The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kesza_15, 2022-05-15 11:31:00

แผนการจัดการเรียนรู้ เลขที่18 D7 ปวิชญาดา จิตต์แจ่ม

แผนการจัดการเรียนรู้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5





แผนการจัดการเรยี นรู้

รายวิชาภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5

จดั ทำโดย

นางสาวปวิชญาดา จิตตแ์ จ่ม เลขท่ี 18

เสนอ

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พัชรภี รณ์ บางเขยี ว

แผนการจดั การเรยี นรเู้ ล่มนี้เปน็ สว่ นหนง่ึ ของรายวิชา
วิทยาการจัดการเรียนรู้ (1190301)

มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา



คำนำ

แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าภาษาไทย ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 จดั ทำขึน้ เพอื่ เปน็ แนวทาง
ในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเปน็ สำคญั ตามหลักสูตรแกนกลางข้ันพ้ืน ฐา น พุทธศักราช
2551

แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบไปด้วยเน้ือหาสาระดังต่อไปน้ี แผนการจัดการเรียนรู้รา ยปี
ซงึ่ ประกอบไปด้วยมาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิชาภาษาไทย แผนการจัดการเรียน รู้
รายหน่วยทง้ั หมด 1 หนว่ ย เรือ่ ง วัฒนธรรมของภาษา นอกจากนี้ยงั มใี บงานและเกณฑ์การ ปร ะเมิน
เพอ่ื ใช้ในการประเมินผลการเรียนรูข้ องนักเรยี นแต่ละคนว่าหลังจากเสรจ็ สิ้นการเรยี น นักเรยี นมคี วามรู้
ความเข้าใจ เนื้อหาสาระมากน้อยเพียงใด ผา่ นการประเมินหรือไม่

ผ้จู ดั ทำขอขอบพระคณุ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. พชั รีภรณ์ บางเขียว เปน็ อย่างยง่ิ ทใ่ี ห้คำปรกึ ษา
และคำแนะนำตลอดระยะเวลาการจัดทำแผนการเรยี นรู้ และหวงั เปน็ อย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้
เล่มนจี้ ะเป็นประโยชน์กับการจัดการเรียนรูใ้ นห้องเรยี น ทำใหผ้ ู้เรียนสามารถพฒั นาการเรียนรู้ได้อย่าง
มปี ระสิทธภิ าพต่อไป

นางสาวปวิชญาดา จิตต์แจม่
ผจู้ ัดทำ

สารบัญ ข

เรอื่ ง หน้า

แผนการจดั การเรียนรู้ 1
12
มาตรฐานการเรียนรู้และ 15
ตวั ชีว้ ดั 17
คำอธบิ ายรายวชิ า 20

ตารางโครงสรา้ งรายวิชา

แผนการจดั การเรียนรู้
รายหนว่ ย



แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ เวลา ๑ ชั่วโมง
เรอ่ื ง วัฒนธรรมในสงั คมมนษุ ย์ รายวิชา ภาษาไทยพนื้ ฐาน ท ๓๒๑๐๑

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ วฒั นธรรมและภาษาของมนษุ ย์ รวม ๑ ชวั่ โมง

กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาที่ ๕ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔

(แผนสอบสอบสอน : บนั ทึกวิดโิ อ)

๑.มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
ท ๔.1 เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทยการเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของ

ภาษาภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ
ตวั ช้วี ดั ม.๔-๖/๑ อธบิ ายธรรมชาตขิ องภาษา พลงั ของ ภาษา และลกั ษณะของภาษา
๒.สาระสำคญั
วัฒนธรรมในสงั คมมนุษย์มีความแตกต่างและหลากหลาย เป็นเอกลักษณ์ของแตล่ ะชาติ

วัฒนธรรมทางภาษาสะทอ้ นให้เหน็ วัฒนธรรมของชาติภาษาไทยเป็นภาพสะท้อนให้เหน็ วัฒนธรร มของ
ชาตไิ ทย วัฒนธรรมที่ใช้อยู่ ในปัจจบุ ันน้ีมีความหมายกวา้ ง บางคราวใช้ในความหมา ยว่า ปร ะเพณี
บางโอกาสใชค้ ำนห้ี มายถึงศิลปะ

๔. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้สู่
ด้านความรู้
๑.อธิบายความหมายของวฒั นธรรม
ทักษะ/กระบวนการ
๑.วิเคราะห์สาเหตุทที่ าใหว้ ัฒนธรรมของมนษุ ยม์ ีความแตกตา่ งและหลากหลาย
๒.รวบรวมเอกลักษณท์ างวฒั นธรรมของแตล่ ะชาติ

คณุ ลกั ษณะ
๑.เขยี นแผนภาพความคิดแสดงถงึ ความแตกตา่ งและหลากหลายทางวัฒนธรรมของ
แตล่ ะชาติ
๒.ใชป้ ระโยชนจ์ ากความแตกต่างของวฒั นธรรมทางภาษา
๓.ตระหนกั ถึงคณุ ค่าและความส าคัญของวฒั นธรรมทางภาษา



๕.สาระการเรียนรู้
๑. ความรู้
- ภาษามาตรฐาน
- ภาษาไทยใช้สมั ผสั คลอ้ งจอง
- ภาษากบั การสบื ทอดวัฒนธรรม
- ภาษาถ่ินกับวัฒนธรรมท้องถิ่น
- ๒.ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ
- การจำแนก การใหเ้ หตุผล การจดั ระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ การสงั เคราะห์
- การแกป้ ัญหา การประเมินคา่ การสรปุ ความรู้
๓.คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
- มวี ินัย
- ใฝเ่ รียนรู้
- มงุ่ มน่ั ในการท างาน
- รักความเปน็ ไทย
๖.ภาระงาน

-แบบฝกึ หัดที่ ๒

๗.การวดั และการประเมนิ ผล วธิ วี ดั ผล เครื่องมือทใี่ ช้วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
สิง่ ทีต่ ้องการวดั ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๖๐

ด้านความรู้ -แบบฝกึ หดั ท่ี ๒ - -แบบฝึกหดั - ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๖๐
แบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบ
ดา้ นทกั ษะ/ ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ น
กระบวนการ แกป้ ญั หาจากโจทย์ แบบฝกึ หัด เกณฑ์

ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ การเข้าร่วมกจิ กรรมใน แบบสังเกตนักเรียนมสี ่วน
ประสงค์ ช้นั เรียน รว่ มในช้ันเรียน



๘. กิจกรรมการเรยี นรู้

๘.๑ รายละเอียดกิจกรรม (ระบุช่อื วิธีการสอน/เทคนคิ การสอน)

คาบท๑ี่ (๕๐นาที)
ขัน้ น า
๑.ใหน้ กั เรยี นอ่านคำในหนา้ จอทป่ี รากฏ ดังนี้

ภาษากลาง สวัสดี

ภาษาใต้ หวดั ดี
ภาษาอสี าน ไปไส
ภาษาเหนือ สวัสดีเจา้

๒.ครใู หน้ ักเรียนร่วมกนั สนทนาเกย่ี วกับคำทักทายท่เี ป็นภาษาถิ่นแต่ละภาค ซง่ึ หากแตล่ ะคนใช้
ภาษาถนิ่ ของตนเองในการส่ือสาร กย็ ่อมไมป่ ระสบความสำเรจ็ เทา่ ที่ควร ขน้ั สอน

