แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ 7 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 1. ก่อนที่จะปอกฉนวนของสายไฟฟ้าก็คือต้องตัดสายไฟฟ้า ก่อนที่จะตัดสายไฟฟ้าต้องเผื่อความยาวของ สายไฟประมาณเท่าไร ก. 5-15 เซนติเมตร ข. 10-30 เซนติเมตร ค. 15-25 เซนติเมตร ง. 20-40 เซนติเมตร 2. สายไฟฟ้าที่มีขนาดพื้นที่หน้าตัดเท่าไรจะไม่ใช้ขั้วต่อสาย ก. 10 ตารางมิลลิเมตร ข. 16 ตารางมิลลิเมตร ค. 25 ตารางมิลลิเมตร ง. 6 ตารางมิลลิเมตร 3. ตัวต่อสายแบบบีบมีลักษณะตรงกับข้อใด ก. เป็นท่อที่ทำจากพลาสติกพีวีซี ข. เป็นท่อตัวนำโลหะกลวง ค. เป็นท่อตัวนำอโลหะกลวง ง. เป็นท่อโลหะและท่ออโลหะ 4. ข้อใด ไม่ใช่ลักษณะเด่นของการต่อสายแบบไวร์นัต ก. ใช้ต่อสายโดยตรงแบบไม่ขันเกลียว ข. ใช้ขันเกลียว ค. เสียบตัวนำของสายไฟที่ตีเกลียวเข้าด้วยกันแล้วสวมเข้ากับไวร์นัต ง. เมื่อต่อสายไฟได้แล้ว จึงขันไวร์นัตให้แน่น 5. การต่อสายไฟฟ้าเข้ากับขั้วอุปกรณ์มีวิธีการปฏิบัติอย่างไร ก. ม้วนตัวนำของสายในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา ข. ตัวนำของสายพันที่สกรู 2 รอบ ทิศทางตามเข็มนาฬิกา ค. ตัวนำของสายม้วนเป็นวงรอบที่สกรู 3 รอบทิศทางตามเข็มนาฬิกา ง. ตัวนำของสายม้วนเป็นวงรอบที่สกรู 6 รอบทิศทางทวนเข็มนาฬิกา 6. กล่องในงานไฟฟ้า หมายถึงข้อใด ก. กล่องต่อสายและกล่องรวมสาย ข. กล่องดึงสายและกล่องต่อสาย ค. กล่องสำหรับจุดต่อไฟฟ้าของเต้ารับ ง. กล่องแยกสายและกล่องเก็บสาย
7. ขนาดของกล่องโลหะข้อใดมีปริมาตรน้อยที่สุด ก. 8x8x4 ข. 6x6x4 ค. 4x4x4 ง. 8x10x4 8. ขนาดของกล่องอโลหะกำหนดอย่างไร ก. ขนาด 3 มิติมีหน่วยเป็นเซนติเมตร ข. ความกว้างกับความยาวเป็นนิ้ว ส่วนความสูงเป็นมิลลิเมตร ค. ความกว้าง ความยาว และความสูงเป็นนิ้ว ง. ความกว้าง ความยาว และความหนาเป็นมิลลิเมตร 9. คุณสมบัติของเทอร์โมเซตติงตรงกับข้อใด ก. ป้องกันความชื้น ข. ป้องกันการผุกร่อน ค. ป้องกันแสงแดด ง. ป้องกันการผุกร่อนและความชื้น 10. กล่องโลหะมีความหนาสูงสุดเท่าไร ก. 8 นิ้ว ข. 6 นิ้ว ค. 5 นิ้ว ง. 4 นิ้ว
แบบทดสอบก่อนเรียนบทที่ 8 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. มาตรฐานของเซอร์กิตเบรกเกอร์ข้อใดกล่าว ไม่ถูกต้อง ก. มีเครื่องหมายชัดเจนเห็นการสับหรือปลดและต้องปลดสับได้ด้วยมือ ข. ปรับตั้งค่าเวลาและกระแสไฟฟ้าได้ขณะใช้งานผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องควบคุม ค. ปรับตั้งค่าเวลาและกระแสไฟฟ้าได้ ง. ผู้ใช้งานจะต้องควบคุมได้ 2. สายไฟฟ้าทองแดงหุ้มฉนวนพีวีซี เป็นไปตามมาตรฐานใด ก. มอก. 11-2531 ข. มอก. 11-2532 ค. มอก. 12-2531 ง. มอก. 11-2533 3. พิกัดแรงดันไฟฟ้าของสายไฟฟ้ากำหนดแรงดันตรงกับข้อใด ก. 2 ระดับ คือ แรงดันไฟฟ้า 300 โวลต์ และ 380 โวลต์ ข. 2 ระดับ คือ แรงดันไฟฟ้า 380 โวลต์ และ 750 โวลต์ ค. 2 ระดับ คือ แรงดันไฟฟ้า 300 โวลต์ และ 750 โวลต์ ง. 3 ระดับ คือ แรงดันไฟฟ้า 220 โวลต์ 380 โวลต์และ 750 โวลต์ 4. ฉนวนของสายไฟฟ้าชนิด 3 เฟส ข้อใดกำหนดสีถูกต้อง ก. เฟสที่ 1, 2 และ 3 ใช้สีน้ำตาล ดำ และเทา ตามลำดับ ข. เฟสที่ 1, 2 และ 3 ใช้สีน้ำตาล ดำ และเขียว ตามลำดับ ค. เฟส 1 กับ เฟส 2 ใช้สีดำกับแดง ตามลำดับ ง. เฟส 1, 2 และ 3 ใช้สีดำ ขาว และน้ำเงิน ตามลำดับ 5. วัสดุที่ทนต่อการผุกร่อนคือข้อใด ก. สังกะสี ตะกั่ว ข. สังกะสี แคดเมียม ค. แคดเมียม ทองแดง ง. สังกะสี ดีบุก 6. การเดินสายเปิดบนวัสดุฉนวนซึ่งสายไฟที่ยึดเกาะผนังต้องมีความสูงจากพื้นเท่าไร ก. 0.5 เมตร ขึ้นไป ข. 1.5 เมตร ขึ้นไป ค. 2.5 เมตร ขึ้นไป ง. 4 เมตร ขึ้นไป
