The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wichuda1345, 2022-04-03 04:34:43

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ไฟฟ้า โดยใช้รูปแบบการ จัดการเรียนรู้ตามหลักซิปปา (CIPPA) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนกำแพงวิทยา จังหวัดสตูล

ครูหุสนา

จากความสัมพันธ์ของสมการ V = IR สามารถนำไปใช้ในการคำนวณหาความตา่ งศักย์ไฟฟา้
กระแสไฟฟ้า และความต้านทานไฟฟ้าได้

ตัวอยา่ งการคำนวณค่าความต้านทานไฟฟา้

เมื่อต่อแอมมิเตอรแ์ ละโวลต์มิเตอรเ์ ขา้ กบั วงจรไฟฟ้า คา่ ท่ีอ่านได้
จากมิเตอร์ทง้ั สองเปน็ ดังภาพ ลวดตวั นำนม้ี ีความตา้ นทานไฟฟ้าเทา่ ใด

แนวคดิ : จากภาพ จะไดว้ า่ ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าของลวดตัวนำ V = 4.5 V
และกระแลไฟฟา้ I = 300 mA หรือ 0.3 A

จากความสัมพนั ธ์ V = IR สามารถหาความต้านทานไฟฟา้ ได้เป็น

4.5 V = (0.3 A) R

4.5 =R
0.3
R = 15 Ω ดงั น้ัน ค่าความต้านทานไฟฟ้าของลวดตัวนำเทา่ กบั 15 โอห์ม

จากกฎของโอหม์
จอร์จ ไซมอน โอห์ม(George Simon Ohm) นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมันได้ค้นพบความสัมพันธ์

ระหว่างปริมาณของไฟฟ้าทั้ง 3 ตัว คือ ระหว่างกระแสไฟฟ้า (I) แรงดันไฟฟ้า (E) และตัวต้านทาน (R) และได้
สรุปค่าความสัมพันธ์ ดังกล่าวไว้ว่า “กระแสไฟฟ้านั่นวงจรไฟฟ้านั้น จะแปรผัน ตรงกับ แรงดันของแหล่งจ่าย
ไฟฟา้ แตจ่ ะแปรผกผันกบั คา่ ความตา้ นทานในวงจรไฟฟ้า” ดังสมการ

I= E
R

เมื่อ I = กระแสไฟฟ้า มีหน่วยเปน็ แอมป์แปร์ (A)
E = แรงดันไฟฟา้ มีหนว่ ยเปน็ โวลต์ (V)
R = ความต้านทาน มหี น่วยเป็น โอห์ม ()

กฎของโอห์มอธิบายได้ว่ากระแสไฟฟ้าในวงจรจะมีค่าเพิ่มขึ้นถ้าแรงดันที่แหล่งจ่าย มีค่า
เพิ่มขึ้น และในทางกลับกันถ้าแหล่งจ่ายไฟฟ้ามีค่าคงที่ กระแสไฟฟ้าจะมีค่าลดลง เมื่อค่าความต้านทานใน
วงจรไฟฟ้ามี คา่ มากขน้ึ ความสมั พนั ธต์ ามกฎของโอหม์ อาจเขยี น ในรูปสามเหลยี่ ม ดงั รูป

ภาพแสดง สามเหลยี่ มหาคา่ ความสัมพนั ธต์ ามกฎของโอห์ม

จากกฎของโอหม์ สามารถนำมาคำนวณหาค่าความต้านทานไฟฟา้ แบบอนุกรมและขนานไดด้ ังนี้
R1 R2
1) การต่อตัวตา้ นทานแบบอนุกรม

จากกฎของ โอหม์ จะได้วา่ IR = I1R1 + I2R2

แต่ I = I1 = I2

 R = R1 + R2 1

2) การต่อตวั ต้านทานแบบขนาน R1
จากกฎของ โอห์ม จะไดว้ า่ V = +V1 V2 R2

R R1 R2

แต่ V = V1 = V2

1 11 2

R= +R1 R 2

4. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
 ความสามารถในการคดิ : นักเรียนสามารถคดิ โดยการวิเคราะหแ์ ละแปลความหมายข้อมูลจาก

กราฟเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และความตา้ นทาน
 ความสามารถในการสือ่ สาร: นกั เรยี นสามารถสือ่ สาร โดยการนำเสนอข้อมลู ท่ีได้จากการวดั

การทดลอง การคำนวณและการอภิปรายมาอธบิ ายความสัมพนั ธ์ของความต่างศกั ย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟา้

และความต้านทาน

5. คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ซื่อสตั ย์สุจรติ  มงุ่ มั่นในการทำงาน
รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ อย่อู ยา่ งพอเพยี ง  ใฝ่เรียนรู้  มจี ติ สาธารณะ
มีวนิ ัย รกั ความเป็นไทย

6. ชน้ิ งาน /ภาระงาน
ใบบนั ทกึ กิจกรรมเร่ือง กระแสไฟฟา้ และความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ ของตัวนำไฟฟ้ามีความสัมพันธก์ ันอยา่ งไร

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ใชร้ ูปแบบการจดั การเรียนตามหลกั ซปิ ปา(CIPPA)

ขัน้ ที่ 1 การทบทวนความรเู้ ดิม
1. ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละคนยกตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ร้จู ักมาคนละ 1 อยา่ ง
2. ครซู กั ถามนกั เรียนเกย่ี วกับเคร่อื งใช้ไฟฟ้าท่ีนักเรยี นยกตวั อย่างมา แลว้ ซักถามเก่ยี วกับการเปล่ียน

รปู ของพลงั งานของเครื่องใช้ไฟฟา้ เพ่ือเชื่อมโยงมาในประเดน็ การเกิดพลงั งานไฟฟ้า
ขน้ั ที่ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่
1. แบ่งกลมุ่ นักเรยี น กล่มุ ละ 5 คน ให้แต่ละกล่มุ ศึกษาค้นคว้าการค้นพบไฟฟ้า จากแหล่งเรียนรู้

ตา่ งๆ อาทิ หอ้ งสมุด หนังสือเรียน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
2. ครูและนักเรียนช่วยกนั สรุปการคน้ พบไฟฟ้าความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความตา่ งศักย์ไฟฟ้า

กระแสไฟฟา้ และความตา้ นทานไฟฟ้า
ข้นั ท่ี 3 การศกึ ษาทำความเข้าใจขอ้ มูล/ความร้ใู หม่และเชอ่ื มโยงกับความรใู้ หมก่ บั ความรเู้ ดิม
1. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มศกึ ษา เรอื่ ง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้า กระแสไฟฟา้ และความ

ต้านทานไฟฟ้า จากแหล่งเรียนรตู้ า่ งๆ อาทิ ห้องสมดุ หนังสือเรียน
2. นักเรียนทำกจิ กรรมการทดลองตามใบงาน เรื่อง ความสัมพันธ์ระหวา่ งความต่างศักย์ไฟฟ้า

กระแสไฟฟ้า และความต้านทานไฟฟ้า

ขั้นท่ี 4 การแลกเปล่ียนความรคู้ วามเขา้ ใจกับกลมุ่
1. แตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกบั ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟา้ และความตา้ นทานไฟฟ้า

