The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

- เครื่องมือและอุปกรณ์ในการเขียนแบบ
- สัญลักษณ์ในการเขียนแบบ
- การเขียนแบบแปลน
- เทคนิคการออกแบบสวนถาด
- การเตรียมพันธุ์ไม้ วัสดุอุปกรณ์ก่อนการจัดสวนถาด
- ขั้นตอนการจัดสวนถาด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kru Phai, 2020-05-28 11:55:22

การออกแบบและ การจัดสวนถาด

- เครื่องมือและอุปกรณ์ในการเขียนแบบ
- สัญลักษณ์ในการเขียนแบบ
- การเขียนแบบแปลน
- เทคนิคการออกแบบสวนถาด
- การเตรียมพันธุ์ไม้ วัสดุอุปกรณ์ก่อนการจัดสวนถาด
- ขั้นตอนการจัดสวนถาด

Keywords: สวนถาด

การออกแบบและ
การจดั สวนถาด

ครูไผ่ ศรณั ย์ กัณทาทรพั ย์

เครอื งมอื และอุปกรณ์
ในการเขยี นแบบ

ในการออกแบบสวนถาดนนั มคี วามจาํ เปนทีจะต้องมเี ครอื งมอื ทีไวใ้ ชใ้ นการ
เขยี นแบบ เปนการวางแผนรปู แบบก่อน ดงั นนั อุปกรณท์ ีมไี วใ้ ชใ้ นการเขยี น
แบบทีควรรจู้ กั และมไี วใ้ ชอ้ ยา่ งง่ายๆ ดงั นี

1. ดินสอ ใชส้ าํ หรบั เขยี นภาพ สามารถลบไดง้ ่ายกวา่ ปากกา ดนิ สอมหี ลาย
ชนดิ ดนิ สอทัวไปจะมเี ครอื งหมายขา้ งดนิ สอเพอื บอกคณุ ลักษณะทีดี ไดแ้ ก่
    - H ดนิ สอทัวไป มไี สแ้ ขง็ ปานกลาง 
  - 2H ดนิ สอใชฝ้ กหดั เขยี นแบบทีสมบูรณ์
  - HB ดนิ สอสาํ หรบั เขยี นหนงั สอื , ลบง่าย และเปอนง่าย
  *ควรใชด้ นิ สอชนดิ ทีเปลียนไสไ้ ด้ เพราะไมต่ ้องคอยเหลาบอ่ ยๆ นยิ มใช้
ขนาดไสด้ นิ สอ ขนาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง 2 mm, 2.50 mm

ดนิ สอทัวไป ดนิ สอชนดิ เปลียนไสไ้ ด้

Kru Phai Saran Kanthasap

2. ดินสอสี
มขี ายตามท้องตลาดทัวไปมหี ลายราคา
ใชส้ าํ หรบั ระบายภาพทีเขยี นเพอื ใหเ้ กิดความ
สวยงาม อาจใชส้ เี ทียนก็ไดแ้ ต่จะทําใหภ้ าพ
เมอื ดแู ล้วไมน่ มุ่ นวล เทคนคิ การระบายสี
ควรระบายใหก้ ลางภาพเขม้ แล้วค่อยระบายสี
ใหจ้ างออกดา้ นขา้ ง และตัดเสน้ ดว้ ยปากกา
เขยี นแบบ

3. ไมบ้ รรทัด ใชส้ าํ หรบั ขดี เสน้ บอก
ระยะ และมาตราสว่ น

- ไมบ้ รรทัดทัวไป จะบอกมาตราสว่ นเปน
เซนติเมตร และนวิ

4. ไมม้ าตราสว่ นหรอื ไมเ้ สกล (Scale) มลี ักษณะเปนสามเหลียม มี 6
ดา้ น ควรเลือกใหเ้ หมาะสมกับงานทัวไปโดยทัวไปมมี าตราสว่ น ดงั นี

1:1 หมายถึง 1 cm ในกระดาษ เท่ากับ 1 cm ของจรงิ
1:25 หมายถึง 1 cm ในกระดาษ เท่ากับ 25 cm ของจรงิ
1:75 หมายถึง 1 cm ในกระดาษ เท่ากับ 75 cm ของจรงิ
1:100 หมายถึง 1 cm ในกระดาษ เท่ากับ 100 cm ของจรงิ

Kru Phai Saran Kanthasap

5. เทมเพลท (template) รปู รา่ งคล้าย
ไมบ้ รรทัด แต่จะมรี ปู วงกลม ,รปู เหลียม หรอื
รปู เหลียมต่างๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ นาํ มาเขยี น
สญั ลักษณข์ องต้นไม้

6. วงเวยี น ใชส้ าํ หรบั วาดรปู วงกลมทีมี
ขนาดใหญก่ วา่ เทมเพลท

7. ปากกาเขยี นแบบ ใชเ้ ขยี นภาพเมอื ต้องการตัดเสน้ ภาพ ภายหลังจากที
เขยี นดว้ ยดนิ สอแล้ว จะทําใหภ้ าพนนั สวยงามขนึ นยิ มใชป้ ากกาเขยี นแบบสาํ เรจ็
จะมหี ลายขนาดใหส้ งั เกตทีขา้ งปากกาจะบอกขนาดของหวั ปากกาไว้ เชน่

- ขนาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง 1 mm ใชส้ าํ หรบั เขยี นภาพทีละเอียดมากๆ
- ขนาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง 2 mm ,2.50 mm ใชส้ าํ หรบั เขยี นแปลนต้นไม้
- ขนาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง 5 mm ใชส้ าํ หรบั เขยี นตัวหนงั สอื

Kru Phai Saran Kanthasap

8. กระดาษวาดเขยี น เปนอุปกรณท์ ีใชบ้ นั ทึกภาพของสวนถาด เปนสมุด
วาดหรอื กระดาษวาดก็ได้ ทีนยิ มใชท้ ัวไปมี 2 แบบ คือสมุดวาดเขยี นเล่มใหญ่
และกระดาษวาดเขยี น นยิ มใชข้ นาดความหนา 4 ปอนด์

9. ยางลบ (eraser) ใชส้ าํ หรบั ลบรอยดนิ สอ ควรเปนยางลบทีอ่อนนมิ จะ
ทําใหก้ ระดาษไมข่ าด

Kru Phai Saran Kanthasap

สญั ลักษณใ์ นการเขยี นแบบ

เปนการกําหนดรปู แบบต่างๆ ขนึ มาเพอื ใชแ้ ทนพรรณไม้ วสั ดใุ นการจดั

โดยทัวไปนยิ มสญั ญาลักษณท์ ีเปนวงกลม และเขยี นสญั ลักษณภ์ ายในวงกลม

เปนรปู รา่ งต่างๆกันเปนตัวแทนของพชื พรรณหรอื วสั ดนุ นั ๆ การเขยี น

สญั ลักษณอ์ าจเปนเอกลักษณข์ องผเู้ ขยี นเองก็ได้ เพอื ความเขา้ ใจ ควรบอกชอื

พชื พรรณ หรอื ชอื วสั ดกุ ํากับดว้ ย ทีจะกล่าวในทีนเี ปนการเขยี นสญั ญาลักษณ์

ทีเปนรปู แปลน PLAN หรอื ภาพทีมองจากดา้ นบนลงมาเท่านนั (Top View)

Kru Phai Saran Kanthasap

สญั ลักษณต์ อไม้ สญั ลักษณห์ นิ

สญั ลักษณพ์ รรณไม้ (แบบทรงพุม่ )  

สญั ลักษณพ์ รรณไม้ (แบบทรงพุม่ ซอ้ นกัน) 

Kru Phai Saran Kanthasap

การเขยี นสญั ลักษณพ์ รรณไม้
(แบบทรงพุม่ ซอ้ นกัน)

ภาพดา้ นหนา้ ของพรรณไม้

ภาพ plan ของต้นไมท้ ีมที รงพุม่ ทับซอ้ นกัน

Kru Phai Saran Kanthasap

การเขยี นแบบแปลนสวนถาด

แปลน (plan) คือ การวาดภาพของสวนทีกําหนดพรรณไมว้ สั ดตุ ่างๆ
โดยมองจากดา้ นบนลงมา (top view) เอกลักษณข์ องสวนชนื สว่ นใหญจ่ ะ
ประกอบดว้ ย แอ่ง , ธารนาํ

การจดั สวนถาดนนั ผชู้ มจะเขา้ มาชมยา่ งใกล้ชดิ และรอบดา้ น ดงั นนั ไม่
ควรจดั ใหช้ ดิ ถาดควรเวน้ ทีสาํ หรบั ปลกู พรรณไมไ้ ดโ้ ดยรอบ
หลักการเขยี นแปลน ดงั นี

- การเขยี นแปลนสวนชนื แบบภาพเสก็ต ( Sketching) เปนการรา่ งตําแหนง่
ต่างๆ ลงบนกระดาษวาดหรอื กระดาษทัวไป ดว้ ยดนิ สอ ก่อนวาดภาพจรงิ

- สญั ลักษณท์ ีนยิ มใช้ ใชร้ ปู วงกลมแต่ต้องโยงชอื พรรณไมด้ ว้ ย เพอื บอกชอื
- สญั ลักษณข์ องวสั ดทุ ีประกอบรา่ งเปนลายเสน้ ใหเ้ หน็ โครงรา่ งเท่านนั
- ภาพรา่ งนไี มจ่ าํ เปนต้องสวยงาม แต่ใหร้ ตู้ ําแหนง่ และพรรณไมท้ ีใชเ้ ท่านนั
- ไมใ่ ชม้ าตราสว่ น เปนการประมาณดว้ ยสายตา

Kru Phai Saran Kanthasap

เทคนคิ การออกแบบสวนถาด

1. วธิ กี ารแบง่ พนื ที
โดยจะแบง่ พนื ทีของภาชนะ ออกเปน 3 สว่ น คือ 60% 20% 20% เพอื
ทีจะวางวสั ดุ A (สงู ) B (กลาง) และ C (ตํา)
มวี ธิ กี ารดังนี
1.1 วาดรูป plan ของภาชนะ

