The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

X06-20-ลังกาวตารสูตร ท่านพุทธทาสภิกขุ 2561-12-22 Print

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Vorawat Suthon, 2021-10-06 07:45:00

X06-20-ลังกาวตารสูตร ท่านพุทธทาสภิกขุ 2561-12-22 Print

X06-20-ลังกาวตารสูตร ท่านพุทธทาสภิกขุ 2561-12-22 Print

ลั ง ก า ว ต า ร สู ต ร
ห นั ง สื อ รŒ อ ง ทุ ก ข ข อ ง สั ต ว เ ด รั จ ฉ า น

คํานาํ

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ทรงเปยมลนไปดวยพระมหาเมตตากรุณาธิคุณ ตอเวไนยสัตวท่ัวไป แตละ
ชีวิตมีคายิ่งนัก สัตวโลกทั้งหลายมีความรักตัวกลัวตาย เกลียดความทุกข รักความสุข ไมยอมใหผูอ่ืนใดมารังแก
ขมเหง ถาแมนวาผูอื่นใดมารังแกขมเหง มันก็จะตอสูอยางสุดความสามารถทีเดียว อันความสํานึกเชนน้ีนั้น อยู
ในสํานึกของสามัญสัตวท่ัวไป ดังน้ัน พระพุทธองคจึงไดทรงบัญญัติสิกขาขอปาณาไว เพ่ือคุมครองความสวัสดิ
ภาพแหง ชวี ิตทั้งมวล จะดวยตนเองฆาก็ดี จะดว ยเสยี้ มสอนใหผ อู ่นื ฆากด็ ี จะดว ยเหน็ ดเี ห็นชอบในการฆากด็ ี ท้ัง
สามขอน้ีเปนการกระทําท่ีละเมิดผิดตอพุทธสิกขาบัญญัติ ฉะน้ัน ทานผูเจริญท้ังหลายควรละเวนพฤติกรรม
เหลา นีเ้ สีย

หวังวาหนังสือเลมน้ี จะมีสวนชวยเปดความเมตตาที่ปดตายมานาน หากทานไมเจริญเมตตาจิต ไมมี
ความรูสึกเห็นอกเหน็ ใจ แลว จะเรยี กรองขอความเห็นใจจากใครได

สารบัญ เนือ้ หา

ลังกาวตารสูตร ทา นพุทธทาสภกิ ขุ

ขอ คดิ พิจารณาธรรม ทานพุทธทาสภกิ ขุ

ความเจบ็ ปวดของสัตว โดย ลอ่ี ีเ้ จง

หนงั สือรองทกุ ขข องสัตวเดรัจฉาน

สารจากยมบาล

ภาพแหงความเมตตา

บทกลอนเตอื นใหก นิ เจ

คาํ เตือนจากพระอนิ ทร

พระสัมมาสัมพุทธเจา ทรงตรัสพระสูตรน้ีไวท่ีเกาะลังกา เพื่อท่ีจะโปรดคนใหไดสติสํานึกรูถึงเวรภัยแหง
การฆาฟน และเบียดเบียนชีวิตเลือดเน้ือซึ่งกันและกัน ทานอริยะครูหลายๆ ยุค ทานกลาววา ถาใครอานพระ
สูตรนี้ครบ ๑๐ จบ แลวจิตใจไมเ ศราสลด ยังแข็งกระดางอยู ใจยังไมออนลงแลว บุคคลน้ัน ชาติหนาจะมีหวังที่
จะเกดิ เปนมนุษยอ กี หรอื ?

กรรมผูกมัดกายเน้ือ ดึงดูดวิญญาณธรรมชาติแหงจิต หรือกรรมรวมบังคับตัวไวแลว ลังกาวตารสูตรเปน
พระคัมภีรหลักของพุทธศาสนาฝายมหายาน เปนหนึ่งในเกาคัมภีร ซึ่งเปนคัมภีรสําคัญท่ีเรียกวา “สูตร” สูตร
หนึ่งน้ันมใิ ชส ้นั ๆ เชน ทีเ่ ราเขาใจกนั แตเ ปน หนังสอื เลม ขนาดใหญหรอื คมั ภรี หน่งึ นัน่ เอง ลงั กาวตารสตู รพมิ พข้ึน
เปนภาษาสันสกฤต เม่ือ ค.ศ.๑๗๒๒ โดยทาน Bunyin Nangio. M.A. (oxon) D. Litt. Kvoto. สูตรน้ีแปลเปน
ภาษาจีนคร้ังแรก เม่ือค.ศ.๔๓๓ โดยทานคุณภัทรแหงอินเดีย คร้ังที่สองเมื่อ ค.ศ.๕๑๓ โดยทานโพธิรุจิแหง

1

อินเดีย และครั้งท่ีสามเมื่อ ค.ศ.๗๐๐ โดยทานศึกษานันทะแหงอินเดียเชนกัน เปนสูตรที่วาดวยศึกษาดวย
ศลี ธรรมลวนๆ

ภาคที่แปดแหงลังกาวตารสูตรน้ี กลาวถึงเร่ืองการกินเน้ือสัตวโดยเฉพาะ เรียกวา ภาคมางสภักษนป
ริวรรต จากขอความในภาคน้ี ยอมเปนการพิสูจนไวอยางเตม็ ที่วา สาวกในพระพุทธศาสนาจะเปน บรรพชิตหรือ
ฆราวาสก็ตาม จะไมรับประทานเนอื้ ปลาหรอื เน้ือสตั ว ชนดิ ใดชนดิ หนงึ่ เลย

ตอไปนี้เปนขอความบางตอน ซ่ึงตัดตอนมาจากขอความในภาคนั้นๆ โดยเห็นวาพวกเราแมเปนฝายเถร
วาท (หนิ ยาน) กค็ วรไดอ านฟงกันไวบ า งเปนการประกอบการศึกษาเรอ่ื งนี้ ดวยใจอนั เปน อิสระ

ขอความในพระสูตรนั้นมีดังนี้ :- พระตถาคตเจา ผูทรงอรหันตไดตรัสรูอยางดีถวนแลว และไดตรัสความ
เปนกุศลหรืออกุศลแหงการบริโภคเนื้อสัตวแกเรา เพ่ือวาเราและสาวกอ่ืนๆ ในพระพุทธศาสนา ท้ังในปจจุบัน
และอนาคต จะไดประกาศสัจธรรมอันนี้แกเขาเหลาน้ัน ผูบริโภคเนื้อสัตวเพ่ือเปนการทําลายความอยากใน
เนื้อสัตวข องเขาเหลา น้ันเสยี

พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสวา :- โอ...มหาบัณฑิต! ดวยน้ําหนักแหงเหตุผลอันมากมายเหลือจะประมาณ
บงแสดงวาเนื้อสัตวทุกชนิดเปนส่ิงท่ีควรปฏิเสธ โดยสาวกแหงพระพุทธศาสนา ผูมีใจเปยมดวยความกรุณา
สาํ หรับเขาเหลาน้ัน เราจักกลา วแตโ ดยยอๆ ดังน.้ี ..

โอ...มหาบณั ฑิต! ในวฏั ฏสงสารอันไมมีใครทราบที่สุดในเบื้องตนน้ี สตั วผมู ีชีพไดพากันทองเท่ียวไปในการ
วายเวียนตายเกิด ไมมีสัตวแมแตตัวเดียวที่ในบางสมัยไมเคยเปนแมพอ พ่ีนองชาย พี่นองหญิง ลูกชายลูกหญิง
หรือเครือญาติอยางอื่นๆ แกกัน สัตวตัวเดียวกันยอมถือปฏิสนธิในภพตางๆ เปนกวางหรือสัตวสองเทา สัตวส่ี
เทาอ่ืนๆ หรือเปนนก ฯลฯ ซ่ึงยังนับไดวาเปนเครือญาติของเราโดยตรง สาวกแหงพระพุทธศาสนา จะทําลงไป
ไดอยางไรหนอ จัดเปนผูสําเร็จแลวหรือยัง? เปนสาวกธรรมดาอยูก็ตาม ผูเห็นอยูวาสัตวเหลาน้ีท้ังหมดเปน
ภราดร*1 ของตนแลว จะเชือดเน้อื เถอื หนังของมนั อีกหรือ?

*1 ภราดร คอื พช่ี าย นอ งชาย ภราดรภาพ คือ ความเปน ฉันพี่นอ งกัน

โอ...มหาบัณฑิต! เนื้อสุนัข เนื้อลา อูฐ มา โค และเน้ือมนุษย ฯลฯ เหลาน้ีเปนเน้ือท่ีผูคนไมรับประทาน
แมกระนั้นเนื้อของสัตวเหลานี้ถูกนํามาปลอมขาย ในนามของเนื้อแกะ ฯลฯ เพราะเห็นแกเงิน ดวยเหตุนี้
เนื้อสัตวจ งึ เปนสิง่ ที่ไมค วรกนิ โดยสาวกแหงพระพุทธศาสนา

โอ...มหาบัณฑิต! เพราะวาเน้ือยอมเกิดมาจากเลือดและนํ้าอสุจิ เพราะฉะนั้นมันจึงเปนสิ่งไมควรบริโภค
สําหรับสาวกแหงพระพุทธศาสนาผูประสงคตอธรรมอันบริสุทธิ์ และเปนการสรางความหวาดกลัวใหเกิดข้ึนใน
ระหวา งกนั และกัน

โอ...มหาบัณฑิต! เพราะฉะนั้นเนื้อจึงเปนของที่ไมควรบริโภค โดยบรรพชิตแหงพระพุทธศาสนา ผู
ประสงคเพื่อนมิตรภาพในสัตวดวยกันถวนหนา ตัวอยางอันประจักษ เชน เม่ือสัตวไดเห็นนายพรานปา
ชาวประมงหรือนักกินเน้ืออ่ืนๆ เดินมาแมในระยะอันไกล สัตวทั้งหลายก็สะดุงกลัวเสียแลว บางครั้งสัตวบาง
ชนิดก็ขาดใจตายเพราะความกลัว เน่ืองจากมันรูดีวาเขาจะฆามัน ทํานองเดียวกันกับสัตวตัวนอยอ่ืนๆ ใน
ทองฟา บนบก หรือในน้ําก็ตาม เมื่อไดเห็นนักกินเนื้อแตท่ีไกลหรือไดกล่ิน ดวยจมูกอันไวของมันก็จะพากันว่ิง

2

หนีไปไกล พรอมกับความรูสึกอยูในใจวา เขาเหลานั้นเปนผี ยักษ อสุรกาย*2 ผูลางผลาญ นั่นเปนเพราะความ
กลัวตอความตายของมัน เนื้อเปนส่ิงที่ควรกินสําหรับผูใจดําอํามหิต เปนส่ิงที่มีกลิ่นอันนารังเกียจ เปนตนเหตุ
แหง ความเสื่อมเสยี และเปนสิง่ ท่จี ะถกู หามกันโดยสตั บุรษุ

*2 อสุรกาย คอื สัตวท ่ีเกิดในอบายภูมพิ วกหน่ึง คลา ยเปรต

โอ...มหาบัณฑิต! เนื้อน้ีเปนของไมควรบริโภคโดยพุทธสาวก โอ...มหาบัณฑิต! สัตบุรุษยอมบริโภคแต
อาหารที่สมควรแดทานผูบริสุทธิ์ ไมยอมบริโภคเนื้อและเลือด เพราะฉะนั้น... ควรที่สาวกแหงพระพุทธศาสนา
จะตองไมบริโภคเนื้อสัตวเลย พระพุทธเจา ผูซ่ึงเยือกเย็นไปดวยพระมหากรุณา มีพระทัยเปยมลนไปดวยความ
เปนท่ีพ่ึง ที่ปองกันแกดวงใจของปวงสัตวนอยใหญ และมีพระสัมปชัญญะ*3 สมบูรณ พอที่จะไมปลอยใหเปน
โอกาสสาํ หรบั ความเสื่อมเสยี ระบาดขนึ้ ไดเลยน้ัน ยอมจะทรงบัญญัติเนือ้ สัตววาเปน สิ่งไมค วรบริโภค

*3 สมั ปชญั ญะ คอื ความรูตัวอยูเ สมอ ความไมเ ผลอตวั

โอ...มหาบัณฑิต! ในโลกน้มี คี นอันมาก ซึ่งกลาวคําเท็จเทียมตอพระพุทธดํารัส ใหผิดไปจากความจริง เขา
กลาวกันวา บรรดาผูซึง่ คัดคานอาหารอันสมควรแดท านผูบริสุทธิ์ แหง สมัยบรรพกาลนั้น ก็กนิ อาหารเหมือนนัก
กินเน้ือเชนนี้แลว พวกเขายอมเที่ยวสรางความทุกขความเจ็บปวดใหแกสัตวนอยใหญ ท่ีมีชีวิตอยูในอากาศ บน
บก และในนํ้า พวกเขารบกวนรังควานมันอยูเสมอ สมณภาพ*4 ของเขาถูกทําลายเสียยอยยับแลว พราหมณ
ภาพของเขาถูกทําใหเศราหมองเสียแลว เขามิไดประกอบดวยศรัทธาและสมาจาร*5 คนชนิดน้ีแหละที่กลาวคํา
เท็จเทยี มมากมายหลายชนดิ แกพ ระพทุ ธวจนะ

*4 สมณภาพ คอื ภาวะผสู งบกิเลสแลว

*5 สมาจาร คอื ความประพฤตทิ ีด่ ี ธรรมเนียม ประเพณี

โอ...มหาบัณฑิต! มีกล่ินท่ีนารังเกียจไมนาบริโภคอยูในเน้ือสัตว เชนเดียวกันกับกล่ินแหงศพ แมเหตุผล
เพยี งเทา น้ี เน้อื สตั วก็เปนส่ิงของไมควรบริโภค สาํ หรบั พทุ ธศาสนกิ ชนอยแู ลว ถา หากวาศพถูกเผา และเนือ้ สตั ว
อยา งใดอยา งหน่ึงถูกเผา มันก็จะมกี ล่ินอนั นารงั เกียจไมแ ตกตางอะไรกนั เลย

ดังน้ัน บรรพชิตในพระพุทธศาสนาผูหวังความบริสุทธ์ิจะไมบริโภคเน้ือใดๆ เลย เพราะวามันเปนสิ่งที่ถูก
รังเกียจกันแลว สําหรับทานผูบริสุทธิ์และสาวกของทาน ในกรณีท่ีจะพยายามเพื่อโมกษะและความตรัสรู
เพราะฉะน้ันสาวกผูเดินตามทางอันสูงย่ิงนี้ ทั้งครอบครัวลูกหญิงชายยอมอยูอยางเต็มใจ วามันเปนสิ่งท่ีถูก
รงั เกยี จกันในทกุ ๆ กรณีที่พยายามเพ่อื สมาธิ

โอ...มหาบัณฑิต! เพราะฉะนั้น เน้ือทุกชนิดเปนสิ่งที่ไมควรบริโภคสําหรับพุทธศาสนิกชน ซ่ึงเปนผูท่ี
ปรารถนาจะมีสาธุคุณในทางจิตท้ังเพ่ือตนเองและผูอ่ืน นักกินเน้ือยอมเปนเหย่ือแหงโรคหลายชนิด เชน โรค
ไสเ ดือน โรคพยาธิ โรคเรือ้ น โรคเจบ็ ในทอง ฯลฯ

โอ...มหาบัณฑิต! เรากําลังประกาศวาการกินเนื้อสัตว เปนการกินเน้ือบุตรของตนเองอยู ดังนี้แลว จะ
กลาวไปอยางไรไดที่เราจะบัญญัติใหสาวกของเรากินเนื้อสัตว ซึ่งเปนของจัดไวตอนรับของพวกคนใจอํามหิต
เปนของควรหามโดยทานสัตบุรุษทั่วไป เต็มไปดวยมลทินปราศจากคุณใดๆ ไมเหมาะท่ีจะบริโภคสําหรับผู
บริสทุ ธิ์ และเปน ของควรหา มเดด็ ขาดโดยประการท้ังปวง

3

โอ...มหาบัณฑิต! เราไดบัญญัติไวแลววา สําหรับอาหารอันสมควร ซ่ึงไดกําหนดนิยมกันมาแลว โดย
บรรดาทานบริสุทธิ์แหงสมัยบรรพกาลไดแ ก อาหารท่ีปรุงขึ้นจากขาว ลูกเดือยขาว สาลี สารแหงหญามุญชะ*6
อูรทะและมสรุ นมสม น้ํานม นํ้าตาลสด น้ําตาลกรวด ฯลฯ

*6 มุญชะ คือ พชื จาํ พวกหาู ปลอ ง

โอ...มหาบัณฑิต! ในกาลกอนมีพระราชาครองราชยสมบัติอยางผาสุก พระองคหนึ่งนามวา ราชาสิงหะ
เสาทโส ตอมาไดกลายเปนผูละโมบในการบริโภคเน้ือ จนในที่สุดถึงกับใชเน้ือคนเปนอาหาร เนื่องจากความ
อยากเปนไปแกกลาหนักเขา เพราะเหตุน้ีพระองคจึงถูกปลดออกจากความเปนพระราชา โดยพระสหาย
เสนาบดีและพระประยูรญาติของพระองคเอง พรอมท้ังคนอ่ืนๆ จนกระท่ังตองสละราชสมบัติ และถูกเนรเทศ
ออกไปจากแควนของพระองค โดยประชาชนตองรบั ทกุ ขท รมานอนั ใหญห ลวง เน่อื งจากเนือ้ สัตวเปนเหตุ

โอ...มหาบณั ฑิต! กใ็ นปจ จุบนั ชาตินเี้ องเขาเหลาน้ัน ซึ่งเคยชนิ กบั การกินเน้ือสัตวใ นมาตรฐานนี้ เมอ่ื ความ
อยากเปนไปรุนแรงเขาก็กินเน้ือคนได ยอมเปนผูละโมบในการกินและเปนเหมือนยักษ ปศาจราย ครั้นถึง
อนาคตกาลเพราะอํานาจจิตติดฝงแนนในการอยากกินเน้ือสัตว เขายอมตกไปสูกําเนิดแหงสัตวท่ีกินเนื้อเปน
อาหาร เชน สิงโต เสือ จระเข สนุ ัขจงิ้ จอก แมว นกเคา แมว ฯลฯ

โอ...มหาบัณฑิต! มิใชเพราะเน้ือจะเปนของตองกินหรือการฆาเปนของตองทําก็หามิได ในกรณีน้ันๆ
สวนมากท้ังหมดเปนเพราะการเห็นแกเงินจึงฆาสัตวที่มีชีวิต ถึงแมจะเปนสัตวเชื่องและปราศจากอันตรายแต
อยา งใดก็ถกู ฆา การฆา เพราะเหตุอ่ืนนั้นมีนอยทส่ี ุด มนั เปนการทรมานเขามาก ในเมื่อใจเต็มไปดวยความอยาก
กินเน้ืออยางแรงกลา คนก็กินเน้ือคนไดอยูเสมอจะตองกลาวไปทําไมกับเน้ือสัตว เน้ือนก ฯลฯ โดยสวนมาก ก็
เน่อื งจากความโงเขลาเขาใจผดิ มนุษยจ งึ ไดรบั กรรมเกิดความกระวนกระวาย โดยความอยากในเนอ้ื สัตว คนฆา
นก ฆาแกะ และปลา โดยใชขายหรือเครื่องกลการฆามันเหลานั้น ซึ่งเปนสัตวที่เช่ืองและหาอันตรายมิได น่ันก็
เพื่อหวังจะใหไ ดเ งิน

โอ...มหาบัณฑติ ! กรณีแหง อาหารท่ีเราไดบญั ญัติแกสาวกนั้น มใิ ชเน้อื สตั วชนิดใดชนิดหนง่ึ เลยซึ่งเปนของ
ควรกิน สตั วซี่งเปนของไมควรกิน ไมเ ปน เหตุควรถูกกนิ ไมใ ชส งิ่ ทค่ี วรสมมุติวาควรกิน ในอนาคตกาลสงฆสาวก
ของเราจะเกิดมีคนบางคน ซึ่งกําลังสมาทานขอปฏิบัติแหงบรรพชิตและกําลังปฏิญาณตนเปนศากยบุตร กําลัง
ครองผากาสาวพัตรสีแดงหมน จะเปนผูมัวเมาและประกอบตนคลุกเคลา อยูในความเพลิดเพลิน เขาจะมีจิตท่ี
เต็มไปดวยความปรารถนาลามกบญั ญตั ิขอปฏิบตั ทิ ีผ่ ดิ แบบแผนขึน้ ใหม เขาเหลานั้นเปน ผอู ยากเสพเพราะติดรส
และจะเรียบเรียงพระคัมภีรใหมีขอความเท็จ อันจะเปนเคร่ืองยืนยัน และโตแยงอยางพอเพียงสําหรับการกิน
เนื้อสตั วก ัน เขาจะบญั ญตั ิส่งิ ทีต่ ถาคตมไิ ดบ ญั ญัตไิ ว เขาจะกลาวขอความที่สง เสริมการกนิ เน้ือสัตว เขาจะกลาว
วาเราตถาคตไดบัญญัติไวในเร่ืองน้ี และวา เราตถาคตนับมันเขาไวในสิง่ ทั้งหลายที่ควรกิน และวาพระภควันต*7
กไ็ ดทรงเสวยเนอ้ื สัตวโดยพระองคเ อง

*7 ภควันต... ภควา... ภควาน... ภควตั นามพระผเู ปนเจา

แต โอ...มหาบณั ฑิต! เรามิไดเ คยบัญญตั เิ น้ือสตั วไวในสูตรใดๆ หรอื กลา ววา มันเปนของควรกนิ หรือนับมัน
เขาในประเภทของดีที่ควรกิน โอ...มหาบัณฑิต! อริยสาวกท้ังหลายไมบริโภคแมแตสิ่งที่คนธรรมดาชอบกินนิยม

4

กันวา ดี เขาเหลา น้นั จะมาบรโิ ภคเนื้อและเลือดซึง่ เปนของควรปฏิเสธไดอยา งไรเลา ? เหลา สาวกของตถาคตเปน
ผูเ ดนิ ตามแนวสจั ธรรม คนผูมีปญญาเปนเคร่ืองคิดคนของตนเอง และบรรดาพทุ ธศาสนิกชนทั้งหลายอืน่ ๆ (แหง
พระพุทธเจา องคอืน่ ๆ) กเ็ ปน เชนเดยี วกัน เขาเหลา นั้นมใิ ชผูกนิ เนื้อสัตว พระตถาคตเจาท้งั หลายในกาลกอ นๆ

ขอŒ คดิ พจิ ารณาธรรม โดยท‹านพุทธทาสภกิ ขุ

ก็เปนด่ังนี้ พระตถาคตเจาทั้งหลายมีสัจธรรมเปนพระกายของพระองค ทรงดํารงพระชนมชีพอยูดวยสัจ
ธรรมไมทรงดํารงกายดวยเน้ือสัตว ทานเหลาน้ันไมเคยเสวยเนื้อสัตว พระองคทรงเพิกถอนความอยากในโลกีย
วัตถุไดท้ังหมดแลว ทานเหลานั้นปราศจากมลจิตอันเปนมูลแหงความทุกข ทานเต็มเปยมไปดวยปรีชาญาณอัน
ไมของขัด ในอันจะหย่ังทราบสิ่งซึง่ เปนกุศลและอกุศล ทรงทราบส่ิงท้ังปวงเห็นแจงส่ิงท้ังปวง พระองคทรงมอง
ไปที่สรรพสัตว คลายกับบุตรของพระองคเองทรงกอปรดวยมหาเมตตา มหากรุณา โดยทํานองเดียวกัน เรา
ตถาคตเห็น สรรพสัตวเชนเดียวกับบุตรของเราเอง เราจะบัญญัติใหสาวกของเรา บริโภคเนื้อลูกของเราได
อยา งไรเลา และเราเอง ก็จะบริโภคมันไดอยา งไรเลา มนั ไมมีขอควรสงสยั เลย ในเรอ่ื งทีว่ าเราไดบัญญตั ใิ หสาวก
บริโภคหรอื เราไดบ ริโภคมันโดยตนเองหรอื ไม?

(ในทส่ี ุด ไดตรสั คําทีผ่ ูกเขาเปนคาถา ซ่งึ จะยกมาในทน่ี ้ีแตบางคาถา มีใจความวา )

โอ...มหาบัณฑติ ! พระชนิ วรไดตรสั ไวแ ลววา สุรา เนอื้ และหอม กระเทยี ม เปนส่ิงทีพ่ ทุ ธศาสนิกชนไมควร
บริโภค บรรพชิตควรเวนเสมอจากเนื้อสัตว หัวหอม กระเทียม และนานาประภทแหง เครื่องด่มื อันมึนเมา เขาผู
ฆาสตั วชนิดใดๆ ก็ตามเพ่อื เงนิ และเขาผูซึ่งจา ยเงินเพื่อซ้ือเน้อื น้ัน ทง้ั สองพวกไดช อ่ื วา เปนผปู ระกอบอกศุ ลธรรม
และจกั จมลงสูโรรวุ ะนรกและนรกอืน่ ๆ

เราบญั ญัตหิ า มกินเนอ้ื สัตวไวใ นขอความแหงคัมภีร เหลานี้ คอื ๑.หัสติกักสยะ ๒. มหาเมฆะ ๓.นิรวาณาง
คลีมาลิกา ๔.ลังกาวตารสูตร ฉันเดียวกันกับท่ีความถูกพันธนาการเปนขาศึกของความหลุดพนเปนอิสรภาพ
เนื้อสัตว สุรา ฯลฯ ก็เปนขาศึกของนิรวาณ (นิพพาน) ฉันนั้น ดังน้ัน เนื้อสัตวซ่ีงเปนของดูนากลัวแกสรรพสัตว
และเปน อุปสรรคแกก ารปฏิบตั เิ พอื่ วิมุตติ จงึ เปน ของไมค วรกินน่คี ือธงชัยแหงอารยชน

ทําไมเราจึงไมควรกินเน้ือสัตว? เพราะเปนการปฏิบัติเพื่อยึดเอาประโยชนท้ังฝายโลกและฝายธรรม การ
ไมก ินเนอ้ื สตั วเ ปน ทางกา วหนา ของสัมมาปฏิบัติอยา งหนึ่ง ซึง่ ไดผ ลมากโดยลงทนุ ทางวัตถุนอ ยทีส่ ดุ แตใหผลมาก
ทางใจ ประโยชนทางฝา ยธรรม

ขอท่ี ๑ เปนการเลี้ยงงายยิ่งขึ้น เพราะพวกพืชผักเปนของหางายในหมูคนยากจนเข็ญใจ ซ่ึงมีการปรุง
อาหารดวยผักเปนพ้ืน นักกินผักยอมไมมีเวลาไปกระวนกระวาย เพราะอาหารไมคอยจะถูกปากถูกลิ้นนักเลย
ในขณะที่นักกินเนื้อมักตองเลียบๆ เคียงๆ เพ่ือใหไดมาซ่ึงภัตตาหารเน้ือบอยๆ ญาติโยมเสียไมไดในทาทีก็
พยายามหามาถวาย (ขอคิดพจิ ารณาธรรมทา นพุทธทาสภิกขุ แหง สวนโมกข จังหวัดสรุ าษฎรธานี)

ศรัทธาญาติโยมท่ีมีใจเปนกลาง เคยปรารภกับขาพเจาหลายตอหลายคร้ังวา เขาสามารถจะเล้ียงพระได
ถึง ๕๐ รูป โดยไมรูสึกลําบากอะไรเลย หากเปน อาหารที่ไมเ กย่ี วกับเนือ้ กบั ปลา แตที่ผา นมาตองฝนใจทําเปนไม
รูไมช้ีอยางมากๆ ไมใชวาจะคิดวา เนื้อมีราคาแพงกวาผัก แตเปนเพราะรูวาสัตวถูกฆาตาย เพื่อการทําบุญเลี้ยง
พระของเรา มีอีกหลายคน ที่ทีแรกคานวาการทําอาหารมังสวิรัติวุนวายลําบาก แตเม่ือไดทดลองทําไป ๒-๓

5

ครั้ง กลับสารภาพวาเปนการงายเสียยิ่งกวางาย เพราะบางคราวไมตองไปตดิ ไฟเลยก็มี ตัณหาของนักกินผกั กบั
กินเน้ือมีความแตกตางกันอยางไร จะกลาวในขอหลัง เฉพาะขอน้ีขอจงทราบไววา “คนกินเนื้อสัตว เพราะแพ
รสตณั หา กนิ เพราะตัณหา ไมใชเพราะเลี้ยงงาย”

ขอที่ ๒. เปนการฝกในสวน “สัจธรรม” คนเราหางไกลจากความพนทุกขก็เพราะมีนิสัยเหลวไหลตอ
ตัวเอง สัจจะในการกินผักนั้น เปนแบบฝกหัดที่นาเพลินบริสุทธิ์ ไดผลสูงเกินกวาท่ีคนไมเคยทดลองจะคาดถึง
พืชผักเปนอาหารท่ีจะหลอเล้ียง “ดวงธรรมแหงสัจจะ” ในใจของเราใหสมบูรณแข็งแรง ดังน้ันการฝกกินผัก
อาหารพืชผักจึงเปนแบบฝกหัดสําหรับผูปฏิบัติธรรมท่ียอดเยี่ยมกวาแบบฝกหัดอยางอื่นๆ เพราะแบบฝกหัด
บางอยา งคอนขางงา ย แตบางอยางกย็ ากเกินจะฝก ทาํ ใหไ มสามารถนํามาเปนเกมฝกหดั ประจําทุกๆ วนั แตเ รา
ผูปฏิบัติธรรมตองฝกทุกวันจึงจะไดผลเร็ว เหตุฉะนี้การฝกใจดวยเรื่องอาหารอันเปนสิ่งที่เราตองบริโภคอยูทุก
วันจงึ เหมาะมาก อยา ลมื พระพทุ ธภาษติ ทม่ี ใี จความวา “สัจจะเปนคกู ับผากาสาวพัสตร”

ขอที่ ๓.เปนการฝกในสวน“ทมะ”ธรรม “ทมะ” คือ การขมใจใหอยูในอํานาจ คนเราเปนทุกขเพราะ
ตัณหาอนั ไดแก ความอยากทีข่ มใจไวไ มอ ยู มีขอ พิสูจนเ ฉพาะเร่ืองผักกับเน้อื งายๆ เชน ขาพเจาเคยเห็นชาวบาน
ที่มาจากปาดอนสงู ๆ อุตสาหห าบเอาพวกพืชผกั ลงมาแลกปลาแหง ๆ จากชาวบานแถบรมิ ทะเลขึน้ ไปกิน ทงั้ ๆ ท่ี
ตองเสียเวลาเปนวนั ๆ ในขณะที่กลางบานของเขาก็มีอาหารพวกพืชผัก เผือก มัน ฟก มะพราว ฯลฯ อยางอุดม
สมบูรณ อีกท้ังอาหารเหลานี้ยังเปนของสด สามารถบํารุงรางกายไดมากกวาปลาแหงๆ และข้ึนราที่พวกเขาสู
อตุ สาหล งมาหามหว้ิ ขน้ึ ไปเก็บไวกนิ เปนไหนๆ

ดังน้ัน... ผูที่ไมมีการขมรสตัณหาจักตองเปนทาสของความทุกข และถอยหลังตอการปฏิบัติธรรม เหตุนี้
การขมจติ ดวยเรอ่ื งอาหารการกนิ จึงเหมาะมาก เพราะจะมีการขม ไดท ุกวันการขมจิตอยเู สมอเปน ของคูกบั ผากา
สาวพัสตรเชนกัน โปรดทราบ! วามันเปนการยากยิ่งท่ีคนแพลิ้นจะขมตัณหา โดยพยายามเลือกกินแตผักจาก
จานอาหารท่เี ขาปรุงดวยเนอื้ และผกั ปนกันมา จงยึดเอาเกมกฬี าฝกขม จิต ท่เี ปน เครอ่ื งชนะตนอันนเ้ี ถดิ

การเลยี้ งพระในงานตางๆ ขา พเจา เคยเห็นเคยไดยนิ เสียงเอด็ ตะโร เรยี กเอาแตอาหารเน้ือ สว นอาหารผัก
ลวนดูเหมือนวาเปนการยากที่จะถูกเลือกกับเขา มิหนําซํ้ายังเหลือกลับไปอีก แมกระทั่งอาหารที่ปรุงระคนกัน
มาก็หายไปแตช้ินเน้ือคงเหลือแตผกั ตดิ จานกลับไป และยิ่งไปกวาน้ัน ก็คือควรรูไวดวยวาบรรดาพอครัวแมครัว
และเจาภาพเขารูตวั กอนดวยซ้ําไป จึงปรุงอาหารเนื้อสัตวเอาไวใหมากกวาอาหารผักหลายเทานัก ท้ังนี้ก็เพราะ
ตัณหาทง้ั ของฝา ยแขกเหรอื่ ชาวบา น และฝายบรรพชติ ทั้งหลายรวมมอื กัน “แบงอทิ ธพิ ล”

