อุตสาหกรรมภาค การบรกิ าร และภาค ประกนั และธนาคาร ผใู้ ช้งานจะเป็นนักสถิติ
การศึกษา เชน่ อาจารย์ นกั วิจยั นกั ศึกษา และเจ้าหน้าที่ทางการเงินผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ธนาคาร ประกนั ภยั โรงแรม โรงพยาบาล กบั การปรบั ปรงุ คณุ ภาพการใหบ้ รกิ าร
เปน็ ตน้ โดยกลมุ่ นจี้ ะเน้นไปที่การเรียนการ 2) แนวโน้มธุรกิจโปรแกรมในตลาด
สอน การทำ�วจิ ยั และการปรบั ปรุงคณุ ภาพ อาเซียน ปัจจบุ นั กล่มุ ประเทศอาเซียน เชน่
ในเรอื่ งของเวลาในการให้บรกิ าร หรอื การ มาเลเซียและสิงคโ์ ปร์ มตี วั แทนในการ
ปรบั ปรงุ กระบวนการใหบ้ รกิ าร ใหเ้ กิดความ จ�ำ หนา่ ยโปรแกรมดังกล่าวอยู่แล้ว และ
พึงพอใจต่อลกู ค้า เชน่ ถา้ ใชง้ านโรงพยาบาล ถอื ว่าเป็นเครือขา่ ยกัน เวลามีข้อสงสยั หรือ
ปรับปรุงข้ันตอนของระบบลงทะเบียนผู้ ประเด็นท่ปี รกึ ษาหารอื กนั ได้ เน่อื งจาก
ปว่ ย ท�ำ ใหเ้ วลาในการรอคิวในระหว่างวัน ผู้จำ�หน่ายโปรแกรมต้องได้ลิขสิทธ์ิจาก
ลดลง เปน็ ต้น กลุม่ ผูใ้ ช้งานจะเปน็ นักศกึ ษา ประเทศสหรฐั อเมรกิ า แตใ่ นอนาคตอาจ
อาจารย์ นักวิจยั ในสายวิทยาศาสตร์และ ขยายตลาดไปอาเซยี นอื่นๆ ซ่งึ จะตอ้ งดูวา่
เทคโนโลยี และสายวิศวกรรมศาสตร์ โรง ประเทศไทยเข้าไปมีบทบาทกับประเทศ
พยาบาลผู้ใชค้ อื หมอและพยาบาล ธรุ กิจ ดังกล่าวหรือไม่รวมถึงศักยภาพของแต่ละ
ประเทศด้วย
ในวันนค้ี ณุ ชลทชิ า จำ�รัสพร ยงั
คงทำ�งานอย่ทู ีบ่ รษิ ทั โซลชู ่นั เซ็นเตอร์
จำ�กัด และมีประสบการณ์ท�ำ งานทางดา้ น
โปรแกรมมาเป็นระยะเวลา 14-15 ปี ทา่ น
ได้ให้ขอ้ คดิ ในการท�ำ งานวา่ งานท่ีเราท�ำ น้ัน
ทุกอยา่ งมคี วามหมายและมปี ระโยชน์ ท่ี
ได้ทำ�งานเก่ียวกับโปรแกรมนั้นทำ�ให้ได้ฝึก
เรียนรู้ทางด้านสถิติรู้หลักการนำ�มาประยุกต์
ใช้นำ�มาปรับใช้ในอุตสาหกรรมและชีวิต
ประจำ�วันได้หลายอย่างทำ�ให้เราได้สร้าง
เครือขา่ ยในการท�ำ งาน ไดพ้ บอาจารย์ ได้
พบคนหลากหลายสาขา ไม่วา่ จะเป็นแพทย์
พยาบาล นายธนาคาร นักบญั ชี และได้
เรียนรู้วิธีการทำ�งานหลายๆแบบอย่างท่ี
เป็นตัวแทนจำ�หน่ายโปรแกรมจากประเทศ
สหรัฐอเมรกิ านัน้ ทำ�ให้ได้เรียนรถู้ ึงวิธกี าร
ท�ำ งานสไตล์อเมริกนั การท�ำ งานสไตล์ญีป่ ุ่น
ISTRS | 48
Industrial Trend
การทำ�งานสไตลแ์ บบไทย ทุกอยา่ งล้วนมีค่า
และเปน็ ประสบการณท์ ดี่ ี
เปา้ หมายทส่ี ำ�คญั ทีส่ ุด ของคณุ
ชลทิชาก็คือ การนำ�สถติ มิ าประยกุ ต์ใช้ ใน
การพัฒนาประเทศชาติ ชว่ ยผลกั ดนั งานทาง
ดา้ นการพฒั นาคณุ ภาพ พฒั นากระบวนการ
ผลติ ลดต้นทุน ในภาครัฐและเอกชน ซึง่ เป็น
สว่ นหนง่ึ ในการพฒั นาประเทศ ปจั จบุ นั นอก
เหนอื จากงานประจำ�ท่บี ริษทั ฯ แล้วคุณชล
ทชิ า ยังมีโอกาสให้ความรู้ในเรื่องโปรแกรม
และความรทู้ างด้านสถิติ ใหก้ บั รนุ่ น้องที่
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
อกี ดว้ ย
ส่ิ ง ที่ อ ย า ก ฝ า ก ถึ ง รุ่ น น้ อ ง แ ล ะ
นักศึกษา
1) นกั ศึกษาควรมคี วามรู้ ความเข้าใจ
ทางด้านสถติ ิ เพราะปัจจบุ นั เป็นหัวใจใน
การท�ำ งาน เปรยี บเสมือนไดภ้ าษาเพ่มิ ใน
อนาคตเราต้องใชส้ ถิตอิ ย่างหลากหลาย ต้อง
รู้หลักสถติ ิ สถติ ไิ ม่ใช่แคก่ ารพยากรณ์ แต่
ช่วยในการบริหารโครงการในการทำ�งาน
ตอ้ งร้วู ่าต้องเก็บข้อมลู อย่างไร ควรนำ�ไปใช้
แบบไหน ทำ�การทดลองอยา่ งไร รู้จกั การ
ตคี วามหมาย สรปุ ข้อมลู อย่างไร ทุกธรุ กจิ
ล้วนมสี ถติ เิ ข้ามาเก่ยี วข้อง
2) ตอ้ งมคี วามรับผดิ ชอบ ต้องรู้จกั
หน้าท่ี ท�ำ สงิ่ ใดตอ้ งรู้จกั รับผลทีจ่ ะเกดิ ข้ึน
ท�ำ หน้าท่ขี องตวั เองให้ดี
3) ต้องมคี วามขยนั อดทน ต้งั ใจ ใน
การทำ�งาน ต้องร้จู กั ฝกึ การแก้ไขปัญหา และ
หาความรู้เพิม่ เตมิ ในการพฒั นาตนเอง
49 | ISTRS
ISTRS | 50
Research Supplement
51 | ISTRS
การศึกษาเปรยี บเทียบความแข็งและโครงสรา้ งของชนั้ พอกแข็ง
บนเหล็กกล้าคารบ์ อน JIS-S50C โดยการเชื่อมอารก์ ลวดหุม้ ฟลักซ์
Comparative Study of Hard-faced Layer Hardness and Microstructure
on JIS-S50C Carbon Steel by Shielded Metal Arc Welding
อรรถกร จันทรช์ นะ1 ปราโมทย์ พนู นายม1 วรญา วฒั นจติ สิร1ิ กิตติพงษ์ กมิ ะพงศ์ 1
Atthakorn Chanchana1 Pramote Poonnayom1 Voraya Wattajitsiri1 Kittipong Kimapong 1
บทคัดยอ่
การเชื่อมพอกผิวแข็งเป็นหนึ่งในวิธีการซ่อมแซมเพื่อเพิ่มโลหะท่ีมีความแข็ง
บนผิวของชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตรซึ่งหลุดหายไปเนื่องจากกลไกการสึกหรอ
ในเคร่อื งจักร ดังน้ันการพัฒนาตัวแปรกระบวนการเช่อื มทเ่ี หมาะสมเพื่อให้ได้ช้นั
ผวิ พอกแข็งทมี่ คี วามแข็งและอตั ราการสึกหรอต่ำ� จงึ มีการกระท�ำ อยา่ งต่อเน่อื ง
บทความนี้มีจุดประสงค์ในการศึกษาอิทธิพลของจำ�นวนช้ันการเชื่อมพอกผิวแข็งมี
ผลตอ่ โครงสรา้ งจุลภาคและความแขง็ ของผวิ พอกแขง็ บนเหล็กกลา้ คารบ์ อน JIS-
S50C ด้วยการเช่ือมอาร์กลวดหุม้ ฟลกั ซ์ แบบมกี ารสร้างชั้นรองพ้นื และแบบไมม่ ี
การสรา้ งช้ันรองพน้ื ผลการทดลองโดยสรปุ พบวา่ การเพ่มิ ขน้ึ ของจำ�นวนช้นั ส่งผล
ตอ่ คา่ ความแขง็ ทเี่ พ่ิมขนึ้ คา่ ความแขง็ ของโลหะเชือ่ มแสดงความแขง็ สูงสุด 750 HV
พบไดท้ ีผ่ ิวบนของชัน้ พอกแข็งท่ี 3 แบบไม่มีรองพืน้ และแสดงความแข็งตำ่�สุด 225
HV ทโี่ ลหะฐาน การตรวจสอบโครงสรา้ งจลุ ภาคพบว่าการเพ่มิ เฟสท่มี ีโครเมียม โม
ลบิ ดนิ ัม และแมกนเี ซยี มในปรมิ าณสูงสง่ ผลให้เพ่มิ ความแขง็ และความต้านทาน
การสึกหรอของโลหะเช่อื มแบบไม่มีช้นั รองพ้นื การสรา้ งชนั้ รองพืน้ สามารถก�ำ จดั
จุดบกพร่องในโลหะเช่ือมพอกแข็งแต่ทำ�ให้เกิดการเจือจางของส่วนผสมทางเคมีที่
สง่ ผลท�ำ ให้เกดิ การลดสมบัตทิ างกลของโลหะเช่อื มได้
คำ�ส�ำ คญั :พอกผิวแขง็ ,ชัน้ พอกผิวแข็ง
ISTRS | 52
Research Supplement : การศกึ ษาเปรยี บเทยี บความแขง็ และโครงสร้างของช้นั พอกแขง็ บนเหล็กกลา้ คารบ์ อน JIS-S50C โดยการเชอ่ื มอารก์ ลวดห้มุ ฟลักซ์
Abstract
Hard-faced welding is one of repairing methods for raising the
hard metal on the agricultural machine part surfaces that are removed
by the wear mechanism in the machine. So, investigation of optimized
welding process parameters that produces hard and low wear rate of
the hard-face layer was still performed. This paper aimed to study the
effect of hard-facing layer amount on microstructure and hardness
of JIS-50C carbon steel by shielded metal arc welding with buttering
and no-buttering layers. The summarized results were as follows. An
increase of hard-facing layer amount affected to increase the hard-
ness of the layers. The hardness of the welds showed a maximum
hardness of about 750 HV found at the top surface of 3rd weld layer
with no-buttering layer and showed the minimum hardness of about
225 HV at a base metal. Microstructure investigation showed that the
increase of the phase that contained higher chromium, molybdenum
and manganese affected to increase of the hardness and the wear
resistance of the weld metal with no-buttering layer. The butter layer
could eliminate the defect in the hard-faced weld metal but produce
the dilution effect that affected to decrease the mechanical proper-
ties of the welds.
