ขุนช้างขุนแผน
ตอน ขุนช้างถวายฎีกา
ผู้แต่ง
ไม่ปรากฏนามผู้แต่งตอนขุนช้างถวายฎีกาแต่ได้รับการ
ยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าแต่งดีเยี่ยมโดยเฉพาะ
กระบวนกลอนที่สื่ออารมณ์สะเทือนใจ(เป็น ๑ ใน ๘
ตอนที่ได้รับการยกย่อง) ในตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง
และตอนขุนแผนพานางวันทองหนีเป็นพระราชนิพนธ์ใน
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตอนขุนช้างขอ
นางพิมและขุนช้างตามนางวันทองเป็นพระราชนิพนธ์ใน
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอนกำเนิดพลาย
งามเป็นสำนวนของสุนทรภู่
ลักษณะคำประพันธ์
ลักษณะคำประพันธ์
กลอนสุภาพ (กลอน8)(กลอนเสภา)
คณะ กลอนแปด บทหนึ่งประกอบด้วย 2 บาท
บาทละ 2 วรรค วรรคละ 8 คำ ตามผัง
OOOOOOOO OOOOOOOO
OOOOOOOO OOOOOOOO
เนื้อเรื่อง
กล่าวถึงพลายงาม เมื่อชนะคดีความขุนช้างแล้ว ขุนช้างได้พานาง
วันทองกลับไปอยู่สุพรรณบุรี ส่วนตัวพลายงามเองก็กลับไปอยู่
บ้านพร้อมหน้าญาติและพ่อ ขาดก็แต่แม่ ทำให้พลายงามเกิดความ
คิดที่จะพานางวันทองกลับมาอยู่ด้วยกัน จะได้พร้อมหน้าพ่อ แม่
ลูก พอตกดึกจึงไปลอบขึ้นเรือนขุนช้างแล้วพานางวันทองหนีมาอยู่
ที่บ้านกับตน ตอนแรกนางก็ไม่ยินยอมที่จะมา เพราะกลัวจะเป็น
เรื่องให้อับอายว่า คนนั้นลากไป คนนี้ลากมาอีกและเกรงจะมีปัญหา
ตามมาภายหลัง จึงบอกให้พลายงามนำความไปปรึกษาขุนแผน
เพื่อฟ้องร้องขุนช้างดีกว่าจะมาลักพาตัวไป แต่พลายงามไม่ยอม
สุดท้ายนางวันทองจึงจำต้องยอมไปกับพลายงาม ฝ่ายขุนช้าง
นอนฝันร้ายก็ผวาตื่นเอาตอนสาย ครั้นตื่นขึ้นมาก็ร้องเรียกหานาง
วันทอง ออกมาถามบ่าวไพร่ก็ไม่มีใครเห็นจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมุ่ง
มั่นจะตามนางวันทองกลับมาให้ได้ ฝ่ายพลายงามก็เกรงว่าขุนช้าง
จะเอาผิด ถ้ารู้ว่าตนไปพานางวันทองมา จะเพ็ดทูลสมเด็จพระพัน
วษาอีก แม่อาจจะต้องโทษได้ จึงใช้ให้หมื่นวิเศษผลไปบอกขุนช้างว่า
ตนนั้นป่วยหนักอยากเห็นหน้าแม่ จึงใช้ให้คนไปตามนางวันทองมา
เมื่อกลางดึก ขอให้แม่อยู่กับตนสักพักหนึ่งแล้วจะส่งตัวกลับมาอยู่
กับขุนช้างตามเดิม ขุนช้างโมโหและแค้นยิ่งนักที่พลายงามทำ
เหมือนข่มเหงไม่เกรงใจตน จึงร่างคำร้องถวายฎีกาแล้วลอยคอ
มายังเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระพันวษาเพื่อถวายฎีกา ทำให้
สมเด็จพระพันวษาพิโรธมาก ให้ทหารรับคำฟ้องมาแล้วให้เฆี่ยนขุน
ช้าง ๓๐ ทีแล้วปล่อยไป และยังทรงตั้งกฤษฎีกาการรักษาความ
ปลอดภัยว่า ต่อไปข้าราชการผู้ใดที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้ว
ปล่อยให้ใครเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาตจะมีโทษมหันต์ถึงประหารชีวิต
กล่าวฝ่ายขุนแผนนอนอยูในเรือนกับนางแก้วกิริยาและนางลาวทอง
อย่างมีความสุข ครั้นสองนางหลับ ขุนแผนก็คิดถึงนางวันทองที่
พลายงามไปนำตัวมาไว้ที่บ้าน จึงออกจากห้องย่องไปหานางวันทอง
หวังจะร่วมหลับนอนกัน แต่นางปฏิเสธแล้วพากันหลับไป แต่พอตกตึก
