Volume 1 Issue 1 , October - December 2015
ISSN XXXX - XXXX
Institute for Scientific and Technological Research and Services.
King Mongkut’s University of Technology Thonburi.
ทกั ทายกันกอ่ น...
ต้องขอกลา่ วสวัสดกี ับท่านผูอ้ า่ นทุกทา่ น วารสาร ISTRS Journal ฉบบั ปฐมฤกษ์นี้ ถือว่าเป็น
วารสารนอ้ งใหม่ทอ่ี อกมาเผยแพร่ในรปู แบบของวารสารอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ของสำ�นกั วจิ ัยและบรกิ าร
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ สวท. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี (มจธ.) โดยไดต้ งั้
เปา้ หมายวา่ จะเปน็ สอื่ กลางในการเผยแพรอ่ งค์ความรู้ และเป็นช่องทางการน�ำ เสนอผลงานวจิ ัยและ
นวัตกรรมของศนู ยต์ ่าง ๆ ภายใน สวท. ตลอดจนเปน็ แหล่งเรียนรู้ และแลกเปลีย่ นประสบการณข์ อง
บุคลากร นกั ศึกษา และศษิ ยเ์ กา่
ภายในเลม่ ทา่ นจะได้พบกับบทสัมภาษณ์พเิ ศษ จากประสบการณข์ องอาจารย์และอดตี ผู้
บริหารมหาวิทยาลัยฯ ทีจ่ ะชว่ ยถา่ ยทอดวฒั นธรรมท่ดี งี ามของชาว มจธ. มุมมองของศิษยเ์ ก่า มจธ.
ทม่ี าร่วมถา่ ยทอดแนวคดิ และประสบการณ์จากการท�ำ งานในอตุ สาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ และ
นานาสาระจากนกั วิจัยของ สวท. คณะผ้จู ัดท�ำ หวงั เปน็ อยา่ งย่งิ วา่ องคค์ วามรูท้ ่เี กดิ จากความตงั้ ใจ
และพร้อมที่จะถา่ ยทอดออกไปสูส่ าธารณะน ี้ จะน�ำ ประโยชนไ์ ปสู่ผ้อู ่านไม่มากก็นอ้ ย
คณะผจู้ ัดทำ�
กองบรรณาธิการ
ผศ.นธิ ิ บุรณจนั ทร์ ทป่ี รกึ ษา
รศ.ดร.ประเวทย ์ ตุ้ยเตม็ วงศ ที่ปรกึ ษา
นายเกษมศกั ด์ิ ศรธี าราธร ที่ปรกึ ษา
ผศ.ดร.อิศรทัต พง่ึ อ้น บรรณาธกิ าร
นางร่งุ นภา เตาทองนันตสิน รองบรรณาธิการ
ดร.ธิตมิ า วงษช์ ีร ี กองบรรณาธิการ
นางวาสนา มานิช กองบรรณาธิการ
นางสาวภัทธรี า มว้ นจ่ัน กองบรรณาธกิ าร
นายธนะศักด์ ิ ทวนทอง กองบรรณาธกิ าร
นางสาวชาลนิ ี กระจ่างพจน ์ กองบรรณาธกิ าร
นางสาวอัญชลี รอดภยั กองบรรณาธกิ าร
นางสาวชนนกิ านต์ ขลบิ ทอง กองบรรณาธิการ
นายเฉลิมวฒุ ิ จนั โทภาส กองบรรณาธิการ
นางสาวพมิ ชนก เปรมสมาน กองบรรณาธิการ
สารบญั
>> Senior Vision
มาแอบดูวฒั นธรรม มจธ. ตอนท่ี 1 1
บทสัมภาษณพ์ ิเศษ รศ.ดร.วนดิ า พวกุล ทีป่ รึกษาอธกิ ารบดี มจธ.
>> Experience Show Case
มมุ มองผูบ้ ริหาร “Smart Classroom“ 6
- วดิ ทิ ศั น์สัมภาษณ์ ผศ.นธิ ิ บุรณจนั ทร์ ผอู้ �ำ นวยการ สวท.
เรือ่ งเลา่ ....ส้มบางมด ตอนท่ี 1 ต�ำ นานสม้ บางมด 7
- (วาสนา มานิช ศูนย์วิจยั และบริการเพื่อชมุ ชนและสังคม สวท.)
ตรงคน-ตรงงาน-สรา้ งสุข คนพกิ ารกับการทำ�งานในสงั คมไทย 11
- (ธนะศกั ดิ์ ทวนทอง ศูนยก์ ารศกึ ษาต่อเนื่อง สวท.)
เทคโนคลบั เพือ่ การซอ่ มบำ�รงุ 14
- (เฉลมิ เกียรติ จิระรุง่ เสถยี ร ศนู ยเ์ ทคโนโลยซี อ่ มบ�ำ รงุ รกั ษา สวท.)
>> Industrial Trend
ทิศทางธรุ กิจอาหารสำ�เรจ็ รูปพรอ้ มทาน 17
บทสัมภาษณพ์ ิเศษ คณุ วิเศษ วิศษิ ฎ์วญิ ญู กรรมการผ้จู ัดการ บจก.ซีพีแรม
>> Miscellaneous
....คนบา้ กล้อง 21
บทสัมภาษณ์ นายจริ ภทั ร กร่มิ ใจ นักศึกษาภาควชิ าเทคโนโลยีและส่อื สารการศกึ ษา
คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรมและเทคโนโลยี มจธ.
ข่าวประชาสมั พนั ธ ์ 24
รศ.ดร.วนิดา พวกลุ ---- เลา่ ให้ฟงั
ร่งุ นภา เตาทองนนั ตสิน --- เรียบเรยี ง
“อยา่ โกหกตวั เอง
เพราะเท่ากบั เธอ
ไมซ่ ่ือสตั ยต์ ่อตวั เอง
ขนาดเธอทำ�แค่นี้
ครยู งั เสยี ใจ
แล้วถ้าพ่อแมร่ ูว้ ่า
ลกู ตัวเองเปน็ แบบน้ี
แลว้ จะ
เสียใจขนาดไหน”
มาแอบดูวฒั นธรรม มจธ. กับ
รศ.ดร.วนดิ า พวกุล
ต�ำ แหนง่ ทีป่ รึกษาอธิการบดี
มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี
ในโอกาสทมี่ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี ครบรอบ 55 ปแี หง่ การสถาปนามหาวทิ ยาลยั ในปี พ.ศ. 2558
ส�ำ นกั วิจัยและบริการวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สวท.) ได้รับเกยี รตจิ าก รศ.ดร.วนิดา พวกุล ท่ปี รกึ ษาอธกิ ารบดี อดตี รอง
อธิการบดฝี า่ ยวิจัย และอาจารย์ประจำ�ภาควชิ าเคมี คณะวิทยาศาสตร ์ มาเลา่ สู่กนั ฟังเกย่ี วกับประสบการณจ์ ากอดตี ทีส่ ามารถ
บง่ บอกถึงวฒั นธรรมทดี่ ีงามของชาว มจธ.ใหค้ นรุ่นหลงั ไดร้ บั รู้และรว่ มกนั จรรโลงไว้ ใหส้ มกบั ความต้งั ใจของมหาวทิ ยาลยั ทจ่ี ะ
รว่ มสร้างคนดี สร้างความรู้ ค่แู ผน่ ดินไทย
ตอนที่ 1 วฒั นธรรมคร-ู ศษิ ยใ์ กล้ชดิ กัน
ถา้ ถามว่าในฐานะท่ีเปน็ ครูของลกู ศษิ ย์ พวี่ ่า
วัฒนธรรมของนกั ศกึ ษา มจธ.ในอดตี และปจั จบุ นั คงไม่ต่าง
กัน ทีด่ ูเหมือนต่างกันก็นา่ จะเปน็ เพราะมหาวิทยาลัยของ
เรากวา้ งข้ึน ท�ำ ให้ความใกลช้ ิดของอาจารยก์ บั นักศึกษาห่าง
กันเท่านน้ั พีเ่ ขา้ มาสอนที่ มจธ. เม่ือปี พ.ศ.2519 โดยทนุ
พัฒนามหาวทิ ยาลัย ตอนนัน้ อาจารยห์ ริส สูตะบตุ ร เป็น
คณบดคี ณะวิศวกรรมศาสตร์ ต�ำ แหน่งของพ่เี ปน็ ของคณะ
วศิ วกรรมศาสตร์ สงั กดั ภาควิชาวิศวกรรมเคม ี แตม่ าทำ�งาน
ท่คี ณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรมและวทิ ยาศาสตร์ (ตอนนั้น
คณะวทิ ยาศาสตรย์ ังไม่ได้แยกออกมา) ตอ่ มาในปี พ.ศ.2520
ภาควชิ าเคมเี ปดิ สอน พีเ่ ป็นอาจารย์ทีป่ รึกษาชนั้ ปี นกั ศกึ ษา
เคมี รุน่ ที่ 1 ตอ้ งเรียนรแู้ ละใกลช้ ดิ กบั เดก็ มาก แต่เนื่องจาก
มเี ด็กไม่มาก พ่กี จ็ ะรจู้ ักเด็กทุกคน ชอ่ื นามสกุลจ�ำ ไดห้ มด มี
เดก็ ผู้หญงิ กีค่ น เดก็ ผ้ชู ายกค่ี น ร้รู ายละเอยี ดครอบครวั เขา
อย่างเชน่ เป็นคนท่ไี หน คนนีเ้ ปน็ ลูกชาวนา คนน้เี ปน็ ลกู คน
จนี ฐานะเป็นอยา่ งไร ส่งลูกเรยี นกนั อย่างไร รู้แม้กระท่ังราย
ไดท้ างบ้านและค่าใช้จา่ ย ทต่ี ้องรูร้ ายละเอียดของเด็กว่า จริงๆ ท่ีทำ�แบบนนั้ พ่ีมีเจตนาต้องการใหเ้ ขารู้วา่ เวลา
คนไหนมีความจ�ำ เป็นอะไร เพอ่ื พ่กี ็จะไดใ้ ห้ความชว่ ยเหลอื ทีอ่ าจารย์มาสอนจะตอ้ งเตรยี มตัวแบบไหนเทา่ นั้นเอง แลว้
ไดถ้ ูก เช่น ลกู ศิษย์ท่เี ป็นเด็กต่างจงั หวัด ไมค่ ่อยรู้จักทางใน เวลาเรยี นอยา่ คยุ กนั พี่จะบอกเสมอว่า หลบั ไมว่ า่ แตอ่ ย่าคุย
กรุงเทพฯ พกี่ จ็ ะหาเพอื่ นเป็นบัดด้ี พาเขาไป อย่างไปรายงาน กัน เพราะถา้ หลับจะเสยี แคต่ วั เขาเอง แตถ่ ้าคุยกันเพอ่ื นก็
ตวั เพื่อเรยี น รด.ท่กี รมการรกั ษาดินแดนทอ่ี ยู่ใกล้ปากคลอง จะเสียไปดว้ ย แลว้ พวกเขากจ็ ะดแู ลกนั เองไมใ่ หเ้ พอื่ นคุยกัน
ตลาด เดก็ บางคนไม่รจู้ กั ทาง พีก่ ็จะใหเ้ พอ่ื นอีกคนทเ่ี ปน็ คน ในเวลาเรยี น นอกจากน้แี ลว้ พจี่ ะไปทศั นศกึ ษา ไปท�ำ บุญกบั
กรุงเทพฯ พาไปจนถึงท่ีเลย ลกู ศษิ ย ์ คือขน้ึ รถทวั ร์ไปด้วยกนั ท�ำ ใหม้ ีความผกู พนั กนั จน
กระทั่งวนั น้ี เด็กรุน่ นนั้ ทกุ วนั นี้กย็ งั ตดิ ตอ่ กนั อยู่
