The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Supapan Nawajongpan, 2022-09-12 23:04:13

อีบุ้คล่าสุดด

อีบุ้คล่าสุดด

หลักศิลาจารึก
พ่อขุนรามคำเเหงมหาราช

คำนำ

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง หลักศิลาจารึกพ่อขุน
รามคำแหงมหาราชเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของ วิชาภาษาไทย(ท๓๑๑๐๑)
คณะผู้จัดทำจึงได้ทำการรวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับหลักศิลาจารึกพ่อขุน
รามคำแหงมหาราช
และเรียบเรียงเรื่องราวให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น

คณะผู้จัดทำหวังว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จะเป็น
ประโยชน์ต่อผู้อ่านและผู้ศึกษา หากเกิดความผิดพลาดประการใด
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ

หน้า

เนื้อเรื่อง ๑ ,๘

ประวัติของศิลาจารึกพ่อขุนรามคำเเหงมหาราช ๒

ศิลาจารึก ด้านที่๑ ๓-๔

ศิลาจารึก ด้านที่๒ ๕

ศิลาจารึก ด้านที่๓ ๖

ศิลาจารึก ด้านที่๔ ๗

คุณค่าของศิลาจารึกพ่อขุนรามคำเเหงมหาราช ๑๐-๑๑

จาค้รนึกวัคมขนวหอ้นีา้งาใขพหร้่้อานอมัชูขกุนลนเเระีรกยีค่ายนะมวไคกปัำบศแึศกหิลษงาา งีบสักง่วพังกจัเงเลเ้ลวยกัน 1



ทำไมตืน่ีน่มทัขึนำ้นไเมงรื่ดอาีนถงึอะงม?ะไารอกัยนู่ท?ี่นี่ได้ พี่จ้ะ!สมัยที่เราอยู่ตอนนี้คือสมัย โถ้..เเม่หนูไปอยู่ไหนมา
ของกษัตริย์องค์ใดหรอจ้ะ? นี่คือสมัยของพระบาทสมเด็จ
/
_ พอดีฉันลืมน่ะจ่ะ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ยังสาวอยู่เเท้ๆ
ขี้หลงขี้ลืมจริง

/

_

สมัยของรัชกาลที่สี่งั้นหรอ ใช่จ่ะ..พระองค์ทีค้นพบหลัก
เอ๊ะ!เเสดงว่า… ศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง

พี่จ้ะ!เเสดงว่าในสมัยนี้ มหาราช
พระองค์ทรงค้นพบศิลาจารึก
เเต่นั่นก็เมื่อนานมากเเล้ว
เเล้วใช่ไหมจ้ะ? เมื่ อครั้งยังทรงผนวชเป็ นพระ

วชิรญาณภิกขุ

จพีา่ชรึ่กวพยใ่เหอล้่ฉขาัุนนเรรืฟ่อัางงมไรดค้าไำวหแเมกหี่จยง้ะมวกหับาศริาลชา ได้สิจ้ะ

2

ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชหรือจารึก
หลักที่๑ ที่เล่าเหตุการณ์ในสมัยสุโขทัย

ถูกค้นพบโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า
อยู่หัว(รัชกาลที่๔)ขณะที่ท่านกำลังออกผนวช

งั้นพี่พาฉันไปดูของ ได้สิจ้ะ
จริงได้ไหมจ๊ะ

3

ด้านที่๑ อ่านว่า “พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อ
นางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง ตูพี่น้ องท้องเดียวห้าคน
ผู้ชายสาม ผู้ญีงโสง พี่เผื-อ ผู้อ้าย ตายจากเผือเตียม
แต่ยังเล็ก”จ่ะ
เมื่อแปลจะได้ความว่า บิดาขอพ่อขุนรามคำแหงชื่อ
ศรีอินทราทิตย์ มารดาชื่อ นางเสือง พี่ชายชื่อ บาน
เมือง พ่อขุนรามคำแหงมีพี่น้ องท้องเดียวกันทั้งหมด
ห้าคน เป็นผู้ชายสามคน ผู้หญิงสองคน พี่ชายคนโต
ของพ่อขุนรามคำแหงได้ตายจากไปตั้งแต่พ่อขุน
รามคำแหงยังเป็ นเด็กอยู่จ่ะ

