The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kananisa, 2019-09-21 03:54:29

กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง

กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง

กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง



กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง เป็นบทประพันธ์ของเจ้าฟ้าธรรมธิ
เบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ หรือเจ้าฟ้ากุ้ง ทรงพระนิพนธ์ข้ึนเมื่อครั้นตามเสด็จสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศโดยสถลมารคไปมนัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี ท้ังน้ีคาว่า
ธารทองแดงเป็นชื่อธารน้าเล็ก ๆ เป็นตาบลหนึ่งที่อยู่ในบริเวณพระพุทธบาท อัน
เปน็ ทีร่ ื่นรมย์ด้วยธรรมชาติ มีสัตว์ต่าง ๆ และพันธุ์ไม้ต่าง ๆ อย่มู ากมาย

ผู้แต่ง : เจ้าฟ้าธรรมธเิ บศร หรือ เจ้าฟ้ากุ้ง
วตั ถุประสงคใ์ นการแตง่ : เพื่อพฒั นาสิ่งทไ่ี ด้ทอดพระเนตร
เห็นในการเสด็จทางสถลมารค (ทางบก) จากท่าเจา้ สนุกถงึ ธาร
ทองแดง

ฉนั ทลกั ษณ์

กาพย์ห่อโคลงประพาสธาร
ทองแดงประกอบด้วยคาประพันธ์
กาพย์ห่อโคลง ๑๐๘ บท ส่วนที่เป็น
กาพย์ห่อโคลงแต่งด้วยกาพย์ยานี
๑๑ สลับกับโคลงสี่สุภาพบทต่อบท
เน้ือความที่ปรากฏในกาพย์และโคลง
จะคล้ายคลึงกัน

สาระสาคญั

กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงกล่าวถึงขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ต้ังแต่
ข้ึนจากท่าเจ้าสนุก เดินทางรอนแรมไปในป่า จนถึงธารทองแดงและตาหนักธารเกษม ซึ่ง
เป็นตาหนักที่ประทับที่บูรณะในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ระหว่างการเดินทางกวีพรรณนา
ถึงสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ เช่น ช้าง กระบือ กวาง กระทิง หมี เสือโคร่ง เสือเหลือง เสือดาว
ระมาด โคแดง โคเพลาะ ละม่ัง เลียงผา งูเหลือม ฯลฯ พรรณนาพืชพรรณธรรมชาติ เช่น
พุทธชาด เพกา สาเก มะยม ไม้ดอก ไม้ผล และไม้ยืนด้น ฯลฯ ในตอนท้ายเรื่อง กล่าวถึง
รายละเอียดผู้แต่ง วัตถุประสงค์การแต่ง และแสดงคุณค่าด้านความไพเราะงดงามของ
วรรณคดีเรื่องน้ี

ตวั อยา่ ง รปู ทรงงามตามเสด็จไป
ม่านปีกนกวกวงวัง
ชมพระสนมและนางหา้ ม งามนัก
เพริศเพราเหล่านางห้าม ลบู ท้อง
ชาเยศ
ผมมวยรวยริมไร ห่อหุ้มคลมุ เดิร ฯ
เพริศเพราเหล่านางห้าม

รปู งามตามแลลกั ษณ์
ผมมวยรวยไรอรรค
ม่านปีกนกปกป้อง

ชมขบวนแห่ เปน็ กันกงเรียบเรียงไป
เกลือ่ นกรหู มู่จัตรุ งค์ เทพลีลาหลงั คาทอง
เรียงไสว
ทรงช้างระวางใน หว่างเขรื้อง
เกลือ่ นกรูหมู่แห่ห้อม มีชื่อ
ย่างแหนห้ ลังดี
เสด็จพดุ ตานทองไคล
ทรงช้างระวางใน
เทพลีลาเยื้อง

**พดุ ตานทอง
น. ชื่อพระที่นงั่ บางทีใช้ตั้งบนหลังช้าง หรือบนพระราชยานคานหาม หรอื ราชยานทาด้วยไม้สลกั หุ้มทอง มีฐาน
ระดบั ๒ ช้ันหรอื บางทีกต็ ั้งเปน็ ราชบัลลงั ก.์

ชมสัตว์สี่เท้า สุกรป่าพาพวกจร
กวางทรายรายกินหญ้า ตามเปนหมู่พรูเพรียกเสียง ฯ
ดงดอน
สนุ ขั ในไล่เห่าหอน ลกู ล้อม
กวางทรายรายเสพย์หญ้า หลายเหล่า
เห่าอื้ออึงเสียง
หมปู ่าพาเพือ่ นจร
สุนขั จ้งิ จอกหอน
เปนหม่พู รเู พรียกห้อม

