สมั มนาวชิ าการพิพิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังท่ี 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร, 47-56
The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories, 47-56.
การระบุเพศนกปรอดภูเขา (Ixos mcclellandii) ด้วยขนนกโดยใช้อณูชีววทิ ยาเทคนิค
Using Feather Samples to Identify Sex of Mountain Bulbul (Ixos mcclellandii)
Based on Molecular Techniques
จติ ต์มาศ ถนิ ทพิ ย์1 Jitmat Thintip1
ศุภลกั ษณ์ ศิริ1 Supalak Siri1
ยุวดี พลพทิ กั ษ์1
ประทปี ด้วงแค1 Yuwadee Ponpithuk1
ครศร ศรีกลุ นาถ2 Prateep Duengkae1
สุธีร์ ดวงใจ1*
Kornsorn Srikulnath2
Sutee Duangjai1, *
PROOFS
1ภาควชิ าชีววทิ ยาป่ าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10900
1Department of Forest Biology, Faculty of Forestry, Kasetsart University, Bangkok 10900
2ภาควชิ าพนั ธุศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10900
2Department of Genetics, Faculty of Science, Kasetsart University
*Corresponding author. E-mail: [email protected]
รับเรื่อง: 15 ตุลาคม 2563 รับลงพมิ พ:์ 10 ธนั วาคม 2563
บทคดั ย่อ
นกปรอดภเู ขาเป็นนกทไ่ี มส่ ามารถระบเุ พศไดจ้ ากลกั ษณะภายนอก งานวจิ ยั น้ีจงึ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ระบเุ พศ และตรวจสอบ
ความแตกตา่ งดา้ นลกั ษณะสณั ฐานวทิ ยาของนกปรอดภเู ขาทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ นั กบั เพศ โดยการระบเุ พศนกใชต้ ำ� แหนง่ Chro-
modomain-helicase-DNA-binding (CHD gene) ดว้ ยไพรเมอร์ P2/P8, 1237L/1272H และ 2550F/2718R มเี พยี งไพรเมอร์เดยี ว
ทสี่ ามารถระบเุ พศของนกปรอดภเู ขาไดค้ อื ไพรเมอร์ 2550F/2718R ผลผลติ พซี ีอาร์พบวา่ เพศเมยี มแี ถบดเี อน็ เอ 2 แถบ ทม่ี ชี ิน้
ดเี อน็ เอ ขนาด 450 คเู่ บส (CHD-W) และขนาด 600 คเู่ บส (CHD-Z) และนกเพศผมู้ แี ถบดเี อน็ เอเพยี ง 1 แถบ ของอลั ลลี CHD-Z
และการศกึ ษาความแตกตา่ งระหวา่ งเพศโดยมลี กั ษณะทางสณั ฐานวทิ ยาภายนอกทม่ี คี า่ เฉลย่ี ระหวา่ งเพศทแ่ี ตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั
สำ� คญั ทางสถติ ทิ ้งั หมด 11 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ Weight, Total length with feathers (TLF), Length of exposed culmen (LEC), Length
of from nostril (LBN), Length of tomium (LT), Length of rictus (LR), Width of mandible at base (WMB), Length of exposed
ramus (LER), Tibia, Diameter of middle of tarsus (Mtarsus) และ Length of outer claw (T-outer) โดยมมี คี า่ p < 0.05 ซ่ึงผลการ
ศกึ ษาของการวเิ คราะหจ์ ำ� แนกกลมุ่ (discriminant analysis) โดยใชล้ กั ษณะ 2 ลกั ษณะทส่ี ามารถแยกความแตกตา่ งระหวา่ งเพศ
ได้คอื ลกั ษณะ LR โดยเพศเมยี มคี า่ เฉลย่ี อยทู่ ี่ 5.61±0.27 มลิ ลเิ มตร และ เพศผมู้ คี า่ เฉลยี่ อยทู่ ี่ 7.23±0.72 มลิ ลเิ มตร และลกั ษณะ
TLF โดยเพศเมยี มคี า่ เฉลยี่ อยทู่ ่ี 206±10.6 มลิ ลเิ มตร และเพศผมู้ คี าเฉลย่ี อยทู่ ี่ 222±3.30 มลิ ลเิ มตร ในการทำ� นายสำ� หรบั สรา้ ง
แบบจำ� ลองโดยมสี มการการพยากรณข์ องสมาชกิ Y = -77.71+TLF(0.27)+LR (2.78) ท่ี Cutoff value = 0 จากการศกึ ษาในคร้งั
น้ีสามารถนำ� ไปใชใ้ นการประเมนิ โครงสรา้ งประชากร อตั ราส่วนระหวา่ งเพศเพอ่ื การอนุรกั ษต์ อ่ ไป
คำ� สำ� คญั การระบเุ พศนก นกปรอดภเู ขา อณูชวี วทิ ยาเทคนิค
48 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
ABSTRACT
Morphological measurements cannot discriminate the sex of Mountain Bulbul. Sex identification is an important issue that needs
to be addressed for ecological and evolutionary biology studies, as well as to improve breeding and conservation management.
Sex identification from feathers of Mountain Bulbul was performed by amplification of the CHD gene (Chromodomain-heli-
case-DNA-binding) with polymerase chain reaction (PCR) using universal primers P2/P8, 1237L/1272H and 2550F/2718R. The
2550F/2718R primer set gave the best results as amplified by a single band in male (ZZ) and two bands, differing in fragment
sizes, in female (ZW). CHD-W showed a band at 450 bp, while CHD-Z showed a band at 600 bp. The other primer showed
no band for this species. Morphological measurements coupled with molecular techniques such as PCR based sex genotyping
could further facilitate conservation of Mountain Bulbul. And the study of the sex difference with 11 statistically significant
morphological mean values: Weight, TLF, LEC, LBN, LT, LR, WMB, LER, Tibia, Mtarsus, and T-outer with p <0.05. (dis-
criminant analysis) using 2 traits that can differentiate between the sexes: the LR trait, with the mean female being 5.61 ± 0.27
mm, the male mean at 7.23 ± 0.72 mm and the TLF trait by sex. The mean females were 206 ± 10.6 mm and the mean males
were 222 ± 3.30 mm. In the prediction for modeling with the predictive equation of members Y = -77.71 + TLF (0.27) + LR
(2.78) Where Cutoff value = 0 from this study can be used to assess population structure. sex ratio for further conservation.
PROOFS
KEYWORDS: Identify sex, mountain bulbul, molecular techniques
คำ� น�ำ สมั พนั ธก์ บั ความพร้อมของอาหารในแต่ละฤดูกาล จึงส่ง
ผลใหน้ กปรอดมีรูปแบบการกระจายเมลด็ พนั ธุพ์ ชื ในป่ า
นกประจำ� ถิ่นมีความสำ� คญั อยา่ งมากต่อระบบนิเวศ โดย ไดห้ ลากหลาย (Sankamethawee et al., 2011; Khamcha et
เฉพาะระบบนิเวศป่ าไมเ้ น่ืองจากมีบทบาทในการช่วย al., 2012; Khamcha and Gale, 2012) ซ่ึงชนิดของนกข้ึน
กระจายเมล็ดพนั ธุ์ไม้ ควบคุมและกำ� จดั ประชากรของ อยกู่ บั โครงสร้างองคป์ ระกอบของพืชและแหล่งอาหาร
หนอนและแมลง รวมไปถึงช่วยผสมเกสร ซ่ึงส่งผลทำ� ให้ สำ� หรับการสืบพนั ธุ์เพ่ือการอยรู่ อดและความไวต่อการ
เกิดความอุดมสมบูรณ์ของป่ า นอกจากน้ีนกประจำ� ถิ่น เปลี่ยนแปลงท่ีอยอู่ าศยั
เป็ นนกท่ีมีการกระจายพนั ธุ์ในแต่ละถ่ินอาศยั ท่ีเหมาะ นกปรอดภูเขาทวั่ โลกมี 9 ชนิดยอ่ ย ซ่ึงในประเทศไทย
สมของแตล่ ะชนิดสามารถเป็นตวั ชีวดั ความอดุ มสมบรู ณ์ พบ 4 ชนิดย่อย มีการกระจายพนั ธุ์ในเทือกเขาหิมาลยั
ของป่ าได้ (Duengkae, 2550) ซ่ึงนกปรอดเป็นนกในวงศ์ จีนตอนใต้ พม่า ไทย ลาว กมั พชู า เวยี ดนาม เกาะไหหลำ�
Pycnonotidae ท่ีเป็นองคป์ ระกอบสำ� คญั ของระบบนิเวศ และมาเลเซีย (จารุจินต,์ 2555; Khobkhet, 2001) เป็ น
ป่ าฝนเขตร้อนและนกชนิดน้ีมีความหลากหลายทาง เป็ นนกท่ีมีความส�ำคัญในการกระจายเมล็ดพนั ธุ์ใน
นิเวศวิทยาสามารถอยไู่ ดห้ ลายพ้ืนที่ท่ีมีโครงสร้างและ ภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะในถ่ินที่อยู่อาศยั ที่เส่ือมโทรม
องคป์ ระกอบของพืชพรรณท่ีแตกต่างกนั มีนิเวศวิทยา นกปรอดภูเขากินพืชได้หลายชนิด และสามารถเป็ น
และแหล่งท่ีอยูอ่ าศยั ที่หลากหลาย โดยนกปรอดแต่ละ ตวั กระจายเมล็ดพนั ธุ์ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ (Corlett,
สกุลมีถ่ินอาศัยท่ีแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม 2017; Shakya and Sheldon, 2017; Sankamethawee
และสามารถใช้เป็ นตวั ช้ีวดั ความอุดมสมบูรณ์ของป่ า et al., 2011) แต่ในปัจจุบนั มีการเติบโตของประชากร
ได้ เน่ืองจากนกปรอดถือเป็ นผชู้ ่วยกระจายเมลด็ (seed มนุษยอ์ ยา่ งรวดเร็วส่งผลใหป้ ัญหาการบุกรุกทำ� ลายถิ่น
disperser) ท่ีสำ� คญั ในระบบนิเวศ (Duengkae, 2550) มี ท่ีอยู่อาศยั ของสัตว์ อีกท้งั การเปลี่ยนแปลงทางสภาพ
รายงานพบนกปรอดกินพชื ผลไมป้ ระมาณ 93 เปอร์เซ็นต์ ภูมิอากาศส่งผลต่อโครงสร้างประชากร โดยเฉพาะใน
ของพืชผล และการเคล่ือนท่ีของนกปรอดยงั มีความ
สมั มนาวชิ าการพพิ ิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังที่ 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 49
พ้นื ท่ีเขตสงวนชีวมณฑลแม่สา-คอกมา้ ที่มีปัญหาไฟป่ า 2. การต้งั ตาข่ายดกั นก
และการบุกรุกพ้ืนท่ีไดส้ ่งผลกระทบต่อการสูญเสียถิ่นท่ี การศึกษาลกั ษณะสณั ฐานวทิ ยาของนกปรอด ดำ� เนินการ
อยอู่ าศยั เป็นผลทำ� ใหน้ กปรอดภูเขาลดลง (Sekercioglu, ดกั จบั นกปรอดภเู ขา (Ixos mcclellandii Horsfield, 1840)
2002) อีกท้งั การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศส่ง โดยวธิ ีการสุ่มต้งั ตาขา่ ย (mist net) ในแปลงศกึ ษาสงั คมพชื
ผลต่อความหลากหลายทางพนั ธุกรรม (โองการ, 2556) ถาวรขนาด 400×400 เมตร ท้งั หมด 12 จดุ โดยแตล่ ะจดุ มี
และอตั ราส่วนระหวา่ งเพศ ก่อใหเ้ กิดการขาดสมดุลของ ตำ� แหน่งการต้งั ตาขา่ ยดกั นกแบง่ ออกเป็น 3 ตำ� แหน่ง คอื
โครงสร้างประชากรและการสือต่อพนั ธุ์ในอนาคต แต่ 1) บริเวณช่องวา่ งของเรือนยอด (Forest gap; ความสูงของ
นกปรอดภูเขาไม่สามารถระบุเพศจากลกั ษณะสัณฐาน ตาขา่ ย 9 เมตร ยาว 18 เมตร) เป็นบริเวณท่ีเกิดช่องวา่ งป่ า
วทิ ยาได้ ดงั น้นั ควรศึกษาการระบุเพศของนกปรอดภูเขา ตามธรรมชาติ มีสาเหตุมาจากการเกิดจากโคน่ ลม้ ของไม้
เพอ่ื ใชบ้ ง่ ช้ีถึงอตั ราส่วนระหวา่ งเพศนกปรอดภเู ขา ดงั น้นั ใหญ่ (Richards, 1996; De Souza et al., 2001) 2) บริเวณ
ควรใหค้ วามสำ� คญั และศึกษาเกี่ยวกบั การระบเุ พศของนก รอยตอ่ ระหวา่ งช่องวา่ งของเรือนยอดกบั บริเวณเรือนยอด
ปรอดภเู ขาและศึกษาความแตกตา่ งระหวา่ งสณั ฐานวทิ ยา ที่แน่นทึบ (Gap edge; ความสูงของตาขา่ ย 4 เมตร) และ 3)
ระหวา่ งเพศผแู้ ละเพศเมีย เพ่ือสามารถใชเ้ ป็นขอ้ มูลดา้ น บริเวณเรือนยอดแน่นทึบ (Forest; ความสูงของตาข่าย 4
โครงสร้างประชากร อตั ราส่วนระหว่างเพศ และตรวจ เมตร ยาว 18 เมตร) (Figure 1) ดำ� เนินการดกั จบั นกต้งั แต่
สอบความแตกตา่ งในลกั ษณะสณั ฐานวทิ ยาของนกปรอด ช่วงเวลา 6:00 นาฬิกา ถงึ 16:00 นาฬิกา โดยทำ� การเชค็ นก
ภูเขาท่ีมีความสัมพนั ธ์กนั กบั เพศ ซ่ึงเป็ นส่วนสำ� คญั ใน ทเ่ี ขา้ ตดิ ในตาขา่ ย ทกุ ๆ 30 นาที ภายหลงั ทำ� การเปิ ดตาขา่ ย
การจดั การโครงสร้างของประชากรเพ่ือการอนุรักษน์ ก ดกั นกในชว่ งเวลาทก่ี ำ� หนด หากฝนตกจะทำ� การปิดตาขา่ ย
ปรอดภูเขาต่อไป ทนั ทเี พอ่ื ป้องกนั ไมใ่ หเ้ กิดอนั ตรายตอ่ ตวั นก (Wunderle et
al., 2005) โดยทกุ ข้นั ตอนคำ� นึงถึงความปลอดภยั ของนก
อปุ กรณ์ และวธิ ีการ
PROOFS
วธิ ีการศึกษา
1. พืน้ ทศ่ี ึกษา
ดำ� เนินการศึกษาในแปลงถาวรขนาด 16 เฮกตาร์ บริเวณ Figure 1. Mist net.
พ้นื ท่ีสงวนชีวมณฑลแมส่ า-คอกมา้ ซ่ึงต้งั อยภู่ ายในพ้นื ที่
อทุ ยานแห่งชาตดิ อยสุเทพ-ปยุ อำ� เภอเมอื งจงั หวดั เชยี งใหม่
ดำ� เนินการเก็บขอ้ มูลเป็ นประจำ� ทุกเดือน ต้งั แต่เดือน
ตลุ าคม พ.ศ. 2557 ถงึ เดือนตลุ าคม พ.ศ. 2562
Table 1. Characteristics and methods used to measure bird morphology. (Baldwin et al., 1931).
Characteristics Codes Methods
Weight W Weigh the bird with a digital scale.
Total length with feathers TLF Measure the length from mouth to tail.
Length of exposed culmen LEC Measure the length from the forehead to tip of upper lip.
Length of total culmen LTC Measure the hair length from the forehead to tip of upper lip.
50 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
Table 1. (Continued).
Characteristics PROOFS Codes Methods
Length of bill from gape LBG Measure the length from tip of jaw to tip of upper mouth.
Length of from nostril LBN Measure the length from center of nostril to top of mouth.
Length of bill to feathers on side of LBFSM Measure the length from top of mouth to forehead.
maxilla
Height of bill at base HBB Measure the height from forehead to lower jaw.
Height of bill at nostrils HBN Measure the height from center of nostril to lower scissors.
Width of bill at base WBB Measure the width of forehead
Width of bill at gape WBG Measure the width of mandible.
Length of tomium LT Measure the length from top of mouth to edge of mouth.
Length of rictus LR Measure the length from edge of mouth to jaw.
Greatest height of maxilla GHM Measure the height from forehead to edge of mouth.
Total length of mandible TLM Measure the length from tip of lower lip to tip of jaw.
Length of exposed mandible LEM Measure the length from lower lip to edge of bill.
Width of mandible at base WMB Measure the width of the bill.
Length of exposed ramus LER Measure the length of bottom groove to tip of jaw.
Length of gonys LG Measure the length of bottom groove to tip of bill.
Length of rectal bristles LRB Measure the length of tentacles pointed out to longest side.
Length of head LH Measure the length from crown.
Length of bill form head HB Measure the length of the fontanelle to the tip of the bill.
Greatest width of head GWH Measure the width between the 2 ears.
Interorbital width of head IWH Measure the width between the 2 eyes.
Height of eye HEye Measure the height of the bird's eye
Length of eye LEye Measure the length of the bird's eye
Length of frontal antiae LFA Measure the length of the tentacles pointed out the longest
front.
Length of tail Ltail Measure tail length
Distance from upper tail-coverts to DUTET Measure the length between top hair and tip of the tail.
end tail
Length of tibia Tibia Measure the length of tibia
สมั มนาวชิ าการพพิ ิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังท่ี 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 51
Table 1. (Continued).
Characteristics Codes Methods
Length of tarsus Tarsus Measure the length of tarsus.
Diameter of middle of tarsus Mtarsus Measure the diameter of the tarsus.
Length of inner toe T-inner Measure the length of the inner toe.
Length of middle toe T-middle Measure the length of the middle toe.
Length of outer toe T-outer Measure the length of the outer toe.
Length of digit toe T-digit Measure the length of the digit toe.
Length of inner claw C-inner Measure the length of the inner claw.
Length of middle claw C-middle Measure the length of the middle claw.
Length of outer claw C-outer Measure the length of the outer claw.
Length of digit claw C-digit Measure the length of the digit claw.