4

“เมื่อกูขึ้นใหญ่ได้ สิบเก้าเข้า ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด มา ท่ เมืองตาก พ่อกูไปรบ
ขุนสามชน หัวซ้ายขุนสามชนขับมา หัวขวา ขุนสาม ชนเกลื่อนเข้า ไพร่ฟ้ าหน้ าใสพ่อ
กูหนีญญ่าย พ่ายจะแจ้-น กูบ่หนี กูขี่ช้างเบกพล กูขับเข้าก่อนพ่อกู กูต่อ ช้างด้วยขุน
สามชน ตนกูพุ่งช้างขุนสามชนตัวชื่อ มาสเมืองแพ้ ขุนสามชนพ่ายหนี พ่อกูจึงขึ้นชื่อ กู
ชื่อพระรามคำแหง เพื่อกูพุ่งช้างขุนสามชน”

ส่วนตรงนี้แปลได้ว่า เมื่อพ่อขุนรามคำแหงอายุได้สิบเก้าปี ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดได้ยก
ทัพมาตีเมืองตาก พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ไปออกรบกับขุนสามชน เมื่อทหารปีกซ้ายและปีก
ขวาของขุนสามชนขี่ช้างจะขับมาชนช้างของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ไพร่พลต่างวิ่งหนีกัน
ชลมุน เพราะว่ากลัวแพ้ แต่พ่อขุนรามคำแหงไม่ได้หนี กลับขึ้นขี่ช้างแล้วเข้าพุ่งชนกับช้าง
มาสเมือง ซึ่งเป็นช้างของขุนสามชนแทนพ่อขุนศรีอินทราทิตย์จนช้างมาสเมืองแพ้ ขุน
สามชนก็ได้แพ้แล้วหนีเตลิดไป ด้วยเหตุนี้ทำให้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์สถาปนาพ่อขุน
รามคำแหงเป็น พระรามคำแหงจ่ะ

“ชน เมื่อ-อชั่วพ่อกู กูบำเรอแก่พ่อกู กูบำเรอแก่แม่กู กูได้ตัว เนื้อตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู กูได้
หมากส้มหมากหวา-น อันใดกินอร่อยกินดี กูเอามาแก่พ่อกู กูไปตี หนังวังช้าง ได้ กูเอามาแก่พ่อกู กู
ไปท่บ้านท่เมื-อง ได้ช้างได้งวง ได้ปั่ว ได้นาง ได้เงือนได้ทอง กูเอา มาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตายยังพี่กู
กูพร่ำบำเรอแก่พี่ กู ดั่งบำเรอแก่พ่อกู พี่กูตาย จึ่งได้เมืองแก่กูทั้ง-กลม”

จะแปลได้ว่าพ่อขุนรามคำแหงคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์และนางเสืองอย่างจงรักภักดี
เมื่อหาสัตว์บกสัตว์น้ำ ผลไม้ต่าง ๆ หรืออะไรที่อร่อยจะนำมาถวายเสมอ ไปคล้องช้างได้ช้างมากี่
เชือกก็จะนำมาถวาย แม้ไปตีบ้านตีเมืองอื่นได้เชลยชายหญิง ได้เงินได้ทอง ก็นำมาถวายแด่พ่อขุน
ศรีอินทราทิตย์ตลอด เมื่อพ่อขุนศรีอินทราทิตย์สิ้นพระชนม์พ่อขุนบานเมืองครองราชย์ต่อ พ่อขุน
รามคำแหงก็ยังคงปฏิบัตตนเช่นเดิม ยังคงคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนบานเมืองดั่งเช่นเคยทำกับ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์จ่ะ

“เมื่อชั่วพ่อขุนรามคำแหง เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำ มีปลา ในนามีข้าว เจ้าเมืองบ่เอาจกอบในไพร่ลูท่าง
เพื่- อนจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใคร จักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทอง
ค้าไพร่ฟ้ าหน้ าใสลูกเจ้าลูกขุนผู้ใดแล้ ล้มตายหายกว่า เหย้าเรือนพ่อเชื้อ เสื้อ คำมัน ช้างขอ ลูกเมีย
เยียข้าว ไพร่ฟ้ าข้าไท ป่า หมากป่าพลูพ่อเชื้อมัน ไว้แก่ลูกมันสิ้น ไพร่ฟ้ า ลูกเจ้าลูกขุน ผิแลผิดแผก
แสก ว้างกัน สวนดู แท้แล้ จึ่งแล่งความ แก่ขา ด้วยซื่อ บ่เข้าผู้ลักมัก ผู้ซ่อน เห็นข้าวท่านบ่ใคร่พีน
เห็นสินท่านบ่ใคร่เดือ-ด คนใดขี่ช้างมาหา พาเมืองมาสู่ ช่อยเหนือเฟื้ -อกู้ มันบ่มีช้างบ่มีม้า บ่มีปั่วบ่มี
นาง บ่มีเงือ นบ่มีทอง ให้แก่มัน ช่อยมันตวงเป็นบ้านเป็นเมือง ได้เข้าเสือกข้าเสือ หัวพุ่งหัวรบก็ดี บ่
ฆ่าบ่ตี ใน ปากประตูมีกระดิ่งอันณื่ง แขวนไว้หั้น ไพร่ฟ้ าหน้ า ปก กลางบ้านกลางเมือง มีถ้อยมี
ความ เจ็บท้อง ข้องใจ มันจักกล่าวเถิงเจ้าเถิงขุนบ่ไร้ ไปลั่นกะ-ดิ่งอันท่านแขวนไว้ พ่อขุน
รามคำแหงเจ้าเมืองได้ยิน เรียกเมือถาม สวนความแก่มันด้วยซื่อ”

