เอกสารประกอบการเรยี นการสอน
วิชา โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ (ว30104)
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4
ครผู ้สู อน
นางณฐั มน สชุ ัยรัตน์
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชานาญการ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนอยธุ ยาวิทยาลัย
ชอ่ื ..............1......ว.ชิ..า..โ.ล.ก...ด..า.ร.า..ศ.า.ส..ต..ร.์.แ.ล..ะ.อ..ว.ก..า.ศ....ร.ห..สั .ว..ิช.า..ว..3.0.1..0.4....ผ..ู้ส.อ..น...น.า..ง.ณ..ฐั..ม.น...ชสุช้นั ยั .ร.ตั..น.์.ก..ล.มุ่..ส..า.ร.ะ.เกลารขเรทยี น่ี.ร..วู้ .ิท..ย.า..ศาสตร์
เอกสารประกอบการเรียนสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ วิชา โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ (ว30104)ช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี 4 เล่มน้ี ประกอบด้วย ข้อแนะนาการใช้ สาระสาคัญ เนื้อหาสาหรับบทเรียน ซึ่งนักเรียนสามารถ
ศกึ ษาเนอ้ื หาของบทเรียนได้ด้วยตนเอง ซึ่งการจัดการเรียนการสอนโดยนักเรียนได้มีส่วนร่วมในการร่วมคิด ร่วมทา
และแก้ปัญหา ดว้ ยตนเองน้ัน ผู้สอนต้องจัดเตรียมเอกสารตาราข้อมูลและแหล่งเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนอย่างเพียงพอ จึง
จะประสบผลสาเรจ็
จึงหวังว่าเอกสารประกอบการเรียนเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนทาให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนที่สูงข้ึน มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ีสนใจศึกษานาไปพัฒนาการจัดการ
เรียนร้ไู ดเ้ ปน็ อย่างดี
ผจู้ ดั ทา
นางณฐั มน สุชัยรัตน์
2 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
เร่ือง หนา้
คานา ก
สารบัญ ข
ข้อแนะนาการใช้ ค
บทท่ี 1 โครงสรา้ งโลก 1
บทท่ี 2 การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี 6
บทที่ 3 ธรณีพบิ ัตภิ ยั 16
บทที่ 4 การลาดับเหตกุ ารณ์ทางธรณีวทิ ยา 31
บรรณานุกรม 45
3 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สชุ ัยรตั น์ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์
บทที่ 1
โครงสร้างโลก (Earth Structure)
1.1 การศกึ ษาโครงสร้างโลก
การศึกษาโครงสร้างภายในโลกสามารถทาได้โดยการศึกษาทางอ้อมการศึกษาทางตรงประกอบกัน
การศึกษาโดยทางออ้ มศกึ ษาไดจ้ ากคล่นื ไหวสะเทือน ทาให้นักวิทยาศาสตร์ทราบว่า โครงสร้างภายในของโลกแสดง
ลักษณะเป็นช้ัน แต่ละชั้นมีสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกัน คือ ธรณีภาค ฐานธรณีภาค มีโซสเฟียร์ แก่นโลก
ชั้นนอกและแก่นโลกชั้นใน
ในปัจจุบันมนุษย์มีข้อจากัดด้านเทคโนโลยีสาหรับการศึกษาโครงสร้างโลกโดยทางตรง ซ่ึงศึกษาจากหลุม
เจาะสารวจเพ่ือเกบ็ ตัวอย่างหิน ในปัจจบุ นั เจาะไดเ้ พียงในระดับความลึก 12.3 กิโลเมตรเท่านั้น และจากการศึกษา
ธรณีวิทยาของหินท่ีพบบริเวณผิวโลก การศึกษาส่วนประกอบทางเคมีของอุกกาบาต ทฤษฎีการเกิดระบบสุริยะ
รวมถงึ ข้อมลู จากวิทยาศาสตร์สาขาอน่ื ๆ ทาให้นักวิทยาศาสตร์สามารถแบ่งโครงสร้างโลกตามส่วนประกอบต่างๆ ท่ี
พบออกเปน็ 3 ชัน้ คอื เปลอื กโลก เนือ้ โลก และแก่นโลก
กจิ กรรม 1.1 การศกึ ษาโครงสร้างโลกจากคลื่นไหวสะเทือน
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เพ่อื ให้นกั เรยี นสามารถ
วิเคราะห์ อภปิ ราย และอธิบาย วิธีการศึกษาโครงสร้างโลก โดยใชค้ ลนื่ ไหวสะเทอื นและการแปล
ความหมายจากสมบตั ขิ องคล่ืนไหวสะเทือนที่เคลื่อนทจี่ ากผวิ โลกไปยงั ใจกลางโลก
เวลา 30 นาที
อภปิ รายผล
1. การศึกษาโครงสร้างโลกโดยทางตรงศึกษาจาก.................................................................................................
....................................................... ....................................................................................................... ...............
2. การศกึ ษาโครงสรา้ งภายในของโลก โดยทางอ้อมศึกษาจาก...................................................................และ
......................................................ผลจากการศึกษา ทาให้นักวทิ ยาศาสตรท์ ราบวา่ โครงสรา้ งภายใน
ของโลกแสดงลักษณะเป็นชั้น และแต่ละชัน้ มีสมบัตทิ างกายภาพท่ี........................................................................
4 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 ผูส้ อน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
คลื่นไหวสะเทือน (seismic waves) ประกอบด้วย........................................................................................................
คลนื่ ไหวสะเทือนทใ่ี ชว้ เิ คราะหโ์ ครงสร้างโลก คอื ......................................................................................................
ตาราง 1.1 ผลการศกึ ษาโครงสรา้ งโลกจากคล่ืนไหวสะเทอื น
ผลการศึกษาโครงสร้างโลกจากคลน่ื ไหวสะเทือน
(1) ถ้าภายในโลกประกอบดว้ ยของแขง็ ท่เี ป็นเนื้อเดยี วกนั ตลอด คลืน่ P และ S จะเคลอื่ นทจ่ี ากผิวโลก
ไปยงั แก่นโลกในลักษณะ ......................................................................................................
(2) ณ ที่ความลึกประมาณ...................km จากผิวโลก คลน่ื P และ S มคี วามเรว็ เพิ่มข้นึ โดยฉบั พลัน
(3) ทคี่ วามลึกประมาณ 2,900 km จากผิวโลก ความเร็วของคลืน่ P และ S ลดลงอยา่ งมาก
และคลน่ื S ไมส่ ามารถเคลื่อนทตี่ ่อไปได้ ณ ท่รี ะดับความลกึ ดังกล่าว เพราะเปน็ รอยตอ่ ระหว่าง
ชัน้ มีโซสเฟยี ร์ ซ่ึงมสี ถานะเป็นของแขง็ และแก่นโลกชั้นนอกซง่ึ มีสถานะเปน็ .............................
(4) ทรี่ ะดับความลึกประมาณ 5,140 km จากผวิ โลก คลื่น P มีความเร็วเพ่ิมข้นึ อยา่ งมาก และเกิด
คล่นื S เคล่ือนท่เี ขา้ สู่แก่นโลกชั้นใน ซง่ึ มีสถานะเป็น.....................................
(5) ในชน้ั ………………………..….. ช่วงระดบั ความลึก ประมาณ 100-400 km เป็นช้นั ทที่ ั้ง คล่ืน P
และ คลืน่ S มีความเรว็ ลดลง และเคลื่อนที่ด้วยอตั ราความเร็วทไ่ี ม่แนน่ อน ช้นั ดงั กลา่ วเรียกว่า
low velocity zone
5 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 ผู้สอน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
1.2 การแบ่งโครงสรา้ งโลก
ความเร็วของคล่ืนไหวสะเทือนเปลย่ี นไปในแต่ละระดับความลึก และองคป์ ระกอบภายในโลกไมไ่ ด้ เป็น
เนอ้ื เดียวกนั ตลอดแตส่ ามารถแบ่งออกเป็นช้นั ๆได้...........ชนั้ คือ ................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................................
lithosphere คอื บรเิ วณ เนื้อโลกสว่ นบนสุดที่เย็นตัวและแข็งเป็นหนิ รวมกับเปลือกโลก ลกึ จากผิวโลกประมาณ
............ km คลื่นปฐมภูมแิ ละคลนื่ ทุติยภมู ิเคลื่อนที่....................................................................................................
asthenosphere เป็นบรเิ วณที่คลืน่ ไหวสะเทือนมีความเร็ว .......................................................................................
แบ่งเป็น 2 บรเิ วณ คือ
1. low velocity zone เป็นบรเิ วณท่ีคล่นื ไหวสะเทอื นมคี วามเรว็ ........................ เนือ่ งจากบรเิ วณน้ี
ประกอบดว้ ยหนิ ทมี่ ีสมบัตเิ ป็น..................................................................
2. Transitional zone เปน็ บรเิ วณทคี่ ล่นื ไหวสะเทอื นมคี วามเรว็ ....................................................... เนือ่ งจาก
บรเิ วณน้ีประกอบดว้ ย.....................................................................................................................................
3. Mesosphere เป็นบริเวณท่คี ลื่นไหวสะเทือนมคี วามเร็ว................................................................................
เนอ่ื งจากหินบริเวณน้ี ............................................................................................................................................
4. Outer core ลึกประมาณ..................................................คลืน่ ปฐมภูมิมคี วามเรว็ .........................................
คล่ืนทุติยภูมิ....................................เนื่องจากชนั้ นีป้ ระกอบดว้ ย................................................................
5. Inner core ลึกประมาณ..................................... คล่ืนปฐมภูมแิ ละคลื่นทุติยภมู ิมีความเร็ว
......................................................เนือ่ งจากช้นั นป้ี ระกอบด้วย.........................................................
6. การแบ่งโครงสร้างโลกจากการศึกษาส่วนประกอบทางเคมขี องหินแบ่งออกเปน็ ........................ ชัน้ ได้แก่
............................................................................................................................. ..............................................
