The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wichuda1345, 2022-03-28 03:48:22

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้รายวิชาทัศนศิลป์ เรื่องทัศนธาตุกับการจัด องค์ประกอบศิลป์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนก าแพงวิทยาโดยจัดกิจกรรม การเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning

ครูยุวลี

รายงานวจิ ัยในชน้ั เรียน

การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นรรู้ ายวชิ าทศั นศลิ ป์ เรื่องทศั นธาตุกบั การจัด
องคป์ ระกอบศิลปข์ องนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรยี นกาแพงวิทยาโดยจดั กจิ กรรม

การเรยี นรผู้ า่ นกระบวนการ Active Learning

นางสาวยวุ ลี เฉลมิ
ตาแหน่งครู

ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ

โรงเรยี นกาแพงวทิ ยา อาเภอละงู จงั หวดั สตลู
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษาสงขลา สตูล



ชอื่ เรอื่ ง การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นรู้รายวชิ าทัศนศลิ ป์เรือ่ งทศั นธาตกุ ับการจัดองค์ประกอบ
ศิลป์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนกาแพงวิทยาโดยจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ผา่ นกระบวนการ Active
Learning
ผู้วจิ ัย นางสาวยวุ ลี เฉลิม
กลุม่ สาระฯ ศิลปะ
ปกี ารศกึ ษา 2/2564

บทคดั ยอ่

งานวจิ ัยครั้งน้ีมวี ตั ถุประสงค์เพื่อใหเ้ กิดการพฒั นาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนรรู้ ายวชิ าทศั นศลิ ป์ ของ
นักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรยี นกาแพงวิทยาโดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผา่ นกระบวนการ Active
Learningกลมุ่ ตวั อยา่ งทีใ่ ช้ในการวิจยั ครัง้ นี้ เปน็ นกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 โรงเรียนกาแพงวทิ ยา อาเภอละงู
จังหวดั สตลู ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 จานวน 1 ห้องเรยี น ได้แก่ นักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1/11
จานวน 36 คน โดยการทดลองแบบกลุม่ เดียว ใชเ้ วลาทดลองทั้งส้นิ 8 คาบ คาบละ 50 นาที โดยจัดกจิ กรรมการ
เรียนรู้ผา่ นกระบวนการ Active Learning

เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการวจิ ัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรยี นรู้ โดยใช้กระบวนการ Active Learning
เรอ่ื ง ทัศนธาตุ กับนกั เรียน สปั ดาห์ละ 2 ชว่ั โมง 2) แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิก่อนและหลงั เรียน

วิเคราะหข์ ้อมูลสถติ ิทใ่ี ช้วิเคราะห์ข้อมลู ได้แก่ คา่ ร้อยละ (Percentage)
ผลการวิจัยในภาพรวม พบว่า จากการดาเนินการสอนโดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ
Active Learning ที่มีต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิชาทัศนศิลป์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
โดยใช้การสอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning นักเรียนท่ีได้รับการสอนแบบจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning มีค่าร้อยละคะแนนสอบก่อนเรียนที่ได้คะแนนสอบ (6-
10) คะแนน คิดเป็นร้อยละ 44.44 ขณะท่มี ีค่าร้อยละคะแนนสอบหลงั เรยี นที่ไดค้ ะแนนสอบ (6-10) คะแนน คิด
เป็นร้อยละ 100 นักเรียนท่ีได้รับการสอนแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning มี
ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นสงู กวา่ กอ่ นเรยี น



สารบญั

หน้า

บทคดั ยอ่ ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ก
สารบัญ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข
สารบัญตาราง…………………………………………………………………………………………………….………………………… ค
บทท่ี 1 บทนา……………………………………………………………….…………………………………………….………………… 1
1
ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา…………….…………………………………………………………………….. 1
วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย…………………………………..…………………………………………………………………… 1
สมมติฐานของงานวิจยั ………………………………………..……………………………………………….………………… 1
ขอบเขตของการวจิ ยั ……………………………………………..………………………………………………………………. 3
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง……………….………………………………………………………………………… 3
เอกสารเกย่ี วกับชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้……………………………………………………………………………………… 8
งานวิจยั ทเี่ กย่ี วข้อง………………………………………………………………………………………………………………… 10
บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการวจิ ยั ………………………….………………………………………………………..………………………… 10
รูปแบบการวิจยั …………………………………………………………………………………………………………………….. 10
ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง…………………………………………………………………………………………………….. 10
เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู …………………………………………………………………………………….. 10
ข้ันตอนการสร้างและพฒั นาเคร่อื งมือ………………………………………………………………………………………. 11
การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ……………………………………………………………………………………………………………. 11
การวเิ คราะห์ข้อมลู ………………………………………………………………………………………………………………… 13
บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล………………………………………………………….……………………………………………. 13
ผลการวิเคราะห์ข้อมลู …………………………………………………………………………………………………………….. 15
บทที่ 5 สรุป อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ……………………..…………………………………………….……………….. 15
สรุปผลการวิจัย……………………………………………………………………………………………………………………… 15
อภิปรายผล…………………………………………………………………………………………………………………………… 16
ขอ้ เสนอแนะ…………………………………………………………………………………………………………………………. 17
บรรณานุกรม……………………………………………………………………………………………………………………………….. 18
ภาคผนวก……………………………………………………………………………….…………………………………………….……… 19
ภาคผนวก ก แผนการจดั การเรยี นรู้...................................……………………………..………………………….. 20
ภาคผนวก ข แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน ก่อนเรียน-หลังเรียน……………………….………….



สารบัญตาราง

ตารางที่ หน้า
13
1. ตารางตารางผลการวิเคราะหค์ ะแนนสอบพฒั นาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ความรู้ความเขา้ ใจ
วชิ าทัศนศิลป์ ของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1

1

บทท่ี 1
บทนา

ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา
จากการศึกษาสภาพปัญหาในการจัดการเรียนการสอนวชิ าทัศนศิลป์เป็นรายวิชาปฏิบัติทนี่ ักเรยี นสว่ น

ใหญช่ น่ื ชอบตัง้ ใจเรียนและทากิจรรมแต่ก็มีนักเรียนบางส่วนท่ีไม่ชื่นชอบในรายวชิ าทศั นศิลป์เกดิ จากหลาย
เหตุผล นกั เรียนบางคนขาดทักษะพ้ืนฐานทางด้านศลิ ปะ เช่น การจัดองคป์ ระกอบของภาพ การระบายคา่ น้าหนัก
สี จิตนาการความคิดสรา้ งสรรค์ โดยที่ผา่ นมาผสู้ อนเน้นบรรยายการอธิบายและการปฏบิ ัติ โดยครปู ฏิบตั ิสาธิตให้
นกั เรยี นดูเป็นขน้ั ตอน พบวา่ นกั เรยี นระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1ยงั มีนกั เรียนทีไ่ ม่เข้าใจในบทเรียน ไมต่ ง้ั ใจฟงั ไม่
มสี มาธแิ ละปฏิบตั ิช้นิ งานไดไ้ ม่ดีไมผ่ ่านเกณฑท์ ี่กาหนด ทาให้ส่งผลต่อคะแนนของช้นิ งาน และผลสัมฤทธิท์ างการ
เรียนของนักเรียน

ดังนั้นครผู ้สู อนจงึ ต้องการพัฒนาผลสมั ฤทธข์ิ องนักเรยี นให้ดีขึน้ จึงไดน้ ารปู แบบการจดั การเรยี นรผู้ า่ น
กระบวนการ Active Learning เป็นวธิ ีการสอนทีเนน้ ใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมกบั กจิ กรรมการเรียนรูผ้ ่านการปฏิบตั ิที่
หลากหลายทาใหน้ กั เรยี นเกดิ ทักษะทางด้านศิลปะในเร่ืองการจัดองค์ประกอบของภาพ การระบายสีมกี ารพัฒนา
ไปในทางทดี่ ีข้นึ ซ่ึงสง่ ผลต่อการพัฒนาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนรรู้ ายวชิ าทศั นศิลป์ ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี
1 โรงเรยี นกาแพงวิทยา ให้ดีขึน้

จากแนวคิดดังกลา่ วข้างตน้ สรุปได้ว่าการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning จงึ
เป็นการจัดการเรียนรู้ทผ่ี ู้วจิ ัยคาดว่าจะพฒั นาความคิดความคิดสร้างสรรคท์ ักษะพ้ืนฐาน ด้านการวาดภาพ การ
จัดองคป์ ระกอบภาพ การระบายสี และเขา้ ใจในบทเรยี น ของผ้เู รียนได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและหลากหลายข้นึ

วัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย
เพอ่ื พัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนรรู้ ายวิชาทัศนศลิ ป์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 โรงเรยี น

กาแพงวิทยาโดยจัดกจิ กรรมการเรียนร้ผู า่ นกระบวนการ Active Learning

สมมติฐานของงานวิจัย
1. ผเู้ รยี นระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 วิชาทศั นศิลป์ โรงเรียนกาแพงวทิ ยา ทเ่ี รียนด้วยการจดั การเรียนรู้

โดยจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ผู ่านกระบวนการ Active Learning มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น สูงขึ้น

ขอบเขตของการวจิ ัย
ประชากร
ประชากร คือ นักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 จานวน 10 คน ปกี ารศึกษา 2564 ของโรงเรียน

กาแพงวทิ ยา อาเภอละงู จงั หวัดสตลู สังกดั สานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษาสงขลา สตลู
กลมุ่ ตัวอยา่ ง
กลมุ่ ตัวอย่างทใี่ ช้ในการวิจัย นักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1/11 โรงเรยี นกาแพงวทิ ยา ภาค

เรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 จานวน 1 หอ้ ง จานวน 36 คน
เนอ้ื หาทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย
เนือ้ หารายวิชาทศั นศิลป์พ้นื ฐาน เรือ่ ง ทัศนธาตุกับการจดั องคป์ ระกอบศิลป์
ระยะเวลาทใ่ี ช้
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564

2

ตัวแปรท่ีศกึ ษา
ตวั แปรตน้ การจัดการเรยี นรู้โดยจัดกิจกรรมการเรยี นรผู้ า่ นกระบวนการ Active Learning

เรื่องทัศนธาตุกบั การจดั องคป์ ระกอบศิลป์พัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้รายวิชาทัศนศิลป์
ตัวแปรตาม ผลสมั ฤทธท์ิ างทักษะของนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1/11

3

บทที่ 2
เอกสารและงานวจิ ยั ที่เก่ียวข้อง

การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่อื ง ทัศนธาตุกบั การจัดองค์ประกอบศิลป์ในการเรยี นวชิ าศลิ ปะ
ของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1/11 โรงเรียนกาแพงวทิ ยา โดยจดั กจิ กรรมการเรียนรผู้ า่ นกระบวนการ
Active Learning ผ้วู จิ ยั ไดศ้ ึกษาค้นคว้าเอกสารและงานวิจยั ตา่ งๆ ดังนี้

1. แนวคิดเกีย่ วกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น
2. แนวคดิ เกีย่ วกบั กระบวนการ Active Learning
3. งานวิจยั ท่ีเกยี่ วขอ้ ง
1. แนวคิดเกี่ยวกับผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น
1.1 ความหมายผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น
มผี ู้ใหค้ วามหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นไวห้ ลายทา่ น ดังนี้