7. ลักษณะเด่นของการเดินสายในท่อโลหะหนาคือข้อใด ก. ใช้ในสถานที่แห้งและเปียกชื้นได้ ข. เมื่อตัดปลายท่อไม่จำเป็นต้องลบคมท่อ ค. มุมดัดโค้งท่อระหว่างจุดดึงสายมีค่า 380 องศา ง. การต่อสายไฟในท่อโลหะหนา สามารถต่อตรงจุดใดก็ได้ 8. ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะเด่นของการเดินสายในท่อโลหะอ่อน ก. ใช้ในที่แห้งเพื่อการเดินซ่อนสาย ข. ใช้ท่อโลหะอ่อนในปล่องลิฟต์ได้ ค. ห้ามฝังดินที่ท่อโลหะอ่อน ง. ห้ามใช้ท่อโลหะอ่อนในห้องแบตเตอรี่เพราะกรดในแบตเตอรี่จะทำให้ท่อผุกร่อน 9. ท่อโลหะอ่อนกันของเหลวสามารถกันน้ำได้ เพราะหุ้มด้วยสารใด ก. สังกะสี ข. พลาสติกทั่วไป ค. พีวีซี ง. แคดเมียม 10. ข้อใด ไม่ใช่คุณสมบัติของช่องเดินสายอโลหะบนพื้นผิว ก. ใช้งานในอุณหภูมิต่ำได้ดี ข. ไม่ติดไฟ ค. ทนแรงกระแทกได้ ง. ไม่ทนต่อสารเคมี
แบบฝึกหัดบทที่ 8 ตอนที่ 1 เขียนเครื่องหมายกากบาท (✗) ลงในข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. มาตรฐานหลักดินข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. เป็นแท่งเหล็กหุ้มสังกะสี ข. มีความยาว 3 เมตร สำหรับหลักดินที่เป็นทองแดง ค. แห่งเหล็กอาบโลหะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มิลลิเมตร ง. การไฟฟ้านครหลวงยอมให้ใช้โครงอาคารที่เป็นโลหะและมีค่าความต้านทานดินเป็นศูนย์ 2. แรงดันไฟฟ้าตกของสายไฟฟ้าตามมาตรฐาน NEC กำหนดไว้อย่างไร ก. แรงดันไฟฟ้าตกในสายป้อนจะต้องไม่เกินร้อยละ 5 ข. แรงดันไฟฟ้าตกในวงจรย่อยต้องไม่เกิน 2% ค. แรงดันไฟฟ้าตกจากสายประธานถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่เกินร้อยละ 5 ง. แรงดันไฟฟ้าตกจากสายประธานถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่เกินร้อยละ 3 3. พิกัดกระแสไฟฟ้าของสายไฟฟ้าข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. สายไฟมีอุณหภูมิสูง ทำให้พิกัดกระแสไฟฟ้ามีค่าลดลง ข. สานไฟมีอุณหภูมิสูง ทำให้พิกัดกระแสไฟฟ้ามีค่าสูงขึ้น ค. ขนาดสายไฟฟ้าที่ใหญ่ ทำให้พิกัดกระแสไฟฟ้ามีค่าสูงขึ้น ง. ฉนวนของสายไฟที่ดีมีคุณภาพ ทำให้พิกัดกระแสไฟฟ้าต่ำลง 4. ในระบบไฟฟ้า 3 เฟส ฉนวนของสายเส้นไฟเฟส 1 กับ ฉนวนของสายเส้นไฟเฟส 3 มีสีตรงกับข้อใด ก. สีดำกับสีน้ำเงิน ข. สีดำกับสีแดง ค. สีน้ำเงินกับสีดำ ง. สีน้ำตาลกับสีเทา 5. การแสดงผลของระบบไฟฟ้า คือ เตือนอัคคีภัยและไฟฟ้าฉุกเฉิน ควรใช้กล่องพักสายสีอะไร ก. สีเหลืองกับสีแดง ข. สีส้มกับสีเหลือง ค. สีขาวกับสีน้ำเงิน ง. สีส้มกับสีแดง 6. เคเบิลใต้ดินที่ติดตั้งใต้อาคารต้องติดตั้งในช่องเดินสาย ซึ่งช่องเดินสายจะต้องยาวเลยผนังด้านนอกของ อาคารออกไปจากแนวติดตั้งเท่าไร ก. ไม่น้อยกว่า 16 เซนติเมตร ข. ไม่น้อยกว่า 15 เซนติเมตร ค. ไม่น้อยกว่า 12 เซนติเมตร ง. ไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร
7. ข้อใด ไม่ใช่แนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นที่สายไฟฟ้า ก. รวมสายไฟทุกเส้นไว้ในเครื่องห่อหุ้มเดียวกัน เช่น สายเส้นไฟ สายดิน และสายนิวตรอล ข. การเดินสายในแต่ละท่อที่ร้อยสายต้องมีครบทั้งสายดิน สายเส้นไฟและสายนิวตรอล ค. เมื่อสายไฟเดี่ยวของวงจรเดินผ่านโลหะที่เป็นแม่เหล็ก ไม่จำเป็นต้องตัดร่องให้ถึงกันระหว่างรูแต่ ละรูที่ร้อยสายแต่ละเส้น ง. เมื่อสายไฟเดี่ยวของวงจรเดินผ่านโลหะที่เป็นแม่เหล็ก จะต้องตัดร่องให้ถึงกันระหว่างรูแต่ละรูที่ ร้อยสายแต่ละเส้นด้วย 8. ข้อใดกำหนดการเดินสายไฟฟ้าแรงสูงข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. สายใต้ดินต้องฝังลึกไม่น้อยกว่า 0.80 เมตร ข. สายใต้ดินต้องฝังลึกไม่น้อยกว่า 0.90 เมตร ค. สายใต้ดินที่ฝังดินโดยตรงต้องมีแผ่นคอนกรีตหนาไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร ปิดทับอีกชั้นหนึ่ง เหนือสายเคเบิล ง. สายใต้ดินต้องฝังลึกประมาณ 2 เมตร 40 เซนติเมตรขึ้นไป 9. ลักษณะเด่นของการเดินสายเปิดบนวัสดุฉนวนในระบบแรงต่ำจะต้องเดินภายนอกอาคารยกเว้นข้อใด ก. สามารถเดินสายไฟฟ้าในอาคารได้โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับโรงงานอุตสาหกรรม ข. สายไฟที่ยึดเกาะผนังจะมีความสุขจากพื้นไม่น้อยกว่า 2.50 เมตร ค. สายไฟที่ใช้จะต้องเป็นสายหุ้มฉนวน ง. สายไฟที่ยึดเกาะผนังจะมีความสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 1 เมตร 10. สายไฟฟ้าของระบบไฟฟ้ากระแสตรง 48 โวลต์ เดินสายร่วมกับสายไฟฟ้าของระบบไฟฟ้ากระแสสลับ 380 โวลต์ ได้อย่างไร ก. สายไฟฟ้าทั้งสองต้องทนแรงดันไฟฟ้าได้ 750 โวลต์ ข. สายไฟฟ้าทั้งสองต้องทนแรงดันไฟฟ้า 380 โวลต์ ค. สายไฟฟ้าของระบบไฟฟ้ากระแสตรงต้องทนแรงดันไฟฟ้าสูงสุดได้ 120 โวลต์ ง. สายไฟฟ้าของระบบไฟฟ้ากระแสตรงต้องทนแรงดันไฟฟ้าสูงสุดได้ 220 โวลต์
ตอนที่ 2 เติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ 1. ท่อโลหะหนา ท่อโลหะหนาปานกลาง และท่อโลหะบางใช้งานในสถานที่ แห้ง ชื้น และเปียก 2. การนำท่อโลหะหนากับโลหะหนาปานกลางมาฝังดิน ต้องกระทำด้วยความระมัดระวังนั่นคือ เพราะ สังกะสีที่เคลือบอยู่อาจหลุดออกหลังจากการติดต่อไปแล้วไม่นาน 3. ข้อเสียของท่อโลหะอ่อน คือ ไม่สามารถกันน้ำได้ 4. ท่ออโลหะแข็ง RNC ที่ใช้งานทั่วไป คือ ท่อพีวีซีและท่อพีอี 5. คุณสมบัติของช่องเดินสายอโลหะบนพื้นดิน คือ ใช้งานในอุณหภูมิต่ำได้ดี ไม่ติดไฟ ทนแรงกระแทก ไม่ บิดเบี้ยวจากความร้อนในสภาวะการใช้งาน 6. สำหรับการเดินสายในท่อโลหะบางที่มีสายไฟร้อยท่อ 6 เส้น สายไฟที่ร้อยท่อเป็นสายไฟชนิดไม่มีปลอก ตะกั่วหุ้ม ท่อโลหะบางมีพื้นที่หน้าตัดท่อเท่ากับ 555 ตารางมิลลิเมตร พื้นที่หน้าตัดรวมของสายไฟทุกเส้น จะต้องไม่เกิน 55 ตารางมิลลิเมตร 7. สายไฟฟ้าที่ติดตั้งบนตุ้มหรือลูกถ้วย จะต้องยึดกับฉนวนที่รองรับโดยใช้ ลวดผูกสาย 8. การป้องกันไฟลุกลามให้กับสายไฟฟ้ามีวิธี คือ โดยการซีลด้วยวัสดุทนไฟตรงรูที่สายหรือช่องเดินสาย ผ่านทะลุ 9. สีของสายไฟฟ้าสีของท่อไฟฟ้าและสีของกล่องพักสายถูกกำหนดขึ้นให้เป็นมาตรฐานช่วยทำให้ มีความ เข้าใจตรงกัน การใช้งานมีความปลอดภัย และยังสามารถช่วยให้การตรวจซ่อมบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า เป็นไปได้ง่าย
