รายงาน จัดทำ โดย นายสิทธิเดช วิเศษสิงห์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เลขที่1 เสนอ ครู ดวงพร อินทร์กุล รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ลีลาศ ภาคเรียนที่ 1 รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ลีลาศ ภาคเรียนที่ 1
สารบัญ เรื่อ รื่ ง หน้า คำ นำ 1 ประวัติลีลาศ 2 จังหวะของลีลาศ 3-6 การจับคู่ของลีลาศ 7-10 ประโยชน์ของการเต้น ลีลาศ 11 มารยาทของการเต้นลีลาศ 12
คำ นำ สมุดเล่มเล็กนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาพละศึกษาที่จัด ทำ เล่มนี้ขึ้นมาก็เพราะต้องการให้ผู้อ่านได้ใช้เวลา ว่าง ให้เกิดประโยชน์และรู้จักประเภทของลีลาศ กระผม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้รับ ประโยชน์เป็นอย่าง ยิ่ง ผู้จัดทำ สิทธิเดช วิเศษสิงห์ 1
แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด ว่ากีฬาลีลาศแพร่หลายเข้ามาสู่ ประเทศไทยตั้งตั้แต่เมื่อไหร่ แต่จากการสันนิษฐานเชื่อว่าน่าจะเกิด ขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) โดยมีบันทึกของหม่อมแอนนา ว่าได้ลองแนะนำ ให้ท่านรู้จักกับการ เต้นของชนชั้นชั้สูง แต่ท่านกลับรู้จักการเต้นชนิดนั้นนั้ ได้ดีอยู่แล้ว จึง คาดว่าน่าจะทรงศึกษาจากตำ ราต่างประเทศด้วยพระองค์เอง ต่อมาลีลาศค่อย ๆ เป็นที่นิยมขึ้นเรื่อย ๆ ในสมัย พระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) และมีการจัดตั้งตั้ สมาคมสมัครเล่นเต้นรำ ขึ้นใน พ.ศ. 2475 โดยมี หม่อมเจ้าไว ทยากร วรวรรณ เป็นประธาน และจัดการแข่งขันเต้นรำ ขึ้นที่ วัง สราญรมย์ โดยมี พลเรือตรี เฉียบ แสงชูโต และ คุณประนอม สุขุม เป็นผู้ชนะในครั้งรั้นั้นนั้และคำ ว่า "ลีลาศ" ก็ได้ถูกบัญญัติขึ้นใน ปี พ.ศ. 2476 และเกิด สมาคมครูลีลาศแห่งประเทศไทย ขึ้นมา แทน สมาคมสมัครเล่นเต้นรำ หลังจากเกิดสงครามโลกครั้งรั้ที่ 2 การเต้นลีลาศก็ซบเซาลง ไป และกลับมาคึกคักอีกครั้งรั้ ในปี พ.ศ. 2488 จนกระทั่งทั่ยื่นจด ทะเบียนสมาคมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2491 และใช้ชื่อว่า สมาคมลีลาศแห่งประเทศไทย ตั้งตั้แต่นั้นนั้มา ประวัติลีลาศ 2
จังหวะของลีลาศ - จังหวะแทงโก้ (Tango) แต่เดิมคือจังหวะ มิลองก้า (Milonga) ที่ใช้ เต้นกันในโรงละครเล็กๆแต่เมื่อชนชั้นสูงจาก ประเทศบราซิลไปพบเข้าจึงเริ่มมีการนำ มาเต้นรำ กันมากขึ้นและชื่อของจังหวะมิลองก้า (Milinga) ก็ถูกเปลี่ยนเป็นจังหวะแทงโก้ (Tango) ในที่สุด - จังหวะวอลซ์ (Waltz) กำ เนิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1910 (พ.ศ. 2453) ค.ศ.1914(พ.ศ. 2457)ที่บอสตันคลับใน โรงแรมซาวอย ประเทศอังกฤษ มีชื่อเรียกว่า บอสตัน วอลซ์ (Boston Waltz) ก่อนที่จะเสื่อม สลายลงไป และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในช่วง หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยถูกดัดแปลงท่าเต้น ให้เข้ากับยุคสมัย ประเภทสแตนดาร์ด 3