กู๊ด (Good 1973 : 7อา้ งถงึ ใน ยุทธนา ปัญญาดี 2553 : 6) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น หมายถึง
ความรูห้ รือทักษะอันเกิดจากการเรียนร้ทู ไี่ ด้เรยี นมาแลว้ ท่ีไดจ้ ากผลการสอนของครูผ้สู อน ซ่ึงอาจจะพิจารณา
คะแนนสอบ หรอื คะแนนท่ไี ด้จากครูมอบหมายงานให้หรอื ท้ังสองอย่าง

ราชบณั ฑติ ยสถาน (2546: 1171) ใหค้ วามหมายของ “ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น” วา่ หมายถงึ
ความสามารถในการที่จะพยายามเข้าถึงความรู้ซึ่งเกดิ จากการกระทา ประสานกนั และต้อง อาศยั ความพยายาม
อยา่ งมาก ทัง้ องค์ประกอบทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับสตปิ ัญญา และองคป์ ระกอบที่ไม่ใช่ สตปิ ญั ญา แสดงออกในรูปของ
ความสาเรจ็ ซง่ึ สามารถสงั เกตและวดั ไดด้ ว้ ยเครอื่ งมอื ทางสติปัญญา หรือแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ท่ัวไป

ปราณี กองจินดา (2549: 42) กลา่ วว่าผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น หมายถึงความสามารถหรือ
ผลสาเร็จที่ได้รบั จากกิจกรรมการเรยี นการสอนเปน็ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและ ประสบการณเ์ รยี นรู้ทางดา้ น
พุทธพิ สิ ยั จิตพสิ ยั และทักษะพสิ ยั และยงั ได้จาแนกผลสมั ฤทธิ์ทางการ เรียนไวต้ ามลกั ษณะของวัตถุประสงค์ของ
การเรียนการสอนทแี่ ตกตา่ งกัน

จากความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นทีก่ ลา่ วมาข้างตน้ สรุปได้วา่ ความสามารถของบคุ คล
อันเกดิ จากการเรยี นการสอนของครูเป็นการเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมและ ประสบการณ์การเรยี น ผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี นประเมนิ ผลจากแบบทดสอบ

1.2 ความหมายของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น

นักการศึกษาหลายทา่ นไดใ้ หค้ วามหมายของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนไว้ ดงั นี้

พวงรตั น์ ทวีรัตน์ (2543 : 96) ไดก้ ลา่ วถึงแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นว่า หมายถึง

แบบทดสอบที่วัดความรขู้ องนักเรียนทีไ่ ด้เรยี นไปแล้ว ซ่ึงมักจะเปน็ ข้อคาถามให้นักเรยี น ตอบดว้ ยกระดาษและ

ดนิ สอกบั ใหน้ ักเรียนปฏบิ ตั จิ ริง

สมนึก ภทั ทิยธนี (2546 : 78-82) ได้ให้ความหมายของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี น

วา่ หมายถงึ แบบทดสอบวัดสมรรถภาพทางสมองต่างๆ ท่ีนักเรยี นไดร้ บั การเรยี นรู้ผ่าน มาแลว้ ซ่ึงแบง่ ไดเ้ ป็น 2

ประเภท คือแบบทดสอบท่ีครูสรา้ งกับแบบทดสอบมาตรฐาน แต่เนื่องจาก ครตู ้องทาหน้าท่ีวดั ผลนกั เรียน คอื

เขียนขอ้ สอบวดั ผลสัมฤทธ์ิที่ตนได้สอนซงึ่ เก่ยี วข้องโดยตรงกับแบบทดสอบที่ครูสร้างและมีหลายแบบแตท่ นี่ ิยมใช้

มี 6 แบบ ดังนี้

1. ข้อสอบแบบอัตนยั หรอื ความเรียง ลักษณะทั่วไปเปน็ ข้อสอบท่ีมเี ฉพาะ คาถาม แลว้ ใหน้ กั เรยี น

เขียนตอบอยางเสรีเขยี นบรรยายตามความรู้และข้อคดิ เหน็ แตล่ ะคน

4

2. ข้อสอบแบบกาถูก-ผิด ลักษณะทวั่ ไป ถอื ไดว้ า่ ข้อสอบแบบกาถูก-ผิด คือ ขอ้ สอบแบบเลือกตอบ
ท่ีมี 2 ตวั เลือกแตต่ ัวเลือกดังกล่าวเป็นแบบคงทแี่ ละมีความหมายตรงกนั ข้าม เชน่ ถูก-ผดิ ใช่-ไมใ่ ชจ่ ริง-ไมจ่ ริง
เหมอื นกนั - ตา่ งกนั เป็นต้น

3. ขอ้ สอบแบบเติมคาลักษณะทวั่ ไปเป็นข้อสอบที่ประกอบด้วยประโยคหรือ ข้อความทย่ี ังไม่
สมบูรณ์ให้ผู้ตอบเติมคาหรือประโยค หรอื ข้อความลงในชอ่ งว่างทีเ่ ว้นไวน้ ้ันเพ่ือให้ มใี จความสมบรู ณแ์ ละถูกตอ้ ง

4. ข้อสอบแบบตอบสัน้ ๆ ลักษณะทัว่ ไปข้อสอบประเภทน้ีคล้ายกับขอ้ สอบ แบบเตมิ คาแต่
แตกตา่ งกันที่ขอ้ สอบแบบตอบสัน้ ๆ เขียนเปน็ ประโยคคาถามสมบรู ณ(์ ขอ้ สอบเตมิ คาเป็นประโยคท่ยี งั ไม่สมบูรณ)์
แลว้ ใหผ้ ู้ตอบเป็นคนเขียนตอบ คาตอบทตี่ ้องการจะสัน้ และกะทดั รดั ได้ใจความสมบรู ณ์ไม่ใชเ่ ปน็ การบรรยาย
แบบขอ้ สอบอัตนัยหรือความเรยี ง

5. ขอ้ สอบแบบจับคู่ ลกั ษณะท่วั ไปเป็นข้อสอบเลอื กตอบชนิดหนึ่งโดยมคี าหรอื ขอ้ ความแยกจาก
กนั เป็น 2 ชดุ แล้วใหผ้ ตู้ อบเลอื กจับคูว่ ่า แต่ละข้อความในชดุ หนึ่ง (ตวั ยืน) จะคู่ กับคา หรือขอ้ ความใดในอีกชดุ
หนึง่ (ตวั เลอื ก) ซึ่งมคี วามสัมพันธก์ ันอย่างใดอยา่ งหนงึ่ ตามที่ผผู้ออก ข้อสอบกาหนดไว้

6. ขอ้ สอบแบบเลือกตอบ ลักษณะทวั่ ไปข้อสอบแบบเลอื กตอบนี้จะประกอบด้วย 2 ตอน ตอนนา
หรอื คาถาม กับตอนเลอื ก ในตอนเลือกนจี้ ะประกอบดว้ ยตัวเลือกทเ่ี ปน็ คาตอบถกู และตัวเลอื กทีเ่ ปน็ ตัวลวง
ปกตจิ ะมคี า ถามที่กาหนดให้นักเรยี นพิจารณาแล้วหาตัวเลอื กท่ี ถกู ต้องมากท่ีสุดเพียงตวั เลือกเดยี วจากตวั เลือก
อ่นื ๆ และคาถามแบบเลือกตอบทดี่ นี ิยมใชต้ ัวเลือกท่ี ใกลเ้ คียงกัน

จากความหมายของแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนที่กลา่ วมาขา้ งต้น สรปุ ไดว่า
แบบทดสอบทวี่ ดั ความรู้ความสามารถทางการเรียนด้านเน้ือหา ดา้ นวิชาการและทักษะต่างๆ ของวชิ า ต่าง ๆ

1.3 ประเภทของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธใิ์ นการเรียน แบง่ ไดด้ งั นี้
เยาวดี วบิ ลู ย์ศรี (2545: 20-22) แบ่งประเภทของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิในการเรียนไว้ดงั น้ี

1. แบ่งตามลกั ษณะทางจิตวทิ ยาท่ีใชว้ ดั แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1.1 แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิ (Achievement Test) เป็น แบบทดสอบทใ่ี ชว้ ัดความรคู้ วามเข้าใจ

ตามพุทธิพสิ ยั (Cognitive domain) ซง่ึ เกดิ ข้ึนจากการเรียนรู้ แบบทดสอบประเภทนี้แบง่ ออกเปน็ 2 ชนิด คอื
1.1.1 แบบทดสอบท่คี รูสรา้ งขน้ึ ใช้เอง (Teacher-Made Test) เป็นแบบทดสอบท่สี รา้ งขน้ึ

โดยทัว่ ไป เมือ่ ต้องการใช้ก็สร้างขึน้ ใช้แลว้ ก็เลกิ กนั ถา้ จะนาไปใชอีกคร้ัง กต็ อ้ งดดั แปลง ปรบั ปรงุ แก้ไข เพราะเป็น
แบบทดสอบท่สี ร้างขนึ้ ใช้เฉพาะครงั้ อาจยังไม่มีการ วิเคราะห์หาคุณภาพ

1.1.2 แบบทดสอบมาตรฐาน (Standardized Test) เป็น แบบทดสอบที่ได้มีการพัฒนาดว้ ยการ
วเิ คราะห์ทางสถิตมิ าแล้วหลายครั้งหลายหน จนมคี ุณภาพสมบรู ณ์ทงั้ ด้านความตรงความเทย่ี งความยากงา่ ย
อานาจจาแนกความเป็นปรนัยและมีเกณฑ์ ปกติ (norm) ไว้เปรยี บเทยี บด้วย รวมความแลว้ ตอ้ งมีมาตรฐานทง้ั
ดา้ นการดาเนินการสอบและการแปลผล คะแนนท่ีได้

1.2 แบบทดสอบความถนัด (Aptitude Test) เป็นแบบทดสอบทีใ่ ช้วัด ความสามารถทางสมองของ
คนวว่ามคี วามรคู้ วามสามารถมากน้อยเพยี งไรและมคี วามสามารถดา้ นใด เปน็ พเิ ศษ แบบทดสอบประเภทนี้แบ่ง
ออกเป็น 2 ชนดิ คอื

5

1.2.1 แบบทดสอบความถนดั ทางการเรียน (Scholastic Aptitude Test) เป็นแบบทดสอบวัด
ความถนดั ทว่ี ัดความสามารถทางวิชาการวา่ มคี วามถนดั ในวชิ า อะไร ซ่ึงจะแสดงถงึ ความสามารถในการเรียนต่อ
แขนงวชิ าน้นั และจะสามารถเรยี นไปได้มากน้อย เพยี งใด

1.2.2 แบบทดสอบความถนดั พเิ ศษ (Specific Aptitude Test) เปน็ แบบทดสอบท่ีใชว้ ดั
ความสามารถพิเศษของบุคคลเชน่ ความถนัดทางดนตรีทางการแพทยท์ าง ศลิ ปะ เปน็ ต้น ใชส้ าหรับการแนะแนว
การเลือกอาชพี

1.3 แบบทดสอบบุคคล – สงั คม (Personal-Social Test) เป็น แบบทดสอบทใ่ี ช้วดั บคุ ลกิ ภาพ และ
การปรบั ตัวเขา้ กับสงั คมของบุคคล

