The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ISTRS e-Journal 3 ปีที่ 2 ฉบับที่ 3 เดือน เม.ษ - มิ.ย. 2559

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by istrsejournal.kmutt, 2022-11-30 01:53:20

e-Journal 3

ISTRS e-Journal 3 ปีที่ 2 ฉบับที่ 3 เดือน เม.ษ - มิ.ย. 2559

กองบรรณาธกิ าร

ผศ.นิธิ บรุ ณจนั ทร ์ ที่ปรึกษา
รศ.ดร.ประเวทย์ ตยุ้ เตม็ วงศ ทป่ี รึกษา
นายเกษมศักด์ิ ศรีธาราธร ที่ปรึกษา
ผศ.ดร.อศิ รทตั พ่งึ อ้น บรรณาธกิ าร
นางรงุ่ นภา เตาทองนนั ตสนิ รองบรรณาธิการ
ดร.ธติ ิมา วงษ์ชีรี กองบรรณาธกิ าร
นางวาสนา มานชิ กองบรรณาธกิ าร
นางสาวภทั ธีรา ม้วนจ่นั กองบรรณาธกิ าร
นายธนะศักด์ิ ทวนทอง กองบรรณาธิการ
นางสาวชาลนิ ี กระจา่ งพจน ์ กองบรรณาธกิ าร
นางสาวอญั ชลี รอดภยั กองบรรณาธิการ
นางสาวชนนกิ านต์ ขลิบทอง กองบรรณาธิการ
นางสาวพมิ ชนก เปรมสมาน กองบรรณาธกิ าร

สารบัญ

>> Senior Vision 1

- บริบทของ มจธ.ในดา้ นอตุ สาหกรรมสัมพันธ์ และ Work Integrated Learning

>> Experience Show Case

- วดิ ิทศั นส์ มั ภาษณ์ อาจารยเ์ จริญ สุนทราวิณชิ ย ์ 5
- ศนู ยก์ ารศึกษาตอ่ เนือ่ ง สวท. การพัฒนารูปแบบการฝึกอบรม 6
- ศนู ย์วจิ ยั และบริการเพ่ือชมุ ชนและสงั คม “สตรอเบอรน่ี าแหว้ จากไหล...ถึงผล “ 10
- ศูนย์เทคโนโลยซี ่อมบ�ำ รงุ รักษา “ควนั ละอองจากการเชอ่ื มโหละ“ 17

>> Industrial Trend 21

- บทสัมภาษณ์ “ทศิ ทางอุตสาหกรรมหุ่นยนตใ์ นประเทศไทย”

>> Research Supplement
- การศกึ ษาพฤติกรรมการกดั กร่อนของชิ้นงานเชือ่ มเหล็กกล้าโครเมยี มโมลดิ นิ มั
27

>> Miscellaneous
- ....คณุ ท�ำ ได้… ขอเพยี งคณุ มงุ่ ม่ัน และใฝ่รู้
ทนุ เพชรพระจอมเกล้า ดา้ นความคดิ สร้างสรรค-์ นวัตกรรม 33

ผศ.ดร.มณฑริ า นพรัตน์ ---- เลา่ ให้ฟัง
พมิ ชนก เปรมสมาน --- เรยี บเรยี ง

บริบทของ มจธ.ในด้านอุตสาหกรรมสัมพันธ์
และ Work Integrated Learning

ผศ.ดร.มณฑริ า นพรตั น์
รองอธกิ ารบดีฝ่ายอุตสาหกรรมและภาคี

ความรว่ มมอื

1

รองอธิการบดีฝ่ายอุตสาหกรรมและภาคีความร่วม
มือ มหี น้าทใ่ี นการบรหิ ารและดแู ลหนว่ ยงานใดใน
มหาวทิ ยาลัยฯ บา้ ง?
ในฐานะของรองอธิการบดีฝ่ายอุตสาหกรรม

และภาคคี วามรว่ มมือ จะดูแล 2 หน่วยงาน คอื กลุ่ม
งานนวตั กรรมและพันธมติ ร ซ่ึงอยภู่ ายใต้ ส�ำ นกั งานวิจัย
นวตั กรรมและพนั ธมิตร (สวนพ.) และสำ�นกั วิจยั และบริการ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวท.) สำ�หรบั ภารกจิ ของกลุม่
งานนวัตกรรมและพนั ธมิตร กจ็ ะรบั ผดิ ชอบในสว่ นของงาน
อตุ สาหกรรมสมั พนั ธ์ หรอื Industry Liaison งาน Work
Integrated Learning หรอื ทเ่ี ราเรยี กกนั สัน้ ๆ ว่า WiL งาน
ถ่ายถอดเทคโนโลยี และงาน Student Entrepreneurship

บรบิ ทของมหาวิทยาลยั ฯ กับภาคอตุ สาหกรรม
มคี วามเก่ียวข้องกันอย่างไร?

เนอื่ งจาก มจธ. ได้กำ�หนดเปา้ หมายหลกั ในการ งานอุตสาหกรรมสัมพันธค์ อื อะไร และมีบทบาท
พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนเพื่อสร้าง หนา้ ทีอ่ ย่างไร?
หรอื ผลติ บัณฑิตท่ีมีคณุ ภาพ ให้สามารถตอบสนองความ
ต้องการของภาคอุตสาหกรรมได้จรงิ โดยมงุ่ หวังวา่ งานอตุ สาหกรรมสมั พันธ์หรอื Industry Liaison
นักศกึ ษาทีเ่ รยี นจบไปแล้ว จะตอ้ งมคี วามรูด้ า้ นวชิ าการ ของมหาวทิ ยาลัยฯ เปรยี บเสมือนเปน็ หน้าดา่ นแรกของมหา
ที่เขม้ แขง็ และตอ้ งมคี วามรูค้ วามสามารถทางด้านอ่ืน วิทยาลัยฯ ที่จะช่วยเช่ือมโยงภาคอตุ สาหกรรมหรือภาคีความ
ด้วย นน่ั คอื ต้องมที ักษะตา่ งๆ ทจี่ ำ�เป็นในการท�ำ งาน ร่วมมืออ่นื ๆ ท่ตี อ้ งการท�ำ งานกบั มหาวทิ ยาลัยฯ ให้สามารถ
เชน่ ทักษะการทำ�งานเปน็ ทีม ทกั ษะการสื่อสาร ทกั ษะ ดำ�เนนิ โครงการรว่ มกนั โดยท่ผี ่านมาเราพบวา่ หน่วยงาน
ความเปน็ ผู้น�ำ และทกั ษะที่สำ�คญั อกี ด้านหนง่ึ คอื ทกั ษะ ภาครัฐหรือภาคเอกชนที่ตดิ ต่อเข้ามา มกั จะมโี จทย์คำ�ถาม
ในการนำ�ความรู้ท่ีเรียนมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ท่ี หรอื มีปัญหาท่ตี ้องการใหม้ หาวทิ ยาลัยฯ ชว่ ยนำ�องคค์ วามรู้
ทำ�งานจริง ๆ ได้ ซ่ึงการทีจ่ ะผลิตบณั ฑติ ให้ไดใ้ นแบบ มาชว่ ยแก้ไขปัญหาให้ งานอตุ สาหกรรมสมั พันธ์ก็จะเขา้ มา
ท่ีมุ่งหวังไว้ มหาวิทยาลยั ฯ ไม่สามารถดำ�เนนิ การไดเ้ พยี ง มีบทบาทในการทำ�ความเข้าใจข้อมูลหรือความต้องการเบ้ือง
ต้นใหก้ อ่ น วา่ ภาคอตุ สาหกรรม ภาครัฐ หรือภาคเอกชนนนั้ ๆ
ฝ่ายเดยี ว จะต้องอาศยั ความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรม ตอ้ งการใหม้ หาวิทยาลัยฯ ช่วยเหลือในรูปแบบไหน เมอื่ รับ
ที่เป็นพันธมิตรในการช่วยพัฒนาบัณฑิตคุณภาพของมหา ทราบความต้องการท่ีตรงกันแล้วก็จะช่วยประสานงานหรือ
วิทยาลัยฯ ด้วย สง่ เสริมใหเ้ กดิ เป็นโครงการ ท่ผี า่ นมาจะเหน็ ได้วา่ ในส่วน
ของตัวอาจารย์ในปัจจุบันได้มีการทำ�งานที่ใกล้ชิดกับภาค
อตุ สาหกรรมมากขึน้ อยแู่ ล้ว มหาวทิ ยาลัยฯ เพียงตอ้ งการ -

2

ให้มีการขยายผลของการทำ�งานร่วมกันระหว่างอาจารย์ รูปแบบการฝึกงานในหลักสูตรการเรียนการสอน
ในภาควชิ าของมหาวทิ ยาลัยฯ กับภาคอตุ สาหกรรมทเี่ ปน็ ปกติ กบั WiL มีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร?
รปู ธรรมมากข้นึ และสำ�หรับกรณที ี่ อาจารย์ยงั ไม่เคย
ท�ำ งานร่วมกบั ภาคอุตสาหกรรมมาก่อน งานอุตสาหกรรม
สัมพันธ์ก็จะช่วยเรื่องการหารือและเจรจากับภาค คำ�ว่า Work Integrated Leaning เปน็ คำ�ทีค่ วาม
อุตสาหกรรม เพ่ือทำ�ใหอ้ าจารย์เกิดความม่ันใจมากขน้ึ หมายกว้างมาก ครอบคลุมท้ังการฝึกงานแบบทวภิ าคี Stu-
dent Entrepreneurship ก็ถอื วา่ เปน็ Work Integrated
Leaning รูปแบบหน่ึง จากขอ้ มลู ที่บอกไวจ้ ะเห็นวา่ Work
Work Integrated Learning คอื อะไร? Integrated Leaning จะม่งุ เนน้ มากกวา่ คำ�วา่ การฝกึ งาน

Work Integrated Learning หรือ WiL คอื กลไก เพราะการฝกึ งานในหลักสตู รปกติ นักศกึ ษาจะฝกึ งาน
การท�ำ งานอย่างหนงึ่ ของมหาวิทยาลยั ฯ ที่จะชว่ ยในการ เฉพาะในภาคฤดรู ้อน เปน็ การเข้าไปเรียนรกู้ ารท�ำ งาน สภาพ
พัฒนาคุณภาพบัณฑิตให้มีคุณภาพและคุณสมบัติตามที่ภาค แวดล้อม สงั คมการทำ�งาน เฉยๆ แต่นักศึกษาในโครงการ
อตุ สาหกรรมตอ้ งการ รูปแบบการท�ำ งานจะเป็นการนำ� Work Integrated Leaning จะต้องไปท�ำ งานทีภ่ าค
นักศึกษาไปทำ�โจทย์วิจัยหรือโครงงานในภาคอุตสาหกรรม อตุ สาหกรรมอยา่ งน้อยหนึ่งภาคการศกึ ษา และมอี าจารย์
โดยนักศึกษาจะเข้าไปอยู่แบบ Full Time อย่างน้อยหนงึ่ ของมหาวทิ ยาลัยฯ ไปประจ�ำ อยทู่ ่ภี าคอตุ สาหกรรมดว้ ย ซ่ึง
ภาคการศกึ ษา ซึ่งถือวา่ เปน็ สถานการณ์ท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อ มหาวทิ ยาลัยฯ จะเรียกว่า Site Director อาจารย์จะทำ�งาน
ทงั้ สองฝ่าย คอื นักศึกษากไ็ ดท้ ดลองใช้ความรูท้ ี่เรยี น นำ�มา แบบ On-site Coach ให้แกน่ ักศกึ ษา การท่ีมหาวิทยาลยั ฯ
ปฏิบตั งิ านจริงภายใตก้ ารดูแลของอาจารยท์ ีป่ รกึ ษา โดย ใชค้ �ำ วา่ Coach เนื่องจากเราไมไ่ ดส้ อนนกั ศึกษาแค่เพียงการ
อาจารย์ที่ปรึกษาต้องทำ�งานใกล้ชิดกับภาคอุตสาหกรรมท่ี ประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิชาการกับการแก้โจทย์วิจัยอย่างเดียว
จะรว่ มกันใหค้ ำ�ปรึกษาและช้ีแนะแนวทาง ชว่ งเวลาในการ แตเ่ ราต้องการสอนนักศกึ ษาใหม้ ที กั ษะดา้ นอนื่ ๆ ด้วย เช่น
ท�ำ งานแบบนี้ นักศกึ ษาก็จะได้เรียนรู้ประสบการณ์จริงที่ ทักษะการส่อื สาร ทกั ษะการท�ำ งานเป็นทมี ทกั ษะการแก้ไข
มคี า่ มาก และทำ�ให้อาจารย์มคี วามเขา้ ใจวธิ ีการทำ�งาน ปญั หาเฉพาะหนา้ ทักษะการเรียนรู้ ซงึ่ เรื่องนตี้ อ้ งไปฝกึ ใน
กบั ภาคอตุ สาหกรรมมากขึ้น มหาวิทยาลัยฯ หวังวา่ สถานท่ีและสถานการณ์จรงิ ๆ เท่านน้ั

โครงการวิจัยท่ีนักศึกษาทำ�จะสามารถตอบโจทย์ของภาค WiL มีแนวทางในการเลอื กสถานประกอบการใน
อตุ สาหกรรมได้ คือมีการนำ�ผลของโครงการวิจยั ไปใช้งานได้ ภาคอุตสาหกรรมใหน้ ักศกึ ษาอย่างไร?
จรงิ หรอื น�ำ ผลไปปรับปรุงกระบวนการผลติ รวมทง้ั อาจน�ำ
ไปสกู่ ารท�ำ งานวจิ ยั และพฒั นาเชิงลกึ รว่ มกัน
มหาวิทยาลยั ฯ จะเน้นให้นกั ศกึ ษาไดเ้ ข้าไปฝกึ ใน
สถานประกอบการท่ีตรงกับความต้องการของสาขาวิชาน้ันๆ
เพ่ือให้นักศึกษาสามารถนำ�ความรู้ที่เรียนมาไปประยุกต์ใช้ได้
อยา่ งเตม็ ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล ซ่งึ ในการเลอื กโจทย์
ให้กบั นกั ศกึ ษา เราจะเลือกโจทย์ทีเ่ ป็นประโยชนก์ ับทง้ั 2
ฝา่ ยคอื
1. ตอ้ งมีความสอดคล้องกบั ความเช่ียวชาญหรือสาขาท่ี
นักศึกษาเรยี น เพ่อื ให้นักศกึ ษาสามารถน�ำ ความรู้ทีเ่ รียน
มาประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้จริง
2. โจทยต์ ้องมีความหมายหรอื คุณคา่ กบั ภาค
อตุ สาหกรรม เวลาเลอื กโจทย์อาจารยก์ ับภาคอุตสาหกรรม
ต้องหารือร่วมกนั คอ่ นข้างมากว่าโจทย์แบบไหนจะเหมาะ
กับนกั ศกึ ษา
3

สุดท้ายขอให้อาจารย์ฝากแนวคิดหรือประสบการณ์
ตรงจากการดำ�เนินงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมให้แก่
อาจารยแ์ ละนักศกึ ษาได้ทราบด้วย

จากประสบการณ์เม่ือตอนสำ�เร็จการศึกษาใหม่และ
กลบั มาท�ำ งานทม่ี หาวทิ ยาลยั ฯ ได้มาทำ�งานในโครงการทกั ษะ
วิศวกรรมอาหาร (FEPS) ซ่ึงถอื ว่าเปน็ การเปดิ โลกการทำ�งาน
รว่ มกับภาคอตุ สาหกรรมใหก้ บั ตนเองคร้ังแรก เพราะท่ผี ่าน
มาไมไ่ ดเ้ ขา้ ใจความต้องการของภาคอุตสาหกรรมมากนัก ไมร่ ู้
หรอกว่าอุตสาหกรรมเขาคดิ อย่างไร แต่เมอื่ ไดม้ าท�ำ งานใน
ลักษณะ Site Director กท็ �ำ ให้ได้เรยี นรูแ้ ละเข้าใจข้อจำ�กัดของ
อตุ สาหกรรมเพม่ิ มากขึน้ เข้าใจวธิ ีคิดของอุตสาหกรรมบนการ
ท�ำ งานผ่านโครงการทนี่ กั ศกึ ษาเราเขา้ ไปท�ำ มนั เป็นประตูท่ที �ำ ให้
เราเขา้ ใจภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น และสร้างความสัมพันธท์ ีเ่ กดิ
ประโยชน์ร่วมกันท้งั สองฝา่ ย น่ันคอื เราสามารถเห็นโครงการ
วิจัยทส่ี ามารถเขยี นขอทุนไดโ้ ดยมผี ู้ใชง้ านวจิ ยั ท่ีชัดเจน เรอื่ งนี้
ถือวา่ เปน็ จุดแข็งของ มจธ. ที่สามารถเขา้ ใจและท�ำ งานร่วมกับ
ภาคอุตสาหกรรมเพื่อสรา้ งผลงานวจิ ยั ทีน่ ำ�ไปใช้ประโยชน์ไดจ้ รงิ
และน�ำ ไปสู่ผลสมั ฤทธิ์ของมหาวทิ ยาลัยฯ ในการผลิตบัณฑิตที่มคี ณุ ภาพตามคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ของภาคอตุ สาหกรรม

4

บทสัมภาษณ์

วดิ ทิ ศั น์สมั ภาษณ์
อาจารย์เจรญิ สุนทราวาณิชย์
หวั หน้าศนู ยพ์ ัฒนาอณุ หภาพ และอุตสาหกรรม

5

การพัฒนารปู แบบการฝกึ อบรมภาษาองั กฤษ โดยการ
สอนแบบสร้างสรรค์ ส�ำ หรบั พัฒนาทักษะการใชภ้ าษา

อังกฤษของพนักงานการไฟฟ้าสว่ นภมู ิภาค

อรยา นามะโส
ศูนย์การศกึ ษาต่อเน่ือง มจธ.