- จังหวะควิกซ์วอลซ์ (Waltz) หรือ เวียนนีสวอลซ์ (Viennese Waltz) ถือกำ เนิดขึ้นในตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ในช่วงยุค 60s ซึ่งเป็นจังหวะที่ต้องใช้พลังสูง เนื่องจากเป็นจังหวะที่มี ความเร็ว ถึง 60 บาร์ต่อนาที โดยเน้นที่การรักษาจังหวะให้ ต่อเนื่อง เน้นการเต้นแบบอิสระ - จังหวะฟอกซ์ทรอต (Foxtrot) เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ในทวีปยุโรป โดยนักเต้นประกอบจังหวะคนหนึ่งชื่อ แฮรี่ ฟอกซ์ (Harry Fox) และถูกนำ มาดัดแปลงขัดเกลาโดย แฟรงค์ ฟอร์ด (Frank Ford) ประมาณปี ค.ศ.1922 (พ.ศ.2465) ถึง ค.ศ.1929 (พ.ศ.2472) จนเริ่มแพร่หลาย - จังหวะควิกซ์สเตป (Quick Step) เป็นจังหวะที่ถูกแตกแขนงมาจากจังหวะฟอกซ์ทรอต เนื่องจากจังหวะฟอกซ์ทรอตมีความเร็วค่อนข้างสูงถึง 50 บาร์ต่อนาที ทำ ให้นักดนตรีเล่นได้ยาก จึงถูกปรับลดจังหวะ ลงมาและนำ มาผสมผสานกันจนเกิดเป็นจังหวะควิกสเตปขึ้น และเริ่มแพร่หลายประมาณปี ค.ศ.1928 (พ.ศ.2471) เป็นต้นมา 4
ประเภทลาตินอเมริกัน - จังหวะแซมบ้า (Samba) มีต้นแบบมาจากแถบแอฟริกา แต่ถูกพัฒนาจนเป็นที่นิยมใน ประเทศบราซิล ซึ่งจังหวะแซมบ้าได้ถูกยอมรับให้เป็นจังหวะที่สามารถ เข้าแข่งขันในมหกรรมการแสดงระดับโลกที่นิวยอร์คได้ เมื่อปี ค.ศ.1939 (พ.ศ. 2482) และอีกสิบปีต่อมาจังหวะแซมบ้าก็ถูกยอมรับ กันอย่างแพร่หลายในปี ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491) ค.ศ.1949 (พ.ศ. 2492) - จังหวะรุมบ้า (Rumba) ถูกนำ เข้าไปยังประเทศอเมริกาโดยทาสชาวแอฟริกัน และถูก พัฒนาต่อจนกระทั่งมีตำ ราการเต้นรำ เกิดขึ้น ซึ่งตำ ราเล่มนั้นเป็นที่แพร่ หลายทำ ให้จังหวะรุมบ้าได้รับการยอมรับในที่สุด - จังหวะแมมโบ้ (Mambo) เป็นจังหวะที่ตั้งขึ้นจากชื่อของหมอผีในประเทศเฮติ เป็นการผสม ผสานการเต้นในแบบ แอฟริกัน-คิวบัน และนิยมเต้นกันในคิวบา โดยเริ่ม แพร่หลายเมื่อ เปเรซ ปราโด (Perez Prado) นักดนตรีชาวคิวบา นำ เอา จังหวะนี้มาเล่นในประเทศเม็กซิโก และได้รับการบันทึกเป็นแผ่นเสียง ในปี ค.ศ.1951 (พ.ศ. 2494) จนถูกเรียกว่าเป็น ราชาแห่งแมมโบ้ (Mambo King) 5
