เนลาขยที่ต2รัยม .ส4ุ ว/ร9ร ณ บุ ต ร
สมเด็จพระเพทราชา กับ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัว
ก่อน&หลัง รัตนโกสินทร์
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เนื้ อหาที่ต้องการนำเสนอ
ประวัติของสมเด็จพระเพทราชาโดยสังเขป
สมเด็จพระเพทราชา หรือ สมเด็จพระมหาบุรุษ เป็น พระมหากษัตริย์
ไทย รัชกาลที่ 28 ของ อาณาจักรอยุธยา และเป็นปฐมกษัตริย์ของ
ราชวงศ์บ้านพลูหลวง
พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเพทราชา
พระราชกรณียกิจในด้านต่าง ๆ ของสมเด็จพระเพทราชา
ประวัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็น พระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 7 แห่ง ราชวงศ์จักรี
พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชกรณียกิจในด้านต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
Chapter 1
ประวัติของสมเด็จพระเพทราชา
โดยสังเขป
พระราชกรณียกิจของ A.M. Miles
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
Chapter 1
ประวัติของ
สมเด็จพระเพทราชา
โดยสังเขป
โดย นาย ตรัย สุวรรณบุตร
สมเด็จพระเพทราชา แต่เดิมเป็นสามัญชนชื่อว่า
"ทองคำ" เป็นชาวพลูหลวง แขวงเมืองสุพรรณบุรี
เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.2175 บางหลักฐาน
ระบุว่า พ.ศ.2170 จุลศักราช 994 จัตวาศก ปีเดียว
กับ สมเด็จพระนารายณ์ และทรงเป็นพระสหายกับ
สมเด็จพระนารายณ์มาตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระ
เยาว์ เนื่องจากพระมารดาของพระองค์เป็นพระนม
โทในสมเด็จพระนารายณ์ (พระนมเอกคือ เจ้าแม่วัด
ดุสิต มารดาของโกษาเหล็กและโกษาปาน)
พระราชกรณียกิจของ A.M. Miles
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในตอนต้นรัชสมัยของสมเด็จพรนารายณ์
สมเด็จ-พระเพทราชาทรงมีตำแหน่งเป็นจางวาง
กรมช้าง มีความชำนาญในศิลปศาสตร์การบังคับ
ช้างและมีฝีมือในการสงคราม เคยได้รับความ
ชอบจากสมเด็จพระ-นารายณ์หลายครั้ง มีครั้ง
หนึ่งสมเด็จพระนารายณ์ทรง ยกทัพไปตีเมือง
เชียงใหม่ สมเด็จพระเพทราชาหรือจางวางกรม
ช้างในขณะนั้นได้ตามเสด็จไปทำศึกด้วย
การศึกในครั้งนั้นสมเด็จพระนารายณ์ทรงตีได้
เมืองเชียงใหม่และได้มีสัมพันธ์กับราชธิดาเจ้า
เมืองเชียงใหม่องค์หนึ่งจนตั้งครรภ์ แต่พระองค์
ทรงคิดละอายที่จะรับราชธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่ไว้
เป็นพระสนม เนื่องจากในเวลานั้นยังถือว่าเมือง
เชียงใหม่เป็นพวกเดียวกับเมืองลาวและยังเป็นที่
ดูถูกว่าต่ำต้อย จึงทรงยกนางนั้นให้แก่จางวาง
กรมช้าง เมื่อเดินทัพกลับจากเมืองเชียงใหม่มา
ถึงเมืองพิษณุโลก ตำบลโพธิ์ประทับช้าง จังหวัด
พิจิตรในปัจจุบัน ราชธิดาองค์นั้นได้คลอดบุตร
ออกมาเป็นเพศชายตั้งชื่อให้ว่า "เดื่อ" ซึ่งก็คือหล
