รายงานวิจัยในชัน้ เรยี น
การใช้ชดุ ฝกึ ทกั ษะ เรื่อง การผสมสโี ปสเตอรแ์ ละการวาดภาพบุคคลิกลกั ษณะตวั ละครของ
นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เพ่ือพฒั นาผลการเรียนรู้รายวิชาทัศนศลิ ป์พื้นฐาน
ของนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2
นางสาวศภุ านนั รตั นสงิ ห์
ตำแหนง่ ครู
ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
กลุม่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ
โรงเรยี นกำแพงวิทยา อำเภอละงู จังหวดั สตลู
สำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตลู
ชอื่ เรอื่ ง การใชช้ ดุ ฝึกทักษะเร่ือง การผสมสโี ปสเตอร์และการวาดภาพบุคคลิกลกั ษณะตวั ละครของ
นกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 โดยใช้ชดุ กจิ กรรมของนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/2 โรงเรยี นกำแพงวทิ ยา
ผวู้ จิ ัย ศภุ านนั รตั นสงิ ห์
กลุม่ สาระฯ ศิลปะ
ปีการศึกษา 2564
บทคดั ยอ่
ในปัจจบุ ันจะพบไดว้ ่าเด็กส่วนใหญข่ าดทักษะการวาดภาพ เด็กทวี่ าดเก่งกจ็ ะมีการพฒั นาฝีมอื ไปเร่ือยๆ
เข้าหาครู ซกั ถามครู ส่วนเดก็ ท่ีขาดทักษะฝีมือการวาดภาพทำไดแ้ ค่ไหนกท็ ำแค่น้นั ไม่กล้าเขา้ หาครู ทั้งในเรือ่ ง
ปัญหาจำนวนนักเรยี นเยอะครูดูแลได้ไม่ทว่ั ถงึ เด็กเรียนอ่อนขาดทกั ษะในการวาดภาพระบายสมี จี ำนวนมาก กวา่
เดก็ ทวี่ าดรปู เก่ง การขาดความต้งั ใจเอาใจใส่ต่อชินงานที่ได้รับมอบหมาย
จากการใชช้ ุดฝกึ ทักษะในการวาดภาพสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 นกั เรียนมีพัฒนาการในการวาดเส้น
ลงสโี ปสเตอร์ ไดด้ ีขึ้นเร่ือย ๆ เหน็ ได้จากคะแนนพฒั นาการดา้ นทักษะการวาดทงั้ ก่อนและหลงั จากการจัดกจิ กรรม
เพื่อวัดทักษะด้านการวาดเสน้ ใชส้ ีโปสเตอร์ท่ีถกู ต้อง
โดยผูว้ จิ ัยได้จัดทำผลคะแนนพัฒนาการดา้ นการวาดเส้น ลงสี แสดงการเปรียบเทยี บความแตกต่างระหวา่ งคะแนน
เฉลยี่ ทต่ี ่างกนั คือ 24.16 แสดงให้เห็นว่าหลงั การจดั กิจกรรมนักเรยี นมีการพฒั นาทักษะด้านการวาดเสน้ ลงสี
โปสเตอรส์ ูงขน้ึ
สารบญั
หนา้
บทคดั ยอ่ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ก
สารบัญ………………………………………………………………………………………………………………………………............ ข
สารบัญตาราง…………………………………………………………………………………………………………………………….... ค
บทท่ี 1 บทนำ…………………………………………………………………………………………………………………................ 1
ความเป็นมาและความสำคญั ของปัญหา…………….………………………………………………………………… 1
วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั …………………………………..……………………………………………………………..... 1
สมมติฐานของงานวจิ ัย………………………………………..………………………………………….………………… 1
ขอบเขตของการวิจยั …………………………………………………………………………………………………………. 1
