The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by arjaree7818, 2020-04-25 21:38:29

สำเนาของ แบบฝึกทักษะ โวหารภาพพจน์ ม.๖ (สำหรับนักเรียน)-compressed

E-book แบบฝึกทักษะ โวหารภาพพจน์ ม.๖

1

แบบฝก$ ทักษะ เร่อื ง โวหารภาพพจน9ในวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชุดท่ี ๑ เรือ่ ง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศิลปG ก

แบบฝึกทกั ษะ เรอ่ื ง โวหารภาพพจน์ในวรรณคดีและวรรณกรรม
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย สำหรับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ จดั ทำข้ึนเพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี นไดฝ้ กึ
วิเคราะห์ความงามทางวรรณศิลป์ ในวรรณคดแี ละวรรณกรรม ตามแนวทางการจดั การเรยี นรู้
ที่เน้นผูเ้ รียนเป็นสำคัญ ชุดฝกึ ทกั ษะชุดนจี้ ะช่วยพฒั นาผ้เู รียนในการเรยี นเรอื่ งโวหารภาพพจน์
อย่างเปน็ ข้ันตอน และพฒั นาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนในรายวชิ าภาษาไทยพื้นฐาน กลุม่ สาระ
การเรียนรภู้ าษาไทย สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา
ขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

แบบฝกึ ทกั ษะ เรื่อง โวหารภาพพจน์ในวรรณคดแี ละวรรณกรรม นี้ มจี ำนวน
๑๐ ชดุ ประกอบดว้ ย

แบบฝกึ ทกั ษะ ชุดท่ี ๑ เร่อื ง โวหารภาพพจน์ งามงดวรรณศลิ ป์
แบบฝกึ ทกั ษะ ชุดท่ี ๒ เรอ่ื ง อุปมา
แบบฝกึ ทักษะ ชดุ ท่ี ๓ เรอื่ ง อปุ ลกั ษณ์
แบบฝึกทักษะ ชดุ ที่ ๔ เรือ่ ง สัญลักษณ์
แบบฝึกทักษะ ชุดที่ ๕ เรือ่ ง นามนัย
แบบฝกึ ทักษะ ชุดที่ ๖ เรือ่ ง อติพจน์
แบบฝกึ ทกั ษะ ชดุ ท่ี ๗ เรื่อง สทั พจน์
แบบฝกึ ทกั ษะ ชุดที่ ๘ เร่ือง บุคคลวตั
แบบฝกึ ทกั ษะ ชุดท่ี ๙ เรือ่ ง ปฏพิ ากย์
แบบฝึกทกั ษะ ชดุ ที่ ๑๐ เรื่อง เรียงรอ้ ยถอ้ ยรสวรรณคดี

2 อาจารี ชูสวุ รรณ

แบบฝ$กทกั ษะ เร่อื ง โวหารภาพพจน9ในวรรณคดีและวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรื่อง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศลิ ปG ข

เรื่อง หน้า

คำนำ.................................................... ก
สารบญั .................................................. ข
คำแนะนำในการใชแ้ บบฝกึ ทกั ษะ............................... ๑
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชี้วดั ............................... ๒
จดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ ...................................... ๓
สาระสำคัญ............................................... ๔
แบบทดสอบก่อนเรียน...................................... ๕
ใบความรแู้ ละแบบฝกึ ทักษะ

ใบความรทู้ ่ี ๑........................................ ๘
แบบฝึกทกั ษะที่ ๑.................................... ๑๙
แบบฝกึ ทกั ษะท่ี ๒.................................... ๒๐
แบบฝกึ ทกั ษะที่ ๓.................................... ๒๑
แบบฝึกทกั ษะที่ ๔.................................... ๒๒
แบบทดสอบหลังเรยี น...................................... ๒๓
บรรณานุกรม............................................. ๒๗
ภาคผนวก
เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะ................................... ๒๙

3

แบบฝก$ ทักษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรือ่ ง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศลิ ปG ๑

แบบฝกึ ทกั ษะเลม่ น้ี ใช้ประกอบการเรยี นการสอนในรายวชิ าภาษาไทย
เพ่ือฝกึ ทกั ษะการวเิ คราะหแ์ ละพิจารณาความงามทางวรรณศิลป์ เร่ืองการใชโ้ วหารภาพพจน์
ผูเ้ รยี นสามารถศกึ ษาไดด้ ้วยตนเอง โดยการอ่านคำแนะนำและปฏิบต้ กิ จิ กรรมตามแต่ละข้ันตอน
เพ่ือผเู้ รียนจะได้รบั ความรู้อย่างครบถว้ นและเกดิ ประโยชน์สูงสุด ซง่ึ ปฏบิ ตั ิได้ตามข้ันตอน
ดงั ตอ่ ไปนี้

๑. ศกึ ษาจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ขู องแตล่ ะเร่ือง เพื่อให้ทราบว่าเมอ่ื จบบทเรียน
แตล่ ะบทเรียนแลว้ ผูเ้ รยี นจะสามารถเรียนรอู้ ะไรไดบ้ า้ ง

๒. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน แลว้ ตรวจคำตอบท่ีเฉลยไวท้ ้ายแบบทดสอบ
เพอื่ เปน็ การประเมนิ พ้ืนความรูข้ องนกั เรยี นเกีย่ วกบั เรอื่ งทจ่ี ะศกึ ษา

๓. ศกึ ษาเอกสารจนจบเร่ือง จากนนั้ ทำแบบฝึกทกั ษะตามทก่ี ำหนดไว้ พรอ้ มทั้ง
ตรวจคำตอบเพื่อเป็นการประเมนิ ตนเอง

๔. ทำแบบทดสอบหลังเรียน เพอ่ื วัดความร้คู วามเข้าใจอกี ครัง้
๕. ผเู้ รียนต้องมคี วามซือ่ สตั ย์ต่อตนเอง โดยไม่เปดิ ดเู ฉลยก่อนเรยี น หลังเรยี น
และเฉลยแบบฝึกทกั ษะทุกแบบฝกึ
๖. หากผู้เรียนสนใจศกึ ษาเน้ือหาเพม่ิ เตมิ จากแบบฝึก ผ้เู รยี นสามารถคน้ ควา้ ได้
จากบรรณานุกรม

4

แบบฝก$ ทกั ษะ เรื่อง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ ที่ ๑ เรื่อง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศิลปG ๒

มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ท๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดี
และวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คุณค่าและนำมาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจริง

ตวั ชว้ี ัด

ม.๔-๖/๓ วิเคราะห์และประเมนิ คณุ คา่ ด้านวรรณศิลปข์ องวรรณคดี
และวรรณกรรมในฐานะทเ่ี ปน็ มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ

5

แบบฝ$กทกั ษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ ที่ ๑ เรือ่ ง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศลิ ปG ๓

ด้านความรู้ (K)

๑. เขา้ ใจความหมายและลักษณะของภาษาวรรณศิลป์ในวรรณคดีและวรรณกรรม
๒. รู้จกั ลักษณะและประเภทของโวหารภาพพจนช์ นดิ ตา่ ง ๆ

ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)

๑. อธิบายความหมายและลกั ษณะของภาษาวรรณศลิ ปไ์ ด้
๒. จำแนกประเภทของโวหารภาพพจน์ และภาษาวรรณศลิ ปอ์ ื่น ๆ ทีพ่ บใน

วรรณคดแี ละวรรณกรรมได้
๓. เกดิ ทักษะในการวิเคราะห์ขอ้ มลู และหาคำตอบอยา่ งเป็นขน้ั ตอน จนนำไปสู่

การเขยี นสอื่ ความเพอื่ อธิบายความรู้ท่ไี ด้

ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)

๑. มมี ารยาทในการอา่ น การเขยี น
๒. มีวนิ ัยและซ่อื สัตย์ในการทำงาน

๒.