Keywords : Hard-faced, hard-facing layer
E-mail address: [email protected]
1ภาควชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี
ราชมงคลธญั บุรี ปทมุ ธานี
53 | ISTRS
บทน�ำ
ในช่วงระยะเวลา 10 ปที ผ่ี า่ นมาวัสดุประเภทโลหะได้มีการพฒั นา
อย่างรวดเร็วและมีความสำ�คัญเป็นอย่างมากต่อช้ินส่วนเคร่ืองจักรในภาค
อุตสาหกรรมท่ีต้องการใช้วัสดุโลหะที่มีค่าสมบัติทางกลที่สูงเพื่อยืดอายุการใช้
งานของเครือ่ งจกั ร[1] วัสดโุ ลหะ ยงั คงไดร้ ับความนยิ มเนอ่ื งจากมีสมบัติเชงิ กลที่
แข็งแรง ต้านทานการสึกกรอ่ นจงึ มีการใช้ในภาคอุสาหกรมอยา่ งกว้างขวาง เช่น
เครือ่ งจักรในการทำ�เหมืองแร่ การผลติ ปูนซเี มนต์ และการผลติ กระดาษ[2] อยา่ งไร
กต็ าม เครื่องจักรเหล่านีม้ ักมีการเสอ่ื มสภาพตามลกั ษณะการใช้งานและตามอายุ
การใชง้ าน ด้วยเหตุน้ีช้นิ สว่ นตา่ งๆ จึงตอ้ งทำ�การซอ่ มบ�ำ รงุ เพ่ือยืดอายกุ ารใช้งาน
ให้นานขึ้นด้วยการพอกผิวแข็งเพิ่มเน้ือวัสดุที่มีสมบัติดีกว่าซ่ึงเป็นวิธีท่ีได้รับความ
นิยมอย่างมากในปัจจบุ ัน[3] การพอกผวิ แขง็ สามารถน�ำ ไปใช้กับบริเวณพนื้ ผิวของ
วัสดไุ ด้หลายกรรมวธิ ี เช่น การพ่นเคลอื บ กรรมวิธีทางความรอ้ น ในบรรดากรรมวิธี
ทั้งหมดการเชื่อมพอกผิวแข็งถือเป็นทางเลือกอีกทางที่ประหยัดไม่ยุ่งยากซับซ้อน
ท้ังยังมีความหลากหลายของกระบวนการและสามารถปรับใช้วิธีการเช่ือมพอกผิว
แข็งในพืน้ ท่ีที่ตอ้ งการได้[1]
ที่ผ่านมามีการศึกษาเกี่ยวกับการเช่ือมอาร์กลวดเช่ือมหุ้มฟลักซ์พอกผิวแข็ง
(Hard facing Electrode) บนเหลก็ กลา้ ASTM A36 แบบไมม่ ีช้นั รองผวิ จำ�นวน
3 ชั้น ดว้ ยลวดเชอื่ มหุม้ ฟลักซ์ 3 ชนิด ผลการทดลองพบวา่ ลวดเชื่อมท่ีมที งั สเตน
ปริมาณสงู แสดงความต้านทานการสึกกรอ่ นสูงสดุ ทีก่ ารเชือ่ มเพียง 1 ช้นั [4] และ
การเชื่อมพอกผิวแข็งเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ�ด้วยการเช่ือมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์โดยใช้
ลวดเช่ือมที่มีส่วนผสมของตัวประสานภายในแผ่นเหล็กกล้าถูกนำ�มาทำ�การเชื่อม
เดินแนวและซ้อนทับเปน็ ชัน้ ช้นิ งานถูกแบ่งออกเปน็ 2 กลุม่ กลมุ่ ท่ี 1 คอื กลมุ่
ในสภาพเช่ือม และกล่มุ ท่ี 2 ถกู น�ำ ไปทำ�การอบชุบตามสภาวะที่ก�ำ หนด ผลการ
ทดลองพบว่า คาร์โบไนไตรดซ์ ่ึงเป็นโลหะผสมระหว่างโครเมียม ไททาเนยี ม และนี
โอเบียมในผิวพอกแข็ง มีขนาด รปู ร่าง และการกระจายตวั อย่างแตกต่าง ขณะทใี่ น
ช้ินงานที่ผ่านการอบชุบมีขนาดผลึกที่ละเอียดกว่าในระดับนาโนและมีการกระจาย
ที่เป็นเนอ้ื เดยี วมากกวา่ ตำ�แหนง่ ทม่ี ปี รมิ าตรของคารโ์ บไนไตรด์สูงแสดงคา่ อัตรา
การสึกกร่อนทต่ี �ำ่ [5] มีการศึกษาการเช่อื มอาร์กลวดเชือ่ มหุ้มฟลักซพ์ อกผวิ แข็ง
เหลก็ หล่อสเี ทา ASTM เกรด 2500 การทดลองทำ�การเปล่ียนแปลงชนิดของลวด
เชอ่ื มรองพ้นื 3 ชนดิ และใช้ลวดเช่ือมพอกผิวแข็ง 5 ชนดิ ผลการทดลองพบว่า การ
ใหค้ วามร้อนก่อนการเชอื่ ม จ�ำ นวนชัน้ ของการเชอื่ ม และอัตราส่วน Cr/C
ISTRS | 54
Research Supplement : การศกึ ษาเปรยี บเทียบความแขง็ และโครงสรา้ งของช้นั พอกแขง็ บนเหลก็ กลา้ คารบ์ อน JIS-S50C โดยการเชือ่ มอารก์ ลวดหุ้มฟลักซ์
ในลวดเชอ่ื มพอกผวิ สง่ ผลต่อความยาวของการแตกรา้ วตอ่ พ้นื ท่ี[6]
งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์ในการศึกษาอิทธิผลการเช่ือมชั้นรองพื้นและไม่มีช้ัน
รองพ้ืนของกรรมวิธีการเชื่อมผอกผิวแข็งที่มีผลต่อความแข็งและโครงสร้างจุลภาค
ของเหลก็ กล้าคาร์บอน JIS S50C เพือ่ น�ำ ไปใชป้ ระโยชน์หรอื เป็นแนวทางสำ�หรบั
การเช่อื มซอ่ มพอกแข็งในบรเิ วณทเี่ กิดการสึกหรอของเคร่อื งจกั รกลทางการเกษตร
2.วิธีการวจิ ัย
วสั ดุทีใ่ ชใ้ นการทดลอง คอื เหล็กกลา้ คารบ์ อน JIS-S50C ทม่ี สี ่วนผสมทาง
เคมีดังแสดงในตารางที่ 1 แผน่ เหลก็ กลา้ ถกู ตดั ให้มีรูปรา่ งสี่เหลี่ยมผนื ผ้าทม่ี ีขนาด
กว้าง 100 มลิ ลเิ มตร ยาว 150 มลิ ลิเมตร และหนา 20 มิลลเิ มตร ดังแสดงในรปู ท่ี
1(ก) ผวิ หน้าของเหล็กคาร์บอนถกู ขัดละเอียดด้วยหนิ เจียระไนเพ่อื ก�ำ จัดผิวดบิ ของ
เหล็กออกไปจากนัน้ ทำ�การอบแผน่ เหลก็ ที่อณุ หภูมิ 300-350 ºC เป็นเวลา 60 นาที
เพอ่ื ป้องกันการลดตัวลงของอณุ หภมู ิกอ่ นท�ำ การเช่ือมพอกแข็ง และก�ำ จดั ความช้ืน
ออกจากชนิ้ งาน
กรรมวิธกี ารเชื่อมทีใ่ ชใ้ นการพอกผิวแข็งในการทดลอง คอื การเชือ่ มอาร์
กลวดหุม้ ฟลกั ซ์ (Shielded Metal Arc Welding : SMAW) ที่ก�ำ หนดใหม้ ีอณุ หภูมิ
การอุ่นช้ินงาน (Pre-heat temperature) กอ่ นการเช่อื มท่ี 150 ºC และก�ำ หนดให้
มีอุณหภูมิระหว่างเท่ยี วเชื่อม (Interpass temperature) ไม่ต่ำ�กว่า 150 ºC การ
เชื่อมเป็นแบบเดินแนวบนผวิ ของแผน่ เหล็กกล้าแบบไม่สา่ ยลวดเช่อื ม (Non wav-
ing) โดยชา่ งเชอ่ื มท่ผี ่านการสอบวัดฝีมอื จากสถาบันพัฒนาฝมี ือแรงงาน กระทรวง
แรงงานและสวสั ดกิ ารสังคมในระดบั ท่ี 1 ทศิ ทางการเชือ่ มขนานกบั ดา้ นความยาว
ของแผน่ เหลก็ ลวดหมุ้ ฟลกั ซท์ ใี่ ชป้ ระเภทลวดพอกผิวแขง็ (Hard-facing layer
electrode) มีสว่ นผสมทางเคมดี ังแสดงในตารางที่ 1