ตอนที่ 3 อธิบายให้ได้ใจความสมบูรณ์ 1. บอกข้อห้ามของการเดินสายในท่อโลหะบาง การเดินสายในท่อโลหะอ่อนและการเดินสายในท่อโลหะแข็ง อธิบาย ห้ามทำเกลียวที่ท่อโลหะบาง เพราะเกลียวดังกล่าวจะทำให้ท่อขาดได้ ห้ามใช้ท่อโลหะบางฝังดิน โดยตรงและต้องไม่ใช้ในระบบไฟฟ้าแรงสูง ห้ามใช้ท่อโลหะอ่อนฝังดินหรือฝังคอนกรีต, บริเวณอันตราย นอกจากระบุเป็นอย่างอื่น, ในห้องแบตเตอรี่ เพราะกรดในแบตเตอรี่จะทำให้ท่อผุกร่อน, ในปล่องขนของ หรือในปล่องลิฟต์, ในสถานที่เปียกชื้น 2. ข้อกำหนดการเดินสายเปิดบนวัสดุฉนวนในระบบแรงต่ำ มีอะไรบ้าง 1. การเดินสายเปิดบนวัสดุฉนวนต้องเดินภายนอกอาคาร ซึ่งการเดินสายไฟฟ้าภายในอาคารกระทำ ได้เฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม งานเกษตรกรรมและงานแสดงสินค้า 2. ต้องมีการป้องกันความเสียหายทางกายภาพที่เหมาะสม สายไฟที่ยึดเกาะไปกับผนังหรือกำแพง ต้องมีความสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 2.50 เมตร และการเดินสายจะต้องอยู่สูงจากพื้นไม่น้อยกว่าที่กำหนดดัง ตาราง ซึ่งเป็นตารางแสดงระยะห่างต่ำสุดตามแนวดิ่งของสายไฟฟ้าเหนือพื้น สิ่งที่อยู่ใต้สายไฟฟ้า ระยะห่าง (เมตร) ระบบแรงต่ำ ระบบแรงสูง 1. คลองหรือแหล่งน้ำที่ไม่มีเรือแล่นผ่าน 4.30 5.20 2. คลองหรือแหล่งน้ำมีความกว้างไม่เกิน 50 เมตร ปกติเรือจะสูงไม่เกิน 4.90 เมตร แล่นผ่าน 6.80 7.70 3. ทางสัญจรและพื้นที่อื่น ๆ ที่ให้รถยนต์และรถบรรทุกผ่านได้ 5.50 6.10 4. ทางสัญจรและพื้นที่ซึ่งจัดไว้ให้รถยนต์วิ่งผ่านได้ แต่ไม่สามารถให้ รถบรรทุกผ่านได้ 2.90 4.60 . 3. สายไฟฟ้าที่ติดตั้งบนตุ้มหรือลูกถ้วย จะต้องยึดกับฉนวนที่รองรับให้มั่นคงโดยใช้ลวดผูกสาย (Tie Wire) ซึ่งมีฉนวนที่ทนแรงดันเทียบเท่ากับฉนวนของสายไฟฟ้านั้น 4. สายไฟฟ้าแรงต่ำทั้งหมดจะต้องเป็นสายหุ้มด้วยฉนวน 5. การเดินสายไฟฟ้าเปิดบนวัสดุฉนวนภายในอาคารระยะห่างต้องเป็นไปตามข้อกำหนดในตาราง ระยะห่างสำหรับการเดินสายเปิดบนวัสดุฉนวนดังตาราง การติดตั้ง ระยะสูงสุดระหว่าง จุดจับยึดสาย (มิลลิเมตร) ระยะห่างต่ำสุด (มิลลิเมตร) ระหว่าง ขนาดสายโตสุด สายไฟฟ้า (ตารางมิลลิเมตร) สายไฟฟ้ากับ สิ่งก่อสร้าง บนตุ้ม 2,500 100 25 50 บนลูกถ้วย 5,000 150 50 ไม่กำหนด 6. การเดินสายเปิดบนวัสดุฉนวนภายนอกอาคาร หากเดินสายบนตุ้ม ระยะห่างให้เป็นไปตามตาราง แต่ถ้าเดินผ่านในที่โล่ง ขนาดของสายไฟต้องไม่เล็กกว่า 2.50 ตารางมิลลิเมตรและระยะระหว่างจุดจับยึด สายต้องมีค่าไม่เกิน 5 เมตร และถ้าหากเดินสายบนลูกถ้วยระยะห่างต้องเป็นไปดังตาราง
ระยะสูงสุดระหว่างจุด จับยึดสาย (เมตร) ระยะห่างต่ำสุด (มิลลิเมตร) ระหว่าง ขนาดสายเล็กสุด สายไฟฟ้า สายไฟฟ้ากับสิ่งก่อสร้าง (ตารางมิลลิเมตร) 26-40 200 50 6 11-25 200 50 4 ไม่เกิน 10 150 50 2.50 3. การป้องกันไม่ให้เกิดกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่สายไฟฟ้า จะกระทำได้อย่างไร 1. เมื่อติดตั้งสายไฟฟ้ากระแสสลับในเครื่องห่อหุ้มหรือช่องเดินสายที่เป็นโลหะจะต้องรวมสายไฟทุก เส้น และสายนิวตรอลรวมทั้งสายดินของอุปกรณ์ไฟฟ้า (ถ้ามี) ไว้ในเครื่องห่อหุ้มเดียวกัน (ช่องเดินสาย เดียวกัน) ซึ่งการเดินสายควบและใช้ท่อร้อยสายหลายท่อในแต่ละท่อร้อยสายต้องมีครบทั้งสายเส้นไฟ สาย นิวตรอลและสายดินของอุปกรณ์ไฟฟ้า 2. เมื่อสายไฟเดี่ยวของวงจรเดินผ่านโลหะที่เป็นแม่เหล็ก ต้องตัดร่องให้ถึงกันระหว่างรูแต่ละรูที่ร้อย สายแต่ละเส้น หรือร้อยสายทุกเส้นของวงจรผ่านช่องหรือรูเดียวกัน 4. ยกตัวอย่างระบบไฟฟ้าแรงต่ำสามารถเดินร่วมกับระบบไฟฟ้าแรงสูงมา 1 กรณี
แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ 8 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. มาตรฐานของเซอร์กิตเบรกเกอร์ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องควบคุม ข. ไม่สามารถปลดสับด้วยมือได้ ค. ปรับตั้งค่าเวลาและค่ากระแสไฟฟ้าได้ ง. ไม่สามารถปลดได้อย่างอิสระ 2. สายไฟฟ้าอะลูมิเนียมหุ้มด้วยฉนวนพีวีซีตรงกับมาตรฐานในข้อใด ก. มอก. 239-2526 ข. มอก. 11-2531 ค. มอก. 293-2526 ง. มอก. 64-2526 3. ลักษณะเด่นของสายควบคือข้อใด ก. ใช้กับพื้นที่หน้าตัดตัวนำเกิน 10 ตารางมิลลิเมตร ข. มีความยาวของสายเท่ากัน ค. ทำให้พิกัดกระแสไฟฟ้าลดลง ง. มีความยาวของสายต่างกัน 4. ท่อไฟฟ้ามีสีขาวและท่อไฟฟ้ามีสีส้มแสดงถึงสิ่งใด ก. เรียกพยาบาล และสายแจ้งเตือนไฟไหม้ ข. ไฟฟ้าและเสียง ค. เรียกพยาบาล และสายสัญญาณโทรทัศน์ ง. ไฟฟ้าฉุกเฉินและสายสัญญาณโทรศัพท์ 5. วัสดุที่ ไม่ ทนต่อการผุกร่อน หมายถึงข้อใด ก. แคดเมียม ข. สังกะสีกับแคดเมียม ค. สังกะสี ง. พีวีซีกับสังกะสี 6. ข้อใด ไม่ใช่ลักษณะเด่นของการเดินสายเปิดบนวัสดุฉนวน ก. ต้องเดินภายนอกอาคาร ข. เดินภายในอาคารในสำนักงานและไม่จำเป็นต้องป้องกันความเสียหายทางกายภาพ ค. เดินภายในอาคารที่เกี่ยวกับงานเกษตรกรรม ง. เดินภายในอาคารที่เกี่ยวกับงานแสดงสินค้า
7. ข้อใด ไม่ใช่ลักษณะเด่นของการเดินสายในท่อโลหะบาง ก. ใช้ในสถานที่แห้งและเปียกชื้นได้ ข. ห้ามทำเกลียวที่ท่อโลหะบาง ค. ควรทำเกลียวที่ท่อโลหะบาง ง. เมื่อตัดปลายท่อ ต้องลบคมท่อ 8. ลักษณะเด่นของการเดินสายในท่อโลหะอ่อนคือข้อใด ก. ใช้ในที่แห้งเพื่อเดินซ่อนสาย ข. ใช้ท่อโลหะอ่อนในปล่องลิฟต์ได้ ค. ใช้ท่อโลหะอ่อนฝังดินได้ ง. ใช้ท่อโลหะอ่อนในห้องแบตเตอรี่ได้ 9. วัสดุในข้อใดที่ทำให้ท่อโลหะอ่อนกันน้ำมันได้ ก. ไม้อัดแห้ง ข. สังกะสี ค. แคดเมียม ง. พีวีซี 10. คุณสมบัติของช่องเดินสายอโลหะบนพื้นผิวคือข้อใด ก. ใช้งานกับอุณหภูมิสูงได้ดี ข. ทนแรงกระแทกได้และไม่ติดไฟ ค. ใช้ในสถานที่แห้งและเปียกชื้นได้ ง. ห้ามใช้ในบริเวณบ้านพักอาศัย
แบบทดสอบก่อนเรียนบทที่ 9 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. เหตุการณ์ฟ้าผ่าเกิดจากสิ่งใด ก. การเก็บประจุไฟฟ้าจากก้อนเมฆไปที่ผิวน้ำทะเล ข. การคายประจุไฟฟ้าจากก้อนเมฆลงมาสู่ดิน ค. การคายประจุระหว่างก้อนเมฆไปหาก้อนเมฆด้วยกัน ง. การคายประจุจากดินขึ้นไปหาก้อนเมฆ 2. ระดับการป้องกันฟ้าผ่าข้อใดมีประสิทธิภาพต่ำที่สุด ก. ระดับ 1 ข. ระดับ 2 ค. ระดับ 4 ง. ระดับ 3 3. ข้อใด ไม่ใช่ องค์ประกอบของระบบป้องกันฟ้าผ่า ก. ตัวนำล่อฟ้า ข. ระบบหลักดิน ค. ตัวนำลงดิน ง. ระบบเหนือดิน 4. การต่อฝากของตัวนำลงดินต้องกระทำที่ระยะความสูงกี่เมตร ก. ทุก ๆ ระยะความสูงไม่เกิน 20 เมตร ข. ทุก ๆ ระยะความสูงไม่เกิน 25 เมตร ค. ทุก ๆ ระยะความสูงไม่เกิน 10 เมตร ง. ทุก ๆ ระยะความสูงที่ 20 เมตร 5. ข้อใด ไม่ใช่วัสดุตัวนำที่นำมาทำเป็นตัวนำล่อไฟฟ้า ก. ตะกั่ว ข. ทองแดง ค. เหล็กชุบสังกะสี ง. อะลูมิเนียม 6. ลักษณะเด่นของตัวนำล่อฟ้าชนิดแท่งตัวนำมีลักษณะอย่างไร ก. ปลายแท่งตัวนำมีลักษณะสี่เหลี่ยมทำให้เกิดฟ้าผ่าลงมาได้สะดวก ข. ระดับการป้องกันฟ้าผ่าแคบลงมาก ค. ใช้กับอาคารทั่วไปที่ไม่สลับซับซ้อน ง. ใช้กับอาคาร บ้านเรือนที่สลับซับซ้อน 7. ข้อใด ไม่ใช่ลักษณะเด่นของตัวนำลงดิน ก. ความยาวของตัวนำลงดินจะสั้นที่สุดและต้องตรงมากที่สุด ข. ความยาวของตัวนำลงดินจะต้องตรงที่สุดและยาวที่สุด ค. นำกระแสไฟฟ้าจากฟ้าที่ผ่านตัวนำล่อฟ้าไหลลงสู่พื้นดิน ง. การต่อฝากของตัวนำลงดินต้องทำที่ระยะความสูงไม่เกิน 20 เมตร