6

แบบฝก$ ทักษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดีและวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เร่อื ง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศลิ ปG ๔

ภาษาวรรณศิลป์

ภาษาวรรณศลิ ป์ (The Art of Literature ) หมายถึง
ศลิ ปะการใชภ้ าษาอนั เกดิ ขน้ึ จากการเรียบเรยี งถ้อยคำ โดยการเลอื กใช้ถอ้ ยคำ
สำนวน โวหาร ทีม่ คี วามไพเราะงดงาม สละสลวยตามแบบวิธขี องภาษา เพอื่ มุ่ง
การสื่อความหมายและอารมณ์สะเทือนใจให้เกดิ แกผ่ ้อู า่ น

โวหารภาพพจน์

โวหารภาพพจน์ (Figures of Speech) หมายถงึ การเลอื กสรร
ถอ้ ยคำ สำนวน โวหารของผู้เขียน โดยใช้กลวิธกี ารนำเสนอสารใหแ้ ปลกออกไป
จากภาษาตามตัวอกั ษร เพอื่ ทำให้ผูอ้ ่านเห็นภาพในใจ เกดิ จนิ ตนาการในการอ่าน
และเกิดความซาบซง้ึ ประทับใจ สะเทอื นใจ หรอื เกดิ อารมณ์คลอ้ ยตามไปตาม
ความปรารถนาของผเู้ ขียนท่ีตอ้ งการจะส่งสารผ่านงานวรรณคดีหรอื วรรณกรรม

7

แบบฝ$กทกั ษะ เรื่อง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดีและวรรณกรรม ชดุ ที่ ๑ เร่ือง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศลิ ปG ๕

แบบฝึกทกั ษะเรือ่ ง โวหารภาพพจน์ในวรรณคดแี ละวรรณกรรม

สำหรับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖

ชุดท่ี ๑ เรือ่ ง โวหารภาพพจน์ งามงดวรรณศิลป์
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

คำชแี้ จง ให้นักเรยี นเลอื กคำตอบท่ีถกู ทส่ี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว แลว้ ทำเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ

๑. ข้อใดมสี มั ผสั สระและสมั ผสั พยัญชนะภายในวรรค

ก. ไสต้ ันความป่วยเจบ็ ข. ผ่าแล้วเย็บพอเยียวยา

ค. เรว็ เรียกปลาหมอมา ง. ใหช้ ่วยผา่ ปลาไสต้ นั

๒. “เขาขันคคู ู่คู้ เคยี งสอง” คำประพนั ธน์ ีม้ ีลักษณะเด่นอยา่ งไร

ก. เลน่ เสยี งสัมผัส ข. เล่นคำไวพจน์

ค. เลน่ คำพ้องเสียง ง. เลน่ เสียงวรรณยกุ ต์

๓. คำประพนั ธ์ในขอ้ ใดไม่มีการเลน่ คำ
ก. เค้าโมงคดิ โมงนับ ลำดบั ได้กโ่ี มงยาม
ข. งามทรงวงด่งั วาด งามมารยาทนาดกรกราย
ค. นามแก้วดอกแกว้ คือ แก้วเนตรพน่ี ้ีใช่ใคร
ง. เสียงสรวลสระรีน่ ้ี เสยี งแกว้ พห่ี รอื เสยี งใคร

8

แบบฝ$กทกั ษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชุดท่ี ๑ เรือ่ ง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศลิ ปG ๖

๔. คำประพันธต์ ่อไปนมี้ ีการใชภ้ าษาเด่นที่สุดดา้ นใด

“เมื่อม่งั มีมวลมติ รมากเมียงมอง เม่ือไมม่ ีมติ รมองเหมือนหมูหมา

เม่อื มัง่ มีมวลมติ รมากมองมา เม่อื ไมม่ หี มูหมาไม่มามอง”

ก. เลน่ คำ ข. เลน่ สัมผสั

ค. ให้ข้อคดิ ง. คำเปรียบเทยี บ

๕. ข้อใดไม่มคี ำอัพภาส ข. ลอยละลว่ิ ปลวิ ไปไพรระหง
ก. กุหลาบงามหอมระรื่นชนื่ นาสา ง. แสงเรอ่ื เรืองแดงระยับสลบั คราม
ค. เจ้าละเลยเรร่ อ่ นไปหนไหน

๖. ขอ้ ใดเปน็ การใชค้ ำถามเชิงวาทศิลป์
ก. แม้นใครรกั รกั มั่งชังชงั ตอบ ใหร้ อบคอบคดิ อ่านนะหลานหนา
ข. ใครปองร้ายหมายมาดจงคลาดแคล้ว ใหผ้ อ่ งแผว้ ภญิ โญเดโชชัย
ค. สิง่ หล่อเลย้ี งหวั ใจครหู นรู ไู้ หม คอื ศษิ ยไ์ ด้ส่งิ งดงามตามใฝ่ฝนั
ง. อันว่าความกรณุ าปราณี จะมีใครบงั คบั กห็ าไม่

๗. จนิ ตภาพในขอ้ ใดต่างจากพวก ข. ครืนครืนใช่ฟ้ารอ้ ง เรยี มครวญ
ก. พศิ พรรณปลาว่ายเคล้า คลึงกนั ง. เรื่อยเรื่อยหรง่ิ เรไร รำ่ รอ้ ง
ค. นกเขาขันคู กรุ๊กกรเู๊ ชา้ เยน็

9

แบบฝ$กทกั ษะ เร่ือง โวหารภาพพจน9ในวรรณคดีและวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรือ่ ง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศิลปG ๗

๘. คำประพนั ธใ์ นขอ้ ใดใช้อปุ มาโวหาร
ก. นรชาติวางวาย มลายส้ินทงั้ อนิ ทรยี ์
ข. ความรักเหมอื นโรคา บนั ดาลตาใหม้ ดื มน
ค. กาลวงว่าหงส์ใหป้ ลงใจ ด้วยมไิ ดด้ ูหงอนแต่ก่อนมา
ง. เขยี วขจรี ะริกใบไหวเอนอ่อน น้ำค้างซอ้ นไว้จบู ใบเขียว

๙. คำประพันธ์ในขอ้ ใดมคี ำเลยี นเสียงธรรมชาติ
ก. ชาวบ้านนอนตกใจร้องไห้ดงั
ข. ตน่ื สะดงุ้ เขาประดังระฆังกอ้ ง
ค. เสยี งครำ่ ครวญชวนใจใหห้ มน่ หมอง
ง. บา้ งกอบปรายเบย้ี โปรยอยู่โกรยกราว

