5.1 ครมู อบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเน้อื หาเพิ่มเติม จากหนังสือเรยี นออนไลน์ ลิงค์
http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1 และใหส้ รุปลงในแบบบันทึกการ เรยี นรู้ กศน.
5.2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาค้นคว้าและทำใบงาน สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง โดย
ให้ส่งในการเรียนสัปดาห์ต่อไป (โดยครูจะส่งใบงานทาง Google classroom) และให้นักศึกษาส่งงานทาง Google
classroom หรอื ทาง LINE ตามวนั เวลาท่ีครูนดั หมาย
5.3 ครูมอบหมายนักศึกษาให้ไปศึกษา เรื่อง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง จากหนังสือเรียน
ออนไลน์ ลิงค์ http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1 เพ่ือเตรยี มการเรียนรู้ในสัปดาห์ต่อไป
6. ข้นั ติดตามผล ( เวลา 30 นาท)ี
67
6.1 ครตู ิดตามงานทีไ่ ด้มอบหมายนักศึกษา เพ่ือติดตามความคบื หน้าทางแอปพลเิ คชัน LINE ดังนี้
6.1.1 ติดตามงานท่ีไดร้ บั มอบหมายสปั ดาหท์ ผี่ า่ นมา
6.1.2 ตดิ ตามการทำกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.)
6.1.3 ติดตามสอบถามสุขภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย)
6.1.4 ติดตามสอบถามการทำความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ท่ีผ่านมาและติดตามการบันทึกกิจกรรมท่ีทำ
ความดี ลงในสมดุ บันทึกบนั ทึกความดเี พ่ือการประเมินคณุ ธรรม
6.1.5 ติดตามสอบถามเก่ยี วกับงานอดเิ รก สนุ ทรียภาพ การเลน่ กฬี า การใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ ฯลฯ
6.1.6 ตดิ ตามความกา้ วหน้าการทำโครงงาน
สอ่ื และแหล่งเรียนรู้
วธิ ีเรียนผ่าน แอปพลิเคชั่น (ON-Demand)
1. หนงั สือเรยี นวชิ า ทช 31001 เศรษฐกจิ พอเพยี ง หรือ หนงั สือเรียนออนไลน์ ลิงค์
http://online.pubhtml5.com/nmzp/nvlf/#p=1
2. คมู่ อื นักศึกษา
3. แบบทดสอบ (ชดุ แบบทดสอบ หรือ Google Form)
4. ใบความรู้ เร่ืองสถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
5. ใบงาน เรอ่ื งสถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
6. แบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน.
การวัดและประเมนิ ผล
1. การสังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วมรายบุคคล/รายกลุ่ม
2. ตรวจแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน.
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบทดสอบย่อย
6. ประเมนิ คณุ ธรรม
การมอบหมายงาน กรต.
68
1. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอานทบทวนเน้ือหาทั้งหมด เร่ือง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
และ สรุปลงในแบบบันทึกการเรยี นรู กศน.
2. ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปศึกษาคนคว้า เร่ือง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง แล้วทําลงใน
ใบงาน เร่อื ง สถานการณข์ องประเทศกับความพอเพยี ง โดยใหส้ งในการเรยี นสปั ดาห์ตอไป
3. ครูมอบหมายนักศึกษาให้ไปศึกษา เรื่องความพอเพียง เพื่อเตรียมการเรียนรูในคร้ังต่อไป ผ่านทาง
แอพพลเิ คชน่ั Line
การวัดและประเมินผล
1. การเข้าเรียนดวยระบบออนไลน์
2. ตรวจแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.
3. ตรวจใบงาน
4. ตรวจแบบทดสอบ
5. ประเมนิ คุณธรรม
การเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) ครง้ั ท่ี 3
(จำนวน 14 ชว่ั โมง)
สาระทกั าะการดำเนินชวี ติ รายวิชา ทช31001 เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย
คำส่ัง ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเป็น 6 กลุ่ม และไปทำกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต) โดยการไปศึกษา
ค้นคว้า อ่านหนังสือ จดบันทึก จากหนังสือแบบเรียน ตำรา หนังสือ และสื่ออื่นๆ ในห้องสมุดประชาชนจังหวัด
ห้องสมุดประชาชนอำเภอ โรงเรยี นประถมศึกษา โรงเรียนมธั ยมศึกษา วทิ ยาลยั ชุมชนในพ้นื ทอี่ ำเอเมอื งนราธิวาสหรือ
อำเภออื่นๆ หรอื ไปสอบถามขอความรู้จากบคุ คล ในหัวขอ้ ต่อไปน้ี
กลมุ่ ที่ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์ของประเทศโดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
69
กลมุ่ ท่ี 2 สถานการณข์ องโลก(ประเทศภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์) ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับ ภาวะโลกร้อน การส่ือสารไร้
พรมแดน น้ามนั เช้อื เพลิง
กลมุ่ ท่ี 3 การวิเคราะห์สถานการณข์ องโลกโดยใชห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กล่มุ ที่ 4 แนวทาง กระบวนการประกอบอาชีพ
กลุ่มท่ี 5 การสรา้ งงานอาชีพตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5 กลมุ่ อาชีพ
ขัน้ ตอนของการไปเรยี นร้ตู อ่ เน่อื ง (กรต.) ของนักศึกษา มีดังนี้
1. แผนการเรียนรู้ต่อเนอื่ ง (กรต.) ในแต่ละแตล่ ะสัปดาห์ แต่ละครั้งท่ีครู กศน.ตำบล/ครู ศรช. หรือครปู ระจำ
กลุ่มกล่มุ มอบหมาย
2. ให้บริหารเวลาและใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองและทำกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.)
สปั ดาห์ละ 15 ช่ังโมงเปน็ อย่างน้อย
3. อ่านหนังสือ สอบถามผู้รู้ และจดบันทึกทุกคร้ังทีมีการทำกจิ กรรม กรต. และเก็บหลักฐานไว้ทุกครั้งเพื่อส่ง
ครูกศน.ตำบล/ครูศรช. หรือครูประจำกลุม่ ตรวจให้คะแนนการทำ กรต.
4. จัดทำรายงานเป็นเล่ม ตามแบบรายงานที่ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกำหนด
และใหส้ ง่ ในวนั ที่มีการนำเสนอผลการทำกรต. ในเร่ืองนน้ั ๆ
5. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอด้วยตนเอง (กรณีที่ทำกรต.คนเดียว) โดยให้นำเสนอผลงานตามขอ้ 4 กลุ่มละ/คนละ
ไม่เกิน 10 นาที ในวันพบกลุ่มครง้ั ตอ่ ไป
ใบความรทู้ ่ี 2
เรอ่ื ง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
70
ปัญหาเศรษฐกจิ ทส่ี ำคัญของประเทศไทย
ปญั หาการขาดดุลการค้ากับตา่ งประเทศ มีแนวโนม้ เพ่ิมขึ้นทกุ ๆ ปี
สาเหตุของการขาดดุลการค้าระหว่างประเทศของไทย
1. มมี ลู ค่าการนำเขา้ สนิ ค้าปรมิ าณมากกวา่ มลู คา่ การสง่ ออก
2. การผลิตสนิ ค้าอุตสาหกรรมภายในประเทศยังต้องพ่ึงพิงจากสินคา้ นำเขา้ จากตา่ งประเทศ
3. ประชาชนนิยมบริโภคสนิ คา้ จากตา่ งประเทศมากขนึ้
ปัญหาการขาดดุลบัญชเี ดินสะพัด
สาเหตขุ องการขาดดลุ บญั ชีเดินสะพัด
1. การออ่ นตวั ลงของค่าเงินบาทเม่ือเทียบกบั เงนิ เยนและเงินดอลลา่ ร์ ทำให้สนิ คา้ นำเขา้ มีราคาสงู ข้ึน
2. มกี ารนำเขา้ สนิ คา้ ในปริมาณสงู ข้นึ ในสนิ คา้ ประเภททุน รถยนต์ และอะไหล่ของรถยนต์
3. มีการนำเขา้ สนิ คา้ พิเศษ เช่น อาวธุ เคร่อื งบิน
4. ขาดเงินออมในประเทศทม่ี ีไมเ่ พียงพอกบั การลงทุนที่สงู ข้ึน จำเปน็ ตอ้ งกูย้ มื เงินจากตา่ งประเทศ
ผลกระทบของการขาดดุลบัญชเี ดนิ สะพัด
1. แสดงถงึ เสถยี รภาพของค่าเงนิ บาทในตลาดโลก
2. สง่ ผลกระทบต่อความม่ันใจในการลงทนุ จากตา่ งประเทศ
3. แสดงฐานะการเงินของประเทศใหเ้ ห็นวา่ ประเทศไทยเป็นหนต้ี ่างประเทศเพ่ิมมากขนึ้
ปญั หาภาวะเงนิ เฟ้อ - เงนิ ฝืดของประเทศ
ภาวะเงนิ เฟ้อ หมายถึงภาวะค่าของเงินลดตำ่ ลง มีผลทำให้ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มสงู ขน้ึ เรอ่ื ยๆ
สาเหตทุ ท่ี ำให้เกดิ ภาวะเงินเฟ้อ
1. ผ้ขู ายเพ่ิมราคาสนิ คา้ และบรกิ ารสงู ขน้ึ
2. มคี วามตอ้ งการซื้อสินค้ามากกวา่ ปรมิ าณสนิ ค้า
3. ต้นทุนการผลิตสูงข้ึน เชน่ คา่ แรงที่สงู ขน้ึ
สาเหตุของการเกดิ ภาวะเงินเฟ้อของประเทศไทย
1. การขยายตวั ทางเศรษฐกิจทำใหป้ ระชาชนมรี ายไดเ้ พ่ิมขึน้
2. มีการเพม่ิ เงินเดือนให้กับข้าราชการและพนักงานรฐั วสิ าหกจิ
3. มกี ารข้นึ คา่ แรงข้ันต่ำให้กบั ประชาชน
4. มีการลดภาษเี งนิ ได้
5. การผลติ ชะลอตัวลงเนื่องจากสินคา้ ทุนที่นำเข้ามรี าคาสูงขึน้ ทำให้สนิ คา้ และบริการมีปริมาณน้อยลงไม่ เพยี งพอ
กบั ความต้องการของประชาชน
ผลกระทบจากการเกดิ ภาวะเงินเฟ้อ
