The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คำซ้อนและคำซ้ำ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Snook Thitirat, 2023-07-09 11:36:46

คำซ้อนและคำซ้ำ

คำซ้อนและคำซ้ำ

คำซ้อน คือการนำคำมูลที่มีความหมายเหมือนกัน ตรงข้ามกัน ใกล้เคียงกัน มาเรียงต่อกัน แล้วทำให้เกิดคำใหม่ ที่มีความหมายใกล้เคียงกับคำเดิม หรือมีความหมายอยู่ที่คำ ใดคำหนึ่ง โดยคำมูลใช้สร้างคำซ้อนนั้นอาจเป็นคำมูลจาก ภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศก็ได้ การซ้อนคำเป็นการสร้างคำใหม่ในภาษาไทยรูปแบบ หนึ่ง ทำให้เราได้คำใหม่มาใช้ในภาษาไทยมากขึ้น โดยคำซ้อน ในภาษาไทยสามาถแบ่งเป็น ๒ กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ คำซ้อน เพื่อความหมายและคำซ้อนเพื่อเสียง


คำมูล คำมูล คำซ้อน เช่น กัก ขัง กักขัง เท็จ จริง เท็จจริง


๑. ความหมายเหมือนกัน หมายถึง คำที่นำมาซ้อนกันหมายถึงสิ่งเดียวกัน หรือเป็นอย่างเดียวกัน ๒. ความหมายคล้ายกัน หมายถึง คำที่นำมาซ้อนกันมีความหมายใกล้เคียง กันหรือเป็นไปในทำนองเดียวกัน พอที่จะจัดเข้ากลุ่มเดียวกันได้ ๓. ความหมายตรงกันข้าม หมายถึง คำที่นำมาซ้อนกันมีความหมาย เป็นคนละลักษณะหรือคนละฝ่ายกัน


คำว่า บ้านเรือน ประกอบด้วยคำว่า บ้าน แปลว่า ที่อยู่อาศัย เรือน แปลว่า ที่พักอาศัย คำว่า แก่เฒ่าประกอบด้วยคำว่า แก่ แปลว่า สูงวัย เฒ่า แปลว่า อายุเยอะ


ยิ้มแย้ม รูปภาพ พักผ่อน สวยงาม ดีเลิศ อ้วนท้วม


คำว่า ท่าทาง ประกอบด้วยคำว่า ท่า แปลว่า ลักษณะมือ เท้า ศีรษะ หรือร่างกายที่เคลื่อไหวหรืออยู่นิ่งๆ ทาง แปลว่า แนวลักษณะที่กำหนด หรือวางไว้เป็นแบบ ใจคอ เล็กน้อย ยักษ์มาร ไร่นา เงินทอง แข้งขา หน้าตา แขนขา ถ้วยชาม เพรพลอย


- ข้าวปลา ไม่ได้หมายเฉพาะข้าวกับปลา แต่รวมถึงอาหารทั่วไป - พี่น้อง ไม่ได้หมายเฉพาะพี่กับน้อง แต่รวมถึงญาติทั้งหมด เป็นคำซ้อนที่เกิดจากคำซึ่งมีความหมาย คล้ายกันหรืออยู่ในประเภทเดียวกัน


ใกล้ไกล ทุกข์สุข ผิดถูก ดีชั่ว สูงต ่า ดำขาว เป็นคำซ้อนที่เกิดจากคำซึ่งมีความหมายตรงข้ามกัน คำว่า เท็จจริง ประกอบไปด้วย เท็จ แปลว่า ไม่จริง จริง แปลว่า แน่แท้


เกิดจากคำมูลที่ไม่มีความหมายมาซ้อนกัน เช่น ตุ๊ต๊ะ เทอะทะ จุ๋มจิ๋ม หยุมหยิม จู้จี้ เพิ่มคำมูลที่ไม่มีความหมาย เพื่อให้เสียงคล้องจอง กับพยางค์หลัก เช่น แออัด เปรอะปะ เห็นว่าความหมายหลักจะอยู่ที่คำมูลเพียงคำเดียว คือการนำคำมูลตั้งแต่สองคำขึ้นไปมาซ้อนกัน โดยเน้นเสียงพยัญชนะ หรือเสียงสระที่คล้องจองหรือมีเสียงใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดคำซ้อนที่มีเสียง สวยงาม สร้างความรู้สึกให้แก่ผู้ฟัง


นำคำที่ไม่มีความหมายมาซ้อนกับคำที่มีความหมาย เช่น กระดูกกระเดี้ยว อดเอิด ตาเตอ พยายงพยายาม


นำคำซ้อน 4 - 6 พยางค์ที่มีเสียงสัมผัสภายในคำมาซ้อนกัน เช่น ข้าเก่าเต่าเลี้ยง ทรัพย์ในดินสินในน ้า ประเจิดประเจ้อ ถ้วยโถโอชาม


ค้าซ้้าคือการน้าค้ามูลที่มีรูปเสียงและความหมายเหมือนกันมา กล่าวซ้้าโดยใช้เครื่องหมายไม้ยมก (ๆ) เติมข้างหลัง โดยค้าที่ซ้้าจะต้องเหมือนกันทั้งรูป เสียง ความหมาย และหน้าที่ของค้าในประโยค เช่น หนุ่ม ๆ / ช้า ๆ / ลูก ๆ / สุก ๆ ดิบ ๆ / สด ๆ ร้อน ๆ