๑๐. “เสยี งซากอฐิ ปนู สะอื้น สะเทอื นพ้ืนสธุ าไหว”

ขอ้ ความน้ใี ช้โวหารภาพพจนช์ นิดใด

ก. บคุ คลวตั ข. สทั พจน์

ค. สัญลกั ษณ์ ง. ปฏิพากย์

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

10

แบบฝ$กทกั ษะ เรื่อง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรื่อง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศิลปG ๘

วรรณศิลป์ แปลมาจากคำว่า The Art of Literature ในภาษาองั กฤษ

วรรณศลิ ป์ เปน็ คณุ สมบัติสำคญั ของการใชภ้ าษาทจี่ ะทำให้วรรณกรรมมคี ุณค่าความ
งามถงึ ขั้นไดร้ บั การยกย่องว่าเป็นวรรณคดี

ภาษาวรรณศิลป์ หมายถงึ ศลิ ปะการใชภ้ าษาอันเกิดข้นึ จากการเรียบเรียง
ถอ้ ยคำ โดยการเลอื กใช้ ถอ้ ยคำ สำนวน โวหาร ทมี่ คี วามไพเราะงดงาม สละสลวย
ตามแบบวิธขี องภาษา เพื่อมุ่งการสือ่ ความหมายและอารมณ์สะเทอื นใจใหเ้ กดิ แกผ่ อู้ า่ น

สุนทรยี ลกั ษณ์ทางภาษา เสียง จงั หวะ ทำนอง คำ และความหมาย
เป็นลักษณะทางวรรณศลิ ปอ์ ยา่ งหน่ึงทป่ี ระกอบขนึ้ ดว้ ยความสอดคล้องกลมกลนื กัน
อยา่ งลงตัว โดยสุนทรยี ลักษณ์หรอื ลกั ษณะกลวิธกี ารประพนั ธ์ทกี่ อ่ ให้เกดิ ภูมปิ ญั ญา
ทางภาษาและความงามในภาษา แบง่ ออกเป็น

(๑) เสยี ง ไดแ้ ก่ การเลน่ เสยี งสัมผัส การเล่นจงั หวะเสียง
(๒) คำ ไดแ้ ก่ การเลน่ คำ การซำ้ คำ การหลากคำ
(๓) โวหาร ได้แก่ การใช้จินตภาพ การใช้ภาพพจน์

11

แบบฝ$กทักษะ เรื่อง โวหารภาพพจน9ในวรรณคดีและวรรณกรรม ชุดท่ี ๑ เรอ่ื ง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศลิ ปG ๙

เสียง

๑. การเลน่ เสยี งสัมผัส

๑.๑ การเล่นเสยี งสัมผัสสระ

การเลน่ เสยี งสมั ผัสสระ เป็นการเลน่ เสียงสระเสยี งเดยี วกัน หรือเสยี ง

สระกบั ตวั สะกดในมาตราเดยี วกนั เพ่อื ใหเ้ กดิ เสียงคล้องจองและความไพเราะของบทประพนั ธ์

แล้วสอนวา่ อย่าไวใ้ จมนุษย์ มันแสนสุดลกึ ลำ้ เหลือกำหนด

ถึงเถาวัลย์พันเก่ียวทเ่ี ลีย้ วลด ก็ไม่คดเหมอื นหนึ่งในนำ้ ใจคน

(พระอภัยมณี : สุนทรภู่)

๑.๒ การเลน่ เสียงสัมผสั พยัญชนะ

การเล่นเสียงสมั ผสั พยัญชนะ เปน็ การใชพ้ ยัญชนะท่มี ีหนว่ ยเสยี งเดยี วกัน

ในคำทต่ี า่ งกนั ทำใหเ้ กิดความไพเราะในการเปล่งเสียงของคำ เรยี กว่า การสมั ผสั อกั ษรหรอื

สัมผสั พยญั ชนะ

แลลงิ ลิงลอดไม้ ลางลิง

แลลูกลิงลงชงิ ลกู ไม้

ลงิ ลมไล่ลมตงิ ลงิ โลด หนนี า

แลลกู ลงิ ลางไหล้ ลอดเล้ียวลางลงิ

(กาพย์เห่เรอื : เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สรุ ิยวงศ)์

12

แบบฝก$ ทกั ษะ เรื่อง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชุดที่ ๑ เร่ือง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศิลปG ๑๐

๒. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์

การเล่นเสยี งวรรณยุกต์ ไดแ้ ก่ การใช้คำทีเ่ สยี งวรรณยุกต์ตามลำดบั กนั

นำมาเรยี บเรยี งไวใ้ นตำแหน่งใกลเ้ คียงกัน ทำให้เกดิ ความไพเราะอกี แบบหน่งึ

เสียงซอออ๋ ออ่ ออ้ เอือ่ ยเพลง

จบั ป่เี ตรง๋ เตรง้ เตรง๋ เต่งตอ้ ง

ขลุย่ ตร๋ยุ ตร่ยุ ตร้ยุ เหนง เหนง่ เน่ง รนาดเฮย

ฆ้องหน่องหนองนอ่ งหนอ้ ง ผรึ่งพร้ึงพึง่ ตโภน

(นิราศสพุ รรณ : สนุ ทรภู่)

๓. การเล่นเสียง หนัก-เบา (ครุ-ลหุ) พบในการแต่งฉันท์ชนิดต่าง ๆ เช่น

คณาเนอื้ นวลก็ครวญคลอขับ ระรกิ แคนรับสลับเสียงใส

กระเดื่องตำขา้ วกก็ ราวเสียงไกล สนุกน้ำใจสมยั สายัณห์

(ณ ยามสายัณห์ : สภุ ร ผลชีวิน)

๔. การเล่นจงั หวะเสยี ง คอื ลีลากลอนทม่ี ีเสียงและจงั หวะเด่น โดยมีจังหวะ

ทจี่ ัดวางเปน็ พเิ ศษ เช่น

ดวงเนตรดาวรา้ วรานสะทา้ นเรอื่ ง ถนนเมืองมากมนุษยไ์ ร้จุดหมาย

รอ้ นเรือนใจไหวสะเทอื นทกุ เรอื นกาย ไหวดาวฉายแสงชำ้ อยูท่ วั่ กาล

(ม้าก้านกล้วย : ไพวรินทร์ ขาวงาม)

๕. การดุลเสียงและดุลความหมาย คือ การเน้นเสียงพยัญชนะ สระ และ

ความหมายของคำเท่า ๆ กนั เช่น รกั ววั ให้ผกู รกั ลกู ให้ต,ี สวรรคใ์ นอก นรกในใจ

13

แบบฝ$กทกั ษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดีและวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรือ่ ง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศลิ ปG ๑๑