นางวันทองก็เกิดฝันร้ายตกใจตื่นเล่าความฝันให้ขุนแผนฟัง ขุนแผน
ฟังความฝันของนางก็รู้ทันทีว่าเป็นเรื่องร้าย อันตรายถึงชีวิตแน่นอน
แต่ก็แกล้งทำนายไปในทางดีเสีย เพื่อนางจะได้สบายใจ ฝ่ายสมเด็จ
พระพันวษา ครั้นทรงอ่านคำฟ้องของขุนช้างก็ทรงกริ้วยิ่งนัก ให้ทหาร
ไปตามตัวนางวันทอง ขุนแผนและพระไวยมาเฝ้าทันที ขุนแผนเกรงว่า
นางวันทองจะมีภัย จึงเสกคาถาและขี้ผึ้งให้นางวันทองทาปากเพื่อให้
พระพันวษาเมตตา แล้วจึงพานางเข้าเฝ้า เมื่อพระพันวษาเห็นนางวัน
ทองก็ใจอ่อนเอ็นดู ตรัสถามเรื่องราวที่เป็นมาจากนางวันทองว่า ตอน
ชนะคดีให้ไปอยู่กับขุนแผนแล้วทำไมจึงไปอยู่กับขุนช้างนางวันทองก็
กราบทูล ด้วยความกลัวไปตามจริงว่า ขุนแผนถูกจองจำ ขุนช้างเอา
พระโองการไปอ้างให้ฉุดนางไปอยู่ด้วย เพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์ก็ไม่
กล้าเข้าช่วยเพราะกลัวผิดพระโองการ สมเด็จพระพันวษาฟังความ
ทรงกริ้วขุนช้างมาก ทรงถามนางวันทองอีกว่าขุนช้างไปฉุดให้อยู่ด้วย
กันมาตั้ง ๑๘ ปี แล้วคราวนี้หนีมาหรือมีใครไปรับมาอยู่กับขุนแผน
นางวันทองก็กราบทูลไปตามจริงว่า พระไวยเป็นผู้ไปรับมาเวลาสอง
ยาม ขุนช้างจึงหาความว่า หลบหนี สมเด็จพระพันวษาทรงกริ้วพระ
ไวยที่ทำอะไรตามใจตน นึกจะขึ้นบ้านใครก็ขึ้น ทำเหมือนบ้านเมืองไม่มี
ขื่อมีแป และว่าขุนแผนรู้เห็นเป็นใจ สมเด็จพระพันวษาทรงคิดว่า
สาเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดนี้เกิดจากนางวันทองจึงให้นางวันทอง
ตัดสินใจว่าจะอยู่กับใคร นางวันทองตกใจประหม่า อีกทั้งจะหมด
อายุขัยจึงบันดาลให้พูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะอยู่กับใคร นางให้เหตุผล
ว่า นางรักขุนแผน แต่ขุนช้างก็ดีกับนาง ส่วนพลายงามก็เป็นลูกรัก
ทำให้สมเด็จพระพันวษากริ้วมาก เห็นว่านางวันทองเป็นคนหลายใจ
เป็นหญิงแพศยา จึงให้ประหารชีวิตนางวันทองเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
แก่ผู้อื่นต่อไป
ความเป็นมาของเรื่องขุนช้างขุนแผน
(๑) เรื่องนี้เชื่อกันว่าเกิดขึ้นจริงในสมัยสมเด็จพระพัน
วษา แห่ง กรุงศรีอยุธยา - ตำนวนเดิมเล่าเพียงว่า มีนายทหาร
ผู้มีฝีมือนายหนึ่ง มรตำแหน่งเป็นขุนแผน ได้ถวาย ดาบฟ้าฟื้ น
แด่สมเด็จพระพันวษา
(๒) ต่อมามีการนำเรื่อง ขุนช้างขุนแผน มาแต่งเป็นก
ลอนสุภาพและใช้ บทขับเสภา โดยใช้กรับเป็นเครื่องประกอบ
จังหวะ- บทขับเสภาที่นิยมมากที่สุดคือเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
ซึ่งได้รับการยกย่อจากวรรณคดีสโมสรว่า เป็นยอดของกลอน
สุภาพที่มีความไพเราะ ดีเลิศทั้งเนื้อเรื่องและกระบวนกลอน
(๓) บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน มีกวีเอกหลายท่าน
ร่วมกันแต่ง สันนิษฐานว่าแต่งตั้งแต่สมัย สมเด็จพระนารายณ์
มหาราช - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุ
ภาพ ทรงสันนิษฐานว่า
*ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง และตอน ขุนแผนพานางวันทอง