อยา่ งทบี่ อก สมัยนัน้ ครกู ับลูกศิษยจ์ ะใกลช้ ดิ กนั มาก
เพราะจำ�นวนคนไม่มาก เดก็ รนุ่ นน้ั เรียนหนงั สือแบบเขยี น และพวกเขากร็ ับรู้ถึง
กระดานดว้ ยชอลก์ สถานทีเ่ รยี นจะเปน็ เรอื นไมเ้ ตี้ยๆ สองชั้น วฒั นธรรมแบบน้ี
ปัจจุบันเปน็ ส่วนของคณะวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรมสมยั ก่อนก็
มีการกล่าวค�ำ สวัสดีครับ สวัสดคี ะ่ เวลาอาจารย์เข้าหอ้ งมา วฒั นธรรมครู - ศิษย์ใกลช้ ิดกนั
สอน จะมีหวั หน้าเหมอื นเดก็ ประถม มธั ยม แลว้ ก็สอนเขาวา่
เขาตอ้ งลบกระดาน เคาะแปรงรอ ถา้ วนั ไหนไม่ลบกระดานพี่
จะเขยี นทับ เพ่อื ให้อ่านไมอ่ อก พวกเขาก็จะรแู้ ละรีบวง่ิ มา
ขอโทษและลบกระดานให ้
แต่ครูไมไ่ ดบ้ อกวา่ จะต้องมาคนื เมือ่ ไหร ่ แต่เม่ือจบแลว้ ไป
ตอนท่ี 2 ซ่อื สัตย์ กตญั ญู มสี มั มาคารวะ ท�ำ งานแลว้ แล้วเธอมคี วามสามารถพอ ครขู อเงนิ ส่วนน้คี ืน”
อกี เร่ืองหน่ึงท่พี ่ียงั ประทับใจ คอื พ่เี ป็นอาจารย์ท่ี เชอื่ ไหม..ทกุ วนั น้ี พ่ไี ดเ้ งินคนื ทุกบาททุกสตางค์ มลี ูกศิษย์
คนหนึ่งกลับมาเยีย่ ม ทกั ทายชวนคุย แล้วหยิบซองขน้ึ มา
ปรึกษาชัน้ ปี จึงต้องดูแลพวกเขาตลอด ทง้ั เร่ืองการเรียนการ บอกว่า “อาจารย์ครบั ..ผมเอาสตางค์มาคนื ครบั ” พก่ี ็บอก
สอน กริ ิยามารยาท พีจ่ ะนัดเด็กมากนิ ข้าวดว้ ยอย่างนอ้ ย เขาว่า “ครลู ืมไปแล้วคะ่ แตถ่ ้าจะเอาสตางค์มาคืนครู ครูก็
เดอื นละหน่งึ คร้ัง มานงั่ คุยกนั กินขา้ วและกส็ อ่ื สารกนั จะ ยินดรี บั เพราะครจู ะไดเ้ กบ็ ไว้ให้น้องๆ ของพวกเธอ” เขาได้
รู้หมดเลยแตล่ ะคนเป็นอย่างไร สมยั ก่อนสง่ิ เรา้ ของพวกเขาก็ เขียนจดหมายใสไ่ ว้ในซองนั้นด้วย เขาเขียนไวน้ ่ารักมาก พ่ี
คอื การเล่นพนันบอล บางคนเล่นพนนั บอลจนหมดตัว ไมม่ ี อ่านแล้วน�ำ ้ตาจะรว่ ง เขาเขียนวา่
เงนิ ไปจา่ ยค่าเชา่ หอ เขาจะมาหาพี่แลว้ บอกว่า “อาจารย์
ครับ ผมก�ำ ลงั จะถกู ไลอ่ อกจากหอ” ถามวา่ “ท�ำ ไมหล่ะ” เขา “อาจารยส์ อนผม
บอกว่า “ผมไม่มีสตางค์ไปจ่ายค่าหอ ผมไปเล่นพนนั บอล” ผมไดท้ ุกอย่างจากอาจารย์มา
แคน่ ้นั ยงั ไมพ่ อเจา้ ของโต๊ะบอลกจ็ ะมาไลต่ ีเขาอีก เงนิ ทแี่ มใ่ ห้
มาเป็นเงนิ ค่าหอเอาไปเลน่ พนันบอลหมด พีต่ ้องควกั เงนิ ให้ อาจารยส์ อนวชิ าการ
ลกู ศษิ ย์คนนีไ้ ปใช้หนี้ แลว้ ก็จะดเุ ขา คอื สอนเขา แล้วกไ็ มใ่ ช่ แบบระหวา่ งบรรทัด
แค่คนเดยี ว พีต่ ้องเสียเงินไปเพอื่ ให้เด็กไปเป็นหม่ืนบาท แลว้ คอื สอนความหมายทไ่ี ม่ได้
พีก่ ็บอกเขาว่า “เงนิ พวกนคี้ รไู ม่ได้ใหน้ ะ ครูใหย้ มื เท่านั้น มีบอกไวใ้ นนน้ั และเปน็ เร่ือง
แทจ้ รงิ เปน็ การสอนระหว่าง
บรรทัดเพื่อใหเ้ ขา้ ใจชวี ิต”
พีย่ ังคิดเลยวา่ ถ้าเกษยี ณหรือตาย จะให้เอาจดหมายพวกนใี้ ส่
ไวด้ ว้ ย นี่คอื ความน่ารักทีล่ กู ศษิ ยใ์ หม้ า เปน็ ความซอ่ื สัตย์
และรกั ษาคำ�ม่ันสัญญา และจากความใกล้ชดิ กันเหมือน
ครอบครัว พ่กี จ็ ะสอนเขาวา่ เขาต้องกตญั ญแู ละซอ่ื สตั ยต์ อ่
พ่อแม่ ไม่ท�ำ ใหพ้ อ่ แม่เสียใจ พี่พูดเสมอเลยว่า เวลาลกู สอบ
เขา้ มหาวิทยาลยั ได ้ พอ่ แม่ก็จะลม้ ววั ลม้ ควายเล้ยี งฉลองทงั้
หมู่บา้ น คือท่านดใี จมากท่ีลูกสอบเขา้ มหาวิทยาลยั ได้ ลูกๆ
ทม่ี าเรียนหนังสือก็อย่าหลงระเริง เราตอ้ งรจู้ กั หนา้ ท่ี ตอ้ ง
ต้ังใจเรียน ไมใ่ จแตก ไมโ่ กหกครู ไม่เซน็ ชอ่ื แทนเพ่ือน
ไม่เชน่ น้นั จะเหมือนทพ่ี ่ชี อบพดู ว่า “พ่อแมข่ ายนา ตอนท่ี 3 ให้เกยี รติสถานท่ี ใหเ้ กียรตติ ัวเอง
ส่งควายเรยี นหรอื ไง” และอกี อยา่ งหนงึ่ ที่พูดบอ่ ย ๆ คอื และให้เกียรติอาจารย์
อย่าโกหกตัวเอง โกหกใครกโ็ กหกได้ แตอ่ ย่าโกหกตวั เอง พ่นี ี่เป็นครทู ีด่ ุมากเลย โดยเฉพาะกบั เด็กทเ่ี รยี นไม่
เพราะเท่ากบั เธอไม่ซือ่ สัตย์ตอ่ ตัวเอง ขนาดเธอท�ำ แค่น้ี
ครูยังเสยี ใจ แลว้ ถา้ พอ่ แม่รูว้ า่ ลกู ตวั เองเป็นแบบนแ้ี ล้วจะ เก่งเพราะจะกระดิกตวั ไมไ่ ดเ้ ลย จะถูกดตุ ลอด จนเดก็ บาง
เสยี ใจขนาดไหน ซ่งึ ค�ำ ๆ นล้ี ูกศิษย์เก่าเคยส่งข้อความมา คนก็คดิ วา่ พ่ีไมร่ กั เขา ซึง่ จริง ๆ ไม่ใชเ่ ลย เพราะถา้ เด็กทเ่ี กง่ พ่ี
ว่า “หนูจ�ำ คำ�ๆ หนงึ่ ซ่งึ อาจารย์เคยพูดเสมอได้ว่า ขนาด กจ็ ะไมไ่ ปวนุ่ วายกบั เขา แต่เด็กไมเ่ กง่ พ่ีกจ็ ะไปไล่จิกเพื่อใหเ้ ขา
อาจารยไ์ มม่ ลี ูก เวลาหนทู ำ�ไม่ดี อาจารยย์ งั เสียใจขนาดน ี้ ต้งั ใจเรียน มลี กู ศิษย์บางคนเดนิ เข้ามาแลว้ ถามวา่ “อาจารย์
แล้วถา้ คุณพอ่ คุณแม่ร้จู ะเสยี ใจขนาดไหน” เขาบอกว่า มัน ครับผมไม่เขา้ ใจว่าอาจารยม์ อี คตอิ ะไรกับผม ท�ำ ไมอาจารย์
เป็นคำ�ท่ีคอยเตอื นใหเ้ ขาไมท่ �ำ ผิด ดงั น้ันใครซือ่ สัตยต์ อ่ ตัว เกลยี ดผมนกั ” พต่ี อ้ งเรยี กเขามาน่งั คยุ แล้วบอกว่า “ไม่ใช่...
เอง ทกุ คนต้องเป็นคนดแี นๆ่ พเ่ี ช่อื อย่างน้ัน ครไู มไ่ ด้เกลยี ดเพียงแตว่ ่าเปน็ หว่ ง เพราะครดู พู ฤติกรรมของ
ในเวลาสอนหนังสือพี่ไม่เคยสอนเฉพาะวิชาที่เรียน เธอแล้ว ครูคิดว่าถ้านดิ เดยี วเธออาจจะเปล่ยี นไปได้เลย”
พ่ีจะสอนคุณธรรมและจรยิ ธรรมสอดแทรกตลอด เช่น การ ซงึ่ ตอนน้ันเขากเ็ ขา้ ใจ นกั ศกึ ษากลมุ่ นตี้ อนนีพ้ วกเขาอายุ
แตง่ กาย การพูดจา เช่น “เมอื่ เชา้ ครูน่ังรถเมลม์ าเจอแบบ ประมาณ 50 กว่า ห่างจากพีไ่ ม่กีป่ ี มลี กู จบปริญญาโทแลว้
นน้ั .... น่ารกั จงั เลยลุกให้ครูนง่ั ด้วย แล้วยังพูดจานา่ รักอกี เวลากลับมา Chem. Night เขาจะมาบอกว่า “ท่อี าจารย์พดู
ด้วย” แลว้ กจ็ ะเล่าความรสู้ กึ เราว่าเป็นอย่างไร แลว้ จะบอก กับผมไว ้ มันเป็นอยา่ งน้นั จรงิ ๆ สิง่ ที่อาจารย์ดุและสง่ั สอน
เขาวา่ พวกเราควรเปน็ แบบน้ีนะ หรอื ถา้ เป็นเรือ่ งไม่ด ี ก็จะ มนั ใช่และใช้ได้ตลอด”
บอกพวกเขาว่า “ถา้ เปน็ ลกู ศิษย์ครู ครูร้.ู .ครตู อ้ งเสยี ใจแน่ อีกอยา่ งทพ่ี ไี่ ด้รบั จากลูกศิษย์แล้ว พ่เี กือบนำ�ต้ าไหล
เลย” เชอ่ื ไหมคะ ค�ำ เหลา่ นนั้ เข้าไปในความรสู้ ึกของลกู ศษิ ย์ คอื วันเกษยี ณ ลูกศิษย์กลบั มาหาจ�ำ นวนมาก ซงึ่ ในคราวท่ี
พี่หลายคน มลี ูกศิษยอ์ ย่คู นหน่งึ เขามาสารภาพกบั พี่หลงั พเี่ กษียณถือว่าโชคดี เพราะมผี เู้ กษยี ณทเ่ี ปน็ อาจารยภ์ าค
จากเขาจบไปแล้ววา่ ตอนท่ีเขาน่งั เรียนอยู่แลว้ พ่ีกพ็ ดู ไป วชิ าเคมถี งึ 5 คน ภาควชิ าเคมกี ็จัดงานให้ งานใหญข่ นาด
เร่อื ยๆ เล่าเรอ่ื งนัน้ เร่อื งนี้ วันนน้ั เขาจะไม่เรียน เขาจะฆา่ ตัว ปิดอาคาร 190 ปี จัดเลยี้ งโตะ๊ จนี ประมาณ 100 โต๊ะ ซ่งึ พ่ี
ตาย เพราะทะเลาะกบั แฟน เขาบอกพ่วี ่า “หนูหมดใจแล้ว ประทับใจมากวนั นัน้ คำ�พูดหนึ่งท่มี ีคนชอบมาถามพ่วี า่ ท้งั
หนกู �ำ ลงั คดิ ว่า ชีวติ หนูต้องไมส่ �ำ เรจ็ แน่เลย หนูกำ�ลงั จะคิด ชวี ิตวันไหนหรือส่งิ ไหนทป่ี ระทับใจมากทส่ี ดุ เม่ือกอ่ นไม่เคย
ส้ัน อาจารยพ์ ูดวนั น้ันท�ำ ให้หนูเปลย่ี นและคิดได้ ประเภท ตอบได้ แตค่ ราวนต้ี อบไดแ้ ลว้ คือวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.