สมัยพ่อขุนรามคำแหงเมืองสุโขทัยมีความอุดมสมบูรณ์มาก ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว และพ่อขุน
รามคำแหงไม่ได้เก็บภาษีจากประชาชน ทำให้ใครอยากจะขายอะไรก็ขายกันอย่างสบาย ไม่ว่าจะ
เป็นช้าง ม้า เงิน ทองเมื่อมีการทะเลาะกันเกิดขึ้นพ่อขุนรามคำแหงก็จะสอบสวนด้วยความ
ยุติธรรม ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแม้ว่าจะเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็ตาม ราษฎรที่มีเรื่องร้องทุกข์
สามารถจะมาสั่นกระดิ่งที่แขวนไว้ที่ประตูเพื่อให้พ่อขุนรามคำแหงตัดสินแต่ไต่สวนได้ทุกเมื่อ และ
หากเจ้าเมืองไหนอยากจะตั้งเมืองเป็นของตนเอง พ่อขุนรามคำแหงก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็ม
ที่ ไม่มีช้าง ก็ให้ช้าง ไม่มีเงินทองก็ให้ไปจนสามารถตั้งเป็นเมืองได้

5

ด้านที่๒ อ่านว่า“ไพร่ใน เมืองสุโขทัยนี้จึ่งชม สร้างป่า หมากป่าพลู ทั่วเมือ-งนี้ทุกแห่ง ป่าพร้าวก็
หลายในเมืองนี้ ป่าลาง ก็หลายในเมืองนี้ หมากม่วงก็หลายในเมืองนี้ หมากขามก็หลายในเมืองนี้
ใครสร้างได้ไว้แก่มัน กลางเมืองสุโขทัยนี้ มีน้ำตระพังโพยสี ใสกินดี …ดั่งกินน้ำโขงเมื่อแล้ง รอบเมือง
สุโขทัยนี้ ตรี-บูร ได้สามพันสี่ร้อยวา“คนในเมืองสุโขทัยนี้ มักทาน มักทรงศีล มักโอยทาน พ่อขุน
รามคำแหง เจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ ชาวเจ้า ท่วยปั่วท่วยนา ง ลูกเจ้าลูกขุน ทั้งสิ้นทั้งหลาย ทั้งผู้
ชายผู้ญีง ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสน ทรงศีลเมื่อพรร-ษาทุกคน เมื่อออกพรรษากรานกฐิน
เดือนณื่ง จึ่-งแล้ว เมื่อกรานกฐิน มีพนมเบี้ย มีพนมหมาก มี พนมดอกไม้ มีหมอนนั่งหมอนโนน
บริพารกฐินโอ-ยทานแล่ปีแล้ญิบล้าน ไปสูดญัติกฐิน เถิงอ-ไรญิก พู้น เมื่อจักเจ้ามาเวียง เรียงกันแต่อ
ไร ญิกพู้นเท้าหัวลาน ดํบงคํกลอง ด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิ-ณ เสียงเลื้อน เสียงขับ ใครจักมักเล่น
เล่น ใครจั-กมักหัว หัว ใครจักมักเลื้อน เลื้อน เมืองสุ-โขทัยนี้ มีสี่ปากประตูหลวง เที้ยรย่อมคนเสียด
กันเข้ามาดูท่านเผาเทียน ท่านเล่นไฟ เมืองสุโขทัยนี้ มีดั่งจักแตก กลางเมืองสุโขทัยนี้ มีพิหาร มี
พระพุทธรูปทอง มีพระอัฏรารศ มีพระพุทธรูป พระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอัน ราม มีพิหารอัน
ใหญ่ มีพิหารอันราม มีปู่ ครูนิสัยมุตก์ มีเถร มีมหาเถร เบื้องตะวันตก เมืองสุโขทัยนี้ มีอไรญิก พ่อขุน
รามคำแหงกระทำ โอยทานแก่มหาเถรสังฆราชปราชญ์เรียนจบปิฎกไตร หลวกกว่าปู่ครูในเมืองนี้ทุก
คน ลุกแต่เมืองศรีธ-รรมราชมา ในกลางอรัญญิก มีพิหารอันหนึ่ง มน ใหญ่ สูงงามแก่กม มีอัฏฐาร
ศอันณื่ง ลุกยื-น เบื้องตะวันโอก เมืองสุโขทัยนี้ มีพิหาร มีปู่ครู มีทะเลหลวง มีป่าหมากป่าพลู มีไร่มี
นา มีถิ่น มีบ้านใหญ่บ้านเล็ก มีป่าม่วง มีป่าขาม ดูงามดังแกล้ง”