2. แบง่ ตามรปู แบบของการถามการตอบ จะแบง่ เปน็ 2 ประเภท ได้แก่
2.1 แบบทดสอบความเรียง (Essay Test) แบบน้จี ะกาหนดคาถามให้ ผู้ตอบจะต้องเรยี บเรยี งคา

ตอบเอง
2.2 แบบทดสอบตอบส้ันและเลือกตอบ (Short Answer and Multiple Choice Test) แบบน้ีจะ

กาหนดคาถามให้และกาหนดใหต้ อบสัน้ ๆ หรือกาหนดคาตอบมาให้เลือกผู้ตอบจะต้องเลือกตอบตามน้ัน
แบบทดสอบประเภทน้ีแบ่งออกเปน็ 4 ชนดิ คือ

2.2.1 แบบให้ตอบสน้ั (Short Answer Item)
2.2.2 แบบถูกผิด (True-False Item)
2.2.3 แบบจบั คู่(Matching Item)
2.2.4 แบบเลอื กตอบ (Multiple Item)
3. แบ่งตามลกั ษณะการตอบ แบง่ เป็น 3 ประเภท ได้แก่
3.1 แบบทดสอบปฏิบัติ (Performance Test) เป็นการทดสอบโดยให้ ปฏิบตั ิลงมือทา จริงๆ เชน่
การแสดงละคร ช่างฝีมือการพิมพ์ดดี เป็นตน
3.2 แบบทดสอบเขยี นตอบ (Paper-pencil Test) เปน็ แบบทดสอบที่ใช้ กนั ทั่วไป ซงึ่ ใชก้ ระดาษและ
ดนิ สอ หรอื ปากกาเปน็ อุปกรณ์ช่วยตอบ ผู้ตอบต้องเขียนตอบท้ังหมด
3.3 แบบทดสอบปากเปล่า (Oral Test) เป็นการทดสอบที่ให้ ผู้ตอบพูดแทนการเขยี นมักจะเป็นการ
พดู คุยกนั ระหวา่ งผู้ถามกบั ผตู้ อบ เชน่ การสอบสัมภาษณ์
4. แบ่งตามเวลาท่ีกาหนดให้ตอบ แบง่ เป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่
4.1 แบบทดสอบใช้ความเร็ว (Speed Test) เป็นแบบทดสอบที่ กาหนดเวลาใหจ้ ากัดต้องตอบ
ภายในเวลาน้นั มกั จะมจี านวนข้อคาถามมากๆ แตใ่ หเ้ วลาน้อยๆ
4.2 แบบทดสอบให้เวลามาก (Power Test) เป็นแบบทดสอบทีไ่ ม่ กาหนดเวลาให้เวลาตอบอย่าง
เตม็ ทผ่ี ู้ตอบจะใช้เวลาตอบเท่าใดก็ไดเ้ สรจ็ แล้วเปน็ เลิกกัน
5. แบ่งตามลักษณะเกณฑ์ทใ่ี ช้วัด จะแบง่ เป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่
5.1 แบบทดสอบแบบองิ เกณฑ์ (Criterion – Referenced Test) เป็นแบบทดสอบที่สอบวัดตาม
จดุ ประสงคข์ องการเรยี นรู้ หรือตามเกณฑภ์ ายนอกซึ่งเปน็ เนอ้ื หาของ วชิ าการเปน็ หลกั
5.2 แบบทดสอบแบบองิ กลุม่ (Norm – Referenced Test) เป็นแบบทดสอบที่เปรยี บเทยี บผล
ระหวา่ งกลมุ่ ท่ีสอบด้วยกัน

6

จากการจาแนกประเภทของแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นท่ีกล่าวมาข้างต้นสรปุ ได้ วา่

แบบทดสอบจาแนกออกเปน็ หลายประเภทขึ้นอยู่กบั ลักษณะการใช้ ดงั น้นั ครผู ู้สอนจงึ ควรเลือก แบบทดสอบให้

เหมาะกับส่ิงท่ีต้องการจะวัดจากนกั เรยี นท้ังน้ขี ึ้นอยู่กบั เน้ือและบรบิ ทของแตล่ ะรายวชิ า

2. แนวคิดเก่ยี วกับกระบวนการ Active Learning

Active Learning จงึ เป็นกระบวนการจัดการเรียนรตู้ ามแนวคดิ การสรา้ งสรรค์ทางปัญญา

(Constructivism) ที่เนน้ กระบวนการเรยี นรู้มากกวา่ เนื้อหาวิชา เพอ่ื ช่วยใหผ้ เู้ รยี นสามารถเชือ่ มโยงความรู้ หรือ

สร้างความร้ใู หเ้ กิดขึน้ ในตนเอง ด้วยการลงมือปฏบิ ัตจิ ริงผา่ นสื่อหรอื กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทีม่ ีครูผู้สอนเปน็ ผู้

แนะนา กระตุ้น หรอื อานวยความสะดวก ให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรียนรู้ข้ึน โดยกระบวนการคิดข้นั สูง กลา่ วคอื

ผู้เรียนมีการวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และการประเมนิ ค่าจากสงิ่ ทไ่ี ดร้ ับจากกิจกรรมการเรียนรู้ ทาใหก้ ารเรยี นรู้

เป็นไปอยา่ งมคี วามหมายและนาไปใชใ้ นสถานการณ์อ่ืนๆได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ (สถาพร พฤฑฒกิ ุล, 2558)

ลักษณะของการจดั การเรียนการสอนแบบ Active Learning เปน็ ดังนี้ (ไชยยศ เรืองสุวรรณ, 2553)

1. เป็นการเรยี นการสอนที่พัฒนาศักยภาพทางสมอง ได้แก่ การคดิ การแก้ปัญหา และการนาความรู้
ไปประยุกต์ใช้

2. เปน็ การเรยี นการสอนทเี่ ปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการเรียนรสู้ ูงสดุ
3. ผูเ้ รียนสรา้ งองค์ความรู้และจัดกระบวนการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
4. ผู้เรียนมสี ว่ นรว่ มในการเรยี นการสอนทง้ั ในดา้ นการสร้างองค์ความรู้ การสรา้ งปฏิสัมพนั ธร์ ว่ มกัน
รว่ มมอื กันมากกวา่ การแขง่ ขัน
5. ผู้เรยี นเรยี นร้คู วามรับผิดชอบรว่ มกัน การมวี นิ ัยในการทางาน และการแบ่งหนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบ
6. เปน็ กระบวนการสรา้ งสถานการณ์ให้ผ้เู รยี นอ่าน พูด ฟงั คดิ อย่างล่มุ ลกึ ผู้เรียนจะเปน็ ผู้จัดระบบ
การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง
7. เปน็ กิจกรรมการเรยี นการสอนที่เน้นทักษะการคิดข้ันสงู
8. เป็นกิจกรรมทเี่ ปิดโอกาสให้ผเู้ รยี นบูรณาการข้อมลู ข่าวสาร หรอื สารสนเทศ และหลักการ
ความคิดรวบยอด
9. ผสู้ อนจะเป็นผู้อานวยความสะดวกในการจดั การเรียนรู้ เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนเป็นผู้ปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง
10. ความรู้เกดิ จากประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ และการสรุปทบทวนของผเู้ รยี น
บทบาทของอาจารยผ์ สู้ อนในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามแนวทางของ Active Learning ดงั นี้

(ณัชนนั แก้วชยั เจรญิ กิจ, 2550) จัดให้ผู้เรยี นเป็นศูนยก์ ลางของการเรียนการสอน กจิ กรรมต้อง
สะทอ้ นความต้องการในการพัฒนาผ้เู รยี นและเน้นการนาไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ จรงิ ของผ้เู รยี น

1. สร้างบรรยากาศของการมีส่วนร่วม และการเจรจาโตต้ อบที่ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนมีปฏสิ มั พันธท์ ่ีดี

กับผูส้ อนและเพ่ือนในชัน้ เรยี น

2. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เป็นพลวตั ส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นมสี ว่ นร่วมในทกุ กิจกรรมรวมท้ัง

กระต้นุ ใหผ้ ูเ้ รียนประสบความสาเรจ็ ในการเรียนรู้

3. จัดสภาพการเรียนรแู้ บบร่วมมอื สง่ เสรมิ ใหเ้ กิดการร่วมมอื ในกลมุ่ ผู้เรยี น

4. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนใหท้ ้าทาย และให้โอกาสผู้เรียนไดร้ บั วธิ ีการสอนท่ีหลากหลาย

5. วางแผนเกี่ยวกับเวลาในจัดการเรียนการสอนอยา่ งชดั เจน ทง้ั ในสว่ นของเน้ือหา และกิจกรรม

6. ครผู ู้สอนต้องใจกว้าง ยอมรับในความสามารถในการแสดงออก และความคิดเของที่ผู้เรียน

7

ตัวอยา่ งเทคนคิ การจัดการเรยี นรู้แบบ Active Learning
การจดั การเรยี นรูแ้ บบ Active Learning สามารถสรา้ งให้เกิดข้นึ ได้ทั้งในห้องเรยี นและนอก

ห้องเรียน รวมทง้ั สามารถใช้ได้กับนักเรยี นทุกระดบั ทง้ั การเรียนรเู้ ป็นรายบคุ คล การเรียนรแู้ บบกลุ่มเล็ก และ
การเรยี นรู้แบบกลุ่มใหญ่ McKinney (2008) ไดเ้ สนอตวั อยา่ งรูปแบบหรอื เทคนคิ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ที่
จะชว่ ยให้ผเู้ รียนเกดิ การเรียนร้แู บบ Active Learning ได้ดี ไดแ้ ก่

1. การเรียนรู้แบบแลกเปล่ยี นความคิด (Think-Pair-Share) คอื การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ทใี่ ห้
ผู้เรียนคิดเกย่ี วกับประเดน็ ที่กาหนดแต่ละคน ประมาณ 2-3 นาที (Think) จากนั้นให้แลกเปลีย่ นความคดิ กบั
เพ่ือนอกี คน 3-5 นาที (Pair) และนาเสนอความคดิ เห็นต่อผู้เรียนท้ังหมด (Share)

2. การเรยี นรแู้ บบร่วมมือ (Collaborative learning group) คอื การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี
ให้ผู้เรียนได้ทางานร่วมกับผอู้ ่ืน โดยจดั เป็นกลุ่มๆ ละ 3-6 คน

3. การเรยี นรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions) คือการจัดกจิ กรรม
การเรยี นรทู้ เ่ี ปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนได้ทบทวนความรูแ้ ละพิจารณาขอ้ สงสยั ต่าง ๆ ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการเรยี นรู้
โดยครูจะคอยชว่ ยเหลือกรณีที่มปี ัญหา

4. การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คอื การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ทผ่ี สู้ อนนาเกมเข้าบูรณาการใน
การเรยี นการสอน ซ่ึงใชไ้ ด้ทั้งในขน้ั การนาเข้าสู่บทเรยี น การสอน การมอบหมายงาน และหรือขัน้ การประเมนิ ผล

5. การเรยี นรู้แบบวเิ คราะหว์ ีดโี อ (Analysis or reactions to videos) คอื การจดั กิจกรรม
การเรยี นรทู้ ่ีใหผ้ ้เู รียนได้ดวู ดี ีโอ 5-20 นาที แล้วใหผ้ ู้เรียนแสดงความคิดเห็น หรือสะท้อนความคิดเก่ียวกบั สงิ่ ที่ได้
ดู อาจโดยวิธกี ารพูดโตต้ อบกัน การเขียน หรือ การร่วมกนั สรุปเปน็ รายกลุ่ม