- จังหวะ ชะ ชะ ช่า (Cha Cha Cha) ถูกพัฒนามาจากจังหวะแมมโบ้ (Mambo) ซึ่งตั้งขึ้นจากการเลียน เสียงรองเท้ากระทบพื้นขณะเต้นรำ โดยถูกพบเห็นครั้งแรกที่ประเทศ อเมริกา และแพร่หลายไปยังแถบยุโรป จากนั้นก็ได้รับความนิยมอย่าง จริงจังในช่วงปี ค.ศ.1956 (พ.ศ. 2499) ก่อนที่จะถูกตัดทอนชื่อลงเป็น ชาช่า (Cha Cha) แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงเคยชินกับ ชะ ชะ ช่า (Cha Cha Cha) มากกว่า - จังหวะไจว์ฟ (Jive) กำ เนิดขึ้นในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ราวปี ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) เป็นจังหวะเต้นรำ ในแบบที่เน้นจังหวะจะโคน และการสวิง โดยถูก ดัดแปลงมาจากดนตรีในหลายจังหวะ ทั้ง ร็อกแอนด์โรล แอฟริกัน และ อเมริกันสวิง เป็นต้น ซึ่งในการเต้นนั้นจะเน้นการดีด สะบัด และเตะ ปลายเท้า ซึ่งต้องใช้ความสนุกสนานในการเต้นและใช้พลังสูง - จังหวะปาโซโดเบล (Pasodoble) เป็นดนตรีที่มีจังหวะ 2/4 คล้ายเพลงมาร์ชของสเปน ใช้ในช่วง พิธีกรรมที่นักสู้วัวกระทิงกำ ลังเดินลงสู่สนาม และขณะกำ ลังจะฆ่า กระทิง ก่อนจะพัฒนามาเป็นจังหวะเต้นรำ โดยฝ่ายชายจะเปรียบเสมือน นักสู้วัวกระทิงที่จะบังคับร่างของคู่เต้น ซึ่งเป็นเสมือนผ้าสีแดง ให้แกว่ง ไปมาในลักษณะเดียวกับกำ ลังสะบัดผ้า เพื่อยั่ววัวกระทิง และจะเต้นโดย การย้ำ ส้นเท้านำ เป็นจังหวะอย่างเร็ว ไม่ค่อยใช้สะโพกเคลื่อนไหวเท่าไหร่ นัก 6
การจับ คู่ในการเต้นลีลาศเป็นสิ่งที่มีต้องให้ความสนใจ มากเป็นพิเศษ เพราะถ้าจับคู่ไม่ถูกต้องตามแบบแผน นอกจากจะขาดความสง่างามแล้วยังเป็น อุปสรรค อย่างยิ่งในการนำ หรือตามของคู่ทำ ให้การทรงตัวเสีย ไปและการก้าวเท้า ของคู่จะไม่สอดคล้องสัมพันธ์กัน หรืออาจจะเหยียบเท้ากันได้ การจับคู่เริ่มต้นลีลาศที่นิยมใช้โดยทั่วไปมีอยู่ 2 แบบ คือ 1. แบบบอลรูมปิด ( CLOSED BALLROOM ) 2. แบบบอลรูมเปิดหรือพรอมเมอหนาด ( OPENED BALLROOM OR PROMENADE POSITION ) การจับคู่ในการเต้นลีลาศ 7
การจับคู่แบบบอลรูมปิด ผู้ชาย 1. ยืนตัวตรงเท้าชิด ปลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้า น้ำ หนักอยู่บริเวณ ปลายเท้า ลำ ตัวตั้งตรง เกร็งลำ ตัวบริเวณเอวเล็กน้อยโดยไม่ต้อง เกร็งไหล่ คอและศีรษะตั้งตรงตามสบาย 2. ใช้มือซ้ายจับมือขวาของผู้หญิง โดยการคีบนิ้วทั้งสี่ของผู้หญิงไว้ ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ โอบนิ้วมือที่เหลือแตะหลังมือขวาของผู้ หญิงโดยไม่บีบหรือเกร็งมือ 3. มือซ้ายไม่บิดงอจะเป็นแนวตรงตลอดถึงข้อศอก แขนซ้ายท่อนบน จากไหล่ถึงข้อศอกลาดลงเล็กน้อย พยายามให้ข้อศอกงออยู่ในระดับ เดียวกับแผ่นหลังของผู้หญิง ระวังอย่าให้เอนไปข้างหน้าหรือข้างหลัง 4. แขนซ้ายตั้งแต่ข้อศอกจนถึงฝ่ามือ หักมุมชี้ตรงขึ้นและเอนไปข้าง หน้าเล็กน้อยพยายามรักษาระดับเดิมจากไหล่ถึง ข้อศอกไว้ ปลายแขน เอนเข้าหาศีรษะเล็กน้อย 5. แขนขวาตั้งแต่ไหล่จนถึงข้อศอกลาดลงจนเกือบมีลักษณะเดียวกับ แขนซ้าย ศอกขวายื่นล้ำ จากแนวไหล่ออกไปข้างหน้าเล็กน้อย เพราะจะ ต้องอ้อมไปแตะตรงกลางหลังของผู้หญิง ระวังอย่างยื่นศอกล้ำ ออกไป มากเกินไปและโอบลึกเกินไป ข้อศอกไม่ตกมาแนบข้างลำ ตัว 6. ฝ่ามือขวาแตะตรงบริเวณใต้สะบักของผู้หญิง ปลายนิ้วมือพอดีกับ กึ่งกลางสันหลังและแนบชิดกันไม่แตกแยกจากกัน 7. จับคู่ลีลาศในลักษณะยืนชิดกัน ผู้ชายจะดึงผู้หญิงให้ยืนอยู่ตรงหน้า หรือยืนเยื้องมาทางขวามือของตนเองเล็กน้อย และยืนจับคู่ห่างกัน ประมาณ 6 นิ้ว ผู้หญิง 1. ยืนตัวตรงเกร็งบริเวณเอนเล็กน้อยโดยไม่ยกและเกร็งไหล่ ยืนให้ ตรงกับผู้ชายหรือยืนเยื้องไปทางซ้ายมือของตัวเองเล็กน้อย แต่ระวัง อย่าให้มากเกินไป 2. ยื่นมือขวาให้ผู้ชายจับในระดับปกติ นิ้วมือทั้งสี่ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือ แนบชิดกัน 3. วางแขนซ้ายพาดทับแขนขวาของผู้ชายเบาๆ นิ้วมือซ้ายแนบชิดกัน แตะบนต้นแขนขวาของผู้ชายค่อนไปจนเกือบถึงไหล่ 8
1. ผู้หญิงจะยืนอยู่ทางขวามือของผู้ชาย หันหน้าไปใน ทิศทางเดียวกัน ด้านข้างลำ ตัวของผู้หญิงและผู้ชาย อยู่ชิดกัน 2. ผู้ชายใช้แขนขวาโอบไปที่เอวของผู้หญิงทางด้าน หลัง ไหล่ขวาบิดเข้าหาผู้หญิง ยกข้อศอกขวาขึ้นสูงพอ ประมาณ 3. ผู้หญิงใช้มือซ้ายวางที่บริเวณไหล่ขวาของผู้ชาย โดยวางแขนซ้ายพาดทับแขนขวาของ ผู้ชายเบาๆ 4. ผู้ชายใช้มือซ้ายจับมือขวาของผู้หญิง เหยียดแขน ซ้ายไปข้างหน้า หรือจะงอศอกซ้ายเข้ามาเล็กน้อยก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีการจับคู่ลีลาศอีกลักษณะหนึ่ง คือ การ จับคู่ลีลาศในประเภทจังหวะลาตินอเมริกัน การจับคู่ใน การลีลาศจังหวะประเภทนี้ จะมีลวดลายการลีลาศและ การจับคู่ที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับรูปแบบของการ ลีลาศ การจับคู่แบบบอลรูมเปิด 9
การจับคู่ลีลาศแบบปิด การจับคู่ลีลาศแบบปิด มีความแตกต่างจากการจับคู่ลีลาศแบบบอลรูมปิด ดังนี้ 1. ระยะห่างระหว่างคู่ลีลาศ ทั้งคู่จะยืนห่างกันมากกว่าการจับคู่ ลีลาศแบบบอลรูมปิด 2. มือขวาของผู้ชายแตะตรงสะบักซ้ายของผู้หญิง แทนที่จะแตะ ตรงกลางหลัง 3. แขนซ้ายของผู้หญิง วางซ้อนทาบอยู่บนแขนขวาของผู้ชาย อย่างสบายๆ 4. มือซ้ายของผู้ชายยังคงจับมือขวาของผู้หญิงไว้เหมือนกับการ จับคู่ลีลาศแบบบอลรูมปิด การจับคู่ลีลาศแบบเปิด พบมากในการลีลาศจังหวะไจฟว์และจัง หวะร็อค แอนด์ โรล เป็นการจับมือเพียงข้างเดียว โดยผู้ชายใช้มือซ้ายจับ มือขวาของผู้หญิง ยืนห่างกันในระยะที่ต่างตนต่างเหยียดแขนได้พองาม ส่วนมือข้างที่เป็นอิสระจะถูกยกไว้ข้างลำ ตัว หรืออาจจะยกชูสูงขึ้นก็ได้ แล้วแต่ลีลาของคู่ลีลาศ การจับคู่ลีลาศแบบข้าง จะพบมากการลีลาศจังหวะ ชา ชา ช่า และจังหวะ คิวบัน รัมบ้า