ราษฎรเมืองสุโขทัยนี้นิยมปลูกต้นไม้กันมาก มีการปลูกหมาก ปลูกพลู ต้นมะพร้าว ต้นขนุน ต้นมะม่วง
ต้นมะขามมีมากอยู่ในเมืองสุโขทัย ที่กลางของเมืองมีสระน้ำที่ใสสะอาด สามารถใช้ดื่มกินได้ เมือง
สุโขทัยล้อมรอบไปด้วยกำแพงเมืองที่มีทั้งหมดสามชั้น ความยาว ๙.๘ กิโลเมตรคนในเมืองสุโขทัยนี้
ชอบทำทาน ถวายสังฆทาน ทั้งพ่อขุนรามคำแหง หญิงชาววัง และราษฎรทั้งหญิงชายต่างก็มีความ
ศรัทธาในพระพุทธศาสนา จะถือศีลกันเมื่อถึงวันเข้าพรรษา และเมื่อออกพรรษาก็จะมีการทอดกฐิน
ถวายสังฆทาน มีการจัดพานดอกไม้ พานเงิน พานทอง หมอน และเงินอีกสองล้านเบี้ยเพื่อถวายกฐิน
และสังฆทานทีวัดในป่า ตลอดเมืองจะมีการตีกลอง มีการละเล่นดนตรี ขับร้องเพลง ขับทำนองเสนาะ
กันอย่างสนุกสนาน ผู้คนต่างเบียดเสียดกันเข้ามาชมการเล่นเผาเทียนและการเล่นๆไฟ ทางประตูใหญ่
ทั้งสี่ประตูกลางเมืองสุโขทัยมีการสร้างวัดเล็ก วัดใหญ่ มีพระพุทธรูปองค์เล็ก องค์ใหญ่ ที่แตกต่างกัน
ออกไป มีพระภิกษุที่มีพรรษาตั้งแต่ ห้าพรรษาจำวัดอยู่ มีพระเถร พระมหาเถร อยู่ทางทิศตะวันตก
พ่อขุนรามคำแหงจะทำการถวายสังฆทานแก่พระมหาเถรสังฆราชในป่า ซึ่งที่กลางป่านั้นมีเจดีย์กลมใหญ่
อยู่ซึ่งมีความสวยงามมากที่สุด มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยยืนหันพระพักตร์ไปทางด้านตะวันออก ถือว่า
องค์นี้เป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุด ที่เมืองสุโขทัยมีวัด มีพระ มีป่า มีต้นไม้ต่าง ๆพันธุ์กัน ราษฎรมีบ้านเรือน
งดงามดั่งความตั้งใจของพ่อขุนรามคำแหง