ขอที่ ๔. เปนการฝกในสวน “สันโดษ” สันโดษ คือ ความพอใจเฉพาะส่ิงที่มีอยูตามฐานะของตน
โดยทว่ั ไปชีวิตของผูอ อกบวชยอมดาํ รงอยดู ว ยอาหารชั้นเลว ทวา ขา พเจาเคยเหน็ บรรพชติ บางรปู เวน ไมย อมรับ
อาหารจากคนจนเพราะเห็นวาเลวเกินไป คือเปนเพียงผักหรือผลไมช้ันต่ํา และถึงแมจะรับมาก็เพื่อท้ิง น่ีเปน
ตัวอยางของผูที่ไมเคยมีความสันโดษหรือถอมตน ดังน้ัน... การฝกเปนนักกินผัก กินอาหารอยางงายๆ จะแกไ ด
หมด “สนั โดษเปนทรัพยอ ยา งเอกของบรรพชิต”

ขอที่ ๕. เปนการฝกในสวน “จาคะ” จาคะ คือ การสละสิ่งที่เปนขาศึกตอความสงบหรือความพนทุกข
นักกินผักท่ีแทจริงมีดวงจิตบริสุทธิ์ผองใส เกินกวาที่จะมีใจนึกอยากในเร่ืองจะบริโภคอาหารที่มีรสหลากหลาย

6

เพราะผักไมย่ัวในการบริโภคมากไปกวากินเพื่ออยาใหตาย ซึ่งตางไปจากเนื้อสัตวที่ย่ัวใหติดรสและมัวเมาอยู
เสมอความอยากในรสที่เกินจําเปนของชีวิต ความหลงใหลในรส ความหงุดหงิด เมื่อไมมีเนื้อท่ีอรอยมาเปน
อาหาร ฯลฯ เรือ่ งเหลา นี้ขาพเจารบั รองไดว า ไมม ดี วงจิตของนักกินผักเลย สวนนกั กนิ เนื้อนน้ั ทา นจะทราบของ
ทา นไดเองเปน ปจจัตตัง เชน เดียวกบั ธรรมะอยางอน่ื ๆ

ขอท่ี ๖. เปนการฝกในสวน “ปญญา” ปญญา คือ ความรูเทาทันดวงจิตที่กลับกลอก การใชปญญา
พิจารณาใหเหน็ โทษของการยึดมั่น และใหใ จละวางความยดึ ม่นั ในการกินอาหาร แบบฝกหัดทยี่ ากและเปนกาว
ที่ใหญของการปฏิบัติธรรมเชนน้ี ไมมีอะไรดีไปกวาการฝกบริโภคอาหารผัก ท่ีจะเปนอารมณอันบังคับใหทาน
ตองใชพิจารณาตัวเองอยูเสมอทุกมื้อ เพราะเน้ือทําใหหลงในรส สวนผักทําใหยกใจขึ้นไป ซ่ึงเหมาะแกสันดาน
ของสัตวผ ูมกี ิเลสยอมใจจนจบั แนน เปนนํ้าฝาดมาแตเ ดิม ปญญาของทา นตองรูอยูเสมอวา ไมใชจะไปนิพพานได
เพราะกินผัก เปนแตการกินผักจะชวยขัดเกลากิเลสทุกๆ วัน แทจริงแลวขาพเจาไมไดมีความเห็นวา ฝายที่จะ
ชวยขัดเกลาจิตใจตองเปนผัก ความจริงอาจจะถือวา ผักเปนอาหารช้ันเลวหรือไมประณีตก็พอแลว แตเม่ือมา
พิจารณาใครครวญใหดีแลวมนั มาตรงกบั อาหารผัก เพราะจะทําอยางไร เน้ือก็เปนของชวนกนิ เพียงแตต มเฉยๆ
พอไดกล่ินมันก็ย่ัวตัณหาอยูดี! เพราะฉะน้ันฝายท่ีจะปราบตัณหา จึงกลายเปนเกียรติยศของผักไป อาหารผัก
เปนอาหารที่ขมตัณหาได และมีแตความบริสุทธิ์จึงเหมาะสม สําหรับผูที่ระแวงภัย และต้ังอยูในความไม
ประมาทอยูเ สมอ

ผลดีในฝายโลก อาหารผักมีคุณประโยชนตอรางกายยิ่งกวาเนื้อสัตวหรือไม? เร่ืองน้ีวิทยาศาสตรใน
ปจจุบัน ก็บอกแกเราชัดแจงอยูแลววา อาหารผักจะทําใหผบู ริโภคมีกําลังแขง็ แรง โรคนอย ดวงจิตสงบ ชวยให
ความกระหาย ในความอยาก ความโกรธ ความมัวเมา บรรเทาลงเปนอันมาก

ความเจบ็ ปวดของสตั ว โดย ล่ีอี้เจŽง

๑. คณุ ธรรมอนั ย่ิงใหญข องฟาดนิ คอื “ชวี ิต” ความโหดรา ยอนั มหนั ตของมนุษยโลก คือ “ฆา” ซ่ึงเปน คํา
กลาวทกี่ ระจา งท่ีสดุ ของคนโบราณ เปนคาํ พูดท่สี ้ันและเขาใจงา ยท่สี ุด เปน คําพูดท่เี จ็บปวดท่ีสดุ พวกเราควรจะ
รูวาชีวิตเปนสิ่งที่มีคุณคาท่ีสุด การฆาเปนสิ่งท่ีโหดรายเจ็บปวดท่ีสุดเหมือนกัน พวกเราเคยอานหนังสือถึงโทษ
ทัณฑท่ีหนกั ท่สี ดุ ของมนษุ ย ก็คอื “ตาย” เทา น้ัน

ก็จะรูถึงความชั่วรายที่กอไว ความโหดรายแมจะทวมทนเลวทรามที่สุด เมื่อตายลงแลวทุกอยางก็สิ้นสุด
ไมสามารถจะเพิ่มโทษไดม ากกวา นี้อกี แลว แตกลบั กนั พวกสตั วท ่ไี มมีพษิ รา ยตอ ผคู น ถึงมโี ทษก็ไมถึงตาย ฟา ดิน
ยังอภัยโทษใหได ผูคนกับไมคํานึงถึงสิ่งใดๆ จับมาฆาแกงทารุณกรรมอยางโหดราย แลวก็กินมันเขาไปแทบถือ
เปนเรอื่ งธรรมดา (ความเจ็บปวดของสตั วโ ดย ลอี่ ้เี จง)

เฮอ ! โลกนี้ ชางโหดรา ย ไรเหตุผล ยังมอี ะไรหนกั มากยิ่งไปกวานีบ้ างไหม? ทุกชวี ติ ของสตั วท่มี อี ยูใ นโลกนี้
ต้ังแตมนุษยจนกระทั่งสัตวบกสัตวนํ้า ถึงแมจะมีความแตกตางกันท้ังรูปราง และนํ้าหนักแตวิญญาณน้ัน
เหมือนกัน หรอื จะกลาวอีกแบบหนงึ่ คือ สัตวแมไมม รี ปู รา งเหมือนกัน แตก ม็ นี ํ้าจติ นํ้าใจเหมอื นคน ตา งกร็ ูจักรัก
ชีวิตของตน รูจักกลัวรูสึกเจ็บปวด ดังน้ัน คนควรมีอัธยาศัยตอสัตว เหมือนมีอัธยาศัยตอคน ไมควรเห็นความ

7

แตกตางจากรางกายสังขาร เปนขออางในการแบงแยกในจุดนี้ อยางนอยท่ีสุดพวกเราตองจดจําวา มูลฐานของ
ชีวิตตางกม็ ชี ีวิตขึน้ ตรงตอฟา ดนิ ตา งก็สง กระแสจิตติดตอกัน ไมอ าจท่ีจะดูหมน่ิ เหยยี ดหยามกนั ได

เธอลองคิดดูซิวา เวลาเราถอนขนสักเสนหน่ึง เราจะรูสึกสะดุงสะเทือนไปทั้งตัวเพียงไร เข็มแทงอันเดียว
ซึ่งเปนเพียงสวนหนึ่งของรางกายเทาน้ัน หาใชรางท้ังรางก็ไม นั้นก็คือ ทุกชีวิตก็มีชีวิตเหมือนตัวเราเอง เลือด
เน้ือก็เหมือนกัน ความเจ็บปวดทรมานจะตางกันอยางไร? ที่ยกยองกันวา มนุษยเปนสัตวประเสริฐ มีคุณธรรม
ยอมไมมีเหตุผลพอท่ีจะกินสรรพสัตวได ควรจะรูวาฟาดินไดใหกําเนิดชีวิตที่โงเขลาเฉลียวฉลาด ตั้งช่ือวา
“มนษุ ย” แลว กใ็ หก ําเนดิ ชีวติ ทีโ่ งเขลาเบาปญญา ต้งั ชือ่ วา “สัตว” ทง้ั สองอยรู ว มกัน เพยี งแตต า งกันเหมอื นกับ
ชีวิตของคนท่ีมีลูกคนโต แลวมีลูกคนเล็กถัดๆ กันไป แมมีความตางกันเปนพี่เปนนอง แตก็มีเลือดเน้ือ มีความ
สนิทสนมดุจเดียวกัน หากแตวา คนมีสติปญญาและพละกําลังสมบูรณสมกับชีวิตสัตวประเสริฐ พวกที่หลงงม
งาย และเขาขางตัวเองก็ทึกทักเอาวา สวรรคสงสรรรพสัตวมาใหคนกิน คําพูดเหลาน้ีมีหลักฐานอะไร? ถาอยาง
นน้ั เวลาเสือมันมาเจอคนเขา มันกก็ นิ คนเลย ก็นาจะพูดวา สวรรคสง คนมาใหเสอื กินบา ง

การดํารงชีพของคน มีธัญพืชหลายชนิดมากเกินพอสําหรับดํารงชีพ ฟาดินประทานใหมากมายขนาดน้ี
แลว ยังมีเหตุผลอะไรอีกหรือท่ีอาหารการกินของคนเรา จําเปนตองพ่ึงชีวิตของสัตวอีก? พูดถึงคําท่ีวา ทุกชีวิต
คือรา งเดยี วกัน ผูคนคงรูส ึกวาตนเองใหญท่สี ุดแลว แตละคนก็มีรา งของแตละคน จะเปนรา งเดียวกนั ไดอยา งไร?
ที่แทแลวในครอบครัวหนึ่ง ก็เหมือนรางเดียวกัน เชนแมลูกเปนตน นี่เปนความจริงที่แนแท แตปจจุบัน จะไป
แลดูไดอ ยา งไรวา ทุกชวี ิตจะมีรา งกายอนั เดียวกนั ? ถาอยา งนน้ั เมอ่ื รา งของแมเ ห็นลกู นอยดใี จ แมก ็ดีใจดวย ถา
หากลูกนอยเจ็บปวด แมก็รูสึกเจ็บปวดดวย ถาลูกนอยเกิดเจ็บปวยและตายไป ถาเปนไปไดแมก็พรอมจะ
เจ็บปวยและตายแทน ภายใตจักรวาลน้ี คนท่ีเปนแมจะไมนับวาลูกนอยและตนเองมีรางดจุ เดียวกัน ดุจเชนผทู ่ี
รักบา น รกั ชาติ รักประเทศดุจเดียวกนั ซึ่งก็เปนเหตุผลเดียวกับการรกั มนุษยชาตริ กั ผคู น เมง จอื้ กลาววาพระเจา
แผนดิน “อู” เห็นไพรฟาจมน้ํา ก็เหมือนกับตนเองจมน้ําดวย พระเจาแผนดิน “เจ็ก” เห็นไพรฟาอดอยาก ก็
เหมอื นตนเองอดอยากดว ย

พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว กลาววา “ถาผูคนยังไมสําเร็จเปนพระอรหันต ขาก็จะไมเขาสูพระนิพพาน”
ดว ยเหตุอันนกี้ ็เชน เดียวกับแมทคี่ อยดูแลลกู นอ ย ทมี่ คี วามจรงิ ใจคอยเฝาหวงใย ประดุจมชี ีวติ อนั เดียวกนั ซ่ึงไม
สามารถจะแบงแยกความสัมพันธอนั น้ีได คนๆ นี้ คนๆ นน้ั และอกี หลายๆ คน กม็ ดี วงจติ ท่เี หมือนกนั เพยี งแต
วาบนรางกายนั้น ภายใตหนังท่ีหมุ อยู ถาเอาเน้ือที่หนักไมก่ีสิบกิโลกรัมออกเสีย ก็จะกลายเปน วา น่ีเปนของฉนั
นั่นเปนของเขา ในกรณีที่เราไมสามารถแยกหนังออกมาได ถามีโอกาส ก็เอาสวนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันมา
รวบรวมกันเขา จากความนอยนิดของฉัน ก็เพิ่มใหมันใหญขึ้น เพิ่มเขาไปอีกเร่ือยๆ จนใหญคับฟากลายเปน
“ฉันแทๆ ” ไมบกพรองเลย! ส่ิงท่ีตองรูก็คือ เมื่อเปรียบเทียบสวนที่ใหญของฉัน กับความประพฤติท่ีสูงหรือต่ํา
กร็ วู าคนที่เลวทรามทส่ี ดุ ก็คอื คนท่เี อาเนอื้ ไมกส่ี ิบกโิ ลกรมั นัน้ มาเปนของฉนั น่นั แหละ ดงั นน้ั พฤติกรรมของเขา
ก็จะกลายเปนความเห็นแกตัวอยางท่ีสุด ความช่ัวรายขนาดไหน ก็ทํามาแลว ความชั่วรายท่ีฆาชีวิต ก็เนื่องจาก
ขาดความเห็นอกเหน็ ใจ อนั สืบเนอื่ งมาจากความคดิ เหน็ ของผูคนไมมีรา งเปน ดุจอนั เดียวกนั !

8

๒. ไมวาใครฆา ใครกต็ าม มันเปน เร่ืองทีไ่ มค วรจะมีขึ้น แตช าวโลกมคี วามเห็นที่ไมตรงกัน “การฆา ” มีคน
ฆา คน คนฆา สัตว และสตั วฆ า คน ๓ ชนิด แตผูคนกลับเหน็ วา “คนฆาคน” เปนเรื่องรา ยแรงทสี่ ดุ “คนฆา สัตว ”
เปนเร่ืองธรรมดาท่ีสุด “สัตวฆาคน” เปนเรื่องนากลัวและแตกต่ืนมาก! ขาอยากใหพวกเราเปดใจ ใหสอบถาม
สักหนอยดูซิวา นาจะมีการแบงประเภทการฆา หรือไมพูดออกอยางจริงใจ โดยท่ีจริงแลวคนฆาสัตวน้ันดุราย
กวาคนฆา คนมาก ยงั ดรุ า ยกวาสัตวฆา คนดวย! เปน เพราะอะไรหรือ? เพราะวา คนฆา คนอาจเกิดจากการคดโกง
ทางกฎหมาย หรือไมก็เพ่ือปองกันตนเอง หรือไมก็ดวยสาเหตุอ่ืนๆ สัตวแมจะฆากันก็ยังมีขอบเขตจํากัด เชน
เสือก็ไมอาจทํารายพวกนกได สัตวนํ้าก็ไมสามารถทําลายสัตวบก เปนตน มีแตคนท่ีฆาสัตว ฆาไดแมแตอยูใน
อากาศ อยใู นทองทะเลลึก ในปา และบนภเู ขา ไมมีท่ีไหน ทไ่ี มถ ูกฆา ทกุ ชนดิ ถูกฆา มาเพือ่ บําเรอปากทองท้ังส้ิน
กอใหเกิดส่ิงนาเศราสะเทือนใจ ทําใหนกไรเพ่ือน บินโดดเด่ียว สัตวปาหลงฝูง นาสมเพชยิ่ง ลิ้นคนแลบถึงฟา
และทะเลลึก การกระทําของคนเชนน้ี กฎหมายก็ไมสามารถเอาโทษได แตยังไดรับการยกยองจากคนพวก
เดยี วกันอีก

การเขนฆาของสัตวยังมีขอบเขต แตการฆาของคนน้ัน ไรขอบเขตจริง ๆ เม่ือพิจารณาจากสิ่งเหลานี้แลว
จะเห็นวา “คนฆาสัตว” นั้นดุรายกวา “คนฆาคน” อยางโหดเหี้ยมท่ีสุดใชไหม? แลวยังมีนํ้าหนายกยองตนเอง
วา เปน สัตวประเสริฐ นาจะเรียกวาสัตวโ หดเหีย้ มจะเหมาะกวา? นา สงั เวชที่ช่ัวชีวติ ของคนเรานี้ ตั้งแตเ ล็กจนโต
ต้ังแตโตจนแกไ มเคยที่ไมพนการฆาต้ังแตแรกเร่ิมคลอดจากครรภมารดา ก็ถือโอกาสเล้ียงฉลองดวยการฆาชีวิต
เพียงไมนานพอเด็กอายุครบเดือน ก็ฆาชีวิตเลี้ยงกันอีก พอครบขวบปก็ฆาชีวิตอีก จนกระท่ังเติบโตไดเวลา
แตงงาน ถือวาเปนงานมงคลก็ฆาชีวิตอีก โดยถือโอกาสไหวเจาฆาชีวิต แตงงานก็ฆาชีวิต ซ่ึงวนเวียนไปวนเวียน
มา ฆา กันตลอดศก ลว นแลว แตส งั เวยปากทองท้ังน้ัน

ตลอดชีวิตสะสมแตบาปเวร ชีวิตท่ีถูกเราฆาน้ันไมรูจักกี่รอยกี่พัน ยังมีอีกตอนท่ีเจ็บปวยก็อยากตอชีวิต
รองขอชีวิตอยู แตกลับทําลายชีวิต แลวอยางน้ีจะมีชีวิตยืนยาวไดอยางไร ชีวิตการแตงงาน เปนชีวิตคูท่ีเร่ิมรัก
สมานฉันท เหตุไฉนกลับเชือดเฉือนพรากใหมันจากกัน การใหกําเนิดบุตรน้ันถือวาเปนนิมิตอันดี แตเหตุไฉน
ตองฆาแม (ไก) พรากลูกมันมีเหตุผลอะไรหรือ? โดยปกติคนเราเม่ือมีงานมงคล ก็ควรที่หาฤกษยามและปฏิบัติ
ส่ิงที่เปนสิริมงคล จึงจะถูกตอง เชน อวยพรงานวันเกิด ควรใชคําอวยพรใหอายุยืนยาวเหมือนเตา เหมือนนก
กระเรียน ถาอวยพรเพื่อใหเพิ่มบุตร ควรใชคําพูดวามีบุญวาสนามีโชค ไดบุตรประเสริฐรุงเรืองสืบสกุล ในขณะ
ท่ีเราอยูในความคิดที่ดๆี ก็เกิดมีการฆากันอยางมากๆ ข้ึนมา ก็จะบ่ันทอนอายุที่ยืนยาวใหสั้นเขา พวกที่ลูกมาก
ก็มักจะดาวาลูกใหฉิบหายตายเร็ว หนาบานก็กลาวอวยพรกันเอิกเกริก หลังบานก็เปนแดนประหาร เสียงรอง
อยางตระหนกตกใจ เม่ือจวนจะตายมันนาฉงนจริงๆ ชีวิตบางชีวิต เหมือนตัวละครถูกฆาชีวิต บางชีวิตอยูดีๆ ก็
ถูกฆา บางชีวติ กท็ รงอํานาจแลว ถกู ฆา นาแปลกแทๆ

ลองมาดูกันวาอาหารม้ือหนึ่งๆ ของคนเรากไ็ มพนจากการฆาชีวิต เชน นกกระจาบจานหนึง่ ๆ ไมน อยกวา
สิบชีวิต พวกหอย พวกกุง เปนรอยชีวิต จึงจะไดสักมื้อหนึ่ง แคน้ันยังไมพอ ตองแตงกลิ่น แตงรส หาวิธีปรุง
อาหารตา งๆ เพือ่ ใหรสชาตเิ หมาะชวนกนิ บางอยางกก็ ินกันสดๆ เลอื ดสดๆ กนิ กันอยางพสิ ดาร กินกนั อิ่มแลวก็
พออกพอใจ ถาหากทํามาชาหนอยก็พาลอารมณเสีย ไมเคยคิดถึงบุญคุณของของท่ีอยูในจาน ลวนมาจาก

9

ความเครียดแคน ความทุกขแสนสาหัส เพื่อปรนเปรอความสุขข้ันสุดยอดของทาน โดยกลืนกินชิ้นสวนของมัน
ไมเคยคิดถึงกรรมจะสนองอยางไร? เราลองคิดใหลึกซึ้งอีกนิด วาฉากแหงความเหี้ยมโหดเกิดข้ึนขนาดไหน?
เพื่อสนองความตองการของปากทอง ดงั น้นั เม่อื ฟาเริ่มสางของทุกๆ วัน เพชฌฆาตทน่ี ับจํานวนไมถวนมือถือมีด
เพียงไมถึงช่ัวยาม ชีวิตของสรรพสัตวเปนแสนเปนลานตองดับจมลง ถาเอาซากศพมันมากองก็จะไดภูเขาสูง
มหึมา แลวเลือดของมันมารวมกันก็จะไหลหล่ัง สามารถยอมแมน้ําไดทั้งสายทีเดียว ดูสภาพอนาถเวทนาย่ิงนัก
พวกมันทุกขย่ิงกวาถูกโจรปลนผลาญลางเมือง ฟงเสียงรองของพวกมัน สะเทือนย่ิงกวาเสียงฟารอง ต้ังแตเชา
จรดคํ่าจะพบแตคมมีดกรีดแหวะทอง ปลายมีดท่ิมแทงหัวใจ ถลกหนัง ถอดกระดูก ถอดเกล็ด เชือดคอลอก
คราบ เอานํ้ารอนตมตุน อีกทั้งเกลือเหลาหมักดองท้ังหอย กุง ปู ปลา ฟาเอย! นาสงสารเจ็บซํ้ายิ่งนัก ยากที่จะ
หาทางระบายออกมาได นาเอน็จอนาถสุดทนได สรางบาปมหันต จมปรักอยูในความแคนนับหม่ืนๆ ชาติ ซ่ึง
สบื เนื่องแตป ากทองทําใหก อเวรกรรมขนึ้

๓.ความมีพรหมวิหารสี่ ความจงรักภักดี ความมีสัมมาคารวะ ความมีปญญา และความดีสัจจะเปนสิ่งที่
มนษุ ยควรมีไวประจาํ ตวั คุณธรรม ๕ ประการนี้ ถารกั ษาไดเ ปน ปกติ กจ็ ะไมละอายใจตนเองเปน บุคคลที่สงาผา
เผย อันชีวิตมนุษยที่อยูภายใตฟาดนิ น้ี มีสังขารเล็กๆ เพียงแคเจ็ดฟุต เมื่อยืนหยัดอยูกับความกวางใหญของฟา
ดนิ ทแ่ี ทอาศยั กับอะไรเลา ? มนษุ ยท ่ียกยอ งวา เปน สัตวประเสริฐ พ่งึ พงิ อยูก ับอะไร? ก็เพราะมนุษยม คี ณุ ธรรมหา
ประการ ที่สามารถยืนหยัดอยูกับฟาดินโดยไมละอายใจ และไมละอายใจที่ยกยองตนเองเปนสัตวประเสริฐเลย
แตทวาถาขาดศีลขอ หามฆาสัตว เกิดการฆาชีวิตขึ้น ก็เปนการทําลายความเปนมนุษยท่ีมีคุณธรรมประจําใจ
เชน ฆา ตวั เขาเพ่อื ความอว นทว นของตัวเรา ก็จะขาดพรหมวหิ ารส่ี พรากญาตขิ าดมติ รเขา เพ่ือเลยี้ งดเู พือ่ นพอง
ตนเอง ก็เปนผูขาดความจงรักภักดี ถาเอาเนื้อหนังมันมาไหวเจา ก็จะขาดคุณธรรมขอสัมมาคารวะ และที่ยก
ยองวาชะตาชีวิตลํ้าเลิศ ตองเสพกินคาวเลือด ก็เปนผูท่ีขาดสติปญญา เอาเหยื่อลอหลอกใหเหย่ือติดกับก็เปนผู
ไรสจั จะ

เฮอ! มันอาศัยอยูในโลกกิเลส ถาไมรักษาคุณธรรมท้ังหา ก็จะไรความเปนมนุษยไป เม่ือเปรียบเทียบกับ
สัตวเดรัจฉานแลว มันจะแตกตางกนั มากนอยเทาไร จิวอันสือ กลาววา “ความมีพรหมวิหารสี่เปนธรรมขอแรก
ของคณุ ธรรมความรกั เมตตาเกดิ กอนบญุ กุศลทั้งหลาย” ถาหากเราตองการเปนคนทมี่ ีคุณสมบตั ิครบถวน กค็ วร
ปลกุ ใจเรา ใหม ีพรหมวิหารและการใหอ ภัย อะไรคอื พรหมวิหารอะไรคือการใหอ ภัย? นน่ั คอื ทาํ จติ ใจเราใหเผ่ือ
แผไปยังสัตวทั้งหลาย คิดเพ่ือมันถา หากทําได แมแตคนท่ีใจคอโหดเหี้ยมก็จะรูสึกหว่ันไหวออ นลงได เม่ือทนทํา
ตอสังคมไมได ก็ย่ิงทนทําตอคนดวยกัน ก็เมตตาตอสัตวดวยเชนกัน ผูท่ีมีจิตใจรักสัตวก็ยอมมีจิตใจรักคน
ทั้งหลายดว ย ดงั นนั้ จะพดู แทนสตั ววา ใจที่ไมท นทาํ ส่ิงเลวรายไดน ี้ จะเห็นคนทงั้ หลายดงั่ พีน่ องรว มทอ งเดียวกัน
กจ็ ะพน ภัยพบิ ตั กิ ารฆาฟน กนั ไดอยรู วมกนั อยา งสงบสุข!

ทานลองหวนคิดดูซิ ตอนที่จะจับมันฆา มันตกใจกลัวขนาดไหน ถาบินหนีไดก็จะบินหนี ถามุดดินไดก็จะ
มุด มันก็จะโทษฟาดินไมปราณีมันเชนเดียวกัน ถาเราถูกโจรจับ ขวัญหนีดีฝอ มันมีอะไรตางกันเลา? มันก็นา
สงสารเหมือนกับพวกสัตวอยางเดียวกัน ฆาไกสักตัวหนึ่ง ฝูงไกท่ีเหลือก็กลัวลาน ฆาหมูสักตัวหนึ่ง หมูที่เหลือก็
ไมยอมกินอาหาร ถาพวกเราถูกโจรมันขังท้ังบานก็จะตกใจกลัวหรือหากมีใครตายลง ญาติมิตรของเรารองไหท่ี

10

ตอ งตายจากกัน มันกไ็ มต างกนั ใชไ หม? ใหคดิ ถงึ ทกุ ชีวติ ตอนทถี่ ูกฆา เสยี งรอ งจะโหยหวน หวงั จะไดร อดชีวิตมา
แมนเลือดจะหยุดหยด ลมหายใจจะขาดลง แตเสียงรองจะยังไมหยุดลงทันที เหมือนกับพวกเรายามตองโทษ
ประหาร ก็หวังที่ใหเทพเจาชวยเหลือใหพ ระคุมครอง จิตวญิ ญาณกําลังแยกจากกัน ในเสี้ยววินาทีนั้นก็ยังหวังที่
จะรอดชีวิต ส่ิงเหลาน้ีจะมีอะไรแตกตางกันไหม? ถาหากคนกินเน้ือพูดวาสัตวมันพูดไมได ถาเชนนั้น พวกใบก็
นาจะถูกฆาดว ยใชไ หม? ถา พูดวาสัตวมันมีบาปตกตํ่าลง ถา เชนน้ันพวกยากจนตกต่าํ กค็ วรฆาใชไ หม?

โอ! มนุษยหนอ? ชอบโทษวามันเปนสัตวตางประเภทตองถูกกิน ตอนที่กินมันก็ถือวาฉันเกงกวามัน แต
ตอนท่ีจะชดใชกรรมมันก็นาจะพูดวา มันถูกตองฉันนั้นผิดเอง ควรรูไววาคนและสัตว ก็เหมือนกันรักชีวิตกลัว
ตาย รักใครเพ่ือนพอ ง ถา ถกู ฆา กร็ สู กึ ทุกขร อนเหมือนกัน ท่ีตางกนั กค็ ือ คนมปี ญ ญา สัตวโงเ ขลา คนพดู ได สตั ว
พูดไมได คนเกงกวาสัตวเชนน้ีเปนตน คนถาหากไมมีปญญา ก็ไมสามารถปองกันตัวได ถาพูดไมได ก็บอกกัน
ไมได ถาหากเทียบพละกําลังกัน ถานอยกวาเราก็จะถือวาแตกตางกันอยางนั้นหรือ? ก็ควรถูกฆาเอามากินใช
ไหม? พูดแบบน้ีไมมีเหตุผล ผิดคณุ ธรรม แตคนก็พูดออกมาได! ชาวโลกเม่ือประสพภัยจวนตวั ไมมีใครท่ีไมรอง
ขอใหช ว ยชีวิต จะหยุดตอเมือ่ ตามองไมเ หน็ ถาไดรบั อนั ตรายจากมีดหรอื ปน หรอื พวกโจรผูรา ย จะไมตัวส่ันขวญั
ผวาหรือถาหากพบวาโจรมันใจออนลง ก็อดไมไดจะดีใจ แตก็ตกใจ เกิดบังเอิญมีคนชวยเหลือชีวิตรอดมาได ก็
จะรูสึกขอบคุณจนโศกสะอื้น จดจําบุญคุณไมลืมจนวันตาย แตถาจับสัตวมาได ความสมเพชเวทนาตางๆ
จนกระทง่ั เสียงรองอันโหยหวน กเ็ หมือนกับไมไ ดยนิ ไมไ ดฟ ง เลย นาสมเพชคนพวกนี้ เม่อื ถกู ยงุ กดั ก็เกดิ รําคาญ
แตสัตวที่อยูบนเขียงน้ัน ก็ไมเวทนาสงสาร แตพอปวดหลัง ปวดตาเขาหนอย ก็รีบหาหมอหายา หรือไดรับ
บาดเจ็บจากมีด เข็มหรือไฟลวก ก็รองโอดโอย ขอความชวยเหลือ รักตัวสงวนชีวิตถึงเพียงนี้ แลวทําไมตอสัตว
กลับไมใหความเวทนาสงสารบาง ฆาแกงไดตามอําเภอใจเรา จะไมพูดถึงกฎแหงกรรม จะไมพูดถึงการหามฆา
สัตวของพุทธศาสนา เราพูดกฎแหงกรรมรักตนเอง แตไมรูไมมจี ิตใจของความรักสัตว ความไมมีเมตตาอารแี ละ
อภัยเชนนี้ รูแตผลประโยชนสวนตนเห็นแกตัวที่สุด สุภาพบุรุษผูท่ีรักศักด์ิศรีของตนเองอยูบาง ก็ไมควร
ประพฤติแบบน้ี ผูคนหากอยูในสภาพที่โงกวา หรือออนแอกวา ขณะนั้นจิตใจก็อยากใหมคี นสงสาร ถึงแมโจรจะ
เหี้ยมโหด เสือ หมาปา จะโงเขลาคนก็ยังหวังวาในตอนน้ัน ในเวลาน้ัน ก็เปลี่ยนสภาพไปอีกแบบหน่ึงไมยอมให
ความสงสารแกผูที่ออ นแอกวาตนละ ! นาหัวเราะ คนเราท่ีกลัวคนดรุ าย แตกลับไปรังแกคนท่ีดๆี ใจในก็เกิดการ
ดูหม่ินและรังแกคนดี ตลอดชีวิตท่ีชอบรังแกคนดีๆ แตกลัวคนดุราย มักไมคอยรูสึกตัว และไมมีปญญาไป
ปราบปรามคนดุราย กจ็ บั คนดไี ปรังแกแทน วธิ ีท่ใี ชกําลังทีเ่ หนือกวาไปรังแกคนทอ่ี อ นแอกวา หรอื อาศัยจาํ นวน
คนที่มากกวาไปรังแกคนท่ีจํานวนนอยกวา จิตใจท่ีเลวทรามชั่วชาเชนน้ี ลวนแลวแตเปนบอเกิดของการสราง
บาปกอ เวร

เราเร่ิมสังเกตพวกมนษุ ยจ ากจุดนี้ วาแตกตางจากสัตวหรือไม บางทีมนุษยแยกวามันดว ยซาํ้ ไป เปนสิ่งนา
ละอายใจของมนษุ ยแ ทๆ ดังน้นั ศาสดาเมื่อจะเรมิ่ สอนคน กจ็ ะเร่มิ ดว ยความเมตตา และใหอ ภัย เมตตา และให
อภยั ก็คอื เอาตนเองไปเปรยี บเสมือนผอู นื่ เมตตาตอ ผคู นและมจี ติ ใจรกั สตั วไงละ!

