การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 49 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
5. ปฏบิ ตั หิ น้าท่ตี ามท่ีผู้บังคบั หมวดมอบหมายให้
12.2.3 รูปขบวนในการรบ และเทคนคิ การเคลอ่ื นที่
รูปขบวนของชุดยงิ มี 2 รปู ขบวน
1. รูปขบวนสามเหลย่ี มแหลมหน้า เปน็ รูปขบวนพ้นื ฐานของชุดยงิ ทำการยงิ ในทุกทศิ ทางได้ทันที
2. รูปขบวนแถวตอนของชุดยิง เป็นรูปขบวนที่อ่อนตัวน้อยกว่ารูปขบวนสามเหลี่ยมแหลมหน้า ทำการยิง
ทางด้านปีกได้ทนั ทแี ต่จะบังคบั ทศิ ทาง ทางด้านหลงั จำกัด
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 50 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
รูปขบวนของหมูป่ นื เล็ก มี 3 รูปขบวน
1. รปู ขบวนหม่แู ถวตอน เปน็ รปู ขบวนพน้ื ฐานของหมู่ปนื เลก็ ต่อการดำเนนิ กลยุทธท์ ำการยงิ ทางดา้ นปีกได้ดี
เปน็ รปู ขบวนท่ใี ชม้ ากสดุ กระจายกำลงั ได้ดที ่ีสดุ
2. รปู ขบวนหมู่แถวหน้ากระดาน ทางด้านหน้าการดำเนินกลยุทธ์ กระทำได้จำกัด เป็นรูปขบวนที่มีอำนาจ
การยงิ ตรงหนา้ สงู สดุ
3. รูปขบวนหมู่แถวตอนเรียงหน่ึง ภูมิประเทศปิด, ป่ารกทึบ, ทศั นวิสัยจำกัด ดำเนินกลยุทธ์ได้ยากท่ีสดุ ทำ
การยิงทางปีได้ทันที แต่การยิงด้านหน้าและด้านหลังถูกบังคับด้วยลักษณะของรูปขบวน เป็นรูปขบวนที่มีการ
ควบคมุ ง่ายทส่ี ุด
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 51 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 52 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
รปู ขบวนของหมวดปืนเลก็ จำนวน 6 รปู ขบวน
1. รูปขบวนหมวดแถวตอน เป็นรูปขบวนพน้ื ฐานของหมวดกระจายกำลังออกทางด้านขางและทางลกึ ได้ดีมี
อำนาจการยงิ ทางดา้ นปีกสงู แต่จำกัดทางด้านหนา้ และด้านหลัง (งา่ ยในการควบคุม)
2. รูปขบวนหมวดแถวหน้ากระดาน เมื่อผู้บังคับหมวดต้องการรวมอำนาจการยิงสูงสุดไปทางด้านหน้า ใช้
เมื่อสถานการณข์ า้ ศึกกระจา่ งชัด
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 53 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
3. รปู ขบวนหมวดหน้ากระดาน (หมู่แถวตอน) รูปขบวนน้ีควบคุมง่ายและเคลอ่ื นทไี่ ด้เร็วกวา่ รูปขบวนหมวด
หนา้ กระดานหมู่หน้ากระดาน ใชเ้ ม่ือเตรยี มการปะทะกับข้าศกึ
4. รูปขบวนหมวดสามเหล่ียมแหลมหลัง รูปขบวนนี้สามารถทำการยิงได้ทันที ให้อำนาจการยิงที่หนาแน่น
ทงั้ ทางดา้ นหนา้ และทางด้านหลงั ใช้เมอ่ื สถานการณ์ข้าศกึ ไม่กระจ่างชัดแต่คาดวา่ น่าจะเกิดการปะทะ
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 54 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
5.รปู ขบวนสามเหลี่ยมแหลมหน้า ผูบ้ ังคับหมวดสามารถปะทะขา้ ศึกดว้ ยกำลังเพยี งสว่ นย่อยและยังคงมกี ำลังที่
จะใช้ดำเนินกลยุทธ์ได้อีก ให้อำนาจการยิงที่หนาแน่นตรงหน้าหรือทางปีก ใช้เมื่อสถานการณ์ข้าศึกไม่กระจ่าง
ชดั แต่คาดวา่ การปะทะไม่น่าจะเกดิ ข้นึ
6. รูปขบวนหมวดแถวตอนเรียงหนึ่ง รูปขบวนน้ีดำเนินกลยุทธ์ยากที่สุด ทำการยิงทางปีกได้หนาแน่น แต่
การยงิ ไปทางดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั จำกดั
ใชเ้ มอ่ื ทศั นวสิ ัยจำกดั
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 55 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
รูปขบวนของกองรอ้ ย มีจำนวน 6 รูปขบวน
1. รูปขบวนแถวตอน การกระจายกำลังดี ระวังป้องกันรอบตัว ด้านหน้าและหลังดี ทางปีกดีที่สุดอ่อนตวั ได้
ดีเคลื่อนที่ไดเ้ ร็ว (งา่ ยต่อการควบคุม)
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 56 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
2. รปู ขบวนหน้ากระดาน รปู ขบวนควบคมุ ยาก มีอำนาจการยิงสูงสุดดา้ นหนา้
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 57 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
3. รูปขบวนสามเหล่ียมแหลมหน้า (ลิ่ม) ระวังป้องกันรอบตัวดียากต่อการควบคุมน้อยกว่ารูปขบวนหน้า
กระดาน เคลื่อนท่เี รว็ กวา่ รปู ขบวนหนา้ กระดาน
4. รูปขบวนสามเหลี่ยมแหลมหลัง (ตัววี) ดีทางด้านหน้าควบคุมยากเคล่ือนที่ช้า มีอำนาจการยิงมากพอที่
ใชไ้ ด้
5. รูปขบวนแถวตอนหมวดแถวตอน การซ่อนพรางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางปีกดีมากแต่ด้านหน้าและ
หลงั นอ้ ยมาก งานต่อการควบคุม (งา่ ยที่สดุ ในการควบคมุ )
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 58 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
6. รูปขบวนข้ันบันไดทางขวาหรือซ้าย ดีทางด้านหน้าของปีกของข้ันบันไดควบคุมยากเคล่ือนท่ีช้า ใช้ใน
สถานการณ์ทก่ี ารปะทะกบั ขา้ ศึกใกล้จะเกดิ ขึ้นทางด้านหนา้ หรอื ทางปกี
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 59 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
เทคนิคการเคลือ่ นท่ี
เทคนิคการเคลื่อนท่ี หมายถึง วิธีการเคลื่อนที่แบบต่างๆ ของหมวดปืนเล็กให้เหมาะสมกับภูมิประเทศที่
จะตอ้ งผ่าน มี 3 รปู แบบ
1. รูปแบบการเดินทาง ใช้เม่ือคาดว่าการปะทะกับข้าศึกยังไม่น่าจะเกิดขึ้น และต้องการความเร็วในการ
เคลอ่ื นท่ี
2. วิธีการเคลื่อนที่แบบเดินทางเฝ้าตรวจ ใช้เม่ือมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทะกับข้าศึก อาวุธท่ีมา
สมทบจะเคลอ่ื นทีใ่ กลๆ้ กับผู้บังคับหมู่ และอยู่ในความควบคุมโดยตรงของผู้บงั คับหมเู่ พ่ือให้สามารถใช้ได้ทันที
3. วิธีการเคลื่อนท่ีแบบเฝ้าตรวจเป็นห้วงๆ ใช้เมื่อคาดว่าใกล้จะปะทะกับข้าศึก(จากความเคลื่อนไหว เสียง
แสงสะท้อน ขยะ กลิ่นตัว หรือแม้แต่จิตสำนึกที่คิดว่าน่าจะเป็นเช่นน้ัน) และใช้เมื่อจำเป็นต้องผ่านพ้ืนที่
อันตราย
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 60 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
12.2.4 การปรบั การยิง ป.และ ค.
เป็นการตรวจการณ์เฉพาะด้วยสายตา ซ่ึงรวมการตรวจการณ์ทางพื้นดินของผู้ตรวจการณ์
หนา้ และการตรวจการณโ์ ดยทหารเหลา่ พลรบดว้ ย
เป้าหมายที่จะทำการยงิ ดว้ ย ป. หรอื ค. ควรมีความเหมาะสมและคุ้มค่า หากผตู้ รวจการณ์
หรือทหารพลรบตรวจพบทหารข้าศึกเพียง 2 - 3 คน ซึ่งสามารถใช้อาวุธปืนเล็กหรือปืนกลทำการยิงได้ ก็ไม่
จำเป็นต้องขอให้ ป. หรือ ค. ทำการยิงต่อเป้าหมายน้ัน อาจเป็นการส้ินเปลืองทั้งเวลา และจำนวนกระสุน พึง
จำไว้วา่ กระสนุ ปืนใหญ่หรือลูกระเบิดยิงมีน้ำหนักมาก ก่อให้เกดิ ปัญหาในการลำเลยี งทดแทนอยู่บา้ ง เป้าหมาย
ทเ่ี หมาะจะทำการยงิ ด้วย ป. หรอื ค. ได้แก่
1) หน่วยทหารในทโี่ ลง่ หรือหลุมเปิด, ทหารขดุ ดินในสนามรบ
2) ปนื กล
3) อาวธุ หนกั เชน่ ปืนใหญ่หรอื เครือ่ งยิงลูกระเบดิ
4) ทรี่ วมพล
5) รถบรรทกุ ทจี่ อด หรือเคลื่อนท่ี
6) ทหารราบทป่ี ฏบิ ัติรว่ มกบั รถถัง
7) คลงั กระสุน
8) ทีต่ รวจการณ์
9) ที่ต้งั อาวุธม่นั คงแข็งแรง
10) พ้ืนท่ีซง่ึ ตอ้ งการสร้างฉากควัน
11) เป้าหมายทอี่ ยูห่ ลงั ทกี่ ำบงั เชน่ ตกึ หรือเนิน
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 61 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
การร้องขอ และการปรับการยงิ ป.และ ค.มีทั้งหมด 6 ข้นั ตอน ดงั นี้
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 62 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 63 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
12.2.5 การรบด้วยวิธรี บั (Defensive Operations)
การรบด้วยวิธีรบั คือ การใช้เครื่องมือ และวิธีการทั้งมวลที่มอื ยู่เพ่ือป้องกันต้านทานทำลายการ เขา้ ตีของขา้ ศึก
ดว้ ยการยึด และรกั ษาภูมปิ ระเทศไวอ้ ยา่ งเหนยี วแน่น
ความมุ่งหมาย เพื่อรอโอกาสที่จะทำการเป็นฝ่ายรุก ออมกำลังจากพื้นที่หนึ่ง เพ่ือใช้ทำการรบแตกหักในพ้ืนที่
อื่น ทำลายหรอื ล่อให้ข้าศึกเข้ามาในพื้นที่ท่ีต้องการ ลดขีดความสามารถในการรุกของขา้ ศึก และขัดขวางขา้ ศึก
ทจี่ ะเข้าไปสู่พนื้ ท่ีสำคญั
หลักการสำคัญ
1. ระดบั การตา้ นทาน มี 3 ระดับ คือ การตง้ั รับ การรบหนว่ งเวลา และฉากกำบัง
2. พน้ื ทต่ี ั้งรับ
1) พ้นื ท่ีระวังปอ้ งกันคือพน้ื ทต่ี งั้ แต่ ขนพร.ไปจนถึง ระยะ 3/4 ของอาวธุ ยิงสนบั สนุนของหน่วย
2) พืน้ ท่กี ารรบคือพื้นทต่ี ้งั แต่ ขนพร. ถงึ เขตหลัง/ปีก
• พน้ื ทีต่ ้งั รบั จาก ขนพร. ลงไปข้างหลงั ในความลึกของหน่วยแนวหน้า
• พน้ื ท่สี ว่ นหลงั จากเสน้ หลงั ของหนว่ ยแนวหน้าพื้นท่เี ขตหลังของหน่วย
• การจดั และการดำเนนิ กลยุทธ์
• ส่วนระวังป้องกัน : ประกอบด้วย กำลังท่ีใช้ปฏิบัติการในพื้นที่ระวังป้องกัน หน่วยรอง จัดข้ึนตาม
คำสั่งหรือริเริ่มจัดข้ึนโดย ผบ.หน่วยแต่ละระดับ จะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัด หน้าท่ีของส่วนระวังป้องกัน หา
ข่าวสารเกี่ยวกับข้าศึก, เป็นฉากกำบัง, ลวงข้าศึก, รั้งหน่วงข้าศึก, ลดขีดความสามารถในการรุกของข้าศึก,
กำหนด และค้นหาเป้าหมาย
• ส่วนต้งั รับหลกั : ประกอบด้วย กำลงั ในบังคบั บัญชา/ดำเนินการต้ังรับในพ้ืนทต่ี ้งั รับหน้า หนา้ ท่สี ว่ น
การรบหลัก ในการตั้งรบั แบบพืน้ ที่ กำลงั ส่วนตง้ั รับหนา้ จะได้มอบภารกจิ ดังน้ี
- ยบั ย้งั ขา้ ศึกด้วยการยงิ หนา้ ทมี่ ั่น
- ผลกั ดนั ข้าศกึ ด้วยการรบประชดิ
- ขับไล่ ขา้ ศึกด้วยการตโิ ต้ตอบ
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 64 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
• ส่วนหนุน หรือส่วนหลัง : ประกอบด้วย กำลังในบังคับบัญชา/ดำเนินการต้ังรับในท่ีต้ัง ของ พ้ืนที่
ส่วนหนุน หรือ พนื้ ที่ส่วนหลัง หนา้ ทขี่ องสว่ นกองหนนุ ไดแ้ ก่
- จำกดั การเจาะแนว
- เข้าตที ำลายการเข้าตี
- คุ้มครองช่องว่าง
- การจัดการ รวป.