1. เกิดภาวะการวา่ งงานเพราะผ้ผู ลติ ขาดทุน หรือเลกิ กจิ การ
2. ผู้มรี ายได้ประจำ เชน่ ข้าราชการ จะมีรายไดไ้ มเ่ พยี งพอกับราคาสินค้าและบริการทเ่ี พมิ่ สูงขึ้น
71
3. เจ้าหนีจ้ ะเสียผลประโยชน์เพราะค่าของเงนิ เปลย่ี นแปลงไป
4. ผปู้ ระกอบธรุ กจิ การค้า และลกู หน้ีจะไดป้ ระโยชน์เพิ่มข้นึ
ภาวะเงินฝดื
เงินฝดื หมายถึง ภาวะของค่าเงินสงู ขึน้ สนิ ค้าและบรกิ ารต่าง ๆ ราคาลดตำ่ ลง
สาเหตุภาวะเงนิ ฝดื
ประชาชนมคี วามตอ้ งการซือ้ น้อยกว่าปริมาณสินคา้ ผลกระทบจากภาวะเงนิ ฝืด คอื อาจเกิดภาวะการ
ว่างงานเพราะผู้ผลิตขาดทนุ กลมุ่ บุคคลท่ีได้เปรยี บในภาวะเงนิ ฝืด คือ เจา้ หนี้ และบุคคลทเี่ สยี เปรยี บ ไดแ้ ก่ พ่อคา้
ผูผ้ ลติ ผูเ้ ชา่ ลูกหน้ี
การแกไ้ ขภาวะเงนิ เฟ้อ - เงนิ ฝดื
โดยใชม้ าตรการทางเศรษฐกจิ มี 3 ทาง ได้แก่
1. นโยบายการเงนิ
เป็นนโยบายเกีย่ วกับการควบคุมปริมาณเงนิ ให้พอดีกบั ความตอ้ งการและความจำเปน็ ในการหมุนเวียนของระบบ
เศรษฐกจิ
- ภาวะเงนิ เฟ้อ เชน่ ลดเครดติ ธนาคาร ขายพนั ธบตั ร และเพิ่มดอกเบ้ียเงนิ ฝาก
- ภาวะเงินฝดื เช่น ธนาคารให้เครดติ มากขนึ้ ซ้ือพันธบตั รคนื และลดอัตราดอกเบ้ยี เงินกู้
2. นโยบายการคลงั เปน็ การวางแผนปรบั ภาวะการเงินของรัฐบาลใหเ้ ขา้ กบั ภาวะเศรษฐกิจ
โดยปรับการจดั เก็บภาษีและการใช้จา่ ยเงนิ ของรฐั บาล เชน่ เพิม่ ภาษีอากร รัฐบาลใชน้ โยบายงบประมาณเกินดลุ
- ภาวะเงินเฟอ้ เช่น เพ่ิมภาษอี ากร รัฐบาลใช้นโยบายงบประมาณเกินดลุ
3. นโยบายการคา้ ระหว่างประเทศ เกีย่ วกับสนิ ค้านำเข้า และสง่ ออก เช่น สนบั สนุนสนิ คา้ นำเขา้
- ภาวะเงนิ เฟ้อ เช่น สนับสนุนสินค้านำเข้า
- ภาวะเงินฝืด เชน่ ส่งเสรมิ สินค้าออก
การดำเนินชวี ติ โดยยึดหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง
จุดเร่ิมต้นแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพียง
ผลจากการใช้แนวทางการพฒั นาประเทศไปส่คู วามทนั สมยั ได้ก่อใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลงแก่สงั คมไทยอยา่ ง
มากในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคมและสิ่งแวดล้อม อีกท้ังกระบวนการของความ
เปลี่ยนแปลงมีความสลับซับซ้อนจนยากที่จะอธิบายในเชิงสาเหตุและผลลัพธ์ได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดต่าง
เป็นปัจจัยเช่ือมโยงซ่งึ กันและกันสำหรับผลของการพัฒนาในด้านบวกนั้น ได้แก่ การเพ่ิมขึ้นของอัตราการเจริญเติบโต
ทางเศรษฐกิจ ความเจริญทางวัตถุ และสาธารณูปโภคต่างๆ ระบบส่ือสารที่ทันสมัย หรือการขยายปริมาณและ
กระจายการศึกษาอย่างท่ัวถึงมากข้ึน แต่ผลด้านบวกเหล่านี้ส่วนใหญ่กระจายไปถึงคนในชนบท หรือผู้ด้อยโอกาสใน
72
สังคมน้อย แต่ว่า กระบวนการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้เกิดผลลบติดตามมาด้วย เช่น การขยายตัวของรัฐเข้าไปใน
ชนบท ได้ส่งผลให้ชนบทเกิดความอ่อนแอในหลายด้าน ทั้งการต้องพึ่งพิงตลาดและพ่อค้าคนกลางในการส่ังสินค้าทุน
ความเส่ือมโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติ ระบบความสัมพนั ธแ์ บบเครอื ญาติ และการรวมกลุ่มกนั ตามประเพณีเพ่ือการ
จัดการทรัพยากรท่ีเคยมีอยู่แต่เดิมแตกสลายลง ภูมิความรู้ท่ีเคยใช้แก้ปัญหาและส่ังสมปรับเปล่ียนกันมาถูกลืมเลือน
และเริ่มสูญหายไป สิ่งสำคัญ ก็คือ ความพอเพียงในการดำรงชีวิต ซ่ึงเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่ทำให้คนไทยสามารถ
พึ่งตนเอง และดำเนินชีวิตไปได้อย่างมีศักดิ์ศรีภายใต้อำนาจและความมีอิสระในการกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง
ความสามารถในการควบคมุ และจดั การเพื่อใหต้ นเองได้รบั การสนองตอบต่อความต้องการต่าง ๆ รวมท้งั ความสามารถ
ในการจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งท้ังหมดนี้ถือว่าเป็นศักยภาพพื้นฐานท่ีคนไทยและสังคมไทยเคยมีอยู่แต่
เดิม ต้องถูกกระทบกระเทือน ซ่ึงวิกฤตเศรษฐกิจจากปัญหาฟองสบู่และปัญหาความอ่อนแอของชนบท รวมท้ังปัญหา
อน่ื ๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ ลว้ นแต่เปน็ ขอ้ พิสูจน์และยนื ยันปรากฎการณ์นี้ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
“...การพฒั นาประเทศจำเปน็ ตอ้ งทำตามลำดับข้นั ต้องสรา้ งพ้นื ฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของ
ประชาชนสว่ นใหญ่เบื้องต้นก่อน โดยใชว้ ธิ กี ารและอุปกรณ์ทีป่ ระหยดั แต่ถูกต้องตามหลกั วิชาการ เม่อื ได้พืน้ ฐานความ
มั่นคงพรอ้ มพอสมควร และปฏิบตั ิได้แล้ว จึงคอ่ ยสร้างค่อยเสรมิ ความเจรญิ และฐานะทางเศรษฐกิจขัน้ ท่สี ูงขน้ึ โดย
ลำดบั ตอ่ ไป...” (18 กรกฎาคม 2517)
“เศรษฐกิจพอเพียง” เปน็ แนวพระราชดำริในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานมานานกวา่ 30 ปี
เปน็ แนวคดิ ทีต่ ัง้ อยู่บนรากฐานของวัฒนธรรมไทย เป็นแนวทางการพัฒนาท่ีต้งั บนพน้ื ฐานของทางสายกลาง และ
ความไมป่ ระมาท คำนงึ ถึงความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสรา้ งภมู คิ ุ้มกันในตวั เอง ตลอดจนใชค้ วามรู้และ
คณุ ธรรม เปน็ พื้นฐานในการดำรงชีวิต ทีส่ ำคัญจะต้องมี “สติ ปัญญา และความเพียร” ซง่ึ จะนำไปสู่ “ความสุข” ใน
การดำเนินชีวติ อย่างแท้จรงิ
“...คนอน่ื จะวา่ อยา่ งไรก็ช่างเขา จะวา่ เมืองไทยล้าสมัย ว่าเมอื งไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีส่งิ ทส่ี มัยใหม่ แต่เรา
อยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมคี วามปรารถนาทีจ่ ะให้เมืองไทย พออยู่พอกนิ มีความสงบ และทำงานต้งั จติ อธิษฐาน
ตั้งปณิธาน ในทางน้ีที่จะใหเ้ มืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไมใ่ ช่วา่ จะรงุ่ เรืองอย่างยอด แต่วา่ มีความพออยู่พอกนิ มี
ความสงบ เปรียบเทยี บกับประเทศอน่ื ๆ ถา้ เรารักษาความพออยพู่ อกินน้ีได้ เรากจ็ ะยอดยิ่งยวดได.้ ..” (4 ธันวาคม
2517)
พระบรมราโชวาทนี้ ทรงเหน็ ว่าแนวทางการพฒั นาทเ่ี นน้ การขยายตวั ทางเศรษฐกิจของประเทศเปน็ หลักแต่เพียงอย่าง
เดียวอาจจะเกดิ ปญั หาได้ จงึ ทรงเนน้ การมพี อกินพอใชข้ องประชาชนส่วนใหญ่ในเบือ้ งต้นกอ่ น เมอ่ื มีพื้นฐานความ
ม่นั คงพรอ้ มพอสมควรแลว้ จงึ สร้างความเจรญิ และฐานะทางเศรษฐกจิ ใหส้ ูงขึ้น
ซึ่งหมายถงึ แทนทีจ่ ะเนน้ การขยายตวั ของภาคอุตสาหกรรมนำการพัฒนาประเทศ ควรทจี่ ะสร้างความมนั่ คงทาง
73
เศรษฐกจิ พน้ื ฐานก่อน น่ันคือ ทำให้ประชาชนในชนบทสว่ นใหญพ่ อมีพอกนิ กอ่ น เปน็ แนวทางการพฒั นาทีเ่ น้นการ
กระจายรายได้ เพ่ือสรา้ งพื้นฐานและความม่นั งคงทางเศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศ ก่อนเน้นการพัฒนาในระดบั สูง
ขึ้นไป
ประเทศไทยกับเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เศรษฐกิจพอเพยี ง มงุ่ เนน้ ใหผ้ ู้ผลติ หรอื ผบู้ รโิ ภค พยายามเริ่มตน้ ผลติ หรอื บริโภคภายใตข้ อบเขต
ขอ้ จำกัดของรายได้ หรือทรัพยากรทม่ี ีอยูไ่ ปก่อน ซึง่ ก็คือ หลกั ในการลดการพ่งึ พา เพม่ิ ขีดความสามารถในการควบคุม
การผลติ ได้ด้วยตนเอง และลดภาวะการเสยี่ งจากการไมส่ ามารถควบคุมระบบตลาดได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เศรษฐกจิ
พอเพียงมิใช่หมายความถึง การกระเบียดกระเสียนจนเกนิ สมควร หากแตอ่ าจฟุ่มเฟือยได้เป็นครั้งคราวตามอตั ภาพ
แต่คนสว่ นใหญ่ของประเทศ มกั ใชจ้ ่ายเกินตัว เกนิ ฐานะที่หามาได้ เศรษฐกจิ พอเพยี ง สามารถนำไปสู่เป้าหมายของ
การสรา้ งความมั่นคงในทางเศรษฐกจิ ได้ เชน่ โดยพ้นื ฐานแลว้ ประเทศไทยเปน็ ประเทศเกษตรกรรม เศรษฐกิจของ
ประเทศจึงควรเน้นท่เี ศรษฐกิจการเกษตร เนน้ ความมน่ั คงทางอาหาร เป็นการสรา้ งความมนั่ คงให้เปน็ ระบบเศรษฐกิจ
ในระดับหน่งึ จงึ เป็นระบบเศรษฐกิจทชี่ ่วยลดความเสย่ี ง หรอื ความไมม่ ่ันคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้ เศรษฐกิจ
พอเพียง สามารถประยุกต์ใชไ้ ด้ในทกุ ระดบั ทุกสาขา ทุกภาคของเศรษฐกิจ ไมจ่ ำเป็นจะต้องจำกดั เฉพาะแตภ่ าค