6. การเรียนรู้แบบโต้วาที (Student debates) คือการจดั กิจกรรมการเรยี นร้ทู ่ีจดั ให้ผเู้ รียนได้
นาเสนอข้อมลู ที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพ่ือยืนยันแนวคดิ ของตนเองหรือกลุ่ม

7. การเรยี นร้แู บบผู้เรียนสรา้ งแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คือ
การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ีให้ผู้เรยี นสรา้ งแบบทดสอบจากส่ิงทีไ่ ด้เรียนรู้มาแล้ว

8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจยั (Mini-research proposals or project) คอื การจดั
กจิ กรรมการเรียนร้ทู ี่อิงกระบวนการวิจัย โดยใหผ้ ู้เรียนกาหนดหัวข้อทตี่ ้องการเรียนรู้ วางแผนการเรียน เรียนรู้
ตามแผน สรุปความรูห้ รือสร้างผลงาน และสะท้อนความคดิ ในสิ่งทไ่ี ด้เรยี นรู้ หรืออาจเรียกวา่ การสอนแบบ
โครงงาน(project-based learning) หรอื การสอนแบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน(problem-based learning)

9. การเรยี นรู้แบบกรณศี กึ ษา (Analyze case studies) คอื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ใี่ ห้
ผเู้ รียนได้อ่านกรณตี วั อย่างท่ตี ้องการศกึ ษา จากนัน้ ให้ผ้เู รยี นวเิ คราะหแ์ ละแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ หรอื แนวทาง
แก้ปญั หาภายในกลุ่ม แล้วนาเสนอความคดิ เหน็ ต่อผเู้ รยี นทั้งหมด

10. การเรียนรแู้ บบการเขยี นบันทึก (Keeping journals or logs) คอื การจดั กิจกรรมการ
เรียนรทู้ ี่ผเู้ รยี นจดบนั ทกึ เร่ืองราวตา่ งๆ ท่ไี ด้พบเหน็ หรือเหตุการณ์ท่เี กิดขนึ้ ในแตล่ ะวัน รวมทั้งเสนอความคิด
เพิ่มเติมเกี่ยวกบั บันทกึ ทเ่ี ขยี น

11. การเรยี นรแู้ บบการเขียนจดหมายขา่ ว (Write and produce a newsletter) คอื การจดั
กิจกรรมการเรยี นรู้ทใี่ ห้ผเู้ รยี นร่วมกนั ผลติ จดหมายข่าว อันประกอบด้วย บทความ ข้อมูลสารสนเทศ ข่าวสาร
และเหตกุ ารณท์ ่เี กิดข้ึน แลว้ แจกจ่ายไปยังบุคคลอื่นๆ

12. การเรียนรแู้ บบแผนผังความคิด (Concept mapping) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ใี ห้
ผูเ้ รียนออกแบบแผนผงั ความคดิ เพื่อนาเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันของกรอบความคิด โดย
การใช้เส้นเปน็ ตวั เชอ่ื มโยง อาจจัดทาเปน็ รายบุคคลหรืองานกลุม่ แล้วนาเสนอผลงานต่อผูเ้ รยี นอน่ื ๆ จากน้นั เปดิ
โอกาสใหผ้ เู้ รยี นคนอน่ื ได้ซกั ถามและแสดงความคดิ เห็นเพ่ิมเตมิ

8

3. งานวจิ ัยทเี่ กี่ยวข้อง
จากการพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นรรู้ ายวชิ าทัศนศลิ ปเ์ รอ่ื งทัศนธาตุกบั การจดั องค์ประกอบศลิ ป์ของ

นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 โรงเรียนกาแพงวิทยาโดยจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ผา่ นกระบวนการ Active

Learning ผู้วิจยั ได้คน้ ควา้ เอกสาร งานวจิ ยั ท่เี กีย่ วขอ้ ง ดังตอ่ ไปนี้

นายสบื ศกั ด์ิ สุ่มอ่มิ (2561:บทคัดยอ่ ) การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น วิชาโภชนาการเบ้ืองตน้ ของ
นักเรียน ระดับชน้ั ประกาศนียบตั รวิชาชพี (ปวช.) ชน้ั ปที ี่1 แผนกวชิ าคหกรรมฐานวิทยาศาสตร์ สาขางานแปรรปู
อาหาร โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการ Active Learning ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใชใ้ น
การวิจัย ไดแ้ ก่ นกั เรยี นระดับช้ันประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 แผนกวชิ าคหกรรมฐานวทิ ยาศาสตร์
สาขางานแปรรปู อาหาร โดยใช้รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ด้วยกระบวนการ Active Learning วิทยาลัยอาชีวศกึ ษา
สิงห์บรุ ี ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2561 จานวน 22 คน ซ่งึ เป็นกลมุ่ เดียวกัน การกาหนดกลุม่ ตัวอยา่ งแบบไม่
อาศัยความน่าจะเป็น โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างตามสะดวก (บุญชม ศรสี ะอาด. 2545) เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการเก็บ
รวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลงั เรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของผเู้ รียน
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป สถิตใิ นการวเิ คราะห์ข้อมลู ได้แก่ ร้อยละ (%) ค่าเฉลีย่ และหาสว่ น
เบีย่ งเบนมาตรฐาน (SD) สรุปผลการวิจัย ดงั นี้

1. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน ก่อนและหลงั การเรยี น ของนกั เรยี นทเ่ี รยี นโดยใช้
รปู แบบการจัดการเรยี นร้ดู ว้ ยกระบวนการ Active Learning วิชาโภชนาการเบ้ืองตน้ พบวา่ นกั เรียนระดับชั้น
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปที ่ี 1 แผนกวชิ าคหกรรมฐานวิทยาศาสตร์ สาขางานแปรรูปอาหาร มี
ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นหลังเรยี นมีคา่ เฉลี่ยเท่ากับ 23.54 คิดเป็นรอ้ ยละ 78.48 สูงกว่าผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น
กอ่ นเรียน มคี ่าเฉลยี่ เทา่ กับ 11.36 คิดเปน็ ร้อยละ 37.72 ซ่งึ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นหลงั เรยี นสงู กว่าก่อนเรยี น มี
คา่ เฉลี่ยสงู กว่าเท่ากบั 12.18 คิดเป็นรอ้ ยละ 40.60 แสดงใหเ้ ห็นว่า การใชร้ ูปแบบการจัดการเรียนรดู้ ว้ ย
กระบวนการ Active Learning สามารถส่งผลใหผ้ ลสัมฤทธิท์ างการเรยี นของผเู้ รียนดขี ้ึน

2. ผลการวเิ คราะหค์ วามพึงพอใจที่มีตอ่ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้หลงั การใชร้ ูปแบบการจัดการ
เรียนรดู้ ว้ ยกระบวนการ Active Learning วชิ าโภชนาการเบ้อื งต้น พบว่านกั ศกึ ษาระดับชน้ั ประกาศนยี บตั ร
วิชาชีพ (ปวช.) ชน้ั ปีที่ 1 แผนกวชิ าคหกรรมฐานวิทยาศาสตร์ สาขางานแปรรปู อาหาร มีความพงึ พอใจท่ีมีตอ่ การ
จดั กจิ กรรม การเรยี นร้โู ดยใชร้ ปู แบบการจัดการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการ Active Learning วิชาโภชนาการ
เบ้ืองตน้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก มคี ่าเฉลีย่ 4.09 เม่อื พิจารณาเปน็ รายด้านเรียงจากมากไปหาน้อย พบว่า มี
โอกาสอธบิ ายหรืออภปิ รายเนื้อหาในชนั้ เรียนทาให้เข้าใจมากขน้ึ โดยภาพรวมอยูใ่ นระดับมากทีส่ ดุ มีค่าเฉลย่ี
4.59 ผู้เรียนมสี ่วนรว่ มในการจัดการเรียนรู้ โดยภาพรวมอยู่ในระดบั มากท่สี ดุ มีคา่ เฉลย่ี 4.52 พงึ พอใจและ
ยอมรับการประเมินผลจากครูและเพื่อนร่วมชั้นเรยี น โดยภาพรวมอยู่ในระดบั มาก มีค่าเฉลย่ี 4.36

นางสาวกิตยิ า จนิ ดารัตน์ (2563:บทคดั ย่อ) การพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้
วธิ ีการสอนรปู แบบการเรยี นเชิงรุก (Active learning) และความพงึ พอใจในการเรียนภาษาองั กฤษของของ
นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6/3 มวี ตั ถุประสงค์ 1) เพอ่ื เปรยี บเทยี บความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของ
นกั เรยี นก่อนและหลงั จาก ได้รบั วธิ กี ารสอนรปู แบบการเรียนเชิงรกุ (Active learning) และ 2) เพื่อเปรียบเทยี บ
ความพึงพอใจใน การเรยี นภาษาอังกฤษของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6/3 ก่อนและหลงั จากไดร้ บั วิธีการสอน
รปู แบบการ เรียนเชงิ รุก (Active learning) กลมุ่ เปา้ หมาย คือ นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6/3 ซงึ่ ผูว้ จิ ัยใช้การ
เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) ใชแ้ ผนการวิจัยแบบ The One Group Pretest-
Posttest Design เครื่องมือ ท่ีใช้ในการวจิ ยั คือ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning จานวน 4
แผนการเรยี น เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการเก็บข้อมูล คือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน 30 ขอ้ และแบบ

9

ประเมินความพึงพอใจ ของนักเรียนต่อการจัดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบ Active Learning การวเิ คราะห์ข้อมูลใช้
คา่ เฉล่ีย ความถ่ี และ สถิติ ทดสอบที t-test ผลการวจิ ยั พบวา่ ความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษของนักเรยี น
โดยใช้วิธีการสอนรูปแบบ การเรียนเชิงรกุ (Active learning) กอ่ นและหลังการทดลอง แตกตา่ งกันอยา่ งมี
นยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ ระดับ .01 และความพึงพอใจในการเรยี นภาษาองั กฤษของนักเรยี นโดยใชว้ ธิ กี ารสอนรปู แบบ
การเรยี น เชิงรุก (Active learning) กอ่ นและหลังการทดลอง แตกต่างกันอย่างมนี ยั สาคัญทางสถติ ิท่รี ะดับ .01

Active Learning เปน็ กระบวนการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวคิดการสร้างสรรค์ทางปัญญา (Constructivism)
ที่เนน้ กระบวนการเรียนรู้มากกวา่ เน้อื หาวชิ า เพื่อชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นสามารถเชอื่ มโยง ความรู้ หรอื สรา้ งความร้ใู ห้
เกิดขน้ึ ในตนเอง ดว้ ยการลงมือปฏิบัตจิ รงิ ผ่านสือ่ หรอื กิจกรรมการเรียนรู้ ท่มี คี รผู ู้สอนเป็นผแู้ นะนา กระตนุ้ หรอื
อานวยความสะดวก ให้ผูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ขนึ้ โดย กระบวนการคิดขนั้ สงู (Higher order thinking) กล่าวคอื
ผูเ้ รียนมกี ารวเิ คราะห์สงั เคราะห์ และ การประเมนิ ค่าจากสิ่งท่ีได้รบั จากกจิ กรรมการเรยี นรู้ ทาให้การเรยี นรู้
เป็นไปอย่างมีความหมาย และ นาไปใชใ้ นสถานการณอ์ ื่น ๆ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ (สถาพร พฤฑฒิกุล, 2558)