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วขอ้ ง……………………………………............................................................ 3
เอกสารเกย่ี วกับแบบฝกึ ทักษะ…………………………………………………………………………………………… 3
งานวจิ ัยทีเ่ กีย่ วข้อง…………………………………………………………………………………………………………… 4
บทที่ 3 วิธดี ำเนินการวจิ ัย………………………………………………………………………………..…………………………… 5
กล่มุ เปา้ หมาย……………………………………………………………………………….………………………………….. 5
ประชากรและกล่มุ ตัวอย่าง………………………………………………………………..……………………………….. 5
ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการวจิ ยั ……………………………………………………………………………………………………. 5
เครือ่ งมือที่ใช้ในการวิจยั ……………………………………………………………………………………………….……. 5
.การดำเนินการวจิ ยั …………………………………………………………………………………..………………………. 5
บทท่ี 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล………………………………………………………………………………………………………. 6
ผลการวจิ ยั และอภปิ รายข้อมลู ……………………………………………………………………………………………….. 6
บทที่ 5 สรุปผลการวิจัยและข้อเสนอแนะ……………………………………………………………………………………. 8
สรุปผลการวิจัย……………………………………………………………………….………………………………………… 8
ขอ้ เสนอแนะ………………………………………………….…………………………………………………………………. 9
บรรณานุกรม………………………………………………………………………………………………………………………………. 10
ภาคผนวก..................................................................................................................................................... 11
บทที่ 1
บทนำ
ความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหา
ในปจั จุบนั การเรยี นการสอนวิชาศิลปะน้ัน โดยแทบท่วั ไปคนสว่ นใหญม่ ักมองไมเ่ ห็นคุณค่ามองขา้ ม
อาจารย์ วินยั โสมดี ( 2547 ,หนา้ 2,12 ) ได้กล่าวถึงศลิ ปะว่าคนท่วั ไปมักมองขา้ มหรือเข้าใจเก่ียวกับศลิ ปะใน
แง่มมุ ของสุนทรีภาพเปน็ หลกั เป็นงานสรา้ งสรรคท์ ี่ตอบสนองอารมณ์ความรูส้ กึ ของมนุษย์ แล้วถา่ ยทอดออกมาให้
ประจกั ษ์ อารมณ์ ความรสู้ กึ เหลา่ น้ันมีทัง้ ความงาม ความประทับใจสิง่ เหล่าน้ีถือเปน็ อาหารใจของมนษุ ย์ ไม่
เพยี งแต่มนุษย์ผู้สรา้ งสรรค์ผลงานนนั้ ข้ึนมา แตย่ ังรวมถึงมนุษย์ท่ีไดช้ น่ื ชมผลงานนน้ั ดว้ ย ดงั นั้นจงึ มผี นู้ ำศิลปะไป
ประยุกต์ใชใ้ นรปู แบบต่างๆมากมายตัวอย่างเชน่ ในทางการแพทย์ การบำบัดเร่ืองสมาธิของเด็ก การใช้
ชวี ติ ประจำวันนบั ต้งั แตล่ ืมตาตื่น การศกึ ษาในยุคปัจจุบนั มักจะมองความสำคญั ไปท่วี ิชาการเปน็ หลกั เดก็ นักเรียน
ตอ้ งเรียนหนักเอนเอยี งไปทางด้านวิชาการ สว่ นเด็กที่ชอบไปทางศิลปะมักถกู มองไม่ค่อยสำคญั ท้งั ท่วี ชิ าหลกั การ
และความสามารถทางศิลปะต่างต้องใชท้ ักษะความสามารถเหมือนกนั
การทำวิจัยในครั้งนีผ้ ู้วิจยั ได้ปฏบิ ัติการเรียนการสอนวชิ าศิลปะ ในฐานะครูผสู้ อน ระดับชั้น มัธยมศึกษาปี