ภาษาอังกฤษ ไดร้ ับการยอมรบั วา่ เป็นภาษานานาชาติ หรือเปน็ ภาษากลางของโลก ท่มี นุษย์ใช้ตดิ ต่อระหวา่ งกนั
เปน็ หลัก ไมว่ ่าแตล่ ะคนจะใชภ้ าษาอะไรเปน็ ภาษาประจ�ำ ชาติ เม่ือต้องติดตอ่ กบั คนอ่ืนทตี่ า่ งภาษาตา่ งวฒั นธรรมกนั ทุกคนจ�ำ เปน็
ตอ้ งใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักอยแู่ ลว้ ดว้ ยเหตนุ ป้ี ระเทศสว่ นใหญ่จงึ บรรจุวิชาภาษาอังกฤษเปน็ ภาษาทส่ี องรองลงมาจากภาษา
ประจ�ำ ชาติ เป็นแกนหลกั ของหลกั สูตรการศึกษาทุกระดบั ตั้งแตป่ ฐมวยั ไปจนถึงการศึกษาตลอดชวี ิต
ในการประชมุ สุดยอดอาเซยี นครง้ั ท่ี 9 ของสมาคมประชาชาตแิ หง่ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ (The Association
of South East Asian Nations : ASEAN) ไดม้ ีขอ้ ตกลง ให้จดั ต้งั ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ซึง่ เป็นการรวมกลมุ่
ของชาติในอาเซียน จำ�นวน 10 ประเทศ ไดแ้ ก่ ไทย พม่า มาเลเซีย อนิ โดนีเซยี ฟิลปิ ปินส์ สงิ คโปร์ เวียดนาม ลาว กมั พูชา และ
บรูไน เพ่ือทีจ่ ะให้มผี ลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ร่วมกนั มีการเคล่ือนยา้ ยสนิ ค้า บรกิ าร การลงทนุ แรงงานฝมี อื และเงินทนุ อยา่ ง
เสรี โดยประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ

6

1. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น (ASEAN Eco- การพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมให้กับองค์กรทุก
nomic Community : AEC) ภาคส่วนเป็นภารกิจสำ�คัญอย่างหน่ึงของศูนย์การศึกษาต่อ
2. ประชาคมสงั คมและวฒั นธรรมอาเซยี น (So- เนอื่ ง ทีผ่ า่ นมาเราไดม้ กี ารน�ำ องคค์ วามรขู้ องมหาวทิ ยาลยั ฯ
cio-Cultural Pillar) ถา่ ยทอดออกส่สู ังคมในรปู แบบของการฝึกอบรม การสัมมนา
3. ประชาคมความมนั่ คงอาเซยี น (Political and อยา่ งตอ่ เนื่อง โดยในกรณนี เ้ี ราไดโ้ จทยม์ าจากการไฟฟา้ ส่วน
Security Pillar) ภมู ิภาค (กฟภ.) ซ่งึ เปน็ รฐั วสิ าหกจิ ดา้ นสาธารณูปโภค โดย
แผนยุทธศาสตร์ของ กฟภ. วางนโยบาย เตรียมความพร้อม
โดยอาเซยี นได้รวมตัวเปน็ ประชาคมเศรษฐกจิ องคก์ รเพ่อื การก้าวสู่ AEC แสวงหาโอกาสในการลงทุนและ
อาเซียนและมีผลเป็นรูปธรรม เมื่อ วนั ท่ี 31 ธันวาคม 2558 พฒั นาธุรกิจท้ังในประเทศและต่างประเทศ ซึง่ การพัฒนา
[ข้อมูลท่ัวไปเกีย่ วกบั อาเซยี น, กรมอาเซยี น] และตามกฎบัตร บคุ ลากรใหม้ ีความรู้ความสามารถทางด้านภาษาองั กฤษ จึง
อาเซยี นขอ้ 34 บญั ญัติว่า “The working language of ASE- มีความสำ�คญั อยา่ งยิ่งเพื่อบรรลุยุทธศาสตรท์ ่ีวางไว้ โดยศนู ย์
AN shall be English” หรือ “ภาษาทใี่ ช้ในการท�ำ งานของ การศกึ ษาตอ่ เน่ืองไดร้ บั หนา้ ทีใ่ นการพฒั นาหลกั สูตร เราได้
อาเซยี น คือ ภาษาองั กฤษ” [กฎบตั รอาเซยี น, กรมอาเซยี น] น�ำ วธิ ีการของ CBL มาใช้ เปน็ รูปแบบการอบรมตามแนวคิด
หมายความวา่ ประชาชนพลเมอื งใน 10 ประเทศอาเซียนจะ ของการเรยี นรแู้ บบสร้างสรรค์ของ ดร. วริ ิยะ ฤาชยั พาณชิ ย์
ต้องใช้ภาษาอังกฤษกนั มากขึน้ นอกเหนือจากภาษาประจ�ำ 5 ข้นั ตอนหลกั (8 กระบวนการ) และ 9 บรรยากาศ โดยข้นั
ชาติหรือภาษาประจำ�ถิน่ ของแตล่ ะชาติ แตล่ ะชมุ ชนเอง ตอนการอบรมตามรูปแบบการสอน CBL ดงั นี้
การฝึกอบรมในเชิงของกระบวนการเปลี่ยนแปลง
พฤตกิ รรมอันสบื เนื่องมาจากเรียนรู้ การฝึก อบรม จงึ หมาย กระบวนการ (Process)
ถงึ “กระบวนการเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมอยา่ งมีระบบ เพ่อื ขน้ั ตอนท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ โดยกอ่ นเริ่มการ
ให้บคุ คลมีความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถท่จี ำ�เป็น และ อบรมในแต่หัวข้อ จะมกี ารจัดการกระตุ้นความสนใจผเู้ ขา้
มีทัศนคติท่ีดีสำ�หรับการปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่งของ อบรม โดย ใชเ้ หตุการณ์ต่างๆทเี่ กย่ี วข้องกบั ผเู้ รียน หรอื ส่งิ
หนว่ ยงานหรือองคก์ ารน้ัน” [ความรพู้ ้ืนฐานดา้ นการฝึก ทผี่ เู้ รยี นสนใจเป็นตัวกระตุ้น/ ใชส้ ื่อมลั ติมีเดยี / ใช้เกม หรือ
อบรม, สถาบนั พัฒนาข้าราชการพลเรอื น] โดยมีรูปแบบ กิจกรรม
และเทคนิคการฝึกอบรมหลากหลายรูปแบบ ขนึ้ อยูก่ ับ ข้ันตอนที่ 2 ตั้งปญั หาและแบ่งกลมุ่ ตามความสนใจ
วัตถุประสงคแ์ ละความตอ้ งการของผ้เู ข้าอบรมหรอื องคก์ ร ในขั้นตอนน้ี จะเปดิ โอกาสให้ผู้เข้าอบรมต้ังคำ�ถาม หรอื ราย
CBL Creativity-Based Learning คือ รปู แบบ ละเอยี ด ทตี่ อ้ งการทราบเก่ียวกบั หวั ข้อทก่ี ำ�ลงั อบรม และ
“การสอนแบบสรา้ งสรรค์เปน็ ฐาน” เป็นหนึ่งในวธิ กี ารจัดการ เมือ่ พบปัญหา หรอื ค�ำ ถามท่ีสงสยั แลว้ กท็ �ำ การแบ่งกลมุ่ ตาม
เรียนการสอนโดยมีผูเ้ รียนเป็นส�ำ คัญ โครงสรา้ งหลกั ของการ จำ�นวนปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ ทำ�ให้สมาชิกของแต่ละกลุ่มเกดิ ความ
สอนแบบสรา้ งสรรคเ์ ปน็ ฐาน พัฒนามาจากโครงสรา้ งการ พึงพอใจและจะด�ำ เนนิ การแกป้ ญั หาดว้ ยตนเองอย่างตงั้ ใจ
เรยี นการสอนแบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน หรือ Problem-based ขนั้ ตอนท่ี 3 ค้นควา้ และคดิ ในข้นั ตอนนีจ้ ะเปน็ การ
learning (PBL) และแนวทางการพฒั นาความคิดสรา้ งสรรค์ ปล่อยใหผ้ ู้เข้าอบรมใช้เวลาในการเรียนรู้ และฝกึ ฝนอย่าง
แบบความคิดแนวขนาน (Parallel Thinking) ของ เอด็ เวริ ด์ เต็มท่ี ระหว่างน้นั วทิ ยากรจะเดนิ เพื่อพูดคุย ใหค้ ำ�แนะน�ำ
เดอ โบโน (Edward de Bono) ซึ่งเปน็ แนวทางในการจัดการ ชี้แนะตามกลุ่ม ใหค้ ำ�ปรึกษาเวลาทผี่ อู้ บรมทม่ี ปี ญั หา เปล่ยี น
เรียนรู้สำ�หรับศตวรรษท่ี 21 [วริ ิยะ ฤาชัยพาณชิ ย์, 2558] หนา้ ทีจ่ ากการสอนทั่วไป เป็นผู้ให้ค�ำ ปรกึ ษา ช้ีแนะ และตอบ

คำ�ถามด้วยค�ำ ถาม เพ่ือเปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รียนได้คิด โดยหลีก
เล่ยี งการตัดสนิ และการอธิบายเนื้อหาอยา่ งละเอียดอันจะ
เปน็ การสง่ ผลใหผ้ ้อู บรมหมดอสิ ระทางความคิด แตจ่ ะใช้วิธี
การงา่ ยๆ เช่น การถามกลับ ยกเวน้ ในบางประเดน็ ท่ีอาจเป็น
หัวขอ้ ทยี่ ากจะเขา้ ใจ จงึ จะมีการอธิบายอย่างละเอยี ด เมอ่ื ผู้
อบรมร้องขอ
7

ขั้นตอนที่ 4 นำ�เสนอ ในข้ันตอนน้ี ผอู้ บรมจะได้นำ� บรรยากาศ (Context)
เสนอผลงาน ทตี่ นเองไดไ้ ปค้นควา้ คิดวเิ คราะหแ์ ละฝกึ ฝน
มา โดยทผี่ ู้สอนนั้นจะไมแ่ ทรกแซงระหว่างการน�ำ เสนอ แสดง • วิทยากรสอนน้อย เหลอื เวลาใหผ้ ู้อบรมคน้ ควา้
ความคิดเห็น หรอื ซักถามใดใด ผู้ทม่ี ีหน้าท่หี ลักในการแสดง มากๆ คุยมากๆ นำ�เสนอมากๆ ใชเ้ วลาในการสอนนอ้ ยลง
ความคิดเหน็ และซักถามนัน้ คือผ้อู บรมร่วมหอ้ ง แตเ่ ม่ือจบ • ตอบคำ�ถาม ดว้ ยค�ำ ถาม หลีกเลยี่ งการอธบิ าย
การนำ�เสนอ ผู้สอนจะเป็นผ้เู ปดิ ประเดน็ ให้มกี ารซักถามใน อยา่ งละเอยี ด แต่จะพยายามให้ผอู้ บรมค้นหาคำ�ตอบเอง ผู้
ห้อง ซึ่งเป็นกระบวนการทจ่ี ะท�ำ ให้ผอู้ บรมนั้นตรวจสอบ สอนจึงมกั จะตอบค�ำ ถาม ดว้ ยค�ำ ถามเพื่อใหผ้ อู้ บรมสนใจต่อ
ความถกู ต้องของข้อมูลท่ีตนเองได้คน้ หามา ถา้ หากข้อมลู • ผู้สอนตดั สนิ นอ้ ย จะหลีกเลยี่ งการตดั สินแบบเดด็
ท่หี ามานั้นไมถ่ ูกตอ้ ง การซกั ถามในหอ้ งอบรมน้นั จะเกิด ขาด เชน่ ถูกตอ้ ง ผดิ แต่จะใชว้ ธิ ีถามว่า แนใ่ จหรอื ท�ำ ไมคิด
ประเด็นใหม่ๆที่ผนู้ �ำ เสนอนน้ั จ�ำ เปน็ ต้องมีข้อมลู เพ่ือตอบผซู้ กั อยา่ งนั้น หรือ ทา่ นอ่ืนๆ คดิ เหน็ อยา่ งไรในเรอ่ื งน้ี
ถามใหถ้ กู ตอ้ ง ซ่งึ ผนู้ ำ�เสนอกจ็ ะพบว่าข้อมลู ของตนไม่ถกู ต้อง • การสนับสนนุ ใหผ้ ูเ้ ข้าอบรมคดิ
หรือครอบคลุมพอ และต้องเพ่มิ เติมตรงไหนบ้างจากการซัก • ใชเ้ ร่อื งท่ีผอู้ บรมสนใจเปน็ เนอื้ หานำ�
ถามของผู้อบรมด้วยกัน โดยทผี่ สู้ อนจะทำ�หนา้ ทีค่ อยควบคมุ และการค้นคว้า และเน้อื หาวิชาความรู้ตามตำ�ราเป็นตัวตาม
ค�ำ ถามและขอ้ คดิ เหน็ ตา่ งๆให้อยู่ในประเดน็ ไมห่ ลุดจาก • ชว่ งเวลาอบรมยาวกว่า 90 นาที โดยใชเ้ วลาในการ
เนอ้ื หามากนัก ถ้าหากในผู้อบรมร่วมชั้นไมม่ ีขอ้ ซกั ถามหรือ อบรมทั้งสิ้น 30 ชวั่ โมง
ขอ้ สงสยั ใดใด ผู้สอนอาจจะเปน็ ผเู้ รมิ่ ถามเองกไ็ ด้ เพอ่ื ให้เกิด • เนน้ ให้ผ้อู บรมสนใจพัฒนาการตนเองในด้านต่างๆ
บรรยากาศของการซักถามในห้อง ซงึ่ วธิ กี ารน้ีอาจจะต่อยอด จึงไมว่ ดั ผลครั้งเดยี ว แตจ่ ะมีการวัดผลและรายงานผลให้ผู้
ไปสูค่ วามรู้ใหม่ๆที่ไกลกว่าเนอ้ื หาเดิมทีเ่ คยสอนกันมา และ อบรมรู้และพัฒนาตนเองในแต่ละด้านทุกครั้งหลังการนำ�
เปน็ เน้อื หาท่ีผอู้ บรมนน้ั เตม็ ใจท่ีจะค้นหาด้วยตนเอง เสนอ
• ใหผ้ ูอ้ บรม สมคั รใจ รว่ มมอื มากกว่าการบังคบั -
ขนั้ ตอนท่ี 5 ประเมินผล ขัน้ ตอนนีเ้ ป็นการประเมนิ ให้รู้
ผลกิจกรรมท้ังหมดที่ผู้อบรมได้ทำ�มาตลอดเวลาของการเรียน • รับฟงั และให้ก�ำ ลังใจ วิทยากรจะเปน็ ผู้รบั ฟัง
รูใ้ นรูปแบบ CBL และสงิ่ ที่ตอ้ งการจากผูอ้ บรม เร่ืองราวท่ีผูเ้ ข้าอบรมคิด นำ�เสนอ และเรียนร้ไู ปพร้อมๆกนั
วิทยากรอาจจะมีการติติงและแสดงความคิดเห็นในจังหวะท่ี
กระตนุ้ ต้งั ปญั หา คน้ และคดิ เหมาะสม และส่ิงทจ่ี �ำ เปน็ มาก คอื การให้กำ�ลงั ใจ
จากนัน้ ได้มีการท�ำ การประเมนิ รปู แบบการอบรม
ทพ่ี ัฒนาขนึ้ โดยผ้เู ชี่ยวชาญ ซึง่ ได้ผลออกมาคอ่ นขา้ งดมี าก
กล่าวคอื องค์ประกอบทัง้ 5 องคป์ ระกอบ มีความเหมาะสม
โดยรวมอยูใ่ นระดับมากท่สี ุด และแผนการจัดการอบรม ท่ี
พฒั นาจากรปู แบบการจดั การอบรม มรี ะดบั ความเหมาะสม
อยู่ในระดับมากทีส่ ดุ รปู แบบการฝกึ อบรมภาษาองั กฤษ โดย
การสอนแบบสรา้ งสรรค์ สำ�หรบั พัฒนาทักษะการใชภ้ าษา
อังกฤษของพนกั งานการไฟฟ้าสว่ นภูมิภาค