มีหมีพีดาขลับ ข้นึ ไม้ผับฉับไวถึง
เรีย่ วแรงแขงขงั ขึง กัดโพรงไม้ได้ผึ้งกิน ฯ
เปนมัน
มีหมีดาขลับหน้า ขบขึ้ง
ข้นึ ไม้ผบั ฉบั พลัน สามารถ
เรีย่ วแรงแขงข้างขัน คาบเค้ยี วพลางหวาน ฯ
กัดฉีกไม้ได้ผ้งึ

เสือโคร่งยงปีบเปรี้ยง แอบโจนเฉียงเสียงพึงกลัว
ร้ายยวดหนวดเพราพัว ลองเลบ็ เล่นเผ่นโผนผาย ฯ
สยองหวั
เสือโคร่งยงปีบเปรี้ยง ทวั่ แคว้น
ศัพทสาเนียงพึงกลวั ตามุ่ง
ร้ายยวดหนวดเพราพวั โลดเลี้ยวโผนผาย ฯ
ลองเลบ็ เล่นเผ่นแหล้น

เลียงผาอย่ภู เู ขา หนวดพรายเพราเขาแปล้ปลาย
รูปร่างอย่างแพะหมาย ขนเหมน็ สาบหยาบเหมือนกัน ฯ
ภูเขา
เลียงผาอย่พู ่างพื้น ไปล่ท้าย
หนวดภู่ดูเพราเขา มาเปรียบ
รปู ร่างอย่างแพะเอา กลิน่ กล้าเหมือนกัน ฯ
ขนเหม็นสาบหยาบร้าย

ชมสัตว์เลอ้ื ยคลาน หางกระหวัดไว้ใฝ่อาหาร
งูเหลือมเอื้อมพันไม้ หย่อนตัวกระหวัดรัดกลมกิน ฯ
อาหาร
เนื้อกวางย่างเดิรพาน แยง่ ไว้
งูเหลือมเกี่ยวไม้ใฝ่ เดิรด่วน
ปากอ้าอมกิน ฯ
หางกระหวดั โยนยาน
เนื้อกวางสุกรฟาน
หย่อนตัวกระหวดั รดั ไว้

งูเขียวเที่ยวเล้อี ยแล พบตกุ แกยอ่ มสู้กัน

ตกุ แกกัดงูพนั แรงงมู ากปากคลาคลาย

งูเขียวสายม่านเลื้อย ลายมัน

พบตุกแกกวดขนั เกี่ยงกล้า

งขู บกัดงพู นั รัดรอบ

แรงมากปากคลายอ้า ออกให้งูพลัน

ตะกวดเห้ยี เมียเข้าไข่ ในโพรงไม้ได้เปนรัง

ตวั น้อยกระจ้อยหวัง รูปจรเข้เล่ห์เหมือนกนั ฯ

ตระกวดเห้ยี เมียเข้าไข่ ตีนตรัง

โพรงไม้อย่เู ปนรัง ด่วนด้นั

ตัวน้อยกระจ้อยหวัง ดรู ปู

อย่างจระเข้เลห่ ์น้นั ห่อนเพ้ยี นกนั เหมือน ฯ

ดหู นูสู่รูงู งูสุดสหู้ นูสู้งู
หนงู ูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู ฯ
พรพู รู
ดูงูข่ฝู ดู ฝู้ สดุ สู้
หนสู ู่รูงูงู งอู ยู่
งูสู้หนูหนูสู้ รูปทู้มทู ู
หนูรู้งูงรู ู้

ชมนก คลอไคล้ค่หู มสู่ าริกา
นกแก้วแจ้วเสียงใส ฝ่าแขกเต้าเหล่าโนรี ฯ
เร่หา
นกตั้วผวั เมียคลา แวดเคลา้
นกแก้วแจ้วรี่ร้อง สมสู่
พวกพ้องโนรี ฯ
ใกล้ค่หู มู่สาลิกา
นกต้ัวผัวเมียมา
สตั วาฝ่าแขกเต้า

นกเงือกอย่โู พรงไม้ ผัวฟักไข่เมียผันผาย
เล่นช้อู ย่เู สบยสบาย ผวั หมายไว้ให้รวงรงั ฯ
เรียงราย
นกเงือกอย่ซู อกไม้ ด่วนได้
ผวั ฟกั เมียผนั ผาย ลืมคู่
เล่นช้อู ย่เู สบยสบาย อย่เู ฝ้ารวงรงั ฯ
ผวั อดอาหารให้

ชมปลา ปลาเข้าเม่าปลาคางเบือน
ปลาแปบแลปลาเป้า ปลากดกรายสวายหางแดง ฯ
แลเลือน
ปลาม้าหน้าคนเหมือน มุ่งหม้าย
ปลาดุกปลาแปบเป้า คนอยู่
โบกน้าหางแดง ฯ
เข้าเม่าเหล่าคางเบือน
ปลาม้าหน้าคนเหมือน
ปลากดกรายสวายหว้าย