ตารางท่ี 1 ส่วนผสมทางเคมีของวสั ดแุ ละลวดเช่อื ม
55 | ISTRS
ข้ันตอนการเช่ือมพอกผิวแข็งบนแข็งเหล็กกล้าคาร์บอนโดยมีระยะขอบเขต
ในการเช่ือมขนาดความกว้าง 50 มิลลิเมตร และยาว100 มลิ ลเิ มตร แสดงในรูปท่ี
1 (ก) โดยทำ�การเช่อื มด้วยลวดเช่อื มพอกผวิ แข็งซ้อนแนวกนั 3 ชั้นแสดงในรปู ที่ 1
(ข)
รปู ท่ี 1 การเชอ่ื มพอกผิวแข็ง (ก) ระยะขอบเขตในการเชือ่ มพอกผิวแข็ง (ข) การ
เชื่อมพอกผิวแขง็ 3 ช้ัน
ขน้ั ตอนการเชอ่ื มแบง่ ออกเป็น 2 ลกั ษณะดังแสดงในรปู ที่ 2 คอื แบบที่ 1
ท�ำ การเชื่อมดว้ ยลวดพอกแขง็ ซอ้ นกนั 3 ชน้ั ดงั แสดงในรูปท่ี 2 (ก) และแบบที่ 2
ทำ�การเชอื่ มด้วยลวดรองพื้นในช้ันท่ี 1 และทำ�การเช่อื มพอกผิวแขง็ ขนึ้ ไป 3 ชนั้
ดงั แสดงในรปู ที่ 2 (ข) กระแสเชอื่ มของลวดท้ัง 2 แบบก�ำ หนดไวท้ ี่ 100 แอมแปร์
รปู ที่ 2 การเชือ่ มพอกผิวแขง็ 3 ชน้ั (ก) แบบไมม่ ีรองพน้ื (ข) แบบมีรองพนื้
ISTRS | 56
Research Supplement : การศกึ ษาเปรียบเทยี บความแขง็ และโครงสรา้ งของชน้ั พอกแขง็ บนเหลก็ กล้าคารบ์ อน JIS-S50C โดยการเชือ่ มอารก์ ลวดหุ้มฟลกั ซ์
ข้นั ตอนการทดสอบ
แนวเชื่อมท่ีได้ถูกตัดขวางที่ก่ึงกลางความยาวของช้ินงานเพ่ือทำ�การตรวจ
สอบโครงสร้างทางโลหะวทิ ยาและความแข็งของชนั้ พอกผวิ แข็ง ชนิ้ งานท่ีผา่ น
การตัดดว้ ยวธิ ีการทางกลจะน�ำ มาขัดหยาบดว้ ยกระดาษทรายต้ังแต่เบอร์ 150 ถงึ
เบอร์ 2000 และท�ำ การขดั มันดว้ ยผงเพชรขนาด 1 μm กอ่ นท�ำ การกัดผวิ หนา้ ด้วย
สารละลายท่ีมสี ่วนผสมทางเคมีประกอบด้วยกรดไนตริก 5 % และเมทานอล 95
% เพ่ือแสดงเฟสขอบเกรนและรายละเอยี ดบรเิ วณโลหะเชอ่ื มตามตำ�แหนง่ ต่างท่ี
ก�ำ หนดไว้ในรูปที่ 3 (ก)
การทดสอบความแข็งของแนวเชื่อมทำ�การทดสอบตามตำ�แหน่งกำ�หนดดัง
แสดงในรูปท่ี 3 (ข) จากต�ำ แหนง่ ผิวหนา้ ของชัน้ ผอกผิวแขง็ บนสดุ จนถงึ โลหะฐาน
(Base metal) การทดสอบความแขง็ ในการทดสอบกำ�หนดใช้การทดสอบแบบ
ไมโครวิกเกอรโ์ ดยปฏบิ ัตติ ามมาตรฐาน ASTM E 92 ทใี่ ช้แรงกด 300 กรัม เวลาใน
การกด 10 วนิ าที และระยะหา่ งระหว่างจดุ กด 0.4 มิลลเิ มตร
รปู ท่ี 3 ตำ�แหน่งการทดสอบ (ก) ตำ�แหนง่ การตรวจสอบโครงสร้างจลุ ภาค (ข)
ต�ำ แหนง่ การทดสอบความแข็ง
การทดสอบอัตราการสึกกร่อนดังแสดงในรูปท่ี 4 (ก) เครอื่ งทดสอบตาม
มาตรฐาน ASTM G65 (ข) ขนาดชิ้นงานทดสอบอัตราการสึกกรอ่ นมีความกว้าง
55 มลิ ลเิ มตร และความยาว 25 มิลลเิ มตร และการทดสอบอตั ราการสกึ กรอ่ นนี้ได้
กำ�หนดใชผ้ งขัดทมี่ ีขนาด 200-300 ไมโครเมตร อตั ราการไหลของผงขัด 390 กรมั
ต่อนาที ความเร็วรอบของลอ้ ยาง 200 รอบตอ่ นาที และเวลาทใ่ี ชใ้ นการทดสอบ
30 นาที โดยปฎิบตั ติ ามมาตรฐาน ASTM G 65
57 | ISTRS
รปู ที่ 4 การทดสอบอัตราการสกึ กร่อน (ก) เคร่ืองทดสอบตามมาตรฐาน
ASTM G65 (ข) ขนาดชิน้ งานทดสอบ
3.ผลการวจิ ัย
3.1 การตรวจสอบโครงสร้างมหภาค
การตรวจสอบโครงสร้างมหภาคของชิ้นงานเชื่อมที่มีการสร้างช้ันรองพื้น
กอ่ นการเชื่อมพอกผิวแขง็ 3 ชน้ั ดังแสดงในรูปที่ 5 (ก) พบโลหะเชอื่ มทีม่ ีความ
สมบรู ณป์ ราศจากจดุ พรอ่ งใดๆ ในโลหะเชื่อม หรอื ระหวา่ งช้ันแนวเชอื่ ม อย่างไร
ก็ตามเมื่อทำ�การตรวจสอบโครงสร้างมหภาคของแนวเชื่อมที่ไม่มีการสร้างชั้นรอง
พน้ื ก่อนการเชื่อมพอกผวิ แขง็ 3 ชั้น ดังแสดงในรูปที่ 5 (ข) พบจดุ บกพร่องชนิดรู
(Void defect) ตามจุดตอ่ ระหวา่ งแนวเชอื่ ม จุดบกพร่องที่พบมีแนวโนม้ ทีม่ ขี นาด
ลดลงเมื่อให้ความรอ้ นในการเชอ่ื มซ�้ำ ลงบนแนวเชื่อมเดมิ ในการเชอ่ื มแนวที่ 2 และ
3 ตามลำ�ดับ ทง้ั นีจ้ ดุ บกพร่องทเี่ กิดขน้ึ ระหว่างแนวเช่อื มน้ีไมไ่ ดท้ �ำ การศกึ ษากลไก
การเกิดจุดบกพร่องในการทดลองนี้แต่คาดว่าเกิดจากการหลอมละลายไม่สมบูรณ์
(Lack of fusion) ของโลหะเช่อื มจุดบกพร่องทเี่ กิดขน้ึ อาจลดจ�ำ นวนหรือก�ำ จัดให้
หายไปไดเ้ ม่ือมีการเปล่ยี นแปลงตัวแปรการเช่ือม เชน่ กระแสเช่ือม แรงดนั เชอื่ ม
และความเร็วเดินแนวเชื่อมให้มีความเหมาะสม[7]
รูปท่ี 5 โครงสรา้ งมหภาคของโลหะเช่ือมพอกแข็ง
ISTRS | 58
Research Supplement : การศึกษาเปรยี บเทยี บความแขง็ และโครงสรา้ งของชั้นพอกแขง็ บนเหล็กกล้าคารบ์ อน JIS-S50C โดยการเชอื่ มอาร์กลวดหุ้มฟลกั ซ์
3.2 การตรวจสอบความแขง็
ผลการทดสอบค่าความแข็งของช้ินงานเช่ือมแบบไม่มีการสร้างช้ันรองพื้น
และแบบมกี ารสร้างชนั้ รองพน้ื แสดงดังในรูปท่ี 6 พบวา่ พน้ื ผวิ โลหะเช่ือมทั้งสอง
แบบเร่ิมต้นทดสอบความแขง็ ทต่ี �ำ แหน่ง -8 ถึง -2.4 มิลลิเมตร มคี ่าความแขง็
ประมาณ 250 HV และเมอื่ ทดสอบท่ีตำ�แหน่งทดสอบ -2.4 ถึงจุด 0 มลิ ลิเมตร
(จุดกึ่งกลางระหวา่ งโลหะฐานและโลหะเช่อื ม) ค่าความแขง็ ของพนื้ ทก่ี ระทบรอ้ น
ทง้ั สองแบบ มคี ่าประมาณ 310 HV ในขณะทช่ี น้ิ งานท่ีผา่ นการเชอ่ื มแบบรองพน้ื
ค่าความแข็งมีแนวโน้มลดตำ่�ลงใกล้เคียงกับโลหะหลักและเมื่อทดสอบค่าความแข็ง
ของแนวเช่อื มพอกผิวชั้นที่ 1-3 พบวา่ ค่าความแข็งของโลหะเชอ่ื มมแี นวโน้มเพ่ิม
สงู ขน้ึ ตามจ�ำ นวนชน้ั พอกผิวแขง็ ทเ่ี พม่ิ ข้ึนซง่ึ งานวจิ ัยของ Winarto ไดศ้ ึกษาการ