ดเิ รก พรสมี า (2559) มีความเห็นวา่ Active Learning คือ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่มี ีลักษณะทาให้
ผเู้ รียนแตล่ ะคนกระตือรอื รน้ คิดคน้ หาความร้แู ละคาตอบ อยตู่ ลอดเวลา (Active Learner) โดยจัดกิจกรรมการ
เรยี นร้ทู เ่ี นน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคัญ ส่งผลทาใหเ้ กดิ คาวา่ Work-based Learning หรือ Work-integrated Learning
หรือ Site-based Learning จะเป็นผลทาให้นกั เรยี นและครูคน้ พบความรใู้ หม่ สร้างสรรค์ความรูใ้ หม่ และสร้าง
นวัตกรรมใหม่ได้ ผเู้ รยี นจะต้อง มีสว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรยี นรู้โดยเน้นให้ผู้เรยี นสร้างองค์ความรจู้ ากการ
แกป้ ัญหาจากการลงมอื กระทาด้วยตนเอง

10

บทที่ 3
วธิ ีดาเนินการวิจยั

การพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ทัศนธาตุกับการจัดองคป์ ระกอบศิลป์ในการเรยี นวชิ าศลิ ปะ
ของนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1/11 โรงเรียนกาแพงวทิ ยาโดยจัดกิจกรรมการเรียนรผู้ ่านกระบวนการ
Active Learning
ผู้วจิ ยั ไดม้ ีวิธีการดาเนนิ การวจิ ัย ดังนี้

1. ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง
2. เครื่องมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล
3. ขน้ั ตอนการสรา้ งและพฒั นาเครอ่ื งมือ
4. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
5. การวิเคราะห์ข้อมลู

1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ประชากร คือ นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 จานวน 36 คน ปกี ารศกึ ษา 2564 ของโรงเรยี น

กาแพงวทิ ยา อาเภอละงู จงั หวัดสตูล สงั กัดสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษาสงขลา สตูล
กลุ่มตัวอย่าง
กลมุ่ ตัวอย่างทใ่ี ชใ้ นการวิจยั นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1/11 โรงเรียนกาแพงวทิ ยา ภาคเรียน

ที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 จานวน 1 ห้อง จานวน 36 คน

2. เครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล
2.1 แผนการจดั การเรียนรู้ Active Learning
2.2 แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ก่อนเรยี น-หลงั เรยี น

3. ขัน้ ตอนการสร้างเครือ่ งมือ
แผนการจัดการเรียนรู้ Active Learning
1) ข้ันสรา้ ง
- ศกึ ษาหลักสูตรการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 และหลักสูตรกลุ่มสาระ การเรียนรู้ศลิ ปะ มาตรฐาน

และตัวชีว้ ดั สาหรบั นกั เรียนมัธยมศึกษาปีที่1
- วิเคราะหเ์ นื้อหาวชิ าสาระการเรียนรแู้ ละระยะเวลาของแผนการสอนเร่ืองทัศนธาตุและการจดั

องคป์ ระกอบศิลป์
- ศกึ ษาวธิ ีสร้างแผนการจดั การเรยี นรู้ จากเอกสารและงานวิจัยท่ีเกย่ี วขอ้ ง เพอ่ื เปน็ แนวทางในการสร้าง

แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบ Active Learning
- ดาเนินการสร้างแผนการจัดการเรียนรูแ้ บบ Active Learning สาหรบั การสอน การสอนทศั นศิลป์ ใน

เรื่อง ทศั นธาตุกับการจดั องค์ประกอบศลิ ป์ของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ จานวน 1 แผนการจดั การเรยี นรู้
- ตรวจสอบคุณภาพของแผนการสอนทัศนธาตกุ บั การจัดองค์ประกอบศลิ ป์

11

- ปรบั ปรงุ และแก้ไขแผนการสอน เรื่องทัศนธาตุกบั การจัดองคป์ ระกอบศิลป์ ตามคาแนะนาของ
ผู้เช่ียวชาญ เพอื่ ให้ไดแ้ ผนการสอน แบบ Active Learning ทม่ี คี ณุ ภาพ

2) ขั้นนาไปใช้
- นาแผนการจัดการเรียนรู้ Active Learning ไปใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนกบั นักเรยี นชั้น
มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ทเ่ี ป็นกลมุ่ เป้าหมาย
แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน

1) ขน้ั สร้าง
- - ศึกษาหลักสตู รการศึกษาขนั พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ค่มู อื ประเมนิ ผลการ
เรียน ชันมัธยมศกึ ษาปีที1 เพื่อใหท้ ราบ หลักการ จุดมุ่งหมาย โครงสร้าง เน้ือหา ตวั ชี้วดั แนวทางจดั กิจกรรม
การเรยี นร้กู ารวดั ผล และประเมนิ ผล
- ศกึ ษาเอกสารเกย่ี วกับแบบวัดความสามารถทางการอา่ นรวมท้ังศกึ ษาวธิ ีการ สรา้ งแบบทดสอบ และวธิ ี
เขียนข้อสอบในแบบปรนัย เพอ่ื ใช้เปน็ แนวทางการสร้างแบบวัดวามสามารถทางความรู้เรือ่ งทัศนธาตกุ บั การจดั
องค์ประกอบศลิ ป์
- แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์การเรยี น ใช้ประเมินผลการเรียนรขู้ องผู้เรยี นหลงั จากเรยี นตามแผนการ
จดั การเรียนรู้ Active Learning จบแลว้
- วเิ คราะห์เน้ือหาและจุดประสงค์ในการเรียนรู้ ใช้สาหรบั กลุม่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที1
ทงั้ จากหลักสูตรการเรียนและแผนการจดั การเรยี นรู้ทีได้ จัดทาขนึ้ เพื่อกาหนดข้อสอบให้ไดต้ ามจานวนทต่ี ้องการ
- สร้างแบบทดสอบวดั ความสามารถทางความรู้ตามจดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรมให้เป็นแบบปรนยั ตัว
เลอื กตอบ ชนดิ 4 ตัวเลือก
- ประเมินความสอดคล้องของแบบทดสอบ โดยนาแบบทดสอบวดั ความสามารถ ทีสรา้ งขนึ้ เสนอต่อ
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสอนศิลปะ ช่วยพจิ ารณาตรวจสอบคุณภาพ ดา้ นความเทียงตรงเชิงเนื้อหา และ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
- จดั พิมพ์เพื่อเตรยี มทดสอบกับนักเรียนทีเ่ ป็นกลมุ่ เป้าหมาย

2) ขั้นพัฒนา
ผวู้ ิจัยตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนท่ีสร้างข้ึนโดยนาไปให้

อาจารย์กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะในโรงเรียนกาแพงวิทยา จังหวัดสตูล ตรวจสอบความเที่ยงตรง ยากง่ายของ
แบบทดสอบ สามารถนาไปใช้ทดลองได้

4. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
การเกบ็ รวบรวมข้อมลู การวิจยั ครง้ั น้ีผู้วจิ ัยไดด้ าเนินการตามขั้นตอนต่อไปน้ี
1. ผู้วจิ ัยทาการทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) นกั เรียน จานวน 10 ข้อ
2. ดาเนนิ การสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการ Active Learning เรอื่ ง ทัศนธาตุ

กบั นักเรยี น สปั ดาหล์ ะ2 ชัว่ โมง
3. เมื่อนักเรียนทาแบบฝึกกจิ กรรมสร้างสรรคง์ านทศั นธาตุ เรื่อง ทัศนธาตุ 1 กิจกรรมแลว้ จากนน้ั ให้

นกั เรียนทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนจานวน 10 ขอ้ หลัง เรียน (Post-test) โดยแบบทดสอบหลัง
เรยี นเปน็ ชุดเดยี วกันกับแบบทดสอบก่อนเรียน

4. เมอื่ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบทดสอบเรียบร้อยแลว้ ผู้วิจยั ไดน้ าข้อมลู ไปวเิ คราะหผ์ ล ตอ่ ไป

12

5. การวเิ คราะหข์ ้อมลู
ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู วจิ ยั ผู้วจิ ัยใชส้ ถิติวเิ คราะหข์ ้อมูลดว้ ยสถติ เิ ชงิ พรรณนา คือ

1. ร้อยละ (Percentage) เป็นคา่ สถติ ิท่นี ยิ มใช้กันมาก โดยเปน็ การเปรียบเทียบความถ่ี หรือจานวนที่
ตอ้ งการกบั ความถห่ี รือจานวนทงั้ หมดทเ่ี ทยี บเปน็ 100 จะหาคา่ ร้อยละจากสตู รต่อไปนี้

p  f  100
N

เมื่อ P แทน คา่ ร้อยละ
f แทน จานวนนักเรยี นทไ่ี ด้คะแนนสอบ
N แทน จานวนนกั เรียนทง้ั หมด

คา่ ร้อยละจะแสดงความหมายของค่าและสามารถนาคา่ ท่ไี ด้ไปเปรียบเทยี บได้ และผูว้ ิจัยนาเสนอผล
การวิเคราะห์ขอ้ มูลด้วยตารางประกอบคาบรรยาย

13

บทท่ี 4
ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล

การวจิ ยั ครัง้ นมี้ ีวัตถุประสงค์เพื่อศกึ ษาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน เร่ือง ทัศนธาตุกบั การจัด
องคป์ ระกอบศิลป์ในการเรียนวิชาศิลปะของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1/11 โรงเรียนกาแพงวิทยาโดยจัด
กิจกรรมการเรยี นรผู้ ่านกระบวนการ Active Learning ซ่ึงได้ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล ดังนี้
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนก่อนนามาวิเคราะห์ข้อมูล สถิติที่ใช้ในการ
วิเคราะห์ขอ้ มูล ไดแ้ ก่ สถติ เิ ชงิ บรรยาย ผูว้ จิ ัยได้จาแนกนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู เปน็ 2 ตอน ดงั นี้

ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์คะแนนสอบความรูค้ วามเขา้ ใจวิชาทัศนศลิ ป์ ของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1
ตอนท่ี 2 ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนสอบก่อนและหลังเรียนของนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปที ่ี 1
ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์คะแนนสอบพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ความรู้ความเข้าใจวิชาทัศนศิลป์ ของ
นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1

การวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 มีวัตถุประสงค์ เพื่อบรรยายคะแนนสอบความรู้ความเข้าใจวิชาทัศนศิลป์
ของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 สถิตทิ ใ่ี ชว้ เิ คราะหข์ อ้ มลู ไดแ้ ก่ คา่ รอ้ ยละ (Percentage) ดังตารางที่ 4.1
ตารางท่ี 4.1 ตารางผลการวิเคราะหค์ ะแนนสอบพฒั นาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ความร้คู วามเข้าใจวิชาทัศนศิลป์
ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1

คะแนน ชว่ งคะแนน จานวนนกั เรียน คา่ รอ้ ยละ
กอ่ นเรยี น ไมผ่ ่าน (0-5) 20 55.56
ผา่ น (6-10) 16 44.44
หลงั เรียน ไม่ผา่ น (0-5) 0 0.00
ผา่ น (6-10) 36 100
รวม 36 100