นำ�เสนอ ประเมินผล

ภาพท่ี 1 กระบวนการจัดการเรยี นรู้
แบบ CBL Creativity-Based Learning

8

ผลการพัฒนารปู แบบการฝึกอบรมภาษาอังกฤษ โดยการ จากผลการประเมนิ ด้านทกั ษะของผเู้ รียน พบวา่ ผู้
สอนแบบสร้างสรรค์ สำ�หรับพัฒนาทักษะการใช้ภาษาองั กฤษ อบรมส่วนใหญ่หลังจากที่ได้เรียนรู้ตามรูปแบบการอบรมที่
ของพนกั งานการไฟฟา้ ส่วนภมู ิภาค ที่พัฒนาขน้ึ มีคณุ ภาพ พัฒนาขึ้นแล้ว มพี ฒั นาการด้านทกั ษะการใช้ภาษาองั กฤษ
เหมาะสมกับศกั ยภาพผเู้ ขา้ อบรม จากการสงั เกต พบวา่ ผู้ ท้งั 4 ทกั ษะ ไดแ้ ก่ ฟัง พดู อา่ น เขียน และสังเกตไดว้ ่าผู้อบรม
อบรมสนุกสนานกับการร่วมทำ�กิจกรรมในการอบรมทุกขั้น มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารสูง
ตอน รว่ มแสดงความคิดเห็นท่ีหลากหลายในระหว่างการท�ำ กว่าก่อนการอบรม ผสู้ อนสง่ เสริมให้ผ้อู บรมปฏบิ ตั ิตนตาม
กจิ กรรม ท้ังนอ้ี าจเนือ่ งมาจากกิจกรรมที่จดั ในการอบรมเน้น ค�ำ แนะน�ำ น้ันอย่างสม่�ำ เสมอ โดยติดตามผลการปฏบิ ตั ิ และ
ให้ผู้อบรมไดเ้ รียนรู้จากการลงมอื ฝกึ ปฏบิ ตั ิ ทำ�ให้ผู้อบรมเกิด ให้ข้อมูลป้อนกลบั และการเสริมแรงเป็นระยะ ๆ จนกระท่งั
กระบวนการคิด การจดจ�ำ การน�ำ ไปใช้ เกดิ การแลกเปล่ียน ผู้อบรมสามารถปฏบิ ัตไิ ดแ้ ละเกดิ การจดจำ� การดำ�เนินการ
เรียนรรู้ ะหว่างกัน นำ�ไปส่กู ารสร้างองคค์ วามรตู้ า่ ง ๆ ที่เป็น ตามข้ันตอนทั้ง 5 ขัน้ ไมส่ ามารถทำ�ไดใ้ นระยะเวลาอนั ส้ัน
ของตนเอง ทำ�ให้ผอู้ บรมมคี วามเขา้ ใจในเน้ือหาอย่างแทจ้ ริง ตอ้ งอาศยั เวลา โดยเฉพาะในข้ันท่ี 4 และ 5 ต้องการเวลาใน
ซ่งึ สอดคลอ้ งกับ สมุ ติ รา อังวัฒนกลุ (2535) ที่กลา่ วถงึ การ การปฏบิ ัติ ซงึ่ อาจจะมากน้อยแตกตา่ งกนั ไปในผอู้ บรมแตล่ ะ
สอนภาษาเพอื่ การสื่อสารวา่ มงุ่ ให้ผูเ้ รยี นสามารถใชภ้ าษา คน
เพือ่ ส่ือความหมายได้ การจดั การเรยี นการสอนจึงเน้นหลกั
สำ�คัญ คือ ตอ้ งให้ผู้เรยี นรู้ว่าก�ำ ลังท�ำ อะไร เพอ่ื อะไร การใช้
ภาษาเพอื่ การส่ือสารจึงต้องใช้หลาย ๆ ทกั ษะรวมกนั ไป ต้อง
ใหผ้ เู้ รียนไดท้ �ำ กจิ กรรมการใชภ้ าษา กจิ กรรมควรมีลักษณะท่ี
เหมอื นในชีวิตประจำ�วนั ใหม้ ากท่ีสดุ ต้องให้ผ้เู รยี นฝกึ การใช้
ภาษามาก ๆ นอกจากผเู้ รยี นตอ้ งทำ�กิจกรรมการใช้ภาษาดัง
กลา่ วแล้ว ยงั ต้องมโี อกาสได้ทำ�กิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
บทบาทสมมติ และผเู้ รียนตอ้ งไม่กลวั วา่ จะใช้ภาษาผิด ผ้สู อน
จึงไมค่ วรแก้ไขข้อผดิ พลาดของผู้เรียนทุกครงั้

9

สตรอเบอร่นี าแหว้
“จากไหล...ถึงผล”

สตรอเบอรี่ “นาแห้ว”

คงต้องเล่าถึงอดีตซักนิดเพ่ือให้ผู้อ่านเข้าใจถึงท่ีมาท่ีไปของสตรอเบอรี่
ทีอ่ ำ�เภอนาแห้ว จงั หวัดเลย จุดเริ่มต้นของงานนีเ้ กดิ ข้นึ เมอ่ื ปี 2532-2534 เกดิ
ปัญหาศกึ บา้ นรม่ เกลา้ อ�ำ เภอชาตกิ าร จังหวัดพิษณุโลก เป็นปัญหาความไมช่ ัดเจน
ของพนื้ ทพ่ี รมแดนระหว่างไทยกับลาวทถี่ กู แบง่ แยกด้วยลำ�นำ�้ เหอื ง และการไปมา
หากนั ของผ้คู นในเครือญาตพิ น่ี อ้ งระหว่างสองพื้นท่ี
เม่ือศึกร่มเกล้ายุตผิ ู้ที่เขา้ มาดูแลจดั การพ้ืนท่ี คือ “ทหาร” และเป็นผกู้ อ่
ตัง้ หมบู่ ้านรวมท้งั กำ�หนดพรมแดนให้ชดั เจน “หมบู่ า้ นบอ่ เหมอื งน้อย และหมบู่ ้าน
ห้วยน้ำ�ผัก” สร้างระบบสาธารณูปโภคใหค้ ่อนข้างครบ แต่ด้วยชาวบา้ นท่ีมาจาก
ต่างถ่ินจงึ มคี วามแตกต่างกัน นายทหารท่านหน่ึงชอื่ ร้อยเอกอรรฐพร โบสุวรรณ
(ยศขณะนั้น) พูดด้วยความเป็นหว่ งว่า “ถา้ ทหารถอนตัว ชาวบา้ นจะอยู่ไมไ่ ด”้

10

ปี 2538 ศูนยพ์ ันธุวศิ วกรรมและเทคโนโลยชี วี ภาพ
แหง่ ชาติ (ศูนย์ไบโอเทค) ในการดแู ลของอาจารยศ์ กั รนิ ทร์
ภูมิรัตน เป็นผ้อู �ำ นวยการ อาจารย์มรกต ตันติเจริญ เป็นรอง
ผู้อำ�นวยการ อาจารยก์ ฤษณพงศ์ กีรตกิ ร จากมหาวทิ ยาลยั
เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี ทา่ นอาจารย์ทงั้ สามไดล้ งพืน้
ที่นาแห้ว ได้เล่าวา่ “...เราไม่รวู้ า่ จะท�ำ อะไร...” หรือ ควร
พัฒนาโจทยอ์ ะไรที่เหมาะสม ในเวลานั้น คุณทศพร ทอง
เทย่ี ง อดตี เจ้าหนา้ ที่สง่ เสริมการปลูกสตรอเบอร่ีโรงงานหลวง
ส�ำ เรจ็ รูป ทไ่ี ปดว้ ยพดู ขน้ึ ว่า

“อากาศเยน็ แบบนี้ นา่ จะปลูกสตรอเบอร่ีได้”

เอาไหลสตรอเบอรท่ี เ่ี ชียงใหมม่ าปลูกทีอ่ �ำ เภอนาแหว้

จากนน้ั ไมน่ านคณุ ทศพรได้เขยี นโครงการ เพอื่ ขอรบั การสนบั สนนุ งบประมาณไปทีศ่ นู ย์ไบโอเทคฯ และจากคำ�บอกเล่า
ของชาวบา้ นทวี่ ่า “แต่ก่อนชาวบ้านบ่อเหมอื งนอ้ ยและบ้านห้วยนำ้�ผัก กเ็ คยปลูก
สตรอเบอรีแ่ ตไ่ ม่คอ่ ยจริงจัง โดยทหารเป็นคนจับมือปลูก”
การชวนชาวบา้ นปลูกสตอเบอรค่ี ร้งั น้ี จึงเปน็ ความทา้ ทายของคนทำ�งาน 2 คน คอื นายทศพร ทองเท่ียง และ
นายปยิ ทศั น์ ทองไตรภพ (ในขณะนนั้ พ่งึ จบการศึกษาระดับ ป.โท หลกั สตู รการจัดการทรัพยากรชวี ภาพ มจธ. ซง่ึ ค้นุ เคยกบั
พ้นื ที่ในระดบั หนึ่ง) โดยเร่มิ จากการไปซ้อื ไหลสตรอเบอรี่ ประมาณ 100,000 ตน้ มาแจกใหช้ าวบ้านทัง้ สองหมู่บ้าน กว่า 100
คน อบรมให้ความรู้ และสอนให้ชาวบ้านท�ำ ตง้ั แตเ่ ตรยี มแปลงปลกู ดว้ ยแนวคิดทวี่ า่ “สตรอเบอรี่ คอื พชื ทางเลือก พชื เสริม
รายได้”
ในปีแรก คณะทำ�งานคัดเลือกได้คนท�ำ จรงิ จงั 10 คน จากทัง้ หมดทีอ่ บรมให้กว่า 75 คน จากน้นั ในปี พ.ศ. 2543-2544
ถือเป็นจุดเริ่มต้นของทำ�การงานกบั สตรอเบอรี่นาแหว้ อย่างจรงิ จงั ทั้งสว่ นงานวิจยั พัฒนาและงานถ่ายทอดเทคโนโลยี อกี ท้งั
เปน็ จุดเรมิ่ ต้นของการ “ผลติ ไหลสตรอเบอร่เี อง” โดยนำ�ตน้ แม่พันธุ์
สตรอเบอรีจ่ ากสถานีวิจยั ดอยปุย มาให้ชาวบา้ น 2 คน คอื นายสงา่ บญุ ธรรม และนายบญุ เดจ็ แสนคำ� ซ่งึ ท้ังสองเปน็
เพอ่ื นกัน อยา่ งไรกต็ าม ความผดิ พลาดกไ็ ด้เกดิ เพราะกตกิ าทคี่ ณะท�ำ งานกำ�หนด “ได้ไหลเทา่ ไหร่ ขายได้แลว้ แบง่ กันคนละ
ครง่ึ นะ”
ปัญหาที่ตามมาคือ คนหนงึ่ ในนน้ั ผลติ ไหลสตรอเบอร่ไี ดน้ อ้ ยกวา่ อกี คน แต่เม่อื ขายไหลสตรอเบอรี่แลว้ กลับเอากติกา
มาเปน็ ตัวคดิ ค่าตอบแทน จงึ สรา้ งความไม่พอใจใหอ้ ีกฝ่าย ดงั นัน้ ในปีถดั มาคณะท�ำ งานจึงตดั สนิ ใจซ้ือไหลสตรอเบอรี่จาก
เชียงใหมต่ ามเดิม แต่ก็พบปญั หา

“ไหลสตรอเบอรเี่ ชียงใหมเ่ ปน็ โรคอะไร นาแหว้ ก็เป็นโรคเดียวกนั ”

กลมุ่ ชาวบา้ นที่ปลกู สตรอเบอรท่ี ่ีนาแหว้ ไปดแู ปลงทำ�ไหลสตรอเบอรีท่ เ่ี ชยี งใหม่

คณะท�ำ งานไดไ้ ปดแู ปลงท�ำ ไหลสตรอเบอรีบ่ า้ นบอ่ แก้ว อำ�เภอสะเมิง จังหวัดเชยี งใหม่ โดยการดแู ลของอาจารย์จาก
มหาวทิ ยาลัยแหง่ หน่งึ ท่ไี ด้รับมอบหมายใหม้ าดแู ลการท�ำ ไหลสตรอเบอรี่ใหก้ ับโครงการสตรอเบอร่ีที่นาแหว้ โดยทางเชยี งใหม่
จะเร่ิมท�ำ ไหลสตรอเบอรป่ี ระมาณเดือนกมุ ภาพันธ์ ชาวบา้ นนาแห้วจงึ ส่ังไหลสตรอเบอร่ีไว้ 50,000 ตน้ “วนั นนั้ ไปท่บี า้ นบอ่ แก้ว
ไหลสตรอเบอรสี่ วยมาก ครัง้ น้ที �ำ ใหเ้ ราไดเ้ รยี นรเู้ ทคนคิ ดีๆ ในการทำ�ไหล”

11

พอถงึ เดอื นธนั วาคมคณะท�ำ งานได้ขอยืมรถของกรมปา่ ไมม้ าขนไหลสตรอเบอรี่ จากเชยี งใหมม่ าทนี่ าแหว้ วงิ่ ทัง้ หมด
2 รอบ แต่ถูกชาวบ้านบน่ เพราะคุณภาพต้นไมเ่ หมอื นกับทีไ่ ปดมู า และเป็นอย่างนอี้ ีกหลายปี แต่ชาวบา้ นก็ยังสามารถนำ�มา
ปลกู ไดข้ ายลกู สตรอเบอรก่ี ัน

“อาจารยเ์ อาไหลอะไรมาให้ บางต้นใหญ่ บางต้นปานกลาง และบางตน้ เลก็ มาก รากยังไม่เกดิ กม็ ี”
ปี พ.ศ. 2548 ประมาณกลางเดือนกนั ยายน คณะท�ำ งานและชาวบ้านเตรียมวางแผนปลูก และคุยกนั ถึงปัญหาของ
ไหลสตรอเบอร่ที ่ที วีความรนุ แรงมากขึ้น สว่ นหน่งึ เพราะเป็นจุดต�่ำ สดุ ของพันธ์พุ ระราชทาน 50 ชาวบา้ นนาแห้วจึงตอ้ งการไป
ดูสถานทีผ่ ลิตไหลสตรอเบอรท่ี เี่ ชยี งใหม่ ครัง้ นน้ั ชาวบ้านและคณะท�ำ งานไดเ้ ดนิ ทางไปเชียงใหม่ และมีเจ้าหน้าท่พี าไปดแู ปลง
ผลิตไหล ภาพท่ีเหน็ คอื “ตน้ สวย และไมเ่ ปน็ โรค” ไหลสตรอเบอรเ่ี จริญเตบิ โตดี ชาวบ้านจึงส่งั ไหลสตรอเบอร่ไี ป 75,000 ต้น
และในเยน็ วันน้นั มรี ถคนั หนง่ึ ขนไหลสตรอเบอรม่ี าประมาณ 75,000 ตน้ สภาพไหลสตรอเบอรแี่ ตกตา่ งจากทไี่ ปดมู าในวันนน้ั
และเม่ือถามว่าล็อตน้จี ะสง่ ใหใ้ คร ก็ได้คำ�ตอบแบบเฉไฉว่ามคี นสง่ั ใหเ้ อามาให้ แต่ชาวบา้ นก็พอจะเดาไดว้ า่ ไหลสตรอเบอรี่ชุดนี้
เปน็ ของใคร