7. เปลือกโลกเป็นสว่ นท่บี างท่ีสุด มสี ถานะเป็น..............................แบ่งออกเปน็ ..................................... และ
...............................................................................
- เปลือกโลกทวปี ประกอบด้วยธาตุ.....................................................................เรียกวา่ ชน้ั ...................................
- เปลือกโลกมหาสมทุ รประกอบด้วยธาตุ .............................................................เรยี กวา่ ชั้น..................................
8. เน้ือโลกส่วนบนสุดมสี ถานะเปน็ ............................รวมกับเปลอื กโลกเรยี กว่า ....................................................
9. เนื้อโลกสว่ นบนทีอ่ ยู่ถดั ลงมาจากชั้นธรณีภาค เรยี กว่า ......................................................................................
ประกอบดว้ ยของเหลวหนืดท่ีเคลอื่ นท่ไี หลวนอยา่ งช้าๆ ท่ีเรียกวา่ ........................................................................
10. แกน่ โลกชัน้ นอกมสี ถานะเป็น................................... สว่ นประกอบหลักเป็น...................................................
11. แก่นโลกชัน้ ใน มสี ถานะเป็น................................. มสี ว่ นประกอบหลกั เปน็ .....................................................
6 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผู้สอน นางณัฐมน สชุ ยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
คาถามท้ายบทท่ี 1
1. หินตน้ กาเนิดของแมกมาส่วนใหญอ่ ยู่บรเิ วณช้นั เนอ้ื โลกตอนบน ให้นกั เรียนบอกประเภทและสว่ นประกอบของ
หนิ ต้นกาเนิดแมกมา
…………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….
2. คลน่ื P และ S มีความแตกตา่ งกันอยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
3. เมือ่ เกดิ แผน่ ดนิ ไหว ณ บรเิ วณใดบริเวณหนึ่ง จะเกิดเขตอบั คลนื่ S (S wave shadow zone) ทีค่ รอบคลุมผิว
โลกในบรเิ วณกวา้ ง ให้นกั เรยี นใช้ความร้เู ก่ยี วกับสมบัตขิ องคลนื่ ไหวสะเทือนและโครงสร้างโลกอธิบายปรากฏการณ์
ดังกล่าว
……………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………
….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
7 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผูส้ อน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
4. ใหน้ ักเรียนทาแผนผังสรุปโครงสรา้ งโลกตอ่ ไปนี้ โดยเตมิ ลงใน ช่องว่างใหส้ มบรู ณ์
จากการศกึ ษาคลน่ื ไหวสะเทือนสามารถ โครงสร้ างโลก จากการศกึ ษาสว่ นประกอบทางกายภาพ
แบ่งโครงสร้างโลกได้ ดงั นี ้ และทางเคมขี องหิน และสารตา่ งๆ
สามารถแบง่ โครงสร้างโลกได้ ดงั นี ้
เป็นของแขง็ แกร่ง มีสมบตั เิ ป็นพลาสตกิ แกน่ โลก
มีสถานะเป็นของเหลว
มสี ถานะเป็นของแข็ง มคี วามหนาแนน่ น้อย มีความหนาแน่นมาก
8 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณัฐมน สุชัยรตั น์ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์
บทที่ 2
การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี (Plate Tectonics)
2.1 แนวคิดทฤษฎที วีปเลอ่ื นและหลักฐานสนบั สนนุ
อัลเฟรด เวเกเนอร์ ( Alfred Wegener) เปน็ ผตู้ ั้งสมมตฐิ านทวปี เลอ่ื น (continental drift hypothesis)
ที่กล่าวว่า ทวีปทั้งหลายในปัจจุบัน เม่ือประมาณ 250 ล้านปีท่ีผ่านมา เคยเป็นผืนแผ่นดินใหญ่ติดต่อกัน เรียกว่า
พนั เจีย (Pangaea) ประกอบไปด้วยทวปี ใหญ่ 2 ทวปี คือ ลอเรเซีย และกอนด์วานา
มหาทวปี พนั เจีย
9 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผูส้ อน นางณัฐมน สุชัยรตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
Question?
นกั เรยี นคิดวา่ แผนที่โลกในอดีตตามความคิดของเวเกเนอร์ กบั แผนท่โี ลกปจั จุบนั มีความเหมอื น
หรอื แตกต่างกนั อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………....…………………………………………………………….
นักเรียนคดิ วา่ หลักฐานที่และเหตุผลสาคญั ทีท่ าใหเ้ วเกเนอร์และคณะเชือ่ ว่า ผนื แผ่นดินทงั้ หมดบนโลก
เดมิ เปน็ ผนื แผ่นดินเดียวกัน คืออะไรบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
หลกั ฐานจากรอยต่อของทวปี พบว่า........................................................................................................................
................................................ .......................................................................................................... ............................
หลกั ฐานความคลา้ ยคลึงกันของกลมุ่ หนิ และแนวภูเขาพบวา่ .................................................................................
.......................................................................................................................... ............................................................
หลกั ฐานจากหนิ ทเ่ี กดิ จากการสะสมตัวของตะกอนจากธารนา้ แข็ง พบว่า .............................................................
............................................................................................................................. .........................................................
หลักฐานจากซากดึกดาบรรพ์ พบว่า .......................................................................................................................
.................................................................................................................. ....................................................................
10 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผ้สู อน นางณัฐมน สชุ ยั รตั น์ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์
กจิ กรรม 2.1 การสารวจหลกั ฐาน
ตารางบันทึกขอ้ มูล
หลกั ฐานทใี่ ช้สนบั สนนุ
ยุโรป เอเชีย อนิ เดีย
ซากดึกดาบรรพ์ มโี ซซอรัส
ไซโนเนทสั
ลสิ โทรซอรัส
กลอสโซพเทรสิ
แนวเทือกเขา แอปพาเลเชยี น
ธารนา้ แข็งบรรพ คาเลโดเนยี น
กาล พบ/ไม่พบ
สรปุ ผลการทากิจกรรม
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
นสนบั สนนุ ว่าทวปี เคยอยูต่ ดิ กันมาก่อน
ทวปี /ประเทศ ออสเตรเลยี แอฟริกา แอนตารก์ ตกิ า
อเมริกาเหนอื อเมรกิ าใต้
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………
คาถามท้ายกจิ กรรม
1. จากกจิ กรรมมที วปี ใดบ้างทเี่ คยอยู่ติดกันมาก่อน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. มหี ลกั ฐานใดบา้ งทีน่ ามาใช้สนบั สนนุ ว่าทวปี เคยอยตู่ ดิ กันมาก่อน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. หลกั ฐานใดบา้ งที่สามารถนามาใช้ระบุชว่ งเวลาท่ีทวปี ต่าง ๆ เคยอยตู่ ดิ กนั มากอ่ น และ
หลกั ฐานดังกล่าวนามาใช้อธบิ ายไดว้ า่ อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………................................................................................................................................. ......................
2.2 หลักฐานและข้อมูลทางธรณีวทิ ยาทีส่ นับสนุนการเคล่อื นทที่ วปี
2.2.1 เทือกสนั เขาใตส้ มทุ ร (mid-oceanic ridge) และร่องลึกก้นสมุทร (tench)
2.2.2 อายุหนิ บนพ้ืนมหาสมุทร
2.2.3 ภาวะแม่เหล็กบรรพกาล (paleomagnetism)
1. จงอธบิ ายลักษณะท่ีโดดเด่นใตม้ หาสมทุ รแอตแลนติก และในมหาสมุทรแปซิฟิก
ลักษณะที่โดดเด่นใต้มหาสมุทรแอตแลนติกคือ......................................................................................
ลักษณะทโี่ ดดเดน่ ใต้มหาสมุทรแปซฟิ ิก คอื ..........................................................................................
2. จงเปรยี บเทยี บอายุของหนิ บะซอลต์ ที่อยู่ในแตล่ ะฝัง่ ของรอยแยกกลางมหาสมทุ รว่ามีอายเุ ท่ากัน
หรือตา่ งกันอยา่ งไร และเหตุใดจึงเปน็ เชน่ นนั้
......................................................................................................... .............................................................................
........................................................................................................................... ..........................................................
3. ภาวะแม่เหล็กโลกบรรพกาล (paleomagnetism) ชว่ ยให้ นักวิทยาศาสตร์ได้ทราบข้อมลู ในเร่ืองใดบ้าง
............................................................................................................................. .........................................................
............................................................................................ ..........................................................................................
4. การตรวจวัดภาวะแมเ่ หลก็ บรรพกาล จากหนิ บะซอลต์ บริเวณพ้ืนมหาสมุทร พบว่าเป็นรูปแบบท่มี ี
สมมาตร ซึ่งเปน็ ข้อมูลท่สี าคัญในการสนบั สนนุ ............................................................................................................