บันทกึ ผลสรุปลงในสมดุ
2. ตวั แทนแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลงาน
ขัน้ ที่ 5 การสรุปและจดั ระเบียบความรู้
1. นกั เรยี นและผู้สอนร่วมกันสรุปเน้ือหาเรื่อง ความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ กระแสไฟฟา้ และความตา้ นทาน

ไฟฟ้า
ขั้นที่ 6 การปฏบิ ัติ และ/หรือการแสดงผลงาน
1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม ศึกษาคน้ คว้าเกี่ยวกับการใช้และประโยชน์ของความตา่ งศักย์ไฟฟา้

กระแสไฟฟ้า และความต้านทานไฟฟา้ จากแหลง่ ความรตู้ ่างๆ
2. นักเรียนแต่ละกล่มุ นำผลจากการศึกษาค้นควา้ มานำเสนอในชนั้ เรียน สรุปผลการใชแ้ ละประโยชน์

ของความต่างศกั ย์ไฟฟา้ กระแสไฟฟ้า และความต้านทานไฟฟา้ ท่พี บเห็นในชวี ิตประจำวนั
ข้ันที่ 7 การประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้
1. นกั เรยี นนำความรูท้ ี่ได้ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวันและในการทำกจิ กรรมต่างๆ

8. สอ่ื การเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้

8.1 อุปกรณ์ทำกจิ กรรม: 1) ถ่านไฟฉายขนาด 1.5 V 2) กระบะถ่านแบบ 4 ก้อน 3) สายไฟฟ้า

4) ลวดนิโครมเบอร์ 26 ความยาว 1 m 5) สวิตช์แบบโยก

6) แอมมเิ ตอร์ 7) โวลต์มิเตอร์

8.2 ใบกจิ กรรม: ใบกจิ กรรมที่ 6.1 กระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าของตวั นำไฟฟา้

มคี วามสัมพนั ธก์ ันอย่างไร

8.3 แบบบนั ทกึ กจิ กรรม: แบบบันทกึ การค้นคว้ากจิ กรรมท่ี 6.1 กระแสไฟฟา้ และความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้า

ของตวั นำไฟฟา้ มีความสัมพันธ์กันอยา่ งไร

8.4 แหลง่ เรยี นร:ู้ หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 เล่ม2
ตามหลักสตู รแกนกลางฯพุทธศกั ราช 2551(ฉบับปรับปรุงพ.ศ.2560)สสวท.

9. การวดั และการประเมนิ

ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เคร่อื งมอื วดั เกณฑ์ที่ใชใ้ นการประเมิน

1. อธบิ ายความสัมพันธ์ - ตรวจการตอบ - คำถามทา้ ยกจิ กรรมที่ 6.1 - ไดไ้ ม่น้อยกวา่ 2 คะแนน

ระหวา่ งความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ คำถามทา้ ย กระแสไฟฟา้ และความ ระดบั คุณภาพดี ถือว่า

กระแสไฟฟ้าและความ กจิ กรรมที่ 6.1 ต่างศกั ย์ไฟฟา้ ของตัวนำ ผ่านการประเมิน

ต้านทานในวงจรไฟฟ้าได้ ไฟฟา้ มีความสมั พนั ธก์ นั ดา้ นความรู้

(ด้านความรู้: K) อยา่ งไร จำนวน 5 ข้อ

2. การใชท้ ักษะการทดลอง - ตรวจการทำแบบ - แบบบนั ทึกการคน้ คว้า - ได้ไมน่ ้อยกว่า 2 คะแนน

โดยออกแบบตารางบนั ทกึ ผล บันทกึ การคน้ ควา้ กจิ กรรมที่ 6.1กระแสไฟฟา้ ระดับคุณภาพดี ถือว่า

เกี่ยวกบั ความสมั พันธ์ความ กิจกรรมที่ 6.1 และความต่างศักยไ์ ฟฟ้า ผา่ นการประเมิน

ตา่ งศักย์ไฟฟ้ากบั กระแสไฟฟ้า ของตวั นำไฟฟ้ามี ดา้ นกระบวนการ

(ด้านกระบวนการ: P) ความสมั พนั ธก์ นั อย่างไร

3. คุณลกั ษณะการมี - สังเกตพฤติกรรม - เกณฑ์การประเมิน ได้ไมน่ อ้ ยกว่า 2 คะแนน

จติ สาธารณะ การเรียนร้รู ว่ มกบั คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับคุณภาพดี ถือวา่ ผ่าน

(ดา้ นเจตคต:ิ A) ผูอ้ นื่ ดา้ นการมีจิตสาธารณะ การประเมินดา้ นเจตคติ

9.1 เกณฑก์ ารประเมินผลนักเรียน เกณฑก์ ารประเมิน (Rubrics Score)

ประเด็นการประเมนิ คา่ น้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
การให้คะแนนตอบ คะแนน
ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมที่ 6.1 ถูกต้อง จำนวน 4-5 ขอ้
คำถามทา้ ย 3 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมท่ี 6.1 ถกู ต้อง จำนวน 2-3 ข้อ
กิจกรรมที่ 6.1 2 ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ 6.1 ถูกต้อง จำนวน 1 ข้อ หรือไม่ถูกต้อง
การให้คะแนนการบนั ทึก 1 บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม มีการออกแบบการทดลอง ปฏบิ ัติการทดลอง
แบบบันทึกการคน้ คว้า 3 ออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลอง และแสดงกราฟความสัมพันธ์
กิจกรรมท่ี 6.1 เก่ียวกับความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ กับกระแสไฟฟา้ ได้
2 อยา่ งถูกต้องเหมาะสม ครบทุกประเด็น สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาในกิจกรรม
การใหค้ ะแนนพฤติกรรม บันทกึ ผลการทำกิจกรรม มีการออกแบบการทดลอง ปฏิบัติการทดลอง
คุณลักษณะการมจี ิต 1 ออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลอง และแสดงกราฟความสมั พันธ์
สาธารณะ เกยี่ วกับความสัมพนั ธ์ระหว่างความตา่ งศักย์ไฟฟา้ กบั กระแสไฟฟา้ ได้
3 ถกู ต้อง แตม่ ีขอ้ ผิดพลาดบางส่วน ที่ไม่สอดคล้องกบั เนอ้ื หาในกิจกรรม
บันทกึ ผลการทำกิจกรรม มีการออกแบบการทดลอง ปฏบิ ตั กิ ารทดลอง
2 ออกแบบตารางบันทึกผลการทดลอง และแสดงกราฟความสมั พันธ์
เกยี่ วกบั ความสัมพันธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ กับกระแสไฟฟา้ ได้ไม่
1 ถูกต้อง มีข้อผดิ พลาด ทไ่ี ม่สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาในกจิ กรรม
1) ดแู ลรักษาอุปกรณท์ างวทิ ยาศาสตร์และทรัพย์สนิ ภายในหอ้ งเรยี น
ของนักเรยี นทกุ ครัง้ หลงั การใช้งาน
2) มีจติ อาสาช่วยเหลอื การทำงานกลุม่ ร่วมกับผู้อ่นื จงึ ไม่เกิดปัญหา
ภายในกลุม่
1) ดูแลรกั ษาอุปกรณท์ างวทิ ยาศาสตร์และทรัพยส์ ินภายในหอ้ งเรียน
แต่เกิดอบุ ัติเหตุ ทำใหอ้ ปุ กรณ์เสยี หาย
2) ไม่มจี ติ อาสาและไมช่ ่วยเหลือการทำงานกลมุ่ ทำใหเ้ กิดปัญหา
ภายในกลมุ่ แตส่ ามารถแกป้ ัญหาได้
1) ไมด่ ูแลอุปกรณท์ างวิทยาศาสตร์และและทรพั ยส์ นิ ภายในหอ้ งเรียน
หลงั การใช้งาน
2) ไม่มีจติ อาสาและไม่ชว่ ยเหลอื การทำงานกล่มุ ทำให้เกิดปญั หา
ภายในกลมุ่