วงกลม วงรี ทรงเหลียม

1.2 ลากเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางทังแนวนอน แนวตัง
จะไดพ้ นื ที 50% ดา้ นบน และ 50% ดา้ นล่าง ดงั รปู

ดา้ นบน 50%

ดา้ นล่าง 50%

Kru Phai Saran Kanthasap

1.3 ทําให้พนื ทีด้านล่างเปน 60% และด้านบนเปน 20% ดงั นี
- แบง่ เสน้ ตังฉากดา้ นบนออกเปน 5 สว่ น เท่าๆกัน ซงึ แต่ละสว่ นมี

ค่าเท่ากับ 10%

- ลากเสน้ ขนาน เสน้ ประที 1 ซงึ มคี ่าเท่ากับ 10% บวกกับพนื ทีดา้ น
ล่าง อีก 50% ก็จะไดพ้ นื ทีดา้ นลางเปน 60% ดา้ นบนเหลือ 40% แบง่ ตามเสน้
ตังฉาก ก็จะไดด้ า้ นละ 20%

20% 20% พนื ทีดา้ นหลังของสวน

60%
พนื ทีดา้ นหนา้ ของสวน

Kru Phai Saran Kanthasap

2. วธิ กี ารวาดภาพวางวสั ดุ
2.1 เตรยี มวสั ดทุ รงสงู 3 ขนาด ดงั นี

- วสั ดุ A คือ วสั ดทุ ีมคี วามสงู สงู ทีสดุ จะต้องวางทีจุด A ในพนื ที 20%
- วสั ดุ B คือ วสั ดสุ งู ปานกลาง จะต้องวางทีจุด B ในพนื ที 20% ของอีกขา้ ง
- วสั ดุ C คือ วสั ดทุ ีมคี วามสงู ตําทีสดุ จะต้องวางทีจุด C ในพนื ที 60% ดา้ น
ตรงขา้ มกับวสั ดุ B เท่านนั เพอื สรา้ งความสมดลุ ใหก้ ับสวน

20% 20%

60%

วสั ด ุ A วสั ดุ B วสั ดุ B วสั ด ุ A

วสั ด ุ C วสั ด ุ C

Kru Phai Saran Kanthasap

2. วธิ กี ารวาดภาพวางวสั ดุ
2.2 วธิ กี ารหาจุดทีจะวางวสั ดุ ในพนื ที 20% 20% และ 60%

20% 20% 2
1

21 12
1
60%
2

แบง่ เปน 3 สว่ นเท่าๆกันในแต่ละเสน้

2 2

A 1B B 1A

21 12 21 12
1
1C C
2
2

ลากเสน้ ผา่ นจุดตัดที 1
เพอื หาตําแหนง่ การวางวสั ดุ A B และ C

Kru Phai Saran Kanthasap

3. การวางพรรณไม้ และการกําหนดแอ่งนาํ
3.1 การเตรยี มพรรณไม้

- พรรณไม้ A หมายถึง พรรณไมท้ ีมคี วามสงู ทีสดุ
(ไมค่ วรสงู เกินความยาวของเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางของถาด)

- พรรณไม้ B หมายถึง พรรณไมท้ ีมคี วามสงู รองลงมา
- พรรณไม้ C หมายถึง พรรณไมท้ ีตํากวา่ พรรณไม้ B
- พรรณไม้ D หมายถึง พรรณไมค้ ลมุ ดนิ
3.2  การวางพรรณไมแ้ ละการกําหนดแอ่งนาํ
         -  การวางพรรณไม้ A ใหว้ างไวห้ ลังหรอื เยอื งไปดา้ นขา้ งวสั ดุ A

- การวางพรรณไม้ B ใหว้ างไวห้ ลังหรอื เยอื งไปดา้ นขา้ งวสั ดุ B
         -  การวางพรรณไม้ C ใหว้ างไวห้ ลังหรอื เยอื งไปดา้ นขา้ งวสั ดุ C

- การวางพรรณไม้ D ใหว้ างขอบแอ่งนาํ เพอื เปนจุดนาํ สายตา หรอื อาจ
วางบรเิ วณรอบโคนของวสั ดปุ ลกู เพอื ชว่ ยลดความหา่ งของวสั ดุ หรอื สรา้ ง
ความสวยงามในพนื ทีต่างๆ เชน่ ดา้ นหลังของสวน