6



ด้านที่3อ่านว่า “เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีตลาดป สาน มีพระอจนะ มีปราสาท มีป่าหมาก
พร้าว ป่าหมาก ลาง มีไร่ มีนา มีถิ่นฐาน มีบ้านใหญ่ บ้านเล็ก เบื้-องหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีกุฎี
พิหาร ปู่ครู อยู่ มีสรีดภงส มีป่าพร้าวป่าลาง มีป่าม่วงป่าขาม มีน้ำโคก มีพระขพุง ผีเทพดา ใน
เขาอันนั้น เป็นใหญ่กว่าทุกผี ในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมือง สุโขทัยนี้แล้ ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง
เมือง นี้ดี ผิไหว้บ่ดี พลีบ่ถูก ผีในเขาอั้น บ่คุ้มบ่ เกรง เมืองนี้หาย ๑๒๑๔ ศก ปีมะโรง พ่อขุน
รามคำ-แหง เจ้าเมืองศรีสัชชนาลัยสุโขทัยนี้ ปลูกไม้ตา-ลนี้ ได้สิบสี่เข้า จึ่งให้ช่างฟันขดานหิน
ตั้งหว่าง กลางไม้ตาลนี้ วันเดือนดับ เดือนโอกแปดวัน วั-นเดือนเต็ม เดือนบ้างแปดวัน ฝูงปู่ครู
เถร มหาเถ-ร ขึ้นนั่งเหนือขดานหิน สูดธรรมแก่อุบาสก ฝู-งท่วยจำศีล ผิใช่วันสูดธรรม พ่อขุน
รามคำแหง เจ้าเมืองศรีสัชชนาลัยสุโขทัย ขึ้นนั่งเหนือขดา-นหิน ให้ฝูงท่วยลูกเจ้าลูกขุน ฝูง
ท่วยถือบ้านถือ เมือง ครั้นวันเดือนดับเดือนเต็ม ท่านแต่งช้างเผื-อกกระพัดลยาง เที้ยรย่อม
ทองงา(ซ้าย)ขวา ชื่อรูจาครี พ่อขุนรามคำแหง ขึ้นขี่ไปนบพระ(เถิง)อรัญญิกแล้-วเข้ามาจารึกอัน
ณื่ง มีในเมืองชเลียง สถาบกไว้ ด้วยพระศรีรัตนธาตุ จารึกณื่ง มีในถ้ำชื่อถ้ำ พระราม อยู่ฝั่งน้ำ
สำพาย จารึกอันณื่ง มีในถ้ำ รัตนธาร ในกลวงป่าตาลนี้ มีศาลาสองอัน อันณื่งชื่อ ศาลาพระมาส
อันณื่ง ชื่อพุทธศาลา ขดานหินนี้ ชื่อม-นังศิลาบาตร สถาบกไว้นี้ จึ่งทั้งหลายเห็น”



ทางทิศเหนือมีตลาด มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีปราสาท มีป่าไม้ ต้นมะพร้าวต้นหมาก ต้นขนุน
มีสวนมีไร่ มีบ้านเรือนของราษฎรตั้งถิ่นฐานกันอยู่ ส่วนทางใต้มีกุฏิอารามของพระ มีทำนบสำหรับ
ทำชลประทาน มีป่ามีต้นไม้มากมายเช่นกัน มีลำธารที่ได้ไหลออกมาจากเขาขพุงภูเขาขพุงนี้ มี
ความเชื่อกันว่าผีที่สิงอยู่ที่เขานี้มีอำนาจยิ่งกว่าผีทุกตนในละแวกนั้น หากเจ้าเมืองสุโขทัยทำการ
เซ่นไหว้ บูชาอย่างดี ผีในเขาขพุงจะดลให้บ้านเมืองมั่นคง เพราะว่าผีคุ้มครอง แต่หากเซ่นไหว้ไม่ดี
จะทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน เพราะว่าผีเขาขพุงไม่คุ้มครองพุทธศักราช ๑๘๓๕ พ่อขุนรามคำแหง
ครองราชย์สมบัติเมืองศรีสัชชนาลัยสุโขทัยครบ ๑๔ ปี จึงสั่งให้ช่างทำกระดานหินไปวางไว้กลางป่า
ตาล ถ้าเป็นวันพระจะมีพระครู พระเถร พระมหาเถร มานั่งเทศนาธรรมให้กับประชาชน แต่หาก
ไม่ใช่วันพระพ่อขุนรามคำแหงจะขึ้นนั่งแล้วให้ประชาชนหรือเจ้าเมืองอื่ นที่เป็ นประเทศราชมา
ปรึกษาหารือได้ หากมีเรื่องทุกข์ใจหรือข้องใจ เมื่อถึงวันพระพ่อขุนรามคำแหงจะแต่งช้าง ให้
สวยงาม งาประดับไปด้วยทอง ช้างพระที่นั่งของพ่อขุนรามคำแหงชื่อว่า จูราครีจารึกอันหนึ่งมีใน
เมืองเชลียงซึ่งถือว่าเป็นเมืองสำคัญขณะนั้น ที่สร้างไว้ด้วยพระศรีรัตนธาตุ จารึกอีกอันหนึ่งมีอยู่ที่
ถ้ำพระราม และจารึกอีกอันหนึ่งมีอยู่ในถ้ำรัตนธารที่กลางป่าตาล ซึ่งมีศาลาอยู่สองหลัง หลังหนึ่ง
ชื่อศาลาพระมาส อีกศาลาชื่อพุทธศาลา กระดานหินที่ใช้สำหรับแสดงธรรมชื่อว่ามนังศิลาบาตร
ด้านที่ ๔