PROOFS
เป็นอนั ดบั แรก (Bloom et al., 2007) โดยกิจกรรมท่ีดำ� เนิน saltingoutmethodจากน้นั ระบเุ พศดว้ ยเทคนิคระดบั โมเลกลุ
การสอดคลอ้ งกบั หลกั เกณฑข์ องกรมอทุ ยานแห่งชาตสิ ตั ว์ ทำ� ไดโ้ ดยการเพม่ิ ปริมาณดีเอน็ เอบนยนี Chromo-helicase
ป่ าและพนั ธุพ์ ชื แห่งประเทศไทย DNP 0907.4/9819 DNAbindingprotein(CHD)โดยใชไ้ พรเมอร์ 2550F/2718R
3. การวดั ลกั ษณะสัณฐานวทิ ยาของนก (Fridolfsson and Ellegren, 1999) 1237L/1272H (Goh et al.,
นกทุกตวั ท่ีติดตาข่าย ทำ� การติดห่วงขานก (Bird ringing) 2013) และไพรเมอร์ P2/P8 (Griffiths et al., 1998) เพอื่ หา
ทุกคร้ัง จากน้นั ทำ� การบนั ทึกขอ้ มูลสณั ฐานวทิ ยาท้งั หมด ไพรเมอร์ทเี่ หมาะสมทสี่ ุดในการระบเุ พศนกปรอดภเู ขาโดย
42 ลกั ษณะ (Table 1) การเพมิ่ ปริมาณดเี อน็ เอจะมสี ารท้งั หมด 15 ไมโครลติ รตอ่
จากน้นั เกบ็ ตวั อยา่ งขนบนหลงั นก จำ� นวน 7-9 กา้ น เป็น หลอดทดลอง ประกอบดว้ ย 2X Taq master mix ใหม้ คี วาม
บริ เวณท่ีมีขนอ่อนนุ่ มและไม่ส่ งผลกระทบต่อการบิน เขม้ ขน้ สุดทา้ ยเทา่ กบั 1Xไพรเมอร์ 2550/2718Rหรือไพรเม
ของนก ลงในหลอดทดลองขนาด 1.5 มิลลิลิตร ท่ีมีเอทา อร์ P2/P8หรือไพรเมอร์ 1237L/1272Hโดยแตล่ ะไพรเมอร์มี
นอล 95 เปอร์เซ็นต์ และปล่อยนกกลบั สู่ธรรมชาติ ความเขม้ ขน้ สุดทา้ ยเทา่ กบั 1ไมโครโมลาร์ เตมิ nucleasefree
4. การวเิ คราะห์ DNA ในห้องปฏบิ ัตกิ าร water จนครบ 15 ไมโครลติ ร นำ� ไปเขา้ เคร่ือง DNA thermal
นำ� ตวั อยา่ งเน้อื เยอื่ บริเวณปลอกขนนกมาสกดั ดเี อน็ เอดว้ ยวธิ ี cyclerโดยมสี ภาวะดงั น้ี (ตารางท่ี2)จากน้นั นำ� ไปตรวจสอบ
ภายใตแ้ สงยวู ดี ว้ ยเคร่ืองgeldocumentationและถา่ ยภาพดว้ ย
โปรแกรม Gene Snap form SnyGene
Table 2. PCR thermal cycler parameters. Anneal Extension Final Extension
Primer Initial Denature Denature
P2/P8 95°C 3 Min 95°C 45 S 56°C 45 S 72°C 45 S 72°C 10 Min
1237L/1271H 95°C 3 Min 95°C 45 S 54°C 45 S 72°C 45 S 72°C 10 Min
2550F/2718R 95°C 3 Min 95°C 45 S 50°C 45 S 72°C 45 S 72°C 10 Min
52 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
5. การวเิ คราะห์ทางสถติ ิ CHD-Z และอลั ลีล CHD-W ไดอ้ ยา่ งชดั เจน และมีความ
วิเคราะห์ขอ้ มูลความแตกต่างของลกั ษณะสณั ฐานวิทยา แตกต่าง ระหวา่ งอลั ลีล 150 คู่เบส โดยเพศผเู้ กิด 1 แถบ
ภายนอกระหวา่ งเพศจำ� นวน 42 ลกั ษณะที่ไดจ้ ากการวดั ของอลั ลีล CHD-Z มีขนาดชิ้นดีเอน็ เอประมาณ 600 คู่
จากตวั อยา่ ง มาวเิ คราะห์ทางสถิติโดยใชโ้ ปรแกรม RStu- เบส และเพศเมียเกิด 2 แถบของอลั ลีล CHD-Z และอลั ลีล
dio ดว้ ย T-Test เพอ่ื ใชท้ ดสอบความแตกต่าง หรือเปรียบ CHD-W ซ่ึงมีขนาดชิ้นดีเอน็ เอประมาณ 600 และ 450 คู่
เทียบคา่ เฉล่ียของแตล่ ะลกั ษณะของนกระหวา่ งเพศผแู้ ละ เบส ตามลำ� ดบั (Figure 2)
เพศเมีย จากน้นั นำ� มาทดสอบ Generalized Linear Model 2. การศึกษาความแตกต่างโดยใช้ค่าเฉลี่ย และความ
(GLM) เพ่อื หาสมการท่ีเหมาะสมที่สุดต่อไป แปรปรวนระหว่างเพศจากลักษณะทาง สัณฐานวิทยา
ของนกปรอดภูเขา
ผล และวจิ ารณ์ 2.1 การศึกษาความแตกต่างของค่าเฉล่ียระหวา่ งเพศจาก
ลกั ษณะทางสัณฐานวิทยาของนกปรอดภูเขา ใชจ้ ำ� นวน
1. ผลการระบุเพศนกปรอดภูเขา เพศผู้19 ตวั และเพศเมีย 28 ตวั โดยมีลกั ษณะทางสณั ฐาน
จากการทดสอบหาไพรเมอร์ท่ีเหมาะสมที่ใชใ้ นการเพ่มิ วทิ ยา ภายนอกที่มีคา่ เฉลี่ยระหวา่ งเพศท่ีแตกต่างกนั อยา่ ง
ปริมาณดีเอน็ เอบริเวณยีน CHD เพื่อระบุเพศนกปรอด มีนยั สำ� คญั ทางสถิติ ท้งั หมด 11 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ Weight,
ภูเขา พบว่าไพรเมอร์ที่เหมาะสมท่ีสุดคือ ไพรเมอร์ TLF, LEC, LBN, LT, LR, WMB, LER, Tibia, Mtarsus
2550F/2718R ซ่ึงสามารถแยกความแตกต่างของอลั ลีล
PROOFS
Figure 2. Tests for suitable universal primers were given to determine the sex of the mountain bulbul.
สมั มนาวชิ าการพิพิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังที่ 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 53
Table 3. Mean of each morphological value (X) using the number of mountain bulbul Using 19 males and 28 fe-
males, the confidence interval was 100%.
ลกั ษณะของนก p-value
WeightPROOFS 0.004
TLF 0.035
LEC 0.035
LBN, 0.025
LT 0.046
LR 0.028
WMB 0.042
LER 0.040
Tibia 0.006
Mtarsus 0.007
T-outer 0.030
และ T-outer โดยมีมีค่า p < 0.05 (Table 3) โดยลกั ษณะ Figure 3. Sexual grouping of the Mountain Bulbul spe-
ของเพศผูม้ ีขนาดใหญ่กว่าเพศเมียซ่ึงสอดคล้องกับ cies using TLF and LR morphology; Cutoff value = 0.
รายงานของ Darwin (1874) พบวา่ นกเพศผจู้ ะมีขนาดตวั ClassificationResultsสรุปผลลพั ธก์ ารทำ� นายโดยใหค้ า่ การ
ท่ีใหญ่กวา่ นกเพศเมียเพ่ือใชใ้ นการต่อสูแ้ กร่งแยง่ ตวั เมีย ทำ� นายของหนว่ ยตวั อยา่ งถกู ตอ้ ง100%สามารถทำ� นายการ
ในการสืบพนั ธุถ์ า่ ยทอดพนั ธุกรรมสูร้ ุ่นลกู และ Sz´ekely เป็นสมาชกิ ของเพศผู้ไดถ้ กู ตอ้ ง 100% และสามารถทำ� นาย
et al. (2007) ไดร้ วบรวมขอ้ มูลลกั ษณะทางสณั ฐานวทิ ยา การ เป็นสมาชิกของเพศเมยี ไดถ้ กู ตอ้ ง 100% โดยการจดั
ของนกท้งั หมด 3,767 ชนิด พบวา่ Body mass, Wing length, สมาชิกเขา้ กลมุ่ เพอ่ื แยกเพศของนกปรอดภเู ขา มคี า่ Cutoff
Tarsus length, Bill length และ Tail length ระหวา่ งเพศผู้ value เทา่ กบั (Figure 3)
และเพศเมยี มคี วามแตกตา่ งอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ยงิ่ (X2=50.316,
df=10, P<0.001)
2.2 การศกึ ษาความแตกตา่ งโดยใชก้ ารวเิ คราะหจ์ ำ� แนกกลมุ่
(Discriminantanalysis)ระหวา่ งเพศจากลกั ษณะทางสณั ฐาน
วทิ ยาของนกปรอดภเู ขาโดยใชล้ กั ษณะTLFและLRทมี่ คี า่
เฉลยี่ ระหวา่ งเพศทแ่ี ตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ิ p<
0.05 โดยมสี มการการพยากรณข์ องสมาชกิ ดงั น้ี
Y = -77.71+TLF(0.27)+LR(2.78)
54 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
การศึกษาความแตกต่างของค่าเฉลี่ยระหว่างเพศจาก วเพศผแู้ ละเพศเมียสามารถเกิดไดจ้ าก 3 สาเหตุ ไดแ้ ก่
ลกั ษณะทางสัณฐานวิทยาของนกปรอดภูเขา โดยใช้ 1) ขอ้ จำ� กดั ดา้ นววิ ฒั นาการ (Clutton-Brock et al., 1977;
ลกั ษณะทางสัณฐานวิทยาภายนอกที่มีค่าเฉล่ียระหว่าง Webster, 1992; Fairbairn, 1997) เพศจะตอบสนองแตก
เพศท่ีแตกต่างกนั อย่างมีนัยส�ำคญั ทางสถิติ ท้งั หมด 2 ต่างกนั ไปตามแรงกดดนั ในการเลือกขนาดร่างกายที่
ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ TLFและ LT โดยมีคา่ p < 0.05 ซ่ึงลกั ษณะ คลา้ ยคลึงกนั ตวั อยา่ งเช่นการเปลี่ยนแปลงทางพนั ธุกรรม
LR โดยเพศเมียมีค่าเฉล่ียอยทู่ ่ี 5.61±0.27 มิลลิเมตร และ ในเพศผูแ้ ละเพศเมียอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เพศผมู้ ีค่าเฉล่ียอยทู่ ่ี 7.23±0.72 มิลลิเมตร และลกั ษณะ ขนาดทางเพศได้หากเพศที่มีการเปล่ียนแปลงทาง
TLF โดยเพศเมียมีค่าเฉลี่ยอยทู่ ี่ 206±10.6 มิลลิเมตร และ พันธุกรรมต่อขนาดของร่ างกายเพื่อสนองต่อทาง
เพศผมู้ ีค่าเฉลี่ยอยทู่ ่ี 222±3.30 มิลลิเมตร (Figure 4) จาก วิวฒั นาการที่ดีกว่าในการคดั เลือก (Leutenegger and
รายงานของ Brittion (1971) ไดศ้ ึกษาขนาดของนกในวงศ์ Cheverud, 1982)
ปรอด (PYCNOTIDAE) ระหวา่ งเพศผแู้ ละเพศเมียของ 2) การคดั เลือกโดยธรรมชาติเช่นการแข่งขนั ทรัพยากร
นกปรอดแต่ละชนิดพบวา่ นกในวงศป์ รอดเพศผมู้ ีขนาด ทางเพศ (Clutton-Brock et al., 1977; Payne, 1984;
ใหญ่มากว่าเพศเมีย เม่ือขนาดเป็ นมาตรฐานตามความ Webster, 1992; Fairbairn, 1997) ยงั สามารถก่อใหเ้ กิด
แตกต่างระหวา่ งเพศผแู้ ละเพศเมีย เช่นความแตกต่างของ allometry ขนาดทางเพศ เช่นหากขนาดตวั ที่เพ่ิมข้ึนมี
ความยาวปี กจะมีความสมั พนั ธ์เชิงบวกที่ชดั เจนระหวา่ ง ความสมั พนั ธ์กบั การลดจำ� นวนของการแข่งขนั ระหวา่ ง
ขนาดของเพศผูแ้ ละเพศเมีย (Abouheif and Fairbairn, กนั (MacArthur, 1972) ส่ิงมีชีวิตท่ีมีขนาดใหญ่ข้ึนอาจ
1997; Fairbairn, 1997) โดยขนาดท่ีแตกต่างกนั ระหว่า
PROOFS
Figure 4. Difference of sex mean from the morphological characteristics of mountain bulbul.
สมั มนาวชิ าการพิพิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังท่ี 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 55
มีจำ� นวนท่ีน้อยกว่าเนื่องจากเพศแตกต่างกันไปตาม เอกสารและสิ่งอ้างองิ
นิเวศวทิ ยา
3) การเลือกเพศแบบมีทิศทางทำ� ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลง จารุจินต์ นภีตะภฏั กานต์ เลขะกุล และ วชั ระ สงวน
ทางววิ ฒั นาการท่ีสมั พนั ธ์กนั (Smith 1977; Payne 1984; สมบตั ิ. 2555. นกเมืองไทย. ด่านสุทธาการพิมพ,์
Webster 1992; Abouheif & Fairbairn 1997; Fairbairn กรุงเทพมหานคร.
1997) ในสถานการณ์ทวั่ ไปที่ขนาดของเพศผจู้ ะมีผลต่อ
การเลือกของเพศเมีย โองการ วณิชาชีวะ. 2556. Application of molecular
markers to assess genetic diversity in genus Gy-
สรุป nura for sustainable conservation. มหาวทิ ยาลยั
ราชภฏั พระนคร. กรุงเทพมหานคร.
1. จากการทดสอบไพร์เมอร์ท่ีใชใ้ นการระบุเพศของนก PROOFS Abouheif, E. and D.J. Fairbairn. 1997. A comparative
ปรอดภูเขาบน Chromodomain-helicase-DNA-binding analysis of allometry for sexual size dimorphism:
ดว้ ยวิธี polymerase chain reaction (PCR) ไพรเมอร์ที่ assessing Rensch's rule. Am. Nat. 149: 540–562.
สามารถระบุเพศของนกปรอดภูเขาได้ คือ 2550F/2718R doi:10.1086/286004.
มีชิ้นดีเอน็ เอ ขนาด 450 คู่เบส (CHD-W) และขนาด 600
คู่เบส (CHD-Z) Baldwin, S.P., H.C. Oberholser and L.G. Worley, 1931.
2. การวเิ คราะหเ์ ปรียบเทียบคา่ เฉล่ียระหวา่ งเพศผแู้ ละเพศ Measurements of Birds. Cleveland museum of
เมียดว้ ยลกั ษณะสณั ฐานวทิ ยาท้งั หมด 42 ลกั ษณะ พบวา่ natural, Ohio.
มี 11 ลกั ษณะท่ีมีความแตกต่างอยา่ งมีนยั สำ� คญั ทางสถิติ
ไดแ้ ก่ Weight, TLF, LEC, LTC, LBG, LR, WMB, LER, Bloom, P.D., W.S. Clark and W.J. Kidd. 2007. Raptor
Tibia, Mtarsus และ T-outer Research and Management Techniques. Wash-
3. ผลการศึกษาของการวิเคราะห์จำ� แนกกลุ่ม (Discrim- ington: Hancock House Publishers.
inant analysis) ท่ีมีค่าเฉล่ียระหว่างเพศท่ีแตกต่างกนั
อยา่ งมีนยั สำ� คญั ทางสถิติ p < 0.05 และมีการกระจายโดย Brittion, P. L. 1972. Weights of African bulbuls (Pyc-
ทดสอบเมทริกซ์ความแปรปรวนร่วมกนั ระหว่างเพศผู้ nonotidae). Ostrich 43(1): 23–42.
กบั เพศเมียท้งั สองกลุ่มพบว่าความแปรปรวนร่วมกนั
ระหว่างเพศแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สำ� คญั โดยท่ีลกั ษณะ Corlett RT. 2017. Frugivory and seed dispersal by verte-
TLF และ LR brates in tropical and subtropical Asia: an update.
Global Ecol Conserv 11: 1–22.
คำ� นิยม
Clutton-Brock, T.H., P.H. Harvey and B. Rudder. 1977.
ขอขอบคณุ อทุ ยานแห่งชาตดิ อยสุเทพ-ปยุ จงั หวดั เชยี งใหม่ Sexual dimorphism, socionomic sex-ratio and
ที่อนุญาตให้เขา้ ใชพ้ ้ืนท่ี ตลอดจนนางสาวศุภลกั ณ์ ศิริ body-weight in primates. Nature 269: 797–800.
นางสาวยวุ ดี พลพทิ กั ษ์นายปานวริศร์ ปานศรี นายจกั รพงษ์ doi:10.1038/269797a0.
ทองสวี นายกลุ ภสั ร์ กระบวนแสง และนางสาวนรารตั น์ เห
ลา่ พเิ ชียรพงษ์ สำ� หรบั คำ� ปรึกษาทเ่ี ป็นประโยชน์ และคอย Darwin, C.R. 1874. The Descent of Man, and Selection
สนบั สนุนจนทำ� ใหว้ จิ ยั ในคร้งั น้ีแลว้ เสร็จ in Relation to Sex. London: John Murray. 2d ed.;
tenth thousand.
De Souza, O., J.H. Schoereder, V. Brown and R.O.
Birregaard, Jr. 2001. Atheoretical Overview of
56 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
The Processes Determining Species Richness PROOFSSankamethawee, W., A.J. Pierce, G.A. Gale and B.D
in Forest Fragment. In: R.O. Bierregaard Jr, C Hardesty. 2011. Plant frugivore interaction in an
Gascon, TE Lovejoy, intact tropical forest in north-east Thailand. Integr
Fairbairn, D.J. 1997. Allometry for sexual size dimor- Zool 6(3): 195–212.
phism: pattern and process in the coevolution
of body size in males and females. Annu. Rev. Sekercioglu, C.H. 2002. Forest fragmentation hits insectiv-
Ecol. Syst. 28: 659–687. doi: 10.1146/annurev. orous birds hard. Directions in Science 1: 62–64.
ecolsys.28.1.659.