9.2 ระดับคุณภาพ

คะแนนรวมเฉลย่ี 6.00 - 5.00 หมายถงึ ดมี าก
คะแนนรวมเฉลย่ี 4.00 - 3.00 หมายถงึ ดี
คะแนนรวมเฉลย่ี 2.00 - 1.00 หมายถึง พอใช้

ดงั นน้ั นกั เรยี นตอ้ งไดค้ ะแนนเฉลย่ี ทุกประเด็นการประเมิน ไมต่ ำ่ กวา่ 2.00 แสดงระดับ

คุณภาพ ดี ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ในแผนการจดั การเรยี นท่ี 11

10. ความคิดเหน็ ของหัวหน้ากลมุ่ สาระการ
เรียนรู้……………………………………………….……………………………………
............................................................................................................................. .................................................
...

ลงช่ือ.....................................................
(นายหมสู่ า ผิดไรงาม)

หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

11. ความคิดเห็นรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ
 องค์ประกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้.............................................................................
 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั /ผลการเรียนรสู้ อดคล้อง.......................................................
 สาระสำคัญครอบคลุมชดั เจน.............................................................................................
 สาระการเรยี นร้มู ีความถกู ต้องตามหลักวชิ าการ................................................................
 จุดประสงค์การเรียนรูม้ ีความชดั เจนครอบคลมุ (K/P/A).....................................................
 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน................................................................................................
 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์.................................................................................................
 ระบภุ าระงาน/ชิน้ งาน........................................................................................................
 กจิ กรรมการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ...........................................................................
 สื่อและอุปกรณ์การเรียนร.ู้ ................................................................................................
 การวัดและการประเมนิ ผลตามจุดประสงค์การเรยี นร้.ู ..........................................................
 เสนอส่งแผนการจดั การเรียนรตู้ ามขน้ั ตอนระบบงาน........................................................
 บันทกึ หลังสอน.................................................................................................................

( นายอบั ดลรอศักดิ์ มณีโสะ๊ )
รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ

12. ความคดิ เห็นผู้อำนวยการโรงเรียน

 อนุญาตใหใ้ ชจ้ ัดการเรียนการสอนได้
 ควรปรับปรงุ คือ................................................................................................................
............................................................................................. .....................................................

( นายสิรวฒุ ิ ยุนุย้ )
ผู้อำนวยการโรงเรียนกำแพงวิทยา

13. บันทกึ หลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11
13.1 ผลการจดั การเรยี นรู้ (ตามจดุ ประสงค์)
จากจุดประสงค์การเรยี นรูท้ ้ัง 3 ข้อ ต่อไปน้ี
1. นกั เรียนอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างความต่างศกั ย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟา้ และความ
ต้านทาน

ในวงจรไฟฟ้าได้ (K)
2. นักเรียนใช้ทักษะการทดลอง โดยออกแบบการทดลองปฏิบตั กิ ารทดลอง และออกแบบ

ตารางบันทึกผลการทดลองเก่ียวกบั ความสมั พันธร์ ะหว่างความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้ากับกระแสไฟฟา้ (P)
3. นกั เรยี นมลี กั ษณะจิตสาธารณะร่วมกับผู้อื่น (A)

พบวา่
- นักเรยี นสามารถอธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และความ

ตา้ นทานในวงจรไฟฟา้ ได้
- นกั เรยี นสามารถใช้ทกั ษะการทดลอง โดยออกแบบการทดลองปฏบิ ัติการทดลอง และ

ออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลองเกีย่ วกับความสัมพนั ธ์ระหว่างความต่างศักย์ไฟฟ้ากับกระแสไฟฟ้า
- นกั เรยี นมีลกั ษณะจติ สาธารณะรว่ มกับผู้อ่นื

13.2 แนวทางแก้ปัญหานักเรยี นทไี่ มผ่ ่านผลการเรียนรูห้ รอื จุดประสงค์ (เพอ่ื นำไปสู่ PLC)
-

ลงช่ือ.....................................................
(นางสาวหสุ ณา ตามาต)
ครผู ู้สอน

วันที่……เดอื น………………….พ.ศ…………

แบบบันทกึ การประเมินคุณภาพการเรยี นรขู้ องนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
รายวิชาวิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน (ว23102) หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ไฟฟา้

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 11 เร่อื ง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความตา่ งศกั ย์ กระแสไฟฟ้า และความตา้ นทาน
มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3/7 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564

เลขท่ี ชอ่ื – สกลุ ้ดานความ ู้ร (K) รวม ระดับคณุ ภาพ สรุปผลการ
ประเมนิ
ด้านกระบวนการ (P)

้ดานเจตค ิต (A)

333 9 ดี พอใช้ ปรับปรุง ผา่ น ไมผ่ า่ น
9
1 ด.ช. กฤษฏิ์ พรหมนำ้ ดำ 3 3 3 9 //
2 ด.ช. กลา้ ณรงค์ 9 //
3 ด.ช. ครองภพ คงทอง 3 3 3 9 //
4 ด.ช. ชยพล 6 //
5 ด.ช. ชยั วฒั น์ สำเร 3 3 3 6
6 ด.ช. ซัลมาน 9 //
7 ด.ช. ณัฏฐภทั ร พพิ ธิ ประภาเลิศ 3 3 3 6 //
8 ด.ช. ธนากร 6 //
9 ด.ช. ธรี พัฒน์ ตงุ้ แกว้ 2 2 2 6 //
10 ด.ช. นนทพัทธ์ 9 //
11 ด.ช. นนั ทวัฒน์ จองวราหศ์ รี 2 2 2 6 //
12 ด.ช. ปฏิพล 6 //
13 ด.ช. ภัทรพล ผอมนุ่ม 333 9 //
14 ด.ช. ภมู ปิ ระชา 9 //
15 ด.ช. อฟั ฟาน รักสะโมะ๊ 2 2 2 6 //
16 ด.ช. อาซนั 9 //
17 ด.ช. สิทธวิ งศ์ จนั ทรจ์ ิตจรงิ ใจ 2 2 2 9 //
18 ด.ช. ธมกร 9 //
19 ด.ญ. ไครกิ า จนั ทรัตน์ 2 2 2 9 //
20 ด.ญ. ญาณิศา 9 //
21 ด.ญ. ณฐั ชุตา บนิ สหสั 333 9 //
22 ด.ญ. ดาวญิ า 9 //
23 ด.ญ. ธนษิ ฐา สงมาก 2 2 2 9 //
24 ด.ญ. นงนภัส 9 //
25 ด.ญ. นัซมี หมาดหมีน 2 2 2 9 //
26 ด.ญ. ปวณี า 9 //
27 ด.ญ. ปัณฑิตา ภมรานนท์ 3 3 3 9 //
28 ด.ญ. พชิ ชา 9 //
29 ด.ญ. รวิภา เดชอารัญ 3 3 3 9 //
30 ด.ญ. ราตมี า 9 //
31 ด.ญ. ลลติ า หวันสู 2 2 2 9 //
32 ด.ญ. วรนชุ //
สุวรรณวงศ์ 3 3 3 //

