The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wichuda1345, 2022-03-29 00:57:18

ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบวัฏจักรสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) ร่วมกับการใช้ค าถาม ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง การแยกสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู จังหวัดสตูล

ครูกฤษณะ

46

ภาคผนวก ค

การตรวจสอบสมมตฐิ าน

- ผลคะแนนจากการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน

47

ผลคะแนนจากการทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน
ตารางที่ ค-2 คะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง การแยกสาร ทไ่ี ด้รับการจัดการเรยี นรู้
แบบวัฏจักรสบื เสาะหาความรู้ 7 ขนั้ (7E) ร่วมกับการใช้คาถามก่อนเรยี นและหลังเรียน
(คะแนนเต็ม 20 คะแนน)

คนท่ี กอ่ นเรียน หลังเรียน คนที่ ก่อนเรยี น หลงั เรียน
1 12 16 21 14 16
2 7 8 22 14 14
3 8 11 23 12 14
4 11 17 24 15 16
5 10 15 25 13 12
6 7 6 26 9 13
7 13 13 27 14 15
8 11 10 28 13 16
9 8 12 29 12 10
10 14 14 30 15 15
11 15 13 31 19 14
12 11 12 32 9 13
13 11 13 33 12 15
14 13 15 34 14 15
15 13 20 35 7 13
16 5 6 36 8 11
17 9 10 37 8 12
18 12 14 38 10 13
19 12 16 39 15 16
20 9 13
หมายเหตุ คะแนนเฉลย่ี ก่อนเรียนค่าเทา่ กับ 11.38

คะแนนเฉลยหลังเรียนค่าเท่ากบั 13.28

จากตารางท่ี ค-2 แสดงว่านกั เรยี นมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นหลังจากไดร้ ับการสอนโดยใช้การ
จดั การเรียนรู้แบบวัฏจกั รสบื เสาะหาความรู้ 7 ขนั้ (7E) ร่วมกบั การใชค้ าถาม

48

ภาคผนวก ง

เครือ่ งมือทใี่ ช้ในงานวิจยั

- แผนการจดั การเรียนรู้
- แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง การแยกสาร

49

แผนการจดั การเรียนรู้

(ตวั อยา่ ง)

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว22102 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 3
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรื่อง การแยกสาร (การระเหยแห้ง) เวลา 1 ชั่วโมง
ช่อื ครูผูส้ อน นายกฤษณะ ชูแสง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ

โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกิด
สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

ตัวชี้วดั
ว 2.1 ม.2/1 อธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกล่ันอย่างง่าย โครมาโท
กราฟแี บบกระดาษ การสกดั ด้วยตัวทาละลาย โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
ว 2.1 ม.2/2 แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลกึ การกลน่ั อยา่ งง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ
การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย

2. สาระสาคัญ
การแยกสารสามารถทาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับสมบัติของสาร เช่น การระเหยแห้ง เป็นวิธีการแยก

สารละลายซึ่งประกอบด้วยตัวละลายที่เป็นของแข็งในตัวทาละลายท่ีเป็นของเหลว โดยใช้ความร้อนระเหย
ตัวทาละลายออกไปจนหมดเหลอื แต่ตัวละลาย

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (K/P/A)
ด้านความรู้ (Knowledge)

1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายการแยกสารโดยการระเหยแหง้ ได้
2. นักเรียนสามารถยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้การระเหยแห้งในการแยกสาร
ในชีวิตประจาวนั ได้

50

ดา้ นกระบวนการ (Process)
1. นักเรียนมีทกั ษะกระบวนการสังเกต
2. นกั เรยี นมีทกั ษะกระบวนการตีความหมายข้อมูล และการลงข้อสรปุ

ด้านคุณลกั ษณะ (Attribute)
1. นกั เรยี นมีความตัง้ ใจและสนใจใฝ่รู้ในการศึกษา
2. นกั เรยี นมคี วามรับผดิ ชอบต่องานทไี่ ด้รบั มอบหมาย

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ความหมาย
การระเหย (Evaporation) หมายถึง การที่ของเหลวเปลี่ยนสถานะจากของเหลวกลายเป็นไออย่าง

ช้า ๆ โดยไมจ่ าเปน็ ต้องมอี ณุ หภูมิถงึ จดุ เดอื ด และเกดิ ขนึ้ เฉพาะผิวหน้าของของเหลวเท่านั้น
การระเหยแห้ง (Dry evaporating) เปน็ วธิ ีการแยกสารผสมโดยการให้ความรอ้ นแก่สารละลาย ถา้ ตัว

ทาละลายซ่ึงเป็นของเหลวท่ีมีจุดเดือดต่ากว่าตัวละลายระเหยเป็นไอออกไปจนหมด จะเหลือแค่ตัวละลายซ่ึง
เปน็ ของแขง็ ท่ีไมก่ ลายเป็นไอ

3.2 การนาวธิ ีการแยกสารโดยการระเหยแหง้ ไปใชป้ ระโยชน์
- การทานาเกลอื
- นา้ หวานท่ีมคี วามเข้มขน้ มากจะพบผลกึ นา้ ตาลทีก่ น้ ภาชนะ
- การสกัดสีจากดอกไมห้ รือใบไมด้ ว้ ยตวั ทาละลาย เม่ือนาไประเหยแหง้ จะได้ผงสีทนี่ าไปใชผ้ สมอาหาร
- ขงิ ผงสาเร็จรปู ทาไดโ้ ดยนาขิงไปสกดั ด้วยตวั ทาละลายแล้วระเหยแห้งตวั ทาละลายออก
- การทาน้าตาลมะพร้าว โดยนาน้าหวานจากช่อดอกมะพร้าวมาเคีย้ วจนแห้งจนไดเ้ ปน็ น้าตาลมะพร้าว

4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการคิด
4.2 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา

5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
5.1 มีวินยั ประพฤตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บขอ้ บังคบั ของครอบครวั โรงเรียน และสงั คม
5.2 ใฝ่เรียนรู้ ตั้งใจเพียรพยายามในการเรยี น และเข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้
5.3 อยู่อย่างพอเพยี ง มภี มู คิ ุม้ กนั ในตัวท่ดี ี ปรบั ตัวเพือ่ อยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสุข

6. ชิน้ งาน/ภาระงาน
6.1 คาถามท้ายกิจกรรม ตอนท่ี 1 การระเหยแหง้
6.2 แผนผังความคดิ เรื่อง การระเหยแห้ง

51

7. กจิ กรรมการเรียนรู้ : วิธสี อนแบบวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 7E
1. ข้นั ตรวจสอบความรู้เดมิ (Elicitation)
- ครูเช็คช่ือการเข้าเรียนของนักเรียน โดยหากนักเรียนเข้าเรียนตรงตามเวลานักเรียนจะมีสิทธิ์ได้รับ

คะแนนเชิงบวกจากการแสดงพฤติกรรมในชั้นเรียน เช่น ตอบคาถามท่ีครูถามได้ถูกต้อง ช่วยเหลือผู้อ่ืน ต้ังใจ
เรียน หากนักเรียนคนใดขาดเรียนหรือเข้าเรียนสาย จะไม่มีสิทธิ์ในการได้รับคะแนนเชิงบวกจากการแสดง
พฤติกรรมในชั้นเรียนในวันนั้น คะแนนจะถูกสะสมไว้ และสามารถนาคะแนนมาแลกเป็นรางวัลตามท่ีครูและ
นกั เรียนตกลงรว่ มกันได้เมือ่ หมดคาบเรียน

- ครูทบทวนเรื่องการแยกสารผสมทนี่ ักเรียนเรียนรูม้ าก่อนแล้วในระดับประถมศึกษา ได้แก่ การหยิบ
ออก การร่อน การกรอง การรินออก การต้ังท้ิงไว้ให้ตกตะกอน และการดึงดูดด้วยแม่เหล็ก แล้วกาหนด
สถานการณ์เพ่ือให้นกั เรียนเลอื กวธิ ีแยกสารใหเ้ หมาะสมท่ีสดุ โดยใช้สถานการณ์ดงั ต่อไปน้ี

1. เหรยี ญสบิ บาทกับเหรยี ญบาท (การหยิบออก)
2. กอ้ นกรวดกบั ทราย (การหยิบออก และ การรอ่ น)
3. นา้ มนั กับน้า (การรินออก)
4. แปง้ มนั กับน้า (การกรอง)
5. เศษเหล็กในถังขยะ (การดึงดูดดว้ ยแมเ่ หล็ก)
- ครูทบทวนเร่ืองสารละลาย (สารละลายจัดเป็นสารเนื้อเดียว ประกอบด้วยตัวละลายและ
ตัวทาละลาย มองเหน็ เป็นเนือ้ เดยี ว)

2. ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
- ครูใชภ้ าพนา้ ตาลและเกลอื กระตนุ้ ความสนใจผ้เู รียน และใช้คาถามกระตนุ้ ความสนใจผูเ้ รยี น ดงั นี้

1. นา้ ตาลทามาจากพืชชนดิ ใด (อ้อย)
2. น้าตาลได้มากจากอ้อย มีกลวิธกี ารทาอย่างไร (นาออ้ ยมาคัน้ ใหไ้ ด้น้า แลว้ นาน้าอ้อยไปแยก

เอาน้าออก)
3. เราจะแยกนา้ ออกจากน้าอ้อยได้อยา่ งไร (นาไปให้ความร้อนจนน้าระเหยออก)
- เช่ือมโยงเข้าสู่กิจกรรมที่ 6.1 แยกสารโดยการระเหยแห้งและการตกผลึกได้อย่างไร โดยกาหนด
คาถามให้นกั เรียน รว่ มกันพจิ ารณาว่าเราจะแยกองค์ประกอบในสารละลายจุนสีได้อยา่ งไร

3. ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration)
- ให้นักเรยี นอ่านชือ่ กิจกรรม จดุ ประสงค์ และวิธดี าเนินกิจกรรม และตรวจสอบความเข้าใจการอา่ น
โดยใช้ตัวอยา่ ง ดังตอ่ ไปน้ี

1. กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (แยกสารโดยการระเหยแห้งและการตกผลึกได้อย่างไร
ตอนที่ 1 เรอ่ื ง การระเหยแหง้ )
2. กจิ กรรมน้ีมีจดุ ประสงค์อะไร (สังเกตและอธบิ ายการแยกองค์ประกอบของสารละลายจุนสี
โดยการระเหยแหง้ )
3. วิธีดาเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (กิจกรรมนี้มี 2 ตอน ตอนท่ี 1 ให้ความร้อน
แก่สารละลายผ่านไอของน้าร้อนที่อยู่ในบีกเกอร์ จนกระท่ังสารละลายจุนสีในถ้วยกระเบ้ือง
แห้งหมด สังเกตและบันทึกผล ตอนท่ี 2 ให้ความร้อนแก่สารละลายจุนสอี ่ิมตัว แล้วเติมจุนสี

52

ลงไปอีก 5 ช้อนเบอร์สอง ตั้งไว้จนกระทั่งพบการเปล่ียนแปลง แล้วกรองแยกสารออกมา
สงั เกตและบันทึกผล)
4. นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมอะไรบ้าง (ตอนที่ 1 สังเกตการเปล่ียนแปลงของสารใน
ถ้วยกระเบ้ือง ตอนท่ี 2 สังเกตการเปล่ียนแปลงขณะที่เติมจุนสีในสารละลายอิ่มตัวแล้ว
ลดอุณหภมู )ิ
- ครูเปิดวิดีโอการทดลอง เร่ือง แยกสารโดยการระเหยแห้งและการตกผลึกได้อย่างไร ตอนที่ 1 เร่ือง
การระเหยแหง้ ใหน้ ักเรียนดู และตอบคาถามท้ายกจิ กรรม ตอนที่ 1

4. ขัน้ อธิบาย (Explanation)
- ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลของกิจกรรมโดยใช้คาถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพ่ือให้ได้
ข้อสรุปจากกิจกรรม ตอนท่ี 1 ว่า เมื่อให้ความร้อนแก่สารละลายจนุ สีจนสารละลายแห้ง จะเหลอื ของแข็งสีฟ้า
อ่อนท่ีก้นถ้วยกระเบ้ือง แสดงว่าความร้อนทาให้ตัวทาละลายคือน้าซ่ึงเป็นของเหลวระเหยเป็นไอออกไป
จนหมด เหลือแต่ตัวละลายคือจุนสีซึ่งเป็นของแข็งและไม่กลายเป็นไอ วิธีการแยกสารดังกล่าวเรี ยกว่า
การระเหยแห้ง (Dry evaporation)

5. ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
- ใหน้ ักเรยี นเรียนร้เู พมิ่ เติมเก่ียวกับการแยกสารด้วยวิธกี ารระเหยแห้ง โดยอา่ นเน้ือหาในหนังสือเรยี น
หน้า 81 ประกอบการอภิปราย เพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่าการระเหยแห้งเป็นการให้ความร้อนแก่สารละลาย
ให้ตัวทาละลาย ระเหยเป็นไอออกไปจนหมด เหลือแต่ตัวละลาย การแยกสารวิธีนี้อาจได้ของแข็งท่ีมีสาร
หลายชนิดปนกนั

- ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการนาความรู้ เรื่อง การแยกสารโดยการระเหยแห้งไปใช้
ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั

6. ขั้นประเมินผล (Evaluation)

- ตรวจคาตอบจากคาถามท้ายกจิ กรรม ตอนท่ี 1 การระเหยแหง้
- ตรวจแผนผงั ความคดิ เรื่อง การระเหยแห้ง
- การตอบคาถามและรว่ มกนั อภิปรายข้อมูล

7. ขั้นนาความรไู้ ปใช้ (Extension)
- การผลิตน้าตาลจากอ้อย ใช้วิธีการระเหยแห้งน้าอ้อย โดยนาน้าอ้อยไปเคี่ยวให้แห้งจนน้าระเหย
ออกไปหมด ก็จะไดข้ องแข็งทเี่ หลอื อยู่ ซง่ึ ก็คอื นา้ ตาล

8. สอื่ การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
ส่อื การสอน
1. PowerPoint เรอื่ ง การแยกสาร (การระเหยแหง้ )
2. หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เล่ม 2
แหล่งเรยี นรู้
1. อนิ เตอร์เน็ต

53

9. การวดั ผลและการประเมินผลการเรียนรู้

การประเมนิ ผล (ด้าน) วธิ ีการวัด เครือ่ งมอื การวดั เกณฑก์ ารประเมิน
(จุดประสงค์การเรยี นร้)ู

ด้านความรู้ (Knowledge)

1. นกั เรยี นสามารถ - ตรวจคาตอบจาก - แบบประเมนิ การตอบ

อธบิ ายการแยกสารโดย คาถามทา้ ยกิจกรรม คาถาม

การระเหยแหง้ ได้ ตอนท่ี 1 การระเหยแหง้

2. นักเรยี นสามารถ - ตรวจแผนผงั ความคดิ - แบบประเมนิ แผนผัง ระดับคุณภาพปานกลาง
ยกตวั อย่างการประยุกต์ ความคดิ ผา่ นเกณฑ์
ใชก้ ารระเหยแหง้ ในการ - การมีสว่ นรว่ มในการ
แยกสารในชวี ิต อภิปรายและตอบ - แบบสงั เกตการมสี ว่ น ระดบั คุณภาพปานกลาง
ประจาวันได้ คาถาม รว่ มในการอภิปรายและ ผา่ นเกณฑ์
ตอบคาถาม
ระดับคุณภาพปานกลาง
ด้านทกั ษะ (Process) ผา่ นเกณฑ์

1. นกั เรียนมีทักษะ - แบบประเมินทักษะ
กระบวนการสังเกต กระบวนการสงั เกต

2. นักเรยี นมีทักษะ การสังเกต - แบบประเมนิ ทักษะ
กระบวนการ กระบวนการ
ตีความหมายข้อมลู และ ตีความหมายข้อมลู
การลงข้อสรุป
และลงข้อสรุป

ดา้ นคณุ ลักษณะ (Attribute)

1. นกั เรยี นมคี วามต้ังใจ ประเมิน แบบประเมนิ
และสนใจใฝ่ร้ใู น คณุ ลกั ษณะ คุณลักษณะ
การศกึ ษา

2. นกั เรียนมคี วาม
รบั ผดิ ชอบต่องานที่ได้รบั
มอบหมาย

54

สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คุณภาพปานกลาง

1. ความสามารถในการ สาคัญของผูเ้ รยี น ผ่านเกณฑ์
คิด

2. ความสามารถในการ ประเมนิ สมรรถนะ
สอ่ื สาร สาคัญของผเู้ รยี น

3. ความสามารถในการ
แก้ปญั หา

55

56

57

58

ภาคผนวก

59

แบบประเมินการตอบคาถาม

คาชแ้ี จง ทาเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งระดบั คะแนนที่นักเรียนปฏิบตั ิดงั นี้
ระดบั 3 หมายถึง ดี
ระดับ 2 หมายถงึ ปานกลาง
ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรงุ

รายการประเมนิ / ความถกู ตอ้ ง ภาษาทใ่ี ช้ ความเป็น ความตรง รวม การประเมินผล
ระดบั คะแนน ของเนอื้ หา ระเบยี บ ต่อเวลา คะแนน
ท่ี 321 ผา่ น ไม่ หมาย
ช่อื -สกลุ 321 321 321 12 ผ่าน เหตุ

เกณฑ์การประเมิน
ระดับคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

10-12 ดี
7-9 ปานกลาง
5-6 พอใช้
ตา่ กวา่ 5 ปรับปรงุ

ลงช่ือ....................................................ผปู้ ระเมนิ
(……………………………………..)

วันท.่ี ............/................./.................

60

เกณฑก์ ารประเมนิ การตอบคาถาม

รายการประเมิน ระดับคะแนน (ระดับคณุ ภาพ)

3 (ด)ี 2 (ปานกลาง) 1 (พอใช้)

1. ความถกู ต้องของเน้ือหา เน้อื หาเปน็ ไปตามท่ี เน้ือเป็นไปตามท่ีกาหนด เนื้อหาเปน็ ไปตามท่ี
กาหนดมีรายละเอยี ด กาหนดมีรายละเอียด
มรี ายละเอยี ดครอบคลมุ
ครอบคลุมทุกส่วน สว่ นใหญ่ ครอบคลุมบางสว่ น

2. ภาษาที่ใช้ ไมม่ ีการสะกดคาผิด การสะกดคาผิดไมเ่ กิน 2 แหง่ การสะกดคาผิด 3 แห่ง

3. ความเป็นระเบยี บ งานมีความเปน็ ระเบียบ งานส่วนใหญ่มคี วามเป็น งานส่วนใหญไ่ ม่เป็น
แสดงออกถึง ระเบียบและมีข้อบกพร่อง
ความประณตี ระเบยี บแตย่ ังมีข้อบกพร่อง
เลก็ น้อย

4. ความตรงตอ่ เวลา ส่งชนิ้ งานภายในเวลาที่ สง่ ช้นิ งานชา้ กว่า ส่งชนิ้ งานช้ากว่า
กาหนด กาหนด 1 วัน กาหนด 2 วนั

61

แบบประเมนิ ผังความคดิ

คาชแี้ จง ทาเคร่อื งหมาย √ ลงในช่องระดบั คะแนนที่นักเรยี นปฏิบตั ดิ ังนี้
ระดบั 3 หมายถงึ ดี
ระดบั 2 หมายถึง ปานกลาง
ระดบั 1 หมายถึง ปรับปรุง

รายการประเมิน/ ความ ความถกู ต้อง ความคิด ความตรง รวม การประเมนิ ผล หมาย
ระดบั คะแนน สอดคล้องกบั ของเนือ้ หา สรา้ งสรรค์ ต่อเวลา คะแนน เหตุ
จุดประสงค์
ท่ี 321 12
ชือ่ -สกลุ 321321321 ผ่าน ไม่
ผา่ น

เกณฑก์ ารประเมนิ
ระดับคะแนน ระดับคุณภาพ

10-12 ดี
7-9 ปานกลาง
5-6 พอใช้
ต่ากวา่ 5 ปรับปรุง

ลงชือ่ ....................................................ผ้ปู ระเมิน
(……………………………………..)

วนั ที่............./................./.................

