The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการศึกษารูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศกรณีศึกษา ประเทศญี่ปุ่น สิงค์โปร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนท์ กรุงเทพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jakkapat.somboon, 2022-08-23 23:18:02

การจัดการศึกษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศกรณีศึกษา ประเทศญี่ปุ่น สิงค์โปร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนท์ กรุงเทพ

รายงานการศึกษารูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศกรณีศึกษา ประเทศญี่ปุ่น สิงค์โปร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนท์ กรุงเทพ

130 รายงานการศกึ ษารปู แบบการจดั การศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

กรณศี กึ ษาประเทศญ่ปี ุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซีแลนด์


– การพัฒนาอารมณ์ จติ ใจและปลูกฝังคุณธรรม จรยิ ธรรม เป็นการปลกู ฝังให้เด็ก
มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อ่ืน มีความเชื่อมั่น กล้าแสดงออก มีวินัย

รับผิดชอบ ซ่ือสัตย์ ประหยัด เมตตา กรุณา เอื้อเฟ้ือ แบ่งปัน มีมารยาทและ
ปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาท่ีนับถือ โดยจัดกิจกรรมต่าง ๆ ผ่าน

การเล่นให้เด็กได้มีโอกาสตัดสินใจเลือก ได้รับการตอบสนองความต้องการ

ไดฝ้ กึ ปฏบิ ตั ิโดยสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม อยา่ งตอ่ เนอื่ ง


– การพัฒนาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยท่ีดี แสดงออกอย่าง
เหมาะสมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือตนเองในการทำ
กิจวัตรประจำวัน มีนิสัยรักการทำงาน ระมัดระวังความปลอดภัยของตนเอง
และผู้อื่น โดยรวมทั้งระมัดระวังอันตรายจากคนแปลกหน้า ให้เด็กได้ปฏิบัติ
กิจวัตรประจำวนั อยา่ งสมำ่ เสมอ รบั ประทานอาหาร พกั ผอ่ นนอนหลบั ขบั ถา่ ย
ทำความสะอาดร่างกาย เล่นและทำงานร่วมกับผู้อ่ืน ปฏิบัติตามกฎกติกา

ข้อตกลงของส่วนรวม เกบ็ ของเข้าท่เี ม่อื เล่นหรือทำงานเสร็จ


– การพัฒนาการคิด เป็นการพัฒนาให้เด็กมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหา
ความคิดรวบยอดและคิดเชิงเหตุผลทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยจัด
กิจกรรมให้เด็กได้สนทนาอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็น เชิญวิทยากรมา

พูดคุยกับเด็ก ศึกษานอกสถานท่ี เล่นเกมการศึกษา ฝึกการแก้ปัญหาในชีวิต
ประจำวนั ฝกึ ออกแบบและสรา้ งชน้ิ งานและทำกจิ กรรมทง้ั เปน็ กลมุ่ ยอ่ ย กลมุ่ ใหญ

และรายบุคคล


– การพัฒนาภาษา เป็นการพฒั นาใหเ้ ด็กใชภ้ าษาสื่อสารถ่ายทอดความรสู้ ึกนึกคิด
ความรคู้ วามเขา้ ใจในสิ่งต่าง ๆ ทเี่ ดก็ มปี ระสบการณ์โดยสามารถตงั้ คำถามในส่งิ
ท่ีสงสัยใคร่รู้ จัดกิจกรรมทางภาษาให้มีความหลากหลายในสภาพแวดล้อมที่
เอื้อต่อการเรียนรู้ มุ่งปลูกฝังให้เด็กได้กล้าแสดงออกในการฟัง พูด อ่าน เขียน

มีนสิ ัยรกั การอ่านและบคุ คลแวดลอ้ มตอ้ งเปน็ แบบอยา่ งท่ีดใี นการใชภ้ าษา ทั้งนี้
ต้องคำนึงถงึ หลักการจัดกิจกรรมทางภาษาทีเ่ หมาะสมกบั เด็กเปน็ สำคัญ


– การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นการส่งเสริมให้เด็กม

ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ได้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและเห็นความสวยงาม
ของสิ่งต่าง ๆ โดยจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ดนตรี การเคลื่อนไหวและ
จังหวะตามจินตนาการ ประดิษฐ์ส่ิงต่าง ๆ อย่างอิสระ เล่นบทบาทสมมต

เล่นนำ้ เลน่ ทราย เล่นบลอ็ กและเลน่ กอ่ สรา้ ง

รายงานการศกึ ษารูปแบบการจดั การศึกษาปฐมวยั ของไทยและต่างประเทศ
131
กรณศี กึ ษาประเทศญี่ปนุ่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด


6.4.2 การวดั และประเมนิ ผล

การประเมินผลการจัดการศึกษาในเด็กปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

พุทธศักราช 2560 น้ัน จะเป็นเร่ืองของการประเมินพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย ดังนี้
(กระทรวงศึกษาธิการ, 2560)

1) การประเมินพัฒนาการเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ควรประเมินให้ครอบคลุมครบ

ทุกช่วงอายุ เพราะช่วงวัยน้ีมีการเปล่ียนแปลงรวดเร็วอีกทั้งมีความเสี่ยงต่อสภาพความผิดปกติต่าง ๆ
จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังและติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด พ่อแม่ ผู้เล้ียงดูหรือผู้ท่ีเก่ียวข้องกับการอบรม
เล้ียงดู ควรสังเกตพัฒนาการเด็กโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล หากพบความผิดปกติต้อง
รีบพาไปพบแพทย์หรือผู้ท่ีมีความรู้ความเช่ียวชาญเก่ียวกับพัฒนาการเด็กเพื่อหาทางแก้ไขหรือบำบัด
ฟนื้ ฟูโดยเร็วท่ีสุด หลักในการประเมินพฒั นาการมดี งั น้

– ประเมินพฒั นาการของเดก็ ครบทกุ ด้าน

– ประเมนิ เป็นรายบุคคลอยา่ งสม่ำเสมอต่อเน่อื ง

– ประเมินด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย ซ่ึงวิธีการประเมินที่เหมาะสมกับเด็กอายุ


ตำ่ กวา่ 3 ปี มกี ารสงั เกตพฤตกิ รรมของเดก็ ในกจิ กรรมตา่ ง ๆ และกจิ วตั รประจำวนั

การบันทึกพฤติกรรม การสนทนา การสัมภาษณ์เด็กและผู้ใกล้ชิด และ

การวเิ คราะห์ข้อมลู จากผลงานเด็ก

– บันทึกพัฒนาการลงในสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก (เล่มสีชมพู) และใช้คู่มือ
การเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย (DSPM) ของกรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข หรอื ของหนว่ ยงานอ่ืน

– นำผลที่ได้จากการประเมินพัฒนาการไปพิจารณาจัดกิจกรรม เพ่ือเปิดโอกาส

ใหเ้ ดก็ เรยี นรูแ้ ละมีพฒั นาการเหมาะสมตามวยั

2) การประเมินพัฒนาการเด็กอายุ 3-6 ปี เป็นการประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย
อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญาของเด็ก โดยถือเป็นกระบวนการต่อเนื่องและเป็นส่วนหน่ึงของ
กิจกรรมปกติที่จัดให้เด็กในแต่ละวัน ผลท่ีได้จากการสังเกตพัฒนาการเด็กต้องนำมาจัดทำสารนิทัศน์
หรือจัดทำข้อมูลหลักฐานหรือเอกสารอย่างเป็นระบบด้วยการรวบรวมผลงานสำหรับเด็กเป็นราย
บุคคลท่ีสามารถบอกเรื่องราวหรือประสบการณ์ท่ีเด็กได้รับว่าเด็กเกิดการเรียนรู้และมีความก้าวหน้า
เพียงใด ทั้งนี้ ให้นำข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการเด็กมาพิจารณาปรับปรุงวางแผนการจัดกิจกรรม
และส่งเสริมให้เด็กแต่ละคนได้รับการพัฒนาตามจุดหมายของหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง การประเมิน
พัฒนาการควรยดึ หลกั ดังน้ี (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560)

– วางแผนการประเมนิ พัฒนาการอย่างเป็นระบบ

– ประเมินพัฒนาการเด็กครบทกุ ด้าน

– ประเมนิ พฒั นาการเดก็ เปน็ รายบคุ คลอยา่ งสมำ่ เสมอต่อเนื่องตลอดปี

132 รายงานการศึกษารูปแบบการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของไทยและต่างประเทศ

กรณศี กึ ษาประเทศญี่ปุน่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนด์


– ประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจำวันด้วยเคร่ืองมือและ

วธิ กี ารทห่ี ลากหลาย ไม่ควรใช้แบบทดสอบ


– สรุปผลการประเมิน จดั ทำขอ้ มลู และนำผลการประเมนิ ไปใช้พฒั นาเดก็

สำหรับวิธีการประเมินท่ีเหมาะสมและควรใช้กับเด็กอายุ 3-6 ปี ได้แก่ การสังเกต

การบนั ทึกพฤติกรรมการสนทนากับเดก็ การสมั ภาษณ์ การวิเคราะหข์ ้อมลู จากผลงานเดก็ ทเ่ี ก็บอยา่ ง
มรี ะบบ




6.5 มาตรฐานการจัดการศกึ ษา


มาตรฐานในการจัดการศึกษาปฐมวัย ประกอบไปด้วยมาตรฐาน 3 ด้าน ได้แก่ กรอบ
แนวทางการจัดการศึกษาของสถานศึกษา คุณภาพครูหรือผู้ดูแล และบทบาทของพ่อแม่และชุมชน
ดงั รายละเอียดต่อไปนี้


6.5.1 กรอบแนวทางการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษา

แนวทางการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษาแบง่ ออกเป็น 2 รปู แบบ คือ 1) สำหรับเดก็
ที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี กับ 2) สำหรับเด็กที่มีอายุ 3-6 ปี ซ่ึงแต่ละรูปแบบมีแนวทางดังนี้ (กระทรวง
ศึกษาธิการ, 2560)

สำหรบั เด็กทม่ี อี ายุต่ำกว่า 3 ป

ในเด็กท่ีมีอายุต่ำกว่า 3 ปี ควรได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากพ่อแม่หรือบุคคลใน
ครอบครัว แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมท่ีเปลี่ยนแปลงไปทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องออกไป
ทำงานนอกบา้ นจงึ ตอ้ งนำเดก็ ไปรบั การเลยี้ งดใู นสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดงั นน้ั สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั

ควรออกแบบและจัดทำหลักสูตรร่วมกับพ่อแม่ ครอบครัว บุคลากรทางสาธารณสุข ผู้เล้ียงดูหรือ

ผู้สอน คณะกรรมการที่มีส่วนเก่ียวข้องและชุมชน เพ่ือพัฒนาเด็กให้บรรลุคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์
ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั โดยกระบวนการจดั ทำหลักสตู รสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั มดี ังน้

1) ศึกษาทำความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยและคู่มือหลักสูตรการศึกษา
ปฐมวัยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี รวมทั้งรวบรวมข้อมูลด้านต่าง ๆ เช่น วิธีการอบรมเล้ียงดู

ความตอ้ งการของพ่อแม่ ผู้ปกครอง วฒั นธรรมความเชือ่ ของท้องถ่นิ และความพรอ้ มของสถานพัฒนา

เดก็ ปฐมวยั

2) จดั ทำหลกั สตู รสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั โดยการกำหนดปรชั ญาการศกึ ษา วสิ ยั ทศั น

ภารกิจหรอื พันธกจิ เป้าหมาย คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ และกำหนดสาระการเรียนรู้ในแตล่ ะชว่ งอายุ
อย่างกว้าง ๆ ให้ครอบคลุมพัฒนาการท้ัง 4 ด้าน ผ่านประสบการณ์สำคัญที่เด็กใช้ในการเรียนรู้ตาม
หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัยและสาระทีค่ วรเรยี นรู้ ซงึ่ อาจต่างกนั ตามบริบทหรือสภาพแวดล้อมของเดก็

รายงานการศกึ ษารูปแบบการจดั การศกึ ษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ
133
กรณีศึกษาประเทศญปี่ นุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซีแลนด


การจัดประสบการณ์ การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ และการประเมิน
พัฒนาการ โดยสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยอาจกำหนดหัวข้ออื่น ๆ ได้ตามความเหมาะสมและความ
จำเปน็ ของสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยแต่ละแหง่

3) ประเมินหลักสูตรสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นข้ันตอนของการตรวจสอบหลักสูตร
สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั แบง่ ออกเปน็ การประเมนิ กอ่ นนำหลกั สตู รไปใช้ เปน็ การประเมนิ เพอ่ื ตรวจสอบ

คุณภาพของหลักสูตรหลังจากที่ได้จัดทำแล้ว โดยอาศัยความคิดเห็นจากผู้ใช้หลักสูตร ผู้มีส่วนร่วม

ในการทำหลกั สตู ร ผเู้ ชย่ี วชาญ ผทู้ รงคณุ วฒุ ใิ นดา้ นตา่ ง ๆ การประเมนิ ระหวา่ งการดำเนนิ การใชห้ ลกั สตู ร

เป็นการประเมินเพ่ือตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถนำไปใช้ได้ดีเพียงใด ควรมีการปรับปรุงแก้ไขใน
เร่ืองใด และการประเมินหลังการใช้หลักสูตรเป็นการประเมินเพ่ือตรวจสอบหลักสูตรทั้งระบบ

หลงั จากทใี่ ชห้ ลกั สูตรครบแตล่ ะชว่ งอายุ เพ่ือสรุปผลวา่ หลกั สูตรท่จี ัดทำควรมีการปรบั ปรุงหรือพัฒนา
ให้ดีข้นึ อย่างไร

สำหรับเดก็ ที่มีอายุ 3-6 ป

สถานศึกษาต้องคำนึงถึงวิสัยทัศน์ จุดเน้นภูมิปัญญาท้องถิ่น สภาพบริบทและ

ความต้องการของชมุ ชนมาออกแบบหลกั สตู รสถานศกึ ษา ดงั น้ี (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2560)

1) จุดหมายของหลักสูตรสถานศกึ ษา

สถานศึกษาต้องดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา บนพื้นฐานหลักสูตร

การศึกษาปฐมวัย โดยสถานศึกษาต้องเชื่อมโยงมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ในหลักสูตร

การศึกษาปฐมวัยไปสู่การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและสะท้อนให้เห็นหลักการของหลักสูตร

การศึกษาปฐมวยั เชน่ การประสานความร่วมมอื ระหวา่ งครอบครวั ชุมชน คณะกรรมการสถานศกึ ษา
ผูส้ อนปฐมวัยและผมู้ ีส่วนเกีย่ วข้องมสี ว่ นร่วมในการพัฒนาเดก็

2) การสรา้ งหลักสูตรสถานศึกษา

หลักสูตรสถานศึกษาจะต้องสนองต่อการเปล่ียนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจและ
ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับธรรมชาติและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย การสร้างหลักสูตรสถานศึกษา
ควรดำเนินการ ดงั น้ี

– ศึกษาทำความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

และเอกสารประกอบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย รวมท้ังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ

ตวั เดก็ และครอบครวั สภาพปจั จบุ นั สภาพตา่ ง ๆ ทเี่ ปน็ ปญั หา จดุ เดน่ ภมู ปิ ญั ญา

ท้องถ่ิน ความต้องการของชมุ ชนและท้องถน่ิ

– จัดทำหลักสูตรสถานศึกษา โดยกำหนดปรัชญาการศึกษา วิสัยทัศน์ ภารกิจ
หรือพันธกิจ เป้าหมาย มาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพท่ี

พงึ ประสงค์ โดยโครงสร้างหลักสตู รประกอบดว้ ย การวเิ คราะห์สาระการเรยี นรู้

134 รายงานการศกึ ษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

กรณศี ึกษาประเทศญี่ปุน่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนด์


รายปี เพื่อกำหนดประสบการณ์สำคัญและสาระท่ีควรเรียนรู้ในแต่ละช่วงอายุ
ระยะเวลาเรียน การจัดประสบการณ์ การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ สื่อและ
แหล่งการเรียนรู้ การประเมินพัฒนาการและการบริหารจัดการหลักสูตร

ซ่ึงสถานศึกษาอาจกำหนดโครงสร้างหลักสูตรได้ตามความเหมาะสมและความ
จำเปน็ ของสถานศกึ ษาแต่ละแหง่

– ประเมินหลักสูตรของสถานศึกษาปฐมวัย แบ่งออกเป็น การประเมินก่อนนำ
หลกั สตู รไปใชเ้ ปน็ การประเมนิ เพอื่ ตรวจสอบคณุ ภาพของหลกั สตู ร องคป์ ระกอบ

ของหลักสูตรหลังจากท่ีได้จัดทำแล้ว โดยอาศัยความคิดเห็นจากผู้ใช้หลักสูตร

ผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำหลักสูตร ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ

การประเมนิ ระหวา่ งการดำเนนิ การใชห้ ลกั สตู รเปน็ การประเมนิ เพอื่ ตรวจสอบวา่

หลักสูตรสามารถนำไปใช้ได้ดีเพียงใด ควรมีการปรับปรุงแก้ไขในเรื่องใด และ
การประเมินหลังการใช้หลักสูตรเป็นการประเมินเพ่ือตรวจสอบหลักสูตรทั้ง
ระบบหลังจากที่ใช้หลักสูตรครบแต่ละช่วงอายุ เพื่อสรุปผลว่าหลักสูตรท่ีจัดทำ
ควรมกี ารปรบั ปรงุ หรือพฒั นาให้ดีข้ึนอย่างไร

6.5.2 คุณภาพของครูและผดู้ ูแล

คุณภาพของครูและผู้ดูแลตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ตัวบ่งช้ีท
ี่
1.2 การบริหารจัดการบุคลากรทุกประเภทตามหน่วยงานที่สังกัด ข้อ 1.2.3 ครู/ผู้ดูแลเด็กที่ทำ

หน้าทหี่ ลกั ในการดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวยั ตอ้ งมีคณุ สมบตั ดิ งั นี้ (สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา,
2562)

1) ผู้ทำหน้าที่ครูมีใบประกอบวิชาชีพครู มีวุฒิทางการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี
สาขาวิชาเอกอนุบาลศึกษาหรือปฐมวัย หรือกรณีท่ีมีวุฒิปริญญาตรีสาขาที่เก่ียวข้อง (ครูสาขาอ่ืนที่
ไม่ใช่เอกปฐมวัย จติ วิทยา แพทย์ พยาบาล สาธารณสุข คหกรรม) ตอ้ งมีการศึกษารายวชิ าท่เี กยี่ วข้อง
กับเด็กปฐมวยั อยา่ งน้อย 3 หนว่ ยกติ (ไม่ต่ำกวา่ 45 ชั่วโมง)

2) ผู้ท่ีทำหน้าที่ผู้ช่วยครู กรณีที่วุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า
18 ปีมีประสบการณ์ทำงานพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างต่อเน่ืองไม่น้อยกว่า 2 ปีหรือผ่านการฝึกอบรม
เกยี่ วกบั การดแู ลและพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ตามทสี่ ว่ นราชการรบั รอง หรอื อยใู่ นระหวา่ งการอบรมดงั กลา่ ว

ภายในระยะเวลา 1 ป

3) คร/ู ผดู้ แู ลเดก็ ไดร้ บั การพฒั นาตอ่ เนอ่ื งระหวา่ งประจำการอยา่ งนอ้ ยปลี ะ 20 ชวั่ โมง

รายงานการศกึ ษารูปแบบการจดั การศกึ ษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ
135
กรณีศกึ ษาประเทศญปี่ นุ่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์


6.5.3 บทบาทของพ่อแมแ่ ละชมุ ชน

หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560 กลา่ วถงึ บทบาทของพอ่ แมแ่ ละผเู้ ลยี้ งด

ดงั นี้ (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2560)

เด็กที่มอี ายุตำ่ กวา่ 3 ปี

พ่อแมแ่ ละผเู้ ลีย้ งดจู ะมบี ทบาทในการเช่อื มตอ่ การพฒั นาเด็กปฐมวัย ดังน
้ี
– ต้องมีความพร้อมในการให้ข้อมูลพื้นฐานของเด็ก โดยให้รายละเอียดตาม


ผลการบันทึกในสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็กของกรมอนามัย กระทรวง
สาธารณสขุ หรอื ของหนว่ ยงานอืน่

– เป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กในการใช้ชีวิตครอบครัวอย่างอบอุ่น ม่ันคง มีการ
สื่อสารทางบวกระหว่างสมาชิกในครอบครัว มีการปฏิบัติต่อกันด้วยความรัก
ความเอ้ืออาทรและการช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน มีการใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา
ตา่ ง ๆ และมีคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวติ

– ต้องพิจารณาเลือกสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามมาตรฐาน
การเล้ียงดูเดก็ อายตุ ่ำกวา่ 3 ป

– ตระหนักถึงความสำคัญท่ีจะร่วมมือกับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในการส่งเสริม
พฒั นาการและการเรียนรขู้ องเด็กตามวยั

– ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เล้ียงดูเด็ก
ด้วยการให้ความรัก ความอบอุ่น ความเอื้ออาทร ความปลอดภัยและส่งเสริม

ให้เด็กมีอิสระในการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง ตลอดจนส่งเสริมให้เด็กมี
จนิ ตนาการและความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์

– ประสานความร่วมมือระหว่างบ้านและสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในการพัฒนา
เด็กไปในทศิ ทางเดียวกัน

– สร้างความคุ้นเคยระหว่างเด็กกับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยก่อนท่ีจะให้เด็กรับ
การอบรมเลีย้ งดูในสถานพฒั นาเด็กปฐมวัย

เด็กในช่วงอายุ 3-6 ปี

พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง เป็นผมู้ ีบทบาทสำคญั ในการอบรมเล้ียงดแู ละส่งเสรมิ การศกึ ษาของ
บตุ รหลานและเพอื่ ช่วยบุตรหลานของตนเองในการศกึ ษาตอ่ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 พ่อแม่ ผปู้ กครอง
ควรดำเนินการดังนี้

– ศกึ ษาและทำความเขา้ ใจหลักสูตรของการศึกษาทัง้ สองระดับ

– จดั หาหนงั สือ อปุ กรณท์ เี่ หมาะสมกับวัยเด็ก

– มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับบุตรหลาน ให้ความรัก ความเอาใจใส่ ดูแลบุตรหลานอย่าง
ใกลช้ ดิ

136 รายงานการศกึ ษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

กรณีศกึ ษาประเทศญ่ีปนุ่ สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด


– จัดเวลาในการทำกิจกรรมรว่ มกบั บุตรหลาน เช่น เลา่ นิทาน อ่านหนงั สือร่วมกัน
สนทนาพูดคุย ซักถามปญั หาในการเรยี น ให้การเสรมิ แรงและให้กำลงั ใจ


– ร่วมมือกับผู้สอนและสถานศึกษาในการช่วยเตรียมตัวบุตรหลานเพ่ือช่วยให้

บตุ รหลานของตนปรับตัวได้ดีขน้ึ


นอกจากน้ี ในแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ยังได้ระบุแนวทางบทบาท
ของผูม้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสียกับการศกึ ษาของเดก็ ในประเทศไทยไว้ โดยบทบาทของผ้ปู กครองน้ัน มดี งั น้ี

– มีส่วนร่วมในการสนับสนุนทรัพยากร พัฒนาหลักสูตรและการจัดกิจกรรม


การเรยี นรขู้ องผเู้ รียน

– สนบั สนนุ การดำเนินงานของสถานศึกษาในรปู แบบตา่ ง ๆ

– มีสทิ ธร์ิ ับร้ขู า่ วสารและผลการดำเนนิ งานของสถานศึกษา

– ร่วมกับครูและเครือข่ายในการพัฒนาทักษะความสามารถของบุตรหลานให้เต็ม

ตามศักยภาพ

ท้ังน้ี ในส่วนของชุมชนก็มีบทบาทในการสนับสนุนเร่ืองการศึกษาเด็กปฐมวัยใน
ประเทศไทย ดงั น
ี้
– สนบั สนุนทรพั ยากรและการลงทนุ เพ่อื การศกึ ษา

– มีส่วนร่วมจัดการศึกษาและจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบต่าง ๆ ตามศักยภาพ

และความพร้อม

– ติดตามและดแู ล ปอ้ งกัน ช่วยเหลือ และแก้ปญั หาเร่ืองตา่ ง ๆ




6.6 งบประมาณและการลงทุน


การศึกษาของ เจมส์ เจ. เฮกแมน พบว่า การลงทุนในการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัยเป็น

การลงทุนท่ีให้ผลตอบแทนทางสังคมท่ีสูงมากโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กยากจนหรือด้อยโอกาส หาก
สามารถลงทุนในเด็กกลุ่มนี้ได้เร็วเท่าไหร่ผลตอบแทนท่ีสังคมจะได้รับก็ย่ิงสูงขึ้น ซึ่งการลงทุนด้าน

งบประมาณกับการศึกษาและสุขภาพของเด็กในวัยนี้จะให้ผลตอบแทนกลับคืนต่อสังคมมากถึง

7.3 เท่าหรือคดิ เป็นอตั ราผลตอบแทนรอ้ ยละ 13.7 ตอ่ ปี (การศกึ ษาของเด็กปฐมวัย, ม.ป.ป.)

รัฐบาลได้สนบั สนุนงบประมาณด้านการศกึ ษาปงี บประมาณ 2555-2560 ตามตารางต่อไปน้ี
(สำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา, 2561) โดยคดิ เปน็ รายหวั ประมาณ 45,000 บาท/คน/ป


รายงานการศึกษารูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวยั ของไทยและต่างประเทศ
137
กรณีศกึ ษาประเทศญ่ปี ุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนด์


ตาราง 6.3 รอ้ ยละของงบประมาณรายจา่ ยด้านการศกึ ษา ปีงบประมาณ 2555-2560


การศกึ ษา ปงี บประมาณ

2555 2556 2557 2558 2559 2560

100

รวม 100 100 100 100 100 70.08

21.05

ระดบั กอ่ นประถมศกึ ษา ประถมศกึ ษา และมธั ยมศกึ ษา 76.00 74.50 74.00 72.90 70.62 0.57

0.27

ระดบั อดุ มศกึ ษา 16.60 16.70 16.90 18.50 19.41 2.84

5.19

การศกึ ษาไมก่ ำหนดระดบั 0.50 0.50 0.50 0.50 1.67

การวจิ ยั และพฒั นาดา้ นการศกึ ษา 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00

การบรกิ ารสนบั สนนุ การศกึ ษา 3.70 4.50 4.50 4.30 4.63

การศกึ ษาอน่ื 3.20 3.70 4.10 3.80 3.66

6.7 การจดั การศกึ ษาสำหรบั เด็กทม่ี ีความต้องการพิเศษระดบั ปฐมวัย


หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 กำหนดแนวทางในการจัดการศึกษาสำหรับ
เด็กที่มคี วามต้องการพเิ ศษระดับปฐมวัย ไวด้ ังน้ี (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2560)


6.7.1 กลมุ่ เด็กทีม่ ีอายตุ ่ำกว่า 3 ปี

ปรับคุณลักษณะที่พึงประสงค์ให้เหมาะสมกับศักยภาพของเด็กแต่ละประเภท ซึ่งเด็ก
อายตุ ่ำกวา่ 3 ปจี ะมคี วามเส่ยี งตอ่ สภาพความผดิ ปกติ ดังนนั้ พอ่ แมห่ รือผู้เลีย้ งดจู ึงต้องเฝา้ ระวังอยา่ ง
ใกล้ชิด หากพบความผิดปกติต้องช่วยเหลือบำบัดฟื้นฟูโดยเร็วที่สุด โดยพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูสามารถ

นำเด็กไปรับบริการในการส่งเสริมพัฒนาการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงพยาบาล ศูนย์บริการ
ทางสาธารณสุข ศูนย์การศึกษาพิเศษ มูลนิธิต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับการให้ความช่วยเหลือเด็กที่มี

ความต้องการพเิ ศษ รวมถึงเขา้ รับการศึกษาในโรงเรยี นเฉพาะทางหรอื โรงเรยี นเรยี นรวม


6.7.2 กลมุ่ เด็กทีม่ อี ายุ 3-6 ปี

สามารถนำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยไปปรับใช้ได้ท้ังในส่วนของโครงสร้างหลักสูตร
สาระการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์และการประเมินพัฒนาการให้เหมาะสมกับสภาพบริบท ความ
ต้องการและศักยภาพของเด็กแต่ละประเภท เพื่อพัฒนาให้เด็กมีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะ

ท่พี งึ ประสงคท์ ี่หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยกำหนดโดยดำเนินการ ดงั นี้

138 รายงานการศกึ ษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ

กรณศี กึ ษาประเทศญีป่ นุ่ สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซแี ลนด์


1) การกำหนดเป้าหมายคุณภาพเด็ก ซ่ึงหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้กำหนด
มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์และสาระการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางเพ่ือให้ทุกฝ่าย
ที่เกี่ยวข้องใช้ในการพัฒนาเด็ก สถานศึกษาหรือผู้จัดการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสามารถ
เลือกหรือปรับใช้ตัวบ่งช้ีและสภาพที่พึงประสงค์ในการพัฒนาเด็กเพื่อนำไปจัดทำแผนการจัด

การศึกษาเฉพาะบุคคลให้ครอบคลุมพัฒนาการของเด็ก ท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและ

สตปิ ัญญา

2) การประเมนิ พัฒนาการเด็ก จะต้องคำนงึ ถงึ ปจั จัยความแตกตา่ งของเด็ก อาทิ เดก็
ท่ีมีความพิการแต่ละด้านอาจต้องมีการปรับการประเมินพัฒนาการที่เอื้อต่อสภาพความพิการของเด็ก
ทั้งวิธีการและเครอ่ื งมือทใ่ี ช้ควรให้สอดคลอ้ งกบั เดก็ กลุ่มเป้าหมายเฉพาะดา้ นดังกล่าว

3) สถานศึกษาท่ีมีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะควรได้รับการสนับสนุนครูพ่ีเลี้ยงให้การ
ดูแลช่วยเหลือและส่งเสริมพัฒนาการ กรณีที่มีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะมีผลพัฒนาการไม่เป็นไปตาม
เปา้ หมายควรมีการส่งตอ่ ไปยงั สถานพัฒนาเด็กที่มีความต้องการพเิ ศษเพ่ือใหไ้ ดร้ บั การพฒั นาต่อไป




6.8 ผลการจัดการศกึ ษา


6.8.1 ปจั จยั นำเข้า

ปี 2562 มีจำนวนนักเรียนปฐมวัยจำนวนทั้งสิ้น 1,826,489 คน จำแนกตามระดับ

การศกึ ษา ดงั แสดงในตารางต่อไปน้ี (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2562)



ตารางท่ี 6.4 จำนวนนักเรยี นปฐมวัย ประจำปีการศึกษา 2562


ระดบั การศกึ ษา
จำนวนนกั เรียน รวมนกั เรียน


ชาย หญงิ


เตรียมอนบุ าล 9,264 8,974 18,238


อนบุ าล 1 150,950 145,054 296,004


อนบุ าล 2 386,621 364,331 750,952


อนุบาล 3 392,055 368,844 760,899


เดก็ เลก็ 211 185 396


รวม 939,101 887,388 1,826,489

รายงานการศึกษารปู แบบการจดั การศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ
139
กรณศี ึกษาประเทศญีป่ ุน่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลีย และนวิ ซีแลนด์


จากสถติ กิ ารศกึ ษาประเทศไทยประจำปีการศกึ ษา 2559-2560 (สำนักงานเลขาธกิ าร
สภาการศึกษา, 2561) พบว่ามีเด็กท่ีเข้าเรียนระดับก่อนประถมศึกษา ร้อยละ 44 ของจำนวนเด็ก

ท่ีต้องเข้าศึกษาข้ันพ้ืนฐานตอนอายุ 6 ปี ส่วนการเข้าถึงการศึกษาในระดับก่อนประถมศึกษามีอัตรา
เขา้ เรียนสทุ ธิอยูท่ ี่ รอ้ ยละ 92.6 (สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2559)

6.8.2 กระบวนการ

การจัดการเรียนการสอนส่วนใหญ่ประกอบด้วยกิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ
กิจกรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมเสรี กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมเกม

การศึกษา โดยจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการจัดระบบประกันคุณภาพภายใน และในปี
พ.ศ. 2562 มีการประกาศใช้มาตรฐานสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยแห่งชาติ

6.8.3 ผลลัพธก์ ารจดั การศึกษาปฐมวยั

กลุ่มสนับสนุนวิชาการและการวิจัย สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย (2561)

ได้ทำการศึกษาปัจจัยท่ีมีผลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2560 พบว่า เด็กปฐมวัย

มีพัฒนาการสมวัยรวมทุกด้าน ร้อยละ 67.5 โดยเด็กอายุ 0-2 ปี มีพัฒนาสมวัยรวมทุกด้าน ร้อยละ
76.80 เด็กอายุ 3-5 ปีมีพัฒนาการสมวัยรวมทุกด้าน ร้อยละ 58.00 เม่ือจำแนกตามรายด้านพบว่า
ดา้ นกลา้ มเนอ้ื มดั ใหญม่ พี ฒั นาการสมวยั รอ้ ยละ 94.8 ดา้ นสงั คมและการชว่ ยเหลอื ตนเองมพี ฒั นาการ

สมวัย รอ้ ยละ 92.10 ดา้ นกลา้ มเน้อื มดั เล็กมีพฒั นาการสมวยั ร้อยละ 90.4 และดา้ นภาษาและการใช้
ภาษามีพฒั นาการสมวยั รอ้ ยละ 79.4 เมอื่ เปรียบเทยี บกับผลการสำรวจพัฒนาการเดก็ ปฐมวยั 6 ครง้ั
ปี พ.ศ. 2442 2447 2550 2553 2557 และ 2560 พบวา่ สถานการณ์พัฒนาการสมวยั เดก็ ปฐมวยั
ยังคงที่และมแี นวโนม้ ลดลง ทีร่ ้อยละ 71.7 72.0 67.7 73.4 72.0 และ 67.5 ตามลำดับ พัฒนาการ
สมวัยเด็กปฐมวัยไทยมีอัตราต่ำกว่าสถิติองค์การอนามัยโลกที่พบร้อยละ 80-85 ของเด็กปฐมวัย