สวุ รรณวิโก 3 3 3

โดงกลู 3 3 3

รัตนพนั ธ์ 3 3 3

ศริ สิ ม 3 3 3

สายเส็น 333

ยิ่งขจร 3 3 3

สันโด 3 3 3

เล่งเจะ๊ 3 3 3

ศรนี ยุ้ คง 3 3 3

แก้วบตุ ร 3 3 3

ราเหม 3 3 3

เหมรา 3 3 3

สันหลี 3 3 3

อสุ มา 3 3 3

อศุ มา 3 3 3

เลขที่ ชื่อ – สกลุ ้ดานความ ู้ร (K) รวม ระดบั คุณภาพ สรุปผลการ
ประเมิน
ด้านกระบวนการ (P)

้ดานเจตค ิต (A)

3 3 3 9 ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ผา่ น ไมผ่ า่ น

33 ด.ญ. วมิ ลรตั น์ จิระเสถียร 333 9 / /
34 ด.ญ. ศศิภา หนูวงศ์
35 ด.ญ. สริ นิ ทรา ไชยยัน 333 9 / /
36 ด.ญ. อนสุ รา สะเล่
37 ด.ญ. อญั ญาณี ทมุ มาลี 333 9 / /
38 ด.ญ. ปวัณรัตน์ อมุ าลี
39 ด.ญ. พิศลยา ละมลู สุข 333 9 / /
40 ด.ญ. วิยะดา ธนะภาส
333 9 / /

333 9 / /

333 9 / /

222 6 / /

จำนวนกลุ่ม 31 9 40 0

ร้อยละ 77.5 22.5 100 0

เกณฑร์ ะดบั คุณภาพ สรปุ ผลการประเมิน ลงช่ือ.........................................
ช่วงคะแนน 8-9 : ระดบั คุณภาพดี ผา่ น : ระดบั คณุ ภาพดีและพอใช้ (นางสาวหสุ ณา ตามาต)
ชว่ งคะแนน 5-7 : ระดับคณุ ภาพพอใช้ ไมผ่ า่ น : ระดับคณุ ภาพปรบั ปรุง ผ้ปู ระเมิน
ช่วงคะแนน 0-4 : ระดับคณุ ภาพปรบั ปรุง

ต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นการประเมนิ ไมต่ ำ่ กว่า 2.00 แสดงระดับคุณภาพ ดี ข้ึนไปเทา่ นน้ั
ถงึ จะผ่านการเรยี นรู้ตามตวั ชวี้ ัด

แบบบันทึกการประเมนิ คุณภาพการเรียนรู้ของนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3
รายวิชาวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน (ว23102) หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 ไฟฟา้

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 11 เร่อื ง ความสัมพันธร์ ะหวา่ งความตา่ งศกั ย์ กระแสไฟฟา้ และความต้านทาน
มัธยมศึกษาปีท่ี 3/8 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564

เลขที่ ชอื่ – สกลุ ้ดานความ ู้ร (K) รวม ระดับคุณภาพ สรุปผลการ
ประเมนิ
ด้านกระบวนการ (P)

้ดานเจตค ิต (A)

333 9 ดี พอใช้ ปรับ ผ่าน ไม่ผา่ น
ปรงุ
1 ด.ช. กฤษฎา ขุนรายา 222 6
6 //
2 ด.ช. จิตตพิ ัฒน์ หลังชาย 222 6 //
9 //
3 ด.ช. จิรพงษ์ เจยี มพงศไ์ พศาล 2 2 2 6 //
9 //
4 ด.ช. ณัฐวุฒิ โอมณี 333 9 //
9 //
5 ด.ช. ณฐั วฒุ ิ หมาดแน้ง 2 2 2 9 //
9 //
6 ด.ช. ทวพี ล อินทพันธ์ 3 3 3 9 //
9 //
7 ด.ช. ทฆี ายุ พันตรี 3 3 3 6 //
9 //
8 ด.ช. ธีรธ์ วัช กล่นิ เขยี ว 3 3 3 9 //
6 //
9 ด.ช. ธีรภทั ร ทองแปน้ 3 3 3 9 //
9 //
10 ด.ช. ปญั ญวิชญ์ สาเส็น 333 9 //
9 //
11 ด.ช. พงศพศั สงั ขชาติ 333 9 //
6 //
12 ด.ช. พงศา คงพลบั 333 9 //
9 //
13 ด.ช. ฟาร์อยั ดีน ลลี านนท์ 2 2 2 9 //
9 //
14 ด.ช. ภัทธพล องสารา 333 9 //
9 //
15 ด.ช. ภรู พิ ฒั น์ แท่งทอง 333 9 //
9 //
16 ด.ช. อคั รวินท์ ธาราพิสฐิ 2 2 2 6 //
//
17 ด.ช. อันดา นวมจติ ร์ 3 3 3

18 ด.ช. อสั มี โสลกิ ี 3 3 3

19 ด.ญ. ชนันรตั น์ พรหมจรรย์ 3 3 3

20 ด.ญ. ซนั นี ราเยน็ 3 3 3

21 ด.ญ. ณัฐณชิ า บญุ คง 333

22 ด.ญ. ณฐั ณชิ า บวั ทอง 222

23 ด.ญ. ธญั ญลักษณ์ มะโนรตั น์ 3 3 3

24 ด.ญ. ธญั ญลักษณ์ ทองไชย 333

25 ด.ญ. นงนภัส องสารา 333

26 ด.ญ. นรุ รยั ฮาล เขยี วยบั 333

27 ด.ญ. นูรไลลา มา่ เหล็ม 333

28 ด.ญ. นูรอัยดาร์ หลหี าด 333

29 ด.ญ. นรู อยั นี หนหู ัน 333

30 ด.ญ. ปฏิญญา สะอา 333

31 ด.ญ. ปนัดดา มจั ฉา 222

เลขที่ ชอ่ื – สกลุ ้ดานความ ู้ร (K) รวม ระดับคณุ ภาพ สรุปผลการ
ประเมิน
ด้านกระบวนการ (P)

้ดานเจตค ิต (A)