ที่ 3 โรงเรียนกำแพงวิทยา พบวา่ นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2/2 ยงั ขาดทกั ษะความร้คู วามเขา้ ใจเร่ือง การผสมสี
โดยดูจากการที่นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานการวาดภาพระบายสี แสดงให้เห็นว่านักเรียนไม่สามารถที่จะผสมสีให้
ออกมาตามความต้องการได้ ซึ่งปัญหาน้ีถอื ได้ว่าเปน็ ปัญหาด้านทักษะข้ันพื้นฐานของนักเรียนใน การผสมสี ถ้ายงั
ไม่สามารถแกไ้ ขปัญหานี้ได้ก็จะยิ่งทำ ใหน้ ักเรยี นไมส่ ามารถพฒั นาทักษะ อื่นๆ ได้ จากปญั หานี้ยังสง่ ผลให้นักเรียน
มที ศั นคตทิ างลบต่อการเรียนวิชา ทศั นศลิ ป์
วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัย
1. เพ่อื ศึกษาพฤติกรรมการผสมสโี ปสเตอรแ์ ละการวาดภาพบคุ ลกิ ลักษณะตวั ละคร ของนกั เรยี นชั้น
มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/2
2. เพ่อื พัฒนาทกั ษะการผสมสีโปสเตอร์และการวาดภาพบคุ ลิกลกั ษณะตวั ละคร โดยใชแ้ บบฝกึ การหดั วาด การ
สอนเทคนิคการผสมสีของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2/2
สมมติฐานของงานวจิ ัย
-
ขอบเขตของการวิจัย
ประชากร
ประชากรท่ีใชใ้ นการวจิ ัย ได้แก่ นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2/2 และนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี
2/5 โรงเรยี นกำแพงวทิ ยา อำเภอละงู จังหวดั สตูล ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
กล่มุ ตวั อยา่ ง
กลุ่มตวั อย่างท่ใี ช้ในการวจิ ัย นกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2/2 จำนวน 10 คน นกั เรียนชั้น รวม
ท้งั สิน้ จำนวน 10 ราย การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง
เน้ือหาที่ใชใ้ นการวจิ ยั
เน้ือหารายวิชาทศั นศิลป์พนื้ ฐาน เรื่อง การผสมสโี ปสเตอร์และการวาดภาพบคุ คลิกลกั ษณะตวั
ละคร
ระยะเวลาทใ่ี ช้
ดำเนินการทดลองในภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 1 สปั ดาห์ ๆ ละ 2 คาบ
รวม 2 คาบ ๆ ละ 50 นาที
ตวั แปรทีศ่ ึกษา
ตัวแปรตน้ คอื การจดั การเรยี นรู้โดยใช้ชุดกิจกรรม
ตัวแปรตาม คอื ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เรือ่ ง การผสมสีโปสเตอร์
ประโยชน์ท่ไี ด้รับ
1. นักเรยี นมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนในเร่อื ง การผสมสี
2. ครมู ีแนวทางในการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นโดยใช้ชดุ กิจกรรม
บทท่ี 2
เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี ก่ยี วข้อง
การใช้ชดุ ฝกึ ทกั ษะเร่ือง การผสมสีโปสเตอร์ในงานศลิ ปนิ ของนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โดยใช้ชุด
กิจกรรมของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2/2 ผ้วู จิ ยั ได้ศกึ ษาคน้ คว้าเอกสารและงานวจิ ัยตา่ งๆ ดงั นี้
1. ชุดกิจกรรมการสอน