การเกษตร หรอื ภาคชนบท แม้แตภ่ าคการเงนิ ภาคอสงั หาริมทรัพย์ และการคา้ การลงทุนระหวา่ งประเทศ โดยมี
หลักการท่ีคลา้ ยคลึงกนั คือ เน้นการเลอื กปฏิบตั ิอยา่ งพอประมาณ มเี หตมุ ผี ล และสร้างภูมิคมุ้ กันให้แก่ตนเองและ
สงั คม
การดำเนนิ ชวี ิตตามแนวพระราชดำริพอเพียง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัว ทรงเข้าใจถึงสภาพสังคมไทย ดงั นั้น เมื่อได้พระราชทานแนวพระราชดำริ
หรอื พระบรมราโชวาทในดา้ นตา่ งๆ จะทรงคำนงึ ถงึ วิถชี ีวิต สภาพสงั คมของประชาชนดว้ ย เพ่ือไมใ่ ห้เกิดความขดั แย้ง
ทางความคดิ ทีอ่ าจนำไปสู่ความขัดแยง้ ในทางปฏิบตั ิได้
แนวพระราชดำรใิ นการดำเนนิ ชีวติ แบบพอเพยี ง
1. ยดึ ความประหยัด ตัดทอนค่าใชจ้ ่ายในทุกดา้ น ลดละความฟมุ่ เฟือยในการใช้ชวี ิต
2. ยึดถอื การประกอบอาชพี ด้วยความถกู ต้อง ซ่ือสตั ย์สุจริต
3. ละเลิกการแกง่ แย่งผลประโยชนแ์ ละแข่งขันกันในทางการคา้ แบบต่อสู้กันอยา่ งรนุ แรง
4. ไมห่ ยดุ น่งิ ที่จะหาทางให้ชีวติ หลดุ พน้ จากความทุกขย์ าก ด้วยการขวนขวายใฝห่ าความรู้ใหม้ ี
74
รายไดเ้ พ่ิมพนู ขึน้ จนถงึ ขนั้ พอเพียงเปน็ เปา้ หมายสำคญั
5. ปฏบิ ตั ิตนในแนวทางทดี่ ี ลดละสิ่งชั่ว ประพฤติตนตามหลกั ศาสนา
ตัวอย่างเศรษฐกจิ พอเพียง
ทฤษฎใี หม่ คอื ตัวอย่างทเี่ ปน็ รปู ธรรมของการประยกุ ต์ใชเ้ ศรษฐกจิ พอเพียงทเ่ี ดน่ ชัดท่ีสุด ซง่ึ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวได้พระราชทานพระราชดำรนิ ้ี เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรทม่ี ักประสบปัญหาทงั้ ภยั
ธรรมชาตแิ ละปจั จัยภายนอกท่มี ีผลกระทบตอ่ การทำการเกษตร ให้สามารถผ่านพน้ ช่วงเวลาวิกฤต โดยเฉพาะการขาด
แคลนน้ำได้โดยไมเ่ ดือดรอ้ นและยากลำบากนัก ความเสย่ี งทีเ่ กษตรกร มักพบเปน็ ประจำ ประกอบด้วย
1. ความเส่ียงดา้ นราคาสนิ ค้าเกษตร
2. ความเส่ยี งในราคาและการพงึ่ พาปจั จยั การผลติ สมยั ใหม่จากต่างประเทศ
3. ความเส่ียงด้านนำ้ ฝนทงิ้ ช่วง ฝนแล้ง
4. ภยั ธรรมชาติอ่ืนๆ และโรคระบาด
5. ความเส่ยี งด้านแบบแผนการผลิต เชน่ ความเส่ียงด้านโรคและศัตรูพชื ความเสยี่ งด้านการขาดแคลน
แรงงาน ความเส่ยี งดา้ นหนส้ี ินและการสญู เสียที่ดนิ
ทฤษฎีใหม่ จึงเปน็ แนวทางหรือหลกั การในการบริหารการจัดการท่ีดนิ และน้ำ เพ่ือการเกษตรในท่ดี นิ ขนาด
เล็กให้เกิดประโยชน์สูงสดุ
ทฤษฎใี หม่
ความสำคญั ของทฤษฎใี หม่
1. มกี ารบริหารและจัดแบ่งที่ดินแปลงเล็กออกเป็นสัดสว่ นที่ชัดเจน เพือ่ ประโยชน์สงู สุดของเกษตรกร ซ่งึ ไม่
เคยมใี ครคิดมาก่อน
2. มกี ารคำนวณโดยใชห้ ลักวิชาการเกยี่ วกบั ปรมิ าณนำ้ ที่จะกักเกบ็ ให้พอเพียงตอ่ การเพาะปลกู ได้อยา่ ง
เหมาะสมตลอดปี
75
3. มกี ารวางแผนทส่ี มบูรณแ์ บบสำหรบั เกษตรกรรายย่อย โดยมีถงึ 3 ข้นั ตอน
ทฤษฎใี หมข่ ั้นตน้
ใหแ้ บ่งพ้ืนท่ีออกเป็น 4 สว่ น ตามอัตราส่วน 30:30:30:10 ซึง่ หมายถึง
พ้นื ท่สี ่วนทีห่ นง่ึ ประมาณ 30% ให้ขดุ สระเกบ็ กักน้ำเพอ่ื ใช้เก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใชเ้ สรมิ การ
ปลกู พืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการเล้ยี งสัตว์และพืชน้ำตา่ งๆ
พืน้ ท่ีสว่ นทสี่ อง ประมาณ 30% ให้ปลูกข้าวในฤดฝู นเพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันสำหรับครอบครวั
ให้เพียงพอตลอดปี เพ่ือตดั ค่าใช้จา่ ยและสามารถพงึ่ ตนเองได้
พน้ื ทสี่ ว่ นทสี่ าม ประมาณ 30% ใหป้ ลูกไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ พืชผัก พชื ไร่ พืชสมนุ ไพร ฯลฯ เพอ่ื ใช้
เป็นอาหารประจำวัน หากเหลือบริโภคกน็ ำไปจำหน่าย
พ้ืนที่สว่ นที่ส่ี ประมาณ 10% เป็นท่ีอยู่อาศยั เล้ียงสัตว์ ถนนหนทาง และโรงเรอื นอนื่ ๆ
ทฤษฎีใหม่ข้ันที่สอง
เม่อื เกษตรกรเขา้ ใจในหลักการและไดป้ ฏิบัติในท่ดี นิ ของตนจนไดผ้ ลแล้ว กต็ ้องเรม่ิ ขั้นที่สอง คอื ให้
เกษตรกรรวมพลังกันในรปู กลุ่ม หรือ สหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจกนั ดำเนินการในดา้ น
(1) การผลติ (พนั ธพ์ุ ชื เตรียมดิน ชลประทาน ฯลฯ)
- เกษตรกรจะต้องร่วมมือในการผลิต โดยเร่ิม ตง้ั แต่ขั้นเตรียมดิน การหาพนั ธ์พุ ืช ปุย๋ การจดั หา
น้ำ และอ่นื ๆ เพ่ือการเพาะปลกู
(2) การตลาด (ลานตากขา้ ว ยุง้ เครอ่ื งสีข้าว การจำหน่ายผลผลิต)
- เมอ่ื มีผลผลติ แลว้ จะตอ้ งเตรยี มการตา่ งๆ เพ่ือการขายผลผลติ ใหไ้ ด้ประโยชนส์ ูงสุด เชน่ การ
เตรียมลานตากข้าวร่วมกนั การจัดหายงุ้ รวบรวมขา้ ว เตรียมหาเคร่ืองสีข้าว ตลอดจนการรวมกันขายผลผลติ ให้ไดร้ าคา
ดแี ละลดค่าใช้จ่ายลงดว้ ย
(3) การเป็นอยู่ (กะปิ นำ้ ปลา อาหาร เครือ่ งนุ่งห่ม ฯลฯ)
- ในขณะเดียวกนั เกษตรกรต้องมีความเป็นอยู่ท่ีดีพอสมควร โดยมีปัจจยั พ้นื ฐานในการดำรงชวี ิต
เช่น อาหารการกินต่างๆ กะปิ นำ้ ปลา เสอ้ื ผ้า ทพี่ อเพียง
(4) สวัสดกิ าร (สาธารณสุข เงินกู)้
- แตล่ ะชมุ ชนควรมีสวัสดภิ าพและบรกิ ารที่จำเปน็ เชน่ มีสถานอี นามัยเมอื่ ยามปว่ ยไข้ หรือมี
กองทนุ ไวก้ ยู้ ืมเพ่ือประโยชนใ์ นกจิ กรรมตา่ งๆ ของชุมชน
(5) การศึกษา (โรงเรยี น ทนุ การศกึ ษา)
76
- ชุมชนควรมบี ทบาทในการส่งเสริมการศึกษา เช่น มีกองทุนเพ่ือการศึกษาเลา่ เรียนให้แก่เยาวชน
ของชมชนเอง
(6) สังคมและศาสนา
- ชุมชนควรเป็นท่ีรวมในการพฒั นาสงั คมและจิตใจ โดยมีศาสนาเป็นทยี่ ดึ เหนยี่ ว
โดยกิจกรรมทงั้ หมดดังกล่าวขา้ งตน้ จะต้องไดร้ ับความรว่ มมือจากทุกฝ่ายทเี่ กีย่ วข้อง ไม่ว่าส่วน
ราชการ องค์กรเอกชน ตลอดจนสมาชกิ ในชุมชนนนั้ เปน็ สำคัญ
ทฤษฎีใหมข่ นั้ ท่สี าม
เมอื่ ดำเนินการผ่านพน้ ข้ันท่ีสองแล้ว เกษตรกร หรอื กลุ่มเกษตรกรกค็ วรพัฒนาก้าวหน้าไปสขู่ น้ั ที่
สามต่อไป คือติดตอ่ ประสานงาน เพ่อื จดั หาทนุ หรอื แหลง่ เงิน เช่น ธนาคาร หรือบรษิ ทั หา้ งร้านเอกชน มาชว่ ยในการ
ลงทุนและพฒั นาคุณภาพชวี ติ
ท้งั น้ี ท้งั ฝา่ ยเกษตรกรและฝา่ ยธนาคาร หรอื บริษัทเอกชนจะได้รับประโยชนร์ ่วมกัน กลา่ วคอื
- เกษตรกรขายข้าวได้ราคาสงู (ไม่ถูกกดราคา)
- ธนาคารหรอื บริษทั เอกชนสามารถซ้ือข้าวบรโิ ภคในราคาต่ำ (ซื้อข้าวเปลือกตรงจากเกษตรกร
และมาสเี อง)
- เกษตรกรซ้อื เคร่อื งอุปโภคบริโภคได้ในราคาตำ่ เพราะรวมกันซอ้ื เป็นจำนวนมาก (เป็นร้าน
สหกรณร์ าคาขายสง่ )
- ธนาคารหรือบรษิ ัทเอกชน จะสามารถกระจายบุคลากร เพ่ือไปดำเนินการในกิจกรรมต่าง ๆ ให้
เกิดผลดยี ่งิ ข้ึน
หลักการและแนวทางสำคญั
1. เปน็ ระบบการผลติ แบบเศรษฐกิจพอเพียงท่เี กษตรกรสามารถเลี้ยงตวั เองไดใ้ นระดบั ทปี่ ระหยดั ก่อน ทัง้ นี้
ชมุ ชนต้องมีความสามคั คี ร่วมมือรว่ มใจในการชว่ ยเหลอื ซงึ่ กันและกันทำนองเดยี วกบั การ “ลงแขก” แบบดัง้ เดิมเพ่ือ
ลดค่าใชจ้ ่ายในการจ้างแรงงานด้วย
2. เน่ืองจากข้าวเป็นปัจจยั หลักทีท่ ุกครวั เรอื นจะต้องบรโิ ภค ดงั นัน้ จงึ ประมาณว่าครอบครวั หน่ึงทำนา
ประมาณ 5 ไร่ จะทำให้มีขา้ วพอกินตลอดปี โดยไม่ต้องซ้ือหาในราคาแพง เพ่อื ยดึ หลักพึ่งตนเองไดอ้ ย่างมีอสิ รภาพ
3. ต้องมีนำ้ เพื่อการเพาะปลูกสำรองไวใ้ ชใ้ นฤดแู ลง้ หรือระยะฝนทิ้งชว่ งได้อยา่ งพอเพียง ดังนนั้ จงึ
จำเปน็ ตอ้ งกันที่ดินสว่ นหนง่ึ ไว้ขุดสระนำ้ โดยมีหลกั ว่าต้องมีนำ้ เพียงพอท่ีจะเพาะปลูกได้ตลอดปี ทัง้ นี้ ไดพ้ ระราชทาน
พระราชดำริเป็นแนวทางวา่ ต้องมนี ้ำ 1,000 ลูกบาศก์เมตร ต่อการเพาะปลกู 1 ไร่ โดยประมาณ ฉะนน้ั เม่ือทำนา 5
ไร่ ทำพืชไร่ หรอื ไมผ้ ลอกี 5 ไร่ (รวมเป็น 10 ไร่) จะต้องมีน้ำ 10,000 ลกู บาศก์เมตรตอ่ ปี
77
ดงั น้ัน หากต้ังสมมตฐิ านวา่ มีพนื้ ท่ี 5 ไร่ กจ็ ะสามารถกำหนดสูตรครา่ วๆ ว่า แต่ละแปลง ประกอบดว้ ย
- นาข้าว 5 ไร่
- พชื ไร่ พืชสวน 5 ไร่
- สระนำ้ 3 ไร่ ขดุ ลึก 4 เมตร จนุ ำ้ ได้ประมาณ 19,000 ลกู บาศก์เมตร ซง่ึ เปน็ ปรมิ าณนำ้ ท่ีเพยี ง
พอทจี่ ะสำรองไว้ใช้
ยามฤดูแลง้
- ท่อี ยู่อาศยั และอ่นื ๆ 2 ไร่
รวมท้ังหมด 15 ไร่
แตท่ งั้ นี้ ขนาดของสระเกบ็ น้ำข้นึ อยูก่ ับสภาพภูมปิ ระเทศและสภาพแวดลอ้ ม ดงั นี้
- ถ้าเปน็ พื้นทท่ี ำการเกษตรอาศยั น้ำฝน สระน้ำควรมีลักษณะลึก เพื่อป้องกันไมใ่ หน้ ้ำระเหย