๓. ครูนำนกั เรยี นเขา้ สูบ่ ทเรียน สอ่ื Power point

๔. ครูตั้งคำถามนักเรยี นเมอ่ื เข้าสหู่ วั ขอ้ ใหญต่ ามลำดบั เนื้อหา ดังน้ี

๑.วธิ ีการใดทีจ่ ะชว่ ยใหค้ นแตล่ ะภาคสอ่ื สารกันได้รู้เร่อื ง

ตวั อย่างคำตอบ ต้องกำหนดภาษากลางมาตรฐาน เพอ่ื ใหใ้ ชส้ ื่อสารกนั ได้ทัว่ ประเทศ
๕.ใหน้ กั เรียนสงั เกตรว่ มและร่วมกันสนทนาเกี่ยวกบั การต้ังชอ่ื กรุงเทพฯ วา่ คนไทยเปน็ คนเจา้ บท
เจ้ากลอน ต้งั แตอ่ ดีต คนไทยจึงนยิ มตั้งช่อื บคุ คล สถานท่ี หรอื ส่ิงสำคญั ต่าง ๆ ใหม้ สี ัมผสั คล้องจองกัน

ขนั้ สรปุ
๖.ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้

๗.ทำแบบทดสอบหลังเรียนเร่ือง วัฒนธรรมกับภาษามนุษย์ ด้วย Google form



๘.ครูมอบหมายภาระงานแบบฝึกหัดที่ ๒

๙.ส่อื การสอน
๑.สอื่ Power point เร่ือง วัฒนธรรมกับภาษามนษุ ย์
๒.หนังสอื เรียนหลกั ภาษาและการใชภ้ าษาไทย
๓.แบบฝกึ หัดที่ ๒ เรื่อง วฒั นธรรมกับภาษามนษุ ย์

๔.แบบทดสอบที่ ๑ เร่อื งวฒั นธรรมกบั ภาษามนุษย์ ผ่าน Google form
๑๐.แหลง่ เรียนรูใ้ นหรือนอกสถานท่ี

๑.ค้นคว้าขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ จากอนิ เทอรเ์ น็ต

๑๑.เกณฑก์ ารประเมิน

ค าอธิบายระดับคณุ ภาพ / ระดับคะแนน

รายการประเมิน ดมี าก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรบั ปรุง (๑)
สามารถทำข้อสอบ
แบบทดสอบหลงั ได้ ๗ – ๘ ขอ้ สามารถทำขอ้ สอบ สามารถทำข้อสอบ สามารถทำข้อสอบได้
เรยี น จำนวน ๑๐
ข้อ สามารถตอบ ได้ ๕ – ๖ ข้อ ได้ ๓-๔ ข้อ ๑ – ๒ ข้อ
๒. นกั เรียน คำถามจากใบ
สามารถท าใบ กจิ กรรมได้ร้อยละ สามารถตอบ สามารถตอบ สามารถตอบคำถามจาก
กจิ กรรมที่ ๒ ๗๐-๘๐ คำถามจากใบ คำถามจากใบ ใบกจิ กรรมไดร้ อ้ ยละ
กจิ กรรมได้ร้อยละ กิจกรรมไดร้ ้อยละ ๑๐-๒๐
๕๐-๖๐ ๓๐-๔๐

๓. การมีสว่ นร่วม นกั เรยี นมี นักเรยี นมี นักเรียนมี นกั เรยี นมี
ในการจัดกจิ กรรม
สว่ นร่วมใน ส่วนรว่ มใน ส่วนร่วมใน ส่วนรว่ มในการ

การจัดกิจกรรมตาม การจัดกิจกรรมตาม การจดั กจิ กรรมตาม จดั กจิ กรรมตามหน้าที่ที่

หน้าท่ีทไ่ี ดร้ บั หนา้ ที่ทไี่ ด้รับ หน้าทท่ี ่ีได้รับ ไดร้ ับมอบหมายเปน็ ส่วน

มอบหมายอย่างเปน็ มอบหมายเป็น มอบหมายเป็น น้อย

ขั้นตอน สว่ นมาก บางสว่ น

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ๕

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
๑๐ ๔ หมายถึง ดีมาก
๙ ๓ หมายถึง ดี
๗–๘ ๒ หมายถงึ พอใช้
๕–๖ ๑ หมายถงึ ปรบั ปรุง

๑๒. บนั ทกึ ผลหลังการสอน
๑๒.๑ ผลการจัดการเรยี นรู้

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ มีแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรอ่ื ง วัฒนธรรมกับภาษามนษุ ย์
๑๐.๒ ปญั หา/อุปสรรค

๑๒.๓ ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

ลงชื่อ ปวิชญาดา จิตต์แจ่ม
(นางสาวปวชิ ญาดา จิตตแ์ จ่ม)

ครผู สู้ อน ความเหน็ ครพู ่เี ลย้ี ง

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………......…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ ..............................................................
(นางสภุ ทั ชกรานต์ จงึ อมรกจิ )

ครพู ีเ่ ล้ียง



ความเหน็ ผตู้ รวจแผนการจัดการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ ...............................................................
(นางสาวฤดี กมลสวัสดิ์)

ผู้ตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้



แบบทดสอบหลงั เรียน
เรอ่ื ง วฒั นธรรมกบั ภาษามนษุ ย์

ค าชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเลอื กค าตอบที่ถูกต้องทสี่ ดุ เพยี งขอ้ เดียว

1.การอนรุ กั ษ์ภาษาทำได้อย่างไร
ก. ภูมใิ จในภาษาตนและใชภ้ าษาใหถ้ ูกตอ้ งตามหลัก
ภาษา
ข. ใช้ภาษาแบบแผนในการส่ือสารทางราชการ
ค. รบั ภาษาอน่ื เข้ามาเมือ่ ภาษาของเราไม่พอใช้
ง. พฒั นาภาษาไปตามยุคสมยั
2. การแบง่ ประเภทของภาษาถ่ินใช้หลักการในการแบ่งอยา่ งไร

ก. แบ่งตามขนบธรรมเนยี มและวัฒนธรรม
ข. แบ่งตามสภาพการปกครอง
ค. แบ่งตามสภาพภูมิศาสตร์
ง. แบง่ ตามสภาพสังคม
3. ภาษาไทยมาตรฐาน มีลกั ษณะอย่างไร
ก. เปน็ ภาษาท่พี ฒั นาแลว้ ใชร้ ปู แบบไวยากรณข์ องต่างชาติ
ข. เปน็ ภาษาที่ใชใ้ นการส่อื สารของบุคคลในระดับสงู
ค. เปน็ ภาษาของผทู้ ี่มีการศกึ ษา
ง. เปน็ ภาษาทใ่ี ชใ้ นเมืองหลวง
4. วรรณกรรมเป็นผลผลติ ของการใช้ภาษาใหถ้ ูกต้องตามวัฒนธรรมข้อใด
ก. ใช้ภาษาถูกตอ้ งตามหลกั การใช้ภาษาเชงิ สรา้ งสรรค์
ข. ใช้ภาษาถูกตอ้ งตามแบบแผนของภาษา
ค. ใช้ภาษาถกู ตอ้ งตามส านวนภาษา
ง. ใชภ้ าษาถกู ต้องตามความหมาย