- เข้าตโี ตต้ อบ
- ป้องกนั ปกี
- การ ลว.พืน้ ท่ี
- เพิม่ เติมกำลังทดแทนกำลังหน่วยในแนวหน้า
โครงรา่ งสนามรบในการตั้งรับ
โครงร่างสนามรบ ในการต้ังรับมี 5 องค์ประกอบ คือ การปฏิบัตใิ นทางลกึ การปฏบิ ัตกิ ารระวังปอ้ งกนั , การ
ปฏิบตั ิในพ้นื ท่ีการรบหลกั , การปฏบิ ัติในพ้นื ท่ีกองหนุน และการปฏบิ ัติในพน้ื ทเ่ี ขตหลัง
พืน้ ท่ีปฏบิ ตั กิ ารสำหรับการตง้ั รบั ประกอบดว้ ย 3 พน้ื ท่ี คือ พืน้ ท่ีทางลึก พนื้ ท่ีปฏบิ ตั ิการระยะใกล้ และ
พ้นื ทีส่ ่วนหลัง
การยงิ สนบั สนนุ ในการต้ังรับ : การยงิ ระยะไกล การยิงป้องกันระยะใกล้ การยิงปอ้ งกนั ขั้นสดุ ทา้ ย และการ
ยิงในพ้ืนที่การรบ
การตโี ต้ตอบ
1) ความมงุ่ หมาย เพื่อให้ไตพ้ น้ื ทค่ี นื มา ตัดหรือทำลาย ขา้ ศึกทร่ี กุ เขา้ มา
2) ความสำเรจ็ ขนึ้ อย่กู ับการวางแผนอย่างละเอยี ด จังหวะเวลา
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 65 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
3) แผนการติโต้ตอบ ประกอบด้วย ภารกิจ สมมุติฐาน (ภาพการ ปบ.ข้าศึก) แนวความคิด ในการปฏิบัติ
มาตรการควบคมุ คำสง่ั ท่มี อบให้หนว่ ยรอง และการยิงสนับสนุน
4) มาตรการควบคุม ไดแ้ ก่ ที่หมาย แนวออกติ ทิศทางเขา้ ตี เส้นแบ่งเขต เสน้ ทางเคลอ่ื นย้ายไปสแู่ นวออกตี
หลักพ้นื ฐานการรบดว้ ยวธิ ีรับ
1) การใช้ลักษณะภูมิประเทศ การวิเคราะห์พื้นท่ีต้ังรับอย่างถูกต้อง ได้แก่ การตรวจการณ์ และพ้ืนการยิง
การซ่อนพรางและการปกปดิ กำบัง เครื่องกีดขวาง ภูมปิ ระเทศสำคญั และแนวทางการเคล่อื นท่ีของขา้ ศึก
2) การระวังป้องกัน กระทำเพื่อป้องกันการจู่โจมโดยการใช้การลาดตระเวน การเป้าตรวจ การจัดกำลัง
ปอ้ งกนั การวางเครือ่ งกดี ขวาง ใช้พลสุ ะดุดและเครือ่ งมอื เตือนภยั
3) การช่วยเหลอื ซ่งึ กนั หนว่ ยต่างๆ เพิม่ เติมกำลังโดยการยิง หรอื การเคลอ่ื นที่
4) การป้องกันรอบตวั ตอ้ งเตรืยมการเพื่อเผชิญกบั การเขา้ ติ ในทุกทิศทาง
5) การวางกำลังในทางลกึ ปอ้ งกนั ขา้ ศึกเขา้ ดำเนนิ กลยทุ ธอ์ ย่างเสรี ในพ้นื ท่ขี ้างหลังของฝา่ ยเรา
6) การใชเ้ วลาทมี่ อิ ยสู่ ำหรบั วางแผน และเตรียมการตง้ั รบั
7) การรวม/ประสานฯ การจดั เตรยี มเครือ่ งกดี ขวางการประสานการยงิ
8) ความอ่อนตวั จดั เตรยี มท่ีมน่ั สำรองและเพ่ิมเตมิ กองร้อยเพิม่ ความอ่อนตัวโดยใชก้ องหนุน
9) การปฏบิ ตั เิ ชงิ รุก การลาดตระเวนรบ การเข้าติตอ่ ท่หี มายจำกดั
10) การกระจายกำลัง ตัดแปลงภมู ิประเทศ ใหเ้ หมาะสมทส่ี ุด
ประเภทของทม่ี ั่นตงั้ รบั แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ทมี่ น่ั หลัก ท่มี ั่นสำรอง และที่มั่นเพม่ิ เตมิ
1) ที่มั่นหลัก คือ ท่ีมั่นซึ่งทหารแต่ละคน พลประจำปีน หรือทั้งหน่วยจะใช้ปฏบิ ัติการต้ังรับให้ บรรลุภารกิจ
ได้ดีทีส่ ุด
2) ที่ม่ันสำรอง คือ ที่มั่นซ่ึงทหารแต่ละคน พลประจำปืน หรือท้ังหน่วยสามารถทำการตั้งรับได้ ครอบคลุม
เขตรับผิดชอบเดิมเหมือนท่ีมั่นต้ังรับหลัก ที่มั่นสำรองจะใช้เมื่อต้องการให้กำลังพลได้พักผ่อน และ/หรือ เพ่ือ
การปรนนบิ ัติบำรงุ สป. หรอื เพื่อเพ่ิมปัจจัยการจู่โจมในการตงั้ รบั
3) ท่ีมั่นเพิ่มเติม คือ ท่ีม่ันที่ดีท่ีสุดต่อการบรรลุภารกิจ ซึ่งจะไม่สามารถกระทำได้จากที่มั่นหลัก หรือที่ม่ัน
สำรอง โดยปกติผู้บังคับหมวดจะกำหนดที่มั่นเพ่ิมเติม เพ่ือคุ้มครองแนวทางเคลื่อนท่ีอื่น และเพ่ือคุ้มครอง ปีก
และด้านหลังของหมวด ป้องกนั การเจาะของชา้ ศกึ
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 66 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
ลำดบั ความเรง่ ดว่ นของการตง้ั รบั มีดงั นี้
1) การวางกำลงั รวป.และการตอ่ ด้านการ ลว.