หนี เป็นพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
*ตอนขุนช้างขอนางพิม และ ตอนขุนช้างตามนางวันทอง เป็น
พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้ง
ยังดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์)
*ตอน กำเนิดพลายงาม เป็นสำนวนของสุนทรภู่
(๔) ตอน ขุนช้างถวายฎีกานี้ ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง แต่
เป็นหนึ่งใน ๘ ตอนที่ได้รับการยกย่องจากสมาคมวรรณคดี
(สมัย ร.๗) ว่าแต่งดีเป็นเยี่ยม โดยเฉพาะกระบวนกลอนที่สื่อ
อารมณ์สะเทือนใจ
วิเคราะห์ลักษณะนิสัยของตัวละคร
๑.ลักษณะนิสัยของ ขุนแผน
ขุนแผนนั้นเป็นตัวละครเอกในเรื่องนี้ ขุนแผนเป็นผู้ที่มีความ
สามารถ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความกล้าหาญ เสียสละ
แต่เจ้าชู้ รวมทั้งมีอาคม มีวิชาไสยศาสตร์ มีของวิเศษ 3 อย่าง
คือ ดาบฟ้าฟื้ น กุมารทอง และม้าสีหมอก
๒.ลักษณะนิสัยของ ขุนช้าง
มีลักษณะนิสัยรักเดียวใจเดียวกับนางวันทอง ถึงแม้ขุนช้างจะ
เป็นคนที่มีฐานร่ำรวยสามารถมีภรรยาได้หลายคนแต่ขุนช้างก็
ซื่อสัตย์และรักนางวันทองเพียงคนเดียว นิสัยอีกอย่างหนึ่งของ
ขุนช้างคือนิสัยโหดร้ายขนาดพลายงามอายุเพียงแค่สิบขวบขุน
ช้างยังคิดที่จะฆ่าพลายงามโดยลวงให้พลายงามไปเที่ยวในป่า
และตีบีบคอถึงขนาดใช้ขอนไม้ทับพลายงามให้ตาย
๓.ลักษณะนิสัยของ นางวันทอง
เนื่องจากนางวันทองมีโอกาสใกล้ชิดกับนางศรีประจัน นางจึง
ได้รับลักษณะนิสัยบางอย่างของนางศรีประจันมา เช่น เป็นคน
เจ้าคารมโวหาร ใช้ถ้อยคำประชดประชันเสียดสี ปากกล้า โดย
เฉพาะเมื่อเกิดอารมณ์โมโห นางจะหลุดถ้อยคำหยาบ ๆ ออกมา
ได้มากมายนางวันทองมีลักษณะสาวชาวบ้านจึงเป็นคนซื่อ ไม่
ค่อยฉลาดเท่าใดนัก
๔.ลักษณะนิสัยของพลายงาม
พลายงาม มีตำแหน่งราชการเป็น จมื่นไวยวรนาถ ซึ่งมัก
เรียกสั้นๆ ว่า พระไวย หรือหมื่นไวย เป็นลูกของขุนแผนกับ
นางวันทอง แต่ไปคลอดที่บ้านของขุนช้าง ยิ่งโตพลายงาม
ก็ยิ่งละหม้ายคล้ายขุนแผนมาก มีอุปนิสัยความสามารถ
คล้ายขุนแผน
๕.ลักษณะนิสัยของพระพันวษา
สมเด็จพระพันวษา เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
ยุคนี้เป็นยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งรือง มีความอุดมสมบูรณ์
ราษฎรทั้งหลายอยู่พันวษาทรงพระพิโรธจึงรับสั่งให้ประหาร
ชีวิต แต่พระองค์ก็นับว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความ
ยุติธรรมต่อพวกทหาร เสนาอำมาตย์และราษฎรพอสมควร
เมื่อมีคดีฟ้องร้องกัน ก็จะให้มีการไต่สวน และพิสูจน์ความ
จริงกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข บรรดาประเทศใกล้เคียงก็
อ่อนน้อม เพราะยำเกรงบารมี
คุณค่าที่ได้รับ
ด้วนวรรณศิลป์
๑. สะท้อนถึงอารมณ์โกรธแค้นและสะเทือนใจ (พิโรธวาทัง)
ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ ฉวยได้กระดานชนวนมา
ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย ถ้อยคำถี่ถ้วนเป็นหนักหนา...