ปลากะโห้ชโดแฝง ช่อนชวาดแชวงแฝงครนั
หน้าส้นั ปลานวลจันทร์ ปลาอ้องแอ้งปลาเสือหมู ฯ
แฝงกนั
ปลาชะโดกะโห้ใฝ่ ว่ายแว้ง
ช่อนชวาดแชวงสบู ครนั หลายเหล่า
หน้าส้นั อิกนวลจันทร์ หมึกเหม้าเสือหมู ฯ
ปลาทกุ ท้องอ้องแอ้ง

ปกู ุ้งลอยก่งก้าม แลเหลือหลามย่ามเหยื่อหา
หอยโข่งหอยขมตา ววั ก็มีทท่ี ้องธาร ฯ
ไคลคลา
ปูกุ้งลอยก่งก้าม สู่ส้อง
เหลือหลามย่ามเหยื่อหา ววั เกลือ่ น
หอยโข่งหอยขมตา ท่าน้าธารสินธ์ุ ฯ
สารพดั มีท่ที ้อง

ชมไม้ โยทกากรรณิกา
เพกาต้นตุมกา ต้นมะกากาจบั นอน ฯ
กาลา
ชุมกาแลสาบกา ถีก่ ้อง
เพกาตมุ กาต้น กาสู่
จับไม้กาหลง ฯ
โยทกากรรณิกา
ชมุ กาแลสาบกา
ต้นมะกาการ้อง

เลบ็ นางงามแสล้ม ต้นนางแย้มแกมดองดึง
สุพรรณิกากากระทึง ดอกราชพฤกษ์ซึกไทรไตร ฯ
พอพึง
เล็บนางนวยแน่งน้อย อีกอ้อย
นางแย้มแกมดองดึง บานแบ่ง
สุพรรณิกากากระทึง พู่เพี้ยงไทรไตร ฯ
ราชพฤกษ์ซีกดวงย้อย

หมากม่วงดิบห่ามฝาน ใส่ในจานพานตบะรอง
นัง่ ล้อมห้อมเนืองนอง จ้ิมน้าปลางาปกิ ิน ฯ
ปอกฝาน
หมากม่วงดิบห่ามให้ จุ่มจิ้ม
งาปนิ ้าปลาจาน กินอยู่
นงั่ ล้อมห้อมกินกราน อิ่มเอื้อนราถอย ฯ
เข็ดฟนั ผันหน้ายิ้ม

คณุ คา่

๑. ด้านสานวนภาษา

สานวนภาษามีความไพเราะมาก มีการเล่นคา สัมผัสนอก-ในอย่าง
สละสลวย กวีใช้คาง่าย ๆ แต่ให้อรรถรสและสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน
มีการพรรณนาอย่างละเอียดลออเห็นภาพอย่างชดั เจน เช่น

ดหู นูสู่รูงู งูสุดสหู้ นูสู้งู
หนงู ูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู ฯ
พรพู รู
ดูงูข่ฝู ดู ฝู้ สดุ สู้
หนสู ู่รูงูงู งอู ยู่
งูสู้หนูหนูสู้ รูปทู้มทู ู
หนูรู้งูงรู ู้

มีการใชส้ ัทพจน์ หรอื การเลียนเสยี งธรรมชาติ โดยจะใช้ในการเลียนเสียงสตั ว์ เพือ่ ให้บท

ประพนั ธ์มีความชัดเจนและไพเราะ ดงั ตัวอย่าง

เสือโคร่งยงปีบเปรยี้ ง แอบโจนเฉียงเสยี งพึงกลัว

ร้ายยวดหนวดเพราพัว ลองเล็บเล่นเผ่นโผนผาย ฯ

เสือโคร่งยงปีบเปรีย้ ง สยองหัว

ศัพท์สาเนียงพึงกลวั ทัว่ แคว้น

ร้ายยวดหนวดเพราพวั ตามุ่ง

ลองเลบ็ เล่นเผ่นแหล้น โลดเล้ียวโผนผาย ฯ

จากบทประพนั ธ์ มีการใช้คาว่า ปีบ ซึ่งเป็นเสียงร้องของเสอื โคร่ง

อปุ มา การเปรยี บเทยี บสิง่ หนึ่งกับอีกสิ่งหนึง่ โดยใช้คาที่มี

ความหมายว่า เหมือนหรือคล้าย

กระจงกระจิตเต้ีย วิ่งเรีย่ เรี่ยน่าเอน็ ดู

เหมือนกวางอย่างตาหู มีเขี้ยวน้อยสร้อยแนมสอง

กระจงกระจิดหน้า เอ็นดู

เดินร่อยเรีย่ งามตรู กระจ้อย

เหมือนกวางอยา่ งตาหู ตีนกีบ

มีเคี่ยวขาวน้อยช้อย แนบข้างเคยี งสอง

บคุ ลาธิษฐาน การสมมุติให้สิง่ ทีไ่ ม่มีชีวิต ไม่มีความคิด สิง่ ทีเ่ ปน็ นามธรรม
หรอื สัตว์ให้มีสติปัญญา อารมณ์หรอื กิริยาอาการ เหมือนมนษุ ย์