“ผมจะไมม่ าซอ้ื อีกแลว้ ”
ปี 2550 คณะทำ�งาน มจธ. และ สวทช. จึงมาตัง้ เป้าหมายวา่ “ปีหนา้ จะทำ�ไหลสตรอเบอรี่เอง” ในขณะน้นั อาจารย์
มรกตก็เหน็ ด้วยกบั ความคิดนี้ แต่ก็แนะน�ำ ว่า “อย่าพึ่งเอาไหลสตรอเบอร่ที ที่ �ำ เองนไี้ ปใหช้ าวบา้ นปลกู นะ” ดงั นัน้ ชาวบ้านนา
แหว้ จงึ จ�ำ เป็นตอ้ งซือ้ ไหลจากเชยี งใหม่เหมือนเดิม แต่เปน็ ไหลสตรอเบอร่คี ณุ ภาพดีจาก สถานวี ิจัยดอยปยุ
การทำ�ไหลสตรอเบอรี่ท่นี าแหว้ จากต้นสตรอเบอรเ่ี พาะเลี้ยงเนื้อเย่อื
ไหลสตรอเบอรท่ี นี่ าแหว้ ทดลองท�ำ ในปแี รกมตี าดอกแต่คณุ ภาพไมค่ ่อยดี ในช่วงน้นั มจธ. ได้นำ�นกั ศึกษา ป.โท
หลกั สูตรการจัดการทรัพยากรชีวภาพ สาขาทกั ษะการจดั การทรพั ยากรฐานชุมชน (CRM) ไปฝกึ ท�ำ ไหลสตรอเบอรที่ ่ีสถานวี ิจัย
ดอยปุย แล้วมาทดลองทำ�ทนี่ าแห้วในสภาพโรงเรือน เปรยี บเทยี บกบั การท�ำ ในแปลงปลกู ทวั่ ไป ปญั หาทพ่ี บคอื ต้นสตรอเบอรี่
ท่ีปลกู ในโรงเรอื นเปน็ โรคเหี่ยวและเนา่ เนื่องจากสภาพของโรงเรอื นท่ีค่อนข้างชนื้ และอุณหภมู ทิ ี่ร้อนกวา่ ภายนอกถึง 2 องศา
เซลเซยี ส และยงั พบการระบาดของตัวอ่อนของด้วงชนิดหนึง่ อีกด้วย นอกจากปญั หาของโรคและแมลงแล้ว การปลกู สตรอเบอรี่
ในโรงเรือนยังพบว่า เจริญเติบโตค่อนข้างชา้ ท�ำ ให้ได้ผลผลติ ชา้ กวา่ ในแปลงปลูก 2 สปั ดาห์
การผลิตไหลสตรอเบอรท่ี น่ี าแห้ว จะใชเ้ วลาอยู่ในช่วง 4 ½ - 5 เดือน คือ ตั้งแตเ่ ดอื นพฤษภาคม ถงึ กลางเดือนกันยายน
เดือนเมษายน ซ้ือตน้ แม่พันธสุ์ ตรอเบอร่เี พาะเลยี้ งเน้ือเยือ่ ในราคาต้นละ 10 บาท หรอื 1,040 บาท/ถาด (ภาพท่ี 1) มาปลูก
ในถุงด�ำ ขนาด 8 * 16 นวิ้ (หรือ 7 * 14 น้วิ ) ดว้ ยวสั ดุปลกู ทมี่ สี ่วนผสมของ ดิน ขุยมะพร้าว และแกลบด�ำ อัตราส่วน 1 ต่อ
1 ตอ่ 1 จากนัน้ ดแู ลรดน้�ำ ตามความเหมาะสม ช่วงแรกใส่ปุ๋ยเคมสี ูตร 46-0-0 หรือ 21-0-0 ประมาณ 1 ช้อนชาต่อตน้ พอตน้
สตรอเบอรี่ อายุ ได้ 1 เดือน จงึ เปลย่ี นเปน็ สตู ร 15-15-15 อตั รา 8-10 กรัมต่อต้น

ภาพที่ 1 ถาดบรรจตุ น้ แมพ่ ันธ์สุ ตรอเบอรีเ่ พาะเลี้ยงเนื้อเยอื่ ที่ซื้อจากสถานีวิจัยดอยปุย

12

กลางเดือนพฤษภาคมถึงเดอื นสิงหาคม ต้นสตรอเบ
อรี่เพาะเล้ียงเนื้อเยื่อหรือต้นแม่จะให้ไหลสตรอเบอร่ีต้นแรกใน
เดอื นพฤษภาคม ระหว่างนี้ควรบำ�รุงด้วยป๋ยุ เคมสี ตู ร 15-15-15
ทกุ สปั ดาห์ เม่ือไหลมตี มุ่ รากโผลม่ าเลก็ นอ้ ย (ภาพที่ 2) ชาวบา้ น
จะท�ำ “การตวงไหล” หรือปลูกไหลสตรอเบอรล่ี งไปในถุงด�ำ
ขนาด 2X5 น้ิว ที่ใส่วสั ดุปลูก (ดนิ ผสมกับปุ๋ยหมกั และแกลบดำ�)
จนเตม็ ถงุ และจะใช้ไม้ไผถ่ ากเป็นเสน้ เลก็ ๆ (ตอกไม้ไผ)่ มากดให้
เสน้ ไหลยดึ ติดกบั ดนิ ปลกู ในถงุ ดำ� ชว่ งนกี้ ารบำ�รุงดูแลจะใช้ปยุ๋
ทางใบ รดทกุ ๆ 7 วัน จนกวา่ จะสิน้ สุดการท�ำ ไหลสตรอเบอรี่
ภาพที่ 2 เมอ่ื ไหลสตรอเบอร่มี ตี ุ่มรากโผล่มาเลก็ นอ้ ย ต้นแม่พันธส์ุ ตรอเบอรี่ 1 ต้น อาจให้เส้นไหลสตรอเบอร่ี
ชาวบา้ นจะเริม่ ตวงไหล 5-10 เส้นไหล และเสน้ ไหลแต่ละเส้น สามารถใหไ้ หลได้ถึง 3-5

ตน้ ดังน้นั แม่ 1 ตน้ อาจให้ไหลได้ระหวา่ ง 40-80 ต้น (ภาพที่ 3) ข้ึนกับความสมบรู ณ์ของต้นแม่และไหลแรก

ภาพที่ 3 การผลติ ไหลสตรเบอรี่

ไหลอายุเท่าไหร?่ ?? ถงึ จะนำ�มาปลูกในแปลงได้

ชาวบา้ นทเี่ ชยี งใหม่ อาศยั “การนับวัน” ไหลสตรอเบอรท่ี ่ีจะลงปลกู ได้ตอ้ งอายุ 120-150 วนั แต่เทคนิคทีน่ าแหว้ แตก
ต่างไป คือจะมกี ารตรวจสอบตาดอกภายใต้กล้องสเตอรีโอไมโครสโคป (โดยเจ้าหนา้ ท่ี สถานีวิจัยดอยปยุ ) ซง่ึ เป็นเหตุการณ์ส�ำ คัญ
เพราะ “เปน็ การค้นพบโดยบังเอญิ ” เนอ่ื งจากชาวบ้านที่คณะทำ�งานเลอื กมาทำ�ไหลใหก้ ับลูกบ้านตดิ ธุระ ทำ�ให้ต้นไหลขาดการ
บำ�รงุ ดูแลนานกว่า 15 วัน แต่เมอื่ จะน�ำ ไปปลูกได้มกี ารสมุ่ ตรวจตาดอกภายใตก้ ลอ้ งเชน่ ทกุ ครง้ั ซงึ่ พบว่าไหลเหล่านั้นมีระยะตาด
อกสูงกว่า การดูแลแบบปกติท่พี บตาดอกในระยะที่ 3-5 (จากทง้ั หมด 9 ระยะ) ในทางวิชาการอธบิ ายไดว้ า่ “การที่พืชขาดน้�ำ ”

13

เปรยี บเสมือนการท�ำ ให้ “พชื เครยี ด” พืชจะพยายามสรา้ งส่วนท่ีเกย่ี วขอ้ งการเจรญิ พนั ธุ์ นนั่ คอื “ตาดอก” อยา่ งไรก็ตาม
พฒั นาการของตาดอก จากระยะที่ 2 ไประยะที่ 3 จะใช้เวลาประมาณ 1-2 สปั ดาห์ และขนึ้ อยกู่ บั สภาพอากาศ (เย็น) และ
ความชน้ื สมั พทั ธท์ เี่ หมาะสม
ชาวบ้านนาแหว้ นยิ มลงแปลงปลูกสตรอเบอรี่ในช่วงต้นเดอื นตุลาคม ดังนนั้ กลางเดือนกันยายนชาวบ้านจะงดน�ำ้ และ
ป๋ยุ ประมาณ 7 วัน ส�ำ หรับไหลสตรอเบอรท่ี ่ีชาวบ้านน�ำ มาปลูกจะมกี ารคละกนั ตัง้ แตไ่ หลแรก จนถงึ ไหลสุดท้าย (แตถ่ ้าสามารถ
แยกเปน็ ล�ำ ดบั การปลูกไหลได้ คือไหลแรกปลกู ก่อน ไหลกลางปลกู ถัดมา และไหลทา้ ยๆ ปลูกสดุ ทา้ ย) จะสามารถดแู ลและให้
ผลผลิตได้อย่างตอ่ เน่ือง

เตรียมแปลงปลูกสตรอเบอร่ี

กลางเดือนสิงหาคมชาวบ้านจะเริ่มเตรียมแปลง โดยการใช้รถไถเดินตามไถดะป่ันดินผสมกับปุย๋ หมักหรอื ปุ๋ยคอกให้
เข้ากนั จากน้ันจะใชแ้ รงงานคนขนึ้ แปลงปลูก ขนาดบนหลังแปลงกว้าง 30 เซนติเมตร สงู ประมาณ 50 เซนตเิ มตร เพ่อื ปอ้ งกนั
การสะสมของน้�ำ ในช่วงฝนตก จากน้ันกลางเดือนกันยายนชาวบ้านจะทยอยปลกู เว้นระยะห่างระหว่างตน้ 25 เซนติเมตร และ
ระหวา่ งแถว 20 เซนตเิ มตร คลมุ แปลงด้วยพลาสตกิ สีด�ำ บรเิ วณขอบแปลงเพื่อปอ้ งกันวัชพชื และใชห้ ญ้าคาคลมุ บรเิ วณโคนต้น
เพ่ือรักษาความชุม่ ชน้ื และรองรบั ผลสตรอเบอรี่ การคลมุ ในลักษณะนี้ (ภาพท่ี 4) มีสว่ นชว่ ยลดความเสียหายของผลสตรอเบอร่ี
ได้เปน็ อย่างดี

ภาพท่ี 4 การคลุมแปลงปลูกสตรเบอรดี่ ว้ ยพลาสตกิ สีด�ำ (ซ้าย) และหญ้าคา (ขวา)
การบ�ำ รุงดแู ลในชว่ งแรกเนน้ ปุ๋ยเคมสี ูตร 46-0-0 หรือ 21-0-0 และเม่อื เริ่มแตกใบออ่ น (ระบบรากสมบูรณ)์ จะเปลีย่ น
เป็นสตู ร 15-15-15 อัตรา 10 กรัมตอ่ ตน้ หากสงั เกตว่าตน้ สตรอเบอรี่เร่มิ ออกดอก (ประมาณเดือนพฤศจิกายน) จะเพม่ิ เติมด้วย
สูตร 13-13-21 หรือบางครัง้ ใช้ผสม หรอื สลับกนั สำ�หรับการดแู ลรกั ษาด้านโรคและแมลงนั้น ในช่วงต้นฤดปู ลกู ทฝี่ นตกหนัก
ชาวบ้านจะฉดี พ่นสารเคมี (สกอร์) ปอ้ งกนั กำ�จดั เชอ้ื รา อาทิ โรคแอนแทรคโนส ทุกสปั ดาหจ์ นถึงกลางเดือนตุลาคม หรือจนกวา่
ฝนหยุดก็จะหยดุ พ่น ตน้ สตรอเบอรี่จะใหผ้ ลผลติ ในชว่ งปลายเดือนธนั วาคมถงึ ตน้ เดือนมกราคม แตถ่ ้าหากปลูกในชว่ งเดือน
ตลุ าคมผลผลติ จะออกมากในช่วงหลงั ปีใหมซ่ ง่ึ ไมค่ ่อยไดร้ าคา อยา่ งไรก็ตาม ชาวบา้ นจะสามารถเกบ็ ผลผลติ ไดถ้ งึ เดือนเมษายน
พนั ธป์ุ ลูกสตรอเบอรีท่ ี่นำ�มาปลูกที่นาแหว้ มีหลายพันธุ์ เชน่ พนั ธุ์พระราชทาน 50 อ่อนแอตอ่ โรคแอนแทรกโนส พันธ์ุ
329 ท่ีค่อนขา้ งต้านทานโรคแอนแทรคโนส แตอ่ ่อนแอต่อโรคไวรัส ในขณะทีพ่ ันธพุ์ ระราชทาน 80 อ่อนแอตอ่ ราแปง้

14

ภาพท่ี 5 สตรอเบอร่พี นั ธพุ์ ระราชทาน 80

ปลกู สตรอเบอรแ่ี ล้วได้อะไร???

อาจมองผลกระทบได้ใน 3 สว่ น คอื บรบิ ทชมุ ชนนาแหว้ นักวจิ ัยหรอื คณะท�ำ งาน และสตรอเบอร่ี
มมุ มองต่อบรบิ ทชมุ ชน สตรอเบอร่ีมสี ่วนสรา้ งรายได้เสริม ใหก้ ับชาวบ้านหลงั ฤดูปลกู พืชหลกั ซึ่งบางครงั้ ให้คา่
ตอบแทนที่มากกว่ารายได้หลกั ท้งั น้ที มี่ าของรายได้ คือ การจำ�หนา่ ยไหลสตรอเบอรี่ และการจ�ำ หน่ายผลสตรอเบอร่ี
ไหลสตรอเบอร่ี คณะท�ำ งานจะส่ังตน้ แมพ่ นั ธุ์สตรอเบอร่ีมาประมาณ 1,400 ต้น โดยเลือกผู้รบั ผดิ ชอบ 4 คน มาผลิต
ไหลสตรอเบอรี่ใหก้ ับลูกบ้านแตล่ ะแห่ง (บ้านบอ่ เหมืองน้อย และบ้านห้วยนำ้�ผัก) ซึ่งจะไดป้ ระมาณ 60 ตน้ ตอ่ ต้นแม่ หรอื
ทง้ั หมดประมาณ 168,000 ไหล โดยต้นไหลสตรอเบอรี่ท้งั สองหมบู่ า้ นใช้ประมาณ 120,000 ตน้ โดยจ�ำ หน่ายใหส้ มาชกิ ราคา
2 บาท/ไหล คดิ เปน็ มลู คา่ 240,000 บาท และจำ�นวนทีเ่ หลอื อีก 48,000 จำ�หน่ายให้คนภายนอก ในราคา 5 บาท/ไหล คิดเปน็
240,000 บาท รวมท้งั สน้ิ 480,000 บาท
ผลสตรอเบอรี่ ชาวบ้านประมาณ 30 คน รวมพ้ืนทปี่ ลกู สตรอเบอรท่ี งั้ สองหมูบ่ า้ นกว่า 15 ไร่ เฉลี่ยผลผลิตสตรอเบอร่ี
ท่ีขายได้ ประมาณ 10,000 กิโลกรัม ในราคาเฉลี่ย ๑๕๐ บาท/กโิ ลกรัม คิดเป็นมลู ค่ากว่า 1,500,000 บาท
นอกจากสตรอเบอร่ีจะมสี ว่ นสรา้ งรายได้แลว้ ยงั ท�ำ ให้เกดิ การสรา้ งงาน และท�ำ ให้ชาวบา้ นมงี านทำ� การสรา้ งความเขม้
แขง็ ในกบั คนในชุมชน คอื การจดั ต้ังกล่มุ ผ้ปู ลกู สตรอเบอรี่ (แบบหลวมๆ) ในลักษณะของ “กลุ่มเพื่อนชว่ ยเพอ่ื น” สุดทา้ ยคงจะ
เป็นเร่ือง การทอ่ งเท่ียว ซง่ึ นอกจากนักท่องเทย่ี วจะมาด่มื ด�ำ่ กับบรรยากาศของจังหวัดแล้ว สนิ ค้าหรอื ของทรี่ ะลกึ อาทิ มะคาเด
เมีย และสตรอเบอรี่ ยงั เป็นความทีต่ อ้ งการของนักท่องเทย่ี วอกี ด้วย
ผลตอ่ สตรอเบอร่ี นาแห้วปลูกสตรอเบอรี่มานานกว่า 15 ปี (2543-2558) ตอนน้ีชาวบา้ นสามารถผลิต “สตรอเบอรี่
ปลอดสารพษิ ” ซึง่ เปน็ ความภูมิใจของทัง้ คณะท�ำ งานและชาวบา้ น “สตรอเบอรีอ่ รอ่ ยกวา่ เดิม” แต่กอ่ นวัดความหวานได้ 8
องศาบรกิ ซ์ ตอนน้ไี ด้สงู สุดถึง 11 องศาบรกิ ซ์ “ชื่อเสียงของสตรอเบอร่นี าแห้ว” เป็นที่รู้จักของนักทอ่ งเที่ยวมาขึน้ กว่าแต่ก่อน
ซง่ึ นอกจากรสชาตทิ ่อี รอ่ ยขึ้นแล้ว สว่ นหน่งึ เปน็ เพราะการพฒั นาด้านบรรจภุ ณั ฑ์ และการจัดการหลงั การเกบ็ เกี่ยว ท่ีท�ำ ให้
ขนสง่ ได้ไกลขน้ึ กว่าเดมิ

15

บทบาทตอ่ นกั วจิ ยั การท�ำ งานวิจยั พัฒนาสตรอเบอรี่ทน่ี าแห้ว เริม่ ต้นด้วยความไมร่ ู้ เพราะตนเองไม่มคี วามรู้พนื้ ฐาน
ด้านการเกษตร เรยี กว่า “ทำ�แบบหว่านแห” แตโ่ ชคดีทไี่ ด้มีโอกาสไปพดู คยุ กับหลายคน มีความรว่ มมอื กบั หน่วยงาน แลกเปลี่ยน
ประสบการณ์ และไดร้ ับความชว่ ยเหลือเป็นอยา่ งดี การทำ�งานมิได้ท�ำ บทบาทเป็นแตเ่ พียงนกั วิจัยเทา่ น้ัน การทำ�งานทำ�ใหไ้ ด้
เรยี นรเู้ ทคนคิ ตา่ งๆ มากกมาย “เราเปน็ ทั้งนักวิจยั เป็นคนงาน และเปน็ ชาวบา้ น อยา่ งตอนล่อไหลชาวบ้านทำ�ไมท่ ัน กต็ ้องไปช่วย
ชาวบา้ นทำ�”
อยา่ งไรกต็ าม คณะท�ำ งานใหค้ วามเหน็ วา่ “เรายงั ไปไม่ถึงฝนั ” คือ นกั ท่องเท่ียว หรือกล่มุ ผู้ซื้อ “ตลาดยงั มาไม่ถึงเราอยา่ งตอ่
เนือ่ ง” อกี ท้งั ขอ้ จำ�กัดของพันธสุ์ ตรอเบอร่ีท่เี หมาะสม และจ�ำ นวนต้นไหลตอ่ ต้นแม่

“...ปัจจัยแหง่ ความสำ�เร็จคอื การเอาใจใส่ ชาวบ้านตอ้ งตวงไหลใหไ้ วพอ
ความชื้นสมั พัทธค์ อ่ นขา้ งสูง จะออกไหลดี

จดั ระยะหา่ งของถุงลอ่ ไหล ประมาณ 30 เซนตเิ มตร
ตอ้ งจัดการกบั โรคและแมลงให้ได้ โดยเฉพาะชว่ งฝนตก มกั จะเป็นโรคแอนแทรกโนส...”