ไดม้ ากเกนิ ไป ซงึ่ จะทำให้มนี ้ำใชต้ ลอดทงั้ ปี
- ถา้ เป็นพน้ื ท่ที ำการเกษตรในเขตชลประทาน สระน้ำอาจมลี ักษณะลึก หรอื ต้นื และแคบ หรอื
กวา้ งก็ได้ โดยพจิ ารณาตามความเหมาะสม เพราะสามารถมีน้ำมาเตมิ อยู่เรื่อยๆ
การมีสระเก็บน้ำก็เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้อย่างสม่ำเสมอท้งั ปี (ทรงเรียกว่า Regulator หมายถงึ
การควบคมุ ใหด้ ี มรี ะบบน้ำหมนุ เวยี นใช้เพือ่ การเกษตรได้โดยตลอดเวลาอย่างตอ่ เนื่อง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าแลง้
และระยะฝนทงิ้ ชว่ ง แตม่ ิไดห้ มายความว่า เกษตรกรจะสามารถปลกู ขา้ วนาปรงั ได้ เพราะหากนำ้ ในสระเก็บนำ้ ไม่พอ
ในกรณมี ีเข่ือนอยูบ่ ริเวณใกลเ้ คียงก็อาจจะต้องสูบนำ้ มาจากเขอ่ื น ซ่งึ จะทำใหน้ ำ้ ในเขื่อนหมดได้ แตเ่ กษตรกรควรทำ
นาในหน้าฝน และเมื่อถงึ ฤดูแล้ง หรือฝนท้งิ ชว่ งใหเ้ กษตรกรใชน้ ำ้ ท่ีเกบ็ ตนุ น้นั ใหเ้ กิดประโยชน์ทางการเกษตรอยา่ ง
สูงสุด โดยพิจารณาปลูกพืชให้เหมาะสมกบั ฤดูกาล เพื่อจะได้มผี ลผลิตอนื่ ๆ ไวบ้ รโิ ภคและสามารถนำไปขายได้ตลอด
ทงั้ ปี
4. การจดั แบง่ แปลงทดี่ ินเพ่ือให้เกดิ ประโยชนส์ งู สุดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทรงคำนวณ
และคำนงึ จากอตั ราการถือครองที่ดนิ ถัวเฉลีย่ ครัวเรอื นละ 15 ไร่ อยา่ งไรก็ตาม หากเกษตรกรมีพ้นื ทถ่ี ือครองนอ้ ยกวา่
นี้ หรอื มากกว่าน้ี กส็ ามารถใช้อัตราสว่ น 30:30:30:10 เป็นเกณฑ์ปรบั ใชไ้ ด้ กล่าวคือ
รอ้ ยละ 30 ส่วนแรก ขุดสระน้ำ (สามารถเลี้ยงปลา ปลกู พชื น้ำ เชน่ ผกั บ้งุ ผกั กะเฉด ฯลฯ ไดด้ ว้ ย) บนสระ
อาจสรา้ งเล้าไกแ่ ละบนขอบสระน้ำอาจปลูกไม้ยืนตน้ ที่ไมใ่ ช้นำ้ มากโดยรอบได้
ร้อยละ 30 ส่วนทสี่ อง ทำนา
78
ร้อยละ 30 สว่ นทสี่ าม ปลกู พืชไร่ พชื สวน (ไมผ้ ล ไมย้ ืนตน้ ไม้ใช้สอย ไม้เพือ่ เปน็ เชื้อฟืน ไม้สร้างบ้าน พชื ไร่
พชื ผัก สมนุ ไพร เปน็ ต้น)
รอ้ ยละ 10 สุดท้าย เปน็ ท่ีอยู่อาศัยและอน่ื ๆ (ทางเดิน คนั ดิน กองฟาง ลานตาก กองปุ๋ยหมัก โรงเรอื น โรง
เพาะเห็ด คอกสตั ว์ ไม้ดอกไม้ประดบั พชื สวนครวั หลงั บ้าน เป็นตน้ ) อย่างไรกต็ าม อตั ราสว่ นดังกล่าวเปน็ สตู ร หรือ
หลักการโดยประมาณเท่านนั้ สามารถปรับปรงุ เปล่ยี นแปลงได้ตามความเหมาะสม โดยขึ้นอย่กู ับสภาพของพืน้ ทดี่ นิ
ปริมาณน้ำฝน และสภาพแวดล้อม เช่น ในกรณีภาคใต้ที่มฝี นตกชุก หรือพ้ืนที่ท่ีมแี หล่งน้ำมาเตมิ สระได้ต่อเนอื่ ง ก็อาจ
ลดขนาดของบอ่ หรือสระเก็บนำ้ ให้เลก็ ลง เพื่อเกบ็ พ้ืนท่ีไวใ้ ช้ประโชนอ์ น่ื ตอ่ ไปได้
5. การดำเนนิ การตามทฤษฎใี หม่ มปี จั จยั ประกอบหลายประการ ขึ้นอยกู่ ับสภาพภูมปิ ระเทศ
สภาพแวดล้อมของแตล่ ะท้องถิน่ ดังนนั้ เกษตรกรควรขอรับคำแนะนำจากเจ้าหนา้ ทดี่ ว้ ย และทสี่ ำคญั คอื ราคาการ
ลงทุนค่อนข้างสงู โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การขุดสระสระนำ้ เกษตรกรจะต้องไดร้ บั ความช่วยเหลือจากส่วนราชการ มูลนธิ ิ
และเอกชน
6. ในระหวา่ งการขดุ สระน้ำ จะมีดนิ ท่ีถูกขุดข้ึนมาจำนวนมาก หนา้ ดนิ ซึ่งเป็นดนิ ดี ควรนำไปกองไว้
ตา่ งหากเพอ่ื นำมาใชป้ ระโยชนใ์ นการปลูกพชื ต่างๆ ในภายหลงั โดยนำมาเกล่ยี คลมุ ดนิ ช้ันลา่ งที่เป็นดนิ ไมด่ ี หรืออาจ
นำมาถมทำขอบสระน้ำ หรือยกร่องสำหรับปลูกไม้ผลก็จะได้ประโยชน์อกี ทางหน่ึง
ตัวอยา่ งพืชทีค่ วรปลูกและสัตวท์ ค่ี วรเลย้ี ง
ไมผ้ ลและผกั ยืนตน้ : มะม่วง มะพร้าว มะขาม ขนุน ละมดุ สม้ กลว้ ย น้อยหน่า มะละกอ กะท้อน แคบ้าน มะรุม
สะเดา ขี้เหลก็ กระถิน ฯลฯ
ผกั ลม้ ลุกและดอกไม้ : มนั เทศ เผอื ก ถว่ั ฝกั ยาว มะเขือ มะลิ ดาวเรือง บานไม่รโู้ รย กุหลาบ รกั และซ่อนกล่ิน
สมนุ ไพรและเคร่ืองเทศ : หมาก พลู พริกไท บุก บัวบก มะเกลอื ชุมเหด็ หญ้าแฝก และพชื ผักบางชนิด เช่น กะเพรา
โหระพา สะระแหน่ แมงลัก และตะไคร้ เปน็ ต้น
ไมใ้ ช้สอยและเช้ือเพลงิ : ไผ่ มะพร้าว ตาล กระถนิ ณรงค์ มะขามเทศ สะแก ทองหลาง จามจุรี กระถนิ สะเดา พชื ไร่ :
ข้าวโพด ถ่ัวเหลอื ง ถ่ัวลิสง ถว่ั พมุ่ ถวั่ มะแฮะ ออ้ ย มนั สำปะหลัง ละหงุ่ นุน่ เป็นตน้ พชื ไร่หลายชนิดอาจเก็บเกยี่ วเมื่อ
ผลผลติ ยงั สดอยู่ และจำหนา่ ยเป็นพืชประเภทผกั ได้ และมรี าคาดกี ว่าเก็บเมื่อแก่ ไดแ้ ก่ ข้าวโพด ถวั เหลือง ถั่วลิสง ถวั่
พุม่ ถ่วั มะแฮะ อ้อย และมนั สำปะหลงั
พชื บำรุงดนิ และพชื คลุมดนิ : ถั่วมะแฮะ ถัว่ ฮามาตา้ โสนแอฟรกิ นั โสนพ้นื เมือง ปอเทือง ถว่ั พรา้ ขเี้ หลก็ กระถิน
รวมท้ังถ่วั เขียวและถว่ั พมุ่ เป็นตน้ และเม่ือเกบ็ เกยี่ วแลว้ ไถกลบลงไปเพือ่ บำรุงดนิ ได้
79
หมายเหตุ : พืชหลายชนิดใชท้ ำประโยชนไ์ ดม้ ากกวา่ หน่ึงชนิด และการเลือกปลกู พืชควรเน้นพืชยนื ตน้ ดว้ ย เพราะการ
ดูแลรักษาในระยะหลงั จะลดน้อยลง มผี ลผลติ ทยอยออกตลอดปี ควรเลือกพืชยนื ต้นชนิดต่างๆ กนั ใหค้ วามรม่ เยน็
และช่มุ ช้นื กับท่ีอยอู่ าศัยและสง่ิ แวดล้อม และควรเลอื กต้นไมใ้ ห้สอดคล้องกบั สภาพของพ้ืนที่ เช่น ไม่ควรปลกู ยูคาลิ
ปตสั บริเวณขอบสระ ควรเปน็ ไมผ้ ลแทน เปน็ ต้น
สตั วเ์ ล้ียงอื่นๆ ไดแ้ ก่
สตั ว์น้ำ : ปลาไน ปลานิล ปลาตะเพียนขาว ปลาดุก เพอื่ เป็นอาหารเสรมิ ประเภทโปรตีน และยังสามารถนำไป
จำหน่ายเปน็ รายไดเ้ สรมิ ได้อีกดว้ ย ในบางพื้นที่สามารถเล้ยี งกบได้
สกุ ร หรือ ไก่ เลย้ี งบนขอบสระน้ำ ท้ังน้ี มลู สกุ รและไกส่ ามารถนำมาเป็นอาหารปลา บางแหง่ อาจเล้ียงเปด็ ได้
ประโยชนข์ องทฤษฎีใหม่
1. ใหป้ ระชาชนพออยู่พอกินสมควรแก่อตั ภาพในระดบั ทีป่ ระหยัด ไม่อดอยาก และเล้ยี งตนเองไดต้ ามหลัก
ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพยี ง”
2. ในหนา้ แล้งมนี ำ้ นอ้ ย กส็ ามารถเอาน้ำทเี่ ก็บไว้ในสระมาปลกู พชื ผกั ตา่ งๆ ทใ่ี ชน้ ้ำนอ้ ยได้ โดยไม่ต้อง
เบยี ดเบยี นชลประทาน
3. ในปที ฝ่ี นตกตามฤดูกาลโดยมีนำ้ ดีตลอดปี ทฤษฎใี หมน่ ้ีสามารถสรา้ งรายไดใ้ หแ้ ก่เกษตรกรไดโ้ ดยไม่
เดอื ดร้อนในเร่อื งค่าใชจ้ ่ายตา่ งๆ
4. ในกรณที ี่เกิดอุทกภยั เกษตรกรสามารถท่ีจะฟ้ืนตัวและชว่ ยตวั เองได้ในระดบั หนง่ึ โดยทางราชการไม่
ต้องช่วยเหลอื มากนกั ซ่ึงเปน็ การประหยัดงบประมาณด้วย
ทฤษฎีใหม่ทสี่ มบูรณ์
ทฤษฎีใหม่ที่ดำเนินการโดยอาศัยแหล่งนำ้ ธรรมชาติ นำ้ ฝน จะอยูใ่ นลักษณะ “หม่นิ เหม่” เพราะหากปใี ดฝนน้อย น้ำ
อาจจะไม่เพยี งพอ ฉะนนั้ การทจ่ี ะทำใหท้ ฤษฎีใหม่สมบูรณ์ไดน้ ้ัน จำเปน็ ตอ้ งมสี ระเกบ็ กักน้ำท่ีมีประสิทธิภาพและเต็ม
ความสามารถ โดยการมแี หล่งน้ำขนาดใหญ่ท่ีสามารถเพ่ิมเติมนำ้ ในสระเก็บกักน้ำให้เต็มอยู่เสมอ ดังเช่น กรณขี องการ
ทดลองที่โครงการพฒั นาพ้นื ท่ีบริเวณวดั มงคลชยั พฒั นาอนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั สระบรุ ี
ระบบทฤษฎีใหม่ที่สมบรู ณ์ อา่ งใหญ่ เติมอ่างเลก็ อ่างเลก็ เตมิ สระนำ้
80
จากภาพ วงกลมเลก็ คือสระน้ำที่เกษตรกรขดุ ข้ึนตามทฤษฎใี หม่ เม่ือเกิดช่วงขาดแคลนน้ำในฤดู
แล้ง เกษตรกรสามารถสบู นำ้ มาใช้ประโยชน์ได้ และหากน้ำในสระน้ำไม่เพยี งพอก็ขอรับน้ำจากอา่ งห้วยหินขาว (อ่าง
เลก็ ) ซง่ึ ไดท้ ำระบบสง่ น้ำเช่ือมตอ่ ทางท่อลงมายังสระน้ำท่ีได้ขุดไว้ในแตล่ ะแปลง ซ่ึงจะช่วยให้สามารถมนี ้ำใชต้ ลอดปี
กรณที ี่เกษตรกรใช้น้ำกนั มาก อา่ งหว้ ยหนิ ขาว (อ่างเล็ก) กอ็ าจมีปริมาณน้ำไม่เพยี งพอ ก็สามารถใชว้ ธิ กี ารผันนำ้ จาก
เขอ่ื นปา่ สักชลสิทธ์ิ (อ่างใหญ่) ต่อลงมายงั อา่ งเกบ็ น้ำหว้ ยหนิ ขาว (อ่างเล็ก) ก็จะช่วยให้มีปริมาณน้ำมาเตมิ ในสระของ
เกษตรกรพอตลอดทั้งปีโดยไม่ตอ้ งเสี่ยง ระบบการจดั การทรัพยากรนำ้ ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระ
เจา้ อยหู่ ัว สามารถทำให้การใช้น้ำมีประสิทธิภาพอยา่ งสงู สุด จากระบบสง่ ท่อเปดิ ผ่านไปตามแปลงไร่นาตา่ ง ๆ ถงึ 3-5
เทา่ เพราะยามหนา้ ฝน นอกจากจะมีน้ำในอ่างเกบ็ น้ำแล้ว ยังมนี ำ้ ในสระของราษฎรเก็บไว้พรอ้ มกันด้วย ทำให้มี
ปรมิ าณน้ำเพมิ่ อย่างมหาศาล น้ำในอ่างที่ตอ่ มาสสู่ ระจะทำหนา้ ทีเ่ ปน็ แหล่งนำ้ สำรอง คอยเติมเทา่ นนั้ เอง