9 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผู้สอน นางณัฐมน สชุ ยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
2.3 กระบวนการที่ทาใหเ้ กิดการเคลื่อนทีข่ องแผ่นธรณี
กระบวนการเคล่อื นที่ของแผ่นธรณเี กิดจากการถ่ายโอนความรอ้ นภายในโลก เปน็ วงจรการพาความร้อน
ทาให้เปลอื กโลกกลางมหาสมุทรยกตัวแมกมาแทรกดันขึน้ มาเปน็ ธรณีภาคใหม่ เกิดรอยแยก แผ่นธรณีที่หนาแน่น
กว่าจะจมลงในเขตมุดตวั ทาใหแ้ ผ่นธรณเี กิดการเคลือ่ นท่ี
แผ่นธรณี (plate) คือธรณีภาคที่แตกออกเป็นแผน่ ๆ มีสถานะเป็นของแขง็ แบง่ เป็น 2 แบบ คือ แผ่นธรณี
ทวีป (continental plate) และแผน่ ธรณมี หาสมุทร (oceanic plate)
10 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สชุ ัยรตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
คาชแี้ จง ให้ใสห่ มายเลขในแผนท่ใี ห้ตรงกับช่ือแผ่นธรณี
หมายเลข แผน่ ธรณี หมายเลข แผน่ ธรณี
แผน่ ยูเรเชยี (Eurasian Plate) แผน่ อเมรกิ าเหนือ (North American Plate)
แผ่นแปซิฟิก (Pacific Plate) แผ่นฟลิ ปิ ปนิ ส์ (Philippines Plate)
แผน่ นาสคา (Nazca Plate) แผน่ ออสเตรเลยี (Australian Plate)
แผน่ คอคอส (Cocos Plate) แผ่นแอนตาร์กติก (Antarctic Plate)
แผ่นอะราเบยี น (Arabian Plate) แผ่นอเมรกิ าใต้ (South American Plate)
แผ่นแอฟริกา (African Plate) แผ่นแคริบเบียน (Caribbean Plate)
แผน่ อินเดีย (Indian Plate) แผน่ ฮวนเดฟูกา (Juan de Fuca Plate)
แผน่ สโกเชยี (Scotia Plate)
2.4 ลักษณะการเคลื่อนทขี่ องแผ่นธรณี
การเคล่ือนที่ของแผ่นธรณี มี 3 ลกั ษณะ คือ
1. แผน่ ธรณีเคลือ่ นทแ่ี ยกออกจากกัน(divergent plates)
2. แผ่นธรณเี คล่ือนเข้าหากนั (convergent plates)
3. แผน่ ธรณีเคลือ่ นทผี่ า่ นกัน หรอื เฉอื นกนั (transform plates)
1. แผน่ ธรณเี คลือ่ นท่แี ยกออกจากกนั (divergent plates)
แผน่ ธรณีทวปี เคล่อื นที่แยกจากกัน มีปรากฏการณ์ แมกมาแทรกดันให้ แผน่ ธรณโี ก่งตวั เกิดหุบเขาทรดุ
ตวั อยา่ งบรเิ วณ..…..………………………………………………………………………………………………………………………..
แผน่ ธรณีมหาสมทุ รเคล่ือนท่ีแยกจากกัน มปี รากฏการณ์........................................................................
....................................................................ตวั อยา่ งบริเวณ...........................................................................
11 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผูส้ อน นางณฐั มน สุชัยรตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
2. แผน่ ธรณเี คลอ่ื นเข้าหากนั (convergent plates) มี 3 แบบ
2.1 แผ่นธรณมี หาสมุทรชนกับแผน่ ธรณีมหาสมุทร
แผ่นธรณมี หาสมทุ ร 2 แผ่นชนกัน ลักษณะภมู สิ ัณฐานที่เกิดข้นึ คือ..............................................................
……………………………………………………………………..……………………………......………………………………………………..
ตวั อย่าง เช่น………………………………………………………..…………………………………….………………………………………..
แผ่นธรณีมหาสมุทรชนกบั แผน่ ธรณที วีป ทาให้เกดิ …………………………………………..…..……………………………
…………………………………………………ตัวอย่างบรเิ วณ..……………………………………………………………………………….
แผน่ ธรณีทวีป 2 แผ่นชนกัน ทาใหเ้ กิด………….........................……………………………………..……………………
เทอื กเขาหิมาลยั ในเอเชยี เกิดจากแผน่ ธรณี…………………………ชนกับแผน่ ธรณี.............................…………..
เทอื กเขาแอลป์ในยุโรปเกิดจากแผน่ ธรณี……………………………ชนกับแผ่นธรณ.ี ............................……………
.
12 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
3. แผน่ ธรณเี คล่ือนทผี่ ่านกนั หรือเคล่ือนทเี่ ฉือนกัน (transform plates)
การเคลื่อนท่ีผ่านสวนกนั ของแผน่ ธรณภี าค ทาให้เกดิ .......……..……………………………………….
รอยเล่อื นอัลไพน์ในนิวซีแลนดจ์ ากการเคล่ือนทผ่ี ่านกนั ของแผ่นธรณี………………..………….………
กบั แผน่ ธรณี.............................….
รอยเลอ่ื นซานแอนเดรียสในอเมริกา เกดิ จากการเคล่อื นท่ผี า่ นกันของแผน่ ธรณี…………........………
กับแผน่ ธรณ.ี ...............................….
2.5 การเปลีย่ นแปลงลกั ษณะของเปลอื กโลก
เปลือกโลกเปลี่ยนลักษณะเนื่องจากการเคลื่อนท่ีของแผน่ ธรณไี ดแ้ ก่ ชน้ั หินคดโค้ง (fold) และรอยเลอ่ื น (fault)
1. จากภาพช้นั หินคดโค้งจงใช้ลกู ศรชี้ตาแหนง่ ท่ีถกู ต้องของ รปู ประทุน (anticline) รูปประทนุ หงาย (syncline)
ระนาบแกนช้ันหินคดโค้ง (axial plane)
2. ผลของการโคง้ งอของชนั้ หินทาให้เกิดอะไรขนึ้ บ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
รอยเลือ่ น (fault)
คือระนาบรอยแตกตดั ผ่านหนิ ซ่งึ มีการเคล่ือนทผี่ ่านกนั และหินจะเคลอื่ นท่ตี ามระนาบรอยแตกนน้ั แบง่ ได้เปน็ 3
ประเภท คือ รอยเล่อื นปกติ (normal fault)
รอยเล่ือนย้อน ( reverse fault)
รอยเลอ่ื นตามแนวระดบั (strike-slip fault)
13 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผ้สู อน นางณัฐมน สุชัยรตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
3. จงอธบิ ายลกั ษณะของรอยเล่อื นดงั ต่อไปนี้
1. รอยเลอื่ นปกติ (normal fault)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. รอยเลือ่ นย้อน (reverse fault)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. รอยเลือ่ นตามแนวระดับ (strike slip fault)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
14 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผู้สอน นางณฐั มน สชุ ยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
คาถามท้ายบทท่ี 2
1. หลกั ฐานทแี่ สดงวา่ ทวีปท้งั หมดเคยเชือ่ มต่อกนั มอี ะไรบ้าง บอกเป็นข้อๆ
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................................
............................................................................................................................. .........................................................
2. นักเรยี นเขา้ ใจเกี่ยวกับการเคล่ือนที่ของทวีปอย่างไร ใหอ้ ธิบายและยกตัวอย่างหลักฐานหรอื ข้อมูลท่ี
นักวิทยาศาสตร์ใชเ้ ปน็ เหตผุ ลสนับสนุน
2.1.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................................
2.2.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................................
2.3............................................................................................................................. ................................................
..................................................................................................................................................... .................................
3. เพราะเหตุใดปรากฏการณ์ภูขาไฟระเบดิ และแผน่ ดินไหว มกั เกิดตามเขตมดุ ตวั ของแผน่ ธรณี
............................................................................................................................. .........................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
4. รอยคดโคง้ รอยแตก รอยเล่ือน ในหินมีลักษณะเหมือนกนั หรือไม่ และเกิดขน้ึ ได้อย่างไร
รอยคดโค้ง.....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................... .......................................................
รอยแตก........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................................
รอยเลอื่ น......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
5. จากแนวการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณตี ่างๆ จะมีผลต่อภูมปิ ระเทศของโลกอย่างไรในอนาคต
.....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................................
............................................................................................................................. .........................................................