“เรารกั มนั ...มันจะรักเรา”

คำ�กล่าวของคณุ ปิยทศั น์ ทองไตรภพ

16

ควนั ละอองโลหะจากการเช่อื มโลหะ

กระบวนการเชอ่ื มเปน็ หน่ึงในกระบวนการผลติ ท่ีไดร้ ับความนยิ ม ที่สามารถน�ำ ไปใชไ้ ด้ในหลายอุตสาหกรรม เชน่
อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมต่อเรือ อตุ สาหกรรมขนส่ง และแมก้ ระท่งั อตุ สาหกรรมปิโตรเลยี มและปิโตรเคมี การเชอื่ ม
สามารถใชไ้ ดใ้ นท้งั ขณะทก่ี ำ�ลังกอ่ สร้างอุตสาหกรรม ระหวา่ งการผลติ และรวมถึงการซ่อมบำ�รุงและการซ่อมแซมชน้ิ สว่ น
กระบวนการเชอ่ื ม กระบวนการตดั และกระบวนการที่เกย่ี วข้องนั้นมอี ยหู่ ลายกระบวนการ ซึ่งทุก ๆ กระบวนการสามารถทจี่ ะก่อ
ใหเ้ กิดควันละอองโลหะ [1] ในปรมิ าณที่แตกตา่ งกนั ข้ึนอยู่กับคณุ ลกั ษณะของกระบวนการท่ใี ช้ โดยสว่ นแล้วกระบวนการเช่ือมที่
มีการใช้สารพอกหุ้มเข้าร่วมด้วยมักจะก่อให้เกิดควันละอองโลหะมากกว่าเม่ือเปรียบเทียบกับกระบวนการเช่ือมที่ไม่อาศัยสาร
พอกหุ้ม กระบวนการเชื่อมดว้ ยลวดเชอ่ื มหมุ้ ฟลกั ซ์ (Shielded Metal Arc Welding: SMAW) กระบวนการเชอ่ื มไส้ฟลกั ซ์ (Flux
Cored Arc Welding: FCAW) ลว้ นเปน็ กระบวนการเช่ือมทกี่ อ่ ใหเ้ กิดควนั ละอองโลหะมากทส่ี ดุ
ควันละอองโลหะท่ีเกิดข้ึนน้ันสามารถถูดสูดหายใจเข้าไปโดยช่างเช่ือมที่ทำ�งานในบริเวณท่ีใกล้เคียงกับบริเวณท่ีเกิดควัน
ละอองโลหะ หากสมมตวิ า่ ชา่ งเช่ือมสดู หายใจควนั ละอองโลหะทปี่ ริมาณ 0.5 กรมั ต่อการท�ำ งาน 8 ช่วั โมงตอ่ วนั ซึ่งเทียบไดก้ บั
100 กรัมต่อปี หรือเปน็ ปริมาณ 2.5 กโิ ลกรัม ตลอดอายุการทำ�งาน 25 ปี จากขอ้ มลู ของ The American Conference of Gov-
ernmental Industrial Hygienists (ACGIH) ปริมาณความหนาแนน่ ของควันละอองโลหะในระดับทีย่ อมรบั ได้อยทู่ ี่ 5 มลิ ลิกรัม
ตอ่ ลูกบากศ์เมตร ส�ำ หรบั การท�ำ งานที่ 8 ชัว่ โมงตอ่ วันและ 40 ชว่ั โมงตอ่ สปั ดาห์ ซง่ึ ทำ�ใหท้ ราบถึงการทำ�งานที่เส่ียงอัตรายท่ีสุด
งานหนึง่ แตก่ ลบั เปน็ งานที่ถกู ละเลยและได้รับความสนใจนอ้ ยจากอุตสาหกรรมของประเทศไทย
องค์ประกอบของควันละอองโลหะจะประกอบดว้ ยควันละอองของโลหะหนัก โอโซน ก๊าซคาร์บอนมอนน๊อกไซด์ (CO)
คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ไนโตรเจนออกไซด์ [2] คา่ TLV ของแตล่ ะประเภทของโลหะที่ยอมรับไดร้ ะบุไว้ในตารางที่ 1 ปริ
มาณาและประเภทของโลหะหนกั ท่สี ามารถเกิดเปน็ ควนั ละอองโลหะได้ จะข้นึ อยูก่ บั ประเภทของกระบวนการเชอ่ื มรวมถงึ วสั ดุท่ี
ใช้ในการทำ�งาน เชน่ องค์ประกอบของ Cr VI จะสามารถตรวจพบไดใ้ นการเชอ่ื มสแตนเลส ในขณะที่อะลมู ิเนียมจะพบไดใ้ นการ
เชื่อมอะลมู ิเนยี ม สำ�หรับกา๊ ซตา่ ง ๆ และโอโซนจะสามารถตรวจพบไดใ้ นทกุ ๆ กระบวนการเชอื่ ม ยกเวน้ ในกรณขี องการเชอ่ื มใน
สภาวะของแข็ง (Solid State Welding) ท่เี กิดควนั ละอองโลหะในระดับต่ำ�

17

มาตรฐานที่ใช้ในการวดั อัตราการเกดิ ควันละอองโลหะและองค์ประกอบของควันละอองโลหะมอี ยหู่ ลายมาตรฐาน เช่น
AWS F1.2 จะถูกใช้เปน็ แนวทางในการวดั อตั ราการเกิดควันละอองโลหะ ซึง่ นอกจากน้ียังมวี ิธีการทดสอบอืน่ ๆ ก็ยงั สามารถใช้
งานกันได้เช่นเดยี วกัน สำ�หรบั การวเิ คราะหป์ รมิ าณองคป์ ระกอบของโลหะหนักตา่ ง ๆ โดยเฉพาะ Cr VI จะใช้มาตรฐาน AWS
F1.4 ซึง่ จะใชท้ ง้ั เครอ่ื ง Atomic Absorption Spectrometry (AAS) และ Photo spectrometry ท่ีความยาวคล่นื 540 nm
ขนาดของควันละอองโลหะที่เกดิ ขึ้นมไี ด้หลายขนาดทงั้ ท่ใี หญ่กวา่ 5 ไมครอน และเล็กกวา่ 1 ไมครอน [3] ข้นึ อยู่กบั การ
เกิดของควันละอองโลหะและปฏกิ ริ ยิ าภายหลังจากนั้น กลไกการเกิดควนั ละอองโลหะที่นำ�เสนอโดย Gonser [4] จะมที งั้ การ
ระเบิดของหยดน�้ำ โลหะ การเกิดไอระเหย การกลัน่ ตวั และการเกดิ ออกซิเดชัน่ ซง่ึ สามารถอธบิ ายไดใ้ นรปู ที่ 1 ซง่ึ สอดคล้องกับ
ภายถา่ ยอเิ ล็กตรอนแบบสง่ ผ่าน (TEM) ดังแสดงในรูปท่ี 2 เป็นการรวมตัวกันของควนั ละอองโลหะ
มคี วามพยายามเป็นจำ�นวนมากในการลดควนั ละอองโลหะจากการเชือ่ ม สำ�หรับกลมุ่ วิจยั อาชีวะอนามัยในการเชอ่ื มและ
การจัดการ มจธ. ก�ำ ลังดำ�เนนิ การวจิ ัยในการพยายามลดควันละอองโลหะทเ่ี กิดขน้ึ [5 – 6] ทั้งน้โี ดยการใชอ้ นุภาคนาโน (Nano
Particle) โดยอาศัยหลักการ Photo Catalytic ซจึ่ ะใช้ประโยชน์จากอิเลก็ ตรอนอิสระ (Free Electron) ท่ีเกิดเกดิ ขน้ึ ดงั แสดงใน
รปู ที่ 3 ในการปอ้ งกนั การเกิดออกซเิ ดชัน่ ของไอออนโลหะ (Metal Ion) สง่ ผลใหเ้ กิดควันละอองโลหะทนี่ ้อยลง การด�ำ เนนิ การดัง
กล่าวให้ผลเปน็ ทนี่ ่าพอใจสำ�หรับลวดเช่ือมหุ้มฟลกั ซบ์ างเกรด โดยการปรับปรงุ ลกั ษณะ (Characteristic) ของ ฟลักซท์ พ่ี อกหมุ้
อย่โู ดยอาศัยอนภุ าคนาโน ซง่ึ สามารถลดอัตราการเกดิ ควันละอองโลหะได้ 20 – 50% ขึ้นอยกู่ ับประเภทของลวดเช่ือม อยา่ งไร
ก็ตาม ณ สถานะปจั จุบนั กระบวนการเชอื่ มอ่ืน ๆ ยงั ไม่ใหผ้ ลเป็นทีน่ า่ พอใจ จ�ำ เป็นท่จี ะตอ้ งมีความพยายามในการทำ�วจิ ยั กันตอ่ ๆ
ไป

รูปท่ี 1 กลไกการเกิดควันละอองโลหะ [4]

18

รปู ท่ี 2 ควันละอองโลหะจากกระบวนการเชอ่ื ม Gas Metal Arc Welding (GMAW) of SUS304 จาก WELLab มจธ.

รูปที่ 3 Photo Catalytic Mechanism [7]

19

เอกสารอ้างอิง
Zimmer, A.T., Biswas, P., 2001. Characterization of the aerosols resulting from arc welding processes.
Journal of Aerosol Science 32: 993 – 1008
Matthew Gonser, Theodore Hogan, Arc Welding Health Effects, Fume Formation Mechanisms, and
Characterization Methods, Northern Illinois University, College of Engineering & Engineering Technology, USA,
pp. 299-307.
Jenkins, N.T., Pierce, W.M.-G, and Eagar, T.W. 2005. Particle Size Distribution of Gas Metal and Flux
Cored Arc Welding Fumes. Welding Journal 84, October: 156-s – 163-s
Gonser, M., and Hogan, T. Arc Welding Health Effects, Fume Formation Mechanisms, and Characteriza-
tion Methods, www.intechopen.com
นวิ ตั ร คณุ าวงค์, อิศรทัต พง่ื อ้น.2552. การศกึ ษาความเป็นไปได้ในการใช้อนุภาคนาโนของซงิ ค์ออกไซด์ในการลดปริมาณ
ควันละอองโลหะจากการเชื่อม.21-22 ตลุ าคม 2552มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ : การประชุมวิชาการขา่ ยงาน วศิ วกรรมอตุ สาหการ
นวิ ตั ร คณุ าวงค์, อศิ รทัต พื่งอน้ , คคนางค์ เคหะฐาน. การใช้อนุภาคนาโนของซงิ ค์ออกไซด์ในการลด ปรมิ าณควันละอองโลหะจาก
การเช่อื ม: การศกึ ษากระบวนการเตรียมลวดเช่อื ม. 13-15 ตุลาคม 2553. มหาวิทยาลยั

20

ทิศทางอตุ สาหกรรมหนุ่ ยนตใ์ นประเทศไทย

บทสมั ภาษณ์ ผศ.ดร.ถวิดา มณวี รรณ์
สถาบนั วทิ ยาการห่นุ ยนตภ์ าคสนาม (FIBO)
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

“คนทำ�หุน่ ยนตเ์ พ่อื การนำ�ไปใชจ้ ริงต้องยอมรบั การตเิ ตียน
ให้มองวา่ เวลาถูกตอ่ วา่ เทา่ กบั การให้ความรู้

หรือแสดงว่าการออกแบบของเรามปี ัญหา ต้องท�ำ ท�ำ ไปเร่อื ยๆ
ความรพู้ ืน้ ฐานมีประโยชน”์

21

ปัจจุบัน รฐั บาลได้ประกาศให้อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) เปน็ หนงึ่ ในอุตสาหกรรมเปา้ หมายในการขับเคล่ือน
เศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต ท้ังนี้ ห่นุ ยนตไ์ ด้เข้ามาในประเทศไทยมาชา้ นาน ซง่ึ ห่นุ ยนต์ส่วนใหญ่จะอยใู่ นโรงงาน
อตุ สาหกรรม ไดแ้ ก่ ชน้ิ ส่วนยานยนต์ และ ไมโครอิเล็คทรอนคิ เปน็ หลกั เรามกั จะนึกถึงภาพหนุ่ ยนต์เชือ่ ม หนุ่ ยนต์พน่ สี หุ่น
ยนตป์ ระกอบช้ินงาน เป็นตน้ แตว่ า่ ตอนน้ี ท้ังโลกไมแ่ ค่เฉพาะเมืองไทยอย่างเดยี ว มี Trend ทก่ี �ำ ลงั เปลีย่ นไป มกี ารทำ�นาย
ไว้วา่ ในอนาคตอีก 1-2 ปขี ้างหน้า ยอดการขายของหุ่นยนตอ์ ีกประเภทหน่งึ คอื Service Robot หรอื หุ่นยนต์ใช้งานบรกิ าร
ต่างๆ จะมียอดการผลิตและใชง้ านเพม่ิ ข้ึนจนแซงหน้าหุ่นยนต์อุตสาหกรรม (Industrial Robot) และตลาดสว่ นใหญ่จะเน้นไป
ทางการแพทย์ (Medical) เน่อื งจากสังคมไทยและคนท่ัวโลก จะเขา้ สสู่ ังคมผสู้ งู อายุ (Aging Society) โดยเฉพาะอย่างย่ิง
ประเทศไทยในปัจจุบันมปี ระชากรวยั แรงงานตอ่ ผสู้ งู อายุในอัตราส่วน 6 ตอ่ 1 และจะลดลงเหลือ 2 ต่อ 1 ในอนาคต ดังนั้น
จึงต้องมีเครื่องทนุ่ แรงมาชว่ ยทง้ั งานบ้านและงานท่เี กี่ยวข้องกับผ้สู งู อายุ ซ่งึ อุปกรณท์ ีเ่ ปน็ ระบบอัตโนมัติ จะมาอยู่กบั เราได้
ใกลช้ ิดมากขน้ึ ซ่งึ อาจจะอยใู่ นรปู ของอปุ กรณใ์ นชวี ติ ประจ�ำ วนั เชน่ หอ้ งนำ�้ จะช่วยพยุงตวั เราท�ำ ให้เราเข้าห้องน�้ำ ไดส้ ะดวก
ขึน้ หรอื อุปกรณย์ กคนไขย้ ้ายเตียง อาจจะอยใู่ นโรงพยาบาล หรืออย่ใู นบา้ น เป็นต้น

นิยาม ของค�ำ วา่ หุ่นยนต์ คือ อะไร?