62

เกณฑ์การประเมนิ แผนผังความคดิ

รายการประเมนิ ระดับคะแนน (ระดบั คณุ ภาพ)

3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (พอใช้)

1. ความสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ
จดุ ประสงค์ จุดประสงคท์ ุกประเด็น จดุ ประสงค์เป็นส่วนใหญ่ จดุ ประสงค์บางประเด็น
2. ความถูกต้องของเน้ือหา
3. ความคิดสร้างสรรค์ เนอื้ หาสาระของผลงาน เน้อื หาสาระของผลงาน เนอื้ หาสาระของผลงาน
ถูกต้องครบถ้วน ถูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ถกู ต้องบางประเดน็
4. ความตรงต่อเวลา ผลงานแสดงถึงความคิด ผลงานแสดงถึงความคิด
สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ แต่ยัง ผลงานมีความน่าสนใจ แต่
และเป็นระบบ ไม่เปน็ ระบบ ยงั ไมม่ ีแนวคดิ แปลกใหม่
สง่ ชนิ้ งานภายในเวลาที่ ส่งชนิ้ งานชา้ กว่าเวลาที่
กาหนด กาหนด 1 วัน ส่งชิ้นงานชา้ กวา่ เวลาท่ี
กาหนด 2 วัน

63

แบบสังเกตการมีสว่ นร่วมในการอภิปรายแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามในชน้ั เรยี น

คาช้แี จง ทาเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งระดับคะแนนพฤติกรรมทนี่ กั เรยี นปฏบิ ัติดงั น้ี
ระดบั 3 หมายถงึ แสดงพฤตกิ รรมใหเ้ หน็ มาก
ระดับ 2 หมายถึง แสดงพฤติกรรมให้เหน็ ปานกลาง
ระดับ 1 หมายถึง แสดงพฤติกรรมใหเ้ หน็ นอ้ ย

ที่ รายการประเมนิ / สนใจและ ตอบคาถาม ตอบคาถาม รวม การประเมินผล หมาย
ระดับคะแนน ตง้ั ใจฟงั ไดต้ รง อย่าง คะแนน ผา่ น ไมผ่ ่าน เหตุ
คาถาม ประเดน็
สม่าเสมอ

ช่ือ-สกลุ 321321321 9

เกณฑก์ ารประเมนิ
ระดบั คะแนน ระดับคณุ ภาพ

8-9 ดี
6-7 ปานกลาง
4-5 พอใช้
ตา่ กว่า 4 ปรบั ปรุง

ลงช่อื ....................................................ผู้ประเมิน
(……………………………………..)

วันท.ี่ ............/................./.................

64

แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

คาชี้แจง ทาเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งระดับคะแนนพฤติกรรมท่ีนักเรยี นปฏบิ ตั ิดังน้ี
ระดับ 3 หมายถงึ ดี
ระดบั 2 หมายถึง ปานกลาง
ระดบั 1 หมายถงึ ปรับปรุง

รายการประเมนิ / ทกั ษะการ ทักษะ การตคี วาม หมาย รวม การประเมนิ ผล
ระดบั คะแนน สงั เกต ข้อมลู และ ลงขอ้ สรปุ คะแนน
ท่ี หมายเหตุ
ชื่อ-สกลุ
3 2 1 3 2 1 9 ผ่าน ไม่ผ่าน

เกณฑก์ ารประเมิน
ระดับคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

5-6 ดี
3-4 ปานกลาง
2 พอใช้
ตา่ กวา่ 2 ปรับปรงุ

ลงชื่อ....................................................ผู้ประเมิน
(……………………………………..)

วนั ที่............./................./.................

65

เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

รายการประเมนิ ระดบั คะแนน (ระดบั คณุ ภาพ)

3 (ด)ี 2 (ปานกลาง) 1 (พอใช้)

1. ทักษะการสงั เกต ใช้ประสาทสมั ผัสอยา่ งใด ใช้ประสาทสัมผสั อยา่ งใด ใชป้ ระสาทสัมผสั อยา่ งใด

อย่างหนึ่งหรือหลายอยา่ ง อย่างหนง่ึ หรอื หลายอย่าง อย่างหน่งึ หรือหลายอย่าง

รวมกนั เพื่อสมั ผัสโดยตรง รวมกันเพื่อสัมผสั โดยตรง รวมกนั เพื่อสมั ผัส โดยตรง
กับวตั ถแุ ละบันทึกการ กบั วตั ถแุ ละ บนั ทึกการ กบั วตั ถแุ ละ บนั ทึกการ
สังเกตโดยไม่ใสค่ วาม สังเกต โดยไมใ่ ส่ความ สังเกตโดย ไม่ใส่ความ
คดิ เหน็ สว่ นตวั ของผ้สู ังเกต คดิ เห็นสว่ นตวั ของผู้ สงั เกต คิดเหน็ สว่ นตัวของผู้
ลงไปในสงิ่ ที่ สังเกตได้ขอ้ มลู สงั เกต ลงไปในสง่ิ ทีส่ ังเกต
ลงไปในส่งิ ทีส่ งั เกตได้ ถูกต้องเปน็ สว่ นใหญ่
ขอ้ มลู ถูกต้องครบถว้ น ได้ ขอ้ มลู ถูกตอ้ ง บางส่วน

2. ทกั ษะการตีความหมาย แปลความหมาย ถูกต้อง แปลความหมาย ถูกต้อง แต่ แปลความหมาย ถกู ต้อง

ข้อมูล และลงข้อสรปุ และ สรปุ ผลสอดคล้อง สรปุ ผล ไมส่ อดคล้องกับ เปน็ บางสว่ น แต่สรปุ ผลไม่
กบั ข้อมูล ข้อมลู สอดคลอ้ งกับข้อมูล

66

แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์

ผู้ประเมนิ  นกั เรียน  เพอ่ื น  ครู

คาช้ีแจง ให้ผู้ประเมนิ สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนและทาเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดบั คุณภาพ

โดยประเมนิ ตามเกณฑป์ ระเมินดงั นี้

4 หมายถงึ ดมี าก 3 หมายถงึ ดี

2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถงึ ปรับปรงุ

ที่ ชอ่ื -สกุล มีวนิ ัย รายการประเมนิ อยู่อย่างพอเพียง รวม
32 ใฝเ่ รียนรู้ 4321 คะแนน
4 1
4321

เกณฑ์การประเมิน
ระดับคะแนน ระดบั คุณภาพ

16-20 ดี
11-15 ปานกลาง
6-10 พอใช้
1-5 ปรบั ปรุง

ลงชอ่ื ....................................................ผู้ประเมนิ
(……………………………………..)

วนั ท่.ี ............/................./.................

67

เกณฑ์การประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

รายการ ระดับคะแนน (ระดบั คุณภาพ)

ประเมนิ 4 (ดี) 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรงุ )

1. มีวินยั มีความรับผิดชอบต่อ มีความรับผิดชอบต่อ มีความรบั ผิดชอบต่อ มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อ
หนา้ ท่ี ทางานเปน็ หน้าท่ี ส่งงานตรงเวลา หนา้ ท่ี สง่ งานช้า หนา้ ทนี่ อ้ ย และส่งงาน
ระเบยี บ สะอาด และ ไม่ตรงเวลา
สง่ งานตรงตอ่ เวลา

2. ใฝเ่ รียนรู้ เขา้ เรียนตรงเวลา ต้ังใจ เข้าเรียนตรงเวลา ตงั้ ใจ เขา้ เรียนตรงเวลา ตง้ั ใจ ไมต่ งั้ ใจเรยี น และไม่

เรยี น และมสี ่วนร่วมใน เรยี น และมีสว่ นรว่ มใน เรียน และมสี ่วนร่วมใน สนใจศกึ ษาคน้ คว้าหา

การเรียนรู้ และเข้ารว่ ม การเรยี นรู้ และเข้ารว่ ม การเรยี นรู้ และเข้ารว่ ม ความร้เู ปน็ คร้ังคราว

กิจกรรมการเรียนรูต้ า่ ง กิจกรรมการเรียนรตู้ ่าง กจิ กรรมการเรยี นรู้ต่าง

ๆ ท้ังภายในและ ๆ บ่อยคร้ัง ๆ เปน็ บางคร้งั

ภายนอกหอ้ งเรยี นเปน็

ประจา

3. อยอู่ ย่าง ใชค้ วามรู้ ข้อมลู ใช้ความรู้ ข้อมลู ใชค้ วามรู้ ขอ้ มูล ไม่วางแผนการเรียน
พอเพียง และการใช้
ข่าวสารในการวาง ข่าวสารในการวาง ข่าวสาร ในการวาง
แผนการเรยี นการ แผนการเรยี นการ แผนการเรยี น ชวี ิตประจาวัน
ทางานและใช้ในชีวติ ทางาน และใชใ้ นชีวติ
ประจา วัน ยอมรับการ การทางานและใช้
ประจาวนั ยอมรับ การ เปลยี่ นแปลงของ
เปลย่ี นแปลงของ ในชีวติ ประจาวัน

ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม ครอบครัว ชมุ ชน รับรกู้ ารเปลี่ยน แปลง
สภาพ แวดล้อม และ ของครอบครวั ชุมชน
ปรับตวั อยู่ รว่ ม กับ สงั คมและ
และภาพแวดล้อม
ผอู้ นื่ ได้อยา่ งมี สภาพแวดล้อม

68

แบบประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น

คาชี้แจง ทาเคร่ืองหมาย √ ลงในช่องระดบั คะแนนสมรรถนะของนกั เรยี นดังน้ี
ระดับ 3 หมายถงึ ดี (พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัตชิ ดั เจน)
ระดบั 2 หมายถึง ปานกลาง (พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัติชัดเจนและบอ่ ยคร้งั )
ระดับ 1 หมายถงึ พอใช้ (พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตเิ ปน็ บางครั้ง)
ระดบั 0 หมายถึง ปรับปรุง (ไม่เคยปฏบิ ตั ิพฤตกิ รรม)

ที่ ชื่อ-สกลุ ความสามารถใน ความสามารถ ความสามารถใน สรปุ ผล
การคิด ในการสอ่ื สาร การแก้ปัญหา การประเมิน

3 2 1 0 3 2 1 0 3210

เกณฑก์ ารประเมิน
ระดับคะแนน ระดับคณุ ภาพ

8-9 ดี
6-7 ปานกลาง
4-5 พอใช้
ตา่ กวา่ 4 ปรบั ปรงุ

ลงชื่อ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
(……………………………………..)
วันท.ี่ ............/................./.................