2) กำหนดพื้นท่ีโจมตีและจดุ อ้างเป้าหมาย
3) การนำอาวุธเช้าท่ตี ้งั ยงิ
4) กำหนดแนวยิงฉากปอ้ งกันขน้ั สดุ ทา้ ย
5) ถากถางพ้ืนการยิง และการตรวจการณ์
6) การวางเคร่อื งกีดขวาง
7) การเตรยี มทม่ี ั่นรบและทม่ี ัน่ ปอ้ งกัน
8) การเตรยี มแผนท่ีสงั เขปและแผ่นจดระยะ
9) การจดั ตง้ั การติดตอ่ ทางสาย
10) กำหนดเส้นทางส่งกำลงั และการส่งกลับ
11) เตรียมทม่ี ั่นสำรองและทีม่ น่ั เพ่มิ เติม
12) การเตรียมที่มน่ั ของกองหนนุ
13) การซกั ซอ้ มแผนการตง้ั รับและติโดต้ อบ
14) การปฏบิ ตั ติ ามแผนการลวง
แบบของการตัง้ รบั แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท
1) ประเภทของการปฏบิ ัติการ ไดแ้ ก่
การตัง้ รบั ยึดพ้นื ท่ี : มุ่งรกั ษาภูมิประเทศ กระทำเพ่ือรกั ษาภูมิประเทศเฉพาะ ส่วนหน้าของพื้นท่ีการรบ
ส่วนดำเนินกลยุทธ์จัดกำลัง และทำการสู้รบด้วยวิธีการท้ังมวลท่ีมิอยู่ ส่วนระวังป้องกันหา ข่าวสารเกี่ยวกับช้า
ศึกปฏิบัติหน้าท่ีเป็นฉากกำบัง ลวง รั้งหน่วง ลดขีดความสามารถในการรุกของช้าศึก กำหนดและ คันหา
เป้าหมาย ซึ่งกระทำโดย วางกำลัง และอาวุธไว้ไนท่ีม่ันสู้รบและท่ีม่ันดัดแปลงบน ขนพร.ที่มิพื้นการยิงดี /
ปกปิด กำบัง /ช่อนพราง และต้องยึดอยู่ก่อนการเช้าตีของช้าศึกรวมท้ังวางกำลังเป็นแนวหรือในทางลึกโดยใช้
ภูมปิ ระเทศให้ เกดิ ประโยชน์สงู สุด
การต้ังรับคล่องตัว : ปฏิบัติเชิงรุก มุ่งเน้นการทำลายความสำเร็จในการต้ังรับด้วยการ สู้รบขั้นแตกหักกับ
ข้าศึกในพื้นที่การรบบางแห่ง พยายามทำลายข้าศึกก่อนเข้าถึงแนว ขนพร. และจัดเตรียมกำลัง กองหนุนไว้
อย่างแข็งแรง ส่วนตั้งรับหน้า (ส่วนตรึง) ทำหน้าท่ีแจ้งเตือน ขัดขวางทำให้ข้าศึกเสียระเบียบ บีองกันแนว ขน
พร.ร้ังหน่วง/ดึง ข้าศึกให้เข้ามาในพ้ืนที่ลังหารตามแผนการตีโต้ตอบ พร้อมทั้งสกัดกั้น/ขัดขวางมิให้ข้าศึกรวม
กำลัง ได้ สำหรับกองหนุน ภารกิจการปฏิบัติ ไม่แตกต่างจากการปฏิบัติของกองหนุนของหน่วยต้ังรับแบบยึด
พ้ืนที่ แต่ ภารกิจหลักท่ีต้องเน้น คือ การตีโต้ตอบ การเข้าตีทำลายการเข้าตีของข้าศึก โดยหน่วยระดับกองพล
เปน็ หน่วยระดบั ตำ่ สดุ ทมี่ ขี ีดความสามารถในการตง้ั รบั แบบคล่องตวั
2) ระดับของการจัดเตรียมท่ีม่ัน ได้แก่ ที่มั่นตั้งรับประณีต (การปะทะยังไม่เกิด) และที่ม่ันตั้งรับเร่งด่วน
(การปะทะใกลจ้ ะเกดิ )
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 67 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
การดัดแปลงที่ม่นั ในสนามรบ
การจัดเตรียมท่ีมั่นในสนามรบในระดับ หมวด หรือ กองร้อย เพื่อ ขัดขวาง รั้งหน่วง ให้ข้าศึกเสียระเบียบ
หรือเอาชนะการเขา้ ตขี องขา้ ศึก โดยแบ่งประเภททม่ี ่ันออกเปน็ 3 ประเภท
ทม่ี ัน่
ทม่ี นั่ หลกั ทีม่ ัน่ ซึ่งทหารแตล่ ะคน หรือทง้ั หนว่ ย ใชต้ ง้ั รบั ให้บรรลุภารกิจไดด้ ีทสี่ ุด
ทม่ี ่ันสำรอง ที่มน่ั ซึ่งสามารถทำการต้ังรับในขอบเขตท่ีมั่นตั้งรบั หลกั จะใช้เมื่อไม่สามารถใช้ที่ม่ันหลักได้หรือ
ต้องการพักกำลงั พลหรือปรนนิบตั บิ ำรุง สป.
ทมี่ ัน่ หลกั และสำรอง
ท่ีม่ันเพ่ิมเติม ท่ีม่ันท่ีดีที่สุดต่อการบรรลุภารกิจ ซ่ึงจะไม่สามารถกระทำได้จากที่มั่นหลักหรือที่มั่นสำรอง ผู้
บังคับหมวดจะกำหนดที่ม่ันเพิ่มเติม เพ่ือคุ้มครองแนวทางเคล่ือนที่อื่น และเพื่อคุ้มครองปีก และด้านหลังของ
หมวด
ทม่ี ่นั เพิ่มเติม
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 68 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
หลุมบุคคล
การเตรียมหลุมบุคคลตามลำดับข้ันจะแบ่งกำลังเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนหนึ่งเตรียมหลุมบุคคล อีกส่วนหนึ่ง
ระวังปอ้ งกัน
การเตรียมหลมุ บุคคล
มติ ขิ องสนามรบ
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 69 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
พลวทิ ยุ
หนา้ ท่ขี องพลวิทยุโทรเลข ( ชกท.051 )
หน้าท่ที ว่ั ไป : เป็นผู้จดั ตัง้ , ใช้และรกั ษาเคร่อื งวทิ ยุและอปุ กรณ์
หน้าท่เี ฉพาะ
1. ต้ังและปรบั เคร่ืองวิทยุ ความเรว็ ปานกลาง เพื่อการรบั หรือส่งข่าวในข่ายวิทยขุ องกองพนั , กรม หรือ
กองพล
2. ทดสอบเคร่ืองเพ่ือให้พรอ้ มท่จี ะปฏิบตั งิ าน
3. ดำเนนิ กรรมวิธีตอ่ เอกสารข่าวซง่ึ รับเข้ามา เพื่อแปลงเข้ารหสั หรือถอดรหสั ตามความจำเป็น
4. รับ -สง่ ข่าวสารซ่ึงไดร้ ับมอบท้ังประเภทคำพูดธรรมดา และรหัสมอส
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 70 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
5. ลงชื่อรบั รองการรับ – สง่ ข่าว
6. กำกับการและชว่ ยในการทำความสะอาด ปรับ และเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ท่ีไม่สำคญั รวมทั้งการ
บำรงุ รักษาขัน้ หนว่ ยต่อเครื่องวทิ ยุ
ชุดวทิ ยุ PRC-710 เปน็ วิวฒั นาการลา่ สุด
ถกู ออกแบบและพัฒนาขึน้ มาเพือ่ ตอบสนองความต้องการทางทหาร มรี ะบบ
ปอ้ งกันการรบกวน Jamming จากข้าศึกได้ ดว้ ยขนาดที่เลก็ กะทัดรัดและมี
นำ้ หนักเบา ประมาณ 750 กรมั
คณุ ลักษณะทว่ั ไป
- เปน็ วิทยแุ บบมือถือ แบบ VHF/FM ยา่ นความถี่ 30-87.975 MHz
- มีกำลงั ออกอากาศทสี่ ามารถปรบั ได้ต้ังแต่ 0.25 – 5Watt (เลือกระดับได้ : 0.25,0.5,1,2,5 Watt)
- สามารถใชง้ านไดก้ บั ชดุ วิทยุที่มอี ยใู่ นกองทัพบกได้ทกุ ชนิดในยา่ น 30-87.975 MHz
- แบบเสียงกระจ่าง ( CLEAR MODE ) : AN/PRC-77,AN/PRC 12 Series,PRC-624
- แบบเขา้ รหัส (SEC MODE) และแบบป้องกันการรบกวน (ANTI-JAMMING MODE)
Prc – 730
ยา่ นความถี่ 3-87.975 MHz
มที ้งั หมด 2320
ช่องตงั้ ช่องล่วงหน้าได้ 10 ช่อง สามารถเขา้ รหสั ได้
กำลังสง่
Low : 0.25 W
Medium : 4 W
High : 4 W
หากใส่ในอุปกรณเ์ สริม อาจจะได้ถึง 50 W
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 71 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
หลักปฏบิ ัตใิ นการติดต่อส่ือสาร
1) การเตรยี มการก่อนการเรียกขาน
ก) ตอ้ งจดบนั ทกึ หรือเตรียมข้อความทีจ่ ะพดู ไวก้ ่อน เพื่อความรวดเรว็ การทวงถามถกู ต้อง และเปน็
หลกั ฐานในการตดิ ต่อของสถานีตนเองอีกด้วย
ข) ข้อความที่จะพดู ทางวทิ ยุ ตอ้ งส้ัน กะทัดรดั ชดั เจน และไดใ้ จความ
ค) ก่อนพูดต้องฟงั ก่อนว่าข่ายส่ือสารนน้ั ว่างหรอื ไม่ เพื่อจะได้ไมเ่ กิดการรบกวนการทำงานของสถานี
อืน่ โดยตอ้ งใช้นามเรยี กขานที่กำหนดให้เทา่ น้ัน
ง) ตรวจสอบนามเรยี กขานของหน่วยงานหรอื บุคคลที่จะต้องทำการตดิ ต่อสื่อสารก่อน
จ) การเรียกขานหรอื การตอบการเรยี ก ต้องปฏบิ ตั ิตามระเบยี บปฏบิ ัตขิ องขา่ ยส่อื สารการเรียกขาน
2) การเรียกขานต้องครบองค์ประกอบ ดงั น้ี
ก) “นามเรยี กขาน” ของสถานี, บคุ คลฯ ท่ีถกู เรียก
ข) “จาก”
ค) “นามเรียกขาน” ของสถานี, บคุ คลฯ ทเ่ี รยี ก
ง) “เปล่ียน”
3) การตอบรับการเรยี กขาน
การตอบในการเรียกขาน คร้ังแรกต้องตอบแบบเต็ม ซง่ึ ประกอบดว้ ย
ก) “นามเรยี กขาน” ของสถานี, บุคคลฯ ท่เี รยี ก
ข) “จาก”
ค) “นามเรียกขาน” ของสถานี, บุคคลฯ ท่ถี กู เรียก
ง) “เปลยี่ น”
ตวั อย่าง
(ศนู ยฯ์ เรียก) หนมุ าน 14 จาก หนุมาน เปล่ียน
(ลูกข่ายตอบ) หนมุ าน จาก หนุมาน 14 เปลยี่ น หรอื
(ลกู ข่ายตอบ) จาก หนุมาน 14 ว.2 เปล่ยี น (ตอบอยา่ งย่อ) หรอื
(ลกู ข่ายตอบ) หนมุ าน 14 ว.2 เปล่ยี น (ตอบอยา่ งย่อ)
ขัน้ ตอนการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร
1) การติดต่อสอ่ื สารโดยทวั่ ไปเรียกศูนย์ฯ ทีส่ งั กัด
ก) การเรยี กขาน / การตอบ
ข) ใช้นามเรียกขานที่กำหนด
2) แจ้งข้อความ / วัตถปุ ระสงค์ / ความต้องการ
ก) สัน้ กะทดั รดั ชดั เจน ไดใ้ จความ
ข) ใชป้ ระมวลสญั ญาณ ว. ท่ีกำหนด