5. ภาษาถิน่ หมายถึงภาษาทม่ี ลี กั ษณะอย่างไร
ก. ภาษาทีม่ ีต้นเคา้ มาจากแหลง่ เดียวกัน แตม่ าแตกต่างตามสภาพภูมิศาสตร์
ข. ภาษาย่อยของภาษาใดภาษาหนง่ึ แตกตา่ งกันไปตามทอ้ งถิน่
ค. ภาษาทใี่ ช้ในการถ่ายทอดวฒั นธรรมของคนในทอ้ งถิน่
ง. ภาษาของชนกลุ่มนอ้ ยทใี่ ช้ส่อื สารเฉพาะทอ้ งถิน่

6.เหตุใดจงึ กล่าวว่า ภาษาเป็นวัฒนธรรมของชาติ
ก. เพราะภาษาเป็นเครอื่ งแสดงถงึ ความเจริญร่งุ เรืองของคนในชาตทิ ีส่ ร้างสมกนั มาช้านาน
ข. เพราะภาษามีบทบาทตอ่ ประเทศชาติตงั้ แต่อดีตจนถงึ ปัจจุบนั ต่อไปถงึ อนาคต
ค. เพราะภาษาเปน็ ส่งิ ท่คี นในชาติสร้างข้ึนและพฒั นาไปตามยุคสมยั
ง. เพราะภาษาเปน็ เคร่ืองมือบนั ทึกเร่ืองราวของคนในชาติ

7. นายกิตตศิ ักดิ์ไปพูดใหร้ ้ายนางสาวอารีวรรณต่อหน้าสาธารณชน
แลว้ มางบุ งิบขอโทษในภายหลังเหตุการณน์ ี้ถา้ จะใชเ้ ปน็ สำนวนไทยใหถ้ กู ต้องตามวฒั นธรรมการใช้
ภาษาควรใช้วา่ อยา่ งไร
ก.ชา้ งตายท้งั ตวั เอาใบบัวปดิ ไมม่ ดิ
ข.ตบหัวที่ศาลา ไปขอขมาทบี่ ้าน
ค.ปสั สาวะให้พน้ ตัว
ง.ถม่ น้ าลายรดฟ้า

8. การท่ีชาวบ้านในบางท้องถิ่นไมไ่ ด้ใชภ้ าษาถ่นิ น้ัน ๆ แตไ่ ปใชภ้ าษาถิ่นอื่นน่าจะมีสาเหตุมาจากอะไร
ก.การผสมกลมกลืนทางเช้ือชาติ
ข.การรบั วฒั นธรรม
ค.การอพยพย้ายถ่นิ
ง.การศึกษาภาษา



9. คำในขอ้ ใดใชเ้ ปน็ ค าลงท้ายประโยคทกุ ค า
ก.เจ้า ใช่ กอ
ข.หา จา แน
ค.สิ นอ เห่ย
ง.ตะ เดอ้ ฮ่ือ

10. ภาษาถิ่นใดเปน็ ค าพดู ห้วน ๆ ส้ัน ๆ
ก.ภาษาถน่ิ กลาง
ข.ภาษาถ่ินเหนอื
ค.ภาษาถ่นิ อสี าน
ง.ภาษาถ่นิ ใต้

เฉลย
ข้อ๑. ตอบ ก.ภูมใิ จในภาษาตนและใช้ภาษาให้ถกู ตอ้ งตามหลักภาษา
ขอ้ ๒. ตอบ ค.แบ่งตามสภาพภูมศิ าสตร์

ขอ้ ๓. ตอบ ง.เปน็ ภาษาท่ีใช้ในเมอื งหลวง

ข้อ๔. ตอบ ก.ใชภ้ าษาถกู ต้องตามหลกั การใชภ้ าษาเชงิ สร้างสรรค์
ขอ้ ๕.ข.ภาษายอ่ ยของภาษาใดภาษาหน่งึ แตกต่างกันไปตามท้องถ่นิ
ขอ้ ๖.ค.เพราะภาษาเปน็ สงิ่ ท่คี นในชาตสิ ร้างขึน้ และพัฒนา
ข้อ๗. ตอบ ข.ตบหวั ที่ศาลา ไปขอขมาท่ีบ้าน
ข้อ๘.ตอบ ค.การอพยพย้ายถิน่
ขอ้ ๙.ตอบ ง.ตะ เดอ้ ฮื่อ
ข้อ๑๐. ตอบ ง.ภาษาถ่ินใต้

๑๐

แบบฝึกหัดท่ี ๒
เรือ่ ง วฒั นธรรมกบั ภาษามนษุ ย์

คำช้แี จง :
ให้นกั เรียนตอบคำถามต่อไปน้ี

ชอื่ ............................................นามสกุล........................................ ช้นั ....../...... เลขท.่ี .... ...

๑.ภาษามาตรฐานมีความส าคัญอย่างไร
ตอบ...................................................................................................................................................
............................................................................................................ ...................................................
๒.คำคล้องจองมลี กั ษณะอย่างไร

ตอบ...................................................................................................................................................
................................................................................................................................................... ............
๓.คนไทยนิยมใช้คำคลอ้ งจองในเรอื่ งใดบา้ ง

ตอบ...................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
๔.หากไมม่ ภี าษา การสืบทอดวฒั นธรรมจะเป็นไปไดอ้ ยา่ งไร

ตอบ...................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๕.ภาษาถิน่ แตกต่างจากภาษามาตรฐานอยา่ งไร

ตอบ...................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................

๑๑

คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนยกตวั อย่างคำในภาษาถิ่นจำนวน ๕ คำพร้อมบอกความหมาย

ภาษาอีสาน ภาษาเหนือ

ภาษาใต้

๑๒

สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย รายวชิ าภาษาไทย
ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5 เวลา 40 ช่ัวโมง / 1.0 หน่วยกติ

1. มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวัด
สาระที่ 1 การอา่ น

มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคิด เพ่อื นำไปตดั สนิ ใจ แกป้ ญั หา
ในการดำเนินชวี ติ และมีนิสยั รักการอา่ น

สาระท่ี 2 การเขยี น
มาตรฐาน ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนสื่อสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรอื่ งราวใน

รูปแบบ ต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

สาระที่ 3 การฟัง การดู และการพูด
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด

และความรสู้ กึ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์

สาระที่ 4 หลกั การใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษา การเปลยี่ นแปลงของภา ษาและ

พลังของภาษา ภมู ปิ ัญญาของภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ

สาระท่ี 5 วรรณคดแี ละวรรณกรรม

มาตรฐาน ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น
คุณคา่ และนำมาประยุกตใช้ในชวี ิตจรงิ

ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพื่อนำไปตดั สินใจ แกป้ ัญหา

ในการดำเนนิ ชีวิตและมีนสิ ัยรักการอา่ น
ท 1.1 ม.4-6/1 อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองไดอ้ ย่างถกู ต้องและไพเราะ

เหมาะสมกบั เรื่องทอ่ี ่าน
ท 1.1 ม.4-6/2 ตคี วาม แปลความ และขยายความเร่ืองทอี่ า่ น
ท 1.1 ม.4-6/3 วิเคราะหว์ จิ ารณ์เร่ืองทอ่ี ่านในทกุ ๆดา้ นอยา่ งมเี หตผุ ล
ท 1.1 ม.4-6/4 คาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเร่ืองทอ่ี ่านและประเมนิ คา่ เพอื่ นำความรคู้ วามคิดไป

ใชต้ ัดสินใจแกป้ ัญหาในการดำเนนิ ชวี ติ
ท 1.1 ม.4-6/5 วเิ คราะหว์ ิจารณแ์ สดงความคิดเห็นโตแ้ ย้งกับเรอ่ื งที่อ่านและเสนอความคิด