เมื่อไมกี่ปมานี้ มีขอความที่หามการฆาสัตวของสมาคม “อี่เกย” สาระสําคัญของขอความน้ีคือ เอาใจเรา
ไปเปรียบใจสัตวเพื่อนํ้าใจอันดีงามที่ถูกปดตายดวยประตูเหล็ก บุรุษนิรนามพวกนี้ต้ังคําถาม ๑๐ ขอ ถามใจท่ี

11

ถูกปดดวยประตเู หลก็ แรงดลใจของเขาใหญหลวงนัก เขาตองการใหป ระตเู หลก็ เปดออก จะไดเห็นใจอนั งามอกี
คร้งั หนึ่ง ดงั น้ี

๓.๑.ในสมัยสงคราม พวกเราตองหนีภัยสงคราม อาศัยโชคดีท่ีสุด ก็รอดชีวิตมา ถาหากในเวลานั้น ถูก
ศตั รไู ลต ามเขามาทกุ ๆ ระยะ เมือ่ รวู า ไมมโี อกาสจะรอดแน จติ ใจขณะนั้นไมแ ตกต่ืนผวาขึ้นมาบา งหรอื ?

๓.๒.ในขณะน้ัน ถาถูกจับได ลากเดินเหมือนลากหมู ลากหมา รูแนวาตองถูกฆา จิตใจอยูในสภาพอะไร?
ไมแ ตกกระเจงิ หรอกหรอื ?

๓.๓.ในขณะน้ัน ถาพบคูชีวิต กําลังถูกโจรเชือดเฉือนเลือดไหลเนืองนอง จิตใจเราจะอยูในสภาพอยางไร?
ไมขวญั หนดี ีฝอ หรอกหรือ?

๓.๔.ในขณะนั้น ถาพบวาเพ่ือนฝูงญาติมิตรกําลังถูกโจรมัด หมดทางชวยเหลือ จิตใจเราจะเปนอยางไร?
จะไมร สู ึกสงสารเจบ็ ปวดบา งหรือ?

๓.๕.ในขณะน้ัน ถาเราถูกฆา กําลังถูกชําแหละ เสียงรองเจ็บปวดโหยหวน ชีวิตยังไมส้ินอยากใหตาย
โดยเร็ว จิตใจเราขณะนน้ั เปนอยา งไร? ไมโ กรธแคนหรอกหรอื ?

๓.๖.ในขณะนั้น เราตองถูกฆาแนนอน เกิดมีโจรหนึ่งใจดีปลอยเราไป จิตใจของเราขณะนั้นเปนอยางไร?
ไมรสู ึกดีใจหรอกหรือ?

๓.๗.และแลว มอี กี โจรหนง่ึ ไมเ คยมีเร่ืองบาดหมางกันมากอน เขา มาหามปรามไมใหปลอย ตอ งการฆาเรา
ลกู เดียว จิตใจเราขณะน้ันเปนอยางไร ไมเ คยี ดแคนบา งหรอกหรือ?

๓.๘.อกี แบบหนงึ่ คือ โจรทกุ คนใหปลดปลอยนกั โทษหมด ผูถูกจับมาก็มหี วงั รอดตายไดแ ตบงั เอิญมโี จรอีก
คนหนึ่งวา พวกเรานั้นเกิดมามีเคราะหกรรมควรฆาใหหมด ใจเราขณะน้ันเปนอยางไร? ไมรูสึกโกรธเคืองหรอก
หรือ?

๓.๙.ในขณะนนั้ คูช วี ติ ของเรากําลังเจบ็ ปวยอยู ท่ีจริงควรปลอยตัวเราไป แตมโี จรหนึ่งคดั คานพูดวา ปวย
หนกั อยางนี้ ฆาเสียดกี วา เพือ่ หมดปญ หา อยากรวู าใจเราขณะนน้ั ไมเคียดแคน บางหรอกหรือ?

๓.๑๐.อีกอยา งหนง่ึ ในบรรดาญาตมิ ติ รเรากวาครง่ึ เปน เด็กอยู ท่จี ริงควรปลอ ยไป แตม ีโจรหนึ่งคดั คา นขึน้
พดู วา ชีวิตนอ ยๆ อยา งนไี้ มฆ ากต็ องตาย เอามาฆาแกงกินจะไมอรอ ยปากหรอื ? ใจเราขณะนั้นรูสกึ อยางไร? จะ
ไมเจ็บชา้ํ ปวดรา วหรอกหรือ? เม่อื เปน เชนน้แี ลว เขาเรยี กเราใหถามใจเราเองดว ยขอคดิ ตา งๆ ถามใจเราวา เพื่อ
ปากทองของเรา ไปเชือดเฉือนจับแกงพวกสัตว พวกกุง หอย ปู ปลา เม่ือถูกจับมาอยูเคียงขางหมอนํ้ารอนมัน
ตอ งเจ็บปวดแสนสาหัส อกี ไมน านมันกต็ องจากคูครอง ญาติมติ ร ตอ งจบชีวติ ลงแสนทรมาน ปากกพ็ ูดไมได ดนิ้
รนรอดตายเทียบสภาพตางๆ ท่ีตนถูกโจรจับปลนในขณะน้ันและความนึกคิดในเวลานั้น จะมีอะไรแตกตาง
กันเอาใจเราไปใสใจเขา เอาใจเขามาใสใจเรากับคําพูดของขาที่วา บังเอิญเจอะโจรปลนฆาตายเสียเกาคน รอด
ตายมาไดหน่ึงคนจากการปลดปลอย แตเกิดมีโจรหน่ึงขัดขวาง ในที่สุดก็ตองถูกฆาสภาพตางๆ ที่เกิดข้ึน นึกคดิ
ดวู า เหมือนกบั ตอนนหี้ รือไม? สดุ ทายน้ขี อพูดวา พวกเราทกุ คน ภาวนาหามฆาสัตว ไมใ ชข อบญุ ไมใชห ลีกเล่ียง
ภัย คือ เพอ่ื ตวั เอง รเู จบ็ กลวั ตาย ใจนยี้ ากท่จี ะปกปด พดู แทนสตั ว ใหเปรยี บเทียบตัวเรา คิดไปคดิ มาไมอ าจทน
ได ใจนท้ี ําไมไดจ ริงๆ ใจอนั ประเสรฐิ ของเรานี้ ควรตืน่ จากภวังคไดแ ลว

12

๔.ถาหากชาวโลก ยังไมทําใจใหงดฆาสัตวได ก็ควรจะพิจารณาดูสัตวท่ีถูกปลอยรอดชีวิตมาได ก็
เหมือนกับตัวเองสามารถรอดชีวิตมาได ก็ดุจเชนเดียวกับสรรพสัตว ท่ีไมตองแตกต่ืนตกใจ หากเปนไปไดวัน
หนึ่งๆ ๒๔ ชั่วโมง คิดแตจะปลอยชีวิตโดยไมคิดลังเล อยาใหสัตวตองถูกขังนาน จนทนไมไหว อยาไดไหววาน
ผอู ื่น เด๋ยี วจะไดรับอนั ตราย และอยาไดกาํ หนดวันเวลา เพราะจะมผี คู อยดักจับสตั ว และอยาไดก าํ หนดสถานท่ี
เพราะมีคนคอยสบื รู ไปคอยดกั จบั เอาเปน วา เม่อื ตาไดพ บเห็น กซ็ อ้ื ปลอ ยทนั ที ปลอยยังทท่ี เ่ี ปล่ยี ว ยิ่งไกลยง่ิ ดี
นานๆ เขา ใจท่ีอยากฆาสัตว ก็จะสูญหายไป โอกาสเกิดของสัตวก็มากข้ึน ทุกชีวิตอยูอยางสันติ ไมเพียงแตใน
โลกนี้เทานั้น แมแตทุกตารางนิ้วของภายในของเรา โดยอยาคิดวา ฆาชีวิตเพียงเล็กๆ แลวจะไมเปนไร อยาคิด
วาการปลอยชีวิตนอยๆ ก็ไมมีประโยชนอะไร อยาคิดวายุงยากลําบาก จงคิดถึงแตกุศลทาเดียว และอยาเปน
เพราะราคาสูง เลยละทิ้งการสรางกุศล ควรรูไววาชีวิตหน่ึงก็ไมใชนอย แมสรรพสัตวชีวิตก็ไมใชมาก แมมดยุง
ชีวิตก็ไมใชเล็ก วัวควาย ก็ไมใชชีวิตใหญ เงินเหรียญเดียวก็ไมพอเพียง แมเงินหม่ืนแสนก็ไมใชมาก ขอเพียง
จิตใจตนเอง มีจิตตั้งมั่นแนวแน เราควรตระหนักถึงชีวิตอันละเอียดออน ยอมถูกฆาไดงายขึ้น ดังนั้นเม่ือตนเอง
งดฆาสัตวแลว ยังตองใชวาจาสุภาพมาตักเตือนเพ่ือนฝูงพี่นอง ทําใหทุกคนมีจิตเวทนา ก็จะเปนการสรางบุญ
กุศลอันย่ิงใหญ โดยใชปากเทานั้น ผูคนมักพูดวา ใจดีก็พอแลว ทําไมตองกินเจอีกเลา? อยากถามวาฆามันแลว
กินเนื้อของมัน ภายใตฟาดินนี้ยังมีใครโหดเห้ียมอํามหิตเกินกวานี้อีกบางไหม? แลวใจดีที่แทอยูท่ีไหนกัน? โดย
ปกติใจที่ทนดูไมไดนั้น ใครๆ ก็มีอยู ดังนั้น เม่ือใครเห็นผูรายมือสังหาร แนนอนทีเดียว เราตองเกลียดเขาเปน
พิเศษ แตวาเมื่อแลเห็นกอนเน้ือในมือสังหาร ก็ทําใหนํ้าลายหกอยากจะกินข้ึนมาแลว แลวก็พากันพูดวาชีวิต
คนเรามันหลีกเล่ียงไมได หรือคิดแตวาจะเอาบาปกรรมปายใหเขาไป ขาขอเพียงแตอรอยปากอิ่มทองก็พอแลว
ทําไมไมค ดิ วาผูซ ื้อถา เลกิ กนิ เนอื้ แลว ผูขายก็ยอ มจะหยุดฆาลงเอง

ควรจะรูดวยวาฟาดิน ไดบันดาลใหอาหารแกคนนั้น มีทั้งขาวตางๆ ผลไม และผักทั้งบนบก และในนํ้าก็
มากเกินพอ มนุษยก็ยังสามารถหาวิธีตางๆ ในการปรุงแตงรสไดอีกมากเกินพอเสียดวยซ้ํา ทําไมยังตองฆาแกง
สัตวท่ีมีเลือดเนื้อเชนเรา ซ่ึงมีชีวิตท่ีมีความรูสึกอยางเดียวกัน จับมากินเพ่ือความอรอยปากช่ัวประเดี๋ยวเดียว
เพียงวางชอนสอมลงรสชาติก็หมดไป แตบาปกรรมน้ันคงอยู ซ่ึงไมควรทําผิดแบบนี้เลย ผูคนเสียเงินเปนหม่ืน
เพราะรสชาติ เพียงขยับนิ้วหลายพันชีวิตก็จบลง หากเอาอาหารเจมาแทนเน้ือ ก็จะแทนการตายไดมาก ผลได
กับผลเสียนี้ ไมอ าจคํานวณไดถ ูกตองเลย!

ถาหากกินเจกันจริงๆ ใจของเราก็จะมีความ สงบสุขอยางไรขอบเขต ท้ังยังคุณประโยชนตอรางกายเปน
อยางยิ่ง ไมก่ีปมาน้ีแตละประเทศ มีผูหันมานิยมบริโภคกันมาก สาเหตุเน่ืองมาจากวิทยาการกาวหนา มีการ
คนควาคุณคาในการบริโภคอาหารเจ กับอันตรายที่เกิดจากการบริโภคเนื้อสตั ว ซึ่งมีหลักฐานท่ีจะพิสูจนไ ดและ
มีขาวรายตางๆ ที่จะแจงใหทราบ ชีวิตของแตล ะบุคคลยอมรักและหวงแหน ดังน้ัน การกินอาหารเจเริ่มถือเปน
เรื่องธรรมดา ความนิยมการกินอาหารเจน้ี ท่ีประเทศอเมริกันต่ืนตัวมากท่ีสุด การกินอาหารเจน้ีมีการอธิบาย
และแสดงความเห็น ถึงแมจะไมเดด็ ขาด แตเปนการเปล่ียนแปลงอุปนิสัย การบริโภคไปในแงด ีของสังคม ถึงแม
ชีวิตจะตอ งดับลง เราก็ตองยดึ หลกั ไวโดยไมยอมบรโิ ภคเนื้อสตั ว และกไ็ มไดขึ้นกบั ทีว่ า จะถกู หลักอนามัย หรอื

13

ไมถูกหลักอนามัย มาเปนขออางในการบริโภคเน้ือสัตวหรือไมมีการวิจารณอยางหนักแนน บริโภคผักมี
ประโยชนอยางแนนอนเชนกัน ดังนั้นการหามฆาสัตวก็มีพื้นฐานที่ไดจัดต้ังขึ้นแลว เสียงโศกเศราโหยหวนของ
สัตวที่ถูกฆา ไดสะทานสะเทือนจิตคนไดงายท่ีสุด ในหลักวิทยาศาสตรไดมีการพิสูจนถึงผลราย ในการบริโภค
เนือ้ สตั ว ขาใครน าํ เอา “พิษ” ตางๆ ในการบรโิ ภคเน้อื สตั วมาอธบิ ายเปนขอๆ ดังนี้

ขอ ที่ ๑.นักวทิ ยาศาสตรชาวฝร่งั เศส นายชารส คนพบวา ภายในเนื้อของสตั ว มีสารพิษอยูชนดิ หน่ึง ตอนที่
สัตวไดรบั ความเจ็บปวดทรมาน กจ็ ะเพ่มิ สารพษิ มากข้ึนเปนลําดับ แลว ก็จะแผซา นไปท่ัวรางกาย ถา หากเรากิน
เนอื้ ชนิดนแ้ี ลว กจ็ ะไดรับอนั ตรายอยางมาก มีนักวทิ ยาศาสตรชาวอเมรกิ า ชอ่ื วา ไอด มาไคร กลา ววา “ตอนท่ี
รางกายคนเรามอี ารมณเปลย่ี นแปลงขนาดหนักอยูนั้น ก็จะมสี ารหลายชนิดระบายออกจากรางกาย เชน ตอนที่
มีโทสะโกรธอยูนั้น เหงื่อที่ไหลออกมา ก็จะมีสีแตกตางจากเหงื่อท่ีไหลตอนที่รางกายกําลังโศกเศรา แมแตลม
หายใจที่เปาออกจากรางกาย กจ็ ะมสี ารตางๆ ออกมาดว ย เขาเองไดท ดลองเปาลมหายใจ เขา ไปในหลอดแกวที่
แชเย็น แลวสงั เกตดูพบวา ตอนท่ีเขามีรา งกายปกติก็จะมหี ยดน้ําทีป่ ราศจากสี แตตอนท่ีกาํ ลงั โกรธจัดๆ หยดนํ้า
ท่ีไดก็ไมเหมือนกัน หลังจากเปาลมเขาไปหลอดแกวไดหานาที หยดน้ําท่ีไดจะมีสีและสารขุนๆ น่ันก็แสดงวา
ตอนท่ีรางกายมีอารมณโกรธก็จะมีสารบางชนิดเกิดข้ึน เขาก็เลยใชวิธีดังกลาว ทดลองสภาพของจิตตางๆ ก็
พบวา ตอนท่ีจิตใจโกรธก็จะมีสารสีฝามัว ในขณะเศราเสียใจ รางกายจะขับสารสีเทาขาว และขณะเจ็บแคน
รางกาย จะขับสเี ขยี วไผออกมา ตอ มาเขาก็ไดท ดลองตอไปพบวา ถา เอาสารฝา มวั ที่อารมณโกรธของนาย ก. ฉีด
เขาไปใหนาย ข. หรือสัตวทดลอง นาย ข. จะมีอารมณโกรธขึ้นมา แนนอนสัตวก็จะแสดงอารมณโกรธข้ึนมา
ทันทีเชนกัน เขาเอาสารท่ีเปาออกจากคน ท่ีมีอารมณเศราเสียใจ ฉีดเขาไปใหหนูและหมู ภายในไมกี่นาที
สตั วทดลองก็ตายลง

จากการทดลองตางๆ พอสรุปไดด งั นี้ ถารางกายมีอารมณเคยี ดแคน จะสูญเสียพลังงานไปมากทีเดียว ถา
สารพิษที่ปะปนกัน ย่ิงมีหลายชนิดพิษรายก็ยิ่งมาก ในขณะท่ีทารกกําลังดูดนมมารดา ประเหมาะมารดาเกิดมี
อารมณเปล่ียนแปลงอยางรุนแรงภายหลังดูดนม ทารกนอยจะเกิดอาการไมสบายเจ็บปวยลง อันน้ีก็สืบเน่ือง
จากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ รางกายก็จะปลอยพิษรายออกมาอยางแนนอน ดวยเหตุฉะนี้ เน้ือสัตวที่เรา
รับประทานเขาไปในทองทุกๆ วัน ซึ่งมีพิษรายอยางแนนอน สัตวยอมเกิดความเคียดแคน และเจ็บปวดอยาง
แสนสาหัส ยอมมีสารพิษข้ึนและเจอื ปนอยูในเน้ืออยางแนนอน กินเขาไปแลวจะมีอะไรบํารุงอีกหรอื ? อันตราย
จริงๆ

ขอที่ 2.ปจจบุ นั วิทยาศาสตรก ารแพทยคน พบวา ภายใตก ลอ งจุลทรรศนทีส่ องลงบนเนือ้ สตั ว จะพบจุลชีพ
ชนิดตางๆ จุลชพี รายเหลานี้เมื่อเขาไปในรา งกาย กม็ ผี ลไมน อ ยตอ รางกาย อยางเบาๆ ก็ทาํ ใหเกดิ ความเจ็บปวย
อยางหนักๆ ก็ถึงแกชีวิต ในเน้ือหมูเน้ือวัวมีเช้ือหนอนเปนเสนๆ อยูไมนอย ดังน้ันจากการสํารวจของประเทศ
สหรฐั อเมริกา เชือ้ หนอนเสน ของคนที่เปนได ติดมาจากเนื้อหมูและเนื้อวัว ๙๐% และยังตรวจพบวา วัวควายท่ี
เปนโรคปอดมีกวาคร่ึง และสาเหตุคนเปนโรคปอด ก็ติดมาจากเน้ือวัวเปนสวนใหญ ในโรคทองเสีย (อหิวาต)
เชอื้ นไี้ ดรบั จากเนอื้ หมูในประเทศอังกฤษ มีโรคลมอาการปวดมาก

14

สมัยกอนคิดวามาจากพิษเหลา แตปจจุบันพบแลววามาจากบริโภคเน้ือสัตวมาก และยังพบอีกวาพวก
บริโภคเนื้อ มักเปนโรคเบาหวาน การสูบฉีดของเลือดไมดี เปนผลทําใหสมองผิดปกติ ซ่ึงทําใหเกิดการช็อคขึ้น
เปนลมหมดสติไป การบริโภคเนือ้ ไดล ดสารตอตานโรคมะเร็ง จึงเกิดเปนมะเร็งกันมาก บริโภคเนื้อดมื่ เหลามาก
ไป เกิดโรคไตอักเสบไดงาย เอาเถอะ! ขาจะไมพูดเรื่องการแพทยกับทานมากนัก ขาเพียงแตอยากใหพวกทาน
ไดรูวา ปจจุบันมีความจริงมีหลักฐานที่พิสูจนกนั ได เพ่ือแสดงใหเหน็ วา การบริโภคเน้ือมีโทษอยางแนนอน มิใช
พูดลอยๆ โดยไมมีหลักฐาน ในฤดูรอนเน้อื ก็เนาเสียไดง าย พูดไปพูดมาไมพนกินเนอ้ื มีอันตรายมาก ซ่ึงเปนเร่อื ง
พื้นๆ ไมจําเปนตองพูดมาก เนื้อที่เกิดหนอนขึ้นเปนประจําน้ี ก็เขาไปในปากของเราทุกๆ วัน ระวังเถอะ สักวัน
หนึ่งก็จะเจอดขี นึ้ นา กลัวจรงิ ๆ !

ขาจะพูดเก่ียวกับการกินเจอีกครัง้ หน่งึ การกินการดมื่ มปี จจัยที่สาํ คัญคือ เพ่ือการดํารงชีวิต ดังนัน้ อาหาร
ท่ีเรารับประทาน จําเปนตองสรรหาส่ิงที่มีคุณคาดานพลังงาน สิ่งควรรูก็คือ พลังงานที่ไดเปนพลังงานจากดวง
อาทิตย ซ่ึงเปนพลังงานความรอน ภายใตฟาดินน้ีก็มีเพียงธัญพืชที่เติบโตภายใตแสงอาทิตย สามารถดูดซึม
พลังงานไดมากท่ีสุด และสามารถใหพลังไดสูงสุดก็คือพืชพวกใหเมล็ด ถาหากเราแยกธาตุตางๆ จากเน้ือสัตว
เราจะพบกรดอะมิโน แลคโตด และเกลือแรตางๆ พวกพืชท่ีใหเมล็ด เชน ขาว ขางสาลี และถั่วตางๆ ก็มีธาตุ
ตางๆ เหลาน้ีอยูครบถวน แถมยังมีกรดอะมโิ นซงึ่ เปนพวกโปรตีนถงึ ๔๐% มากกวาในเนื้อสัตวเสียอีกซงึ่ มเี พียง
๒๐% เทานน้ั โปรตีนในเนื้อสตั วยอ ยลําบาก เนอื่ งจากโครงสรา งประกอบการขนึ้ เปน เน้ือของสตั ว และมีคุณคา
ดอยกวา ในการใหความเจริญเติบโตแกร างกาย เม่ือเปรียบเทียบความใหมกวา ดีเลวระหวางโปรตีนของพชื กับ
เน้ือสัตวแลว ทานกจ็ ะเห็นไดอ ยางกระจางชัด! อาหารการกินของเราท่ีจริงควรเลือกจากใหมสดมใิ ชห รอื ภายใต
ฟาดินนี้ การเจริญเติบโตของธัญพืชอาศัยแสงอาทิตย ฝนฟาซ่ึงบริบูรณพอในการเล้ียงชีวิต ไมจําเปนตองไปกนิ
ของเกา ทเ่ี นาเปอยงาย และไรคณุ คา อยา งเนอื้ สัตวนนั้ เลย!

ถาหากเปรยี บเทียบ การกนิ เจกับกินเนอื้ แลวละก็ เราจะเห็นความแตกตางไดหลายๆ อยาง เชน คนกินเจ
จะมีอายุยืนยาวกวา พวกกินเนื้อสัตวจะออนแองาย การบริโภคเนื้อสัตวกอใหเกิดกามราคะมากกวาการกินเจ
พวกกินเจจะมปี ระสาทท่ีสดช่ืน การบริโภคเนอ้ื ประสาทจะขุน เครียด ผกู นิ เจจะมสี มองทีฉ่ บั ไว สวนผบู รโิ ภคเน้ือ
สมองจะทือ่ ทบึ กินเจจะมีพลังวังชายาวนาน เลอื ดจะสดใส ทําใหมีความตานทานโรคสงู ผูบรโิ ภคเนอื้ พลงั วังชา
จะนอย และเสนเลือดจะขุนขนและทําใหเจ็บปวยงาย ในการแขงขันกีฬานานาชาติ ผูท่ีไดรับชัยชนะสวนใหญ
จะเปน ผบู รโิ ภคพชื ผกั ซงึ่ กเ็ ปน หลกั ฐานยนื ยนั ได เราจะพบวา ผทู ี่สามารถตั้งตวั ได ไมวาสว นบุคคลหรือสว นรวม
สวนใหญจะเปนคนที่ไมมีเลือดรอน อารมณรุนแรงคนโบราณกลาวไดดีวา “ผูบริโภคเนื้อคนช้ันต่ํา” ถาหากเรา
จะเปนคนที่มีสงาราศีดลี ะก็ ตองขจัดการบริโภคเนือ้ เสีย หันมากินเจมันไมเ พียงแตม ีประโยชนส ูงสุดตอรางกาย
เทานน้ั มันยงั กอใหเกิดสันติสุขอันไรข อบเขตของจิตใจดว ย

๕.ตอนนี้เปนบทสุดทายแลว ขาเปนพุทธศาสนิกชน ขาใครขอวิจารณเกี่ยวกับศีลขอหามการฆาสัตวตัด
ชวี ติ มิใชมเี พียงแตศ าสนาพุทธเทา น้ัน มันเปน หลักขอสําคัญท่มี อี ยูในธรรมของหลกั ศาสนาอื่นทั่วๆ ไป เปน หลัก
ปฏิบตั ิทส่ี ําคัญของมนุษยธ รรม ดวยศาสนาพทุ ธมีขอหามฆา สตั วตัดชวี ติ มเี หตผุ ลที่เครงครัด ไมว า ศลี ๕ ศีล ๑๐
หรือศีล ๒๒๗ หรือศีลโพธิสัตว ตางก็มีศีลหามฆาสัตวตัดชีวิตเปนขอแรกดวยกันทั้งน้ัน ถาพรอมที่จะกอกุศล

15

ตอ งเริม่ จากศีลขอนี้ อนั วา ผคู นในโลกนี้ ทกุ ๆ คนก็ลวนแลว แตบริโภคเนอ้ื กนั ทัง้ น้ัน และก็ไมไ ดรับโทษเพม่ิ อะไร
เลย จะไปกลวั อะไรกนั ? เฮอ! คนทม่ี ใี จแบบนี้ ก็ไมต อ งไปถามอะไรเขาอกี แลว ลองพิจารณาจากพื้นจิตของพวก
เขา ถา หากปลอ ยปะละเลยศีลขอนี้ เรอ่ื งเก่ียวกับชีวติ ก็ไมอ ยใู นสายตาเชนกัน แนน อนเราตองเขา ใจการหามฆา
และการคุมครอง ซ่ึงตองมีอยูในทุกตารางนิ้วของจิตใจ โดยไมตอ งคํานึงวา ขางนอกจะมีกฎการหามฆาหรือไม?
หากไมถือโอกาสนี้ ทดสอบพ้ืนจิตตนใหแผเมตตาจิตออกไปละก็ สักวันหน่ึงโอกาสนี้จะสูญไปเม่ือถึงเวลานั้น
หนาตาเปลี่ยนไป (เกิดเปนสัตว) แมจะมีรางกายก็จะทําอะไรได? แมจะมีหูมีตาก็ไมสามารถจะเห็นจะไดยินได
แมมีความในใจก็ไมสามารถจะเปดเผยออกมาได ทานทั้งหลาย! อยาคิดวามีอายุยืนไดถึงรอยป ช่ัวพริบตาก็จะ
เปล่ียนชาตกิ าํ เนดิ คิดแลว ใจหาย! ทุกคนรูเพียงวาชาตินี้ขาเกดิ มาเปน คน หารไู มว า ชาตทิ แี่ ลวมาไดเกิดเปนสัตว
อืน่ ประเภทไหนบาง แลว ชาตติ อ ไปขา งหนา จะไปเกดิ เปน อะไรอีกเลา ?

ดังน้ัน พระพุทธเจาจึงกลาว “สัตวที่ถูกฆาตายในชาตินี้ ก็เปนญาติมิตรของขาในชาติกอน” กลาวอยาง
เชือดเฉือนท่ีสุด มิไดกลาวเท็จ พุทธพจนที่วา “คนมีความคิดความจําดุจผืนนากุศล และอกุศลที่เกิดขึ้นเปน
เมล็ดพันธุ หากมีจิตคิดฆาเกิดขึ้น เมล็ดพันธุน้ีก็จะฝงเขาไปในผืนนาแหงความคิด ความจํา กลายเปนเคราะห
กรรม ท่ีตองเวียนเกิดเวียนตายไปตลอด” สรรพสัตวที่ถูกฆา ก็จะเกิดความเคียดแคน ขึ้น ก็จะถูกฝงเขา ไปในผืน
นาแหงความคิดความจําน้ี กลายเปนเวรกรรมที่เคียดแคนไปตลอดไมมีส้ินสุด ชาติแลวชาติเลา ดวยกฎแหง
กรรมนี้ จะตามลางตามสนองซงึ่ กนั และกัน โดยไมมเี วลาทีจ่ ะสิน้ สุดลง

พระแหง สระปทมุ กลาววา “ขา รอ งตอผคู นวา ไมก ลาบังคับเจากนิ เจ แตจ ะเตอื นเจาหา มฆา สตั ว ครอบครัว
ทีไ่ มฆ า สัตว เทวดาคุม ครองเคราะหก รรมลบลางไป อายยุ นื ยาว ลูกหลานกตญั ู ทุกส่งิ เปนสริ มิ งคล” ซึ่งไมอ าจ
กลาวไดหมด คําพูดที่กลาวมาน้ี ไมใชเอาใจคน ความจริงเปนกฎแหงกรรม อะไรคือกฎแหงกรรม ขาจะกลาว
เปนการปด ทายรายการนี้!

เหตุการณท่ีเกิดข้ึนในโลกน้ี ลวนแลวแตเปนผลของกรรมเก่ียวของ การเกิดการตายในชีวิตของคนเราน้ัน
บุญมากหรือบุญนอยเจริญรุงเรืองหรือเสื่อมลง อยูในประเทศหนึ่งหรือท่ีที่หน่ึงที่เจริญหรือเสื่อมลง มิใชเกิดขึ้น
โดยการบังเอิญ และไมใชเกิดจากการวางเปลา ด่ังคนโบราณกลาววา ส่ังสมบุญกุศลเปนสิริมงคลเหลือลน สั่ง
สมอกุศลรับเคราะหกรรมเหลือลน คําวาสั่งสมกับเหลือลนก็เปนธรรมะของกฎแหงกรรม แลวธรรมขอนี้กับกฎ
การคาํ นวณเหมือนกัน หน่งึ บวกหนง่ึ ตอ งเปนสอง สามคณู สามยอ มไดเ กา ซ่ึงไดผ ลลัพธท่แี นนอน เม่ือมเี หตดุ ังน้ี
ก็ตอ งมผี ลดงั นี้ เนือ่ งจากเหตุท่ีมีอยู ผลท่ีไดยอ มปรากฏปรมิ าณของผลท่ไี ดยอ มสมดุลกับเหตุที่มีอยู ดว ยเหตุผล
งายๆ ของกฎแหงกรรมน้ี หวังวาผูคนคงเขาใจ เหตุและผลท่ีสับสนก็ไมอาจเขาใจได เหตุอันหนึ่งท่ีปลูกลงไปไว
แลว เมื่อถึงเวลาหากไมสนองตอบมาใหน้ัน ยอมตองมีเหตุการณอ่ืนสรางไวปะปนเขาไป แตก็ไมพนการ
สนองตอบใหเชนเดียวกัน ทําใหเหตุผลอันน้ีไมใชเ หตผุ ลอันเดียวกัน แตกลายเปนเหตุและผลหลายๆ อันสับสน
กันเทาน้ันแหละ การเปล่ียนแปลงสบั สนรอยแปดของคนในโลกนี้ กับการเปล่ียนแปลงรอยแปดของใจคนน้ัน มี
การเก่ียวพันสนองตอบซึ่งกันและกัน ดังน้ันในชองทางเกิดท้ังหกชองทางน้ัน จึงมีสภาพตางๆ ปรากฏขึ้น
เนือ่ งจากเหตกุ ารณค วามนกึ คดิ ของจิตใจคนนั้น ไมเคยหยดุ ยัง้ เลย จึงเกิดมผี ลดแี ละผลรา ยสนองตอบซง่ึ กันและ
กนั

16

ดงั น้นั กรรมดีหรอื กรรมรายที่สนองตอบกอนหลัง ลวนมาจากเหตกุ ารณก ระทําท่ีเปลยี่ นแปลง จะเปลี่ยน
ตามไปดวย เหตุของกรรมเม่อื มีโอกาสเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ผลการตอบสนองก็เปล่ยี นไปตามกาลเวลา ถงึ แม
การเปล่ียนแปลงนน้ั จะมีการสับสนแตเ หตุและผลเปรียบเสมือนเจาหนี้มาทวงหนี้ ฝายใดมีกําลังกวาก็ดงึ เอาไป
กอนเทานั้น ดังคําท่ีวา ช่ัวหรือดียอมตอบสนองในท่ีสุด เพียงแตจะเร็วหรือชาเทานั้น เหมือนปลูกแตงยอมได
แตง ปลูกถว่ั ยอ มไดถ ่วั เปน ส่งิ แนแ ทท ี่สดุ

เน่ืองจากพระพุทธเจามีทิพยเนตร สองไดท่ัวทุกทิศแจงทะลุท้ังสามโลก ไมมีสิ่งบดบัง จึงกลาววา การ
ตอบสนองตามกฎแหงกรรม ลวนยึดหลกั ที่แทจริง เน่ืองจากพระพุทธเจาทรงแลเห็นอยางน้ัน เนื่องจากไดหลดุ
พนจากกาลสมัย ไกลสุดถึงความเปน มาของเคราะหกรรม เห็นไดชัดเจนเหมือนเราแลเห็นสิ่งของตางๆ ตอหนา
ตอตา แตตาเน้ือของเราเห็นเพียงส่ิงของที่วางอยูตอหนาเทาน้ัน ซ่ึงไมสามารถเห็น เหตุผลท่ีอยูเหนือกาลเวลา
ตาเน้ือแลเห็นส่ิงของ ไมวาจะชัดเจนเพียงไร ถามีกระดาษมาค่ันกลาง ก็ไมสามารถเห็นของไดอีกแลว อยาวา
เหตุผลที่อยูเหนือกาลเวลาเลย ยิ่งไมตองพูดถึง เนื่องจากสรรพสัตวอยูในวัฏฏสงสาร เวียนตายเวียนเกิด
ติดตอกันไป ความจํากัดก็เปลี่ยนแปลงไป ขันธหาบดบัง เหมือนกระดาษบงั ตา รูแ ตช าตินี้ ชาตทิ ่ีแลว หารไู ม เรา
ควรรูวา ปญญากับความรูนั้นตางกัน ปญญาเกิดจากบรรลุฉับพลัน ฉายสองไมมีบดบัง ทุกส่ิงทุกอยางท่ีเกิดข้ึน
ในโลกน้ี ไมมีที่ไมรูเร่ืองของความรู จะเปนเร่ืองท่ีมีขอบเขต เปนเรื่องธรรมดาท่ีสามารถจะตรึกตรองนึกคิด ซ่ึง
คนธรรมดาสามารถมองเห็นจบั ตอ งได และคิดถึงได ปจจุบันน้ีความรูท้ังหลายนี้ เชน วิทยาศาสตร วิชาปรัชญา
เราเปน พุทธศาสนกิ ชน ที่ศรัทธาไมมีขอ ขดั แยง ยังตองยนิ ดีสง เสริมดวยซา้ํ !