Fridolfsson, A.-K. and H. Ellegren. 1999. A simple Shakya, S.B. and F.H. Sheldon. 2017. The phylogeny of
and universal method for molecular sexing of the world's bulbuls (Pycnonotidae) inferred using a
nonratite birds. Journal of Avian Biology 20: supermatrix approach. Ibis 159(3): 498–509.
116–121.
Goh, W., C. Lim and M. Rahman. 2013. Isolation of mi- Smith, J.M. 1977. Parental investment—a prospective
tochondrial control region for white-nest swiftlets analysis. Anim. Behav. 25: 1–9. doi:10.1016/0003-
(aerodramus fuciphagus) using primer walking 3472(77)90062-8
techniques. Pertanika Journal of Tropical Agri-
cultural Science 36(2): 115–122. Sz´ekely,T.,T.LislevandandJ.Figrola.2007. SexualSize
Griffiths, R., M.C. Double, K. Orr and R.J. Dawson. 1998. Dimorphism in Birds. Pp. 27–37. In D.J. Fairbairn,
A DNA test to sex most birds. Molecular Ecology W.U. Blanckehorn and T. Sz´ekely (eds.). Sex
7: 1071–1075. Size and Gender Roles. Oxford University Press,
Leutenegger, W. and Cheverud. 1982. Correlates of sexual Oxford, U.K.
dimorphism in primates: ecological and size vari-
ables. Int. J. Primatol. 3: 387–402. doi:10.1007/ Khamcha, D.and G. A. Gale. 2012. The use of tree-fall
BF02693740. gaps by a forest interior avian frugivore in a tropical
MacArthur, R.H. Geographical ecology. New York, NY: evergreen forest. Forktail 28: 53–56.
Harper and Row. Mesquita R (eds) Lessons from
Amazonia: the ecology and conservation of a frag- Khamcha, D., T. Savini, W.Y. Brockeman and V. Khob-
mented forest. New Haven, London. khet. 2001. Birds in Thailand. Documentary,
Payne, R.B. 1984. Sexual selection, lek and arena be- Bangkok.
haviour, and sexual size dimorphism in birds.
Ornithol. Monogr. 33: 1–52. Sankmethawee, W., A.J. Pierce, G.A. Gale and B.D.
Richards, P.W. 1996. The Tropical Rain Forest: an Eco- Hardesty. 2011. Plant-frugivore interactions in an
logical Study. Cambridge University, UK. intact tropical forest in north-east Thailand. Integr.
Zool. 6: 195–212.
Webster, M.S. 1992. Sexual dimorphism, mating
system and body size in New-World black-
birds (Icterinae). Evolution 46: 1621–1641.
doi:10.2307/2410020.
สมั มนาวชิ าการพพิ ธิ ภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังที่ 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร, 57-65
The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories, 57-65.
การทดสอบวสั ดุบรรจุภณั ฑ์และจดั แสดงตวั อย่างทางธรรมชาตวิ ทิ ยา
The Testing Approach of Storage and Exhibition Materials for the Natural History Collection
วรรณวษิ า วรวาท* Wanwisa Woraward*
บุรินทร์ สิงห์โตอาจ Burin Singtoaj
* หอ้ งคลงั โบราณวตั ถุและหอ้ งปฏิบตั ิการ ฝ่ ายพฒั นาองคค์ วามรู้พพิ ิธภณั ฑ์ สถาบนั พพิ ธิ ภณั ฑก์ ารเรียนรู้แห่งชาติ
เลขที่ 4 ถนนสนามไชยแขวงพระบรมมหาราชวงั เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
* Museum Siam (Collection Storage and Laboratory), Sanam Chai 4, Phra Borom Maha Ratchawang, Phra Nakhon,
Bangkok, Thailand 10200
*Corresponding author. E-mail: [email protected]
PROOFS
รับเร่ือง: 15 ตุลาคม 2563 รับลงพิมพ:์ 9 ธนั วาคม 2563
บทคดั ย่อ
การจดั แสดงและเกบ็ รกั ษาตวั อยา่ งทางธรรมชาตวิ ทิ ยาสามารถใชก้ ารอนรุ กั ษเ์ชงิ ปอ้ งกนั เพอ่ื ลดความเส่ียงของการเสื่อมสภาพที่
เกดิ จากสภาพแวดลอ้ มอกี ท้งั วสั ดทุ ใ่ี ชใ้ นนิทรรศการหรือจดั เกบ็ มโี อกาสสมั ผสั และอยใู่ กลต้ วั อยา่ งฯเชน่ พลาสตกิ อาจปลอ่ ย
สารระเหยทที่ ำ� ใหต้ วั อยา่ ง ฯ เกดิ การเปลย่ี นแปลง
หอ้ งคลงั โบราณวตั ถแุ ละหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ฝ่ายพฒั นาองคค์ วามรูพ้ พิ ธิ ภณั ฑ์ สถาบนั พพิ ธิ ภณั ฑก์ ารเรียนรูแ้ ห่งชาติ (สพร.) เลอื ก
ใชก้ ารทดสอบวสั ดจุ ดั แสดงและจดั เกบ็ โดยวธิ ี Oddy test พบวา่ วสั ดทุ ผี่ ศู้ กึ ษานำ� มาทดสอบมคี วามปลอดภยั ในการใชง้ านใน
ระดบั ชวั่ คราวดงั น้นั กอ่ นทจ่ี ะใชว้ สั ดจุ ดั เกบ็ และจดั แสดงเชน่ ตู้หรือกลอ่ งเกบ็ ควรตรวจสอบและคดั เลอื กวสั ดชุ นดิ ทไี่ มป่ ลอ่ ย
สารระเหยเพอื่ ป้องกนั การเส่ือมสภาพและยดื อายตุ วั อยา่ งทางธรรมชาตวิ ทิ ยาในปัจจบุ นั วสั ดทุ ผ่ี ลติ ข้นึ ใหมม่ กั มกี ารปรบั ส่วน
ประกอบจงึ ควรทดสอบวสั ดทุ กุ คร้งั กอ่ นใชง้ าน
คำ� สำ� คญั การอนุรักษเ์ ชิงป้องกนั การทดสอบวสั ดุ สารประกอบอินทรียร์ ะเหย
ABSTRACT
The Museum's display and storage of Natural History collection can use preventive conservation to reduce the environment's
risk of degradation. The materials used in the exhibition or storage might contact the specimen collection, such as plastic, which
will release the volatile organic compound that causes damage to the collection.
The collection storage and Laboratory (Museum Siam) chose the Oddy test method to experiment with display and storage
materials. The result shows that the tested materials are safe and suitable for temporary use. Therefore, we should test the storage
materials such as cabinets or storage boxes before using them to ensure that they do not release VOCs. Furthermore, this test
could avoid deterioration and extend the life of natural history specimens. Because the new materials are often modified, we
recommend testing before using them.
KEYWORDS: Preventive conservation, Oddy test, vocs
58 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
คำ� น�ำ PROOFSเสื่อมสภาพจากการสลายตวั ตามธรรมชาติ บางชนิดเส่ือม
สภาพจากสภาพแวดลอ้ มหรือจากท้งั สองปัจจยั ร่วมกนั
พิพิธภณั ฑสถานธรรมชาติวิทยาเป็ นรูปแบบหน่ึงของ อยา่ งไรกต็ ามการทำ� ความเขา้ ใจการเสื่อมสภาพของวตั ถุ
พิพิธภณั ฑสถานท่ีให้ความรู้และดำ� เนินการวิจยั ด้าน ตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยา สามารถศึกษาปัจจยั ในสภาพ
ธรรมชาติศึกษาและส่ิงแวดลอ้ ม รวมท้งั เร่ืองของชีวิต แวดลอ้ มท่ีอาจส่งผลกระทบต่อการเส่ือมสภาพของวสั ดุ
ทรัพยากรธรรมชาติ ความสัมพนั ธ์ของสิ่งแวดลอ้ มกบั ซ่ึงลกั ษณะของการเส่ือมสภาพของวตั ถุ สามารถแบ่ง
ชีวิต ความรู้เกี่ยวกบั วิวฒั นาการ การปรับตวั ชีวิตความ ไดเ้ ป็น 1) การเส่ือมสภาพทางกายภาพ (Physical dete-
เป็นอยู่ รวมท้งั อุปนิสยั และถ่ินท่ีอยู่ rioration) เช่น การแตกหกั ของโครงสร้าง กระดูกหรือ
พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยามีภารกิจจัดแสดง โครงสร้างที่รับน้ำ� หนกั มากเกินไป แรงกระแทก จนถึง
ค้นคว้าวิจัย และรวบรวมตัวอย่างส่ิ งมีชีวิตและ อุบตั ิเหตุจากการหยิบยกเคล่ือนยา้ ย และ 2) การเสื่อม
ทรัพยากรธรรมชาติ เพ่ือเป็ นแหล่งคน้ ควา้ อา้ งอิงทาง สภาพทางเคมี (Chemical deterioration) การเปล่ียนแปลง
วิชาการดา้ นอนุกรมวิธาน จดั แสดงตวั อย่างสัตวช์ นิด องคป์ ระกอบทางเคมีของ วตั ถุ เช่น เช้ือรา แบคทีเรียยอ่ ย
ต่าง ๆ จำ� นวนมาก ท้งั สตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนม นก ปลา สตั ว์ สลายหนงั กรดละลายหินปูน (จิราภรณ์, 2558)
สะเทินน้ำ� สะเทินบก สัตวเ์ ล้ือยคลาน ซ่ึงไดร้ ับการจดั การจดั เก็บตวั อย่างอาจส่งผลอย่างใดอย่างหน่ึงท่ีเกิด
เก็บรักษาในรูปแบบท่ีเหมาะสมกบั ลกั ษณะของสัตว์ จากการควบคุมหรือกำ� จดั ปัจจยั ที่ทำ� ใหว้ สั ดุเส่ือมสภาพ
แต่ละประเภท รวมท้งั จดั แสดงหินและสินแร่ที่ส�ำคญั ลงท้งั หมดหรือบางส่วน และการใหค้ วามสำ� คญั กบั การ
และตวั อยา่ งทางมานุษยวทิ ยาอีกดว้ ย สามารถกล่าวโดย เกบ็ รักษา เช่น เกบ็ รักษาตวั อยา่ งในท่ีท่ีไมม่ ีความช้ืนหรือ
รวมไดว้ ่าวตั ถุพิพิธภณั ฑ์ในคลงั ของพิพิธภณั ฑสถาน ควบคุมไมใ่ หเ้ กิดกรด เป็นตน้ ในขณะท่ีตวั เร่งใหเ้ กิดการ
ธรรมชาติวทิ ยา ประกอบดว้ ยวสั ดุตวั อยา่ งแหง้ เช่น สตั ว์ เส่ือมสภาพในสภาพแวดลอ้ มเป็นสิ่งท่ีพบไดท้ วั่ ไป เช่น
สตฟั ฟ์ แหง้ และวสั ดุตวั อยา่ งเปี ยกในโหลแอลกอฮอล์ อุณหภูมิ ความช้ืน ความเป็นกรด และส่ิงมีชีวติ ขนาดเลก็
ปัจจุบนั จากฐานขอ้ มูลพิพิธภณั ฑ์ในประเทศไทยของ
ศูนยม์ านุษยวิทยาสิรินธร มีพิพิธภณั ฑสถานธรรมชาติ อปุ กรณ์ และวธิ ีการ
วิทยาทวั่ ประเทศมากกว่าร้อยแห่ง ซ่ึงพิพิธภณั ฑแ์ ต่ละ
แห่งกม็ ีการรวบรวม จดั แสดงตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยา การทดสอบวสั ดุทใ่ี ช้ในพพิ ธิ ภณั ฑ์
ที่แตกต่างกนั วตั ถุของพิพิธภณั ฑสถานธรรมชาติวิทยา วสั ดุจำ� นวนมากที่ใชใ้ นงานพพิ ธิ ภณั ฑ์ ท้งั วสั ดุใชจ้ ดั เกบ็
ประเภทตวั อยา่ งสตั วช์ นิดต่าง ๆ เป็นอินทรียวตั ถุที่มีการ และวสั ดุท่ีใชใ้ นนิทรรศการ สัมผสั และอยรู่ อบ ๆ วตั ถุ
เสื่อมสภาพในตวั เอง และมีหลายกระบวนการท่ีส่งผลให้ จดั แสดง เช่น โครงไม้ สีทาตูจ้ ดั แสดง ผา้ ท่ีบุภายใน
ตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยาเกิดการเสื่อมสภาพ เช่น การ กระดาษ พลาสติกบรรจุภณั ฑ์ วสั ดุเหล่าน้ันสามารถ
ดแู ลรักษา การจดั เกบ็ การจดั แสดง การปฏิบตั ิการอนุรักษ์ ปลอ่ ยสารระเหยในกระบวนการที่เรียกวา่ การปลอ่ ยแกส๊
เป็นตน้ และเม่ือตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยาเกิดการเสื่อม (Off-gassing) สารระเหย เช่น ซลั เฟอร์ คาร์บอนิลซลั
สภาพจึงจำ� เป็ นตอ้ งมีวิธีการปฏิบตั ิงานท่ีเหมาะสม มี ไฟด์ กรดอนิ ทรีย์ แอลดีไฮด์ กา๊ ซที่เป็นกรดและคลอไรด์
แนวทางป้องกนั และเพือ่ ชะลอการเสื่อมสภาพ สารประกอบเหลา่ น้ีสามารถทำ� ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงท่ี
การเส่ือมสภาพของตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยา มีปัจจยั เป็นอนั ตรายกบั วสั ดบุ างอยา่ งทเ่ี ป็นส่วนประกอบของวตั ถุ
สำ� คญั สองประการ คือ ปัจจยั ภายในอยา่ งธรรมชาติของ พิพิธภณั ฑ์ ดงั น้นั ก่อนที่จะใชว้ สั ดุใหม่โดยเฉพาะอยา่ ง
วตั ถุตวั อยา่ ง และปัจจยั ภายนอกอยา่ งมนุษยแ์ ละสภาพ ยงิ่ ในสภาพแวดลอ้ มที่ปิ ด เช่น ตจู้ ดั แสดง หรือกลอ่ งเกบ็
แวดลอ้ ม ตวั อยา่ งทางธรรมชาติวิทยาบางชนิดอาจการ วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑ์ส่ิงสำ� คญั คอื ตอ้ งแน่ใจวา่ วสั ดไุ มป่ ลอ่ ยสาร
ระเหยที่เป็นอนั ตรายออกมา เพอ่ื ป้องกนั การเส่ือมสภาพ
สมั มนาวชิ าการพิพิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังที่ 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 59
PROOFS
Figure 1. Metal Coupon Preparation. นาน (สี่สปั ดาห์) การประเมินผลอาจเป็นความรู้สึกส่วน
และยดื อายขุ องวตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑห์ รืองานศลิ ปะ ตวั การตรวจซ้ำ� อาจไดร้ ับผลกระทบถา้ มกี ารเปลย่ี นแปลง
William Andrew Oddy นกั วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื การอนุรักษ์ เง่ือนไขการทดสอบ และสารระเหยท่ีตรวจไดบ้ างตวั อาจ
ของBritishMuseumไดค้ ดิ วธิ ีทดสอบโดยเร่งการกดั กร่อน ไมท่ ราบชนิด
เพอ่ื ประเมนิ วสั ดทุ ม่ี กี ารปลอ่ ยแกส๊ หรือ Oddy test และได้ แผน่ โลหะท่ีใชป้ ระเมินระดบั การกดั กร่อนเพอ่ื หาผลกระ
รบั การยอมรบั อยา่ งกวา้ งขวางจากพพิ ธิ ภณั ฑช์ ้นั นำ� ในการ ทบจากการปล่อยแก๊สจากวสั ดุท่ีทดสอบ (Gryzywacz,
ตรวจคดั กรองและประเมินวสั ดุเพอ่ื ใชง้ านอยา่ งปลอดภยั 2006) คอื
ในตจู้ ดั แสดงและการจดั เกบ็ วตั ถพุ พิ ธิ ภณั ฑห์ รืองานศลิ ปะ 1. แผน่ ทองแดงทำ� ปฏิกิริยากบั คลอไรด์ ซลั เฟอร์ HCl
การทดสอบโดยนำ� วสั ดตุ วั อยา่ งใส่ในภาชนะทดลองพรอ้ ม oxides SO2 NO2 NO a
กบั แผน่ โลหะ ภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มที่เพ่ิมอุณหภูมิและ 2. แผน่ เงิน ทำ� ปฏิกิริยากบั ซลั เฟอร์ คาร์บอนิลซลั ไฟด์
ความช้ืน (AIC, 2020) จากน้นั นำ� แผน่ โลหะมาประเมิน sulfur compounds H2S
ระดบั การกดั กร่อนเพ่ือหาผลกระทบจากการปล่อยแก๊ส 3. แผน่ ตะกว่ั ทำ� ปฏกิ ิริยากบั กรดอนิ ทรีย์แอลดีไฮด์กา๊ ซท่ี
จากวสั ดทุ ่ีทดสอบ (Figures 1-3) ขอ้ ดีของวธิ ีน้ี คอื การเตรี เป็นกรด aldehydes organic acids and acidic gases
ยมการที่งา่ ยและการประเมินผลซ่ึงไมจ่ ำ� เป็นตอ้ งมีความรู้
ทางวทิ ยาศาสตร์เฉพาะทาง ขอ้ เสีย คอื การทดสอบใชเ้ วลา
60 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
Figure 2. Preparing Materials. PROOFSFigure 3. Place filled test tube trays in oven and close
door.