- การวางแอ่งนาํ เพอื สรา้ งความลึกใหก้ ับสวน อาจเปนแอ่งนาํ จรงิ หรอื
ใชท้ รายเปนสญั ลักษณแ์ ทนก็ได้ (ควรจะทําใหเ้ ปนพนื ทีตํากวา่ พนื ทีโดยรอบ)
บรเิ วณทีจะกําหนดแอ่งนาํ คือ พนื ทีวา่ งดา้ นหนา้ วสั ดุ A
3.3  การสรา้ งจุดเด่น เชน่ ต้นไมท้ ีมสี สี นั สวยงาม หรอื มรี ปู ทรงสวยงาม และ
การใสว่ สั ดจุ าํ ลองต่างๆ
  - ควรใสบ่ รเิ วณหนา้ วสั ดุ A เพอื ใหค้ วามรสู้ กึ วา่ วสั ดนุ นั อยูท่ ่ามกลางปา
เขาหรอื ทําใหส้ วนนนั มคี วามสวา่ ง สะดดุ ตาขนึ มา
  - อาจจะจดั วางในจุดอืนๆ ก็ได้ แต่ต้องคํานงึ ถึงสดั สว่ นทีเหมาะสม และ
ความสมดลุ ดว้ ย เชน่ บรเิ วณขอบสระ กลางสระ

Kru Phai Saran Kanthasap

ตัวอยา่ งการออกแบบการจดั สวนถาด

พนั ธุไ์ ม้ A พนั ธุไ์ ม้ B
วสั ดุ A วสั ดุ B

พนั ธุไ์ ม้ C
วสั ดุ C

สญั ลักษณต์ อไม้ สญั ลักษณต์ อพรรณไม้
สญั ลักษณแ์ อ่งนาํ สญั ลักษณจ์ ุดเดน่ ของสวน

Kru Phai Saran Kanthasap

ตัวอยา่ งภาพ plan การจดั สวนถาด

Kru Phai Saran Kanthasap

การเตรยี มพนั ธุไ์ ม้ วสั ดอุ ุปกรณ์
ก่อนการจดั สวนถาด

1. ศึกษาแปลน
เปนการนาํ แปลนทีออกแบบไวแ้ ล้วมาศึกษาเพอื ทีจะทราบองค์ประกอบ

ต่างๆ การวางตําแหนง่ ของวสั ดุ พนั ธุไ์ มท้ ีใชเ้ พอื ทีจะไดเ้ ตรยี มไวต้ ามแบบทีออก
ไว้ ไดแ้ ก่

- ภาชนะในการจดั เชน่ กระถางดนิ เผา รปู รา่ งทรงกลม แบบมรี รู ะบาย
นาํ ทีก้น

- วสั ดุ ทีใชจ้ ดั เชน่ รากไมห้ รอื เศษไม้ จาํ นวน 3 ระดบั ไดแ้ ก่ สงู กลาง
และตํา

- พนั ธุไ์ ม้ ทีจะนาํ มาจดั ชอื พนั ธุ์ อะไร จาํ นวนกีต้น ตามแบบทีกําหนด
และมี 3 ระดบั ไดแ้ ก่ สงู กลาง และตํา
- วสั ดตุ กแต่ง เชน่ สะพาน นกจาํ ลอง

2. เลือกภาชนะ โดยดจู ากแบบแปลนทีออกแบบ วา่ รปู รา่ งของภาชนะที
ใชม้ รี ปู รา่ งทรงกลม ทําจากดนิ เผา

3. ล้างทําความสะอาด
ถ้าเปนกระถางใหมค่ วรนาํ ไปแชน่ าํ ประมาณ 20 นาที  เพอื ใหก้ ระถางดดู
นาํ จน อิมตัวก่อนทีจะปลกู ต้นไม ้ จะทําใหต้ ้นไมต้ ังตัวไดเ้ รว็ ขนึ และไมเ่ หยี วเฉา

Kru Phai Saran Kanthasap

4. ปดรูก้นถาดด้วยกระเบอื ง โดยทัวไปจะไมม่ รี  ู ถ้ามรี กู ้นกระถางต้อง
ปดดว้ ยกระเบอื งเพอื ปองกันดนิ ไหลออกมา

5. นาํ วสั ดรุ ะบายนาํ ไปแชน่ าํ
นาํ อิฐมอญทีทบุ แล้วมขี นาด 1 -2 เซนติเมตร ไปแชน่ าํ เพอื ใหอ้ ิฐดดู นาํ
จนอิมตัวก่อน และเปนการทํา ความสะอาด ประมาณ 5 นาที

6. ใสว่ สั ดรุ ะบายนาํ
นาํ อิฐมอญทีแชน่ าํ จนอิมตัวแล้วใสเ่ ปนชนั แรกปรบั ใหเ้ รยี บหนาประมาณ
1-2 เซนติเมตร เพอื เปนการรกั ษาความชนื และดดู ซบั นาํ

Kru Phai Saran Kanthasap

7. นาํ วสั ดดุ ับกลินไปแชน่ าํ
นาํ ถ่านทีทบุ และรอ่ นแล้วมขี นาด 50 เซนติเมตรไปแชน่ าํ เพอื ใหถ้ ่านดดู
นาํ จนอิมตัว 5 นาที เพอื ไมใ่ หถ้ ่านไปแยง่ ดดู นาํ จากพชื ทีปลกู ใหมแ่ ละเปนการ
ล้างทําความสะอาดถ่านก่อน