ถาหากคิดจะเอาความรู มาตําหนิพุทธศาสนา ตีคุณคาของพุทธพจน หรือกลาวรายตอพระธรรมซึ่งไม
สมควร และไมมีความสามารถดวย พวกเราเขาใจหลักของวิทยาศาสตร ซึ่งหนักไปทางดานพิสูจนได จึงจะ
เช่ือถือ แลว เอาวธิ ีการอะไรพิสจู นละ ? กค็ งไมพ น อวยั วะทงั้ หาบนใบหนาไปพิสจู นใชไหม? วธิ ีพิสูจนจ ะละเอียด
แคไหน ก็ไมพ นจากอวยั วะท้ังหา นี้ ขอถามหนอ ยเถอะวา อวัยวะทงั้ หานเ้ี ชือ่ ถอื ไดแ คไ หน? ตวั อยา งอจุ จาระ คน
จะรสู ึกเหม็นจนไมอยากเขาใกล แตสนุ ัขสามารถกนิ ได จะพบวา ล้ินท่ใี ชช ิมรสก็ไมสามารถเปนมาตรฐานได แลว
รอยเทาท่ีคนเดินผานไป สุนัขสามารถดมตามกลิ่นได แตคนมีความสามารถไหม? ท่ีเหลืออีกมากมาย ก็
เชนเดียวกัน เมื่อมองดูแลว คําถามคําตอบของวิทยาศาสตร ก็ลวนอาศัยอวัยวะทั้งหาไปคนควา จะมี
ความสามารถไปเสียทุกอยา ง ใครเช่อื กบ็ า ละ? ถาเราถอยหลงั มาพูดวา เชื่อถือวทิ ยาศาสตรท ่ีคนควา มาน้นั เปน
สิ่งท่ีแนแท แตวาฟาดินกวางใหญไพศาล สภาพของคนน้ันเล็กจนไมอาจเทียมกันได ย่ิงความคิดเห็นของท่ีมีมา
ยิ่งมีขอบเขตจํากัดเหลือเกิน แถมดวยความคิดเห็นอันจํากัดแคน้ี ยังยึดมั่นเช่ือถือไมไดดวย? ฉะนั้นจึงตองใช
ปญญาธรรมจึงจะยืนยันได และใหความสวางแจงถึงกฎเกณฑของทุกอยางในโลกที่เกิดขึ้นมา หากใชเอาแต
ความรู จะทําไมไ ดแ นนอน

ยังมคี นอกี จาํ นวนหนึ่ง ท่ไี มย อมเชอื่ กฎแหงกรรม กย็ ังคงยึดถอื หลักของวทิ ยาศาสตร ทตี่ อ งพสิ จู นไ ดจงึ จะ
เช่ือ แตถา พูดถึงการพสิ ูจน ไมค วรเพียงพิสูจนโดยหแู ละตาเทา นั้น ควรจะเชื่อผลพิสูจนจ ากสว นรวมท่กี วางใหญ
หลักฐานก็ควรเอาคํากลาวอางของนักปราชญ ต้ังแตโบราณจนถึงนักปราชญปจจุบัน มาเปนหลักฐานถึงจะ
ถูกตอ ง ตง้ั แตโบราณมามหี ลักฐานมากมายกายกองใหเราไดเ หน็ ถา หากยงั เหลอื ขอสงสยั ยงั ตองรอใหตนเองไป

17

พิสูจนคนพบแลวจึงจะเช่ือ แมจะมีหลักฐานยืนยันแลว ก็ยังมีขอสงสัยไมยอมเชื่องั้นหรือ? พระอิ้งกวงกลาววา
“การสนองของกฎแหง กรรม มีมากมายในคัมภีร นา เสียดายทีน่ ักปราชญไ มยดึ ถือ เปนเร่อื งเกดิ เร่ืองตาย ดังนน้ั
การไดเห็นก็ถือวาไมเห็น เพราะฉะนั้น ผูท่ีมีพ้ืนบุญกุศลดีอยูแลว ก็ไมจําเปนตองมีหลักฐานจึงจะยอมเชื่อถือ
สว นพวกท่ีมีบาปหนักถึงแมม หี ลกั ฐานก็ตามกย็ ังไมเชื่อถือ แตจ ะเช่ือหรือไมเปน เร่ืองแตละคน หลักฐานกย็ ังเปน
หลักฐาน กรรมตามสนองเปนของจริงที่แนแท ไมใชวาไมเชื่อแลวไมยอมรับ แลวจะสามารถเปล่ียนแปลง
กฎเกณฑได ชาวบานสวนใหญเหน็ เปนเร่ืองยุงยากเฉพาะหนา ในที่สุดก็ไมส ามารถจะหลีกเล่ียงผลกรรมทกี่ อ ไว
ไดน าอนาถจริงๆ

เจŒาแม‹ถือมังสว�รตั ิ อยา‹ ฆ‹าสตั วต ัดช�วต� เอามาเซ‹นไหวŒ

ประวัติเจาแมเปนชาวเมืองมี้จิว อําเภอโปวชั้ง มณฑลฮกเฮ้ียน ในสมัยราชวงศซอง ช่ือ ฮุงมิก แซลิ้ม
ต้ังแตเล็กก็กินเจสวดมนตไหวพระ ฝกฝนความเพียรจนบรรลุนิพพาน ไดรับราชโองการจากเง็กอวงฮองเต ให
เปนเจาแมแหงสรวงสวรรค โดยปกติมักอวตารมาชวยชาวประมงอยูเปนนิจ ดวยเหตุฉะน้ีชาวเมืองทางมณฑล
ตะวันออกเฉียงใต จึงนับถือยิ่งนัก เจาแมมีความเมตตากรุณา ผูสวดออนวอนมักจะไดรับการชวยเหลือ มี
ปรากฏเปนหลักฐานสืบทอดกันมานับรอยๆ ป จึงเปนท่ีนับถือของชาวประมงทางทิศตะวันออกเฉียงใต
ชาวประมงจงึ เซน ไหวแ ละนบั ถือเปน “เจาแหง ทองสมุทร”

ไมกี่ปมานี้ ดวยการปกครองของรัฐบาลไตหวัน ทําใหเศรษฐกิจเจริญรุงเรืองประชาชนม่ังมีศรีสุข ถึงแม
วิทยาศาสตรกาวหนาก็ตาม แมแตชาวเมืองท่ีไมไดเปนชาวประมง ก็พากันเคารพนับถือมากมายนับไมถวน
เนื่องจากคมนาคมสะดวก ศาลเจาทุกแหงจะมีพวกนับถือไปกราบไหวมากมาย โดยเฉพาะวันคลายวันเกิดใน
วันท่ี ๒๓ เดือนสาม ของปฏิทินจันทรคติ จะคลาคลํ่าไปดวยผูคนมากมาย อยางไรก็ตาม พวกที่นับถืออยาง
จริงใจ ก็ยังมีความผิดพลาดที่มหันตอยูอันหนึ่ง น้ันก็คือเม่ือเจาแมยังมีชีวิตอยู เจาแมถือมังสวิรัติ แตปจจุบัน
พวกสาธุชน ก็ยังคงฆาสัตวตัดชีวิตเอาสัตวไปเซนไหวเจาแม แมจะไดรับการเซนไหวเชนนี้ แตเจาแมรับไมไดย งั
ไมพอ เจาแมทุกขโศกหล่ังน้ําตา สงสารสัตวเหลาน้ันที่ถูกฆา อันนี้เปนนิสัยที่สืบทอดมา และก็ไมมีใครแนะนํา
ชักจูงใหใชดอกไมสด และผลไมมาเซนไหวก็พอ เน่ืองจากเจาแมมีมหาเมตตากรุณา ชวยเหลือมวลมนุษย
มากมาย ใหพนจากเคราะหกรรม ถาหากพวกเราจะตอบแทนบุญคุณเจาแม นับถือเจาแมละก็ พยายามทํา
ความดีกอกุศล ชวยเหลือผูอื่น ชวยสังคม จึงจะเปนท่ีตองประสงค ประกอบความเพียร และกินเจ ถาจะมา
กราบไหวที่ศาลเจา ก็ควรกินเจอาบนํ้าใหสะอาด จิตใจผองใส สํารวมมารยาท เพียงคํานับหรือไหว หรือคุกเขา
ไหวก็ตาม จิตใจเต็มไปดวยความนับถือ เทานี้ก็เปนการเพียงพอแลว ทําไมตองตัดชีวิตสัตวมาเซนไหว? หรือ
พวกท่ีอยากจะขอความเมตตา ใหชวยเหลือเพียงธูปเทียนดอกไม และผลไมแลวนั่งอธิษฐานแสดงความในใจ
เจาแมก็จะรับรู ก็เปนการเพียงพอแลว ทําไมตองฆาสัตวอีกเลา? หากวาระลึกถึงบุญคุณ เม่ือเขามายังศาลเจา
แลว กลาวถวายสิ่งท่ีปฏิบัติดี คุณธรรมที่สรางไว กราบเรียนตอหนาเจาแม ก็จะเปนที่ช่ืนชมของเจาแมมาก?
ดีกวาตองเสียเงินเสียทองไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองมาไหวเจาแม ซึ่งทานไมไดใช? หากจะฉลองวันคลาย
วันเกิดของเจาแม ยิ่งไมควรฆาสัตวตัดชีวิตเปนอันขาด มีประวัติกลาววา ตอนเจาแมมีชีวิตอยูในโลกเปนลูกที่
กตัญูมาก วันลาโลกของแม จะตองสวดมนตส ักการบูชาพระ เพ่ืออุทิศกุศลใหพอแมมีอายุยืนยาว แตทุกวนั นี้

18

เมื่อถึงวันคลายวันเกิดเจาแม มีการฆาสัตวเปนการใหญ เปนวันที่สูญเสียชีวิตสัตว แลวเอาสัตวนั้นมาไวบนโตะ
บูชา เพ่ือขอพรใหอายุพอแมยืนยาว หรือขอพรกับเจาแม หรือเอามาแกบนตอเทพเจา ยิ่งดูนาเศราสลด แมแต
มดนอยตัวหนึ่งท่ีไรปญญา เจาแมก็ยังเมตตาไมถือโทษ เจาแมผูมีมหาเมตตาจะไมเศราสลดใจไดอยางไร? กับ
การกระทาํ ขางตนนี้

เจริญพร! สวรรคอยากเอยแตไมมีวจี อยากพูดก็ไมมีเสียง มีใครรูบางไหมวาวันคลายวันเกิด เจาแม
เพงมองมายังเบื้องลาง สรรพสัตวไมยอมฝกฝนความเพียร เอาแตเลหเหล่ียมตมตุนเงินทอง ไมสะสมบุญบารมี
ตรงกันขามก็เอาแตข อใหพระชวยเหลือ หรือถามหมอดูวุนวายไมห ยุดหยอน สูญเปลาไปชั่วชีวิต ตกอยูในทะเล
ทุกขวนเวียนไมจบ ตอนน้ีจิตของเจาแมคงทุกขโศกยิ่งมิใชหรือ? และยิ่งไดเห็นวันคลายวันเกิดของตนเอง ผูคน
กลบั สรา งบาปกอเวรหนกั ย่ิงขนึ้ (ฆาสตั วเ อามาเซนไหว) ชาวบานไมเ ขาใจ “กฎแหงกรรม” กนั เลย ตรงขา มซาก
สตั วบ นโตะ บชู า เอามาขอบุญตอชีวติ เจาแมก ็ไดแ ตเศรา เสียใจหล่งั นา้ํ ตามใิ ชห รือ?

ดังน้ัน จึงใครวิงวอนผูคนท่ีอยากกราบไหวเจาแม จงประพฤติแตกรรมดี ออมอกสวรรคแผกรุณา
โดยเฉพาะผทู ่ีจะตอบแทนเจาแม ควรประพฤติดีตอ สังคม สรางคุณงามความดี ตัดโลภ โกรธ หลง เคารพฟาดิน
เคารพเจาเทวดา เคารพพอแม เคารพบัณฑิต ตองไมพูดกลาวราย พูดแตความดี อยาพูดปลิ้นปลอน อยาพูด
สอ เสียด จงพดู แตหลกั ธรรมตักเตือนใหผูอ่นื ประพฤตดิ ี รกั ษาศีล ประกอบความเพยี ร ถาจะสรา งบุญบารมี กจ็ ง
บริจาค ขาว โลงศพ สรางสะพาน สรางทาง ซอมสรางศาลเจา วัดวาอาราม สรางพระ พิมพหนังสือธรรมะ
บรจิ าคทรัพยอ ยา ข้ีเหนียว ออกแรงกไ็ มบน ไมคดิ ใหผ ลตอบแทน ไมตอ งใหคนรู ทาํ บุญอยูตลอด ถา หากอวยพร
ใหสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ ก็ใชแตมังสวิรัติ เชน ขนมทอ เสนหม่ี ผลไม ถาหากใครใชสัตว ก็ใชถั่วทํารูปจําลองรางสัตว ไม
ควรฆาสัตวตางๆ เหลาน้ี แมจะไมขอพรสวรรคก็บันดาลใหเจาแมก็คุมครองดวย ถาหากจิตศรัทธา ก็ใชอาหาร
เจและผลไม

ถาหากทานอยากจะเล้ียงแขก ท่ีกินเจสักคนหนึ่ง แตทานก็เอาอาหารเนื้อสัตวมาเลี้ยง ทานลองคิดดูซิวา
แขกผูนั้นจะกลากินหรือ? การกระทําเชนน้ีจะมีความเกรงใจหรือไม? เหตุผลก็เชนเดียวกัน ถาหากเธอรูวาเจา
แมเปนผูถือมังสวิรัติ แลวเราเอาอาหารเน้ือไปเซนไหว เธอคิดดูวาเจาแมจะรับหรอื ? แลวเรายังนับวาเคารพนับ
ถือหรือ? แตก็มีคนพูดวา ลูกศิษยลูกหาของเจาแมอาจกินเน้ือ แตช่ือท่ีเราเซนไหวก็คงเปนช่ือของเจาแม มิใช
หรือ? ดังน้ัน “ถาหากเปนเทพเทวดา ก็ตองไมเสพเน้ือสัตว” เทพเทวดาท่ีเที่ยงธรรม ยอมพอใจลูกศิษยลูกหา
กราบไหวแตของเจ งดเวน การฆาสตั ว เพ่ือตอบแทนฟา ดนิ ทีร่ กั ทุกชวี ติ เมื่อเจาแมถ ือเจ ลูกศิษยลูกหายอ มไดร ับ
การขัดเกลา อบรมบมนิสัยจากเจาแมมานานแลว ก็ยอมไมชอบเสพเน้ือ มิฉะน้ันจะไดรับเปนลูกศิษยเจาแม
หรอกหรอื ดังนั้น เมือ่ เธอมจี ิตศรทั ธาจรงิ กจ็ งใชอาหารเจไหวพระ ยอมไดรับการคุมครองจากพระแนน อน

ถามไมต‹ อบ เนอ่ื งจากไมค‹ วรใชŒซากสัตว

ประมาณ ๒ ป ไดยินเขาเลาวา ในหมูบานฮกเฮงมบี านแซอ ้ึง เปนครอบครัวท่ีซ่ือสตั ว และประพฤตธิ รรม
อันดีงาม มีแมผัวและลูกสะใภ ๒ คน ใชอาหารเจไหวพระ เนื่องจากในครอบครัวมีคนกินเนื้ออยูมาก ปนั้นวัน
คลายวันเกดิ ของเจาแม ลกู สะใภคนเลก็ ของตระกูลอึ้ง ไดเตรียมเปด ไกไปไหวเจาแมชุดหนึ่ง ไปไหวเจาแมท่ีศาล
เจา พอไหวเสร็จก็เอาไมปวย (คือไมคูรูปรางคลายรูปไตผา ซีกมกั วางไวบนโตะบูชา ใกลๆ กับกระบอกเซียมซี มี

19

ไวใชถามเจาวาดีหรือวาไมดี ไดหรือไมได โดยการโยนไมคูข้ึนไปบนอากาศ แลวปลอยใหตกลงมายังพ้ืน ถาไม
ขางหนึ่งหงาย อีกขางหน่ึงควํ่า ก็ถือวาเจาเห็นดวย หรือวาดี หรือได แลวแตคําถามถาไมออกมาในรูปควํ่าทั้ง
สองอนั แสดงวาไมตอบ ถา ไมห งายท้งั คูแสดงวาไมเหน็ ดวย) ขนึ้ มาทาํ ทา ไหว แลวก็ถามเจา แมไ ปวาของท่ีนํามา
ไหวนี้ พอใจหรือไม ผลปรากฏวาไมทรงตอบ แมจะโยนสักก่ีคร้ังๆ ก็คงเหมือนเดิม เลยถามวากระดาษเงิน
กระดาษทองนอยไปหรือ? ก็ไมใช เพราะลืมเอาเหลามาถวายใชหรือไม? ก็ไมตอบ หรือไกท่ีนํามาไหวเล็กไป
หรือ? ก็ไมใช หรือเพราะของทีน่ ํามาไหวน อยไปหรอื ? ก็ไมใ ช ถามไปถามมา คดิ ไมอ อกฉับพลันจิตใตส ํานึก กฉ็ ุก
คดิ ขึน้ มาได เลยถามไปวา “เปนเพราะวาศิษยกับแมย า กนิ เจ แลวนาํ อาหารสตั วม าไหว เจา แมไ มพอใจใชหรอื ไม
ถา ใชกโ็ ปรดตอบ” พอถามเสร็จกโ็ ยนไมป วย ปรากฏวาไมควา่ํ หงายอนั แสดงวา “ใช” เธอรูส กึ กลวั เลยบอกวา
ถาง้ันก็ขออภัยและคราวตอไปจะงดอาหารเสัตวมาไหว จะนําอาหารเจมาไหว ดังน้ันสองปที่ผานมาน้ี ลูกสะใภ
บานแซอ ้งึ กน็ าํ แตของเจมาไหว อาหารเน้อื สัตวห มูเหด็ เปดไกเตม็ โตะ เจา ไดรบั แตเพยี งอาหารเจชดุ เดยี ว

มตี ระกลู แซจ ัง ในเมืองจง้ั ฮัว ตงั้ แต ปยู า จนถงึ ลกู หลายตางกก็ ินเจทงั้ สามชัว่ โคตร ทง้ั ครอบครวั มสี ขุ บญุ
บารมีลนฟา มีวันหนึ่งเปนวันคลายวันเกิดของเจาองคหน่ึง ผูคนนําหมู เห็ด เปด ไก ไปไหวกันเต็มโตะไปหมด
ยังกับแขงขัน แสดงอวดกัน คุณนายจังไปทีหลัง เน่ืองจากครอบครัวกินเจ ก็เลยใชถ่ัวลิสงทําเปนรูปสัตวตางๆ
กัน ชุดเล็กๆ หน่ึงชุดมาไหว ตอนนี้บนโตะกเ็ ต็มไปดวยเปด ไก ไมมีที่จะวางได คนเฝาศาลเห็นดังน้ัน ก็เลยชวย
นําอาหารเจชุดน้ีไปวางไวเหนือโตะ พอดีลูกสะใภตระกูลจังมาถึง แลเห็นวา อาหารของบานตนเปนอาหารชุด
เล็กๆ เปนที่สนใจของผูพบเห็น ในใจรูสึกไมคอยสบายใจ แตวาไมนานนัก พอเจาเขาทรงเขียนออกมาวา ใน
บรรดาของที่นาํ มาไหวมากมาย เจา ไดร ับเพียงอาหารเจชดุ เดยี วเปน ของศิษยตระกูลจัง ทาํ ใหบ รรดาเทพเทวดา
ตางยินดีเปนอยางย่ิง จากจุดน้ีเอง ทําใหรูวาเทพเทวดาไมตองการใหผูคนฆาสัตวตดั ชีวิต ดีใจที่คนเอาอาหารเจ
มาไหว ดังนั้นที่ๆ เทพเทวดาอยูจะปราศจากคาวโลกีย ก็ยอมพอใจ ความสะอาดของอาหารเจ เกลียดอาหาร
เหมน็ คาวของเน้ือสตั ว

สารจากยมบาล

ผูคนอยาดูเพียงชาติน้ีชาติเดียว ควรพิจารณาวากฎแหงกรรมนั้นมีจริง ผลท่ีรับในชาติน้ีสืบเน่ืองจากการ
กระทาํ ในชาตกิ อน ดังนั้นผูท่ยี ากจน หรือมโี รคมาก กจ็ งอยาโทษฟาดินหรือคนอนื่ ควรรบี สรางบุญสรางกุศล ผู
ท่ีมีบุญวาสนา ก็ย่ิงตองรักบุญกุศล สะสมบุญบารมีอีก มิฉะนั้น พอหมดบุญลง เคราะหกรรมมาถึงก็จะไดล ิ้มรส
ผลชั่วของตนเองตลอดชีวิตของคน ตอนท่ีใกลจะตายใหสังเกตอวัยวะทั้งหา วาเปลี่ยนแปลงไปอยางไร รางกาย
แขง็ ทื่อหรือออ นน่มิ ใบหนาปกติหรือไม จะไดร ูว า ผูตายจะไปสูสุคตหิ รอื ลงสูข ุมนรก ใหพ ิจารณาดดู งั น้ี :-

๑.ตอนตายใหมๆ ถาหากหนาตาปกติ รางกายออนน่ิม สีหนาเหมือนคนมีชีวิตอยู ก็เนื่องจากไดบรรลุ
ธรรม ดวงวิญญาณจะไปสูส คุ ติ

๒.ตอนตายใหมๆ ถาหากรางกายแข็งทื่อ หนาตาซีดเผือดเหมือนคนตกใจ น่ันแสดงวา วิญญาณไดตกสู
นรกแลว

๓.ถาตอนตายใหมๆ รางกายแข็งท่ือ หนาตานากลัวเพราะความตกใจกลัว ทําใหเน้ือกายเปล่ียนไป ซ่ึง
เรียกวาเปล่ียนลักษณะ จะไปเกิดเปนสตั วส ี่ชนิดดวยกัน เรากด็ ูไดจาก “ตา หู จมูก ปาก” เปน ทหารทงั้ สี่ ท่ดี วง

20

วิญญาณจะไปเกิด เพราะตามีน้ําตา หูก็มีข้ีหู จมูกก็มีนํ้ามูก ปากก็มีนํ้าลาย เปนทวารที่ไมสะอาด ๔ ชองทาง
ดังน้ันเม่ือตายลงแลว ถาวิญญาณออกจากทวารตางๆ น้ี ชาติหนาไปเกิดเปนสัตวสี่ประเภทคือ สัตวเกิดจากรก
เกิดจากไข เกดิ เปนสัตวน ํา้ และเกิดเปนพวกแมลง

“ตา” พวกท่หี ลงกามคุณมากเกินไป พอจวนจะตายดวงตาจะเบกิ กวาง วญิ ญาณจะออกจากรา งทางทวาร
ตา ชาติหนาจะไปเกิดเปนสัตวปก (เกิดจากไข) เชน พวกนกตาง ๆ อันไดแก นกเหยี่ยว นกพิราบ นกนางแอน
ฯลฯ เปน ตน พวกน้ีตาจะไดเห็นทั่วท้งั สีท่ ิศ

“หู” พวกที่ชอบฟงเรื่องราวไมดี เร่ืองรายๆ ตางๆ มากมาย พอตายลงหูท้ังสองขางจะชันข้ึน วิญญาณ

ออกจากทวารหู ชาติหนาก็เกิดเปนสัตวท่ีเกิดจากรก ไดแก ชาง มา วัวควาย หูจะเขาใจภาษาคน ใหคนได
เรยี กใชส อย

“ปาก” พวกท่ีกลาวรายทําลายผูอ่ืน พูดจาเสียดสีนินทา กลาวหาเกินเลย กอนจะตาย ปากจะอากวางไม
หบุ วญิ ญาณออกทวารปาก จะไปเกดิ เปนพวกสัตวน ํ้า เชน กงุ หอย ปู ปลา เปนตน ปากจะล้มิ รสของเหม็นของ

สกปรก

“จมูก” พวกทช่ี อบหลงไหลกบั กลิ่นหอม ชอบหาเงนิ ทีส่ กปรก กอนจะตายจมูกจะเบกิ กวาง วิญญาณออก
ทางจมูก ชาติหนาจะเกิดเปนพวกแมลง เชน ยุง แมลงวัน มด หนอนตางๆ เปนตน เพราะจมูกชอบดมของ

เหม็นทส่ี กปรก ชอบอกชอบใจตนเอง พวกนีเ้ กิดในที่ชื้นแฉะ มีการเปลยี่ นแปลง เนือ่ งจากบาปหนกั วิญญาณจะ
ถกู ตแี ตกกระจายไปเกดิ เปน แมลงตางๆ

เวลาคนตายลง วิญญาณท่ีออกทางทวาร “ตา หู จมูก ปาก” น้ี ลวนมีเคราะหรายมากกวาเคราะหดี
เนื่องจากทวารทงั้ สี่เปนทวารสํารองทค่ี อยชว ยเหลือ “เจาของธาตแุ ท” ถาหากใชทวารทง้ั สไ่ี ปในทางทีถ่ ูกตอง ก็
จะเปน “ผูเที่ยงตรงทั้งส่ี” หากใชในทางตรงขามก็จะกลายเปน “สี่มหาโจร” ซึ่งจะทําลายเจาของ ในเวลาปกติ
ถาใชทวารทั้งสี่ในทางเลวราย พอตายลง วิญญาณก็จะออกทางทวารเหลาน้ีโดยธรรมชาติ ทําใหไปเกิดเปนสตั ว

ตา งๆ ๔ ประเภท จากหนาตาของผูวายชนม ก็สามารถหยง่ั รทู างไปของเขา แตก็ตองอาศยั เหตตุ นผลกรรม และ
บาปบุญคุณโทษท่ีมีอยูมาชําระคดีความ จึงสามารถไดผลที่ถูกตอง แตสวนใหญแลวจากรูปลักษณกอนตาย ก็
สามารถทีจ่ ะรูไดถ ึงท่ที างทเี่ ขาจะไดไปดีหรอื รา ยอยา งไร

ดังน้ัน ทิศทางหมุนเวียนของคนก็ข้ึนอยูกับตัวของคนเอง ผูท่ีมีตาทิพยยอมเห็นไดเองโดยตลอด ขอให

ผูคนเดินในทางตรง (สรางบุญกุศล) อยาเดินทางออม (กอกรรมทําเข็ญ) ตอนจะจากโลกน้ีไปจะไดเดินทางโดย
สวัสดภิ าพ

บทกลอน : ประภาพรรณ เสนห‹ มติ ร

ภ า พ แ ห‹ ง ค ว า ม เ ม ต ต า

ภาพความนา รักของเพอื่ น (เกิด แก เจ็บ ตาย) หยดุ การเขนฆา กนิ เจกันเถอะ! สัตวก็มหี วั ใจ

สัตวก็แสดงความรกั ได สัตวเ ขามคี รอบครวั นา รกั

สตั วก ร็ กั ลกู เหมือนเรา เขาก็งวงนอนเหมอื นเรา

เขาก็เพือ่ นเหมอื นเรา สกุ รและมนษุ ยน ้ี มีชวี ติ

21

ถกู ลิขิต จากกรรม ที่ทาํ ไว มีเจ็บปวด มกี ลัวตาย มจี ติ ใจ

เหตุไฉน จึงประหาร ทุกวารวัน เปน อาหาร ของมนุษย สุดอรอ ย

เพือ่ บาํ รุง นาํ้ ยอ ย ชางหฤหรรย เปน รอ ยพัน สรรมาฆา พรรวยกนั

แตก รรมนั้น ใครไดร บั ไวกับคน ยามส้นิ ชีพ ทรมา หนาอดสู

ตอ งมารอ ง เสยี งเหมือนหมู ดสู บั สน มีสภาพ คลายสตั ว ไมเหมือนคน

กรรมใหผล ในชาตินี้ น่ขี องจริง เวไนยค ือเรา เราคือเวไนย

รักสตั ว ไยจงึ กินเน้ือสัตว สกุ รไก แพะโค กงุ เปดปลา

ตา งตองมา เปนอาหาร รับทานลิ้น สตั วทัง้ หลาย ถูกฆา ตาย กายถมดนิ

ชางชาชนิ กนิ เลือดเนอ้ื ไมเบอ่ื กนั คนกับสตั ว มีชีวิต รักชวี ี

ตางก็มี ความรสู ึก มโี ศกศัลย เปลย่ี นพฤตกิ รรม การกนิ เสยี ใหมพ ลนั

รับทาน มังสวริ ตั ิกัน ไมก อ เวร

คาํ่ คื น อั น เ ง� ย บ เ ห ง า

ทกุ ราตรี มีไกข ัน กนั เซ็งแซ ชา งเงียบแท ตหี า พาเปลา เปลีย่ ว

เจาคงเลอื ดนอง เปอนมีด พนั เลม เทยี ว เขาคงเคี้ยว แกลม สรุ า พาเพลิดเพลนิ

เปนเพราะวา คนื นี้ สง ปเกา สงั หารเจา ทกุ ครัวเรือน ไมขัดเขิน

ชีวิตสตั ว นา สงสาร เสียเหลือเกิน เพราะบังเอิญ คนเหน็ เปนธรรมดา

ถามนุษย หยุดฆา สัตว ตัดชวี ติ เปลย่ี นความคดิ ทีผ่ ิด กนั ทัว่ หนา

รบั ทาน มงั สวิรตั ิ ชั่วชวี า มศี ีลหา บริสทุ ธ์ิ หยดุ สรา งกรรม

ข น ข อ ง แ ม‹

แมเพ่ิงคลอด ลูกน้ี สี่ชีวิต คนอาํ มหิต ปลดิ ชวี ี แมดบั ส้ิน

เหลือแตก อง ขนไก บนพื้นดนิ ลกู จาํ กลน่ิ แมไ ด ไมคลายจาง

ตอ นีไ้ ป จะมใี คร กางปก ปก ลกู มีอก แมอุน ไมเ คยหาง

โอแ มจ า ลูกมแี ม เคยนาํ ทาง ลูกอา งวาง เพราะใครหนอ เขากอ เวร

ลู ก แ ม‹

โอล ูกแม อยไู หน ใครรูบา ง แมอ างวา ง วา เหว ถวลิ หา

เคยกกไข ดวยยินดี เสมอมา อนจิ จาเขา เอาไปกิน กันอิม่ ใจ

เห็นเปลือกไข จาํ ได ใชลกู ฉัน ทุกคืนวัน เคยกอดกก และชดิ ใกล

มมี ือมาร ประหารลกู จากแมไ ป มนษุ ยธรรม อยูทไี่ หน ชว ยบอกที

ทุ ก ข ท ร ม า น จ น ต า ย

ความเจบ็ ปวด รวดราว ถูกเชอื ดคอ จะรอ งขอ ความปราณี ไดท ่ไี หน

ตอ งดาวด้ิน หลายนาที จึงส้นิ ใจ โอเ ปด ไก ยามถกู เชอื ด เลอื ดไหลนอง

ชางเปนภาพ ทเี่ วทนา นาเศรา นัก โปรดตระหนกั ภาพพจน สยดสยอง

เม่อื รับประทาน สตั วท ุกครั้ง ควรตรกึ ตรอง เขาท้งั หลาย คือพีน่ อง รวมโลกเรา

22

ไดโ ปรด! ไวช ีวติ ฉนั เถดิ เสียงทอดถอน โทมนัล พอ โคเฒา
นั่งคกุ เขา วอนเพชรฆาต ขอชวี ิต มดี ขาววับ ระดับคอ รอชีพปลดิ