ภาวะโลกร้อน คืออะไร อะไรคือสาเหตุของการภาวะโลกรอ้ น
ภาวะโลกร้อน หมายถึง การเปลย่ี นแปลงภูมอิ ากาศที่เกดิ จากการกระทำของมนุษย์ ทที่ ำใหอ้ ุณหภูมิเฉลี่ย
ของโลกเพม่ิ สงู ข้ึน เราจงึ เรยี กว่า ภาวะโลกร้อน (Global Warming) กจิ กรรมของมนุษย์ท่ีทำให้เกดิ ภาวะโลกร้อน คือ
กิจกรรมท่ีทำให้ปรมิ าณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มมากขน้ึ ได้แก่ การเพิ่มปรมิ าณก๊าซเรอื นกระจกโดยตรง
เชน่ การเผาไหมเ้ ชอ้ื เพลงิ และ การเพม่ิ ปริมาณกา๊ ซเรือนกระจกโดยทางอ้อม คือ การตดั ไม้ทำลายป่าปรากฏการณ์
เรอื นกระจก หมายถงึ การท่ชี ้นั บรรยากาศของโลกกระทำตัวเสมือนกระจกท่ียอมให้รังสคี ลืน่ สน้ั จากดวงอาทติ ยผ์ ่าน
ทะลลุ งมายังผวิ พนื้ โลกได้ แต่จะดดู กลนื รังสคี ลื่นยาวทีโ่ ลกคายออกไปไมใ่ ห้หลุดออกนอกบรรยากาศ ทำให้โลกไมเ่ ย็น
จดั ในเวลากลางคืน บรรยากาศเปรียบเสมอื นผ้าห่มผนื ใหญ่ท่คี ลุมโลกไว้ กา๊ ซทย่ี อมให้รงั สีคลน่ื สน้ั จากดวงอาทิตย์ผา่ น
ทะลุลงมาไดแ้ ต่ไมย่ อมให้รังสีคลน่ื ยาวที่โลกคายออกไปหลุดออกนอกบรรยากาศ เรยี กว่า กา๊ ซเรือนกระจก
81
กา๊ ซเรือนกระจกท่สี ำคัญๆ มีอะไรบา้ ง
กา๊ ซเรอื นกระจกทส่ี ำคัญ ได้แก่ ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ ก๊าซมเี ทนและก๊าซไนตรสั ออกไซด์
1. กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ เกดิ จาก การเผาไหม้เช้ือเพลิง โรงงานอตุ สาหกรรม และการตดั ไมท้ ำลายป่า
2. กา๊ ซมีเทน เกิดจาก การยอ่ ยสลายซากส่งิ มีชีวติ ในพ้ืนทที่ ี่มนี ้ำขงั เช่น นาข้าว
3. ก๊าซไนตรสั ออกไซด์ เกิดจาก อุตสาหกรรมที่ใชก้ รดไนตริกในกระบวนการผลิต และการใช้ปยุ๋ ไนโตรเจนใน
การเกษตรกรรม
รไู้ ด้อย่างไรว่าโลกร้อนข้นึ และในอนาคตอุณหภมู เิ ฉล่ียของโลกจะสูงขน้ึ ก่ีองศาเซลเซียส
จากการเฝ้าตดิ ตามความผนั แปรของอุณหภมู โิ ลก พบว่า ในระยะ 10 ปี สุดท้าย พ.ศ. 2539 – 2548 เป็น
ช่วงท่อี ุณหภมู ิเฉล่ียของโลกร้อนท่ีสุด หากไมม่ ีมาตรการใดๆ ทจ่ี ะยับยัง้ การปล่อยออกกา๊ ซเรือนกระจกแล้ว คาดวา่
อุณหภมู ิเฉล่ยี ของโลกจะเพิ่มสงู ข้ึน 1.5-4.5 องศาเซลเซยี ส ภายในปี ค.ศ. 2100
ภาวะโลกร้อนสง่ ผลต่อประเทศไทยอยา่ งไร
จากความผันแปรของภมู ิอากาศมีผลต่อลักษณะอากาศท่ัวโลก รวมทงั้ ประเทศไทยก็มีสญั ญาณท่ีบง่ บอกถึง
ผลกระทบท่ีเกดิ ข้นึ นั่นคอื ความรนุ แรงของภัยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้พบวา่ อุณหภมู เิ ฉล่ียท่ัวประเทศใน
เดอื นพฤศจิกายน 2549 ซึง่ อยใู่ นช่วงต้นฤดหู นาวสูงกว่าปกติ 1.7 องศาเซลเซยี ส สูงสดุ เปน็ อนั ดับ 1 ในรอบ 56 ปี
ของประเทศ และในเดอื นธนั วาคม 2549 อุณหภูมเิ ฉลยี่ สูงกว่าคา่ ปกติประมาณ 1 องศาเซลเซียส (อณุ หภมู เิ ฉลี่ย 24
องศาเซลเซียส)
ในช่วง 10 ปี ที่ผา่ นมา ประเทศไทยมสี ภาพอากาศเป็นอย่างไร จากการศกึ ษาข้อมลู 54 ปี ต้งั แต่ พ.ศ.
2494 ซึ่งเป็นปีแรกท่ีเร่มิ มีการตรวจวัดข้อมูล พบว่า อุณหภูมิของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น ทง้ั อุณหภูมิเฉลย่ี (รูปที่
1) อณุ หภูมิสูงสุดเฉล่ยี (รูปท่ี 2) และอุณหภมู ิตำ่ สดุ เฉลี่ย(รูปท่ี 3) ส่วนปรมิ าณฝนและวันท่ีฝนตกมีแนวโน้มลดลง (รปู ท่ี
4 และ5) ถึงแม้วา่ ในช่วง 10 ปที ผี่ า่ นมาท้ังปริมาณฝนและจำนวนวนั ฝนตกอยูใ่ นเกณฑส์ ูงกว่าค่าปกติ มากกวา่ ท่จี ะตำ่
กวา่ ปกตกิ ็ตาม
ในปี 2550 น้ี โลกและประเทศไทย มีสภาพอากาศเปน็ อย่างไร การเพ่ิมข้ึนของก๊าชเรือนกระจกทำให้
บรรยากาศโลกกักเก็บพลังงานความร้อนเพม่ิ ข้ึน ส่งผลให้ความสมดุลของพลงั งานโลกเปลย่ี นแปลงไป อุณหภูมิเฉลย่ี
ของบรรยากาศบรเิ วณผิวโลกสูงขนึ้ คลื่นความร้อนเกิดบ่อยครั้งและรนุ แรงขนึ้ ซงึ่ จะส่งผลต่อเนื่องนานัปการ เชน่
ฤดกู าล ปรมิ าณและการกระจายของน้ำฝนเปล่ยี นแปลงไป ระดบั นำ้ ทะเลสูงขน้ึ เนื่องจากนำ้ แข็งขั้วโลกละลาย นำ้
ทะเลขยายตวั เน่ืองจากอุณหภมู ิสงู ขึ้น เกดิ พายแุ ละภัยพิบัติรนุ แรงและถีข่ นึ้ ในปี 2550 สภาพอากาศทวั่ ไปของโลก มี
การคาดการณ์ไวว้ า่ อณุ หภูมจิ ะสงู ขนึ้ ทำใหม้ ีอากาศร้อนจดั อกี ปีหนึ่ง
สำหรับประเทศไทยในปี 2550 คาดว่า พ้นื ทส่ี ว่ นใหญ่ของประเทศไทยจะมปี ริมาณฝนสงู กว่าค่าปกติ โดยเฉพาะในชว่ ง
ฤดรู ้อนและต้นฤดูฝน และฤดูฝนจะมาเร็วกว่าปกติ และในช่วงฤดูรอ้ นจะมีอากาศร้อนจัดในหลายพนื้ ที่ สว่ นอุณหภมู ิ
เฉลยี่ ของประเทศจะสงู กว่าค่าปกตโิ ดยเฉพาะในช่วงคร่ึงแรกของปี
ปญั หาโลกรอ้ นในวนั นี้ ในอนาคตจะส่งผลกระทบตอ่ ประเทศไทยอยา่ งไร
1. ทำให้ฤดูกาลของฝนเปลี่ยนแปลงไป กระบวนการระเหยและการกลัน่ ตวั จะเรว็ ขึน้ หมายถึงว่า ฝน
อาจจะตกบอ่ ยขึน้ แต่นำ้ จะระเหยเร็วข้ึนด้วย ทำใหด้ นิ แห้งเรว็ กว่าปกตใิ นช่วงฤดูกาลเพาะปลูก
82
2. ผลผลิตทางการเกษตรจะลดลง นอกจากผลกระทบโดยตรงจากอณุ หภมู ิ ฝน ช่วงระยะเวลาฤดกู าล
เพาะปลูกแลว้ ยงั เกิดจากผลกระทบทางอ้อมอีกด้วย คอื การระบาดของโรคพืช ศัตรพู ชื และวัชพืช
3. สัตวน์ ้ำจะอพยพไปตามการเปลี่ยนแปลงของอณุ หภมู ิน้ำทะเล แหล่งประมงทส่ี ำคญั ๆของโลกจะ
เปลยี่ นแปลงไป
4. มนษุ ย์จะเสียชวี ิตเนอ่ื งจากความร้อนมากขึน้ ตัวนำเชอื้ โรคในเขตร้อนเพ่ิมมากข้ึน ปญั หาภาวะมลพษิ
ทางอากาศภายในเมืองจะรนุ แรงมากขน้ึ
คนไทยสามารถช่วยกันแก้ไขปญั หานีไ้ ดอ้ ย่างไร
เพ่ือไมใ่ หป้ ระชากรโลกรวมท้งั ประเทศไทยได้รับผลกระทบทร่ี ุนแรงจากการเปลย่ี นแปลงของภูมิอากาศ
จึงควรใหค้ วามรว่ มมือในการรักษาสมดุลทางธรรมชาตใิ ห้คงอยูต่ ราบนานเท่านาน ตามมาตรการดังต่อไปน้ี
1. รว่ มกนั ใชก้ า๊ ซธรรมชาติแทนถา่ นหินและน้ำมนั ในกระบวนการผลติ และการขนสง่ ต่างๆ เพือ่ ลดปริมาณ
การปลอ่ ยออกกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซดใ์ ห้นอ้ ยลง
2. ใช้พลังงานทดแทน เช่น จากแสงอาทิตย์ ลม ชวี มวล
3. รกั ษาปา่ ที่มีอยใู่ ห้คงอยตู่ ่อไป ฟ้ืนฟูสภาพป่าที่เส่ือมโทรม ปลกู ปา่ เพมิ่ เติม
4. ศกึ ษาและปรบั ปรุงวธิ กี ารใชป้ ุ๋ยใหเ้ หมาะสมกับชนดิ ของพืช
5. ใชไ้ ฟฟา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพทงั้ ในภาคธรุ กจิ อุตสาหกรรมและครัวเรือน
6. เพิม่ ประสิทธิภาพในด้านการคมนาคม ซึ่งอาจทำไดโ้ ดยการใช้เทคโนโลยีสมยั ใหม่ทดแทนเชือ้ เพลงิ หรอื
ปรบั ปรุงประสิทธภิ าพของเคร่ืองยนต์ เป็นต้น
การวเิ คราะหก์ ระแสโลกาภวิ ัตน์และผลกระทบต่อสังคมไทย
คลน่ื การเปลี่ยนแปลงสงั คมโลก
ยุคเกษตรกรรม สภาพเศรษฐกจิ และสังคมเป็นสังคมแบบดั้งเดมิ การผลิตดา้ น การเกษตร เพาะปลกู และเลย้ี ง
สัตว์ พึ่งพาธรรมชาติ สงั คมเรียบงา่ ยไมซ่ ับซอ้ นเปน็ ยคุ อดีตจนก่อนการ ปฏิวัตอิ ตุ สาหกรรม
ยุคอุตสาหกรรม มีการนำเครอื่ งจักรไอนำ้ มาพัฒนาไปสู่เครอ่ื งจกั รกล มาใช้ เป็นพลังการผลติ แทนแรงงานคน และ
สัตว์ ก่อใหพ้ ลงั การผลติ จำนวนมาก สภาพสังคมเปลี่ยนไปสู่ การตลาดและการบริโภคนิยม ก้าวเข้าส่คู วามทันสมยั
สภาพสงั คมซบั ซ้อน หลากกหลายมากข้นึ เป็นยุคสามทศวรรษกอ่ นปัจจุบนั มีการนำเครือ่ งจกั รไอน้ำมาพัฒนาไปสู่
เครื่องจักรกล มาใช้ เป็นพลงั การผลติ แทนแรงงานคน และสัตว์ ก่อให้พลังการผลติ จำนวนมาก สภาพสงั คมเปลีย่ น
ไปสู่ การตลาดและการบริโภคนยิ ม ก้าวเข้าสู่ความทันสมัย สภาพสังคมซบั ซ้อน หลากกหลายมากขน้ึ เป็นยุคสาม
ทศวรรษก่อนปัจจุบัน ยุคเทคโนโลยีข่าวสารขอ้ มลู มกี ารนำระบบคอมพวิ เตอรม์ าเช่ือมโยงระบบโทรศัพท์ โทรสาร
ติดตอ่ ทวั่ โลก เป็นยุคโลกไร้พรมแดนการติดต่อส่ือสารรวดเรว็ เปน็ ยคุ โลกาภิวัฒน์ ท่ีมกี ารเปลย่ี นแปลงอย่างมากมาย
จนคนในสงั คมปรบั ตวั ไม่ทนั กับคลื่นการเปล่ยี นแปลงสงั คมโลก (Future Shock) เป็นยคุ ศตวรรษที่ผ่านมาถงึ ปจั จุบัน
มกี ารนำระบบคอมพิวเตอรม์ าเชอ่ื มโยงระบบโทรศพั ท์ โทรสารติดตอ่ ทวั่ โลก เปน็ ยคุ โลกไร้พรมแดนการติดต่อส่ือสาร
83
รวดเร็วเป็นยุคโลกาภวิ ฒั น์ ทมี่ ีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งมากมายจนคนในสงั คมปรบั ตวั ไม่ทันกับคล่ืนการเปล่ยี นแปลง
สังคมโลก เปน็ ยคุ ศตวรรษท่ีผา่ นมาถึงปจั จบุ นั