2. ผลงานวจิ ัยที่เกย่ี วข้องกับการผสมสี
1.ชดุ กจิ กรรมการสอน
1.1 ความหมายของชดุ กจิ กรรม
ชดุ กิจกรรม เป็นสิ่งที่มีความสำคญั ทางการศึกษาอยา่ งหนึ่งท่ีมีชื่อเรียกตา่ งๆกนั ไมว่ ่าจะเป็น ชดุ การสอน
ชุดการเรยี น หรอื ชุดการเรยี นสำเร็จรูป เป็นส่ือการสอนที่สามารถช่วยแก้ปัญหาความแตกตา่ งระหวา่ งผเู้ รียนหรือ
ระหวา่ งบุคคล และสง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นได้เรยี นรู้เต็มความสามารถ ในการวจิ ยั คร้ังน้ีมนี ักการศึกษาหลายทา่ นได้คำ
จำกดั ความซึ่งมีความสอดคล้องกันดังนี้
สุวิทย์ มูลคำ และ อรทยั มลู คำ(สวุ ทิ ย์ มลู คำ และ อรทยั มลู คำ,2545: 51) ได้ให้ความหมายของชดุ
กจิ กรรมไว้วา่ ชุดกจิ กรรม หมายถงึ สอ่ื การสอนชนิดหนึ่งทเี่ ป็นลักษณะของสื่อประสม และเป็นการใชส้ ่ือตง้ั แตส่ อง
ชนิดข้นึ ไปรว่ มกัน เพอ่ื ให้นกั เรียนได้รับความต้องการ โดยอาจจัดขน้ึ สำหรับหนว่ ยการเรยี นตามหวั ขอ้ เร่ืองและ
ประสบการณ์ของแตล่ ะหน่วยทต่ี ้องการให้นักเรียน ได้เรียนรู้อาจจัดไวเ้ ปน็ ชดุ ในกล่อง ซองกระเป๋า ชดุ กิจกรรม
อาจประกอบด้วยเนือ้ หาสาระ คำสง่ั ใบงาน ในการทำกจิ กรรม วัสดอุ ปุ กรณ์ เอกสาร ความรูเ้ ครอื่ งมือ หรือสอื่
จำเปน็ สำหรบั กิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งแบบวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
วาสนา ชาวหา (วาสนา ชาวหา. 2525: 138) ไดใ้ หค้ วามหมายของชุดกิจกรรมไว้ว่า ชดุ การสอนหรือชดุ
กิจกรรมหมายถงึ การใช้สื่อประสม เพ่ือสร้างประสบการณ์ในการเรยี นรู้อย่างกวา้ งขวางและเป็นไปตามจดุ หมาย
สื่อการเรียนการสอนบางชนิดไม่สามารถบรรจไุ ว้ในซองหรอื กล่องได้ เนื่องจากเป็นส่งิ มีชีวิต แตกหักเสยี หายง่าย ก็
จะ
กำหนดรายช่ือไว้ในคมู่ ือการใชช้ ดุ การสอนเทา่ น้ันส่วนสือ่ ชิ้นนัน้ จะถูกจดั ไวใ้ นห้องปฏิบตั ิการ
กู๊ด )Good. 1973: 306) ได้ใหค้ วามหมายของชุดกจิ กรรมไว้ว่า เป็นโปรแกรมการสอนทุกอย่างทจ่ี ดั ไว้
เฉพาะท้ังอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรยี นการสอน เน้ือหา คมู่ ือครู แบบฝึกหัดมีการกำหนดจดุ ประสงค์ของการเรยี นอย่าง
ครบถว้ น ชดุ การสอนน้นั นักเรียนจะได้ศึกษาด้วยตนเอง โดยครูเปน็ ผู้จัดใหแ้ ละเป็นผูแ้ นะนำเทา่ นัน้
1.2 หลักในการสร้างชดุ กจิ กรรม
หลกั การในการสรา้ งชุดชดุ กิจกรรม มผี ูเ้ สนอไวห้ ลายทา่ น ดังน้ี
บราวน์ Brown1973 .:2522 .อา้ งในไชยยศ เรืองสวุ รรณ 503: )199ได้ เสนอหลกั การในการสรา้ ง
ชุดการสอนไว้ ประการ ดังน้2ี ประการท่ี หลักการเกย่ี วกบั ส่ือประสม ชุดการสอน หมายถึง การใชส้ ่ือหลายอย่าง
อยา่ งมี ระบบ มาใช้เปน็ แนวทางการเรียนรู้ของกจิ กรรมการเรยี นทำให้ผู้เรยี นไดเ้ รียนรจู้ ากส่อื ประการที่ หลกั การ
วเิ คราะห์ระบบ ชดุ การสอนจัดทำโดยอาศยั วธิ วี เิ คราะหร์ ะบบ มกี ารทดลองสอน และปรับปรงุ แก้ไขจนเปน็ ที่