ท่ัวโลก และไม่บรรลุค่าเป้าหมายตามแผนบูรณาการพัฒนาศักยภาพคนตามช่วงวัยท่ีกำหนดไว

ร้อยละ 85 นอกจากน้ี ครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยเนื่องจากไปสอบบรรจุส่งผล

ให้ขาดความต่อเน่ืองในการส่งเสริมพัฒนาการ (สำนักงานรับรองมาตรฐานและประกันคุณภาพ

การศกึ ษา, 2558)

140 รายงานการศกึ ษารปู แบบการจัดการศึกษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

กรณีศกึ ษาประเทศญ่ปี ุน่ สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนด์


บทที่ 7


การเปรยี บเทียบการจัดการศึกษาปฐมวัยของไทยกับต่างประเทศ


จากการที่สังคมมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้
ประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในแถบเอเชียแปซิฟิกเร่ิมเตรียมความพร้อมให้แก่ประชาชนในประเทศ

โดยเร่มิ จากการให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาระดบั ปฐมวยั ซงึ่ เป็นรากฐานสำคญั ในการพัฒนาคน

ในประเทศให้พร้อมท่ีจะเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดข้ึนในอนาคตได้ ประเทศในกลุ่ม OECD ท่ีอยู่ในกลุ่ม
ประเทศพัฒนาเศรษฐกจิ ระดับสงู ไดแ้ ก่ ญป่ี ุน่ สิงคโปร์ ออสเตรเลียและนิวซแี ลนด์ได้มีการพฒั นาการ
จัดการศึกษาระดับปฐมวัยให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและคำนึงถึงทักษะการเรียนรู้ใน
ศตวรรษท่ี 21

ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาเศรษฐกิจระดับกลางและรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับ
การจัดการศึกษาปฐมวัยเช่นกัน โดยเช่ือว่าการพัฒนาคนต้ังแต่ระดับปฐมวัยเป็นการสร้างพื้นฐานที่
แขง็ แรงในการเตบิ โตเปน็ คนทม่ี คี ณุ ภาพสามารถดำรงชวี ติ ในศตวรรษที่ 21 ได้ และแผนการชว่ ยพฒั นา

ประเทศภายใต้โมเดลขับเคลอื่ นประเทศไทยสคู่ วามม่ังค่งั มั่นคงและยง่ั ยืน ดงั นัน้ จงึ มกี ารจัดทำ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2561-2564 มีการจัดทำมาตรฐานสถานพัฒนา

เด็กปฐมวยั แหง่ ชาติ เพื่อให้การจดั การศึกษาปฐมวยั เป็นไปอย่างมีประสทิ ธผิ ล

การศึกษาการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยของประเทศญ่ีปุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลียและ
นิวซีแลนด์ ทำให้เกิดความเข้าใจแนวคิดในการพัฒนาเด็กปฐมวัยและเป้าหมายในการจัดการศึกษา
ปฐมวัยของแต่ละประเทศ ซ่ึงมีท้ังความเหมือนหรือความคล้ายคลึงและความแตกต่างข้ึนอยู่กับบริบท
ทางสงั คมและวฒั นธรรมของแตล่ ะประเทศ ดงั รายละเอยี ดผลการเปรยี บเทยี บและตารางเปรยี บเทยี บ

การจดั การศกึ ษาปฐมวัยต่อไปนี้

รายงานการศกึ ษารปู แบบการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของไทยและต่างประเทศ
141
กรณศี กึ ษาประเทศญี่ปุน่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด


ผลการเปรยี บเทยี บการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยกบั ต่างประเทศ


ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบในด้านหน่วยงานท่ีรับผิดชอบจัดการศึกษาปฐมวัยพบว่า

หน่วยงานหลักที่จัดการศึกษาปฐมวัยที่มีเหมือนกันทุกประเทศคือ กระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะ
ประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ท่ีมีกระทรวงศึกษาธิการเพียงหน่วยงานเดียวรับผิดชอบ
ส่วนประเทศอื่น ๆ มหี น่วยงานอื่น ๆ ร่วมรับผิดชอบด้วย ได้แก่ ในประเทศญป่ี ุ่นมีกระทรวงสขุ ภาพ
สวัสดิการ และแรงงาน ประเทศสิงคโปร์ กระทรวงสังคมและพัฒนาครอบครัวและประเทศไทยมี
จำนวนหนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบรว่ มนอกเหนอื จากกระทรวงศกึ ษาธกิ ารอกี 3 กระทรวง ไดแ้ ก่ กระทรวง

การพฒั นาสงั คมและความม่นั คงของมนษุ ย์ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสขุ

ในด้านผลการเปรียบเทียบประเภทสถานศึกษาปฐมวัยพบว่า สถานศึกษาท่ีทุกประเทศ

มีเหมือนกันคือ ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล ในประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์

มลี กั ษณะของการจดั การศกึ ษาทบี่ า้ น นอกจากนน้ั เปน็ สถานศกึ ษาอนื่ ๆ ทมี่ คี วามเฉพาะหรอื มชี อ่ื เรยี ก

ที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ได้แก่ Outside School Hours Care ของประเทศออสเตรเลีย

Te Kura (การจัดการศึกษาของเมารี) และ Playcenters/Playgroup ของประเทศนิวซีแลนด์
โรงเรยี นบรหิ ารรว่ มในการดูแลเดก็ เล็กและอนุบาลเรยี กว่า ECEC หรอื “Kodomoen” ของประเทศ
ญ่ีปุ่น ส่วนของประเทศไทยมีประเภทสถานศึกษาท่ีมีชื่อเรียกแตกต่างกัน ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรกเร่ิมของเด็กพิการหรือเด็กซึ่งมีความต้องการพิเศษ สถานรับเลี้ยงเด็ก
และสถานสงเคราะห์ และสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั ทีเ่ รียกช่ืออย่างอ่ืน

ผลการเปรียบเทียบช่วงอายุของเด็กปฐมวัยในแต่ละประเทศพบว่า โดยส่วนใหญ่เร่ิมให้
บริการการศึกษาต้ังแต่ทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี ยกเว้นประเทศออสเตรเลียเร่ิมให้บริการต้ังแต่
อายุ 2-3 ปี และประเทศสิงคโปร์ซึ่งเริ่มท่ีเด็กอายุ 2 เดือน และโดยส่วนใหญ่วัยอนุบาลจะเริ่มเมื่อ

เด็กอายุ 3-5 ปี ซึ่งในช่วงอายุ 5-6 ปี ประเทศออสเตรเลียจัดเป็นกลุ่ม Prep เพ่ือเตรียมเข้าสู่ระดับ

ชน้ั ประถมศกึ ษา

ผลการเปรียบเทียบในด้านการรับสมัครพบว่า โดยส่วนใหญ่เกือบทุกประเทศการสมัคร

เข้าเรียนจะดำเนินการโดยพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่สามารถสมัครได้โดยตรงกับทางสถานศึกษา ยกเว้น
ประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์ที่มีวิธีการสมัครแตกต่างไปจากประเทศอ่ืน กล่าวคือ ในประเทศญี่ปุ่นหาก
ต้องการส่งเด็กเข้าเรียนท่ีศูนย์ดูแลเด็กเล็กต้องสมัครผ่านสำนักงานเขตของแต่ละจังหวัด ส่วนโรงเรียน
อนุบาลพ่อแม่สามารถสมัครได้โดยตรงท่ีโรงเรียน ในประเทศสิงคโปร์จะมีความแตกต่างระหว่าง

สถานศึกษาของรัฐและเอกชน ซ่ึงในส่วนสถานศึกษาของรัฐพ่อแม่สามารถลงทะเบียนสมัครเข้าเรียน
ทางออนไลน์ของกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับสถานศึกษาของเอกชนสามารถสมัครได้ที่สถานศึกษา
โดยตรง

142 รายงานการศกึ ษารูปแบบการจดั การศกึ ษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ

กรณศี ึกษาประเทศญป่ี ่นุ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนวิ ซีแลนด


ผลการเปรียบเทียบด้านกฎหมายที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคล่ือนการจัดการศึกษาปฐมวัย
พบว่า โดยส่วนใหญ่ทุกประเทศจะมีกฎหมายหรือระเบียบเฉพาะสำหรับจัดการศึกษาปฐมวัยซ่ึงมีชื่อ
เรยี กแตกต่างกันออกไป เชน่ ประเทศญ่ปี นุ่ ‘School Education Law, Article 2’ สำหรบั อนุบาล
และ ‘Act on Child Education and Child Care Support’ สำหรบั ศนู ยด์ ูแลเด็ก ประเทศสิงคโปร์
มีระเบียบการจัดการศึกษาปฐมวัยเรียกว่า ‘The Early Childhood Development Agency
(ECDA)’ ประเทศนวิ ซแี ลนด์ ‘Early Childhood Services Regulations 2008’ และประเทศไทย

มพี ระราชบัญญตั กิ ารพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. 2562 นอกจากนี้ ยงั มีกฎหมายหรือระเบยี บอนื่ ๆ ท่นี ำ
มาใช้ร่วมกัน เช่น กฎหมายด้านสิทธิเด็กและกฎหมายหรือระเบียบมาตรฐานสถานศึกษาปฐมวัย
สำหรบั ประเทศออสเตรเลยี มีความแตกต่างจากประเทศอ่นื ๆ กลา่ วคอื กฎหมายบังคับทางการศกึ ษา
จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ โดยส่วนใหญ่จะสอดคล้องกันไปตามมาตรฐานคุณภาพทาง

การศกึ ษาทัง้ 7 ขอ้

เมื่อพิจารณาผลการเปรียบเทียบด้านเวลาในการดูแลเด็กพบว่า ประเทศญี่ปุ่นและประเทศ
สงิ คโปรม์ รี ะยะเวลาขัน้ ต่ำใกล้เคียงกัน คอื ในศนู ยด์ แู ลเด็กเลก็ ใช้เวลาไม่ตำ่ กว่า 8 ชั่วโมงตอ่ วนั และใน
ระดับอนุบาลไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ในประเทศนิวซีแลนด์และประเทศไทยมีระยะเวลาใกล้เคียง
กนั คอื ประมาณ 7 ชว่ั โมงตอ่ วนั สว่ นประเทศทกี่ ำหนดระยะเวลาขน้ั ตำ่ นอ้ ยทส่ี ดุ คอื ประเทศออสเตรเลยี

กำหนดไว้ 3 ช่วั โมงต่อวนั

ผลการเปรยี บเทยี บในดา้ นปรชั ญา/หลกั การของหลกั สตู รพบวา่ เนอื้ หาของปรชั ญา/หลกั การ

ของหลักสูตรท่ีแต่ละประเทศกำหนดไว้ตรงกันมากที่สุดยกเว้นประเทศญี่ปุ่น คือ “การส่งเสริม

ความรว่ มมอื หรอื การมสี ว่ นรว่ มของครอบครวั ชมุ ชนและบคุ คลทเี่ กย่ี วขอ้ งในการพฒั นาเดก็ ” รองลงมา

คือ “การสร้างความสัมพันธ์/การเรียนรู้โดยเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ซ่ึงกันและกัน” ซ่ึงมีกล่าวไว

3 ประเทศ คือ ประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และสิงคโปร์ และ “การพัฒนาการเรียนรู้แบบ

องค์รวม” ซึ่งมกี ลา่ วไวใ้ น 3 ประเทศ ไดแ้ ก่ ประเทศนิวซแี ลนด์ สงิ คโปรแ์ ละไทย นอกจากนี้ ประเทศ
ออสเตรเลีย สิงคโปร์และไทยมีการกำหนดบางเนื้อหาของปรัชญา/หลักการที่มีแนวคิดใกล้เคียงกัน
กล่าวคือการเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผ่านการเรียนรู้โดยการลงมือปฏิบัติ ซึ่งผู้เรียนมีลักษณะของ
Active Learner

ในด้านเป้าหมายของหลักสูตรพบว่า ประเทศสิงคโปร์ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ กำหนด
เป้าหมายที่ใกล้เคียงกัน 3 ประเด็น ได้แก่ 1) เด็กมีความสามารถในการเช่ือมโยงโลกรอบตัวได้โดย
รู้จักขอบเขต/พื้นท่ีหรือโลกของตนเอง 2) เด็กสามารถเรียนรู้/อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างเหมาะสม และ
3) เด็กมีความสามารถทางภาษาและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมกับพัฒนาการ สำหรับประเด็นที่
ประเทศญ่ีปุ่น สิงคโปร์และออสเตรเลียกำหนดไว้ในเป้าหมายใกล้เคียงกันคือ เด็กต้องมีความรู้สึก
ผาสุกและเรียนรู้อย่างสนุกสนาน สำหรับประเทศไทยเป้าหมายท่ีกำหนดขึ้นโดยส่วนใหญ่มุ่งเน้น

การส่งเสรมิ พฒั นาการในดา้ นต่าง ๆ ของเดก็ เป็นสำคัญ

รายงานการศกึ ษารูปแบบการจดั การศึกษาปฐมวยั ของไทยและตา่ งประเทศ
143
กรณีศึกษาประเทศญี่ปนุ่ สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซแี ลนด์


สำหรับผลการเปรียบเทียบเนื้อหาของหลักสูตรพบว่า เน้ือหาด้านการส่งเสริมความรู้สึกเป็น
ส่วนหน่ึง ทักษะทางอารมณ์/สังคมหรือสัมพันธภาพท่ีดีถูกระบุไว้ในหลักสูตรของ 4 ประเทศยกเว้น
ประเทศไทย เน้ือหาด้านการสำรวจส่ิงรอบตัว/ส่ิงแวดล้อมหรือธรรมชาติรอบตัวถูกระบุไว้ในหลักสูตร
ของ 4 ประเทศยกเว้นประเทศออสเตรเลีย สำหรับเนื้อหาที่ระบุไว้ในหลักสูตรของประเทศญี่ปุ่น
สิงคโปร์และนิวซีแลนด์ท่ีมีเน้ือหาใกล้เคียงกันมี 2 เนื้อหาคือ เนื้อหาด้านความผาสุก/สุนทรียศาสตร์
และการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์และเนื้อหาด้านภาษาและการส่ือสาร แต่อย่างไรก็ตามเนื้อหาใน
หลักสูตรของประเทศสิงคโปร์มีความแตกต่างจากประเทศอื่นตรงท่ีเน้นการรู้หนังสือ (การอ่าน และ
การเขียน) และการคำนวณ

เม่ือพิจารณาวิธีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ท้ัง 5 ประเทศพบว่า ใช้วิธีการเดียวกันคือ
การจัดการเรียนการสอนผ่านการเล่น (Play-Based Approach) โดยเน้นการเล่นที่มีความหมายต่อ
การพัฒนาการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก อย่างไรก็ตาม ในแต่ละประเทศจะมีแนวทางเป็นของ
ตนเอง เช่น ประเทศญีป่ ุน่ เน้นให้เด็กทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองให้มากทส่ี ดุ โดยครูไมต่ อ้ งเขา้ ไปช่วยเหลือ
ประเทศสิงคโปรแ์ ละไทยเน้นการเรียนร้แู บบบรู ณาการ เป็นต้น

ผลการเปรียบเทียบในด้านคุณสมบัติของครูและผู้ดูแลเด็กปฐมวัยพบว่า ประเทศญี่ปุ่น
สิงคโปร์ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์กำหนดคุณสมบัติของครูปฐมวัยที่สอนในระดับอนุบาลไว้

เหมือนกัน กล่าวคือ การเป็นครูสอนเด็กระดับอนุบาลจะต้องมีใบรับรองวิชาชีพ/ขึ้นทะเบียนเป็นครู
ระดับอนุบาลโดยเฉพาะ ยกเว้นประเทศไทยท่ีใช้ใบรับรองวิชาชีพครูทั่วไป นอกจากน้ี สำหรับผู้ดูแล
เดก็ เล็กประเทศญปี่ ุน่ ไดม้ ีการให้การรบั รองทางวิชาชีพอยา่ งชดั เจน

ในด้านสัดส่วนของครูต่อเด็กพบว่า ในแต่ละประเทศมีเกณฑ์การกำหนดสัดส่วนจำแนกตาม
อายุของเด็ก จำนวนครูและจำนวนเด็กโดยตัวเลขสัดส่วนครูต่อเด็กของแต่ละประเทศมีความ

หลากหลาย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาในบางช่วงอายุ เช่น ช่วงเด็กแรกเกิดหรือต่ำกว่า 1 ปี

ส่วนใหญ่ในแต่ละประเทศจะมีสัดสว่ นใกล้เคียงกันคอื ครู 1 คนต่อเดก็ จำนวน 3-4 คน

เม่ือพิจารณาในด้านมาตรฐานสถานศึกษาพบว่า ในแต่ละประเทศมีแนวทางในการกำหนด
มาตรฐานสถานศึกษาเป็นของตนเองโดยส่วนใหญ่จะกำหนดออกมาในรูปแบบกฎหมายหรือระเบียบ
ดังเช่นประเทศญ่ีปุ่น นิวซีแลนด์และประเทศไทย ส่วนประเทศสิงคโปร์และออสเตรเลียจะถูกกำหนด
คุณภาพไวต้ ามเกณฑ์การประกนั คณุ ภาพ