ยุคโลกาภิวฒั น์ เปน็ ยคุ ทเี่ กิดการเปล่ียนแปลงของเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็ว ด้วยพลังแห่งเทคโนโลยี
สารสนเทศ (IT)
โลกาภิวตั น์ หรอื โลกานุวตั ร คอื ผลจากการพัฒนาการติดต่อส่ือสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยี
สารสนเทศ อันแสดงให้เหน็ ถึงการเจรญิ เตบิ โตของความสมั พนั ธท์ างเศรษฐกจิ การเมือง เทคโนโลยี และวฒั นธรรมท่ี
เช่อื มโยงระหวา่ งปัจเจกบุคคล ชุมชน หน่วยธรุ กจิ และรฐั บาล ท่วั ทัง้ โลก
โลกาภิวัตน์ ตามพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง "การแพร่กระจายไปทว่ั โลก; การที่
ประชาคมโลกไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใด สามารถรับรู้ สัมพันธ์ หรือรับผลกระทบจากส่งิ ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วกวา้ งขวาง
ซ่ึงเนอ่ื งมาจากการพฒั นาระบบสารสนเทศเปน็ ต้น"
โลกาภิวัตน์ เป็นคำศัพท์เฉพาะท่ีบัญญัติข้ึนเพื่อตอบสนองปรากฏการณ์ของสงั คมโลกทเี่ หตุการณท์ าง
เศรษฐกิจ การเมือง สงิ่ แวดล้อม และวัฒนธรรมท่เี กิดขนึ้ ในส่วนหนึ่งของโลก ส่งผลกระทบอันรวดเรว็ และสำคญั ต่อ
ส่วนอ่นื ๆของโลก โลกาภวิ ัตน์เกิดจากสี่รูปแบบพ้นื ฐานของการเคลื่อนย้ายทุนในเศรษฐกิจโลก โดยสีก่ ารเคล่อื นยา้ ย
ของทนุ ที่สำคญั คือ:
ทนุ มนษุ ย์ (เชน่ การอพยพเข้าเมอื ง การย้ายถิ่น การอพยพจากถน่ิ ฐาน การเนรเทศ ฯลฯ)
ทนุ การเงิน (เชน่ เงนิ ชว่ ยเหลอื หนุ้ หนี้ สนิ เชือ่ และการก้ยู ืม ฯลฯ)
ทุนทรพั ยากร (เช่น พลังงาน โลหะ สินแร่ ไม้ ฯลฯ)
ทุนอำนาจ (เชน่ กองกำลังความม่ันคง พนั ธมิตร กองกำลงั ตดิ อาวธุ ฯลฯ)
โลกาภวิ ัฒน์ ไม่ว่าจะเป็นธรุ กิจทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับการค้าระหวา่ งประเทศหรอื เป็นการค้าภายในประเทศ ท้ังหมด
จะอยู่ภายใต้การครอบงำของ Globalization จงึ ตอ้ งทำความเข้าใจวา่ โลกาภิวตั นค์ ืออะไร และบทบาทตวั ตนทแ่ี ท้จริง
ซ่งึ ฝงั อย่ภู ายในน้นั จะเป็นอย่างไร ซ่ึงจะมีรายละเอยี ดแบบยอ่ ๆ ดังนี้
โลก (Globalization) จะเก่ยี วข้องกบั
ทุน เศรษฐกจิ โลกจะต้องเปน็ ไปตามลทั ธิทนุ นิยม ภายใต้การแขง่ ขันในลักษณะเสรีนยิ ม ซึง่ เปน็ ลกั ษณะ
เศรษฐกิจของโลกตะวนั ตกที่มีเน้ือหาเนน้ การสะสมทุนและการคา้ เสรี โดยต่างกจ็ ะใหม้ ีการเปิดการคา้ ระหว่างประเทศ
ใหเ้ ป็นการค้าทีไ่ ร้พรมแดนแต่ภายใตก้ ารคา้ เสรนี ้ี ความได้เปรียบของบริษทั ข้ามชาติ ก็จะมีมากกวา่ จงึ เปน็ ความเสรที ี่
ไม่เทา่ เทียมกนั ทนุ จะมีการเคล่ือนยา้ ยไปยังประเทศต่างๆของโลกทใ่ี หเ้ งื่อนไขและผลประโยชนท์ ่ไี ดก้ ำไรสูงสดุ
84
1. การครอบงำผา่ นทางข้อมูล-ข่าวสาร การปฏิวตั ิทางเทคโนโลยสี ารสนเทศทำให้มีการเช่อื มโยง
สื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว โลกถกู เชื่อมด้วยข้อมลู ข่าวสารและมักเป็นข้อมูลขา่ วสารฝา่ ยเดียวจากโลกตะวันตก หรือ
จากประเทศซ่ึงมีอำนาจเศรษฐกิจและการทหารทเี่ หนือกวา่ โดยการครอบงำและสร้างกระแสขา่ วตามทจี่ ะเปน็
ประโยชน์ต่อการเมอื งและเศรษฐกจิ ของตะวันตก เปน็ การครอบงำทางขา่ วสาร และวัฒนธรรมซง่ึ มีผลตอ่ ความเชอ่ื ของ
มนุษยชาตใิ นการทจี่ ะต้องบริโภคขา่ วสาร , การบริโภคสนิ ค้า ,บรกิ าร และวฒั นธรรมของตะวันตกนั้นเปน็ สงิ่ ที่ถกู ต้อง
2. คา่ นิยม (Value) โลกาภิวัฒน์ ไดส้ รา้ งค่านิยมผ่านทางข้อมลู ข่าวสาร โดยแบ่งออกเปน็ 3
ลกั ษณะ ค่านิยมทางการเมอื ง ทกุ ประเทศในโลกต้องเป็นแนวประชาธปิ ไตยแบบตะวนั ตก ซง่ึ ประเทศตา่ งๆ หาก
จะต้องมีรปู แบบการเมืองการปกครองในแบบเดียวกัน มฉิ ะนน้ั กจ็ ะถูกควำ่ บาตรทางเศรษฐกจิ หรอื ใช้กำลงั ทหารเขา้
ไปปลดปล่อยใหเ้ ป็น
o ประชาธิปไตย โดยไมส่ นใจต่อความพร้อมหรอื วิถีชวี ิตของคนในประเทศเหล่าน้นั ซง่ึ
การเมืองในระบบประชาธิปไตย เมอ่ื ถูกผ่านการครอบงำผ่านทางข้อมูลขา่ วสารจากโลกตะวนั ตก กจ็ ะทำให้ประชาชน
มคี ่านยิ มท่ีจะเลือกผู้นำที่มแี นวความคดิ แบบการค้าเสรหี รือเปน็ นายทุนเศรษฐกจิ แบบตะวันตกไปเปน็ รัฐบาล ซึ่งก็จะมี
การแก้ไขกฎเกณฑ์ กฎหมาย เพอ่ื เปิดโอกาสให้บริษัทข้ามชาตสิ ามารถเข้าไปแขง่ ขันกับธุรกิจท้องถ่ิน ซงึ่ มีความ
ออ่ นแอกวา่ ซงึ่ จะมผี ลต่อจะต้องมีการพ่ึงพาโลกตะวันตก
o ค่านิยมทางเศรษฐกจิ โลกจะมีการซ้ือขายแลกเปลย่ี นสนิ ค้าและบรกิ าร มีการแบ่งงานกันทำ
โดยถอื หลกั การวา่ ท่ีไหนถูกก็ผลิตหรือซ้อื ทีน่ ัน่ โดยต่างฝา่ ยจะใช้มาตรการทางภาษีให้มนี ้อยที่สุด โดยโลกตะวันตกกจ็ ะ
มกี ารปกป้องธรุ กจิ ท่ีไมส่ ามารถแข่งขนั กนั ไดใ้ นรปู แบบของการกีดกันทางการค้า ในแบบทีเ่ รียกวา่ NTB การคา้ ของ
โลกจะตกอยู่ภายใตก้ ติกา WTO ทโ่ี ลกตะวันตกไม่ก่ีประเทศเป็นผู้บงการ และข้อตกลงในลกั ษณะทีเ่ ปน็ ทวิภาคี ได้แก่
ทมี่ าในรปู แบบของ FTA ซง่ึ หาก WTO ไม่สามารถเอื้อประโยชน์ก็จะมกี ารทำข้อตกลงความร่วมมอื ในระดบั ภูมิภาค
เช่น ASEAN , NAFTA , APEC เปน็ ตน้ ตอ้ งเข้าใจว่าการค้าเสรีของ Globalization นั้นเปน็ ความเสรบี นความไมเ่ ท่า
เทยี มกนั จึงไม่ใชค่ วามยตุ ิธรรมทางการคา้
o คา่ นิยมทางสังคม โดยการครอบงำทางสังคมวัฒนธรรม โดยผา่ นทางข้อมลู ข่าวสาร ทำให้
การคา้ ของโลกจะเกีย่ วข้องกับเรือ่ งสิทธิมนุษยชน การบริโภคนิยม การนยิ มวตั ถุ รวมถึงอนรุ ักษ์สงิ่ แวดล้อม ซึ่งจะ
อนุรกั ษ์เฉพาะในสง่ิ ทป่ี ระเทศด้อยพฒั นาไม่พรอ้ ม แตโ่ ลกตะวนั ตกพร้อม
o ค่านิยมการปกป้องทางการค้า การค้าโลกาภวิ ัฒน์ จะทำมาพรอ้ มกับการปกป้องทางการคา้
ในรูปแบบของลิขสทิ ธ์ิ ซง่ึ ส่วนใหญเ่ จา้ ของลขิ สทิ ธิ์กจ็ ะมาจากโลกตะวันตก ซึ่งจะใช้ลขิ สิทธิเปน็ เคร่อื งมือในการปกป้อง
สนิ ค้าและบริการ นอกเหนอื จากนี้การใชม้ าตรการทางดา้ นการเงนิ ผา่ นกองทนุ ตา่ งๆ เช่น IMF , ADB Bank ซง่ึ มักจะ
85
มีเงอ่ื นไขท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อธุรกิจข้ามชาติ ก็จดั เป็นส่วนหน่ึงของการปกป้อง รวมทั้งการใช้มาตรการท่ีป้องกัน
ผกู้ อ่ การรา้ ยของ Terrorism ก็อยใู่ นกระแสของโลกาภวิ ัฒนเ์ ช่นกนั
กระแสโลกาภวิ ตั นแ์ ละผลกระทบต่อประเทศไทย (Global Trends and Implications to Thailand)
กระแสโลกาภิวัตน์นกั เศรษฐศาสตร์หลายท่านตา่ งยอมรบั กันว่า กระแสโลกาภิวฒั นม์ ีอทิ ธพิ ลต่อภาวะ
เศรษฐกิจและสงั คมของประเทศต่างๆ ในโลก โดยเฉพาะประเทศทีม่ ีระบบเศรษฐกจิ และสังคมทเี่ ชอื่ มโยงและพ่งึ พิงกับ
ต่างประเทศสูง ดงั เช่น ประเทศไทย จากการประมวลผลการศึกษาและคาดการณข์ องนกั วชิ าการหลายทา่ นไดข้ ้อสรปุ
ถงึ แนวโน้มการเปล่ียนแปลงของโลกทั้งทางดา้ นเศรษฐกจิ สังคม และการเมืองที่เป็นประเดน็ สำคญั และเกี่ยวข้องกับ
การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดังน้ี
1. การเปลี่ยนแปลงลักษณะประชากร ประชากรของโลกจะเพ่ิมขึ้นจาก 6.1 พันล้าน ในกลางปี 2001 เป็น
7.8 พันล้านในปี 2025 (เพ่ิมข้ึนร้อยละ 28 หรือร้อยละ 1.2ต่อปี) ทั้งน้ี ร้อยละ 95 ของประชากรท่ีเพ่ิมขึ้นจะอยู่ใน
ประเทศกำ ลังพัฒนา โดยเฉพาะในเขตเมือง แนวโน้มประชากรโลกจะมีการเปล่ียนแปลงทั้งในเชิงโครงสร้างและ
พฤติกรรม โดยประชากรสูงอายุ (มากกว่า 50 ปีขึ้นไป) จะมีสัดส่วนเพ่ิมข้ึน ในขณะท่ีประชากรวัยหนุ่มสาว จะมี
สัดส่วนลดลง โดยเฉพาะในประเทศท่ีพัฒนาแล้ว ท้ังน้ี เน่ืองจากอัตราการเกิดของประเทศพัฒนาแล้วตํ่าลง ประกอบ
กับคนจะมสี ุขภาพดีและอายุยืนมากข้ึน นอกจากน้ัน ค่านิยม และพฤตกิ รรมของประชากรจะเปลย่ี นแปลงไปเร็วมาก
จนยากทจี่ ะคาดเดา การเปลยี่ นแปลงลกั ษณะประชากรท้งั หมดดงั กล่าวจะก่อให้เกดิ ผลกระทบสำคญั คือ
1.1 การสิ้นสุดของตลาดเดียว เดมิ ตลาดของประเทศท่พี ัฒนาแลว้ จะมีลกั ษณะ โดยมกี ลุ่มวยั รนุ่ เป็น
ผคู้ รอบครองตลาดสว่ นใหญ่ แตต่ อ่ ไปในอนาคต ตลาดจะถกู แบง่ ออกเปน็ 2 ส่วนอยา่ งชัดเจน คือ
(1) ตลาดของผูส้ งู อายุ ผลิตภณั ฑ์ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑเ์ พอื่ สขุ ภาพและเพ่ืออำ นวยความสะดวก
ในการใช้ชีวิตประจำ วันทดแทนความเสื่อมประสิทธิภาพของร่างกาย การให้บริการเพ่ือความบันเทิง เช่น การ
