การเขียนโน้วน้าวใจและ การเขีบนเชิญชวน จัดทำ โดย นายกฤษณพงษ์ อินทร์เพชร เลขที่ 8 นางสาวอมรรัตน์ ทาแกง เลขที่ 19 นางสาวกุลธิดา ทองเกิน เลขที่ 30 รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เสนอ ครูอรสา เสาโกมุท รายวิชา ภาษาไทย ( ท๓๓๑0๑ ) ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖
" คำ นำ " หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(E-Book)นี้จัดทำ เพื่อผู้ที่สนใจศึกษาเรื่อกงการ เขียนโฯ้วน้าวใจและการเขียนเชิญชวน เสริมองค์ความรู้ให้แก่ตน ผู้จัดทำ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย
การเขียนโน้วน้าวใจ คือ? โน้มน้าวใจ หมายถึง ทำ สิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิมให้เป็นไปตามที่ ต้องการ ที่ผู้ชักชวนต้องการพยายามเปลี่ยนความเชื่อ ค่านิยม ทัศนคติ ประสบการณ์ ใช้กลวิธีให้บุคคลยอมรับและเปลี่ยนแปลงสภาพตามที่ผู้ชักชวนต้องการ เช่น โน้มน้าวใจ ให้รัก ชักชวนให้ขยันทำ มาหากินชักชวนให้เป็นคนดีของสังคม การโน้มน้าวใจโดยอาศัยความต้องการของมนุษย์เป็นเกณฑ์ เช่น ความต้องการ ปัจจัยสี่ ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค รวมถึงความต้องการความ รู้ ความอบอุ่น ความปลอดภัย และความสวยงาม วิธีการโน้มน้าวใจนั้นใช้หลักจิตวิทยา เป็นหลักแสดงว่าหากปฏิบัติตามจะเกิดผลดี เพื่อเป็นวิธีการโน้มน้าวใจคนให้ปฏิบัติตาม
วิธีการโน้วน้าวใจ 1. ความน่าเชื่อถือของผู้โน้มน้าวใจ ผู้ที่มีความรู้จริง มีคุณธรรม เป็นที่ พึ่งของประชาชนทั่วไป เช่น ศาสดาของทุกศาสนา ปราชญ์ต่างๆ บุคคลผู้มีเกียรติ เช่น ศิลปินแห่งชาติ ครูดีเด่น นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น แพทย์ดีเด่น จากบุคคลที่น่าเชื่อถือ จะได้รับการโน้มน้าวใจดีกว่าคน ทั่วไป 2. เหตุผลนั้นหนักแน่นและสมควรแก่การยอมรับ บุคคลที่มีความเฉลียว ฉลาดสูงนั้นยากที่จะถูกโน้มน้าวใจจากผู้โน้มน้าวใจหากมีเหตุผลที่จะ ยอมรับ ผู้โน้มน้าวจะเปลี่ยนใจได้สำ เร็จ ของความรู้สึกร่วมที่ถูกชักจูง หรืออารมณ์ร่วมนั้นจะทำ ให้ง่ายต่อการชักจูง 3. ความรู้สึกร่วมหรืออารมณ์ร่วมจะทำ ให้โน้มน้าวใจได้ง่ายขึ้น เช่น คนที่ มีความรู้สึกร่วมกันมักจะเห็นพ้องต้องกันมากกว่าคนที่เป็นปฏิปักษ์ สถาบันเดียวกัน องค์กรเดียวกัน อาชีพเดียวกัน หรือพรรคการเมือง เดียวกัน มักจะโน้มน้าวใจได้ง่ายกว่า 4.