3) จบข้อความลงทา้ ยคำว่าเปลีย่ น
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 72 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
การถอนตวั ภายใต้ความกดดัน
การถอนตัวภายใต้ความกดดัน คือ การนำกำลังทั้งหมดหรือบางส่วนของหน่วยผละออกจากการรบ โดยมี
การกดดนั จากข้าศึกเพ่ือให้หน่วยมีเสรี ในการปฏิบัติใหม่จะแบ่งกำลังออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนกำบัง และส่วน
ใหญ่ ซึ่งการปฏิบัติการถอนตัวภายใต้ความกดดันน้ันจะมีการ ปฏิบัติที่ใกล้เคียงกับการรบหน่วงเวลา “แต่
แตกต่างกันที่” การถอนตัวภายใต้ความกดดัน จะไม่จำเป็นต้องดำรงการเกาะข้าศึกไว้ตลอดเวลา โดยจะให้
กองหนุนทุกระดับของหน่วย จากน้นั หน่วยท่ีทำการปะทะจะถอนตัวพร้อมกัน และทำการปฏบิ ัตกิ ารถอนตัวจน
พ้นจากการเกาะของข้าศึก ซ่ึงความสำเร็จในการถอนตัวภายใต้ความกดดันจะข้ึนอยู่กับ ความคล่องแคล่วใน
การเคลอ่ื นที่ ระยะของอาวธุ ยงิ สนบั สนุน (ไกลกวา่ ) และการใชส้ ่วนกำบงั ทีม่ ีอำนาจกำลังรบพอเพียง
หลกั การสำคัญ
1) การจดั กำลงั
ก. ส่วนใหญ่ : 2 หน่วยในพน้ื ทกี่ ารรบหลกั
ข. ส่วนกำบัง : 1 หนว่ ยในพ้นื ท่ีกองหนุน โดยปกติหน่วยเหนือจดั ส่วนกำบังให้
2) การประสานงานและการควบคุม
ก. การวางแผน เช่นเดยี วกบั การถอนตวั นอกความกดดัน
ข. ถา้ ไม่สามารถถอนตวั พร้อมกนั ได้ ใหป้ ฏิบตั ิ ดงั น้ี
- - โดยปกติหนว่ ยท่ีถูกกดดันน้อยถอนตัวก่อน
- หนว่ ยท่ีถกู กดดนั หนกั ถอนตัวก่อนได้ถา้ พจิ ารณา แล้ววา่ อาจจะตกอยู่ในวงลอ้ ม และจะถกู ทำลาย
- วธิ กี ารถอนตัวของ มว.ปล. 3 วธิ ี
* การถอนตวั ให้แนวบางลง
* การถอนตัวเปน็ ชุดยงิ
* การถอนตวั เป็นหมู่
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 73 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
การถอนตัวภายนอกความกดดนั
การถอนตัวนอกความกดดัน คือ การนำกำลังท้ังหมดหรือบางส่วนของหน่วยผละออกจากการรบ โดยไม่มี
การกดดันจากข้าศกึ เพอ่ื ใหห้ นว่ ยมีเสรใี นการปฏิบตั ใิ หม่
หลกั การสำคัญ
1) การจัดกำลัง แบ่งเปน็ 2 ส่วน
ก. ส่วนใหญ่ : กำลังสว่ นดำเนนิ กลยุทธ์ 2 ใน 3 ของทัง้ หมด, อาวธุ ยงิ สนับสนุนในอัตรา 1 ใน 2 ของ
ทงั้ หมด
ข. สว่ นเหลือไวป้ ะทะ : กำลังส่วนดำเนนิ กลยทุ ธ์ 1 ใน 3 ของท้งั หมด, อาวุธยิงสนับสนนุ ในอตั รา 1 ใน 2
ของทั้งหมด
2) ลำดบั การถอนตัว
ก. ขบวนสัมภาระของหน่วยจะถอนตวั กอ่ นมดื ค่ำ
ข. เมือ่ ถงึ เวลาถอนตัว
(1) กำลงั พลทุกคนถอนตวั จากทมี่ น่ั ตง้ั รับเข้าที่รวมพลหมตู่ นเอง (สว่ นเหลอื ไวป้ ะทะทำการขยาย
กำลงั ให้เตม็ กว้างด้านหนา้ และดำเนนิ มาตรการลวงตา่ ง ๆ)
(2) หมูเ่ คลื่อนที่ไปยงั ทีร่ วมพลของหมวด
(3) หมวดเคล่ือนที่ไปยังทีร่ วมพลของกองร้อย
(4) กองร้อยเคลือ่ นทีไ่ ปยังท่รี วมพลของกองพัน หรอื ไปยังทมี่ น่ั แหง่ ใหม่ ตามคำสั่งของ ผบ.พัน.
(5) โดยปกติจะใช้รปู ขบวนแถวตอนในการเคล่อื นที่
ค. สว่ นเหลือไวป้ ะทะ : ถอนตัวตามคำสง่ั
(1) กำลังส่วนเหลือไวป้ ะทะจะถอนตัวพร้อมกนั เมอ่ื ไดเ้ วลา
(2) หม่ทู ี่เหลือไว้ปะทะจะเคล่ือนท่ีไปยังทร่ี วมพลของ มว. และนำกำลงั ไปยังที่รวมพลของกองร้อย
(3) ผบ.สว่ นเหลือไว้ปะทะของกองร้อย (รอง ผบ.ร้อย.) จะนำกำลังเคล่ือนทไ่ี ปยงั ทมี่ น่ั แหง่ ใหม่
(4) ตัวแทนในทีม่ ่นั แห่งใหม่ จะมานำกำลงั เข้าพืน้ ที่
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 74 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
การรบดว้ ยวิธีรกุ (Offensive Framework)
โครงรา่ งของการรบด้วยวธิ รี ุก (Offensive Framework)
ประกอบดว้ ยการปฏบิ ัตทิ างลึก, การปฏบิ ตั ิ ระยะใกล้, การปฏบิ ตั ใิ นพื้นท่สี ่วนหลัง, การปฏิบตั กิ าร
ลาดตระเวนและระวังปอ้ งกัน และกองหนุน
- การปฏิบัติการทางลึก เพื่อทำให้แนวตั้งรับของข้าศึกโดดเดี่ยว ทำลายระเบียบของกองหนุน ขัดขวางการ
สนบั สนุนของข้าศกึ และใหข้ า้ ศึกจัดระเบยี บต้งั รบั ยงุ่ ยากและลับสน
- การปฏิบัตกิ ารระยะใกล้ ประกอบดว้ ย การเจาะกรมที่ต้ังรับอยู่ การขยายผล และใชส้ ่วนตรึง ปฏิบัติเคียง
ค่ไู ปกบั ส่วนปฏิบตั ิการหลกั
- การปฏิบัติการในพื้นท่ีส่วนหลัง เพื่อ ประกันเสรีในการปฏิบัติของกำลังท่ีเข้าปฏิบัติการและยังไม่ เข้า
ปฏิบตั ิการ และป้องกนั ไมให้การ สสก./สสช. ทจ่ี ำเป็นต้องหยุดชะงักลง
- การลาดตระเวนและระวังป้องกัน เพ่ือกำหนดท่ีตั้ง/คันหาช่องว่างต้ังรับของข้าศึก คล่ีคลาย สถานการณ์
ปอ้ งกันสว่ นใหญจ่ ากการถูกจู่โจม และรง้ั หน่วงให้ไดเ้ วลาและระยะทาง
- กองหนุน มงี านเฉพาะด้งน้ี ขยายผลแห่งความสำเร็จ เพิ่มเติม/รักษาแรงหนุนเนอื่ งในการเข้าตี ทำลายการ
ตีโด้ตอบของข้าศกึ และให้การระวงั ป้องกัน
ประเภทการรบดว้ ยวธิ ีรุก(Types of Offensive Operations) มี 5 ประเภท คือ
1. การเคลือ่ นที่เข้าปะทะ
2. การเขา้ ตเี ร่งดว่ น
3. การเข้าตีประณตี
4. การขยายผล
5. การไลต่ ิดตาม
รูปแบบของการดำเนนิ กลยทุ ธ์ (Forms of Maneuver) มี 5 แบบ
การเขา้ ตีตรงหน้า : เปน็ การโจมตีข้าศึกตลอดกวา้ งด้านหน้าดว้ ยแนวทางเคล่ือนทท่ี ่ีตรงที่สดุ
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 75 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
การแทรกซึม : การเคล่ือนย้ายหน่วยด้วยการลักลอบเพ่ือทำการวางกำลังหน่วยดำเนินกลยุทธ์ในบรเิ วณที่
เออ้ื อำนวยใหก้ ับการบรรลุภารกิจได้มากทส่ี ุด
66
การเขา้ ตีเจาะ : การรวมกำลังเพือ่ โจมตีจุดอ่อนขา้ ศกึ จากน้ันทำการเจาะผ่านทีม่ ั่นเพื่อทำใหแ้ นวต้ังรบั ของ
ขา้ ศึกแตกออก
การเขา้ ตีโอบ : เป็นการหลกี เล่ียงข้าศึกทีอ่ ยู่ตรงหน้า ใช้วธิ ตี รงึ ขา้ ศึกกวา้ งข้างหน้าด้วยการเข้าตสี นบั สนนุ เข้าตี
หลักด้วยการดำเนนิ กลยุทธอ์ อ้ มผ่านทม่ี นั่ ตัง้ รับของขา้ ศกึ เพ่อื โจมตตี อ่ ปีก/ดา้ นหลัง
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 76 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
การเข้าตีตลบ : เป็นการมุ่งยึดพ้ืนท่ีสำคัญที่อยู่ลึกเข้าไปในส่วนหลังข้าศึก บีบให้ข้าศึกจำต้องละทิ้งท่ีม่ันหลัก
เปน็ การแปรรูปของการตโี อบในลักษณะทฝี่ ่ายเขา้ ตีพยายามหลกี เลย่ี งการต้ังรบั ของขา้ ศึกอย่างส้ินเชิง
การเคลือ่ นทเ่ี ขา้ ปะทะ (Movement to Contact)
ความมุ่งหมาย เพื่อให้ได้มาและดำรงรักษาไว้ หรือจัดให้มีการปะทะกับข้าศึก เพ่ือช่วงชิงความริเริ่ม เพ่ือ
คลี่คลายสถานการณแ์ ต่เนนิ่ และเพ่ือชงิ ความไดเ้ ปรยี บก่อนการรบแตกหัก
หลักการสำคัญ หน่วยทหารจะทำการปะทะด้วยส่วนที่เล็กที่สุดเท่าท่ีจะเป็นไปได้ เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่ง ความ
อ่อนตัวและการระวังป้องกันซึ่งด้องมีการวิเคราะห์สถานการณ์ และเลือกยุทธวิธีท่ีเหมาะสมต่อการปฏิบัติ
ภารกิจ เพื่อดำรงรักษาเสรีในการดำเนินกลยุทธ์ และพัฒนาอำนาจกำลังรบอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดการปะทะกับ
ข้าศึก สำหรับ หมู่ มว.ปล. แนวความคิดในการปฏิบัติสำหรับการใช้เทคนิคน้ีคือ เข้าปะทะขา้ ศึกด้วยกำลงั ส่วน
น้อยท่สี ุด ผบู้ งั คับ หน่วยมคี วามอ่อนตวั ท่จี ะดำเนินกลยุทธ์หรอื อ้อมผา่ นกำลังข้าศึก ในกรณีท่ี มว.เคลอื่ นที่ เป็น
ส่วนหนึ่งของหน่วย ใหญ่ อาจได้รับมอบภารกิจให้เป็นกองระวังหน้า กองกระหนาบ หรือกองระวังหลังก็ได้
หรืออาจเป็นส่วนหน่ึงของ กำลังส่วนใหญ่ในการเคล่ือนท่ี และได้รับมอบภารกิจอย่างใดอย่างหนึ่งในอนาคต
(เม่ือสงั่ ) ก็ได้ เม่ือปะทะกับขา้ ศึก หน่วยจะดอ้ งรีบคล่ีคลายสถานการณ์ เพ่ือให้ทราบจดุ อ่อน และจุดแข็งโดยเร็ว
เทคนคิ 2 แบบทีถ่ ูกนำมาใช้มากท่สี ุด คอื เทคนคิ การเดนิ เข้าประชิด และเทคนิคการคน้ หา และโจมตี