333 9 ดี พอใช้ ปรบั ผ่าน ไมผ่ ่าน
ปรงุ

32 ด.ญ. พมิ พพ์ ิชญช์ า อนพุ งศ์ 333 9 / /

33 ด.ญ. ลลติ า ชสู กลุ 333 9 / /

34 ด.ญ. ลิปดา เตพิริยะกลุ 222 6 //

35 ด.ญ. วราลี กองหลัง 333 9 / /

36 ด.ญ. สทุ ธิดา แสงดำ 333 9 / /

37 ด.ญ. อาซุมี เกาะสมนั 333 9 / /

38 ด.ญ. อลุ ยา หวันสู 333 9 / /

39 ด.ญ. อนสุ รา ทรัพยว์ งศา 333 9 / /

40 ด.ญ. อภญิ ญา ตาเอ็น 222 6 /

จำนวนกลมุ่ 30 11 40 0

รอ้ ยละ 73.17 26.83 100 0

เกณฑ์ระดับคุณภาพ สรปุ ผลการประเมิน ลงช่ือ.........................................
ช่วงคะแนน 8-9 : ระดับคณุ ภาพดี ผ่าน : ระดบั คุณภาพดีและพอใช้ (นางสาวหสุ ณา ตามาต)
ช่วงคะแนน 5-7 : ระดับคณุ ภาพพอใช้ ไม่ผ่าน : ระดับคณุ ภาพปรับปรงุ ผ้ปู ระเมิน
ช่วงคะแนน 0-4 : ระดับคณุ ภาพปรบั ปรงุ

ตอ้ งไดค้ ะแนนเฉล่ยี ทกุ ประเดน็ การประเมนิ ไม่ตำ่ กวา่ 2.00 แสดงระดับคุณภาพ ดี ข้ึนไปเท่าน้นั
ถึงจะผา่ นการเรยี นรู้ตามตวั ชว้ี ดั

ส่ือการเรียนรู้แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 11: ใบกิจกรรมที่ 6.3

ใบกิจกรรมที่ 6.1 กระแสไฟฟา้ และความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าของตัวนำไฟฟ้ามคี วามสมั พันธ์กนั อยา่ งไร

หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 เลม่ 2 ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 75

กจิ กรรมที่ 6.1 กระแสไฟฟา้ และความตา่ งศักย์ไฟฟ้าของตวั นำไฟฟ้ามีความสัมพนั ธก์ ันอยา่ งไร?
จุดประสงค์
วัสดอุ ุปกรณ์ วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างกระแสไฟฟา้ ทผี่ ่านลวดนโิ ครมและ
ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าคร่อมลวดนโิ ครมโดยใช้กราฟ
วิธีดำเนินกจิ กรรม
วัสดทุ ีใ่ ช้ตอ่ กลุ่ม

1. ถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 V 4 กอ้ น

2. กระบะถา่ นแบบ 4 ก้อน 1 อนั
3. สายไฟฟา้ 6 เสน้

4. ลวดนิโครมเบอร์ 26 ความยาว 1 m 1 เสน้

5. สวิตชแ์ บบโยก 1 อนั

6. แอมมเิ ตอร์ 1 เครอื่ ง

7. โวลตม์ เิ ตอร์ 1 เครื่อง

1. ต่อวงจรไฟฟ้าที่ประกอบด้วยถ่านไฟฉาย

1 ก้อน สวิตช์ สายไฟฟ้า ลวดนิโครมยาว

1 เมตร ที่ขดเป็นเกลียวและแอมมิเตอร์

มาต่อเรียงกัน แล้วต่อโวลต์มิเตอร์คร่อม

ปลายท้ังสองของลวดนิโครม ดังภาพ ภาพการจัดอุปกรณ์ในกิจกรรม

2. กดสวิตซล์ ง เพอื่ ใหว้ งจรปิด อา่ นคา่ กระแสไฟฟ้าและความต่างศักยไ์ ฟฟา้ บันทกึ ผล
แล้วยกสวติ ชข์ ึน้ ทำซ้ำข้อ 1-2 โดยเพ่ิมถ่านไฟฉายทลี ะกอ้ นโดยตอ่ เรียงกันไปแบบ
อนุกรมจนครบ 4 ก้อน
4. เขยี นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งคา่ กระแสไฟฟา้ ท่ีผา่ นลวดนโิ ครมและ
ความต่างศักย์ไฟฟ้าคร่อมลวดนิโครม โดยใหค้ วามต่างศักยไ์ ฟฟ้าเป็นแกนนอน
และกระแสไฟฟ้าเป็นแกนตัง้
5. รว่ มกันวเิ คราะหแ์ ละอภปิ รายความสมั พนั ธร์ ะหว่างกระแสไฟฟ้าแลความต่าง
ศกั ยไ์ ฟฟา้ ของลวดนิโครม นำเสนอ

กจิ กรรมท่ี 6.1 กระแสไฟฟา้ และความต่างศักย์ไฟฟา้ ของตวั นำไฟฟา้ มีความสัมพนั ธก์ ันอยา่ งไร?
การเตรียมตวั • ครูควรตรวจสอบคุณภาพของอปุ กรณ์ไฟฟา้ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
ล่วงหน้าสำหรบั ครู • ครคู วรฝึกการใชแ้ ละการอา่ นคา่ จากแอมมเิ ตอร์และโวลต์มเิ ตอร์จนเกดิ ความ

ชำนาญ
ข้อควรระวงั • เมอ่ื อ่านค่ากระแสไฟฟา้ และความต่างศักยไ์ ฟฟา้ แลว้ ต้องยกสวิตชข์ ้ึนทกุ คร้ังทันที

เพ่ือไมใ่ ห้มกี ระแสไฟฟ้าในวงจรเป็นเวลานาน ซง่ึ จะทำใหล้ วดนิโครมรอ้ น และค่าท่ีวดั
ได้จะมีความคลาดเคลื่อน
• ระวังไม่ใหข้ ดลวดนิโครมแตะกันเพราะจะทำให้เกิดการลัดวงจร
ขอ้ เสนอแนะใน • ครคู วรทบทวนการใช้งานแอมมิเตอร์และโวลตม์ ิเตอร์จนม่ันใจวา่ สามารถให้
การทำกิจกรรม คำแนะนำแก่นักเรียนได้อย่างถกู ต้อง
• เนอื่ งจากกิจกรรมน้ใี ชล้ วดนิโครมยาว 1 เมตร ครคู วรแนะนำให้นักเรยี นเตรยี ม
ลวดนโิ ครมให้เปน็ เกลยี ว โดยการพันลวดนโิ ครมรอบดินสอหรือปากกา ดังภาพ
เพื่อความสะดวกในการทำกิจกรรม

ภาพการพนั ลวดนิโครมให้เป็นเกลียว

คำถามทา้ ยกจิ กรรม

1. เม่ือเพ่ิมจำนวนถ่านไฟฉายในวงจรไฟฟา้ คา่ ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ระหว่างปลายท้ังสองของลวดนโิ ครมเป็นอยา่ งไร
2. เมอ่ื เพ่ิมจำนวนถ่านไฟฉายในวงจรไฟฟา้ ค่ากระแสไฟฟา้ ทผ่ี า่ นลวดนิโครมเปน็ อยา่ งไร
3. ค่ากระแสไฟฟา้ ท่ีผา่ นลวดนิโครมและความต่างศักย์ไฟฟา้ ครอ่ มลวดนโิ ครมมีความสมั พันธก์ ันอยา่ งไร
ทราบไดอ้ ยา่ งไร
4. อตั ราสว่ นระหว่างความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าที่วัดไดแ้ ตล่ ะคร้ังมีค่าเป็นอยา่ งไร
5. จากกิจกรรม สรุปไดว้ ่าอย่างไร