สารอนิ ทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และผลกระทบต่อ สารอินทรี ย์ระเหยง่าย ที่เป็ นปัญหาส�ำคัญส�ำหรับ
ตวั อย่างทางธรรมชาตวิ ทิ ยา ตวั อย่างทางธรรมชาติวิทยา คือ อลั ดีไฮด์ในรูปแบบ
สารอินทรียร์ ะเหยง่าย (VOCs) คือ สารประกอบท่ีมี ของฟอร์มาลดีไฮด์ (เมทานอล) และอะซิทลั ดีไฮด์ (เอ
คาร์บอนเป็ นองค์ประกอบหลกั ซ่ึงในพิพิธภณั ฑ์และ ทานอล) และกรดคาร์บอกซิลิกในรูปของกรดอะซิติก
หอศิลป์ จดั เป็นมลภาวะในอาคาร สารอินทรียร์ ะเหยง่าย (กรดเอทาโนอิก) และกรดฟอร์มิก (กรดเมทาโนอิก)
เป็นผลจากการปล่อยแก๊สของวสั ดุท่ีใชใ้ นการผลิตตูจ้ ดั ฟอร์มาลดีไฮดแ์ ละอะซิทลั ดีไฮดเ์ ป็นปัญหาสำ� หรับวตั ถุ
แสดง ตูเ้ กบ็ ของและบรรจุภณั ฑ์ และยงั เป็นผลมาจากวธิ ี เป็นหลกั เนื่องจากสามารถออกซิไดซเ์ พอื่ สร้างกรดฟอร์มิ
การผลิตนิทรรศการ และทำ� ความสะอาด (Samide, 2018) กและกรดอะซิติกตามลำ� ดบั
สารอินทรียร์ ะเหยง่าย นอกจากทำ� ให้เกิดอนั ตรายต่อ ก๊าซซลั เฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ไนตริ
สุขภาพ ยงั ส่งผลกระทบต่อตวั อยา่ งทางธรรมชาติวิทยา กออกไซด์
เช่นกนั โดยเฉพาะกรดอะซิติกและกรดฟอร์มิกท่ีมกั คลอไรด์ กรดเกลือ หรือ กรดไฮโดรคลอริก สารอินทรีย์
พบในผลิตภณั ฑ์ไม้ กาวยาแนว สี โพลีเอสเตอร์และ กำ� มะถนั (Organic Sulfur Compounds) คาร์บอนิลซลั
ยาง สารประกอบฟอร์มาลินจะมีฟอร์มลั ดีไฮดเ์ ป็นส่วน ไฟด์ แอลดีไฮด์ (Aldehydes)
ประกอบอยรู่ ้อยละ 30-50 สารฟอร์มลั ดีไฮดน์ ้ีเป็ นสาร กรดอินทรีย์ (Organic acids) เช่น กรดอะซิติก (Acetic
ไมม่ ีสีและติดไฟงา่ ยที่อณุ หภมู หิ อ้ ง สารละลายฟอร์มาลนิ acid) กรดฟอร์มิก (Formic acid) กรดซิตริก (Citric acid)
จะไม่เสถียรเม่ือเก็บไวน้ านโดยเฉพาะในอุณหภูมิสูงจะ ก๊าซที่เป็ นกรด (Acidic gases) เช่น ไฮโดรเจนซลั ไฟด์
เกิดปฏิกิริ ยากลายเป็ นกรดฟอร์มิก คาร์บอนไดออกไซด์
กระบวนการปลอ่ ยกา๊ ซจะเกิดข้ึนเมื่อผลิตภณั ฑท์ ่ีผลิตข้ึน กรดอะซิติกและกรดฟอร์มิกที่เกิดจากการปล่อยกา๊ ซจาก
ใหม่ปล่อยสารอินทรียร์ ะเหยง่าย พร้อมกบั สารเคมีท่ีเป็น เฟอร์นิเจอร์ไมอ้ ดั ท่ีมีกาวฟอร์มาลดีไฮดส์ ามารถทำ� ลาย
พษิ อื่น ๆ ซ่ึงรวมถึง ไมอ้ ดั สี พรม ส่ิงทอ เฟอร์นิเจอร์และ วตั ถุที่มีแคลเซียมเป็ นส่วนประกอบ เช่น เปลือกหอย
ตู้ สารอินทรียร์ ะเหยง่ายมีแหล่งท่ีมาจาก สี สารเคลือบ เปลือกไข่ และตวั อยา่ งที่คลา้ ยกนั กรดเหล่าน้ีสามารถทำ�
วสั ดุก่อสร้างและสารทำ� ความสะอาด รู้จกั กนั ดีว่าเป็ น ปฏิกิริยากบั วตั ถุตวั อยา่ งที่มีแคลเซียมเป็นองคป์ ระกอบ
อนั ตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ ดงั น้นั จึงมกั ถูกวดั เพ่ือบ่ง (แคลเซียมคาร์บอเนต) ทำ� ให้เกิดผงฝ่ ุนแป้งบนพ้ืนผิว
ช้ีคุณภาพอากาศ
สมั มนาวชิ าการพิพธิ ภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังที่ 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 61
ทำ� ลายรายละเอียดพ้นื ผวิ หรือรู้จกั ในช่ือ 'Byne's disease' ปฏิบตั ิการ ฝ่ ายพฒั นาองค์ความรู้พิพิธภณั ฑ์ สถาบนั
(National park service, 2008)ในวตั ถุตวั อยา่ งประเภท พิพิธภณั ฑก์ ารเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) ไดน้ ำ� มาทดสอบ
เปลือกหอย สามารถป้องกนั ความเสียหายไดด้ ว้ ยการ จำ� นวนท้งั หมด 12 รายการ โดยใชเ้ กณฑม์ าตรฐานการ
เลือกไมท้ ่ีผลิตเฟอร์นิเจอร์ ตูจ้ ดั เกบ็ ไม้ หรือมีช้นั ฉนวน ทดสอบและเง่ือนไขในการทดลองของพพิ ธิ ภณั ฑศ์ ิลปะ
ป้องกนั ตวั อยา่ งทางธรรมวทิ ยาสามารถแยกเกบ็ ในบรรจุ เมโทรโพลิแทน (MMA) ท่ีมีเกณฑก์ ารประเมินผลการ
ภณั ฑท์ ี่ป้องกนั ไอระเหยจากกรดได้หรือห่อดว้ ยกระดาษ ทดสอบแผน่ โลหะสามชนิด (ตะกว่ั เงิน และทองแดง)
ท่ีมีความเป็นด่าง calcium carbonate buffered tissue paper ที่ข้ึนอยกู่ บั การกดั กร่อนท่ีสังเกตไดห้ ลงั จากช่วงเวลาท่ี
ในถุงซิป (National park service, 2008) ไดร้ ับสารระเหย วสั ดุที่ผา่ นการทดสอบจะถกู จดั ประเภท
หมุดปักตวั อย่าง insect pin รุ่นเก่ามกั มีทองแดงหรือ โดยมีสามระดบั (Joseph, 1999) คือ
นิกเกิลเป็นส่วนผสม และสามารถทำ� ปฏิกิริยากบั กรดไข "P" Permanent ไมป่ รากฏร่องรอยการกดั กร่อน มีความ
มนั ในชิ้นงาน เกิดสนิมกดั กร่อนสีเขียว (Garner, 2011) เหมาะสมสำ� หรับใชร้ ะยะยาว
กาวท่ีใชจ้ ดั เกบ็ ตวั อยา่ งอาจกลายเป็นกรด เปลี่ยนสี สูญ "T" Temporary ปรากฏคราบ ร่องรอยการกดั กร่อน สี
PROOFS
เสียแรงยึด หรือหดตวั ก่อให้เกิดความเสียหายต่อวตั ถุ เปลี่ยนแปลง เลก็ นอ้ ย สามารถนำ� วสั ดุมาใชง้ านชว่ั คราว
ตวั อยา่ งหรือฉลาก
"U" Unsuitable ปรากฏคราบ ร่องรอยการกดั กร่อน สี
กระดาษที่ใชใ้ นการเก็บตวั อยา่ ง อาจเป็ นกรดหรืออาจ เปล่ียนแปลงชดั เจน ไม่เหมาะสมสำ� หรับการใชง้ าน
กลายเป็นกรดเม่ือระยะผา่ นไป
ส�ำหรับการทดสอบท่ีห้องคลังโบราณวตั ถุและห้อง
ผล และวจิ ารณ์ ปฏิบตั ิการ ดำ� เนินการประเมินผลการทดสอบ ตามเกณฑ์
ดงั กล่าวขา้ งตน้ เปล่ียนจาก Unsuitable (U) เป็น Fail (F)
การทดสอบตวั อย่างวสั ดุที่ใชท้ ำ� บรรจุภณั ฑ์ และตูจ้ ดั ตามที่ไดเ้ ขา้ ร่วมอบรมเชิงปฏิบตั ิการร่วมกบั ทางสถาบนั
เกบ็ จดั แสดงนิทรรศการท่ีหอ้ งคลงั โบราณวตั ถุและหอ้ ง สมิธโซเนียน ประเทศสหรัฐอเมริกา ดงั น้ี
Teble 1. Results of material testing by Oddy Test method.
No. Product name Copper Lead Silver Result
1. ACQ paper Darker than control White spots Coupons look simi- T
lar to the controls
2. Corrugated paper Darker than control White spots White spots T
3. Bagasse paper Darker than control Black spots White spots and F
4. Corrugated plastic tarnish F
Rainbow-like color White fluffy crystal Darkening
change formation
5. Polystyrene foam darker than control, Tarnish F
black spots and green White spots
spot
62 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
Teble 1. (Continued).
No. Product name Copper Lead Silver Result
6. Cyanoacrylate adhesive Tarnish White spots White splotches T
more than control T
T
7. 3 m tape Tarnish White splotches and Plotches
green spot F
8. Foam tape Black spot Black spots Coupons look sim- T
ilar to the controls. F
F
9. Wooden frames Darkening and White fluffy crystal Coupons look simi-
rainbow-like color formation lar to the controls
change
Coupons look simi-
lar to the controls
PROOFS10. Painted wooden frames Darker than control White spots
11. MDF wood Darker than control White fluffy crystal Darkening
formation
12. Acrylic color Darkening and rain- White fluffy crystal White splotches
bow-like color change formation and cor-
rosive
ผลการทดสอบวสั ดโุ ดยใชว้ ธิ ีการ Oddy test เพอื่ ทดสอบ ควรเก็บในกล่องกระดาษแข็ง ท่ีแบ่งพ้ืนที่ภายในเป็ น
วสั ดใุ หม้ คี วามปลอดภยั สำ� หรบั ใชก้ บั ตวั อยา่ งฯพบวา่ วสั ดุ ช่อง ๆ ปูพ้ืนกล่องและเดิมพ้ืนท่ีวา่ งรอบ ๆ วตั ถุดว้ ยพอ
ประเภทไมอ้ ดั MDFทใี่ ชใ้ นการจดั แสดงและจดั เกบ็ ตวั อยา่ ง ลิเอทิลีนโฟมบาง ๆ แลว้ ใส่ในลิ้นชกั วตั ถุท่ีมีขนาดเลก็
ฯ(Figure4)ไมม่ คี วามปลอดภยั สำ� หรบั การใชง้ านเมอ่ื เวลา มากควรเก็บในหลอดพลาสติก วตั ถุขนาดใหญ่ควรวาง
ผา่ นไปวสั ดอุ าจปลอ่ ยสารเคมที ส่ี ามารถสร้างความเสียตอ่ บนช้นั หากมีสภาพเปราะ บอบบาง ควรใชโ้ ฟมเจาะเป็น
ตวั อยา่ ง ฯ ช่องหรือแอ่งตามรูปร่างของวตั ถุรองรับน้ำ� หนกั
ข้อแนะน�ำการจดั เกบ็ ตวั อย่างทางธรรมชาตวิ ทิ ยา วตั ถุทางธรณีวิทยาบางชนิดเกิดการเปลี่ยนแปลงไดง้ ่าย
ตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยา เช่น เปลือกหอยและวตั ถุที่มี หากไดร้ ับแสงสวา่ ง เช่น เปล่ียนสีหรือผพุ งั สลายตวั เช่น
หินปูนเป็นองคป์ ระกอบสำ� คญั มกั มีปัญหาเม่ือเกบ็ รักษา สีแดงชาด (ซินนาบาร์) เปล่ียนเป็นสีดำ� โทพาชสีน้ำ� ตาล
ในตูห้ รือลิ้นชกั ท่ีทำ� ดว้ ยไม้ ไอระเหยจากไมม้ กั เป็นกรด จะซีดจาง ฯลฯ จึงควรเกบ็ ในท่ีมืด เช่นในกล่องหรือในตู้
เม่ือทำ� ปฏิกิริยากบั หินปูนจะทำ� ใหผ้ วิ หนา้ วตั ถุกลายเป็น เปลือกหอย และฟอสซิลของสัตวท์ ่ีมีกระดูกยงั สามารถ
ผง ปรากฏการณ์น้ีพบบ่อยในเปลือกหอย เรียกวา่ Byne's ดูดและคายความช้ืน จึงอาจผพุ งั หากความช้ืนแปรเปล่ียน
disease ควรป้องกนั โดยเกบ็ รักษาวตั ถุในกล่องพลาสติก ผนั ผวน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เปลือกหอยและฟอสซิลที่มา
ที่ป้องกนั กรดได้ หรือห่อดว้ ยกระดาษที่ผสมผงหินปูน จากริ มทะเลหรื อแหล่งที่มีดินเค็มจะมีผลึกเกลือโตข้ ึน
ในกระบวนการผลิต แลว้ ใส่ในถุงพลาสติกท่ีปิ ดไดส้ นิท ปรากฏการณ์น้ีเรียกวา่ gypsum disease ควรปัดผลึกเกลือ
วตั ถุทางธรณีวิทยา เช่น หิน แร่ ฟอสซิล ที่มีขนาดเลก็ ออกแลว้ เกบ็ ในสภาพแวดลอ้ มท่ีมีความช้ืนคงที่
สมั มนาวชิ าการพิพิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังท่ี 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 63
ไมเ้ ป็นวสั ดุที่ใชม้ ากในการก่อสร้างอาคาร ทำ� ผนงั แผง ไมอ้ ดั (Plywood) คอื แผน่ ไมท้ ี่เกิดจากการนาํ ไมช้ ิ้นบาง ๆ
นิทรรศการ ทำ� ตู้ ช้นั ลิ้นชกั แท่นฐาน ลงั กล่อง กรอบ มาผนึกเขา้ ดว้ ยกนั เป็นแผน่ หนา โดยการทากาวระหวา่ ง
รูป ฯลฯ ไมม้ ีท้งั ขอ้ ดีและขอ้ เสีย ขอ้ ดีกค็ ือ ไมช้ ่วยรักษา แผ่นไมบ้ าง ๆ น้นั แลว้ อดั ดว้ ยความร้อนและความดนั
ความช้ืนภายในหอ้ งหรือตูห้ รือลิ้นชกั น้นั ๆ ใหค้ ่อนขา้ ง การเรียงแผน่ ไมจ้ ะวางใหล้ ายไมต้ ้งั ฉากกบั ช้นั ติดกนั เพอื่
คงท่ีอยเู่ สมอ เนื่องจากไมส้ ามารถดูดความช้ืนและคาย ป้องกนั ไม่ใหไ้ มบ้ ิด ลดการหดตวั และทำ� ใหม้ ีความแขง็
ความช้ืนไดด้ ี เม่ือความช้ืนในบรรยากาศสูงไมจ้ ะดูด แรงเกือบเท่ากนั ทุกดา้ น ไมท้ ่ีใชใ้ นการทำ� ไมอ้ ดั มีหลาย
ความช้ืนเขา้ มาในเซลล์ และเมื่อความช้ืนในบรรยากาศ ชนิด ไมอ้ ดั สำ� หรับใชง้ านภายในราคาถูกกวา่ ไมอ้ ดั ท่ีใช้
ลดต่ำ� ไมจ้ ะคายความช้ืนออกมาทำ� ให้ความช้ืนภายใน งานภายนอก หรือท่ีเรียกวา่ ไมอ้ ดั กนั น้ำ�
หอ้ งหรือตูล้ ิ้นชกั เหล่าน้นั ค่อนขา้ งคงที่ กาวที่ใช้ในการผลิตไม้อดั และผลิตภณั ฑ์ไม้ประเภท
ขอ้ เสียของไมท้ ี่เห็นไดช้ ดั คือ ไมด้ ึงดูดแมลงและราไดด้ ี ต่าง ๆ มีหลายชนิ ด ท่ีใช้กันท่ัวไปได้แก่ ยูเรี ย
เน่ืองจากในเน้ือไมม้ ีองคป์ ระกอบที่แมลงและรานาํ ไป ฟอร์มาลดีไฮด์ (urea-formaldehyde resin) ฟี นอล
ใชเ้ ป็ นอาหารได้ และไมห้ ลายชนิดให้ไอระเหยเป็ นก ฟอร์มาลดีไฮด์ (phenol-formaldehyde resin) และเมลามีน
รดอ่อนๆ พบว่าไมท้ ้งั เก่าและใหม่ให้กรดฟอร์มิก กรด ฟอร์มาลดีไฮด์ (melamine-formaldehyde resin)
น้ำ� สม้ และกรดอินทรียอ์ ่ืน ๆ บางคร้ังพบวา่ เมื่อความช้ืน ไมอ้ ดั ที่ใชง้ านภายในใชก้ าวยเู รีย ฟอร์มาลดีไฮดซ์ ่ึงไม่
สูงสารละลายไดใ้ นเน้ือไมท้ ำ� ใหเ้ กิดคราบเป้ื อนสีเหลือง อยตู่ วั ใหไ้ อระเหยของฟอร์มาลดีไฮดอ์ อกมาทำ� ปฏิกิริยา
หรือน้ำ� ตาลบนวตั ถุที่สมั ผสั กบั ผวิ ไมโ้ ดยตรง
PROOFS
Figure 4 Result Test of MDF wood.