15 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณัฐมน สุชัยรตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
บทที่ 3
ธรณีพิบัติภัย (Geohazard)
1. ภเู ขาไฟ (volcano)
เป็นธรณีสณั ฐานทหี่ ินหนืดปะทผุ ่านขนึ้ มายงั พื้นผิวของดาวเคราะห์ แบ่งเป็น ภูเขาไฟดับแล้วและภเู ขาไฟมีพลัง
กิจกรรม สารวจลักษณะและปจั จัยในการปะทุของภเู ขาไฟ
วธิ ีทากจิ กรรม
1. สบื คน้ และรวบรวมข่าวการเกิดภเู ขาไฟระเบดิ ท่เี กิดข้นึ ทวั่ โลกอย่างน้อย 5 แห่งท่ีมีตาแหนง่ ตา่ งกนั บน
แผน่ ธรณี
2. วิเคราะห์ขา่ วเพ่ือระบุข้อมูลเกยี่ วกบั ตาแหน่งของภเู ขาไฟ รูปร่าง ลกั ษณะของการปะทุ ส่งิ ทปี่ ะทุ
ออกมา และความเสียหายท่ีเกดิ ขึ้น
3. ออกแบบการจัดกระทาข้อมูลเพอ่ื เปรยี บเทยี บความเหมือนและความแตกตา่ งของภูเขาไฟท่ีอยู่ตาแหนง่
ตา่ งๆ บนแผน่ ธรณี
4. นาเสนอผลท่ไี ด้จากการศึกษา
ตารางบันทึกผลการทากจิ กรรม
ช่ือภเู ขาไฟ ตาแหน่งของภเู ขาไฟบน รูปร่างของ ลกั ษณะการปะทุ ความเสยี หาย/
แผน่ ธรณีและรปู แบบการ ภเู ขาไฟ และส่งิ ที่ปะทุ ผลกระทบ
เคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณี ออกมา
16 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณัฐมน สชุ ัยรตั น์ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
สรุปผลการทากจิ กรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
คาถามท้ายกจิ กรรม
1. ภูเขาไฟท่ีอยู่บรเิ วณแนวรอยต่อของแผน่ ธรณีมีลักษณะเหมอื นกนั หรือไม่ อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ภเู ขาไฟท่ีอยบู่ ริเวณกลางแผน่ ธรณีมีลักษณะเหมือนกนั หรือไม่ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ภูเขาไฟท่ีอยู่บรเิ วณแนวรอยตอ่ ของแผ่นธรณี และอยู่กลางแผ่นธรณี มีสง่ิ ใดเหมือนกัน
และมสี ่งิ ใดต่างกนั
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
4. รปู รา่ งของภเู ขาไฟท่ีอยบู่ รเิ วณแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณี และอยู่ในแผ่นธรณแี ตกต่างกัน
อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. สิ่งที่ปะทุออกมาจากภเู ขาไฟแตล่ ะแหง่ มีอะไรบา้ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
6. ส่งิ ท่ปี ะทอุ อกมาจากภูขาไฟที่อยบู่ ริเวณแนวรอยต่อของแผน่ ธรณีและอยู่ในแผ่นธรณีเหมอื นหรือแตกต่างกนั
อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
7. ภเู ขาไฟที่อยู่บรเิ วณแนวรอยต่อของแผน่ ธรณีและอยู่ในแผ่นธรณี มลี ักษณะเฉพาะอะไรบา้ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
17 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104 ผูส้ อน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
กิจกรรม การระเบดิ ของภูเขาไฟ (volcanic eruption)
ปจั จยั ในการปะทุของภเู ขาไฟ เวลา 30 นาที
สื่อและอุปกรณ์
นา้ อัดลม 1 ขวด น้าเช่ือมและน้าเปลา่
หลอด ภาชนะสาหรบั ใส่ของเหลว
ตารางผลการทากจิ กรรม สิ่งทเ่ี กิดขน้ึ เม่ือเขยา่ ขวดน้าอัดลมและเปดิ ฝา
ตารางท่ี 1
เมือ่ เปิดฝาขวดก่อนเขยา่ ขวด เม่อื เขย่าขวดและเปดิ ฝา
ก่อนเปดิ ฝาขวด
ตารางท่ี 2 นมข้นหวาน นา้ เปลา่
ส่ิงทเ่ี กดิ ขึ้น
ความรสู้ ึกขณะเปา่
สรปุ ผลการทากจิ กรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คาถามท้ายกจิ กรรม
1. เกดิ การเปล่ยี นแปลงอยา่ งไรเมอื่ ปลอ่ ยน้ิวที่ปิดปากขวดน้าอัดลม เพราะเหตุใดจงึ เปน็ เชน่ น้ัน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. นกั เรียนสังเกตเหน็ ฟองแก๊สในชว่ งใดมากท่ีสุด ระหว่างก่อนเปิดฝาขวดนา้ อัดลมหรือหลังเปิดฝาขวดนา้ อดั ลม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
18 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผูส้ อน นางณฐั มน สุชัยรตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์
3. หากกาหนดใหน้ ้าอัดลมแทนแมกมาแลว้ ฟองแกส๊ ท่ีอยู่ในนา้ อัดลมจะแทนส่งิ ใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. เม่อื เป่าอากาศลงไปในน้า และนมขน้ หวานมีส่ิงใดเกิดขึ้นบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. ระหว่างน้ากับนมขน้ หวานส่ิงใดเปา่ อยากกวา่ กัน เพราะเหตใุ ด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
6. หากกาหนดให้นมข้นหวานและนา้ เปลา่ แทนแมกมาท่ีมีลักษณะต่างกนั การเปา่ อากาศลงไปในนมข้นหวานและ
น้าเปล่าแทนสงิ่ ใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
7. ถา้ ต้องการเปรียบเทียบนมข้นหวานและนา้ เปล่ากบั ลกั ษณะของแมกมา จะเปรยี บเทียบได้อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
สง่ิ ท่ตี ้องรู้
ปัจจัยสาคัญอย่างหน่ึงท่คี วบคุมความหนืดของลาวาคือ…………………………………………………
หากลาวามปี รมิ าณซลิ ิกาน้อยจะทาใหล้ าวามีความหนดื มีการปะทไุ มร่ ุนแรง ทาให้ลาวาคอ่ ย ๆ ไหลไปตามความลาด
เอยี งของพน้ื ท่แี ละแผ่ออกไปโดยรอบ จึงส่งผลใหร้ ูปร่างของภเู ขาไฟมฐี านกว้างและมีความสงู ไม่มากนัก ภูเขาไฟที่มี
ลักษณะดงั กลา่ ว เชน่ …………………………………………………………………………………………………….
ในทางกลับกันหากลาวามีปริมาณซิลิกามากจะมีความหนดื สูง เม่อื แมกมาเคลอื่ นตวั ขนึ้ มาสะสมตวั บริเวณ
ปากปล่อง ความดันจะเพิ่มข้ึนเร่อื ย ๆ จึงเกิดการปะทุออกมาอย่างรุนแรง ลาวาสว่ นหน่งึ ไหลไปตามความลาดเอยี ง
ของพนื้ ท่ี และลาวาอีกส่วนหนงึ่ พุ่งสูงขึ้นไปในอากาศและแข็งตัวเปน็ ชน้ิ ภเู ขาไฟ (pyroclast) ขนาดตา่ ง ๆ เชน่ เถา้
ภูเขาไฟ (volcanic ash) บอมบ์ภเู ขาไฟ (volcanic bomb) บล็อกภูเขาไฟ (volcanic block) ตกสะสมตัวไม่ไกล
จากปากปล่องภเู ขาไฟ ทาให้ภเู ขาไฟมีลักษณะเปน็ สงู ชันขึ้นเรื่อย ๆ ภเู ขาไฟที่มีลกั ษณะดังกล่าว เช่น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
19 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สชุ ัยรตั น์ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์
คาถาม
- ส่ิงใดเป็นปัจจยั ท่ีทาใหภ้ เู ขาไฟแตล่ ะบริเวณมรี ปู ร่าง และความรนุ แรงในการปะทุแตกต่างกนั
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ในประเทศไทยมีภูเขาไฟระเบดิ หรือไม่ ทราบได้จากหลักฐานใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ภูเขาไฟในประเทศไทย
กจิ กรรม ตามรอยภเู ขาไฟในประเทศไทย
ผลการทากิจกรรม
ภเู ขาไฟท่ฉี นั คน้ ควา้
ช่ือ….………………………………………………………………………………………….………………
สถานที่………………………………………………………………………………………………………
ลักษณะ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
รูปภาพภเู ขาไฟ
ที่มา: ………………………………………………………………………………………………..
20 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผู้สอน นางณัฐมน สชุ ัยรตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ภูเขาไฟที่ฉันคน้ ควา้
ชอ่ื ….………………………………………………………………………………………….………………
สถานที่………………………………………………………………………………………………………
ลักษณะ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
รปู ภาพภูเขาไฟ
ทมี่ า: ………………………………………………………………………………………………..
21 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 ผสู้ อน นางณัฐมน สุชัยรตั น์ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
โทษและประโยชนจ์ ากภูเขาไฟ
ให้นักเรียนสืบคน้ จากเวบ็ ไซตเ์ พอื่ หาข้อมลู เก่ียวกบั ความเสยี หายทีเ่ กดิ จากการระเบิดของภเู ขาไฟ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สบื ค้นวันที่................................................................................................................................................
ท่มี า: ……………………………………………………………………………………………………………………………………….
22 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สชุ ัยรตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
2. แผ่นดนิ ไหว
แผ่นดินไหว เกิดจากการเคล่ือนที่ของแผ่นธรณี ทาให้หินเปล่ียนลักษณะ เลื่อนตัว แตกหัก และถ่ายโอน
พลงั งานอยา่ งรวดเรว็ ใหก้ บั ช้ันหนิ ท่ีอยู่ติดกันในรปู ของ คล่ืนไหวสะเทือน (seismic waves) ซงึ่ จะแผ่กระจายจากจุด
กาเนิดไปทกุ ทิศทกุ ทาง และสามารถเคลื่อนทีผ่ า่ นตวั กลางต่างๆ ภายในโลกขึ้นมาบนผิวโลกตาแหน่งท่ีเป็นจุดกาเนิด
การไหวสะเทอื นเรียกว่า ศูนยเ์ กิดแผน่ ดินไหว (focus) เกดิ ไดห้ ลายจดุ ในพื้นท่ีตามแนวรอยเล่ือน ใต้ผิวโลกที่ระดับ
ความลกึ ต่างๆ กัน
ตาแหน่งบนผิวโลกท่ีอยู่เหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว เรียกว่า จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว(epicenter)
ศูนยเ์ กิดแผ่นดินไหวแบง่ ตามระดับความลึก ได้ 3 ระดับ คือระดับตื้น ระดับปานกลางและระดับลึก
คาถามนา่ รู้
1. แผ่นดนิ ไหวทีก่ ่อให้เกดิ ความเสยี หายมากส่วนใหญเ่ กิดที่ศูนย์เกดิ แผ่นดินไหวระดับตืน้ หรือลกึ เพราะเหตใุ ด
............................................................................................................................................... .......................................
............................................................................................ .........................................................................
2. คลื่นไหวสะเทือน (seismic waves)ประกอบด้วยคลนื่ ........... ชนดิ คือ......................................................
............................................................................................................................. ..............................................
3. คลืน่ ในตัวกลางหมายถึง...................................................................................แบ่งเปน็ ............ชนิด คือ
.................................................................................. ........................................................................................
4. คล่ืนปฐมภูมิ เป็นคลน่ื ....................เคลือ่ นทีผ่ ่านตัวกลางซ่งึ เปน็ ชัน้ หนิ จะทาใหห้ นิ .........................................
5. คลน่ื ทตุ ยิ ภูมิ เปน็ คลน่ื ....................เคลอื่ นทีผ่ า่ นตวั กลางซึ่งเป็นชน้ั หนิ จะทาให้หนิ .........................................
6. คลน่ื พื้นผิว (surface waves) หมายถึง..........................................................................................................
แบง่ เป็น ........ชนิด คอื .............................................................................................................. ...........................
7. คล่นื เลฟิ เป็นคล่นื ทีท่ าให้อนุภาค ของตัวกลางสนั่ .......................................โดยมีทศิ ทาง...............................