ชี้ให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสีย บางครั้ง การโน้มน้าวใจต้องแสดงให้ผู้ถูก ชักชวนเห็น มีหลายทางเลือก เช่น ถ้านักเรียนสูบบุหรี่ มีผลดีหรือไม่? ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร? เมื่อเปรียบเทียบแล้วมีข้อดีข้อเสียอย่างไร? อะไรร้ายแรงกว่ากัน? และอะไรที่ควรหลีกเลี่ยงที่เป็นอันตรายหรือเสีย เปรียบี 5. ใช้อารมณ์ขันเพื่อโน้มน้าวใจ การใช้อารมณ์ขันทำ ให้มีความสุข ผ่อน คลายความเครียด ทำ ให้บรรยากาศดี ทำ ให้ผู้ถูกชักชวนเปลี่ยนอารมณ์ จากต่อต้านเป็นกลางๆ ไว้วางใจ และอาจพร้อมที่จะโอนอ่อนตามได้ ง่าย มีประโยชน์สำ หรับสถานการณ์ โอกาส และแฟชั่นเช่นกัน 6. กระตุ้นอารมณ์อย่างรุนแรง มนุษย์จะมีความโกรธ ความกลัว ความ ไม่พอใจ ความเศร้า และความสุข มีอารมณ์ร่วมในอารมณ์นั้นๆ ผู้โน้ม น้าวใจอาจตัดสินใจให้คล้อยตามได้ง่าย เช่น “สู้ สู้ สู้ ตาย ช่วย สู้ สู้
ลักษณะของการโน้วน้าวใจที่ดี 1. การโน้มนัาวใจเป็นพฤติกรรมกลาง ๆ ขึ้นอยู่กับเจตน! ถ้าเป็นเจตนาที่ดีงาม การโน้ม น้าวใจ ทีงม มีผลเป็นวัฒนะ ถ้าเจตนาชั่วร้าย การโน้มนัาวใจก็เป็นสิ่งชั่วร้าย มีผลเป็น หายนะ 2.การโน้มน้าวใจ เป็นไปในเชิงสร้งสรรค์ไม่ทำ ลาย เป็นการเสนอแนะ ขอร้อง มากกว่าการ ขู่เข็ญ ดาม บีบบังคับ หลอกลวง ๓. การโน้มน้าวใจที่ดีต้องมีจุดประสงค์เสมอ คือ ต้องการการยอมรับและเปลี่ยนแปลง พฤติกรรม จันคติ ค่านิยม ๔ การโน้มน้าวใจต้องมีจริยธรรมและคุณธรรมควบคู่ไปด้วย ไม่เขียนไปในทิศทางผิดศิล ธรรม หรือทำ สายวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม รวมทั้งความมั่นต่งของชาติ
การเขียนเชิญชวน การเขียนเชิญชวนเป็นการที่ใช้ภาษาโน้วน้าวใจอย่างหนึ่งในที่นี้จะกล่าวถึง 3 ประเภท 1.คำ ขวัญ 2.คำ เชิญชวน 3.โฆษณาสินค้า 1.คำ ขวัญ เป็นถ้อยคำ สั้น ๆ อาจมีวรรคเดียว หรือ 3-4 วรรค มักนิยมใช้คำ คล้องจองกันคำ ขวัญมักเขียนในทางเชิญชวนให้ปฏิบัติตามมากกว่าเป็นคำ สั่ง 2.คำ เชิญชวน เป็นถ้อยคำ ชักชวนให้กระทำ สิ่งไดสิ่งหนึ่ง มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิด ประโยชน์แก่ส่วนรวม อาจใช้สื่อ แผ่นปลิว ใบประกาศ การกล่าวด้วยวาจา 3.โฆษณาสินค้า เป็นถ้อยคำ โน้มน้าวใจที่มุ่งประโยชน์การขายสินค้า การโน้วน้าวใจ ประเภทนี้จะมีลักษณะพิเศษต่างกับการโน้วน้าวใจโดยทั่วไป
แหล่งอ้างอิง หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย หลักภาษาและการ ใช้ภาษาไทย สำ นักพิมพ์ บริษัท พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ กัด พ.ศ. 2566