69

เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

รายการประเมนิ ระดบั คะแนน (ระดบั คุณภาพ)

3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (พอใช้) 0 (ปรับปรุง)
คิดริเร่มิ สร้างสรรค์สิ่ง
1. ความสามารถ คิดรเิ ริม่ สรา้ งสรรคส์ ิ่ง คดิ ริเรมิ่ สร้างสรรค์สงิ่ คิดริเรมิ่ สร้างสรรค์ส่งิ แปลกใหม่ในทางบวก
ในการคดิ แปลกใหมใ่ นทางบวก แปลกใหมใ่ นทางบวก แปลกใหม่ได้ ไมไ่ ด้ หรอื ประยุกต์
ทใ่ี ช้หรอื นาไป ท่ใี ช้หรอื นาไป นาไปใชไ้ มไ่ ด้
ประยุกต์ใช้ เพอ่ื
ประโยชนต์ ่อตนเอง ประยุกต์ใช้ เพ่อื พดู ถ่ายทอดความรู้
และสังคมได้ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง ความเขา้ ใจจากสารที่
หรอื สงั คมได้ อ่าน ฟัง หรือดู ตามท่ี
กาหนดไมไ่ ด้
2. ความสามารถ พดู ถา่ ยทอดความรู้ พูดถ่ายทอดความรู้ พดู ถา่ ยทอดความรู้
ในการสือ่ สาร ความเข้าใจจากสารท่ี
ความเขา้ ใจจากสารท่ี ความเขา้ ใจจากสาร ที่ อา่ น ฟงั หรือดู ตามที่
อา่ น ฟงั หรือดู ตามท่ี อา่ น ฟงั หรือดู ตามที่
กาหนดได้อย่างถกู ต้อง กาหนดได้อยา่ งถูกต้อง กาหนดได้ไมช่ ัดเจน
ครบถว้ น ชดั เจน และ ครบถ้วน ชดั เจน
มน่ั ใจ

3. ความสามารถ มกี ารวางแผนในการ มกี ารวางแผนในการ มีการวางแผนในการ ไม่มีการวางแผนในการ
ในการแก้ปัญหา แก้ปัญหาโดยใช้ข้อมูล แกป้ ัญหา
แกป้ ัญหาโดยใชข้ ้อมลู แก้ปญั หาโดยใช้ข้อมลู และรายละเอยี ด

และรายละเอียด และรายละเอยี ด ประกอบการวางแผน

ประกอบการวางแผนมี ประกอบการวางแผน
ขน้ั ตอนของแผนงาน และมีขั้นตอนของ
อย่างชัดเจน และมี แผนงาน

ข้อมลู เพียงพอ

70

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2

กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว22102 รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ 3
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 เร่อื ง การแยกสาร (การตกผลึก) เวลา 3 ชว่ั โมง
ช่ือครูผสู้ อน นายกฤษณะ ชูแสง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ

โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลยี่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิด
สารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี

ตวั ชี้วดั
ว 2.1 ม.2/1 อธิบายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโท
กราฟแี บบกระดาษ การสกดั ดว้ ยตัวทาละลาย โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์
ว 2.1 ม.2/2 แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลน่ั อยา่ งง่าย โครมาโทกราฟแี บบกระดาษ
การสกัดดว้ ยตวั ทาละลาย

2. สาระสาคัญ
การแยกสารสามารถทาได้หลายวธิ ีขน้ึ อยู่กบั สมบตั ิของสาร เชน่ การตกผลึกเปน็ การแยกสารละลายที่

ประกอบด้วยตัวละลายท่ีเป็นของแข็งในตัวทาละลายที่เป็นของเหลว โดยทาให้เป็นสารละลายอ่ิมตัว
แล้วปล่อยให้ตวั ทาละลายระเหยออกไปบางสว่ น ตวั ละลายจึงตกผลกึ แยกออกมา เช่น การผลติ นา้ ตาลทราย

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (K/P/A)
ดา้ นความรู้ (Knowledge)

1. นกั เรียนสามารถอธิบายการแยกสารโดยการตกผลกึ ได้
2. นักเรียนสามารถยกตัวอยา่ งการประยุกต์ใชก้ ารตกผลึกในการแยกสารในชวี ิตประจาวนั ได้
ดา้ นกระบวนการ (Process)
1. นักเรยี นมีทกั ษะกระบวนการสงั เกต
2. นกั เรียนมีทักษะกระบวนการตคี วามหมายข้อมลู และการลงข้อสรุป

71

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (Attribute)
1. นักเรยี นมคี วามต้งั ใจและสนใจใฝ่รใู้ นการศึกษา
2. นกั เรยี นมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ งานท่ีได้รับมอบหมาย

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ความหมาย
การตกผลึก (Crystallization) คือ ปรากฏการณ์ที่ของแข็งซึ่งเป็นตัวละลายแยกออกจากสารละลาย

อม่ิ ตัวเม่ือสารละลายอ่ิมตัวมีอณุ หภูมิลดลง ถ้าสารละลายอิม่ ตัวเย็นตัวลงอยา่ งรวดเร็ว ผลึกที่ได้จะมีขนาดเล็ก
แต่ถ้าสารละลายอ่ิมตัวเย็นตัวลงอย่างช้า ๆ ผลึกที่ได้จะมีขนาดใหญ่ โดยสารท่ีได้ยังคงเป็นสารชนิดเดิม แต่มี
การจัดเรียงอนภุ าคใหมท่ เ่ี ป็นระเบยี บ มลี กั ษณะเป็นรูปทรงเรขาคณติ ที่แนน่ อนเฉพาะตัว เรียกว่า ผลึก ซ่ึงผลึก
ที่ไดจ้ ะมรี ูปทรงทแี่ ตกตา่ งกนั ข้นึ อยู่กบั ชนดิ ของสาร

วิธีการตกผลึกท่ีนิยมใช้ในปัจจุบัน คือ การตกผลึกในสารละลายด้วยตัวทาละลายท่ีเหมาะสม ตัวทา
ละลายท่ใี ช้ในการตกผลกึ ควรมีสมบัตดิ ังนี้

- ละลายวารที่ตอ้ งการตกผลกึ ไดด้ ใี นขณะที่รอ้ น
- จดุ เดือดของตัวทาละลายไมส่ งู มาก
- ต้องมจี ดุ เดือดต่ากว่าจุดเดอื ดของสารท่ตี ้องการตกผลึก
- ควรใหผ้ ลกึ ทม่ี รี ูปทรงชดั เจน
- ติดไฟได้ยาก
- มีราคาถกู

3.2 ขน้ั ตอนในการตกผลกึ
1. เลือกตัวทาละลายที่เหมาะสม
2. บดสารทตี่ ้องการตกผลกึ ใหล้ ะเอียด และใส่สารลงในภาชนะท่ีมีตวั ทาละลาย
3. ละลายสารในตวั ทาละลายจนกระทั่งเลยจุดอิ่มตวั
4. ให้ความรอ้ นจนสาร (ของแขง็ ) ละลายหมด
5. กรองสารละลายในขณะที่สารละลายยังรอ้ นอยู่
6. ปลอ่ ยใหอ้ ุณหภมู ิของสารละลายลดลงอย่างชา้ ๆ (ตวั ละลายจะค่อย ๆ แยกออกจากสารละลาย
เน่ืองจากสภาพละลายได้ของสารลดลง)
7. ผลึกท่ีไดค้ รัง้ แรกอาจไม่บริสทุ ธเิ์ พยี งพอ ตอ้ งตกผลกึ ใหม่อกี คร้ังเพื่อใหม้ ีความบริสุทธิ์เพมิ่ ขนึ้

3.3 การนาวิธกี ารแยกสารโดยการตกผลึกไปใชป้ ระโยชน์
- การทานาเกลือ
- อตุ สาหกรรมการผลิตน้าตาล
- อุตสาหกรรมการผลิตผงชูรส

72

4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการคดิ
4.2 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 มุ่งมั่นในการทางาน นักเรียนมีความต้ังใจในการทางาน รับผิดชอบต่อหน้าท่ีต่องานที่ได้รับ

มอบหมาย
5.2 มีวินัย นักเรียนปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้ เช่น การเข้าห้องเรียนตรงเวลาและส่งงานตรงเวลา

เปน็ ต้น
5.3 ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต นกั เรยี นให้ขอ้ มูลที่ถูกต้องและเป็นจริง ปฏบิ ัติตนโดยคานงึ ถงึ ความถูกต้อง ละอาย

และเกรงกลวั ต่อการกระทาผิด ไมถ่ ือเอาผลงานของผู้อ่ืนมาเป็นของตนเอง

6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
- คาถามทา้ ยกจิ กรรม ตอนที่ 2 การตกผลกึ
- แผนผังความคดิ เร่ือง การตกผลกึ

7. กจิ กรรมการเรียนรู้ : วิธีสอนแบบวัฏจกั รการเรยี นร้แู บบ 7E
1. ขน้ั ตรวจสอบความรูเ้ ดิม (Elicitation)
- ครูเช็คชื่อการเข้าเรียนของนักเรียน โดยหากนักเรียนเข้าเรียนตรงตามเวลานักเรียนจะมีสิทธิ์ได้รับ

คะแนนเชิงบวกจากการแสดงพฤติกรรมในชั้นเรียน เช่น ตอบคาถามท่ีครูถามได้ถูกต้อง ช่วยเหลือผู้อื่น ตั้งใจ
เรียน หากนักเรียนคนใดขาดเรียนหรือมาเรียนสายจะไม่มีสิทธิ์ในการได้รับคะแนนเชิงบวกจากการแสดง
พฤติกรรมในช้ันเรียนในวันนั้น คะแนนจะถูกสะสมไว้ และสามารถนาคะแนนมาแลกเป็นรางวัลตามท่ีครูและ
นกั เรยี นตกลงร่วมกนั ไดเ้ มือ่ หมดคาบเรยี น