กบั ทิศทางการเคลอื่ นทข่ี องคล่ืน คลา้ ยกบั .........................ทาใหพ้ ืน้ ผวิ โลก.........................................................
8. คลน่ื เรยล์ ี เปน็ คลืน่ ที่ทาให้อนภุ าคของตวั กลางเคลอื่ นท่.ี ..................................ในทิศทาง..............................
กบั การเคลื่อนท่ีของคลน่ื คลา้ ยกบั ................................... ทาใหพ้ ้ืนผวิ โลก..........................................................
9. การเกดิ โคลนทรายขึ้นจากรอยแยกของแผน่ ดนิ และวัตถกุ ระเดน็ ขึ้นไปในอากาศ เปน็ สาเหตมุ าจากคล่นื ไหว
สะเทือนชนดิ .......................................................................................................................................................
10. นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจวัดคลืน่ ไหวสะเทือนได้จาก.............................................................................
23 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผ้สู อน นางณัฐมน สุชัยรตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
ขนาดและความรุนแรงของแผ่นดนิ ไหว
ขนาดของแผน่ ดินไหว (magnitude)
• กาหนดจากปริมาณพลังงานที่ปลดปลอ่ ยออกมาจากศูนย์เกิดแผน่ ดินไหว
• ผู้คิดคน้ คือ ชารล์ เอฟ ริกเตอร์ ชาวอเมรกิ นั
ความรุนแรงของแผน่ ดนิ ไหว (intensity) กาหนดจาก
• ผลกระทบหรอื ความเสยี หายท่เี กดิ ข้นึ บนผวิ โลก ความรสู้ กึ ของอาการตอบสนองของผคู้ น
คาถามน่ารู้
1. เมือ่ เกิดแผ่นดนิ ไหวขึน้ ความเสยี หายทเ่ี กิดข้ึนแต่ละครัง้ จะมีความรุนแรงแตกต่างกนั นกั วิทยาศาสตร์
ใชม้ าตราใดในการวดั ขนาดและวัดความรนุ แรงของแผ่นดินไหว
มาตราทีใ่ ช้วดั ขนาดของแผ่นดินไหวไดแ้ ก.่ ...........................................................................................
มาตราท่ีใชว้ ดั ความรนุ แรงของแผ่นดนิ ไหวได้แก่ .................................................................................
2. โดยท่วั ไปการเกิดแผน่ ดนิ ไหวระดบั .......................จะมผี ลใหค้ นทีอ่ ยู่ในรศั มีของแผ่นดินไหวรูส้ กึ ได้
3. แผน่ ดินไหวระดบั ........................ทท่ี าใหต้ วั อาคารพงั เสียหาย
4. ประเทศไทยเคยเกดิ แผ่นดินไหวท่ที าให้หลอดไฟบนเพดานสั่นไหวได้ นกั เรียนคิดว่าเป็นแผน่ ดนิ ไหว
ระดบั .........................................
5. นักเรียนคิดว่าแผน่ ดนิ ไหวทมี่ ณฑลเฉนิ ซี มคี วามรุนแรงระดับ................................................................................
6. นักเรียนจะมวี ิธีปฏบิ ตั ิตนอยา่ งไรเม่ือเกดิ แผ่นดินไหว
............................................................................................................................. .........................................................
......................................................................................................................................................................................
24 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104 ผสู้ อน นางณัฐมน สุชัยรตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์
7. ประเทศไทยเคยเกิดแผ่นดินไหวหรือไม่และมผี ลกระทบอยา่ งไร
......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................................
8. มาตราบอกขนาดของแผน่ ดนิ ไหวปัจจบุ ันคอื ............................................................................................................
9. ศูนยเ์ กดิ แผ่นดนิ ไหวและจุดเหนือศูนยเ์ กดิ แผน่ ดินไหวแตกต่างกนั อยา่ งไร
...................................................................................................................................................................... ................
................................................................................................................... ...................................................................
10. ปัจจัยใดทม่ี ีผลต่อความรุนแรงในการเกดิ แผ่นดนิ ไหว
............................................................................................................................. .........................................................
.............................................................................................................................. ........................................................
11. นักเรียนคดิ ว่าความรนุ แรงของแผน่ ดินไหวมีความสัมพันธ์กบั ขนาดของแผ่นดนิ ไหวเสมอไปหรือไมอ่ ย่างไร
............................................................................................................................... .......................................................
............................................................................ .......................................................................................... ................
12. บริเวณใดบา้ งที่เกิดแผน่ ดินไหวบอ่ ยกวา่ บรเิ วณอ่นื
............................................................................................................................. .........................................................
25 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104 ผูส้ อน นางณัฐมน สุชยั รตั น์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ประเทศไทยกบั ปรากฏการณ์แผ่นดินไหว
จากลกั ษณะทางธรณวี ทิ ยาของประเทศไทย ประเทศไทยไม่ไดอ้ ยู่ในบริเวณแนวรอยต่อของแผน่ ธรณแี ตอ่ าจ
ไดร้ ับผลกระทบจากแผน่ ดินไหวในประเทศใกลเ้ คียงสง่ แรงสน่ั สะเทอื นมายงั ประเทศไทยซึ่งรสู้ ึกไดบ้ ริเวณภาคเหนือ
ภาคใต้ ภาคตะวนั ตกและภาคกลาง สว่ นแผน่ ดนิ ไหวท่มี ีศูนย์เกดิ แผ่นดนิ ไหวอย่ใู นประเทศไทยเกิดในบรเิ วณแนว
รอยเลือ่ นท่ีมีพลังสว่ นมากอยู่ทางภาคเหนือและภาคตะวนั ตกของประเทศ ดงั น้นั จะพบวา่ บรเิ วณที่เสยี่ งภยั จาก
แผน่ ดนิ ไหวมากที่สุด คือ ภาคเหนือและภาคตะวันตก
• แผ่นดนิ ไหวยงั เกิดจากสาเหตุอ่นื ได้อีก เชน่ ภูเขาไฟระเบิด ดนิ ถลม่ การทดลองระเบดิ นิวเคลียร์
• คล่ืนไหวสะเทือนท่ีเคล่ือนที่ภายในโลก เรยี กวา่ คลนื่ ในตัวกลาง และเม่ือคล่ืนไหวสะเทือนเคลอ่ื นท่ีถงึ
พื้นผิวโลกทาใหเ้ กดิ คล่นื พื้นผิว ซงึ่ ส่งผลใหพ้ นื้ ผวิ โลกส่ันสะเทอื นเกิดเป็นแผ่นดนิ ไหวทม่ี ขี นาดและความรุนแรง
แตกตา่ งกนั ไป
• เมือ่ เกดิ แผ่นดินไหว บริเวณต่าง ๆ ไดร้ ับผลกระทบไมเ่ ท่ากัน บรเิ วณบนพืน้ ผวิ โลกท่ีจะได้รับผลกระทบ
มากทส่ี ดุ คือ จุดเหนือศูนยเ์ กิดแผ่นดินไหว (epicenter) ซง่ึ เปน็ จุดบนพ้นื ผวิ โลกท่อี ยเู่ หนือบริเวณต้นกาเนิดของ
แผน่ ดนิ ไหวภายในโลก ท่ีเรียกวา่ ศนู ย์เกิดแผน่ ดนิ ไหว (focus)
ขนาดของแผ่นดินไหววดั ได้จากคล่นื ไหวสะเทือนจะถูกบันทึกไวด้ ้วยเครอื่ งวัดความไหวสะเทอื น
(seismograph) จากนั้นคานวนออกมาเป็นปริมาณท่บี ่งช้ีขนาด ณ บรเิ วณศนู ยเ์ กิดแผน่ ดินไหว โดยใชม้ าตราริก
เตอร์ หรอื มาตราขนาดโมเมนตแ์ ผน่ ดนิ ไหว
• ความรนุ แรงของแผ่นดนิ ไหววดั ได้จากปรากฎการณ์ที่เกดิ ขึ้น ขณะเกดิ และหลงั เกิดแผน่ ดินไหว เชน่
ความรสู้ ึกของผูค้ น ลกั ษณะท่ีวตั ถุหรอื อาคารเสยี หายหรือสภาพภูมิประเทศทเ่ี ปล่ยี นแปลง มาตตราวัดความรนุ แรง
ที่นยิ มใช้ในปจั จบุ ันคือ มาตราเมอรค์ ัล ลี ทีป่ รับปรงุ แล้ว
26 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผ้สู อน นางณัฐมน สุชัยรตั น์ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
พ้นื ท่ีเสีย่ งภยั แผ่นดนิ ไหวสว่ นใหญ่จึงอยบู่ ริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณี เช่น แนววงแหวนไฟรอบ
มหาสมทุ รแปซิฟิก (Pacific Ring of fire) แนวเทือกเขาหิมาลัย และแนวเทือกเขาแอลป์
• แผน่ ดนิ ไหวในประเทศไทยเกิดขนึ้ สมั พนั ธ์กบั การเคลอ่ื นตัวของรอยเลื่อนมีพลงั ท่ีอยู่ภายใต้อทิ ธิพลของ
การเคลอ่ื นที่ของแผ่นธรณี พื้นทภ่ี าคเหนอื ภาคตะวนั ตก และภาคใต้ของประเทศไทยมโี อกาสเกิดแผน่ ดนิ ไหว
บ่อยครั้ง
คาถามนา่ รู้
1. รอยเล่ือนมีพลัง หมายถงึ ..........................................................................................................................................
ตัวอย่างรอยเลื่อน ได้แก่.........................................................................................................................................
2. นักเรยี นคดิ ว่าพน้ื ที่เสีย่ งภัยแผ่นดนิ ไหวของประเทศไทยอยู่บริเวณใด เพราะเหตุใด
............................................................................................................................. .........................................................
........................................................................................................................... ..........................................................