คำ

การใชก้ ลวธิ ีการประพันธ์ด้วยการเล่นคำ การซ้ำคำ การหลากคำ หรอื การกรอ่ นคำ

ทำใหเ้ กิดเสยี งเสนาะ หรือใหม้ คี วามหมายซึ้งกนิ ใจยงิ่ ขน้ึ ไดแ้ ก่
๑. การเลน่ คำ คอื การนำคำทม่ี รี ปู หรอื เสยี งพ้องกันหรอื ใกลเ้ คียงกนั มาเลน่ เชงิ

เสยี งและความหมาย ไดแ้ ก่
๑.๑ คำพ้องเสียง คือ การใช้คำที่ออกเสียงเหมือนกัน แต่รูปคำและ

ความหมายแตกตา่ งกัน เมอ่ื นำมาเรยี งรอ้ ยเขา้ ด้วยกันจะทำใหเ้ กดิ ลกั ษณะพเิ ศษทเี่ รยี กว่า
“การเลน่ เสียง” ซ่งึ ก่อใหเ้ กดิ ความไพเราะ สะดดุ ใจ สะดุดหไู ดเ้ ปน็ อย่างดี เช่น

ถงึ บางพรมพรหมมีอยู่สี่พกั ตร์ คนรู้จักแจง้ จติ ทกุ ทิศา

ทกุ วนั น้ีมีมนุษยอ์ ยธุ ยา เปน็ รอ้ ยหน้าพนั หน้ายง่ิ กว่าพรหม
(นิราศวัดเจา้ ฟา้ : สนุ ทรภู)่

๑.๒ คำพ้องรปู พอ้ งเสยี ง คือ การใชค้ ำทีม่ ที ัง้ เสยี งคำและรปู คำเหมอื นกัน
แตม่ คี วามหมายไมเ่ หมือนกัน วางไปท่ัวคำประพนั ธห์ ลายจดุ อยา่ งไม่เป็นระเบยี บ เชน่

เห็นเขาตกเขาแตกมาตกลกึ อนาถนกึ แลว้ นา่ นำ้ ตาไหล
พ่ีตกยากจากนางมากลางไพร วติ กใจตกมาถึงครี ี

(นริ าศพระบาท : สุนทรภ)ู่

14

แบบฝก$ ทักษะ เรื่อง โวหารภาพพจน9ในวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ ที่ ๑ เรื่อง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศิลปG ๑๒

๑.๓. การซำ้ คำ (คำซำ้ ) คือ การใชค้ ำ ๆ เดียว วางซำ้ ไปทว่ั คำประพันธ์

ซง่ึ ทำใหเ้ กดิ ความหมายท่เี ด่นชัด มีน้ำหนกั ตอกยำ้ ความรู้สึก และสรา้ งจินตนาการ

ได้เปน็ อย่างดี เชน่

ทน่ี ่ังช้างชา้ งลอ้ มอย่พู รอ้ มหมด ท่ีนั่งรถรถลอ้ มอยพู่ ร้อมสล้าง

พลกลาดกลาดกลบในนภางค์ ดคู ว้างคว้างมืดกลุ้มในเมฆา

(ลักษณวงศ์ : สนุ ทรภู่)

๑.๔. การหลากคำ (คำไวพจน์) คอื การใช้คำต่างรูปท่มี ีความหมายเดียวกันใน

ตำแหน่งที่ใกล้เคียงกันหรือในบริบทเดียวกัน ทำให้เกิดความไพเราะที่ไม่ต้องใช้ถ้อยคำ

ซำ้ ซากเมื่อกล่าวถงึ สิง่ เดียวกัน เช่น

เสียดายสายสวาทโอ้ อาวรณ์

รกั พ่ีมโี ทษกรณ์ กับน้อง

จำจากพรากพลดั สมร เสมอชพี เรียมเอย

เสียนชุ ดจุ ทรวงตอ้ ง แตกฟ้าผ่าสลาย

(นิราศสพุ รรณ : สุนทรภ่)ู

๑.๕. การกร่อนคำ (คำอัพภาส) คือ คำซ้ำประเภทหน่ึงทกี่ รอ่ นเสยี งพยางคห์ นา้

เปน็ “อะ” เชน่

สาดปืนไฟยะแยง้ แผลงเปน็ พิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญค่ ะคว้าง ขว้างหอกซัดคะไขว่

(ลิลิตตะเลงพ่าย : สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชติ ชโิ นรส)

15

แบบฝก$ ทกั ษะ เรื่อง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ ที่ ๑ เรือ่ ง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศลิ ปG ๑๓

ประโยค

กลวธิ ีเรียบเรียงคำ ข้อความ หรอื ประโยค คอื การนำคำมารอ้ ยเรยี งให้เกิด

ความไพเราะ เหมาะสม ท้ังในส่วนของเนือ้ หาสาระและความสัมพนั ธข์ องเนื้อความ
กลวธิ ีเรยี บเรียงคำ มหี ลายวิธี ดงั น้ี

๑ เรียงขอ้ ความที่บรรจสุ าระสำคัญไวข้ ้างท้ายสดุ
การเรียงถอ้ ยคำแบบนีจ้ ะมุ่งเน้นเขยี นใจความไวใ้ นประโยคสดุ ทา้ ยเสมอ

มีขอ้ สังเกต คอื ประโยคตน้ ๆจะแสดงสาเหตหุ รอื เง่ือนไขสว่ นประโยคหลังจะเปน็ ข้อความสรปุ

ปลาร้าพันหอ่ ดว้ ย ใบคา

ใบก็เหมน็ คาวปลา คละคลงุ้

คือคนหมไู่ ปหา คบเพ่อื น พาลนา
ไดแ้ ตร่ ายร้ายฟุ้ง เฟอ่ื งใหเ้ สยี พงศ์

(โคลงโลกนติ ิ : กรมพระยาเดชาดศิ ร)
๑.๒ เรยี งคำ วลี หรอื ประโยคท่มี คี วามสำคญั เทา่ ๆ กนั เคยี งขนานกันไป

การเรยี บเรียงคำแบบน้ี ทุกประโยคจะมคี วามสำคัญเท่ากนั การสรปุ ประเด็น
ต้องอาศัยการอ่านให้ครบทกุ ประโยคถงึ จะเข้าใจความหมายทตี่ อ้ งการสือ่ เช่น

หมอแพทยท์ ายวา่ ไข้ ลมคุม
โหรวา่ เคราะหแ์ รงรุม โทษให้

แม่มดวา่ ผีกมุ ทำโทษ
ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้ กอ่ สรา้ งมาเอง

(โคลงโลกนติ ิ : กรมพระยาเดชาดิศร)

16

แบบฝ$กทักษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดีและวรรณกรรม ชุดท่ี ๑ เรอื่ ง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศิลปG ๑๔

๑.๓ เรยี งประโยคใหเ้ น้ือหาเขม้ ขน้ ข้นึ ไปตามลำดบั ดจุ ขนึ้ บนั ไดจนถงึ ข้ันสุดท้ายซ่ึง

สำคญั ทสี่ ดุ การเรยี บเรยี งคำแบบนต้ี ้องพจิ ารณาจากลำดับความสำคญั ของเนอ้ื หา เพราะจะคลา้ ย ๆ