ในดวงจติ ปวดราว น้าํ ตารนิ เคยรบั ใช ไถนา มานานป
ไมเคยมี ความชอบ ชางลมื ส้ิน ตอ งถูกฆา เปน อาหาร ใหเขากนิ
ชั่วชวี นิ ววั ควาย อาหารคน
รŒู คุ ณ ไ ม‹ เ บี ย ด เ บี ย น
คนในภาพ เปนชาวนา กลั ยาณจิต ชวั่ ชีวติ มสี ัจจะ จิตใจสูง
มเี มตตา กรณุ า คอยชักจูง ใจนน้ั มงุ แทนพระคุณ การณุ ธรรม
เม่ือเยาวว ัย ไดอ าศยั ด่ืมนมโค ยามเติบโต เลี้ยงไวั ใหอ ่ิมหนํา

อันโคน้ี เคยใชง าน อยางตรากตรํา ถึงแกเฒา ก็ไมนาํ ไปฆากนิ
เขาเขาใจ ในหลกั กฏแหง กรรม ไมกระทาํ ช่วั ซํา้ ใหผ ดิ ศีล
เขารับทาน มังสวริ ตั ิ เปนอาจิณ ชั่วชีวนิ กตัญู รูพระคณุ
ลกู จา! แมล ากอน ภาพแมแพะ ถูกจูง ไปเขน ฆา
เหมือนรูว า ตองพราก จากลกู ขวญั แมก ับลกู ตา งมองหนา กนั และกัน
ตางโศกศลั ย เศรา นัก ความรักเรา แมจ า อยา ไป อยาไป ใหเขาฆา
จงกลบั มา อยูกบั ลูก ใหค ลายเหงา ในท่ีสุด แมต อ งไป จากพวกเรา
เปนเรือ่ งเศรา พลัดพราก ตายจากกนั ถามนษุ ย หยุดฆา หยุดรบั ทาน
คงไมต อง ถูกประหาร อยา งหฤหรรษ คงไมตอง เห็นภาพ บาดชวี นั
ดวยยึดมน่ั ศีลขอ หนงึ่ พงึ จดจํา โอเพ่ือนเอย เคยเหน็ ทกุ เย็นคาํ่
ฉันเคยนํา เอาหญา มาเลยี้ งเจา เจา แพะนอ ย ตวั นดิ เพ่ือนชดิ เรา
เคยคลอเคลา เคลยี ขา พากนั เดิน เราคอื เพอ่ื น รใู จ กันนานป
คงไมมี ใครมาพราก ใหหางเหนิ เคยวิ่งเลน ทุกเย็นเชา อยา งเพลิดเพลิน
ชางบงั เอญิ มีเหตกุ ารณ ประหารใจ อนจิ า เจาโดนฆา คอถกู เชอื ด
เหน็ กองเลือด และศพเจา เศราไฉน เจาตองกลาย เปนอาหาร ทาํ ทานไป

ตัง้ สัจจะไว ไมก ินเจา เราเพ่อื นกนั อาลยั เจา เพ่อื นยาก
นาํ้ มื อ ค น
เกลด็ ของปลา เปรียบเสมอื น เล็บมนุษย
ตองหาหมอ ทาํ แผล ดแู ลกัน ถาเล็บหลดุ สุดเจ็บปวด อยา งมหนั ต
เราขอดเกลด็ ปลาเปน เห็นธรรมดา แตส ัตวน นั้ ไมม ีปญ ญา รกั ษาตน
ตอ งเกลือกกล้ิง ด้นิ หนี น้ํามือคน แตอ นิจา หารูไม เขาเจบ็ ลน
ถามนุษย หยุดทาํ รา ย ทําลายสตั ว สุดจะทน ภาพเชนนี้ มที ุกวัน
โลกคงจดั อยใู นทาง ท่ีสรา งสรรค

ยึดมั่น อยใู นศลี ชั่วชวี ัน รับทาน มังสวิรัตกิ นั ท้ังครอบครัว

23

ลานประหาร

สตั วน า้ํ ทกุ ชวี ิต ถกู ปลดิ ชพี ตา งกร็ ีบ เอาตวั รอด ด้ินรนหนี

มดี ฟนขาด สองทอ น ยงั อยูดี แหวกวายหนี มือมาร กลัวการตาย

บางชวี ติ นาํ ไปทอด ในกระทะ ก็ยงั จะ ดิน้ ได นา ใจหาย

เขารักชีวี หวงชวี ติ หวงรางกาย โปรดละอาย อยา ฆา สัตว วิรตั กิ รรม

เ สี ย ง จ า ก กั น ช่ั ว นิ รั น ดร

ยามสายณั ห ตะวนั รอน จวนลับฟา เจา ปกษา ผัวเมยี บินเริงรา

ชา งไมร ู อันตราย ตดิ ตามมา ตางปรารถนา ในรัก สลักใจ

ธนพู ิษ มือเพชฌฆาต บังอาจนกั มาพรากรัก พวกเรา เศราไฉน

เสยี งบอกเจา บาดเจบ็ จนขาดใจ เสียงราํ่ ไห พี่จา นอ งลาที

แ ม‹ ใ ก ลŒ จ ะ ก ลั บ แ ลŒ ว

สน้ิ เสยี งปน ดงั ลน่ั สนัน่ ปา ถกู แมน ก ตกลงมา ชวี าส้นิ

เหตมุ ัวมอง หาเหยื่อ เพอ่ื ลกู กิน กายพังภนิ ท เพราะมนุษย สุดบรรยาย

แสนสงสาร ลกู นกนอ ย เฝา คอยแม ตา งชะแง ชูคอรอ น รอรอหาย

พปี่ ลอบนอง อยา รอ งไห ใจวุนวาย ตอนสายสาย แมคงกลับ รับขวญั เรา

โปรดยตุ ิ การสรา งกรรม และทําราย สัตวท ั้งหลาย คงเปน สุข ไมโศกเศรา

ชว ยพิทกั ษ รักสัตวด ว ย สองมือเรา คนรุนเยาว คงเอาอยาง ในทางดี

เ พ ช ฌ ฆ า ต เ ลื อ ด เ ย็ น

ผาตวนแพร ตา งถกั ทอ ดว ยใยไหม เราสวมใส ดวยนิยม สมศักด์ศิ รี

ถา จะคดิ ใหล ึกซึง้ คงทราบดี ผา สวยนี้ กรรมวิธี มเี ชนไร

เขาใชไหม มชี วี ติ ใสห มอ ตม สัตวต ายลม เพราะแพรพรรณ อันสดใส

ตองพลชี ีพ เพือ่ ความนยิ ม ใหส มใจ โปรดคดิ ใหม ใชใ ยรัก ถกั ทอแทน

ชีวิตใคร ใครกร็ ัก กิเลน สตั วโบราณ จติ เมตตา

มักกรุณา สตั วตัวนอย อยูเสมอ ยามเดินไป ในถนน ไดเ จอะเจอ

เขาไมเ ผลอ เหยียบตาย ใหว ายปราณ มนษุ ยเรา ยกตน เปนคนฉลาด

เหตไุ ฉน จึงพฆิ าต อยา งอาจหาญ มนุษยธรรม น้ันอยไู หน ใครตองการ

โปรดไขขาน คําตอบ จะขอบคณุ

เ ห็ น ผิ ด เ ปš น ช อ บ

พวกเด็ก ไรเ ดยี งสา ทรมานสัตว ชอบใชพ ดั ตบตี พวกผเี สื้อ

แมห ่ิงหอย ตัวเลก็ ตายเปน เบือ เขาไมเชอื่ บาปเวร เพราะเยาวว ยั

พอแม ควรสอนลูก ปลกู ความคิด ใหม ีจิต เมตตา อยาสงสยั

สัตวท ้งั หลาย รกั ชีวี ลวนหนีภัย สรางปจจยั คอื ความดี มีคณุ ธรรม

ฉดุ ชวยเขา เราพน เคราะห ไมส มควร จับแมลง มาฆา เลน

24

เปน บาปเวร กอ กรรม อนั ย่งิ ใหญ เม่อื เหน็ สตั ว จะจมนํ้า รีบชว ยไว
ดว ยจติ ใจ เมตตา พน ภัยพาล สตั วห รือคน รักชวี ติ เชน เดยี วกัน
ตางหนีพลัน ความตาย กลวั ประหาร โปรดพิทกั ษ อนุรกั ษไว ใหอยูน าน
พวกลกู หลาน ตามแบบอยาง ทางทด่ี ี
เ พ ร� ย ก พ รŒ อ ง รŒ อ ง รา่ํ
เหน็ นกนอย ถกู ขัง คงโศกเศรา ดวยตวั เจา น้ันยังมี ซึ่งพี่นอ ง
มพี อแม เมียลกู เคยคมุ ครอง แตเ จา ตอ ง มาพราก จากมือคน
เขาฟง เสียง นกรอ ง รนื่ รมยห ู เขาไมร ู วา เจาน้ี ชา งสบั สน

คิดถึงลูก คิดถงึ แม แสนมืดมน ตองทุกขทน เหมือนนักโทษ โปรดเห็นใจ
ถามนุษย ถกู พราก จากของรัก คงตอ งจกั เจบ็ จน ทนไมไหว
กรณุ าให อภัยทาน สราญใจ ปลอยเขาไป จากกรง คงหมดกรรม
สาํ นึ ก ข อ ข ม า
มเี มตตา ไมฆ า สตั ว ตัดชวี ติ ดวยดวงจิต แนวแน ไมแปรผนั
จะรบั ทาน มงั สวิรตั ิ ช่ัวชวี ัน เปดศักราช อนั แจมจรัส เพ่อื ตดั กรรม

มีหริ ิ โอตตปั ปะ สละช่ัว ไมเ กลือกกลัว้ กลวั บาปเกา มากลายกล้าํ

ตงั้ แตน้ี ตอ ไป จะใฝธ รรม อโหสกิ รรม ชาตนิ ้ี อยามีเวร

บ ท ก ล อ น เ ตื อ น ใ จ ใ หŒ กิ น เ จ

ประนมกราบ แทบบาทพระ อธิษฐาน ขอพบพาน แตสงิ่ ดี ที่ประสงค

กม สกั การ ไมด อกผล จติ มนั่ คง หากปลิดปลง ชพี สตั ว อยาหวงั บญุ
เร่อื งเวียนวา ย ตายเกดิ เจา ไมเชือ่ ญาติมิตรเม่ือ สน้ิ ชพี ลง กรรมนาํ หนุน
ก.ฆาไก เหมอื นฆา ลูก สุดทารณุ ข.ฆาหมู สุดเนรคณุ ฆามารดา
พระกวนอมิ โปรดเจ ไมใ ชเหลา พทุ ธเจา เกลยี ดท่สี ุด คือฆา สัตว
พระเจา ลวนมีจิต โพธสิ ตั ว จงปฏิบตั ิ ตามรอย พุทธธรรม
เวนแต เจามาร หลงลาภปาก แตทาํ บาป หลอกลวง ผดิ ศลี ธรรม
ขอเตือนอยา เซน ไหวสตั ว ทําบาปกรรม นอ มจิตนาํ จุดธปู เพียงสามดอก
บรจิ าค ทรพั ยสนิ ชว ยคนยาก บญุ จะมาก ลูกหลาน สุขสบาย
กินเจ มีประโยชน ท้ังกายใจ หมดมารราย อยูส ุข ทกุ ฤดู
ขา กวนอู ผูเ ลศิ ในทางรบ ไดคนพบ สัจธรรม อันเลิศลํ้า
แมท าง วทิ ยาศาสตร อันเกรียงไกร ยอมรับ ใหช าวโลก บรโิ ภคเจ

ถือศีลหา กนิ เจ จะจําเรญิ อยา เพลิดเพลิน หลงทาง ท่ีหักเห
เบียดเบยี น สตั วไรส ขุ ทุกขทงั้ เพ อยารวนเรเรงทาํ แตกรรมดี
อันเนือ้ สัตว สะสม อมเช้อื โรค ควรบรโิ ภค พชื ผัก จกั สขุ ี

25

ขากวนอู รับประกัน ในความดี เพราะขา มี เมตตา จงึ กลา เตอื น

ขา เปน ชาย นกั รบ เจนจบสนิ้ นํา้ ตารนิ ไหลอาบ ดงั ดาบเฉือน

การกระทํา ของมนุษย สดุ แชเชือน จักตักเตอื น ใชหลอก บอกความจริง

คําเตอื นจากพระอนิ ทร พระผเู ปนเจา บนสวรรค (พระเจา กวนอู)

ป ร ะ วั ติ เ ท ศ ก า ล กิ น เ จ

九皇大帝誕

Nine Emperor Gods Festival

เทศกาลกินเจ หรอื กินแจ (อักษรจนี : 九皇勝會 Jiǔ huán Shèng huì; ฮกเก้ียน : กว้ิ อองเซง โหย ; อังกฤษ
: Nine Emperor Gods Festival หรือ อักษรจีน : 九皇大帝誕; ฮกเกี้ยน: ก้ิวอองไตเตตั้น) หรือบางแหง
เรียกวา ประเพณีถือศีลกินผัก เปนประเพณีแบบลัทธิเตารวม 9 วัน กําหนดเอาวันตามจันทรคติ คือ เร่ิมตน
ตั้งแตวันข้ึน 1 ค่ํา ถึง ข้ึน 9 คํ่า เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกป มีจุดเร่ิมตนจากประเทศจีนมานานแลว โดยมี
ตํานานเลาขานกนั หลายตาํ นาน ปจจบุ นั เทศกาลกนิ เจจัดขึ้นในประเทศเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ไดแก สงิ คโปร
มาเลเซีย และไทย ตลอดจนหมูเกาะเรียวในอินโดนีเซียและอาจมีในบางประเทศเอเชีย เชน ภูฏาน ญี่ปุน
เกาหลี และประเทศจีน (ประกอบดวยฮองกงและมณฑลไตหวัน) ซึ่งการกินเจในเดือน 9 น้ี เช่ือกันวานาจะ
เกิดขน้ึ เมอ่ื ราว พ.ศ.2170 ตรงกับสมัยอาณาจักรอยธุ ยา

ป ร ะ วั ติ

ประเพณถี ือศลี กินเจหรือกินเจซึ่งเปนพิธียนั ตรกรรมบูชาทย่ี ่ิงใหญที่สดุ โดยอาศยั พระแมแหงดวงดาวมารี
จี (摩利支) ในแบบของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน แตในทางลัทธิเตาเรียกวา เตาโบหงวนกุนหรือเตาโบ
เทียนจุนในภาษาฮกเก้ียน (斗姆元君,斗姆天尊) เปนศูนยกลางสมมติของพิธีศักด์ิสิทธ์ินี้ มักอิงประวัติผูกติด
อยูก ับฝา ยตํานานเทพแหงดาวนพเคราะหมากกวา ซง่ึ เปนศาสตรแ หงลัทธิเตา ตอมาเมอื่ พระพทุ ธศาสนาเผยแผ
เขาสูเมืองจีน นับจากน้ันเปนตนมาเม่ือพระพุทธศาสนาเจริญขึ้น จึงปรากฏตํานานความเช่ือที่ผูกโยงกับ
พระพุทธเจา 9 พระองคและพระโพธิสัตวอกี 2 พระองค เรียกวา กิ้วอวงฮุดโจว ในภาษาจีนแตจ ิ๋ว (九皇佛祖)
โดยคติความเช่ือในประเพณีของชาวจีน โดยเฉพาะลัทธิขงจื้อ ซ่ึงเนนในเรื่องบรรพบุรุษและความกตัญู
บรรดาบูรพกษัตริยท่ีเคยอุทิศตนเพื่อใหประชาชนมีความเจริญโดยใชหลักเมตตาธรรม ก็จะเปนบุคคลผูไดรับ
การสรรเสริญจากประชาชน ตามตํานานสามารถรวบรวมได 9 พระองค ซึ่งอยูในยุคสมัยตางๆกัน ทั้ง 9
พระองครวมเรียกวาพระราชาธิราช 9 พระองค ในภาษาจนี ฮกเกีย้ นเรียกวา : กวิ๋ ออ งไตเ ต, (九皇大帝) ซงึ่ ชาว
จนี เชื่อวา ทกุ ส่ิงทุกอยางในโลกเปนธรรมชาติและดาํ เนนิ ไปตามวิถแี หง สวรรค อาศัยตามความเชอื่ ในลัทธิเตา จงึ
สง ผลใหเ กิดการนับถือดวงวิญญาณที่สถติ อยูในสรวงสวรรค พระเจา แผนดินทั้งเกาพระองคเมือ่ อยูในโลกมนุษย
ไดประกอบกรรมดีมากมาย เมื่อสิ้นพระชนมแลวจึงไดจุติเปนเทพเจาประจําดาวนพเคราะห ทําหนาที่คุมครอง
มวลหมปู ระชาราษฎรใหบังเกดิ ความรม เยน็ สบื ไป

ช่� อ เ ร� ย ก อื่ น ๆ

26

九皇大帝聖誕千秋 (ตัวยอ : 九皇大帝圣诞千秋, พินอิน : Jiǔ huáng dàdì shèngdàn qiānqiū จิ้วห
วงตาต่เี ซงิ ต้ันเชยี นชิว, ฮกเกย้ี น : กิ๋วฮองไตเตเซงตัน๋ เชียนชิว) แปล วันประสตู ิพระจักพรรดิ 9พระองค

九皇勝會 (ตัวยอ : 九皇胜会, พินอิน : Jiǔ huáng shèng huì จ้ิวหวงตาต่ีเซิงตั้นเชียนชิว, ฮกเก้ียน: กิ๋ว
ฮองเซงหว ย)

九皇節 (ตวั ยอ : 九皇节, พินอิน : Jiǔ huáng Jié จิว้ หวงเจีย่ , ฮกเก้ยี น: กว๋ิ ฮองจว ย)

ตํา น า น

บางแหงเช่อื กันวา กนิ เจ เพอื่ ถวายเปนพุทธบชู าแดพระมหาโพธสิ ตั วกวนอิม สว นความเชื่ออื่นๆ ที่เก่ียวกับ
เทศกาลกินเจนัน้ มดี งั นี้

ตาํ นานท่ี 1 ราํ ลึกถึงนกั รบ “หงห่ี ว่ั ทวง”

กลา วกันวา การกินเจเร่ิมขึ้นเพื่อราํ ลึกถงึ นกั รบ “หง่หี วั่ ทว ง” ซงึ่ เปน ทหารชาวบานของจีนทตี่ อ สตู านทาน
กองทัพแมนจูอยางกลาหาญ ฝายแมนจูมีปนไฟของชาวตะวันตกท่ีฝายจีนไมมี นักรบหงี่ห่ัวทวงเหลานี้จะ
ประกอบพิธีกรรมนุงขาวหมขาว ไมกินเน้ือสัตวและผักท่ีมีกลิ่นฉุน และทองบริกรรมคาถาตามความเชื่อของจีน
เช่ือกันวาจะสามารถปองกันปนไฟได แตก็ไมประสบผล คร้ันจีนพายแพแมนจู ชายชาวจีนถูกบังคับใหไวผม
อยางชาวแมนจู ซึ่งสรางความคับแคนใหแกชาวจีนอยางมาก ชาวจีนจึงรําลึกถึงนักรบหงี่ห่ัวทวงเหลาน้ีดวย
สาํ นกึ ในบุญคณุ

ตาํ นานที่ 2 สักการบชู าพระพทุ ธเจา

เพ่ือเปนการประกอบพธิ ีกรรมสักการบูชาพระพุทธเจาในอดีตกาล 7 พระองค และพระมหาโพธสิ ตั วอกี 2
พระองค รวมเปน 9 พระองคดวยกัน หรืออีกนัยหน่ึงเรียกวา “ดาวนพเคราะห” ทั้ง 9 ไดแก พระอาทิตย
พระจันทร พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร พระเสาร พระราหู และพระเกตุ ในพิธีกรรมบูชาน้ี
สาธชุ นในพระพทุ ธศาสนาสละเวลาทางโลก มาบาํ เพญ็ ศีล งดเวน เนอ้ื สตั ว และแตง กายดวยชุดขาว

ตาํ นานที่ 3 พระพุทธศาสนาฝายมหายาน

ผูถือศีลกินเจในพระพุทธศาสนาฝายมหายาน ที่ปฏิบัติสืบตอกันมาของชาวจีนในประเทศไทย เพื่อ
สักการบูชาพระพุทธเจาในอดีตกาล 7 พระองค ดังมีในพระสูตร ปกเตาโกว ฮุดเชียวไจเอียงช่ัวเมียวเกง กลาว
ไวคือ พระวิชัยโลกมนจรพุทธะ พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธะ พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธะ
พระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธะ พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวภิ าคพุทธะ พระธรรมมติธรรมสาครจรโลก
มโนพุทธะ พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑูรยพุทธะ และพระมหาโพธิสัตวอีก 2 พระองค คือ พระศรีสุขโลก
ปทมอรรถอลังการโพธิสัตวและพระศรีเวปุลกสังสารโลกสุขอิศวรโพธิสัตว รวมเปน 9 พระองค (หรือ เกาออง)
ทรงตั้งปณิธานจักโปรดสัตวโ ลก จึงไดแบงกายมาเปนเทพเจา 9 พระองคดวยกนั คือ ไตอวยเอ๊ียงเมงทัมหลงั ไท
แชกุน ไตเจียกอิมเจ็งก้ือม้ึงงวนแชกุน ไตกวนจิงหย้ิงลุกชงเจงแชกุน ไตฮ่ังเฮี่ยงเมงมงเคียกนิวแชกุน ไตปกตัง
งวนเนี้ยบเจงกงั แชกนุ ไตโ พว ปกเกกบูเอยี กก่ีแชกนุ ไตเ พยี วเทยี นกวนพวั กุงกวนแชกนุ ไตตั่งเมงง่วั คูแชกุน ฮุยก
วงไตเพียกแชกุน เทพเจาท้งั 9 พระองค ทรงอํานาจตบะอนั เรอื งฤทธ์บิ รหิ ารธาตุดนิ น้าํ ลม ไฟ และทอง ท่ัวทกุ
พภิ พนอ ยใหญส ารทิศ

27

ตาํ นานที่ 4 บชู า “กษตั ริยเ ปง ”

กินเจเพ่ือเปนการบูชา “กษัตริยเปง” ซึ่งเปนกษัตริยองคสุดทายของราชวงศซอง ซ่ึงสิ้นพระชนมโ ดยทรง
ทําอตั วนิ บิ าตกรรม (การฆา ตวั ตาย) ในขณะทเี่ สด็จไตห วันโดยทางเรือ เมื่อมพี ระชนนมายุได 9 พรรษา พิธีบชู า
เพื่อระลึกถึงราชวงศซองนี้ มีแตเฉพาะในมณฑลฮกเก้ียนซ่ึงเปนดินแดนผืนสุดทายของราชวงศซอ งเทาน้ัน โดย
ชาวฮกเก้ียนไดจัดทําพิธีดังกลาวน้ีขึ้น ดวยการอาศัยศาสนาบังหนาการเมือง การท่ีเผยแผมาสูเมืองไทยไดนั้น
เพราะชาวจนี จากฮกเกยี้ นนาํ มาเผยแผ

ตํานานที่ 5 เลาเอ๋ยี

1,500 ปมาแลว มณฑลกังไสเปนดินแดนที่เจริญรงุ เรืองมาก ฮองเตเมืองน้ีมพี ระราชโอรส 9 พระองค ซึ่ง
เปนเลิศทั้งบุนและบู จึงทําใหหัวเมืองตางๆ ยอมสวามิภักด์ิ ยกเวนแควนกงเล้ียดที่มีอํานาจเขมแข็งและมีกอง
กําลังทหารท่ีเหนือกวา ทั้งสองแควนทําศึกกันมาถึงครั้งท่ี 4 แควนกงเล้ียดชนะโดยการทุมกองกําลังทหารที่มี
ท้ังหมดท่ีมากกวา หลายเทาตวั โอบลอ มกองทัพพระราชโอรสท้ังเกาไวทุกดาน แตก องทัพกงเลยี้ ดไมส ามารถบุก
เขาเมืองไดจึงถอยทพั กลบั

จนวันหน่ึงชาวกังไสเกิดความแตกสามัคคีและเอาเปรียบกัน เทพยดาทราบวาอีกไมนานกังไสจะเกิดภัย
พิบัติ จึงหาผูอาสาชวย แตชาวบานจะพนภัยได ก็ตอเม่ือไดสรางผลบุญของตนเอง ดวงวิญญาณพระราชโอรส
องคโตรับอาสาและเพงญาณเห็นวา ควรเร่ิมท่ีบานเศรษฐีใจบุญ ลีฮ้ัวกาย คืนวันหนึ่งคนรับใชแจงเศรษฐีลีฮ้ัว
กายวา มีขอทานโรคเรื้อนมาขอพบ เศรษฐีจึงมอบเงินจํานวนหนึ่งใหเปนคาเดินทาง แตขอทานไมไปและ
ประกาศใหชาวเมืองถือศีลกินเจเปนเวลา 9 วัน 9 คืน ผูใดทําตามภัยพิบัติจะหายไป เศรษฐีนํามาปฏิบัติกอน
และผูอ่นื จงึ ปฏิบัติตาม จนมกี ารจดั ใหม ีอุปรากรเปนมหรสพในชวงกนิ เจดวย

เลาเอ๋ียเกิดศรัทธาประเพณีกินเจของมณฑลกังไส จึงไดศึกษาตําราการกินเจของเศรษฐีลีฮ้ัวกายที่บันทึก
ไว แตไ ดด ดั แปลงพธิ กี รรมบางอยางใหรัดกมุ ยิง่ ขึน้ และใหม ีพธิ เี ชี้ยยกออ งสองเต (พธิ เี ชิญเงก็ เซยี นฮอ งเตม าเปน
ประธานในพิธี)

ตาํ นานท่ี 6 พระโพธสิ ัตวก วนอิม

ชายขเี้ มานามวา “เลาเซง็ ” เขา ใจผิดคดิ วาแมตนตายไปเพราะเปน โรคขาดสารอาหาร จนคนื หนงึ่ แมไดมา
เขาฝนบอกวา แมตายไปไดรับความสุขมาก เพราะแมกินแตอาหารเจ และตอนนี้แมอยูบนเขาโพถอซัว ตั้งอยู
บนเกาะนา่ํ ไฮ ในมณฑลจิ๊ดเจยี ง ถา ลูกอยากพบแมใหไ ปท่ีนัน่

ครั้นถึงเทศกาลไหวพระโพธิสัตวกวนอิมที่เขาโพถอซัว เลาเซ็งอยากไปแตไปไมถูก จึงตามเพ่ือนบานที่จะ
ไปไหวพระโพธิสัตว เพ่ือนบานเห็นเลาเซ็งสัญญาวา จะไมกินเหลาและเน้ือสัตวจึงใหไปดวย ระหวางทางเดิน
สวนกับคนขายเน้ือ เลา เซง็ ลืมสัญญาทใี่ หไวเ พอ่ื นบานก็หนีไป โชคดีที่มีหญิงสาวคนหนึง่ เดนิ ผา นมาและตอ งการ
ไปไหวพระโพธิสตั ว เลา เซง็ จงึ ขอตามนางไป

เม่ือถึงเขาโพถอซัว ขณะท่ีเลาเซ็งกมลงกราบไหวพระโพธิสัตวน้ัน เขาเห็นแมลอยอยูเหนือกระถางธูปท่ี
คนอ่ืนมองไมเห็น ขณะเดินทางกลับเขาไดแยกทางกับหญิงสาว และไดพบเด็กชายคนหน่ึงยืนรองไหอยู จึงเขา

28

ไปถามไถไดความวา เปนลูกของเขากับภรรยาที่เลิกกันไปนานแลว เขาจึงพาไปอยูดวย แลววันหน่ึงหญิงสาวท่ี
นําทางไปเขาโพถอ ซวั มาขออาศัยอยดู ว ย ทง้ั สามอยดู วยกนั อยา งมคี วามสุข

หญิงสาวผูน้ันเปนสาวบริสุทธิ์ ประพฤติตนเปนคนดีอยูในศีลธรรม และถือศีลกินเจอยูเนืองนิตย นางรูวา
ใกลถึงวันตายของนางแลว จึงบอกเลาเซ็ง เม่ือถึงวันนั้นนางอาบน้ําแตงตัวดวยอาภรณที่ขาวสะอาด แลวน่ัง
สักครูก็สิ้นลม เลาเซ็งเห็นการจากไปดวยดีของนางคลายกับแม จึงเกิดศรัทธายกสมบัติใหลูกชายแลวประพฤติ
ตนใหม เมื่อตายไปจะไดบังเกดิ ผลเชนเดียวกับแมและหญงิ สาว และประเพณกี ินเจจงึ เรม่ิ ขนึ้

ตํานานที่ 7 กนิ เจทีภ่ เู ก็ต

มคี ณะงว้ิ จากเมืองจนี มาเปด การแสดงท่ีอําเภอกระทนู านเปนแรมป บังเอญิ ชวงนัน้ เกดิ โรคระบาดขนึ้
คณะงิ้วจงึ จัดใหม พี ธิ ีกนิ เจ และสรางศาลเจาขึน้ เพ่อื สะเดาะเคราะห หลงั จากน้ันโรคระบาดก็หาย ชาวกะทูเกิด
ความศรทั ธาจงึ ปฏิบัติตาม หลังจากประกอบพิธีอยูป ระมาณ 2-3 ป ก็มผี ูคนเล่ือมใสมากขน้ึ เร่ือยๆ ประกอบกบั
อยากไดพ ธิ ีกนิ เจทส่ี มบูรณแบบตามประเพณีมณฑลกังไส ประเทศจีน จึงไดส ง ตวั แทนไปนาํ ควันธปู (เหี่ยว
เอย้ี น) จากกงั ไสใหลอยมาถึงภูเกต็ โดยในการเดินทางกลบั จะตองคอยจดุ ธปู ตอ กันมิใหดบั มอด ศาลเจากะทูจงึ
ไดช ื่อวาเปนตน ตาํ รบั ของพิธกี ินเจในปจจุบัน

สาํ หรับเมืองไทยความเชื่อเรอ่ื งการกินเจ เปนไปในแนวทางของการละเวน การเอาชวี ติ ของสตั ว เพือ่ เปน
สักการะบูชาแกพ ระพทุ ธเจา และมหาโพธสิ ัตวก วนอิม อาจเนื่องจากการแพรห ลายของการละเวนการกินเนอ้ื
ววั ในกลุมคนท่นี บั ถือ “เจาแมกวนอมิ ” การกินเจจงึ เปนอกี หน่งึ พิธีกรรมเพือ่ สักการะ

จังหวัดภูเกต็ เปนจังหวดั ที่จัดประเพณีการกินเจอยา งยิง่ ใหญทุกๆ ป โดยมาจากรากฐานความเชอื่ เดยี วกัน
คนจนี เรยี ก “เจเดอื นเกา ” แตถ านับตรงกับเดือนไทยก็จะไดต รงกับเดอื น 11 ดงั น้ันเทศกาลกนิ เจท่ีภูเกต็ จงึ มขี น้ึ
หลงั เทศกาลกินเจท่วั ๆ ไป บางครั้งเราจงึ มกั ไดยนิ ช่อื เรยี กของเทศกาลกินเจทภ่ี ูเก็ตวา เปนเทศกาลกนิ ผกั ซึง่
แทจ รงิ แลวก็คอื การกนิ เจในรปู แบบ และระยะเวลา 9 วันเชน เดียวกนั