ใหม่อยา่ งมีเหตผุ ล

๑๓

ท 1.1 ม.4-6/6 ตอบคำถามจากการอ่านประเภทตา่ งๆภายในเวลาทก่ี ำหนด
ท 1.1 ม.4-6/7 อ่านเรอื่ งตา่ งๆแล้วเขยี นกรอบแนวคดิ ผังความคดิ บันทกึ ย่อความ และ
รายงาน
ท 1.1 ม.4-6/8 สงั เคราะห์ความรจู้ ากการอ่าน สื่อสิง่ พมิ พ์ สือ่ อิเล็กทรอนิกส์และแหลง่ เรียนรู้
ตา่ งๆมาพัฒนาตนมาพัฒนาการเรยี นและพฒั นาความร้ทู างอาชีพ
ท 1.1 ม.4-6/9 มมี ารยาทในการอ่าน

มาตรฐาน ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเรอ่ื งราวใน
รูปแบบ ต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

ท 2.1 ม.4-6/1 เขยี นสอ่ื สารในรูปแบบตา่ ง ๆ ได้ ตรงตามวตั ถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรยี บเรยี ง
ถกู ต้อง มีข้อมูลและสาระสำคญั ชัดเจน

ท 2.1 ม.4-6/2 เขียนเรยี งความ
ท 2.1 ม.4-6/3 เขียนย่อความจากส่อื ทม่ี รี ูปแบบ และเนื้อหาหลากหลาย
ท 2.1 ม.4-6/4 ผลติ งานเขียนของตนเองในรปู แบบตา่ งๆ
ท 2.1 ม.4-6/5 ประเมนิ งานเขยี นของผู้อนื่ แลว้ นำมาพัฒนางานเขียนของตนเอง
ท 2.1 ม.4-6/6 เขียนรายงานการศกึ ษาค้นคว้า เร่อื งที่สนใจตามหลักการเขยี นเชงิ วิชา การ
และใช้ข้อมลู สารสนเทศอ้างอิงอย่างถูกต้อง
ท 2.1 ม.4-6/7 บนั ทกึ การศกึ ษาค้นควา้ เพอื่ นำไปพฒั นาตนเองอยา่ งสมำ่ เสมอ
ท 2.1 ม.4-6/8 มมี ารยาทในการเขยี น

มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด
และความรสู้ ึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์

ท 3.1 ม.4-6/1 สรปุ แนวคดิ และแสดงความคิดเหน็ จากเร่อื งทฟี่ ังและดู
ท 3.1 ม.4-6/2 วเิ คราะห์แนวคิด การใชภ้ าษา และความน่าเชอื่ ถอื จากเรือ่ งทฟ่ี ังและดูอยา่ งมี
เหตุผล
ท 3.1 ม.4-6/3 ประเมินเรอ่ื งท่ฟี งั และดู แล้วกำหนดแนวทางนำไปประยกุ ต์ใชใ้ นการดำเนนิ
ชีวิต
ท 3.1 ม.4-6/๔ มวี ิจารณญาณในการเลือกเร่ืองทฟ่ี งั และดู
ท 3.1 ม.4-6/5 พดู ในโอกาสตา่ ง ๆ พูดแสดงทรรศนะ โต้แยง้ โนม้ น้าวใจ และเสนอแนวคดิ
ใหม่ด้วยภาษาถูกต้องเหมาะสม
ท 3.1 ม.4-6/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู

มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษา การเปล่ยี นแปลงของภา ษาและ
พลังของภาษาภมู ปิ ัญญาของภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ

ท 4.1 ม.4-6/1อธิบายธรรมชาติของภาษา พลงั ของภาษา และลักษณะของภาษา
ท 4.1 ม.4-6/2 ใช้คำและกลมุ่ คำสรา้ งประโยคตรงตามวตั ถุประสงค์

๑๔

ท 4.1 ม.4-6/3 ใช้ภาษาเหมาะสมแกโ่ อกาส กาลเทศะ และบคุ คลรวมท้ังคำราชาศพั ท์ อยา่ ง
เหมาะสม

ท 4.1 ม.4-6/4 แต่งบทร้อยกรอง
ท 4.1 ม.4-6/5 วเิ คราะห์อทิ ธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถ่นิ
ท 4.1 ม.4-6/6 อธบิ ายและวเิ คราะห์หลักการสรา้ งคในภาษาไทย
ท 4.1 ม.4-6/7 วเิ คราะห์และประเมนิ การใชภ้ าษาจากสื่อส่ิงพมิ พ์และส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์

มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็น
คุณคา่ และนำมาประยุกตใช้ในชวี ติ จรงิ

ท 5.1 ม.4-6/1 วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมตามหลักการวจิ ารณเ์ บื้องต้น
ท 5.1 ม.4-6/2 วเิ คราะหล์ ักษณะเด่นของวรรณคดเี ช่ือมโยงกับการเรียนรทู้ างประวัติศาสตร์
และวถิ ีชีวติ ของสังคมในอดตี
ท 5.1 ม.4-6/3 วเิ คราะหแ์ ละประเมนิ คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ของวรรณคดแี ละวรรณกร รมใน
ฐานะท่เี ปน็ มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
ท 5.1 ม.4-6/5 รวบรวมวรรณกรรมพื้นบ้านและ อธิบายภูมิปญั ญาทางภาษา
ท 5.1 ม.4-6/4 สังเคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือนำไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตจริง
ท 5.1 ม.4-6/6 ท่องจำและบอกคุณค่าบทอาขยานตามท่กี ำหนด และบทรอ้ ยกรองที่มีคุณค่า
ตามความสนใจและนำไปใชอ้ า้ งองิ

๑๕

คำอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน
ท 32101 ภาษาไทย 3 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต
…………………………………………………………………………………………………………..………………..……………………
อ่านออกเสยี งบทร้อยกรองประเภทร่าย ลลิ ิต ตคี วาม แปลความ ขยายความ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์
คาดคะเนเหตกุ ารณ์ ประเมินค่าแสดงความคดิ เห็น โต้แย้ง นำเสนอความคิดใหม่ ตอบคำถาม สังเคราะห์
ความร้จู ากงานเขยี นประเภทบทความ สารคดี บันเทิงคดี ขา่ วสารจากสง่ิ พิมพ์ วรรณคดีในบทเรียน
และมีมารยาทในการอ่านเขียนส่ือสารในรูปแบบต่างๆ คือเขียนอธิบาย บรรยาย พรรณนา เขียน
เรยี งความ เขียนสารคดี เขียนรายงานเชิงวิชาการ เขียนอ้างอิงสารสนเทศ ประเมินคณุ ค่า งาน เขียน
ในดา้ นแนวคดิ ของผู้เขียน การใช้ถอ้ ยคำ การเรียบเรียงสำนวนโวหาร กลวิธกี ารเขียน เพ่อื เรียบเรียง
ภาษาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งมขี ้อมูล และสาระสำคัญอยา่ งชัดเจนเพ่ือใช้ฝึกการพูดสรุปแนวคิดและการแสดง
ความคิดเหน็ จากเรื่องทฟ่ี งั และดู วิเคราะหแ์ นวคดิ การใช้ภาษาและความน่าเชื่อถือ เลอื กเรื่องทีฟ่ งั และดู
อย่างมีวิจารญาณ ประเมนิ เร่ืองเพ่ือกำหนดแนวทาง นำไปประยุกต์ใช้ในการพูดโน้มน้าวใจ และมี
มารยาทในการฟัง การดู และการพูดสามารถใช้กลวิธีการเขียน พัฒนางานเขียนของต นเองและ
มีมารยาทในการเขยี น อธิบายลกั ษณะของภาษา แตง่ บทรอ้ ยกรองประเภทร่าย วิเคราะห์และประเมิน
การใช้ภาษาจากสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยใชก้ ระบวนการในการวิเคราะห์วิจารณ์
และสังเคราะห์จุดมงุ่ หมาย รูปแบบ เน้ือหา กลวิธี ลักษณะเด่นของวรรณคดแี ละวรรณกรร มเบื้ องต้น
มกี ารประเมนิ คา่ เชื่อมโยงกบั การเรยี นรทู้ างประวัติศาสตร์ และวถิ ีชวี ิตของสังคมในอดีต มีการท่องจ ำ
บทอาขยานและบทรอ้ ยกรองทมี่ คี ุณค่า