64 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
กบั วตั ถุที่อยู่ใกล้ เช่น ทำ� ให้โมเลกุลของโปรตีนและ PROOFSหินปูนเป็ นส่วนประกอบ (เปลือกหอย หิน ฟอสซิลที่
เซลลูโลสเปลี่ยนสภาพ ทำ� ใหส้ ีของรงควตั ถุเปลี่ยน ทำ� ประกอบดว้ ยแคลเซียม) แกว้ ท่ีผลิตจากโซดาแอส
ปฏิกิริยากบั โลหะทำ� ใหเ้ กิดสนิมเป็นเกลือฟอร์เมต ตะกว่ั สีน้ำ� มนั และผลิตภณั ฑจ์ ากไมม้ กั ปล่อยกรดฟอร์มิก ซ่ึง
และโลหะผสมของตะก่ัวกับทองแดงทำ� ปฏิกิริยากับ ทำ� ปฏิกิริยาไดง้ ่ายกบั ผลิตภณั ฑต์ ะกว่ั เกิดการกดั กร่อน
ฟอร์มาลดีไฮดไ์ ดเ้ ร็วที่สุด รองลงมาคือ สำ� ริด ทองเหลือง ของสารตะกวั่
และทองแดงตามลำ� ดบั ซ่ึงหากวตั ถทุ ำ� ดว้ ยตะกวั่ สารประ ดงั น้นั เมื่อเลือกใชไ้ มห้ รือผลิตภณั ฑไ์ มท้ ำ� ตู้ ช้นั ลิ้นชกั
กอบฟอร์เมตท่ีเกิดข้ึนจะเป็นพษิ ต่อคน ฟอร์มาลดีไฮดย์ งั กล่อง หรือลงั ผลิตภณั ฑเ์ หล่าน้ีอาจมีสภาพเป็นกรด ให้
ทำ� ปฏิกิริยากบั แกว้ หรือกระจกทำ� ใหเ้ กิดสารประกอบฟ ไอระเหยและสารเคมีระหว่างการใชง้ าน จึงไม่ควรใช้
อร์เมด ทำ� ใหภ้ าพเขียนและภาพถา่ ยเปล่ียนสี จึงไมเ่ หมาะ งานโดยใหส้ มั ผสั โดยตรงกบั ตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยา
สมต่อการทำ� ครุภณั ฑ์ส�ำหรับเก็บรักษาและจดั แสดง ควรบุหรือปูรองผิวไมท้ ุกส่วนท้งั ภายในและภายนอก
ตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยา รวมท้งั ขอบไมด้ ว้ ยวสั ดุท่ีช่วยสกดั ก้นั ไอระเหย มิให้
กาวฟีนอล ฟอร์มาลดีไฮดเ์ ป็นกาวที่เสถียรท่ีสุดในบรรดา สมั ผสั กบั ตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยา เช่น กระจก แผน่
กาวท้งั สามชนิด ใชก้ บั ไมอ้ ดั ที่ใชส้ ำ� หรับภายนอก (หรือท่ี อะลูมิเนียม แผ่นพลาสติกท่ีทำ� จากพอลิเอสเทอร์ และ
เรียกวา่ “ไมอ้ ดั กนั น้ำ� ”) จะใหไ้ อระเหยของฟอร์มาลดีไฮด์ พอลิเอทิลีน หรือแผน่ ไมลาร์ เซลลูโลสอะซีเตต หรือ
เลก็ นอ้ ย จึงเหมาะสมกวา่ ในการทำ� ครุภณั ฑ์ ในการเกบ็ หุม้ แผน่ ไมด้ ว้ ยอะลูมิเนียมฟอยล์ และกระดาษไร้กรดท่ี
รักษาและจดั แสดงตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยา มีฤทธ์ิเป็นด่างเลก็ นอ้ ย
ไมเ้ อม็ ดีเอฟ หรือ MDF ยอ่ มาจาก Medium Density Fi- ในกรณีที่ตวั อยา่ งทางธรรมชาติวทิ ยามีคุณคา่ หรือมีความ
berboard หมายถึง แผน่ เสน้ ใยไมอ้ ดั ชนิดความแน่นปาน สำ� คญั มาก ภายในตูห้ รือลิ้นชกั หรือกล่องหรือลงั ไม้ อาจ
กลาง ผลิตโดย เส้นใยไมแ้ ห้งเขา้ เคร่ืองอดั แลว้ ใชก้ าว ใส่สารเคมีที่ช่วยดูดซบั ฟอร์มาลดีไฮด์
ช่วยประสานเส้นใยในการผลิต กาวที่ใชใ้ นการผลิตไม้ หากจำ� เป็ นตอ้ งใชไ้ มแ้ ละผลิตภณั ฑไ์ ม้ ควรป้องกนั ไอ
MDF นิยมใชก้ นั มีอยู่ 2 ชนิด คือ กาวยเู รียฟอร์มลั ดีไฮด์ ระเหยต่าง ๆ ดว้ ยการทาสารเคลือบผวิ บนเน้ือไม้2-3 ช้นั
และกาวฟี นอลฟอร์มลั ดีไฮด์ ซ่ึงโดยทว่ั ไปแลว้ กาวยเู รีย เพอื่ ป้องกนั มิใหม้ ีไอระเหยออกมาทำ� ปฏิกิริยากบั ตวั อยา่ ง
ฟอร์มลั ดีไฮดม์ ีอนั ตราย จากสารระเหยฟอร์มลั ดีไฮดม์ าก ทางธรรมชาติวทิ ยาโดยทว่ั ไปมกั ใชพ้ อลิยเู รเทนหรือสีอี
กวา่ กาวฟี นอล ฟอร์มลั ดีไฮด์ แต่กาวยเู รียฟอร์มลั ดีไฮด์ พอกซีเคลือบผวิ ไม้ และควรวางทิ้งใหก้ ลิ่นต่าง ๆ ระเหย
เป็ นท่ีนิยมใชม้ ากกว่าเนื่องจากราคาถูกกว่า และเหมาะ ออกไปก่อนนำ� มาใชง้ าน
ท่ีจะใชภ้ ายในอาคาร ถึงแมว้ า่ กาวฟี นอลฟอร์มลั ดีไฮดจ์ ะ
มีอนั ตรายจากฟอร์มลั ดีไฮดน์ อ้ ยกวา่ แต่กย็ งั มีการระเหย สรุป
ของ ฟอร์มลั ดีไฮดอ์ ยดู่ ี
ฟอร์มลั ดีไฮด์ (Formaldehyde) หรือ ฟอร์มาลิน (For- พิพิธภัณฑ์หรื อหน่วยงานท่ีจัดแสดงและเก็บรักษา
malin) คือสารตวั เดียวกนั แต่เมื่ออยใู่ นรูปของเหลวหรือ ตวั อยา่ งทางธรรมชาติวิทยา สามารถใชแ้ นวทางที่เป็ น
สารละลายจะเรียกว่า ฟอร์มาลีน ส่วนฟอร์มลั ดีไฮด์มี หัวใจทางการอนุรักษ์ คือ การอนุรักษเ์ ชิงป้องกนั เพ่ือ
สถานะเป็นก๊าซหรือสารระเหยที่อุณหภูมิปกติ ส่วนมาก ป้องกนั ความเสียหายจากสภาพแวดลอ้ ม ลดความเสี่ยง
ท่ีจำ� หน่ายกนั อยทู่ ว่ั ไปจะอยใู่ นรูปของสารละลายน้ำ� ภาย ที่ส่งผลต่อตวั อยา่ งทางธรรมชาติวิทยา เพราะการเส่ือม
ใตช้ ื่อ น้ำ� ยาฟอร์มาลีนหรือยาดองศพ สภาพสามารถเกิดไดใ้ นสภาพแวดลอ้ มท่ีไม่เหมาะสม
กรดอะซิติกมีผลต่อโลหะ (โดยเฉพาะตะกวั่ ) วสั ดุท่ีมี เช่น อุณหภูมิ ความช้ืน แสงสวา่ ง เป็นตน้ ปัจจยั เหล่าน้ี
ลว้ นส่งผลให้วตั ถุเกิดการเปลี่ยนแปลงท้งั ภายในและ
สมั มนาวชิ าการพิพธิ ภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังท่ี 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 65
ภายนอก มาตรการและการดำ� เนินการเชิงป้องกนั เป็นการ PROOFS เอกสารและส่ิงอ้างองิ
ทำ� งานทางออ้ ม ไม่ยุ่งเก่ียวกบั วสั ดุและโครงสร้างของ
ตวั อย่างฯ วสั ดุจำ� นวนมากท่ีใช้ในงานพิพิธภณั ฑ์ ท้งั จิราภรณ์ อรัณยะนาค. 2558. การดูแลรักษาวัตถุ
วสั ดุใช้จัดเก็บและวสั ดุท่ีใช้ในนิทรรศการ มีโอกาศ พพิ ธิ ภณั ฑ์. สถาบนั พพิ ธิ ภณั ฑก์ ารเรียนรู้แห่งชาติ.
สัมผสั และอยรู่ อบตวั อยา่ งฯ เช่น ตูไ้ มท้ าสี ผา้ บุภายใน กรุงเทพมหานคร.
กระดาษ พลาสติกบรรจุภณั ฑ์ วสั ดุเหล่าน้ันสามารถ
ปล่อยสารระเหย เช่น ซัลเฟอร์ แอลดีไฮด์ ก๊าซท่ีเป็ น Garner, B., A. Giusti and M. Kerley. 2011. Conservation
กรดและคลอไรด์ สารประกอบเหล่าน้ีสามารถทำ� ใหเ้ กิด of insect specimens affected by verdigris. NatS-
การเปลย่ี นแปลงที่เป็นอนั ตรายกบั ตวั อยา่ งฯ ดงั น้นั กอ่ นที่ CA News. 2011.
จะใชว้ สั ดุใหม่โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในสภาพแวดลอ้ มที่ปิ ด
อยา่ งตูจ้ ดั แสดง หรือกล่องเก็บวตั ถุตวั อยา่ งฯ สิ่งสำ� คญั Grzywacz, CM. 2006. Monitoring for gaseous pollut-
คือตอ้ งแน่ใจว่าวสั ดุไม่ปล่อยสารระเหยที่เป็ นอนั ตราย ants in museum environments. Los Angeles,
ออกมา เพื่อป้องกนั การเส่ือมสภาพและยดื อายขุ องวตั ถุ Getty Publications.
ตวั อยา่ งฯ
ห้องคลงั โบราณวตั ถุและห้องปฏิบตั ิการ สพร. ทำ� การ Joseph, A., Bamberger, G.H. Ellen and G. Wheeler.
ทดสอบวัสดุที่ใช้จัดแสดงและจัดเก็บตัวอย่างทาง 1999. A variant Oddy Test procedure for evalu-
ธรรมชาติวิทยา โดยใชว้ ิธีการ Oddy test เพ่ือทดสอบ ating materials used in storage and display cases.
วสั ดุใหม้ ีความปลอดภยั สำ� หรับใชก้ บั ตวั อยา่ งฯ และพบ Studies in Conservation 44 (2): 86–90.
วา่ วสั ดุประเภทไมอ้ ดั ท่ีใชจ้ ดั แสดงและจดั เกบ็ ตวั อยา่ งฯ
มีความปลอดภยั สำ� หรับการใชง้ านชวั่ คราว เม่ือเวลาผา่ น Samide, M.J., M.C. Liggett, J. Mill, et al. 2018. Relat-
ไปวสั ดุอาจปล่อยสารเคมีที่สามารถสร้างความเสียต่อตวั ing volatiles analysis by GC–MS to Oddy test
อยา่ งฯ ดงั น้นั ในการอนุรักษ์ จดั เกบ็ หรือจดั แสดงควรมี performance for determining the suitability of
การทดสอบวสั ดุก่อนนำ� ไปใชเ้ สมอ อีกท้งั การผลิตวสั ดุ museum construction materials. Herit Sci 6: 47.
ต่าง ๆ มกั มีการปรับปรุงส่วนประกอบจึงควรทำ� การ
ทดสอบวสั ดุทุกคร้ังก่อนใชง้ าน AIC. 2020. Oddy Test Protocols. Downloaded online
from https://www.conservationwiki.com/wiki/
คำ� นิยม Oddy_Test_Protocols on 22 September 2020.
ขอบพระคุณผูอ้ ำ� นวยการสถาบนั พิพิธภณั ฑก์ ารเรียนรู้ National park service. 2008. Byne’s Disease:How To
แห่งชาติท่ีเปิ ดโอกาสใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีไดด้ ำ� เนินงานนำ� เสนอ Recognize, Handle And StoreAffected Shells
ผลงานเผยแพร่งานของห้องคลงั โบราณวตั ถุและห้อง and Related Collections. Downloaded online
ปฏิบตั ิการ และขอบพระคุณฝ่ายนิทรรศการและกิจกรรม from https://www.nps.gov/museum/publications/
ท่ีใหเ้ กบ็ ขอ้ มูลวสั ดุในนิทรรศการมาใชใ้ นการทดสอบน้ี conserveogram/11-15.pdf on 22 September 2020.
สมั มนาวชิ าการพพิ ธิ ภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังท่ี 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร, 67-72
The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories, 67-72.
รายงานแรกของชนิดพนั ธ์ุต่างถน่ิ รุกราน Podocerus brasiliensis (Dana, 1853)
(Amphipoda, Podoceridae) บริเวณโหนหอย บ้านบากนั จงั หวดั กระบ่ี
และบริเวณบ้านบุโบย จงั หวดั สตูล
Podocerus brasiliensis (Dana, 1853) (Amphipoda, Podoceridae) an Encounter of Invasive
Amphipod in Mussel Patches in Ban Bakan estuary, Krabi Province and Ban Bu Boi, Satun Province
รัชนีวรรณ สุมติ รากจิ 1* Ratchaneewarn Sumitrakij1*
จุฑาศิณี จนิ รักษ์2 Jutasinee Jinruk2
ศุภวชั ช์ เดชาสกลุ 3
กรอร วงษ์กำ� แหง4 Supawat Dachasakul3
พงษ์รัตน์ ดำ� รงโรจน์วฒั นา5 Koraon Wongkamheng4
Pongrat Damrongrojwattana5
PROOFS
1องคก์ ารพิพิธภฑั ณ์วทิ ยาศาสตร์แห่งชาติ ตำ� บลคลองหา้ อำ� เภอคลองหลวง จงั หวดั ปทุมธานี 12120
1National science museum, Khlong Ha, Khlong Luang District, Pathum Thani 12120
2สำ� นกั งานประมงจงั หวดั ชลบุรี ตำ� บลเสมด็ อำ� เภอเมืองชลบุรี จงั หวดั ชลบุรี 20000
2Chon Buri Fisheries Provincial Office,Mueang Chon Buri,Chonburi,Thailand 20000
3Thai Island and Sea Natural History Museum, Sattahip, Chonburi, Thailand 20180
4Department of Zoology Fuculty Science, Kasetsart University, Bangkok, Thailand 10900
5Department of Biology Fuculty Science, Burapha University, Bangsaen, Chonburi 20131
*Corresponding author. E-mail: [email protected]
รับเร่ือง: 15 ตุลาคม 2563 รับลงพมิ พ:์ 10 ธนั วาคม 2563
บทคดั ย่อ
ศึกษาความหลากชนิดของสัตวห์ นา้ ดินในพ้ืนท่ีโหนหอยบริเวณปากแม่น้ำ� บา้ นบากนั จงั หวดั กระบี่ ระหวา่ งเดือน
ตุลาคม 2562 ถึงกนั ยายน 2563 และ บา้ นบุโบย อำ� เภอละงู จงั หวดั สตูลในเดือนสิงหาคม 2563 โดยใช้ Ekman’s grab
ระหวา่ งการเกบ็ ตวั อยา่ งคร้ังสุดทา้ ยผวู้ จิ ยั พบตวั อยา่ งของกงุ้ เตน้ บราซิลชนิด Podocerus brasiliensis มากกกวา่ 200 ตวั
ซ่ึงจดั วา่ เป็นรายงานการคน้ พบกงุ้ เตน้ บราซิลชนิดน้ีคร้ังแรกในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ มีรายงานของ P. brasiliensis
ในฐานะเป็นชนิดพนั ธุต์ า่ งถิ่นรุกรานในหลาย ๆ มหาสมทุ ร และพบวา่ สามารถรอดชีวติ ไดท้ ้งั แหลง่ อาศยั ตามธรรมชาติ
และแหล่งที่มนุษยส์ ร้างข้ึน ในกรณีของบา้ นบากนั ซ่ึงไม่มีเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ คาดวา่ P. brasiliensis น่าจะติด
มาโดยเรือขนาดเลก็ และในเขตทะเลของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้มีรายงานของ P. brasiliensis ในบริเวณน้ีเพยี งพ้นื ที่
เดียว จากรายงานการกระจายก่อนหนา้ น้ีพบ P. brasiliensis ในหลายมหาสมุทร หากทำ� การศึกษาอยา่ งจริงจงั อาจพบ
การกระจายของกงุ้ เตน้ ชนิดน้ีบริเวณอื่นในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตใ้ นอนาคต
คำ� ส�ำคญั กงุ้ เตน้ ชนิดพนั ธุ์ต่างถิ่นรุกราน การแพร่กระจาย โหนหอย บา้ นบากนั
68 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
Abstract
The study on benthic fauna diversity in Hon Hoy, Ban Bakan estuary, Krabi Province were conducted bimonthly
between October 2018 and September 2019 and in Ban Bu Boi, La Ngu District, Satun Province in August 2020
by using Ekman’s grab. During the last sampling, more than 200 specimens of the Brazilian amphipod, Podocerus
brasiliensis (Dana, 1853) were collected. This finding is the first record of this species for Southeast Asia. Podo-
cerus brasiliensis (Dana, 1853) was previously introduced elsewhere by shipping and can survive in both natural
and artificial ecosystems. In the case of Bakan, where no international shipping occurs, recreational boating is the
only likely vector of introduction. In Southeast Asia, P. brasiliensis is currently confined only in Krabi Province,
enclosed bays and brackish water areas, but its successful history of invasion in many oceans suggests that a further
spread can be expected in Southeast Asia as well.