ทอ่ งเที่ยว เป็นตน้
(2) ตลาดของกลุ่มวัยรุ่น ผลิตภัณฑ์และบริการส่วนใหญ่จะเป็นส่ิงท่ีตอบสนองต่อความสะดวกและ
รวดเรว็ ในการใช้ชีวิตประจำ วัน ความฟุ่มเฟือยในรูปแบบต่างๆ แมก้ ระท่ังการศึกษาซ่ึงจะมีรปู แบบทเ่ี ป็น โดยเฉพาะ
ในตลาดศึกษาต่อเนื่องของผู้ท่ีมีพื้นฐานการศึกษาดีอยู่แล้ว ขณะน้ีกำ ลังเป็นธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุด เน่ืองจาก
ครอบครัวท่ีมีลูกคนเดียวมักจะลงทุนค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของลูกสูงมาก ทำ ให้ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาต่อหัว
เท่ากับค่าใช้จ่ายการศึกษาในอดีตของเด็ก 4-5 คนรวมกัน ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีสูง รวมท้ัง ก่อให้เกิด
ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “Culture Product” ท่ีมีความเหมือนกันในวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ การบริโภค และ
ผลิตภัณฑ์ เช่น สินค้าจำ พวก Franchise ต่างๆสัญญาณของปรากฎการณ์ดังกล่าวปรากฎให้เห็นแล้วในธุรกิจบริการ
ด้านการเงิน ท่ีขณะน้ีการค้าหุ้นในตลาดสินค้าประเภท High Technology ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นของคนอายุน้อยกว่า
45 ปี สว่ นการลงทนุ ในตลาดกองทนุ อ่นื ท่ีเนน้ ในเร่อื งของการลงทุนเพ่อื การออม ลกู คา้ จะเป็นผู้สงู อายุ
1.2 ภาระงบประมาณรายจ่ายเพิม่ ข้ึน โดยเฉพาะกับประเทศกำ ลังพัฒนาซึ่งโครงสร้างของประชากร
วัยสูงอายุที่มีสัดส่วนเพ่ิมข้ึนมาก จะมีผลต่อค่าใช้จ่ายของรัฐบาลที่จะเพิ่มขึ้นจากเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ เบึ้ยบำนาญ
86
และค่าใช้จ่ายในการรกั ษาพยาบาล เช่นเดยี วกับประเทศกำลังพัฒนาที่แนวโน้มดังกลา่ วกจ็ ะเพ่ิมขึ้นเช่นกนั แตใ่ นอตั รา
ท่ตี ่าํ กว่า
1.3 การเคลื่อนย้ายแรงงานจากประเทศกำ ลังพัฒนาไปสูป่ ระเทศพฒั นาแลว้ โดยเฉพาะแรงงานฝีมือ
หรือแรงงานท่ีมีความรู้ ซ่ึงเป็นที่ต้องการและมีบทบาทมากในระบบเศรษฐกิจ ในทางตรงกันข้าม จะมีการเคล่ือนย้าย
แรงงานที่มีทักษะตํ่าไปยังประเทศกำ ลังพัฒนาเพื่อลดจำนวนแรงงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว เศรษฐกิจโลกจะเป็น
ตวั ซํ้าเติมให้เกิดความยุ่งเหยิงของโครงสร้างการทำ งานในสังคมท่ีกำ ลงั พัฒนา โดยการสร้างให้เกิดการจ้างงานที่ขาด
เสถียรภาพ งานท่ีต้องการความชำนาญหลายอย่างอาจถูกลดระดับลง หรือถูกทดแทนด้วยแรงงานที่ต่ํากว่าระดับจริง
นอกจากนั้น จะก่อให้เกิดปัญหาเมืองใหญ่ (Mega City) ท่ีต้องมีการวางแผนการพัฒนาเมืองท่ีป้องกันและจะไม่
กอ่ ให้เกดิ ปัญหาทางสังคม ทางเศรษฐกิจ ทางโครงสร้างพนื้ ฐาน และทางด้านสิง่ แวดลอ้ ม
1.4 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สาเหตุจากการเปล่ียนแปลงในค่านิยม และ
พฤติกรรมของประชากรทำ ให้ตลาดเปลี่ยนแปลงเร็ว จำ เป็นท่ีผู้ผลิตจะต้องมีความพร้อมรับกับการปรับเปล่ียนโดย
ต้องพร้อมในการที่จะคิดค้นประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ และใช้ความรู้ที่เกิดจากการส่ังสมของประสบการณ์และภูมิปัญญา มา
รองรบั กบั การเปลีย่ นแปลงท่ีเกิดข้ึนอยา่ งรวดเรว็
2. ความเหลื่อมลํ้าของความรู้ จะเกิดทั้งในระดับระหว่างประเทศและในระดับประเทศ ซึ่งเกิดข้ึนจากความ
ไม่เท่าเทียมกันของความสามารถและความจริงจังในการพัฒนาองค์ความรู้ที่เกิดจากการศึกษา ข้อมูลข่าวสาร และ
การวิจัย ของประเทศหนึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอ่ืนๆ และการพัฒนาองค์ความรู้ของคนในประเทศท่ีมีความแตกต่าง
กัน ทำ ให้ประเทศท่ีมีการพัฒนาความรู้อย่างต่อเน่ืองจะเกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน ในสังคมเศรษฐกิจ
การเมืองโลกที่อาศัยองค์ความรู้ในการพัฒนามากกว่าปัจจัยทางทรัพยากร ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ
ในลกั ษณะคอื
2.1 การศกึ ษาเรียนรู้อย่างตอ่ เน่ืองท้งั ในระบบและนอกระบบขยายตัวเพ่ิมข้ึนมากจากการเข้าสู่ระบบ
เศรษฐกิจฐานความรู้ ซ่ึงความรู้มีการเปล่ียนแปลงรวดเร็ว มีการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยใี นทุกส่วนของภาคการ
ผลิต เพื่อลดต้นทุน เพ่ือเพ่ิมผลิตภาพ และเพ่ือลดการพ่ึงพิงแรงงานท่ีขาดแคลน จำ เป็นท่ีประชากรในทุกเพศ ทุกวัย
ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ดังกล่าวโดยเฉพาะประชากรในวัยทำ งานที่ต้องมีความพร้อมและพัฒนาอย่าง
ต่อเน่ือง เพอื่ ใหส้ ามารถเข้าสูต่ ลาดแรงงานทมี่ คี วามต้องการทักษะและฝมี ือ
2.2 การวิจัยและพัฒนาจะมีความสำคัญมากขึ้น ทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพท่ีจะต้องเช่ือมโยง
กับการพฒั นาในเชงิ ธุรกจิ โดยเฉพาะในเรือ่ งของการรับรขู้ ้อมูลขา่ วสารที่เพียงพอ ทนั สมัยและกระจายอย่างท่วั ถงึ
3. ภาวะกำลังการผลติ ส่วนเกนิ ในสนิ คา้ และบริการ ซ่งึ เกิดข้นึ จากหลายสาเหตุด้วยกัน ได้แก่ การเข้ามาใหม่
ของประเทศกำ ลังพัฒนา เช่น จนี และเมก็ ซิโก เป็นต้น การหดตัวของความต้องการ การเพ่ิมผลิตภาพ ของประเทศ
ต่างๆ ท่ัวโลก อันเนื่องมาจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมท้ังการเพิ่มข้ึนใน
ความรู้ ความสามารถและทักษะฝมี ือแรงงาน กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบสำคัญ 2 ประการคือ
87
3.1 ภาวะ “Global Deflation” ราคาสินค้าส่วนใหญ่ท่ัวโลกมีราคาถูกลง โดยเฉพาะสินค้าที่
สามารถผลิตได้ในประเทศกำ ลังพัฒนาท่ีมีค่าแรงงานถูก เช่น ประเทศจีน เป็นต้น การแข่งขันจึงอยู่ในลักษณะของ
การลดต้นทุนการผลิต โดยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หรือการเป็นผู้นำ ในการคิดค้ น
ประดิษฐ์ผลิตภัณฑใ์ หม่ๆ ออกสูต่ ลาดอย่างตอ่ เนอ่ื ง
3.2 ภาวะ “Growth with Unemployment” อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกจะสูงข้ึน
เชน่ เดียวกับท่ีเกิดขึ้นในช่วงปี 1960 และ 1970 อันเนื่องจากแรงกดดันทางการเมือง เพื่อให้มมี าตรฐานการครองชีพดี
ขึ้น การมีนโยบายเศรษฐกิจที่ดีข้ึน การเพ่ิมขึ้นในการค้าและการลงทุนกับต่างประเทศ การกระจายตัวของเทคโนโลยี
สารสนเทศ และภาคเอกชนมีพลวัตรมากข้ึน อย่างไรก็ตาม การขยายตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าวกลับก่อให้เกิดปัญหา
การว่างงานมากขึ้น ท่ีเห็นได้ชัดเจนคือ ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งใน 20 ปีข้างหน้า มีการคาดการณ์ไว้ว่าผลผลิต
ภาคอุตสาหกรรมในประเทศพฒั นาแลว้ จะเพิ่มขน้ึ อย่างน้อย 2 เท่า ในขณะท่ีการจ้างงานในอตุ สาหกรรมจะลดลงเหลือ
เพียงร้อยละ 10-20 ของกำ ลังแรงงานรวม ทั้งน้ี เป็นผลจากการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งการลดบทบาท
ของภาคอตุ สาหกรรมในฐานะผู้สรา้ งความมั่งค่ังให้กับประเทศจะนำ ไปสู่การรวมพลงั ของกลุ่มคนมากขึน้ เพอื่ ใหร้ ฐั เข้า
มาปกป้องทางการค้าในรูปแบบใหม่ เช่นเดียวกับท่ีเกิดขน้ึ กับสินค้าเกษตร แต่ภาวะการว่างงานดงั กลา่ วจะบรรเทาได้
ในระดับหนึ่งจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมและอาชีพทางด้านบริการที่มีแนวโน้มเพ่ิมความ สำคัญขึ้นมากใน
อนาคต
4. การพึ่งพิงและร่วมมือระหว่างกันมีมากข้ึน ในทุกระดับ เน่ืองจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์
ได้แก่ การขยายตัวขององค์กรท้ังด้านเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลกขนาดใหญ่ เช่น WTO และ IMF เป็นต้น การ
ปรับเปลี่ยนรูปแบบของขั้วอำนาจจาก Bipolar มาเป็น Multipolar ปัญหาผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ ซ่ึงทำ ให้ประเทศ
ต่างๆ ตอ้ งอยู่ภายใต้ขอ้ จำกัดมากข้ึน อันนำ ไปสู่ความตอ้ งการที่เพ่ิมขึ้นในการเจรจาต่อรองและการสรา้ งความร่วมมือ
ระหวา่ งประเทศในรูปแบบท่หี ลากหลายท้ังในระดับทวิภาคี ในระดบั ภมู ิภาค และระดบั โลกเพ่อื สรา้ งความสมดลุ ของ
อำนาจทางการเมืองและทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศและภูมิภาคท้ังที่มีอยู่เดิมและที่เกิดขึ้นใหม่ในระดับประเทศ