๒. มีการพรรณนาถึงเรื่องฝันร้าย
. ..ครั้งนี้น่าจะมีอันตราย ฝันร้ายสาหัสตัดตำรา
พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา
มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา กอดเมียเมินหน้าน้ำตากระเด็น...
๓. ใช้ถ้อยคำเกิดความเศร้าสะเทือนใจสงสารในชะตากรรมของตัวละคร
( สัลลาปังคพิสัย)
...วันนี้แม่จะลาพ่อพลายแล้ว จะจำจากลูกแก้วไปสูญสิ้นแล้ว
พอบ่ายก็จะตายลงถมดิน ผินหน้ามาแม่จะขอ
เกิดมาไม่เหมือนกับเขาอื่น มิได้ชื่นเชยชิดสนิทสนม... ...
๔. การบรรยายโวหาร (เสาวรจนีย์)
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดมฆสิ้น
จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกิน เสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว
ด้านสังคม
ยกตัวอย่างเช่น ตอนขุนช้างถวายฎีกา เป็นตอนที่ชะตา
ชีวิตของนางวันทองตกต่ำถึงที่สุด คือ ถูกพระพันวษา
พิพากษาให้ประหารชีวิต ซึ่งจะเป็นตอนที่มีหลากอารมณ์
ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในสถานภาพใดในสังคม กษัตริย์ สามี
ภรรยา มารดา บุตร ตัวละครในตอนนี้แทบทุกคนบทบาท
สำคัญ แต่ที่เด่นที่สุดมี ๒ ตัว คือ สมเด็จพระพันวษา
และนางวันทอง จากเนื้อเรื่องผู้ที่น่ารเห็นใจไม่เพียงแต่นาง
วันทองเท่านั้น สมเด็จพระพันวษาก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่น่าเห็นใจ
เนื่องจากฝ่ายหนึ่งถูกสั่งประหารและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายสั่ง
ประหารชีวิต
ด้านเนื้อหา
ในยุคสมัยหนึ่งๆมักนิยมเรื่องราวที่เข้ากับยุคสมัยนั้นๆ
เรื่องราวและเนื้อหาของวรรณคดีจะไม่ตายตัวแต่จะ
เปลี่ยนไปตามสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคม
พัฒนาการของสังคมจะเป็นเครื่องกำหนดเนื้อหาของ
วรรณคดี
คำศัพท์และความหมาย
1. ทรามสวาดิ แปลว่า เป็นที่รัก
2. ตกว่า แปลว่า ราวกับว่า
3. ฏีกา แปลว่า คำร้องทุกข์ที่ยื่นถวายพระเจ้าแผ่นดิน
4. เพรางาย แปลว่า เวลาเช้า และเวลาเย็น
5. เมรุไก แปลว่า ภูเขา
6. ร้องเกน แปลว่า ร้องตะโกนดังๆ
7. สะเดากลอน แปลว่า ทำให้กลอนประตูหลุดออกได้ด้วยคาถาอาคม
8. แหงนเถ่อ แปลว่า ค้างอยู่
9. อุธัจ แปลว่า ตกประหม่า
10. มินหม้อ แปลว่า เขม่าดำที่ติดก้นหม้อ
11. ส่งทุกข์ แปลว่า เข้าสวม
12. ขี้ครอก แปลว่า ลูกของข้าทาส
13. เครื่องอาน แปลว่า เครื่องกิน
14. จวงจันทน์ แปลว่า เครื่องหอมที่เจือด้วยไม้จวงและไม้จันทน์