คำ�ว่า หนุ่ ยนต์ จรงิ ๆ แล้วจะมอี งค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ 1) การรับรู้ (perception) 2) การกระท�ำ (action/
actuation) 3) การประมวลผล การตัดสนิ ใจ หรือปฏิกริ ิยาตอบกลับ/ตอบสนองกับส่งิ แวดลอ้ ม
นอกจากนงี้ านในภาคการเกษตรในเมืองไทย หนุ่ ยนตจ์ ะสามารถเป็นเครื่องทุนแรงชว่ ยมนษุ ย์ หุ่นยนตส์ ามารถมาช่วยได้
ตง้ั แต่เร่ิมปลูก พน่ ยา จนถงึ เก็บเกี่ยว หนุ่ ยนต์เป็นมากกว่าเคร่อื งจักรกลการเกษตร อาทิ หุ่นยนตห์ อ่ ผลไมใ้ นสวนท่ีเดนิ เขา้ ไปใน
สวนเมื่อเห็นผลไมแ้ ล้วสามารถเข้าไปเลอื กดูผลไม้และทำ�การหอ่ ได้เลย ในอนาคตจะเปน็ การทำ�การเกษตรเชงิ ประณีต เน่ืองจากท่ี
มีปัญหาดา้ นแรงงาน หุ่นยนต์จะชว่ ยทำ�การแทนเราได้

มนุษยจ์ ะเปน็ ผคู้ วบคมุ หุ่นยนต์

การควบคมุ หุ่นยนต์ แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท
1. Fully Autonomous จะเปน็ การท�ำ เองโดยอตั โนมตั ิ เชน่ เรากดป่มุ เปดิ หนุ่ ยนต์ หุ่นยนต์จะทำ�การวิง่ เลย ขยับ
เคลอื่ นไหว มกี ารตัดสินใจ ได้ สามารถผา่ นสิ่งกดี ขวางไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ ท�ำ เองได้ มคี วามฉลาดไม่ต้องพ่งึ การตดั สินใจของมนษุ ย์
2. Semi-Autonomous หุ่นยนตป์ ระเภทน้มี คี วามฉลาดส่วนหน่งึ คนจะต้องเป็นผ้เู ลือกจดุ หรอื ต�ำ แหนง่ และหุ่นยนต์
จะด�ำ เนินการแทน แต่ตอ้ งมีคนชว่ ยเลือกตน้ ไมต้ ัวหุน่ ยนตส์ ามารถห่อผลไม้ไดเ้ อง
3. Tele-operation ตอ้ งใชค้ นบังคับหมด แต่ใช้บังคบั ห่นุ ยนต์โดยใช้ Joystick หรอื แขนกลยน่ื ไปทำ�งานอตั โนมัติ คนจะ
บังคับอยูต่ รงไหนกไ็ ด้
ดงั นน้ั หนุ่ ยนตม์ ีอยหู่ ลายระดบั ขึน้ อยูก่ บั การเลือกใช้งานหนุ่ ยนต์ และข้ึนอยูก่ ับภารกจิ หรืองานทค่ี นตอ้ งการให้หุ่นยนต์
ไปช่วยมากกว่า แต่อกี ส่วนหนึง่ ทต่ี อ้ งพจิ ารณา คือ ความคุม้ ทุน ระยะเวลาในการคนื ทนุ หรอื ความน่าลงทนุ ซึง่ โดยส่วนใหญ่ผู้
ออกแบบจะพฒั นาหุน่ ยนต์ทสี่ ามารถใช้งานได้จรงิ โดยจะข้ึนอยู่กบั บรบิ ทของการใชง้ านในแตล่ ะธุรกิจ ซงึ่ จะต้องท�ำ การศึกษาวา่
1) ใครเปน็ คนใชง้ าน เขามีกำ�ลงั ทรัพย์ในการท�ำ แคไ่ หน และผลทไ่ี ดค้ ุ้มคา่ กบั การลงทุนหรือไม่ 2) วตั ถุประสงคข์ องการใช้งานหุน่
ยนต์ อาทิ ต้องการลดความผดิ พลาด ตอ้ งการลดเวลา หรอื ต้องการสร้างความปลอดภยั

22

หุ่นยนต์จะมาแยง่ งานคนไหม

ห่นุ ยนตจ์ ะแทนคนหรอื ไม่ ขนึ้ อยู่กบั บริบทท่ีจะใช้งาน เชน่ จ�ำ นวนเกษตรกรเทา่ เดมิ แต่อาจมคี วามปลอดภยั ในการ
ทำ�งานมากขน้ึ เชน่ การปนี เกบ็ ลูกมะพร้าว การพ่นยากำ�จัดศัตรูพชื ซึ่งคนอาจจะไปน่ังบังคับหุน่ ยนตแ์ ทนทจ่ี ะไปลงมือทำ�เอง
กไ็ ด้ หรืองานบางอย่างทไ่ี ม่มีคนท�ำ งานบางอย่างไมเ่ หมาะกับสภาวะการทำ�งานของมนษุ ย์ เราจงึ ใช้เครื่องจักรกล หรอื หุน่ ยนต์
เข้ามาช่วย เช่น งานในโรงพยาบาล การยกคนไขล้ งจากเตยี งหรือยา้ ยเตยี งคนไข้ เราพบวา่ พยาบาลหรือผทู้ ำ�หน้าทนี่ บ้ี าดเจบ็ ท่ี
หลงั เยอะมาก ซ่ึงบางทไี ม่ได้เกิดข้นึ ทันที ซงึ่ การท�ำ งานมนั มสี ภาวะหลายอย่างทไี่ มเ่ หมาะกับมนุษย์ เราก็นำ�หนุ่ ยนต์มาเปน็ กลไก
หนงึ่ เป็นเครอ่ื งจกั รเสรมิ หรอื อุปกรณจ์ ดั ท่าคนให้เหมาะสมกอ่ นการยกมากข้นึ ดังน้ันหุ่นยนตจ์ งึ ไมไ่ ดม้ าแย่งงานเราท�ำ แต่ดว้ ย
รปู แบบงานหรอื ลกั ษณะงานที่เปล่ียนไป ส่งิ เรานีจ้ ะอ�ำ นวยความสะดวกใหเ้ ราได้มากขึ้น

ท�ำ ไมหุ่นยนต์ จึงมาได้รับความสนใจอย่างมากในตอนน้ี

เพราะเป็นจดุ ท่เี ทคโนโลยีมาบรรจบกนั คอื การทจ่ี ะเป็นห่นุ ยนต์ไดน้ ัน้ ต้องมเี ทคโนโลยีการประมวลผล มีการรบั ข้อมูลจากส่งิ
แวดลอ้ มคอื ตัวเซนเซอร์ หรือเรยี กวา่ สมองกล มีตัวขบั เคลอ่ื น ปัจจบุ นั เทคโนโลยเี หล่านมี้ นั มาบรรจบกันด้วยราคาทเี่ หมาะสม
เราจะเหน็ ได้ว่าคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั ราคาถกู ลงมาก โทรศัพทม์ อื ถอื มี processor แรงๆ แต่มรี าคาต�่ำ ขนาดเลก็ อปุ กรณท์ ่ีเคย
ราคาแพง มีราคาลดลง สามารถหาซ้ือไดง้ า่ ย เพราะฉะนน้ั จงึ ทำ�ใหพ้ ้ืนฐานองคป์ ระกอบของเทคโนโลยหี นุ่ ยนต์ถูกลงเยอะ พอ
มาถึงจุดทพี่ อเหมาะกับทางเศรษฐศาสตร์ คอื ปัญหาแบบนีพ้ อแกด้ ้วยวิธนี แี้ ลว้ มนั คุ้ม กท็ �ำ ใหเ้ กดิ ขน้ึ มาเปน็ โปรดักส์จริงๆ หาก
เปรยี บเทียบกบั 10 ปี ทแ่ี ลว้ ถ้าคิดจะท�ำ หนุ่ ยนต์ กท็ �ำ ไม่ได้ เพราะราคาอุปกรณแ์ พงมาก แต่ปจั จุบนั ราคาอปุ กรณต์ า่ งๆ ราคา
ถูกลงมาก แบตเตอรรก่ี ร็ าคาถูกกว่าเดิม และใชง้ านได้นานขึ้น จึงทำ�ใหเ้ กิดยคุ “การใช้หนุ่ ยนตใ์ นชวี ิตประจ�ำ วนั ” มากข้นึ ท�ำ ให้
สามารถเขา้ ถึงและทำ�หุ่นยนตไ์ ดง้ ่ายขน้ึ และหุน่ ยนต์จะฉลาดขึน้ เพราะในชว่ ง 10-20 น้ีมกี ารพัฒนาในสว่ นการด้านปญั ญา
ประดษิ ฐ์ ทส่ี รา้ งการประมวลผลหรอื ความฉลาดใหห้ ุน่ ยนตม์ ากย่งิ ขึน้ และทนทานตอ่ ความไม่แนน่ อนของโลก หรอื สถานการณ์
ที่ไม่แน่นอน ทนตอ่ ส่ิงแวดล้อม รวมถงึ การแบ่งปนั ขอ้ มลู กันผ่านอินเตอร์เน็ต

23

แนวโน้มของอตุ สาหกรรมหนุ่ ยนต์

สำ�หรบั ในประเทศไทยน้นั หนุ่ ยนตค์ าดวา่ จะเติบโตข้ึนอย่างต่อเนื่อง หากมองเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซยี น ประเทศ
สิงคโปรค์ ่อนขา้ งไดเ้ ปรียบ เพราะรัฐบาลมกี ารสนับสนนุ อย่างจรงิ จัง โดยไดจ้ ดั ตัง้ research center วจิ ยั และพฒั นาด้านหุ่นยนต์
อัตโนมตั ิ ในหลายแง่มุม เชน่ ห่นุ ยนตข์ นาดเลก็ หนุ่ ยนตท์ างการแพทย์ และลา่ สุดได้มกี ารผลกั ดนั เร่ือง “การทำ�รถอัตโนมัติ”
เปน็ วาระแห่งชาติ โดยไดท้ �ำ การจ้างนักวิทยาศาสตรใ์ นหลายๆ สาขา มาร่วมท�ำ วจิ ยั ให้งานดังกล่าวเกิดขึน้ และใชไ้ ด้จรงิ เพ่ือใชใ้ น
ประเทศ
ในประเทศไทยน้นั มโี จทย์เพ่อื การท�ำ การวจิ ยั ท่มี ีความหลากหลาย ไมว่ า่ จะเป็นภาคอุตสาหกรรม หรือ ภาคการเกษตร
หากเราสามารถออกแบบหุ่นยนต์ทแ่ี กป้ ัญหาได้ อนาคตเรากจ็ ะสามารถเป็นผนู้ ำ�ด้านหนุ่ ยนตไ์ ดเ้ ชน่ กนั ซ่ึงในปัจจบุ นั เมื่อมีการ
จัดแขง่ ขนั หนุ่ ยนต์ ประเทศไทยก็สามารถควา้ รางวัล กลบั มาได้ ดงั นัน้ ต้องบอกว่าเรายังมคี วามหวงั ทัง้ น้เี พราะเทคโนโลยแี ละ
องค์ความรดู้ า้ นหนุ่ ยนตท์ ว่ั โลกในขณะนี้ยงั พอๆ กันอยู่ หากเราเริม่ ตอนนีไ้ ม่ไดส้ ายเกนิ ไป และเรามีความเฉพาะทางของประเทศ
เราทม่ี ีปญั หาและสามารถนำ�หนุ่ ยนต์ไปแก้ปญั หาได้ เปน็ ปัญหาท่เี กดิ ขึน้ ในประเทศของเรา หากเราออกแบบหุ่นยนต์มาแก้ปัญหา
เฉพาะทางท่เี กิดขึ้นเหลา่ นีไ้ ด้ เราก็จะมคี วามเขา้ ใจลึกซึ้งในเรื่องเหลา่ น้ี โอกาสในอนาคตทเี่ ราจะส่งออกเทคโนโลยใี นอนาคตก็
สามารถทำ�ได้ เราไมค่ วรรอวงิ่ ตามเทคโนโลยีท่ีเขา้ มาแล้วเรากเ็ อามาก๊อปปี้ เราควรคดิ เองทำ�เองได้ ดงั น้นั ทกุ ภาคสว่ นจงึ ตอ้ งชว่ ย
กันผลักดัน โดยความร่วมมือระหวา่ งสถาบนั การศึกษา และผปู้ ระกอบการ พฒั นาหนุ่ ยนตม์ ีความสามารถในการแกป้ ญั หาเฉพาะ
ทาง ซ่ึงในอนาคตประเทศไทยเรามีศกั ยภาพเพยี งพอทอ่ี าจจะเป็นผนู้ ำ�และผูส้ ง่ ออกหุน่ ยนต์ได้

ภาคเอกชนไทยกับการพฒั นาเทคโนโลยหี นุ่ ยนต์

นอกจากหน่วยงานภาครัฐท่เี ป็นสถานศกึ ษาหรือสถาบนั วิจัยต่างๆ แล้ว ภาคเอกชนกม็ คี วามสนใจและพัฒนาหุน่ ยนต์ใน
อตุ สาหกรรมของตนเองหลายๆ แหง่ เช่น
1. บรษิ ทั ปนู ซีเมนไทย จำ�กัด (มหาชน) หรือ SCG ไดต้ ้งั หนว่ ยงานข้ึนมาเพือ่ ท่จี ะดเู รอ่ื งหุน่ ยนต์ โดย SCG จะสนใจหุ่น
ยนต์ใน service sector ของเขา ซง่ึ จะเป็นงานเฉพาะทางของ SCG
2. บริษัท ปตท. จำ�กัด (มหาชน) ไดพ้ ฒั นาและท�ำ หุ่นยนต์ให้ใชใ้ นอุตสาหกรรมส�ำ รวจน้�ำ มัน หรือ ส�ำ รวจแทน่ ขดุ เจาะใต้
นำ้� ซ่ึงส่วนน้ีเปน็ ความภาคภูมิใจของ FIBO ทที่ ำ�ผา่ นมา 2 เฟส แลว้ ก�ำ ลงั ลงนามสญั ญา เฟสท่ี 3 ท�ำ ในส่วนของงานจรงิ ท่ีน�ำ ไป
ทดสอบในทะเล และยังมีมหี นุ่ ยนต์ท�ำ ความสะอาด หรือ หุ่นยนตเ์ พอ่ื การซอ่ มบ�ำ รงุ
3. บรษิ ทั เจรญิ โภคภณั ฑ์อาหาร จ�ำ กัด และบรษิ ัทในเครอื ซีพีออล์ ตง้ั ธงไว้ว่าจะต้องนำ�ห่นุ ยนตเ์ ขามาให้งาน โดยไดน้ �ำ
หุ่นยนตม์ าใช้ในโรงงานอาหารส�ำ เร็จรูป รวมถึงไดพ้ ัฒนาห่นุ ยนต์ “เคานเ์ ตอรเ์ ซอวสิ ” มาใช้ใน 7-11
4. การไฟฟ้าฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย มกี ารนำ�ห่นุ ยนต์สำ�รวจหม้อไอน�ำ้ (Boiler) เป็นการสำ�รวจความหนาของผนังทอ่
เพือ่ การบ�ำ รุงรกั ษา
5. บริษทั ไทยออยล์ จำ�กัด (มหาชน) ได้พฒั นาและใชห้ ุ่นยนตเ์ พ่อื การซ่อมบ�ำ รุงท่อน้ำ�มนั
นอกจากน้ยี งั มีมหี ุ่นยนต์บินส�ำ รวจเส้นทางน้ำ� ปา่ เพ่ือศึกษาการอพยพของสัตว์ป่า หรอื พนั ธุ์พชื