3. นักเรียนคิดวา่ จังหวดั ใดบ้างท่เี ส่ยี งภยั ต่อการเกดิ แผน่ ดนิ ไหว
............................................................................................................................. .........................................................
.....................................................................................................................................................................................
4. ภาคใดของประเทศไทยท่ีมีรอยเล่อื นมีพลงั อยู่มาก
................................................................... ........................................................................................................... ........
5. นกั เรยี นคิดว่ารอยเล่ือนมีพลังมีความสมั พันธ์กับการเกดิ แผ่นดินไหวอย่างไร
......................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................ ..............................................................
............................................................................................................................. .........................................................
6. ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เชน่ รอ้ ยเอ็ด กาฬสนิ ธ์ุ มีโอกาสในการเกดิ แผ่นดินไหวหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
............................................................................................................................. .........................................................
........................................................................................................................ ..............................................................
7. การกาหนดพนื้ ทเี่ สียงภยั เปน็ ระดับต่างๆ มีความสาคญั และมีประโยชนอ์ ย่างไร
....................................................................................................................................... ...............................................
.................................................................................... .................................................................................................
27 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผู้สอน นางณัฐมน สุชยั รตั น์ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ความรนุ แรงของแผน่ ดนิ ไหว
3. สึนามิ
คลืน่ สนึ ามิ (ญป่ี นุ่ : 津波 tsunami สึนะมิ, "คล่นื ทท่ี ่าเรอื ") เป็นกลมุ่ คลน่ื น้าที่เกดิ ข้ึนจากการย้ายท่ีของ
ปริมาตรนา้ ก้อนใหญ่ คือ มหาสมทุ รหรอื ทะเลสาบขนาดใหญ่
28 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104 ผ้สู อน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
คาถามน่ารู้
1. สึนามิเกิดข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร
............................................................................................................................. .........................................................
.......................................................................................................................... ............................................................
2. ประเทศไทยมีโอกาสเกิดสึนามอิ ีกหรือไม่ เพราะเหตุใด
............................................................................................................................. .........................................................
3. บริเวณที่ความลกึ มาก สนึ ามมิ ลี ักษณะเป็นอยา่ งไร
......................................................................................................................................... .............................................
...................................................................................... ................................................................................ ................
4. เมือ่ สนึ ามเิ คลื่อนทเี่ ขา้ มายังบรเิ วณที่ตนื้ สนึ ามิเกิดการเปล่ียนแปลงไปอย่างไร
......................................................................................................................................................................................
5. ในขณะท่สี นึ ามเิ คลื่อนท่เี ข้าชายฝั่ง ระดบั น้าบรเิ วณชายฝงั่ เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................... ............................................................
6. ลักษณะของสนึ ามิในธรรมชาตเิ ปน็ อย่างไร
............................................................................................................................. .........................................................
.......................................................................................................................... ............................................................
7. ในธรรมชาติ มเี หตกุ ารณใ์ ดบ้างที่ทาใหเ้ กดิ การแทนท่ขี องมวลน้าจนเกดิ เป็นสนึ ามิ
............................................................................................................................. .........................................................
8. มหาสมุทรใดมโี อกาสเกิดสนึ ามิมากท่ีสุด เพราะเหตใุ ด
.................................................................................................................................. ..................................................
................................................................................. ............................................................................................. ......
9. การเกดิ สึนามจิ ะมคี ลื่นขนาดใหญ่เพยี งระลอกเดียวใชห่ รือไม่
................................................................................................. .............................................................................
............................................................................................................................. .................................................
10. สึนามิสง่ ผลกระทบต่อชายฝั่งอยา่ งไรบ้าง
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................................... .......
11. กระบวนการเตือนภยั สึนามปิ ระกอบดว้ ยข้ันตอนอะไรบา้ ง
..............................................................................................................................................................................
29 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผ้สู อน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
คาถามท้ายบทท่ี 3
1. อธิบายความแตกต่างระหวา่ งคาต่อไปน้ี “ศนู ย์เกิดแผ่นดินไหว” กับ “จดุ เหนือศนู ยเ์ กิดแผน่ ดนิ ไหว”
ศนู ย์เกิดแผน่ ดินไหว………………………………………………………………………………….………………………………………………….
จดุ เหนอื ศูนยเ์ กดิ แผ่นดนิ ไหว………………………………………………………………………………………………………………………….
2. แนวทเ่ี กดิ แผ่นดนิ ไหวและภเู ขาไฟระเบดิ ส่วนใหญ่จะอยู่บรเิ วณใดของพื้นผิวโลก ในประเทศไทยมแี นวที่
เสี่ยงตอ่ การเกิดแผน่ ดนิ ไหวและภูเขาไฟระเบิดหรอื ไม่ อยบู่ รเิ วณใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
3. แมกมาทแ่ี ทรกตวั อยู่ตามรอยแตกแยกของหินใต้พื้นผวิ โลก เม่อื แข็งตัวจะกลายเป็นหินชนิดใด
…………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………
4. อะไรคือสาเหตุทท่ี าใหเ้ กิดแผน่ ดนิ ไหว
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. ทา่ นคดิ อยา่ งไรจากคาท่ีกล่าววา่ “ภูเขาไฟเป็นเสมือนหน้าต่างทสี่ ามารถมองเห็นถงึ ภายในของโลก”
………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
6. บอกประโยชนแ์ ละโทษของการเกิดแผน่ ดินไหวและภเู ขาไฟระเบดิ
………………………………………………………………………………………………………...……….………………………………………………
………………………………………………………….....……………………………………………………………………………………………………
…………….....………………………………………………………………………………………………………………….....…………………………
…………………………………………………………………………………….....………………………………………………………………………..
7. อธบิ ายความหมายของคาต่อไปนี้ ภเู ขาไฟมีพลงั คาบอุบตั ิซ้า
ภเู ขาไฟมีพลัง………………………………………………………………………………………………......................................................
คาบอุบัติซ้า………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
30 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สชุ ยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
บทท่ี 4
การลาดบั เหตุการณ์ทางธรณวี ิทยา
โลกเย็นตัวเมื่อประมาณ 4,600 ล้านปีมาแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบนโลกมากมาย นักวิทยาศาสตร์
ค้นพบหลกั ฐานการววิ ัฒนาการและการสูญพนั ธ์ุของส่ิงมีชีวิตบนโลก สภาพและเหตุการณ์ในอดีตเป็นประวัติศาสตร์
ทางธรณวี ทิ ยาของโลก
4.1 การลาดับชั้นหิน
หินทป่ี รากฏอยบู่ นเปลือกโลกมกี ารเปลยี่ นแปลงทัง้ รูปแบบและตาแหน่งที่ตงั้ ตะกอนเกิดการสะสมตัวอยา่ งต่อเน่อื ง
และแข็งตวั ลงเปน็ หินตะกอน ตะกอนท่ีตกก่อนจะกลายเป็นชัน้ หินที่แกท่ ่สี ดุ
จากภาพ ให้นักเรียนอธิบายถงึ ลาดบั การเกดิ ของชนั้ หินตะกอน
..............................................................................................
.............................................................................................
31 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผู้สอน นางณัฐมน สุชัยรตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
กจิ กรรม 4.1 การวางตัวของชัน้ หิน
ผลการทากจิ กรรม
สรปุ ผลการทากิจกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คาถามทา้ ยกิจกรรม
1. ทรายทเ่ี ทใส่ในภาชนะใสแต่ละสมี ีการกระจายตัวอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ทรายสีมีการลาดับการวางตวั อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. นักเรียนสามารถลาดบั เหตุการณก์ ารเกดิ ชั้นทรายได้อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำถำมนำ่ รู้
- หลักฐานใดบา้ งทีส่ ามารถนามาอธิบายการลาดับเหตกุ ารณท์ างธรณใี นพนื้ ที่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- การตกสะสมตัวของตะกอนในธรรมชาติมีลักษณะอย่างไร เพราะเหตุใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- นักเรยี นคิดว่าสาเหตุใดบา้ งที่ทาใหช้ นั้ หนิ มลี ักษณะเปลย่ี นแปลงไปจากเดมิ เชน่
ชั้นหินคดโคง้ การเอียงเทของช้ันหิน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- จากรูป 4.1 ในหนงั สอื เรียนหน้า 126 หนิ ชั้นใดมกี ารสะสมตัวก่อนตามลาดับ และทราบไดอ้ ย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
32 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สชุ ยั รตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
สรุปกฎช้นั แนวนอนและกฎการลาดับชน้ั ตามประเดน็ ดังต่อไปนี้
นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตการวางตัวของช้ันตะกอนท่ีกาลังสะสมตัวในหลายบริเวณพบว่าชั้นตะกอนมีการ
วางตวั ในแนวนอนหรอื เกือบขนานกับพ้นื โลก และกระจายตัวอย่ทู ว่ั แอ่งสะสมตะกอนเรยี กวา่ กฎชน้ั แนวนอน
ตะกอนมกี ารสะสมตัวในแอ่งสะสมตะกอน โดยตะกอนที่มีการสะสมตัวก่อนจะวางตัวเป็นชั้นอยู่ด้านล่างสุด
ของแอ่งสะสมตะกอนและตะกอนที่สะสมตัวภายหลังจะวางตัวเป็นชั้นปิดทับด้านบน ดังนั้นชั้นตะกอนที่วางตัวอยู่
ล่างสุดของแอ่งสะสมตะกอนจะมีอายุแก่ท่ีสุดและช้ันตะกอนท่ีวางตัวอยู่บนสุดจะมีอายุอ่อนสุด เรียกว่า กฎการ
ลาดบั ชน้ั
กิจกรรมท่ี 4.2 การเปลย่ี นแปลงทางธรณที ส่ี ง่ ผลต่อลาดับชน้ั หิน
ผลการทากจิ กรรม
สรุปผลการทากิจกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คาถามทา้ ยกิจกรรม
1. จากแบบจาลองของนักเรยี น เหตกุ ารณใ์ ดเกดิ ก่อนระหว่างหินอัคนี หินตะกอน และรอยเล่อื น เพราะเหตุใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. แบบจาลองลาดบั ชน้ั หินของนักเรียน มลี าดบั เหตุการณ์ทางธรณีวทิ ยาอยา่ งไรอธบิ ายพร้อมใหเ้ หตผุ ลประกอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
33 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์
กจิ กรรมเสริม ลาดับชั้นหนิ และเหตุการณท์ างธรณีวิทยา
วธิ ีทากิจกรรม
ให้นักเรียนวเิ คราะห์ และอภปิ รายการเรยี งลาดับชน้ั หิน
และเปรยี บเทยี บอายขุ องชั้นหินจากภาพท่ีกาหนด
1. ถา้ ในชน้ั หินชน้ั ที่ พบซากดกึ ดาบรรพ์ของหอยซ่งึ มีอายปุ ระมาณ 240 ลา้ นปี ช้ันหินที่อยบู่ นสุด
จะมีอายปุ ระมาณเทา่ ใด
.................................................................................................. ......................................................