ผลการวิเคราะห์คะแนนสอบก่อนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ท่ีได้ รับการสอน
โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning พบว่า คะแนนสอบก่อนเรียนท่ีนักเรียนสอบได้
คะแนน (0-5)คะแนน จานวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 55.56 และที่สอบได้คะแนน (6-10) คะแนน จานวน 16
คน คิดเปน็ ร้อยละ 44.44

สาหรับผลการวเิ คราะห์ คะแนนสอบหลังเรยี นของนักเรยี นกลุ่มทดลอง พบว่า นักเรียนท่ีสอบได้คะแนน
(0-5) คะแนน จานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 00.00 และที่สอบได้คะแนน (6-10) คะแนน จานวน 36 คน คิด
เปน็ ร้อยละ 100.00
ตอนท่ี 2 ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนสอบก่อนและหลงั เรียนของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปี
ท่ี 1

การวิเคราะห์ข้อมูลตอนที่ 2 มีวัตถุประสงค์ เพ่ือเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนสอบก่อน
และหลงั เรียนความรู้ความเข้าใจวิชาทัศนศิลป์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 สถิติท่ใี ช้วิเคราะหข์ ้อมูล ได้แก่
ค่ารอ้ ยละ (Percentage)

14

ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ผ่านกระบวนการ Active Learning มีคะแนนสอบก่อนเรียนที่ได้คะแนนสอบ (6-10) คะแนน จานวน 16 คน
คิดเป็นร้อยละ 44.44 เมื่อพิจารณาคะแนนสอบหลังเรียน พบว่า ที่ได้คะแนนสอบ (6-10) คะแนน จานวน 36
คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนท่ีนักเรียนสอบได้คะแนน (6-10)
คะแนน ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลังการสอนโดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ
Active Learning ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 มีผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนสงู กว่าก่อนเรยี น

15

บทที่ 5
สรปุ ผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ

การวิจยั เร่อื งนีม้ ีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือ (1) เพ่ือศึกษาผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นรู้รายวิชาทศั นศิลป์ ของนักเรยี น
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 โรงเรยี นกาแพงวิทยา ก่อนและหลงั การสอนโดยจดั กิจกรรมการเรยี นรผู้ า่ นกระบวนการ
Active Learning ผู้วจิ ัยได้ออกแบบการทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังเรยี น มีตวั อย่างเป็นนกั เรยี นช้ัน
มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนกาแพงวิทยา อาเภอละงู จงั หวัดสตูล จานวน 1 ห้อง กลุ่มทดลอง คือ นักเรียนชน้ั
มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1/11 จานวน 36 คน ผูว้ ิจยั ไดท้ ดลองสอนโดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผา่ นกระบวนการ Active
Learning กับนักเรียนเปน็ เวลา 4 สปั ดาห์ มีการวเิ คราะหข์ ้อมูลดว้ ยสถิตเิ ชิงบรรยาย ไดแ้ ก่ ค่าร้อยละ โดยมี
สรุปผลวจิ ยั อภิปรายผล และข้อเสนอแนะในการวิจยั ดังต่อไปน้ี
สรุปผลการวิจัย

จากการดาเนินการสอนโดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning ท่ีมีต่อความรู้
ความเข้าใจวิชาทัศนศิลป์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใช้การสอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่าน
กระบวนการ Active Learning สามารถสรุปผลไดด้ งั นี้

1. นักเรียนท่ีได้รับการสอนแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning มีค่าร้อยละ
คะแนนสอบก่อนเรียนท่ีได้คะแนนสอบ (6-10) คะแนน คิดเป็นร้อยละ 44.44 ขณะที่มีค่าร้อยละคะแนนสอบ
หลงั เรยี นท่ีได้คะแนนสอบ (6-10) คะแนน คดิ เปน็ ร้อยละ 100

2. นักเรียนที่ได้รับการสอนแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning มีผลสมั ฤทธิ์
ทางการเรยี นสูงกวา่ กอ่ นเรยี น

อภปิ รายผล
ในการดาเนนิ การวิจัยผูว้ ิจยั ได้นาการสอนแบบจัดกิจกรรมการเรียนรผู้ า่ นกระบวนการ Active

Learning มาใช้พฒั นาผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นรู้วิชาทศั นศิลป์ ของนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 มกี ารออกแบบ
การทดลองแบบกลมุ่ เดียววดั ผลก่อนและหลังเรียน เพือ่ เปรยี บเทียบความเปลย่ี นแปลงท่เี กดิ ข้นึ ระหว่างก่อนและ
หลงั การทดลอง ผลการวิจัยในภาพรวม พบวา่ การสอนแบบจดั กจิ กรรมการเรยี นรผู้ ่านกระบวนการ Active
Learning สามารถพัฒนาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนด้านการเรียนรูแ้ ละทาใหผ้ ลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวิชาทศั นศิลป์
ของนักเรยี นสงู ขึน้ เม่ือเทียบกับคะแนนก่อนและหลงั การสอนแบบจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ
Active Learning นักเรยี นมีคะแนนสอบหลงั เรียนสงู กว่ากอ่ นเรยี น

จากผลการวิจยั ที่พบว่านักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ท่ไี ดร้ ับการสอนแบบจัดกิจกรรมการเรียนรผู้ ่าน
กระบวนการ Active Learning มคี ะแนนสอบหลังเรยี นสูงกวา่ คะแนนสอบก่อนเรียน ผลการวิจัยมคี วาม
สอดคลอ้ งกับวัตถปุ ระสงค์การวิจัยทผี่ ู้วิจัยกาหนดไวว้ ่าเพือ่ พัฒนาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนรรู้ ายวิชาทศั นศิลป์
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนกาแพงวิทยา การเรยี นการสอนแบบจัดกจิ กรรมการเรยี นรผู้ า่ น
กระบวนการ Active Learning ช่วยพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของผู้เรยี นให้สูงขนึ้ สอดคล้องกบั แนวคิดของ
นางสาวกิติยา จนิ ดารตั น์ (2563:บทคดั ย่อ) การพฒั นาความสามารถในการอ่านภาษาองั กฤษ โดยใช้วธิ ีการสอน
รูปแบบการเรียนเชงิ รกุ (Active learning) และความพงึ พอใจในการเรียนภาษาองั กฤษของของนกั เรยี นช้ัน
มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6/3 มีวัตถปุ ระสงค์ 1) เพ่ือเปรยี บเทยี บความสามารถในการอา่ นภาษาองั กฤษของนักเรียนก่อน
และหลังจาก ได้รบั วธิ กี ารสอนรปู แบบการเรียนเชิงรุก (Active learning) และ 2) เพ่ือเปรยี บเทยี บความพงึ พอใจ
ใน การเรยี นภาษาอังกฤษของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6/3 กอ่ นและหลังจากไดร้ ับวิธกี ารสอนรปู แบบการ
เรียนเชิงรุก (Active learning) กลมุ่ เป้าหมาย คือ นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6/3 ซง่ึ ผู้วิจยั ใช้การเลือกกลุ่ม

16

ตวั อย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) ใช้แผนการวจิ ยั แบบ The One Group Pretest- Posttest
Design เคร่อื งมือ ท่ีใชใ้ นการวจิ ยั คอื แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning จานวน 4 แผนการเรยี น
เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ ข้อมูล คือ แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น 30 ขอ้ และแบบประเมนิ ความพงึ
พอใจ ของนกั เรียนต่อการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบ Active Learning การวิเคราะห์ข้อมูลใชค้ ่าเฉล่ยี ความถี่
และ สถติ ิ ทดสอบที t-test ผลการวิจยั พบวา่ ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนกั เรยี นโดยใช้วธิ ีการ
สอนรูปแบบ การเรียนเชงิ รกุ (Active learning) ก่อนและหลงั การทดลอง แตกตา่ งกันอยา่ งมีนยั สาคัญทางสถติ ิที่
ระดับ .01 และความพงึ พอใจในการเรยี นภาษาองั กฤษของนกั เรียนโดยใช้วธิ ีการสอนรูปแบบการเรียน เชิงรกุ
(Active learning) กอ่ นและหลงั การทดลอง แตกต่างกันอย่างมีนยั สาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .01

ขอ้ เสนอแนะ
1. จากผลการวิจยั ท่พี บว่า การสอนแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning ช่วย

พฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้วชิ าทัศนศลิ ป์ ของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 สูงขึ้น ผู้สนใจสามารถนาวิธีการ
สอนประเภทนี้ไปใช้พัฒนาผูเ้ รียนได้

2. ในการวิจัยคร้ังน้ีเป็นการสอนแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านกระบวนการ Active Learning ใน
ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ทเี่ น้นการเรียนรดู้ ้านความรคู้ วามเข้าใจ ซึ่งครูผ้สู อนเลอื กกิจกรรมใหเ้ หมาะกับเนื้อหา
บทเรยี นและความสนใจของนักเรียน

3. การสอนแบบจดั กิจกรรมการเรียนรูผ้ ่านกระบวนการ Active Learning ในครงั้ นี้ครูเปน็ ผู้จดั
กจิ กรรมใหน้ ักเรยี น ควรมีการปรับปรงุ การสอนแบบกระบวนการกล่มุ ในครั้งต่อไปโดยให้นกั เรียนเป็นผู้จดั
กิจกรรม เพื่อสง่ เสริมทักษะการคดิ และการทางานรว่ มกันของนักเรยี น

17

บรรณานุกรม

นายสืบศักด์ิ ส่มุ อิม่ (2561) การพฒั นาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน วชิ าโภชนาการเบอื้ งต้น ของ
นักเรียน ระดบั ชัน้ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีท่ี1 แผนกวชิ าคหกรรมฐานวทิ ยาศาสตร์ สาขางานแปรรูป
อาหาร โดยใชร้ ปู แบบการจัดการเรียนรดู้ ว้ ยกระบวนการ Active Learning

นางสาวกติ ิยา จินดารตั น์ (2563) การพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการ
สอนรูปแบบการเรยี นเชงิ รุก (Active learning)

18

ภาคผนวก

19

ภาคผนวก ก

แผนการจัดการเรียนรู้

20

แผนการจัดการเรยี นรู้

วิชา ทศั นศิลป์ รหัสวิชา ศ 21101
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1

ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564

นางสาวยวุ ลี เฉลมิ
ครผู สู้ อน

โรงเรียนกาแพงวทิ ยา
อาเภอละงู จังหวดั สตลู
สงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา สงขลาสตลู

21

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 1 รายวชิ า ทัศนศลิ ป์
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 รหสั วิชา ศ 21101 ปกี ารศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง ทัศนธาตุ ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 10 ชัว่ โมง
ช่ือผสู้ อน นางสาวยุวลี เฉลิม

1. มาตรฐานการเรยี นรู้

ศ 1.1 การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจิตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์

คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ช่ืนชมและประยุกต์ใช้ใน

ชวี ติ ประจาวนั

ตัวชี้วดั

ศ1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกต่างและความคลา้ ยคลงึ กนั ของงานทัศนศิลป์ และ