24

เรื่องทอี่ ยากฝาก

การวจิ ยั ในห่นุ ยนต์ ส่วนหนงึ่ เปน็ เพ่อื การนำ�ไปใชป้ ระโยชน์ (research for application) ตอ้ งท�ำ field test ด้วย ซึ่ง
เป็นเรอื่ งทีม่ ีความสำ�คญั คอ่ นข้างมาก เพราะจะท�ำ ใหเ้ ราพบปญั หา และความผิดพลาด ที่ตอ้ งจดั การบ่อยๆ เท่ากับเป็นการฝึกหา
วิธแี กป้ ญั หาทเี่ ป็นไปจริง
เราสามารถเปิดเครอ่ื ง 1,000 ครง้ั ไดท้ กุ คร้งั หรอื ไม่ หรอื คนใชง้ านไมก่ ลวั ใช้ง่าย ท�ำ ใหค้ นอยากใช้ ใชไ้ ดจ้ ริง ดังน้นั คน
ท�ำ ตอ้ งยอมรบั การติเตียน ใหม้ องวา่ เวลาถกู ต่อว่า เทา่ กับ การให้ความรู้ หรือแสดงวา่ การออกแบบของเรามปี ญั หา ต้องท�ำ ทำ�
ไปเรื่อยๆ ความรู้พืน้ ฐานมปี ระโยชน์
Bio-inspiration เปน็ แรงบันดาลใจให้กับตัวเอง อาทิ การแบง่ ตัว งเู ลอื้ ยไดท้ ัง้ แนวตง้ั คอื ขน้ึ ตน้ ไม้ และเลื้อยตามแนว
นอนบนพื้นราบ ตนเองจึงมองวา่ “งู” มีกลไกการท�ำ งานอยา่ งไร ท้ังๆ ท่ี “งูไมม่ ขี า” หากเราต้องสรา้ งหนุ่ ยนต์ท่ีเคลื่อนที่ได้ท้งั
แนวตง้ั และแนวนอน ต้องอาศยั กลไกอะไร ใช้ซอฟแวร์ หรือ เขยี นโปรแกรมอยา่ งไร ออกแบบอยา่ งไร ใชว้ สั ดุอะไร คล้ายๆ กับ เรา
กำ�ลงั “เลียนแบบสง่ิ มชี ีวิต” ท่ตี อ้ งเขา้ ใจกลไกของสองวา่ ท�ำ งานอย่างไร
หุ่นยนต์ท่ีดีต้องปรับตวั ไดด้ ี และตัดสนิ ใจได้ ซ่งึ เป็นหัวใจสำ�คญั ของการท�ำ basic research โดยอาศยั ฐานความรู้ของ
รายวชิ า เครื่องกล ไฟฟา้ และคอมพวิ เตอร์

25

เดก็ ที่จบใหม่

ทุกคนอยากท�ำ งานหรือตอ่ ยอดในสง่ิ ที่ตนเองเรียนมา ในมมุ ทีก่ ลบั กันน่าจะคิดว่า “เรา” ท�ำ ประโยชนอ์ ะไรต่อประเทศได้
บ้าง ซ่งึ อาจจะไมจ่ �ำ เป็นต้องทำ� ในสิ่งทเ่ี ราเรยี นจบมากไ็ ด้
เราควรสนใจเรยี นรู้ ส่งิ ส�ำ คัญไมใ่ ช่ “ตวั เรา” แต่ คอื การเรยี นรูต้ ลอดชวี ติ
ชีวิตเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะวงการหุ่นยนต์ แทนท่จี ะเปน็ วกิ ฤต นา่ จะเปน็ โอกาสมากกว่าไมใ่ ช่ข้อจำ�กดั เปน็ ความสนกุ
เพราะท�ำ ได้หมด
สงิ่ ทนี่ กั ศึกษาควรมี
ความสนใจ หรือมุมมองท่ีเปดิ กว้าง อย่าไปคิดวา่ ไม่ชอบอะไร เพราะทกุ คนอย่างเรยี นรู้ได้ บางรายวิชาอาจจะไม่ดี แต่ก็
ตอ้ งรู้บ้าง

“อยา่ ไปเกลยี ด ควรเปิดใจยอมรับ และอดทน”
จากนั้นเลือกว่าจะเกง่ อะไรใหท้ ่มุ เวลากบั ตรงน้ันมากขึ้น

26

การศกึ ษาเปรียบเทยี บความแขง็ และ
โครงสร้างของชน้ั พอกแข็ง บนเหลก็ กล้าคาร์บอน JIS-S50C

โดยการเชอื่ มอาร์กลวดห้มุ ฟลกั ซ์

การศกึ ษาเปรียบเทยี บความแข็งและโครงสร้างของชัน้ พอกแขง็
บนเหลก็ กลา้ คาร์บอน JIS-S50C โดยการเชอ่ื มอาร์กลวดหมุ้ ฟลกั ซ์
Comparative Study of Hard-faced Layer Hardness and Microstructure
on JIS-S50C Carbon Steel by Shielded Metal Arc Welding

อรรถกร จันทร์ชนะ1 ปราโมทย์ พูนนายม1 วรญา วัฒนจติ สริ 1ิ กติ ตพิ งษ์ กิมะพงศ์
ภาควิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี ปทมุ ธานี
Atthakorn Chanchana1 Pramote Poonnayom1 Voraya Wattajitsiri1 Kittipong Kimapong 1

บทคัดยอ่
การเช่ือมพอกผิวแข็งเป็นหน่ึงในวิธีการซ่อมแซมเพ่ือเพ่ิมโลหะท่ีมีความแข็งบนผิวของชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตรซึ่งหลุด
หายไปเนอื่ งจากกลไกการสึกหรอในเครอ่ื งจกั ร ดังน้นั การพัฒนาตัวแปรกระบวนการเชอ่ื มทเี่ หมาะสมเพื่อให้ได้ชน้ั ผวิ พอก
แข็งทม่ี ีความแขง็ และอตั ราการสึกหรอตำ�่ จึงมกี ารกระทำ�อยา่ งต่อเน่อื ง บทความนม้ี ีจดุ ประสงค์ในการศกึ ษาอทิ ธิพลของ
จ�ำ นวนช้นั การเชอื่ มพอกผวิ แขง็ มผี ลตอ่ โครงสรา้ งจุลภาคและความแขง็ ของผิวพอกแข็งบนเหล็กกล้าคาร์บอน JIS-S50C
ด้วยการเชอื่ มอาร์กลวดหมุ้ ฟลักซ์ แบบมีการสรา้ งช้นั รองพน้ื และแบบไมม่ ีการสร้างชั้นรองพน้ื ผลการทดลองโดยสรุปพบ
วา่ การเพม่ิ ขน้ึ ของจ�ำ นวนช้ันส่งผลต่อคา่ ความแข็งทเ่ี พิม่ ข้นึ ค่าความแขง็ ของโลหะเชอื่ มแสดงความแขง็ สงู สุด 750 HV พบ
ไดท้ ่ีผิวบนของชนั้ พอกแข็งท่ี 3 แบบไม่มีรองพน้ื และแสดงความแข็งต่ำ�สุด 225 HV ท่ีโลหะฐาน การตรวจสอบโครงสร้าง
จลุ ภาคพบว่าการเพิ่มเฟสท่มี โี ครเมยี ม โมลบิ ดนิ มั และแมกนเี ซยี มในปริมาณสงู ส่งผลให้เพมิ่ ความแขง็ และความต้านทาน
การสึกหรอของโลหะเชอ่ื มแบบไม่มีชั้นรองพื้น การสร้างช้นั รองพนื้ สามารถก�ำ จัดจุดบกพร่องในโลหะเช่อื มพอกแข็งแต่
ท�ำ ใหเ้ กดิ การเจือจางของสว่ นผสมทางเคมที สี่ ง่ ผลท�ำ ให้เกิดการลดสมบัติทางกลของโลหะเชอ่ื มได้
คำ�ส�ำ คัญ :พอกผิวแขง็ ,ช้นั พอกผวิ แขง็

Abstract
Hard-faced welding is one of repairing methods for raising the hard metal on the agricultural
machine part surfaces that are removed by the wear mechanism in the machine. So, investigation of
optimized welding process parameters that produces hard and low wear rate of the hard-face layer
was still performed. This paper aimed to study the effect of hard-facing layer amount on microstruc-
ture and hardness of JIS-50C carbon steel by shielded metal arc welding with buttering and no-butter-
ing layers. The summarized results were as follows. An increase of hard-facing layer amount affected to
increase the hardness of the layers. The hardness of the welds showed a maximum hardness of about
750 HV found at the top surface of 3rd weld layer with no-buttering layer and showed the minimum
hardness of about 225 HV at a base metal. Microstructure investigation showed that the increase of

27

the phase that contained higher chromium, molybdenum and manganese affected to increase of the
hardness and the wear resistance of the weld metal with no-buttering layer. The butter layer could
eliminate the defect in the hard-faced weld metal but produce the dilution effect that affected to
decrease the mechanical properties of the welds.
Keywords : Hard-faced, hard-facing layer
1. บทน�ำ

ในช่วงระยะเวลา 10 ปที ีผ่ ่านมาวัสดุประเภทโลหะไดม้ ีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและมคี วามสำ�คญั เปน็ อย่างมากต่อชิน้ สว่ น
เครอ่ื งจกั รในภาคอตุ สาหกรรมท่ตี อ้ งการใช้วสั ดโุ ลหะที่มคี ่าสมบตั ทิ างกลท่สี ูงเพอ่ื ยืดอายกุ ารใชง้ านของเครือ่ งจกั ร[1] วัสดุโลหะ
ยงั คงได้รบั ความนิยมเน่อื งจากมีสมบัตเิ ชงิ กลที่แข็งแรง ตา้ นทานการสกึ กรอ่ นจึงมกี ารใช้ในภาคอสุ าหกรมอยา่ งกวา้ งขวาง เชน่
เครอ่ื งจักรในการทำ�เหมอื งแร่ การผลิตปูนซีเมนต์ และการผลิตกระดาษ[2] อยา่ งไรกต็ าม เครอื่ งจกั รเหล่าน้มี กั มีการเสอ่ื มสภาพ
ตามลักษณะการใชง้ านและตามอายกุ ารใชง้ าน ดว้ ยเหตุนชี้ ิน้ สว่ นตา่ งๆ จงึ ต้องทำ�การซ่อมบ�ำ รงุ เพื่อยดื อายกุ ารใช้งานใหน้ านข้นึ
ดว้ ยการพอกผวิ แข็งเพิม่ เน้ือวสั ดุทม่ี สี มบตั ดิ กี ว่าซงึ่ เป็นวธิ ีทไ่ี ด้รบั ความนยิ มอยา่ งมากในปจั จบุ ัน[3] การพอกผวิ แขง็ สามารถนำ�ไป
ใช้กับบรเิ วณพืน้ ผวิ ของวัสดุได้หลายกรรมวธิ ี เช่น การพน่ เคลอื บ กรรมวธิ ีทางความรอ้ น ในบรรดากรรมวิธที ัง้ หมดการเชือ่ มพอก
ผิวแข็งถือเป็นทางเลือกอีกทางที่ประหยัดไม่ยุ่งยากซับซ้อนท้ังยังมีความหลากหลายของกระบวนการและสามารถปรับใช้วิธีการ
เช่ือมพอกผวิ แข็งในพืน้ ท่ีทตี่ อ้ งการได้[1]

ท่ีผา่ นมามกี ารศกึ ษาเก่ียวกบั การเชอื่ มอาร์กลวดเชื่อมหมุ้ ฟลักซพ์ อกผิวแข็ง (Hard facing Electrode) บนเหลก็ กลา้ ASTM
A36 แบบไมม่ ีชนั้ รองผวิ จำ�นวน 3 ชั้น ด้วยลวดเช่อื มหุ้มฟลักซ์ 3 ชนดิ ผลการทดลองพบวา่ ลวดเช่อื มทมี่ ีทังสเตนปริมาณสูง
แสดงความตา้ นทานการสึกกรอ่ นสูงสดุ ท่ีการเชอื่ มเพยี ง 1 ช้ัน[4] และการเชอื่ มพอกผิวแขง็ เหลก็ กลา้ คารบ์ อนตำ�่ ดว้ ยการเช่ือ
มอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์โดยใช้ลวดเช่ือมท่ีมีส่วนผสมของตัวประสานภายในแผ่นเหล็กกล้าถูกนำ�มาทำ�การเชื่อมเดินแนวและซ้อนทับ
เป็นชน้ั ชิ้นงานถกู แบง่ ออกเป็น 2 กลุ่ม กลมุ่ ท่ี 1 คือกลมุ่ ในสภาพเชื่อม และกลมุ่ ท่ี 2 ถูกน�ำ ไปท�ำ การอบชุบตามสภาวะท่กี ำ�หนด
ผลการทดลองพบวา่ คารโ์ บไนไตรดซ์ งึ่ เปน็ โลหะผสมระหว่างโครเมยี ม ไททาเนียม และนีโอเบยี มในผิวพอกแขง็ มขี นาด รูปร่าง
และการกระจายตวั อย่างแตกต่าง ขณะท่ใี นชน้ิ งานทผี่ า่ นการอบชบุ มขี นาดผลึกทล่ี ะเอยี ดกวา่ ในระดับนาโนและมีการกระจาย
ทเ่ี ป็นเนื้อเดยี วมากกว่า ตำ�แหน่งที่มปี ริมาตรของคาร์โบไนไตรดส์ ูงแสดงคา่ อตั ราการสกึ กร่อนท่ีต�ำ่ [5] มีการศึกษาการเช่อื มอาร์
กลวดเชื่อมหุม้ ฟลกั ซ์พอกผิวแข็งเหล็กหลอ่ สเี ทา ASTM เกรด 2500 การทดลองท�ำ การเปลี่ยนแปลงชนดิ ของลวดเช่ือมรองพืน้
3 ชนิด และใช้ลวดเชอื่ มพอกผิวแขง็ 5 ชนิด ผลการทดลองพบว่า การใหค้ วามรอ้ นก่อนการเชื่อม จ�ำ นวนชั้นของการเช่อื ม และ
อัตราสว่ น Cr/C ในลวดเช่ือมพอกผิว สง่ ผลต่อความยาวของการแตกรา้ วตอ่ พืน้ ท[ี่ 6]
งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์ในการศึกษาอิทธิผลการเชื่อมช้ันรองพ้ืนและไม่มีชั้นรองพื้นของกรรมวิธีการเช่ือมผอกผิวแข็งท่ีมี
ผลต่อความแขง็ และโครงสรา้ งจลุ ภาคของเหลก็ กล้าคาร์บอน JIS S50C เพ่ือน�ำ ไปใชป้ ระโยชน์หรอื เปน็ แนวทางส�ำ หรบั การเช่ือม
ซ่อมพอกแขง็ ในบรเิ วณทเี่ กดิ การสกึ หรอของเคร่ืองจกั รกลทางการเกษตร

28

2. วิธีการวิจัย
วัสดุท่ีใช้ในการทดลอง คือ เหลก็ กล้าคาร์บอน JIS-S50C ทม่ี สี ่วนผสมทางเคมดี งั แสดงในตารางท่ี 1 แผน่ เหล็กกล้าถกู ตดั ให้มรี ูปรา่ งสี่เหลีย่ มผนื

ผ้าทีม่ ีขนาด กวา้ ง 100 มลิ ลเิ มตร ยาว 150 มลิ ลเิ มตร และหนา 20 มลิ ลิเมตร ดังแสดงในรูปที่ 1(ก) ผิวหน้าของเหล็กคารบ์ อนถกู ขัดละเอยี ดดว้ ย
หินเจียระไนเพอื่ กำ�จัดผิวดิบของเหลก็ ออกไปจากน้นั ทำ�การอบแผน่ เหลก็ ท่อี ณุ หภูมิ 300-350 ∫C เป็นเวลา 60 นาที เพื่อป้องกนั การลดตวั ลงของ
อุณหภมู กิ ่อนท�ำ การเชือ่ มพอกแขง็ และก�ำ จัดความชน้ื ออกจากช้นิ งาน

กรรมวธิ ีการเชอื่ มท่ีใชใ้ นการพอกผวิ แขง็ ในการทดลอง คอื การเชอ่ื มอาร์กลวดห้มุ ฟลักซ์ (Shielded Metal Arc Welding : SMAW) ทก่ี �ำ หนด
ให้มอี ุณหภมู กิ ารอุ่นชิ้นงาน (Pre-heat temperature) ก่อนการเชื่อมท่ี 150 ∫C และก�ำ หนดให้มีอุณหภมู ริ ะหวา่ งเทีย่ วเชือ่ ม (Interpass temper-
ature) ไมต่ �่ำ กวา่ 150 ∫C การเชอื่ มเปน็ แบบเดินแนวบนผิวของแผ่นเหล็กกล้าแบบไม่ส่ายลวดเชือ่ ม (Non waving) โดยช่างเช่ือมทผี่ า่ นการสอบวดั
ฝมี ือจากสถาบนั พัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงานและสวัสดกิ ารสงั คมในระดับท่ี 1 ทศิ ทางการเชอื่ มขนานกับดา้ นความยาวของแผ่นเหล็ก ลวด
หุ้มฟลักซ์ที่ใช้ประเภทลวดพอกผิวแขง็ (Hard-facing layer electrode) มสี ่วนผสมทางเคมีดังแสดงในตารางที่ 1

ตารางที่ 1 ส่วนผสมทางเคมขี องวัสดแุ ละลวดเชื่อม

ขนั้ ตอนการเช่อื มพอกผวิ แขง็ บนแข็งเหล็กกล้าคาร์บอนโดยมีระยะขอบเขตในการเชอื่ มขนาดความกวา้ ง 50 มลิ ลเิ มตร และ
ยาว100 มลิ ลิเมตร แสดงในรปู ที่ 1 (ก) โดยทำ�การเช่ือมดว้ ยลวดเชอ่ื มพอกผิวแขง็ ซอ้ นแนวกนั 3 ช้ันแสดงในรปู ที่ 1 (ข)