Keywords: Gammarid amphipod, invasive amphipod, distribution, Honhoy, Ban Bakan
คำ� น�ำ PROOFSสำ� รวจทว่ั ท้งั ประเทศในปี 2562 พบวา่ มีชนิดพนั ธุต์ ่างถิ่น
รุกราน 22 ชนิด Wells et al. (2019) ซ่ึงมีสาเหตุมาจาก
ภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตเ้ ป็นพ้ืนท่ีที่มีความหลาก การขนส่ง การซ้ือขายสตั วน์ ้ำ� และการเพาะพนั ธุ์สตั วน์ ้ำ�
หลายทางชีวภาพสูงที่สุดแห่งหน่ึงในโลก (greenpeace. เพอ่ื การเกษตร
org) และมีการใชป้ ระโยชน์จากความหลากหลายทาง น่านน้ำ� ไทยประกอบดว้ ยทะเลอ่าวไทยและอนั ดามนั
ชีวภาพในหลายรูปแบบและหลายระดบั ไมว่ า่ จะเป็นการ มีลกั ษณะระบบนิเวศหลากหลาย ประกอบด้วยแนว
อปุ โภคบริโภคในครวั เรือนหรือระดบั อตุ สาหกรรมตา่ งๆ ปะการัง ป่ าชายเลน แนวหญา้ ทะเล และปากแม่น้ำ� พบ
ในขณะเดียวกนั การใชป้ ระโยชน์ดงั กล่าวทำ� ใหเ้ กิดการ ชนิดพนั ธุ์ต่างถ่ินรุกรานมีจำ� นวนเพ่ิมข้ึนจากการพฒั นา
สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีสาเหตุหลกั ดา้ นการขนส่ง การบริโภค การซ้ือขายสตั วน์ ้ำ� การติดมา
คือการทำ� ลายระบบนิเวศ การสร้างมลภาวะ นอกจากน้ี กบั น้ำ� อบั เฉาเรือ และการปนเป้ื อนทางชีวภาพบนพ้ืนผวิ
ยงั ประสบปัญหาชนิดพนั ธุต์ ่างถิ่นรุกราน ซ่ึงปัจจยั หลงั มี ของเรือ จากการสำ� รวจส่ิงมีชีวติ ในประเทศไทย Chavan-
สาเหตุหลกั มาจากการพฒั นาเทคโนโลยกี ารคมนาคม ส่ง ich et al. (2010) ไดร้ ายงานถึงชนิดพนั ธุ่์างถิ่นในทะเล 7
ผลใหม้ ีการนำ� เอาชนิดพนั ธุ์ต่างถ่ินเขา้ ไปในต่างพ้นื ท่ีท้งั ชนิด และในเวลาต่อมา Sanpanich and Wells (2019) ได้
โดยต้งั ใจนำ� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการบริโภคหรือการเพาะ รายงานชนิดพนั ธุต์ า่ งถิ่นในทะเลเพมิ่ ข้ึนอีก 1 ชนิด ทำ� ให้
เล้ียงเป็ นสัตวห์ รือพืชสวยงาม หรือไม่ต้งั ใจ โดยติดไป ปัจจุบนั มีชนิดพนั ธุ์ต่างถิ่นท้งั หมด 8 ชนิด
กบั น้ำ� อบั เฉาเรือหรือติดมากบั ส่ิงมีชีวิตชนิดอื่น เช่นติด กุง้ เตน้ หรือแกมมาริดแอมฟิ พอดถูกจดั อยูใ่ น Phylum
มากบั ดินที่ใชป้ ลูกพชื ไมป้ ระดบั ท่ีมาจากต่างถิ่น เป็นตน้ Arthropoda เป็นกลุ่มท่ีมีเปลือกแขง็ ภายนอก และลำ� ตวั
หลาย ๆ คร้ังชนิดพนั ธุ์ต่างถิ่นสามารถต้งั ถ่ินฐานและ แบ่งเป็นขอ้ ปลอ้ ง อยรู่ ่วม Classs Malacostraca กล่มุ เดียว
แพร่พนั ธุ์ตามธรรมชาติในแหล่งอาศยั ใหม่ไดเ้ น่ืองจาก กบั กงุ้ ก้งั ปู ลกั ษณะสำ� คญั คือ มีลำ� ตวั แบนขา้ ง
สามารถปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั ส่ิงแวดลอ้ มใหม่ไดด้ ีหรือไม่มี คลา้ ย ๆ กบั กุง้ แต่ไม่มีกา้ นตา ไม่มี carapace ปกคลุม
ผลู้ ่าในแหล่งอาศยั ใหม่ และกลายเป็ นชนิดพนั ธุ์ต่างถิ่น บริเวณอก มีขนาดต้ังแต่ 1 มิลลิเมตร ไปจนถึง 28
รุกรานที่ทำ� ให้ชนิดพนั ธุ์ทอ้ งถ่ินลดจำ� นวนลงหรือหาย เซนติเมตร มีสีหลากหลายไม่วา่ จะเป็นสีน้ำ� ตาล สีเขียว
ไปจากระบบนิเวศ การศึกษาเกี่ยวกบั ชนิดพนั ธุ์ต่างถ่ิน เทา สีแดง และสีฟ้า ข้ึนอยกู่ บั แหล่งอาศยั และอาหารท่ี
ในทะเลในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตม้ ีการส�ำรวจ
เรื่องชนิดพนั ธุ์ต่างถิ่นอยไู่ ม่มาก ประเทศสิงคโปร์ไดม้ ี
สมั มนาวชิ าการพพิ ธิ ภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังที่ 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 69
กิน กุง้ เตน้ มีถุงฟักไข่ หรือกระเป๋ าหนา้ ทอ้ งที่พฒั นามา เสถียรภาพของตะกอนดินบริเวณปากแม่น้ำ� โหนหอย
จากส่วนเหงือกบริเวณขาเดินเอาไวอ้ ุม้ ไข่ท่ีไดร้ ับการ ในบริเวณที่ทำ� การศึกษาไดร้ ับอิทธิพลจากน้ำ� ข้ึนน้ำ� ลง
ผสมแลว้ จนฟักออกมาเป็นตวั (Barnard and Karaman, บริเวณปากคลอง (ร่องน้ำ� ในป่ าชายเลน) โดยในบริเวณ
1991) กุ้งเต้นเป็ นกลุ่มสัตว์หน้าดินกลุ่มเด่นท่ีพบใน น้ีไดร้ ับน้ำ� จืดจากคลอง 3 สาย ไดแ้ ก่ คลองบากนั คลอง
ทว่ั ไปในระบบนิเวศชายฝ่ัง มกั พบเป็ นสิ่งมีชีวิตเบิกนำ� อา่ วลึก และคลองพาง 25 ทำ� ใหเ้ กิดการสะสมของตะกอน
(pioneer species) ในระบบนิเวศที่เพิ่งเกิดใหม่ เช่น เลน เปลือกหอยชนิดตา่ ง ๆ จำ� นวนมาก เช่น หอยแมลงภู่ หอย
งอกใหม่ในป่ าชายเลน ซ้งั ล่อปลา กระชงั เพราะเป็ นก กระจก หอยเฉลียบ หอยขวาน หอยแครงขน หอยมะระ
ลุ่มที่กินอาหารไดห้ ลากหลาย มีวงจรชีวิตส้ัน สืบพนั ธุ์ หอยจอบ หอยทบั ทิม หอยกะพง ฯลฯ การศึกษาในคร้ัง
ไดร้ วดเร็ว นอกจากน้ีกุง้ เตน้ ยงั เป็ นอาหารท่ีสำ� คญั ของ น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาความหลากชนิดของกุง้ เตน้
สัตวน์ ้ำ� เศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่กว่า (เสาวภา และเอก บริเวณโหนหอยในรอบปี เพอ่ื เป็นขอ้ มลู พ้นื ฐานเกี่ยวกบั
นรินทร์, 2555) อยา่ งไรกด็ ี ในประเทศไทยยงั มีการศึกษา ความหลากหลายทางชีวภาพของกงุ้ เตน้ ในประเทศไทย
เร่ืองความหลากชนิดของกงุ้ เตน้ อยไู่ ม่มากนกั และการ
ศึกษาส่วนใหญ่มกั ไม่ไดท้ ำ� การเก็บตวั อยา่ งให้ครบทุก อุปกรณ์ และวธิ ีการ
ฤดู ทำ� ให้จำ� นวนของกุง้ เตน้ ท่ีพบในประเทศไทยยงั ต่ำ�
กวา่ ที่ควรจะเป็นจริง การสำ� รวจภาคสนามและเกบ็ ตวั อยา่ งกงุ้ เตน้
โหนหอยเป็ นสถานที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ มีความ เกบ็ ตวั อยา่ งกงุ้ เตน้ ทุก 2 เดือน บริเวณโหนหอย (Figure
ส�ำคญั ต่อระบบนิเวศในฐานะเป็ นแหล่งอาศยั ให้สิ่งมี 1) ระหวา่ งเดือนตุลาคม 2562 ถึง กนั ยายน 2563 และบา้ น
ชีวติ แหลง่ ประมง แหลง่ อาหารใหช้ าวบา้ นเนื่องจากหอย บุโบย (Figure 5) อำ� เภออำ� เภอละงู จงั หวดั สตูลในเดือน
บางชนิดสามารถนำ� มารับประทานได้ เช่น หอยแมลง สิงหาคม 2563 โดยใช้ Ekman’s grab (Figure 2A) เกบ็
ภู่ หอยมะระ หอยกะพง หอยจอบ และช่วยในการรักษา ตวั อยา่ งท้งั หมด 12 สถานี โดยใชเ้ คร่ืองตกั ตะกอนดิน
PROOFS Ekman’s grab ขนาดพ้ืนที่หนา้ ตดั 200 ตารางเซนติเมตร
Figure 1. Study sites at Ban Bakan estuary, Krabi Province and Ban Bu Boi, Satun Province.
70 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
Figure 2A-C. A, using Ekman’s grab; B, collected samples; C, amphipod specimens.
เก็บตวั อยา่ งตะกอนพ้ืนทอ้ งทะเล 2 คร้ังต่อสถานี ร่อน ผล และวจิ ารณ์
ตวั อยา่ งดว้ ยตะแกรงร่อนขนาดตา 0.5 มิลลิเมตร และคง
สภาพตวั อยา่ งดว้ ยแอลกอฮอลเ์ ขม้ ขน้ 95 เปอร์เซ็นต์ จาก จากการศึกษากุ้งเต้นในพ้ืนที่บ้านบากันเม่ือปี 2560
น้นั คดั แยกตวั อยา่ งกุง้ เตน้ ออกจากตะกอนดิน (sorting) พบกุง้ เตน้ ท้งั หมด 8 ชนิด 8 สกุล จาก 7 วงศ์ (Figure
(Figure 2B, C) ในหอ้ งปฏิบตั ิการและรักษาสภาพตวั อยา่ ง 3) โดยชนิดเด่นท่ีพบกระจายกวา้ งคือ Grandidierella
ดว้ ยแอลกอฮอล์70 เปอร์เซ็นต์การระบชุ นิดทำ� โดยศึกษา gilesi จากการสำ� รวจในปี 2562 พบกงุ้ เตน้ Podocerus
สณั ฐานดว้ ยกลอ้ งจุลทรรศนแ์ บบสเตอริโอเพอื่ แยกชนิด brasiliensis (Figure 4) มีปริมาณเพ่มิ ข้ึนจนทดแทนชนิด
จนถึงระดบั ชนิด ตามเอกสารของ Barnard and Karaman พนั ธุ์ทอ้ งถ่ิน ทำ� ให้ชนิดพนั ธุ์ทอ้ งถ่ินมีปริมาณลดลง
(1991); Ren and Andres (2012)
PROOFS
Figure 3. Amphipod species found in Ban Bakan estuary, Krabi Province.
สมั มนาวชิ าการพิพิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังที่ 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 71
Figure 4. Podocerus brasiliensis that was found at HonPROOFS พบในแหล่งอาศยั หลกั คือบริเวณท่าเรือน้ำ� ลึก ปะการัง
Hoy, Ban Bakan estuary, Krabi Province; 2.4 mm long. เทียม ซ้ังเชือก ส่วนในประเทศสิงคโปร์ Wells et al.
Podocerus brasiliensis มีรายงานคร้ังแรกจากประเทศ (2019) ไดร้ ายงานถึงกงุ้ เตน้ บราซิลไวโ้ ดยอา้ งถึงรายงาน
บราซิลในมหาสมุทรแอตแลนติด ท่ีเมือง Rio de Ja- ของ Hughes and Ahyong (2016) แตเ่ มื่อสืบคน้ ในเอกสาร
neiro และเคยมีรายงานเป็ นชนิดพนั ธุ์ต่างถิ่นในหลาย ตน้ ฉบบั มีเพยี งรายงานของ Podocerus cyrenensis เทา่ น้นั
พ้ืนท่ีไดแ้ ก่ ในทะเลเมดิเตอเรเนียน มหาสมุทรอินเดีย ไม่มีการพบกุง้ เตน้ บราซิลในประเทศสิงคโปร์ รายงาน
แอฟริกาใต้ เมือง Zanzibar ทะเลแดง ประเทศอินเดียที่ ในคร้ังน้ีจึงนับเป็ นรายงานแรกของการคน้ พบกุง้ เตน้
Mannar ศรีลงั กา มหาสมุทรแปซิฟิ คไดแ้ ก่ ท่าเรือลอส บราซิลชนิดน้ีในพ้ืนที่เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ สำ� หรับ
แองเจลลิส ทะเลออสเตรเลียตอนเหนือ บริเวณ Darwin ประเทศไทย ในกรณีของบา้ นบากนั และบา้ นบุโบย มี
Harbour, Gove Harbour, Groote Eylandt ออสเตรเลีย ลกั ษณะพ้ืนที่เป็นปากแม่น้ำ� มีหยอ่ มป่ าชายเลน ซ่ึงแตก
ตะวนั ตก ไดแ้ ก่ Leveque, Port George IV, Cape Bou- ต่างจากบริเวณอ่ืนท่ีเคยมีรายงานกุง้ เตน้ บราซิลท่ีเป็ น
gainville, Exmouth ออสเตรเลียใตไ้ ดแ้ ก่ Garden Island ท่าเรือเดินสมุทร มีการสัญจรของเรือระหว่างน่านน้ำ�
กุง้ เตน้ บราซิลจึงอาจติดมากบั น้ำ� อบั เฉาเรือ แต่ในการ
ศึกษาคร้ังน้ีพ้ืนที่การศึกษามีลกั ษณะเป็ นอ่าวที่ปิ ด เรือ
ส่วนใหญ่เป็ นเรือท่องเท่ียวหรือเรือประมงชายฝ่ังท่ีไม่
ไดต้ ิดต่อกบั นอกน่านน้ำ� ไทย จึงเป็ นไปไดว้ ่าอาจมีการ
บุกรุกเขา้ มาในพ้ืนที่อ่ืนของทะเลอนั ดามนั แลว้ ผลกระ
ทบจากกงุ้ เตน้ บราซิลในประเทศไทยยงั ไมช่ ดั เจน กงุ้ เตน้
บราซิลมีความทนต่อการเปล่ียนแปลงสภาพแวดลอ้ ม
เช่นอุณหภูมิและความเค็มในช่วงกวา้ ง ในหลายพ้ืนท่ี
จึงพบว่ามีการต้งั ถิ่นฐานและมีการแพร่กระจายไดด้ ีใน
ธรรมชาติ (Hughes and Ahyong, 2016) จนทำ� ใหป้ ริมาณ
Figure 5. Ban Bu Boi, La Ngu District, Satun Province.
72 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
และความหลากชนิดของกุง้ เตน้ ชนิดพนั ธุ์ทอ้ งถ่ินลดลง southern Thailand. Lakes & Reservoirs: Re-
คาดการณว์ า่ อาจมรี ายงานเพม่ิ ในประเทศไทยและภมู ภิ าค search and Management 1: 115–125.
เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตใ้ นอนาคต Angsupanich, S., A. Siripech. and M. Charoenpornthip.
2006. Macrobenthic fauna community in the
คำ� นิยม Middle Songkhla Lake, Southern Thailand.
Songklanakarin Journal of Science and Tech-
คณะผูว้ ิจยั ขอขอบพระคุณโครงการอนุรักษพ์ นั ธุกรรม nology 27 (Suppl. 1): 365–390.
พชื อนั เน่ืองมาจากพระราชดำ� ริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุ Barnard, J.L. and G.S. Karaman. 1991. The families
ดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี สนองพระราชดำ� ริ โดย กองทพั and genera of marine Gammaridean Amphipoda
เรือ (อพ.สธ.-ทร.) หน่วยบญั ชาการสงครามพเิ ศษทางเรือ (Except marine Gammaroids). Record of the
กองเรือยทุ ธการ ชุดปฏิบตั ิการพเิ ศษ ทพั เรือภาคที่ 3 และ Australian Museum. Supplement 13 (Part 1).
ผใู้ หญ่บา้ น บา้ นบากนั (ผใู้ หญ่สามารถ อ่าวลึกนอ้ ย) ที่ Australia: Love computer Typesetting Pty Ltd.
ใหก้ ารสนบั สนุน ประสานงาน และอำ� นวยความสะดวก 419 p.
ในการสำ� รวจ Bussarawich, S., A. Nateewathana and J. Hylleverg.
1984. Distribution of Marine Benthic Amphi-
เอกสารและสิ่งอ้างองิ pods Off Phuket Island, with Emphasis on Tin
Mining and a Model of Species - Individual Re-
เสาวภา องั สุภานิช และเอกนรินทร์ รอดเจริญ. 2555. lationships. Phuket Marine Biological Center
พรรณสัตว์พื้นใต้น้ากลุ่มครัสตาซียน: ออสตรา Research Bulletin 32: 1–21.
คอด แอมฟิ พอด ไอโซพอด และทาไนดาเซียน
ในทะเลสาบสงขลา. กรุงเทพฯ: ส้านกั งานคณะ
กรรมการวจิ ยั แห่งชาติ. 160 หนา้ .
PROOFS
Angsupanich, S. and R. Kuwabara. 1995. Macrobenthic
fauna in Thale Sap Songkla, a brackish lake in
สมั มนาวชิ าการพพิ ิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังท่ี 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร, 73-80
The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories, 73-80.