- เทคนิคการค้นหาและโจมตี : เปน็ การกระจายอำนาจกำลังรบ ซ่ึงจะด้องไข้การประสานงานและ ความ
สอดคล้อง ในการปฏบิ ตั ิอยา่ งแนน่ แฟ้น
- เทคนิคการเดนิ เข้าประชิด : ใชเ้ ม่ือเป็นสว่ นหน่งึ ของหน่วยใหญส่ ามารถปฏิบัติหนา้ ทเี่ ป็นกอง ระวงั หนา้
หรือเคลอื่ นทีเ่ ปน็ ส่วนหน่งึ กองกำลังส่วนใหญ่ หรอื เปน็ สว่ นระวังป้องกนั ทางปีกหรอื ด้านหลัง
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 77 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
การจดั รูปขบวน
รปู ขบวนล่มิ
ใช้สำหรับป้องกันตนเองในการเคล่ือนที่ เวลากลางคืนโดยใช้การลักลอบและจู่โจม การลาดตระเวนอย่าง
ละเอียดและสามารถท่ีจะเข้าตี ณ เวลา และตำบลที่ผู้บังคับบัญชาได้เลือกไว้ หน่วยลาดตระเวนจะใช้ได้ดี
ขา้ งหน้ากองระวังหน้า เพ่อื ปฏิบตั กิ ารลาดตระเวนสนับสนนุ การเคลื่อนท่ขี องกองพัน
รปู ขบวนตวั วี ( V )
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 78 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
ใชส้ ำหรับการเคลื่อนท่ีในสภาวะท่ีคาดวา่ โอกาสในการพบข้าศกึ มีสูง ความอ่อนตัวในการใชห้ น่วยระวงั ปอ้ งกนั
หนา้ จะมีสงู
รปู ขบวนแถวตอนเรยี งหน่ึง หรือมากกวา่
ตามเสน้ หลักการรุกหรอื เขตปฏบิ ตั ิการ ใชเ้ ม่ือหนว่ ยต้องการความเรว็ ในการเคล่ือนท่ซี ่ึงในการเคลอ่ื นท่ีใน
รูปแบบนจ้ี ะต้องใช้กองกระหนาบท่ีมีความแข็งแรงในการระวังปอ้ งกนั ทางปีก
การยทุ ธเ์ คลอ่ื นทีท่ างอากาศ
AIRMOBILE OPERATION
การยุทธ์เคล่ือนท่ีทางอากาศ ( AIRMOBILE OPERATION ) หมายถึง การปฏิบัติการยุทธ์ ซึ่งหน่วยรบและ
ยุทโธปกรณ์ของหน่วย เคล่ือนที่ไปยังสนามรบ เพื่อดำเนินกลยุทธ์ต่อท่ีหมาย โดยใช้อำนาจการยิงผสมผสาน
ความคล่องแคลว่ ของอากาศยาน ภายใตก้ ารควบคุมของผู้บงั คับหนว่ ยทหารภาคพน้ื ดนิ
คุณลักษณะของการยุทธ์เคล่ือนทท่ี างอากาศ
1. ปฏิบตั ิด้วยการจูโ่ จม 2. มีความอ่อนตวั
3. สามารถดำเนนิ กลยทุ ธเ์ หนือพ้นื ทอ่ี นั กว้างใหญ่ 4. ปฏิบตั ิการรกั ษาเวลาที่แน่นอน
5. ปฏิบตั ิการดว้ ยความรวดเรว็
ภารกจิ ที่เหมาะสม
1. การ ลว.เฝ้าตรวจระยะไกล 2. การเขา้ ยึดภมู ปิ ระเทศหลังแนวข้าศึก
3. เขา้ ตีทางข้าง 4. การเพ่ิมเติมกำลัง
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 79 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
5. เปน็ กำลงั ตอ่ ต้านกองโจร 6. กองหนุนเคลื่อนที่เรว็
7. การตโี ฉบฉวย 8. การโอบทางลกึ
9. การลวงและการแสดงลวง 10. การขยายผล
11. การยกพลขึ้นบก
แนวความคิดในการใชก้ ารยทุ ธ์เคล่ือนท่ที างอากาศ
1. ควรไดเ้ ปรียบในการจู่โจมสูง, สนิ้ เปลอื ง, ควรใชเ้ ฉพาะภารกจิ จำเป็นตอ้ งการกระจาย/ รวมกำลัง
2. ควรได้เปรียบในการจโู่ จม, ความคล่องแคล่ว ใชใ้ นหว้ งเวลาสน้ั
3. ประสทิ ธภิ าพอากาศยาน เป็นปจั จัยหลักในการพิจารณาใช้
4. เวลา, การซักซอ้ ม และขา่ วสาร
5. ไดผ้ ลดเี มอ่ื ข้าศึกจำกัดด้านการสอ่ื สาร และระบบการต่อสู้อากาศยานไมด่ ี
ขีดความสามารถ
1. เข้าตตี ่อท่ีหมายได้ทกุ ทศิ ทุกทาง
2. สามารถข้าม / อ้อมผ่านสง่ิ กีดขวาง หรอื ท่ีตง้ั ข้าศกึ
3. รวมกำลังและกระจายกำลัง หรอื วางกำลังได้รวดเร็ว
4. ให้ความอ่อนตวั ให้ ผบ.ชาฯในการจดั กำลัง เพ่ิมเติมกำลงั ได้อย่างรวดเรว็
5. สามารถปฏิบตั ใิ นสภาพอากาศไม่ดี ซง่ึ อำนวยใหเ้ กดิ ความปกปิด และจู่โจม
6. สามารถรง้ั หนว่ ยกำลงั เหนือกว่า
7. สามารถโจมตที างลึกห่างไกลจากแนวทหารฝา่ ยเดยี วกันได้
8. สามารถวางกำลังอย่างฉบั พลัน ณ จดุ แตกหักในสนามรบ
ขีดจำกัดของการยทุ ธเ์ คลอื่ นทที่ างอากาศ
1. ถกู จำกัดดว้ ยสภาพอากาศที่เลวมาก
2. ชนิด และปริมาณของอาวธุ สนับสนุน ตลอดจนยุทโธปกรณ์ หนกั ซ่งึ จะต้องเคลื่อนย้ายโดยอากาศยาน
3. ต้องมีการตดิ ต่อสื่อสารทีด่ ี
4. ต้องครองความไดเ้ ปรยี บทางอากาศเฉพาะบริเวณทตี่ ้องการและสามารถกดดนั การยงิ ของข้าศึกตลอด
เส้นทางบนิ
5. ไม่สามารถปฏิบตั ิการรบได้อยา่ งเหนียวแน่นได้ โดยปราศจากกำลังเพิม่ เติม
6. เสยี่ งต่อการปฏบิ ัติของขา้ ศึกในการลงสู่พ้ืนดนิ
7. มีอตั ราการใช้ สป.3 (อ) และ สป.5 สูง
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 80 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
จุดออ่ น
1. เปน็ จดุ ออ่ นต่อการโจมตีทางอากาศ และ ปตอ.ระหว่างการเคลอ่ื นย้าย
2. เป็นจุดอ่อนต่อการโจมตรี ะหวา่ งการบรรทุกการลงสูพ่ ืน้ และเวลาทห่ี น่วยยงั ไม่พร้อม
3. เปน็ จุดอ่อนต่อหน่วยยานเกราะ อาวุธวิถโี คง้
คำจำกัดความท่ีควรทราบ
1. CORRIDOR = กรวยการบิน 2. PICKUP ZONE (PZ) = เขตบรรทกุ
3. LANDING ZONE (LZ) = เขตสง่ ลง 4. STARTING POINT (SP) = จดุ เรม่ิ ตน้
5. RELEASE POINT (RP) = จดุ แยก 6. AIR CONTRL POINT (ACP) = จุดตรวจสอบ
7. COMMUNICATIONS CHECKPOINT (CCP) = จตุ รวจสอบการตดิ ต่อส่ือสาร
ขัน้ การปฏิบตั ิการยุทธเ์ คลื่อนที่ทางอากาศ แบง่ เปน็ 5 ข้ัน
1. แผนการเข้าท่ีพักรอ ( Staging plan )
2. แผนการบรรทกุ ( Loading plan )
3. แผนการเคลื่อนย้ายทางอากาศ ( Air movement plan )
4. แผนการลงสพู่ น้ื ( Landing plan )
5. แผนยุทธวิธีทางพน้ื ดนิ ( Ground tactical plan )
ขัน้ ท่ี 1 แผนการเขา้ ท่พี กั รอ ( Staging plan )
เป็นแผน ท่กี ำหนดการปฏิบัติตงั้ แตอ่ ยู่ในหนว่ ยไปจนถงึ ตำบลบรรทุกขนึ้ เคร่ืองบนิ กำหนดรายละเอียดในเรอ่ื ง
1. การกำหนดที่พกั คอย 2. การเคลือ่ นย้ายเข้าที่พักคอย
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 81 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
3. การวางกำลัง/การระวังป้องกัน 4. การรักษาความลับ
5. งานการชว่ ยรบ 6. การเตรยี มการด้านตา่ ง ๆ
7. การกำหนดเวลาและตำบลบรรทุก
ขัน้ ที่ 2 แผนการบรรทุก ( Loading plan )
- เป็นแผน ท่กี ำหนดรายละเอียดให้กำลงั พลและยุทโธปกรณว์ า่ จะนำไปโดยเครื่องบนิ ลำใด
- กองร้อยจัดทำตารางหลกั ฐานการบรรทุกผู้อาวโุ สใน ฮ.จัดทำบญั ชรี ายละเอยี ดการบรรทกุ
2.1 หลักพ้ืนฐานวางแผนการบรรทุก
2.1.1 ไมเ่ กิน ขีดความสามารถในการบรรทุกของเครื่องบิน
2.1.2 มีความเหมาะสมต่อการใช้ทนั ทีที่หน่วยลงถงึ พ้นื
2.1.3 ไมท่ ำให้หนว่ ยล้มเหลวเมอ่ื สญู เสียเคร่ืองบินลำใดลำหนงึ่
2.2 เทคนคิ การบรรทุก
2.2.1 ดำรงความเป็นหน่วยแต่ ผบ.หน่วยกบั รอง ผบ.หน่วยไม่ควรอยู่ลำเดียวกัน
2.2.2 ผบ.หนว่ ย/ผอู้ าวโุ ส นง่ั ชิดด้านหนา้ ใกลน้ กั บิน
2.2.3 ผูท้ จ่ี ะต้องลงก่อนข้นึ เคร่อื งภายหลัง
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 82 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
2.2.4 พลยงิ อวก.น่งั ใกลป้ ระตูเพือ่ ยิงได้ทันทที ี่ลง
2.2.5 หา้ มตดิ ดาบ หา้ มไกปืน
2.2.6 เมอ่ื มีท่ีน่ัง รัดเขม็ ขัด ตั้งปนื ให้ปากลำกลอ้ งลงพ้นื
2.2.7 ผนู้ ัง่ ชดิ ประตู พาดปืนบนตกั ให้ลำกล้องชีอ้ อก
2.2.8 เปดิ วทิ ยขุ องหนว่ ยเฝ้าฟังตลอดเวลา
2.2.9 หา้ มเขา้ และออกจากเคร่อื งทางทา้ ยเคร่อื งบิน
2.2.10 งดสูบบุหร่ีในระยะ 50 ฟุต จากตัวเครื่องบนิ
2.3 แบบของการบรรทุก
2.3.1 การขึ้นบรรทุก จากขา้ งเดียว
2.3.1.1 การบรรทกุ แบบสลับ
2.3.1.2 การบรรทุกแบบแถวตอน
2.3.2 การข้ึนบรรทกุ สองด้าน
2.3.2.1 การบรรทุกแบบสลบั
2.3.2.2 การบรรทุกแบบแถวตอน
ขัน้ ท่ี 3 แผนการเคล่ือนยา้ ยทางอากาศ ( Air movement plan )
3.1 เปน็ แผนทก่ี ล่าวถงึ การปฏบิ ัตริ ะหวา่ ง PZ และ LZ จัดทำรว่ มกันระหว่างหน่วยกำลังรบและหนว่ ยบินให้
รายละเอียด 2 เรื่อง คือ
3.1.1 แผนผังเส้นทางบิน
3.1.2 ตารางการเคลื่อนยา้ ยทางอากาศ
3.2 การคำนวณเวลาบิน
T = Dx60 T = เวลาบนิ เป็น นาที
Sx1.84 D = ระยะทางเป็น กม.