ในด้านการประกันคุณภาพการศึกษาระดับปฐมวัยพบว่า โดยส่วนใหญ่มีระบบ/องค์กรท่ีทำ
หน้าท่ีตรวจประเมินคุณภาพที่ชัดเจน ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ประกันคุณภาพโดย SPARK ประเทศ
ออสเตรเลียโดย Australian Children’s Education and Care Quality Authority (ACECQA)
ประเทศนิวซีแลนด์โดย Education Review Office (ERO) และประเทศไทยมีสำนักงานรับรอง
มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) และเกณฑ์มาตรฐานการศึกษา

144 รายงานการศกึ ษารูปแบบการจดั การศึกษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ

กรณศี ึกษาประเทศญป่ี ุ่น สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซแี ลนด์


ระดับปฐมวัย พ.ศ. 2561 ส่วนประเทศญ่ีปุ่นไม่มีระบบการประกันคุณภาพที่ชัดเจนแต่มีการเขียน
รายงานและตรวจเย่ยี มเปน็ ครัง้ คราว

ผลการเปรียบเทียบในด้านค่าใช้จ่ายในการเรียนพบว่า ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์และ
ออสเตรเลียพ่อแม่ยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบางส่วนและได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐ

อีกส่วนหน่ึง ท้ังน้ีการสนับสนุนจากรัฐบาลจะขึ้นอยู่กับรายได้ของครอบครัว ส่วนประเทศนิวซีแลนด์
และประเทศไทยพ่อแม่ไม่ต้องจ่ายค่าเรียนยกเว้นแต่การขอรับบริการพิเศษนอกเหนือจากการเรียน
ปกติพ่อแม่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนเกินน้ัน สำหรับโรงเรียนของเอกชนในประเทศไทย
ค่าใช้จ่ายท้ังหมดจะต้องเป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่/ผู้ปกครอง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนตุลาคม
พ.ศ. 2562 ประเทศญี่ปุ่นเร่ิมให้บริการการศึกษาและดูแลเด็กปฐมวัยโดยพ่อแม่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ไม่ว่าจะเรยี นในโรงเรยี นของรฐั หรือเอกชน

คณะผู้วิจัยนำเสนอรายละเอียดข้อมูลการเปรียบเทียบ ดังตารางท่ี 7.1 ตารางเปรียบเทียบ
การจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของไทยกับประเทศญปี่ ุ่น สงิ คโปร์ ออสเตรเลียและนิวซแี ลนด์ ดงั ต่อไปน้ี

ตารางที่ 7.1 การเปรียบเทียบการจัดการศึกษาปฐมวยั ของประเทศญป่ี ่นุ สิงคโปร์ ออสเตรเลียและนวิ ซีแลนด์กับประเทศไทย


หัวข้อ ญปี่ ุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลยี นิวซแี ลนด ์ ไทย


1. หน่วยงาน 1. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธิการและ กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพฒั นาสงั คมและ

ทรี่ บั ผิดชอบ วัฒนธรรม กีฬา กระทรวงสังคมและ ความมน่ั คงของมนุษย

วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี พฒั นาครอบครวั กระทรวงมหาดไทย

2. กระทรวงสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสขุ และ

สวัสดิการและแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ


2. ประเภทของ 1. ศูนยด์ แู ลเด็กเลก็ 1. ศูนย์ดแู ลเด็ก - Long Day Care 1. ศนู ย์ดูแลเดก็ เล็ก 1. ศนู ยเ์ ด็กเลก็ เชน่ ศนู ยพ์ ฒั นา

สถานศกึ ษา 2. โรงเรยี นอนุบาล 2. โรงเรียนอนบุ าล - Preschool/Kindergarten 2. โรงเรยี นอนบุ าล เดก็ เล็ก สถานรบั เล้ียงเด็ก

3. โรงเรยี นบริหารรว่ มในการ - Outside School 3. บ้าน และสถานสงเคราะห์ และ

ดแู ลเดก็ เลก็ และอนบุ าล Hours Care 4. Te Kura สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัย

เรียกวา่ ECEC หรือ - Family Day Care 5. Playcentres/Play group ทเ่ี รยี กชอื่ อย่างอ่ืน

“Kodomoen” 2. โรงเรียนอนบุ าล
รายงานการศกึ ษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

3. โรงเรยี นประถมศึกษา
กรณศี กึ ษาประเทศญี่ปนุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด์


3. ช่วงอายเุ ด็ก 1. ศูนยด์ ูแลเดก็ เล็ก แรกเกิด - 1. ศนู ย์ดูแลเดก็ เล็ก เตรยี มอนบุ าล 2-3 ปี 1. เด็กทารก แรกเกดิ ถงึ 6 ปี

เขา้ เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษา 2 เดอื น-4 ปี อนุบาล 3-5 ป ี (แรกเกดิ -18 เดอื น)

2. อนบุ าล 3 ปี - เข้าเรียน (บางแหง่ รบั ถึง 6 ป)ี Prep 5-6 ป ี 2. เด็กวยั เตาะแตะ (1-3 ป)ี

ชั้นประถมศึกษา 2. อนบุ าล 3-7 ปี 3. เดก็ เลก็ (2 ½ - 5 ป)ี

(บางแห่งรับตัง้ แต่ 2 ป)ี


4. การสมัคร 1. ศูนย์ดูแลเด็กเลก็ ต้องสมัคร สำหรับโรงเรยี อนุบาลของรฐั - เลอื กโรงเรยี นอนุบาล พ่อแมเ่ ปน็ ผู้เลือกโรงเรยี น สมคั รเขา้ เรยี นดว้ ยความสมคั รใจ

ผ่านสำนกั งานเขต พอ่ แมส่ ามารถลงทะเบยี นสมคั ร - ศึกษาเก่ียวกับคา่ เล่าเรยี น และสมัครเรียนให้ลกู ของพอ่ แม/่ ผ้ดู แู ล

2. สมัครทโี่ รงเรียนอนุบาล เข้าเรยี นทางออนไลนข์ อง - ลงทะเบียนเรียน ซ่งึ ต้องมี

โดยตรง กระทรวงศึกษาธิการ ข้อมูลได้แก่ ชอื่ เดก็ ทีอ่ ยู่

สว่ นโรงเรียนอนบุ าลและ รายละเอยี ดเกีย่ วกับ

ศนู ยด์ ูแลเด็กเอกชนสามารถ ความต้องการจำเป็นพเิ ศษ

ตดิ ตอ่ สถานศึกษาได้โดยตรง ข้อมูลเกี่ยวกบั ผปู้ กครองหรือ



145

146

ตารางที่ 7.1 การเปรยี บเทยี บการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศญ่ปี ุน่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนดก์ ับประเทศไทย (ตอ่ )
รายงานการศึกษารปู แบบการจดั การศึกษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

กรณศี ึกษาประเทศญ่ีปุ่น สงิ คโปร์ ออสเตรเลีย และนวิ ซแี ลนด

หวั ข้อ ญ่ีปุน่ สิงคโปร ์ ออสเตรเลีย นวิ ซีแลนด์ ไทย


4. การสมัคร (ต่อ) ผู้ดแู ลเด็ก ข้อมูลบคุ คล

ทีม่ ารบั สง่ เดก็ ที่โรงเรียน

ใบสตู บิ ตั ร ขอ้ มลู ทางสขุ ภาพ

(กอ่ นท่ีการเขา้ เรยี นจะได้รับ

การยืนยนั ต้องแสดงประวตั ิ

ของการฉดี วคั ซนี ตามขอ้ บงั คบั

ที่เดก็ ควรได้รับให้ถกู ตอ้ ง)


5. กฎหมาย 1. School Education Law, 1. ระเบียบการจดั การศึกษา กฎหมายบังคับทางการศกึ ษา 1. Education Act 1989 พระราชบญั ญัตกิ ารพัฒนา

Article 2 (อนุบาล) ปฐมวัยของ The Early จะแตกแต่งกันออกไป 2. Early Childhood Services เดก็ ปฐมวยั พ.ศ. 2562

2. Regulations of the Childhood Development ในแต่ละรฐั ในประเทศ Regulations 2008

School Education Law, Agency (ECDA) ออสเตรเลีย 3. Children’s Act 2014

Articles 36-39 (อนุบาล) 2. กฎหมายมาตรฐาน กฎหมายและนโยบาย

3. Child Welfare Law, ศูนยพ์ ัฒนาเดก็ ปฐมวัย ที่สอดคลอ้ งกนั สว่ นใหญ่

Article 35, 45 (อนุบาล) (Early Childhood จะเก่ยี วกบั มาตรฐานคุณภาพ

4. Revised Law for the Development Centres ทางการศึกษาท้งั 7 ขอ้

Center for Early Act 2017)

Childhood Education 3. ระเบียบศนู ยพ์ ฒั นา

and Care เดก็ ปฐมวัย

5. Aact on Child Education (Early Childhood

and Child Care Support Development Centres

Regulations 2018)

4. จรรยาบรรณครู

(Code of Ethics)

ตารางที่ 7.1 การเปรียบเทียบการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศญ่ปี ุ่น สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนดก์ บั ประเทศไทย (ตอ่ )


หัวข้อ ญป่ี ุ่น สงิ คโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด ์ ไทย


6. เวลาในการ 1. ศนู ยด์ ูแลเดก็ เล็กมาตรฐาน 1. ศนู ยด์ แู ลเด็กเล็ก 7 โมงเช้า อนบุ าลใชเ้ วลาประมาณ 35-40 ช่ัวโมงต่อสัปดาห ์ ประมาณ 6-7 ช่วั โมงต่อวนั

ดแู ลเด็ก ไมน่ อ้ ยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวนั ถงึ หนึง่ ทุ่ม 15 ชวั่ โมงต่อสัปดาห

2. มาตรฐานไม่นอ้ ยกวา่ 2. สำหรบั เดก็ อายุ 5-7 ปี

4 ช่วั โมงตอ่ วัน 4 ชวั่ โมงตอ่ วนั บรกิ าร 5 วัน

ต่อสัปดาห์พอ่ แม่สามารถ

เลือกชว่ งเวลาเชา้ หรือบ่ายได้


7. ปรชั ญา/หลกั การ 1. พัฒนาสตปิ ญั ญา อารมณ ์ 1. สง่ เสริมพัฒนาการและ 5 ขอ้ ไดแ้ ก่ 1. การเสริมสรา้ งพลังอำนาจ 1. สง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นร
ู้
ของหลักสูตร สงั คม ไมเ่ น้นสอนอา่ นออก การเรยี นรู้ผ่านแนวทาง 1. ความสัมพนั ธท์ ่ปี ลอดภยั 2. การพัฒนาแบบองคร์ วม และพฒั นาการทคี่ รอบคลุม

เขียนได้ แบบองค์รวม มีความเคารพและ 3. การมสี ่วนร่วมของครอบครัว 2. ยึดหลักการอบรมเล้ียงดู

2. การดำรงชีวติ อิสระและ 2. การเรยี นรู้แบบบูรณาการ มีความสมั พันธ์ซึง่ กนั และกัน และชุมชน และให้การศกึ ษาทเ่ี น้นเด็ก

ลกั ษณะนสิ ยั ทีจ่ ำเป็น 3. เดก็ เปน็ ผเู้ รยี นทก่ี ระตอื รอื รน้ 2. มีความร่วมมอื กนั 4. ความสัมพันธ์ เป็นสำคญั
รายงานการศกึ ษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

3. ครมู ีความเชยี่ วชาญ 4. ผใู้ หญ่เปน็ ผู้สนับสนุน 3. มคี วามคาดหวังทสี่ ูงและ 3. ยึดพฒั นาการและ
กรณศี กึ ษาประเทศญี่ปนุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด์

4. รฐั บาลสว่ นกลางและทอ้ งถน่ิ ท่นี า่ สนใจในการเรยี นร้ ู มีความเสมอภาค ยตุ ิธรรม การพัฒนาเด็กโดยองคร์ วม

กำหนดมาตรฐาน ของเดก็ 4. ยอมรับความหลากหลาย ผ่านการเลน่ อยา่ ง

5. การเชอ่ื มโยงงานวิจัย 5. การเรยี นร้แู บบมปี ฏสิ มั พันธ์ 5. การเรียนรู้อย่างตอ่ เน่ือง มคี วามหมายและมีกิจกรรม

6. การเลน่ เป็นเครื่องมอื สำหรบั และการทำงานทม่ี ี ทหี่ ลากหลาย

การเรยี นรู้ การสะทอ้ นการปฏบิ ัต ิ 4. จดั ประสบการณ์การเรยี นรู

ใหเ้ ดก็ มีทกั ษะชีวติ และ

สามารถปฏบิ ตั ติ นตาม

หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ

พอเพยี ง

5. สร้างความรู้ ความเขา้ ใจ

และประสานความรว่ มมอื

ในการพัฒนาเดก็




147

148

ตารางที่ 7.1 การเปรียบเทยี บการจัดการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศญปี่ ุ่น สงิ คโปร์ ออสเตรเลียและนวิ ซแี ลนด์กับประเทศไทย (ตอ่ )
รายงานการศึกษารปู แบบการจดั การศึกษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

กรณศี ึกษาประเทศญ่ีปุ่น สงิ คโปร์ ออสเตรเลีย และนวิ ซแี ลนด

หัวข้อ ญีป่ ่นุ สิงคโปร ์ ออสเตรเลยี นวิ ซีแลนด ์ ไทย


8. เปา้ หมาย 1. พฒั นาพน้ื ฐานในการดำรงชวี ติ 1. สนุกสนาน/แสดงความคิด/ ผลลัพธ์ 1: เด็กมีความรู้สึกถึง 1. สง่ เสริมสขุ ภาพ/อารมณ์/ มงุ่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กมพี ฒั นาการ

ของหลกั สตู ร 2. ประสบการณส์ นกุ สนาน สรา้ งสรรรคผ์ ่านศลิ ปะ อัตลักษณ์ของตนเอง ความปลอดภัย ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ

3. ทำงานร่วมกับครอบครวั ดนตรแี ละการเคลื่อนไหว ผลลัพธ์ 2: เดก็ มคี วามรสู้ ึก 2. เชือ่ มโยงครอบครวั / สงั คมและสตปิ ัญญา

4. ปพู ้ืนฐานการเรยี น 2. สนใจโลกรอบตัวผ่านการ เช่ือมโยงและช่วยเหลือในโลก โลกภายนอก/ร้จู กั ขอบเขต ทเี่ หมาะสมกบั วยั ความสามารถ

แสวงหาความร ู้ ของตนเอง หรอื พ้ืนทต่ี น ความสนใจและความแตกตา่ ง

3. พฒั นาการฟงั พดู อา่ น เขยี น ผลลพั ธ์ 3: เดก็ มคี วามรสู้ กึ ผาสกุ 3. มีความเท่าเทยี ม/เรียนร ู้ ระหวา่ งบคุ คล

ภาษาแมแ่ ละภาษาองั กฤษ ผลลัพธ์ 4: เดก็ มีความม่ันใจ รว่ มกับผู้อน่ื

4. มคี วามสมดลุ ในการ และเป็นผเู้ รียนทม่ี ีส่วนรว่ ม 4. พัฒนาทางภาษา/เร่อื งราว/

ประสานงาน/เคลอ่ื นไหว ผลลพั ธ์ 5: เด็กเปน็ ผทู้ มี่ ี สญั ลักษณใ์ นการสอ่ื สาร

กิจกรรมทางกาย การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ 5. เรยี นรผู้ ่านการเลน่ /สำรวจ

5. มที กั ษะการใชต้ ัวเลข/ สง่ิ รอบตัว

คำนวณในชวี ิตประจำวนั

6. ตระหนักรู/้ จดั การอารมณ์

และพฤติกรรมท่ีเหมาะสม

ในการอย่รู ่วมกบั ผูอ้ นื่


9. เน้อื หาหลกั สตู ร 1. สขุ ภาพ 1. สุนทรียศาสตร์และ ความรสู้ ึกเป็นส่วนหนึง่ 1. ความผาสุก 1. เรอื่ งราวเก่ียวกับตวั เด็ก

2. สัมพันธภาพ การแสดงออกอยา่ งสรา้ งสรรค ์ (Belonging) 2. ความเปน็ ส่วนหน่ึง 2. เร่อื งราวเกีย่ วกบั บุคคล

3. สง่ิ แวดลอ้ ม 2. การค้นหาโลกรอบตัว การเป็นตวั ของตัวเอง (Being) 3. การเอื้อประโยชน์ และสถานทีแ่ วดล้อมเด็ก

4. ภาษา 3. ภาษาและการรู้หนังสอื การพฒั นาการเพื่อท่จี ะเป็น 4. การส่ือสาร 3. ธรรมชาติรอบตวั

5. การแสดงออก 4. พัฒนาการดา้ นกล้ามเนอ้ื (Becoming) 5. การสำรวจสิ่งรอบตัว 4. ส่ิงตา่ ง ๆ รอบตวั เด็ก