เชือ่ มพอกผิวแขง็ 1-3 ชัน้ แบบมีการสร้างชั้นรองพ้นื บนเหลก็ กลา้ ผสมตำ่�ความ
แข็งแรงสงู ไดอ้ ธบิ ายวา่ ความแขง็ ของแนวเชือ่ มทแ่ี ตกตา่ งกันเกิดจากการเจอื จาง
ของส่วนผสมทางเคมีมผี ลตอ่ คา่ ความแข็งท่เี พิ่มขนึ้ [8] และเมอ่ื เปรียบเทียบโลหะ
เชื่อมช้นั พอกผิว 1-3 ชั้น แบบไม่รองพื้นและแบบรองพน้ื พบวา่ ค่าความแข็งช้ินงาน
เช่ือมแบบไม่รองพ้ืนมีแนวโน้มของค่าความแข็งท่ีสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับชิ้นงาน
ที่มีการเชอื่ มแบบรองพน้ื แสดงดงั ในรปู ที่ 5 ซึ่งมีส่วนคลา้ ยกบั งานวจิ ัยของ Qin-
gjunไดก้ ล่าวถึง การลดค่าความแขง็ ที่ได้เกิดจากการใหค้ วามร้อนซ�ำ้ ตอ่ ชนั้ รองพ้นื
คลา้ ยกับการอบอ่อนชนิ้ งานขณะทำ�การเช่อื ม[9]
รูปที่ 6 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างระยะการทดสอบทส่ี ่งผลค่าความแขง็
59 | ISTRS
3.3 การตรวจสอบโครงสรา้ งจุลภาค
ที่ตำ�แหน่ง A ดังรปู ที่ 3 (ก) ซ่ึงเป็นบรเิ วณพน้ื ทโี่ ลหะฐานเหล็กกลา้ คาร์บอน
JIS-S50C ประกอบด้วยโครงสร้างแบง่ ออกเป็น 2 เฟส คอื พนื้ ทสี่ ีขาวและพน้ื ที่สี
เขม้ เมอื่ เปรียบเทยี บสว่ นผสมทางเคมีของเหล็กกล้าคาร์บอนทมี่ สี ว่ นผสมทางเคมี
ของธาตุคารบ์ อน 0.52 % กบั แผนภาพสมดุลเฟสระหวา่ ง เหล็ก-เหลก็ คาร์ไบด์
พบว่าเฟสของเหล็กกลา้ ทีแ่ สดงในรปู ที่ 7 (ก) คอื เฟสของเฟอร์ไรต์ (สีขาว) และ
เฟสซีเมนไทต์ (สีเข้ม) นอกจากนนั้ ลักษณะโครงสรา้ งจุลภาคของโลหะฐานยังแสดง
โครงสร้างแบบเดยี วกนั กบั เหล็กกลา้ คารบ์ อนปานกลาง AISI 1015 ท่ีเกดิ การข้ัน
ตอนหล่อแบบต่อเน่ือง[10] เฟสเฟอรไ์ รต์ (สีขาว) และเฟสซีเมนไทต์ (สเี ข้ม) มี
ขนาดเลก็ ลงในพน้ื ทีก่ ระทบรอ้ นของแนวเชอ่ื มดังแสดงในรูปที่ 7 (ข) นอกจาก
นั้นความร้อนที่ได้จากการเชื่อมส่งผลให้ขนาดและรูปร่างของเฟสเฟอร์ไรต์และซี
เมนไทต์ ในพนื้ ทกี่ ระทบรอ้ นเล็กละเอยี ดและกระจายตวั ทวั่ ท้ังพน้ื ที่กระทบรอ้ น
[10] โครงสรา้ งจุลภาคของแนวเชอื่ มชน้ั รองพนื้ ใน รปู ที่ 7 (ค) โครงสร้างสว่ นใหญ่
ประกอบด้วยโครงสร้างรูปร่างคล้ายไม้ระแนงและมีขอบเขตของเกรนเฟอร์ไรต์ท่ี
ขนาดเล็กมาก มลี ักษณะพเิ ศษเปน็ กลุ่มสเี ขม้ [11] จากต�ำ แหนง่ D ในรปู 3 (D-F)
แนวโลหะเชอื่ มพอกผิวแขง็ ได้นำ�มาทำ�การตรวจสอบโครงสร้างจุลภาคและแสดง
ใหเ้ ห็นรายละเอียด ดงั รปู 7 ในโครงสรา้ งชนั้ พอกผิวแข็งช้ันที1่ -3 ทง้ั แบบที่มกี าร
สร้างช้ันรองพ้ืนและแบบท่ไี ม่มีการสร้างชั้นรองพ้ืน มลี กั ษณะเรยี วยาวจบั ตวั เปน็ ก
ลุ่มสเี ข้มจดั เรียงสลับกับพื้นที่สขี าว (พื้นที่เฟสสเี ข้มจะใชส้ ญั ลักษณ์ I และในพ้ืนท่ี
เฟสสีขาวจะใชส้ ัญลกั ษณ์ II) ดังแสดงในรูปท่ี 7 จงึ ไดศ้ กึ ษาโครงสร้างจลุ ภาคใน
แนวเช่ือมพอกผวิ แข็งชัน้ ที่ 3 เนื่องจากเปน็ พอกผิวทีใ่ หค้ ่าความแขง็ สูงทสี่ ดุ แนว
เชือ่ มพอกผวิ แขง็ ชัน้ ท่ี 3 แบบรองพื้น มีลกั ษณะของเฟส I ลักษณะเรียวยาวจับตวั
เป็นกลุม่ กระจายตวั สลบั กบั พืน้ ท่เี ฟส II และได้ทำ�การทดสอบค่าความแขง็ ของเฟส
I และ II ในรปู ท่ี 7 ได้ค่าพ้ืนที่เฟส I เท่ากับ 748 HV พน้ื ทเ่ี ฟส II 756 HV ซงึ่ ในแนว
เชื่อมพอกผิวแขง็ ช้ันท่ี 3 แบบไม่มรี องพืน้ ในรูปที่ 7 มีลกั ษณะเฟส I จับตวั เปน็ ก
ลุม่ หนาแน่นน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทยี บเฟส I ในแบบรองพนื้ ดงั รปู ที่ 7 และมพี น้ื ท่ใี น
เฟสที่ II เพ่มิ มากขึน้ ดังแสดงในรูป 7 และมีคา่ ความแข็งเฟส I 752 HV และเฟสที่
II 766 HV โดยคาดว่าค่าความแข็งทเี่ พิม่ ขน้ึ ในเฟสที่ II นน้ั เนอ่ื งมาจากลวดเชือ่ ม
ทม่ี ปี รมิ าณโครเมยี มผสมสงู สามารถก่อใหเ้ กดิ โลหะคารไ์ บด์ ซ่ึงในสารประกอบ
คารไ์ บด์ที่ซบั ซอ้ นมากข้นึ ส่งผลท�ำ ให้สมบตั ทิ างกลเพ่มิ สูงขึน้ [12]
ISTRS | 60
Research Supplement : การศกึ ษาเปรยี บเทียบความแขง็ และโครงสรา้ งของชั้นพอกแข็ง บนเหลก็ กล้าคาร์บอน JIS-S50C โดยการเช่ือมอารก์ ลวดหุ้มฟลกั ซ์
รปู ที่ 7 การตรวจสอบโครงสรา้ งจลุ ภาค
3.4 การตรวจสอบปริมาณพืน้ ท่ี
ในการตรวจสอบความแขง็ ของพนื้ ทเ่ี ฟสทีม่ ีความแตกตา่ งกันในรูปท่ี 7 พบวา่
คา่ ความแข็งของทงั้ สองเฟสมคี วามแตกต่างกัน ในสว่ นพนื้ ท่เี ฟส II มีค่าความแขง็
ทส่ี ูงกว่าในเฟสท่ี I จงึ ทำ�การตรวจสอบปริมาณพืน้ เฟสของชั้นพอกผิวแข็ง 1-3 ชั้น
ทั้งแบบมกี ารสร้างชั้นรองพ้นื และแบบไม่มีการสรา้ งชัน้ รองพืน้ ด้วยโปรแกรม Ma-
terial Plus ตามมาตรฐาน ASTM E 562 พบวา่ ปริมาณพื้นทีเ่ ฟส I มแี นวโนม้
ลดลงในชนั้ พอกผวิ แข็งชนั้ ที่ 1 ถึง แนวเชื่อมพอกผวิ แขง็ ชนั้ ที่ 3 ดังแสดงในรูป 8
(ก) และปรมิ าณพ้นื ทเี่ ฟส I มีปรมิ าณมากทีส่ ดุ ท่บี รเิ วณแนวเช่ือมพอกผิวแขง็ ชั้นที่
1 แบบมีการสรา้ งช้นั รองพน้ื มปี รมิ าณพน้ื ที่ 46.78 % และพบปริมาณพนื้ ท่ีเฟส I
มีปริมาณน้อยทีส่ ดุ ที่บรเิ วณแนวเชอื่ มพอกผิวแขง็ ชั้นที่ 3 แบบไม่มีการสร้างชั้นรอง
พนื้ มีปริมาณพื้นที่ 35.71 % อย่างไรกต็ ามการตรวจสอบปรมิ าณพืน้ ทเ่ี ฟส II ดงั
แสดงในรูปที่ 7(ข) มแี นวโน้มของปริมาณพ้นื ที่เฟส II สูงมากข้ึนตง้ั แต่บรเิ วณผวิ