น่าเชื่อถอื ได้ จงึ นำออกมาใชเ้ ผยแพร่
เสาวนยี ์ สกิ ขาบณั ฑิต เสาวนีย์ สิกขาบัณฑติ (,2528: )292ไดเ้ สนอหลักการสร้างชุดการสอนไว้
ดังนี้
1. ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Differencesนักการศึกษาได้นำหลักการ )
จิตวิทยาด้านความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลมาใช้ เพราะถอื ว่าการสอนน้นั ไม่สามารถปัน้ ผเู้ รยี นใหเ้ ป็นพิมพเ์ ดียวกัน
ไดใ้ นชว่ งเวลาทเ่ี ทา่ กัน เพราะผู้เรียนแต่ละคนจะเรยี นรตู้ ามวถิ ีทางของตนเอง และใชเ้ วลาในแตล่ ะเรื่องแตกต่างกัน
ไป ซ่งึ เป็นความแตกตา่ งด้านสติปัญญา (Intelligence( ความสามารถ )Ability( ความต้องการ )Needความสนใจ )
(Interest )ร่างกาย (Physical ( อารมณ์ )Emotion ( และสงั คม )Socialดว้ ยเหตุผลของความแตกต่างดงั กล่าว )
ผสู้ ร้างชุดการสอนจงึ ได้พยายามหาวธิ ีการทเ่ี หมาะสมทส่ี ดุ เพื่อทำใหผ้ ู้เรยี นบรรลุผลสำเรจ็ ตามวัตถุประสงคท์ ว่ี าง
ไวใ้ นชดุ การสอนนัน้ ๆ ซ่ึงวิธีทีเ่ หมาะสมที่สุดคือ การจัดการสอนรายบคุ คล หรือจัดการสอนตามเอกัตภาพ หรือ
การศกึ ษาดว้ ยตนเอง ซึ่งลว้ นเปน็ วธิ ีการสอนที่ใหผ้ เู้ รียนมีอิสระในการเรียนตามความแตกต่างของแตล่ ะคน
2.การนำส่ือประสมมาใช้ (Multi-Media Approachเป็นการนำสื่อการเรยี นการสอน หลาย )
ประเภทมาใช้อย่างมรี ะบบ ซึ่งเปน็ ความพยายามเพือ่ เปล่ียนแปลงจากการสอนแบบเดิมท่ียึดครูเปน็ แหลง่ ให้ความรู้
หลักมาเปน็ การจดั ประสบการณใ์ หผ้ ู้เรียนเรียนโดยใชแ้ หลง่ ความรูจ้ ากสื่อต่างๆ
3.ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ (Learning Theoryทเ่ี ปดิ โอกาสให้ผู้เรียนเรยี นโดยการเข้ารว่ มกิจกร )รมการ
เรียนการสอนดว้ ยตนเอง
4.การใชว้ ธิ ีวิเคราะหร์ ะบบ (Systems Analysisโดยการจดั เนื้อหาวิชาใหส้ อดคล้องกับ )
สภาพแวดลอ้ มและวัยของผู้เรียน ทกุ สงิ่ ที่จดั ไว้ในชุดการสอนจะสรา้ งขึ้นอย่างมรี ะบบ มีการตรวจทุกขน้ั ตอน และ
รงุ จนมีประสิทธภิ าพอยใู่ นทุกอยา่ งจะตอ้ งสัมพนั ธก์ นั อยา่ งสอดคลอ้ ง มีการพฒั นาปรับปนเกณฑ์มาตรฐานท่เี ช่ือถือ
ไดจ้ งึ นำใช้
สรุปไดว้ ่า หลักการในการสร้างชุดการสอน ควรคำนึงถึงหลักจติ วทิ ยา หลักการเก่ียวกับส่ือประสม
การวเิ คราะห์ระบบ การเลือกใช้โสตทัศนปู กรณ์ท่ีเหมาะสม และการใชก้ ระบวนกลมุ่ เพ่ือพฒั นาทกั ษะทางสงั คม
ใหก้ บั ผ้เู รยี น
2.ผลงานวจิ ัยที่เก่ียวข้อง
ทฤษฎสี ี
สมเกียรติ ต้ังนโม (2552) ได้กลา่ วถงึ ทฤษฎีสีไว้วา่ ลักษณะของวัตถทุ ่ีกระทบต่อสายตาให้เหน็ เป็นสีมผี ลถึง
จติ วทิ ยาคือมอี ำนาจให้เกิดความเข้มของแสงท่ีอารมณ์และความรสู้ กึ ได้การท่ีไดเห้ น็ สีจากสายตา สายตาจะสง่
ความรู้สกึ ไปยังสมองทำใหเ้กิดความรู้สกึ ต่างๆ ตามอทิ ธพิ ลของสีเชน่ สดช่นื รอ้ น ตื่นเตน้ เศร้า สมี คี วามหมายอยา่ ง