8. ใสว่ สั ดดุ ับกลิน
นาํ ถ่านทีแชน่ าํ จนอิมตัวแล้วใสเ่ ปนชนั ที 2 หนาประมาณ 1-2

เซนติเมตร เพอื ปดหนา้ อิฐปองกันไมใ่ หด้ นิ ไหลลงไปดา้ นล่างและดบั กลิน

Kru Phai Saran Kanthasap

9. นาํ วสั ดุ (ตอไม)้ มาล้าง
โดยการนาํ รากไมห้ รอื เศษไมไ้ ปแชน่ าํ ประมาณ 10 นาที แล้วใชแ้ ปลงสฟี น
เก่าปดตามลายเสน้ ของไมเ้ พอื ใหเ้ ศษดนิ ออก เปนการทําความสะอาด ทําใหเ้ หน็
ลายเสน้ ของเศษไมซ้ งึ มคี วามสวยงามในตัวเอง แล้วนาํ ไปตากแดด

10. ใสด่ ินปลกู
เปนดนิ ผสมทีมคี วามอุดมสมบูรณส์ งู มสี ว่ นผสมของ ปุยหมกั ทราย และ
ดนิ ขุยไผ่ ตักใสใ่ หเ้ ต็มพูนสงู ขนึ มาเล็กนอ้ ย ปรบั หนา้ ดนิ เปนเนนิ ลักษณะคล้าย
หลังเต่า

Kru Phai Saran Kanthasap

11. การแบง่ พนื ทีและกําหนดจุดวางวสั ดุ
เพอื กําหนดจุดวางวสั ดทุ ีเปนองค์ประกอบหลัก เชน่ ตอไม้ รากไม้ หรอื
เศษชนิ สว่ นของไมโ้ ดยการแบง่ พนื ที ออกเปน 3 สว่ นคือ 60% , 20% , 20%
กําหนดตําแหนง่ ทีจะวางวสั ดหุ ลัก (สงู กลาง ตํา ) โดยการแบง่ พนื ที
แต่ละสว่ นออกเปน 3 สว่ น แล้วลากสน้ ตัดกัน
ใชไ้ มป้ กไวท้ ีจุดตัดในพนื ที 20%แรก เปนจุด A สาํ หรบั วางวสั ดทุ ีสงู ทีสดุ
(สาํ หรบั วางวสั ดหุ ลัก)
ใชไ้ มป้ กไวจ้ ุดตัดในพนื ที 20% ที 2 เปนจุด B สาํ หรบั วางวสั ดรุ อง
ปกไมไ้ ว้ จุดตัดในพนื ที 60%ที 3 เปนจุด C สาํ หรบั วางวสั ดทุ ีตําสดุ และ
เปนพนื ทีดา้ นหนา้ ของสวน ทีวางจุดนาํ สายตา ปกไมไ้ ว้ การวางวสั ดทุ กุ ชนิ จะ
ต้องวางใหเ้ หน็ สว่ นทีสวยงามออกมาดา้ นหนา้ ของพนื ที 60%
การแบง่ พนื ทีสวนถาด ถ้าชาํ นาญใหใ้ ชไ้ มเ้ ล็กๆ ขดี เปนเสน้ แล้วใชไ้ มป้ ก
ไวเ้ ปนจุด A, B,C ตามลําดบั

Kru Phai Saran Kanthasap

12. การวางวสั ดุ
ดตู ําแหนง่ การกําหนดจุด A, B, C ในขอ้ ที 11 ประกอบ ในการวางวสั ดุ
เลือกวสั ดทุ ีมผี วิ ชนดิ เดยี ว เชน่ ถ้าเลือกใชร้ ากไมก้ ็ควรใชร้ ากไมท้ ังหมด ใหม้ ี
ขนาดความสงู 3 ระดบั คือ
- ระดบั สงู จะวางในตําแหนง่ A
- ระดบั กลางวางในตําแหนง่ B
- ระดบั ตําสดุ วางในตําแหนง่ C
(เปนการสรา้ งจงั หวะการวางวสั ด)ุ

12.1 ขุดดินวางวสั ดสุ งู ก่อน ในพนื ที 20% ทีปกไมไ้ ว้ ในตําแหนง่
จุด A โดยการขุดหลมุ วางวสั ดทุ ีต้องฝงลึกลงไปในดนิ ปลกู เพอื เปนธรรมชาติที
เสมอื โผล่มาจากดนิ และหมุนวสั ดใุ หห้ นั ดา้ นทีสวยงามออกมาดา้ นหนา้ ของสวน

12.2 ขุดวางวสั ดทุ ีมคี วามสงู ปานกลาง ในพนื ที 20% ทีปกไมไ้ วใ้ น
ตําแหนง่ จุด B หมุนวสั ดใุ หห้ นั ดา้ นทีมคี วามงามออกมาดา้ นหนา้ สวน