จะเลิกกเ็ ลกิ กันไป หนูต้องยืนอยู่ไดซ้ ”ิ 2554 เป็นวนั ที่ประทบั ใจมากที่สุดคือ ลกู ศิษย์กลบั มา
นอกจากน้นั แลว้ เด็กรนุ่ นนั้ จะมีสัมมาคารวะ พดู จา หา แลว้ หลายคนมาไหวพ้ ่ีท่เี ข่าเหมือนมากราบเลย แล้วทุก
ไพเราะ มีเถยี งครบู ้างแต่เปน็ การเถียงดว้ ยความเคารพ คนก็จะมีความทรงจำ�อะไรของแต่ละคนที่เขาจำ�ได้เกี่ยวกับ
อธิบายเหตุผลได้ พี่ไม่ได้ชอบลกู ศิษย์ท่ีนั่งเฉยๆ ใหท้ ำ�อะไรก็ อาจารยค์ นนี ้ คำ�พูดของเขาแต่ละคนจะไมเ่ หมอื นกัน อยา่ ง
ท�ำ ตาม ท้งั ทีใ่ นใจคา้ น เขาต้องสามารถ Discuss กับครไู ด ้ เชน่ “อาจารย์ครบั ผมรู้แลว้ ครับวา่ เวลาที่คนอืน่ เขาว่าเรา มนั
ถ้าเปรียบเทียบพี่ว่านักศึกษาสมัยก่อนดูเหมือนจะปกครอง เจบ็ ย่งิ กวา่ พ่อแมญ่ าติพีน่ อ้ งว่าเรา” เพราะเมอ่ื กอ่ นพี่เคยพดู
งา่ ยกวา่ เพราะไม่คอ่ ยมสี ิ่งแวดล้อมเชน่ โทรศัพท์มือถือ วา่ “จ�ำ ไว้นะ ถา้ เม่อื ไหร่ที่พวกเธอโต เธอไปทำ�งาน แลว้ เขา
Line หรือ Facebook มาเบย่ี งเบนเขาไปจากการเรยี น พดู แบบน้ีกบั เธอ เธอจะเจบ็ ท่สี ดุ แต่ตอนนี้ครดู ่าไว้กอ่ น เธอ
เหมอื นสมัยนี้ ไมเ่ จบ็ หรอกเพราะเธอเปน็ ลกู หลาน” เขากลบั มาแล้วบอกว่า
“อาจารย์ครับใช่แล้วครับ” ถามว่าแลว้ ไปท�ำ อะไรให้เขาด่า
“เปลา่ ครบั ผมไม่ไดท้ �ำ แตเ่ พอ่ื นร่วมงานของผมทจ่ี บมาจาก
ท่อี ่นื เขาโดน ผมฟังแล้วรสู้ กึ เจบ็ มากเลย” เขาพดู วา่ “จบมา
จากไหนน่ี ครูบาอาจารย์ไมส่ อนหรือไง” พ่ีถึงบอกเลยว่าค�ำ ๆ
นีร้ ะวงั ไวเ้ ลย พีก่ เ็ ลยกลับมาใช้วธิ กี ารเดมิ คือ ขอดา่ ไวก้ อ่ น
เปน็ นกั ศึกษาตอ้ งให้เกยี รติสถานท่ี ใหเ้ กียรตติ วั เอง ร้สู กึ เหมอื นกันว่าเราอายุมากแล้ว มีช่องว่างระหวา่ งนกั ศึกษา
ใหเ้ กียรตอิ าจารย ์ และตอ้ งถกู กาลเทศะ พ่ีพูดกบั เดก็ เสมอวา่ กับอาจารย์ทีเ่ ป็นผ้ใู หญม่ ากเกินไป พีต่ ้องการใหน้ ้องที่เปน็
เวลาเรยี นให้ท�ำ ประหน่งึ วา่ สนใจได้ไหม พย่ี อมรับนะว่าคน หัวหน้าภาควิชาและอาจารย์ที่สอนนักศึกษาโดยตรงได้
เราไมไ่ ดช้ อบวิชาทกุ วิชา เราไมไดช้ อบอาจารย์ทุกท่าน เรา ส่อื สารและท�ำ หนา้ ทข่ี องเขามากกว่า ดงั นัน้ เพื่อไม่ให้เขา
ไม่ไดช้ อบการบรรยายทกุ เรือ่ ง เพอื่ วัฒนธรรมที่ดีของ มจธ. ตอ้ งกังวลเรือ่ งทตี่ ้องใหเ้ ราเป็นเบอร์หนง่ึ ต้ังแต่นน้ั มากเ็ ลยไม่
ขอรอ้ งเถอะใหท้ �ำ ประหนึง่ ว่าสนใจได้ไหม เพราะคนทีย่ นื อยู่ ไป พคี่ ดิ วา่ เรานา่ จะชว่ ยได้แค่การสนับสนุนเทา่ น้ันเวทเี ช่น
หน้าเวทเี ห็นทกุ อยา่ งหมด มองลงมาแลว้ ร้เู ลยว่าใครน่งั เล่น นัน้ นา่ จะเปน็ ของน้อง ๆ เขามากกว่า
ไลน ์ เล่น Face book พ่ีเคยแซวลกู ศิษย์ตอนก้มหนา้ เลน่ วา่
ตอ้ งจดด้วยเหรอ ไม่ตอ้ งจดหรอก เดีย๋ วแจกเอกสารให ้ มอี ยู่ (โปรดตดิ ตามตอนตอ่ ไป...)
ครัง้ หนึง่ พ่เี คยเดินไปเหน็ เขาพมิ พ์ขอ้ ความใน Facebook ว่า
“เบอ่ื ไม่อยากเรยี น” พก่ี ็ยอมรับนะว่าคนเราสามารถมคี วาม
รู้สกึ แบบนนั้ ไดเ้ หมือนกัน อยา่ งเชน่ เวลาเราไปฟังบรรยาย
ท่ไี หนบางทีเราก็เบื่อ เพราะบางครั้งคนบรรยายก็ไมไ่ ดถ้ ูก
อัธยาศัย ลลี าการพดู หรอื วิธกี ารนำ�เสนอก็อาจไมถ่ กู อัธยาศัย
แต่ก็ขอใหท้ ำ�ประหนง่ึ วา่ สนใจไดไ้ หม เพ่อื ให้เกียรตกิ ับ
อาจารย์
ส่ิงทพี่ ีจ่ ะเลา่ อกี เรอื่ งหนึง่ คอื เดยี๋ วนพี้ ีไ่ ม่คอ่ ยยอมไป
งานไหวค้ รูหรอื กจิ กรรมของภาควชิ ามากนัก เนือ่ งจากมีอยู่
คร้งั หนง่ึ พอเขาเชิญ พ่ีก็ไป เขาถอื ว่าพีเ่ ปน็ ผู้ใหญ่ พอไหว้ครู
เสร็จเขาก็ใหพ้ ่ีเป็นผแู้ ทนให้พรแกน่ กั ศึกษา พีก่ ็ไมไดใ้ หพ้ ร
หรอกพอไปถึง พีก่ ็เล่าแบบนี้ ประมาณไม่เกนิ 10 นาทีพ่กี ็
พดู ให้เดก็ รูถ้ ึงความกตญั ญู การมีสมั มาคารวะ เล่าให้เขาฟงั
สอนเขา ไม่ไดว้ ่านะ เช่ือหรือไม่ 10 นาทผี า่ นไป พเี่ พง่ิ รวู้ า่ มี
เด็กหลายๆ คนไมไ่ ดฟ้ ังเลย และไมไ่ ด้มองเลย ซึง่ พี่มารทู้ หี ลงั
เพราะพ่ีได้เจอเด็กนักศึกษาสองคนน่ังฟังซาวด์อะเบ้าท์อัน
เดียวกนั เขานง่ั ใกลก้ นั มากคอื แทบจะน่งั ตกั กนั เลย พ่ไี มย่ อม
เร่อื งแบบนี้ พ่ีถามเขาว่าอยภู่ าคไหน เด็กผู้หญงิ บอกวา่ “อยู่
ภาคเคมี” เคมีวทิ ยาศาสตรห์ รือลกู “ค่ะ” เคยเห็นครหู รอื
ไม่ น่เี พ่งิ ไหว้ครูผ่านไปไม่ถึงอาทติ ยห์ นไู ม่ไดเ้ ขา้ หรอื ค่ะ วนั
น้ันท่ีหอ้ งประชมุ “เขา้ ค่ะ” ไม่เห็นครูเหรอ “ไม่เหน็ ค่ะ” พี่
รู้สึกโกรธนะว่า วนั นน้ั พี่ไปเต้นจ�ำ อวดอยู่บนเวทีน้ันท�ำ ไมต้งั
10 นาที คือเขาไม่ไดม้ องเหน็ อะไรเลย กเ็ ลยตั้งใจว่าต้ังแตน่ ้ี
ตอ่ ไปจะไมไ่ ปรว่ มงานวนั ไหว้ครอู กี แล้ว กม็ นี อ้ งๆ ที่ภาควิชา
บอกว่าเดก็ คนเดียวท�ำ ไมพ่ถี ึงมาตดั ตรงน้ีไป คนอื่นเขาก็เสยี
โอกาสซิ แตจ่ ริง ๆ พ่ีมีเหตผุ ลของพี่ขอบอกตรงๆ บางครง้ั พ่กี ็
มมุ มองผูบ้ ริหาร
“Smart Classroom”
วดิ ิทัศนส์ มั ภาษณ์ ผศ.นธิ ิ บุรณจนั ทร์
ผอู้ ำ�นวยการ สวท.
“เรื่องเลา่ ...ส้มบางมด ”
ตอนที่ 1 ตำ�นานสม้ บางมด
“สม้ เขียวหวาน” ถอื ว่าเป็นผลไมท้ ี่หากินได้งา่ ยในบา้ นเรา มใี ห้กินตลอดทกุ ฤดูกาล อุดมไปด้วย
วติ ามนิ เอ วติ ามินบี และวิตามินซี ซงึ่ ช่วยป้องกันโรคหวัด ลดการติดเชื้อจากแบคทเี รยี ลดปรมิ าณคอเลสเตอรอลใน
เลอื ด บรรเทาอาการกระหาย ทำ�ให้ระบบการย่อยอาหารเปน็ ปกติ รวมท้ังมธี าตเุ หลก็ ฟอสฟอรัส และมีกรดอนิ ทรยี ์
อีกหลายชนิด ส้มเขียวหวาน จงึ ถือวา่ เปน็ ผลไมท้ ่ีทรงคุณคา่ มากมายทีเดียว
หากเราเดนิ ไปในตลาด จะพบส้มหลากหลายสายพันธใ์ุ ห้เลอื กซอื้ ไมว่ ่าจะเป็นส้มสายน้�ำ ผึง้ สม้ เขียว
หวาน สม้ โชกนุ หรอื แมแ้ ตส่ ้มสายพันธจ์ุ ากตา่ งประเทศ แต่หากย้อนไปดูตลาดสม้ เขยี วหวานในเมอื งไทยเมื่ออดีต เดก็
ร่นุ ปัจจุบันคงไมเ่ คยรมู้ าก่อนว่า จรงิ ๆ แล้วหนงึ่ ในส้มเขยี วหวานทไี่ ด้ชอ่ื วา่ รสชาตอิ ร่อยทส่ี ดุ และมีชือ่ เสยี งทสี่ ดุ ตอ้ งยก
ให้ “สม้ เขยี วหวานบางมด” หรอื ทเี่ รยี กกันตดิ ปากว่า “ส้มบางมด” ด้วยเอกลกั ษณ์ของรสชาติท่ีหวานจดั อมเปร้ยี ว
เล็กน้อย เนื้อนมิ่ ฉำ่�น�ำ้
ทมี่ าของช่ือ “บางมด” ต�ำ นานสม้ บางมด
“บางมด” สันนิษฐานได้ว่าบริเวณแหง่ นีม้ ี ปี พ.ศ. 2468 นายเสม เปน็ ผนู้ ำ�กิ่งส้มเขียวหวาน
ทรัพยากรดินอันอุดมสมบูรณ์ของดินตะกอนปากแม่นำ้� จากบางบน (บางขนุ นนท์ ตล่ิงชัน และบางกอกนอ้ ย)
เจ้าพระยา ท�ำ ให้ดินมกี ารสะสมของธาตอุ าหารสงู รวม มาปลกู ทต่ี �ำ บลบางมดเป็นคร้งั แรก ส้มเขยี วหวานที่
ท้ังการมีพื้นที่ติดกับชายทะเลที่มักเกิดปรากฎการณ์น้ำ� ปลกู ในแถบนี้เรียกว่า “สม้ บางล่าง” ลักษณะผลมขี นาด
ขึน้ นำ�้ ลง นานวนั เข้าดนิ จึงไดร้ ับอทิ ธพิ ลจากความเคม็ ไลเ่ ลย่ี กัน เปลือกบางมีลายขนึ้ คล้ายสีนำ้�หมากทีผ่ ิวสม้
ของน้�ำ กร่อยผสมผสานกนั ทำ�ใหผ้ ลไมห้ ลายชนิดทป่ี ลูก ซางนมิ่ ปอกงา่ ย และรสชาตหิ วานอมเปร้ยี วเลก็ นอ้ ย
บริเวณน้ีมีรสชาตินิ่มนวลและหวานแหลมเป็นพิเศษ “สวนสม้ บางมด” เป็นสวนผลไม้แบบยกร่องเกิดจาก
เมือ่ ผลไมต้ า่ งๆ เร่มิ สกุ จงึ มมี ดมาตอมและกนิ ผลไม้ การเปลย่ี นผืนนาขนาดใหญใ่ ห้เป็น สวนไมผ้ ล เรยี กชื่อ
ทำ�ใหส้ ามารถพบเห็นมดในพื้นทส่ี วนไดอ้ ยา่ งมากมาย ตามถิ่นปลูกคือยา่ นบางมด และมีคลองบางมดเป็นจุด
“บางมด” เป็นชอื่ ของตำ�บลหนง่ึ ในอ�ำ เภอ บง่ ชที้ างภูมศิ าสตร์ ส้มบางมดจะเริม่ ไดผ้ ลเมอ่ื สม้ อายุ
ราษฎรบ์ ูรณะ จังหวดั ธนบุรี (อ�ำ เภอราษฎรบ์ รู ณะ 3 ปี การจ�ำ หน่ายจะมพี อ่ ค้ามา “เหมาสวน” ชาวบางมด
ประกอบด้วย 4 ตำ�บล คือ แจงรอ้ น บางปะกอก ทุง่ ครุ มกั แถมส้มให้พ่อคา้ อีกสว่ นหนงึ่ เพ่ือชดเชยผลส้มทเ่ี น่า
และบางมด) อาณาเขตของตำ�บลครอบคลมุ พน้ื ท่ชี ุมชน เสียหรือตกหลน่ ระหว่างทาง ซ่ึงเปน็ ประเพณมี าต้งั แต่