S = ความเร็วบนพื้นดินเปน็ นอต
3.3 แนวทางกำหนดเสน้ ทางบิน
3.3.1 หลกี เล่ยี งทต่ี ง้ั ข้าศกึ รวมท้ัง ปตอ.และ เรดาร์
3.3.2 ควรใชภ้ มู ปิ ระเทศกำบังการตรวจการณ์
3.3.3 ไมค่ วรหักศอก ควรให้เปน็ เส้นโคง้
3.3.4 จดุ จคอ. ควรสงั เกตงา่ ยจดจำง่าย
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 83 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
3.4 ข้อจำกัดของอากาศยาน
3.4.1 เมอื่ ดับเคร่ืองแลว้ จะตดิ เครือ่ งใหมใ่ ชเ้ วลา 30 นาที
3.4.2 การบินกลางคืนตอ้ งใช้นักบินท่ีฝึกมาพเิ ศษ
ข้ันที่ 4 แผนการลงสู่พื้น ( Landing plan )
4.1 ให้รายละเอียดเกีย่ วกับ
4.1.1 วิธีในการสง่ ลง
4.1.2 พืน้ ทท่ี จี่ ะใชใ้ นการส่งลง
4.1.3 ลำดับในการสง่ ลง
4.1.4 เวลาในการสง่ ลง
4.1.5 การยิงสนับสนนุ การสง่ ลง
4.2 การส่งลงสพู่ ืน้ 2 ลกั ษณะ
4.2.1 การลงบนหรอื ใกล้ทหี่ มาย : ใช้เม่อื ทมี่ ่นั ข้าศกึ ไม่แข็งแรง ข้าศึกบนทีห่ มายมีน้อย ขอ้ ดีคอื
4.2.1.1 เป็นการจู่โจมตอ่ ทีห่ มาย
4.2.1.2 สว่ นโจมตีไมเ่ หน่ือยในการเคล่อื นย้ายทางพน้ื ดิน
4.2.2 การลงห่างจากทห่ี มาย : ใชเ้ มอ่ื ข้าศึกมีการเตรยี มที่มั่นแข็งแรง ข้าศกึ บนทีห่ มายมีกำลังมากพอท่จี ะ
เปน็ อนั ตรายเม่ือลงพ้นื ข้อดคี ือ
4.2.2.1 ลดการสูญเสยี ขณะส่งลง / เลือกพื้นทลี่ งได้
4.2.2.2 ประสานไดง้ า่ ยสามารถรวมพลได้กอ่ นการปฏิบัคิ
4.2.2.3 ใช้เวลาในการฝกึ ซอ้ มน้อย
4.2.2.4 ใชอ้ าวธุ ยงิ สนับสนนุ และประสานการยงิ ได้
4.2.3 การเลือกเขตส่งลง
4.2.3.1 อยู่ใกล้ หรอื บนทห่ี มาย
4.2.3.2 อยูใ่ นระยะยงิ ของอาวธุ ยิงสนับสนุน
4.2.3.3 การต้านทานของขา้ ศึกเบาบางหรือไม่มี
4.2.3.4 ตอ้ งกำหนดพนื้ ทีส่ ำรองไว้ดว้ ยทุกคร้ัง
4.2.4 ลกั ษณะสนามลงจอด ฮ.
4.2.4.1 เส้นผ่าศนู ย์กลาง
ฮ.ตรวจการณ์ 25 ม., UH-60 AH-64 50 ม.
UH-1 AH-1 35 ม., CH-47 80 ม.
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 84 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
4.2.4.2 ความลาดเอยี ง
ลาดเอียงทลี่ งจอดระหว่าง 0% - 6%
ลาดเอียงลงจอดทางข้าง 7% - 15%
มากกวา่ 15% หา้ มลงจอด
4.2.4.3 ลักษณะพื้นผวิ : พน้ื ดินแข็ง,เศษวัสดุไม่มากเกินไป
4.2.4.4 เคร่อื งกีดขวาง : ความสูงอัตราส่วน 10 : 1
4.2.4.5 ทิศทางบินเขา้ -ออก : พยายามให้ทวนลม หากไม่ขัดกับยทุ ธวธิ ี
10 .
100 .
ขั้นที่ 5 แผนยุทธวิธที างพ้ืนดิน ( Ground tactical plan )
5.1 ใหร้ ายละเอียดเก่ียวกบั การปฏิบัติการท้งั สิ้นหลังจากลงสูพ่ นื้ แล้ว ประกอบดว้ ย
5.1.1 แผนการดำเนนิ กลยุทธ
5.1.1.1 การเขา้ ตี
5.1.1.2 การจัดต้งั หว้ งอากาศ
5.1.1.3 การยทุ ธบ์ รรจบ
5.1.2 แผนการยิงสนับสนนุ
5.1.2.1 การยงิ ก่อนสว่ นโจมตีลงส่พู ืน้
5.1.2.2 การยิงระหว่างการเข้ายึดทีห่ มาย
5.1.2.3 การยงิ ระหวา่ งการจัดระเบยี บใหม่และเสรมิ ความมน่ั คง
5.1.3 แผนการชว่ ยรบ
5.1.4 แผนการสอื่ สาร
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 85 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
12.3 ขีดความสามารถของอากาศยาน
12.3.1 ฮ.ท.60 , UH-60 ( BLACK HAWK )
ผ้สู รา้ ง : บริษทั SIKORSKY AIRCRAFT ประเทศ สหรฐั อเมรกิ า
ประเภท : เฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไป 14 ทน่ี ่งั บรรทุกเปลผ้ปู ว่ ย พร้อมอุปกรณ์ ได้ 4 เปล
(ภาวะปกติ) หรือ 6 เปล (ภาวะสงคราม)
เคร่ืองยนต์ : T-700-GE-701C เทอร์โบชาฟ จำนวน 2 เคร่ืองยนต์ แรงม้าสูงสุด 1940 แรงม้า
ความเร็วสูงสดุ : 193 knots
ความเรว็ เดนิ ทาง : 120-150 knots
พสิ ยั บนิ : 315 ไมลท์ ะเล
บนิ ไดน้ าน : 2 ชว่ั โมง 30 นาที
ประเภทเช้ือเพลิง : JP-8
ความสิ้นเปลอื ง : 590 ลิตร/ช่ัวโมง
ความจเุ ชื้อเพลิง : 360 แกลลอน
นำ้ หนัก : น้ำหนกั รวมสูงสดุ 22,000 ปอนด์
: น้ำหนกั ตวั เปลา่ 11,500 ปอนด์
: นำ้ หนกั บรรทุกภายใน 8,000 ปอนด์
: น้ำหนกั บรรทุกภายนอก 9,000 ปอนด์
อปุ กรณพ์ ิเศษ : ขอเกยี่ วภายนอก 9,000 ปอนด์
: รอกกู้ภัย 650 ปอนด์
ระบบอาวุธ : ไม่มีข้อมูล
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 86 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
12.3.2 ฮ.ท.17 (MIL MI 17 V5 HIP )
ประเภท : เป็นเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงอเนกประสงค์ บรรทุกกำลังพล 24-36 นายบรรทุกสัมภาระได้
8,800 ปอนด์ ยกห้ิวภายนอก 10,250 ปอนด์ ติดต้ังเปล สนามได้ 12 เปล สามารถติดตั้งระบบอาวุธ และถัง
น้ำมันเชอ้ื เพลิงอะไหลไ่ ด้
เคร่อื งยนต์ : GASTURBINE แบบ TURBOSHAFT ย่หี ้อ KLIMOV รุน่ TV3-117VM กำลัง 2,200
SHP จำนวน 2 เครื่อง
ความเร็วเดินทาง : 120 KNOT
พสิ ัยบนิ : 644 กม. (358 NM)
ความจถุ งั น้ำมันเชื้อเพลิง : 2,725 ลติ ร
ความส้ินเปลือง : สป. 3 830 ลติ ร/ชม. สป. 3 ท่ใี ช้ นำ้ มนั เช้ือเพลงิ อากาศยาน JP 8 / JET A-1
ระบบอาวุธ : ปนื กลอากาศ จรวด จรวดนำวิถี วางทุ่นระเบิด
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 87 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
12.3.3 AIRBUS DEFENCE & SPACEE C – 295 W (บ.ล.295)
ประเภท : เป็นเคร่ืองบินลำเลียงมีระบบปรับความดันอากาศในห้องโดยสาร/บรรทุก ติดตั้งเก้าอี้
แบบแถวเปล 71 ที่น่ัง พลร่ม 50 นาย น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 8 ตัน , เปลพยาบาล 24 เปล , แผ่นบรรทุก
สัมภาระ 5 PALLET
เครื่องยนต์ : GASTURBINE แบบ TURBO PROP ยี่ห้อ PRATT & WHITHEY รุ่น PW-127G กำลัง
2,645 แรงมา้ จำนวน 2 เครือ่ งยนต์
ความเรว็ เดินทาง : 240 KNOT
พิสยั บิน : 2,220 ไมล์ทะเล (น้ำหนักบรรทกุ 3 ตนั ), 1,800 ไมลท์ ะเล (น้ำหนักบรรทกุ 5 ตัน) , 735
ไมลท์ ะเล (นำ้ หนักบรรทกุ สงู สุด 8 ตัน)
ความจุถังนำ้ มนั เช้ือเพลงิ : 7,500 ลติ ร
ความส้ินเปลอื ง : สป. 3 762 ลติ ร/ชม.