พอกแข็งชั้น 1 ถงึ บรเิ วณผิวพอกแข็งช้ันท่ี 3 และมปี ริมาณพนื้ ทเ่ี ฟส II มมี ากทีส่ ุด
บรเิ วณผิวพอกแขง็ ช้ันที่ 3 แบบไม่มีการสร้างช้นั รองพ้นื มปี รมิ าณพนื้ ที่ 63.95 %
และมปี ริมาณพ้นื เฟส II น้อยทส่ี ดุ บรเิ วณผวิ พอกแขง็ ช้นั ที่ 1 แบบมกี ารสร้างช้ันรอง
พ้นื มปี ริมาณพื้นท่ี 49.2 % แสดงใหเ้ ห็นว่าเมอื่ จ�ำ นวนช้นั เพิม่ ขึ้นปรมิ าณพ้นื ขาวมี
แนวโน้มเพิ่มขึ้นและพืน้ ทีส่ ีดำ�มีแนวโน้มลดลง ซึง่ ส่งผลใหช้ น้ั พอกผวิ แขง็ ท่ี 3 มคี า่
ความแขง็ ท่สี งู สดุ ดงั แสดงใน รูปท่ี 6 ทไ่ี ดแ้ สดงคา่ ทดสอบความแข็งของแนวเช่ือม
61 | ISTRS
ในงานวจิ ยั ของ Yüksel ไดศ้ ึกษาปรมิ าณพืน้ ทเ่ี ฟสพบวา่ การเพม่ิ ขนึ้ ของพนื้ ท่ีเฟสท่ี
แข็งซ่ึงเป็นสาเหตุก่อให้เกิดการเพม่ิ ขึ้นของคา่ ความแข็ง[13]
รปู ที่ 7 การตรวจสอบปริมาณพืน้ เฟส
3.5 การตรวจการวิเคราะห์สว่ นผสมทางเคมี
การตรวจการวิเคราะห์ส่วนผสมทางเคมีของเฟสโลหะเช่ือมด้วย
กล้องจุลทรรศนอ์ ิเลก็ ตรอนแบบสอ่ งกราด (Scanning Electron Microscope:
SEM) ในผิวแนวเชือ่ มพอกแข็งชัน้ ท่ี 3 แบบมกี ารสร้างชน้ั รองพนื้ และไม่มีการสร้าง
ชั้นรองพน้ื ดงั แสดงในรปู ที่ 9 (ก-ข) พบวา่ มีกลุ่มเฟสท่ีมีความส�ำ คญั 2 กลมุ่ คือ
กลุ่มเฟสท่ีมีลักษณะเรียวยาวจับตัวเป็นกลุ่มและกลุ่มเฟสที่มีลักษณะเป็นพื้นสี
ด�ำ โดยผิวแนวเช่อื มพอกแข็งชน้ั ท่ี 3 แบบมีชั้นรองพ้นื ในรูปที่ 9 (ก) พบกล่มุ เฟส
มีลกั ษณะเรยี วยาวและมขี นาดใหญ่ รวมตวั เป็นกลุม่ ใหญส่ ลบั กบั กลมุ่ เฟสพื้นสีดำ�
และผวิ พอกแข็งช้ันที่ 3 แบบไม่รองพน้ื ในรปู ที่ 9 (ข) พบว่ากลุ่มเฟสมีลักษณะเรยี ว
ยาวแตจ่ ะมีขนาดทเี่ ล็กกวา่ เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั กลุ่มเฟสแบบรองพืน้ ในรปู ท่ี 9 (ก)
และสลบั กับกลุ่มเฟสพ้นื สีดำ�
รูปท่ี 9 การตรวจสอบโครงสรา้ งจลุ ภาค
ISTRS | 62
Research Supplement : การศึกษาเปรยี บเทยี บความแข็งและโครงสร้างของชัน้ พอกแข็ง บนเหล็กกลา้ คาร์บอน JIS-S50C โดยการเชื่อมอารก์ ลวดห้มุ ฟลักซ์
เพื่อทำ�ความเข้าใจพ้ืนที่เฟสท้ังสองจึงทำ�การตรวจสอบส่วนผสมทางเคมีของ
เฟสทงั้ สองดว้ ยการวเิ คราะหก์ ารกระจายพลัง (Energy dispersive spectrome-
try : EDS) วิเคราะหแ์ บบเชิงคุณภาพ (Qualitative) ในบรเิ วณแนวเชือ่ มพอกผวิ
แขง็ ชั้นท่ี 3 พบวา่ ธาตุหลกั ในแนวเชื่อมพอกผวิ แข็งชน้ั ที่ 3 จำ�นวน 6 ธาตุ คอื เหล็ก
(Fe) คารบ์ อน (C) โครเมียม (Cr) แมงกานสี (Mn) โมลบิ ดีนมั (Mo) ซลิ ิกอน (Si)
ท้ังแบบมีการสรา้ งช้นั รองพื้นและไมม่ ีการสร้างชั้นรองพนื้ และได้ท�ำ การวเิ คราะห์
ธาตเุ ชงิ ปรมิ าณ (Quantitative Analysis) บรเิ วณกลุ่มเฟสทีม่ ลี กั ษณะตา่ งกัน ดงั
แสดงในรปู ท่ี 9 พบวา่ ในต�ำ แหน่งท่ี I แบบมีการสรา้ งช้นั รองพน้ื ในรปู ท่ี 9 (ก) มี
ปริมาณธาตุโครเมยี ม 4.5 % โมลิบดนี มั 0.42 % ตำ�แหนง่ ที่ I แบบไม่มีการสรา้ ง
ชน้ั รองพ้นื ในรูปท่ี 9 (ข) มีปรมิ าณธาตุโครเมยี ม 4.36 % โมลบิ ดนี มั 0.68 % ดัง
แสดงในรปู ที่ 10 (ก) และในตำ�แหน่งท่ี II แบบมกี ารสร้างช้นั รองพนื้ ในรปู ท่ี 9 (ก) มี
ปรมิ าณธาตุโครเมยี ม 4.99 % โมลิบดนี มั 0.65 % ต�ำ แหน่งที่ II แบบไม่มีการสรา้ ง
ชน้ั รองพืน้ ในรปู 9 (ข) มปี ริมาณธาตโุ ครเมียม 5.78 % โมลบิ ดนี ัม 0.72% ดงั แสดง
ในรูปที่ 10 (ข) ไดแ้ สดงเหน็ ถงึ ชิน้ งานแบบไมม่ กี ารสร้างชนั้ รองพ้นื มีแนวโนม้ ของ
ปริมาณของโครเมยี ม และโมลิบดนี มั ทสี่ งู กว่าในแบบมีการสร้างชนั้ รองพนื้ ดงั แสดง
ในรปู 10 (ข) ซึง่ ในงานวจิ ยั ของ Fouilland ได้ศึกษาการแพรก่ ระจายของธาตใุ น
ระหว่างชั้นการเชื่อมพอกผิวแข็งได้กล่าวถึงธาตุเหล็กจะแพร่กระจายจากโลหะฐาน
ไปสชู่ ้นั พอกผิวแขง็ ในขณะเดยี วกนั น้นั ธาตุโครเมยี มและธาตุโมลบิ ดนี ัม จะเกิด
การเจือจางของธาตุขึ้นในสัดส่วนท่ีแตกต่างกันข้ึนอยู่กับระยะทางพื้นผิวของโลหะ
ฐาน[14] การเพ่มิ สมบตั ิทางกลของโลหะเชอื่ มบนผวิ เหล็กกล้าคารบ์ อนเกิดขน้ึ
เนอ่ื งจากการเพิ่มข้ึนของปรมิ าณธาตุโครเมียม แมงกานสี โมลบิ ดนี มั และคาร์บอน
ในลวดเชื่อมพอกแข็ง เนื่องจากธาตตุ า่ งๆ เหลา่ นก้ี อ่ ให้เกิดโลหะคาร์ไบดท์ สี่ ามารถ
เสรมิ ความแข็งและความแขง็ ของโลหะเชอ่ื มเพมิ่ ขนึ้ [15] ในชนิ้ งานเช่อื มพอกผวิ
แข็งแบบมีการสร้างชั้นรองพ้ืนที่แสดงค่าความแข็งตำ่�กว่าแบบไม่มีการสร้างช้ันรอง
พน้ื คาดว่าเกดิ จากการเจือจาง (Dilution) ของส่วนผสมทางเคมขี องลวดเช่ือมพอก
แข็งในโลหะเชื่อมบนโลหะฐานดังพบได้จากส่วนผสมทางเคมีของโลหะเช่ือมชั้นที่
3 ทต่ี ่ำ�กวา่ เม่ือเปรียบเทยี บกับโลหะเชือ่ มชน้ั ที่ 3 แบบไม่มกี ารสร้างดังแสดงในรปู
ท่ี 10 อยา่ งไรก็ตามควรมีการศึกษาส่วนผสมทางเคมขี องโลหะเชือ่ มช้นั ท่ี 2 1 พ้นื ท่ี
กระทบรอ้ นและโลหะฐานเพ่อื ความเขา้ ใจกลไกการเจอื จางต่อไป
63 | ISTRS
รูปท่ี 10 วเิ คราะห์ปรมิ าณธาตแุ บบเชงิ ปริมาณ
3.6 การตรวจสอบอัตราการสึกกรอ่ น
การทดสอบอตั ราการสกึ กรอ่ นนีไ้ ดป้ ฏิบตั ติ ามมาตรฐาน ASTM G65 ดัง
แสดงในรปู ท่ี 4 พบวา่ ชิน้ งานเน้อื โลหะฐานมีอัตราการสึกกร่อน 6.4 กรัม/ชม.