ส่ือการเรียนรู้แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 11: แบบบนั ทกึ การค้นควา้ กจิ กรรมท่ี 6.3

แบบบันทึกการค้นคว้ากจิ กรรมที่ 6.1 กระแสไฟฟ้าและความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ ของตัวนำไฟฟา้
มคี วามสัมพนั ธ์กันอย่างไร

ชื่อ-นามสกุล..........................................................................................ชั้น.................เลขท.ี่ ..........กลุม่ ท.ี่ ...........
 ตารางบันทกึ ผลการทำกจิ กรรม

ตารางแสดง คา่ ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าครอ่ มลวดนโิ ครมและค่ากระแสไฟฟ้าท่ีผา่ นลวดนโิ ครม

จำนวนถ่านไฟฉาย 1.5 ความต่างศักย์ไฟฟา้ ครอ่ ม กระแสไฟฟ้าทผ่ี ่าน
โวลต์ (ก้อน) ลวดนิโครม (V) ลวดนิโครม (A)
1
………………………………………….. …………………………………………..
2
………………………………………….. …………………………………………..
3
………………………………………….. …………………………………………..
4
………………………………………….. …………………………………………..

 กราฟความสมั พันธร์ ะหวา่ งความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าคร่อมลวดนโิ ครมและค่ากระแสไฟฟ้าทีผ่ า่ นลวดนิโครม

กระแสไฟ ้ฟาที่ ่ผานลวด ินโครม (แอมแปร์) 000000 000000 000000 000000 000000 000000
0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 000000 000000 000000 000000 000000 000000

000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

000000 000000 000000 000000 000000 000000
000000 000000 000000 000000 000000 000000

0

01 23 456

ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ คร่อมลวดนโิ ครม (โวลต์)
(แอมแปร)์

แนบท้ายแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11: การใหค้ ะแนนด้านกระบวนการ (P)

แนวทางบันทกึ การค้นควา้ กิจกรรมที่ 6.1 กระแสไฟฟา้ และความต่างศักยไ์ ฟฟ้าของตัวนำไฟฟ้า
มีความสัมพันธก์ ันอยา่ งไร

 ตารางบนั ทึกผลการทำกิจกรรม

ตารางแสดง คา่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าครอ่ มลวดนโิ ครมและคา่ กระแสไฟฟ้าทผี่ ่านลวดนิโครม

จำนวนถ่านไฟฉาย 1.5 ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าครอ่ ม กระแสไฟฟา้ ท่ผี ่าน
โวลต์ (ก้อน) ลวดนิโครม (V) ลวดนโิ ครม (A)
1
…………………1.25……………….. ……………………0.16……………..
2
…………………2.4……………….. ……………………0.31……………..
3
……..……………4…..…………….. ……………………0.50……………..
4
……………………5………………….. ……………………0.65……………..

 กราฟความสัมพนั ธ์ระหว่างความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าคร่อมลวดนโิ ครมและคา่ กระแสไฟฟา้ ทผ่ี า่ นลวด
นโิ ครม

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 11: การใหค้ ะแนนด้านความรู้ (K)

เฉลยใบกจิ กรรมที่ 6.1 กระแสไฟฟา้ และความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าของตัวนำไฟฟา้ มีความสัมพันธ์กนั อย่างไร

เฉลยคำถามทา้ ยกจิ กรรม

1. เมือ่ เพิ่มจำนวนถ่านไฟฉายในวงจรไฟฟ้า ค่าความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าระหวา่ งปลายทั้งสองของลวดนิโครมเปน็
อยา่ งไร

แนวคำตอบ เมือ่ เพ่ิมจำนวนถา่ นไฟฉายในวงจรไฟฟ้า ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ระหวา่ งปลายทัง้ สองของ
ลวดนโิ ครมเพ่ิมขนึ้

2. เมือ่ เพ่ิมจำนวนถา่ นไฟฉายในวงจรไฟฟ้า คา่ กระแสไฟฟา้ ที่ผา่ นลวดนโิ ครมเป็นอยา่ งไร
แนวคำตอบ เม่อื เพิ่มจำนวนถ่านไฟฉายในวงจรไฟฟ้า คา่ กระแสไฟฟ้าท่ีผา่ นลวดนิโครมเพม่ิ ข้ึน

3. คา่ กระแสไฟฟ้าที่ผ่านลวดนิโครมและความตา่ งศักย์ไฟฟา้ ครอ่ มลวดนโิ ครมมีความสัมพนั ธ์กันอย่างไร
ทราบได้อย่างไร

แนวคำตอบ คา่ กระแสไฟฟ้าและความต่างศักยไ์ ฟฟ้าทผ่ี ่านลวดนโิ ครมมคี วามสมั พนั ธก์ ันโดยเมือ่ ค่า
ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าเพิ่มขนึ้ ค่ากระแสไฟฟา้ กเ็ พ่ิมขนึ้ ทราบได้จากกราฟความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ ทีเ่ ปน็ กราฟเส้นตรง

4. อตั ราส่วนระหวา่ งความต่างศักยไ์ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าทีว่ ดั ไดแ้ ต่ละครงั้ มีค่าเปน็ อย่างไร
แนวคำตอบ นกั เรียนตอบตามผลการทำกจิ กรรม ซง่ึ ควรจะมีคา่ เทา่ กันหรือมีคา่ ใกลเ้ คียงกนั

5. จากกจิ กรรม สรุปไดว้ ่าอย่างไร
แนวคำตอบ ค่ากระแสไฟฟา้ และความต่างศักย์ไฟฟา้ ท่ผี า่ นลวดนโิ ครมมีความสัมพนั ธ์กัน โดยเมื่อคา่

ความต่างศักย์ไฟฟ้าเพิ่ม คา่ กระแสไฟฟ้าจะเพ่ิมตาม เมือ่ เขียนกราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างความตา่ ง
ศกั ยไ์ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าจะได้กราฟเสน้ ตรงผ่านจุดกำเนิด

แนบทา้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 11: เฉลยคำถามชวนคิด

เฉลยคำถามชวนคิด จำนวน 3 ข้อ

หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 เลม่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธกิ าร หนา้ 79

1. ถ้าอปุ กรณ์ไฟฟา้ หนึ่งมีความตา้ นทานไฟฟ้า 100 โอห์ม และกระแสไฟฟา้ ทผ่ี า่ นอปุ กรณไ์ ฟฟา้
น้นั เท่ากบั 0.05 แอมแปร์ ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ของอุปกรณไ์ ฟฟ้ามีคา่ เทา่ ใด

แนวคำตอบ
จากโจทย์ กระแสไฟฟา้ I = 0.05 A และความต้านทานไฟฟ้า R = 100 Ω
จากความสมั พนั ธ์ V = IR จะได้วา่
V = 0.05 A × 100 Ω
V=5V
ดังน้ัน ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าของอุปกรณไ์ ฟฟ้าเทา่ กับ 5 โวลต์

2. กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความต่าง
ศักย์ไฟฟ้าที่คร่อมตัวต้านทานไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าที่
ผ่านตัวต้านทานไฟฟ้านั้นเป็นดังภาพ ตัวต้านทานไฟฟา้ นี้
มคี ่าความตา้ นทานไฟฟา้ เปน็ เทา่ ใด