- ครูทบทวนเร่ืองการแยกสารโดยการระเหยแห้ง ว่าเป็นมีวิธีการแยกสารอย่างไร (แนวคาตอบ: การ
ระเหยแห้งเป็นการแยกตัวทาละลายซึ่งก็คือน้า ออกจากสารละลาย โดยการให้ความร้อนแก่สารละลายจนถึง
จุดเดือดของตัวทาละลาย ทาให้ตัวทาละลายที่เป็นของเหลวระเหยออกไปจนหมด จึงเหลือตัวละลายที่เป็น
ของแขง็ เหลืออยู่ในภาชนะ ตัวละลายอาจจะเป็นของแขง็ หลายชนดิ ปนกนั อยู)่

2. ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)
- ครูนาภาพนา้ ตาลทรายมาละลายในกาแฟ และใสน่ ้าตาลทรายเพิ่มเร่ือย ๆ แลว้ ถามนักเรยี นว่า หาก
ใส่น้าตาลทรายเพิ่มไปเร่ือย ๆ จะเกิดผลอย่างไร (แนวคาตอบ : เม่ือถึงจุดหน่ึง น้าตาลทรายหรือเกลือจะไม่
สามารถละลายในนา้ เพมิ่ ขนึ้ ได้ เรียกสารละลายน้วี ่า สารละลายอ่มิ ตวั )

73

- ครูให้นกั เรยี นดูรปู ภาพผลึกของสารต่าง ๆ (เชน่ ผลกึ เกลอื แกง ผลึกจนุ สี ผลกึ ดา่ งทบั ทิม)

- ครูถามคาถามเพื่อกระตนุ้ ความสนใจนักเรยี น โดยใช้ประเดน็ คาถามดังต่อไปน้ี
1. สารละลายอ่มิ ตัวหมายถึงอะไร (แนวคาตอบ: สารละลายท่ีตัวละลายไมส่ ามารถละลายใน
ตวั ทาละลายเพิ่มได้ท่ีอุณหภมู ิหนง่ึ )
2. สารแต่ละชนิดมผี ลึกเหมือนหรือตา่ งกันอย่างไร (แนวคาตอบ : สารแต่ละชนิดจะมผี ลึกท่ี
แตกต่างกัน)
3. ผลกึ ต่าง ๆ เกิดข้นึ ไดอ้ ย่างไร (แนวคาตอบ : เมือ่ ตัวละลายแยกตวั ออกจากสารละลายจะ
เกดิ การตกผลึก)
4. นักเรียนคดิ วา่ การตกผลกึ ทาได้อย่างไร (แนวคาตอบ : การใหค้ วามร้อนเพื่อแยกตวั ละลาย
ท่มี ีสถานะเปน็ ของแขง็ ออกจากสารละลายท่ีมสี ถานะเป็นของเหลว)

- เชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมที่ 6.1 แยกสารโดยการระเหยแห้งและการตกผลึกได้อย่างไร ตอนที่ 2
การตกผลึก โดยกาหนดคาถามให้นักเรียนร่วมกันพิจารณาว่าเราจะแยกองค์ประกอบในสารละลายจุนสีได้
อยา่ งไร

3. ขัน้ สารวจและคน้ หา (Exploration)
- ใหน้ ักเรียนอ่านช่ือกจิ กรรม จดุ ประสงค์ และวิธดี าเนินกิจกรรม และตรวจสอบความเข้าใจการอ่าน
โดยใช้ตัวอยา่ ง ดังตอ่ ไปนี้

1. กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (แยกสารโดยการระเหยแห้งและการตกผลึกได้อย่างไร
ตอนท่ี 2 เรื่อง การตกผลกึ )
2. กิจกรรมน้ีมีจดุ ประสงค์อะไร (สงั เกตและอธิบายการแยกองค์ประกอบของสารละลายจนุ สี
โดยการตกผลกึ )

74

3. วิธีดาเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ให้ความร้อนแก่สารละลายจุนสีอ่ิมตัว แล้ว
เติมจุนสีลงไปอีก 5 ช้อนเบอร์สอง ต้ังไว้จนกระทั่งพบการเปล่ียนแปลง แล้วกรองแยกสาร
ออกมา สังเกตและบันทกึ ผล)
4. นกั เรยี นต้องสังเกตหรอื รวบรวมอะไรบา้ ง (สังเกตการณ์เปลยี่ นแปลงขณะทเ่ี ติมจนุ สใี น
สารละลายอ่มิ ตัวแล้วลดอุณหภมู )ิ
- ครูเปิดวิดีโอการทดลอง เร่ือง แยกสารโดยการระเหยแห้งและการตกผลึกได้อย่างไร ตอนที่ 2 เร่ือง
การตกผลกึ ให้นกั เรยี นดู และตอบคาถามทา้ ยกจิ กรรม ตอนท่ี 2

4. ข้นั อธิบาย (Explanation)
- นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับ เร่ือง การตกผลึก ซ่ึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า เม่ือละลายจุนสี
ในน้าท่ีให้ความร้อนจะได้สารละลายจุนสีอ่ิมตัว และเมื่อนาบีกเกอร์ลงจากตะเกียงแอลกอฮอล์ ทาให้
สารละลายจุนสอี ิ่มตัวมีอุณหภมู ิลดลง จนุ สจี ึงตกผลึกแยกออกมาอย่ใู นตัวทาละลาย
- ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลของกิจกรรมโดยใช้คาถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้
ข้อสรุปจากกิจกรรม ตอนท่ี 2 ว่าเม่ือให้สารละลายจุนสีที่เลยจุดอ่มิ ตัวมีอุณหภูมิลดลงอย่างช้า ๆ จะมีของแข็ง
สีฟ้ารูปปริซึมขนมเปียกปูนแยกตัวออกจากสารละลาย และมีความบริสุทธ์ิสูง วิธีแยกของแข็งที่เป็นตัวละลาย
ออกจากสารละลายอ่มิ ตวั เรยี กว่า วิธีการตกผลึก (Crystallization)

5. ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
- ให้นักเรียนเรียนรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับการแยกสารด้วยวิธีการตกผลึก โดยอ่านเน้ือหาในหนังสือเรียน
หน้า 82 ประกอบการอภปิ ราย เพอ่ื ให้ได้ขอ้ สรปุ วา่ การตกผลึก เป็นการแยกสารโดยละลายสารในตัวทาละลาย
ท่ีอุณหภูมิห้องจนกระท่ังเลยจุดอิ่มตัว แล้วปล่อยให้อุณหภูมิของสารละลาย ลดลงช้า ๆ ตัวละลายจะค่อย ๆ
แยกออกจากสารละลาย มีการจัดเรียงอนุภาคใหม่ที่เป็นระเบียบ มีลักษณะเป็นรูปทรง เรขาคณิตท่ีแน่นอน
เฉพาะตวั มีความบรสิ ทุ ธ์ิสงู ขนึ้
- ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับสิ่งท่ีได้เรียนรู้จากการทากิจกรรมการอ่านเพิ่มเติม และ
อภิปรายร่วมกัน โดยใช้ภาพ 6.4 กราฟสภาพละลายได้ของสาร A B และ C ในตัวทาละลายชนดิ หนง่ึ ที่อุณหภูมิ
ต่าง ๆ ในหนังสอื เรียน หน้า 83 เพือ่ ให้ได้ขอ้ สรุปว่า การตกผลึกจาเป็นต้องเลือกตัวทาละลายที่เหมาะสม โดย
พิจารณาจากสภาพละลายไดข้ องสารทอี่ ุณหภูมติ ่าง ๆ
- ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนาความรู้ เร่ือง การแยกสารโดยการตกผลึกไปใช้
ประโยชน์ในชีวติ ประจาวัน

6. ขน้ั ประเมินผล (Evaluation)
- ตรวจคาตอบจากคาถามทา้ ยกจิ กรรม ตอนท่ี 1 การตกผลึก
- ตรวจแผนผังความคดิ เรื่อง การตกผลึก
- การตอบคาถามและรว่ มกันอภปิ รายขอ้ มลู

75

7. ขัน้ นาความรไู้ ปใช้ (Extension)
- การตกผลกึ สามารถใช้แยกของแขง็ ที่ละลายในตวั ทาละลายชนิดเดยี วกันจากกันได้ เช่น แยกโซเดียม
คลอไรด์จากเกลือสมทุ รและเกลือสนิ เธาว์ให้มคี วามบริสุทธมิ์ ากขึ้น เพอื่ นาไปใชใ้ นอตุ สาหกรรมอาหารและยา

8. สอื่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้

สือ่ การสอน
1. PowerPoint เรือ่ ง การแยกสาร (การตกผลึก)

2. หนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เลม่ 2
แหล่งเรยี นรู้
1. อนิ เตอรเ์ น็ต

9. การวัดผลและการประเมินผลการเรยี นรู้

การประเมินผล (ดา้ น) วิธกี ารวัด เครอื่ งมือการวัด เกณฑ์การประเมิน
(จุดประสงค์การเรียนรู้)

ด้านความรู้ (Knowledge)

1. นักเรียนสามารถ - ตรวจคาตอบจาก - แบบประเมนิ การตอบ
คาถาม
อธบิ ายการแยกสารโดย คาถามท้ายกิจกรรม
- แบบประเมินแผนผงั
การตกผลึกได้ ตอนท่ี 2 การตกผลึก ความคิด
- แบบสังเกตการมีส่วน
2. นักเรียนสามารถ - ตรวจแผนผังความคดิ รว่ มในการอภปิ รายและ ระดับคุณภาพปานกลาง
ตอบคาถาม ผ่านเกณฑ์
ยกตวั อย่างการ - การมีสว่ นร่วมในการ
ประยุกตใ์ ช้การตกผลกึ อภิปรายและตอบ
ในการแยกสารใน คาถาม
ชวี ิตประจาวนั ได้

ด้านทกั ษะ (Process) การสงั เกต - แบบประเมินทักษะ ระดับคุณภาพปานกลาง
กระบวนการสังเกต ผา่ นเกณฑ์
1. นกั เรียนมีทักษะ - แบบประเมนิ ทักษะ
กระบวนการสงั เกต กระบวนการ
2. นักเรียนมีทักษะ ตคี วามหมายข้อมูล
กระบวนการ และลงข้อสรปุ
ตคี วามหมายข้อมลู และ
การลงข้อสรุป

76

การประเมินผล (ด้าน) วิธกี ารวดั เคร่ืองมอื การวดั เกณฑก์ ารประเมิน
(จดุ ประสงค์การเรียนร)ู้

ดา้ นคุณลักษณะ (Attribute)

1. มุ่งมน่ั ในการทางาน ประเมิน แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพปานกลาง
2. มวี ินัย คุณลักษณะ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
3. ซ่ือสัตย์สจุ รติ

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น

1. ความสามารถในการ

คดิ ประเมนิ สมรรถนะ แบบประเมินสมรรถนะ ระดับคุณภาพปานกลาง

2. ความสามารถในการ สาคัญของผ้เู รยี น สาคญั ของผเู้ รียน ผา่ นเกณฑ์

ส่อื สาร

10. ความเหน็ ของหัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ……………………………………………………..