ถึงแม้รัฐจะเข้าไปมีบทบาทในเวทีโลกมากข้ึน แต่ภาคธุรกิจและองค์กรท่ีไม่แสวงหากำ ไรจะมีบทบาทมากขึ้นท้ังใน
ระดับประเทศและระหว่างประเทศเช่นเดียวกัน จึงต้องอาศัยความร่วมมือของท้ังภาครัฐและเอกชน โดยแนวโน้มใน
อนาคตพลเมืองจะยังคงใช้การเมืองนำการดำเนินธุรกิจเน่ืองจากการเมืองจะมีการปรับตัวเพื่อให้มีประสิทธิภาพมาก
ข้ึน โดยการปรับโครงสร้างของรัฐบาลให้สอดคล้องกับการเปล่ียนแปลงของโลก ให้มีความสามารถในการสร้างความ
ร่วมมือ เพ่อื แสวงหาประโยชน์จากการเพมิ่ ขึ้นในการเคลอ่ื นไหวของขอ้ มูล เทคโนโลยีสมัยใหม่ การอพยพ และอิทธิพล
ของภาคธุรกิจและองค์กรท่ีไม่แสวงหากำ ไร
สำหรับในระดับธุรกิจ เนื่องจากข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญต่อการตัดสินใจของภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก
องค์กรทางด้านข้อมูลข่าวสารหรือองค์กรท่ีมีข้อมูลข่าวสารมากจะมีอำนาจมากขึ้น ทำให้เกิดการผลักดันที่จะให้ได้มา
ซึ่งข้อมูลท่ีครบถว้ นก่อนการตัดสินใจ โดยอาศัยการสรา้ งความรว่ มมือกันระหว่างภาคธุรกิจมากกว่าการมุ่งท่ีจะแข่งขัน
88
กนั อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือจะสำเรจ็ ได้จำ เป็นต้องอาศัยความโปร่งใสและเปิดเผย ท้ังของภาครัฐและภาคธรุ กิจท่ี
จะมใี ห้กัน ผลกระทบต่อประเทศไทย
แนวโน้มสถานการณ์โลกในอนาคตท่ีคาดการณ์ไว้อาจกอ่ ให้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทยท้ังในเชงิ บวก ซึ่งถือ
เป็นโอกาสของประเทศในการท่ีจะแสวงหาผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และเชิงลบซ่ึงถือเป็นข้อจำกัด
ของการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่จะต้องได้รับการแก้ไขและพัฒนาเพื่อปรับข้อจำ กัดเหล่านั้น
ให้เป็นโอกาสของประเทศ เมื่อพจิ ารณาจากแนวโน้มดงั กล่าว ผลกระทบทจี่ ะมีตอ่ ประเทศไทยสรปุ ไดด้ งั น้ี
1. โอกาส จากโครงสร้างประชากรที่จะมีผูส้ ูงอายุเพ่ิมข้ึนในประเทศพัฒนาแลว้ จะสร้างโอกาสให้กับประเทศ
ไทยที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายตลาดทางด้านสินค้าและบริการท่ีมีศักยภาพและข้อได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ
ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ และแรงงาน รวมท้ังความรู้ความชำนาญท่ีมอี ยู่เดิม (ทางวัฒนธรรม) เช่น ผลติ ภัณฑ์ท่ีใช้
แรงงานและฝีมือเฉพาะด้านสินค้าและบริการเพ่ือสุขภาพ (นวดแผนโบราณ / สมุนไพร) และบริการทางด้านการ
ท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าและบริการที่สามารถเช่ือมโยงกับเศรษฐกิจระดับรากหญ้าซึ่งเป็นประชาชน
สว่ นใหญข่ องประเทศไดเ้ ปน็ อย่างดี
2. ขอ้ จำกัดประกอบด้วย
2.1 นโยบายการเงินการคลงั มปี ระสทิ ธิภาพน้อยลง สาเหตุจากภาระงบประมาณ
รายจ่ายท่ีเพิ่มขึ้นจากการปรับเปล่ียนโครงสร้างประชากร กระทบต่องบประมาณด้านการรักษาพยาบาลเบี้ยบำนาญ
และเงินสวัสดิการผสู้ ูงอายุต่างๆ รวมทัง้ กระแสการเปลย่ี นแปลงขององค์ความรู้ และบทบญั ญัติตามรัฐธรรมนญู ส่งผล
ให้งบประมาณทางด้านการศึกษาของภาครัฐเพิ่มข้ึน เพื่อเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองของประชากรให้
ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก นอกจากนี้ ปัญหาหนี้สาธารณะท่ีเกิดข้ึนอย่างต่อเนื่องของประเทศต่างๆ ในโลก การ
ขาดความเช่ือม่ันในประสิทธิภาพของการดำ เนินนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายเสรีทางการเงินท่ีจะเพิ่มความเสี่ยงของ
ราคาทรัพย์สินและก่อใหเ้ กิดปัญหา Credit Bubble ซึ่งมแี นวโน้มที่จะส่งผลตอ่ การใช้จา่ ยของผบู้ รโิ ภคมากข้นึ
2.2 การขยายตัวของกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล แม้ดัชนีความเป็นเมืองของประเทศไทยจะ
ยังอยูใ่ นระดบั ต่ํากว่าประเทศอ่ืนๆ เช่น ญ่ีปุ่น สหราชอาณาจักร และอินโดนีเซีย เปน็ ตน้ แต่กิจกรรมทางเศรษฐกจิ ท่ยี ัง
กระจุดอยู่ในกรุงเทพและปรมิ ณฑลจะสง่ ผลให้การอพยพเข้ามาของแรงงานเพื่อการมีงานทำ จะมีมากข้ึนเช่นเดียวกับ
ในเมืองหลวงขนาดใหญ่ของประเทศต่างๆ ท่ัวโลก ซ่ึงอาจก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสังคม ส่ิงแวดล้อม และโครงสร้าง
พืน้ ฐาน ทจี่ ะตอ้ งได้รับการปรบั ปรงุ และแกไ้ ขให้สอดคล้องกบั การเปลี่ยนแปลงดังกลา่ ว
2.3 ปัญหาด้านแรงงาน
(1) ขาดแรงงานที่มีความรู้และทักษะ เน่ืองจากการอพยพไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วเพ่ือค่าตอบแทนที่
สูงกว่า ในขณะที่แรงงานส่วนใหญ่ในประเทศจะเป็นแรงงานขาดความรู้และทักษะ ที่ส่วนหน่ึงอพยพมาจาก
ต่างประเทศ
(2) ภาวะการว่างงานในภาคอุตสาหกรรม ซ่ึงจะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ในโลก อัน
เนื่องจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกอบกับความรู้ ความสามารถของแรงงานที่ทำ ให้ผลิต
ภาพสูงข้ึน
89
2.4 ภาวะการแข่งขันสูงขึ้นและราคาสินค้าตํ่าลง โดยเฉพาะสินค้าท่ีมีความต้องการในตลาดโลกสูง
และสนิ ค้าท่ีประเทศใหม่ เชน่ จีน และเม็กซิโก เปน็ ต้น สามารถผลิตได้ อันเนอ่ื งจากขอ้ ได้เปรยี บทางด้านแรงงานราคา
ถูก ความรู้ ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมท้ังนวัตกรรม และผลิตภาพท่ีสูงของประเทศ
เหล่าน้นั
2.5 เผชิญกับข้อกีดกันทางการค้าทั้งท่ีอยู่ในรูปของภาษีและท่ีมิใช่ภาษี มากข้ึน เน่ืองจาก การ
ขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นไปอย่างช้า ในขณะที่ การเพ่ิมขึ้นของการรวมข้ัวอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองใน
ระดับต่างๆ รวมท้ัง ปัญหาการว่างงานในภาคอุตสาหกรรมที่ทำ ให้ประเทศส่วนใหญ่ต้องปกป้องประช ากรและ
อุตสาหกรรมในประเทศเพ่ิมข้ึนมากขึ้น เน่ืองจาก การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นไปอย่างช้า ในขณะท่ี การเพิ่มข้ึน
ของการรวมข้ัวอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองในระดับต่างๆ รวมท้ัง ปัญหาการว่างงานในภาคอุตสาหกรรมท่ีทำ
ให้ประเทศสว่ นใหญต่ ้องปกป้องประชากรและอตุ สาหกรรมในประเทศเพิ่มข้ึน
90
ใบงานที่ 2
เร่อื ง สถานการณ์ของประเทศกับความพอเพียง
คำสั่ง : ใหผ้ ้เู รียนศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลทางอินเตอรเ์ น็ทที่เกีย่ วข้อง จากเว็บไซต์ หนงั สือเรยี น ใบความรสู้ ื่อต่างๆ ที่
ผู้เรยี นสนใจค้นคว้า แลว้ สรปุ ผลการเรียนรูน้ า เสนอครู/ผสู้ อน ดังน้ี
1. ให้ผู้เรียนประเมนิ สถานการณ์ของครอบครัว และ วิเคราะห์ว่าจะนำปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง มาใชไ้ ด้
อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………........….............................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. คำวา่ โลกรอ้ นมคี วามหมายว่าอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ในสถานการณป์ ัจจุบนั ทา่ นสามารถช่วยลดสภาวะโลกรอ้ นได้อย่างไรบา้ ง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
91
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. ถ้าท่านเปน็ เกษตรกรทา่ นสามารถนำเอาเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำรขิ อง พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว มาปรับใช้ในการประกอบอาชีพอยา่ งไรจึงจะประสบความสำเรจ็
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. จงวเิ คราะห์สถานการณป์ ัจจุบนั ของประเทศในหวั ขอ้ ต่อไปนี้ วา่ เกดิ จากสาเหตุใดและท่านมแี นวทางในการ
ดำเนินชีวิตในเรอื่ งนอ้ี ยา่ งไรบ้าง
- ปัญหาสินค้าราคาแพง
- ปญั หาการวา่ งงาน
- ปัญหาอาชญากรรม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
92
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชือ่ - สกุล ............................................................... รหสั นักศึกษา..................................กลมุ่ ............................