มากเพราะศิลปนิ ใชส้ ีเปน็ สอ่ื สรา้ งความประทบั ใจในผลงานของศิลปะและสะท้อนความประทับใจน้ัน ใหบ้ ังเกดิ แก่
ผู้ดู มนษุ ยเก์ ีย่ วข้องกับสีต่างๆ อย่ตู ลอดเวลาเพราะทุกสิง่ ที่อยู่รอบตัวน้ันล้วนแต่มีสีสันแตกตา่ งกันมากมาย สเี ปน็
ส่ิงท่ีควรศึกษาเพ่ือประโยชน์กับตนเองและผสู้ รา้ งงานจติ รกรรม เพราะเร่ืองของสนี ั้นมีหลักวิชาเป็นวิทยาศาสตร์จงึ
ควรทำความเข้าใจวทิ ยาศาสตรข์ องสจี ะบรรลุผลสำเรจ็ ในงานมากขึ้น ถา้ ไดศกึ ษาเรื่องสีดีพอแล้วงานศลิ ปะก็จะ
ประสบความสมบูรณ์เปน็ อย่างยิ่ง
บทท่ี 3
วิธดี ำเนินการวิจัย
การใช้ชดุ ฝกึ ทกั ษะเรื่อง การผสมสีโปสเตอรแ์ ละการวาดภาพผลงานศลิ ปินของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่
3 ผวู้ จิ ยั ไดม้ ีวธิ ีการดำเนนิ การวจิ ยั ดังน้ี
1. กลุม่ เป้าหมาย
2. ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง
3. ระยะเวลาท่ใี ช้ในการวิจัย
4. เครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการวจิ ัย
5. การดำเนนิ การวจิ ัย
3.1 กลุ่มเป้าหมาย
นักเรยี นชนั มัธยมศึกษาปที ี่ 2/2 จำนวน 10 คน
3.2 ประชากรกลมุ่ ตัวอยา่ ง
ประชากร
ประชากรท่ใี ช้ในการวจิ ัย ได้แก่ นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรยี นกำแพงวทิ ยา อำเภอละ
งู จงั หวัดสตลู ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
กลุม่ ตัวอยา่ ง
กลุ่มตัวอย่างท่ีใชใ้ นการวจิ ยั ได้แก่ นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2/2 จำนวน 10 คน นกั เรียนชน้ั
รวมทั้งสิ้นจำนวน 10 ราย การส่มุ ตวั อย่างแบบเจาะจง
3.3 ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการวิจัย
ระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย 2 ชวั่ โมง ในคาบเรยี น จำนวน 2 สปั ดาห์ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564
3.4 เคร่ืองมือทใี่ ช้ในการวิจัย
แบบฝึกเพื่อการพัฒนาความสามารถด้านการสร้างงานศิลปะการผสมสีโปสเตอร์และการวาดภาพผลงาน
ตวั ละครอนิเมะ
3.5 การดำเนนิ การวิจยั
1 นักเรียนที่มคี วามสามารถพิเศษด้านศิลปะ โดยพิจารณาจากผลงานทีน่ ักเรยี นสรา้ งสรรค์ในชั่วโมงเรยี น
วชิ าทศั นศิลป์ จำนวน 1 ชน้ิ นกั เรียนทีม่ คี วามสนใจและเตม็ ใจในการทำกิจกรรม
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย : แบบฝึกเพื่อการพัฒนาความสามารถด้านการผสมสีโปสเตอร์และการวาด
ภาพผลงานศลิ ปนิ
3. ข้นั ตอนการปฏิบตั ติ อ่ ผ้เู รยี น
3.1 สร้างชุดกจิ กรรมในการปฏบิ ัติ
3.2 แจง้ ขนั้ ตอนการปฏิบัติต่อผเู้ รยี น ทำการฝึกระหวา่ งเวลา 11.50 – 13.30 น. ของทุกวันจันทร์
3.3 ผู้เรียนฝกึ การเขยี นภาพตามขน้ั ตอนโดยใช้เวลา 3 อาทติ ย์
3.5 ผเู้ รยี นจดั ทำผลงานสรุปของตนเอง 1 ช้ิน
บทที่ 4
ผลการวิจยั และอภปิ รายขอ้ มลู
แบบฝกึ ชดุ กจิ กรรมการผสมสี