สป. 3 : ทีใ่ ช้ นำ้ มันเช้อื เพลงิ อากาศยาน JP-8 / JET A-1
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 88 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
12.3.4 C -130 เฮอร์คิวลิส
ประเภท : เป็นเคร่ืองบินลำเลียง เครื่องยนต์เทอร์โบ 4 เครื่องยนต์ 4 ใบพัด ผลิตจากประเทศ
สหรัฐฯ
ขนาด : C -130 ความยาว 28.8 เมตร ระยะระหว่างปลายปีกท้ังสอง 40.4 เมตร ความสงู 11.6
เมตร พน้ื ท่ีปกี 162.1 ตารางเมตร
บรรทุกผู้โดยสารได้ : 95 คน ทหาร 72 นาย หรือพลร่ม 64 นาย โดยมีพิสัย 2,000 กิโลเมตร สามารถบินข้ึน
จากลานบินส้นั ๆ ได้
นำ้ หนักเปล่า : 34,400 กโิ ลกรมั
น้ำหนกั วง่ิ ขนึ้ สงู สุด : 70,300 กิโลกรัม
เคร่ืองยนต์ : ใบพัดอลั ลสิ นั ที56-เอ-15 ส่ีเคร่ืองยนต์ ให้กำลังเคร่ืองละ 4,590 แรงมา้
ความเร็วสงู สดุ : 592 กโิ ลเมตรต่อช่วั โมง
เพดานบนิ : 23,000 ฟุต อตั ราการไต่ระดับ 1,830 ฟุตต่อนาที พิสัย 3,800 กโิ ลเมตร C-130 นับเป็น
เคร่ืองบินท่ีมีความปลอดภัยในระดับสูง แม้เครื่องยนต์ขัดข้องจนเหลือเครื่องยนต์เดียว มันก็สามารถ
ประคบั ประคองลงจอดไดอ้ ย่างปลอดภัย
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 89 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
12.3.5 C - 17 globe master
ประเภท : เครอื่ งบินขนส่งทหารขนาดใหญ่
เครื่องยนต์ : มขี มุ กำลงั เป็นเคร่อื งยนต์เทอร์โบแฟนเอฟ117-พีดบั บลิว-100 ทีถ่ อยหลงั ได้ แต่ละเคร่ือง
ใหแ้ รงขบั 40,400 ปอนด์
ความสามรถในการบรรทุก : ได้สูงสุด 77,500 กิโลกรัม และน้ำหนกั ว่ิงขนึ้ สงู สดุ คอื 265,350 กโิ ลกรัม ดว้ ย
สนิ ค้า 72,600 กิโลกรัม ทหาร 102 นาย สำหรับทน่ี ัง่ ตรงกลาง หรือ ทหาร 134 นาย สำหรบั ทน่ี ง่ั แบบนอน
หรือ ผ้บู าดเจ็บบนเปล 36 คนและผู้บาดเจ็บท่ยี นื ได้ 54 คน หรือ สินค้าอย่าง รถถงั เอ็ม 1 เอบรามส์
พสิ ัย : 4,482 กิโลเมตร
เพดานบินทำการ : 45,000 ฟตุ
ความจุเชือ้ เพลิง : 35,546 แกลลอน
ซ-ี 17 ถูกออกแบบมาเพ่ือให้ปฏบิ ตั ิการไดบ้ นทางวง่ิ ที่สั้นเพียง 1,064 เมตรและกว้าง
เพยี ง 27 เมตร นอกจากนี้แล้วซี-17 สามารถทำงานของมนั ไดบ้ นทางว่ิงท่ไี มส่ มบูรณ์
ระบบปอ้ งกนั อนั ตรายจากศัตรู : มีระบบป้องกันอันตรายจากศัตรูท้ังจากปืนต่อสู้อากาศยาน และ อาวุธปล่อย
อากาศสู่อากาศ ซี-17 ออกแบบให้มคี วามอยู่รอดเม่ือถูกยิงจากกระสุนปืนเจาะเกราะขนาด 12.7 มม. และเมื่อ
ระบบควบคุมการบินดิจิตอลได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้งานได้ทั้ง 4 ระบบ ยังมีระบบไฮดรอลิกส์สำรอง
ซ่ึงนักบินสามารถทำการบินต่อไปได้ ระบบป้องกันตนเอง ได้แก่ ระบบแจ้งเตือนทิศทางเข้ามาของอาวุธนำวิถี
ข้าศึก, เคร่ืองรบกวนสญั ญานอนิ ฟราเรต และเครื่องปล่อยแชฟฟ์และแฟร์
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 90 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
12.4 ขีดความสามารถของอาวุธ
ขีปนวิถี และอาวธุ ยทุ โธปกรณใ์ นหน่วยทหารราบ
ปพ. 86 กว้างปากลำกล้อง 11 มม. น้ำหนัก 1.1 กก. ระยะยิงไกลสุด 1,500 เมตร หวังผล 45 เมตร อัตรา
การยงิ 21-28 นดั /นาที อตั รากระสนุ มูลฐาน 21 นดั ประจำตัว/ปนื 21 นัด
ปลย. M16 A1 กว้างปากลำกล้อง5.56มม.(0.223”),6เกลียวเวียนขวา/รอบ/12” กระสุน 5.56X45 มม.
(M193) ทำงาน ด้วยแก๊ส ระบายความร้อนด้วยอากาศ การยิง SEMI/AUTO, ความเร็วต้น3,250 ฟุต/วินาที
ซองกระสุน 20,30นัด, อัตราการยิง SEMI45-65 นัด/นาที การยิง AUTO150-200 นัด/นาที, ต่อเนื่อง 12-15
นัด/นาทีอัตราการยิงเป็นวงรอบ 700-800 นัด/นาที ยิงไกลสุด 2,653 ม.,หวังผล 460 ม. ,น้ำหนัก
3.5 กก. (7.38 ปอนด)์ , ยาว39”
ปลย.11 (HK 33) กว้างปากลำกล้อง 5.56 มม.(0.223น้ิว),6เกลียวเวียนขวา/รอบ/12” กระสุน 5.56 X
45 มม. (M193) ทำงาน ด้วยการถอยหลังของส่วนเคล่ือนท่ี การยิงทีละนัด/ยิงเป็นชุด, ความเร็วต้น 3,150
ฟตุ /วนิ าที ซองกระสุนชนิด 20 ,40 นัด อัตรายิงสูงสดุ 600-650นดั /นาที ระยะยงิ ไกลสุด 3,000 ม., หวงั ผล400
ม., น้ำหนัก3.35 กก (7.38 ปอนด์) ,ยาว920 มม.
ปลย. M16 A2 กว้างปากลำกล้อง5.56 มม.(0.223น้ิว) (6/รอบ/7”) กระสุน 5.56X45มม.(SS109 นา
โต้,M855 US) ทำงาน ด้วยแก๊ส ระบายความร้อนด้วยอากาศ การยิง SEMI/AUTO BURST (3 นัด/ชุด),
ซองกระสุนชนิด 20 ,30 นัด, อัตราการยิง SEMI 45นัด/นาที, BURST 3นัด90 นัด/นาที, ต่อเน่ือง 12-15
นัด/นาที, ระยะยิงไกลสุด 3,600 ม., หวังผลเป็นจุด 550 ม.,พื้นท่ี 800 ม. อัตรากระสุน มูลฐาน 380 นัด
ประจำตัว/ปืน 140 นดั
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 91 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
ปก.M.249 (มินิมิ) กว้างปากลำกล้อง 5.56 มม.น้ำหนัก 7.46 กก. ระยะยิง ไกลสุด 3,600 เมตร หวังผล
600,800,1,000 เมตร อตั ราการยิง 850 นัด/นาที อตั รากระสนุ มูลฐาน 3,100 นัด ประจำตัว/ปนื 1,000 นดั
ปลย.M.203 กว้างปากลำกล้อง 40 มม.น้ำหนัก 5 กก. ระยะยิง ไกลสุด 400 เมตร หวังผล 150,350 เมตร
อัตราการยงิ 7 นดั /นาที อัตรากระสุน มูลฐาน 76 นัด ประจำตวั /ปนื 28 นัด
ปก.38 (แมก็ 58) กว้างปากลำกล้อง 7.62 มม.น้ำหนัก 11 กก. ระยะยิง ไกลสุด 3,300 เมตร หวงั ผล
1,800 เมตร อตั ราการยงิ 650-1,000 นดั /นาที อัตรากระสนุ มลู ฐาน 3,100 นดั ประจำตัว/ปืน 1,000 นัด
ปืนซุ่มยิง SIG SAUER (SSG 3000) กว้างปากลำกล้อง7.62มม.(0.308”) (4/1/305มม) ทำงานด้วยมือ,
การยงิ แบบทลี ะนัด กระสุน 7.62 มม. X51 NATO, ซองกระสุนชนิด 5 นดั ระยะยิงหวงั ผลไกลสดุ 1,000 ม.
ปก. 93
-ปก.93 (พ้ืนดิน) กว้างปากลำกล้อง .50 นิ้ว น้ำหนัก 55.9 ปอนด์ ระยะยิง ไกลสุด 6,800 เมตร หวังผล
1,830,925 ม. อัตราการยิง 450-550 นัด/นาที อัตรากระสุน มูลฐาน 630 นัด ประจำตัว/ปืน 200 นัด
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 92 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
-ปก.93 (ติดตั้งบน รสพ.) กว้างปากลำกล้อง .50 นิ้ว น้ำหนัก 55.9 ปอนด์ ระยะยิง ไกลสุด 6,800 เมตร
หวังผล 1,830,925 เมตร อัตราการยิง 450-550 นัด/นาที อัตรากระสุน มูลฐาน 1,995 นัด ประจำตัว/ปืน
600 นัด
ค.อัตโนมัติ ขนาด 40 มม. (CIS 40 AGL) กว้างปากลำกล้อง 40 มม.(24เกลียวเวียนขวา) ทำงานลักษณะ
หน้าห้องลูกเลื่อนเปิด การยิง แบบอัตโนมัติ บนขาหยั่ง,ความเร็วต้น241ม./วินาที บรรจุกระสุนด้วยสาย
กระสุนชนิด 16,32,48 นัด อัตรายิงสูงสุด 350-550 นัด/นาที ระยะยิงไกลสุด 2,200 ม., หวังผล1,500 ม.
นำ้ หนกั รวม 5 กก.(11 ปอนด)์ ,ยาว 15 5/16” รัศมีสังหาร 5 ม.,บาดเจ็บ 15ม.,อนั ตราย 60 ม.
ปลย. TARVO แบบ TAR 21
ความกว้างปากลำกล้อง ขนาด 5.56 มม. กระสุนขนาด 5.56 X 45 มม. นาโต้ เอ็ม 855/ss109
ความยาวของปืน 72.5 ซม. เกลยี วในลำกลอ้ ง 6 เกลียว/ขวา/7 นิว้ น้ำหนกั (เฉพาะตัวปืน) 3.3 กก.
ความเร็วต้นของกระสุน 960 ฟตุ /วินาที อตั ราการยงิ ต่อเน่ือง 45 นดั /นาที อตั ราการยงิ เร็วสูงสดุ 700 -
1,000 นดั /นาที ระยะยิงหวังผล 500 เมตรลงมา
ปืนเล็กกล NEGEV กว้างปากลำกล้อง 5.56 มม. มีเกลียว 6 เกลียวเวียนขวา ครบรอบที่ระยะ 7 น้ิว ใช้
กระสุนขนาด 5.56 x 45 มม. นาโต้อัตราการยิง 850 – 1,150 นัด/นาทีความยาวปืนพร้อมใช้งาน 1,023
มม. ความยาวพับพานท้าย 780 มม. นำ้ หนักไมร่ วมขาทราย 7.50 กก.