วงสรศักดิ์ (ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์)
สมเด็จลูกยาเธอกรมพระราชวังบวร (ในรัชสมัย
สมเด็จพระเพทราชา) หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่
8 (พระเจ้าเสือ) เมื่อทรงขึ้นครองราชย์ต่อจาก
สมเด็จพระ เพทราชานั่นเอง
พระราชกรณียกิจของ A.M. Miles
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระเพทราชาทรงขึ้นครองราชย์ เมื่อปี
พ.ศ.2231 จุลศักราช 1050 ขณะมี
พระชนมพรรษา 51 พรรษา ทรงพระนามว่า
"สมเด็จพระมหาบุรุษ วิสุทธิเดชอุดม บรม
จักรพรรดิศร บรมนาถบพิตร สมเด็จพระพุทธเจ้า
อยู่หัว" และได้ทรงแต่งตั้งคุณหญิงกันเป็นพระ
อัครมเหสีฝ่ายขวา (พระมเหสีเดิมในพระเพทราชา
เป็นผู้อภิบาลพระเจ้าเสือตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
ภายหลังได้ขึ้นเป็นที่กรมพระเทพามาตย์ในสมัย
ของพระเจ้าเสือ)
แต่งตั้งสมเด็จเจ้าฟ้าศรีสุพรรณ (กรมหลวง
โยธาทิพ) ซึ่งเป็นพระขนิษฐาร่วมพระชนนีกับ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชให้เป็นพระมเหสีฝ่าย
ขวา ซึ่งต่อมาได้พระราชทานกำเนิดพระโอรส
พระองค์หนึ่งคือ "เจ้าพระขวัญ" และแต่งตั้งเจ้า
ฟ้าทอง หรือเจ้าฟ้าสุดาวดี (กรมหลวงโยธาเทพ)
พระราชธิดาพระองค์เดียวในสมเด็จพระนารายณ์
มหาราชเป็นพระมเหสีฝ่ายซ้าย ซึ่งต่อมาได้
พระราชทานกำเนิดพระโอรสพระองค์หนึ่งคือ
"ตรัสน้อย" และแต่งตั้งนางนิ่มเป็นพระสนมเอก
นอกจากนี้ยังได้แต่งตั้งหม่อมแก้วบุตรท้าวศรี
จุฬาลักษณ์ (แจ่ม) พระขนิษฐาของพระองค์เป็นก
รมขุนเสนาบริรักษ์อีกด้วย
พระราชกรณียกิจของ A.M. Miles
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระเพทราชาทรงครองราชสมบัติเป็น
เวลาถึง 15 ปี (สิริพระชนมพรรษาได้ 71 พรรษา)
ก่อนที่จะทรงพระประชวรอย่างหนัก ระหว่างที่
พระองค์ทรงพระประชวรอยู่นั้นได้เกิดปัญหาใน
การสืบราชสมบัติขึ้น ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์ในการสืบราช
สมบัติต่อจากพระองค์คือ เจ้าพระขวัญและตรัส
น้อย พระราชโอรสแท้ๆ ของพระองค์ แต่เจ้าพระ
ขวัญทรงถูกกรมพระราชวังบวร (พระเจ้าเสือ)
ลอบสังหาร ตรัสน้อยทรงหนีไปบวชพระ
เมื่อสมเด็จพระเพทราชาทรงทราบก็ทรงรีบ
ตั้งพระราชนัดดาคือ "เจ้าพระยาพิไชยสุรินทร์" ให้
ขึ้นสืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ แต่เมื่อพระองค์
สวรรคตในปี พ.ศ.2246 เจ้าพระยาพิไชยสุรินทร์
กลับไม่กล้าปราบดาภิเษกขึ้นครองราชด้วยเกรง
บารมีของกรมพระราชวังบวร จึงได้ขอให้กรม
พระราชวังบวรขึ้นครองราชย์แทน กรม
พระราชวังบวรจึงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จ
พระสรรเพชญ์ที่ 8 เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่
29 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระองค์ที่ 2
แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ราชวงศ์สุดท้ายของ
อาณาจักรอยุธยา.