ที่อาศัยอยบู่ ริเวณรอบๆ ล�ำ คลองและคลองซอยตา่ งๆ ดงั้ เดมิ
ประมาณกว่า 200 แห่ง ทส่ี ามารถเช่ือมตอ่ ถงึ กนั ได้ พ.ศ. 2485 ได้เกดิ น�ำ้ ทว่ มใหญ่ สม้ บางมดตาย
อยา่ งไรก็ตาม เมอ่ื วันที่ 18 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2540 ไดม้ ี เกือบหมด ชาวสวนบางส่วนจงึ ซอ้ื กง่ิ ตอนส้มแสงจนั ทร์
ประกาศกระทรวงมหาดไทยจดั ต้งั เขตทุ่งครขุ นึ้ โดยแบง่ จากจนั ทบรุ ีมาปลูกใหม่ สม้ บางมดจึงฟ้ืนกลับมาอกี
พน้ื ทท่ี างทิศใต้ของเขตราษฎรบ์ รู ณะออกมา 2 แขวง คร้งั และขยายพ้ืนที่เพิ่มขน้ึ กว่า 30,000 ไร่ โดยใน
คอื บางมด และทุง่ ครุ ปี พ.ศ. 2517 ได้จดั ต้ัง “สหกรณ์การเกษตรสวนส้ม
บางมด” ครอบคลมุ พน้ื ทเ่ี ขตบางขุนเทยี น เขตทงุ่ ครุ
และเขตจอมทอง รวมไปถึงตำ�บลคลองสวน จังหวดั
สมุทรปราการ
ธ ทรงเปน็ แรงบันดาลใจ
เมือ่ วันที่ 31 กรกฎาคม 2521 มีพิธฝี งั ลูกนมิ ติ ณ วดั ทุ่งครุ เขตราษฎร์บูรณะ พระบาทสมเดจ็
พระเจา้ อยหู่ วั ฯ ได้เสด็จพระราชด�ำ เนินมาตัดลกู นิมติ และไดม้ พี ระราชดำ�รัสกับชาวสวนสม้ บางมดที่มารบั
เสดจ็ ว่า “ส้มบางมดอร่อยมาก ใหช้ ่วยกันอนุรกั ษส์ วนส้มบางมดไว”้ (ภาพท่ี 3) ในขณะนน้ั ชาวสวนมไิ ด้
ตระหนกั ถึงการอนรุ ักษ์ เน่อื งจากทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสภาพแวดลอ้ มยงั ดอี ยู่
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ฯ เสด็จวัดทงุ่ ครุ
จากนั้นในปี พ.ศ. 2523 และ พ.ศ. 2526 เกดิ น�้ำ ทว่ มใหญส่ วนสม้ บางมดได้รบั ความเสียหาย
ชาวสวนขาดทุนเป็นจำ�นวนมาก แตเ่ ม่อื นำ้�ลดชาวสวนกก็ ลับมาปลูกส้มอกี แตใ่ นปี พ.ศ.2534 ก็เกดิ
น้ำ�ทว่ มใหญอ่ ีกครัง้ รวมทง้ั นำ�้ ทะเลหนนุ สูงไหลทะลกั เขา้ ส่คู ลองบางมดและไหลเข้าท่วมสวน สวนส้ม
บางมดยนื ตน้ ตายเพราะรากเนา่ จนไมส่ ามารถฟน้ื ฟูให้กลบั สสู่ ภาพเดิมได้อกี เนือ่ งจากนำ้�ในร่องสวน
กลายเป็นนำ้�กร่อยและดินกลายเป็นดนิ เคม็ ชาวสวนบางรายจึงขายสวนทิ้งแล้วยา้ ยไปปลูกส้มท่ีทุง่ รงั สติ
จงั หวดั ปทุมธานี รวมไปถงึ อ�ำ เภอคลองหลวง อ�ำ เภอลำ�ลกู กา อ�ำ เภอหนองเสือ อ�ำ เภอธญั บุรี และ
จังหวัดใกลเ้ คยี งในเขตชลประทานรังสิต ด้วยการดูแลรกั ษาเชน่ เดยี วกับการปลกู ส้มบางมด ชาวสวนบาง
สว่ นเปล่ียนไปท�ำ นากงุ้ กลุ าดำ� หรอื บางรายปล่อยสวนให้รกร้างเพราะลกู หลานท่มี ีระดับการศกึ ษาค่อน
ขา้ งสงู ไม่นิยมประกอบอาชีพท�ำ สวนตามแบบบรรพบรุ ุษ และบางแหง่ ที่ถนนตดั ผ่านถูกขายให้กับ
โครงการหมบู่ ้านจัดสรร เพราะชุมชนเมอื งขยายตัว
บทสง่ ท้ายจากผู้เขียน
“สม้ บางมด” สร้างทัง้ ชือ่ เสยี งและรายไดใ้ หก้ บั ชมุ ชนย่านบางมดมานานกว่า 90 ปี แตป่ ัจจบุ นั
ชุมชนกำ�ลังเปลี่ยนแปลงจากการพฒั นาเมอื ง และผลกระทบดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม สวนส้มบางมดลดจ�ำ นวน
ลง เปล่ยี นสวนเกษตรผสมผสานที่เติบโตดว้ ยประสบการณ์และภูมปิ ญั ญา มีการจัดตงั้ กลุ่มเกษตรเพ่อื
ต่อรองกบั ส่วนงานทส่ี ร้างผลกระทบ ท้ังนี้ชาวสวนมไิ ดม้ ่งุ หวงั ถงึ ความรุ่งเรืองเฉกเชน่ อดตี เพยี งแต่
ต้องการอนรุ กั ษ์มรดกของชุมชนไว้ใหล้ ูกหลาน การเปน็ แหล่งเรยี นรู้ สถานท่ที ่องเท่ียว พรอ้ มกับผลติ
อากาศบรสิ ทุ ธิใ์ ห้กบั ชาวกรุงเทพมหานคร และเหนอื ส่ิงอื่นใดคอื การสนองกระแสพระราชด�ำ รัสของ
ในหลวง ทมี่ ีต่อชาวสวนสม้ บางมดเมื่อครั้งในอดตี
ตรงคน-ตรงงาน-สร้างสุข
คนพิการกับการทำ�งานในสงั คมไทย
ธนะศกั ดิ์ ทวนทอง
ศูนย์การศึกษาตอ่ เน่อื ง มจธ.
สงั คมไทยเป็นสังคมแหง่ การแบง่ ปนั และความ
เอ้ือเฟ้อื เชอื่ ในเรื่องเวรกรรม ดังน้นั จึงเปน็ สังคมที่น่าอยู่ ปัจจุบันทางออกหนึ่งท่ีภาครัฐได้ช่วยให้ผู้พิการได้มีงานทำ�
แต่ในอกี มติ ิหนึง่ ของการชว่ ยเหลือผู้พิการ อาจจะนบั เป็น หรอื สามารถมอี าชพี เล้ยี งตนเองและครอบครวั ได ้ คอื การ
อุปสรรคอยู่เช่นกนั เม่ือคนในสงั คมเหน็ ผูพ้ กิ ารจะรสู้ กึ สงสาร ออกกฎหมาย และบังคบั ใช้ โดยกฎหมายท่สี �ำ คญั ทีม่ ีสว่ น
และเห็นอกเหน็ ใจ การใช้งานคนพิการกลายเปน็ เรื่องเวร สำ�คัญอย่างยิ่งต่อการมีทำ�งานของผู้พิการในสถานประกอบ
กรรม ใจร้าย ใจด�ำ การกดข่ี ฯลฯ ซึ่งไมไ่ ดห้ มายความถงึ แต่ การ คอื พระราชบัญญัติสง่ เสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชีวติ
การใชช้ ีวิตในสังคม หรือการท�ำ งานเทา่ นัน้ แต่ยงั หมายรวม คนพกิ าร พ.ศ.2550 (แก้ไขเพ่ิมเตมิ ในปี พ.ศ.2556) โดย
ถงึ ครอบครัว ซ่ึงนับเปน็ อุปสรรคใหญ่ พอ่ แมจ่ ะคดิ ว่าลูกคน กฎหมายฉบบั น้ี ไดร้ ะบใุ นมาตรา 33 ใหส้ ถานประกอบการ
เดียวเลี้ยงได้ ไมย่ อมปลอ่ ยให้ผู้พิการท�ำ งานอะไร หรือแมแ้ ต่ จา้ งคนพิการเข้าทำ�งานตามอัตราสว่ นทีเ่ หมาะสม โดยกฎ
ให้ออกนอกบา้ นไปไหน ซง่ึ ถ้ามองในมุมของทัศนคติและวถิ ี กระทรวงแรงงานได้มกี ารก�ำ หนดอัตราสว่ นคนพกิ าร 1 คน
สงั คมไทยแล้ว เราคงไม่สามารถต�ำ หนิพ่อแม่ หรือผู้ดแู ลได้ ตอ่ พนกั งาน 100 คน ส่วนในมาตรา 34 ระบุวา่ หากไมม่ ี
แมแ้ ตน่ ้อย แตผ่ ู้พกิ ารควรจะได้รับการกระตุ้นการเรียนรเู้ พ่ือ การจ้างคนพิการให้สถานประกอบการส่งเงินเข้ากองทุนส่ง
ใหอ้ ยรู่ ว่ มในสังคมไดอ้ ยา่ งปกตสิ ขุ เสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตคนพกิ ารแทน ซง่ึ นายจ้างจะ
การทำ�งานหรือการมีงานทำ�ของผู้พิการดูเหมือนจะ ต้องส่งเงินเข้ากองทุนวนั ละ 300 บาท หรือคิดเปน็ 109,500
สวนทางกบั ความต้องการในตลาดแรงงาน หรอื การประกอบ บาทตอ่ ลกู จา้ งคนพกิ าร 1 คนตอ่ ปี และ มาตรา 35 สำ�หรับ
อาชีพเพ่ือให้เป็นวถิ ปี กตใิ นการด�ำ เนนิ ชวี ติ ซงึ่ มผี ู้พกิ าร กรณีหน่วยงานท่ีไม่ต้องการจ้างคนพิการเข้าทำ�งานและไม่
จ�ำ นวนมากท่ีไม่กลา้ จะออกจากบา้ น หรือถูกผดู้ แู ลห้ามออก ประสงคจ์ ะจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ กส็ ามารถใชว้ ธิ ใี ห้สัมปทาน
นอกบา้ น ซ่ึงการเรียนรทู้ กั ษะการดำ�รงชวี ติ ในสงั คมอยา่ ง แทน ดว้ ยการจดั สถานท่จี �ำ หนา่ ยสินค้าหรอื บรกิ าร จัดจ้าง
ปกติ นา่ จะเปน็ ทางเลอื กทด่ี ีทีส่ ดุ สำ�หรับพวกเขาเหล่าน้ัน เหมาช่วงงาน จา้ งเหมาบริการโดยวธิ ีกรณีพเิ ศษ ฝกึ งาน หรือ
การเรยี นรแู้ ละชว่ ยเหลอื ตนเอง โดยมสี ิง่ อำ�นวยความสะดวก จัดใหม้ ีอปุ กรณห์ รอื สิง่ อำ�นวยความสะดวก ล่ามภาษามือ
ทมี่ ีให้ หรือปรบั ตัวเขา้ การสง่ิ ท่มี ีอยอู่ ย่างเปน็ ปกติ โดยทไี่ ม่ หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ
เป็นภาระกับคนทัว่ ไปหรอื สังคม เป็นส่ิงที่ผู้พกิ ารส่วนใหญ่ กไ็ ด้
ต้องการ ปัจจบุ ันสถานการณ์ผ้พู ิการในประเทศไทย
มีจำ�นวน 1,567,791 คน หรือคดิ เปน็ ร้อยละ 2.41 ของ
ประชากรท้งั ประเทศ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมผี ู้พกิ าร
มากท่สี ุด ประมาณ 39% ส่วนกรงุ เทพมหานคร แมห้ ลาย
คนคิดว่ามผี ูพ้ กิ ารอย่จู ำ�นวนมาก แต่ในความเป็นจริง ผพู้ กิ าร
ในพ้ืนที่เขต กทม. มอี ยูเ่ พยี ง 4% ของผ้พู กิ ารทั่วประเทศ
เทา่ นั้น สวนทางกับจ�ำ นวนสถานประกอบการทต่ี อ้ งการ
จา้ งแรงงานตามกฎหมายอย่างมาก โดยความพิการเกือบ
50% เปน็ ความพิการทางการเคลอื่ นไหวหรอื ทางรา่ งกาย
ซึ่งสถานประกอบการท่ีต้องรับผู้พิการเข้าทำ�งานจำ�เป็นต้อง
ปรบั ปรุงดา้ นกายภาพก่อนรับผู้พิการเขา้ ท�ำ งาน และตามมา
ด้วยเหตุผลของความพร้อมด้านสถานที่และไม่สามารถรับผู้
พิการเขา้ ทำ�งานได้ ทางด้านการศกึ ษาจ�ำ นวนผู้พกิ ารที่ไมม่ ี
โอกาสไดเ้ รยี นหรือจบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา รวม
กนั มีจำ�นวนมากถึง 96% โดยประมาณ โอกาสการมงี านทำ�
ของคนพิการในสถานประกอบการดูเหมือนจะยิ่งห่างไกลข้ึน
เรอื่ ยๆ (ข้อมูลจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชวี ติ คน
พกิ าร : 2557)
และในมาตรา 35 น้ีเอง ที่ มจธ. ได้เข้ามามบี ทความ ผู้พิการที่ต้องการทำ�งานจะมีความกระตือรือร้นสูง
ในการช่วยเหลอื ผ้พู ิการให้สามารถไประกอบอาชพี ได้ โดย ในการท�ำ งาน บางคนมคี วามสามารถสงู และมคี วามตอ้ งการ
การจัดฝึกอบรม-ฝกึ งาน ในอาชีพท่เี หมาะสมกบั ความ เป็นสมาชกิ ของสงั คมทีส่ รา้ งประโยชน์ และมคี ุณค่าในสังคม
ต้องการของสถานประกอบการและผพู้ ิการ ซ่ึงในปี 2558 ได้ โดยรวม ในอนาคตหากผูพ้ ิการสามารถเข้าถึงการศกึ ษาขน้ั
ด�ำ เนินการจดั โครงการเป็นรุ่นที่ 2 ในอาชีพ เจา้ หน้าท่ีประจำ� พนื้ ฐาน หรอื เข้าถึงการฝกึ อาชีพในสาขาที่ตอบสนองต่อ
ส�ำ นกั งาน (ซงึ่ ที่ไดข้ ออนุมตั หิ ลักสูตรน้ี เนอ่ื งจากข้อมลู ใน ความต้องการของตลาดแรงงาน นา่ จะสามารถสร้างงานใน
รนุ่ ท่ี 1 พบว่าผพู้ ิการทไ่ี ดง้ านทำ�ทุกคนท�ำ งานในส�ำ นักงาน/ สถานประกอบการใหผ้ พู้ กิ ารไดอ้ ย่างแน่นอน แต่อยา่ งไร
ธรุ การ) มรี ะยะเวลาการอบรม รวม 6 เดือน แบ่งเปน็ อบรม ก็ตาม ปจั จุบนั การท�ำ งานของผพู้ ิการ สถานประกอบการ
พืน้ ฐานดา้ นสงั คม การใชช้ ีวิต รวม 2 เดอื น อบรมดา้ นอาชพี หรอื นายจ้าง คงจะตอ้ งหางานท่ีเหมาะสมกับความสามารถ
2 เดอื น และฝกึ งานในสถานประกอบการจริง 2 เดอื น ซ่ึง ของผูพ้ ิการที่มคี วามตอ้ งการทำ�งานก่อน เพอื่ เป็นจุดเรม่ิ ต้น
ความยากของการจดั โครงการ จะเปน็ เร่อื งของการคัดผูพ้ กิ าร ของการท�ำ งานรว่ ม รวมท้งั ต้องทำ�ใหส้ ภาพแวดลอ้ มด้าน
เข้ารว่ มโครงการ และการเรยี นรรู้ ว่ มกันของผู้พิการที่มพี น้ื กายภาพเอ้อื ตอ่ คนพิการมากขน้ึ หากพวกเขารูส้ กึ ชอบและ
ฐานความรทู้ ่ีแตกต่างกนั ตงั้ แตร่ ะดบั ประถมศึกษา ถึงระดบั สนกุ กับการท�ำ งาน มน่ั ใจว่าตนเองทำ�ได้ ผ้พู กิ ารคงจะไม่
ปรญิ ญาตรี ดงั น้ัน การอบรมจึงจ�ำ เปน็ ต้องออกแบบเนื้อหา ปฎิเสธงาน และต้องการอยรู่ ว่ มกันทำ�งานเพือ่ องค์กรตลอด
ให้เป็นไปในรูปแบบของการใช้กิจกรรมร่วมเพื่อการเรียน ไป หรอื กค็ อื ตรงคน ตรงงาน สรา้ งสขุ ทใ่ี ช้ได้กับทุกคน
รู้ (Activities Base) โครงการมหาวทิ ยาลยั กับชมุ ชนและ
สงั คม ศูนยส์ ง่ เสรมิ และสนับสนุนมลู นิธิโครงการหลวงและ
โครงการตามพระราชด�ำ ริ ศนู ยก์ ารศึกษาต่อเนอ่ื ง สวท. เป็น
หน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมายและร่วมกันดำ�เนินโครงการ
ฝึกอบรม-ฝึกงานนี้ โดยใชอ้ าคารสัมมนาซงึ่ ศนู ยก์ ารศึกษาตอ่
เนอื่ งได้ดแู ลอยู่ เป็นสถานที่หลกั ของการดำ�เนนิ โครงการ โดย
มีความพร้อมด้านห้องอบรมสมั มนา รวมท้ัง หอ้ งพกั รบั รอง
(Guest House) และร่วมกันชว่ ยด�ำ เนนิ โครงการ ซง่ึ เป็นที่
น่ายนิ ดีทหี่ นว่ ยงานต่างๆ และ บุคลากรของ มจธ. ไดใ้ ห้ความ
รว่ มมือ และช่วยเหลอื โครงการอยา่ งดียิ่ง เราไดเ้ ห็นภาพท่ี
บุคลากร มจธ. ได้ท�ำ กิจกรรมกับผ้พู ิการ นักศึกษา มจธ. ได้
ทำ�กิจกรรมกบั ผ้พู กิ ารเพ่ือการเรยี นรู้ร่วมกนั เช่น นกั ศกึ ษา
สถาปัตยกรรมศาสตร์อบรมดา้ น Workshop Design และ
ใช้ ผู้พกิ ารผ้เู ข้าร่วมโครงการเปน็ แขกรับเชญิ โดยไดส้ มั ภาษณ์
และเก็บขอ้ มลู และรว่ มกันออกแบบผลติ ภัณฑส์ ำ�หรบั ผู้
พิการ ซงึ่ เป็นประสบการณต์ รงของนกั ศกึ ษา ที่ได้เรยี นรู้จาก
กลุม่ ตวั อยา่ งท่ีใช้งานจรงิ หรือ การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ที่เป็น
ผลพลอยไดจ้ ากการจดั การฝึกอบรม เชน่ การอบรมศลิ ปะ
บำ�บัด ไดม้ ีการน�ำ ภาพศิลปะของผู้พิการไปจัดท�ำ เป็นสมุด
บนั ทกึ และนำ�ไปขาย ซึ่งรายไดท้ ่ีเกิดขน้ึ ก็น�ำ กลบั มาใหก้ ับผู้
พกิ ารเจา้ ของผลงานนนั้ ๆ เปน็ ตน้
เทคโนคลบั เพอื่ การซ่อมบ�ำ รงุ
(Maintenance Technology Club : MTC)
“สบื จากเสยี ง”
เด๋ยี วน้ีขา่ วสารตา่ งๆ พงุ่ ตรงเข้าหาเราไดง้ ่ายมากตั้งแตท่ ุกคนลมื ตาต่ืนมา อาจมบี ้างทบี่ างข่าวชวนใหห้ วาดกลัวในการ
ดำ�เนนิ ชวี ิตในแต่ละวัน เชน่ แนใ่ จได้อย่างไรวา่ จอดรถติดไฟแดงอยถู่ นนจะไมท่ รุดลงมา? โครงสรา้ งอาคารทเ่ี คยถกู น้ำ�ทว่ มยังแข็ง
แรงอยู่ไหม? ถงั NGVท้ายรถของเรายงั ปลอดภยั อย่ไู หม? หรอื อาจถงึ ขั้นเพ้อไม่แน่ใจวา่ ในเสาของอาคารท่ีเพงิ่ สรา้ งเสรจ็ อาจมีศพ
คนงานฝงั อยู!่ ? (หรอื จะเชอื่ คุณรวิ กับคณุ เจน ดี) เปน็ ต้น
วิธีการงา่ ยๆทคี่ ลายข้อสงสยั จากตวั อย่างข้างต้น ก็ อีกเทคนิคของการใช้เสียงเข้าตรวจสอบคืออาศัย
คือการตรวจสอบโดยการผา่ มนั ดูเลย เชน่ ถา้ กลวั ว่าแผ่นดิน การส่งผ่านของคล่ืนว่าคลื่นเสียงท่ีส่งไปนั้นมีการเปลี่ยนแปลง
จะทรดุ กเ็ จาะดวู า่ ด้านในนน้ั กลวงหรือไม่ อยากรวู้ า่ อาคาร อยา่ งไรเม่อื วิง่ ผา่ นสิ่งทตี่ ้องการตรวจสอบ (Through Trans-
ยังแขง็ แรงไหมกเ็ จาะดูความพรนุ ของปูน และสภาพเหล็ก mission Technique) ซึง่ จะบอกไดว้ า่ วสั ดุน้นั ๆ มคี วาม
ภายในเลย ถังNGVยังดีไหมกผ็ ่าดเู นือ้ เหล็กและขอ้ ตอ่ ต่างๆ พรุนหรือมีอะไรฝงั อย่ขู า้ งในหรือไม่ วสั ดขุ องแขง็ ท่ีมคี วาม
ว่ายังสภาพดหี รอื ไม่ มศี พไหมในเสาก็ทุบเสาทสี่ งสยั เลย ซง่ึ หนาแน่นน้อย หรือเปน็ รพู รนุ จะทำ�ใหเ้ สียงเคล่อื นท่ีไปได้ไม่
จะเหน็ วา่ การหาคำ�ตอบแบบนี้นนั้ พูดงา่ ย คิดงา่ ยแตท่ ำ�จรงิ ไกล เพราะมกี ารลดทอนที่สูง (High Attenuation) ในการ
ไม่ได้ ด้วยขอ้ จ�ำ กัดนานาประการ เช่น ถา้ ทบุ เสาหาศพแล้วไม่ ตรวจสอบจริงจึงมักนำ�ผลจากการยิงคลื่นเสียงผ่านช้ินที่สนใจ
เจอ คนส่งั ทบุ กอ็ าจกลายเป็นศพแทนไดเ้ หมอื นกัน เปรยี บเทยี บกบั การยงิ ชน้ิ อ้างอิง กจ็ ะบอกไดว้ ่าช้ินท่ีสนใจน้ัน
การตรวจสอบท่ีไม่จำ�เป็นต้องทำ�ลายส่ิงท่ีต้องการ มสี มบตั ทิ างกายภาพเปล่ยี นไปหรอื ไม่ ดัชนที ี่บ่งบอกถึงความ
ตรวจ มหี ลายวิธี เราจะเรียกรวมวา่ การตรวจสอบแบบไม่ แตกตา่ ง นอกจากจะดจู ากความแรงของเสียงท่ลี ดลงเมอื่
ทำ�ลาย (Non-destructive Testing) หรือ NDT วิธี NDT จะ คลื่นยิงผา่ น ก็จะดไู ดจ้ ากความเร็วของคลน่ื เสยี งที่แตกต่าง
เป็นวิธีตรวจสอบท่ีช้ินงานมีความเสียหายทางกายภาพและ ออกไป ยกตัวอย่างเช่น การตรวจวา่ ผนังปนู หรือแทง่ ปนู เมื่อ
คุณสมบตั นิ ้อยทสี่ ดุ ช้ินงานหรือโครงสร้างนนั้ ๆยังสามารถ ฉาบหรือกอ่ เสร็จแลว้ ภายในแหง้ ดหี รอื ยัง ก็อาจใชค้ ลนื่ เสยี ง
นำ�ไปใช้ต่อได้ ในบางคร้งั ยังสามารถตรวจสอบไดข้ ณะที่ ยิงทะลผุ า่ นเพอ่ื ตรวจเช็คได้ ในทาง NDT จะเรยี กการตรวจ
โครงสร้างทีต่ รวจยังท�ำ งานอยู่ไดด้ ้วย แล้ววธิ ี NDT คอื อะไร? สอบดว้ ยเสยี งแบบพาสซฟี นีว้ า่ เทคนิค Ultrasonic Testing
มหี ลกั การอยา่ งไรหล่ะ? อธิบายสัน้ ๆได้ว่า วธิ ี NDT จะอาศัย หรอื UT
หลักการคุณสมบตั ิทางฟสิ ิกสข์ องวัสดุเป็นหลัก เช่น การดดู
กลืนแสง การสง่ ผา่ นและสะท้อนเสยี ง การดูดกลนื รังสี ความ
เปน็ แมเ่ หลก็ การนำ�ไฟฟ้า การถ่ายเทความร้อน เป็นตน้ โดย
อาศัยการอบรม ประสบการณ์ และเครอื่ งมือท่เี หมาะสมเปน็
สว่ นประกอบสำ�คญั
ดงั ท่ีเกรน่ิ ไวเ้ สียยดื ยาว มาดเู ก่ียวกบั หัวข้อบทความ
“สบื จากเสยี ง” นี้กนั “เสยี ง” เปน็ หลักการหนึ่งของการ
ตรวจสอบแบบไม่ทำ�ลายและดูจะใกล้ตัวกับเรารองจากการ
มอง หลกั การของการใช้เสียงตรวจสอบจะแบ่งเป็นสองอยา่ ง
คอื การสง่ คล่นื เสยี งไปและวิเคราะห์เสยี งท่สี ะทอ้ นกลบั มา
ซึ่งเราจะเรียกว่าแบบแอคทีฟ (Active) และ อยา่ งที่สองคือ
การฟังเสยี งรอ้ งของวัสดแุ ละน�ำ มาวเิ คราะห์ โดยไม่มกี ารสง่
คลน่ื เสียงเข้าไปเลย ซ่ึงจะเรียกว่าแบบพาสซีฟ (Passive)
อันดับแรกขออธิบายขยายถึงหลักการแบบแรกที่
เป็นการส่งคลนื่ เข้าไปในตวั กลางกอ่ น โดยทัว่ ไปการส่งคลนื่
เสียงเขา้ ไปตรวจสอบนั้นจะใชส้ องเทคนิค โดยเทคนคิ แรกคอื
การตรวจสัญญาณการสะทอ้ นกลบั (Reflection) โดย
จะใชเ้ วลาทีเ่ ดนิ ทางไปและกลับ (ΔT) มาคูณกบั ความเร็วคลื่น
เสยี งในวสั ดุนนั้ ๆ (V) (คน้ ค่าไดจ้ าก Google หรอื การทดลอง)
เพ่อื ตรวจว่าระยะสะท้อนนัน้ อย่ทู ีเ่ ทา่ ใด (S=VΔT/2) เช่น
เดียวกับค้างคาว หรอื ปลาโลมา หรอื ใกล้ตวั หนอ่ ยคอื การ
ไปให้หมอทำ�อัลตร้าซาวนต์ รวจอวยั วะภายในของเรา หรือ
แมแ้ ต่การใชแ้ อพลิเคชนั่ มือถอื เพอ่ื วัดระยะทาง
สำ�หรับหลักการตรวจสอบโดยเสียงอีกแบบคือแบบ เสียงความถ่สี งู ยิงทะลุเสา และวเิ คราะหก์ ารเปลย่ี นแปลงของ
ฟังเสียงอย่างเดียวแล้ววิเคราะห์ว่าเสียงที่ได้ยินน้ันเกิดขึ้น คลื่นเสียง เปรยี บเทยี บกบั บรเิ วณทเ่ี สามคี วามสมบูรณ ์ ผล
จากอะไร ยกตวั อยา่ งง่ายๆ เหมือนตอนที่เราขับรถแล้วได้ยนิ การตรวจสอบจะเปน็ อย่างไร หากทา่ นใดต้องการทราบลอง
เสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลาข้ึนหรือลงลูกระนาดบนถนนซึ่งปกติไม่ คน้ หาจากขอ้ มลู ในอินเตอเน็ตกนั ดู อาจเจออะไรแปลกๆ ก็
เคยได้ยินมากอ่ น เราก็จะคาดเดาวา่ เกิดอะไรผดิ ปรกติกับ เปน็ ได้
รถแนๆ่ โดยผลการคาดเดานี้ ก็จะมาจากความชำ�นาญ และ
ประสบการณเ์ ป็นหลกั ซ่ึงอาจมหี ลักการทางทฤษฎรี วมอยู่
ดว้ ย เหมือนกบั รถจะส่งเสียงกระซิบออกมาบอกวา่ เกดิ ความ
ผิดปรกติขน้ึ ซ่ึงการตรวจสอบโดยการฟังเสยี งนีท้ างปฏิบตั ิ
เราจะได้ยินเสียงกระซิบนี้จากการใช้เซนเซอร์ท่ีมีความไว
เสยี งสงู ๆ (High Responsibility) และผ่านการแปรผลหลาย
ขั้นตอน จนสดุ ท้ายได้เป็นการวิเคราะห์ความเสยี หายนน้ั ๆ
หลักการแบบฟงั เสยี งน้ี ยังสามารถบอกได้ถงึ ต�ำ แหน่ง หรอื
ระยะ ของแหลง่ กำ�เนดิ เสยี งไดด้ ้วย เหมือนการทนี่ ินจาหรอื
จอมยุทธฟังเสียงจากการก้าวเดินของคนและรู้ว่ามีคนเดินมา
ใกล้แล้วหรอื ยัง โดยวิธีการแบบพาสซฟี น้ี เรยี กว่า NDT คอื
เทคนิค Acoustic Emission หรือ AE นั่นเอง
ดังทก่ี ลา่ วมายืดยาว จะเห็นว่าท้งั การใชเ้ สยี ง
เพ่อื ตรวจ และการฟังเสยี งเพื่อวิเคราะหค์ วามเสียหาย
นั้น สามารถท�ำ ได้ หากมีการเรยี นรู้หลกั การ ความชำ�นาญ
ประสบการณ์ และใช้เครอื่ งมอื ที่เหมาะสม ขอยกตัวอยา่ ง
การตรวจสอบด้วยเสียงตามที่อินโทรในตอนต้นมาบางกรณี
เชน่ ปัญหาถนนทรุดใน กทม. ที่เราเคยไดย้ ินขา่ วกันอยูช่ ่วง
หนึง่ ซึง่ สาเหตุอาจมากจากดนิ ใต้ถนนหายไปจากการเซาะ
จากเหตุการณน์ �้ำ ท่วม ทำ�ใหเ้ กดิ เป็นช่องโบ๋ใตถ้ นน เมอ่ื ไดร้ ับ
น้ำ�หนักซ้�ำ ๆ จากรถท่ีวิง่ ก็ทำ�ใหเ้ กิดการทรุดได้ ซ่ึงเราอาจ
เช็คได้โดยการเคาะและใช้เซนเซอร์ฟังเสียงเปรียบเทียบกับ
บริเวณที่ดินใต้ถนนสมบูรณ ์ หรือกรณถี งั NGV ทา้ ยรถ เพือ่
เพิ่มความม่ันใจอาจตรวจเช็คโดยการใช้เซนเซอร์ฟังเสียงขณะ
ทำ�การเติมก๊าซเพ่ือเช็คความผิดปรกติของเสียงจากการขยาย
ตัวของถงั ก๊าซ หรืออาจได้ยินเสยี งการร่วั ตรงสว่ นข้อต่อต่างๆ
ก็ได ้ สุดทา้ ยในกรณีวิญญาณหลอน ไม่แน่ใจว่ามศี พฝังอยใู่ น
เสาหรือไม่ เชน่ กรณเี สาปูนในห้องเกบ็ ของหอ้ งหนงึ่ ในสนาม
บนิ สวุ รรณภูมทิ ม่ี ีตำ�นานเลา่ อา้ งว่า ในชว่ งทีม่ ีการก่อสรา้ ง
คนงานได้ถูกฆ่าตาย และน�ำ ศพมาฝังอำ�พรางไวใ้ นเสาปูนต้น
นี้ และเมอื่ สนามบนิ สร้างเสรจ็ ก็มเี รอ่ื งเลา่ อีกวา่ มีคนพบ
วิญญาณวนเวียนบรเิ วณห้องดงั กลา่ ว และเดินทะลุเขา้ ไปใน
เสา หรือมีเสียงโหยหวน เป็นตน้ แนน่ อนวา่ ยอ่ มเกิดขอ้ สงสยั
ในตำ�นานเหลา่ น้ี จงึ ได้มกี ารพสิ จู น์โดยทมี ผตู้ รวจสอบและ
นกั วิชาการ ซงึ่ วิธีท่ใี ชใ้ นการตรวจสอบก็คือ การใชค้ ลืน่ -
ทิศทางธรุ กจิ อาหาร
ส�ำ เรจ็ รปู พรอ้ มทาน
บทสัมภาษณพ์ เิ ศษ...คณุ วิเศษ วิศิษฏว์ ญิ ญู
ตำ�แหนง่ กรรมการผจู้ ัดการ บริษัท ซีพแี รม จ�ำ กัด
คณุ วิเศษ วศิ ษิ ฏ์วญิ ญู จบการศึกษาระดบั ปรญิ ญา เลยี้ งสัตว์ ธรุ กิจอาหาร ธรุ กิจคา้ ปลีกอาหาร 3) บรษิ ทั ทรู
ตรสี าขาวิศวกรรมอตุ สาหการ ร่นุ ที่ 16 คณะวศิ วกรรมศาสตร์ คอรป์ อเรชั่น จำ�กดั (มหาชน) เป็นธรุ กิจเกีย่ วกบั โทรคมนาคม
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี และจบปริญญา และ 4) บรษิ ัท สยามแมค็ โคร จ�ำ กดั (มหาชน) เป็นศูนย์
โทดา้ น Industrial Engineering ท่ี The University of จ�ำ หนา่ ยสนิ ค้าแบบช�ำ ระเงนิ สดและบริการตนเอง โดย
Texas at Arlington หลงั จากสำ�เร็จการศกึ ษาไดเ้ ริม่ ทำ�งาน จ�ำ หนา่ ยสนิ คา้ อุปโภคบริโภคหลายประเภท โดยให้บริการ
กบั บริษทั ในเครอื เจริญโภคภัณฑ์ (Charoen Pokphand แก่ผปู้ ระกอบการ รา้ นโชหว่ ย และร้านค้าปลีกรายยอ่ ย ซงึ่
Group) หรอื รจู้ ักกันในช่ือยอ่ ซพี ี เป็นกลุ่มธรุ กิจท่ีใหญ่ทีส่ ุด เปน็ กลุ่มลกู คา้ เปา้ หมายหลกั ของบรษิ ัทฯ รวมถึงลูกคา้ ทว่ั ไป
ในประเทศไทย ปัจจุบันดำ�รงต�ำ แหนง่ กรรมการผู้จัดการ ก็สามารถเขา้ มาซือ้ สินค้าได้ ปัจจุบันคุณวิเศษ วศิ ิษฏ์วิญญู
บริษทั ซีพแี รม จ�ำ กดั ระยะเวลาการทำ�งานรวม 33 ปี ทง้ั น้ี ดูแลบรษิ ัท ซพี ีแรม จ�ำ กดั เป็นบริษทั ทด่ี ำ�เนนิ การผลิตและ
บริษทั ซีพีแรม จำ�กดั เป็นบรษิ ทั ลกู ของบริษทั ซพี ีออลล์ จดั จำ�หน่ายอาหารพร้อมรบั ประทาน และเบเกอรี่อบสด
จำ�กัด (มหาชน) ซง่ึ บริษัทในเครือเจรญิ โภคภัณฑ์ (CP) มี ปัจจุบันซีพแี รมประกอบดว้ ย 2 กจิ การหลกั ไดแ้ ก่
อยู่ 4 บรษิ ัทใหญ่ ท่จี ดในทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง 1) กิจการอาหารพรอ้ มรับประท�ำ น ซ่งึ ผลิตและจัด
ประเทศไทย ประกอบด้วย 1) บรษิ ัท ซพี ีออล์ จำ�กดั (มหาชน) จำ�หนา่ ยอาหารพรอ้ มรบั ประทานแช่เยือกแข็งและแช่เย็น ซง่ึ
ซึ่งจะมีบริษทั ลูกอีก 12 บริษัท รวมถึงธุรกจิ ค้าปลีก ประเภท เป็นอาหารทผ่ี ่านกระบวนการท�ำ ให้สกุ และพรอ้ มรบั ประทาน
รา้ นคา้ สะดวกซอ้ื ภายใตเ้ ครอื่ งหมายการค้า “7-Eleven” เรียกได้วา่ เปน็ อาหารสะดวกซอ้ื (Convenience Food)
2) บริษทั เจรญิ โภคภัณฑอ์ าหาร จำ�กดั (มหาชน) (CPF) ท�ำ ออกมาเป็นแพค็ ท�ำ การอุ่นด้วยไมโครเวฟ แล้วน�ำ มารบั
ประกอบดว้ ย 4 ธรุ กจิ ไดแ้ ก่ธรุ กิจอาหารสตั ว์ ธรุ กิจการ ประทานโดยผลติ ส่งออกและจำ�หน่ายในประเทศ
เปน็ ผลติ ภัณฑ์ท่คี นไทยรู้จักกนั ดไี ดแ้ ก่ ซาลาเปา ขนมจีบ แนวโน้มธรุ กจิ อาหารพรอ้ มทาน ในปี 2559 - 2660
ตรา “ดราก้อน” ส่วนข้าวกล่อง ซพี ี แรม เปน็ เจา้ แรกใน มี 2 สว่ น
ประเทศทำ�เป็นอาหารแช่แขง็ (Frozen Food) ซึ่งแบรนด์ 1. แนวโน้มธุรกิจทางดา้ นการตลาด
ตวั แรก ท่ีทำ�ใช้ช่ือว่า “เดลกิ าเซยี ” เป็นอาหารนานาชาตติ อ่ แนวโน้มธุรกิจทางภาคการตลาดในประเทศไทย
มาทำ�เป็นอาหารไทยดว้ ยใช้ช่ือวา่ “เดลไี่ ทย”และปัจจุบัน น้ันยังไปได้ดีและไปได้เร่ือยๆเน่ืองจากวิถีชีวิตคนเรา
น้ใี ช้ชอื่ แบรนด์เปน็ เซเวน่ เฟรช (7-Fresh) และเซเว่นซเี ลค เปล่ียนแปลงไปจากครอบครวั ใหญ่เปน็ ครอบครวั เลก็ 2-3 คน
(7-select) ตวั สนิ ค้าท่ีมาแรงอยตู่ อนนี้ไดแ้ ก่ โอนกิ ริ ิ(Onigiri) การทำ�อาหารในบ้านจึงไม่ค้มุ คา่ ประกอบกับ การอย่อู าศัย
เปน็ ขา้ วป้ันสามเหลยี่ ม และ มากซิ ชู ิ (Maki Sushi) เป็นการ ของคนเราเปลย่ี นไป สว่ นใหญ่จะเปน็ คอนโดมิเนียม หรือ
น้ำ�ขา้ วมามว้ นกบั ส�ำ หร่ายรปู ทรงกระบอกมว้ นยาว (อาหาร หอพัก ไมม่ ีห้องครัว มีพื้นทจ่ี ำ�กัด ไม่สะดวกในการปรุง
สไตลญ์ ป่ี นุ่ ) “เวลานี้เราเปน็ เจา้ ตลาดเลยเพราะว่า เราได้ อาหาร ซึง่ ในอนาคตคอนโดมิเนยี ม หรอื ทอี่ ยู่อาศัยส่วนใหญ่
ศึกษาถึงแนวโน้มของคนไทยว่าชอบอาหารสไตล์ญี่ปุ่นถ้าเรา พืน้ ทด่ี า้ นล่างจะเปน็ พื้นท่ีทำ�อาหารขาย คนก็จะซือ้ อาหารขนึ้