ค้าซ้้าไม่เปลี่ยนเสียง ค้าซ้้าเปลี่ยนเสียง ถ้าค้าเดิมมีพยางค์เดียว จะลงเสียงหนักที่พยางค์หลัง เช่น หลาน ๆ แดง ๆ สวย ๆ ใช้เพื่อเน้นความหมายเพิ่มมากขึ้น จะเปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์พยางค์หน้าเป็น วรรณยุกต์เน้นพิเศษ ค้าซ้้าประเภทนี้ไม่ ใช้ไม้ยมก เช่น - ดี๊ดี - ช้อบชอบ - อิ๊มอิ่ม ถ้าค้าเดิมมีหลายพยางค์ จะออกเสียง เหมือนค้าเดิมเพิ่มหนึ่งครั้ง เช่น พอดี ๆ ระบบ ๆ ประเด็น ๆ


1. ค้าซ้้ามีความหมายเป็นพหูพจน์ 2. ค้าซ้้าบอกความไม่เน้นหนัก 3. ค้าซ้้ามีความเน้นหนัก 4. ค้าซ้้ามีความหมายไม่เจาะจง 5. ค้าซ้้ามีความหมายแยกเป็นส่วนๆ 6. ค้าซ้้ามีความหมายต่อเนื่องกันเป็นหลายครั้ง


• เด็ก ๆ น่ารักทุกคน • สาว ๆ ที่บ้านท้างานกันเก่ง • ยายมีความสุขที่อยู่กับหลาน ๆ • เขามีเงินเป็นล้าน ๆ คนมาซื้อของเป็นพัน ๆ คน 1. ค้าซ้้ามีความหมายเป็นพหูพจน์ เช่น (แสดงถึงจ้านวนมากกว่าหนึ่ง)


• ลิปสติกแท่งนั้นสีออกแดง ๆ (แดง ๆ หมายถึง สีค่อนข้างแดง ไม่แดงเข้ม) • เขาหน้าตาคล้าย ๆ พ่อ (คล้าย ๆ หมายถึง ค่อนข้างเหมือน) • เขาเกือบ ๆ จะได้เป็นนายกแล้ว 2. ค้าซ้้าบอกความไม่เน้นหนัก เช่น


• ข้าวขาหมูของฉันขอแต่เนื้อ ๆ นะ • มาที่นี่บ่อย ๆ จะได้เรียนรู้อะไรบ้าง • เดินเร็ว ๆ เดี๋ยวไม่ทันขบวน • กินอาหารมัน ๆ จะท้าให้อ้วน • ที่นี่ขายแต่ของแพง ๆ 3. ค้าซ้้ามีความเน้นหนัก เช่น


• อะไร ๆ เขาก็ไม่อยากกินทั้งนั้น • ที่ไหน ๆ ก็ไม่สบายเท่าบ้านเรา • บ้านเขาอยู่แถว ๆ บางล้าพู • บ่าย ๆ ฉันจะไปซื้อของ • เวลาดูหนังเขาชอบนั่งที่หลัง ๆ 4. ค้าซ้้ามีความหมายไม่เจาะจง เช่น


5.ค้าซ้้ามีความหมายแยกเป็นส่วนๆ มักเป็นลักษณนาม เช่น • เขาจัดข้อมูลลงเป็นช่อง ๆ • วิชุดาล้างจานให้สะอาดเป็นใบๆ • แม่หั่นหมูเป็นชิ้น ๆ • น้องปั้นดินน้้ามันเป็นก้อน ๆ


6. ค้าซ้้ามีความหมายต่อเนื่องกันเป็นหลายครั้ง เช่น • ฉันคิด ๆ ดูแล้วก็อยากไปเรียนต่อ • นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ก็เบื่อจึงอยากจะท้างานบ้าง • ฉันเขียน ๆ จนไม่มีอะไรจะเขียนแล้ว • เธอท้า ๆ ไปเดี๋ยวก็เก่งเอง


ค้าซ้้าที่เป็นส้านวน ค้าซ้้าบางค้าที่มีความหมายเปลี่ยนไปจากเดิมไม่คงความหมายของค้าเดิมไว้ เปลี่ยนความหมายจากค้าเดิมไปเป็นส้านวน เช่น ดื้อๆ ไหนๆ เฉยๆ ไปๆ มาๆ งูๆ ปลาๆ - รถแล่นมาดีๆ แล้วเครื่องก็ดับไปดื้อๆ - ดื้อๆ แปลว่า โดยไม่ทราบสาเหตุ


• เขาพูดๆ อยู่แล้วก็หยุดไปเฉยๆ เฉยๆ แปลว่า โดยไม่รู้เหตุผล โดยไม่มีสาเหตุ • ไป ๆ มาๆ เราก็ได้มาเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ไปๆ มาๆ แปลว่า ในที่สุด • เธอรู้ภาษาอังกฤษแค่งูๆ ปลาๆ จะไปเรียนต่อเมืองนอกได้หรือ งูๆ ปลาๆ แปลว่า รู้นิดหน่อย ไม่รู้จริง


1. ค้าที่มีลักษณะคล้ายค้าซ้้า คือ ใช้รูปไม้ยมกเขียนแต่ค้าเหล่านี้ไม่สามารถ ปรากฏตามล้าพังได้ เช่น หยก ๆ หลัด ๆ ยอง ๆ ฉอด ๆ ปาว ๆ 2. ค้าว่า จะจะ แปลว่า กระจ่าง 3. ค้าที่มาจากภาษาอื่น เช่น นานา (มาจากภาษาบาลีสันสกฤต) เชาเชา อันอัน (เป็นชื่อที่มาจากภาษาจีน)


Click to View FlipBook Version