2. จากการลาดบั ชั้นหินดงั ภาพ มเี หตกุ ารณ์ใดทางธรณีวทิ ยาเกดิ ข้ึนบ้าง ทราบไดอ้ ย่างไร
มีเหตุการณ.์ .....................................................................................................................................
ทราบไดจ้ าก......................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ในการลาดับชัน้ หนิ สิง่ ทตี่ ้องนามาพิจารณา ได้แก่
1. การสะสมตัวของตะกอน ตะกอนที่อยดู่ ้านลา่ งจะมอี ายมุ ากกว่าตะกอนท่ีอย่ดู า้ นบน
2. การเปลย่ี นแปลงของแผน่ ธรณี ไดแ้ ก่ การเคล่ือนที่ของแผ่นธรณี การเอียงเท ภูเขาไฟระเบดิ
3. โครงสร้างทางธรณีวิทยาทป่ี รากฏในหนิ เช่น รอยเลื่อน รอยคดโค้งของชัน้ หนิ และรอยชน้ั ไมต่ ่อเนอ่ื ง
4. ซากดกึ ดาบรรพ์ทปี่ รากฏในชั้นหนิ
5. การแทรกตัดของหนิ เข้าไปในหินเดิม
ให้นกั เรยี นวเิ คราะหร์ ปู 4.3 (ก) หนา้ 129
1. จากรูปประกอบด้วยหนิ ประเภทใดบา้ ง
................................................................................................................................... ...........................................
2. หนิ ช้นั ใดเกิดขน้ึ ก่อน ทราบได้อยา่ งไร
............................................................................................................................................................................ ..
............................................................................................................................. .................................................
3. นักเรยี นลาดบั เหตุการณ์ท่เี กิดข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร พรอ้ มบอกเหตุผล
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
34 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณัฐมน สุชยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
กจิ รรมท่ี 4.3 เหตุการ์ท่ีหายไป
สถานการณ์
"จากแบบจาลองช้ันหินในกิจกรรม 4.2 ถ้าช้ันหินตะกอนดังกล่าวหยุดการสะสมตัวเป็นระยะเวลายาวนาน แล ะ
ในช่วงระยะเวลาท่ีมีการหยุดสะสมตัวน้ันมีกระบวนการผุพังกร่อน และปรากฏร่องรอยบนหินช้ันบนสุด จากนั้นใน
เวลาตอ่ มาเริม่ มีตะกอนใหม่มาสะสมตวั บนช้นั หินทถ่ี ูกกร่อนไป"
สรุปผลการทากิจกรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
คาถามท้ายกจิ กรรม
1. การทีช่ ้นั ของดนิ นา้ มนั ในแบบจาลองบางลงหรอื หายไปน้ันเทยี บได้กบั เหตกุ ารณใ์ ดในทางธรณวี ิทยา
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. จากแบบจาลองบรเิ วณใดที่ชั้นหินมกี ารหยดุ สะสมตวั ของตะกอน
..............................................................................................................................................................................
3. ก่อนทจ่ี ะมตี ะกอนใหมม่ าปิดทับ มีเหตุการณ์ใดเกดิ ขึน้ ท่ีบริเวณใด สังเกตได้จากอะไร
..............................................................................................................................................................................
4. การเตมิ ดินนา้ มนั ไปเปน็ ชั้นบนสุดของแบบจาลองเทยี บได้กบั เหตุการณใ์ ดในทางธรณวี ทิ ยา
..............................................................................................................................................................................
ให้นักเรยี นศึกษาเรื่องลักษณะโครงสร้างทางธรณีทมี่ ีผลต่อการลาดับช้นั หนิ จากหนงั สือเรียนหนา้ 130-133
จงตอบคาถามต่อไปน้ี
1. เหตุการณ์ทางธรณีวิทยาใดบา้ งท่ที าใหเ้ กิดการหยุดสะสมตัวของตะกอน
........................................................................................................................................................................ ......
............................................................................................................................ ..................................................
............................................................................................................................. .................................................
2. รอยชนั้ ไมต่ ่อเนื่องทีเ่ กิดขึ้นสามารถสงั เกตไดจ้ ากหลักฐานใด
............................................................................................................................. .................................................
3. จากรปู บริเวณใดเป็นรอยช้ันไมต่ ่อเนอ่ื ง
...................................................................................................................................... ........................................
35 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผู้สอน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
4.2 อายทุ างธรณีวิทยา
กิจกรรม 4.4 อายเุ ปรียบเทียบ
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………….
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………….
36 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104 ผ้สู อน นางณฐั มน สชุ ัยรตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
คาถามเพ่อื ความเขา้ ใจ
1. หลกั ฐานทางธรณีวิทยาใดบา้ งทน่ี ามาใช้ในการหาอายเุ ปรียบเทียบ
............................................................................................................................. .................................................
2. กฎการลาดบั ชั้นสามารถนามาบอกอายุเปรยี บเทยี บไดอ้ ย่างไร
............................................................................................................................. .................................................
3. การแทรกดนั ของหนิ อัคนีหรือรอยเลื่อนสามารถนามาอธิบายการหาอายุเปรียบเทียบได้อยา่ งไร
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................... .......................
4. อายุเปรียบเทียบสามารถบอกลาดบั เหตุการณ์ทางธรณีวิทยาไดห้ รือไม่ อยา่ งไร
................................................................................................................................................................ ..............
.................................................................................................................... ..........................................................
37 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สชุ ยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้
1. อายทุ างธรณีวิทยาแบง่ เป็น..............แบบ ไดแ้ ก่.................................................................................
2. อายเุ ปรยี บเทียบคือ.........................................................................................................................
ทาได้โดย..................................................................................................................... ....................
3. การหาอายุสมั บรู ณ์ทาได้โดย............................................................................................................
4. ธาตุกัมมันตรังสีที่นามาหาอายสุ ัมบรู ณ์ ได้แก่.....................................................................................
5. นักธรณีวิทยาพบวา่ หอยนางรมท่วี ดั เจดยี ์หอยมอี ายปุ ระมาณ 5,500 ปี โดยใช.้ .............................................
........................................................................................................................ ......................................................
6. การหาอายุท้ังสองแบบมีความแตกต่างกันหรอื ไม่ อย่างไร
............................................................................................................................. .........................................................
............................................................................................................................. .........................................
7. เรเดียม-226 มีครง่ึ ชีวติ 1,620 ปี หมายความวา่ อย่างไร
............................................................................................................................. .........................................................
......................................................................................................................................................................
8. ธาตกุ มั มนั ตรงั สี ก มีครงึ่ ชีวิต 24 วนั ธาตุกมั มนั ตรังสี ข มีครงึ่ ชีวติ 8 วนั ถ้าธาตุกมั มันตรงั สีเรมิ่ ตน้ มชี นิดละ 32
g อยากทราบวา่ ขณะที่ธาตกุ มั มันตรังสี ก เหลืออยู่ 16 g ธาตุกมั มันตรังสี ข จะเหลือเทา่ ไร
............................................................................................................................. .........................................................
.............................................................................................................................. ........................................
9. ธาตุกมั มนั ตรงั สีชนดิ หน่ึงมมี วล 1 g เมือ่ เวลาผ่านไป 60 วัน พบวา่ เหลือเพยี ง 0.125 g ธาตุนมี้ คี ร่ึงชีวิตกว่ี นั
.................................................................................................................................. ............................................
10. กราฟแสดงคร่ึงชวี ติ ของธาตุ A, B และ C เป็นดังรปู
ถ้าเริ่มต้น ธาตทุ งั้ สามมปี ริมาณ 32 กรัม เทา่ กนั เม่ือ เวลา
ผา่ นไป ขณะธาตุ B เหลือเพียง 4 กรัม ธาตุ A
และธาตุ C เหลือกี่กรัม (ตอบตามลาดับ)
ธาตุ A เหลอื ............................กรมั
ธาตุ C เหลอื ............................กรัม
11. ทอเรยี ม -234 มคี า่ ครึง่ ชวี ติ 24 วนั ชว่ งเวลานานเท่าใดท่ีจะทาใหท้ อเรียม-234 ปรมิ าณ 1 กรัม นีส้ ลายตัว
เหลืออย่เู พียง 1/32 กรัม
............................................................................................................................. .........................................................
........................................................................................................................ ..............................................................
38 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 ผู้สอน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
12. หินทุกชนดิ สามารถนามาหาอายสุ ัมบรู ณ์ได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด
....................................................................................................................................... ...............................................
13. ยกตัวอยา่ งแรป่ ระกอบหินท่ีสามารถหาอายุสัมบูรณ์ได้
........................................................................................................................................................... ...........................