8. อุปกรณ์ใดเป็นแท่งโลหะ ช่วยทำให้แรงดันไฟฟ้าที่ผ่าลงมาไหลลงดินได้ง่ายและไม่ทำให้เกิดอันตราย ก. ตัวนำล่อฟ้า ข. ตัวนำหลักดิน ค. ตัวนำต่อลงดิน ง. รากสายดิน 9. ตัวนำล่อฟ้าข้อใดต้องใช้ขนาดพื้นที่หน้าตัดตัวนำ ไม่ น้อยกว่า 120 ตารางมิลลิเมตร ก. ทองแดง ข. อะลูมิเนียม ค. เหล็กชุดด้วยสังกะสี ง. ทองคำ 10. ธาตุใดที่ ไม่ สามารถนำมาใช้กับระบบป้องกันฟ้าผ่าได้ ก. ทองคำผสมเงิน ข. เหล็กชุบสังกะสี ค. ทองแดง ง. อะลูมิเนียม
แบบฝึกหัดบทที่ 9 ตอนที่ 1 เขียนเครื่องหมายกากบาท (✗) ลงในข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. การเกิดฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ก. เกิดจากก้อนเมฆที่มีประจุไฟฟ้าต่ำแล้วเกิดการคายประจุระหว่างก้อนเมฆด้วยกัน ข. เกิดจากก้อนเมฆเก็บประจุไฟฟ้าระหว่างกันและกัน ค. เกิดจากการคายประจุที่มีค่าต่ำจากก้อนเมฆลงสู่พื้นโลก ง. เกิดจากการคายประจุที่มีค่าสูงจากก้อนเมฆลงสู่พื้นดิน 2. ระดับการป้องกันฟ้าผ่าข้อใดมีประสิทธิภาพสูงสุด ก. ระดับ 4 ข. ระดับ 3 ค. ระดับ 1 ง. ระดับ 2 3. คุณสมบัติของตัวนำล่อฟ้ามีลักษณะอย่างไร ก. มีค่าความต้านทานสูงมาก ข. ทนทานต่อกระแสไฟฟ้าและมีความต้านทานต่ำ ค. มีค่าความต้านทานต่ำ ง. ทนทานต่อกระแสไฟฟ้าของฟ้าผ่าลงมาได้ 4. ตัวนำล่อฟ้าข้อใดมีลักษณะเป็นสายโลหะและป้องกันสนิมได้ ก. สายตัวนำขึง ข. แท่งของสายตัวนำ ค. สายตัวนำตาข่าย ง. แท่งตัวนำ 5. ข้อใด ไม่ใช่ลักษณะเด่น ของระบบตัวนำลงดินที่แยกอิสระ ก. ตัวนำที่เดินลงมาตามผนังอาคารและจะต้องเดินบนสายทองแดง ข. ตัวนำที่เดินลงมาตามผนังอาคารและจะต้องเดินบนไม้ ค. เมื่อเดินถึงดินจะต่อเชื่อมด้วยกันที่ระดับใต้ดิน ง. จะไม่มีการเชื่อต่อเข้ากับส่วนที่เป็นตัวนำของอาคาร 6. ลักษณะเด่นของระบบตัวนำลงดินที่ ไม่ แยกกันอย่างอิสระคือข้อใด ก. จะไม่มีการเชื่อต่อเข้ากับส่วนที่เป็นตัวนำของอาคาร ข. เมื่อเดินถึงดินจะเชื่อมต่อด้วยกันที่ระดับใต้ดิน ค. ไม่สามารถฝังตัวนำในกำแพงได้ ง. ทำให้ส่วนที่เป็นตัวนำอาคารทำหน้าที่เป็นตัวนำลงดิน 7. รากสายดิน เรียกว่าอะไร ก. ระบบตัวนำลงดิน ข. ระบบแท่งดิน ค. ระบบหลักดิน ง. ระบบตัวนำใต้ดิน
8. ความยาวและค่าความต้านทานของรากสายดินที่ได้มาตรฐานตรงกับข้อใด ก. 2.2 เมตร ต่ำกว่า 5 โอห์ม ข. 2.4 เมตร ต่ำกว่า 10 โอห์ม ค. 2 เมตร ต่ำกว่า 10 โอห์ม ง. มากกว่า 2.4 เมตร ต่ำกว่าศูนย์โอห์ม 9. มุมป้องกันกับความสูงของตัวนำล่อฟ้าข้อใดกล่าว ไม่ถูกต้อง ก. หลักล่อฟ้าที่มีความยาวมาก ทำให้มุมป้อกันมีขนาดเล็กลง ข. หลักล่อฟ้าที่มีขนาดเตี้ย จะทำให้มุมป้องกันมีขนาดเพิ่มขึ้น ค. หลักล่อฟ้าที่มีความยาวมาก จะทำให้มุมป้องกันเพิ่มขึ้น ง. หลักล่อฟ้าจะแปรผันตรงกับมุมป้องกัน 10. ระดับการป้องกันฟ้าผ่าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดหมายถึงข้อใด ก. ใช้การป้องกันระดับ 1 โดยรัศมีของวัตถุทรงกลมกลิ้งมีค่า 60 เมตร ข. ใช้การป้องกันระดับ 2 โดยใช้ขนาดตาข่าย 5 เมตร ค. ใช้การป้องกันระดับ 1 โดยใช้ขนาดตาข่าย 10 เมตร ง. ใช้การป้องกันระดับ 1 ใช้ขนาดตาข่าย 5 เมตร