กับแบบท่ี ๑ แตส่ ง่ิ ทแ่ี ตกตา่ งคือ จะมลี ำดบั ความคิดที่ชัดเจนไปจนถงึ แนวคิดทีส่ ำคัญท่ีสุด เชน่

เสียสนิ สงวนศกั ด์ไิ ว้ วงศ์หงส์

เสยี ศักดสิ์ ู้ประสงค์ สิ่งรู้

เสยี รูเ้ ร่งดำรง ความสัตย์ ไวน้ า

เสยี สตั ย์อยา่ เสียสู้ ชีพม้วยมรณา

(โคลงโลกนิติ : กรมพระยาเดชาดศิ ร)

๑.๔ การเรียงประโยคใหม้ เี นอื้ หาเข้มข้นขึน้ ไปตามลำดับ แตค่ ลายความเขม้ ขน้ ลงในบางชว่ ง

หรือประโยคสุดทา้ ยอยา่ งฉบั พลนั การเรยี บเรยี งถ้อยคำแบบนีจ้ ะคล้าย ๆ กับการหักมมุ ในตอนจบ

ซ่ึงผู้อ่านจะรสู้ กึ ตื่นเต้นกับเนอื้ หาทเ่ี ข้มข้นขน้ึ เรือ่ ย ๆ แตต่ อนจบกลับหกั มมุ ไมเ่ ป็นไปดงั คาดการณ์ เชน่

เบกิ ทรพั ยว์ นั ละบาทซอ้ื มงั สา

นายหนึง่ เลยี้ งพยัคฆา ไปอ่ ้วน

สองสามส่นี ายมา กำกบั กนั แฮ

บังทรัพยส์ ่ีสว่ นถ้วน บาทสน้ิ เสอื ตาย

(โคลงโลกนิติ : กรมพระยาเดชาดศิ ร)

๑.๕ การเรียบเรียงถ้อยคำใหเ้ ป็นประโยคคำถามเชงิ วาทศิลป์ (ปฏิปุจฉา)

วิธกี ารน้เี ปน็ การใช้คำถามท่ีไมต่ อ้ งการคำตอบแตม่ ุ่งใหค้ ิดและยอมรับความจริง

ชาติใดไร้รกั สมคั รสมาน จะทำการสงิ่ ใดก็ไร้ผล

แม้ชาตยิ ่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยอู่ ย่างไร

(บทชวนรักชาติ : พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั )

17

แบบฝก$ ทักษะ เรื่อง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดีและวรรณกรรม ชุดท่ี ๑ เรอ่ื ง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศลิ ปG ๑๕

โวหาร

๑. จนิ ตภาพ เป็นการใช้ถ้อยคำทท่ี ำใหผ้ ้อู ่านเกิดภาพในจนิ ตนาการ มี ๓ ลกั ษณะ คอื

๑.๑ จนิ ตภาพด้านภาพ (แสง สี) เชน่

สามยอดตลอดระยะระยบั วะวะวบั สลบั พรรณ

ช่อฟา้ ตระการกลจะหยัน จะเยาะย่ัวทิฆมั พร
(สามคั คเี ภทคำฉันท์ : ชติ บรุ ทตั )

๑.๒ จนิ ตภาพดา้ นเสยี ง เชน่ เสยี งแจว้ แจว้ จกั จน่ั สนนั่ เสียง
เสนาะดังจงั หรีดวะหวดี แว่ว

(นริ าศวดั เจ้าฟา้ : สุนทรภู)่

๑.๓ จนิ ตภาพดา้ นการเคลอื่ นไหว (นาฏการ) เชน่

บันไดนาคนาคในบันไดนน้ั ดผู กผันเพียงจะเล้อื ยออกโลดแลน่

(นริ าศพระบาท : สนุ ทรภ)ู่
ในบางครง้ั อาจจะปรากฏจินตภาพหลายลักษณะพร้อม ๆ กันก็ได้ เชน่

กระโดดเผาะเกาะผบั กระหยบั คืบ ถบี กระทืบมิใครห่ ลุดสดุ แสยง

ปลดท่ตี นี ติดขาระอาแรง ท้ังขาแขง้ เลอื ดโซมชะโลมไป

(นริ าศเมืองแกลง : สนุ ทรภู่)

18

แบบฝ$กทกั ษะ เรื่อง โวหารภาพพจน9ในวรรณคดีและวรรณกรรม ชุดที่ ๑ เรอื่ ง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศลิ ปG ๑๖

๒. ภาพพจน์ เป็นการเลอื กสรรใชถ้ อ้ ยคำ สำนวน โวหาร ที่ทำใหผ้ ้อู ่านเกิดภาพ

ในจินตนาการหรือความคดิ ได้แก่

๒.๑ อปุ มา คอื การเปรียบเทยี บวา่ สง่ิ หน่งึ เหมือนหรอื คลา้ ยกับอกี สิ่งหนง่ึ

มกั ใชค้ ูก่ บั อุปไมย โดยมีคำสำคัญมาเชอ่ื มระหว่าอปุ มากบั อปุ ไมย เชน่

เหมือน คลา้ ย ดจุ ดงั่ ราวกับ เปรียบ ปาน ปนู พา่ ง เพ้ยี ง ฯลฯ

เชน่ * ผวิ ขาวราวกบั หยวกกลว้ ย * ดำเหมือนอกี า

* หนา้ นวลดังด่ วงจันทร์ * ปญั ญาประดจุ ดงั อาวธุ

๒.๒ อปุ ลกั ษณ์ คือ การเปรียบส่งิ หนึ่งใหเ้ ปน็ อกี สงิ่ หนึ่ง โดยใช้คำว่า “เปน็ เท่า

คือ” มาเปน็ คำเชอ่ื ม ซงึ่ อปุ ลกั ษณอ์ าจเปรยี บโดยไมม่ คี ำเชอื่ มกไ็ ด้ เช่น

* เธอคอื ดอกฟ้า แต่ฉนั คือหมาวดั

* ชาวนาเป็นกระดูสันหลงั ของชาติ

* ป่าคอนกรตี * ไฟโทสะ * เพชรนำ้ ค้าง

19

แบบฝก$ ทักษะ เรื่อง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เร่ือง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศลิ ปG ๑๗

๒.๓ สัญลักษณ์ คอื การใชส้ ่ิงทม่ี ีจุดรว่ มกันมากลา่ วแทนถงึ กนั โดยเกิดจากการ

เปรียบเทียบและตีความ ซง่ึ ใช้กนั มานานจนเปน็ ที่เข้าใจกนั โดยทว่ั ไป เชน่

* อีกา แทน คนใจดำ, คนชนั้ ตำ่ * หงส์ แทน คนชนั้ สูง

* ดอกไม้ แทน ผ้หู ญิง * แมลง แทน ผชู้ าย

* เมฆหมอก แทน อปุ สรรค * มด, ผ้ึง แทน ความขยัน

๒.๔ นามนยั คือ นามนยั หมายถงึ การใช้ส่วนประกอบทเ่ี ดน่ ๆ ของสงิ่ ใดสิง่ หนงึ่

มากลา่ วแทนส่งิ นัน้ เช่น

* ผลดั แผน่ ดินเปลย่ี นราช เยยี วววิ าทชงิ ฉัตร (ฉตั ร แทน ความเปน็ กษตั ริย)์

* เมืองโอ่ง (โอง่ แทน จังหวัดราชบรุ )ี

* รัว้ จามจุรี (จามจุรี แทน จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั )

๒.๕ อติพจน์ (อธพิ จน์) คือ การกล่าวเกินความจรงิ (ในเชงิ เพมิ่ ปริมาณ) เปน็ การ

เนน้ ย้ำความหมายอย่างหนกั แน่นจรงิ จงั ของผู้กล่าว เพ่อื ใหผ้ ฟู้ งั คล้อยตามความรสู้ กึ เช่น

* ร้อนตบั จะแตก * เหนอ่ื ยสายตวั แทบขาด

* รอ้ งไหจ้ นนำ้ ตาเป็นสายเลอื ด * การบนิ ไทยรักคุณเท่าฟา้

แต่ถา้ ในกรณีท่ีกลา่ วนอ้ ยเกนิ กว่าความเป็นจรงิ ซงึ่ นอ้ ยเกินไปจนไมน่ ่าเป็นไปได้

จะเรยี กว่า “อวพจน”์ เช่น

* ช่วั ลัดนิว้ มอื เดยี ว * คอยสักอดึ ใจเดยี ว * เร่อื งนเี้ ล็กเท่าขผี้ ง

20

แบบฝก$ ทักษะ เร่อื ง โวหารภาพพจน9ในวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชุดท่ี ๑ เรื่อง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศลิ ปG ๑๘

๒.๖ สัทพจน์ คอื การใช้คำเลยี นเสียงธรรมชาติ เช่น

* เสียงนำ้ ไหลดังจ๊อกจ๊อก * แอ้ออี อยสร้อยฟา้ สุมาลยั

* ทั้งยงุ ชุมรุมกัดปัดเปรียะประ เสยี งผัวะผะพ่บึ พบ่ั ปบุ ปบั แปะ

* ตะแลก้ แตก้ แต้กจะแหลกแลว้ จา้ กระดง้ รบี มาเถอะรับข้าวไป

๒.๗ บุคคลวตั (บคุ ลาธษิ ฐาน, บคุ คลสมมติ) คือ การสมมติให้สตั ว์ พืช

ส่งิ ไม่มีชีวิตตา่ ง ๆ กระทำหรือแสดงอาการ รวมถงึ รสู้ กึ นึกคิดเหมือนอยา่ งมนษุ ย์ เช่น

* ลมหายใจแหง่ ขุนเขา * ดอกไมป้ า่ ปรงุ กลิ่นประท่นิ ปา่

* ไส้เดอื นเทยี่ วเก้ียวสาว * ความตายย่างกรายเข้ามาทางประตู

๒.๘ ปฏพิ ากย์ (ปรพากย์, วิภาษ) หมายถึง การกลา่ วในเชงิ ขัดแย้งกนั โดยการ

นำคำในลกั ษณะตรงกันขา้ ม มากล่าวร่วมกันได้อยา่ งกลมกลืนกนั เช่น

* สวรรคบ์ นดนิ * ปดิ กันใหแ้ ซ่ด

* รักยาวใหบ้ ่นั รักส้ันใหต้ ่อ * นาํ้ รอ้ นปลาเป็น นํ้าเย็นปลาตาย

21

แบบฝ$กทกั ษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรอ่ื ง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศลิ ปG ๑๙

แบบฝกึ ทกั ษะที่ ๑ ภาษาวรรณศิลป์

คำชแ้ี จง จับคูบ่ ทประพนั ธก์ บั กลวธิ กี ารประพนั ธ์ทกี่ ำหนดให้
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

........ ๑.บึงบวั ตมุ ตุ่มตุม้ กลางตม ก. เล่นสัมผสั พยญั ชนะ

........ ๒.เรอ่ื ยเรือ่ ยมาเรยี งเรียง นกบนิ เฉียงไปทั้งหมู่ ข. การเล่นคำ

........ ๓.เอออเุ หม่นะมึงชิช่างกระไร ทุทาสสถุลฉะน้ีไฉน กม็ าเปน็ ค. เลน่ เสยี งวรรณยุกต์

........ ๔.ดูหนูสู่รงู ู งูสุดสหู้ นูสงู้ ู ง. การดุลเสียงและดุลความหมาย

........ ๕.หว่านพขื เช่นไร ยอ่ มไดผ้ ลเชน่ นนั้ จ. ใช้คำถามเชงิ วาทศิลป์

........ ๖.เกอื บรงุ่ ฝูงช้างแซ่ แปรน๋ แปร๋น ฉ. ใช้คำอพั ภาส

........ ๗.นกนอ้ ยนอนแนบน้ำ ในนา ช. ใชค้ ำท่มี เี สียงหนกั เบา

........ ๘.ระลอกน้ำระรินรวย ระยบั พริบระยบิ พราว ซ. ใช้คำเลียนเสยี งธรรมชาติ

........ ๙.ทง้ั จากทจ่ี ากคลองเป็นสองข้อ ยงั จากกอนน้ั กข็ น้ึ ในคลองขวาง ฌ. การซ้ำคำ

........ ๑๐.เม่อื ไม่เออื้ มจะได้อย่างไรมี อนั มณีหรอื จะโลดไปถึงมือ ญ. เล่นสมั ผสั สระ

เกณฑ์การใหค้ ะแนน (คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน)
ก.ตอบถกู ตอ้ งตามเฉลย ๑ คะแนน ข.ตอบผิดไม่ตรงตามเฉลย ๐ คะแนน

22

แบบฝ$กทกั ษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดีและวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรอ่ื ง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศิลปG ๒๐

แบบฝกึ ทกั ษะที่ ๒ เอิบอม่ิ จนิ ตนาการ

คำชแี้ จง จงเลอื กเตมิ จินตภาพทปี่ รากฏในบทประพนั ธ์ใหถ้ ูกต้อง (บางข้อตอบได้มากกว่า ๑ ด้าน)
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

๑. ดา้ นภาพ ๒. ดา้ นเสยี ง ๓. ดา้ นนาฏการ (การเคลอ่ื นไหว)

๑.เงอ้ื ดาบฟันฉะฉาด ง่าง้าวฟาดฉะฉบั (จินตภาพด้าน.........................)
๒.เรไรระร่เี ร่ือยรอ้ งอยู่หร่ิง ๆ (จนิ ตภาพดา้ น.........................)
๓.ระฆงั หงั่งหง่งั หงา่ งลงครางครมึ (จินตภาพด้าน.........................)
๔.หยาดยอ้ ยพลอยน้ำคา้ งแวววาว (จินตภาพดา้ น.........................)
๕.กระจงกระจิดเต้ยี วงิ่ เรยี เร่ียนา่ เอน็ ดู (จินตภาพด้าน.........................)
๖.แสงเรื่อเรอื งแดงระยบั สลบั คราม (จนิ ตภาพดา้ น.........................)
๗.ลงิ คา่ งครางโครกครอก (จินตภาพดา้ น.........................)
๘.เมฆไหลลงห่มเงอื้ มผาชะโงก (จนิ ตภาพดา้ น.........................)
๙.เสียงซอออ๋ ออ่ อ้อ เออื่ ยเพลง (จินตภาพด้าน.........................)
๑๐.ดทู ุง่ กว้างวางเวกหมอกเมฆมืด (จนิ ตภาพดา้ น.........................)