ค. 60 มม. กว้างปากลำกล้อง 60 มม. การยงิ แบบทีละนดั บรรจุดว้ ยมือ, รศั มฉี กรรจ์ 18 ม. ลกึ มาข้าง
หลงั 9ม.(ป.-ม,) อัตราการยิงสงู สดุ 30 นัด/นาที อัตราการยิงต่อเนื่อง 18นัด/นาที ระยะยงิ ไกลสุด 1,790ม.
หวังผล ทุกระยะยิง ฉากการยงิ 50 ม. นำ้ หนกั 19.04 กก. (41.88 ปอนด)์ (พลประจำปืน 5 นาย)
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 93 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
ค.81 มม. กว้างปากลำกล้อง 81 มม. น้ำหนัก 6ุ 2.5 กก. ระยะยิง ไกลสุด 5,700 เมตร หวังผล 200 เมตร
ขน้ึ ไป อัตราการยงิ 30 นัด/นาที อตั รากระสุน มูลฐาน 156 นัด ประจำตวั /ปนื 114 นัด
ค.120 มม. กว้างปากลำกล้อง 120 มม.น้ำหนัก 253 กก. ระยะยิง ไกลสุด 7,200 เมตร หวงั ผล 200 เมตร
ขึ้นไป อัตราการยงิ 10 นดั /นาที อัตรากระสุน มูลฐาน 184 นดั ประจำตวั /ปนื 69 นดั
อว.นำวิถีโทว์ (ติดตั้งบน รสพ., ฮัมวี) น้ำหนัก 93 กก. ระยะยิง ไกลสุด 3,750 เมตร หวงั ผล 65 เมตรข้ึน
ไป อัตรากระสุน มลู ฐาน 16 นัด ประจำตวั /ปนื 10 นดั
RPG - 2 กว้างปากลำกลอ้ ง 40 มม.น้ำหนัก 2.83 กก. ระยะยิง ไกลสุด 600 เมตร หวังผล 100,150 เมตร
อตั ราการยิง 4-6 นัด/นาที อัตรากระสนุ มูลฐาน 12 นัด ประจำตวั /ปนื 3 นัด
RPG - 7 กว้างปากลำกล้อง 40 มม.น้ำหนัก 5.4 กก. ระยะยิง ไกลสดุ 1,500 เมตร หวังผล 300,500 เมตร
อตั ราการยิง 4-6 นัด/นาที อัตรากระสุน มลู ฐาน 12 นัด ประจำตัว/ปืน 3 นดั
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หน้าที่ 94 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
เครอื่ งยงิ จรวดตอ่ สรู้ ถถัง M 72 A6 กว้างปากลำกลอ้ ง 66 มม. , ลกู จรวด 66 มม. (6นดั ) ทำงานระบบ
อาวธุ ครบนัด (เคร่ืองยิง+ลูกจรวด) ยิงเสร็จท้ิง ความเร็วปากลำกล้อง 200 เมตร/วนิ าที ระยะนิรภัยปากลำ
กลอ้ ง 30 ฟุต (ด้านคอย 15 วินาที) น้ำหนัก 3.45 กก. เจาะเกราะ 150 มม. อนั ตรายท้ายเคร่อื งยิงไกล 50
ม., มุม90 องศา
ปรส. 106 มม.M40 A2 กว้างปากลำกล้อง106 มม. 36 เกลยี วเวียนขวา, ปืนยาว 134 น้ิว กระสุนรบ ตถ.
106 มม. (30นัด/กระบอก) ระยะยิงไกลสุด 7,700 ม. หวังผล 100 ม. เจาะเกราะ 18 น้วิ , คอนกรีต 1.8 ม.,
ระยะนิรภยั 60 ม. อันตรายทา้ ยรงั เพลิง 39 ม. กว้าง 46 ม. มุม 90 องศา
ขปี นวถิ ขี องอาวธุ แต่ละชนดิ
ชนดิ อาวุธ ระยะหวังผล ระยะยิงไกลสุด
ปพ.86
ปลย.เอม็ 16 50 หลา 1,460 หลา
ปลย.11 (HK 33) 460 ม.ลงมา 2,653 ม.
ปก.เอม็ 60 3,000 ม.
ปกบ.เอ็ม 38 400 ม. 3,725 ม.
ปกบ.มินมิ ิ 1,100 ม. 3,500 ม.
1,800 ม. 2,700 ม. (เบลเยย่ี ม)
ค.60 มม. เป็นจุด 600 ม. 3,600 ม. (สหรัฐ)
ค.81 มม. เป็นพ้นื ที่ 800 ม. ขึน้ อยู่กับระยะยิงของกระสนุ
ค.120 มม. ความแม่นยำ M.1 = 3,300 ล., M.29 = 4,737 ล.
ค.เอ็ม 203 ความแม่นยำ 6,000 ล./5,500 ม.
ความแมน่ ยำ 400 ม. (ฝกึ 80 ม./รบ 31 ม.)
เปน็ จดุ 150 ม.
เป็นพ้ืนที่ 350 ม.
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 95 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
12.5 คณุ ลกั ษณะของร่มบุคคลโดดแบบ T-11
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หน้าท่ี 96 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
12.5.1 ตวั อย่างการแตง่ ร่ม
12.5.1.1 ประกอบเครื่องสนาม
12.5.1.2 ไม่ประกอบเครื่องสนาม
12.5.2 ขนั้ ตอนการพบั ร่ม
12.5.2.1 ขัน้ ตอนท่ี 1 การวางร่มเพื่อเตรียมการพับ
12.5.2.2 ขน้ั ตอนท่ี 2 การพับจัดกรีบ
12.5.2.3 ขั้นตอนท่ี 3 การพับตามยาว
12.5.2.4 ขั้นตอนท่ี 4 การบรรจเุ พดานร่มและปิดปากถุง
12.5.2.5 ข้ันตอนท่ี 5 การพับสายร่มและผูกหว่ งต่อสายรม่
12.5.2.6 ขั้นตอนท่ี 6 การผูกแผน่ ปดิ คลุมสายรม่ และปิดแผ่นห้มุ ห่อรม่
12.5.2.7 ขัน้ ตอนที่ 7 การพับชุดสายรดั ตวั , สายดึงประจำท่ี
การกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ หนา้ ที่ 97 ของ 160 หนา้
Strategic Airborne Operations
12.5.2.8 ข้ันตอนที่ 8 การตรวจพบั
12.5.3 ค่าวสั ดสุ ิ้นปลืองในการพับรม่
- ยางรดั รม่ 8 เส้น ๆละ 3 บาท เปน็ เงิน 24 บาท
- เชือกทนแรงดงึ 80 ปอนด์ จำนวน 2 เส้น ๆละ 25 น้วิ เปน็ เงิน 16.70 บาท
รวมเป็นเงนิ 40.70 บาท / 1 รม่
12.5.4 สถานภาพร่มในปัจจุบัน
- ประจำการเม่ือ 22 มิ.ย. พ.ศ. 2560 จำนวน 60 รม่
- ประจำการเม่ือ 28 ส.ค. พ.ศ. 2561 จำนวน 80 รม่
รวมยอดรม่ ท่ีพรอ้ มใชง้ าน จำนวน 140 รม่
12.5.5 ข้อมูลผลติ ภัณฑ์ (น้ำหนักเมื่อพับ 53 ปอนด์ (24 กก.)
13.5.5.1 ร่มหลกั T-11
13.5.5.2 รม่ ช่วย T-11
การกระโดดรม่ ทางยุทธศาสตร์ หนา้ ท่ี 98 ของ 160 หน้า
Strategic Airborne Operations
12.5.6 ขอบเขตการใชง้ าน
12.5.6.1 ทวั่ ไป
- ระบบร่มบุคคลโดด T-11 เป็นระบบร่มโดด 2 ส่วน ประกอบด้วย รม่ หลัก T-11
และรม่ ช่วย T-11
- ระบบร่มบุคคลโดด T-11 ได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับความต้องการในภารกิจ
โดดรม่ ทส่ี ำคญั สงู เพอื่ ลดการบาดเจบ็ ในการปฏบิ ตั ภิ ารกจิ กระโดดร่ม
- ในภารกิจการรบในสนาม นักโดดดจะโดดจากความสูงระดับต่ำ 500 ฟุตเหนือ
ระดับพ้ืน (AGL) และทคี่ วามเร็วเครื่องบินระหว่าง 130 - 150 Knots (KIAS) ในโปรไฟล์ของการปฏิบัตงิ านอัตรา
การตกเป็นสิ่งท่ีสำคัญมาก ร่มหลัก T-11 มีอัตราการตกอยู่ระหว่าง 14.5 ถึง 18.5 ฟุตต่อวินาที ข้ึนอยู่กับน้ำหนัก
รวมของผู้โดดและความสูงท่ีโดด ซ่ึงร่มนี้สามารถลดแรงกระแทกได้ถึง 40% และสามารถลดการบาดเจ็บจากการ
ลงสู่พืน้ อย่างเห็นผล
- ระบบร่มบุคคลโดด T-11 ได้รวมร่มช่วยและชุดสายรัดตัวที่ทันสมัย ร่มช่วย T-11
มีอัตราการตกอยู่ประมาณ 26 ฟุตต่อวินาที ส่วนชุดสายรัดตัวของร่ม T-11 มีจุดยึดร่มช่วยท่ีผ่อนแรงกระชาก
เปิดให้กระจายไปตามความยาวของรา่ งกายผู้โดด
- ระบบร่มบคุ คลโดด T-11 ในระหว่างการใช้งาน จะติดต้ังอยู่บริเวณหลังของผู้โดด
การเปิดร่มหลักจะถูกควบคุมด้วยรูปร่างของมัน ร่มจะไม่มีความเร็วในการเคล่ือนไปข้างหน้าใดๆและมีอัตรา
การเคลอ่ื นที่รอ่ นลงทร่ี าบเรยี บมัน่ คงเหมอื นในสภาพท่ีไม่มลี ม
- ชุดสายรัดตัวหลัก จะมีจุดปรับ 9 จุด เปล่ียนการจัดต้ังบนตัวปรับ 2 ตัวที่คิดอยู่
ตรงบริเวณบ่าของชุดสายรัดตัวสำหรับปรับแยกขนาดหน้าอก สายปรับหลัก 2 อันสำหรับปรับแยกความยาว
ส่วนลำตัวสายรัดอกสำหรับปรับขนาดอก สายรัดหลังสำหรับปรับความยาวรอบตัวและสันหลัง ส่วนด้านข้าง
สำหรับปรบั ใหก้ ระชับ
- ร่มช่วย T-11 เป็นร่มติดตั้งบริเวณอกท่ีมีห่วงดึงร่มช่วยอยู่ตรงกลาง ซึ่งใน
สถานการณฉ์ กุ เฉนิ ร่มชว่ ย T- 11 สามารถดงึ เปดิ รม่ ได้ไม่ว่าจะใชม้ ือซ้ายหรอื ขวา ในสถานการณด์ งั น้ี
1. เม่ือปล่อยรม่ หลักทง้ั หมด
2. เม่อื ปลอ่ ยร่มหลักได้บางส่วน (ทำงานผิดพลาด)
3. การทำงานผดิ พลาดทัง้ หมด