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
Chapter 2
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
Chapter 2
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา
การปฏิรูปการปกครอง ในรัชสมัยของ
พระองค์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการ
ปกครองใหม่ โดยกำหนดให้หัวเมืองฝ่ายเหนืออยู่ใน
ความดูแลของ สมุหนายก และหัวเมืองฝ่ายใต้อยู่
ในความดูแลของ สมุหพระกลาโหม โดยแบ่งให้
แต่ละฝ่ายรับผิดชอบดูแลกิจการทั้งด้านทหารและ
พลเรือนในภูมิภาคนั้น ๆ
นอกจากนี้พระองค์ยังได้เพิ่มจำนวนกำลังทหารให้
แก่ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า
เพื่อเป็นกำลังป้องกันวังหลวงอีกทางหนึ่งด้วย
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ก็ได้ทรง
ขับไล่กำลังทหารฝรั่งเศสออกไปจากกรุง
ศรีอยุธยา แต่ยังมีพระบรมราชานุญาตให้
บาทหลวงและพ่อค้าชาวฝรั่งเศสอาศัยอยู่ในกรุง
ศรีอยุธยาต่อไปได้ ได้มีการทำสนธิสัญญากับ
ฝรั่งเศส เรื่องการขนย้ายทหารและทรัพย์สินของ
ฝรั่งเศสออกจากป้อมที่บางกอก โดยฝ่ายไทยเป็น
ผู้จัดเรือกับต้องส่งคืนทรัพย์สินที่เป็นของกรุง
ศรีอยุธยาคืนทั้งหมด สำหรับข้าราชการและ
ราษฎรไทยที่ยังอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ทาง
ฝรั่งเศสจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับ
กรุงศรีอยุธยา ผลการปฏิบัติดังกล่าวทำให้ความ
สัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับฝรั่งเศสสิ้นสุด
ลงตั้งแต่นั้นมา
นอกจากนี้ในสมัยของพระองค์ยังได้เกิดกบฏ
ขึ้นหลายครั้ง อีกทั้งเกิดปัญหาหัวเมืองใหญ่อย่าง
เมืองนครราชสีมาและเมืองนครศรีธรรมราชซึ่ง
ได้รับการสถาปนาจากสมเด็จพระนารายณ์
มหาราชไม่ยอมรับพระราชอำนาจของพระองค์
เนื่ องจากมองว่าพระองค์เป็นผู้แย่งชิงราชสมบัติ
จากสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในเวลานั้นชาว
ฝรั่งเศส นักสอนศาสนาคริสต์ และชาวต่างชาติ
บางกลุ่มถูกเนรเทศให้กลับประเทศ ส่วนพระพุทธ
ศาสนาได้รับการทำนุบำรุงเป็นอันมาก
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ก็ได้ทรง
ขับไล่กำลังทหารฝรั่งเศสออกไปจากกรุง
ศรีอยุธยา แต่ยังมีพระบรมราชานุญาตให้
บาทหลวงและพ่อค้าชาวฝรั่งเศสอาศัยอยู่ในกรุง
ศรีอยุธยาต่อไปได้ ได้มีการทำสนธิสัญญากับ
ฝรั่งเศส เรื่องการขนย้ายทหารและทรัพย์สินของ
ฝรั่งเศสออกจากป้อมที่บางกอก โดยฝ่ายไทยเป็น
ผู้จัดเรือกับต้องส่งคืนทรัพย์สินที่เป็นของกรุง
ศรีอยุธยาคืนทั้งหมด สำหรับข้าราชการและ
ราษฎรไทยที่ยังอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ทาง
ฝรั่งเศสจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับ
กรุงศรีอยุธยา ผลการปฏิบัติดังกล่าวทำให้ความ
สัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับฝรั่งเศสสิ้นสุด
ลงตั้งแต่นั้นมา
นอกจากนี้ในสมัยของพระองค์ยังได้เกิดกบฏ
ขึ้นหลายครั้ง อีกทั้งเกิดปัญหาหัวเมืองใหญ่อย่าง
เมืองนครราชสีมาและเมืองนครศรีธรรมราชซึ่ง
ได้รับการสถาปนาจากสมเด็จพระนารายณ์
มหาราชไม่ยอมรับพระราชอำนาจของพระองค์
เนื่ องจากมองว่าพระองค์เป็นผู้แย่งชิงราชสมบัติ
จากสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในเวลานั้นชาว
ฝรั่งเศส นักสอนศาสนาคริสต์ และชาวต่างชาติ
บางกลุ่มถูกเนรเทศให้กลับประเทศ ส่วนพระพุทธ