23 เกณฑ์การใหค้ ะแนน (คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน)
ก.ตอบถกู ต้องตามเฉลย ๑ คะแนน ข.ตอบผิดไมต่ รงตามเฉลย ๐ คะแนน

แบบฝก$ ทักษะ เรอื่ ง โวหารภาพพจน9ในวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชุดท่ี ๑ เรอื่ ง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศิลปG ๒๑

แบบฝกึ ทกั ษะท่ี ๓ โวหารงามงด

คำช้แี จง จับค่โู วหารภาพพจนก์ บั บทประพนั ธท์ กี่ ำหนดให้ถูกตอ้ ง
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

......... ๑. เสียงกระซิบจากความเงียบ ก. อุปมา

......... ๒. เสียงรถไฟหวีดรอ้ งครวญครางมาแต่ไกล ข. อปุ ลักษณ์

......... ๓. เรยี มร่ำนำ้ เนตรถว้ ม ถงึ พรหม ค. อปุ มานทิ ศั น์

......... ๔. สองเตา้ ห้อยตุงดงั ถุงตะเคียว ง. สัญลกั ษณ์

......... ๕. นจ่ี นใจไม่มีเท่าขเ้ี ลบ็ ข้เี กยี จเกบ็ เลยทางมากลางหน จ. ปฏพิ ากย์

......... ๖. เธอคอื โคมทองของชีวติ พี่ ฉ. บคุ คลวัต

......... ๗. คนไทยไมย่ อมให้ใครมาทำลายขวานทองได้ ช. อติพจน์

......... ๘. สะท้านสะทกึ โครมฟาดฉาดฉาดฉาน ซ. อวพจน์

......... ๙. กาลวงวา่ หงส์ใหป้ ลงใจ ด้วยมิได้ดูหงอนแตก่ อ่ นมา ฌ. สัทพจน์

......... ๑๐.นิทานเรอ่ื ง“คนตาบอดคลำชา้ ง ช้ีใหเ้ หน็ ว่าคนท่มี ี ญ. นามนยั

ประสบการณต์ า่ งกนั ยอ่ มมคี วามสามารถในการรับรู้

ความเชือ่ และทศั นคตติ ่างกัน

24 เกณฑก์ ารให้คะแนน (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)
ก.ตอบถูกต้องตามเฉลย ๑ คะแนน ข.ตอบผดิ ไมต่ รงตามเฉลย ๐ คะแนน

แบบฝก$ ทกั ษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดีและวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรื่อง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศิลปG ๒๒

แบบฝึกทกั ษะท่ี ๔ ภาพพจนบ์ ทเพลง

คำชแี้ จง จงเติมโวหารภาพพจน์ท้ายบทเพลงที่กำหนดให้
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

๑. เขาบอกวา่ ฟ้าร้องไหอ้ อกมาเปน็ สายฝน ..........................

๒. รกั คือดวงจันทร์ รักคือตะวัน รกั คอื ไฟอนั ร้อนแรงไรจ้ ดุ หมาย ..........................

๓. แม้จะเน่นิ นานยงั รกั เธอ ตราบนานอสงไขยเวลา ..........................

๔. เจ้าไม้ขดี ไฟกา้ นนอ้ ยเดียวดาย แอบรกั ดอกทานตะวัน ............................

๕. เปรยี บเธอเพชรงามน้ำหนึง่ ห..ว.า.น.ป.า.น.น.้ำ.ผ.้ึง.เ.ด.ือ.น.ห..้า....................................

๖. ฮัดเช้ย ฮดั เชย้ ฮัดเช้ย อยากร.้จู .ัง.เล.ย..ว.า่ ใ.ค.ร.เ.อ.่ย.ถ.งึ .ฉ.ัน......................................

๗. คิดจะไปเป็นมือทส่ี าม มันกค็ วรจะโดนซกั ที ............................
๘. โอน้ ำ้ มาหลงคารมอะไรกบั ปลารูปหลอ่ ............................

๙. ร้องเหมียวเหมียวเดยี๋ วเดยี วก็มา เข้ามาเคล้ามาคลอกับเธอ ............................
๑๐.ถงึ มว้ ยดนิ สิน้ ฟ้ามหาสมุทร ไม่สน้ิ สดุ ความรักสมคั รสมาน ............................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)
ก.ตอบถูกต้องตามเฉลย ๑ คะแนน ข.ตอบผิดไม่ตรงตามเฉลย ๐ คะแนน

25

แบบฝ$กทกั ษะ เรอ่ื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชุดที่ ๑ เรื่อง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศิลปG ๒๓

แบบฝึกทกั ษะเรอื่ ง โวหารภาพพจนใ์ นวรรณคดีและวรรณกรรม

สำหรบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖

ชุดที่ ๑ เรื่อง โวหารภาพพจน์ งามงดวรรณศิลป์
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

คำชี้แจง ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกทสี่ ดุ เพยี งขอ้ เดียว แลว้ ทำเครอื่ งหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ

๑. “กลา้ แดดจ้ากล้าพายกุ ล้าตน้ กล้าต้านทนรอ้ นลมระดมกล้า
คร้นั กลา้ แขง็ แปลงยัดย่งิ อตั รา ชาวนามาถอนทำกล้ากำไป”
บทประพนั ธน์ โี้ ดดเด่นในด้านใด
ก. เล่นคำ ข. เลน่ สมั ผสั
ค. เลน่ โวหาร ง. สรา้ งภาพละเอยี ด

๒. “มืดสิน้ แสงเทยี นประทีปสอ่ ง ก็ผ่องแสงจันทร์กระจ่างสวา่ งส่ง

บุปผชาติสาดเกสรขจรลง บษุ บงเบกิ แบ่งระบดั บาน

เรณนู วลหวนหอมมาโรยรนิ พระรายพดั ประท่ินกลน่ิ หวาน

เฉ่ือยฉวิ ปลวิ รสสมุ ามาลย์ ประสานสอดกอดหลบั ระงับไป”

บทประพันธ์นใ้ี ชก้ ลวธิ ีการประพนั ธ์ดา้ นใด

ก. การซำ้ คำ ข. การเลน่ คำ

ค. การหลากคำ ง. การกรอ่ นคำ

26

แบบฝก$ ทกั ษะ เรื่อง โวหารภาพพจน9ในวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรอ่ื ง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศลิ ปG ๒๔

๓. ขอ้ ใดใชก้ ลวธิ ีการประพนั ธต์ ่างจากขอ้ อน่ื
ก. ลมระริ้วปลวิ หญา้ คาระยาบ
ข. สนละเมยี ดเสียดยอดข้ึนกอดฟ้า
ค. ดอกหญ้าย้มิ หวานหวานกับลานหญ้า
ง. แกว้ เอยี งกลีบเคลยี นำ้ ค้างอยา่ งหงิมหงมิ