รหัสตวั ชวี้ ัด
ท 1.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4, ม.4-6/5, ม.4-6/6, ม.4-6/7,ม.4-6/8
ท 2.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4, ม.4-6/5, ม.4-6/6,ม.4-6/8
ท 3.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4,ม.4-6/5, ม.4-6/6
ท 4.1 ม.4-6/1, ม.4-6/4,ม.4-6/7
ท 5.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4,ม.4-6/6

รวมทง้ั หมด 29 ตวั ชว้ี ัด

๑๖

คำอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน
ท32102 ภาษาไทย 4 กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ
………………………………………………………………………………………………………………..………………..………………
ฝึกอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว ประเภทบทความ นวนยิ าย ความเรยี ง ตคี วาม แปลความ ขยาย
ความวิเคราะห์ วจิ ารณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ ประเมินค่าแสดงความคดิ เห็น โตแ้ ยง้ นำเสนอความคดิ ใหม่
ตอบคำถามสังเคราะหค์ วามรู้จากงานเขียนประเภทพระบรมราโชวาท วรรณกรรมพนื้ บา้ น วรรณคดีใน
บทเรยี น และมีมารยาทในการอา่ นเขียนส่ือสารในรปู แบบต่างๆ คือเขยี นรายงานการประชุม เขยี นย่อ
ความ บทความทางวิชาการวรรณกรรมพ้นื บ้าน ประเมินคุณคา่ งานเขียนในด้านแนวคิดของผู้เขียน
การใช้ถ้อยคำการเรียบเรยี ง สำนวนโวหารกลวิธีการเขียน เพอื่ เรียบเรียงภาษาไดอ้ ย่างถูกต้องมีข้อมูล
และสาระสำคัญอยา่ งชัดเจนเพื่อใช้ฝึกการพูดสรุปแนวคิดและการแสดงความคิดเห็น จากเรื่องท่ีฟัง
และดู วเิ คราะหแ์ นวคิดการใช้ภาษาและความนา่ เชื่อถือ เลอื กเรื่องที่ฟงั และดูอยา่ งมีวจิ ารญาณ ประเมิน
เรื่องเพื่อกำหนดแนวทาง นำไปประยุกต์ใช้ในการพดู ต่อท่ีชุมชน และมีมารยาทในการฟัง การดู
และการพูดสามารถใช้กลวธิ ีการเขียน พัฒนางานเขียนของตนเองและมีมารยาทในการเขียน ใช้ค ำ
และกลุ่มคำสร้างประโยค คือ คำและสำนวน การเรยี บเรยี งประโยค วเิ คราะห์และประเมนิ การใช้ภาษา
จากสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยใช้กระบวนการในการวเิ คราะห์วิจารณ์และสังเคราะห์
จดุ มุง่ หมาย รปู แบบ เนื้อหา กลวธิ ี ลักษณะเด่นของวรรณคดีและวรรณกรรมเบ้อื งต้น มกี ารประเมินค่า
เชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และวถิ ีชวี ติ ของสังคมในอดีต รวบรวมวรรณกรร มพ้ืนบ้าน
ทีแ่ สดงถงึ ภาษากบั วัฒนธรรมและภาษาถิน่ มีการทอ่ งจำบทอาขยานและบทร้อยกรองทม่ี คี ุณคา่

รหัสตัวชี้วัด
ท 1.1 ม.4-6/1, ม.4-6/3, ม.4-6/5, ม.4-6/8
ท 2.1 ม.4-6/1, ม.4-6/3
ท 3.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4, ม.4-6/5, ม.4-6/6
ท 4.1 ม.4-6/2, ม.4-6/7
ท 5.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4, ม.4-6/5, ม.4-6/6

รวมท้งั หมด 20 ตวั ชว้ี ดั

๑๗

โครงสรา้ งรายวิชา ภาษาไทย

รหสั วชิ า ท32101 กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5

เวลา 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ภาคเรียนท่ี 1

จำนวน 1 หนว่ ยกิต เวลา 40 ชัว่ โมง/ภาคเรยี น

หนว่ ย ชอื่ หนว่ ยการเรยี นร้แู ละ เวลา น้ำหนักคะแนน
สาระการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด
การเรยี นรู้
ท่ี (ชว่ั โมง) 100

1 ลักษณะของภาษา ท 4.1 ม.4-6/1 ม.4-6/6 3 12

2 ประโยค ท 4.1 ม.4-6/2 3 15

3 การเขียนเรยี งความ ท 2.1 ม.4-6/2 38

4 การแต่งคำประพนั ธ์ ท 4.1 ม.4-6/4 3 12
ประเภทรา่ ยและฉนั ท์

5 ลลิ ิตตะเลงพ่าย ท 5.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 11 15

ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-
6/6

6 คัมภีร์ฉนั ทศาสตร์แพทย์ ท 5.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 8 8

ศาสตร์สงเคราะห์ ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-

6/6

7 การอา่ นออกเสยี ง ท 1.1 ม.4-6/1 3 10

8 การอา่ นเพอ่ื วเิ คราะห์ ท 1.1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 3 8
วิจารณ์

9 การอา่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ ท 1.1 ม.4-6/3 ม.4-6/4 3 12

รวม 40 100

๑๘

โครงสร้างรายวิชาภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5
ภาคเรียนที่ 2
รหสั วชิ า ท 32102 กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
เวลา 2 ชัว่ โมง / สปั ดาห์ คะแนน 100 คะแนน
จำนวน 1 หน่วยกติ

หนว่ ย ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้และ มาตรฐานการ เวลา น้ำหนกั คะแนน
การเรยี นรทู้ ่ี สาระการเรยี นรู้ เรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ดั (ชัว่ โมง) (100)

1 การอา่ นออกเสยี งร้อยแก้วและรอ้ ยกรอง ท 1.1 , ม.5/1 2 5

2 การอา่ นอย่างมวี ิจารณญาณ ท 1.1 , ม.5/2 2 5

3 การเขยี นส่อื สารในรูปแบบตา่ งๆ ท 2.1 , ม.5/1 2 5

4 การเขียนเรยี งความเกยี่ วกบั โลกสาธารณะ ท 2.1 , ม.5/2 2 5

5 การเขยี นยอ่ ความ ท 2.1 , ม.5/3 2 5

6 การเขียนสารคดี ท 2.1 , ม.5/4 2 5

7 การเขยี นบันทกึ ความรู้ ท 2.1 , ม.5/7 2 5

8 มีมารยาทในการเขียน ท 2.1 , ม.5/8 1 5
5
9 การพดู สรุปแนวคิดและแสดงความคดิ เหน็ ท 3.1 , 5/1 4
จากเร่ืองทฟี่ งั และดู 5