(นายหมสู่ า ผิดไรงาม)

หัวหน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

77

11. ความคดิ เห็นรองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ
 องค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นร.ู้ ............................................................................
 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นรสู้ อดคล้อง.......................................................
 สาระสาคัญครอบคลุมชดั เจน.............................................................................................
 สาระการเรยี นรมู้ ีความถูกต้องตามหลักวิชาการ................................................................
 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้มคี วามชดั เจนครอบคลุม (K/P/A).....................................................
 สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน................................................................................................
 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์.................................................................................................
 ระบุภาระงาน/ชิ้นงาน........................................................................................................
 กิจกรรมการเรยี นรูเ้ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญ...........................................................................
 ส่ือและอปุ กรณ์การเรียนร.ู้ ................................................................................................
 การวดั และการประเมนิ ผลตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้...........................................................
 เสนอส่งแผนการจดั การเรยี นร้ตู ามข้นั ตอนระบบงาน........................................................
 บันทึกหลังสอน.................................................................................................................

ลงชอ่ื ……………………………………………………..

(นายอบั ดลรอศักด์ิ มณีโส๊ะ)

รองผอู้ านวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ

12. ความคดิ เหน็ ผอู้ านวยการโรงเรยี น
 อนุญาตให้ใชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
 ควรปรบั ปรงุ คือ................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................

ลงช่ือ……………………………………………………..

(นายสิรวฒุ ิ ยนุ ุ้ย)

ผู้อานวยการโรงเรยี นกาแพงวิทยา

78

13. บันทกึ หลงั การจัดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ ผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2

13.1 ผลการจัดการเรียนรู้ (ตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้)

ดา้ นความรู้ (Knowledge)
1. นักเรียนสามารถอธิบายการแยกสารโดยการตกผลึกได้โดยรวมอยู่ในระดับคุณภาพ
ปานกลาง
2. นกั เรียนสามารถยกตวั อย่างการประยุกต์ใช้การตกผลึกในการแยกสารในชีวิตประจาวนั ได้
โดยรวมอยู่ในระดบั คณุ ภาพปานกลาง

ดา้ นกระบวนการ (Process)
1. นักเรียนมที กั ษะกระบวนการสงั เกตโดยรวมอยใู่ นระดับคุณภาพปานกลาง
2. นักเรียนมีทักษะกระบวนการตีความหมายข้อมูล และการลงข้อสรุปโดยรวมอยู่ในระดับ
คุณภาพปานกลาง

ด้านคุณลกั ษณะ (Attribute)
1. นกั เรยี นมีความตง้ั ใจและสนใจใฝร่ ้ใู นการศกึ ษาโดยรวมอยูใ่ นระดบั คณุ ภาพปานกลาง
2. นกั เรียนมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ งานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายโดยรวมอยู่ในระดับคุณภาพปานกลาง

13.2 แนวทางแกป้ ญั หานกั เรียนท่ีไม่ผา่ นตัวช้วี ดั /ผลการเรียนรูห้ รอื จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

- นักเรียนทม่ี คี ะแนนไมผ่ ่านเกณฑ์ จะเปิดโอกาสใหท้ าการปรับคะแนน

ลงช่ือ…………………………………….…………………

(นายกฤษณะ ชแู สง)

ครผู สู้ อน

79

ภาคผนวก

80

แบบประเมินการตอบคาถาม

คาชแ้ี จง ทาเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งระดบั คะแนนที่นักเรียนปฏิบตั ิดงั นี้
ระดบั 3 หมายถึง ดี
ระดับ 2 หมายถงึ ปานกลาง
ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรงุ

รายการประเมนิ / ความถกู ตอ้ ง ภาษาทใ่ี ช้ ความเป็น ความตรง รวม การประเมินผล หมาย
ระดบั คะแนน ของเนอื้ หา ระเบยี บ ต่อเวลา คะแนน เหตุ
ท่ี 321 ผา่ น ไม่
ช่อื -สกลุ 321 321 321 12 ผ่าน

เกณฑ์การประเมิน

ระดับคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
10-12 ดี
7-9 ปานกลาง
5-6 พอใช้
ตา่ กวา่ 5 ปรับปรงุ

ลงช่ือ....................................................ผปู้ ระเมนิ
(……………………………………..)

วันท.่ี ............/................./.................

81

เกณฑก์ ารประเมนิ การตอบคาถาม

รายการประเมิน ระดับคะแนน (ระดับคณุ ภาพ)
1. ความถกู ต้องของเน้ือหา
3 (ด)ี 2 (ปานกลาง) 1 (พอใช้)
2. ภาษาที่ใช้
3. ความเป็นระเบยี บ เน้อื หาเปน็ ไปตามท่ี เน้ือเป็นไปตามท่ีกาหนด เนื้อหาเปน็ ไปตามท่ี
กาหนดมีรายละเอยี ด
4. ความตรงตอ่ เวลา ครอบคลุมทุกส่วน มรี ายละเอยี ดครอบคลมุ กาหนดมีรายละเอียด

ไมม่ ีการสะกดคาผิด สว่ นใหญ่ ครอบคลุมบางสว่ น

งานมีความเปน็ ระเบียบ การสะกดคาผิดไมเ่ กิน 2 แหง่ การสะกดคาผิด 3 แห่ง
แสดงออกถึง
ความประณตี งานส่วนใหญ่มคี วามเป็น งานส่วนใหญไ่ ม่เป็น

ส่งชนิ้ งานภายในเวลาที่ ระเบยี บแตย่ ังมีข้อบกพร่อง ระเบียบและมีข้อบกพร่อง
กาหนด
เลก็ น้อย

สง่ ช้นิ งานชา้ กว่า ส่งชนิ้ งานช้ากว่า

กาหนด 1 วัน กาหนด 2 วนั

82

แบบประเมนิ ผังความคดิ

คาชแี้ จง ทาเคร่อื งหมาย √ ลงในช่องระดบั คะแนนที่นักเรยี นปฏิบตั ดิ ังนี้
ระดบั 3 หมายถงึ ดี
ระดบั 2 หมายถึง ปานกลาง
ระดบั 1 หมายถึง ปรับปรุง

รายการประเมิน/ ความ ความถกู ต้อง ความคิด ความตรง รวม การประเมนิ ผล หมาย
ระดบั คะแนน สอดคล้องกบั ของเนือ้ หา สรา้ งสรรค์ ต่อเวลา คะแนน เหตุ
จุดประสงค์
ท่ี 321 321 321 12 ผ่าน ไม่
ชือ่ -สกลุ 321 ผา่ น

เกณฑก์ ารประเมนิ

ระดับคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 ดี
7-9 ปานกลาง
5-6 พอใช้
ต่ากวา่ 5 ปรับปรุง

ลงชือ่ ....................................................ผ้ปู ระเมิน
(……………………………………..)

วนั ที่............./................./.................

83

เกณฑ์การประเมนิ แผนผังความคดิ

รายการประเมนิ ระดับคะแนน (ระดบั คณุ ภาพ)

3 (ดี) 2 (ปานกลาง) 1 (พอใช้)

1. ความสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ

จดุ ประสงค์ จุดประสงคท์ ุกประเด็น จดุ ประสงค์เป็นส่วนใหญ่ จดุ ประสงค์บางประเด็น

2. ความถูกต้องของเน้ือหา เนอื้ หาสาระของผลงาน เน้อื หาสาระของผลงาน เนอื้ หาสาระของผลงาน

ถูกต้องครบถ้วน ถูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ถกู ต้องบางประเดน็

3. ความคิดสร้างสรรค์ ผลงานแสดงถึงความคิด ผลงานแสดงถึงความคิด ผลงานมีความน่าสนใจ แต่
สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ แต่ยัง ยงั ไมม่ ีแนวคดิ แปลกใหม่
สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ ไม่เป็นระบบ

และเป็นระบบ

4. ความตรงต่อเวลา สง่ ชนิ้ งานภายในเวลาที่ ส่งชนิ้ งานชา้ กว่าเวลาที่ ส่งชิ้นงานชา้ กวา่ เวลาท่ี

กาหนด กาหนด 1 วัน กาหนด 2 วัน

84

แบบสังเกตการมีสว่ นร่วมในการอภิปรายแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามในชน้ั เรยี น

คาช้แี จง ทาเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งระดับคะแนนพฤติกรรมทนี่ กั เรยี นปฏบิ ัติดงั น้ี
ระดบั 3 หมายถงึ แสดงพฤตกิ รรมใหเ้ หน็ มาก
ระดับ 2 หมายถึง แสดงพฤติกรรมให้เหน็ ปานกลาง
ระดับ 1 หมายถึง แสดงพฤติกรรมใหเ้ หน็ นอ้ ย

ที่ รายการประเมนิ / สนใจและ ตอบคาถาม ตอบคาถาม รวม การประเมินผล หมาย
ระดับคะแนน ตง้ั ใจฟงั ไดต้ รง อย่าง คะแนน ผ่าน ไมผ่ ่าน เหตุ
คาถาม ประเดน็
สม่าเสมอ

ช่ือ-สกลุ 321321321 9

เกณฑก์ ารประเมนิ

ระดบั คะแนน ระดับคณุ ภาพ
8-9 ดี
6-7 ปานกลาง
4-5 พอใช้

ตา่ กว่า 4 ปรบั ปรุง

ลงช่อื ....................................................ผู้ประเมิน
(……………………………………..)

วันท.ี่ ............/................./.................