และการเคลื่อนไหว

5. ความรดู้ ้านการคำนวณ

6. พฒั นาการทางสังคม

และอารมณ์

ตารางที่ 7.1 การเปรยี บเทียบการจัดการศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซแี ลนด์กบั ประเทศไทย (ต่อ)


หวั ขอ้ ญี่ป่นุ สงิ คโปร ์ ออสเตรเลีย นวิ ซแี ลนด ์ ไทย


10. วธิ กี ารจดั 1. Child-Center and “iTeach” การจดั การเรยี นการสอน Play-Based Approach กจิ กรรมบรู ณาการผ่านการเล่น

ประสบการณ ์ Play- Based ผา่ นการเล่น (Play-Based

การเรียนรู้ 2. การใหเ้ ดก็ ทำส่งิ ต่างๆ ดว้ ย Learning Approach)

ตนเองมากทส่ี ดุ โดยคร ู การสอนอยา่ งต้งั ใจ

ไม่ตอ้ งเขา้ ไปชว่ ยเหลอื มวี ัตถุประสงค์

เรียกวา่ “Mimamoru” (Intentional Teaching)


11. คุณสมบัติ ใบประกอบวชิ าชพี ครูโรงเรยี น ใบประกอบวชิ าชพี ครู ไม่ได้มีการบังคับเก่ยี วกบั ใบประกอบวชิ าชีพครอู นบุ าล 1. ผู้ทำหน้าทคี่ รูมใี บประกอบ

ของครู/ อนุบาล ในสถานศึกษาปฐมวยั การลงทะเบยี นเป็นครใู นทุกรัฐ ใบ Police Clearance วชิ าชีพครู

ผู้ดูแลเด็ก ใบประกอบวิชาชพี ผู้ดูแลเดก็ ไมม่ ีใบประกอบวชิ าชีพ ของออสเตรเลีย แตใ่ นบางรัฐ 2. ผทู้ ่ีทำหน้าทผี่ ู้ช่วยครู

ในศูนย์ดูแลเดก็ ผดู้ ูแลเดก็ ในสถานศึกษาปฐมวยั ก็มนี โยบายบังคับท่คี รูต้อง มปี ระสบการณ์หรือผา่ น

แต่จะต้องผ่านการอบรมจาก มกี ารลงทะเบยี นเพอื่ ที่จะ การฝกึ อบรมเกย่ี วกบั
รายงานการศกึ ษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

NIEC และทำงานในศนู ย์ สามารถเป็นครสู อนในโรงเรียน การดแู ลและพฒั นา
กรณศี กึ ษาประเทศญี่ปนุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด์

ดแู ลเดก็ ทม่ี ใี บอนญุ าต อนบุ าลไดอ้ ยา่ งถกู ต้องตาม เดก็ ปฐมวัย

กฎหมาย 3. ครู/ผดู้ แู ลเด็กได้รับ

การพฒั นาตอ่ เนอ่ื งระหว่าง

ประจำการอยา่ งนอ้ ย

ปลี ะ 20 ชั่วโมง


12. สัดส่วน ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก 1.5-2.5 ป ี 1:8/1+1:12 แรกเกดิ – 2 ปี 1:4 ต่ำกว่า 2 ปี 1:5, 2:10, 3:15, 1. ต่ำกวา่ 1 ปี 1 : 3

ครูต่อเด็ก แรกเกดิ 1:3 2.5-3 ป ี 1:12/1+1:18 2-3 ปี 1:5 4:20, 5:25 กลมุ่ ละไมเ่ กิน 6 คน

1-2 ปี 1:6 3-4 ป ี 1:15/1+1:20 3-6 ปี 1:11 2 ปีขน้ึ ไป 1:6, 2:20, 3:30 2. ตำ่ กว่า 2 ปี 1 : 5

3 ปี 1:20 4-7 ปี 1:20 อ.1 กลุ่มละไมเ่ กนิ 10 คน

4-5 ปี 1:30 1:25 อ. 2 3. ต่ากวา่ 3 ป ี 1 : 10

โรงเรยี นอนุบาล 1:35 1+1:30 กลุ่มละไมเ่ กิน 20 คน

4. อายุ 3 ป-ี กอ่ นเขา้ ป. 1 1 : 15

กล่มุ ละไม่เกนิ 30 คน



149

150

ตารางที่ 7.1 การเปรียบเทยี บการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศญป่ี ุน่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด์กบั ประเทศไทย (ตอ่ )
รายงานการศึกษารปู แบบการจดั การศึกษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

กรณศี ึกษาประเทศญ่ีปุ่น สงิ คโปร์ ออสเตรเลีย และนวิ ซแี ลนด

หัวขอ้ ญ่ปี นุ่ สิงคโปร ์ ออสเตรเลีย นวิ ซแี ลนด ์ ไทย


13. มาตรฐาน การปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย Quality Rating Scale (QRS) สอดคลอ้ งกบั การประกนั คณุ ภาพ 1. Education (Early มาตรฐานสถานพฒั นา

สถานศึกษา ทก่ี ำหนดขนาดพื้นที่ อุปกรณ์ ทงั้ 7 ด้านของ Australian Childhood Services) เดก็ ปฐมวัยแห่งชาติ

จำนวนบคุ ลากร Children’s Education and Regulations (2008)

Care Quality Authority 2. Licensing Criteria for

(ACECQA) Early Childhood

Education and Care

Centres (2008)

3. Licensing Criteria for

Kōhanga Reo affiliated

with Te Kōhanga Reo

National Trust (2008)


14. การประกนั ไม่มรี ะบบชัดเจนแตม่ กี ารเขียน มีระบบประกันคณุ ภาพ SPARK Australian Children’s Education Review Office สำนกั งานรับรองมาตรฐาน

คณุ ภาพ รายงานและตรวจเยีย่ ม Education and Care (ERO) และประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา

เปน็ ครง้ั คราว Quality Authority (ACECQA) มาตรฐานสถานพัฒนา

QA1 โปรแกรมการศึกษา เดก็ ปฐมวัยแหง่ ชาต

และการปฏบิ ัต ิ

QA2 สขุ ภาพและความปลอดภยั

ของเด็ก

QA3 สภาพแวดล้อม

ทางกายภาพ

QA4 การจดั เตรยี มบุคลากร

QA5 ความสัมพันธ์กบั เดก็

QA6 การทำงานรว่ มกนั ของ

ครอบครัวและชุมชน

QA7 ระบบการจดั การและ

การเป็นผ้นู ำ

ตารางที่ 7.1 การเปรยี บเทียบการจดั การศึกษาปฐมวัยของประเทศญ่ปี นุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลียและนวิ ซแี ลนดก์ บั ประเทศไทย (ต่อ)


หวั ข้อ ญ่ปี ุน่ สิงคโปร ์ ออสเตรเลยี นิวซแี ลนด์ ไทย


15. ค่าใช้จา่ ย รัฐบาลกลาง จังหวดั และ พ่อแม่เป็นผรู้ ับผิดชอบคา่ ใชจ้ า่ ย ค่าเล่าเรียนในระดบั อนบุ าล ไมม่ คี ่าใช้จา่ ยสำหรบั เดก็ รัฐบาลสนับสนุนสำหรบั เด็ก

ของพ่อแม่ เขตให้การสนับสนนุ ตามอตั รา โดยมีการสนับสนนุ งบประมาณ จะแตกต่างกนั ออกไปตาม ท่เี ข้าเรียนในระดบั ปฐมวยั ท่เี ข้าศึกษาในหนว่ ยงานภาครัฐ

ค่าเลา่ เรียนท่ีกำหนด บางส่วนจากรฐั บาล ซง่ึ แตกต่าง แต่ละรัฐและสถานท่ี เชน่ ตั้งแตเ่ กดิ จนถงึ อายุ 5 ป ี สว่ นของของเอกชนเปน็

หากสถานศึกษาคิดคา่ เล่าเรยี น กันไปตามรายได้ของครอบครัว ระยะเวลาในการดแู ลหรือ อยา่ งไรก็ตามพอ่ แมอ่ าจจะ ความรับผดิ ชอบของพอ่ แม/่

เกินอตั ราพอ่ แม่ต้องรบั ผดิ ชอบ มีค่าใชจ้ ่ายอ่นื เพม่ิ เติม เชน่ มีการจา่ ยเพม่ิ ในกรณพี เิ ศษ ผูป้ กครอง

ในสว่ นต่าง การพาไปทัศนศกึ ษา แตร่ ัฐบาล เช่น อาหารพิเศษ การเพม่ิ

1. ศนู ยด์ แู ลเดก็ รฐั บาลสนบั สนนุ ออสเตรเลยี จะมีการช่วยเหลอื จำนวนคร/ู พี่เล้ยี งเพอ่ื ดแู ลเดก็

50% จงั หวดั 25% เขต 25% คา่ เล่าเรยี นอยู่บา้ งและจะให้ และการเพม่ิ ระยะเวลา

2. โรงเรียนอนุบาล สนบั สนุน เงนิ สนบั สนนุ โดยตรงแกโ่ รงเรยี น การดูแลเดก็ เป็นตน้

ตามรายไดข้ องพ่อแม่ และรัฐบาลจะชว่ ยค่าเลา่ เรียน

โดยรฐั บาลสนบั สนนุ 2/3 เพม่ิ เตมิ กบั ครอบครวั ในบางกรณ

และ 1/3 สนับสนนุ โดยเมอื ง เช่น เป็นชนพนื้ เมืองหรือ
รายงานการศกึ ษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

และตำบล แตต่ ้ังแต่ ชาวอะบอริจนิ ครอบครวั ทมี่ ี
กรณศี กึ ษาประเทศญี่ปนุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด์

เดอื นตลุ าคม 2019 ลกู แฝดสองหรอื แฝดสาม

ไมต่ ้องเสียค่าใชจ้ า่ ยใด ๆ


151

152 รายงานการศกึ ษารูปแบบการจดั การศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

กรณีศึกษาประเทศญ่ีปนุ่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์


บทที่ 8


รปู แบบการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของไทยทีพ่ ึงประสงค์ในยคุ 4.0


8.1 บรบิ ท


8.1.1 กฎหมาย

ในรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2560 มาตรา 54 ระบวุ า่ “...รฐั ตอ้ ง

ดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา เพ่ือพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย
อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย โดยในการดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแล
และพัฒนา รัฐต้องดำเนินการให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาตาม
ความถนัดของตน...” นอกจากนี้ พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562 กำหนดให้งาน

ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ต้องอยู่ในการดูแลของ 4 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์และกระทรวงมหาดไทย
อีกท้ังยังมีแนวทางการพัฒนาเด็กปฐมวัยซึ่งเน้นเร่ืองการดูแล การพัฒนาและการจัดการเรียนร
ู้
โดยต้องทำต้ังแต่เด็กอยู่ในครรภ์มารดาให้เด็กมีร่างกายแข็งแรงและสมองพัฒนาเต็มที่ เมื่อคลอด

ออกมาก็เน้นเร่ืองการดูแลและการพัฒนาเด็กเล็กด้วยการให้แรงจูงใจและให้ความรู้แก่มารดาในการ
เลี้ยงดูบุตรด้วยตนเองโดยมีเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขเข้ามาทำงานร่วมกับแม่เด็กเล็ก และการพัฒนา

เด็กปฐมวัยให้เป็นไปตามความต้องการจำเป็นพิเศษของเด็กแต่ละบุคคล ซ่ึงได้กำหนดให้มีการจัดการ
คดั กรองเดก็ ตั้งแตอ่ ยูใ่ นครรภ์มารดาเพ่ือให้ทราบถงึ ความตอ้ งการจำเปน็ พเิ ศษของเด็กแล้วสามารถจัด
บริการพเิ ศษตามความต้องการจำเปน็ นนั้ ใหแ้ กเ่ ดก็ ไดเ้ ร็วทีส่ ุด

8.1.2 เกณฑม์ าตรฐาน

กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย พ.ศ. 2561

ซ่ึงกำหนดมาตรฐานการศกึ ษาปฐมวัย 3 ด้าน ได้แก่ 1) คุณภาพของเด็ก 2) กระบวนการบริหารและ
การจัดการ และ 3) การจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ และยังมีมาตรฐานสถานพัฒนา

เด็กปฐมวยั แห่งชาติ ประกอบด้วย 3 มาตรฐาน ไดแ้ ก่ 1) การบริหารจดั การสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั
2) ครู/ผู้ดูแลเด็กให้การดูแล และจัดประสบการณ์การเรียนรู้และการเล่นเพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัย และ
3) คณุ ภาพของเดก็ ปฐมวยั

รายงานการศึกษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวยั ของไทยและต่างประเทศ
153
กรณศี กึ ษาประเทศญ่ปี ุ่น สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซแี ลนด


8.1.3 นโยบายไทย 4.0

ประเทศไทย 4.0 เป็นโมเดลที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็น

แนวคดิ หลกั โดยกำหนดเปน็ 2 ยทุ ธศาสตร์ (กองบรหิ ารงานวจิ ยั และประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา, 2559)

ได้แก่ 1) การสร้างความเข็มแข็งจากภายใน มุ่งเน้นการพัฒนาที่สมดุลใน 4 มิติประกอบด้วย

ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ความอยู่ดีมีสุขของผู้คนในสังคม การรักษ์ส่ิงแวดล้อมและการยกระดับ
ศกั ยภาพและคุณค่าของมนุษย์ 2) การเชือ่ มโยงกบั ประชาคมโลก แบ่งเปน็ 3 ระดับคอื การเช่ือมโยง
เศรษฐกิจภายในประเทศ การเช่อื มโยงกบั เศรษฐกจิ ภมู ภิ าคอาเซียนและการเช่ือมโยงกับเศรษฐกจิ โลก
โดยเน้นในเรื่องการอนรุ ักษโ์ ลก การสร้างสันตภิ าพท่ีม่ันคง การเติบโตทีย่ ง่ั ยนื และการสร้างความเจริญ
รุ่งเรอื งรว่ มกนั

นอกจากน้ี ปัจจัยหน่ึงของการบรรลุเป้าหมายประเทศไทย 4.0 คือการปรับเปล่ียน

คนไทยใน 4 มิติคือ เป็นคนไทยที่มีความรู้และทักษะสูง มีความสามารถในการรังสรรค์นวัตกรรม

เป็นคนไทยท่ีมีจิตสาธารณะและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและ
สามารถยืนอย่างมีศักด์ิศรีในเวทีสากล สามารถดำรงชีวิต เรียนรู้ ทำงานและประกอบธุรกิจได้อย่าง
เป็นปกติสุขในโลกยุคดิจิตอลโดยการเสริมสร้างให้เกิดการเจริญเติบโตในตัวคน ท้ังน้ี เด็กไทยควร

ปรับเปลี่ยนการเรียนรใู้ หม้ ลี กั ษณะต่อไปน้ี

1) การเรียนดว้ ยความกระตือรอื ร้น

2) การเรยี นทเ่ี กดิ จากความอยากรู้ อยากทำและอยากเปน็

3) การเรยี นเพ่อื ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล

4) การเรยี นรู้เกดิ ทั้งในหอ้ งเรียน นอกโรงเรียนและนอกระบบ

5) การเรียนทเ่ี ริม่ จากการใชค้ วามคดิ

6) การคดิ นอกกรอบ

7) การเรียนแบบช้แี นะ

8) การเน้นการสรา้ งคุณค่ารว่ ม

9) การมุ่งเน้นการระดมความคิดสรา้ งสรรคแ์ บบกลมุ่

10) การให้รางวัลจากการทำงานรว่ มกนั

11) การเรยี นทเ่ี นน้ การวเิ คราะหแ์ ละแกไ้ ขปญั หา

12) การทำโครงงานและแกป้ ัญหาโจทยใ์ นรปู แบบตา่ ง ๆ

13) การวดั ความสำเรจ็ จากการบรรลผุ ลสมั ฤทธ์ิ

14) การเรยี นเพอื่ การประกอบอาชีพ

154 รายงานการศกึ ษารปู แบบการจดั การศึกษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ

กรณศี กึ ษาประเทศญป่ี ุน่ สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซแี ลนด


8.1.4 ทกั ษะการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21

หลักการหรือปัจจัยสำคัญด้านการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ประกอบด้วย 5 ประการ
(วจิ ารณ์ พานิช, 2555) ไดแ้ ก่

1) Authentic Learning

2) Mental Model Building

3) Internal Motivation

4) Multiple Intelligence

5) Social Learning

นอกจากนี้ ครูต้องปรับบทบาทจากผู้สอนเป็นผู้ออกแบบการเรียนรู้และอำนวย

ความสะดวก (Facilitate) การเรียนรู้ ให้นักเรียนเรียนรู้จากการเรียนแบบลงมือทำหรือปฏิบัติแล้ว

การเรียนรู้ก็จะเกิดจากภายในใจและสมองของตนเองผ่านการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเรียกว่า
PBL (Project-Based Learning)

สำหรับเนื้อหา/สาระสำคัญในการเรียนรู้ของทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21
(วิจารณ์ พานชิ , 2555) ประกอบดว้ ย

1) สาระวิชาหลัก ได้แก่ ภาษาแม่และภาษาโลก ศิลปะ คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ ภมู ศิ าสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ และรฐั และความเป็นพลเมืองดี