10 การวเิ คราะหแ์ นวคิดใช้ภาษาและความ ท 3.1, ม.5/2 2
นา่ เชือ่ ถือจากเร่ืองท่ฟี ังและดู

๑๙

หนว่ ย ชือ่ หน่วยการเรียนรแู้ ละ มาตรฐานการ เวลา นำ้ หนักคะแนน
การเรียนรทู้ ี่ สาระการเรียนรู้ เรียนรู้ / ตัวชี้วัด (ชั่วโมง) (100)

11 การเลือกเร่อื งทฟี ังและดอู ยา่ งมี ท 3.1, ม.5/3 2 5
วจิ ารณญาณ

12 การประเมินเรือ่ งที่ฟงั และดูและมีมารยาท ท 3.1 , ม.5/4 , 2 5

ในการฟงั และดู ม.5/6

13 วัฒนธรรมกบั ภาษา ท 4.1 , ม.5/1 3 5
14 การใช้คำและกลมุ่ คำสรา้ งประโยค ม.5/5 4 5
ท 4.1, ม.5/2

15 การวเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์วรรณคดแี ละ ท 4.1, ม.5/4 2 5
วรรณกรรมเบ้อื งต้น
2 10
16 การวิเคราะหแ์ ละประเมนิ คุณคา่ วรรณคดี ท 5.1, ม.5/2
และวรรณกรรม 4 5
1 10
17 วรรณกรรมพืน้ บ้าน ท 5.1, ม.5/5 40 100
บทอาขยานและบทรอ้ ยกรองที่มีคณุ ค่า
18

รวมทัง้ สน้ิ
ตลอดภาค

เรียน

20

แผนการจดั การเรยี นรู้ 21

สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย 32101
ปกี ารศึกษา 2565
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 5 ช่วั โมง

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี13 วฒั นธรรมกบั ภาษามนุษย์

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั
มาตรฐานการเรยี นรู้

ท ๔.๑ มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษา การเปลี่ยนแปลงของภา ษาและ
พลังของภาษาภูมปิ ัญญาของภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ

ท 4.1 ม.4-6/1อธบิ ายธรรมชาตขิ องภาษา พลังของภาษา และลกั ษณะของภาษา
ท 4.1 ม.4-6/2 ใช้คำและกลมุ่ คำสร้างประโยคตรงตามวัตถปุ ระสงค์
ท 4.1 ม.4-6/3 ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ และบุคคลรวมทั้งคำราชาศัพท์ อย่าง
เหมาะสม
ท 4.1 ม.4-6/4 แต่งบทร้อยกรอง
ท 4.1 ม.4-6/5 วเิ คราะห์อทิ ธิพลของภาษาตา่ งประเทศและภาษาถ่นิ
ท 4.1 ม.4-6/6 อธิบายและวเิ คราะหห์ ลักการสร้างคในภาษาไทย
ท 4.1 ม.4-6/7 วิเคราะห์และประเมินการใชภ้ าษาจากสือ่ ส่ิงพมิ พ์และส่ืออเิ ล็กทรอนิกส์

ตวั ช้วี ดั

ม. ๔-๖/๑อธบิ ายธรรมชาตขิ องภาษา พลงั ของภาษา และลักษณะของภาษา
ม. ๔-๖/๓ใช้ภาษาเหมาะสมแกโ่ อกาส กาลเทศะ และบุคคลรวมท้ังคำราชาศัพท์

อย่างเหมาะสม
ม. ๔-๖/๕ วิเคราะหอ์ ิทธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถ่นิ

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมายของวฒั นธรรม (K)
2. อธิบายลักษณะภาษามาตรฐานของภาษาไทย (K)
3. บอกวรรณคดีทส่ี ะทอ้ นให้เหน็ วฒั นธรรมของคนไทย (K)
4. อธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างภาษากับวฒั นธรรม (K)
5. อธิบายลักษณะของภาษาถิ่นแตล่ ะภาค (K)
6. วเิ คราะหส์ าเหตุท่ที ำใหว้ ัฒนธรรมของมนษุ ยม์ ีความแตกต่างและหลากหลาย (P)
7. จำแนกภาษามาตรฐานกับภาษาถนิ่ (P)
8. ยกตัวอยา่ งคำคลอ้ งจองในภาษาไทย (P)

22

9. ใชภ้ าษาไทยใหม้ ีคำคลอ้ งจอง (P)
10.ใชภ้ าษาสบื ทอดวฒั นธรรม (P)
11.วิเคราะหว์ ัฒนธรรมทสี่ ะทอ้ นออกมาจากวรรณคดี (P)
12.วเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธข์ องภาษาถน่ิ กบั วฒั นธรรมท้องถน่ิ (P)
13.เห็นคณุ คา่ ของคำสมั ผสั คลอ้ งจองในภาษาไทย (A)
14.ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของวัฒนธรรมทางภาษา (A)
15.ตระหนักถึงคณุ คา่ ของการใชภ้ าษาไทยให้ถกู ต้อง (A)
16.ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของภาษาที่ใชใ้ นการสืบทอดวฒั นธรรม (A)
17.ตระหนักถงึ คุณค่าของวรรณคดีไทยทส่ี ะทอ้ นวัฒนธรรมในแง่มุมต่าง ๆ (A)
18.เหน็ ความสำคญั ของภาษาถน่ิ ทมี่ สี ว่ นช่วยในการสบื ทอดวฒั นธรรมท้องถิน่ (A)

สาระสำคัญ
วัฒนธรรมในสังคมมนษุ ยม์ ีความแตกตา่ งและหลากหลาย เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชาติ วัฒนธรรมทาง
ภาษาสะทอ้ นให้เหน็ วัฒนธรรมของชาติ ภาษาไทยเป็นภาพสะทอ้ นให้เห็นวฒั นธรรมของชาตไิ ทย การส่ือสารของ
กล่มุ ชนแต่ละประเทศจำเป็นต้องมีภาษาประจำชาติ เพอื่ ประสิทธิภาพในการประกอบกิจการต่าง ๆ จึงต้องมี
ภาษามาตรฐานหรอื ภาษาราชการ สว่ นการสื่อสารในชีวิตประจำวนั ของคนไทยท่ัวไป ตงั้ แตอ่ ดีตจนถึงปัจจุบัน
นิยมใช้ถอ้ ยคำที่เปน็ คำคล้องจอง ภาษาเปน็ เครอ่ื งมอื สำคัญในการสืบทอดวัฒนธรรม โดยใชว้ ธิ ีบอกเล่าหรือจด
บนั ทกึ การสืบทอดวฒั นธรรมเกดิ ขนึ้ ตลอดเวลาในชีวิตประจำวนั ไม่วา่ จะเปน็ การสนทนาระหว่างบคุ คล การเขียน
และการอา่ นข้อมูลต่าง ๆ เมื่อทกุ คนคอื สว่ นหนง่ึ ของการสืบทอดวัฒนธรรม จงึ ควรสบื ทอดแตส่ ่งิ ท่ถี กู ตอ้ งดงี าม ใช้
ภาษาอย่างเหมาะสม เพอ่ื ถ่ายทอดและปลกู ฝงั วัฒนธรรมท่ดี ีไปสู่ชนรุ่นหลงั วรรณคดีเปน็ ศลิ ปะวัฒนธร รมที่มี
คณุ คา่ เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นวฒั นธรรมและวถิ ีชวี ติ ความเปน็ อย่ขู องผู้คนในสมยั ตา่ ง ๆ