ศาสนาได้รับการทำนุบำรุงเป็นอันมาก
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทั้งนี้พระองค์ยังได้ทรงทำการปฏิรูปการ
ปกครองขึ้นมาใหม่ โดยได้กำหนดให้หัวเมืองฝ่าย
เหนืออยู่ในความดูแลของสมุหนายก และหัวเมือง
ฝ่ายใต้อยู่ในความดูแลของสมุหพระกลาโหม และ
ยังได้แบ่งให้แต่ละฝ่ายดูแลรับผิดชอบกิจการ
ต่างๆ ทั้งด้านทหารและพลเรือนในภูมิภาคนั้นๆ
นอกจากนี้พระองค์ยังได้ทรงให้เพิ่มจำนวนกำลัง
ทหารแก่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลหรือวัง
หน้า เพื่อเป็นกำลังป้องกันวังหลวงอีกทางหนึ่ง
ด้วย
งานทางด้านต่างประเทศ มีหัวเมืองประเทศ
ใกล้เคียงเข้ามาอ่อนน้อมสวามิภักดิ์เป็น
ประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา กล่าวคือในปี
พ.ศ.2234 เขมรได้ส่งคณะราชทูตนำช้างเผือก
เชือกหนึ่งมาถวาย ขอเข้ามาอยู่ใต้พระบรม
โพธิสมภาร ต่อมาในปี พ.ศ.2238 กษัตริย์กรุงศรี
สัตนาคนหุตได้ส่งราชทูตนำพระราชสาส์นและ
เครื่องราชบรรณาการเข้ามาถวาย กับขอให้
กองทัพไทยไปช่วยต้านทานการรุกรานจาก
กองทัพหลวงพระบาง พระองค์ทรงจัดกองทัพ
ขึ้นไปช่วยไกล่เกลี่ยจนทั้งสองเมืองกลับเป็นไมตรี
ต่อกัน
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
ระบุว่าในรัชกาลนี้ประเทศใกล้เคียงเข้ามา
อ่อนน้อมเจริญสัมพันธไมตรี กล่าวคือ ในปี พ.ศ.
2234 นักเสด็จเถ้าพระเจ้ากรุงกัมพูชาโปรดให้
พระยาเขมร 3 คนนำ ช้างเผือก พังช้างหนึ่งมา
ถวาย สมเด็จพระเพทราชาพระราชทานชื่อว่า
พระบรมรัตนากาศ ชาติคเชนทร์ วเรนทรมหันต์
อนันตคุณ วิบุลธรเลิดฟ้า และพระราชทานผ้า
แพรจำนวนมากให้พระยาเขมรนำไปพระราชทาน
นักเสด็จเถ้า
ต่อมาในปี พ.ศ. 2238 พระเจ้ากรุงศรีสัตนาค
นหุต ( เวียงจันทน์ ) ได้ส่งราชทูตนำพระราช
สาส์นมาทูลว่าจะถวายพระราชธิดา และขอกรุง
ศรีอยุธยาส่งกองทัพไปช่วยป้องกันกรุงศรีสัต
นาคนหุตจากกองทัพหลวงพระบาง จึงโปรดให้
พระยานครราชสีมานำพล 10,000 ไปกรุง
เวียงจันทน์ หลวงพระบางทราบข่าวจึงยอม
ประนีประนอมกับเวียงจันทน์ เมื่อเรือพระที่นั่ง
ของพระราชธิดาพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตมาถึง
หน้าวัดกระโจม กรมพระราชวังบวรสถานมงคลก็
มีพระบัณฑูรให้รับพระราชธิดานั้นไว้ที่วังหน้า แล้ว
เสด็จไปกราบทูลสมเด็จพระเพทราชา สมเด็จพระ
เพทราชาก็พระราชทานตามที่ขอ
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
Chapter 3
ประวัติของพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
Chapter 3
ประวัติของพระบาท
สมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จ
พระราชสมภพเมื่อวันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน
พุทธศักราช ๒๔๓๖ เป็นพระราชโอรสในพระบาท
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ
พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
เมื่อทรงเจริญพระชนมพรรษา สมเด็จ
พระบรมชนกนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้
เสด็จไปศึกษาวิชา ณ ประเทศอังกฤษ ทรง
สำเร็จ การศึกษาจากวิทยาลัยอีตันแล้วทรง
ศึกษาต่อวิชาทหารในโรงเรียนนายร้อยทหาร
เมืองวูลิช (Royal - Academy, Woolich)
แผนกปืนใหญ่ม้า ทรงสำเร็จการศึกษาเมื่อ
พุทธศักราช ๒๔๕๖
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในพุทธศักราช ๒๔๕๗ เสด็จฯกลับประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับราชการตำแหน่งนาย