ความหมายของเจ

ธงท่ีใชประดับหนารานอาหารเจ มีตัวอักษรจีนสีแดง 齋 บนพื้นสีเหลือง หรือใชคําวา “เจ” แทนก็ได คํา
วา เจ ในภาษาจีนทางพุทธศาสนานิกายมหายาน มีความหมายเดียวกับคําวา อุโบสถ ดังนั้นการกินเจก็คือการ
รับประทานอาหารกอนเที่ยงวัน เหมือนกับที่ชาวพุทธในประเทศไทยท่ีถืออุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 โดยไม
รับประทานอาหารหลังจากเท่ียงวันไปแลว แตเน่ืองจากการถืออุโบสถศีลของชาวพุทธนิกายมหายานท่ีไมกิน
เนื้อสัตว จึงนิยมนําการไมกินเนื้อสัตวไปรวมกันเขากับคําวากินเจ กลายเปนการถือศีลกินเจ ในปจจุบันผูที่
รับประทานอาหารท้ัง 3 ม้ือแตไมกินเนื้อสัตว ก็ยังคงเรียกวากินเจ ฉะน้ันความหมายก็คือคนกินเจมิใชเพียงแต
ไมกนิ เนือ้ สตั ว แตย งั ตอ งดํารงตนอยูในศีลธรรมอนั ดีงาม มคี วามบริสุทธ์ิ สะอาด ท้ังกาย วาจา ใจ

ในภาษาจีนมีคําหรือวลีท่ีใชอักษรแจ (เจ, 齋/斋) เปนตัวประกอบรวมดวยหลายคํา แตคําวาโปยกวนแจ
ไก (八關齋戒) แปลวา ศีลบริสุทธิ์แปดประการ อันหมายถึง อุโบสถศีล ซ่ึงเปนศัพทของทางพุทธศาสนา การ
แปลและเขาใจคลาดเคลื่อนดังกลาว ยังถูกใชเปนบรรทัดฐานในการอธิบายวัตรปฏิบัติของการกินเจผิดตามไป
ดวยวา “การกินเจตองถือศีลขอวิกาลโภชน” หรือการงดกินของขบเค้ียวหลังเท่ียงวันไปแลว ซึ่งเปนศีลขอหนง่ึ

29

ในศีลแปด ท้ังๆ ที่โรงครัวของศาลเจาหรือโรงเจท่ีเปดเล้ียงผูคนในชวงเทศกาลกินเจลวนแตมีอาหารม้ือเย็น
ใหกับผูเขาไปกิน ยิ่งวันที่มีการประกอบพิธีกรรมในตอนคํ่า ยังมีอาหารม้ือค่ําบริการเสริมใหเปนพิเศษดวย ที่
เปนเชนนั้นเพราะในชวงเทศกาลกินเจน้ัน เขาถือเพียงศีลหาท่ีเปนนิจศีล ไมไดครองศีลแปดอยางที่หลายคน
เขา ใจ (เวนแตผูตงั้ จิตอธษิ ฐานวา จะครองศีลแปดเปนการสวนตัวเทา นัน้ )

ในทางอักษรศาสตรจีน อักษรตัว “แจ” มีพัฒนาการมาจาก ตัวอักษร ฉี “齊” ซ่ึงแปลวาบริบูรณ,
เรียบรอย อักษรแจเกิดจากการเพ่ิมเสนตั้งและสองจุด (小) เขาไปกลางอักษรฉี ทําใหเกิดตัว ซื (示) ซ่ึงแปลวา
การสักการะ อยใู นแกน กลางของตวั ฉี

แจ (齋) จึงมีความหมายวา การรักษาความบริสุทธ์ิ (ท้ังกายและใจ) เพ่ือการสักการะ หรือ การปฏิบัติ
บูชาถวายเทพยดา ซึง่ การอธบิ ายในแนวทางนจี้ ะสอดคลองกบั คําวา “齋醮” ในลัทธิเตา ซึง่ ยอมาจากคาํ วา 供
齋醮神 ท่ีแปลวา การบําเพญ็ กายใจใหบ รสิ ทุ ธิ์ เพื่อเปน สกั การบชู าเทพยดา

ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง แ จ ใ น ศ า ส น า อิ ส ล า ม

ศัพทคําวา ศีลแจ / 齋戒 ในภาษาจีน นอกจากใชในลัทธิเตาและศาสนาพุทธแลว ยังหมายถึง “ศีลอด”
ท่ีถือปฏิบัติในเดือนถือศีลอดของชาวจีนอิสลาม สาระของศีลก็คือการหามรับประทานอาหารใดๆ ในระหวาง
เวลาท่ีพระอาทิตยขน้ึ จวบจนลบั ขอบฟา ตลอดเดือนถอื ศลี อด

แ จ ใ น วั ฒ น ธ ร ร ม ด่ั ง เ ดิ ม ข อ ง จ� น

ศัพท แจ พบในเอกสารจีนเกาท่ีมีอายุกวาสองพันปหลายฉบับ เชน 禮記, 周易, 易經, 孟子, 逸周
書 (เอกสารที่อางน้ีปจจุบันถือวาเปนคัมภีรในลัทธิหยู) เอกสารเหลานั้นยังใชอักษรตัวฉี (齊) แตเวลาอานออก
เสียง กลับตองอานออกเสียงวา ไจ เชน คําวา ไจเจ๋ีย / 齊潔 หรือ ไจเจี้ย / 齊戒 ซ่ึงก็คือการออกเสียงแจใน
สําเนียงแตจิ๋วนั่นเอง อักษรฉีในเอกสารน้ันนักอักษรศาสตรตีความวา แทจริงแลวก็คืออักษรตัวแจหรือใชแทน
ตัวแจ แจท่ีวาน้ีหาไดหมายถึงการงดกินของสดคาว หรือ การงดรับประทานอาหารหลังเที่ยง หากหมายถึงการ
ชําระลางรางกาย สงบจิตใจ และสวมใสเส้ือผาใหมสะอาด เปนการเตรียมกายและใจใหบริสุทธิ์ เพ่ือประกอบ
พธิ ีกรรมสักการบชู า ขอพร หรือแสดงความขอบคณุ ตอเทพยดาแหงสรวงสวรรค

แ จ เ พ่ื อ ก า ร จาํ แ น ก ค ว า ม เ ค ร‹ ง ค รั ด ข อ ง ภิ ก ษุ ฝ† า ย ม ห า ย า น

ศีลของภิกษุฝายมหายาน ในสวนเกี่ยวกับการฉันของภิกษุแตกตางจากฝายเถรวาท ท้ังมีการจําแนกเปน
สองลกั ษณะตามสาํ นักศึกษา ไดแ ก

เหลา ทีถ่ อื ม่นั ในศลี วกิ าลโภชนและฉันอาหารเจ จะไมฉนั อาหารหลงั อาทติ ยเ ท่ียงวนั เรียก ถแ่ี จ /持齋

เหลาทถี่ ือมัน่ แตการฉันอาหารเจ เรยี กถสี่ ู /持素

เจียะแจ (食齋) เปนการออกเสียงตามสําเนียงถ่ินแตจ๋ิว ศัพทคํานี้ใชและเปนที่เขาใจแตทางตอนใตของ
จีนโดยเฉพาะแถบลุมอารยธรรมหล่ิงหนาน (領南) ในมณฑลกวางตุง อันเปนแหลงอาศัยดั้งเดิมของคนแคะ
แตจ๋ิว กวางตุง และไหหนํา ซ่ึงเปนชาวจีนกลุมใหญในประเทศไทย เจียะหรือเจ๊ียะ (食) ในภาษาถ่ินใต แปลวา
กิน สวน แจ (齋) แปลวา บริสุทธิ์ (อางตามปทานุกรมพุทธศาสนาฉบับ วัดฝอกวงซัน ไตหวัน) เจียะแจตรงกับ
คําวา ชอื ซู (吃素) ในภาษาจนี กลาง และตรงกบั คําไทยที่นยิ มใชกันวา กินเจ จึงแปลวา การกนิ อาหารท่บี ริสุทธิ์

30

ตามความเชื่อ (ในลัทธิกินเจ) คําวาเจียะแจน้ีชาวจีนฮกเกี้ยนทางปกษใตแถบจังหวัดภูเก็ตเรียกตางออกไปวา
เจียะฉาย (食菜) ท่ีแปลตามตัวอักษรไดวา กินผัก แตมีนิยามหรือความหมายตรงกับคําวาเจียะแจท่ีกลาว
ขางตน

จุ ด ป ร ะ ส ง ค ข อ ง ก า ร กิ น เ จ

ผทู กี่ ินเจอาจจะมีจดุ เริม่ ตน ที่แตกตางกนั ไป แตจุดประสงคห ลักสามารถแบงไดเ ปน 3 ประเภท ดงั น้ี

1.กินเพ่ือสุขภาพ อาหารเจเปนอาหารประเภทชีวจิต เม่ือกินติดตอกันไปชวงเวลาหนึ่ง จะทําให
รางกายเกิดการปรับตัวใหอยูในสภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียตางๆ ออกจากรางกายได ปรับระบบ
ไหลเวยี นโลหิต ระบบทางเดนิ อาหารใหม ีเสถยี รภาพ

2.กินดวยจิตเมตตา เนื่องจากอาหารท่ีเรากินอยูในชีวิตประจําวนั ประกอบดวยเลอื ดเนื้อของสรรพ
สัตว ผูมีจิตเมตตา มีคุณธรรมและมีจิตสํานึกอันดีงาม ยอมไมอาจกินเลือดเนื้อของสัตวเหลาน้ัน ซึ่งมีเลือดเน้ือ
จิตใจ และท่ีสําคญั มคี วามรักตัวกลวั ตายเชนเดียวกบั คนเรา

3.กินเพื่อเวนกรรม ผูที่เขาใจอยางลึกซ้ึงยอมตระหนักวา การกินซึ่งอาศัยการฆาเพื่อเอาเลือดเนื้อ
ผูอ่ืนมาเปนของเราเปนการสรางกรรม แมวาจะไมไดเปนผูลงมือฆาเองก็ตาม การซ้ือจากผูอื่นก็เหมือนกับการ
จางฆา เพราะถาไมมีคนกินก็ไมมีคนฆามาขาย (ถาไมฆาไมขายก็ไมมีคนกิน) กรรมที่สรางนี้จะติดตามสนองเรา
ในไมชา ทาํ ใหส ุขภาพรา งกายอายขุ ยั ของเราสน้ั ลง เปนบอ เกิดของโรคภัยไขเ จ็บ เมื่อผูหยั่งรูเรื่องกฎแหงกรรมน้ี
จึงหยุดกินหยุดฆา หันมารับประทานอาหารเจ ซึ่งทําใหรางกายเติบโตไดเหมือนกัน โดยไมเห็นแกความอรอย
ชว งเวลาสน้ั ๆ เพียงแคอาหารผา นลน้ิ เทานน้ั

อาหารเจ

อาหารเจเปน อาหารท่ีปรุงขึน้ โดยไมมเี นอ้ื สตั ว หรอื ผลิตภัณฑท่ไี ดจากสัตว (เชน นม ไข นาํ้ ผึง้ นา้ํ ปลา เจ
ลาติน คอลลาเจน ) และไมปรุงดวยผักที่มีกลิ่นฉุน ไดแก กระเทียม หอม (ทุกชนิดอาทิ ตนหอม หัวหอม
หอมแดง) หลักเกียว กยุ ชาย และผกั ชี

บางก็รวมผักชีและเครื่องเทศรสเผ็ดรอนเขามาดวย เพราะผักเหลาน้ีสงผลกระทบตอธาตุในรางกาย บาง
เช่ือวาผักเหลานี้เพิ่มความกําหนัด หรือมาจากเลือดของสัตวตามตํานานจีน ทําใหอาหารเจไมมีกล่ินคาว
เนื่องจากการงดเน้ือสัตว ทําใหผูที่กินเจหันมาบริโภคธัญพืชในธรรมชาติ เพ่ือใหไดมาซ่ึงโปรตีน ซึ่งสวนใหญ
ไดแก ผลิตภัณฑจากถ่ัวเหลือง โดยในประเทศจีน พบวามีภัตตาคารบางแหง ซึ่งบริการ "ปรุงอาหารตามใบส่ัง
แพทย" (กลาวคือ ผูที่เขามารับประทาน จะตองไดร ับใบสั่งอาหารของแพทยเสียกอน) โดยลูกคาของภัตตาคาร
ดังกลาวเปนคนไขท่ีกําลังเขารับ “การบําบัดโรคดวยอาหารตามหลักเวชศาสตรโบราณ” หลังเขารับการตรวจ
วนิ จิ ฉัยจากแพทยแ ลว

ห ลั ก ธ ร ร ม ใ น ก า ร กิ น เ จ

ในทัศนะของคนกินเจ การกินที่ทําใหชีวิตผูอื่นตองเดือดรอนลมตายนั้น “มันมากเกินไป” ทั้งๆ ท่ีมนุษย
กินแตอาหารพืชผัก ก็สามรถมีชีวิตอยูได การกินเจต้ังม่ันอยูบนหลักธรรมสําคัญ 2 ประการ คือ ดํารงชีวิตอยู
ดวยอาหารทไี่ มเ บียดเบียนตนเอง และดํารงชีวติ อยดู วยอาหารท่ีไมเบยี ดเบียนผูอ น่ื กลาวคือ

31

ไมเอาชีวติ ของสตั วท ั้งหลายมาตอเตมิ บาํ รุงเลยี้ งชีวิตของตน

ไมเอาเลือดของสตั วทัง้ หลายมาเปนเลอื ดของตน

ไมเอาเนอ้ื ของสัตวท ง้ั หลายมาเปนเน้ือของตน

การรับประทานสิ่งใดก็ตาม ท่ีทําลายสุขภาพรางกายของตนใหทรุดโทรม คือ การเบียดเบียนตนเอง
ปจจบุ ันวิทยาการเจรญิ กาวหนาไดพ ิสูจนยนื ยนั วา เลอื ดและเนื้อของสัตวท่ีถูกฆาตายเต็มไปดว ยพิษภัยมากมาย
ดังนั้นการกินเจจึงไมใชเพ่ือใหเกดิ ผลดีตอจิตใจเทาน้ัน แตยังครอบคลุมไปถงึ การมีสุขภาพพลานามยั ที่ดีอีกดว ย
รางกายและจิตใจเปนของคูกัน มีความสัมพันธสงผลถึงกัน คนเรายอมไมอาจจะรูสึกเบิกบานสดช่ืนราเริงได
ในขณะทรี่ า งกายเจ็บปว ยทรดุ โทรมยา่ํ แย

ก า ร ป ฏิ บั ติ ต น ใ น ช‹ ว ง กิ น เ จ
ในชวงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืน ผูที่ตองการกินเจอยางครบถวนสมบูรณตามประเพณีการกินเจ จะตอง
ปฏบิ ัติ ดงั น้ี

รับประทาน “อาหารเจ” งดอาหารรสจัด ซึ่งหมายถึงอาหารเผ็ด หวานมาก เปร้ียวมาก เค็มมาก
งดผกั ทมี่ ีกล่นิ ฉนุ ทั้งหลาย แยกภาชนะสาํ หรับอาหารเจเทา น้นั

รักษาศีลหา รักษาจิตใจใหบริสุทธิ์ รักษาอารมณ ไมพูดคําหยาบคาย รวมถึงงดการมีเพศสัมพันธ
ทําบญุ ทําทาน ไหวพ ระ สวดมนต

นุง ขาวหม ขาวตลอดเทศกาลกินเจ และควรแตง กายชดุ ขาวเขา รวมพิธีกรรมตางๆ ในแตล ะศาลเจา

สําหรับผูท่ีเครงครัดเพ่ือการกินเจใหเปนไปอยางบริสุทธ์ิโดยแท จะเพ่ิมการปฏิบัติโดยการกินอาหาร
เฉพาะท่ีคนกินเจดวยกันเปนผูปรุงเทาน้ัน รวมถึงจะลางหมอไหจนสะอาดเอ่ียม แยกภาชนะสําหรับการปรุง
อาหารเจไวโดยเฉพาะ นอกจากนย้ี งั จดุ ตะเกียงไว 9 ดวงตลอดชว งเทศกาลกินเจ 9 วัน โดยไมป ลอยใหดับ เพื่อ
เปนพทุ ธบชู าและรําลกึ ถงึ บุญคุณของพอ แมญ าติพ่นี อง ตลอดจนผทู ี่มบี ญุ คุณตอ ผืนแผนดนิ เกดิ

สี ใ น เ ท ศ ก า ล กิ น เ จ
สีแดง เปนสีท่ีชาวจีนเช่ือวาเปนสีศิริมงคล ดังจะเห็นไดวาในงานมงคลตางๆ ของคนจีนไมวาจะเปนงาน
แตง วันตรษุ จีน

สีเหลือง เปนสีสําหรับใชในราชวงศ ซ่ึงอนุญาตใหใชไดเพียงคนสองกลุมเทานั้น กลุมแรกคือกษัตริยซึ่ง
เห็นไดจากหนังจีน เครื่องแตงกายและภาชนะตางๆ เปนสีเหลืองหรือทอง ซึ่งคนสามัญหามใชเด็ดขาด กลุมท่ี
สองคอื อาจารยปราบผี ถา ทา นสงั เกตในหนงั ผีจีน จะเห็นวา เขาแตงกายและมียนั ตสีเหลือง

สขี าว ตามธรรมเนียมจนี สขี าว คอื สีสาํ หรบั การไวท กุ ข สดี ําทเ่ี ราเห็นกันอยใู นขณะนเ้ี ปน การรบั วฒั นธรรม
ตะวนั ตก ถา ทานสงั เกตในพธิ งี านศพของจีน จะเห็นลกู หลานแตง ชดุ สีขาวอยู

ความหมายของ “ธงเจ”
ในชวงเทศกาลกินเจ เราจะสังเกตเห็นธงประจาํ เทศกาล โดยมีพ้ืนธงเปนสีเหลือง ซ่ึงเปนสีที่อนุญาตใหใช
กับคนสองกลุมเทาน้ัน คือกลุมกษัตริย ราชวงศ และกลุมอาจารยปราบผี ดังจะเห็นจากยันตสีเหลืองตาม
ภาพยนตรจ ีน ดังนั้นสเี หลืองจึงเปนสีของพุทธศาสนา หรือผูทรงศีล บนธงจะเขยี นตวั อกั ษรสแี ดง อานวา “ไจ”

32

หรือ “เจ” มีความหมายวา “ของไมมีคาว” เหตุที่ใชสีแดง เพราะชาวจีนเชื่อวา เปนสีมงคล สรางความเจริญ
ใหแกชีวิต ธงเจนอกจากจะเปนสัญลักษณของอาหารเจแลว ยังเปนการเตือนใหพุทธศาสนิกชนท่ีปฏิบัติตนถือ
ศลี กินเจ ไดตระหนักถงึ การไมเบียดเบยี นชีวติ สัตว และการต้ังอยูใ นศีลตลอดชว งกินเจ

ก า ร ป ฏิ บั ติ ตั ว ช‹ ว ง เ ท ศ ก า ล กิ น เ จ
งดเวน เน้ือสตั ว หรือทาํ อนั ตรายตอ สัตว
งดเวน นม เนย หรือนาํ้ มนั จากสัตว
งดเวน อาหารรสจดั หมายถึง อาหารรสเผด็ มาก เค็มมาก หวานมาก เปรย้ี วมาก
งดเวน ผักกลน่ิ ฉุน 5 ชนิด คอื

1.กระเทียม รวมทงั้ ตน กระเทียมดว ย
2.หัวหอม รวมท้ัง ตนหอม ใบหอม หอมแดง หอมขาว หอมหัวใหญ
3.หลักเกยี ว หรือกระเทยี มโทนจนี ลกั ษณะคลา ยหัวกระเทยี ม แตมีขนาดทเี่ ล็กและยาวกวา
4.กุยฉาย ใบคลา ยใบหอม แตแบนเล็กกวา
5.ใบยาสูบ บุหร่ี ยาเสน ของเสพตดิ มนึ เมา
เน่ืองจากผักดงั กลาวนั้น เปนผักที่มีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง ฉุน รสเขมหนัก นอกจากนี้ ยังมีพิษทําลายพลงั
ธาตุทัง้ ๕ ของรา งกาย ทาํ ใหอวยั วะในรางกายทํางานผิดปกติ
ผักท้งั ๕ ชนดิ ทําลาย อวัยวะหลกั ท้งั ๕ กระทบตอ ธาตุสาํ คัญ
1.กระเทยี ม การทาํ งานของ หัวใจ ธาตุไฟ ในกาย
2.หวั หอม การทํางานของ ไต ธาตุน้าํ ในกาย
3.หลกั เกียว การทํางานของ มาม ธาตุดนิ ในกาย
4.กยุ ฉา ย การทาํ งานของ ตบั ธาตไุ ม ในกาย
5.ใบยาสบู การทํางานของ ปอด ธาตุโลหะ ในกาย
หลักการกินเจนั้น จึงมิใชเพื่อใหเกิดผลดีตอรางกายอยางเดียวเทานั้น แตยังสงผลดีตอดานจิตใจสดชื่น
เบกิ บาน ราเรงิ ไดในขณะเดยี วกัน โดยยงั มอี ีก ๗ วนั ทีค่ นจีน บางสวน นิยมงดเนอ้ื สัตว กนิ เจ คอื
1.วนั เกดิ ของตนเอง
2.วนั เกดิ ของลกู หลาน
3.วันแตง งาน
4.วันจัดเลีย้ งเพ่ือนฝงู ญาติมติ ร
5.วันเซน ไหวบรรพบรุ ษุ
6.วนั ทําบุญสรา งกศุ ล
7.วันขอพรสิง่ ศักดสิ์ ทิ ธ์ิ
พิธีกรรมถือศีลกินเจ ไมเสพเน้ือสัตว และการบูชาดาวนพเคราะห ทําบุญแจกทานแกคนทุกขยากจนนี้
เปนที่นิยมมาแตโบราณกาล การถือศีลกินเจเดือนเกาเปนพิธีกรรมที่ศักด์ิสิทธ์ิ ไดแผเมตตา กรุณาถึง ๙ วัน ๙

33

คืนนั้นควรคาแกการอนุรักษสืบทอดตอไปพิธีกรรมถือศีลกินเจ ไมเสพเนื้อสัตว และการบูชาดาวนพเคราะห
ทําบุญแจกทานแกคนทุกขยากจนนี้ เปนท่ีนิยมมาแตโบราณกาล การถือศีลกินเจเดือนเกา รักษาจิตใจให
บริสทุ ธิ์ รกั ษาอารมณใหคงที่ ทําบญุ ทําทาน บางคนที่เครง อาจนงุ ขาว หม ขาว

"อาหารเจ" เปนอาหารที่ปรุงข้ึนจากพืชผักธรรมชาติลวนๆ ไมมีเน้ือสัตวปน และที่สําคัญตองไมปรุงดวย
ผักฉุนทั้ง 5 ตามความเช่ือทางการแพทยจีน ของผักเหลานี้มีรสหนัก กลิ่นรุนแรง เปนเหตุใหอวัยวะหลักสําคัญ
ภายในท้ัง 5 ทํางานไมป กติ

สําหรับคนที่กินเจอยางเครงครัด นอกจากจะ "ถือศีล-กินเจ" แลว ยังตองเลือกผูปรุงอาหารเจท่ีกินเจดว ย
เพื่อให "อาหารเจ" นั้นบริสุทธ์ิจริงๆ บางคนจะคัดแยกภาชนะบรรจุหรือปรุงอาหาร จากที่ใชใสอาหารที่มี
เน้ือสัตวอยางเด็ดขาด และในบางแหงอาจพบวามีการจุดตะเกียงเกาดวงไวเปนเวลา 9 วันตลอดระยะเวลากิน
เจ เพือ่ รําลึกถงึ บญุ คุณพอ แมญ าตพิ ี่นอง และเพอ่ื เปนพทุ ธบชู า

การกินเจทําได 2 แบบ คือ

1.กินเปน กจิ วตั ร คอื ละเวนการกนิ เนื้อสัตวท้ัง 3 มือ้ ทกุ วัน

2.กินเฉพาะชว งกินเจ คือ กินเจชว งวันขนึ้ 1 ถงึ 9 ค่าํ เดือน 9 ตามปฏทิ นิ จีน

กนิ เจเพอื่ อะไร จดุ ประสงคหลักของการกนิ เจ แบงออกไดเปน 3 ประเภท คือ

1.กินเพื่อสุขภาพ เพราะอาหารเจเปนอาหารชีวจิต เมื่อกินติดตอกัน จะทําใหรางกายสมดุล สามารถขับ
พษิ ของเสยี ตา งๆ ออกจากรางกายได และปรบั ระบบตางๆ ในรางกายใหมเี สถยี รภาพ

2.กินดวยจิตเมตตา เนื่องจากทุกๆ วัน อาหารที่เรากินประกอบดวยเลือดเน้ือของสรรพสัตว ผูท่ีมีจิตใจดี
งามจงึ ไมสามารถกนิ เน้ือของสตั วเหลาน้นั ได

3.กินเพ่ือเวนกรรม เพราะการฆาเอาเลือดเนอื้ ผูอน่ื มาเปนของเราเปนการสรางกรรม แมจะไมไดลงมือฆา
เองก็ตาม เพราะการซื้อผูอื่นเทากับการจางฆา ถาไมมีคนกินก็ไมมีคนฆามาขาย ผูท่ีเขาใจเรื่องกฎแหงกรรมจึง
หยุดกิน หันมารับประทานอาหารเจแทน โดยไมเห็นแกความอรอยในชวงเวลาส้ันๆ เพียงแคใหอาหารผานลิ้น
เทาน้นั

ป ร ะ โ ย ช น ข อ ง ก า ร กิ น เ จ

การกินอาหารเจ นอกจากจะเปนการถือศีลรักษาประเพณี และละเวนชีวิตแลว ยังใหประโยชนตอ
รา งกาย ดงั นี้

1.รางกายสามารถขับถายของเสียออกไดหมดทําให ไมมีสารพิษตกคางอยูภายใน เพราะสารอาหารจาก
พืชผกั และผลไมจะชว ยใหร ะบบขบั ถายและการยอ ยเปนปกติ

2.เม่ือรับประทานเปนประจํา โลหิตจะถูกฟอกใหสะอาดขึ้นเร่ือยๆ เซลลตางๆ ของรางกายเสื่อมสลายชา
ลง ทาํ ใหอายุยืนยาวมผี ิวพรรณสดชนื่ ผอ งใส รา งกายแข็งแรงรูสึก มสี ุขภาพดี

3.อวัยวะหลักสําคัญภายใน ไดแก หัวใจ ไต มาม ตับ ปอด และอวัยวะประกอบคือ ลําไสใหญ ลําไสเล็ก
กระเพาะปส สาวะ กระเพาอาหาร ถุงนา้ํ ดี แขง็ แรงทาํ งานไดเปน ปกติสมบรู ณ

34

4.รางกายสามารถตานทานตอสารพิษตางๆ ไดแก สารเคมี ยาฆาแมลง มลภาวะ และกาซพิษท่ีเกิดจาก
การเผาไหมในอุตสาหกรรม ไอเสียจากเครื่องจักร เครื่องยนต ซึ่งสารอาหารในพืชผัก จะชวยใหเซลลตางๆ ใน
รา งกายสามารถทนตอ การทําลายจากรังสีตา งๆ ได

5.สามารถตานทานสารพิษไดสูงกวาคนปกติ ในบรรดาผูท่ีทานเจมักไมปรากฎโรครุนแรงหรือเร้ือรัง เชน
โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เสนเลือดตีบ ไขมันอุดตันในเสนเลือด โรคไต ฯลฯ โดยเฉพาะโรคที่
เก่ียวกับระบบขับถาย ยอยอาหารและทางเดินอาหาร เชน โรคริดสีดวงทวาร มะเร็งในกระเพาะและลําไส โรค
กระเพาะ อาหารไมยอ ย โรคเหลา น้จี ะไมพ บเลยในกลุมคนผูที่รบั ประทานอาหารเจ อาหารพืชผักและผลไมเปน
ประจํา

6.การกินเจทําใหเกิดความเมตตา เกิดความสงบสุขุม อารมณไมฉุนเฉียว ไมโมโหงาย ซึ่งจะชวยเก้ือกูล
สงเสรมิ ใหบ ารมีธรรมสูงขึ้นเรอ่ื ยๆ

7.หยดุ การสรา งบาป เวรกรรม ทําใหไ มเกิดการอาฆาต พยาบาท จึงปราศจากศตั รทู ั้งมนุษยและสตั วท่ีคิด
มงุ ทํารา ยตามจองเวร

อ า ห า ร เ จ เ พื่ อ สุ ข ภ า พ

ชวงนี้เปนชวงเทศกาลกินเจ จึงไดหาขอมูลเก่ียว การกินเจเพ่ือคุณๆ ทั้งหลาย คําวา "เจ" หรือ "แจ" ใน
ภาษาจีนมีความหมายในทางพุทธศาสนาฝายมหายานวา อุโบสถ และแปลได อีกอยางหน่ึงวา ไมมีคาว ซ่ึง
ความหมายท่ีแทจริงของคําวา "กินเจ" คือ การรับประทาน อาหารกอนเที่ยงวัน หรือท่ีชาวพุทธในไทยถือ
"อุโบสถศีล" หรือคือ "การรกั ษาศลี 8 " โดยหลัง จากเทีย่ งวันแลว จะไมรบั ประทานอาหารอกี

แตเนื่องจากการถืออุโบสถศีลของชาวพุทธฝายมหายานไมกินเนื้อสัตว จึงนิยม"การไมกิน เน้ือสัตว" ไป
รวม กับคําวา "กินเจ" ซึง่ เปนการถือศลี ไปดวยทกุ วันนี้ถงึ แมจ ะรบั ประทานอาหาร ทงั้ 3 มอื้ แตไ มกนิ เนอ้ื สัตวก็
ยังคงเรียกวา "กินเจ" ฉะนั้นความหมายกค็ ือ "คนท่ีกินเจ" ไมใชเพียงแตไมกินเน้อื สัตว แตคนกนิ เจยังตอง ดํารง
ตนใหอ ยูในศลี ธรรมอนั ดีงาม มคี วามบริสุทธิส์ ะอาดงดงามท้ังกาย วาจา และใจ และเปนการถอื ศีลบําเพญ็ ธรรม
ไปดวยพรอ มกันจึงเรยี กวา "กินเจทีแ่ ทจรงิ "

วั น เ ว ล า ข อ ง ก า ร กิ น เ จ

เราสามารถแบง การกินเจได 2 แบบ คือ

1.การกินเปนกจิ วัตร คอื การละเวน การกินเน้ือสัตวท ้งั 3 มื้อ เปน ประจาํ ทุกวัน

2.การกินเฉพาะชวงประเพณีกินเจ คือ การกินเจในชวงวันขึ้น ๑ ค่ําถึง ๙ ค่ํา เดือน ๙ ตามปฏิทินจีน ซ่ึง
วันเวลา ของการกินเจทั้ง 9 วันน้ัน จะมีช่ือเรียกดังน้ีคือ ชิวอิก ชิวย่ี ชิวซา ชิวสี่ ชิวโหงว ชิวลัก ชิวฉิก ชิวโปย
และชวิ เกา ดว ย

โดยท่ีเจอิ๊วหรือผูรวมพิธีกินเจจะมีการทําบุญในระหวาง 9 วันท่ีเรียกวา "เจคี้" หรือ "ซาลักเกา" ซ่ึง
ประกอบดว ย วนั ชิวซา ชิวลัก และชวิ เกาดว ย โดยการนาํ โหงวกว ยหรอื ซากวย ผลไม 5 หรอื 3 อยางมาไหว ซ่งึ
มักนิยมใชผลไม ท่ีมีความหมายเปนมงคล เชน สม ซ่ึงในภาษีจีนเรียกวา ไตกิก แปลวา โชคดี องุน หรือ พูทอ
หมายถงึ งอกงาม สบั ปะรด หรืออั้งไล แปลวา มโี ชค และกลว ย ทห่ี มายถงึ การมีลูกหลานสืบสกุล

35

ก า ร กิ น เ จ อ ย‹ า ง ถู ก ตŒ อ ง

"อาหารเจ" เปนอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากพืชผักธรรมชาติลวนๆ ไมมีเน้ือสัตวปน และท่ีสําคัญตองไมปรุง
ดวย ผักฉุนท้ัง 5 อันไดแก กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยฉาย ใบยาสูบ เนื่องจากผักดังกลาวเหลานเี้ ปนผักที่
มี รสหนัก กลิ่นเหม็นคาวรุนแรง นอกจากนี้ยังมีพิษทําลายพลังธาตุท้ัง 5 ในรางกาย เปนเหตุใหอวัยวะหลัก
สาํ คญั ภายในท้งั 5 ทาํ งานไมป กติ ซึ่งผทู ี่กนิ เจถอื วา