12.3 ขุดวางวสั ดทุ ีตําสดุ ในพนื ที 60% ทีปกไมไ้ วใ้ นตําแหนง่ จุด C
พจิ ารณาการวางวสั ดใุ นตําแหนง่ จุด C  ใหอ้ ยูบ่ รเิ วณหนา้ วสั ดุ B  เพอื ใหเ้ กิด
ความสมดลุ

ขุดหลมุ วางวสั ดุ ฝงวสั ดตุ อไมล้ ึกลงไปในดนิ ปลกู

Kru Phai Saran Kanthasap

จุด C (ไมท้ ีปกไว)้ เปนจุดทีจะวางวสั ดทุ ีตํา ขุดในตําแหนง่ ทีไมป้ กไวใ้ หเ้ อาดนิ ออก
หนั ดา้ นทีมคี วามงามออกมาดา้ นหนา้ สวน หรอื กองดนิ ไวด้ า้ นขา้ ง

วางวสั ดทุ ีตําทีสดุ ลงไป อาจมกี ารขยบั ไป การวางวสั ดใุ หต้ ิดหรอื หา่ งกันขนึ อยูก่ ับ
ทางซา้ ยหรอื ขวา เพอื ไมใ่ หบ้ งั วสั ดเุ กินไป ขนาดของวสั ดคุ วามสวยงามของวสั ดคุ วร
หมุนเอาดา้ นสวยออกมาดา้ นหนา้ ของสวน
หนั ออก มาดน้ หนา้ ของสวน
ปรบั ถมดนิ กดดนิ ใหพ้ อแนน่

ปรบั พนื ที โดยการนาํ ดนิ มาพูนบรเิ วณ ในระหวา่ งขุด หรอื ปรบั ดนิ ควรพน่ นาํ
โคนวสั ดุ ปรบั ใหม้ เี นนิ สงู ตําตามความสงู เปนระยะเพอื ปองกันฝุนละออง แต่ไม่

ของวสั ดทุ ีวาง กดดนิ ใหพ้ อแนน่ ควรพน่ จนแฉะจะทํางานไมส่ ะดวก

Kru Phai Saran Kanthasap

13. การถอดต้นไมอ้ อกจากกระถาง
ถ้าดนิ ในกระถางแหง้ ควรพรมนาํ ใหช้ ุม่ ก่อน

1. บบี กระถางเบาๆใหด้ นิ ทีติดกระถาง 2. ใชม้ อื ซา้ ยสอดลําต้นไมอ้ ยูร่ ะหวา่ งนวิ ชี
แยกจากผวิ กระถาง กับนวิ กลางแล้วควาํ กระถางลง โดยมี
มอื ขวาคอยประคอง

3. ควาํ กระถางลงโดยใหน้ วิ มอื ยงั สอด 4. ใชน้ วิ หวั แมม่ อื ขวากดทีรกู ้นกระถาง
กับต้นไมอ้ ยูเ่ หมอื นเดมิ

5. มอื ขวาบบี กระถางแล้วดงึ กระถางออก 6. จบั พนั ธุไ์ มห้ งายขนึ โดยนวิ มอื ยงั
หา้ มดงึ ต้นไมอ้ อก จะทําใหต้ ้นไมห้ กั และ ประคองเหมอื นเดมิ
โคน ต้นชาํ
Kru Phai Saran Kanthasap

7. พจิ ารณารปู ทรงของต้น และขนาดของดนิ ทีหมุ้ ราก ถ้ามขี นาดใหญก่ วา่ จุดทีจะปลกู
ใหใ้ ชม้ อื บบี ดนิ ออกบา้ ง แต่ต้องทําดว้ ยความระมดั ระวงั หา้ มใชม้ อื ดงึ หรอื เดด็ ราก จะทําให้
รากชาํ ใบเหยี วเฉา อาจใชก้ รรไกรทีคมตัดแต่งต้มุ ดนิ ใหเ้ ล็กลง เหมาะกับพนื ทีทีจะปลกู ก็ได้

Kru Phai Saran Kanthasap

ขนั ตอนการจดั สวนถาด

1. การปลกู ต้นไม้
โดยการเลือกพนั ธุไ์ มใ้ หไ้ ดต้ ามแปลนแล้วแบง่ พนั ธุไ์ มเ้ ปน 3 กล่มุ (กล่มุ สงู กล่มุ
สงู ปานกลาง และกล่มุ ตําตามลําดบั ) เปนการสรา้ งจงั หวะในการปลกู ต้นไม้
1.1กล่มุ พนั ธุไ์ มส้ งู   

เปนพนั ธุไ์ มท้ ีมคี วามสงู ทีสดุ ในกล่มุ แต่ความสงู ไมค่ วรเกินความยาว
ของเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางของถาดทีนาํ มาจดั สวนใหว้ างหลังวสั ดทุ รงสงู นนั โดยให้
กิงหรอื ใบสอดแทรกออกมา  หรอื อาจปลกู แทรกชอ่ งวา่ งวสั ดทุ รงสงู กับวสั ดสุ งู
ปานกลางเพอื ไมใ่ หเ้ กิดชอ่ งวา่ งและเกิดความกลมกลืนของวสั ด ุ จดั รปู ทรงต้น
ใหก้ ิง ใบ สอดแทรกออกมาในลักษณะทีปกคลมุ วสั ดุ ดเู ปนธรรมชาติ เชน่
เฟรน์ ก้านดาํ   โปรง่ ฟา  จะใชจ้ าํ นวน 1 หรอื 2 ต้นก็ต้องพจิ ารณาจากขนาดและ
ทรงพุม่ ของต้นไม้