ไปห้างกวาดสายตาท่ีชั้นวางอาหารกว่าคร่ึงเป็นอาหารญี่ปุ่น ไปรับประทานบนทพ่ี ักอาศยั แทน
ไม่ว่าจะเปน็ ขา้ วปัน้ ปง้ิ ย่าง บะหม่ี พอเราออกตวั สินค้ามาจงึ จากการเปล่ยี นแปลงดงั กลา่ วจึงสรปุ ไดว้ ่า ในภาพ
ขายได้” รวมทางด้านธรุ กิจอาหารสามารถจะเป็นไปได้ 2 แนวทาง
2) กจิ การเบเกอรผี่ ลิตและจัดจำ�หนา่ ยผลิตภัณฑ์ ได้แก่
เบเกอร่อี บสด ประเภท สแน็คเบเกอร่ี ซ่ึงเบเกอรีต่ วั แรก ใช้ 1) อาหารสะดวกซ้ือ (Convenience Food) สู่
ช่อื แบรนดว์ า่ เบเกอรชิ ดว้ ยความทอ่ี อกเสียงยากจึงเปลย่ี น รา้ นสะดวกซอื้ (Convenience Store ) เนน้ ธรุ กจิ อาหาร
มาเป็นเบเกอร่ีแลนด์ส่วนปัจจุบันใช้ชื่อเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ พรอ้ มทาน
“เลอแปง” และมแี บรนด์ มิสแมรเ่ี ปน็ คุก๊ ก้ี 2) การทำ�อาหารปรุงสกุ พรอ้ มรบั ประทาน (Pre-
ทั้งน้ีในภาพรวมของการดำ�เนินการผลิตและจัด pare Food) สง่ ให้ภตั ตาคาร และคนท�ำ ธรุ กิจบริการ
จำ�หนา่ ยอาหารพรอ้ มรบั ประทาน และเบเกอรี่อบสด จะ อาหารสำ�หรับจดั เลี้ยงนอกสถานที่ การจดั อาหารในงาน
เน้นความพรอ้ มในการรบั ประทาน และ ความเปน็ อาหาร เล้ียง บริการจัดเตรยี มอาหาร จัดเลี้ยงงานตา่ งๆ (Cater-
ปรงุ เสรจ็ กงึ่ ส�ำ เร็จรปู (Convenience Food) และ อาหาร ing) ไม่ต้องเรม่ิ จากศูนย์ กล่าวคอื ไม่จำ�เปน็ ต้องมีพ่อครัวที่
เป็นชิน้ ทีห่ ยิบกินงา่ ยๆ ด้วยมือ (Finger Food) เชน่ ขนมจีบ เก่งประจ�ำ ร้าน สามารถสัง่ อาหารแตล่ ะชนดิ มาเกบ็ ไวภ้ ายใน
ซาลาเปา ข้าวปัน้ แซนวชิ เป็นต้น และสว่ นหนึ่งเปน็ อาหาร ร้าน ขน้ั ตอนการทำ�เพือ่ รบั ประทานก็สามารถท�ำ ไดส้ ะดวก
ประเภททน่ี ำ�ไปขายต่อ เชน่ ขาหมู ไกพ่ ะโล้ ซงึ่ นำ�ไปขาย รวดเรว็ ตรงกับความต้องการของลกู ค้า
ทหี่ า้ งสรรพสนิ ค้าแมคโคร ซึง่ เปน็ หา้ งสรรพสนิ ค้าในเครือ
ซพี ี และ บางสว่ น ประมาณ 10% สง่ ออกไปตา่ งประเทศ
เชน่ ประเทศอังกฤษ เยอรมนั สงิ คโปร์ “ในอดตี เราส่งสนิ ค้า
ออกไปขายยังต่างประเทศถงึ 50% ทุกวันน้สี ่งออกน้อย
ลงโดยเกดิ จาก 2 สาเหตุ คอื 1) อตั ราค่าเงนิ บาทอ่อนตัว
ท�ำ ใหก้ ารขายต่างประเทศเสียแปรยี บเรือ่ งค่าเงนิ ทำ�ให้กำ�ไร
น้อยลง 2) เกิดคู่แข่งรายใหม่ เช่นประเทศเวียดนาม มีการ
แข่งขันตัดราคาสินคา้ กนั อาหารจึงเปน็ ธรุ กจิ หลักของ ซพี ี
แรม โดยในภาพรวมของสินคา้ 90% เปน็ สนิ คา้ ที่ขายใน 7
eleven ในประเทศเป็นหลกั รองลงมาคือห้างแมค็ โคร และ
ซปุ เปอรม์ ารเ์ กต็ ในหา้ งสรรพสนิ คา้ ต่างๆ” คณุ วเิ ศษ กล่าว
แนวโน้มธุรกจิ อาหารพรอ้ มทาน การควบคุมงานกลด้วยระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
*อาหารสะดวกซือ้ (Mechatronic) จะเขา้ มามบี ทบาทอย่างมาก
นอกเหนอื จากแนวโนม้ ธุรกิจอาหารพร้อมทานที่
(Convenience Food) กลา่ วมาขา้ งต้น สงิ่ ส�ำ คัญที่จะทำ�ให้ผลิตภณั ฑอ์ าหารประสบ
สู่รา้ นสะดวกซอื้ ความส�ำ เร็จน้นั จะต้องท�ำ อาหารให้มคี ุณภาพ ซึ่งจะประกอบ
ไปดว้ ย 1) ความปลอดภยั ของอาหาร (Food Safety) และ
(Convenience Store ) สขุ อนามยั 2) คณุ คา่ ทางโภชนาการ ใหเ้ หมาะสมกบั วยั 3)
เน้นธรุ กิจอาหารพรอ้ มทาน สนุ ทรยี การบรโิ ภค มี 5 ส่วน เช่น ล้นิ (อรอ่ ย) กล่นิ (Aroma)
ตา (ความสวยงาม การจดั วาง) สัมผสั (Mouth Feeling)
*การทำ�อาหารปรงุ สกุ และเสยี ง (เช่น อาหารจานร้อน หรือความกรอบ) ทง้ั 3 สว่ น
พร้อมรบั ประทาน จะท�ำ ใหผ้ ลิตภณั ฑม์ คี ณุ ภาพสามารถสตู้ ่อคู่แขง่ และเป็นผู้น�ำ
(Prepare Food) ทางดา้ นอาหารไดอ้ ยา่ งยัง่ ยนื
ส่งให้ภัตตาคาร การเปดิ ธุรกิจอาหารในตลาดอาเซยี น
ประเทศไทยเปน็ ประเทศท่มี ีอขู่ ้าว อนู่ ้�ำ เรามเี สนห่ ์
2. แนวโนม้ ธรุ กจิ ทางด้านการผลติ ปลายจวกั มีความละเมยี ดละมยั ในการทำ�อาหาร มอี าหาร
แรงงานหายากมากข้ึนเน่ืองจากภาคการผลิตใช้ ท่ีหลากหลายและมรี สชาติดี มเี อกลักษณ์ ถ้าเราตอ้ งการ
แรงงานสูง ต้องมีการท�ำ ระบบมาตรฐานแรงงานหลายๆ เป็นผู้นำ�เราจะต้องพัฒนาและนำ�ความรู้เทคโนโลยีทางด้าน
ประเภท และในยุคหน้าจะเป็นยุคที่ใช้ วิทยาการหนุ่ ยนต์ อาหารเขา้ มาชว่ ย (Food Science) และท�ำ ใหเ้ กดิ การ
(Robotic) และใชเ้ คร่อื งจกั รอัตโนมตั ิ (Automation) เขา้ พฒั นาอยา่ งต่อเน่ือง ประเทศไทยแตกตา่ งจากประเทศ
มาช่วยในการผลิตท�ำ อาหาร เชน่ ทางบริษัท ซีพแี รม จำ�กัด สงิ คโปร์ เพราะเขามเี ทคโนโลยีด้านอาหารเก่งกว่าเรา แต่
เคยทำ�งานรว่ มกบั สถาบันหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) พัฒนา เรากม็ จี ดุ เดน่ ดา้ นอาหารทีเ่ ป็นอตั ลกั ษณ์ ทัง้ นี้การเจรญิ
เครอื่ งมอื ท่จี ะใชต้ ดั เนอ้ื ไก่ ใหไ้ ดช้ ้นิ ละ 30 กรัม เพื่อสง่ ออก เติบโตในธุรกจิ อาหาร ประเทศไทยไม่จ�ำ เปน็ ต้องเก่งหรือทำ�
ไปขายยังประเทศญีป่ นุ่ สาเหตทุ ่ตี อ้ งทำ�เปน็ ช้ินละ 30 กรัม ทกุ ดา้ น ควรเนน้ ใหเ้ กดิ การจดั การซพั พลายเชน (Supply
เพราะชาวญ่ปี ุ่นนยิ มกินไกด่ ว้ ยตะเกียบพอดีคำ� ดงั นน้ั เวลา Chain) กล่าวคอื “ใครเกง่ อะไรท�ำ ” แลว้ แบง่ ปนั สว่ นท่เี หลือ
ตัดชิ้นเนื้อไก่ให้ได้ตามความต้องการต้องมีความแม่นยำ�สูง ให้สมาชกิ ไม่ควรปดิ ก้ันทางการคา้ และหาความร่วมมือและ
ทาง FIBO ไดท้ ำ�เคร่ืองเอ็กเรย์สามมติ ิ (X-ray) สแกนช้นิ เนื้อ พันธมติ รทางดา้ นการค้าในประเทศตา่ งๆ เช่น การไปสอน
จากนน้ั จงึ ทำ�การตดั ด้วยเคร่อื งตัดแรงดันน้ำ�สูง (High Pres- และใหค้ วามรู้แกค่ นประเทศอ่ืนปลูกผกั และเลย้ี งสตั ว์ และ
sure Water) ได้ชิ้นเนอ้ื ไก่ ทม่ี ีความเท่ากนั และสามารถตัด ส่งวตั ถดุ ิบกลับมาให้เราผลิตอาหาร สำ�หรับในประเทศไทยมี
ไดห้ ลายรปู แบบ ซึ่งตอ่ ไปในอนาคต คาดการณไ์ ด้วา่ โรงงาน ตวั อยา่ งธรุ กิจอาหารของซพี ี อาทเิ ช่น ขา้ วผดั ปู ใชเ้ น้ือปจู าก
จะใช้คนในด้านการผลิตน้อยลงและจะให้หุ่นยนต์เข้ามา จังหวดั สรุ าษฏร์ธานี โดยมีเจา้ หน้าทขี่ องบรษิ ัทฯ ไปสอน/ให้
แทนท ่ี อยา่ งในบรษิ ทั ซีพแี รม กไ็ ด้เร่มิ ใช้แขนกลหนุ่ ยนตใ์ น ความรู้ดา้ นการเลีย้ งและดูแลให้ยง่ั ยืน โดยให้ความรู้ชาวบ้าน
การปิดฝาอาหารกล่องแช่แข็ง ซงึ่ อนาคตวทิ ยาการหุ่นยนต์ ท่จี ับปูมาขาย ส�ำ หรบั ปูท่ีมไี ข่ ไดส้ อนให้นำ�ไปอนบุ าล ใหไ้ ด้
(Robotic) และการใชเ้ ครอ่ื งจักรอัตโนมตั ิ (Automation) ไข่จากปซู งึ่ จะกลายเปน็ ปูให้พวกเขาจับตอ่ ไปในอนาคตปล่อย
ลงทะเล โดยปจั จุบนั มชี าวบ้านเร่ิมพูดให้ฟงั วา่ สามารถจบั
ปูไดง้ า่ ยขึน้ และมากข้นึ หรอื ตวั อยา่ งงา่ ยๆ กรณี ขา้ วผดั
กะเพรา ซีพมี แี ปลงสาธิตกะเพราอินทรยี ์ท่ี อ.ลาดหลุมแก้ว
จ.ปทุมธานี เพ่อื สง่ เขา้ ระบบการผลติ ได้ถึง รอ้ ยละ 40 และ
ซือ้ จากเกษตรกร ร้อยละ 60 โดยได้ใหค้ วามรู้เกษตรกรเก่ียว
กบั การตัดกระเพรามาขาย เพราะแต่เดมิ เกษตรกรตดั ขาย 2. การมมี ติ ร/เพอื่ น (relation) รู้จักคนเยอะไหม
และปลกู ใหมต่ ลอด แตใ่ นความเปน็ จริง การตดั เฉพาะใบ ให้ มีเพื่อนไหมระหวา่ งเรยี น การท�ำ กิจกรรมระหวา่ งเรียนจะ
ตน้ ยงั คงอยู่ จะสามารถชว่ ยลดเวลาการเกบ็ เกีย่ วขายไดไ้ ว ทำ�ให้คุณรู้จักเพื่อน การมีเพ่ือนเหมอื นนกมีขน และนบั วนั
กว่าการปลูกใหม่มาก ส�ำ หรบั สนิ คา้ ท่บี ริษทั ซพี แี รม จำ�กัด ขนนกจะยาวขน้ึ ยงิ่ คบเพอื่ น ย่งิ สนิทกับเพื่อน ขนนกก็จะยาว
ทส่ี ่งไปตลาดส่งอาเซยี น เปน็ สนิ ค้าไทย คอื แกงเขยี วหวาน และทำ�ใหบ้ ินสงู
แกงมัสมัน ซง่ึ ตลาดผูซ้ ้อื รายใหญอ่ ยูท่ ่ีประเทศสิงคโปร์ หาก การพฒั นาหลกั สตู รการเรียนการสอน
เป็นประเทศอนื่ บางครง้ั ไม่คุ้มคา่ การขนส่ง ซึง่ ในอนาคตอาจ การเรียนควรจะน�ำ ไปประกอบอาชพี ได้ ดังนั้นควร