การจับคู่ลีลาศแบบนี้เป็นการจับคู่ลีลาศด้วยมือ ข้างเดียว และจับในขณะที่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงยืนหันหน้าเข้าหากัน หรือหัน หน้าไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งคู่ยืนห่างกันพอประมาณ ส่วนแขนข้างที่เป็น อิสระอาจเหยียดออกไปข้างลำ ตัวโดยงอแขนเล็กน้อย หรืออาจยกชูสูงขึ้น ได้ การจับคู่ลีลาศแบบสองมือ มักนำ มาใช้ลีลาศในจังหวะไจฟว์ เป็น ส่วนมาก ทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะยืนหันหน้าเข้าหากันและห่างกันพอสมควร มือซ้ายของผู้ชายจับมือขวาของผู้หญิงและมือขวาของผู้ชายจับมือซ้าย ของ ผู้หญิง ลักษณะการจับมือ ผู้ชายจะหงายฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้น ผู้ หญิงจะคว่ำ ฝ่ามือทั้งสองข้างวางลงบนฝ่ามือของผู้ชาย โดยผู้ชายใช้นิ้ว หัวแม่มือทั้งสองข้างกุมมือของผู้หญิงไว้ การจับคู่แบบบลาตินอเมริกัน 10
ประโยชน์ของการเต้น ลีลาศ ช่วยเผาผลาญน้ำ ตาลและไขมัน ลดความดันโลหิต เพิ่มไขมันดี (HDL) ลดไขมันร้าย (LDL) ลดไตรกลีเซอไรด์ น้ำ หนักลด รูปร่างท่าทางสง่างาม เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ เพิ่มสมรรถภาพการทำ งานของหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงในการหกล้ม ห่างไกลซึมเศร้า สร้างสัมพันธ์อันดีในครอบครัว พบเจอเพื่อนใหม่ มีสังคมใหญ่กว่าเดิม การออกกำ ลังกายด้วยลีลาศเต็มไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ 11
การลีลาศ 1. ฝ่ายชายควรให้เกียรติฝ่ายหญิงโดยการเดินตามหรือเดินเคียงข้าง ในการขึ้นฟลอร์ แต่ถ้าหากว่ามีผู้คนมาก ฝ่ายชายควรเป็นผู้ขอทางนำ ฝ่ายหญิงไปช้าๆ 2. เริ่มลีลาศด้วยการจับคู่ให้ถูกต้องตามลักษณะของจังหวะลีลาศนั้นๆ โดยฝ่ายชายเป็นผู้นำ ฝ่ายหญิง 3. การจับคู่นั้น ไม่ควรจับในลักษณะที่รัดแน่น หรือห่างเกินไป ควรอยู่ใน ระยะห่างกันพองาม 4.ควรลีลาศในแบบที่ง่ายๆ ก่อนแล้วจึงเพิ่มแบบที่ยากขึ้นไปตามความ สามารถของคู่ลีลาศ 5. การลีลาศที่มีการเคลื่อนที่ตามฟลอร์ควรจะลีลาศไปตามทิศทางของ การลีลาศนั้นๆ 6. ควรลีลาศด้วยอารมณ์ที่ร่าเริง สนุกสนาน 7. ควรหลีกเลี่ยงการชน การกระแทกในระหว่างผู้ลีลาศด้วยกัน ถ้าหาก เกิดขึ้นควรจะกล่าวคำ ขอโทษ 8. ผู้ร่วมลีลาศทุกคนควรมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน 9. ควรลีลาศเฉพาะฟลอร์ที่จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น 10. ควรใช้วาจาสุภาพ 11. ไม่ควรเปลี่ยนคู่ลีลาศบนฟลอร์ 12. ไม่ควรหลิกแพลงแบบลีลาศมากเกินไป 13. ไม่ควรลีลาศกับเพศเดียวกัน 14. ขณะที่ลีลาศไม่ควรสูบบุหรี่ เคี้ยวอาหารหรือหมากฝรั่ง 15. ควรให้กำ ลังคู่ลีลาศด้วยกัน มารยาทในการเต้น ลีลาศ 12
thank you