นกเงือกอยโู่ พรงไม้ ผวั ฟักไข่เมียผันผาย

เล่นชู้อยู่เสบยสบาย ผวั หมายไว้ให้รวงรัง ฯ

การเลน่ เสยี งสมั ผสั รารางชางช่างฟ่ายหาง
ช่างราเล่นเต้นตามกัน
ยูงทองย่องเยื้องยา่ ง ราฉวาง
ปากหงอนอ่อนสาอาง เฉิดหน้า
ลายเลิศ
ยูงทองยอ่ งย่างเยื้อง ปีกป้องเป็นเพลง
รายร่ายฟ่ายเฟื่องฟาง
ปากหงอนอ่อนสาอาง
ราเล่นเต้นงามหงา้

การเลน่ คา ต้นลางลิงแลหูลิง
ลิงโลดคว้าประสาลิง
หัวลิงหมากลางลิง ลางลิง
ลิงไต่กระไดลิง หลอกขู้
ลิงห่ม
หวั ลิงหมากเรียกไม้ ฉีกคว้าประสาลิง
ลางลิงหลู ิงลิง
ลิงไต่กระไดลิง
ลิงโลดฉวยผู้ชม

๒. ดา้ นพฤกษศาสตร์และสตั วศาสตร์

ทาให้มีความรู้เกีย่ วกับพืชพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ทีพ่ บเห็น ซึ่งมีลกั ษณะทาง
พฤกษศาสตร์ต่างกันและมีความรู้เกีย่ วกับสัตว์นานาชนิดท่ไี ด้พบเห็นเพราะกวี
ได้พรรณนาไว้อย่างละเอียดลออ เช่น บอกลกั ษณะ รปู ร่าง ไว้อย่างชดั เจน
ดงั ตัวอย่าง

นกขม้ินเหลืองหลากหลาย มีสพายหมายสองคาง
เหลืองอร่ามงามปีกหาง เห็นสาอางช่างมีพรรณ ฯ
ปีกหาง
นกขม้ินเหลืองกา่ ป้อง ค่างแก้ม
มีสพายหมายสองคาง เห็นเลิศ
เหลืองอร่ามงามปีกหาง แต่งให้มีพรรณ ฯ
สร้อยสาอางอย่างแต้ม

พงั พลายหมู่หลายซร้อง ในเถื่อนท้องร้องระงมดง

ธารน้าคร่ากันลง เล่นน้าแน่นแตรน้ ชมกัน ฯ
ฝงู ช้างสล้างใหญ่น้อย พงั พลาย
สา่ ถ้วน
ทอกโทนพินายหลาย ในเหล่า
ทองแดงเผือกเนียมราย เล่นร้องฮูมแปรน๋ ฯ
ลงท่าน้าดาป้วน

๓. ด้านวิถีชีวิต

ทาให้มองเห็นสภาพวิถีชีวิตของคนในสมัยนั้น เพราะการบนั ทึกประวตั ิศาสตร์
จะต้องอาศัยข้อมูลจากวรรณคดีในแต่ละสมัย เช่น มีการอาบน้าที่ท่าน้าเหมือนคนใน
ชนบทบางแห่งทุกวนั น้ี หลงั อาบน้าแล้วก็ทาขม้นิ ซึง่ เปน็ เครื่องประทินผิวหรือ
เครื่องสาอางในสมัยนั้น

ลางนางอาบน้าท่า ทาขม้นิ เหลืองพึงชม
ทาแป้งแกล้งหวีผม ผัดหน้านวนยวลใจชาย ฯ
อาบองค์
ลางนางตักน้าท่า ลบู น้า
ขัดขมิ้นเหลืองบรรจง ผมปีก
หวีเกล้าเอาเทริดทรง ย่ัวเย้าใจชาย ฯ
ผัดหน้านวนงามล้า

จบการนาเสนอ

จัดทาโดย
นางสาวคณานิศา ซ่อนกลิน่ รหสั ๐๐๖
นางสาวณฐั ริกา ล้อมสระน้อย รหัส ๐๑๑
นางสาวฤดีมาศ แกว้ ประโคน รหสั ๐๒๑
นางสาววชิราภรณ์ วิเศษนคร รหสั ๐๒๒

ชน้ั ปที ี่ ๔ หมูท่ ี่ ๑
คณะครศุ าสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย


Click to View FlipBook Version