และในชนิ้ งานทดสอบท่ีเช่ือมพอกผวิ แข็ง 1ช้นั เกดิ อตั ราการสกึ กรอ่ นสงู ท่สี ุดโดย
การเชื่อมแบบมกี ารสรา้ งชน้ั รองพื้นมกี ารสูญเสยี มวล 1.5 กรมั /ชม. และการเชื่อม
แบบไมม่ กี ารสรา้ งชั้นรองพืน้ มีการสญู เสียมวล 1.3 กรัม/ชม. อัตราการสกึ กร่อนมี
แนวโน้มลดต่�ำ ลงตามจำ�นวนชัน้ เช่ือมพอกผิวแขง็ ท่ีเพ่มิ ขนึ้ และอัตราการสกึ กรอ่ น
ตำ�่ ที่สดุ ในชน้ิ งานทดสอบท่ีท�ำ การเชอ่ื มพอกผวิ แข็งจ�ำ นวน 3 ช้นั แบบมีการสรา้ ง
ช้ันรองพ้นื มีการสญู เสียมวล 1.2 กรมั /ชม. และการเชื่อมแบบไม่มกี ารสร้างชั้นรอง
พนื้ มีการสญู เสยี มวล 1.1 กรมั /ชม. ดังแสดงในรูปท่ี 11 ซึง่ ในงานวิจยั ของ Lin and
Chang[16] ได้อธบิ ายถงึ โครงสรา้ งจุลภาคในพน้ื ทเ่ี ฟสที่ความแข็งมีความสามารถ
ยบั ย้งั การเปลยี่ นรูปของชน้ั พอกผวิ แข็ง และมลี กั ษณะคลา้ ยกับงานวิจัยของ Coro-
nado, Caicedo และคณะ[17] ทไี่ ด้ท�ำ การศึกษาเปรียบเทยี บอัตราการสึกกรอ่ น
แนวเช่อื มพอกผวิ แขง็ 1 ชั้น และแนวเช่ือมพอกผิวแขง็ 3 ชั้น พบว่า การเพ่มิ ขึ้น
ของจ�ำ นวนช้นั พอกผิวแข็งส่งผลตอ่ การตา้ นทานการสกึ กร่อน เนอื่ งจากโครงสร้าง
จุลภาคในแนวเชื่อมพอกผิวแขง็ ช้ันที่ 3 เป็นแหล่งสะสมทีป่ ระกอบดว้ ยพ้นื ทีเ่ ฟส
ทม่ี คี วามแข็ง แต่อยา่ งไรกต็ ามในแนวเชอื่ มพอกผวิ แข็งช้ันท่ี 1 มรี ะดับการเจอื จาง
ของปริมาณธาตุสูงจึงสง่ ผลใหก้ ารต้านทานการสึกกร่อนลดตำ่�ลง
ISTRS | 64
Research Supplement : การศกึ ษาเปรยี บเทยี บความแข็งและโครงสรา้ งของช้นั พอกแข็ง บนเหลก็ กล้าคาร์บอน JIS-S50C โดยการเชื่อมอาร์กลวดหุ้มฟลักซ์
รปู ที่ 11 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งจ�ำ นวนช้นั พอกผิวแข็งตอ่ ปรมิ าณการสูญเสียมวล
4.สรปุ
งานวิจัยน้ที ำ�การศกึ ษาเปรยี บเทยี บความแขง็ ช้ันพอกผิวแขง็ มีผลต่อสว่ นผสม
ทางเคมีและความแขง็ ของผิวพอกแขง็ บนเหลก็ กลา้ คารบ์ อน JIS-S50C ดว้ ยการ
เชื่อมอารก์ ลวดหุม้ ฟลักซ์สามารถสรปุ ผลการทดลองได้ดังน้ี
1. การเชื่อมพอกผิวแขง็ ชน้ั ที่ 3 ใหค้ า่ ความแข็งสงู ท่ีสดุ เนอื่ งจากการเพ่ิมขนึ้
ของพ้นื ท่เี ฟสสขี าวท่แี ทนดว้ ยสัญลกั ษณ์ II ซง่ึ มีสว่ นประกอบของธาตุ โครเมยี ม
(Cr) และ โมลิบดนี ัม (Mo) มีปรมิ าณมากท่ีสดุ
2. การเชอ่ื มพอกผวิ แขง็ แบบไมม่ ีการสรา้ งชั้นรองพ้นื ในบริเวณชั้นที่ 3 มี
ปรมิ าณของธาตุ โครเมียม (Cr) และโมลบิ ดีนมั (Mo) สูงกว่าการเชือ่ มพอกผวิ แข็ง
แบบมีการสร้างชน้ั รองพนื้ ซ่งึ ส่งผลตอ่ ค่าความแข็งในแนวเช่อื มพอกผวิ แขง็
3. ในการเชือ่ มพอกผวิ แขง็ ช้ันท่ี 3 แบบไมม่ กี ารสร้างชัน้ รองพน้ื มปี รมิ าณการ
สูญเสียมวลน้อยทส่ี ุดในการทดสอบการสกึ กรอ่ นเพราะผิวพอก ชั้นท่ี 3 มคี วามแขง็
มากทส่ี ดุ
4.การสร้างช้ันรองพ้ืนสามารถกำ�จัดจุดบกพร่องในโลหะเช่ือมพอกแข็งแต่
ทำ�ให้เกิดการเจือจางของส่วนผสมทางเคมีท่ีส่งผลทำ�ให้เกิดการลดสมบัติทางกล
ของโลหะเชอื่ มได้
65 | ISTRS
5.กติ ตกิ รรมประกาศ
งานวิจัยนไ้ี ด้รับการสนบั สนนุ ทนุ วิจยั ประจำ�ปีงบประมาณ 2558 จาก
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ี
เอกสารอา้ งองิ
[1] S. Selvi, S. P. Sankaran, and R. Srivatsavan, “Comparative
study of hardfacing of valve seat ring using MMAW process,”
Journal of Materials Processing Technology, vol. 207, pp. 356-
362, 10/16/ 2008.
[2] H.-H. Lai, C.-C. Hsieh, C.-M. Lin, and W. Wu, “Effect of oscil-
lating traverse welding on microstructure evolution and charac-
teristic of hypoeutectic hardfacing alloy,” Surface and Coatings
Technology, vol. 239, pp. 233-239, 1/25/ 2014.
[3] M. Kirchgaßner, E. Badisch, and F. Franek, “Behaviour of iron-
based hardfacing alloys under abrasion and impact,” Wear, vol.
265, pp. 772-779, 8/25/ 2008.
[4] M. F. Buchely, J. C. Gutierrez, L. M. León, and A. Toro, “The
effect of microstructure on abrasive wear of hardfacing alloys,”
Wear, vol. 259, pp. 52-61, 7// 2005.
[5] K. Yang, S. Yu, Y. Li, and C. Li, “Effect of carbonitride precip-
itates on the abrasive wear behaviour of hardfacing alloy,” Ap-
plied Surface Science, vol. 254, pp. 5023-5027, 6/15/ 2008.
[6] S. Chatterjee and T. K. Pal, “Weld procedural effect on the
performance of iron based hardfacing deposits on cast iron sub-
strate,” Journal of Materials Processing Technology, vol. 173,
pp. 61-69, 3/30/ 2006.
ISTRS | 66
Research Supplement : การศึกษาเปรยี บเทียบความแข็งและโครงสร้างของชั้นพอกแขง็ บนเหล็กกลา้ คารบ์ อน JIS-S50C โดยการเชอื่ มอารก์ ลวดหุ้มฟลกั ซ์
[7] M. JOVANOVIC, Gabriel RIHAR, W. Institute, S. Ljubljana, and J.
GRUM, “Analysis of Ultrasonic Indications in Lack of Fusion Occurring
in Welds,” ECNDT, p. 213, 2006.
[8] Winarto and D. Priadi, “Effect of Preheating and Buttering on
Cracking Susceptibility and Wear Resistance of Hardfaced HSLA Steel
Deposit,” QUARTERLY JOURNAL OF THE JAPAN WELDING SOCIETY,
vol. 31, pp. 202s-205s, 2013.
[9] Q. Wu, F. Lu, H. Cui, X. Liu, P. Wang, and X. Tang, “Role of butter
layer in low-cycle fatigue behavior of modified 9Cr and CrMoV dis-
similar rotor welded joint,” Materials & Design, vol. 59, pp. 165-175,
7// 2014.
[10] K. Schafer, B. Ruchte, and R. Pithadia, “Segregation, Banding, and
Inclusions in AISI 1050 Carbon Steel,” Materials Processing and De-
sign, pp. 430-440, 2010.
[11] Y. Kitagawa, K. Ikeuchi, T. Kuroda, Y. Matsushita, K. Suenaga, T.
Hidaka, and H. Takauchi, “Hydrogen embrittlement susceptibility
of microstructures formed in multipass weld metal for HT780 class
steel,” Journal of Materials Science, vol. 43, pp. 12-22, 2008/01/01
2008.
[12] R. Arabi Jeshvaghani, E. Harati, and M. Shamanian, “Effects of
surface alloying on microstructure and wear behavior of ductile iron
surface-modified with a nickel-based alloy using shielded metal arc
welding,” Materials & Design, vol. 32, pp. 1531-1536, 3// 2011.
[13] N. Yüksel and S.ahin, “Wear behavior–hardness–microstructure
relation of Fe–Cr–C and Fe–Cr–C–B based hardfacing alloys,” Materi-
als & Design, vol. 58, pp. 491-498, 6// 2014.