ทหารคนสนิทของจอมพลสมเด็จพระอนุชาธิราช
เจ้าฟ้ากรมหลวงพิศณุโลกประชานาถ ได้รับ
พระราชทานเลื่อนขึ้นดำรงพระยศ และทรงดำรง
ตำแหน่งตามลำดับ จนถึงพระยศนายพันตรี
ตำแหน่งผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยชั้นประถม
จนถึง พ.ศ. ๒๔๖๐ จึงทรงขอพระราชทานพระบรม
ราชานุญาตลาราชการเพื่อทรงผนวช เมื่อทรงลา
ผนวชแล้วทรงกลับเข้ารับราชการตามเดิม
และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอ
ภิเษกสมรสกับหม่อมเจ้ารำไพพรรณี สวัสดิวัฒน์
(ภายหลังทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระนางเจ้ารำไพ
พรรณี พระบรมราชินี) แล้วเสด็จฯ ไปทรงศึกษา
วิชาทหารต่อในโรงเรียนเสนาธิการทหาร Ecole
de Guerre ที่ประเทศฝรั่งเศส ทรงสำเร็จการ
ศึกษา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ เสด็จฯกลับประเทศไทย
โดยทรงแวะสหรัฐ อเมริกาและญี่ปุ่น เพื่อเป็น
ประโยชน์แก่การศึกษาเพิ่มเติม
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อเสด็จฯ กลับถึงประเทศไทย ทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯให้เ้ข้ารับราชการในตำแหน่ง
ปลัดกรมเสนาธิการทหารบก เลื่อนพระยศขึ้นเป็น
นายพันเอกทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการ
กองพลทหารบกที่ ๒ และผู้บังคับการพิเศษกรม
ทหารปืนใหญ่ที่ ๒ ตามลำดับ ต่อมาทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯให้ทรงดำรงตำแหน่งรัชทายาททรง
ปฏิบัติราชการแทนพระองค์ เมื่อพระบาทสมเด็จ
พระบรมเชษฐาธิราเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ
นอกพระนคร
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๔๖๘ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้
เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์
รัชกาลที่ ๗ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาหม่อมเจ้ารำไพพรรณี
พระวรราชชายาขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้ารำไพ
พรรณี พระบรมราชินี ในการพระราชพิธีบรม
ราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๘
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
Chapter 4
พระราชกรณียกิจของพระบาท
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
Chapter 4
พระราชกรณียกิจ
ของพระบามสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ด้านการทำนุบำรุงบ้านเมือง เศรษฐกิจ สืบเนื่องจาก
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ประเทศทั่วโลกประสบปัญหา
ภาวะเศรษฐกิจ ตกต่ำ ซึ่งมีผลกระทบกระเทือนมาสู่
ประเทศไทย พระองค์ได้ทรงพยายามแก้ไขการงบ
ประมาณของประเทศให้งบดุลอย่างดีที่สุด โดยทรงเสีย
สละตัดทอนรายจ่ายส่วนพระองค์ โดยมิได้ขึ้นภาษีให้
ราษฎร เดือดร้อน การสุขาภิบาลและสาธารณูปโภค โปรด
ให้ปรับปรุงงานสุขาภิบาลทั่วราชอาณาจักรให้ทัดเทียม
อารยประเทศ ขยายการสื่อสารและการคมนาคม โปรดให้
สร้างสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกใน ประเทศไทย ใน
ส่วนกิจการรถไฟ ขยายเส้นทางรถทางทิศตะวันออกจาก
ทางจังหวัดปราจีนบุรี จน กระทั่งถึงต่อเขตแดนเขมร
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
การส่งเสริมกิจการสหกรณ์ให้ประชาชนได้มี
โอกาสร่วมกันประกอบกิจการทางเศรษฐกิจ โดย