การอนุรักษ์แหล่งซากดกึ ดำ� พรรพ์ปะการัง และพฒั นารูปแบบการท่องเทยี่ วเชิงธรณวี ทิ ยาใน
จงั หวดั สระแก้ว
Preservation of Fossil Coral Sites and Development of Geotourism in Sa Kaeo Province
นิธิพนธ์ น้อยเผ่า xx
1องคก์ ารพพิ ธิ ภฑั ณ์วทิ ยาศาสตร์แห่งชาติ ตำ� บลคลองหา้ อำ� เภอคลองหลวง จงั หวดั ปทุมธานี 12120
science museum, Khlong Ha, Khlong Luang District, Pathum Thani 12120
*Corresponding author. E-mail: [email protected]
รับเรื่อง: 15 ตุลาคม 2563 รับลงพิมพ:์ 10 ธนั วาคม 2563
PROOFS
บทคดั ย่อ
งานวจิ ยั น้ีมีจุดประสงคใ์ นการนำ� เสนอเกี่ยวกบั ความสำ� คญั และความหลากหลายของแหล่งซากดึกดำ� บรรพป์ ะการัง
ในพ้นื ท่ีจงั หวดั สระแกว้ และนำ� เสนอรูปแบบในการพฒั นาแหล่งซากดึกดำ� พรรพป์ ะการัง เพอ่ื เป็นแนวทางใหอ้ งคก์ ร
ปกครองส่วนทอ้ งถิ่นและภาคประชาสงั คมในพ้ืนที่ นำ� ไปขบั เคลื่อนใหเ้ กิดการพฒั นาเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อ
ส่งเสริมเศรษฐกิจดา้ นการท่องเที่ยวในรูปแบบของการท่องเที่ยวเชิงธรณี ซ่ึงเป็ นการท่องเที่ยวที่ใหค้ วามสำ� คญั กบั
การอนุรักษแ์ ละการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เก่ียวกบั ทรัพยากรธรรมชาติ ท่ีนอกจากช่วยเพิ่มความรู้ความเขา้ ใจและความ
ตระหนกั ในความสำ� คญั ของแหล่งซากดึกดำ� บรรพ์ ในแง่มุมของเป็ นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติวิทยาแลว้ ยงั สามา
รถบูรณาการแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยเู่ ดิมในรูปแบบของการท่องเที่ยวทางเลือกซ่ึงเหมาะสมกบั ผมู้ าเยอื นในทุกช่วงวยั
แหล่งซากดึกดำ� บรรพป์ ะการังในจงั หวดั สระแกว้ มีความสมั พนั ธ์กบั ลกั ษณะทางธรณีวทิ ยาของแนวเทือกเขาหินปูน
ท่ีวางตวั แนวตะวนั ตกเฉียงเหนือตะวนั ออกเฉียงใต้ ต่อเน่ืองไปยงั ดา้ นทิศตะวนั ตกของประเทศกมั พชู า สะสมตวั ใน
สภาพแวดลอ้ มของทะเลโบราณ ในช่วงมหายคุ พาลีโอโซอิกตอนปลาย จนถึงมหายคุ มหายคุ มีโซโซอิกตอนตน้ (298-
230 ลา้ นปี ก่อน) ซ่ึงพบกลุ่มซากดึกดำ� บรรพป์ ะการังที่มีความหลากหลาย และเป็นช่วงเวลาสำ� คญั ท่ีมีการเปล่ียนผา่ น
ระหวา่ งกลุ่มปะการังในอนั ดบั Rugosa และกลุ่มปะการังในอนั ดบั Scleractinia อีกดว้ ย
คำ� ส�ำคญั : ซากดึกดำ� บรรพ์ ปะการัง สระแกว้ การท่องเที่ยวเชิงธรณี ทรัพยากรธรณี
Abstract
This Study presents preliminary information of fossil coral sites in Sa Kaeo Province and the fossil assemblage di-
versity. Besides, the community and local administration roles in fossil sites development strategies are submitted in
the thematic Geotourism, which is the form of preservation and knowledge-based tourism and could be integrated of
new discoveries with the original components of local tourism activities as “Alternative tourism” perspective. Fossil
coral sites in Sakaeo Province are related to geological setting of limestone range in NW-SE trending, continuing
to the western region of Cambodia. The limestone was deposited in ancient marine environments from the Upper
Paleozoic to Lower Mesozoic (298-230 Mya). The assemblage is highly diverse including the Permian corals in
74 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
Order Rugosa and Triassic corals in Order Scleractinia, which are the most important transference periods in Coral
(Hexacorallia) history.
Keywords: fossil, Coral, Sakaeo, Geotourism, Geological Resources
คำ� น�ำ PROOFSช่วยเพ่ิมศกั ยภาพดา้ นการท่องเที่ยว ความน่าสนใจ และ
ความสามารถในดึงดูดนกั ท่องเท่ียวจากเสน้ ทางการท่อง
พ้ืนที่จงั หวดั สระแกว้ มีศกั ยภาพในการพฒั นาดา้ นการ เที่ยวหลกั รวมถึงเป็นการส่งเสริมความเขา้ ใจและความ
ท่องเที่ยวสูงมาก ในปัจจุบนั ชุมชนเน้นการใชท้ ุนทาง ตอ้ งการมีส่วนร่วมในการพฒั นาและจดั กิจกรรมการ
วฒั นธรรมผ่านกิจกรรมทางประเพณีของชุมชนเป็ น ท่องเที่ยวของชุมชนให้เพิ่มมากข้ึน ซ่ึงจะทำ� ให้ชุมชน
ประเดน็ นำ� ในการพฒั นาการท่องเท่ียว เพอื่ ดึงดูดนกั ท่อง ไดร้ ับประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างเต็มท่ี และเกิด
เท่ียวจากเสน้ ทางการท่องเท่ียวด่านการคา้ ชายแดนท่ีห่าง ความยง่ั ยนื จากการพฒั นาการท่องเที่ยวในชุมชนบริเวณ
ไป 12 กม. (องคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลคลองน้ำ� ใส, 2560) โดยรอบแหล่งประวตั ิศาสตร์ปราสาทเขานอ้ ยสีชมพตู ่อ
แต่กิจกรรมสามารถจดั เป็ นคร้ังคราวและกิจกรรมท่อง ไปในอนาคต
เท่ียวชมโบราณสถานน้นั มีขอ้ จำ� กดั ในการพฒั นาพ้ืนที่
เนื่องจากถูกประกาศให้เป็ นเขตโบราณสถาน (เฉพาะ วตั ถุประสงค์
พ้ืนท่ีรอบตวั ปราสาทประมาณ 50 ไร่) โดยภาพรวม
ชุมชนจึงมีการรับรู้ถึงความสำ� คญั และการมีส่วนร่วมใน 1. เพื่อส�ำรวจสถานภาพของทรัพยากรท่องเที่ยวเชิง
จดั การท่องเท่ียว รวมถึงไดร้ ับผลประโยชนจ์ ากกิจกรรม ธรรมชาติ (ป่ าไม้ ธรณีวทิ ยา และแหล่งซากดึกดำ� บรรพ)์
การท่องเที่ยวนอ้ ยมาก และยงั คงตอ้ งพ่ึงพาการตลาดท่ี และนำ� เสนอรูปแบบของการท่องเที่ยวทางเลือก (Alter-
ตอ้ งนำ� สินคา้ ส่งไปขายในเขตเสน้ ทางการท่องเท่ียวหลกั native Tourism) ในพ้ืนที่
นอกพ้นื ที่ 2. เพอ่ื ส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหวา่ งนกั วจิ ยั และชุมชน
การท่องเที่ยวฐานชุมชน (Community-based Tourism, ผ่านกระบวนการเรี ยนรู้ในแนวทางการท่องเท่ียวฐาน
CBT) เป็ นการท่องเที่ยวที่กำ� หนดทิศทางโดยชุมชน ชุมชน (Community-based Tourism, CBT) ซ่ึงจะก่อให้
จดั การโดยชุมชนเพ่ือชุมชน และชุมชนรู้สึกเป็นเจา้ ของ เกิดความเขา้ ใจ และความตระหนกั ในความส�ำคญั ของ
และมีสิทธิในการจดั การเพ่ือประโยชน์อย่างยงั่ ยืนกบั ทรัพยากรท่องเท่ียวเชิงธรรมชาติ ของชุมชนในพ้ืนท่ี
ชุมชนโดยคำ� นึงถึงทรัพยากรและคุณค่าอนั ดีงามของ
ชุมชน และเกิดกิจกรรมเรียนรู้แก่ผมู้ าเยอื น คณะผวู้ จิ ยั ต้งั อปุ กรณ์ และวธิ ีการ
สมติฐานวา่ การใชศ้ กั ยภาพของชุมชนซ่ึงเขา้ ใจในบริบท
ของพ้นื ที่เป็นอยา่ งดี ประสานเขา้ กบั องคค์ วามรู้ท่ีไดจ้ าก กลุ่มเป้าหมาย
กระบวนการวิจยั จากคณะนักวิจยั ที่มีความชำ� นาญใน ภาคีท่ีเกี่ยวขอ้ งประกอบดว้ ยผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย (Stake-
การสำ� รวจและศึกษาแหล่งท่องเที่ยวดา้ นธรรมชาติ (Na- holder) และผหู้ นา้ ที่รับผดิ ชอบดา้ นการพฒั นาพ้ืนท่ี 1)
ture-based tourism site) จะสามารถบูรณาการการพฒั นา ในส่วนผูบ้ ริหารและผูแ้ ทนหน่วยงานภาครัฐในพ้ืนที่
ในรูปแบบการท่องเท่ียวทางเลือก (Alternative Tourism) ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำ� บลคลองน้�ำใส ส�ำนัก
ที่ประสานทุนทางธรรมชาติและทุนทางวฒั นธรรมของ ศิลปากรที่ 5 ป่ าไมจ้ งั หวดั สระแกว้ นิคมสร้างตนเอง
ชุมชนในพ้ืนท่ีโดยรอบนอกเขตโบราณสถานปราสาท คลองน้ำ� ใส รพ.สต.คลองน้ำ� ใส หน่วยงานทหารและ
เขาน้อยสีชมพู และการส่งเสริมการใช้รูปแบบและ ฝ่ ายปกครอง 2) ในส่วนภาคประชาชน ไดแ้ ก่ ผนู้ ำ� และ
กิจกรรมการท่องเที่ยวทางเลือกในแนวทางดงั กล่าว จะ ตวั แทนชุมชนโดยเนน้ 4 หมู่บา้ นโดยรอบพ้ืนที่ปราสาท
สมั มนาวชิ าการพิพธิ ภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังที่ 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 75
เขานอ้ ยสีชมพู ปราชญช์ ุมชน ผดู้ ูแลศาสนสถาน คณะครู PROOFS การพฒั นารูปแบบการท่องเท่ียวในปัจจุบนั อยู่ภาย
และนกั เรียนจากสถานศึกษาในพ้นื ที่ใกลเ้ คียง ใตก้ ระแสความตอ้ งการ 3 ประการ ประกอบดว้ ย (1)
การดำ� เนินโครงการ/กิจกรรม/วธิ ีการประเมิน กระแสความต้องการการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม และ
การดำ� เนินโครงการจะเนน้ ส่วนร่วมของภาคที เ่ี กี่ยวขอ้ ง ทรัพยากรธรรมชาติ (2) กระแสความตอ้ งการของตลาด
ขา้ งตน้ โดยมีข้นั ตอนการดำ� เนินงานดงั น้ี การท่องเท่ียวในดา้ นการศึกษาเรียนรู้และ (3) กระแส
1. การวิเคราะห์ปัญหา คน้ หาขอ้ สรุป และยอมรับใน ความตอ้ งการพฒั นาคน จึงเกิดแนวทางการพฒั นาและ
กระบวนการแก้ไขปัญหา ท่ีน�ำมาเป็ นโจทยว์ ิจยั ของ จดั การท่องเท่ียวทางเลือกใหม่ (Alternative Tourism)
โครงการ เพ่อื ตอบสนองความตอ้ งการท่ีหลากหลายของผมู้ าเยอื น
2. สร้างการรับรู้ร่วมกนั ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ในรูป ที่นิยมอย่างแพร่หลายท่ีสุด คือ การท่องเท่ียวเชิงนิเวศ
แบบการประชุมเชิงปฏิบตั ิการ ซ่ึงประกอบด้วยการ (Ecotourism) ซ่ึงเน้นการศึกษาเรียนรู้ในเร่ืองเกี่ยวกบั
ถ่ายทอดความรู้โดยคณะวิทยากร การร่วมกนั ดำ� เนิน ระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การท่องเที่ยว
การสำ� รวจและวิเคราะห์สถานภาพทรัพยากรท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ การท่องเท่ียวเชิงศึกษาระบบนิเวศ การท่อง
เชิงธรรมชาติในพ้ืนท่ีจริง รวมถึงการเสนอทางเลือก เท่ียวเพื่อศึกษาส่ิงแวดลอ้ ม นิเวศสัญจร นิเวศท่องเท่ียว
เพื่อพฒั นารูปแบบการท่องเท่ียวทางเลือก (Alternative (สินธุ์ สโรบล, 2547) โดยรูปแบบการท่องเที่ยวดงั กล่าว
Tourism) ในแนวทางการท่องเที่ยวฐานชุมชน (Commu- จะมีความแตกต่างหลากหลายไปตามบริบททรัพยากร
nity-based Tourism, CBT) ร่วมกนั การท่องเที่ยวของชุมชนทอ้ งถ่ิน ซ่ึงจากผลการส�ำรวจ
3. การประเมินความเปลี่ยนแปลงความรู้ความเขา้ ใจ สามารถกำ� หนดทรัพยากรการท่องเที่ยวดา้ นธรรมชาติ
และความตอ้ งการในการมีส่วนร่วมของชุมชน ผา่ นการ บริ เวณพ้ืนท่ีโดยรอบปราสาทเขาน้อยสีชมพู ซ่ึงมี
วิเคราะห์ขอ้ มูลจากแบบสอบถาม ก่อนและหลงั การ ศกั ยภาพในการใชเ้ พอื่ บรู ณาการจดั การการทอ่ งเท่ียวทาง
ดำ� เนินกิจกรรม เลือกของพ้ืนที่ไดใ้ น 3 บริบท
สรุปผลการดำ� เนินงานและประเด็นสำ� คญั ท่ีไดจ้ ากการ 1. บริบทเชิงสภาพภูมิประเทศ และลกั ษณะธรณีวทิ ยา
ดำ� เนินโครงการ/กิจกรรม เขาน้อยสีชมพู มีลกั ษณะภูมิสัณฐานเป็ นเขาลูกโดด
(Isolated Hill) ลอ้ มรอบโดยพ้ืนที่เป็นท่ีราบ มีพ้นื ท่ีโดย
76 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
ประมาณ 0.3 ตร.กม. หรือ 180 ไร่ สูงจากพ้ืนที่โดยรอบ บริเวณน้ีเป็ นจุดศึกษาลกั ษณะทางธรณีวิทยาที่เด่นชดั
ประมาณ 65 เมตรยอดสูงสุดสูงจากระดบั น้ำ� ทะเลปาน ตามช้นั หินตน้ ฉบบั ของหมวดหินโป่ งน้ำ� ร้อน
กลาง 133 เมตร สภาพภมู ิประเทศเป็นลกั ษณะภมู ิสญั ฐาน 2. บริบทการท่องเที่ยวศึกษาแหล่งซากดึกดำ� บรรพ์
(Geomorphology) ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ลกั ษณะทางธรณีวทิ ยา หินปูนในบริเวณเขานอ้ ยสีชมพู พบซากดึกดำ� บรรพ์
ที่รองรับดว้ ยหินปูน (Limestone) ทำ� ให้เกิดลกั ษณะภู อายุไทรแอสซิกซ่ึงพบได้ยากในประเทศไทย ได้แก่
มิสญั ฐานแบบคาสต์ (Karst) ลกั ษณะภูมิสญั ฐานดงั กล่าว สาหร่ายวงศ์ Solenoporaceae และ Dacycladaceae แสดง
มีความเฉพาะและมีความน่าสนใจในการศึกษาท้งั ทาง ลักษณะแตกหักเนื่องจากกระบวนการพดั พา (Rud-
ดา้ นระบบนิเวศและธรณีวทิ ยา ซ่ึงจดั ใหอ้ ยใู่ นหมวดหิน stone-Floatstone) บ่งช้ีสภาพแวดลอ้ มการสะสมตวั
โป่ งน้ำ� ร้อน (Pong Nam Ron Formation) มีอายอุ ยใู่ นช่วง บริเวณลาดทวีปส่วนตน้ (Proximal Slope) รวมถึงซาก
ยคุ ไทรแอสซิก (Triassic period) หรือราว 251.9 ถึง 201.3 ปะการังในอนั ดบั Scleractinia ท้งั ที่เป็ นปะการังชนิด
ลา้ นปี ก่อน (กรมทรัพยากรธรณี, 2550) เด่ียว (Solitary Coral) ในสกลุ Montivaltia (รูปท่ี 2ก) และ
ผลการศึกษาสามารถแบ่งพ้ืนที่ตามลกั ษณะธรณีวทิ ยา ปะการังกลุ่ม (Fasciculate Coral) ในสกลุ Thecosmillia
(หมู่หิน) ศกั ยภาพ และรูปแบบความเหมาะสมส�ำหรับ (รูปท่ี 2ข) กลุ่มซากดึกดำ� บรรพบ์ ่งอายไุ ทรแอสซิกตอน
กิจกรรมการท่องเท่ียวเชิงธรณีวทิ ยา (Geotourism) ออก กลาง (Ladinian-Carnian) หรือ 242 ถึง 248 ลา้ นปี ก่อน
ไดเ้ ป็น 3 ส่วน (รูปท่ี 1ก) ไดแ้ ก่ (Fontaine and Salayapongse, 1997)
ในพ้นื ที่ A ลกั ษณะเด่นคือหินปูนช้นั หนามาก (Massive) 3. บริบทนิเวศวิทยาป่ าไม้ และทรัพยากรท่องเที่ยว