67 | ISTRS
[14] L. Fouilland, M. E. Mansori, and A. Massaq, “Friction-induced
work hardening of cobalt-base hardfacing deposits for hot forging
tools,” Journal of Materials Processing Technology, vol. 209, pp.
3366-3373, 4/1/ 2009.
[15] Y. Wu, Y. Cai, H. Wang, S. Shi, X. Hua, and Y. Wu, “Investigation
on microstructure and properties of dissimilar joint between SA553
and SUS304 made by laser welding with filler wire,” Materials & De-
sign, vol. 87, pp. 567-578, 12/15/ 2015.
[16] Y. C. Lin and K. Y. Chang, “Elucidating the microstructure and
erosive wear of ceramic powder alloying on AISI 1050 steel,” Surface
and Coatings Technology, vol. 207, pp. 493-502, 8/25/ 2012.
[17] J. J. Coronado, H. F. Caicedo, and A. L. Gómez, “The effects of
welding processes on abrasive wear resistance for hardfacing depos-
its,” Tribology International, vol. 42, pp. 745-749, 5// 2009.
ISTRS | 68
Miscellaneous
“ เปน็ คนเรยี นธรรมดา หวั ไมด่ ี ไมไ่ ดเ้ รยี นเกง่ แต่คิด
วา่ ที่มาถงึ ตรงนี้เพราะ ความพยายาม และมีครอบครัวของ
เธอ เป็นปจั จยั หลัก พอ่ และแม่ พยายามอยากให้เรยี นสูงๆ
กพ็ ยายามท�ำ ให้ดีท่สี ุด แมม่ อี าชีพเป็นแม่ค้า แตเ่ ป็นแรงผลัก
ดนั อนั ยิ่งใหญ่”
คุณ
ผู้หญงิ ท
69 | ISTRS
อัน สมศิริ พยคั ฆรักษ์
ท่ชี อบตวั เลข ไดด้ ีเรยี นจบจนได้เปน็ ดร. ทางดา้ นคณติ ศาสตร์
ภทั ธีรา ม้วนจ่ัน เรยี บเรยี ง
ISTRS | 70
Miscellaneous
อยากให้เล่าชวี ิตในวัยเด็กและชีวิตในวยั ชีวิตทันทีต้ังใจเรียนหนังสือทุกวิชาโดย
เรยี น ? เฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ทำ�คะแนนสอบ
ชอ่ื นางสาวสมศิริ พยัคฆรักษ์ ช่อื ได้ดีอย่เู สมอ คตพิ คตพิ จนป์ ระจำ�ใจของ
เล่น อัน มีพน่ี ้อง 4 คน มีพสี่ าว 1 คน พ่ี เธอ กค็ อื “ไม่มอี ะไรท่ลี งมอื ทำ�แล้วท�ำ ไม่
ชาย 2 คน เธอคือนอ้ งคนเลก็ สดุ เมอื่ เร่มิ ได”้ หลงั จากจบมัธยมปลายแลว้ ท�ำ ให้
เข้าเรยี นชน้ั อนุบาลก็รูส้ ึกว่า ชอบการบวก มงุ่ ม่นั ที่จะศึกษาตอ่ ในระดับปรญิ ญาตรี จึง
เลข เป็นชีวิตจติ ใจ บวกเลขเกิดความสนุก เลอื กเอน็ ทรานซ์ (Entrance) ในสาขา
ทำ�ใหอ้ ยากรู้ อยากคน้ หาค�ำ ตอบ ถา้ อนั ไหน คณิตศาสตร์ ดว้ ยความท่ชี อบคณิตศาสตร์
ท�ำ ไมไ่ ด้ ก็พยายามหาวิธที �ำ ฝกึ คดิ แกป้ ัญหา และมองว่าคณิตศาสตร์เป็นวิชาท่ีใช้เป็น
และด้วยค�ำ วา่ ชอบ “ตวั เลข” ในวันน้นั ได้ พ้นื ฐานในศาสตร์อน่ื ๆ ดว้ ยความต้ังใน
พาเธอมาถงึ เป้าหมายของชวี ิต คอื “การ ครงั้ นี้ ถงึ แม้ว่าเธอจะสอบเอน็ ทรานซ์(En-
เปน็ อาจารย์ ” และอีกแรงผลกั ดันในชวี ิตที่ trance) ไม่ติดในคณะท่หี วงั ไว้ ทำ�ใหร้ ู้สกึ
ส�ำ คญั ทสี่ ุดท่พี าเธอมาถงึ จดุ หมาย ก็คอื “ ผดิ หวัง แตไ่ ม่ทำ�ลายความมุง่ มั่นของเธอ จึง
แม่” แม่มีอาชีพเปน็ แมค่ ้าขายของ ตอน ตัดสินใจเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนที่มี
เป็นเด็กเห็นแม่เหนื่อยเลยบอกกับตัวเองว่า สาขาวชิ าคณติ ศาสตรซ์ ึ่งก็ คอื มหาวิทยาลยั
จะตง้ั ใจเรียนจะไม่ท�ำ ใหแ้ มผ่ ิดหวัง แม่เป็น หอการคา้ ไทย จนเรยี นจบในระดบั ปริญญา
บคุ คลทอ่ี นั รักมากทีส่ ุดในชวี ติ เพราะว่า ตรี
พอ่ ประสบอบุ ัตเิ หตุตง้ั แต่เธอยงั เดก็ แม่จึง การใชช้ วี ติ เมื่อมาอยมู่ หาวิทยาลยั
เปน็ คนเดยี วทท่ี ำ�งานส่งเธอและพ่ี ๆ ได้เรียน เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี ?
หนงั สอื กันทุกคน
หลังจากเรียนจบในระดับปรญิ ญาตรี จึง
เม่ือคน้ พบตัวเองวา่ เม่อื โตข้นึ อยาก ตัดสนิ ใจเรียนตอ่ ในระดับปริญญาโท สาขา
เป็นอาจารย์เธอจึงพุ่งเข้าสู่เป้าหมายของ
71 | ISTRS
คณติ ศาสตร์ประยุกต์ ท่มี หาวทิ ยาลยั ได้ทำ�กิจกรรมดๆี รว่ มกบั ร่นุ พี่ และรนุ่ น้อง
เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี ทีน่ เ่ี ป็น ของคณะฯ เป็นการสรา้ งมิตรภาพและเครือ
สถานท่ีบ่มเพาะพัฒนาความรู้ความสามารถ ขา่ ยทด่ี ตี ่อกนั ไมร่ จู้ บ
ของเธอได้เป็นอย่างดี เธอไดท้ �ำ วิทยานพิ นธ์ โดยในระหว่างเรียนได้ทำ�กิจกรรม
เก่ยี วกับการพยากรณอ์ ากาศ โดยใช้ หลายอย่าง เธอกล่าววา่ “กิจกรรมท่ที ำ�ใน
โปรแกรม Matlab มาชว่ ยในการสรา้ ง ระหวา่ งเรยี น ทำ�ให้มาถงึ เปา้ หมายได้เร็ว
แบบจำ�ลองทางคณิตศาสตร์ และต้องเขียน ข้ึน” ไม่ว่าจะเป็นกจิ กรรมค่ายอาสาพฒั นา
วิทยานพิ นธ์ เปน็ ภาษาอังกฤษ ทำ�ใหเ้ ธอ เป็น TA คณะศลิ ปศาสตร์ และการเป็น
ต้องฝึกฝนทางดา้ นการเขยี นโปรแกรม และ ตวิ เตอร์ วชิ าคณติ ศาสตร์ ใหก้ ับภาควชิ า
ทางดา้ นภาษาองั กฤษ เธอไดล้ งเรยี นภาษา คณิตศาสตร์ สอนนอ้ งๆ ในคณะฟรีๆ ทำ�ให้
อังกฤษเพ่ิมเติม ด้วยความพยายามและ มที กั ษะทางดา้ น การสอน และทักษะ
ฝึกฝนตัวเองในคร้ังนี้ทำ�ให้ได้ทุนทำ�วิจัย ทางดา้ นภาษา ตลอดจนและเรยี นรูว้ ิธีการ
วิทยานพิ นธใ์ นเรื่องดงั กลา่ ว เปน็ การแบ่ง สอนหนงั สือ รวมถงึ ศึกษาอปุ นสิ ัยใจคอของ
เบาภาระคนท่บี ้านและพยายามเรียนให้ดี เด็กนกั ศึกษาในยคุ ปจั จบุ นั มากขน้ึ เปน็ การ
ที่ สุ ด จ บ เ ป็ น ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม ท่ี ฝั น ไ ว้ ฝึกฝนตัวเองโดยไมร่ ตู้ วั เพราะวา่ รู้สึกวา่ มี
แ ล ะ ตั ด สิ น ใ จ ก ลั บ ไ ป ทำ � ง า น ที่ จั ง ห วั ด ความสขุ ในสิ่งท่ีท�ำ อยตู่ ลอดเวลา สิ่ง
สรุ าษฎรธ์ านเี ป็นระยะเวลา 5 ปี กอ่ น
ตัดสินใจเรียนต่อในระดับปริญญาเอก เหล่าน้ีกลับเป็นการสร้างพื้นฐานใน
ในระหว่างเรียนเธอได้ทุนเรียนระดับ ชีวิตโดยทเ่ี ราไมร่ ้ตู วั
ปริญญาเอก จากศูนย์ความเป็นเลศิ
ด้านคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ชวี ิตในการท�ำ งาน ?