14. ถ้านกั วทิ ยาศาสตร์ต้องการหาอายุสัมบรู ณ์ของหนิ แกรนิต ซึ่งมแี ร่ประกอบหนิ เป็น ควอตซ์ เฟลดส์ ปาร์ ไมกา
นักเรยี นคดิ วา่ นกั วทิ ยาศาสตร์จะใชแ้ ร่ชนดิ ใดในการหาอายุหนิ แกรนิตเพราะเหตุใด
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
ซากดึกดาบรรพ์
ซาก และร่องรอยของส่งิ มีชวี ิตท้งั พชื และสัตว์ท่ีเคยอาศยั อยบู่ ริเวณนั้นกอ่ นยุคประวตั ิศาสตร์
เม่อื สงิ่ มีชวี ติ ตายลงจะถูกทบั ถมและฝังตวั อยู่ในหิน
ซากดกึ ดาบรรพด์ ชั นี (index fossil)
เป็นซากดึกดาบรรพ์ท่บี อกอายไุ ดแ้ น่นอน เนื่องจากมีการกระจายตวั ท่วั โลกปรากฏใหเ้ ห็นเพียงช่วงอายหุ นง่ึ
แล้วก็สญู พนั ธุ์ไป
39 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104 ผสู้ อน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
จงหาซากดึกดาบรรพ์ท่ีเป็นซากดกึ ดาบรรพ์ดชั นมี าอย่างนอ้ ย 1 ชนิด บอกชอื่ รปู ร่าง ลักษณะบริเวณท่ีพบ ช่วง
อายุของบรเิ วณที่พบ
ติดรูปหรือวาดรูป
ช่ือซากดึกดาบรรพด์ ัชนี………………………………………………………………………………………
รูปรา่ งลกั ษณะ……………………………………………………………………..…………………………
บริเวณท่ีพบ...…………………………………………………………………………………………………
ช่วงอายุของซาก………………………………………………………………………………………………
เพราะเหตุใดซากดึกดาบรรพจ์ งึ บอกอายุของหินข้างเคียงได้
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………………
ซากดกึ ดาบรรพใ์ นประเทศไทย
• ซากดกึ ดาบรรพ์ไดโนเสาร์สว่ นมากจะอย่ใู นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ในช้นั หินทราย หนิ ทรายแปง้
• ในยุคไทรแอสสกิ ตอนปลายถึงครเี ทเชยี สตอนกลาง (200-100 ลา้ นป)ี
40 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104 ผู้สอน นางณัฐมน สชุ ยั รตั น์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
จงหาซากดึกดาบรรพท์ ่พี บในประเทศไทยมาอย่างน้อย 1 ชนิด บอกช่ือ รปู รา่ ง ลักษณะ จงั หวัดท่ีพบ
ติดรูปหรือวาดรูป
ชอื่ ซากดึกดาบรรพ.์ .....…………………………………………………………………………………….
รปู ร่างลกั ษณะ…………………………………………………………..……………………………………
บริเวณทีพ่ บ...……………………………………………………………..…………………………………..
ช่วงอายุของซาก………………………………………………………………………………………………
กจิ กรรม 4.5 การลาดับเหตกุ ารณท์ างธรณวี ิทยา
ตอนท่ี 1 สถานการณ์
"นักธรณีวิทยาได้สารวจพื้นท่ี 2 แห่ง คือ พ้ืนท่ี ก และ ข ซ่ึงอยู่ห่างกันประมาณ 15 กิโลเมตร ตามแนวทิศ
ตะวันออก-ตะวันตก และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับชนิดหินและลาดับชั้นหิน ดังรูป และพบว่าพ้ืนที่ทั้ง 2 แห่ง มีช้ันหินปูน
อายุประมาณ 250 ล้านปีชัน้ หินทรายแปง้ (siltstone) อายุประมาณ 150 ล้านป"ี
คาถามทา้ ยกิจกรรม
1. พ้ืนทที่ ้ัง 2 แห่ง มลี าดบั ชั้นหินเหมือนหรอื แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
2. จากขอ้ มลู ทั้ง 2 พ้นื ที่ หนิ ดินดานและหนิ ทรายมีช่วงอายุประมาณเทา่ ใด ทราบได้
อย่างไร
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
3. พนื้ ท่ีทงั้ 2 แหง่ มคี วามสัมพนั ธ์กนั หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………
41 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผสู้ อน นางณัฐมน สชุ ัยรตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ตอนท่ี 2 สถานการณ์
"ต่อมานกั ธรณีวทิ ยาได้สารวจพน้ื ที่ ค เพิ่มเตมิ ซึ่งอยหู่ า่ งจากพ้ืนที่ ข ออกไปทางทศิ ตะวันออกอีก 10 กิโลเมตร
พบว่ามีลาดบั ชน้ั หนิ คลา้ ยคลงึ กัน และในช้นั หนิ ดนิ ดาน(shale) มีซากดึกดาบรรพ์ดัชนขี องแอมโมนอยด์ อายุ
ระหว่าง 220-205 ล้านป"ี
คาถามทา้ ยกิจกรรม
1. พ้ืนที่ทั้ง 3 แห่ง มลี าดับชั้นหนิ เหมอื นหรือแตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………………
2. จากขอ้ มลู พ้ืนที่ ค ชน้ั หนิ ดินดานมีอายปุ ระมาณเทา่ ไร ทราบได้อย่างไร
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………..
3. ชั้นหินดนิ ดานในพนื้ ที่ ก ข และ ค มีอายุเหมือนกันหรือไม่ เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………..
4. จากตอนที่ 1 และตอนท่ี 2 ข้อมูลใดบ้างทสี่ นบั สนุนความสัมพนั ธข์ องพื้นที่ทงั้ 3 แห่ง
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………..
ใหน้ ักเรยี นสืบค้นเกย่ี วกับหลักฐานทางธรณีวิทยาที่นามาจดั เรยี งเปน็ มาตราธรณกี าลในหนงั สอื เรียน
หนา้ 145-147
1. มาตราธรณกี าลคืออะไรและมีความสาคญั อย่างไร
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………………
2. นักวิทยาศาสตรศ์ ึกษาประวตั ิของโลกอนั ยาวนานได้อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………………
3. นักวิทยาศาสตร์แบง่ ชว่ งเวลาทางธรณีวิทยาได้อย่างไร พรอ้ มยกตัวอยา่ ง
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………..
4. ในช่วงมหายคุ พาลีโอโซอิกสมู่ หายุคมีโซโซอิก สิง่ มีชีวิตมีการเปล่ยี นแปลงอย่างไร
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………
……………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………..
42 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวชิ า ว30104 ผู้สอน นางณัฐมน สชุ ยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
กรณศี กึ ษาลาดบั เหตุการณ์ทางธรณวี ิทยา: สสุ านหอยแหลมโพธิ์
- ในอดีตขณะท่ีมีการสะสมตวั ของสสุ านหอยแหลมโพธิ์ ภูมิลกั ษณ์หรือสภาพแวดล้อม
ในบริเวณนีเ้ ปน็ แบบใด
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
- ปัจจบุ นั สสุ านหอยแหลมโพธม์ิ ภี มู ลิ ักษณ์หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณนเี้ ปน็ แบบใด
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
43 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104 ผู้สอน นางณฐั มน สชุ ยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
คาถามทา้ ยบทที่ 4
1. นักวทิ ยาศาสตรท์ ราบไดอ้ ยา่ งไรวา่ ครั้งหน่ึงบนโลกมีไดโนเสารอ์ าศัยอยู่
......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................................
........................................................................................... ................................................................... .......................
2. เพราะเหตใุ ดเราจงึ ไม่ค่อยพบซากดกึ ดาบรรพ์ในกลมุ่ หนิ อัคนแี ละหินแปร
............................................................................................................................. .........................................................
......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................... ............................................................
3. ซากดึกดาบรรพ์ท่ีค้นพบสามารถบอกอะไรแกเ่ ราไดบ้ ้าง
............................................................................................................................. .........................................................
............................................................................................................................. .........................................................
................................................................................................................................................................. .....................
4. ซากดกึ ดาบรรพท์ ีด่ ีและบ่งชี้อายุหนิ ได้ชดั เจนควรเป็นอย่างไร อธิบายพรอ้ มยกตวั อย่างเท่าทีท่ ราบ
............................................................................................................................................ ..........................................
......................................................................................... ............................................................................. ................
............................................................................................................................. .........................................................
5. การลาดบั ชั้นหินและซากดึกดาบรรพ์ที่พบ มีความสาคัญอย่างไรกบั การศึกษาความเป็นมาของโลก
............................................................................................................................. .........................................................
............................................................................................................................. .........................................................
...................................................................................................................................................................... ................
6. ถา้ นกั เรยี นสารวจพบซากดึกดาบรรพ์ของปะการังบนยอดเขาแหง่ หนึง่ นักเรยี นมคี วามเห็นเกย่ี วกับการกาเนดิ
ของภูเขานั้นอย่างไร จงอธบิ าย
............................................................................................................................. .........................................................
......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................................
44 วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104 ผู้สอน นางณฐั มน สุชยั รตั น์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2551). หนังสอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ โลก
ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 1 (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 8). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค.
สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2554). หนังสอื เรียนรายวิชาเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ โลก
ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 1 (พมิ พค์ รั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2554). ค่มู ือครู รายวชิ าเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์ วชิ า โลก
ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 1 (พิมพค์ ร้ังท่ี 1). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2554). คมู่ ือครู รายวิชาเพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ วิชา
วิทยาศาสตร์ ดวงดาว และโลกของเรา (พมิ พค์ รง้ั ที่ 1). กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค.
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2561). หนงั สือเรียนรายวชิ าเพม่ิ เติมวิทยาศาสตร์ วิชา โลก
ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 เลม่ 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค.
สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2561). ค่มู อื ครู รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ วชิ า โลก
ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 เล่ม 1. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค.
45 วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วิชา ว30104 ผู้สอน นางณัฐมน สชุ ยั รตั น์ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์