ทำ� ให้เกิดเป็ นลกั ษณะที่เป็ นหน้าผาสูงชนั (Scarp) ใน อื่น
แนวเขาดา้ นทิศเหนือ จุดที่น่าสนใจสามารถพฒั นาเป็ น PROOFS
กิจกรรมการท่องเท่ียวเชิงธรณีวิทยา (Geotourism) มี
ลกั ษณะเป็ นหลุมยบุ (Sinkhole) ที่เกิดการถล่มพบเห็น
เป็ นถ้ำ� เปิ ด และมีช่องแสง (Cave Window) ซ่ึงมีราก
ไมห้ ้อยลงมาอย่างสวยงาม (รูปที่ 1ข) สามารถเป็ นจุด
ศึกษาลกั ษณะ กระบวนการละลายของหินปูน การเกิด
ถ้ำ� หินปูน และเกิดของภูมิสัญฐานแบบคาสต์ไดอ้ ย่าง
ชดั เจน
ในพ้ืนที่ B บริเวณที่ต้งั ตวั ปราสาทและพ้ืนท่ีโดยรอบ
มีลักษณะเด่นของหินปูนที่เป็ นช้ัน (Bedded Lime-
stone) มีซากดึกบรรพ์หลายชนิด ส่วนใหญ่เป็ นเศษ
ซากดึกดำ� บรรพก์ ลุ่มสาหร่าย (Algae) หอยสองฝา (Bi-
valve) และปะการัง (Coral) สามารถพฒั นาเป็ นแหล่ง
เรียนรู้เกี่ยวกบั ซากดึกดำ� บรรพแ์ ละการเปลี่ยนแปลงของ
สภาพแวดลอ้ มบรรพกาล (Paleoenvironments)
ในพ้ืนที่ C ทางทิศใต้ ประกอบไปดว้ ยหินเถา้ ตะกอน รูปท่ี 2 ก) ซากดึกดำ� บรรพป์ ะการัง ชนิดเดี่ยว (Solitary
ภูเขาไฟ (Volcanic Tuff) และหินเกรยแ์ วก (Greywacke) Coral) ในสกลุ Montivaltia ข) ปะการังกลุ่ม (Fasciculate
สีเทาอมเขียว สีเทาอมแดง สลบั ดว้ ยหินดินดาน (Shale) Corals) ในสกลุ Thecosmillia
สมั มนาวชิ าการพพิ ิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังท่ี 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 77
ลกั ษณะนิเวศวิทยาท่ีพบเห็นเด่นชัดบริเวณเขาน้อย PROOFS นกั ศึกษาผูช้ ่วยนกั วิจยั 2) หน่วยงานภาครัฐท่ีมีส่วนใน
สีชมพู คือ ระบบนิเวศป่ าเบญจพรรณหรือป่ าผสมผลดั การขบั เคลื่อนดา้ นนโยบายและการปฏิบตั ิในการจดั การ
ใบ ดา้ นบนมีไมข้ นาดใหญ่ท่ีผลดั ใบในหนา้ แลง้ ทำ� ให้ ท่องเที่ยวในพ้ืนที่ 3) ภาคประชาชนและผนู้ ำ� ชุมชนโดย
เดินส�ำรวจได้สะดวก และในส่วนเชิงเขาด้านล่างไม้ เนน้ 4 หมู่บา้ นโดยรอบพ้ืนท่ีเขานอ้ ยสีชมพ ู
ขนาดใหญ่มีนอ้ ยลงพบมีเถาวลั ยแ์ ละป่ าไผป่ กคลุม ไมท้ ่ี โดยกำ� หนดใหม้ ีการสมั มนาเชิงปฏิบตั ิการของคณะวิจยั
เด่นไดแ้ ก่ มะคา่ โมง (สกลุ Afzelia) และตะแบกนา (สกลุ ร่วมกบั ชุมชน เร่ิมจากภาควชิ าการการบรรยายใหค้ วามรู้
Lagerstroemia) ซ่ึงมดี อกสีชมพทู ่ีมคี วามสอดคลอ้ งกบั ช่ือ โดยคณะวทิ ยากร เพอื่ เพม่ิ พนู ความรู้ความเขา้ ใจ เพม่ิ การ
เขานอ้ ยสีชมพู นอกจากน้ีจากการสำ� รวจขอ้ มลู จากชุมชน ยอมรับ และความตอ้ งการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการทอ่ ง
ยงั พบส่ิงท่ีน่าสนใจอื่น (รูปที่ 3) ท่ีสามารถใชเ้ ป็ นองค์ เท่ียว โดยมีบริบทท่ีเก่ียวขอ้ งใน 5 บริบท ไดแ้ ก่
Figure 4. Podocerus brasiliensis that was found at Hon 1) ความส�ำคญั ของแหล่งโบราณสถานปราสาทเขา
Hoy, Ban Bakan estuary, Krabi Province; 2.4 mm long. นอ้ ยสีชมพู 2) ทรัพยากรดา้ นธรณีวิทยา การท่องเท่ียว
เชิงธรณีวทิ ยา และแหล่งซากดึกดำ� บรรพ์ 3) นิเวศวทิ ยา
ประกอบการท่องเที่ยวในพ้ืนท่ีอีก 2 ส่วน ไดแ้ ก่ และความสำ� คญั ของป่ าไม้ 4) ทุนวฒั นธรรมของชุมชน
3.1 ความเชื่อในชุมชนเกี่ยวกับสิ่งศักด์ิสิทธ์ิ และ จากปราชญใ์ นทอ้ งถ่ิน 5) หลกั การจดั การท่องเท่ียวโดย
เทพารักษท์ ี่ปกป้องดูแลรักษาบริเวณเขานอ้ ยสีชมพู และ ชุมชน
ความเช่ือเก่ียวกบั พระพทุ ธศาสนา เช่น รอยพระพทุ ธบาท จากน้นั เป็นการสำ� รวจพ้นื ที่และแลกเปลี่ยนความความ
3.2 จุดสังเกตุการณ์ชายแดนของหน่วยงานทหาร มี คิดเห็นในพ้ืนที่โดยรอบเขาน้อยสีชมพู โดยกำ� หนด
ลกั ษณะเป็นบงั เกอร์หลบภยั แนวสนามเพลาะ และลวด เน้ือหาหลกั ของกลุ่มย่อย และจดั กลุ่มอิสระตามความ
หนาม เป็นองคป์ ระกอบการท่องเท่ียวเชิงประวตั ิศาสตร์ สนใจสมัครใจ สุดท้ายเป็ นการถอดบทเรียน โดยมี
การสูร้ บและจุดชมววิ ชายแดนท่ีโดดเด่น เป้าประสงคใ์ นการพฒั นาแม่บทในการบูรณาการแหล่ง
4. ส่วนร่วมของชุมชนในแนวทางการท่องเที่ยวฐาน ท่องเท่ียวเชิงธรรมชาติกบั แหล่งท่องเที่ยวเชิงวฒั นธรรม
ชุมชน (Community-based Tourism, CBT) ท่ีตอบสนองกบั วถิ ีชีวติ และความตอ้ งการของชุมชน โดย
โครงการพฒั นาหลายโครงการเป็นโครงการที่ดีแต่ไม่ คณะผวู้ จิ ยั จะทำ� หนา้ ที่เป็น เพยี งกระบวนกร (Facilitator)
ประสบผล เนื่องจากไม่ไดเ้ ปิ ดโอกาสใหช้ ุมชนไดเ้ ขา้ มา ในการดำ� เนินการ
มีส่วนร่วมและมีความรู้สึกเป็ นเจา้ ของซ่ึงจะเป็ นจุดเร่ิม 5. รูปแบบการท่องเที่ยวทางเลือก
ตน้ ของการพฒั นาท่ียง่ั ยนื ในดา้ นการพฒั นาการทอ่ งเที่ยว จากกระบวนการถอดบทเรียน นักวิจัยและชุมชน
จึงเกิดแนวคิดเร่ืองการท่องเท่ียวฐานชุมชน (Communi- สามารถร่วมกนั พฒั นาแม่บทในการบูรณาการแหล่ง
ty-based Tourism, CBT) (พจนา สวนศรี, 2546) ท่องเท่ียวเชิงธรรมชาติ กบั แหล่งท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรม
กระบวนการเรียนรู้ในงานวิจยั น้ีมีเป้าหมายในการ ในรูปแบบของการท่องเที่ยวทางเลือก (Alternative
ใชแ้ นวทางการจดั การท่องเที่ยวฐานชุมชน โดยเริ่มตน้ Tourism Scheme) และเสน้ ทางศึกษาธรรมชาติ (Nature
จากการจดั เวทีประชาคมกบั กลุ่มเป้าหมาย คือ ผบู้ ริหาร Trail) จำ� นวน 2 เสน้ ทาง ซ่ึงผา่ นจุดศึกษาธรรมชาติและ
องคก์ รส่วนทอ้ งถิ่น ผูน้ ำ� ชุมชน ปราชญ์ชาวบา้ น เพื่อ วฒั นธรรม จำ� นวน 10 จุด ไดแ้ ก่
ทำ� ความรู้จกั และทำ� ความเขา้ ใจบริบทชุมชน และจดั ทำ� เสน้ ทางที่ 1 ศาลเจา้ พอ่ เขานอ้ ย-โบราณสถานปราสาท
รายนามภาคีท่ีเกี่ยวขอ้ งโดยแบ่งออกเป็ น 3 กลุ่ม ไดแ้ ก่ เขานอ้ ยสีชมพู-ศาลาธรรม-วดั เขานอ้ ยสีชมพู ระยะทาง
1) คณะผูว้ ิจัยซ่ึงมีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆและ รวมประมาณ 900 เมตร
78 The 1st Symposium of the Natural History Museum: Initial Steps For Conserving Natural Rosource Depositories
ตารางท่ี 1 รายละเอียดและกิจกรรมเสน้ ทางศึกษาธรรมชาติแหล่งประวตั ิศาสตร์ปราสาทเขานอ้ ยสีชมพู เสน้ ทาง 1
จุดศึกษาธรรมชาต-ิ วฒั นธรรม ตำ� แหน่ง/พกิ ดั กจิ กรรมด้านการท่องเทย่ี ว
1. ศาลเจา้ พอ่ เขานอ้ ย 13°34'59.18" N สกั การะเจา้ พอ่ เขานอ้ ย เพือ่ ความเป็นสิริมงคล
102°31'39.06" E
2. โบราณสถานปราสาทเขาน้อย 13°35'2.36" N เยย่ี มชมโบราณสถาน ศึกษาประวตั ิศาสตร์
สีชมพู 102°31'35.24" E
3. รอยพระพทุ ธบาท 13°35'4.02" N สักการะรอยพระพุทธบาท ชมทิวทศั น์ ศึกษากระบวนการ
102°31'35.32" E เกิดรอยแอ่งน้ำ� ในหินปูน
4. หลุมยบุ และถ้ำ� เปิ ด 13°35'5.74" N ศึกษาธรณีวิทยาของหินปูน การเกิดหลุมยุบ ถ้ำ� เปิ ด และ
102°31'31.41" E ช่องแสง
PROOFS
5. ศาลาธรรม 13°34'59.18" N กิจกรรมดา้ นวฒั นธรรม/สินคา้ ชุมชน
102°31'39.06" E
ตารางที่ 2 รายละเอียดและกิจกรรมเสน้ ทางศึกษาธรรมชาติแหล่งประวตั ิศาสตร์ปราสาทเขานอ้ ยสีชมพู เสน้ ทาง 2
จุดศึกษาธรรมชาต-ิ วฒั นธรรม ตำ� แหน่ง/พกิ ดั กจิ กรรมด้านการท่องเทย่ี ว
1. ศาลเจา้ พอ่ เขานอ้ ย 13°34'59.18" N สกั การะเจา้ พอ่ เขานอ้ ย เพ่ือความเป็นสิริมงคล
2. จุดเรียนรู้ซากดึกดำ� บรรพ์ 102°31'39.06" E
3. ลานปฏิบตั ิธรรม
4. จุดสงั เกตการณ์ชายแดน 13°34'57.93" N ศึกษาแหล่งซากดึกด�ำบรรพ์ ธรณีประวตั ิ และสภาพ
5. นิเวศป่ าไม/้ ตน้ ไมส้ ีชมพู 102°31'41.35" E แวดลอ้ มโบราณ
6. ศาลเจา้ พอ่ เสือ
13°34'56.04" N ทำ� บุญ นง่ั สมาธิ ปฏิบตั ิธรรม
102°31'42.44" E
13°35'5.74" N ศึกษาประวตั ิศาสตร์ความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศ/การ
102°31'31.41" E ทหาร ชมทิวทศั น์
13°34'50.76" N ศึกษานิเวศวทิ ยาป่ าเบญจพรรณ /ป่ าผสมผลดั ใบ
102°31'48.63" E
13°34'48.65" N สกั การะเจา้ พอ่ เสือ/สินคา้ ชุมชน
102°31'51.93" E
สมั มนาวชิ าการพพิ ิธภณั ฑธ์ รรมชาติวทิ ยา คร้ังที่ 1: กา้ วแรกแห่งคลงั ทรัพยากร 79
เสน้ ทางที่ 2 ศาลเจา้ พอ่ เขานอ้ ย-จดุ เรียนรู้ซากดึกดำ� บรรพ-์PROOFS พ้ืนท่ี 2. ระดบั ความตอ้ งการมีส่วนร่วมและความคาด
จุดสังเกตการณ์ชายแดน-ศาลเจ้าพ่อเสือ-วดั เขาน้อย หวงั ต่อการพฒั นาศกั ยภาพดา้ นการท่องเท่ียวในพ้ืนที่
สีชมพู ระยะทางรวมประมาณ 1,050 เมตร จากการวเิ คราะห์ขอ้ มูลพบวา่ ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการมีความรู้
เส้นทางศึกษาธรรมชาติท้งั 2 เส้นทางสามารถเดินทาง ความเขา้ ใจและการตระหนกั ถึงคุณคา่ ของทรัพยากรทอ่ ง
เป็ นวงกลมโดยผ่านเส้นทางถนนโดยรอบ โดยมีจุด เท่ียวในพ้ืนท่ี และความตอ้ งการในการมีส่วนร่วมและ
บรรจบกนั ท่ีบริเวณศาลเจา้ พ่อเขานอ้ ย และวดั เขานอ้ ย ความคาดหวงั ต่อการพฒั นาศกั ยภาพดา้ นการท่องเที่ยว
สีชมพู ซ่ึงมีเสน้ ทางบนั ไดระยะทางส้นั ๆเช่ือมถึงกนั ดงั ในพ้ืนท่ีเพิ่มมากข้ึน สามารถสรุปไดว้ า่ กระบวนการจาก
แสดงในรูปที่ 5 นอกจากแผนที่เสน้ ทางท่องเที่ยวแลว้ ใน งานวิจยั ไดส้ ร้างการรับรู้ร่วมกนั และสร้างความตื่นตวั
แผนแมบ่ ทการพฒั นายงั มีขอ้ เสนอเกี่ยวกบั ความตอ้ งการ ของชุมชน ซ่ึงเป็นจุดเริ่มตน้ ของกลไกในการขบั เคล่ือน
ส่ิงอำ� นวยความสะดวกพ้นื ฐานเพอ่ื การทอ่ งเที่ยวที่ควรได้ เพื่อการพฒั นาแหล่งท่องเที่ยวในแหล่งโบราณสถาน
รับการสนบั สนุนเพ่ิมเติม รวมถึงขอ้ เสนอแนะเก่ียวกบั ปราสาทเขาน้อยสี ชมพูโดยการมีส่ วนร่ วมของชุ มชน
ขอ้ มลู แนวทางการประชาสมั พนั ธ์ และสื่อสนบั สนุนการ อยา่ งแทจ้ ริงในอนาคต
ท่องเท่ียว เช่น ป้ายประชาสมั พนั ธ์ แผน่ พบั และคูม่ ือการ ในประเดน็ การพฒั นากิจกรรมการทอ่ งเที่ยวในพ้นื ที่อยา่ ง
ท่องเที่ยวในเสน้ ทางการศึกษาธรรมชาติ เป็นตน้ ยงั่ ยืน นกั วิจยั เล็งเห็นถึงความส�ำคญั ในการมีส่วนร่วม
ของชุมชนในการผลกั ดนั แผนแม่บท สู่แผนปฏิบตั ิการ
ผล และวจิ ารณ์ ขอ้ เสนอเชิงนโยบาย ขอ้ เสนอการสนบั สนุนงบประมาณ
ในระดบั ชุมชน/จงั หวดั เพ่ือขบั เคลื่อนการพฒั นาแหล่ง
xxxxxx ท่องเท่ียวสอดคลอ้ งกบั วถิ ีชีวติ และทำ� ใหช้ ุมชนมีสภาพ
เศรษฐกิจและสงั คมท่ีดี และสามารถพ่ึงตนเองไดต้ ่อไป
สรุป ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับ
คณะผูว้ ิจยั คาดหวงั ว่างานวิจยั น้ีจะสามารถเป็ นตน้
ผลการศึกษาเชิงประจกั ษ์ผ่านการวิเคราะห์ขอ้ มูลจาก แบบ ของการส่งเสริมความร่วมมือของชุมชนในการ
แบบสอบถาม ก่อนและหลงั การดำ� เนินกิจกรรมการ พฒั นาแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติโดยเฉพาะในดา้ น
ส�ำรวจร่วมกันระหว่างคณะผูว้ ิจัยและตวั แทนชุมชน ทรัพยากรธรณี ร่วมกบั แหล่งท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรม
ผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการจำ� นวน 40 คน โดยมีประเด็นหลกั
2 ประเด็นไดแ้ ก่ 1. ระดบั ความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั
ทรัพยากรการท่องเท่ียวและกิจกรรมการท่องเที่ยวใน
รูปที่ 3 การสัมมนาเชิงปฏิบตั ิการในภาคการสำ� รวจพ้ืนท่ี และกระบวนการถอดบทเรียน แผนผงั แม่บทการพฒั นา
แหล่งท่องเท่ียวเชิงธรรมชาติกบั แหล่งท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรม ในบริเวณโดยรอบปราสาทเขานอ้ ยสีชมพู
เพอ่ื บรู ณาการการทอ่ งเท่ียวทางเลือก ในแนวทางของการ ประชาคมวิจยั ฉบบั ท่ี 57, ส�ำนักงานกองทุน
ท่องเที่ยวฐานชุมชน (Community-based Tourism, CBT) สนบั สนุนการวจิ ยั , กรุงเทพฯ
ที่ตอบสนองกบั วถิ ีชีวติ และความตอ้ งการของชุมชน ให้ องคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลคลองน้ำ� ใส (2560) แผ่นพบั
กบั ชุมชนอ่ืนซ่ึงมีบริบทในการพฒั นาดา้ นการท่องเที่ยว ประชาสมั พนั ธ์ แหล่งท่องเท่ียวปราสาทเขานอ้ ย,
คลา้ ยคลึงกบั พ้ืนท่ีปราสาทเขาน้อยสีชมพูและชุมชน องค์การบริหารส่วนตำ� บลคลองน้ำ� ใส, จงั หวดั
ตำ� บลคลองน้ำ� ใส สระแกว้
Fontaine H., and S. Salayapongse (1997) Biostratigraphy
เอกสารและส่ิงอ้างองิ of East Thailand. Int. Conf. on Stratigraphy and
Tectonic Evolution of SE Asia and the Southern
กรมทรัพยากรธรณี (2550) ธรณีวทิ ยาประเทศไทย, กรม Pacific, Bangkok, p. 73-82.
ทรัพยากรธรณี, กรุงเทพฯ
พจนา สวนศรี (2546) เอกสารการสอนชุดวชิ า หน่วยท่ี
8-15 การจดั การนนั ทนาการและการทอ่ งเท่ียวทาง
ธรรมชาติ, มสธ., นนทบุรี
สินธุ์ สโรบล (2547) การจดั การท่องเท่ียวโดยชุมชน,