มหดิ ล โดยในระหว่างเรียนมี ทั้งน้ีหลังจากเรียนจบในระดับ
เร่ืองราวประทับใจมากมาย
แต่ท่ีประทับใจมากสุดก็คือ ปริญญาโท ไดเ้ ดนิ ทางกลับ
อาจารย์ทป่ี รกึ ษา เพ่อื น มายังจังหวัดสุราษฎร์ธานี
แ ล ะ รุ่ น น้ อ ง ใ น ค ณ ะ มี เ พ่ื อ ดู แ ล แ ม่ แ ล ะ ไ ป
นำ้ � ใ จ ช่ ว ย เ ห ลื อ กั น ใ น สมัครงานเป็นอาจารย์
ทุกเร่อื ง และมคี วาม ท่ีมหาวิทยาลัยราชภัฏ
ป ร ะ ทั บ ใ จ ที่ มี ต่ อ ม สุราษฎร์ธานี ได้เป็น
ห า วิ ท ย า ลั ย แ ห่ ง น้ี ก็ คื อ อาจารย์ตามท่ีหวังไว้และ
มหาวิทยาลัยให้การสนับสนุนใน ยั ง ดำ � ร ง ตำ � แ ห น่ ง
การทำ�กิจกรรมอย่างทั่วถึงเธอ ประธานหลักสูตรสาขาวิชา
คณติ ศาสตร์ คณะครุศาสตร์
ม ห า วิ ท ย า ลั ย ร า ช ภั ฏ
ISTRS | 72
Miscellaneous กต็ อ้ งพฒั นาอย่างตอ่ เน่อื ง การพัฒนาความ
รูข้ องอาจารย์ จงึ เปน็ เรือ่ งสำ�คัญมาก
สุราษฎร์ธานี เป็นระยะเวลา 3 ปี หลงั จาก คณิตศาสตร์มีความสำ�คญั อย่างไร เรยี น
นัน้ เธอก็ไดเ้ ป็นด�ำ รงต�ำ แหน่ง รองคณบดี แล้ว จบมาจะเป็นอะไรได้บา้ ง ?
ฝา่ ยพัฒนานกั ศึกษา เป็นระยะเวลา 2 ปี คณิตศาสตร์มีความสำ�คัญท้ังใน
พอท�ำ งานครบ 5 ปี จึงตดั สนิ ใจลาศกึ ษา ปัจจุบันและในอนาคตสาขาคณิตศาสตร์ฯ
ในระดับปรญิ ญาเอก และดว้ ยความมุง่ ม่ัน จะไดร้ ับความนิยมมากข้ึน ท้ังนเ้ี พราะ
พยายาม ความอดทน ทำ�ใหเ้ รียนจบใน คณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานของวิทยาการ
ระดับปรัชญาดุษฎีบัณฑติ สาขาคณิตศาสตร์ ตา่ งๆ และเปน็ การฝึกความคิดใหม้ ีระบบ
ประยุกต์ และก�ำ ลงั จะรับปริญญาในเดือน พฒั นาสมองให้รจู้ ักคดิ อย่างเปน็ ระบบ และ
พฤศจกิ ายน 2559 ท่จี ะถึงนี้ นำ�เสนอผลการคิดอย่างมีลำ�ดับขั้นตอน
ตลอดจนน�ำ ไปใชใ้ นชีวิตประจ�ำ วนั ได้ ทั้งนี้
ผู้ที่เรียนจบมาทางด้านสาขาคณิตศาสตร์ฯ
ปัจจุบนั ท�ำ งานในต�ำ แหน่ง อาจารย์ สามารถประกอบอาชีพได้หลากหลายสาขา
ประจำ�หลกั สูตรสาขาวิชาคณติ ศาสตร์ คณะ เชน่ ครู/อาจารย์ นกั คณติ ศาสตร์ การท�ำ
ครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสรุ าษฎรธ์ านี ธุรกิจประกันภยั นกั เขียนโปรแกรม เจ้า
ทำ�หนา้ ทส่ี อนวชิ าคณติ ศาสตร์ และในการ หน้าทบ่ี รหิ ารฐานขอ้ มูล พนกั งานธนาคาร
ท�ำ งานเป็นอาจารย์ นัน้ ต้องมีภาระงานอน่ื ๆ นักวิชาการ นักวิจัย และ นกั คณิตศาสตร์
นอกจากงานสอนหลายประการ ทำ�ใหร้ จู้ ัก และสถติ ิในธุรกจิ และอุตสาหกรรม ซ่งึ ใน
แบง่ ภาระเวลาการท�ำ งานใหเ้ หมาะสม เพอ่ื การพัฒนาประเทศก็ต้องอาศัยความรู้ทาง
ใหง้ านเสรจ็ ทนั ตามเวลาท่กี ำ�หนด ส�ำ หรับ ดา้ นนีเ้ กีย่ วข้องทงั้ สิน้
ปัญหาในเร่ืองการเรียนการสอนการสอน
ชว่ งแรกๆ ก็มีบ้างทเี่ ตรยี มการสอนไม่ทัน
จึงท�ำ ให้การสอนสะดดุ ไปบ้าง แตจ่ ะมีวิธี
การแกป้ ญั หา โดยแบ่งเวลามาเตรยี มการ
สอน และศึกษาข้อมลู วิทยาการใหมๆ่ เพม่ิ
เติม เพอ่ื มาใชใ้ นการสอน การพัฒนาตนเอง
73 | ISTRS
สง่ิ ทอี่ ยากฝากถงึ นักศกึ ษาในปัจจุบนั ? 3.อยา่ เรียนอยา่ งเดยี ว ควรท�ำ
กิจกรรมระหวา่ งเรียน การท�ำ กิจกรรม
1.การเรยี นในสาขาคณิตศาสตร์ หาก เปน็ การฝกึ ตัวเราอย่างหนึ่ง
นกั ศกึ ษาถ้าไม่เกง่ คณติ ศาสตร์ สามารถมา
เรียนสาขานี้ได้ เพียงแต่ใหม้ ีความตั้งใจ 4.หากเรยี นแล้วทอ้ อย่าล้มเลิกอะไรงา่ ย
และมงุ่ ม่นั ไม่เกง่ เลขก็ สามารถเรยี นได้ดี ตอ้ งพยายาม และอดทน มุง่ มน่ั และขยัน
คณิตศาสตร์ไมง่ า่ ย แต่กไ็ มย่ ากเกินความ ไม่หยุดศกึ ษาหาความรู้ ไม่เก่งทางด้านไหน
สามารถของเรา ตอ้ งหาความรูเ้ พ่มิ เติม
2.ตอ้ งรจู้ กั ค้นหาตัวเองว่า ตัวเองชอบอะไร 5.ต้องรู้จักแบง่ ปันความรู้ใหก้ ับผู้อน่ื มคี วาม
อยากท�ำ สิ่งไหน ค้นหาเป้าหมายได้เรว็ จะ รูอ้ ยา่ เก็บไว้ตัวอย่างเดยี ว
ทำ�ให้ประสบความส�ำ เร็จ ลองทำ�กจิ กรรม
หลากหลายรูปแบบ
ISTRS | 74
Miscellaneous
ในวันน้บี ทบาทของเธอนอกเหนือจาก หากไมม่ ีแม่ ผู้เปน็ แรงบันดาลใจท่สี �ำ คัญ
ท�ำ งานเป็นอาจารยแ์ ลว้ เธอยังท�ำ กจิ กรรม แม่เรยี นมาไมส่ ูง แตท่ �ำ ใหช้ ีวิตเธอ มาไกล
เพื่อสังคมด้วยการจัดค่ายคณิตศาสตร์ ถึงจดุ น้ไี ด้ แมจ่ งึ เปน็ คอื ผสู้ ร้างชีวิตของ
เพ่ือพัฒนาความรู้ความสามารถให้กับ เธอ แม่จึงบุคคลทีป่ ระสบความสำ�เรจ็ ทแ่ี ท้
ครู และนกั เรียนให้กับโรงเรียนในจังหวดั จริงท่ีท�ำ ให้ลกู ไดม้ วี นั ดๆี และตัวเธอเองใน
สรุ าษฎรธ์ านีทหี่ ่างไกล ชวี ิตของเธอไม่ได้ วันน้ีจะพัฒนาความรู้ความสามารถในด้าน
ก้าวมาถึงจดุ หมายอยา่ งง่ายดาย แตท่ ีม่ ีวนั คณิตศาสตร์ให้มากขึ้นเพ่ือจะพัฒนาลูกศิษย์
น้ี ต้องอาศัย ความอดทน ความขยนั ความ ที่เป็นอนาคตของชาติตอ่ ไปในอนาคต
ตง้ั ใจ ความมุ่งมนั่ ไมย่ ้อท้อตอ่ ปญั หา ทกุ
อยา่ งทมี่ ีเข้ามาในชวี ิต คือการฝ่าฟันใหถ้ ึง นักศกึ ษาผ้รู ว่ มพฒั นาวารสาร นายณัฐดนัย คุณกมทุ 55080500441
เปา้ หมายที่วางไว้ ไม่มอี ะไรท่ีเราไดม้ าอย่าง ฉบับท่ี 2 นายนนทณากรณ์ เทพสา 55080500451
ง่าย ๆ เธอบอกว่า “ไม่มอี ะไรท่เี ราทำ�ไม่ ภาควิชาเทคโนโลยแี ละส่อื สารการศกึ ษา
ได้ ถา้ ไมล่ งมือท�ำ ” คอื บทสรปุ ของผ้หู ญิง
ที่มชี อ่ื วา่ สมศริ ิ พยคั ฆรกั ษ์ ปจั จบุ ันอายุ
33 ปี เธอม่งุ มน่ั จะทำ�หน้าทข่ี องตวั เองให้
ท่ีสดุ และยงั คงเปน็ ท่รี ักของ นักศึกษาทุก
ๆ ทา่ นเมอื่ ไดม้ าเรยี นกบั อาจารย์ท่ีนา่ รกั คน
น้ี และส่งิ เหลา่ น้ีจะเกดิ ข้ึนไมไ่ ดเ้ ลย
75 | ISTRS
I
S
T
R
S @KMUTT