รูปที่ 1 การเชื่อมพอกผวิ แขง็ (ก) ระยะขอบเขตในการเชือ่ มพอกผวิ แข็ง (ข) การเช่อื มพอกผวิ แข็ง 3 ชน้ั

ขน้ั ตอนการเชื่อมแบง่ ออกเปน็ 2 ลักษณะดงั แสดงในรูปท่ี 2 คอื แบบท่ี 1 ท�ำ การเชื่อมดว้ ยลวดพอกแขง็ ซอ้ นกัน 3 ช้นั ดังแสดงใน
รปู ที่ 2 (ก) และแบบท่ี 2 ท�ำ การเชอ่ื มดว้ ยลวดรองพนื้ ในช้นั ที่ 1 และทำ�การเชอ่ื มพอกผิวแข็งขึ้นไป 3 ชัน้ ดงั แสดงในรปู ที่ 2 (ข)
กระแสเช่อื มของลวดทง้ั 2 แบบก�ำ หนดไวท้ ่ี 100 แอมแปร์

29

รปู ที่ 2 การเชอ่ื มพอกผวิ แข็ง 3 ชั้น (ก) แบบไมม่ รี องพ้นื (ข) แบบมรี อง
30

คุณทำ�ได้… ขอเพยี งคุณมุง่ มนั่ และใฝร่ ู้
ทุนเพชรพระจอมเกล้า ดา้ นความคดิ สร้างสรรค-์ นวตั กรรม

สวัสดีครบั ผู้อ่านทกุ ท่านและนอ้ งๆ ทีเ่ ป็นเยาวชน กอ่ นอืน่ ผมต้องกลา่ วดว้ ยความเคารพนะครับ ว่าผมไมม่ ีเจตนาจะ
ลบหลูห่ รอื ลว่ งเกินสถาบัน ผมหวังเพียงต้องการถา่ ยทอดการนำ�เสนอใหน้ อ้ งๆทีเ่ ปน็ เยาวชนเหน็ ถึงแรงจงู ใจต่อส่งิ ทีผ่ มสามารถ
ทำ�ไดแ้ ละผมหวงั เปน็ อยา่ งยิ่งวา่ ผมทำ�ได้คุณกย็ อมท�ำ ไดเ้ ช่นกัน
ความมุ่งมนั่ และใฝ่รู้ ทกุ คนคงทราบดวี ่าเปน็ พ้นื ฐานของความสำ�เรจ็ ทกุ สิ่งทเ่ี ราตง้ั ใจไว้ และสิง่ ท่ีจะเปน็ พลังส�ำ คัญเพ่ือ
เปน็ สิ่งผลกั ดันถึงความม่งุ มั่น ใฝร่ ใู้ หก้ ับเราได้อยูต่ ลอดไป จนทำ�สิง่ น้นั สำ�เรจ็ ลุล่วงไปไดก้ ค็ ือแรงบนั ดาลใจ และคณุ น่าจะได้ยิน
เก่ียวกบั ประโยคทว่ี า่ “คุณตอ้ งมแี รงบันดาลใจก่อนนะถงึ จะประสบความส�ำ เรจ็ ได้” หากคณุ ไม่มแี รงบนั ดาลใจกเ็ ท่ากับคณุ ไมม่ ี
พลงั ผลกั ดนั ใหค้ ุณท�ำ ในส่ิงท่ีต้องการให้ประสบความสำ�เร็จลุล่วงไปได้ สำ�หรบั มมุ มองของผม ผมว่าคณุ ไมต่ อ้ งไปคิดหรือไปวิตก
กังวลหรอกครบั เพราะคำ�ว่าแรงบันดาลใจมไี วส้ �ำ หรบั ผทู้ ี่ประสบความส�ำ เร็จแล้วเทา่ นนั้ จงึ สามารถจะพูดได้ว่าอะไรคอื แรง
บันดาลใจ คุณเคยเห็นใครบ้างครบั ที่ยังไมป่ ระสบความส�ำ เรจ็ ในสงิ่ ทีห่ วงั แลว้ ออกมาบอกวา่ เขามีแรงบันดาลใจอะไร หรือเขาคิด
ว่าตนเองมีแรงบันดาลใจแต่เขาท�ำ สิง่ ทห่ี วังไวไ้ ม่ส�ำ เรจ็ น่ันใชห่ รือครบั แรงบันดาลใจ ฉะนน้ั หากคุณเป็นผู้หนงึ่ ทีย่ งั คิดว่าตนเองยงั
ไม่ประสบความส�ำ เร็จในสิง่ ท่ตี ง้ั ใจไว้ก็ไมต่ อ้ งไปคิดให้กังวล เพราะแรงบันดาลใจมันอยใู่ นภายในจิตของคณุ เพียงคุณบอกกับใจ
ตนเองทกุ คร้ังเม่อื ถึงเวลาว่าง รางวัลมีไว้ส�ำ หรับคนท่มี ุ่งมั่นทมุ่ เทเทา่ นน้ั , ยงั ไม่ดพี อยังท�ำ ไดด้ กี วา่ นีอ้ ีก, ท้อทำ�ไมความส�ำ เร็จอยู่
ขา้ งหน้า (ท้อคือขน้ั หน่งึ ของความสำ�เร็จท่ที ุกคนจะตอ้ งพบเจอ), ไมล่ ำ�บากกว่าเขาเราจะชนะหรือ, หัวใจเกนิ รอ้ ยอยูแ่ ลว้ , ไมม่ ี
ปัญหาแลว้ เราจะพัฒนาอยา่ งไร, รู้ก็ตอ้ งรู้ใหม้ นั ลึกไม่ลึกก็ไมช่ นะ น้ีคือหลกั ยดึ บนพื้นฐานของการท�ำ งานจากแรงจูงใจในมมุ มอง
ของผม และเพ่ือใหน้ อ้ งๆ ที่ยังเป็นเยาวชนไดเ้ ขา้ ใจว่านค้ี ือการสมัครใจต่อการทำ�งานมงุ่ สู่ส�ำ เรจ็ โดยไมม่ ใี ครมาสงั่ หรอื มาบงั คับ
ใจของเราเทา่ นัน้ ทจี่ ะบอกกบั ตวั ของเราเองว่าควรมงุ่ ม่ันอยา่ งไร แล้วเมื่อนนั้ คุณจะรู้วา่ อะไรคือแรงบันดาลใจทีแ่ ท้จรงิ ของคุณท่ี
ทำ�ให้คณุ มุ่งม่ัน ใฝร่ ู้ จนประสบความส�ำ เรจ็ ในสิง่ ท่ีตั้งใจไว้ เชอ่ื ผม
ค�ำ ว่า เชือ่ ผม คุณอาจจะร้สู ึกไม่ค่อยแน่ใจ ฉะนัน้ ผมมเี รือ่ งเล่าครับ แตก่ อ่ นจะเลา่ ผมขอแนะนำ�ตวั ก่อน ผมเป็นนกั ศึกษา
ทนุ เพชรพระจอมเกล้า ด้านความคดิ สร้างสรรค-์ นวัตกรรม คนหนง่ึ รางวัลลา่ สดุ คือรองชนะเลศิ อันดบั 1 ในงาน STI Thai-
land Awards 2015 รับโล่หเ์ กียรตยิ ศจากพณฯ ท่านพลเอกประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี ในงานเวทีปฏิรูปวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยแี ละนวัตกรรม ครัง้ ท่ี 2 “สรา้ งอนาคตประเทศไทยดว้ ยนวัตกรรม” พรอ้ มเงนิ สนบั สนุนทนุ การศึกษา 40,000 บาท

31

ย้อนมาเร่ืองเล่านะครับแต่ต้องย้อนไปไกลหน่อย
เพราะเกณฑ์ในการขอทนุ เพชรพระจอมเกลา้ ดา้ นความคิด
สร้างสรรค-์ นวัตกรรม ขอ้ หน่ึงทีส่ �ำ คญั ทเ่ี ปน็ จดุ เรม่ิ คือ ตอ้ ง
มีประวัติผลงานดา้ นความคดิ สรา้ งสรรค์-นวัตกรรมในช่วง 3
ปีนับถงึ วนั สดุ ทา้ ยของการรบั สมัครรบั ตรง โครงการทนุ เพชร
พระจอมเกลา้ โดยขณะน้ันชว่ งปี 2552 ผมยงั เรียนอยรู่ ะดับ
ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 เกรดก็ไมค่ อ่ ยดี กจิ กรรมเยอะแต่ก็
ไม่มีอะไรเด่น ไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย เป็นนกั เรียน
ท้ายหอ้ ง ในแตล่ ะวันเม่ือมีเวลาว่างกจ็ ะคยุ กับเพอื่ นแตเ่ ร่อื ง
เกม และบอ่ ยครั้งเพอ่ื นสนิทมกั จะวิพากษ์วิจารณ์ผมในเร่อื ง
ของความซือ่ หรือโงใ่ นตวั ผมท่แี ยกกนั ไม่ออก หากคุณเรียน
อย่รู ะดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ในขณะนี้ โดยมีคณุ ลกั ษณะ
และคุณสมบัติเหมือนขา้ งตน้ ทก่ี ล่าวมาหรือมากกว่าผม คณุ
ท�ำ ได้ครับทุนเพชรพระจอมเกล้า ด้านความคิดสร้างสรรค-์
นวตั กรรม ดว้ ยโครงงานส่งิ ประดษิ ฐ์ฯ วิชาโครงงานคุณครู
ของผมเก่งมากครับ คุณครูเพญ็ พศิ แก้วงาม ท่านรู้วธิ ีจะทำ�
อย่างไรให้นักเรียนท้ังห้องโดยเฉพาะบรรดานักเรียนท้ายห้อง
อยา่ งพวกผม มีความกระตอื รือรน้ และความตัง้ ใจสูงในการ
ทำ�โครงงานสิ่งประดิษฐ์ วชิ าโครงงานคณุ ครขู องผมเกง่ มาก
ครบั คณุ ครูเพญ็ พิศ แก้วงาม ท่านรู้วธิ ีจะทำ�อยา่ งไรให้ -
นกั เรียนท้ังห้องโดยเฉพาะบรรดานักเรียนทา้ ยหอ้ งอยา่ งพวกผม มคี วามกระตอื รอื รน้ และความตงั้ ใจสงู ในการทำ�โครงงานสงิ่ ประ
ดิษฐฯ์ ทา่ นจะคอยสรา้ งแรงกระตนุ้ โดยการบอกและยำ�้ ทุกครง้ั ถึงความลับของทา่ นในช่วั โมงวชิ าท่ที ่านสอน ความลับที่วา่ คอื มี
เส้นทางลดั ทีเ่ ขา้ สู่มหาวทิ ยาลยั ทอ๊ ปเทน็ ของเมอื งไทย พรอ้ มทุนการศึกษา โดยการสง่ ผลงานสิ่งประดษิ ฐเ์ ข้าประกวดในโครงการ
ต้นกล้าพลังงานหรอื งานสัปดาหว์ ิทยาศาสตรร์ ะดับเขตพืน้ ที่ ในระเบียบการไมม่ ีการบนั ทกึ วา่ รางวัลชนะเลิศ 1 ถงึ 3 ใหโ้ ควตาเขา้
ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย พร้อมทนุ การศกึ ษา ซงึ่ จริงๆ เปน็ เชน่ นน้ั ดงั นนั้ มันคอื จุดเร่ิมต้นของแรงจงู ใจสำ�หรบั ผมและยงั เปน็ ความ
หวังของเหล่าบรรดานักเรยี นทา้ ยห้องท้งั หลายว่า เมอ่ื จบ ม.6 จะสามารถการนั ตวี า่ จะไม่ตกรถไฟขบวนสดุ ท้ายแน่ สำ�หรบั การเขา้
ส่รู ้ัวมหาวทิ ยาลยั ทอ๊ ปเทน็ ของเมอื งไทย จากจุดนเี้ องทำ�ใหผ้ มและเพื่อนจากนักเรยี นท้ายหอ้ งไดเ้ ปน็ ตวั แทนของทางโรงเรียน ระ
ดับม.ตน้ ส่งผลงานสิ่งประดษิ ฐเ์ ข้าประกวดในงานสัปดาห์วทิ ยาศาสตร์ ผลปรากฏท�ำ ได้เพียงผ่านรอบคดั เลือกเขา้ ส่งู านสปั ดาห์
วิทยาศาสตร์เทา่ นัน้ ครัง้ แรกแต่ให้ประสบการณ์ครง้ั สำ�คัญแก่ผม และผมสญั ญากบั ตัวเองว่าปีหนา้ ผมตอ้ งทำ�ใหไ้ ด้ แต่เมื่อจบ ม.
3 ผมมีเกรดเฉล่ียผลการเรียนต�่ำ ท�ำ ให้ผมไดเ้ พียงโควตาเรียนตอ่ สายศิลป-์ ภาษาเทา่ นัน้ และส่งิ ทผี่ มสญั ญากับตัวเองว่าปหี นา้ ต้อง
ท�ำ ให้ไดจ้ ะต้องเรยี นสายวทิ ย-์ คณติ เทา่ น้ันถึงจะมีสทิ ธิ์ ฉะนัน้ ตัดสนิ ใจเขา้ มาสมคั รสอบใหม่ ในปนี ้ันสามจังหวดั ชายแดนภาคใต้
วนุ่ วายมาก ทำ�ให้มีนกั เรียนจากสามจังหวัดชายแดนแหเ่ ขา้ มาสมคั รสอบเข้าเรยี นตอ่ เฉพาะ ม.4 มากกว่าพนั สองรอ้ ยคน ซง่ึ ทาง
โรงเรยี นเปิดรบั สมัครนกั เรยี นใหม่ ม.4 เขา้ เรียนตอ่ เฉพาะสายวทิ ย-์ คณติ เพยี ง 9 คน ส่วนสายอืน่ ผมจำ�ไม่ได้ว่ารบั กี่คน ชว่ งน้นั มี
เวลาเพียงสามสัปดาห์กอ่ นสอบ ผมเอาเวลาท้ังหมดอยกู่ ับหนงั สอื หากจะกล่าวกนั งา่ ยๆ กค็ อื ไม่มกี ลางวันกลางคนื กินนอนอยู่กับ
หนงั สอื เมอื่ ประกาศผลการสอบปรากฏว่าผมท�ำ คะแนนสงู สดุ ของการสอบ ผมภูมใิ จมาก ตัวผมเองยังไมเ่ ชอื่ วา่ จะสามารถท�ำ ได้
ตั้งแต่ก่อนสมัครสอบจนถึงประกาศผลสอบเพราะไม่เคยทำ�อะไรที่ตั้งความหวังไว้แล้วประสบความสำ�เร็จมาก่อนต้ังแต่จำ�ความ
ได้ ครงั้ น้ันส�ำ หรบั คนอ่นื อาจคดิ วา่ สดุ แสนจะธรรมดา แต่สำ�หรบั ผมถือวา่ เป็นความส�ำ เร็จคร้งั ยิ่งใหญ่ และหลงั จากนนั้ เป็นต้น
มาท�ำ ใหผ้ มรูว้ า่ หากผมลกุ ข้ึนสู้ ดว้ ยความมงุ่ มนั่ ทมุ่ เทย่อมประสบความสำ�เรจ็ ได้ และผลจากความมุ่งมั่นทุ่มเทกอ่ นจะเรียนจบ
ม.ปลาย คือรางวัลชนะเลิศเหรียญทองอนั ดบั 1 ประเภท Green Products ในระดบั เวทนี านาชาติ The 8th International
Exhibition for Young Inventors (IEYI 2012)

32

หลายๆ คนบอกว่าผมไมธ่ รรมดา หากคุณรจู้ ักผมและเหน็ ถึงชว่ งจงั หวะการก้าวเดนิ ในชีวติ ของผม
คณุ จะรวู้ ่าผมธรรมดา ดังนัน้ สง่ิ ที่ผมทำ�ได้ คณุ ก็ยอ่ มท�ำ ได้ ขอเพียงคณุ มุ่งมน่ั และใฝร่ ู้ในดา้ นลึกของสิ่งๆ นน้ั

ประสบการณจ์ ะช่วยคุณเอง อยากยอมแพ้ เพราะไม่มใี ครเรม่ิ ตน้ ด้วยชัยชนะ
ขอเพยี งหากล้มกจ็ งลุกข้ึนได้ อยา่ ลม้ เลกิ

เพราะคนที่ลม้ เหลวคือ คนที่ลม้ เลกิ ไปก่อนทีจ่ ะเห็นผลของความส�ำ เร็จในส่ิงท่ีคุณตง้ั ใจไว้

แด่น้องๆ ท่เี ปน็ เยาวชน
วรญั ญู ฑปภูผา

33


Click to View FlipBook Version