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติ
สหกรณ์ พ.ศ. 2471 ขึ้น
ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างโรง
ภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง ซึ่งนับเป็นโรง
ภาพยนตร์ทันสมัยในสมัยนั้น ติดเครื่องปรับ
อากาศ เพื่อเป็นสถานบันเทิงให้แก่ผู้คนใน
กรุงเทพมหานคร
สำหรับในเขตหัวเมือง ทรงได้จัดตั้ง สภาจัด
บำรุงสถานที่ชายทะเลทิศตะวันตกขึ้น เพื่อทำนุ
บำรุงหัวหินและใกล้เคียงให้เป็นสถานที่ตากอากาศ
ชายทะเลแก่ประชาชนที่มาพักผ่อน
ในปี พ.ศ. 2475 เป็นระยะเวลาที่กรุงเทพฯ
มีอายุครบ 150 ปี ทรงจัดงานเฉลิมฉลองโดยทำนุ
บำรุง บูรณปฏิสังขรณ์สิ่งสำคัญอันเป็นหลักของ
กรุงเทพฯ หลายประการ คือ บูรณะวัดพระ
ศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง สร้าง
สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ เพื่อเชื่อมกรุงเทพฯ
และธนบุรี เป็นการขยายเขต เมืองให้กว้างขวาง
และสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ด้านการปกครอง พระบาทสมเด็จพระ
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปรารภจะ
พระราชทานรัฐธรรมนูญในโอกาสกรุงเทพฯ มีอายุ
ครบ 150 ปี ในปี พ.ศ. 2475 แต่ก็มีเหตุที่ยังไม่
อาจทำได้ในระยะนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่มีคณะบุคคล
คณะหนึ่งถือโอกาสยึดอำนาจการปกครองจาก
พระมหากษัตริย์มาเป็นของคณะตนเอง ในวันที่
24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีเจตนาล้มล้าว
สถาบันพระมหากษัตริย์จากคณะบุคคลที่ได้รับการ
ศึกษาจากตะวันตก อย่างไรก็ตาม การกระทำดัง
กล่าวก็เป็นพระราชประสงค์ที่ตั้งพระราชหฤทัยไว้
แต่แรกแล้วว่าจะทรงสละพระราชอำนาจแก่
ประชาชน จึงทรงพระราชทานอำนาจและยินยอม
ให้เปลี่ยนแปลงการปกครอง นับเป็นการ
เปลี่ยนแปลงการปกครองชาติเดียวในโลกที่เลือด
ไม่นองแผ่นดิน โดยพระองค์ทรงยินยอมสละพระ
ราชอำนาจและเป็นพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้
รัฐธรรมนูญ ทรงให้ตรวจตราตัวบทกฎหมาย
รัฐธรรมนูญที่จะเป็นหลักในการปกครองอย่าง
ถี่ถ้วน การที่พระองค์ทรง เป็นนักประชาธิปไตย
อย่างแท้จริงนี่เอง เมื่อคณะรัฐบาลบริหารงานไม่
ถูกต้องตามหลักการที่วางไว้
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงแก้ไขกฎหมายองคมนตรี ด้วยการออก
พระราชบัญญัติองคมนตรี พ.ศ. 2470 ให้ สภา
กรรมการองคมนตรี มีอำนาจหน้าที่ ในการให้คำ
ปรึกษาในการร่างกฎหมาย โดยมีพระราชดำริให้
สภาองคมนตรีเป็นที่ฝึกการประชุมแบบรัฐสภา
กรรมการสภาองคมนตรีอยู่ในตำแหน่งวาระละ 3
ปี
ทรงตราพระราชบัญญัติควบคุมการค้าขาย
อันกระทบถึงความปลอดภัยหรือความผาสุก
แห่งสาธารณชน พ.ศ. 2471 เพื่อคุ้มครอง
สวัสดิการของปวงชนชาวไทย โดยมีขอบเขต
ครอบคลุมการค้าขายที่เป็นสาธารณูปโภคและ
การเงิน เช่น การประปา การไฟฟ้า การรถไฟ
การเดินอากาศ การชลประทาน การออมสิน และ
การประกันภัย อันเป็นรากฐานของระเบียบ
ปฏิบัติ ที่ใช้กันมาจนทุกวันนี้
ทรงมีพระราชดำริให้จัดระเบียบการปกครอง
รูปแบบเทศบาลขึ้น เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่น
รู้จักเลือกตัวแทนเข้าไปบริหารและจัดการงาน
ต่างๆ ของชุมชน โดยโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระ
ราชบัญญัติเทศบาล ขึ้นแต่มิได้เป็นไปตามพระ
ราชประสงค์เนื่ องจากการเปลี่ยนแปลงการ
ปกครอง