๔. คำประพนั ธต์ อ่ ไปน้ี ใชก้ ารเรียบเรยี งคำแบบใด

“คุณแมห่ นาหนักเพ้ียง พสธุ า

คณุ บิดรดุจอา- กาศกวา้ ง

คุณพ่ีพ่างศิขรา เมรมุ าศ

คุณพระอาจารยอ์ า้ ง อาจส้สู าคร”

ก. เรยี งขอ้ ความทบ่ี รรจุสาระสำคญั ไว้ข้างท้ายสดุ

ข. เรียงข้อความหรอื ประโยคท่ีมคี วามสำคญั เทา่ ๆ กนั เคียงกนั ไป

ค. เรียงประโยคให้มเี นื้อหาเขม้ ข้นข้นึ ไปตามลำดับดจุ ขึ้นบนั ไดถงึ ขั้นสุดท้าย

ง. เรียงถ้อยคำใหเ้ ปน็ ประโยคคำถามเชิงวาทศิลป์

๕. ข้อใดไมเ่ กดิ นาฏการ

ก. กระหวดั หวดิ หววิ ผวาเสียงฮาฮือ คนดอู ้ือเออเอาสนั่นองึ

ข. บรรดาเพือ่ นเตือนตน่ื ขนึ้ เซง็ แซ่ บา้ งจอแจจดั การประสานเสยี ง

ค. ยา่ มกระสอบกรอบแกรบกระไกรกริก กลกั พรกิ พลกิ แพลงตะแคงหงาย

ง. เห็นโศกใหญ่ใกลน้ ้ำระกำแฝง ทงั้ รกั แซงแซมสวาทประหลาดเหลอื

27

แบบฝ$กทกั ษะ เร่อื ง โวหารภาพพจน9ในวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชุดที่ ๑ เรือ่ ง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศิลปG ๒๕

๖. บทประพันธต์ ่อไปน้ี ไมป่ รากฏลักษณะในขอ้ ใด

“จะวา่ โศกโศกอะไรท่ีในโลก ยังไม่โศกใจหนักเหมือนรักสมร

จะวา่ หนกั หนักอะไรในดนิ ดอน ถงึ สงิ ขรกไ็ ม่หนกั เหมอื นรักกัน”

ก. การซำ้ คำ ข. การหลากคำ

ค. การเลน่ สัมผัส ง. การเปรยี บเทยี บ

พจิ ารณาบทประพนั ธต์ อ่ ไปนี้ แล้วตอบคำถามข้อ ๗-๘
“แม้นโลกนพี้ ลนั มดื ดับลบั ไปสน้ิ แตห่ วั ใจยงั โบยบนิ ถวลิ หา

เสยี งร่ำรอ้ งต๊ิกตอ๊ กของนาฬิกา ปานเสียงใจรำ่ หาเธอมคิ ลาย”

๗. บทประพันธข์ ้างต้น มกี ารใช้ภาพพจนโ์ วหารทัง้ หมดก่ปี ระเภท

ก. ๒ ประเภท ข. ๓ ประเภท

ค. ๔ ประเภท ง. ๕ ประเภท

๘. โวหารภาพพจน์ชนดิ ใด ไมป่ รากฏในบทประพันธข์ ้างต้น

ก. อุปมา ข. บคุ คลวตั

ค. สัทพจน์ ง. อุปลักษณ์

28

แบบฝก$ ทกั ษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรอื่ ง โวหารพภาพพจน9งามงดวรรณศลิ ปG ๒๖

๙. “เราตา่ งคงความกรอ่ นในความแกร่ง และคงความเขม้ แข็งในความเปราะ

สะอ้ืนไหอ้ ยู่ในเสียงหวั เราะ และเงียบนง่ิ ในเสนาะเสยี งดนตร”ี

คำประพันธ์น้มี ีลักษณะดเี ด่นอย่างไร

ก. การเลน่ เสยี งสมั ผัส

ข. การซำ้ คำเพ่มิ ความหมาย

ค. การเล่นคำหลากความหมาย

ง. การใชค้ ำทีม่ คี วามหมายขัดแยง้ กนั

๑๐.คำประพันธ์ตอ่ ไปนใ้ี ชภ้ าพพจนต์ ามข้อใด พรำ่ ฝากฝงั ภักดไี ม่มสี อง
“ฉันมองคลน่ื ร่ืนเรเ่ ข้าเหฝ่ ่ัง จากคนั ฉอ่ งชลาลยั ใสสะอาง”
ข. อปุ ลกั ษณแ์ ละอติพจน์
มองดาวเฟย้ี มเยี่ยมพักตร์ลกั ษณ์ลำยอง ง. สัญลักษณแ์ ละอตพิ จน์
ก. บคุ คลวัตและอปุ ลกั ษณ์
ค. บุคคลวัตและสญั ลักษณ์

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

29

แบบฝก$ ทักษะ เร่อื ง โวหารภาพพจนใ9 นวรรณคดีและวรรณกรรม ชดุ ท่ี ๑ เรื่อง โวหารพภาพพจนง9 ามงดวรรณศิลปG ๒๗

กรมศลิ ปากร. (๒๕๕๐). ชวี ิตและงานของสุนทรภู่ (ฉบับกรมศลิ ปากรตรวจสอบชำระใหม่).
พิมพค์ รั้งท่ี ๑๘. กรงุ เทพมหานคร : องค์การค้าของ สกสค.

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๔๕). โคลงโลกนิติ พระนพิ นธ์สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ
กรมพระยาเดชาดศิ ร. พิมพ์คร้ังที่ ๑. องค์การค้าของ สกสค.

ล้อม เพง็ แกว้ .(๒๕๔๐). วา่ ยเวง้ิ วรรณคดี. พิมพ์คร้ังที่ ๒. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ต้นออ้
แกรมมี่ จำกัด.

สมเกียรติ รักษม์ ณ.ี (๒๕๕๑). ภาษาวรรณศิลป.์ กรงุ เทพมหานคร: โครงการตำราภาควชิ า
ภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.

สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๕๗). วรรณคดวี จิ กั ษ์
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖. พมิ พ์ครัง้ ที่ ๖. กรงุ เทพมหานคร: องคก์ ารคา้ ของ สกสค.

สุจิตรา จงสถิตวฒั นา. (๒๕๔๘). เจมิ จันทรก์ ังสดาลภาษาวรรณศลิ ปใ์ นวรรณคดไี ทย.
กรงุ เทพมหานคร: โครงการเผยแพรผ่ ลงานวิชาการ คณะอกั ษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย.

หัชปธญั นนท์ องั ก์วราปยิ ทชั . พชิ ติ O-Net ภาษาไทย ม.๖.พิมพค์ รง้ั ท่ี ๑.กรงุ เทพมหานคร:
บริษัท อักษรเจริญทัศน์ จำกัด.

ไพวรนิ ทร์ ขาวงาม. (๒๕๕๒). มา้ กา้ นกลว้ ย. พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒๖. กรุงเทพมหานคร:
แพรว สำนกั พมิ พ.์

30

31


Click to View FlipBook Version