ขั้นที่ 1 การผสมสจี นเกดิ ความชำนาญ
ขัน้ ท่ี 2 การร่างภาพผลงานตัวละครอะนิเมะ ขั้นท่ี 3 การลงสีผลงานตวั ละครอะนเิ มะ
ผลงานที่ได้
4.2 อภิปรายผล
นักเรียนท่ีได้รับการส่งเสริมศักยภาพความสามารถพิเศษด้านศิลปะการผสมสีดขี ึน้ และสร้างสรรค์ผลงาน
ศิลปะได้อย่างมีคณุ ภาพ
บทท่ี 5
สรุปผลการวจิ ยั และข้อเสนอแนะ
การวิจัยการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น เรื่อง การผสมสีโปสเตอร์และการวาดภาพผลงานศลิ ปนิ ของ
นกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนกำแพงวทิ ยา โดยใชแ้ บบฝึกชดุ กจิ กรรมเสรมิ ทักษะ ผูว้ ิจัยไดส้ รุปผลการวิจยั
อภิปรายผลและได้ให้ ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี
สรุปผลการวจิ ัย
วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจัย
เพ่ือส่งเสริมศักยภาพของผเู้ รยี นทมี่ คี วามสามารถพิเศษดา้ นศลิ ปะการผสมสีในงานศลิ ปะ
ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง
ประชากรทีใ่ ช้ในการวจิ ัย ไดแ้ ก่ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนกำแพงวทิ ยา อำเภอละงู
จงั หวดั สตลู ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
กล่มุ ตัวอย่างท่ใี ช้ในการวิจัย ไดแ้ ก่ นกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2/2 จำนวน 10 คน นักเรียนชัน้
รวมท้งั สิ้นจำนวน 10 ราย การสมุ่ ตัวอยา่ งแบบเจาะจง
เครือ่ งมอื ท่ีใชใ้ นการวิจัย
1. ชุดแบบฝกึ ทักษะการวาดภาพบคุ คลิกลกั ษณะตวั ละครลงสีโปสเตอร์ จำนวน 1 ชดุ ซง่ึ ประกอบดว้ ย
1.1 ชุดแบบฝกึ ทกั ษะการวาดภาพตัวละครอนิเมะ ให้นกั เรียนฝึกวาดเส้นโครงสรา้ งด้วยดินสอตามตัวอย่าง
1.2 ชดุ แบบฝกึ ทักษะการร่างภาพตัวละครอนเิ มะนกั เรียนปฏบิ ัติการร่างภาพท่กี ำหนด ใหถ้ ูกต้อง
1.3 ชุดแบบฝึกทกั ษะตัวอยา่ งการลงสีโปสเตอร์ ตัวละครอนิเมะใหน้ ักเรียนลงสโี ปสเตอร์ภาพตวั ละครอนิเมะตาม
ตัวอยา่ งให้สมบรู ณ์ท่สี ุด
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
1 นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านศิลปะ โดยพิจารณาจากผลงานทีน่ ักเรียนสร้างสรรค์ในชัว่ โมงเรยี น
วชิ าทัศนศิลป์ จำนวน 1 ช้ิน นักเรียนท่ีมีความสนใจและเตม็ ใจในการทำกิจกรรม
2. เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการวจิ ัย : แบบฝกึ เพือ่ การพัฒนาความสามารถดา้ นการผสมสี
3. ขั้นตอนการปฏิบตั ติ อ่ ผู้เรยี น
3.1 สร้างชดุ กจิ กรรมในการปฏบิ ตั ิ
3.2 แจ้งขั้นตอนการปฏิบัติต่อผู้เรียน ทำการฝึกระหว่างเวลา 10.10 – 11.50 น. ของทุกวัน
อังคาร
3.3 ผเู้ รยี นฝึกการเขียนภาพตามข้นั ตอนโดยใช้เวลา 3 อาทติ ย์
3.5 ผูเ้ รียนจัดทำผลงานสรปุ ของตนเอง 1 ชิ้น
ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู
นกั เรยี นทีไ่ ดร้ บั การสง่ เสริมศักยภาพความสามารถพิเศษด้านศิลปะการผสมสดี ขี ้นึ และ