7

ด้านที่๔ อ่านว่า “พ่อขุนรามคำแหง ลูกพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็-นขุนในเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัย
ทั้งมา กาว ลาว แลไทยเมืองใต้หล้าฟ้ าฏ (ต่อ) … ไทยชาวอู ชาวของ มาออ-ก๑๒๐๗ ศกปีกุน ให้ขุด
เอาพระธาตุออกทั้งหลาย เห็น กระทำบูชาบำเรอแก่พระธาตุได้เดือนหกวัน จึ่-งเอาลงฝังในกลาง
เมืองศรีสัชชนาลัย ก่อพระเจ ดีย์เหนือ หกเข้าจึ่งแล้ว ตั้งเวียงผา ล้อมพระม-หาธาตุ สามเข้าจึง
แล้ว เมื่อก่อนลายสือไทยนี้บ่ มี๑๒๐๕ ศก ปีมะแม พ่อขุนรามคำแหงหาใคร่ใจ ในใจ แลใส่ลายสือ
ไทยนี้ ลายสือไทยนี้จึ่งมีเพื่-อขุนผู้นั้นใส่ไว้ พ่อขุนรามคำแหงนั้นหา เป็นท้าว เป็นพระยาแก่ไทยทั้ง
หลาย หาเป็น ครูอาจารย์สั่งสอนไทยทั้งหลายให้รู้ บุญรู้ธรรมแท้ แต่คนอันมีในเมืองไทยด้วย รู้ด้วย
หลวก ด้วยแกล้วด้วยหาญ ด้วยแคะ ด้วยแรง หาคนจักเสมอมิได้อาจปราบฝูงข้า เสิก มีเมืองกว้าง
ช้างหลาย ปราบเบื้องตะวันอ-อก รอดสรลวง สองแคว ลุมบาจาย สคา เท้าฝั่งขอ-ง เถิงเวียงจันทน์
เวียงคำ เป็นที่แล้ว เบื้อ(อ)งหัว นอน รอดคณฑี พระบาง แพรก สุพรรณภู-มิ ราชบุรี เพชรบุรี ศรี
ธรรมราช ฝั่งทะเล สมุทรเป็นที่แล้ว เบื้องตะวันตก รอดเมือ-งฉอด เมือง…น หงสาวดี สมุทรหาเป็-
นแดน o เบื้องตีนนอน รอดเมืองแพร่ เมื-องม่าน เมืองน…เมืองพลัว พ้นฝั่งของ เมืองชวา เป็นที่
แล้ว o ปลูกเลี้ยงฝูงลูกบ้า-นลูกเมืองนั้น ชอบด้วยธรรมทุกคน”

จะแปลได้ว่าพ่อขุนรามคำแหงเป็ นบุตรของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ซึ่งเป็ นเจ้าเมืองศรีสัชชนาลัยสุโขทัย
ซึ่งปกครองพวกมา กาว ลาว ไทยชาวอู ชาวของพุทธศักราช ๑๘๒๘ พ่อขุนรามคำแหงให้ขุดเอาพระ
ธาตุที่มีการฝังไว้ออกมาให้หมด แล้วทำพิธีบูชาใหม่อีกครั้งแล้วจึงนำไปฝังลงที่กลางเมืองศรีสัชชนาลัย
แล้วก่อเจดีย์เหนือบริเวณที่ฝังพระธาตุ แล้วสร้างกำแพงหินล้อมรอบพระมหาธาตุเมื่อก่อนไม่มีอักษร
ไทยจนกระทั่งพุทธศักราช ๑๘๒๑ พ่อขุนรามคำแหงคิดใคร่ครวญอยู่ในใจแล้วประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นมา
ใช้ พ่อขุนรามคำแหงนั้นเป็นท้าว เป็นเจ้าเมืองแก่ชาวไทยทั้งหลาย ไม่ได้เป็นอาจารย์ที่สั่งสอนคน
ทั่วไปให้รู้บุญรู้บาป แต่คนในเมืองไทยมีความรู้มาก ความกล้าหาญหาใครจะเทียบไม่ได้อาณาเขตของ
เมืองสุโขทัยกว้างขวาง เพราะสามารถปราบข้าศึกได้มาก ทางด้านตะวันออกมีพื้นที่ถึงเมืองสระหลวง
เมืองสองแคว เมืองลุม เมืองจาบาย ทางทิศใต้ที่จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร สุพรรณบุรี
ราชบุรี เพชรบุรี ถึงนครศรีธรรมราชและชายฝั่งทะเล ทางด้านตะวันตกจะอยู่ถึงเมืองหงสาวดี ทิศ
เหนือจะอยู่ถึงจังหวัดน่าน หลวงพระบาง พ่อขุนรามคำแหงปกครองและดูแลเมืองเหล่านี้อย่างดี ด้วย
ความเป็ นธรรมมาโดยตลอด

อะไรเนี่ย… 8
ทำไมถึงนอนอยู่
ใกล้ถึงเวลาส่งงานเเล้วนะ
ตื่นได้เเล้ว!!!