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ภายหลัง
การเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะบุคคลที่
เรียกตนเองว่า คณะราษฎร์ สำเร็จ โดยอ้างว่า
เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบ
ประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
แต่กลับมีการยึดอำนาจหรือรัฐประหารตามมา
หลายต่อหลายครั้งโดยคณะบุคคลภายในคณะนี้
เอง ซึ่งขัดกับหลักการประชาธิปไตยที่ตั้งมั่นไว้
หรือการก่อการครั้งนี้เป็นเพียงการก่อการเพื่อ
เปลี่ยนมืออำนาจจากพระมหากษัตริย์มาสู่คณะ
บุคคลคณะนี้เท่านั้น
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ด้านการศาสนา การศึกษา ประเพณีและ
วัฒนธรรม ทรงส่งเสริมการศึกษาของชาติทั้ง
ส่วนรวมและส่วนพระองค์ โปรดให้สร้างหอพระ
สมุดสำหรับพระนคร เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน
เข้าศึกษาได้อย่างเสรี ทรงตั้งราชบัณฑิตยสภา
เพื่อมีหน้าที่บริหารและเผยแพร่วิชาการด้าน
วรรณคดี โบราณคดี และศิลปกรรม ในด้าน
วรรณกรรม โปรด ตราพระราชบัญญัติคุ้มครอง
วรรณกรรมและศิลปกรรมใน พ.ศ. 2475
พระราชทานเงินส่วนพระองค์ เป็นรางวัลแก่ผู้
แต่งหนังสือยอดเยี่ยม และให้ทุนนักเรียนไป
ศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศ การ
ศาสนา ทรงปลูกฝังเยาวชนให้มีคุณธรรมดีงาม
โดยยึดหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา โปรดให้
ราชบัณฑิตยสร้างหนังสือสอนพระพุทธศาสนา
สำหรับเด็ก ซึ่งนับว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหา
กษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงสร้างหนังสือสำหรับ
เด็ก ส่วนการศึกษาในเนื้อแท้ของพระพุทธ
ศาสนานั้น ทรงโปรดให้สร้างหนังสือพระ
ไตรปิฎกฉบับสมบูรณ์ เรียกว่าฉบับสยามรัฐ ชุด
หนึ่ง จำนวน 42 เล่ม ซึ่งใช้สืบมาจนทุกวันนี้
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติได้ทรงวาง
รากฐานเป็นอย่างดีกล่าวคือ ได้ทรงสถาปนา
ราชบัณฑิตยสถานสภาขึ้น เพื่อจัดการหอพระ
สมุดสำหรับพระนครและสอบสวนพิจารณาวิชา
อักษรศาสตร์ เพื่อจัดการพิพิธภัณฑสถานตรวจ
รักษาโบราณสถานและโบราณวัตถุ และเพื่อ
จัดการบำรุงรักษาวิชาช่างผลงานของราช
บัณฑิตสภาเป็นผลดีต่อการอนุรักษ์และส่งเสริม
ศิลปวัฒนธรรมของชาติเป็นอย่างมาก เช่นการ
ตรวจสอบต้นฉบับเอกสารโบราณออกตีพิมพ์
เผยแพร่ มีการส่งเสริมสร้างสรรค์วรรณกรรม
รุ่นใหม่ด้วยการประกวดเรียบเรียงบทประพันธ์
ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง
ทรงอนุรักษ์ดนตรีไทยไว้ด้วยพระองค์เอง
ทั้งนี้เพราะได้ทรงสนพระราชหฤทัยในวิชาดนตรี
ไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หลวง
ประดิษฐ์ไพเราะ เข้าถวายการฝึกสอนจนสามารถ
พระราชนิพนธ์ทำนองเพลงไทยได้ ถึง 3 เพลง
คือเพลง ราตรีประดับดาวเถา เพลงเขมรลออ
องค์เถา และเพลงโหมโรงคลื่นกระทบฝั่ ง
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทางด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม ทรง
สละทรัพย์ส่วนพระองค์ปฏิสังขรณ์วัดสุวรรณ
ดาราราม จังหวัดอยุธยา โปรดฯให้เขียนภาพ
พงศาวดาร สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไว้ที่ผนัง
พระวิหาร
ทรงพยายามสร้างค่านิยมให้มีสามีภรรยา
เพียงคนเดียว ทรงโปรดให้ตรา พระราชบัญญัติ
แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะผัวเมีย พ.ศ.