แนวคำตอบ
จากความสัมพนั ธ์ V = IR ความต้านทานไฟฟา้ R คอื อัตราสว่ นระหวา่ ง V/I
จากกราฟ จะไดว้ า่
ถ้าใชค้ า่ ความต่างศักย์ไฟฟา้ เทา่ กับ 9 โวลต์ กระแสไฟฟ้า 0.045 แอมแปร์
R = (9 V)/(0.045 A)
R = 200 Ω
หรือ ถา้ ใช้ค่าความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าเท่ากับ 6 โวลต์ กระแสไฟฟ้า 0.030 แอมแปร์
R = (6 V)/(0.030 A)
R = 200 Ω
หรอื ถ้าใช้คา่ ความต่างศักย์ไฟฟา้ เท่ากับ 3 โวลต์ กระแสไฟฟา้ 0.15 แอมแปร์
R = (3 V)/(0.015 A)
R = 200 Ω
ดงั น้นั ความตา้ นทานไฟฟา้ ของตัวตา้ นทานไฟฟา้ น้เี ทา่ กับ 200 โอห์ม

แนบท้ายแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 11: เฉลยคำถามชวนคิด

เฉลยคำถามชวนคดิ จำนวน 3 ข้อ

หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 เลม่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 79

3. วงจรไฟฟ้าประกอบดว้ ยแบตเตอร่ี สายไฟฟา้ และอปุ กรณ์ไฟฟ้า ถ้าให้ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าของ
อุปกรณ์ไฟฟ้านั้น 12 โวลต์ กระแสไฟฟ้าที่ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นจะเท่ากับ 10 มิลลิแอมแปร์ ถ้าเปลี่ยน
ความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ให้แก่อุปกรณ์นั้นเป็น 18 โวลต์ กระแสไฟฟ้าที่ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นจะเป็นกี่มิลลิ
แอมแปร์

แนวคำตอบ จากโจทย์ ถ้าความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ของอปุ กรณ์ไฟฟา้ เป็น V = 12 V
กระแสไฟฟา้ จะเท่ากับ I = 10 mA = 0.010 A
จากความสมั พนั ธ์ V = IR จะไดว้ ่าความต้านทานไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็น

R = V/I
R = (12 V)/(0.010 A)
R = 1,200 Ω
และเมื่อเปลยี่ นความตา่ งศักย์ไฟฟา้ เปน็ V = 18 V
จากความสัมพันธ์ V = IR จะได้วา่ กระแสไฟฟ้าทผ่ี า่ นอปุ กรณไ์ ฟฟา้ นัน้ เปน็
I = V/R
I = (18 V)/(1,200 Ω)
I = 0.015 A หรอื 15 mA
ดังนัน้ กระแสไฟฟ้าท่ผี ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าน้นั จะเปน็ 15 มิลลแิ อมแปร์

แนบทา้ ยแผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 11: VDO ปฏบิ ตั กิ ารทางวิทยาศาสตร์สำหรับ
ครูผ้สู อน

อ้างอิงจาก https://ipst.me/9877

เวบ็ ไซต์คลงั ความรู้ SciMath สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เผยแพร่เมื่อ : วนั ที่ 27กมุ ภาพันธ์ 2562

สาธติ การทดลองเร่อื ง ความต่างศกั ย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าสัมพันธ์กนั อย่างไร

ตัวอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อให้นักเรียนหาคำตอบว่าความต่าง
ศกั ยไ์ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ สมั พันธ์กันอย่างไร โดยให้นักเรยี นใชแ้ อมมิเตอร์และโวลต์มเิ ตอร์วัดคา่ กระแสไฟฟ้า
และค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าตามลำดับ แล้วเขียนกราฟระหว่างค่ากระแสไฟฟ้าและค่าความต่าง
ศกั ยไ์ ฟฟา้ เหมาะสำหรับนกั เรยี นระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น

ภาคผนวก ข

แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
วิชาวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน 6 ว23102

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - หลังเรียน

เรอ่ื งไฟฟา้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 รายวชิ า วิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน 6

ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู จังหวัดสตูล

*************************************************************************

คำช้ีแจง ข้อสอบแบบปรนัย 4 ตวั เลอื ก 20 ข้อ ให้นกั เรยี นเลอื กคำตอบในข้อทถ่ี ูกต้องในกระดาษคำตอบ

(20 คะแนน)

1.คา่ ความแตกต่างของศกั ย์ไฟฟา้ ระหว่างจดุ 2 จดุ 7.โคมไฟมคี วามต่างศักย์ไฟฟ้า 120 โวลต์ ยอมให้

ในสนามไฟฟ้า คอื ข้อใด กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน 3 แอมแปร์ โคมไฟนี้มคี วาม

ก. กำลังไฟฟา้ ข. กระแสไฟฟ้า ต้านทานเท่าไร

ค. ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้า ง. ความต้านทานไฟฟา้ ก. 4 โอห์ม ข. 36 โอหม์

2.เคร่อื งมือที่ใชว้ ัดความต่างศักย์ไฟฟา้ คอื ข้อใด ค. 40 โอหม์ ง. 360 โอหม์

ก. แอมมเิ ตอร์ 8.กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดที่มคี วามต้านทาน

ข. โวลตม์ เิ ตอร์ 12 โอห์ม มขี นาด 7.5 แอมแปร์ จงหาค่าความตา่ ง

ค. โอห์มมิเตอร์ ศักยไ์ ฟฟ้า

ง. กัลป์วานอมิเตอร์ ก. 1.6 โอหม์ ข. 4.5 โอหม์

3.ขอ้ ใดต่อไปนี้ไม่ถกู ตอ้ ง ค. 19.5 โอห์ม ง. 90 โอห์ม

ก. เม่อื เพิม่ ความต่างศักยไ์ ฟฟ้า กระแสไฟฟ้าจะ จงใชข้ ้อมูลต่อไปน้ตี อบคำถามข้อ 9-10

เพิ่มขึ้น กำหนดให้

ข. กระแสไฟฟ้าเกดิ จากการเคลื่อนที่ของอนุภาคที่ R1 = 5 Ω
มีประจไุ ฟฟา้ R2 = 4 Ω
ค. เคร่อื งมือที่ใชว้ ดั กระแสไฟฟา้ คือ แอมมเิ ตอร์ มี R3 = 12 Ω
หน่วยเปน็ แอมแปร์ 9.ความต้านทานรวมภายในวงจรมีคา่ เทา่ ไร