2) หัวข้อสำหรับศตวรรษท่ี 21 ได้แก่ ความรู้เก่ียวกับโลก ความรู้ด้านการเงิน
เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ความรู้ด้านการเป็นพลเมืองดี ความรู้ด้านสุขภาพ
และความรดู้ า้ นสง่ิ แวดลอ้ ม

3) ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม ได้แก่ ความริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรม
การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา และการสอ่ื สารและการร่วมมือ

4) ทักษะด้านสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี ได้แก่ ความรู้ด้านสารสนเทศ ความรู้
เกย่ี วกับสอื่ และความรดู้ ้านเทคโนโลยี

5) ทักษะชีวิตและอาชีพ ได้แก่ ความยืดหยุ่นและปรับตัว การริเร่ิมสร้างสรรค์และ
เป็นตัวของตัวเอง ทกั ษะสังคมและสังคมขา้ มวัฒนธรรม การเป็นผสู้ ร้างหรอื ผลติ (Productivity) และ
ความรบั ผดิ รบั ชอบเชอื่ ถอื ได้ (Accountability) และภาวะผนู้ ำและความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility)

รายงานการศึกษารูปแบบการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของไทยและต่างประเทศ
155
กรณศี กึ ษาประเทศญป่ี นุ่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนวิ ซีแลนด์


8.1.5 สภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของครอบครัว

จากสภาพสังคมและเศรษฐกิจท่ามกลางความแข่งขันสูงพ่อแม่จำเป็นต้องทำงาน

เพื่อหาเล้ียงครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่มีรายได้น้อยเนื่องจากการเล้ียงดูเด็กปฐมวัย

มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อีกทั้งสภาพสังคมไทยปัจจุบันเป็นครอบครัวเดี่ยวมากข้ึนและมีลูกน้อยลง

พ่อแม่จึงตั้งเป้ากับความสำเร็จของลูกไว้มากพร้อมทุ่มเททุกอย่างและมีความคาดหวังต่อเด็กไทยใน
ระดับสูง และมีค่านิยมที่อาจจะไม่ถูกต้องมากนักของพ่อแม่ที่อาจจะส่งผลกระทบถึงการพัฒนาวินัย
ของเดก็ ในระยะยาว (จินตนา ธรรมวานิช, 2562) ได้แก่

1) ค่านิยม “ลูกต้องมีอนาคตที่ไกลสดใส (กว่าพ่อแม่)” พ่อแม่ผลักดันเด็กด้วยความ
คาดหวงั ให้ลกู เป็นคนเก่งฉลาดกว่าคนอ่ืน ซ่งึ อาจทำใหเ้ ดก็ เตบิ โตเป็นคนเก่งฉลาดแตไ่ ร้วินัย คา่ นิยมนี้
ส่งผลให้พ่อแม่เร่งเด็กทางด้านวิชาการไม่ส่งเสริมในเร่ืองอื่น ๆ ทำให้เด็กขาดโอกาสในการพัฒนาการ

มีวินัยรวมท้ังทักษะที่สำคัญอื่น เช่น ความคิดสร้างสรรค์ทักษะทางอารมณ์ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหา
ในการอยู่รว่ มกบั ผ้อู ่นื ในสงั คม

2) ค่านิยม “ลูกเป็นหน้าตาของพ่อแม่” ยุคนี้ความสำเร็จของลูกกลับเป็นทั้งความ
ภาคภูมใิ จและความเป็นหนา้ ตาทางสงั คมของพ่อแม่ พอ่ แม่มกั ขดี เสน้ ทางให้ลูกเดนิ มกี ารตกี รอบและ
ข้อตกลงท่ีเคร่งครัด เม่ือเด็กเติบโตข้ึนจะกลายเป็นคนท่ีขาดความม่ันใจในตนเอง หวาดระแวง

มีความเครียดและวิตกกังวล มีภาวะซึมเศร้า ไม่รู้จักการแก้ไขปัญหารวมท้ังมีความเสี่ยงท่ีจะออก

นอกล่นู อกทางถา้ มีโอกาส

3) ค่านิยม “ลูกฉันเก่งไร้เทียมทาน” ปัจจุบันนี้แต่ละครอบครัวมีลูกน้อยลงและ

มีลูกยากพ่อแม่จึงรักและให้ความสำคัญกับลูกมาก ทำให้เกิดเป็นค่านิยมของการหลงลูกผลักดันและ
ชื่นชมในทุกส่ิงอย่างท่ีลูกกระทำไม่ว่าสิ่งน้ันจะดีหรือไม่ เด็กกลุ่มน้ีเมื่อเติบโตข้ึนจะกลายเป็นคนที่ขาด
วินยั มีนิสยั ปัดความรับผดิ ชอบไมย่ อมรับความผดิ ของตนเองและชอบโทษคนอน่ื

4) ค่านิยม “วัตถุทดแทนเวลาที่หายไป” ความกดดันทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ทำให้

พ่อแม่ส่วนใหญ่ต้องช่วยกันทำงานเพ่ือหารายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว พ่อแม่จึงมักชดเชยเวลา

ด้วยการตามใจลูก ปรนเปรอลูกด้วยวตั ถแุ ละไม่ได้รับการส่งเสรมิ ในเร่ืองวนิ ยั หรือทักษะต่าง ๆ ซง่ึ เด็ก
จะกลายเป็นคนว้าเหว่ ขาดความอบอุ่น ขาดความเชื่อม่ันในตนเอง มีปัญหาในการอยู่ร่วมกับผู้อ่ืน

ในสังคม รวมทั้งอาจมีการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเพ่ือเรียกร้องความสนใจ เช่น ติดยาเสพติด
ทะเลาะวิวาท

จากค่านิยมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อลูกอย่างคาดไม่ถึงทำให้เด็กมีปัญหาด้าน
พัฒนาการ พฤติกรรมและการเรียนรู้ที่จะก่อให้เกิดปัญหาคุณภาพชีวิต ปัญหา ครอบครัวและ

ตอ่ สังคมโดยรวม

156 รายงานการศึกษารปู แบบการจัดการศึกษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ

กรณีศกึ ษาประเทศญี่ปนุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลีย และนวิ ซีแลนด์


8.2 ปจั จัย


8.2.1 ความเปน็ หุ้นส่วนของพ่อแม่ (Partnership with Parents)

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ได้กล่าวถึงบทบาทของพ่อแม่และ
บุคคลในครอบครัว ดังน้ันการจัดการศึกษาปฐมวัยควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิด “ครอบครัว
คุณภาพ” โดยให้พ่อแม่และบุคคลในครอบครัวมีความรอบรู้ในการเลี้ยงดูลูก ดังนี้ (กลุ่มสนับสนุน

วชิ าการและการวิจัย สำนกั ส่งเสรมิ สขุ ภาพ กรมอนามยั , 2561)

1) มีความรแู้ ละทศั นคตทิ ีด่ ีในการดูแลสง่ เสรมิ พฒั นาของลูก

2) มีทักษะปฏิบัติและสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับเด็กเพ่ือดูแลเด็กอย่างมี
คุณภาพ

3) ไม่ใชค้ วามรุนแรงหรือวาจาท่ีทำรา้ ยจิตใจลกู

4) จัดหาหนังสือหรือของเล่นที่เหมาะกับพัฒนาการเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้รับ

การพฒั นา

5) ไม่กดดนั ลูก

นอกจากนี้ พ่อแม่ไม่ควรเลี้ยงลูกแบบปกป้องตามใจอย่างไร้ขอบเขต ขาดการอบรม

ส่ังสอนหรือการใช้วิธีลงโทษที่รุนแรงทำให้ลูกเกิดความรู้สึกด้านลบและต่อต้านควรหันมาใช

การสร้างสรรค์และใช้วินัยเชิงบวกแทน โดยพ่อแม่ควรให้ความใกล้ชิดอบอุ่น สร้างสัมพันธภาพอันดี

ให้เกิดความไว้เนื้อเช่ือใจ ควรมีการวางกรอบกติกาปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ฝึกฝนจนเป็นกิจนิสัย
อบรมและให้เหตุผลแก่เด็กในส่ิงที่ควรทำและไม่ควรทำ รวมทั้งสอนให้เห็นคุณค่าของการปฏิบัต

ที่ถูกต้อง (จินตนา ธรรมวานิช, 2562) ดังนั้น ความเป็นหุ้นส่วนของพ่อแม่ในการเป็นครอบครัว
คุณภาพคือ ความรอบรู้ของพ่อแม่และบุคคลในครอบครัวท่ีสามารถเล้ียงดูลูกได้อย่างเหมาะสม

อันเป็นปจั จัยอยา่ งหน่งึ ทส่ี ง่ ผลต่อการจัดการศึกษาปฐมวยั

8.2.2 คณุ ภาพคร/ู ผ้ดู แู ล

ครู/ผดู้ ูแลเปน็ ปจั จัยหนง่ึ ทสี่ ่งผลตอ่ การจัดการศึกษาปฐมวัยนอกจากมคี ณุ สมบตั ทิ ี่เป็น
ไปตามมาตรฐานตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว ครูท่ีสามารถจัดประสบการณ์การเรียนรู้
สำหรับเด็กท่ีจะเติบโตในยุคไทย 4.0 ควรมีคุณลักษณะสำคัญคือ การเข้าใจและรู้จักตนเอง การมี
ความรู้เรื่องเทคโนโลยี การมีความคิดสร้างสรรค์ การมีทักษะภาษาอังกฤษและการมีทักษะทางด้าน
สุนทรียศาสตร์ (ดนตรี ศลิ ปะและการละคร)

8.2.3 บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษา

ผู้บริหารสถานศึกษาปฐมวัยท่ีมีความรู้ด้านการจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นปัจจัยหนึ่ง

ท่ีส่งผลต่อประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งผู้อำนวยการและ

รายงานการศึกษารูปแบบการจดั การศกึ ษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ
157
กรณศี ึกษาประเทศญป่ี นุ่ สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนด


รองผู้อำนวยการหากมีองค์ความรู้ด้านเด็กปฐมวัยด้วยแล้วจะทำให้มีความสามารถทางการบริหารงาน
ด้านเด็กปฐมวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมีความเข้าใจในนโยบายและสถานการณ์ปัจจุบันด้าน

การพัฒนาเด็กปฐมวันในการนำไปปฏิบัติต่อไป

8.2.4 ความร่วมมอื ของชมุ ชนและบคุ คลคนในสงั คม

ความร่วมมือของชุมชนและบุคคลในสังคมเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งในการขับเคลื่อนงาน
ด้านการจัดการศึกษาปฐมวัย อีกท้ังยังถูกระบุไว้เป็นบทบาทของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการศึกษาของ
เด็กในประเทศไทยไว้ในแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560–2579 โดยมีสาระสำคัญคอื 1) มีส่วนร่วม
ในการสนับสนุนทรัพยากร พัฒนาหลักสูตรและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนและการลงทุน
เพ่ือการศึกษา 2) สนับสนุนการดำเนินงานของสถานศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ มีส่วนร่วมจัดการศึกษา
และจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบต่าง ๆ ตามศักยภาพและความพร้อม 3) รับรู้ข่าวสารและ

ผลการดำเนนิ งานของสถานศึกษา ติดตามและดูแล ปอ้ งกนั ช่วยเหลอื และแก้ปัญหาเรื่องตา่ ง ๆ

8.2.5 ระบบการผลิตครแู ละคุณภาพคร

ระบบการผลิตครูปฐมวัยจากค่านิยมของการเข้ารับราชการที่มีสวัสดิการท่ีดีและ

มีความม่ันคงในชีวิตจึงเกิดความต้องการเพ่ิมคุณวุฒิด้านการศึกษาของครูให้สูงข้ึน แต่ระบบการผลิต
ครูในปัจจุบันยังขาดกลไกในการติดตามและประเมินคุณภาพ เช่น การเปิดรับครูปฐมวัยจํานวนมาก
ทําให้อัตราส่วนระหว่างอาจารย์กับจํานวนนักศึกษาไม่สอดคล้องกันส่งผลต่อประสิทธิภาพในด้าน

การเรียนการสอน เน่ืองจากกระบวนการพัฒนาครูปฐมวัยไม่สามารถทําได้ด้วยการบรรยายเท่านั้นแต่
จําเป็นต้องมีการฝึกประสบการณ์วิชาชีพโดยมีอาจารย์ที่เช่ียวชาญด้านการศึกษาปฐมวัยมาดูแลอย่าง
ใกล้ชิด (สำนักวิชาการ สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2558) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตร

การผลิตครูปฐมวัยควรเน้นทักษะด้านสุนทรียศาสตร์ (ดนตรี ศิลปะและการละคร) เนื่องจากทักษะ
ดา้ นนม้ี คี วามจำเปน็ อยา่ งยงิ่ สำหรบั ครใู นการออกแบบการจดั ประสบการณเ์ รยี นรใู้ หก้ บั เดก็ นอกจากน
้ี
บัณฑิตครูด้านปฐมวัยบางส่วนไม่ได้ประกอบอาชีพครู ทำให้ระบบการผลิตบัณฑิตครูปฐมวัย

สวนทางกันทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณซึ่งท่ีกล่าวมาทั้งหมดเป็นปัจจัยท่ีส่งผลต่อการจัดการศึกษา
ปฐมวัย

8.2.6 การเตรียมการเช่ือมตอ่ (Transition)

การเตรียมการในการเชื่อมต่อเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการจัดการศึกษาปฐมวัย
โดยแบง่ การเชอ่ื มตอ่ ออกเปน็ 2 ชว่ ง คอื 1) การเชอ่ื มตอ่ การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั เปน็ การเชอื่ มตอ่ การอบรม

เล้ียงดูของพ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูกับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยหรือเป็นการเช่ือมต่อสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
อายุแรกเกิด - 3 ปีกับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยอายุ 3-6 ปี การเชื่อมต่อการพัฒนาเด็กมีส่วนสำคัญ
เน่ืองจากการพัฒนาต้องมีความต่อเน่ืองเด็กจำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวเพราะพัฒนาการของเด็ก

158 รายงานการศึกษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวยั ของไทยและต่างประเทศ

กรณีศึกษาประเทศญ่ปี ่นุ สงิ คโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด


ในวยั นย้ี งั ไมเ่ ออื้ ตอ่ การยอมรบั การเปลยี่ นแปลงทเี่ กดิ ขนึ้ การปรบั ตวั ของเดก็ ในรอยเชอ่ื มตอ่ การพฒั นา

จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนการช่วยเหลือจากพ่อแม่ ผู้เล้ียงดู ผู้สอนและบุคลากรอ่ืนที่เก่ียวข้อง

2) การสร้างรอยเช่ือมต่อระหว่างการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 มีความสำคัญ

อย่างย่ิง ซ่ึงจะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในการปรับตัวรับความเปล่ียนแปลงได้เป็นอย่างดี
สามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างราบร่ืน การเช่ือมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับช้ัน

ประถมศึกษาปีที่ 1 จะประสบผลสำเร็จได้บุคลากรทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องต้องเข้ามามีส่วนร่วม ประกอบ
ไปด้วย ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ผูส้ อนระดับปฐมวยั ผู้สอนระดับประถมศกึ ษาและพอ่ แม่/ผูป้ กครอง


8.2.7 งบประมาณ

สถติ กิ ารศกึ ษาประจำปี 2559 (สำนักงานปลดั กระทรวง กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2559)
พบว่า งบประมาณที่จัดสรรให้กับระดับก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาต่อหัว
ประมาณ 45,000 บาท/คน/ปี ซ่ึงสารสนเทศไม่ได้จำแนกการจัดสรรงบประมาณไปท่ีระดับปฐมวัย
โดยเฉพาะ หากแตเ่ ปน็ ภาพรวมในระดบั กอ่ นประถมศึกษา ประถมศกึ ษา และมัธยมศึกษา




8.3 การดำเนนิ งาน


จากการวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศญป่ี นุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี

และนิวซีแลนด์ภายใต้บริบทและปัจจัยดังกล่าวข้างต้น นำไปสู่แนวทางให้คณะผู้วิจัยเสนอรูปแบบ

การจัดการศกึ ษาปฐมวยั ของไทยในยคุ 4.0 ดังน้


8.3.1 หลกั การ

การจดั การศึกษาปฐมวยั ไทยประกอบดว้ ย ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล โรงเรียน
ประถมศึกษา โดยศูนย์ดูแลเด็กควรอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวง
การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เน่ืองจากเด็กเล็กจะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์และ

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นประจำและกระทรวงสาธารณสุขเป็นแหล่งที่มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้าน

การดูแลเด็กรวมท้ังการให้คำแนะนำกับพ่อแม่หรือการจัดฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเด็กเล็ก
ส่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ควรให้การสนับสนุนด้านสวัสดิการและ

การสงเคราะห์เดก็ โรงเรียนอนุบาลและโรงเรยี นประถมศึกษาอยภู่ ายใต้ความรบั ผดิ ชอบของกระทรวง
ศึกษาธิการ การลดจำนวนกระทรวงที่รับผิดชอบการจัดการศึกษาปฐมวัยน่าจะช่วยลดความซ้ำซ้อน
ในการทำงานและทำใหก้ ารทำงานร่วมกันเป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิผลและประสทิ ธิภาพ