2471 ริเริ่มให้มีการจดทะเบียนสมรส ทะเบียน
หย่า ทะเบียนรับรองบุตร อันเป็นการปลูกฝังค่า
นิยมแบบใหม่ทีละน้อยตามความสมัครใจ
นอกจากนี้ยังทรงปฏิบัติตอนเป็นแบบอย่างโดย
ทรงมีแต่พระบรมราชินีเพียงพระองค์เดียว โดย
ไม่ทรงมีพระสนมนางในใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้
แล้ว เมื่อทรงว่างจากพระราชภารกิจ ทรงโปรด
ในการถ่ายภาพนิ่งและถ่ายภาพยนตร์ ทรง
ทดลองใช้เอง กล้องถ่ายภาพและภาพยนตร์
จำนวนมากที่ทรงสะสมไว้ สะท้อนให้เห็นพระ
อุปนิสัยโปรดการถ่ายภาพและภาพยนตร์
ภาพยนตร์ทรงถ่ายมีเนื้ อหาทั้งที่เป็นสารคดีและ
ที่ให้ความบันเทิง ในจำนวนภาพยนตร์เหล่านี้
เรื่องที่เป็นเกียรติประวัติของวงการภาพยนตร์
ไทยและแสดงพระราชอัจฉริยภาพดีเยี่ยมในการ
สร้างโครงเรื่อง กำกับภาพ ลำดับฉาก และ
อำนวยการแสดง คือ เรื่องแหวนวิเศษ นับได้ว่า
พระองค์เป็นหนึ่งในบุคคลที่บุกเบิกวงการ
ภาพยนตร์ไทยอีกพระองค์หนึ่ง
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทางด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม ทรง
สละทรัพย์ส่วนพระองค์ปฏิสังขรณ์วัดสุวรรณ
ดาราราม จังหวัดอยุธยา โปรดฯให้เขียนภาพ
พงศาวดาร สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไว้ที่ผนัง
พระวิหาร
ทรงพยายามสร้างค่านิยมให้มีสามีภรรยา
เพียงคนเดียว ทรงโปรดให้ตรา พระราชบัญญัติ
แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะผัวเมีย พ.ศ.
2471 ริเริ่มให้มีการจดทะเบียนสมรส ทะเบียน
หย่า ทะเบียนรับรองบุตร อันเป็นการปลูกฝังค่า
นิยมแบบใหม่ทีละน้อยตามความสมัครใจ
นอกจากนี้ยังทรงปฏิบัติตอนเป็นแบบอย่างโดย
ทรงมีแต่พระบรมราชินีเพียงพระองค์เดียว โดย
ไม่ทรงมีพระสนมนางในใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้
แล้ว เมื่อทรงว่างจากพระราชภารกิจ ทรงโปรด
ในการถ่ายภาพนิ่งและถ่ายภาพยนตร์ ทรง
ทดลองใช้เอง กล้องถ่ายภาพและภาพยนตร์
จำนวนมากที่ทรงสะสมไว้ สะท้อนให้เห็นพระ
อุปนิสัยโปรดการถ่ายภาพและภาพยนตร์
ภาพยนตร์ทรงถ่ายมีเนื้ อหาทั้งที่เป็นสารคดีและ
ที่ให้ความบันเทิง ในจำนวนภาพยนตร์เหล่านี้
เรื่องที่เป็นเกียรติประวัติของวงการภาพยนตร์
ไทยและแสดงพระราชอัจฉริยภาพดีเยี่ยมในการ
สร้างโครงเรื่อง กำกับภาพ ลำดับฉาก และ
อำนวยการแสดง คือ เรื่องแหวนวิเศษ นับได้ว่า
พระองค์เป็นหนึ่งในบุคคลที่บุกเบิกวงการ
ภาพยนตร์ไทยอีกพระองค์หนึ่ง
พระราชกรณียกิจของ
สมเด็จพระเพทราชา และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ในต้นรัชสมัย
ได้ทรงดำเนินกิจการสำคัญที่ทรงเกี่ยวข้องกับ
ต่างประเทศที่ค้างมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาท
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวให้สำเร็จลุล่วงไป
เช่น การให้สัตยาบันสนธิสัญญาต่าง ๆ นอกจาก
นี้ยังทรงทำสัญญาใหม่ ๆ กับประเทศเยอรมนี
หลังสถาปนาความสัมพันธ์ขั้นปกติ เมื่อ พ.ศ.
2471 และทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศสเกี่ยวกับดิน
แดนในลุ่มแม่น้ำโขงเรียกว่า สนธิสัญญาอินโด
จีน พ.ศ. 2469 ที่ กำหนดให้ มีเขตปลอดทหาร
25 กิโลเมตร ทั้ง สองฝั่ งน้ำโขง แทนที่ จะมี
เฉพาะฝั่ งสยามแต่เพียงฝ่ายเดียว