ถ้าทรงพุม่ ของต้นไมบ้ าง คือ มกี ิงก้าน ใบ ไมห่ นาแนน่ อาจพจิ ารณา
ใส่ 2 หรอื 3 ต้นโดยปลกู ล้อมวสั ดทุ รงสงู มาเชอื มกับวสั ดทุ รงสงู ปานกลางเพอื
ใหม้ คี วามรสู้ กึ วา่ สวนมอี ุดมความสมบูรณร์ ม่ รนื เหมอื นปาดงดบิ

Kru Phai Saran Kanthasap

1.2 กล่มุ พนั ธุไ์ มส้ งู ปานกลาง
ใหป้ ลกู หลังแนววสั ดทุ รงสงู ปานกลาง หรอื ปลกู เชอื มระหวา่ งวสั ดทุ รง

สงู ปานกลางกับวสั ดทุ รงตําเพอื ไมใ่ หเ้ กิดชอ่ งวา่ งและเกิดความกลมกลืนของ
วสั ดุ จาํ นวนทีใชอ้ าจใช้ 1 หรอื 2 ต้น ควรพจิ ารณาจากขนาดของทรงพุม่ ของไม้
และพนื ทีทีจะปลกู

ขุดหลมุ ปลกู พนั ธุไ์ มท้ ีมคี วามสงู ปานกลาง
บรเิ วณชอ่ งวา่ งของวสั ดทุ รงสงู ปานกลาง

กับวสั ดทุ รงตํา

1.3 การสรา้ งความสมดลุ ของสวน โดยการปลกู พนั ธุไ์ ม้

1. ขุดหลมุ ปลกู ขา้ งวสั ดทุ รงสงู 2. ปลกู พนั ธุไ์ มส้ งู ปานกลาง
โดยใหอ้ ยูแ่ นวเดยี วกับพนั ธุไ์ มท้ ีปลกู จาํ นวน 1 หรอื 2 ต้น

แล้วมคี วามสงู ปานกลาง

3. ถมดนิ โคนต้นไมท้ ีปลกู แล้วเพอื ใหต้ ้นไม้
อยูใ่ นตําแหนง่ และรปู ทรงทีต้องการ

Kru Phai Saran Kanthasap

1.4 กล่มุ พนั ธุไ์ มท้ รงตํา
ปลกู ในพนื ที 60 % ปลกู หนา้ วสั ดทุ รงสงู เพอื ใหเ้ กิดความสมดลุ หรอื

หนา้ วสั ดทุ รงตําเพอื ใหเ้ กิดความสมดลุ ควรเปนพนั ธุไ์ มท้ ีมี ใบสวยงามมคี วาม
สงู ไมเ่ กินครงึ ของความสงู พนั ธุไ์ มก้ ล่มุ กลาง อาจเปนพนั ธุไ์ มช้ นดิ เดยี วกันหรอื
ต่างชนดิ ก็ได้ เชน่ เฟรน์ นาคราชแคระ หรอื เฟรน์ ก้านดาํ ขนาดเล็กก็ได้

** ขอ้ สงั เกต เพอื ใหเ้ กิดความสมดลุ ปลกู ต้นไมเ้ สรมิ บรเิ วณโคนวสั ดุ
ทรงสงู เชน่ เฟรน์ นาคราชแคระ
1.5 การปลกู พนั ธุไ์ มค้ ลมุ ดิน

เปนพนั ธุไ์ มท้ ีมขี นาดเล็ก มใี บสวยงาม ปลกู เพอื เปนจุดนาํ สายตา หรอื
ปลกู คลมุ รอบโคนวสั ดเุ พอื ปดปงโคน เชน่ ต้นลายเงิน ต้นปกนกกระทา ต้น
เกล็ดมรกต เพอื เปนวสั ดนุ าํ สายตาและคลมุ โคนวสั ดทุ รงตําพนื ทียาวใหค้ ลีพนั ธุ์
ไมอ้ อกใหเ้ ต็มพนื ที แล้วใชด้ นิ กลบรากจาํ นวนต้นไมท้ ีใช(้ ลายเงิน)จะมากหรอื
นอ้ ยใหพ้ จิ ารณาจากขนาดและทรงพุม่ รปู ทรงของต้นไมช้ นดิ นนั ๆ  เชน่ ถ้าทรง
พุม่ ใหญอ่ าจเลือกใช้ 1 หรอื 2 กระถาง 
  ถ้าเปนพุม่ หรอื กอใหญอ่ าจแบง่ แยกปลกู ก็ไดแ้ ต่ต้องระมดั ระวงั ไมใ่ หร้ าก
กระทบกระเทือนมาก  ระหวา่ งปลกู ควรพน่ นาํ สมาํ เสมอเพอื ลดการคายนาํ
ไมใ่ หต้ ้นไมไ้ มเ่ หยี วเฉา