จะมีการผลติ อาหารของอาเซียนมาวางขายในไทย แต่ก่อนท�ำ ทำ�หลักสูตรให้ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน
ต้องมกี ารสำ�รวจและทดลองตลาดก่อนว่าเปน็ อย่างไร เป็นหลกั ปัจจบุ นั เป็นการเปิดหลักสตู รและวิชาต่างๆ ตาม
แนวคดิ ท่อี ยากฝากถงึ นักศึกษา ความต้องการของมหาวิทยาลัยหรือความต้องการของ
นักศึกษาท่ีอยู่ในวัยเรียนอยากให้มีแรงบันดาลใจใน อาจารย์ ดังนน้ั จงึ ควรทบทวนหลักสตู รและแผนการเรยี น
การอยากเรยี นในสิง่ นนั้ สูงๆ เขา้ ไว้ อยา่ เรียนเพราะวา่ จ�ำ ใจ ทุกๆ 3-5 ปี มองไปอนาคตว่าตลาดแรงงานต้องการอะไรและ
เรียน ซงึ่ ข้ันตอนในการพฒั นามนุษยม์ อี ยู่ 4 ขน้ั ตอน ท�ำ ใหต้ อบโจทย์ความตอ้ งการน้นั
1. เรยี นเพื่อ “รู้” เรยี นตามทีเ่ ขาสอนไว้ แตแ่ ค่รู้ คตพิ จนป์ ระจำ�ใจ คดิ ดแี ลว้ ท�ำ เลย มีความหมายดังนี้
เทา่ นัน้ จะเหมอื นตาบอดคลำ�ชา้ ง คิด คือ ทำ�อะไรให้คดิ ก่อน วางแผน คดิ กอ่ นพูด
2. เรียนเพื่อ “เข้าใจ” การท่ี นักศึกษาจะเขา้ ใจ ตอ้ ง ด ี คือ ท�ำ ใหด้ ี มคี ณุ ธรรม มีผลงานทีด่ ี
มคี วามอยากรู้ หรือใฝร่ ู้ ซงึ่ จะผลักดนั ใหศ้ กึ ษา หรือไปคน้ ควา้ แล้ว คือ เป็นตัวเช่อื มท่ีจะน�ำ ไปสู่การท�ำ
เพมิ่ เติม ความร้อู ยใู่ นโลกนี้ ทุกหนแห่ง เพราะฉะนั้นต้อง ท�ำ คือ พสิ จู นส์ งิ่ ทค่ี ุณคิด
ค้นหา เราไม่จำ�เป็นตอ้ งเรียนเฉพาะภาควชิ าของตวั เอง แต่ เลย คือ การท�ำ ใหส้ ุด
ควรออกไปเรียนรใู้ นภาคอ่ืนบ้าง ถา้ เราสนใจตรงไหนให้ลงลกึ
3. เรียนรแู้ ละเขา้ ใจแลว้ ควร “ลงมือทำ�” ถ้าไม่
ลงมอื ท�ำ ก็จะไมร่ ้วู า่ มนั สำ�เร็จหรือไม่ เพอื่ สร้างประสบการณ์
(Hands on Experience) “สบิ ปากว่าไมเ่ ท่าตาเห็น สิบตา
เห็นไม่เทา่ ทำ�เอง”
4. เรยี นจนเกดิ ปญั ญา คือ ใหน้ ักศึกษาเรยี นใหร้ ไู้ ป
สู่ความเขา้ ใจ ลงมือทำ� คดิ ไปด้วยทำ�จนเกิดปญั ญา แล้วองค์
ความรู้จะอยใู่ นตวั คน ต้องทำ�ใหเ้ ปน็ เลศิ ในเร่อื งนัน้ ๆ
นอกจากนี้ คณุ วิเศษ วิศิษฏ์วญิ ญู ไดเ้ ล่าถงึ การ
สมั ภาษณน์ กั ศึกษาเข้าท�ำ งานในบรษิ ัทฯ ในส่วนแรกให้ดู
ในเรอื่ งของพืน้ ฐานของการเรยี น แตไ่ มใ่ ชท่ ง้ั หมด และอาจ
จะสอบถามว่าผ่านอะไรมาบ้างให้เขาเล่าเร่ืองและทำ�การ
ทดสอบ ซึ่งผมจะคาดหวังใน 2 เร่อื ง คอื
1. ทศั นคติ (Attitude) ต้องการคนที่มีทัศนคตดิ ี
มคี วามใฝ่รู้ พฒั นาตนเอง มกี ระบวนการทางความคิด (Mind-
set) มีการปรับทศั นคติ หรอื มมุ มองท่คี วรจะเป็น ถา้ คนเรา
เปลีย่ นความคดิ ไม่ได้ เขาก็จะไมพ่ ร้อมท่จี ะพฒั นาตนเอง
“...คนบ้าเตก๋าล้อจงริ ภ”ทั ร กรม่ิ ใจ
สวัสดคี ะ่ ... คยุ กนั จิปาถะฉบับแรกนี้ ขอตอ้ นรับผอู้ า่ นทุกท่านรว่ มเดนิ ทางไปกบั ช่างภาพนกั กิจกรรมคนเกง่ ของภาค
วชิ าเทคโนโลยแี ละส่ือสารการศกึ ษา คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรมและเทคโนโลยี น้องเต๋า จริ ภัทร กริ่มใจ นอ้ งเต๋าเป็นเพยี ง
นกั ศึกษาช้ันปที ่ี 3 แตฝ่ ีมือการถ่ายภาพระดบั มอื อาชีพ คุยกนั จปิ าถะฉบับแรกน้จี งึ มโี อกาสได้นำ�เรอ่ื งราวการจบั กล้องของ
นอ้ งเต๋ามาถา่ ยทอดใหผ้ ูอ้ ่านไดต้ ิดตามกันค่ะ จะเปน็ อยา่ งไรนน้ั ...เชญิ ติดตามได้เลยคะ่
เร่ิมหลงรักกลอ้ งตงั้ แต่เมอ่ื ไหร่
ต้องบอกวา่ มันเร่มิ จากชว่ งรอยตอ่ จาก ป.6 เข้า
ม.1 โรงเรยี นวัดมกุฏกษตั รยิ าราม ตอนน้ัน มอี าจารย์ท่านนึง
(อ.บพติ ร ชูพยงุ ) ยนื่ โอกาสใหผ้ ม โดยใหเ้ ป็นเจา้ หน้าทหี่ อ้ ง
คอม เพราะตอนนัน้ ผมซ่อมคอมเปน็ กค็ อยซ่อมคอมโรงเรยี น
เรอ่ื ยๆ จนกระทง่ั มวี นั หนึ่ง โรงเรียนขาดคนถา่ ยรปู กิจกรรม
ของโรงเรียนอาจารยเ์ ลยใหผ้ มไปถา่ ย โดยกล้องตวั แรกทจ่ี ับ
เป็น pantex k200 ก็นบั เป็นจดุ เริม่ ตน้ ทไี่ ด้จับกลอ้ ง
คร้งั แรกหลงั จากนนั้ ก็ได้ถ่ายรปู กจิ กรรมโรงเรยี นมาโดยตลอด ตง้ั แต่ ม.1 จนถงึ ม.6 ผมรสู้ ึกตวั ตอน ม.4 นะครบั ว่าการถ่าย
ภาพมันสนุก ผมจงึ เร่มิ หาเทคนคิ เรมิ่ ศกึ ษา จากปกติท่ตี ั้งแต่ auto และกดๆๆ ไดพ้ ฒั นาตนเองจนมาถงึ ปัจจบุ นั
ระหว่างเรยี นท�ำ อะไรกับงานทเ่ี รารกั บา้ ง ยังไม่สามารถเล้ียงดูคนรอบข้างได้มันเลยกลายเป็นแรง
ระหว่างเรียนก็มีการหารายได้เสริมจากงานที่เรารัก บันดาลใจ และที่ผมอยากประสบความส�ำ เร็จใหเ้ รว็ ท่สี ุด ก็
เรม่ิ จากผมอยากมีรายไดร้ ะหวา่ งเรยี น ตอน ม.5 ผมก็เร่มิ รับ เพอ่ื อยากใหพ้ ่อแมห่ ยดุ ท�ำ งาน ให้ท่านได้พักผอ่ นบา้ ง
ถา่ ยรปู รับปรญิ ญาต้ังแต่ตอนน้ัน แตพ่ อโตขน้ึ เรอื่ ยๆ เรากเ็ หน็
วา่ วงการชา่ งภาพเริม่ มคี นมากขึ้น เราจึงจำ�เป็นต้องพฒั นา
ศักยภาพของเราเองใหด้ ขี นึ้ ไปอีก จงึ เริ่มหันมาฝึกถา่ ย VDO
ภาพยนตร ์ Wedding Presentation หนังส้นั รวมถงึ การ
ตดั ต่อ ปจั จบุ ันนี้กร็ บั งานทัง้ การถา่ ยภาพและการถ่าย VDO
ทำ�อย่างไรตัวเองถึงเป็นผสู้ ร้างผลงานได้ขนาดนี้ คิดวา่ ตัวเองประสบความสำ�เรจ็ หรอื ยังครบั
ถ้าถามว่าทำ�อย่างไรตัวเองถึงเป็นผู้สร้างผลงาน ถา้ ถามวา่ ประสบความสำ�เร็จหรอื ยงั ในความร้สู ึก
ได้ขนาดน้ี ผมว่ามหี ลายปจั จัย ผมอาจโชคดีกว่าคนอน่ื คอื ผม ยงั นะครับ ยังไม่ถงึ ครึ่งทางเลยครับ ผมอยากมีกจิ การ
“ค้นหาตวั เองพบเร็วกว่าคนอ่นื ” พอถึงชว่ งเขา้ มหาวิทยาลัย เป็นของตวั เอง นั่นคือ การเปดิ Wedding Studio ซ่งึ จะ
ทกุ คนก็รู้วา่ ผมชอบถา่ ยภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หรือพๆ่ี ทำ�ใหผ้ มสามารถเลยี้ งตนเอง สามารถเลย้ี งดพู อ่ แมแ่ ละคน
หลายๆ คนได้ให้โอกาส ให้เขา้ มาร่วมงานทีเ่ กย่ี วข้องกับด้าน รอบข้างได้ นน่ั แหละผมถึงจะสามารถบอกได้ว่าผมได้ประสบ
น ี้ ผมว่า “โอกาส” เป็นปจั จัยที่สอง และเปน็ ปัจจยั ทส่ี ำ�คัญ ความส�ำ เร็จแล้ว
ถ้ามโี อกาสแลว้ เราไมค่ ว้าไว้ มนั ก็เทา่ น้นั แต่ผมมองว่ามอี ะไร อยากจะบอกอะไรกบั คนรนุ่ หลัง หรือน้องๆทเี่ พิง่ เรมิ่ จับ
ทท่ี า้ ทายและเป็นการเก็บเก่ยี วประสบการณ ์ ส�ำ หรับการให้ กลอ้ งไหมครบั
โอกาสน ี้ หลักๆ แล้วผมต้องขอขอบคณุ อาจารย์ สรกฤช สำ�หรบั คนทีเ่ พิ่งเรม่ิ จบั กลอ้ ง ก็ตอ้ งฝึกฝนและหา
มณวี รรณ และพ่ีชายท่ีน่ารกั พ่ีเอิรท์ (นายสทิ ธนิ นั ท์ บุญเลก็ ) เทคนคิ จากแหลง่ ความรูต้ า่ ง ๆ เช่น อนิ เตอรเ์ น็ต หนงั สือ
ที่คอยให้คำ�แนะนำ�ทางด้านเทคนิคและสอนให้ผมเป็นช่าง และอยู่กบั มันให้มากๆ และถ้าสงสัยว่าจะวัดได้อยา่ งไรวา่ เรา
ภาพทีด่ คี รบั อยกู่ บั มันมากพอหรือไม่ ให้ดวู า่ เพือ่ นๆ หรือน้องๆ เร่มิ เรยี ก
อะไรคือแรงบนั ดาลใจ เราวา่ “ไอบ้ า้ กลอ้ ง” หรอื บอกว่า “ไปไหนกเ็ อากล้องไปด้วย
แรงบนั ดาลใจสำ�หรับผม ในช่วงแรกที่เล่นกล้อง ตลอดเลยนะ่ ” นัน่ แหละครับ คุณไดอ้ ย่กู ับกล้องมากจริงๆ
คงเป็นเพราะความสนุก ได้ภาพสวยๆ แตพ่ อเราเร่ิมโต แล้ว และส�ำ หรบั คนทต่ี อ้ งการยึดเปน็ อาชพี หรอื หารายได้
ขน้ึ หลายๆ อย่างจะสอนเรา แรงบันดาลใจของผม ก็คือ เสริม อย่าไปคดิ ว่าวงการนม้ี ีคนรับถา่ ยรปู มากแล้ว ผมวา่
ครอบครวั ครบั เพราะจากที่เมอื่ ก่อนเราถา่ ยภาพเพราะ เรอื่ งน้ไี ม่สำ�คญั หรอกครับ ขอให้เราหาโอกาสในการพัฒนา
ความสนกุ แตต่ อนน้เี ราถา่ ยภาพเพราะความสนกุ บวกกับ ศักยภาพและพยายามรักษามาตรฐานของเราไว้ให้ดกี ็พอ
สามารถใช้เปน็ อาชพี ได้ดว้ ย ทกุ วนั น้ีเราเล้ียงตัวเองได้ แตเ่ รา วางแผนอนาคตไวอ้ ย่างไร
หลังจากเรยี นจบในอีก 2 ปีข้างหน้า ผมวางแผนว่า
จะตั้ง Wedding Studio เป็นของตัวเอง แต่ส�ำ หรับตอนนี้ก็
คงต้องต้ังใจเรียนใหด้ ที ่ีสดุ กอ่ น และกต็ อ้ งรกั ษามาตรฐาน
งานของเราใหล้ ูกคา้ พอใจมากท่ีสดุ ครับ
วดั อรณุ ราชวราราม กรุงเทพมหานคร
กรงุ เทพมหานคร