ตื่นๆๆ!!!!

0

ก็ใกล้จะถึงเวลาส่งงานเเล้ว ปลุกเราทำไมเนี่ย โอโห!หาข้อมูลได้เร็วจัง ไม่บอก
หน่ะสิเลยมาปลุก
เราหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตรู้สึกว่า

เธอเอาเเต่นอน เรียบร้อยเเล้ว ข้อมูลไม่ค่อยละเอียดเลย
เธอค้นหาข้อมูลที่ครูสั่งรึยัง? เธอหาข้อมูลจากไหนหรอ?

ใจร้ายจัง….

0

งั้นเราเลี้ยงขนมเธอ ก็ได้!
เเธอช่วยอธิบายข้อมูลให้เรา เดี๋ยวเราจะอธิบายให้นายฟัง
นายสงสัยอะไรถามมาได้เลยนะ
ฟังได้มั้ย?

9

จารึกพ่อขุนรามคำแหงหรือจารึกหลักที่๑ เป็นศิลา
จารึกที่บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สมัยกรุง

สุโขทัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะ
ผนวชอยู่เป็นผู้ทรงค้นพบเมื่อวันกาบสี ขึ้น ๘ ค่ำ

เดือน ๓ จ.ศ. ๑๒๑๔ ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๗ มกราคม
พ.ศ. ๒๓๗๖ ณ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย อำเภอ

เมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย มีลักษณะเป็นหลักสี่
เหลี่ยมด้านเท่า ทรงกระโจม สูง ๑๑๑ เซนติเมตร
หนา ๓๕ เซนติเมตร เป็นหินทรายแป้ งเนื้อละเอีย มี
จารึกทั้งสี่ด้าน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่ง

ชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร

10

ด้านนิติศาสตร์
ศิลาจารึกหลักนี้อาจถือว่า เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญเทียบได้กับรัฐธรรมนูญฉบับแรกของอังกฤษ

มีการกำหนดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และรักษาสิทธิมนุษยชน เห็นได้จากข้อความที่กล่าวถึง มีการ
คุ้มครองเชลยศึก นอกจากนี้ ยังมีข้อความเสมือนเป็นบทบัญญัติในกฎมณเฑียรบาลและบทบัญญัติใน
กฎหมายแพ่งลักษณะครอบครัวและมรดก ตลอดจนการพิจารณาความแพ่งและอาญา

ด้านรัฐศาสตร์
ศิลาจารึกหลักนี้ได้กล่าวถึงความใกล้ชิดระหว่างกษัตริย์กับประชาชนว่า พ่อขุนรามคำแหง

มหาราชโปรดให้ข้าราชบริพารเข้าเฝ้ าปรึกษาราชการได้ทุกวัน ยกเว้นวันพระ และเปิดโอกาสให้ราษฎรมา
สั่นกระดิ่งเพื่ออุทธรณ์ฎีกาได้ทุกเมื่อ

ด้านเศรษฐกิจ
ข้อความที่จารึกไว้ว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจในสมัยสุโขทัยนั้น มี

ความมั่นคงมาก นอกจากนี้ยังมีการชลประทาน การเกษตรกรรมอุดมสมบูรณ์ และการค้าขายก็ทำโดย
เสรี

ด้านประวัติศาสตร์
ศิลาจารึกหลักนี้ช่วยให้เราได้ทราบถึงประวัติความรุ่งเรืองชองชาติไทยในยุคสุโขทัย และประวัติ

เรื่องราวอื่นๆ เช่น ประวัติราชวงศ์สุโขทัย ประวัติการรวบรวมอาณาจักรไทยให้เป็นปึกแผ่น ประวัติการค้า
โดยเสรี ประวัติการสืบสร้างพระพุทธศาสนา และการประดิษฐ์ลายสือไทยด้านภูมิศาสตร์

ศิลาจารึกหลักนี้ได้ระบุอาณาเขตของสุโขทัยไว้อย่างชัดแจ้ง กล่าวถึงว่าทิศตะวันออก จด
เวียงจันทน์ เวียงคำ ทิศใต้จดศรีธรรมราช และฝั่งทะเล ทิศตะวันตกถึงหงสาวดี ทิศเหนือถึงเมืองแพร่
น่าน พลั่ว มีการกล่าวถึงชื่อเมืองสำคัญต่างๆ หลายเมือง เช่น เชลียง เพชรบุรี นอกจากนี้ยังได้พรรณนา
แหล่งทำมาหากินและและแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวเมืองสุโขทัยไว้

ด้านภาษาศาสตร์
ลายสือไทยสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีความสมบูรณ์ทั้งสระและพยัญชนะ สามารถเขียนคำ

ภาษาไทยได้ทุกคำ และสามารถเลียนเสียงภาษาต่างประเทศได้ดีกว่าอักษรแบบอื่นๆ เป็นอันมาก มีการใช้
อักขรวิธีแบบนำสระและพยัญชนะมาเรียงไว้ในบรรทัดเดียวกัน ซึ่งทำให้ประหยัดทั้งเนื้อที่และเวลาในการ
เขียน ภาษาเป็นสำนวนง่ายๆ และมีภาษาต่างประเทศบ้าง ประโยคที่เขียนก็ออกเสียงอ่านได้เป็นจังหวะ
คล้องจองกันคล้ายกับการอ่านร้อยกรองด้านวรรณคดี ศิลาจารึกหลักนี้จัดว่าเป็นวรรณคดีเรื่องแรกของ
ไทย เพราะมีข้อความไพเราะลึกซึ้งและกินใจ ก่อให้เกิดจินตนาการได้งดงาม

11

ด้านศาสนา

ข้อความในศิลาจารึกนี้ มีหลายตอนที่แสดงให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนา
ประจำชาติไทย ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชนั้น ได้รับการอุปถัมภ์เชิดชูอย่างดียิ่ง
ประชาชนชาวไทยได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองสูงส่ง มีการสร้างปูชนีย
สถานและปูชนียวัตถุไว้เป็นจำนวนมาก พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยสร้างขึ้นด้วยความศรัทธาใน
พระศาสนา จึงมีศิลปะงดงามยิ่ง แม้ในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่สามารถจะสร้างให้งามทัดเทียมได้ด้าน
จารีตประเพณี ศิลาจารึกหลักนี้ช่วยให้ทราบว่า สมัยสุโขทัยนั้นมีหลักจารีตประเพณีหลาย
ประการที่ประชาชนนับถือและปฏิบัติกันอยู่ มีทั้งประเพณีทางพระพุทธศาสนาและประเพณีอื่น
ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชนี้ เป็นเอกสารที่สำคัญยิ่งชิ้นหนึ่งของชาติไทย เป็นมรดกอัน
ล้ำค่าและทรงคุณค่าอย่างยิ่ง มีสาระประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองนานัปการ ควรพิทักษ์รักษาไว้ให้
ดำรงคงอยู่คู่ชาติไทยตลอดกาลและเป็ นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่คณะกรรมการที่ปรึกษานานาชาติ
ขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (องค์การยูเนสโก) ได้ประชุม
เมื่อวันที่ 28-30 สิงหาคม 2546 ที่ประเทศโปแลนด์ โดยได้พิจารณาใบสมัครจำนวน 43
รายการ จาก 27 ประเทศทั่วโลก ผลการประชุมมีมติสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ให้องค์การยูเนสโก
จดทะเบียนระดับโลก ศิลาจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหง พร้อมกับอีก 22 รายการ จาก
20 ประเทศ ทั้งนี้ โครงการมรดกความทรงจำของโลกเป็นโครงการเพื่ออนุรักษ์และเผยแพร่
มรดกความทรงจำที่เป็นเอกสาร วัสดุหรือข้อมูลข่าวสารอื่นๆ เช่น กระดาษ สื่อทัศนูปกรณ์ และ
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วย แต่จะต้องมีความสำคัญในระดับนานาชาติ และจะต้องมีการเก็บรักษาใน
ความทรงจำในระดับชาติและระดับภูมิภาคอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อองค์การยูเนสโกได้ประกาศจด
ทะเบียนแล้ว ประเทศเจ้าของมรดกมีพันธกรณีทางปัญญาและทางศีลธรรมที่จะต้องอนุรักษ์ ให้
อยู่ในสภาพที่ดี และเผยแพร่ให้ความรู้แก่มหาชนอนุชนรุ่นหลังทั่วโลกให้กว้างขวาง เพื่อให้
มรดกดังกล่าวอยู่ในความทรงจำของโลกตลอดไปนับเป็ นความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัย
รามคำแหงอย่างยิ่งที่นอกเหนือจากเป็นสถาบันการศึกษาภายใต้พระนาม พ่อขุนรามคำแหง
มหาราช กษัตริย์ผู้มีคุณูปการยิ่งใหญ่แก่ชาติไทยแล้ว ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อัน
เป็น ตราประจำมหาวิทยาลัยรามคำแหง ยังได้รับการยกย่องไปทั่วโลกว่าเป็น มรดกความทรง
จำของโลก

จบบริบูรณ์


Click to View FlipBook Version