ในการจัดการศึกษาปฐมวัยยังคงเน้นในเรื่องของการให้เด็กได้พัฒนาการอย่างเต็ม
ศักยภาพและควรเป็นการจัดการศึกษาแบบเรียนรวม ซึ่งเด็กที่มีความต้องการพิเศษเรียนรวมกับ

เด็กท่ัวไปโดยผ่านการเล่นอย่างอิสระและการเล่นอย่างมีจุดมุ่งหมาย ภายใต้บรรยากาศของความ
สนกุ สนาน เพือ่ ให้เดก็ ไดร้ ับประสบการณท์ ่ีดซี ึง่ จะส่งผลตอ่ การเรียนรเู้ มอื่ เขา้ สชู่ ว่ งวัยตอ่ ไป

รายงานการศึกษารูปแบบการจดั การศึกษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ
159
กรณศี กึ ษาประเทศญีป่ ุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนวิ ซีแลนด


8.3.2 เป้าหมาย

ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศโดยให้
ความสำคญั กบั การจา้ งงาน ความอยดู่ มี สี ขุ ของคนในสงั คม การรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม การยกระดบั ศกั ยภาพ

และคุณค่าของมนุษย์ โดยปัจจัยสำคัญคือการเปลี่ยนให้คนไทยเป็นคนท่ีมีความรู้และทักษะสูง

มีความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรม มีจิตสาธารณะ มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม มีความ

ภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย สามารถดำรงชีวิต เรียนรู้ ทำงานได้อย่างเป็นสุขในโลกยุคดิจิทัล
ประกอบกับทกั ษะทส่ี ำคญั ในศตวรรษที่ 21 ไดแ้ ก่ ทกั ษะพืน้ ฐานในการร้หู นังสือ ทกั ษะการคดิ ทักษะ
การทำงาน ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและทักษะการใช้ชีวิต ซ่ึงในระดับปฐมวัยการวาง
รากฐานเพื่อพัฒนาเด็กไปสู่คุณลักษณะดังกล่าวควรกำหนดเป้าหมายสำคัญและไม่กว้างมาก

หรือหลากหลายจนยากต่อการจดจำและการนำไปใช้ของครูหรือผู้บริหารสถานศึกษา การพัฒนา

เดก็ ปฐมวัยมเี ป้าหมาย ดังน้

1) เดก็ มีสุขภาพดี ตระหนักถงึ ความปลอดภัย

2) มคี วามรกั ธรรมชาติ

3) การมสี มั พนั ธภาพท่ดี ีกบั ผูอ้ ่นื

8.3.3 ลักษณะของสถานศึกษาและการจดั บรกิ าร

การจัดสถานศึกษาปฐมวัยควรเป็นไปตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ
ทัง้ นี้ ควรใหค้ วามสำคัญกบั การมีพืน้ ท่ภี ายนอกห้องเรยี นใหเ้ ด็กไดเ้ ล่นอปุ กรณ์ทห่ี ลากหลาย เลอื กเลน่
ไดอ้ ยา่ งอสิ ระ มีพื้นท่ีเพียงพอ จดั สภาพแวดลอ้ มให้มีความเปน็ ธรรมชาติ เชน่ ปลูกตน้ ไม้ พืชสวนครวั
และพื้นท่ีภายในห้องเรียนท่ีให้เด็กได้ทำกิจกรรมอย่างอิสระ มีของเล่น หนังสือภาพ รวมทั้งจัดสภาพ
แวดลอ้ มใหเ้ ด็กไดเ้ รยี นร้อู ย่างเปน็ ธรรมชาติ เชน่ มีตู้เลย้ี งสัตว์ มีความปลอดภัย มีทางหนีไฟ ไมม่ สี ่ิงที่
เป็นอันตรายอยู่ใกล้เด็ก นอกจากน้ี ภายในห้องเรียนควรมีความสว่างเพียงพอ ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป
อากาศถา่ ยเท

ศูนย์ดูแลเด็กควรมีห้องสำหรับชงนม/ล้างขวดนมที่สะอาด มีเครื่องซักผ้า ที่นอนและ
อปุ กรณ์ต่าง ๆ ควรจัดเก็บอยา่ งเป็นระเบียบและสะอาด

การบริการรถรับส่งสำหรบั พอ่ แมท่ ไ่ี มส่ ะดวกในการเดนิ ทางไปสง่ เดก็ สถานศึกษาควร
จัดรถท่ีเหมาะสม ที่นั่งไม่กว้างและช่องระหว่างท่ีนั่งไม่ควรกว้างจนเกินไปแบบรถตู้ทั่วไป และควรมี
เข็มขดั นริ ภยั สำหรบั เด็ก ส่งิ เหลา่ น้ีจะป้องกนั ไม่ใหเ้ ด็กลงไปนั่งเลน่ กับพืน้ รถและครมู องเหน็ ได้ สำหรบั
เร่ืองอาหารว่างหรืออาหารกลางวัน สถานศึกษาไม่ควรจัดทำเองหรือจ้างคนมาประกอบอาหารใน

สถานศกึ ษาแต่ควรจ้างร้านค้าท่ีสามารถทำอาหารตามเมนูท่ีสถานศึกษากำหนดและจัดส่งตามเวลาได้
ซงึ่ ในปจั จุบันมบี ริการส่งอาหารจากผปู้ ระกอบการอสิ ระจำนวนมาก

160 รายงานการศกึ ษารูปแบบการจดั การศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

กรณศี กึ ษาประเทศญป่ี ่นุ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนด


8.3.4 หลกั สูตรหรอื สาระการเรียนรู้

คุณลักษณะของคนในยุค 4.0 และศตวรรษที่ 21 ควรเป็นคนดีท่ีอยู่ร่วมกับผู้อื่นท่ีมี
ความหลากหลายได้ สามารถปรบั ตัวใหท้ ันตอ่ ความเปล่ยี นแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเรว็ ตระหนกั
ในเรอื่ งของสง่ิ แวดล้อม การมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ดงั นัน้ หลกั สตู รหรือสาระการเรยี นรู้ของเด็กปฐมวยั
ควรมสี าระสำคญั ดังน
้ี
1) การร้จู กั ตนเอง รูว้ า่ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของครอบครัว สังคมและประชากรโลก

2) การอย่รู ว่ มกบั ธรรมชาติ ความสำคญั ของธรรมชาตแิ ละสงิ่ มีชีวิตรอบตัว

3) การมสี มั พนั ธภาพที่ดีกบั ผอู้ ่ืน การรจู้ ักใจเขาใจเรา การรว่ มมือกันทำกิจกรรม

4) การปฏิบัติตนให้มีสุขภาพท่ีดีและปลอดภัยทั้งตัวเราและต่อผู้อ่ืน รวมทั้ง

รกั ษากฎกติกา

5) การสื่อสาร การถาม การบอกเลา่ เร่ือง การฟังผูอ้ นื่

8.3.5 กระบวนการเรยี นรู้

เด็กปฐมวัยเป็นช่วงท่ีควรได้รับการส่งเสริมพัฒนาการในทุกด้าน ดังนั้น การจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้ควรคำนึงถึงพัฒนาการที่เด็กจะได้รับ โดยการจัดประสบการณ์การเรียนร
ู้
ควรใช้การเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างอิสระและการเล่นอย่างมีวัตถุประสงค์ (Play-Based Learning
Approach) การทำโครงงาน (Project-Based Learning) การจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรียนและ
นอกห้องเรียนเพ่ือให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา การจัดประสบการณ์ตรงให้เรียนรู้อย่าง
สนกุ สนาน เชน่ การปลกู ตน้ ไม้ การเกบ็ ผลไม้ การตดั ดอกไมม้ าใสใ่ นแจกนั การใหท้ ำกจิ กรรมประจำวนั

ดว้ ยตนเอง เชน่ เก็บกระเป๋าไว้ท่ีชนั้ การให้เดก็ คุ้นเคยกบั การใช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยใี นการเรยี นรู้
ทัง้ นี้ ในทกุ กจิ กรรมเด็กควรทำอยา่ งมคี วามสุข

8.3.6 การประเมนิ ผล

ในการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรสู้ ำหรบั เด็กปฐมวยั ไม่เน้นการสอนเขียนอา่ น เหมือน
ระดับประถมศึกษา แต่จะเป็นการสร้างความคุ้นเคยและให้เด็กได้เรียนรู้เก่ียวกับตนเองและสังคม

รอบตัวมีความรู้สึกสนุกสนานมีความสุข ซึ่งจะทำให้เด็กเกิดความอยากรู้อยากเห็นอยากเรียนรู้เมื่อ

เข้าสู่วัยประถมศึกษา แม้จะไม่เน้นการสอนเขียน อ่าน คิดเลข แต่เด็กจะได้เรียนรู้ผ่านการเห็น

ตัวอักษร รู้จักคำต่าง ๆ ที่พบเห็นทุกวัน เด็กสามารถเข้าใจและอ่านคำนั้นได้ ดังน้ัน การประเมินผล

จึงไม่ใช่การสอบข้อเขียนแต่เป็นการสังเกตพัฒนาการของเด็ก โดยการจดบันทึกพฤติกรรม ผลงาน
ของเดก็ การบันทกึ วดิ ีโอ การสอบถามพอ่ แม่

รายงานการศึกษารูปแบบการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของไทยและตา่ งประเทศ
161
กรณีศกึ ษาประเทศญ่ีป่นุ สงิ คโปร์ ออสเตรเลีย และนวิ ซีแลนด


8.3.7 ผูด้ แู ล/คร

ในการจัดการศึกษาปฐมวัยไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตามผู้ดูแลเด็กและครูมีส่วนสำคัญอย่าง
มากในการทำให้เด็กได้พัฒนาตามเป้าหมายของหลักสูตร ดังน้ัน ผู้ดูแลเด็กและครูอนุบาลควรมี
คณุ สมบัติ ดังนี

1) ครคู วรจบการศึกษาระดบั ปริญญาตรีและไดร้ บั ใบประกอบวิชาชพี

2) ผู้ดูแลเด็กควรสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและได้รับการอบรม

มใี บประกอบวชิ าชพี

3) มีการอบรมครู/ผูด้ แู ลเด็กทกุ 5 ป

4) เงินเดือนควรไดร้ ับสอดคล้องกับภาระความรบั ผิดชอบ

5) ควรมกี ารตรวจประวตั ิคร/ู ผูด้ ูแลเด็ก

8.3.8 พอ่ แมห่ รือผปู้ กครอง

พ่อแม่หรอื ผู้ปกครองควรมคี วามเข้าใจและชว่ ยสง่ เสริมพัฒนาการเด็ก โดยใหข้ อ้ มลู ครู
เก่ียวกับเด็กเมื่ออยู่ท่ีบ้าน ซ่ึงพ่อแม่บางคนไม่มีเวลามากพอท่ีจะทำกิจกรรมร่วมกับเด็กท่ีบ้านนาน ๆ

ดังนั้น ครูจึงไม่ควรคาดหวังหรือบอกให้พ่อแม่ต้องไปทำกิจกรรมเฉพาะเพื่อพัฒนาเด็กแต่ควรแนะนำ
ให้เด็กมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมท่ีพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องทำในแต่ละวันอยู่แล้วทำให้พ่อแม่หรือ

ผู้ปกครองได้เห็นพัฒนาการเด็กในทุกด้าน นอกจากนี้ การจัดให้มีสมาคมผู้ปกครอง ครู (Parent
Teacher Association: PTA) เพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ และแลกเปล่ียนข้อมูลการพัฒนาเด็กจะช่วย

ลดความกังวลของพ่อแม่และผู้ปกครองในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระดับประถมศึกษา รูปแบบการจัด

การศกึ ษาปฐมวยั ทพ่ี งึ ประสงคใ์ นยุค 4.0 สามารถสรุปเปน็ แผนภมู ไิ ด้ ดังนี


162

บริบทของการจัดการศกึ ษาปฐมวัยในยคุ 4.0
รายงานการศึกษารปู แบบการจดั การศึกษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

(กฎหมาย เกณฑ์มาตรฐาน นโยบายไทย 4.0 ศตวรรษท่ี 21 และสภาพสงั คมและเศรษฐกิจท่ีพ่อแมต่ อ้ งทำงาน)
กรณศี ึกษาประเทศญ่ปี ่นุ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด์


เป้าหมาย


หลักการ
ลสจกัถแัดษาลบนณะรศกะิกึกาขารษอร




พอ่ แม่หรือ
หลกั สตู ร
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
คณุ ลักษณะเด็กปฐมวัยไทย

ผู้ปกครอง
หรอื สาระ
ในยคุ 4.0

การเรยี นร
ู้
การดำเนนิ งาน


ผดู้ ูแล/ครู
กระบวนการ
เรยี นร
ู้

การ

ประเมินผล


ปจั จยั ที่ส่งผลตอ่ การจัดการศกึ ษาปฐมวยั

ความเป็นหนุ้ ส่วนของพ่อแม่ (Partnership with Parents) คณุ ภาพครู/ผดู้ แู ล บทบาทของ

ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา ความรว่ มมอื ของชมุ ชนและบคุ คลคนในสงั คม ระบบการผลติ ครแู ละคุณภาพครู


การเตรยี มการเชอ่ื มต่อ (Transition) และงบประมาณ


ภาพที่ 8.1 รูปแบบการจดั การศึกษาปฐมวัยที่พงึ ประสงค์ในยุค 4.0

รายงานการศกึ ษารปู แบบการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ
163
กรณีศกึ ษาประเทศญ่ีปนุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซีแลนด


8.4 ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย


ประเด็นท่ี 1 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาควรจัดเวทีเพ่ือร่วมกันหาแนวทางในการ
ดำเนินงานของแต่ละกระทรวงท่ีรับผิดชอบในการจัดการศึกษาปฐมวัยและความเป็นไปได้ในการลด
กระทรวงท่ีรับผิดชอบหรือกำหนดภาระงานท่ีชัดเจนของแต่ละกระทรวง รวมทั้งแนวทางการทำงาน
ร่วมกัน เช่น คณะกรรมการที่มีตัวแทนจากทุกกระทรวงที่รับผิดชอบการจัดการศึกษาปฐมวัย ทั้งน้ี
คณะกรรมการไมค่ วรมากเกนิ ไปเพราะจะทำใหก้ ารขบั เคลอ่ื นเป็นไปไดย้ าก

ประเดน็ ท่ี 2 สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษาควรวางแนวทางรว่ มกบั กระทรวงทรี่ บั ผดิ ชอบ

ในการจัดการศึกษาปฐมวัยรวมทั้งสำนักงานรับรองมาตรฐานการศึกษาและประกันคุณภาพการศึกษา
ในการตรวจสอบและให้คำแนะนำสถานศึกษาให้เปน็ ไปตามมาตรฐานการจดั การศึกษาปฐมวยั

ประเด็นท่ี 3 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาควรร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วทิ ยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงสาธารณสขุ วางแผนแนวทางการผลติ และพัฒนาผดู้ แู ล
เดก็ เลก็ และครูปฐมวยั ใหม้ ีความรู้ ทักษะในการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรสู้ ำหรบั เด็กในยคุ 4.0 และ
มีคณุ ภาพตามเกณฑอ์ ยา่ งย่ังยืนทัง้ ในระยะสน้ั และระยะยาว

ประเด็นท่ี 4 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาและกระทรวงที่เกี่ยวข้องควรผลักดันให้
สถานศึกษาปฐมวัยจัดการศึกษาแบบเรียนรวมโดยให้เด็กท่ีมีความต้องการพิเศษได้เรียนรวมกับ

เด็กทัว่ ไป

ประเดน็ ที่ 5 รัฐบาลควรทบทวนการจัดสรรงบประมาณแก่สถานศึกษาปฐมวัย ควรให้

สถานศึกษาได้รับงบประมาณเพียงพอในการจัดซื้อส่ือ อุปกรณ์ หนังสือ รวมท้ังค่าอาหารกลางวัน
ตามภาวะเศรษฐกจิ ในปัจจบุ ัน

ประเดน็ ท่ี 6 รฐั บาลควรสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การทำวจิ ยั เพอื่ นำมาใชใ้ นการจดั ประสบการณ

การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยโดยมีทั้งท่ีกำหนดหัวข้อและแบบอิสระ ซึ่งเป็นงานวิจัยท่ีไม่ได้ต้องการ

คำตอบหลาย ๆ อย่าง แบบกว้าง ๆ ในคราวเดียวกันซ่ึงไม่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้ แต่ควรเป็น

งานวิจยั ที่ตอบคำถามประเดน็ เดียวอย่างชัดเจน

164 รายงานการศกึ ษารูปแบบการจดั การศึกษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ

กรณศี กึ ษาประเทศญีป่ ุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนวิ ซแี ลนด์


บรรณานุกรม




กฎหมาย. พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562. (2562). สืบค้นจาก http://web.


senate.go.th/bill/bk_data/513-6.pdf.

กฎหมาย. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. (2542). สืบค้นจาก https://person.


mwit.ac.th/01-Statutes/NationalEducation.pdf.

กฎหมาย. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. (2560). สืบค้นจาก http://

www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/040/1.PDF

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560. สืบค้นจาก https://

drive.google.com/file/d/15UOeMxOyTXbKw0NQkCieb0XY_HFR8ACD/view

กลุ่มสนับสนุนวิชาการและการวิจัย สำนักส่งเสริมสุขภาพ, กรมอนามัย. (2561). รายงานการศึกษา

ปจั จัยที่มีผลต่อพฒั นาการเดก็ ปฐมวัยไทย ครัง้ ท่ี 6 พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: กรมอนามัย.