กระเทียม ซ่ึงรวมไปถึง หัวกระเทียม ตนกระเทียม จะไปทําลายการทํางานของหัวใจและ
กระทบกระเทือนตอธาตุไฟในกาย ถึงแมวากระเทียมจะมีสารท่ีสามารถละลายไขมันใน เสนเลือด (คลอ
เลสเตอรอล) ได แตกระเทียมก็มีความระคายเคืองสูง ผูที่เปนโรคกระเพาะหรือกระเพาะอาหารเปนแผลและ
โรคตับจึงไมควรรบั ประทานมาก

หัวหอม ซึ่งรวมไปถึงตนหอม ใบหอม หอมแดง หอมขาว หอมหัวใหญ ตามหลักเวชศาสตรและเภสัช
ศาสตร โบราณของจีนถือวา หัวหอมจะไปทําลายการ ทํางานของไตและกระทบกระเทือนตอธาตุน้ําในกาย
ถึงแมวา หอมแดงจะชวยขับพยาธิ ขับลม แกทองอืดแนน ปวดประจําเดือน และอาการบวมน้ําได แตการ
บริโภคเปน ประจําหรือ มากเกินไป จะทําใหเกิดอาการหลงลืมงาย ประสาทเสีย มีกลิ่นตัว ฟนเสีย เลือดนอย
และนัยตาฝา มวั

หลักเกียว คือ กระเทียมโทนจีน ลักษณะคลายหัวกระเทียม แตมีขนาดเล็กและยาวกวา ในประเทศไทย
ไมพบวา มีการปลูกแพรหลาย ซึ่งหลักเกียวจะไปทําลายการ ทํางานของตับและกระทบกระเทือนตอธาตุไมใน
กาย

ใบยาสูบ ซึ่งหมายถึง บุหรี่ ยาเสน ของเสพติดมึนเมาโดยใบยาสูบจะไปทําลายการทํางาน ของปอด และ
กระทบกระเทอื นตอ ธาตโุ ลหะในกาย

ป ร ะ โ ย ช น ข อ ง ก า ร กิ น เ จ ใ น มุ ม ม อ ง ต‹ า ง ๆ

ในมมุ มองของศาสนา จะมองประโยชนข องการกินเจในแงข องชวี ิตและจิตใจ ซง่ึ ไดแ ก

1.บังเกิดเมตตาจิต เกิดความสงบ สุขุม เยือกเย็น อารมณไมฉุนเฉียว ไมหุนหันพลันแลน โมโหงาย ดวง
ธรรมญาณอนั บรสิ ทุ ธ์ิจะปรากฏออกมาซึ่งจะชว ยเกอ้ื กูลสง เสริม ใหบารมี ธรรมสงู ขน้ึ เรอ่ื ยๆ

2.ทําใหมีสติม่ันคง มีสมาธิแนวแน ไมประมาทเลินเลอ เปนประโยชนตอการดําเนิน ชีวิตและการทํางาน
สามารถรอดพน จากภัยตางๆ เชน ภัยธรรมชาติ ภยั จากสัตว ภยั จากเคราะหกรรม เม่อื วิญญาณออกจาก ราง ก็
จะไปสภู พภมู ิท่ีดี

3.หยุดการทําบาป ตัดเวรกรรมท่ีผูกพัน ทําใหไมเกิดการอาฆาตพยาบาท ทําใหปราศจากศัตรูทั้งมนุษย
และสตั วท ่ีคดิ มงุ รายตามจองเวร

4.ส่ิงไมดีจะถูกขับออกไป ความรูสึกขุนมัว มืดมนจะหมดไป หลังจากกินเจตอเน่ืองกัน เปนระยะเวลา
นานๆ ความสดใสจะปรากฏขน้ึ ในจติ ใจ และถายทอดออกไปสใู บ หนาใหมีความสะอาดสดใส

36

5.ผูท่ีกินเจ รวมท้ังครอบครัวและบุตรหลาน และคนในปกครองจะเกิดความรุงเรืองในชีวิต มีเหตุใหเกิด
อยูในดินแดนอารยะ มีแตความอุดมสมบรู ณ ปราศจากการทํารายรบราฆาฟน ไมมุงรายทําลายชีวิตซ่ึงกนั และ
กนั

6.ทาํ ใหจ ิตใจสะอาดไมฟุง ซาน จิตใจทสี่ ะอาดทาํ ใหม องเหน็ กายอนั แทจ รงิ สามารถสนู พิ พานไดในทส่ี ดุ

7.เทวดาและสิ่งศกั ดิ์สิทธใิ์ หความคมุ ครองอารกั ขาไมใ หสิ่งเลวรายหรือวิญญาณช้ันตํ่าเขามาทําราย

ผูที่มองประโยชนของการกินเจในแงของศาสนา จะมีการปฏิบัตทิ ่ีเครงครัดวา การมองประโยชนของการ
กินเจในแงอื่น ซ่ึงมักจะใหผลท่ีสามารถมองเห็นไดอยางเกินคาด เกินความคิดคํานึงพ้ืนฐานของคนท่ัวไป เชน
การลยุ ไฟ การใชเหลก็ เสยี บแทงตนเอง หรอื มาทรงตางๆ ในเทศกาลกนิ เจทีจ่ ังหวัดตรัง น่ันคอื ความเชอื่ อันแรง
กลา ทาํ ใหเ กิดสงิ่ ที่ตนคดิ วาเปน ไปไมไดเ สมอ

ประโยชนของการกินเจ ในมมุ มองของแพทยแผนปจจบุ นั และแผนโบราณ ซง่ึ ไดแก

1.ใหพ ลังเย็น โดยไดร บั พลังงานจากฟรุกโตส ซึ่งมีในผัก ผลไม เปน พลงั ท่ีไมทาํ รา ยรา งกาย

2.ชวยขับถายของเสียออกจากรางกาย ทาํ ใหไมมีสารพิษตกคาง เพราะกากใยในพชื ผกั ผลไม ชวยระบบ
การยอยและระบบขับถาย ทําใหไมเปนโรคเกี่ยวกับลําไส รวมถึงโรคที่เกิด จากระบบขับถายผิดปกติตางๆ เชน
โรครดิ สดี วงทวาร

3.หากรับประทานประจําจะชวยฟอกโลหิตในรางกายใหสะอาด เซลลตางๆ ในรางกายจะเส่ือมชาลง ทํา
ให ผิวพรรณผองใส มีอายุยืนยาว สายตาดี แววตาสดใส รางกายแข็งแรงมีความตานทานโรค มีความคลอง ตัว
รสู กึ เบาสบายไมอ ดึ อดั

4.ทาํ ใหป ราศจากโรครายตางๆ เชน โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเสน เลือดหัวใจตบี ตัน โรคตับ โรคลาํ ไส โรค
เกาต ฯลฯ เพราะไดรบั อาหารธรรมชาตทิ มี่ ี ประโยชน ซ่ึงไมเ ปนสาเหตุ แุ ละยังชว ยปองกันโรคเหลา นี้

5.อวัยวะหลักของรางกาย และอวัยวะเสริมท้ัง 5 ทํางานไดอยางเต็มสมรรถภาพอวัยวะหลัก ไดแก หัวใจ
ไต มา ม ตบั ปอด อวยั วะเสริมทัง้ 5 ไดแ ก ลาํ ไสใ หญ ลาํ ไสเล็ก กระเพาะปสสาวะ กระเพาะอาหาร ถงุ นาํ้ ดี

6.ผูท่ีกินเจจะมีรางกายท่ีสามารถตานทานตอสารพิษตางๆ ไดสูงกวาคนปกติท่ัวไป ซึ่งไดแก ยากําจัด
ศัตรูพืช ยาฆาแมลง หรือสารเคมีท่ีเปนอันตรายอ่ืนๆ มลภาวะท่ีเกิดจากการ เผาไหมของเคร่ืองยนต ท้ังจาก
รถยนตและโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งมีปะปนอยูในอากาศ รวมถึงแหลงอาหารและนํ้าด่ืม จะเห็นไดวา
ในทางกานแพทยน้ัน การกินเจมีประโยชนในการรักษา ท่ีสามารถพิสูจนและ มองเห็นไดชัดเจน กวาประโยชน
ในทางศาสนา แมว าการปฏบิ ตั จิ ะไมเ ครงครัดเทา กับความ ตองการประโยชนท างดา นศาสนา

ประโยชนข องการกนิ เจ ในมุมมองทางดา นโภชนาการ

มักมีการสงสัยกันอยูเสมอวา การกินเจ จะไดสารอาหารครบทั้ง 5 หมูหรือไม โดยเฉพาะ โปรตีน ซึ่งคน
สวนใหญมักเขา ใจวาโปรตนี ในเน้ือสัตวเปน โปรตีน ที่มีคุณภาพดีมากกวา โปรตีนในพืช ซ่ึงเปนความ เขาใจท่ไี ม
ถูกตองนกั เพราะแทท ีจ่ รงิ แลว โปรตีนในผัก มีคุณคา ที่ใกลเคียงกัน ในสวนของอาหารหลัก 5 หมู เปนสิง่ ท่กี ังวล
กนั อกี ประการ หนงึ่ วา จะไดค รบหรอื ไม ถา คดิ ในทางกลบั กัน ส่งิ ทคี่ ดิ วาจะขาดมาก ท่สี ดุ คือโปรตีน ในอาหารเจ
ยงั มคี รบ จงึ ไมนาเปน หว งวาจะขาดสารอาหารในหมูอ่ืน เพราะนอกจากโปรตีน แลว สารอาหาร หมอู น่ื จะมีอยู

37

ใน พืชผักผลไมทั้งส้ิน ดังน้ัน การจะขาดสารอาหาร จึงนาจะขึ้นอยูกับพฤติกรรม การบริโภคมาก กวา วาเปน
คนเลือกกิน หรือไม สวนสารอาหารที่ไดจากการกินเจในท่ีน้ี จะขอกลาวถึงเฉพาะ สวนของโปรตีนเทานั้น
เนื่องจากเปน ขอมูลที่มีผูส งสัยมากทสี่ ดุ วา โปรตนี จากพืชจะ ทดแทน โปรตีนจาก สตั วไ ดห รอื ไม

โปรตนี ทจ่ี ําเปนตอ รางกายคนเรา มีมากในอาหารประเภทถ่ัว

โปรตนี คือ สารอาหารทจ่ี าํ เปน ตอรางกาย มอี ยูในเน้อื สตั วทวั่ ไป รวมทั้งในไขข าวและผัก และจะมมี ากใน
ถั่วชนิดตางๆ เชน ถั่วเหลือง ถ่ัวเขียว ถ่ัวลิสง และถั่วอ่ืนๆ โปรตีนท่ีจําเปนตอรางกายจริงๆ มีอยู 10 ชนิด ซึ่งมี
อยูทั้งในเนื้อสัตวและถ่ัวตางๆ ท่ีแตกตางกันก็คือ ในเน้ือสัตวจะมีไขมันมากกวาถ่ัวตางๆ เมื่อกินโปรตีนจาก
เน้ือสัตวจึงไดรับไขมันมากขึ้นไปดวย ทําใหอวนรวมไปถึงระบบการยอยอาหาร ก็ตองทํางานหนักข้ึนไปดวย
ตางจากโปรตีนท่ีไดจากถั่วซ่ึงมีปริมาณไขมันนอยกวา และรางกายสามารถนําไปใชไดพอดี โดยไมเหลือเปน
สวนเกนิ และยังมีกากใยชวยทาํ ใหร ะบบขบั ถายดขี น้ึ และทสี่ ําคัญ ไมมีคลอเลสเตอรอลเหมอื นในเน้อื สัตว

โปรตีนทีม่ คี วามสําคัญตอรา งกายของคนเรา 10 ชนิด ซงึ่ มอี ยคู รบในถ่ัวตา งๆ คือ

1.ไลซนี มหี นาที่สรางความเจริญเติบโต และสรา งความตา นทานใหแ กรางกาย หากขาดไลซนี รา งกายจะ
แสดงอาการผิดปกติ เชน มอี าการออนเพลีย ไมมีแรง เปน ตน

2.กลตู ามกิ เปน กรดอะมโิ นท่บี ํารุงรักษาความเปน ปกติของเซลลส มอง หากขาด กลตู ามกิ จะเกิด อาการ
ผิดปกติทางสมองควบคุมความรูสึกและจิตใจตนเอง ลําบากจะมีอาการเฉยเมย และซึมเศรา แกเร็ว ไมสดใส
รางกายไมเจริญเตบิ โต

3.วาลีน เปนกรด อะมิโนที่สรางความเปน ปกติแกสมองอีกชนิดหนงึ่ รวมถงึ กลามเนือ้ ระบบประสาท การ
รับรู ความรสู กึ นึกคิด ซ่ึงข้ึนอยกู ับกรดอะมิโนชนดิ นี้

4.อารจีนีน เปนสวนประกอบของอสุจิในเพศชาย หากขาดจะทําใหมีโอกาสเปนหมัน เพราะเชื้ออสุจิไม
แข็งแรง ทําใหไมสามารถเขาไปผสมกับไขของเพศหญิงได นอกจากนี้ยังทําใหรางกายไมสดใส ไมมีความ
กระชุมกระชวย จติ ใจไมผ องใส ทาํ ใหแ กเรว็

5.ซิสตีน เปนกรด อะมิโนที่รางกายนํามาใชสรางเซลลเสนผมและอินซูลิน ทําใหรางกายตอตานสิ่งที่เปน
พิษไดดีข้ึน สรางภูมิตานทานและส่ิงแปลกปลอมที่เขามา ทางลมหายใจ ผูที่ขาดซิสตีนจะเกิดอาการ เปนกังวล
หงดุ หงิด ตับผดิ ปกติ เสน ผมหลดุ รวง

6.ฟนายอะลานีน หากขาดกรด อะมิโนตัวนี้จะทําใหควบคุมตนเองไมอยูในเรื่อง การรับประทานอาหาร
จะทําใหรับประทานอาหารไมหยุด ทําใหเกิดโรคอวนและอาการมึน ซึม หรือปวดหัว ฟนายอะลานีนสามารถ
นาํ มาสรางฮอรโ มนไทร็อกซนี ของตอ มไธรอยดไดอีกดวย

7.ทรีโอนีน มีความสําคัญตอระบบทางเดินอาหารและระบบยอยอาหาร หากขาดทรีโอนีนจะเกิดปญหา
ในการยอยอาหาร ทําใหเกิดอาการทอ งอืด ทองเฟอ จุกเสียด เรอเปรี้ยว

8.อิสติดีน ชวยดูแลรักษาทําใหประสาทหูทํางานเปนปกติ หากขาดอิสติดีนจะเกิด ความเสียหายกับ
ประสาทหู และเกิดอาการหอู ้อื หูตึง ความสามารถในการไดยินลดลง

38

9.ทริปโตเฟน ทําหนาที่ในการยอยอาหารรวมกับทรีโอนีน นอกจากน้ียังชวยสรางเสนผม ทําใหเสนผมไม
หลุดรวงงาย รากผมแข็งแรง นอกจากน้ียังทําใหผิวพรรณผองใส และชวยสรางเม็ดโลหิตอีกดวย 10. เมทีโอนนี
ชว ยดแู ลรกั ษาตับ ขบั ของเสียออกจากตับ ขจดั สารพิษออกจากรางกาย หากขาดจะทําใหเสนตับผดิ ปกตริ วมถึง
ไตดวย นอกจากนั้นยังทาํ ใหเสน ผมหลุดรวงงา ย รา งกายไมส ดชน่ื ผิวพรรณหมองคลํ้า

ป ร ะ วั ติ ก า ร กิ น เ จ เ ดื อ น เ กŒ า ( กิ ว อ ว ง เ จ )

พธิ ีการกนิ เจเดอื นเกาตามปฏทิ ินจนี ทุกๆ ป มีกาํ หนด ๙ วันน้นั ลทั ธมิ หายานในพทุ ธศาสนามีอรรถาธิบาย
วา เปนการประกอบพธิ กี รรมสกั การบูชาพระพุทธเจา ๗ พระองค กบั พระโพธิสตั วอ ีก ๒ พระองค รวม เปน ๙
พระองคดวยกนั หรือนัยหนึ่งเรียกวา ดาวพระเคราะหท ั้ง ๙ อันมี พระอาทิตย พระจันทร ดาวพระอังคาร ดาว
พระพุทธ ดาวพฤหัสบดี ดาวพระศุกร ดาวพระเสาร พระราหู และพระเกตุ พิธีเกาอวงเจน้ี กําหนดเอา วันขึ้น
๑ ค่ํา ถึง ขึ้น ๙ ค่ํา เดือน ๙ ตามปฏิทินจีน รวม ๙ วัน ๙ คืน พิธีกรรมสักการบูชา พระพุทธเจา ๗ พระองค
กับพระโพธิสัตว ๒ พระองคนี้ ผูมีจิตศรัทธาในพุทธศาสนา ตางสละโลกียวัตรและบําเพ็ญศีลสมาทานกินเจ
บรโิ ภคแตอ าหารผัก และผลไม งดเวนไมก ระทํากิจใดๆ อนั นาํ มาซ่งึ การเบยี ดเบยี นสัตวท ้งั ปวง ไดแก

๑.ไมเอาชวี ติ ของสัตวม าเติมตอ บํารุงชีวิตของเรา

๒.ไมเ อาเลอื ดของสัตวมาเปน เลอื ดของเรา

๓.ไมเ อาเน้อื ของสตั วมาเปนเน้อื ของเรา

ซักฟอกมลทินออกจาก รางกาย วาจา และใจ สวมเส้ือผาสีชาวสะอาดบริสุทธิป์ ราศจากจุดดา งพรอย พา
กนั สวู ัดวาอารามพรอมดอกไม ธูปและเทียน ไปนมัสการบูชาพระสมั มาสมั พทุ ธเจา และพระพุทธเจา ๗ พระองค
กับพระโพธิสัตว ๒ พระองค ท้ังจัดหาเคร่ืองกระดาษ ทําเปนรูปเครื่องทรงเส้ือผา หมวก รองเทา กระดาษเงิน
กระดาษทองตางๆ ไปนอมถวายเปนเครอื่ งสักการะ เปนกุศลสมาทาน ขอพรเพ่อื ความเจริญสมบูรณพนู สุข

เบอ้ื งตนแหงพิธีกรรมเกาอว งเจมีอรรถาธบิ ายไว ดงั น้ี

ในกาลสมัยหน่ึง สมเด็จพระบรมศาสดาทรงประทับอยู ณ. ศิวาลัยรัตนสถาน มีบรรดาพระโพธิสัตว ทาว
มหาพรหม ทาวสักกะ ยักษ เทพเจา นาค คนธรรม กินนร ฯลฯ ไดพากันมาเฝาพระพุทธองค และในขณะน้ัน
พระมัญชุศรีโพธิสัตว ไดทลู ถามตอพระผมู พี ระภาคเจาวา “ขาแตพระองคผ ูเจรญิ อนั พระเทพสตั ตเคราะหท งั้ ๗
พระองค ไดม กี ุศลสะสมอยางไร กับมปี จจยั เหตมุ าอยางไร จงึ ไดเสวยทิพยผลรุง เรืองเพรยี บพรอ มไปดว ยยศและ
อํานาจในเทวภพนี้” พระบรมศาสดาจึงมีพุทธดํารัสตอบวา “ดูกร มัญชุศรี อันดาวเทพสัตตเคราะหทั้ง ๗ นั้น
แทจริงเปนพระอวตารภาพแหงอดีตพระพุทธ ๗ พระองค ทรงแบงภาคมาแสดงใหปรากฏ กับพระโพธิสัตวอีก
๒ พระองค ก็แบงภาคมาเปนดาวพระราหูและดาวพระเกตุ รวมเปนดาวพระเคราะหทั้ง ๙ ฉะน้ัน จึงสมบูรณ
ดวยอลังการแหงยศและอาํ นาจ อนั ไมมีปริมาณเหน็ เปน ฉะน้”ี

ในพระสูตร ปกเตาโกวฮุดเซียวไจเอียนซิ่วเมียวเกง เรียกพระนามพระพุทธเจา ๗ พระองค กับพระ
โพธิสัตว ๒ องค ไวดงั ตอไปนี้ อนั ไดแก

1.พระวชิ ยั โลกมนจรพุทธะ (ดาวไทเอ้ยี งแช คอื พระอาทิตย)

2.พระศรีรัตนโลกประภาโมษอศิ วรพทุ ธะ (ดาวไทอิมแช คือ พระจนั ทร)

39

3.พระเวปุลลรตั นโลกวรรณสทิ ธพิ ุทธะ (ดาวฮวยแช คอื ดาวอังคาร)
4.พระอโศกโลกวิชยั มงคลพทุ ธะ (ดาวจุยแช คอื ดาวพระพุทธ)
5.พระวิสทุ ธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวภิ าคพุทธะ (ดาวบกั แช คอื ดาวพฤหสั บดี)
6.พระธรรมมติธรรมสาครจรโลกมโนพทุ ธะ (ดาวกมิ แช คอื ดาวพระศุกร)
7.พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑรู ยพทุ ธะ (ดาวโทวแช คือ ดาวพระเสาร)
และพระมหาโพธสิ ัตวอกี 2 พระองค คอื
1.ใพระศรีสุขโลกปทมอรรถอลังการโพธสิ ัตว (ดาวลอ เกาแช คอื พระราหู)
2.พระศรเี วปลุ กสังสารโลกสุขอศิ วรโพธิสัตว (ดาวโกยโตวแช คือ พระเกต)ุ
พระพุทธเจาท้ัง ๗ กับพระโพธิสัตวท้ัง ๒ ทรงตั้งพระปณิธานจักโปรดสัตวโลก จึงไดแบงภาคมาเปนเทพ
เจา ๙ พระองค ไดแก
๑.ไตขว ยเอี๊ยงเมงทมั หลังไทแชกนุ
๒.ไตเจียกอมิ เจง็ กอื้ มึ้งงวนแชกุน
๓.ไตกวนจงิ หยงิ้ ลกชุงเจงแชกนุ
๔.ไตฮงั้ เฮยี่ งเมง บุงเคยี กนวิ แชกนุ
๕.ไตปก ตังงวนเนยี้ มเจงกงั แชกุน
๖.ไตโพว ปก เกกบเู คียกก่แี ชกุน
๗.ไตเ พยี วเทียนกวนพว่ั กุงกวนแชกนุ
๘.ตัง่ เมง งัว่ หูแชกนุ
๙.ฮยุ กวงไลเพีย๊ กแชกุน
และเทพเจาท้ัง ๙ พระองคนี้ ทรงอํานาจตบะอันเรืองฤทธ์ิบริหาร ธาตุดิน ธาตุนํ้า ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุ
ทอง ทั่วทุกพิภพในทุกสารทิศ จึงทรงแบงภาคตอจากนี้อีกวาระหนึ่ง เปนดาวนพเคราะห (ดาวพระเคราะห ๙
ดวง) อนั ไดแ ก
ในตาํ ราโหราศาสตรจ ีน วางหลักดาวนพเคราะหไ วเ ปนหมวด ดังน้ี ๑.ดาวทวมิ หาเคราะห คือ พระอาทิตย
กับพระจันทร ๒.ดาวทวิกําลัง คือ พระราหุ กับพระเกตุ ๓.ดาวปญจลักขณะ คือ ดาวพระอังคาร ดาวพระพุธ
ดาวพฤหสั บดี ดาวพระศกุ ร และดาวพระเสาร
เทพเจาทั้งเกาพระองค ทรงเคร่ืองทรงแบบพระมหากษัตริย ประชาชนจึงถวายพระนามวา เกาอวง หรือ
กิวอวง แปลวา นพราชา กําหนดเวลาทุกปตามปฏิทินจีน ขึ้น ๑ คํ่า ถึง ขึ้น ๙ ค่ํา เดือน ๙ เทพเจาประจําดาว
นพเคราะหจะทรงผลัดเปลี่ยนกันลงมาตรวจโลกตลอดทั้งกลางวันและกลางคนื บุคคลใดมีความประพฤตติ ั้งอยู
ในกุศลกรรมวิถี กจ็ ะทรงประทานพรอาํ นวยความสมบูรณพูนสขุ ให หากบคุ คลใดประพฤตใิ นทางอกุศลกรรมวิถี
ก็จะลงโทษตามสมควร เทพเจาแหงดาวนพเคราะหทรงมีพระคุณตอโลกเปนเอนกประการ โดยเฉพาะอยางยิ่ง
คือ ธาตุดิน ธาตุน้ํา ธาตุไฟ ธาตุลม และธาตุทอง ท่ีพระองคไดประทานมาใหแกมวลสรรพส่ิงในโลก ลวนเปน
สงิ่ จาํ เปนในสรรพสังขาร มนษุ ย ถา หากไมมีธาตุลม ก็ถงึ แกค วามตาย มัจฉาชาติ ถา หากไรธาตุนา้ํ เปน ที่อาศัย ก็

40

ตองตาย พฤกษาชาติ ถา หากหมดธาตุดิน กอ็ ับเฉากง่ิ ใบแหง เห่ียวตาย สตั วโลก ถา หากสญู ส้ินธาตุไฟในรางกาย
กม็ ชี ีวติ อยไู มไ ด เศรษฐกจิ การคา อนั เปนหวั ใจสาํ คญั ของมนษุ ยใ นโลกปจจบุ ัน ถาหากขาดธาตทุ องก็ไมสามารถ
ดําเนินกิจการลุลว งไปได

ปวงสรรพสิ่งในโลกไมวา มาจากอุปปตติกําเนิด (เกิดขนึ้ เอง) ชลาพชุ ะกาํ เนดิ (เกดิ จากน้าํ ) อณั ฑชะกาํ เนิด
(เกิดจากฟองไขแลวฟกเปนตัว) โยนิกําเนิด (เกิดในมดลูก) รวมท้ังสรรพสังขารอันไดแก อุปาทินนกสังขาร
(สังขารทมี่ ใี จครอง) และ อนปุ าทินนกสงั ขาร (สงั ขารทไี่ มม ีใจครอง) ลวนอยภู ายใตการบงั คบั บญั ชาของเทพเจา
ท้ัง ๙ ท้ังสิน้

บุคคลทุกคนนับต้ังแตพระราชา ตลอดลงมาจนถึงสามัญชน ถามีความประพฤติไปในทางอกุศลดังกลาว
ขา งตน มีพฤติการณปลกู เหตอุ กศุ ล กจ็ กั ไดรบั ผลอกศุ ล ท่ีไดห วา นไวนน้ั เอง เชน

๑.พระราชาไมทรงต้ังอยูในทศพิธราชธรรม โดยปราศจากเมตตากรุณาตอขาราชบริพารและราษฎร ใน
ท่สี ุดกต็ อ งสญู เสียราชบลั ลังก ท้ังนกี้ เ็ นอื่ งดว ยพระองคปลูกเหตุอกศุ ลไว ก็ทรงรบั ผลอกุศลตามสนอง

๒.ขาราชบริพารไมภกั ดซี ื่อสัตยตอ ประเทศชาตแิ ละพระมหากษัตริย ฉอราษฎรบังหลวง ในท่ีสุดก็ตองถูก
ยึดทรพั ยส ้นิ ทั้งนีเ้ พราะตนไดปลกู เหตุอกุศลไว และผลอกศุ ลนนั้ ตามสนอง

๓.บิดาไมความอุปการะแกบุตร ไมรับรองหรือไมเลี้ยงดูบุตรตามสถานะ ในที่สุดก็เปนผูปราศจาก
ลกู หลานชว ยเหลอื

๔.บุตรไมมีความกตัญูกตเวทีตอผูใหกําเนิด ในท่ีสุดบุตรของตัวเองจะสนองตนดวยความอกตัญู
เชนกัน

๕.พี่ไมมีความอารีอารอบเอ็นดูตอนอง ในที่สุดก็จะยังผลรายให คือตัดมือตัดเทาตนเอง จะไปหาใครหรอื
ผอู ื่นท่มี ีความสนทิ สนมไววางใจไดเทากบั นองไมมอี กี แลว

๖.นอ งไมเ คารพนับถือยําเกรงพ่ี ผูท เ่ี คยเออื้ เฟอ มาแตนอยอีกท้ังมีอาวุโสกวา และดืม่ นมมารดามาดวยกัน
ในท่ีสดุ บรรดาวงศาคณาญาตกิ ็ตดั ขาดจากตน

๗.สามีไมเลี้ยงดูภริยาอยางเปนธรรม ไมนําพากิจในครอบครัว เอาแตสนุกเท่ียวเตร ด่ืมเหลาเมายา ใน
ท่ีสดุ เรอื นท่ีตนเองพาํ นักอยนู น้ั จะทะลายลง

๘.ภริยาไมครองตนเปนแมบาน ประพฤติเลนการพนัน สามีหาเงินมาเทาใดไมพอใช กลับเที่ยวหยิบยืม
ผอู นื่ มีหน้สี ิน ในทีส่ ดุ ก็เปน คนมเี สนียดเปน ท่รี ังเกยี จทว่ั ไป

๙.มิตรไมซื่อตรง ไมม ีความจริงใจตอเพ่อื น และ

๑๐.สหายคิดคดทรยศตอ เกลอ ทั้งสองประเภทนใ้ี นทสี่ ุดก็จะถกู ตัดออกจากหมูสังคมไป

ความวา พระราชาก็ดี ขา ราชบริพารก็ดี บุคคลท่วั ไปก็ดี ควรจะลดละอกศุ ลกรรมที่กลาวมาเบื้องตน และ
เพียรสะสมแตสงิ่ ท่ีดงี าม เพ่อื รบั พรจากเทพเจาท้ัง ๙ พระองค อันจักนาํ มาซึง่ ความรุงเรอื งผาสุกยิ่งๆ ขึน้ ไป

เทพเจาทั้ง ๙ พระองคนี้ ทรงมีนํ้าพระทัยเต็มเปยมไปดวยพระเมตตา ทรงควบคุมดาวนพเคราะหใหเดิน
ตามวิถโี คจรดว ยความบรบิ รู ณ ทัง้ ทรงธรรมเนตรสอดสอ งควบคมุ ทกุ ขส ุขของสตั วโลกดวย

41

บณั ฑิตในโบราณ จงึ ไดบัญญัตไิ วใ หม กี ารทาํ พธิ ีกรรมบูชาดาวนพเคราะหน ้ี เพ่อื เปนการแสดงความเคารพ

ในพระเมตตากรุณาธิคุณ เปนงานประจําปใหบรรดาพุทธบริษัทไดมาประชุม เพ่ือบําเพ็ญกุศลวัตรถวายพระ

พทุ ธ บริโภคกินเจ รักษาศลี สดับฟงพระอภิธรรมและพระธรรมเทศนา บรจิ าคไทยทานท้ิงกระจาด ลอยกระทง

แผกุศลแกสัตวที่ตกทุกขไดย ากในนรกอเวจี อันมีพวกเปรตอสุรกายเปนอาทิ และปลอยสัตว เชน นก ปลา เตา

เหลานเ้ี ปน ตน

ในลทั ธมิ หายานยงั มอี รรถาธิบายวา ดาวพระเคราะหท้ัง ๙ น้ี ตา งทําหนาทหี่ มุนเวียนธาตุท้ัง ๕ ใหแกม วล

มนษุ ยน ับเปน เวลาหลายๆ ลา นป โดยมไิ ดหยดุ พกั เลย กเ็ นอื่ งดว ยทรงบญั ชาบริรกั ษควบคุมอยูและทรงเล็งทิพย

ญาณวา ถาหากดาวนพเคราะหจะหยุดพักแมเพียงขณะใดขณะหน่ึงเล็กนอยเทาน้ัน ก็จะเกิดมหันตภัยอยาง

ใหญหลวงสุดจะประมาณได โลกมนุษยก็จะถึงซ่ึงความพินาศสลายลง มนุษยกับสัตวโลกจะตายหมด จะไมมี

แมแ ตล ะอองธลุ ขี องสังขารเหลอื อยูเลย

อันพิธีกรรมบูชาดาวนพเคราะหน ั้น นับวามีอานิสงสมากมาย ทั้งเปนกรรมคติและเกิดธรรมนิมิตสูบรรดา

พระพุทธบรษิ ัทท้ังหลาย ไดม ีโอกาสกระทาํ การวิสสาสะกนั ในยามทีต่ างคนตางมีจติ เบกิ บานผอ งแผว ถือศลี กนิ

เจ นงุ ขาว หม ขาว อันเปนปจจัยเตอื นตนเองใหส ํานึกวา ตนเปนคนบรสิ ทุ ธ์ขิ าวสะอาด ทง้ั กาย วาจา และใจ อยู

ในศีลธรรม และสามัคคีธรรม พร่ังพรอมอยูแลวท่ีจะใหอโหสิกรรมซ่ึงกันและกัน รวมกันนอมนมัสการเทพเจา

ทั้ง ๙ พระองคน้ี เปนการแสดงความเคารพในพระเมตตากรุณาธิคุณ และรวมกันถวายเคร่ืองสักการบูชา

พระองคทั้ง ๙ เปนการบูชาพระเมตตาคุณท่ีทรงไวซึ่งธาตุท้ัง ๕ ใหแกโลกทุกโลกดํารงอยูตามจักรราศีย่ังยืน