สร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะได้อย่างมคี ณุ ภาพ
สรปุ ผลการวิจัย
นกั เรยี นทีม่ ีความสามารถพิเศษดา้ นศิลปะการผสมสีในงานศิลปะจากแบบฝึกชดุ กิจกรรมการผสม
สี มกี ารพฒั นาดา้ นทกั ษะในการวาดภาพ เทคนิคการใช้การใช้สโี ปสเตอร์ในการระบายสภี าพผลงานของตัวละครอ
นเิ มะ และมีการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการทำงานได้ดีขน้ึ นักเรียนที่ไดร้ ับคัดเลือกสามารถสร้างผลงานศิลปะวาด
ภาพด้วยเทคนคิ วธิ ีตา่ งๆ ได้ตามทีไ่ ดร้ ับการฝึกเขม้ จากแบบฝึกชดุ กจิ กรรม นักเรยี นตั้งใจในการฝึกมาตรงเวลา เมือ่
มปี ัญหากป็ รึกษาครู ครูต้องคอยชีแ้ นะใหน้ ักเรยี นอย่างใกล้ชิดเม่ือนักเรยี นเรียนร้เู ทคนคิ ตา่ งๆของการวาดภาพแลว้
ครจู ะฝึกฝนทางด้านทักษะการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน ความคดิ สร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา ในการฝกึ ฝนทกั ษะนี้
ต้องใชเ้ วลาเยอะพอสมควร และเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นได้ใช้ความคิดสรา้ งสรรค์ และความสามารถในการ
สรา้ งสรรค์ผลงานด้วยตนเองโดยครคู อยสงั เกตการฝึกอยูห่ ่างๆ ในการฝกึ จากการสงั เกตนักเรยี นสนุกกับการเรยี นรู้
มีความเต็มใจท่จี ะสร้างสรรค์ผลงาน สรรคห์ าความรูแ้ บบใหมๆ่ อยเู่ สมอ จากการประเมินผลงานศิลปะระหว่าง
กอ่ น-หลงั เข้ารับการฝึกฝน ผลงานหลงั การฝกึ สะท้องให้เห็นได้ว่านกั เรียนมรี ปู แบบการสร้างสรรค์งานศลิ ปะดขี ึน้
มีทกั ษะเพมิ่ ข้นึ ไม่ว่าจะเปน็ การออกแบบภาพ การจัดองค์ประกอบ การลงสี เทคนิคในการวาดภาพ การคดิ หวั ข้อ
เรือ่ งราวในการวาดภาพ การสอื่ ความหมายของภาพกลา้ คิดกลา้ แสดงออกมากขน้ึ สรปุ ได้วา่ นักเรยี นท่ีไดร้ ับการ
สง่ เสริมศักยภาพความสามารถพเิ ศษด้านศิลปะการวาดภาพมศี ักยภาพในการสร้างงานศิลปะดีขึน้ และสรา้ งสรรค์
ผลงานศิลปะได้อย่างมีคุณภาพ
ขอ้ เสนอแนะ
ปัญหาในการฝึกนักเรยี นไมค่ ่อยมีเวลาในการเรียนกิจกรรมไดเ้ ต็มที่ : เนื่องจากอยใู่ นสถานการณแพร่
ระบาดของเชอื้ ไวรัสโคโรนา่ 2019 เป็นวิชาทมี่ ี 2 คาบต่อสัปดาห์ และตอ้ งไปทำกิจกรรมอ่ืนๆ เวลาในการฝกึ ฝนจึง
จำกัดอยู่เพียง 1 คร้ัง ต่อ 1 สัปดาห์ถา้ มีการขยายเวลาในการฝกึ ให้มากข้ึนจะสามารถพัฒนาทักษะไดม้ ากข้นึ
บรรณานุกรม
บรรจงศกั ด์ิ พิมพ์ทอง. วาดเส้น = Delineation. กรุงเทพฯ : สำนกั พิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, 2550.
ลภาวนั บัวเทศ.วจิ ัยในชัน้ เรียน. สบื ค้นเมือ่ 19 ตุลาคม 2564
http://www.ska2.go.th/reis/data/research/25630220_205610_5801.pdf
สมเกยี รติ ตั้งนโม (2552) .รายงานวิจยั ฉบับสมบูรณ์.สืบค้นเมือ่ 19 ตลุ าคม 2564.
https://www.researchsystem.siam.edu/images/IT_Department/Monrudee/Animation_Obesity/05_
ch2.pdf