สงิ่ แวดล้อมโดยใช้ความรเู้ ร่ืองทัศนธาตุ

2. สาระสาคัญ

- ทัศนธาตุ เป็นส่วนประกอบการมองเห็นหรือส่ิงที่เป็นปัจจัยการเห็นในงานทัศนศิลป์ จะมีปรากฏท้ังในงาน
ทัศนศิลป์และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถบรรยายความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของทัศนศิลป์และสิ่งแวดล้อม
โดยใช้ความรู้เร่ือง ทศั นธาตุ

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (K,P,A)
1. อธิบายความหมายของทศั นธาตุ ความแตกตา่ งและความคลา้ ยคลึงในงานทัศนศลิ ป์ และสงิ่ แวดลอ้ ม

(K)

2. สรา้ งสรรค์งานเส้นสรา้ งสรรค์โดยใชท้ ัศนธาตุ (P)

3. กระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรม(A)

3. สาระการเรยี นรู้

- ความแตกตา่ งและความคล้ายคลึงกัน ของทัศนธาตใุ นงานทศั นศิลป์ และสงิ่ แวดล้อม

4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

- ความสามารถในการคิด

- ความสามารถในการแก้ปัญหา

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

- มีวนิ ัย

- ใฝ่เรยี นรู้

22

6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
- เสน้ สรา้ งสรรค์

7.กิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้

ช่วั โมงท่ี 1-2 วิธีสอนแบบบรรยาย
1. ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน
นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1

1.1. ครูทักทายนักเรียนใหน้ กั เรียนดูภาพและชว่ ยกันวิเคราะห์ภาพดังกลา่ ววา่ ประกอบด้วยเส้น
อะไรบ้าง แตล่ ะภาพประกอบดว้ ยเสน้ อะไรบ้าง แตล่ ะภาพ เปน็ ลกั ษณะของเสน้ ชนิดใด

1.2. ครูซกั ถามเกยี่ วกบั ความรู้ทางดา้ นทศั นธาตุ และใหน้ กั เรียนบอกชว่ ยกันบอกความหมายของ
ทัศนธาตุ

1.3. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่องความหมายของทัศนธาตุ และองค์ประกอบต่างๆที่มองเห็นในภาพ
เพ่ือเช่ือมโยงความรู้เก่ียวกับการการเรียนการสอนเร่ืองความรู้เกี่ยวกับทัศนธาตุระหว่างการสอนครูมีการถาม
คาถามและใหน้ ักเรียนตอบเพื่อความเขา้ ใจของนักเรยี นเปน็ บางครั้ง

2. ขนั้ สอน
2.1 ครูใช้ Power point เรื่อง ทัศนธาตุ อธบิ ายความหมาย ความสาคัญของทัศนธาตุ องคป์ ระกอบ

ของทศั นธาตุ
2.2. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคิด
2.3. ครูแจกใบความรู้เร่อื งความรเู้ ก่ียวกบั ทัศนธาตุ และใบความรูเ้ รื่ององค์ประกอบของทัศนธาตุ

เพ่ือใหน้ ักเรยี นศึกษาเพมิ่ เติม
3. ขั้นสรุป
3.1.ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรู้เกี่ยวกับทัศนธาตุ

กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชั่วโมงที่ 3-4 วธิ สี อนแบบบรรยาย

1. ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรยี น
1.1. ครทู กั ทายนักเรียน และทบทวนบทเรยี นที่ได้เรียนมาในชว่ั โมงที่ 1-2
1.2 ครนู าภาพตัวอยา่ งใหน้ กั เรยี นดหู ลายๆ ภาพ แล้วใหน้ กั เรียนวิเคราะห์ความแตกตา่ งของภาพ

2. ขน้ั สอน
2.1. ครูใช้ Power point เรอ่ื ง ทศั นธาตุกับการจัดองประกอบศิลป์ ความแตกตา่ งและความ

คล้ายคลงึ กันของงานทัศนศลิ ป์ และสิ่งแวดลอ้ ม อธิบายให้ความรูแ้ ก่นักเรยี น
2.2 ครเู ช่ือมโยงความรเู้ กี่ยวกับการจัดองค์ประกอบศิลป์ ซ่ึงประกอบดว้ ย เอกภาพ ความสมดุล

จงั หวะและจดุ สนใจ ความกลมกลืนและความขัดแยง้ และสัดส่วน

23

2.3. นกั เรียนตอบคาถามกระตุน้ ความคดิ
2.4. ครูแจกใบความรเู้ รอื่ งทศั นธาตุกับการจัดองประกอบศลิ ป์ ความแตกตา่ งและความคลา้ ยคลงึ
กันของงานทัศนศิลป์ และส่งิ แวดล้อมเพื่อให้นักเรียนศึกษาเพ่มิ เติม

3. ขน้ั สรุป
3.1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรปุ เร่อื งการจดั องค์ประกอบศิลป์
3.2. ครแู จ้งอปุ กรณ์ที่ตอ้ งใชป้ ฏบิ ัติชน้ิ งานและแจ้งชือ่ ชน้ิ งานทีน่ กั เรียนต้องปฏิบัต(ิ เสน้ สรา้ งสรรค)์

กิจกรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงที่ 5-6 วธิ สี อนแบบบรรยาย และกระบวนการปฏิบตั ิ

1. ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1.1. ครูทักทายนักเรียน และทบทวนบทเรยี นที่ได้เรยี นมาในช่วั โมงที่ 3-4
1.2. ครนู าภาพวาดผลงานการสร้างสรรคโ์ ดยใชท้ ศั นธาตุมาเป็นแรงบนั ดาลใจมาให้นกั เรียนดู แล้วสมุ่

ถามนกั เรยี นเร่ือง ทัศนธาตุที่ปรากฏในงาน
2. ขน้ั สอน
2.1. ครูให้นกั เรยี นดคู ลปิ การออกแบบลายเสน้ จาก You Tube เพ่ือเป็นแรงบันดาลใจในการ

สรา้ งสรรคผ์ ลงาน
2.2. ครูช้ีแจงอธบิ ายขัน้ ตอนการปฏบิ ตั ิชิน้ งานใหน้ กั เรียนทราบ
2.3. ครใู หน้ กั เรยี นวาดภาพเสน้ สรา้ งสรรค์โดยใชท้ ัศนธาตุ และหลกั การจัดองคป์ ระกอบของทศั นธาตุ

3. ขนั้ สรปุ
3.1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปเร่อื ง ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ิชิน้ งานทศั นธาตุ ตรวจสอบความคบื หนา้

ของงาน

กิจกรรมการเรยี นรู้
ชว่ั โมงท่ี 7-8 วิธสี อนแบบกระบวนการปฏบิ ัติ

1. ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรียน
1.1. ครูสนทนากบั นักเรียน ถามตอบนักเรียนในเรื่องของขั้นตอนการปฏิบัตชิ ิ้นงานทัศนธาตุทไ่ี ดป้ ฏิบัติ

มาในช่ัวโมงที่ 5-6
2. ขน้ั สอน
2.1. นักเรียนปฏบิ ัติช้นิ งานเส้นสรา้ งสรรค์โดยใช้ทัศนธาตุ และหลักการจดั องค์ประกอบของทัศนธาตุ
3. ขัน้ สรุป
3.1. ครตู รวจสอบความคืบหนา้ ชน้ิ งานของนักเรยี น

24

ชวั่ โมงที่ 9-10 วิธีสอนแบบกระบวนการปฏบิ ตั ิ
กิจกรรมการเรียนรู้

1. ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรียน
1.1. ครสู นทนากบั นักเรยี น
1.2. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคิด

2. ข้ันสอน

2.1. นกั เรียนปฏบิ ัติช้นิ งานเสน้ สรรคต์ ่อจากที่ปฏิบตั ิในชั่วโมงที่ 7-8
2.2. เมื่อนักเรยี นทาผลงานเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้วให้นาสง่ ครู ครูคดั เลอื กผลงานบางช้ินเปน็ ตวั อย่าง แล้ว
ใหน้ กั เรยี นเจ้าของผลงานนาเสนอผลงานของตวั เอง
3. ขัน้ สรปุ
3.1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ เกยี่ วกับทัศนธาตแุ ละส่งิ แวดล้อม ซึ่งมีความสาคัญต่องานทัศนศิลป์
3.2. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1
8. สอ่ื การเรียนร้/ู แหล่งเรยี นรู้
- หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน ทัศนศิลป์

- ใบความรเู้ รอื่ งความรู้เก่ียวกบั ทศั นธาตุ (Power point)
- ใบความรู้เร่อื งเรอื่ งองคป์ ระกอบของทัศนธาตุ (Power point)
9. การวัดผลและการประเมินผลการเรยี นรู้

การประเมินผล(ดา้ น) วธิ กี ารวดั เครื่องมอื การวัด เกณฑ์การประเมิน
แบบทดสอบ รอ้ ยละ 80 ผ่านเกณฑ์
(จดุ ประสงค์การเรียนรู้)

1.อธิบายความหมายของทัศน ทดสอบก่อนเรยี น

ธาตุ ความแตกตา่ งและความ ทดสอบหลงั เรียน

คลา้ ยคลึงในงานทัศนศลิ ป์ และ

สิ่งแวดล้อม(K)

2. สร้างสรรคง์ านเส้น ปฏบิ ตั ชิ ิน้ งาน แบบประเมินผลงาน ร้อยละ 80 ผา่ นเกณฑ์

สร้างสรรค์โดยใชท้ ัศนธาตุ (P)

3. กระตอื รือร้นในการเขา้ รว่ ม ประเมนิ ผลการเข้า แบบสังเกตคุณลักษณะ การประเมินผลงาน
กจิ กรรม(A) รว่ มกิจกรรม
อนั พึงประสงค์ ผา่ นตั้งแต่ 2 รายการ

ถือวา่ ผ่าน

ผา่ น 1 รายการ ถอื ว่า

ไมผ่ ่าน

25

10. ความคิดเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้……………………………………………….…………………………………….
............................................................................................................................. ....................................................

................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ ( นางสาวอนุธิดา กลนิ่ พทิ ักษ์ )
11. ความคิดเห็นรองผู้อานวยการฝา่ ยบริหารวิชาการ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ

 องค์ประกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้.............................................................................
 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้สอดคลอ้ ง.......................................................
 สาระสาคัญครอบคลมุ ชดั เจน.............................................................................................
 สาระการเรยี นรมู้ คี วามถูกต้องตามหลักวิชาการ................................................................
 จุดประสงค์การเรียนรู้มีความชัดเจนครอบคลุม (K/P/A)...................................................
 สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน................................................................................................
 คุณลักษณะอนั พึงประสงค.์ ................................................................................................
 ระบุภาระงาน/ชิ้นงาน........................................................................................................
 กจิ กรรมการเรียนรู้เน้นผเู้ รียนเปน็ สาคญั ...........................................................................
 สอื่ และอปุ กรณ์การเรียนรู้.................................................................................................
 การวดั และการประเมินผลตามจุดประสงค์การเรียนรู้.......................................................
 เสนอสง่ แผนการจดั การเรยี นรตู้ ามขัน้ ตอนระบบงาน........................................................
 บนั ทึกหลงั สอน.................................................................................................................

ลงชื่อ
( นายอบั ดลรอศักดิ์ มณีโสะ๊ )

รองผ้อู านวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ

12. ความคิดเห็นผู้อานวยการโรงเรยี น
 อนุญาตใหใ้ ช้จัดการเรยี นการสอนได้
 ควรปรบั ปรุง คอื .
............................................................................................................................. ......................................
............................................................................................. ........................................................ .............