การศึกษาของเด็กปฐมวัย. (ม.ป.ป.). สืบค้นจาก https://www.hiso.or.th/hiso/picture/

reportHealth/ThaiHealth2018/thai2018_10.pdf

กุลณพัฒน์ พัฐธัญดรรัตน์. (2562). การจัดการศึกษาปฐมวัย: นโยบายและการจัดการเชิง


พทุ ธบูรณาการ. วารสารมหาจุฬาวชิ าการ, 6 (ฉบับพเิ ศษ), 414-435.

คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ. (2561). แผนพัฒนาเด็กและเยาวชน


แห่งชาติ ฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2560–2564. สืบค้นจาก http://tpso4.m-society.go.th/
images/DatabaseTPSO4/News_TPSO/Advertise/2562/PlanChilden2560-
2564.pdf

คณะกรรมการอิสระเพือ่ การปฏริ ปู การศึกษา. (2561). แผนปฏริ ูปประเทศด้านการศกึ ษา. สบื ค้นจาก
http://www.lertchaimaster.com/doc/20180926_EduReformPlan.pdf

ปิยะรัตน์ นุชผ่องใส. (2553). รายงานการศึกษาสภาพการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิการใน

ประเทศไทย. นครปฐม: วทิ ยาลยั ราชสดุ า มหาวิทยาลัยมหิดล.

ไพวัลย์ กระสัง, พรทิพย์ บุญครัน, และ กาญจนา ดาวรีรัมย์. (2557). ประวัติความเป็นมาของ

การศึกษาปฐมวัยในประเทศไทย. สืบค้นจาก http://eced2.blogspot.com/p/blog-
page_4309.html

ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561–2580). (2561). สืบค้นจาก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/
DATA/PDF/2561/A/082/T_0001.PDF

รายงานการศึกษารปู แบบการจดั การศึกษาปฐมวยั ของไทยและตา่ งประเทศ
165
กรณศี กึ ษาประเทศญปี่ นุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์


สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา. (2562). ผลการประเมินคณุ ภาพภายนอก.
สบื ค้นจาก http://aqa.onesqa.or.th/SummaryReport.aspx.


สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (2550). นโยบายและยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาเด็กปฐมวยั (0–5 ปี)
ระยะยาว พ.ศ. 2550-2559. สืบคน้ จาก http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/
421-file.pdf


สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2556). มองสถิติและตัวช้ีวัดทางการศึกษา. 1(3), 1-8. สืบค้น
จาก http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1304-file.pdf


สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2556). แผนยุทธศาสตร์ชาติด้านเด็กปฐมวัย (แรกเกิดก่อนเข้า
ประถมศึกษาปีที่ 1) ตามนโยบายรัฐบาลด้านเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2555–2559. สืบค้นจาก
http://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1151-file.pdf


สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2556). รายงานการติดตามการดำเนินงานของ แผนปฏิบัติการ
ตามแผนยุทธศาสร์ชาติด้านเด็กปฐมวัย (พ.ศ. 2555–2559) ประจำปี 2556. สืบค้นจาก
http://www.onec.go.th/index.php/book/BookView/1367


สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560–2579. สืบค้นจาก
http://www.lampang.go.th/public60/EducationPlan2.pdf


สำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา. (2560ก). แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. 2560–2564. สืบคน้ จาก
http://www.mua.go.th/users/budget/doc/0503_4_w657_detail.pdf


สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560ข). ร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย

พ.ศ. 2561-2564. (เอกสารอยรู่ ะหวา่ งจดั ทำ)


สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2561). สถิติการศึกษาของประเทศไทย ปีการศึกษา 2559-
2560. กรุงเทพฯ: พรกิ หวานกราฟฟคิ .


สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ. กรุงเทพฯ:
พริกหวานกราฟฟคิ .


สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). สถิติการศึกษาประจำปี 2559.
กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด.


สำนักนายกรัฐมนตรี, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2559).

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่สิบสอง พ.ศ. 2560–2564. สืบค้นจาก
https://www.nesdb.go.th/ewt_dl_link.php?nid=6422

166 รายงานการศึกษารปู แบบการจดั การศึกษาปฐมวยั ของไทยและตา่ งประเทศ

กรณีศึกษาประเทศญีป่ ุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซีแลนด์


อรพรรณ บัวอ่ิน. (2560). การศึกษาปฐมวัยและพัฒนาการเด็กก่อนวัยเรียนในประเทศกำลังพัฒนา:
หลักฐานเชิงประจักษ์จากประเทศไทย. สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org/
index.php/NER/article/download/80505/64129


Abumiya, M.I. (n.d.). Preschool Education and Care in Japan. https://www.nier.go.jp/
English/educationjapan/pdf/201109ECEC.pdf


Adreas & Schleicher. (2017). Start Strong V. Retrieved from https://www.slideshare.net/

OECDEDU/starting-strong-v


Asia-Pacific Regional Network for Early Childhood (ARNEC). (2020). Singapore Country
Profile: Early Childhood Care and Development (ECCD). Retrieved from
h t t p s : / / a r n e c . n e t / s t a t i c / u p l o a d s / 9 % 2 0 S i n g a p o r e % 2 0 E C C D % 2 0

Country%20Profile%20(1).pdf


Australia Government Department of Education and Training. (2017). The early years
learning framework for Australia. Retrieved form https://www.education.

gov.au/early-years-learningframework-0


Department of Education and Training Melbourne. (2017). Transition: A positive start
to school. State of Victoria. Retrieved from: https://www.education.

vic.gov.au/Documents/childhood/professionals/learning/Transition


Early Childhood Development Agency. (2013). Early years development framework
for child care centres. Singapore: Early childhood development agency.
Retrieved from https://www.ecda.gov.sg/growatbeanstalk/Documents/
EYDF%20eng_secured.pdf


Early Childhood Development Agency. (2015). The Singapore Pre-school
Accreditation Framework (SPARK). Retrieved from htps://www.ecda.gov.sg/
SPARKinfo/Pages/AboutSPARK.aspx


Education Review Office. (2016). Indicators of quality for early childhood education:
what matters most. Retrieved from https://www.ero.govt.nz/how-ero-
reviews/ero-reviews-of-early-childhood services-and-kohanga-reo/what-
matters-most-in-high-quality-early-childhood-education-draft evaluation-
indicators/


Essa. (2007). Introduction to early childhood education. Belmont, CA: Delmar.

รายงานการศึกษารปู แบบการจดั การศึกษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ
167
กรณศี ึกษาประเทศญปี่ นุ่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนด


Hayashi, A. & Tobin, J. (2017). Reforming the Japanese Preschool System:

An Ethnographic Case Study of Policy Implementation. Education Policy
Analysis Archives. 25(100). 1-16.


Hays, J. (2015). Teenagers and Youth in Singapore. Facts and Details. Retrieved from
http://factsanddetails.com/southeast-asia/Singapore/sub5_7b/entry-
3730.html https://www.education.govt.nz/early-childhood/licensing-and-
regulations/the-regulatory framework-for-ece/


Izumi-Taylor, S. (n.d.). Play and Technology in Group-Oriented Japanese Early
Childhood Educational Settings. He Kupu. 9-15.


Lim, K.M. (2014). Teacher Education & Teaching Profession in Singapore. Paper
presented at the International Conference on the Teaching Profession in
ASEAN, Bangkok, Thailand.


Liu, X. & Lin, C. (2018). History and Reform of Early Childhood Care and Education
(ECCE) in Japan. In Fleer, M. & Oers, B. (Eds.) International Handbook of Early
Childhood Education. Springer Science+Business Media B.V. , 623-648. DOI
10.1007/978-84-024-0927-7_29.


Mcguinness Institute. (2016). History of education in New Zealand. Mc Guinness
Institute Limited, New Zealand.


Ministry of Community Development, Youth and Sports. (2011). Better Support for
Child Care Teachers and Betters Staff-Child Interactions Through Introduction
of Para-Educators and Para-Educarers. Retrieved from https://
www.ecda.gov.sg/PressRelease/Pages/Better-Support-for-Child-Care-Teachers-
and Betters-Staff-Child-Interactions-Through-Para-Educators-and-Para-
Educarers.aspx


Ministry of Education. (2019). School. Retrieved from https://www.education.govt.nz/
school/


Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology. (2016). Country Note
on Transitions between ECEC and Primary Education Japan. Retrieved from
http://www.oecd.org/education/school/SS5-country-background-report-
japan.pdf

168 รายงานการศึกษารปู แบบการจดั การศึกษาปฐมวัยของไทยและต่างประเทศ

กรณีศึกษาประเทศญีป่ ุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนด์


Ministry of Education in New Zealand. (2017). Te Whāriki: Early childhood curriculum.
The Ministry of Education, New Zealand.


Ministry of Education in New Zealand. (2019). The regulatory framework for ECE.
Retrieved from https://www.education.govt.nz/early-childhood/licensing-and-
regulations/the-regulatory-framework-for-ece/


Ministry of Education in New Zealand. (2019a). Play ideas for play groups. Retrieved
from https://www.education.govt.nz/early-childhood/teaching-and-learning/
learning-tools-and-resources/play-ideas/


Ministry of Education in New Zealand. (2019b). Assessment for learning. Retrieved
from https://www.education.govt.nz/early-childhood/teaching-and-learning/
assessment-for-learning/


Ministry of Education in New Zealand. (2019c). ECE Funding Handbook. Retrieved
from http://www.education.govt.nz/early-childhood/funding-and-data/
funding-handbooks/ece-funding handbook/


Ministry of Education in New Zealand. (2019d). Early intervention services. Retrieved
from https://www.education.govt.nz/early-childhood/teaching-and-learning/
learning-tools-and resources/early-intervention/


Ministry of Education, Singapore. (2013). Nurturing Early Learners (NEL): a curriculum
framework for kindergartens in Singapore. Retrieved from https://www.

ecda.gov.sg/growatbeanstalk/Documents/MOE%20NEL%20Resources/
NEL_educators%20guide%20vol%201_overview.pdf


Ministry of Education, Signapore. (2019). Special Educational Needs. Retrieved from
https://www.moe.gov.sg/education/special-education


Ministry of Education. (5 December, 2019). Primary 1 (P1) Registration. Retrieved from
https://beta.moe.gov.sg/primary/p1-registration/


My ECE. (2019a). Learning Stories: What is a Learning Story? And is it a good way of
assessing a child’s learning?. Retrieved from https://www.myece.org.nz/
educational-curriculum-aspects/227 learning-stories

รายงานการศกึ ษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ
169
กรณีศกึ ษาประเทศญป่ี ุ่น สงิ คโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซแี ลนด


My ECE. (2019b). About the Early Childhood Regulations Guide and Centre
Compliance with Legal Requirements. Retrieved from https://www.

myece.org.nz/centre-mininum-legal requirements/148-about-this-guide-and-
how-to-seek-help-if-you-are-unsure-about-a-centre-s-compliance


Neuman, M. (2019). Early Childhood Workforce Initiative. Retrieved from https://
www.r4d.org/wp-content/uploads/Brief-Singapore.pdf


New Zealand Government. (2018). Strategic plan for early learning 201-2029: Draft
for consultation. Retrieved from https://conversation.education.govt.nz/
assets/ELSP/Early-Learning-Strategic-10- Year-Plan.pdf


New Zealand Government. (2019). How to enrol your child at school in NZ.
Retrieved from https://www.govt.nz/browse/education/school-and-college/
how-to-enrol-your-child-at-school-in-nz/


Numano Taro. (n.d.). Primary School in Japan. Retrieve from https://www.nier.go.jp/
English/educationjapan/pdf/201109BE.pdf


Nurturing Early Learners. (2019). Frameworks and Guidelines. Retrieved from

https://www.nel.sg/resources/frameworks-and-guidelines


Ochanomizu University, Research Center for Child and Adolescent Development

and Education. (n.d.). Framework and mechanisms of early childhood
education in Japan. Early Childhood Education Handbook. Retrieved from
http://www.ocha.ac.jp/intl/cwed_old/eccd/report/hand_E/1-1e.pdf


OECD. (2017). Starting Strong 2017: Key OECD indicators on early childhood
education and care. Paris: OECD Publishing. Retrieved from http://dx.doi.org/
10.1787/9789264276116-en


OECD. (2018). Education Policy in Japan: Building Bridges Towards 2030.

Retrieved from https://www.oecd.org/education/education-policy-in-

japan-9789264302402-en.htm


Plaza Homes. (December 17, 2018). Enrolling in a Japanese public school and
materials you need to prepare. Retrieved from https://www.realestate-
tokyo.com/living-in-tokyo/education/enrolling-japanese-public-schools/

170 รายงานการศึกษารปู แบบการจัดการศึกษาปฐมวยั ของไทยและตา่ งประเทศ

กรณีศกึ ษาประเทศญป่ี ุน่ สงิ คโปร์ ออสเตรเลยี และนวิ ซีแลนด์


Research Center for Child and Adolescent Development and Education. (n.d.) Early
childhood education handbook. Tokyo: Ochanomizu university. Retrieved
from http://www.ocha.ac.jp/intl/cwed_old/eccd/report/hand_E/1-1e.pdf


Tan, C.T. (2017). Enhancing the quality of kindergarten education in Singapore:
policies and strategies in the 21st century. International Journal of Child Care
and Education Policy. 11 (7). 1-22. DOI. 10.1186/s40723-017-0033-


Tarumi, Y.N. (2009). Japanese Early Childhood Education and Care (ECEC) System.
Policy and Practice of Early Childhood Education and Care across Countries.
25-30.Tokyo: NIER.


Te Kete Inpuangi. (2019). Learning through play – What’s it all about?. Retrieved
from https://nzcurriculum.tki.org.nz/Curriculum-resources/NZC-Online-blog/
Learning-through-play-What-s-it-all-about


TeachNZ. (2019). Studying to be a teacher. Retrieved from https://www.teachnz.

govt.nz/studying-to-be-a- teacher/getting-qualified/


The Smart Local. (2019). 15 Traits Thai Make Us Singaporeans. Retrieved from

https://thesmartlocal.com/read/15-traits-that-make-us-singaporeans/


The State of Queensland (Queensland Curriculum & Assessment Authority) (2018).
Queensland kindergarten learning guideline. Retrieved from: https://
www.qcaa.qld.edu.au/downloads/p_10/qklg_2019.pdf


The StraitsTime. (October 10, 2015). What 18-year-olds tell us about Singapore’s
future. Retrieved from https://www.straitstimes.com/opinion/what-18-year-
olds-tell-us-about-singapores-future


The Sunday time. (May 12, 2019). The 19+ What they are, What they want. Retreived
from https://www.straitstimes.com/singapore/education/the-19-who-they-are-
what-they-want

รายงานการศกึ ษารูปแบบการจัดการศกึ ษาปฐมวัยของไทยและตา่ งประเทศ
171
กรณศี ึกษาประเทศญ่ปี ่นุ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซแี ลนด



คณะผู้จดั ทำ


ทีป่ รึกษา
เลขาธกิ ารสภาการศึกษา

ดร.สุภทั ร จำปาทอง รองเลขาธิการสภาการศกึ ษา

ดร.สมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (ตุลาคม 2561 – ธนั วาคม 2562)

ดร.วฒั นาพร ระงบั ทุกข ์ ผู้อำนวยการสำนกั มาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้

นายสำเนา เนื้อทอง ผูอ้ ำนวยการสำนักนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวยั

นางสาวจนั ทิมา ศุภรพงศ์

คณะนกั วจิ ัย

ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปยิ ะรตั น์ นุชผอ่ งใส

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นัทธี เชยี งชะนา

ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธีรศกั ด์ิ ศรีสรุ กลุ

ดร.สนุ ันทา ขลิบทอง

นางสาวสรุ ณี เฉลมิ ชัยนกุ ูล

นางสาวแคลร์ ชาน


บรรณาธิการเอกสาร
นายพงศธร ยตุ ิธร

นางสาวอโณทยั สุขเจรญิ โกศล

ประสานการจัดพิมพ์

นางสาวอโณทัย สุขเจรญิ โกศล


ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ
นางพัชราพรรณ กฤษฎาจินดารงุ่

นางสาวจนั ทมิ า ศภุ รพงศ์ นางสาวพิกลุ กนั ทะวงั

นางสมพร พรวกิ ุลรัตนา นางสาวศนิชา ภาวโน

นายธรี ะพจน์ คำรณฤทธศิ ร นางสาวรงุ่ ทพิ ย์ มานะกจิ

นางสาวสภุ าพร เข่งสมุทร นางสาวอโณทัย สขุ เจริญโกศล

นายพงศธร ยุติธร นายชิษณุ วิญญพุ ันธ

นางสาวแววดาว อทุ ศิ
นางสาวจดิ าภา กรงุ แสนเมอื ง


หน่วยงานทีร่ ับผดิ ชอบ

สำนักนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวยั

สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา

กระทรวงศึกษาธกิ าร

สง่ิ พมิ พ สกศ.อันดับที่ 13/2563
ISBN 978-616-564-039-8


Click to View FlipBook Version