ง. กระแสไฟฟ้าจะไหลจากจดุ ที่มศี ักยไ์ ฟฟา้ ตำ่ ไป

ยงั จุดที่มศี ักยไ์ ฟฟ้าสงู

4.สมบัติของตัวนำไฟฟา้ ทีย่ อมให้กระแสไฟฟ้าไหล

ผา่ นไดม้ ากน้อยแตกต่างกนั คือข้อใด

ก. กำลงั ไฟฟ้า ข. กระแสไฟฟา้

ค. ความตา่ งศักย์ไฟฟ้า ง. ความตา้ นทานไฟฟา้

5.เครือ่ งมือท่ีใช้วัดกระแสไฟฟ้า คือข้อใด

ก. แอมมเิ ตอร์ ข. โวลตม์ เิ ตอร์ ก. 3 โอหม์ ข. 8 โอห์ม

ค. โอหม์ มิเตอร์ ง. กัลป์วานอมเิ ตอร์ ค. 16 โอห์ม ง. 21 โอหม์

6.นักวิทยาศาสตร์ท่ีตั้งกฏของโอหม์ คือใคร

ก. กาลเิ ลโอ กาลเิ ลอี

ข. เซอรไ์ อแซก นิวตนั

ค. อัลเบริ ์ต ไอน์สไตน์

ง. เกออร์ก ซมี อน โอห์ม

10.ความตา้ นทานรวมภายในวงจรมีค่าเทา่ ไร 15.ถ้าต้องการต่อเครื่องสูบนำ้ กบั วงจรไฟฟ้าท่ีมี

ความตา่ งศักย์ไฟฟ้า220 โวลต์ กระแสไฟฟ้าจะไหล

ผ่านได้ 4 แอมแปร์ จะมกี ำลงั ไฟฟ้าเทา่ ใด

ก. 55 วัตต์ ข. 880 วตั ต์

ค. 1,100 วัตต์ ง. 2,200 วตั ต์

16. เคร่อื งซักผ้าเครื่องหน่ึงใช้พลังงานไฟฟ้า 860

จลู ในเวลา 4 วินาที เครื่องซักผา้ เครอ่ื งนมี้ ีกำลงั

ก. 3 โอห์ม ข. 8 โอหม์ เทา่ ใด

ค. 16 โอหม์ ง. 21 โอห์ม ก. 45 วตั ต์ ข. 215 วัตต์

11.เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ขอ้ ใดทีใ่ ห้พลังงานความรอ้ น

ทั้งหมด ค. 251 วตั ต์ ง. 3,440 วตั ต์

ก. เตารดี ไอน้ำ, ไมโครเวฟ, โคมไฟ 17. ฟิวส์เป็นโลหะผสมระหว่างสารชนดิ ใด

ข. เครอ่ื งทำอุ่น, เตารดี ไฟฟ้า, หมอ้ หงุ ขา้ ว ก. ดีบุก ตะกวั่ บิสมัท

ค. เคร่ืองปรบั อากาศ, เครอ่ื งสบู น้ำ, พดั ลม ข. ดีบุก ตะกั่ว ทองแดง

ง. เครื่องเป่าผมไฟฟ้า, หม้อต้มกาแฟ, โทรทศั น์ ค. ดบี กุ บสิ มทั สังกะสี

12.อุปกรณ์ใดทเ่ี ปลย่ี นพลงั งานไฟฟา้ เป็นพลงั งาน ง. สงั กะสี ทองแดง บิสมทั

กล 18.ขอ้ ใดไม่ใช่สาเหตขุ องการเกิดไฟฟา้ ลดั วงจร

ก. มอเตอร์ ข. หลอดแก้ว ก. สายไฟฟา้ เกา่

ค. สวิตซค์ วามรอ้ น ง. ขดลวดความรอ้ น ข. ฉนวนหอ่ ห้มุ สายไฟชำรดุ

13.อุปกรณ์ใดที่สำคญั ในเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ที่เปลย่ี น ค. ตัวนำไฟฟ้าแตล่ ะเส้นสัมผัสกัน

พลงั งานไฟฟา้ เปน็ พลังงานเสียง ง. กระแสไฟฟ้าเปลย่ี นทิศทางการไหล โดยไหลลดั

ก. มอเตอร์, ลำโพง ในวงจรทีม่ คี วามต้านทานสูงกว่า

ข. ลำโพง , ไมโครโฟน 19.การกระทำของนักเรียนคนใดถกู ต้องและ

ค. หลอดแก้ว, ไสห้ ลอด เหมาะสมทีส่ ุด

ง. ขดลวดความร้อน, สวิตซ์ความร้อน ก. ข้าวฟ่างชอบเลน่ ว่าวใกลส้ ายไฟ

14.หลอดไฟฟ้าหลอดหนึ่งมีตัวเลข 220 v 32 w ข. กิติใช้ลวดทองแดงตอ่ แทนฟิวส์

กำกบั ไวต้ ัวเลขดังกลา่ วมีความหมายตรงกับข้อใด ค. ยศวนิ ท์ถอดปลั๊กทุกครงั้ หลงั จากเลิกใช้

ก. ใชก้ บั ความตา่ งศักย์ 220 โวลต์ ให้ความสวา่ ง เครื่องใช้ไฟฟา้

32 วัตต์ ง. อลิสาติดปลกั๊ ไฟฟา้ ไว้ในระดบั ตำ่ เพ่ือไมใ่ ห้

ข. ใช้กบั ความต่างศักย์ 220 โวลต์ ใหพ้ ลงั งาน เกะกะ

32 วัตต์ 20.ถา้ สายไฟท่ตี ่อหลอดไฟหลอดใดหลอดหน่ึงขาด

ค. ใช้กบั ความต่างศกั ย์ 220 โวลต์ ใช้กำลงั ไฟฟา้ จะสง่ ผลใหห้ ลอดไฟดับทุกหลอด เป็นการต่อวงจร

32 วัตต์ แบบใด

ง. ใชก้ ับความตา่ งศักย์ 32 วตั ต์ ใหค้ วามสวา่ ง ก. แบบผสม ข. แบบอนกุ รม

220 โวลต์ ค. แบบขนาน ง. แบบรวมวงจร

ประวัติผู้วจิ ัย

ชื่อ-สกุล นางสาวหสุ ณา ตามาต
วัน เดอื น ปเี กดิ 2 ธนั วาคม 2529
สถานที่อยู่ปัจจุบนั 520 หมู่ 2 ตำบลปากนำ้ อำเภอละงู จังหวัดสตูล
สถานทีท่ ำงาน โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู จงั หวัดสตูล

ประวัติการศกึ ษา ค.บ. (ครุศาสตรบณั ฑติ ) วิชาเอกวิทยาศาสตรท์ ั่วไป
พ.ศ. 2553 มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา

ประวัติการทำงาน รบั ราชการตำแหน่งครูผู้ชว่ ย โรงเรียนบา้ นธรรมเจริญ สังกัดสำนักงานเขตพ้นื ที่
พ.ศ. 2556 การศึกษาประถมศกึ ษาชมุ พรเขต 1
รับราชการตำแหน่งครโู รงเรยี นบ้านธรรมเจรญิ สังกัดสำนกั งานเขตพืน้ ที่
พ.ศ. 2558 การศกึ ษาประถมศึกษาชุมพรเขต 1
รบั ราชการตำแหน่งครู โรงเรยี นเทพา สงั กดั สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา
พ.ศ. 2560 มัธยมศึกษาเขต 16
รบั ราชการตำแหนง่ ครู โรงเรยี นกำแพงวิทยา สังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษา
พ.ศ. 2564 มัธยมศึกษาสงขลา สตูล
รับราชการตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครูชำนาญการ โรงเรียนกำแพงวิทยา สังกัด
พ.ศ. 2565 สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตลู


Click to View FlipBook Version