ลงชอ่ื
( นายสิรวุฒิ ยุน้ยุ )

ผ้อู านวยการโรงเรยี นกาแพงวทิ ยา

26

13. บันทกึ หลงั การจัดกิจกรรมการเรียนร้แู ผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 1

13.1 ผลการจดั การเรียนรู้(ตามจดุ ประสงค์)

บันทึกหลังการจดั การเรยี นรู้

1. ผลการจดั การเรียนรู้ (หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ห้อง ม.1/11 ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1)

1.1 ด้านความรู้ ผลการประเมนิ มีดังนี้

อธิบายความหมายของทศั นธาตุ ความแตกตา่ งและความคล้ายคลึงในงานทัศนศิลป์ และ

ส่งิ แวดล้อม(K) โดยการเรยี นในรูปแบบ On line สามารถสรา้ งผลงานเส้นสรา้ งสรรคไ์ ด้

1.1.1 คะแนนรวมจากการทาผลงาน หนว่ ยที่ 1 เรอื่ ง เสน้ สร้างสรรค์

มคี ะแนนเฉล่ียเทา่ กบั 100 คิดเป็นรอ้ ยละ 100

ผ่านเกณฑ์ จานวน 36 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100

ไมผ่ ่านเกณฑ์ จานวน 0 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0

1.2 ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ผลการประเมิน มีดงั น้ี

ผ่านเกณฑ์ จานวน 36 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100

ไมผ่ า่ นเกณฑ์ จานวน 0 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0

1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ผลการประเมนิ มดี งั น้ี

กระตือรอื รน้ ในการเขา้ ร่วมกิจกรรม(A)

- มีวินัย

- ใฝเ่ รยี นรู้

ผา่ นเกณฑ์ จานวน 36 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100

ไมผ่ ่านเกณฑ์ จานวน 0 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 0

1.4 ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ผลการประเมนิ มีดังน้ี

- ความสามารถในการคิด

ผ่านเกณฑ์ จานวน 36 คน คดิ เป็นร้อยละ 100

ไม่ผ่านเกณฑ์ จานวน 0 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0

13.2. แนวทางแกป้ ัญหานักเรียนท่ไี มผ่ า่ นตัวชว้ี ดั /ผลการเรียนรู้หรือจดุ ประสงค์

- ผลจากการจัดการเรียนรู้ห้อง ม.1/6 พบว่านักเรียนผ่าน ตัวช้ีวัด ศ1.1 ม.1/1 มีความ

กระตือรือร้นในการเข้ารว่ มกิจกรรม สามารถอธิบายความหมายของทัศนธาตุ ความแตกต่างและความคล้ายคลึง

ในงานทัศนศลิ ป์ และส่งิ แวดลอ้ มได้ และสร้างสรรคง์ านเส้นสรา้ งสรรคโ์ ดยใช้ทัศนธาตุได้

ในหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ตามแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 มนี กั เรียน จานวน 36 คน ที่มคี ะแนนหน่วยการเรียนรูท้ ่ี

1 เรือ่ ง ทศั นธาตุ ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมินทก่ี าหนดไว้ คอื 0 คน

ลงชอื่ ………………………………………
(นางสาวยุวลี เฉลิม)
ครผู สู้ อน

วนั ท.ี่ ............. เดอื น........................พ.ศ…………

27

ภาคผนวก ข

แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน กอ่ นเรียน-หลงั เรียน

28

แบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1

เรือ่ ง ทัศนธาตุ

คาช้ีแจง เขยี นเครอ่ื งหมาย × ลงในช่องว่างของตัวเลอื กที่ถูกท่ีสุด ลงในกระดาษคาตอบ

1. ส่วนประกอบท่ีสาคัญทีส่ ุดของทศั นธาตุ คืออะไร ข. สี
ก. เส้น ง. แสงเงา
ค. รปู ทรง

2. ข้อใดต่อไปน้ีไม่ใชอ่ งคป์ ระกอบของทศั นธาตุ ข. เสน้ สี แสงเงา
ก. รปู รา่ ง รปู ทรง พืน้ ผวิ ง. นา้ หนกั ทีว่ า่ ง
ค. ความสมดุล สัดสว่ น จดุ สนใจ

3. เสน้ ที่ใหค้ วามรู้สึกแข็งแรงม่ันคง คือข้อใด ข. เส้นตรงตามแนวนอน
ก. เสน้ ตรงตามแนวตัง้ ง. เสน้ ฟันปลา
ค. เส้นเอียงหรือเส้นทแยง

4. ขอ้ ใดคือลักษณะของรปู ทรงทถ่ี ูกต้อง ข. รปู ทรงมี 3 มิติ
ก. รูปทรงมี 2 มติ ิ ง. รปู ทรงไม่มีปรมิ าตร
ค. รปู ทรงไม่มีน้าหนกั

5. สีข้ันท่ี 1 หรอื แมส่ ี ได้แกส่ ีอะไรบ้าง ข. สเี หลอื ง สีน้าเงิน สมี ว่ ง
ก. สนี ้าเงิน สีเขยี ว สีแดง ง. สีแดง สเี หลือง สีนา้ เงิน
ค. สีแดง สีส้ม สีม่วง

6. สขี ัน้ ท่ี 2 เกิดจากแม่สี 2 สี ผสมกนั ในอัตราสว่ นเทา่ ไร ข. อัตราสว่ น 1 : 2
ก. อตั ราส่วน 1 : 1
ค. อัตราส่วน 1 : 3 ง. อัตราส่วน 1 : 4
7. สใี นข้อใด ให้ความรสู้ ึก “ใจเย็น สงา่ ฉลาด สุขุม”
ก. สมี ว่ ง ข. สสี ม้
ค. สีเทา ง. สนี ้าตาล
8. การจัดองค์ประกอบศิลปท์ ี่ต้องการให้เป็นอนั หนึ่งอันเดยี วกัน คอื ข้อใด
ก. จงั หวะและจดุ สนใจ ข. ความเป็นเอกภาพ
ค. ความสมดลุ ง. สดั ส่วน

29

9. ข้อใด คือ การจัดองคป์ ระกอบศิลป์
ก. การจดั บริเวณใหเ้ หมาะสม
ข. การนา แสง เงา สี จงั หวะ มาจดั ร่วมกัน
ค. การนาทัศนธาตุมาประกอบกันให้เกิดงานทศั นศลิ ป์
ง. การแยกสว่ นประกอบของทศั นธาตุออกใหช้ ดั เจน

10. สิง่ แวดลอ้ มกบั การสร้างสรรคง์ านทัศนศิลป์มคี วามสัมพันธ์กันอย่างไร
ก. สงิ่ แวดล้อมเปน็ สว่ นสาคัญในการสรา้ งความสุขให้กับมนุษย์
ข. สง่ิ แวดล้อมทาให้มนุษยเ์ รียนรู้การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ
ค. สง่ิ แวดล้อมทาให้มนษุ ย์มีการดารงชวี ติ มาแตโ่ บราณ
ง. สง่ิ แวดล้อมทาให้มนษุ ย์เกิดแรงบนั ดาลใจในการสรา้ งสรรคง์ านทศั นศลิ ป์

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรยี นรู้ที่ 1

1. ก 2. ค 3. ก 4. ข 5. ง
6. ก 7. ค 8. ข 9. ค 10. ง

30

แบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1

เร่ือง ทัศนธาตุ

คาชแ้ี จง เขยี นเครอื่ งหมาย × ลงในชอ่ งวา่ งของตวั เลอื กทีถ่ กู ท่ีสุด ลงในกระดาษคาตอบ

1. สิ่งแวดลอ้ มกับการสร้างสรรค์งานทศั นศลิ ปม์ คี วามสัมพันธก์ นั อย่างไร
ก. สงิ่ แวดล้อมเปน็ สว่ นสาคัญในการสรา้ งความสุขให้กับมนุษย์
ข. สง่ิ แวดล้อมทาให้มนษุ ยเ์ รียนรู้การเปลยี่ นแปลงของธรรมชาติ
ค. สิ่งแวดลอ้ มทาให้มนษุ ย์มีการดารงชวี ิตมาแตโ่ บราณ
ง. สิง่ แวดลอ้ มทาให้มนษุ ย์เกดิ แรงบันดาลใจในการสร้างสรรคง์ านทัศนศิลป์

2. การจดั องค์ประกอบศลิ ป์ท่ีตอ้ งการให้เปน็ อนั หน่ึงอนั เดียวกนั คอื ข้อใด
ก. จังหวะและจุดสนใจ ข. ความเป็นเอกภาพ
ค. ความสมดุล ง. สดั สว่ น

3. สใี นขอ้ ใด ให้ความรูส้ ึก “ใจเยน็ สง่า ฉลาด สขุ มุ ” ข. สสี ้ม
ก. สีม่วง ง. สนี า้ ตาล
ค. สเี ทา

4. สีขั้นที่ 2 เกิดจากแม่สี 2 สี ผสมกนั ในอตั ราส่วนเทา่ ไร ข. อัตราสว่ น 1 : 2
ก. อตั ราส่วน 1 : 1
ค. อตั ราสว่ น 1 : 3 ง. อัตราสว่ น 1 : 4

5. ข้ันที่ 1 หรอื แมส่ ี ได้แก่สีอะไรบ้าง ข. สเี หลือง สนี ้าเงิน สมี ว่ ง
ก. สีนา้ เงิน สีเขียว สแี ดง ง. สแี ดง สเี หลือง สีน้าเงิน
ค. สแี ดง สีส้ม สมี ว่ ง

6. ขอ้ ใดคือลกั ษณะของรูปทรงทถ่ี กู ต้อง ข. รปู ทรงมี 3 มิติ
ก. รูปทรงมี 2 มติ ิ ง. รูปทรงไม่มปี รมิ าตร
ค. รูปทรงไม่มีน้าหนกั

7. เสน้ ทีใ่ หค้ วามรู้สึกแขง็ แรงมัน่ คง คือข้อใด ข. เสน้ ตรงตามแนวนอน
ก. เส้นตรงตามแนวตัง้ ง. เสน้ ฟนั ปลา
ค. เสน้ เอียงหรือเส้นทแยง

31

8. สว่ นประกอบท่สี าคญั ท่สี ดุ ของทัศนธาตุ คืออะไร ข. สี
ก. เส้น ง. แสงเงา
ค. รูปทรง

9. ขอ้ ใด คือ การจัดองค์ประกอบศลิ ป์
ก. การจดั บรเิ วณให้เหมาะสม
ข. การนา แสง เงา สี จงั หวะ มาจัดร่วมกัน
ค. การนาทศั นธาตุมาประกอบกันใหเ้ กิดงานทศั นศิลป์
ง. การแยกส่วนประกอบของทศั นธาตอุ อกให้ชัดเจน

10. ข้อใดต่อไปนี้ไมใ่ ช่องคป์ ระกอบของทัศนธาตุ ข. เสน้ สี แสงเงา
ก. รูปรา่ ง รูปทรง พ้ืนผวิ ง. น้าหนัก ที่ว่าง
ค. ความสมดุล สัดสว่ น จดุ สนใจ

เฉลยแบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1

1. ง 2. ข 3. ค 4. ก 5. ง
6. ข 7. ก 8. ก 9. ค 10. ค


Click to View FlipBook Version