สาระการเรยี นรู้

1. วฒั นธรรมในสงั คมมนษุ ย์
2. ท่มี าของวัฒนธรรม
3. เอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรม
4. ภาษามาตรฐาน
5. ภาษาไทยใชส้ มั ผัสคลอ้ งจอง
6. ภาษากับการสบื ทอดวฒั นธรรม
7. ภาษาถนิ่ กับวัฒนธรรมทอ้ งถ่ิน
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะทเี่ กิดในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้)ี
 ความสามารถในการสือ่ สาร
 ความสามารถในการคิด
 ความสามารถในการแก้ปญั หา
 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

23

2. ทกั ษะของผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จุดเนน้ ส่กู ารพัฒนาคุณภาพผู้เรียน)
 ทกั ษะการอ่าน (Reading)
 ทักษะการ เขยี น (Writing)
 ทกั ษะการ คิดคำนวณ (Arithmetic)
 ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ญั หา (Critical thinking and
problem solving)
 ทักษะดา้ นการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation)
 ทกั ษะด้านความร่วมมอื การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration , teamwork
and leadership)
 ทักษะด้านความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)
 ทกั ษะด้าน การสื่อสาร สารสนเทศ และรูเ้ ท่าทันสือ่ (Communication information and
media literacy)
 ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing)
 ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change)
 ทกั ษะการเปล่ยี นแปลง (Change)
ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
 ภาวะผู้นำ (Leadership)

7. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน ( หลกั ฐาน / รอ่ งรอยแสดงความรู้ )

ใบงาน เรือ่ ง การอนรุ กั ษ์วัฒนธรรมไทย
ใบงาน เร่อื ง ธรรมชาตขิ องภาษาไทย
ใบงาน เรื่อง ความสัมพนั ธ์ของภาษาถ่นิ กบั วัฒนธรรมทอ้ งถ่ิน

8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 5

ขัน้ นำ
ให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ ำถามท้าทาย ดงั น้ี

การสบื ทอดวฒั นธรรมมีวิธีการใดบ้าง
๑. ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคำภาษาถ่ินตา่ ง ๆ ทรี่ ู้จกั ครูบนั ทึกคำเหลา่ น้นั บนกระดาน จากน้นั ชว่ ยกนั

จำแนกว่ามคี ำภาษาถิน่ ใดบ้าง (ภาษาถน่ิ เหนือ ภาษาถิ่นอสี าน ภาษาถ่ินใต้)
๒. ใหน้ กั เรยี นออกเสียงภาษาถิ่นต่าง ๆ แลว้ วิเคราะห์ลกั ษณะเด่นของภาษาถนิ่ แต่ละภาค

(ตัวอย่างคำตอบ ภาษาถ่ินเหนือสำเนียงออ่ นหวาน เนิบช้า ภาษาถน่ิ อีสานมี คำศัพท์
เฉพาะ ลักษณะการพดู ค่อนข้างเร็ว ภาษาถ่ินใต้มักเปน็ คำหว้ น ๆ สั้น ๆ ลักษณะการพูด เร็ว
มาก)

๓. ให้นักเรยี นชว่ ยกนั ยกตัวอย่างวฒั นธรรมทอ้ งถ่ินของภาคตา่ ง ๆ ท่ีรู้จัก เชน่ เพลงพืน้ บ้าน

24

วรรณกรรมพ้นื บ้าน การแสดงพ้นื บ้าน ประเพณี

ข้ันกระบวนการเรียนรู้

๔. ให้นักเรยี นศกึ ษาความรู้เรอ่ื ง ภาษาถ่นิ กบั วัฒนธรรมท้องถิ่น แลว้ ร่วมกนั สรปุ ความเขา้ ใจ

๕. ใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่ม ๔ กลุ่มตามความสนใจ (แตล่ ะกลุม่ อาจมีจำนวนสมาชกิ ไม่เท่ากนั )ศึกษา

คน้ คว้าวฒั นธรรมทอ้ งถ่ินของแต่ละภาค ดังน้ี

กลมุ่ ที่ ๑ ภาษาถ่นิ และวัฒนธรรมท้องถ่นิ ภาคเหนอื

กลุ่มท่ี ๒ ภาษาถนิ่ และวัฒนธรรมท้องถนิ่ ภาคอีสาน

กลมุ่ ที่ ๓ ภาษาถิ่นและวฒั นธรรมท้องถิ่นภาคกลาง

กลุ่มที่ ๔ ภาษาถ่ินและวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ภาคใต้

a. แลว้ วิเคราะหก์ ารใชภ้ าษาถิ่นในการสืบทอดวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ แต่ละกลุม่ นำความรทู้ ไี่ ด้มา

เผยแพร่เพอ่ื แลกเปลี่ยนความร้กู ัน

๖. ให้นักเรยี นทำใบงานท่ี ๓ เรื่อง ความสมั พันธข์ องภาษาถ่ินกบั วฒั นธรรมท้องถ่นิ

แล้วรว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง

๗. ให้นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้ ดงั น้ี
• ภาษาถิ่น เปน็ ภาษาทีใ่ ชส้ ่ือสารของกลมุ่ ชนในแตล่ ะภาคของประเทศไทย มสี ำเนยี ง สำนวน และ

การออกเสียงถ้อยคำต่างไปจากภาษามาตรฐาน จึงใชส้ ่อื สารกนั ระหว่างกลุ่มชนอย่างไม่เป็นทางการภาษาถิน่ มี
ความสำคญั เพราะเปน็ เครือ่ งมือท่ใี ชส้ ืบทอดวัฒนธรรมท้องถ่ิน

9. สื่อการสอน

๑. หนังสอื และเอกสารค้นควา้ สารานกุ รม ฯลฯ
๒. ใบงาน

10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่
1. ห้องสมุด

25

11. การวดั และประเมนิ ผล วิธีวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การประเมิน
คำถาม
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ตอบคำถามในการทำ นักเรยี นตอบคำถามได้
หรอื สิง่ ทีต่ ้องการจะวัดและ กจิ กรรมในชัน้ เรยี น ถกู ต้องจำนวน 3-6 ขอ้

ประเมนิ ผล
๑. อธิบายลักษณะของภาษาถิ่นแตล่ ะ
ภาค (K)

๒. วิเคราะห์ความสมั พนั ธ์ของภาษาถิน่ ตอบคำถามในการทำ คำถาม นกั เรียนตอบคำถามได้
ถูกตอ้ งจำนวน 3-6 ขอ้
กับวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ (P) กิจกรรมในชนั้ เรียน

๓. เหน็ ความสำคัญของภาษาถ่นิ ท่มี ี การสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพพอใชข้ น้ึ
ส่วนชว่ ยในการสืบทอดวฒั นธรรม รายบุคคล พฤติกรรม ไป
ท้องถิน่ (A) รายบุคคล

26

การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics)

การประเมนิ ใบงานน้ีให้ผสู้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics)
เรื่อง ความสมั พนั ธข์ องภาษาถนิ่ กบั วัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ

ระดับคะแนน

๔ ๓ ๒๑

เกณฑ์การประเมนิ วเิ คราะห์
ความสัมพันธ์
การวเิ คราะห์ วเิ คราะห์ ของภาษาถนิ่ วิเคราะห์ วิเคราะห์
กับวัฒนธรรม ความสัมพันธ์ ความสมั พนั ธ์
ความสมั พันธ์ ความสัมพันธ์ ท้องถิน่ ไดล้ ะเอียด ของภาษาถ่ิน ของภาษาถิน่
ครอบคลุมชัดเจน กบั วฒั นธรรม กบั วัฒนธรรม
ของภาษาถ่นิ ของภาษาถิ่น ตรงประเด็น ท้องถ่ิน ทอ้ งถิ่น

กับวัฒนธรรม กบั วัฒนธรรม ในทางใดทางหนึ่ง อยา่ งกว้าง ๆ
ไดด้ ี อธิบายชดั เจน ไม่ชัดเจน
ท้องถ่นิ ทอ้ งถนิ่ ได้ละเอียด อธบิ ายสั้น ๆ

ครอบคลุมชดั เจน

ตรงประเด็น

มกี ารยกตวั อยา่ ง

ประกอบทำให้

เข้าใจมากยงิ่ ขน้ึ

27

แบบบนั ทกึ การสงั เกตและประเมินผลพฤติกรรมรายบุคคล
ครง้ั ที่ ………… เร่อื ง ................................................................
รหัสวชิ า .......................... ภาคเรียนท…ี่ ....ปีการศกึ ษา………… ช้ัน................ โรงเรยี น ..................................

พฤติกรรม / ระดบั คะแนน

ลำดบั ชื่อ – สกุล ความ การมีสว่ น การตอบ การ ทำงาน

ที่ สนใจใน ร่วมใน คำถาม ยอมรับฟัง ตามท่ี รวม

การทำ การแสดง ความ ได้รับ

กิจกรรม ความ คดิ เหน็ มอบหมาย

คิดเหน็ ผู้อนื่

321321321321321

เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การประเมิน คะแนนเต็ม 15
คะแนน ระดับ 3 หมายถงึ มีพฤตกิ รรมในระดับ ดี คะแนน 13 - 15 หมายถงึ
ดี
คะแนน 9 - 12 หมายถึง
ระดบั 2 หมายถงึ มีพฤตกิ รรมในระดบั ปานกลาง
ปานกลาง คะแนน 5 - 8 หมายถึง

ระดับ 1 หมายถึง มีพฤตกิ รรมในระดบั ปรบั ปรุง ลงชือ่
ปรบั ปรงุ เกณฑ์การผ่าน รอ้ ยละ 60 ( 9 คะแนน ) ................................................
()

ครูผู้สอน / ผู้ประเมิน

28

12. กิจกรรมเสนอแนะ
ใหน้ กั เรียนทัศนศึกษาวัฒนธรรมในทอ้ งถ่ิน เพ่ือศกึ ษาภูมิปัญญาต่าง ๆ ท้งั ดา้ นชีวิตความเปน็ อยู่

อาหารการกิน ศาสนา ภาษา หรืออ่นื ๆ ตามความเหมาะสม
13. บันทึกผลหลงั การสอน

สรปุ ผลการเรียนการสอน
นกั เรยี นทัง้ หมดจำนวน.....................คน

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ จำนวนนกั เรียนทผ่ี า่ น จำนวนนกั เรยี นที่ไม่ผา่ น

ขอ้ ท่ี จำนวนคน รอ้ ยละ จำนวนคน ร้อยละ

1
2
3

15. ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข

............................................................................................................................. ..................................
............................................................................................................................. ..................................
...............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................
16. ขอ้ เสนอแนะ

............................................................................................................................. ..................................
................................................................................................................................................................

ลงชื่อ........................................................................

(……….............………………………………..)
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ .......................................

ลงชื่อ................................................................ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้
(………….................……………………………..)

29

ลงช่อื .......................................................... รองผ้อู ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
(…………...........……………………………..)

ความเหน็ ของหวั หน้าสถานศึกษา

ได้ทำการตรวจแผนการเรียนร้ขู อง....................................................แลว้ มีความคิดเห็นดังน้ี

1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ที่

 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ

2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้

 เนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั มาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม

 ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป

3. ข้อเสนอแนะอื่นๆ

............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................................................................

............................................................................................................................. ...........................

............................................................................................................................. ...........................

ลงช่อื ...............................................................................................
( ………………………………………………… )

ผู้อำนวยการโรงเรียน………………………………………………………….

วนั ท่ี เดอื น พ.ศ.

ชอ่ื ชน้ั 30 เลขท่ี

ใบงาน

ใบงานท่ี ๓ เรอื่ ง ความสัมพนั ธข์ องภาษาถนิ่ กับวฒั นธรรมทอ้ งถิน่

ภาษาถิน่ ชว่ ยรักษาและสืบทอดวัฒนธรรมทอ้ งถ่ินอย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

31

(ตวั อย่างคำตอบ)
วัฒนธรรมแทรกซึมอยใู่ นวถิ ชี วี ติ ของคนทัง้ การกิน การอยู่ และการสื่อสาร ดงั น้ัน ในการดำเนนิ ชีวติ ประจำวัน

คือการสืบทอดวฒั นธรรมทัง้ สิ้น คนในทอ้ งถ่นิ เดยี วกันย่อมได้รับการปลกู ฝังวัฒนธรรมเหมอื นกัน การปลกู ฝังวฒั นธรรม
เกิดจากการดูและปฏิบตั ติ าม การฟังคำบอกเล่าซง่ึ แต่ละท้องถ่นิ ก็จะเลา่ ด้วยภาษาถน่ิ ของตนเอง การอา่ นวรรณกรรม
พืน้ บา้ น การร้องเพลงพื้นบา้ นกล็ ้วนเป็นภาษาถนิ่ และไมว่ ่าวัฒนธรรมของถิ่นใดย่อมถา่ ยทอดด้วยภาษาของทอ้ งถ่ินนั้น
ซึ่งมีเอกลักษณ์ท่แี ตกต่างกัน ภาษาถ่ินจึงเปน็ เครือ่ งมอื สำคญั ท่ชี ว่ ยรักษาและสืบทอดวัฒนธรรมท้องถ่นิ

ตัวอย่าง เพลงกล่อมเด็กภาคอสี าน
นอนสาหลา่

นอนสาหลา่ หลบั ตาแม่สิก่อม
อพี ่อหมอ่ มเขาไปขายไหม
ลงไปไทยขายไหมขายหลอด
ขายไปฮอดเมืองนอกคอกนา
หลบคนื มาซื้อปลามาตอ้ น
แดดบ่ฮอ้ นลมกะบแ่ ฮง
บา่ ยแลง ๆ แม่สิแกงเปด็ ไก่
ให้ลูกใหญเ่ ป็นผเู้ ปน็ คน
อยา่ สิวนกวนพ่อกวนแม่
ขอใหแ้ ต่ลกู หลบั ลูกนอน
ดึกออนซอนหมู่เขานอนมิดมี่
นอนสาหล่าหลับตาเจ้าอยา่ แอ่ว

(จาก วิเคราะหเ์ พลงเด็กอีสาน ของ จารวุ รรณ ธรรมวัตร)

32

หล่า = เดก็ นอ้ ย
กอ่ ม = กล่อม
ฮอด = ถงึ
หลบ = กลบั
ตอ้ น = ปอ้ น
บ่ = ไม่
ฮอ้ น = รอ้ น
แฮง = แรง
บ่ายแลง ๆ = เยน็
มิดม่ี = เงียบ
แอ่ว = งอแง

33


Click to View FlipBook Version