15. ฉวยสบเพ แปลว่า บังเอิญถูกจังหวะ
16.เมรุ แปลว่า ภูเขา
17.ทวิบาท แปลว่า สองเท้า
18.ทักทิน แปลว่า ชั่วร้าย
19.หินชาติ แปลว่า ชั้นต่ำ
20.จัตุบาท แปลว่า สัตว์ 4 เท้า
21.วางบท แปลว่า กำหนด
22.เสาแรก แปลว่า เสาเอก
23.ทรามสวาดิ แปลว่า ที่รัก
24.ร้องเกน แปลว่า ตะโกนดังๆ
25.กินใจ แปลว่า แหนงใจ สงสัย
26.นิเวศน์ แปลว่า วัง บ้าน
27.เพรางาย แปลว่า เช้า เย็น
28.อัฐกาล แปลว่า ยามแปด
29.คล่องใจ แปลว่า ไม่น่าเกลียด
30.ขี้ครอก แปลว่า ลูกของทาส
สาระสำคัญของเรื่อง
จมื่นไวยวรนาถ ได้ลอบขึ้นเรือน
ขุนช้างพานางวันทองมาอยู่ที่
บ้าน ขุนช้างจึงถวายฎีกา ครน
พระพันวษารับสั่งให้นำนางวัน
ทองเลือกว่าต้องการจะอยู่กับ
ใคร นางวันทองกราบทลู เป็นก
ลางว่าแล้วแต่พระพันวษาจะทรง
ตัดสิน
แบบทดสอบ
1. พลายงามได้เลื่อนยศเป็นอะไร
ก. ขุนหมื่นไวย ข. จะเด็ด ค. จมื่นไวยง. ขุนไวย
2. เรื่องเสภาขุนช้างขุนแผนเป็นคำประพันธ์ประเภทกลอนเสภาทั้งหมดกี่ตอน
ก. 42 ตอนข. 43 ตอนค . 44 ตอนง. 45 ตอน
3. ขุนแผนมีภรรยาทั้งหมดกี่คน
ก. 3 คนข. 4 คนค. 5 คนง. 6 คน
4. ใครคือผู้แต่ง ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา
ก. รัชกาลที่ 2ข. รัชกาลที่ 3ค. รัชกาลที่ 4ง. ไม่ทราบนามผู้แต่งที่แน่ชัด
5. เดิมชื่อของนางวันทองคือ
ก. พิมพิลาไลยข. พิมพ์ผกาค . พิมพิลาลักษณ์ง. พิมพิวรรณ
6. เดิมชื่อของขุนแผนคือ
ก. พลายแก้วข . พลายงามค . พลายชุมพลง . พลายทอง
7. บิดาของขุนช้างชื่ออะไร
ก. เทพทองข. พันศรโยธาค. ขุนศรีวิชัยง . ทองประศรี
8. คุ้นเคยกันมาอย่างดี รู้ทีกัน เข้าใจในทำนองของกันและกัน ความหมายนี้ตรง
กับสำนวนใด
ก. เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้างข . วัวเคยค้าม้าเคยขี่
ค. เข็นครกขึ้นภูเขาง. ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
9. ขุนแผนมีลูกกับนางวันทองชื่อว่าอะไร
ก. พลายแก้วข . พลายงามค. พลายชุมพลง . พลายทอง
10. ขุนแผนบวชตอนอายุกี่ปี
ก. 13 ปีข. 14 ปีค. 15 ปีง. 16 ปี
เฉ
1. ค
2. ข
ล3. ค
4. ง
5. ก
ย
6. ก
7. ค
8. ข
9. ข
10. ค
รายชื่อผู้จัดทำ
นายพรพิทักษ์ คุณพระ เลขที่ 13 ชั้น ม.6/5
นายภูมินทร์ เกตุสำราญ เลขที่ 15 ชั้นม.6/5
นายหยกตะวัน หาญมะโน เลขที่ 16 ชั้นม.6/5
นางสาวปาริฉัตร เศษทรัพย์ เลขที่19 ชั้น ม.6/5
นางสาวธัญย์ชนก นามวงศ์ เลขที่ 20 ชั้นม.6/5
นางสาวชาลิสา ป้อมสุวรรณ เลขที่ 27 ชั้นม.6/5