ตลอดมา จึงพรอมกันนอมขอพระกรุณาธิคุณไดโปรดประทานพระพรอภิบาลรักษาพระมหากษัตริยองคอมร

พรอมทงั้ ทวยนิกรใหอยูเยน็ เปน สุข และขอพระองคท รงประสทิ ธปิ์ ระสาทพระพรไชย

ใหฝนตกตองตามฤดกู าล พืชธัญญาหารงอกงามพนู ผล

พระราชาทรงพพิ ฒั นมงคล ราชปริสชนสวสั ดสิ์ ถาพร

ชาวนาชาวไรส มคั รสโมสร มวลราษฎรระเรงิ ร่นื ยนื ยง

เศรษฐกจิ ทั่วเขตตขนั ฑม ่นั คง การศกึ ษาดาํ รงวทิ ยาพนู

ประเทศชาติเรอื งรุงไพบูลย พทุ ธศาสนาจํารูญกาลนิรันดร

อันเปนพระทศพรไชยสิทธิ์วิเศษ สบิ ประการสมดงั ปรารถนาดว ยเทอญ

42

佛說天中北斗古佛消災延壽妙經

อุ ต ร เ ค ร า ะ ห น� ร� น ต ร า ย จิ ร า ยุ ว� ฒ น สู ต ร

พระวศิ วภัทร เซ่ยี เกี๊ยก แปล วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2554
พระสูตรบทนี้ หาไมมีปรากฏอยูในพระไตรปฎกฝายมหายาน แตมีเน้ือความใกลเคียง กับพระสูตรช่ือ
อุตรเคราะหสัปตดารกาอายุวัฒนสูตร (佛說北斗七星延命經) ที่พราหมณผูมาบวชเปนสงฆจดจําและนําเขา
มาในสมัยราชวงศถัง มีบันทึกอยูในพระไตรปฎกมหายานหมวด คุหยนิกาย (密教部) ซึ่งพระสูตรเลมนี้ มี
เนือ้ ความไมม าก รายชอ่ื ของพระเคราะหท ัง้ 7 กร็ ะบไุ วเ พยี งส้นั ๆ เชน 貪狼星,巨門星,祿存星 เปนตน แต
มีกลาวถึงพระนามของพระพุทธเจา 7 พระองค ตรงกับฉบับที่แพรหลายในประเทศไทย จะมีก็แตชื่อโลกธาตุ
ของพระพุทธเจาองคท่ี 3 และ 7 ที่เขียนตางกัน และพระนามของพระพุทธเจาองคที่ 5 ท่ีเขียนตางกัน จุดละ
หนึง่ ถงึ สองตวั อกั ษรเทานั้น
ซ่งึ พระสตู รทก่ี ลา วถึงนี้ กลาววา ดาวเหนือทั้ง 7 ดวง เปนนริ มาณกายของพระพุทธเจา 7 พระองค มพี ระ
นามใกลเคียงกับพระพุทธเจาที่มีระบุในพระสูตรอีกเลมชื่อ ไภษัชยคุรุไวฑรู ยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวเิ ศษ
สตู ร (藥師琉璃光七佛本願功德經) ท่ีพระตรีปฎ กธราจารยอ ้จี ิง (義淨) ในราชวงศถ ัง เปนผูแปล แตพระสูตร
ทง้ั 2 เลม ทีไ่ ดกลาวมาแลวน้นั ไมม ีพระนามพระโพธิสัตวอีก 2 พระองค
แตทวา พระสูตรท่ีแพรหลายในประเทศไทยนี้ (北斗消災延壽妙經) ก็มีการจัดเรียงเนื้อความที่เปน
ระบบ มีโศลก มคี าถา และมีนามของพระเคราะหท ้ัง 7 ครบถวน และยังเพิม่ เตมิ นามของพระเคราะหเขาไปอีก
2 องค ซึ่งกลาววาเปนนิรมาณกายของพระโพธิสัตวอีก 2 องค รวมเปน 9 องค เหมือนกับคัมภีรเตา จึงทําให
เขาใจกันวาเปนดาวนพเคราะห ทั้งๆ ท่ีช่ือพระสูตรระบุวาเปนดาวเหนือ (北斗) ที่มีเพียง 7 ดวงเทาน้ัน ซึ่งมี
ขอความเหมือนกับคัมภีรเตาช่ือ อวินจี๋ชีเฉียน เลมที่ 24 (雲笈七簽) ท่ีกลาววายังมีดาวอีก 2 ดวงท่ีซอนไวไม
ปรากฏคือ ดาวฟูและดาวป (輔星、弼星) เลากันวาหากใครไดเห็นดาวที่ซอนไวทั้ง 2 นี้ จะไดรับพรใหมีอายุ
ยนื ยาว เรยี กเปนสาํ นวนวา เจด็ ปรากฏ สองซอ นเรน (七現二隐) ซึ่งดาวทั้ง 2 น้ี ก็คือ ดาวราหูและดาวเกตุ
ตอมาจึงทราบวา นามของพระเคราะหท้ัง 9 ท่ีมีระบุอยูในพระสูตรฉบับที่แพรหลายในประเทศไทยน้ี มี
ความใกลเคียงกับนามของเทพดาวเหนือในคัมภีรของเตาช่ือ 全真禮斗清静科儀 เปนอยางมาก และในคัมภรี 
เตาชื่อ 太上玄靈北斗本命延生妙經 ก็มีนามของพระเคราะหทั้ง 9 น้ีเชนกัน แตมีตัวอักษรที่แตกกันบางใน
บางที่เทานั้น ซ่ึงจะขอกลาวอธิบายเพื่อใหทราบที่มา ไดตั้งขอสังเกตไวและไดแปลเพ่ือใหทราบความหมายใน
บทสวดท่แี พรหลาย เพื่อเปน การเสรมิ สติปญญาแตเพยี งคราวๆ มา ณ โอกาสน้ี
อนึง่ พระสตู รเลมน้ี ทางโรงพิมพไ ดขอใหแ ปลสูภาคภาษาไทย โดยไดมีบางทานไดแปลสภู าคภาษาไทยมา
กอนหนาน้ีบางแลว ขาพเจาจึงขออนุญาตแปลขนึ้ อีกสํานวนหน่ึง เพื่อประกอบกับบทสวดท่ีจะพิมพข้นึ ในการนี้
โดยเฉพาะ ในพระสูตรเลมน้ีมีหลายศัพทท่ีไมใชศัพทสํานวนทางพระสูตรฝายพุทธ แตกลับมีหลายศัพทที่มีอยู
ในคมั ภีรเตา ซึง่ ขาพเจา อาจจะแปลไดไ มถกู ตองเทา ไรนกั จึงขออภัยสาธุชนผใู ฝศกึ ษา และขอใหผ รู เู มตตาชแ้ี นะ
สง่ั สอนดว ย จะเปน กุศลอยา งยิ่ง.

43

佛說天中北斗古佛消災延壽妙經

อุ ต ร เ ค ร า ะ ห นิ รั น ต ร า ย จ� ร า ยุ วั ฒ น สู ต ร

如是我聞。一時佛在淨居天宫。集諸天眾。帝釋梵皇。八部四眾。廣談法要。爾時曼殊室利菩薩

。從座而起。前白佛言。世尊伏見帝皇宰輔。貴賤眾生。四象五行。含靈蠢動。莫不皆繇北斗七

元之所主宰。何故是星。于周天中。威權威德。最尊最上。惟願世尊。為眾宣說。一切天人。咸

知皈向。爾時世尊告曼殊室利菩薩。及諸大眾言。善哉善哉。吾今為汝。及末世眾生敷宣因繇。

與當來世。咸共知之。是七元尊星。福被群生。恩施萬彚。功德者也。于時世尊即說北斗七元古

佛聖號。

ขาพเจาไดสดับมาอยางนี้ สมัยหน่ึงพระพุทธองคประทับอยูที่สุธาวาสมณเฑียรสถาน พรั่งพรอมไปดวย
บรรดาเทวบริษัท อินทร พรหมราช สัตวในคติแปด และบริษัทท้ังส่ี ดวยจะทรงประกาศพระธรรมเทศนาให
ไพบูลย ในกาลน้ัน พระมัญชุศรีโพธิสัตว ไดลุกข้ึนจากอาสนะ แลวทูลพระพุทธองคย ังเบื้องพระพักตรวา ขาแต
พระผมู ีพระภาค ขา พระองคไ ดเห็นสรรพสัตวผูไดเปนกษัตริย อาํ มาตย ผูร ่ํารวยสงู สง ผยู ากจนต่าํ ตอ ย ลกั ษณะ
ทั้งสี่ (เปนสํานวนของคัมภีรเตา เชน คัมภีรอ้ีจิง มีหลายความหมาย เชน หมายถึง มังกรเขียวดานตะวันออก
เสือขาวดานตะวันตก นกยงู แดงดานใต เตา ดําดานเหนอื และยังหมายถงึ ลักษณะของธรรมชาติท่แี ปลเปลี่ยนไป
ในฤดูกาลท้ังส่ี คือ ใบไมผลิ รอน ใบไมรวง หนาว) ความเปนไปท้ังหา (หมายถึงธาตุทั้งหาที่มีระบุในคัมภีรของ
เตา คือ ทอง ไม น้ํา ไฟ ดิน) บรรดาสรรพวิญญาณและส่ิงมีชีวิต อันไมมีส่ิงใดเลยที่จะไมอยูใตอํานาจอิทธิพละ
แหงอุตรเคราะห (ดาวเหนือ) ทั้งเจ็ด ดวยเหตุใดฤๅ ท่ีดาวพระเคราะหนี้ ในหมูเทพยดาทั้งหลายนั้น จึงมี
อานุภาพและคุณวิเศษมหาศาล จึงมีศักด์ิและมีฐานะท่ีสูงสุดอยางนี้ ขอพระผูมีพระภาคเจา โปรดแสดงแก
มหาชน เพือ่ มนุษยแ ละเทวดาจะไดรบั ทราบและนอมเปนทพี่ ึ่ง ดวยเถดิ พระพุทธเจาขา

คร้ังน้ัน จึงมีพุทธดํารัสกับพระมัญชุศรีโพธิสัตวและมหาชนทั้งหลายวา สาธุๆ ตถาคตจะกลาวแสดงเหตุ
แหงอิทธิพละอํานาจน้ัน ใหเธอและสรรพสัตวในอนาคตไดทราบ อันดารกาเทพทั้งเจ็ดน้ี ไดปกแผบุญวาสนา
ใหแกสรรพชีวิต ไดมีพระคุณแผไปยังสรรพสิ่งท้ังมวล ดวยมีคุณอันอุดมเชนน้ีแล เวลานั้น พระพุทธองคไดตรัส
พระนามของดาวพระเคราะหทัง้ เจ็ด อนั เปน นิรมาณของพระพุทธเจาในอดีต วา...

北斗第一大魁陽明貪狼太星君。 是東方最勝世界運意通證如來

北斗第二大勺陰精巨門元星君。 是東方妙寶世界光音自在如來

北斗第三大雚真人祿存貞星君。 是東方圓珠世界金色成就如來

北斗第四大行玄冥文曲紐星君。 是東方無憂世界最勝吉祥如來

北斗第五大畢丹元廉貞罡星君。 是東方淨住世界廣逹智慧如來

北斗第六大甫北極武曲紀星君。 是東方法意世界法海游戲如來

北斗第七大票天關破軍關星君。 是東方滿月世界藥師琉璃光如來

北斗第八洞明外輔星君。 是西方妙喜世界華藏莊嚴菩薩

北斗第九隱光內弼星君。 是西方妙圓世界安樂自在菩薩

ดาวอุตรเคราะหท ห่ี นึ่ง คอื ดาวทานหลาง ซงึ่ กค็ อื พระสปุ ริกีรติตนามศรตี ถาคต แหง ชยะประภาโลกธาตุ

ดาวอุตรเคราะหท่ีสอง คือ ดาวจวี้เหมิน ซึ่งก็คือ พระรัตนศิขินตถาคต แหง สุรัตนะโลกธาตุ ดาวอุตรเคราะหท่ี

สาม คือ ดาวลฉู วุน ซึง่ กค็ อื พระสวุ รรณภัทรวมิ ลรัตนประภาสตถาคต แหง ปริบรู ณคนั ธาลยะโลกธาตุ ดาวอตุ ร

เคราะหท่ีส่ี คือ ดาวเหวินชวี่ ซึ่งก็คือ พระอโศโกตตมศรีตถาคต แหง อโศกาโลกธาตุ ดาวอุตรเคราะหท่ีหา คือ

ดาวเหรียนเจิน ซ่ึงก็คือ พระธรรมกีรติสาครโฆษตถาคต แหง ธรรมธวัชโลกธาตุ ดาวอุตรเคราะหท่ีหก คือ ดาว

44

อูชวี่ ซึ่งก็คือ พระอภิฌาราชตถาคต แหง สถิตรัตนสาครโลกธาตุ ดาวอุตรเคราะหท่ีเจ็ด คือ ดาวพวอจวิน ซึ่งก็
คอื พระไภษัชยครุ ไุ วฑรู ยประภาตถาคต แหง ศุทธไิ วฑูรยโลกธาตุ ดาวอุตรเคราะหทีแ่ ปด คอื ดาวหมิงไหว ซ่งึ ก็
คือ พระปุณฑริกครรภอลังการโพธิสัตว แหง อภิรตีโลกธาตุ ดาวอุตรเคราะหที่เกา คือ ดาวกวงเนย ซ่ึงก็คือ
พระผาสุกอิศวรโพธิสัตว แหง สุปรู ณะโลกธาตุ

***(พระนามของพระพทุ ธเจา เจ็ดพระองคนี้ คดั มาจาก ไภษชั ยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพทุ ธปูรวปณธิ านวเิ ศษสูตร
หรอื 藥師琉璃光七佛本願功德經)***

於是曼殊室利菩薩及諸大眾。聞佛開演。如上星真。皆是過去。吉祥善逝。大悲世尊。普為眾生

。化身示現。各各歡喜。得未曾有。稽首稱讚。而說偈曰。

大聖諸善逝。 無上吉祥尊。

過去已修證。 離欲超世間。

垂慈四劫後。 憐愍諸群有。

化身天中主。 北極七元尊。

輔弼共權衡。 主宰於萬彚。

善哉釋迦師。 為眾故宣說。

我等今已聞。 願廣於末世。

如是經功德。 求佛盡宣揚。

爾時佛告大眾。若有善男信女。於每年正月人日。七月七曰。九月九日。每月七九日。本命生辰

日。着新淨衣服。對星像前。志心稱念。七佛二菩薩。星真聖號。隨心所求。克念感應。更能布

燈如斗。設淨水香花。于夜分時。虔誠祈禱。咸得遂意。佛告曼殊室利菩薩。世間宰官居士。僧

尼道俗。若貴若賤。但有識情。皆屬北斗所主。若聞此經。受持讀誦。設像布斗。香花供養。如

是之人。祿位崇高。壽命延長。獲福無量。若有先亡。遠年近日。未能超度。恐滯幽途。若能持

誦斯經。授梓印施。亡者生天。現存獲福。若有男女。或被邪魔所侵。鬼魅為害。惡夢驚惕。心

神昏亂。受持此經。專心供養。邪鬼退藏。即得安樂。若有災年月厄。疾病纏身。受持此經。兼

持齋戒。即得災厄消除。病源脫體。若有命逢惡曜。運值威星。暴赤熱眼。翳膜遮睛。官事牽連

。獄囚禁繋。午夜惡夢。百怪禽鳴。但能布燈北斗之前。香花淨水。課持此經。七遍至七七遍。

凶殄殃滅。諸作吉祥。若有男子。求嗣科名。能於靜夜。焚香北斗之前。拜誦此經。七遍至百遍

。祝嗣即生聰慧之男。祝名即登龍虎之榜。若有田園六畜。耕耨少成。可於淨室。焚香拜誦此經

。即得田蠶倍獲。畜養成群。或有女人。累傷胎甲。臨產至時。心懷憂慮。但能香花供養。持誦

此經。即得冤家解釋。易於分娩。母子團圓。男女端正。佛言善男子。須知北斗古佛。弘大慈悲

。示現天中主張年命。統領乾坤。上至帝王。以及黎庶。天地山河。禽獸草木。一切皆遵。七元

星君之所管照。若有災衰危急。即當布燈虔告。持誦此經。即獲護祐。如意吉祥。若有國土。臨

於戰敵。能持是經。心無間斷。設立聖相。如法供養。即得斗氣加威。天罡順照。將勝兵強。鋒

端馬勇。隨所至方。應呼尅伏。佛言如是七元如來。感應無量。窮劫難宣。即於是中而說咒曰:

唵。曷那。檀那。吒吒帝。摩訶帝叱吒。叱吒帝。曷鉢那曳。娑婆訶。佛說此經已。曼殊室利菩

薩。及諸大衆。天龍八部。星真鬼神。恭敬作禮。信受奉行。佛說天中北斗古佛消災延壽妙經

ในเวลาน้ัน พระมัญชุศรีโพธิสัตวและบรรดามหาชนทั้งหลายท่ีไดยลยินพระพุทธเทศนา ดั่งเรื่องของดาร

กาเทพขางตนน้ันแลว อันลวนแตเปนพระสุคตเจาผูประเสริฐในอดีต เปนที่พึ่งแหงโลกและทรงไวซึ่งมหากรุณา

ดว ยเพ่อื สรรพสตั วจ ึงทรงนิรมาณกายใหปรากฏ (อันผทู ่ีไดยนิ อยางนี้) ตางกป็ ตโิ สมนัส ไดบรรลถุ ึงสิ่งที่ยังไมเคย

เกิดมมี ากอ น ไดน อ มศีรเศยี รลงแลว สรรเสรญิ สดดุ ี ดว ยโศลกวา ...

พระสคุ ตมหาอริยเจา ทั้งปวง ผเู ปนอนตุ ระและประเสริฐเลศิ ทส่ี ดุ

ผูไดตรัสรแู จมแจง มาแลวแตอ ดตี ไดไ กลจากราคะและกาวพนจากโลก

ธํารงไวซง่ึ พระเมตตาในกัลปหลงั ทัง้ สี่ ทรงเมตตาสงสารเวไนยสัตวทง้ั ปวง

45

ทรงนริ มาณกายเปนเทวบดี ทงั้ เจด็ องค แหง ขอบฟา ดานอุดรทิศ

ดาวฟู ดาวป รวมพจิ ารณาสอดสอ ง ดูแลปกครองสรรพสิ่ง

สาธุ พระศากยมุนพี ุทธเจา เพื่อสรรพสัตวเปนเหตุใหตรัสแสดง

ขา พระองคท้ังหลายไดสดับแลว จะขอยังใหแ พรห ลายไปในโลก

อันอานสิ งสข องพระธรรมน้ี ขอพระพทุ ธองคโปรดแสดงใหหมดสิ้นดวยเถดิ .

สมัยน้นั พระพทุ ธองคต รัสกับมหาชนวา หากมชี ายหญงิ ผูมีศรทั ธา ตามป เดือน วันของโลกมนษุ ย คอื ใน
วันท่ีเจ็ดเดือนเจ็ด วันท่ีเกาเดือนเกา วันที่เจ็ด วันที่เกาของทุกเดือน หรือในวันเกิดของตน ไดสวมใสอาภรณที่
สะอาด สรรเสริญภาวนาถึงพระนามของพระพุทธเจาเจ็ดพระองค พระโพธิสัตวสองพระองค และเทพพระ
เคราะห ดวยความต้ังใจจริง ทุกสิ่งท่ีปรารถนาก็จะสําเร็จไดดั่งใจ และสัมฤทธ์ิผลตามประสงค พึงจุดประทีป
อปุ มาวาเปนดวงดาว แลวตั้งน้ําสะอาด ของหอม ดอกไม ในแตล ะยามแหงราตรี กจ็ งอธิษฐานดวยความศรัทธา
จริงใจ ทกุ สง่ิ กจ็ ะสาํ เร็จด่งั ใจ

พระพทุ ธองคตรัสกับพระมญั ชุศรโี พธิสัตววา บรรดาขุนนาง อาํ มาตย บัณฑิตผูมีปญ ญา ภกิ ษณุ ี ผถู ือบวช
ผูค รองเรอื น แมรํา่ รวย แมย ากจนตํา่ ตอย เพียงเปนผมู ีจติ วญิ ญาณ ก็ลวนแตอยูใตอ ํานาจของอตุ รเคราะหทั้งสิ้น
หากไดฟงพระธรรมสูตรนี้ แลวจดจํา อานทอง จัดต้ังรูปเคารพ จุดดวงประทีป ถวายของหอม ดอกไมแลวไซร
บุคคลนี้จะมีวาสนาสูงสง อายุขัยยืนยาว ไดรับความสุขไมมีประมาณ หากมีผูท่ีสิ้นชีพไปกอนแลว เปนเวลา
หลายป หรือไมกี่วัน แตก็ไมไดรับการชวยเหลือ เกรงวาจะติดอยูในยมโลก หากสามารถจดจํา สาธยายพระ
ธรรมสูตรน้ี แกะสลักจารึกหรือพิมพพระสูตรน้ีแจกจายไป ผูที่สิ้นชีพก็จะไปเกิดยังเทวโลก ผูยังมีชีวิตอยูก็จะ
ไดรับบุญกุศล หากมีชายหญิง บางที่ตองอาถรรพ มารกระทํา ถูกภูติและปศาจทําราย ใหฝนรายหวาดผวา
จติ ใจสับสนงนุ งง เม่อื จดจาํ พระธรรมสูตรนี้ แลว ตงั้ ใจถวายบูชา ปศาจรายจะหลกี เรนหนีไป จงึ ไดร ับความผาสุก
หากตองโทษแหงป ภัยแหงเดือน มีโรครุมเรารางกาย เม่ือจดจําพระธรรมสูตรนี้ พรอมท้ังสมาทานอุโบสถศีล
เคราะหภัยก็จะสูญส้ินไป โรคท่ีรุมเราก็จะออกไปจากกาย หากชีวิตเผชิญกับอิทธิพลของดาวที่ใหโทษ หรือ
ประสบกบั ดาวที่ทรงอํานาจ ทําใหเ กิดโรค เปา ชอื เรอ เหยียน (暴赤熱眼:ชอ่ื ของโรคชนิดหน่ึง ที่เกดิ ทางตา
โดยมีสาเหตุจากความรอนของหัวใจและตับ ทําใหความรอนกระจายอยูในเลือด สงผลใหเกิดโรคทางตาชนิด
หนึ่ง) โรค อ๊ี หมอ เจอ จิง (翳膜遮睛:โรคท่ีเกิดจากลมรอนในตับ ที่นานๆ จะกําเริบข้ึนสักคร้ัง) มีคดีพิพาท
ข้ึนศาลตัดสิน ถูกคุมขังในเรือนจํา ฝนรายติดตอกันหาราตรี เกิดอาเพศนับรอยประการ สัตวรองผิดปกติ เพียง
สามารถจุดประทีปท่ีเบ้ืองหนา พระอตุ รเคราะห ถวายของหอม ดอกไม นาํ้ สะอาด อา นทอ งพระธรรมสูตรน้ีเจ็ด
จบ จนถึงส่ีสบิ เกาจบ สง่ิ อปั มงคลเภทภยั ก็จะดับส้นิ ไป จะกอเกดิ เปน สริ มิ งคล

หากกุลบุตรปรารถนาทายาทและชื่อเสียง แลวในราตรีที่เงียบสงบสามารถจุดธูปบูชาเบื้องหนาของพระ
อุตรเคราะห กราบไหวอานทองพระธรรมสูตรน้ีเจ็ดจบจนถึงรอยจบ ก็จะใหกําเนิดทายาทเปนชายที่เฉลียว
ฉลาด มีชือ่ เสียงและมยี ศถาบรรดาศกั ดิ์สูงสง หากมีเรือกสวนไรนา สัตวเล้ียงท้ังหก (คอื มา, วัวควาย, แพะแกะ
, สุกร, สุนัข, ไก) การเพาะปลูกใหผลนอย ก็พึงจุดธูปบูชา อานทองพระธรรมสูตรนี้ในหองที่สะอาด ก็จะยังให
ผลิตผล เพิ่มพูนเปนทวีคูณ สัตวเลี้ยงก็ตกลูก หากสตรีผูเจ็บปวดทรมานในการคลอดบุตร ในจิตก็วิตกกังวล

46

เพียงสามารถนําของหอม ดอกไม มาสักการะ อานทองพระธรรมสูตรน้ี ก็จะไดรอดพนจากเจากรรมนายเวร
ยังใหค ลอดงา ย แมแ ละบุตรตา งก็ปลอดภยั แขง็ แรง ไมว าบตุ รจะเปนชายหรอื หญิง

ยังมีพุทธดํารัสอีกวา ดูกอนกุลบุตร พึงทราบเถิดวาพระอุตรเคราะหอันเปนบุราณพุทธะ ทรงไวซ่ึงมหา
เมตตากรุณา ปรากฏขึ้นแลวในหมูเทวดา เปนใหญในดวงชะตา เปนผูควบคุมฟาดิน (อาจหมายถึง หญิงชาย ก็
ได) กระทัง่ เจา พระยามหากษัตริย กับทัง้ ประชาราษฎรท้ังมวล ฟา ดิน สิงขร ชลธาร สา่ํ สตั ว ตฤณชาติ พฤกษา
ลวนตองปฏิบัติตามบัญชาของเทพพระเคราะหทั้งเจ็ดนี้ทั้งส้ิน หากมีภัยพิบัติ อุบัติเหตุ ก็จงจุดประทีปเพื่อ
อธิษฐาน แลวอานทองพระธรรมสูตรนี้ ก็จะไดรับการปกปองคุมครอง ไดสมปรารถนาและมีสิริมงคล หากพล
โยธีของชาติ จะกระทําสงคราม แลวสามารถจดจําพระธรรมสูตรน้ีไวในจิตสืบไปไมขาดสิ้น จัดตัง้ พระรูปปฏมิ า
กระทําบูชาตามวิธี ก็จะไดร ับอานุภาพแหงดวงดาวอาํ นวยใหมเี ดช ไดรับชัยชนะ พลโยธีแกลวกลา แมกระบวน
อาชาทพั หนา ลุยังแหงใด กส็ ามารถปราบไดท ้งั สิ้น

มีพุทธดํารัสวา ปาฏิหาริยของพระพุทธเจาทั้งเจ็ดพระองคเปนอยางนี้ แมจะเปนเวลาหลายกัลปจนหาท่ี
ส้นิ สดุ และไมมีประมาณก็ยากทจี่ ะกลา วพรรณนาได ในครง้ั นน้ั จึงตรสั พระคาถาวา...

งัน ฮอนอ ทนั นอ จาจาตี มอฮอจอื จา จอื จาตี ฮอปอนออี ซอพอฮอ
เม่ือพระพุทธองคตรัสพระธรรมสูตรนี้จบแลว พระมัญชุศรีโพธิสัตวและบรรดามหาชนทั้งปวง อันมี เทพ
นาค สัตวในคติแปด ดารกาเทพ ภูติ ปศ าจ ไดแสดงความเคารพนอบนอม เกดิ ศรัทธาแลว นอ มปฏิบัตสิ บื ไป.
จบ อตุ รเคราะหนิรันตรายจริ ายุวัฒนสตู ร
ประวตั ิยอ ของพระคาถาไภษัชยครุ พุ ทุ ธเจา
เม่ือสมัยที่พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจา ไดตรัสรูพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแลวน้ัน ดวยปณิธาน
พละคร้ังอดีตท่ีเคยทรงประกาศไว ยังใหทรงพิจารณาในสรรพสัตวทั้งปวง ทรงพบสรรพสัตวผูเปนทุกขเวทนา
ดวยโรคาพาธชนดิ ตา งๆ ทง้ั อาถรรพ คณุ ไสย และผมู ีอายุขยั ส้ัน มรณะกอ นเวลาอนั ควร ฯลฯ จงึ มพี ุทธประสงค
จะกําจัดโรคาทกุ ขเ หลา นั้นใหสูญสนิ้ ไป ยงั ใหสรรพสิ่งปรารถนาไดบ รบิ รู ณ
ในครั้งนั้นพระไภษชั ยครุ พุ ทุ ธเจา ทรงเจรญิ สมาธนิ ามวา สรฺวสตั วทกุ ฺขภินฺทนา (แปลวาการกําจดั ทุกขข อง
สรรพสัตวใ หส้ินไป) เม่ือทรงออกจากสมาธิบนพระพุทธอุษณีษะ (คอื กอนเน้ือบนพระเศียรของพระพุทธเจา คอื
มหาบรุ ุษลักษณะอยางหนึ่ง) กไ็ ดบ งั เกิดเปนมหาประภาสรัศมมี หาศาล ทามกลางแสงประภาสน่ันเอง ไดบงั เกิด
เปนมหาธารณี ดงั น้.ี ..

นาํ มอ ปอแคฟาตี ปซาแซ ลวิ ลเู ผก็ ลิวลี

南謨 薄伽伐帝﹐鞞殺社﹐窶嚕薜琉璃﹐

นโม- ภควเต- ไภษชฺย คุร-ุ ไวฑรู ยฺ ปอลาพอ ฮอลาแซแย ตันทอกิตตอแย

伯囉婆﹐喝囉闍也﹐怛他揭多耶﹐

ปรภา ราชาย- ตถาคตาย ออลาหอตี ซาํ เมยี วซําปูทอแย ตันจีทอ

阿囉訶帝﹐三藐三菩陀耶﹐怛姪他﹐

อรหฺ เต สมยฺ กฺ สํพุทธฺ าย- ตทฺยถา- งัน ปซาซอื ปซาซอื ปซ าแซ ซาํ มกกิดตี ซอฮอ

唵﹐鞞殺逝﹐鞞殺逝﹐鞞殺社﹐三沒揭帝 莎訶。

โอม- ไภษชฺเย- ไภษชฺเย- ไภษชฺย สมทุ ฺคเต สวฺ าหา

47

ครงั้ น้นั เม่อื แสดงมหาธารณีทามกลางรัศมีแลว มหาปฐพีกส็ ่นั สะเทือนบังเกดิ เปนมหารัศมีสวางไสวไปทั่ว
โรคาทุกขของสรรพสัตวลวนมลายสิ้นไป ไดบรรลุถึงความความสุขเกษมศานติทั่วกัน ดูกอนมัญชุศรี หากพบ
กุลบุตรกุลธิดาผูมีโรครุมเรา พึงมีจิตแนวแนกระทําตอเขาดังนี้ ใหผูปวยนั้นชําระกายใหสะอาด และนําอาหาร
โอสถหรือนํ้าที่ปราศจากสิ่งสกปรกมาเสกดวยธารณีนี้ 108 จบแลวใหบริโภค โรคาภัยบรรดามีจะมลายส้ินไมมี
เหลือ หากมีความปรารถนาสิ่งใดแลวภาวนาซึ่งธารณีนี้ ก็ยอมจะสมมโนจินตและปราศจากโรคาอายุสิริวัฒนา
เม่ือส้ินชีพก็จะไปอุบัติยังศุทธิไวฑูรยพุทธเกษตรแหงพระไภษัชยคุรุพุทธเจา เปนผูไมเส่ือมถอยตราบถึงพระ
โพธญิ าณ

ดวยเหตุนี้ มัญชุศรี หากมีกุลบุตรกุลธิดา ไดมีจิตศรัทธา ถวายสักการะตอพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา
ตถาคตเจาพระองคน น้ั ดวยความเปน ที่สดุ ของใจแลว ไซร กพ็ งึ สาธยายธารณมี นตรนอี้ ยา ไดลืมเลอื น.
***จาก 《藥師琉璃光七佛本願功德經 卷下》《大正經》第十四冊頁414 中-下

หากมีผูรับปฏิบัติในธารณีมนตรนี้ จะสามารถยังใหอกุศลกรรมของสังสารวัฏท้ังปวง ท่ีมีในปจจุบันชาติน้ี
และในอดีตชาติ ไมอาจยังใหตกสูอบายภูมิ 3 ไกลหางจากความมรณะ 9 ประการ ลวงพนจากความทุกขทั้ง
ปวง.
***จาก 《藥師如來念誦儀軌》《大正經》第十九冊頁30 中

หั ว ใ จ คํา ส อ น ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ อ ง ค
จงมีสติ ตามรู ตามดู

ผู รู กั บ สิ่ ง ท่ี ถู ก รู

ท า ง อ า ย ต น ะ ทั้ ง ห ก

วามันเกิดข้ึน ตั้งอยู แลวก็ดับไป

มีเหตุก็เตองกิดข้ึน หมดเหตุก็ตองดับไป

เปนอนัตตา อนิจจัง ทุกขัง

ไมใชเรา ไมใชของ ของเรา

สั ก แ ต ว า เ ป น ธ ร ร ม ช า ติ ที่ ว า ง เ ป ล า

48


Click to View FlipBook Version