85

แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

คาชี้แจง ทาเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งระดับคะแนนพฤติกรรมท่ีนักเรยี นปฏบิ ตั ิดังน้ี
ระดับ 3 หมายถงึ ดี
ระดบั 2 หมายถึง ปานกลาง
ระดบั 1 หมายถงึ ปรับปรุง

รายการประเมนิ / ทกั ษะการ ทักษะ การตคี วาม หมาย รวม การประเมนิ ผล
ระดบั คะแนน สงั เกต ข้อมลู และ ลงขอ้ สรปุ คะแนน
ท่ี หมายเหตุ
ชื่อ-สกลุ
3 2 1 3 2 1 9 ผ่าน ไม่ผ่าน

เกณฑก์ ารประเมิน

ระดับคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
5-6 ดี
3-4 ปานกลาง
2 พอใช้

ตา่ กวา่ 2 ปรับปรงุ

ลงชื่อ....................................................ผู้ประเมิน
(……………………………………..)

วนั ที่............./................./.................

86

เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

รายการประเมนิ ระดบั คะแนน (ระดบั คณุ ภาพ)
1. ทักษะการสงั เกต
3 (ด)ี 2 (ปานกลาง) 1 (พอใช้)
2. ทกั ษะการตีความหมาย
ข้อมูล และลงข้อสรปุ ใช้ประสาทสมั ผัสอยา่ งใด ใช้ประสาทสัมผสั อยา่ งใด ใชป้ ระสาทสัมผสั อยา่ งใด

อย่างหนึ่งหรือหลายอยา่ ง อย่างหนง่ึ หรอื หลายอย่าง อย่างหน่งึ หรือหลายอย่าง

รวมกนั เพื่อสมั ผัสโดยตรง รวมกันเพื่อสัมผสั โดยตรง รวมกนั เพื่อสมั ผัส โดยตรง

กับวตั ถุและบันทึกการ กบั วตั ถแุ ละ บนั ทึกการ กบั วตั ถแุ ละ บนั ทึกการ

สังเกตโดยไม่ใสค่ วาม สังเกต โดยไมใ่ ส่ความ สังเกตโดย ไม่ใส่ความ

คดิ เหน็ สว่ นตวั ของผ้สู ังเกต คดิ เห็นสว่ นตวั ของผู้ สงั เกต คิดเหน็ สว่ นตัวของผู้

ลงไปในส่งิ ทีส่ งั เกตได้ ลงไปในสงิ่ ที่ สังเกตได้ขอ้ มลู สงั เกต ลงไปในสง่ิ ทีส่ ังเกต

ขอ้ มลู ถูกต้องครบถว้ น ถูกต้องเปน็ สว่ นใหญ่ ได้ ขอ้ มลู ถูกตอ้ ง บางส่วน

แปลความหมาย ถูกต้อง แปลความหมาย ถูกต้อง แต่ แปลความหมาย ถกู ต้อง

และ สรปุ ผลสอดคล้อง สรปุ ผล ไมส่ อดคล้องกับ เปน็ บางสว่ น แต่สรปุ ผลไม่

กบั ข้อมูล ข้อมลู สอดคลอ้ งกับข้อมูล

87

แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

ผ้ปู ระเมนิ  นกั เรียน  เพ่อื น  ครู

คาช้ีแจง ให้ผปู้ ระเมนิ สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นและทาเคร่ืองหมาย √ ลงในช่องทตี่ รงกับระดบั คณุ ภาพ

โดยประเมนิ ตามเกณฑป์ ระเมินดังนี้

4 หมายถึง ดมี าก 3 หมายถงึ ดี

2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

ที่ ชอื่ -สกุล มุ่งม่นั ในการทางานมี รายการประเมิน ซอื่ สัตยส์ จุ รติ รวม
4321 วนิ ยั 4321 คะแนน

4321

เกณฑ์การประเมนิ

ระดบั คะแนน ระดบั คุณภาพ
16-20 ดี
11-15 ปานกลาง
6-10 พอใช้
1-5 ปรบั ปรงุ

ลงชื่อ....................................................ผปู้ ระเมนิ
(……………………………………..)

วันท.่ี ............/................./.................

88

เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

รายการ ระดบั คะแนน (ระดับคุณภาพ)

ประเมิน 4 (ดี) 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ไมต่ ง้ั ใจปฏิบตั ิหน้าท่ี
1. มุง่ ม่ันใน ตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบใน ตั้งใจและรับผดิ ชอบใน ตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบใน การงาน

การทางาน การปฏิบตั ิหนา้ ทท่ี ่ี การปฏิบัตหิ นา้ ทท่ี ่ี การปฏิบัติหน้าทที่ ี่ มีความรบั ผิดชอบต่อ
หนา้ ท่ีน้อย และส่งงาน
ได้รับมอบหมายให้ ไดร้ ับมอบหมายให้ ได้รับมอบหมายให้ ไมต่ รงเวลา

สาเรจ็ มกี ารปรับปรุง สาเรจ็ มีการปรับปรุง สาเร็จ ไมใ่ ห้ข้อมูลทถ่ี กู ตอ้ ง
และเปน็ จรงิ
และพฒั นาการทางาน และพฒั นาการทางาน มพี ฤติกรรมนาสิ่งของ
และผลงานของผ้อู ื่นมา
ให้ดขี ึน้ ภายในเวลาท่ี ให้ดีข้นึ เป็นของตนเอง

กาหนด

2. มวี นิ ัย มีความรับผดิ ชอบต่อ มีความรบั ผิดชอบต่อ มีความรบั ผดิ ชอบต่อ

หนา้ ท่ี ทางานเป็น หนา้ ที่ ส่งงานตรงเวลา หนา้ ท่ี ส่งงานชา้

ระเบียบ สะอาด และ

ส่งงานตรงตอ่ เวลา

3. ซ่อื สตั ย์ ให้ข้อมูลทถ่ี ูกตอ้ งและ ใหข้ อ้ มลู ท่ีถูกต้องและ ใหข้ ้อมูลท่ีถูกตอ้ งและ

สจุ รติ เป็นจริง ไมน่ าสงิ่ ของ เปน็ จรงิ ไมน่ าสง่ิ ของ เป็นจรงิ ไม่นาสงิ่ ของ

และผลงานของผู้อืน่ มา และผลงานของผอู้ ่ืนมา และผลงานของผอู้ นื่ มา

เป็นของตนเอง ปฏิบตั ิ เปน็ ของตนเอง ปฏบิ ัติ เป็นของตนเอง

ตนตอ่ ผู้อ่ืนด้วยความ ตนตอ่ ผอู้ น่ื ด้วยความ

ซอ่ื ตรง เป็นแบบอย่าง ซ่ือตรง

ท่ดี ีด้านความซ่ือสัตย์

89

แบบประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

คาชแ้ี จง ทาเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งระดบั คะแนนสมรรถนะของนักเรยี นดังนี้
ระดับ 3 หมายถึง ดี (พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติชดั เจน)
ระดับ 2 หมายถงึ ปานกลาง (พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัตชิ ัดเจนและบ่อยคร้งั )
ระดบั 1 หมายถึง พอใช้ (พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิเป็นบางครงั้ )
ระดบั 0 หมายถงึ ปรบั ปรุง (ไมเ่ คยปฏิบตั พิ ฤติกรรม)

ที่ ชือ่ -สกลุ ความสามารถใน ความสามารถใน ความสามารถในการ สรปุ ผล
การคิด การแก้ปญั หา ใชท้ ักษะชวี ิต การประเมิน

3 2 1 0 3 2 1 0 3210

เกณฑก์ ารประเมนิ

ระดบั คะแนน ระดับคุณภาพ
8-9 ดี
6-7 ปานกลาง
4-5 พอใช้

ตา่ กว่า 4 ปรับปรุง

ลงชือ่ ....................................................ผปู้ ระเมนิ
(……………………………………..)
วันที่............./................./.................

90

เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน

รายการประเมิน ระดับคะแนน (ระดบั คณุ ภาพ)

3 (ด)ี 2 (ปานกลาง) 1 (พอใช้) 0 (ปรับปรุง)
คดิ รเิ รม่ิ สร้างสรรคส์ ิง่
1. ความสามารถ คิดรเิ รมิ่ สร้างสรรคส์ ่ิง คิดรเิ ริม่ สร้างสรรคส์ ง่ิ คดิ ริเริ่ม สร้างสรรคส์ ิง่ แปลกใหม่ในทางบวก
ไม่ได้ หรือประยุกต์
ในการคดิ แปลกใหมใ่ นทางบวก แปลกใหมใ่ นทางบวก แปลกใหม่ได้ นาไปใช้ไมไ่ ด้

ทใี่ ช้หรือนาไป ทใี่ ชห้ รือนาไป ไม่มีการวางแผนในการ
แกป้ ญั หา
ประยกุ ต์ใช้ เพ่อื ประยกุ ตใ์ ช้ เพ่อื
ไมป่ รากฏพฤติกรรมท่ี
ประโยชน์ต่อตนเอง ประโยชน์ต่อตนเอง แสดงถึงความตอ้ งการ
ในการเรียนรเู้ พ่ิมเติม
และสังคมได้ หรือสังคมได้

2. ความสามารถ มกี ารวางแผนในการ มีการวางแผนในการ มีการวางแผนในการ

ในการแก้ปญั หา แก้ปญั หาโดยใชข้ ้อมูล แก้ปญั หาโดยใช้ข้อมลู แกป้ ญั หาโดยใช้ข้อมูล

และรายละเอียด และรายละเอยี ด และรายละเอียด

ประกอบการวางแผนมี ประกอบการวางแผน ประกอบการวางแผน

ข้นั ตอนของแผนงาน และมีข้นั ตอนของ

อยา่ งชดั เจน และมี แผนงาน

ขอ้ มูลเพยี งพอ

3. ความสามารถ สืบคน้ ความรู้ ข้อมลู สบื คน้ ความรู้ ข้อมลู สบื ค้นความรู้ ข้อมลู

ในการใช้ทักษะ ข่าวสารเพ่มิ เติมจาก ขา่ วสารเพม่ิ เติมจาก ขา่ วสารเพ่มิ เติมจาก

ชีวิต การเรียนรูใ้ นบทเรยี น การเรียนรใู้ นบทเรยี น การเรยี นร้ใู นบทเรียน

ในประเด็นทสี่ นใจด้วย ในประเด็นทส่ี นใจ ดว้ ย โดยการสอบถามครู

วธิ ีการทห่ี ลากหลาย วธิ กี ารทห่ี ลากหลาย หรอื ผรู้ เู้ พอื่ ใหไ้ ด้

และนาเสนอผลการ แต่ไม่มีการนาเสนอ คาตอบโดยเร็ว

สบื คน้ เป็นองคค์ วามรู้ ผลการสบื ค้นเป็นองค์

เพ่มิ เติมจากบทเรียน ความรเู้ พมิ่ เติมจาก

บทเรยี น

91

(ตัวอย่าง)

แบบทดสอบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน

วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง การแยกสาร
ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
คาชี้แจง ให้นักเรียนอา่ นคาถามทกี่ าหนดให้และเลือกคาตอบท่ีถูกท่ีสุดเพยี งคาตอบเดยี ว

1. สารเนื้อผสมระหวา่ งผงถ่านกบั ผงตะไบเหล็ก แยกไดโ้ ดยวธิ ีใด
ก. การกรอง
ข. ใช้แมเ่ หล็กดดู
ค. การตกผลกึ
ง. การรอ่ นออก

2 การระเหิดควรจะใช้แยกสารผสมในข้อใด
ก. น้าโคลน
ข. น้ากับนา้ มนั
ค. เกลอื แกงกบั ลกู เหมน็
ง. แปง้ มนั กบั น้าตาล

3. วิธกี ารกล่ันน้าใหบ้ ริสทุ ธิโ์ ดยการกลัน่ แบบธรรมดา สารในขอ้ ใดใชว้ ิธีการนี้แยกไมไ่ ด้
ก. น้าทะเล
ข. นา้ คลอง
ค. นา้ เช่ือม
ง. นา้ ผสมเอทานอล

4. การแยกนา้ มันดบิ ที่ใชก้ ันในปัจจบุ นั ใชว้ ธิ กี ารใดในการแยก
ก. ต้มให้เดือด
ข. การกลน่ั ลาดบั ส่วน
ค. การสลายตวั ด้วยตวั ทาละลาย
ง. การตกตะกอนลาดับสว่ น

5. การกลัน่ ลาดับส่วนมีข้อดีอยา่ งไร
ก. ประหยดั เวลา ราคาถูก
ข. แยกสารที่มจี ุดเดือดตา่ ได้
ค. แยกสารท่ีมปี ริมาณน้อย ๆ ผสมอยู่
ง. แยกสารท่ีมจี ุดเดือดตา่ งกนั น้อย ๆ ได้

92

6. ในกระบวนการกลนั่ แยกสาร ข้ันตอนท่ีสารผ่านเครอื่ งควบแนน่ เพื่อประโยชน์ใด
ก. เปลย่ี นทั้งสถานะและอุณหภมู สิ ารใหส้ ูงข้ึน
ข. เพ่มิ อุณหภมู แิ ละความดันกอ่ นเปล่ียนสถานะ
ค. เปลย่ี นสถานะของสารจากของเหลวเป็นแก๊ส
ง. เปลี่ยนสถานะของสารจากแก๊สหรือไอเปน็ ของเหลว

7. นักเรียนได้รับสารผสมซึง่ มีถ่านผสมกับเกลือ นกั เรยี นจะแยกโดยใช้วธิ ีการใด (เรียงตามลาดบั )
ก. การตกผลึก, การละลาย และการระเหย
ข. การละลาย, การกรอง และการะเหย
ค. การกรอง, การละลาย และการระเหิด
ง. การกรอง, การตกผลึก และการระเหิด

8. การแยกน้าออกจากนา้ ทะเลใชว้ ิธกี ารใดสะดวกทีส่ ุด
ก. ระเหยแหง้ เพราะน้าเท่านั้นท่ีระเหยได้
ข. กล่นั ลาดบั สว่ น เพ่ือแยกน้าที่บรสิ ุทธ์อิ อกมา
ค. กลัน่ แบบธรรมดา เพราะน้าเทา่ น้นั ที่ระเหยได้
ง. ใชส้ ารส้มกวนให้เกลอื ในน้าทะเลตกตะกอน จะได้นา้ จดื แยกออกมา

9. การตกผลกึ เหมาะสมหรับแยกสารในข้อใด
ก. สารละลายอ่มิ ตวั
ข. สารละลายเจอื จาง
ค. สารละลายปรมิ าณมากๆ
ง. สารละลายเข้มข้น

10. การกลนั่ แยกสารโดยการกล่ันดว้ ยไอน้า จะไม่สามารถกระทาได้ในกรณีใด
ก. สารนนั้ ละลายนา้ ได้
ข. สารนนั้ ไม่ละลายนา้
ค. สารนน้ั ระเหยไดง้ ่าย
ง. สารนนั้ ต้องมีจุดเดือดต่ากว่าตวั ทาละลาย

11. หลักสาคญั ในการสกัดสารให้บริสุทธโ์ิ ดยวธิ ีโครมาโทกราฟี คือข้อใด
ก. สารผสมน้ันจะตอ้ งละลายนา้
ข. ตัวทาละลายจะทาให้ของผสมบรสิ ทุ ธิ์
ค. สารผสมจะแยกออกจากกันทันทีทถี่ ูกละลาย
ง. สารละลายแต่ละชนิดมคี วามสามารถในการละลายและถูกดดู ซบั ได้ต่างกนั

12. ในการทาโครมาโทกราฟีแบบกระดาษ กระดาษทาหน้าทอี่ ะไร
ก. เปน็ ตัวทาละลายของสารท่ีตอ้ งการแยก
ข. เป็นทางผ่านของสารที่ต้องการแยก ทาให้สารเคลื่อนท่ไี ปได้
ค. เปน็ ตัวดูดซับสาร ทาให้สารเคลื่อนที่ไดด้ ี และแยกออกมาก่อน
ง. เป็นตวั ดดู ซับสาร ทาให้สารเคลอื่ นที่ไดช้ า้ จงึ เคลื่อนทอี่ อกมาทหี ลงั

93

13. การท่ตี วั ถกู ละลายแยกออกจากสารละลายอิ่มตัว ในขณะท่ีอุณหภูมลิ ดลง เปน็ การแยกสารแบบใด

ก. การกลั่น

ข. การสกัดโดยการกลน่ั ดว้ ยไอนา้

ค. การตกผลกึ

ง. โครมาโทกราฟี

14. วิธีใดต่อไปน้ใี ช้แยกสารเนอื้ เดียว

a. การกรอง b. การระเหิด c. การใช้แม่เหล็กดูด d. โครมาโทกราฟี

ข้อท่ีถูกต้องคอื ข้อใด

ก. ข้อ a, b, c

ข. ขอ้ a, c, d

ค. ขอ้ d

ง. ข้อ a, b, c, d

15. การสกดั สารให้บรสิ ทุ ธิ์โดยวิธโี ครมาโทรกราฟีอาศยั หลักในข้อใด

ก. สารผสมจะตอ้ งละลายน้าได้

ข. ตัวทาละลายจะทาใหข้ องผสมบริสทุ ธิ์

ค. สารผสมจะแยกออกจากกันทันทีเมื่อถูกละลาย

ง. สารแต่ละชนิดมคี วามสามารถในการละลาย และมีขนาดของอนภุ าคต่างกัน

16. ถา้ ต้องการแยกองคป์ ระกอบต่างๆ ออกจากสารชดุ A และ B ควรใชว้ ธิ ีใด

องคป์ ระกอบ A องคป์ ระกอบ B

ถา่ น, กามะถัน, นา้ ตาลทราย น้ามนั เบนซนิ , นา้ มันกา๊ ด

ก. A โดยการกล่ันลาดับสว่ น B โดยการใช้ตัวทาละลาย

ข. A โดยการใชต้ วั ทาละลาย B โดยการกลน่ั ลาดบั สว่ น

ค. A โดยการใช้การกลน่ั B โดยการกลน่ั ด้วยไอน้า

ง. A โดยการกลน่ั ดว้ ยไอน้า B โดยการใช้ การกล่ัน

17. ข้อใดควรใช้วธิ ีโครมาโทกราฟี

ก. แยกนา้ มนั ออกจากราข้าว

ข. สกัดสีออกจากดอกกุหลาบ

ค. วิเคราะห์ว่าสแี ดงในสผี สมอาหารเปน็ สารใด

ง. สกดั น้ามันหอมระเหยออกจากใบยคู าลปิ ตัสโดยใชไ้ อนา้

18. ข้อใดเรยี งลาดับกระบวนการกลน่ั ได้ถกู ต้อง

ก. การเดือด การกลายเป็นไอ การควบแนน่

ข. การเดอื ด การควบแนน่ การกลายเป็นไอ

ค. การเดอื ด การควบแนน่ การระเหย

ง. การระเหย การเดือด การควบแนน่

94

19. ถา้ เอานา้ หวานสแี ดงไปกลัน่ จะได้นา้ ท่ีมลี กั ษณะอยา่ งไร
ก. ไดน้ ้าไม่มสี แี ละไม่มรี ส
ข. ได้นา้ ท่มี ีสีแต่ไม่มีรสหวาน
ค. ไดน้ า้ ไม่มสี ี แต่รสหวานเลก็ น้อย
ง. ไดน้ า้ สชี มพู และรสหวานเล็กนอ้ ย

20. ข้อใด ไมใ่ ช่ ประโยชน์ของการสกัดดว้ ยตัวทาละลาย
ก. สกัดสารมีสีออกจากพืช
ข. สกดั น้ามันพชื จากเมล็ดพชื
ค. ใช้สกดั ยาออกจากสมนุ ไพร
ง. สกดั นา้ มนั หอมระเหยออกจากตอ่ มกลิน่ สัตว์

95

เฉลยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นวิชาวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง การแยกสาร

ขอ้ ท่ี คาตอบ ขอ้ ท่ี คาตอบ
1. ข. 11. ง.
2. ค. 12. ข.
3. ง. 13. ค.
4. ข. 14. ค.
5. ง. 15. ง.
6. ง. 16. ข.
7. ข. 17. ค.
8. ค. 18. ก.
9. ก. 19. ก.
10. ก. 20. ง.


Click to View FlipBook Version