ขุดดนิ บรเิ วณขา้ งวสั ดทุ รงตํา อาจอ้อมไปดา้ นขา้ งของวสั ดทุ รงตํา
ปลกู พนั ธุไ์ มค้ ลมุ ดนิ (ต้นลายเงิน)

Kru Phai Saran Kanthasap

1.6 การสรา้ งมติ ิของสวน
เมอื มองสวนแล้วเกิดภาพสามมติ ิใหส้ งั เกตจะมพี นื ทีวา่ งดา้ นหนา้ สวน

อาจกําหนดใหเ้ ปนอ่างหรอื สระนาํ ได้ โดยใชท้ รายสี หรอื กรวด โรยแทนนาํ ให้
ใบไมโ้ นม้ เอียงมาปกคลมุ ขอบสระนาํ ใหม้ บี รรยากาศเปนธรรมชาติ อ่างหรอื สระ
นาํ พนื ควรตํากกวา่ ดนิ เดมิ เมอื มองแล้วเกิดเปนมติ ิ (ความลึก) ของสวน

กําหนดพนื ทีวา่ งของสวน พนื ทีวา่ งของสวนกําหนดใหเ้ ปนแอ่ง
หรอื สระนาํ ขุดดนิ บรเิ วณทีจะทําแอ่งนาํ
ออกใหต้ ํากวา่ พนื ทีเดมิ จดั ใบไมม้ าปก

คลมุ ขอบแอ่งนาํ ใหเ้ ปนธรรมชาติ

โรยหนิ กรวดหรอื ทรายสแี ทนแอ่งนาํ

Kru Phai Saran Kanthasap

2. วางวสั ดตุ กแต่ง
เปนวสั ดทุ ีจาํ ลองมาจากของจรงิ เชน่ สะพาน นกกินปลา บา้ น คนตกปลา
อาจทํามาจากดนิ เผา หรอื เซรามคิ การนาํ มาใชต้ ้องคํานงึ ถึง สดั สว่ นทีเหมาะสม
กับพนื ทีของสวน จะบอกเรอื งราวของสวน เชน่ เหน็ สะพาน จะบอกถึงแมน่ าํ
เหน็ ตนตกปลาจะบอกถึงชนบท

ใชส้ ะพานเปนวสั ดตุ กแต่ง

3. ปูมอสหรอื โรยหินเกล็ด
ปูมอส หรอื โรยหนิ เกล็ด ทรายสี อิฐทบุ ละเอียด หรอื มวี สั ดอุ ืนทีปูแล้วมี
ผวิ พนื ของสวนสวยงามเปนการสรา้ ง ผวิ สมั ผสั ต้องคํานงึ ผลกระทบต่อการ
เจรญิ เติบโตของพชื ทีปลกู เชน่ การใชท้ รายสที ําใหส้ ารพษิ ละลายออกมา
การปูมอสจะปูในพนื ทีวา่ งของสวน เชน่ บรเิ วณดา้ นขา้ งสวน ใชป้ ูเพอื แทน
หญา้ มสี เี ขยี วสดละเอียดมคี วามรสู้ กึ อ่อนนมุ่ สวยงามแสดงถึงความชุม่ ชนื สวน

หลังจากปูมอสเสรจ็ ใหพ้ รมนาํ ใหช้ ุม่ ใชช้ อ้ นหรอื นวิ กดมอสใหส้ มั ผสั กับดนิ ทีสดุ
แล้วพรมนาํ ใหช้ ุม่ อีกครงั

Kru Phai Saran Kanthasap

5. เก็บรายละเอียดและทําความสะอาด
เปนการพจิ ารณาความเรยี บรอ้ ย ความสมบูรณข์ องสวน ทีควรจะแก้ไข
เพมิ เติม ก่อนทีจะสนิ สดุ การทํางาน

ใชป้ ลายชอ้ นกดมอสรมิ ขอบกระถาง ใชพ้ ูก่ ันปดเศษ ดนิ หนิ ทีเกาะติดตามใบ
ใหเ้ ปนรอ่ ง เพอื ปองกันนาํ ไหลล้น หรอื ชอกต้นไม้ ขา้ งกระถางออก
ออกมา และไมใ่ หม้ อสเปดออก

อาจใชผ้ า้ หรอื แปลงปดก็ได้ แต่หา้ ม พน่ นาํ ดว้ ยกระบอกฉีดนาํ
ใชน้ าํ รด เพราะจะทําใหแ้ รงนาํ ไประทบ ปรบั ใหเ้ ปนฝอยสาํ หรบั พน่ ตามใบ
กระเทือนมอส และต้นไมท้ ีปลกู ใหม่
มอส เพอื ใหช้ ุม่ ชนื

Kru Phai Saran Kanthasap

Kru Phai
Saran Kanthasap


Click to View FlipBook Version