ตอนที่ 2 เติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ 1. ประสิทธิภาพของการป้องกันฟ้าผ่าระดับ 1 แตกต่างจากประสิทธิภาพของการป้องกันฟ้าผ่าระดับ 2 เท่ากับ 0.03 2. ระบบป้องกันฟ้าผ่าที่อยู่ตรงกลางของระบบ คือ ระดับ 2 กับ ระดับ 3 3. หลักล่อฟ้าที่มีปลายแหลมทำให้ฟ้าผ่าลงมาได้ง่าย เพราะ ทำให้เกิดความเครียดของสนามไฟฟ้ามากกว่า บริเวณอื่น ๆ 4. ขนาดของตัวนำแบบตาข่ายจะกำหนดตามระดับการป้องกัน ซึ่งการป้องกันระดับ 3 ใช้ขนาดของตัวนำแบบ ตาข่ายเท่ากับ 15 เมตร มีกระแสไฟฟ้าสูงสุดเท่ากับ 10.1 กิโลแอมปร์ 5. ตัวนำลงดินมีหน้าที่ นำกระแสไฟฟ้าจากฟ้าที่ผ่าผ่านตัวนำล่อฟ้าไหลลงสู่พื้นดิน 6. ลักษณะของตัวนำลงดินที่ไม่แยกอิสระ คือ โครงสร้างเป็นเหล็กและอาคารทำให้ส่วนที่เป็นตัวนำอาคาร ทำหน้าที่เป็นตัวนำลงดินด้วย 7. ตัวนำลงดินที่แยกอิสระมีลักษณะ คือ ตัวนำที่เดินลงมาตามผนังอาคาร ตัวนำนี้จะต้องเดินบนวัสดุฉนวน 8. รากสายดินแต่ละอาคารที่ต้องการป้องกันฟ้าผ่าจะต้องมีอย่างน้อย 2 ชุด และตัวนำลงดินแต่ละเส้น ต้องต่อเข้ากับรากสายดินอย่างอิสระอย่างน้อย 1 ชุด 9. เมื่อพื้นที่หนึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดฟ้าผ่ามากที่สุด ควรเลือกระดับการป้องกันฟ้าผ่า คือ ระดับ 1 ใช้รัศมีวัตถุทรงกลมกลิ้ง 20 เมตร 10. เมื่อพื้นที่หนึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดฟ้าผ่าน้อยที่สุด ควรเลือกระดับการป้องกันฟ้าผ่า คือ ระดับ 4 .
ตอนที่ 3 อธิบายให้ได้ใจความสมบูรณ์ 1. ฟ้าผ่าแตกต่างจากฟ้าแลบ อย่างไร และเพราะเหตุใดจึงต้องติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าให้กับสิ่งปลูกสร้าง อธิบาย ระบบป้องกันฟ้าผ่าที่มีประสิทธิภาพ จะเข้ามาช่วยให้มีความปลอดภัยสูงุด และลดอัตราการสูญเสีย ต่าง ๆ ให้น้อยที่สุด การเกิดฟ้าผ่า ก็คือ การคายประจุไฟฟ้าของก้อนเมฆลงมายังบนพื้นโลก แต่ถ้าก้อนเมฆ เกิดการคายประจุระหว่างก้อนเมฆด้วยกัน ลักษณะเช่นนี้ เรียกว่า ฟ้าแลบ 2. ตัวนำล่อฟ้า หมายถึงอะไร มีกี่ชนิด อะไรบ้าง อธิบาย ตัวนำล่อฟ้าถูกติดตั้งบนยอดสูงสุดของตึก อาคาร เพื่อป้องกันฟ้าผ่าให้กับบริเวณพื้นที่ที่ต้องการให้เกิด ความปลอดภัยคุณสมบัติของตัวนำล่อฟ้าจะต้องทนทานต่อกระแสของฟ้าที่ผ่าลงมาได้และเป็นโลหะที่มีค่า ความต้านทานต่ำ ซึ่งตัวนำล่อฟ้าแบ่งออได้ 3 ชนิด คือ แท่งตัวนำสายตัวนำขึง และตัวนำแบบตาข่าย 3. ระบบตัวนำลงดินมีกี่ชนิด อะไรบ้าง อธิบาย ระบบตัวนำลงดินมี 2 ชนิด คือ ตัวนำลงดินที่ไม่แยกอิสระ และตัวนำลงดินที่แยกกันอย่างอิสระ ระบบ ตัวนำลงดินที่ไม่แยกกันอย่างอิสระจะฝังตัวนำในกำแพงหรือผนังอาคารที่มีโครงสร้างเป็นเหล็กและอาคารที่ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ตัวนำลงดินที่แยกอิสระ คือ ตัวนำที่เดินลงมาตามผนังอาคาร ตัวนำนี้จะต้องเดิน บนวัสดุฉนวน 4. รากสายดินแนวดิ่งแตกต่างจากรากสายดินแบบวงแหวน อย่างไร อธิบาย รากสายดินชนิดแนวดิ่ง เป็นการฝังตัวนำลงดิน โดยตัวนำลงดินแต่ละเส้นจะต่อเข้ากับรากสายดินที่ แยกกันอย่างอิสระอย่างน้อย 1 ชุด จำวนรากสายดินของแต่ละอาคารที่ต้องการป้องกันฟ้าผ่านั้นจะต้องมี อย่างน้อย 2 ชุด การวางรากสายดินแบบวงแหวน เป็นการเดินล้อมรอบบริเวณพื้นที่ที่ต้องการป้องกัน มี ความลึกอย่างน้อย 0.5 เมตร และรากสายดินดังกล่าวจะต้องห่างจากำแพงหรือบริเวณที่ต้องการป้องกัน มากกว่า 1 เมตร 5. วิธีการที่ใช้ในการป้องกันฟ้าผ่ามีกี่วิธี วิธีการที่ใช้ในการป้องกันฟ้าผ่ามี 3 วี คือ วิธีที่ใช้มุม วิธีที่ใช้ทรงกลมกลิ้งและวิธีที่ใช้ตาข่าย
แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ 9 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. การคายประจุระหว่างก้อนเมฆไปหาก้อนเมฆด้วยกัน และการคายประจุจากก้อนเมฆลงสู่ดิน คือข้อใด ก. ฟ้าผ่ากับฟ้าแลบ ข. ฟ้าร้องกับฟ้าแลบ ค. ฟ้าร้องกับฟ้าผ่า ง. ฟ้าแลบกับฟ้าผ่า 2. ระดับการป้องกันฟ้าผ่าข้อใดมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีประสิทธิภาพต่ำสุด ก. ระดับ 1 และระดับ 3 ข. ระดับ 4 และระดับ 1 ค. ระดับ 1 และระดับ 4 ง. ระดับ 1 และระดับ 2 3. ระบบป้องกันฟ้าผ่าข้อใดที่ประกอบด้วยสายตัวนำขึง แท่งตัวนำและตัวนำแบบตาข่าย ก. รากสายดิน ข. ตัวนำล่อฟ้า ค. ตัวนำลงดิน ง. หลักดิน 4. การกระทำที่ระยะความสูง ไม่ เกิน 20 เมตร คือการกระทำในข้อใด ก. การต่อฝากของตัวนำลงดิน ข. การวางตัวนำล่อฟ้า ค. การวางรากสายดิน ง. การทำสายดินร่วมกับหลักดิน 5. วัสดุที่นำมาทำเป็นตัวนำล่อฟ้าคือข้อใด ก. เหล็กชุบสังกะสี ข. ทองแดงกับอะลูมิเนียม ค. อะลูมิเนียม ง. ดีบุก 6. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับตัวนำล่อฟ้า ก. ใช้ได้เฉพาะตัวนำแบบตาข่ายและแท่งตัวนำ ข. เป็นอโลหะที่มีค่าความต้านทานต่ำ ค. ทนทานต่อกระแสของฟ้า อาจเลือกใช้หลายชนิดรวมกันได้ ง. เป็นโลหะที่มีความต้านทานสูง
7. ขนาดของตัวนำแบบตาข่ายที่ใช้กับเสาล่อฟ้า จะกำหนดตามคุณสมบัติข้อใด ก. ระดับการป้องกัน ข. พื้นที่ของอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ค. ความสูงของเสาล่อฟ้า ง. ขนาดของรากสายดิน 8. อุปกรณ์ในข้อใดมีลักษณะเป็นแท่งโลหะหรือเป็นแผ่นโลหะหลายชุดและมีค่าความต้านทานน้อยกว่า 10 โอห์ม ก. เสาล่อฟ้า ข. รากสายดิน ค. ตัวนำลงดินที่ไม่แยกอิสระ ง. ตัวนำลงดินที่แยกอิสระ 9. ตัวนำล่อฟ้าข้อใดที่ต้องใช้ขนาดพื้นที่หน้าตัดตัวนำไม่น้อยกว่า 70 ตารางมิลลิเมตร ก. เหล็กชุบสังกะสี ข. ทองคำ ค. ทองแดง ง. อะลูมิเนียม 10. ธาตุใดที่ ไม่ สามารถนำมาใช้กับระบบป้องกันฟ้าผ่าได้ ก. อะลูมิเนียม ทองแดง ข. ทองแดง เหล็กชุบสังกะสี ค. เหล็กชุบสังกะสี และดีบุก ง. อะลูมิเนียม และเหล็กชุบสังกะสี
แบบทดสอบก่อนเรียนบทที่ 10 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใด ไม่ใช่องค์ประกอบของระบบสายดิน ก. แผงโลหะอยู่เหนือดิน ข. หลักดิน ค. สายต่อฝาก ง. เต้ารับที่มีขั้วสายดิน 2. อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าข้อใดที่ต้องต่อลงดิน ก. โทรศัพท์บ้าน ข. วิทยุ ค. เครื่องทำน้ำอุ่น ง. โทรทัศน์ 3. ข้อใด หมายถึง สายดินตามมาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ.2545 ก. แท่งโลหะปักลงไปในดิน ข. สายต่อหลักดิน ค. สายดินของเครื่องใช้ไฟฟ้า ง. สานต่อหลักดินและสายดินของเครื่องใช้ไฟฟ้า 4. อุปกรณ์ใดที่มีขั้วต่อสายดินมีทั้งที่เป็นโลหะและอโลหะ ก. หลักดิน ข. แผงสวิตช์ ค. เมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ ง. เซอร์กิตเบรกเกอร์ย่อย 5. แบบของหลักดินที่นิยมใช้งานคือข้อใด ก. แท่งเหล็กบริสุทธิ์ ข. แท่งเหล็กหุ้มด้วยดีบุก ค. แท่งตะกั่วหุ้มด้วยทองแดง ง. แท่งทองแดง 6. หลักดินควรมีความยาวเท่าไร ก. 1 เมตร 50 เซนติเมตร ข. 2.4 เมตรขึ้นไป ค. 5 เมตรขึ้นไป ง. ต่ำกว่า 2.4 เมตร 7. วิธีการใดที่ทำให้หลักดินกับสายต่อหลักดินมีความมั่นคงและแข็งแรง ก. เชื่อมด้วยความร้อน ข. ใช้ประกับต่อสายและเชื่อมด้วยความร้อน ค. ใช้ประกับต่อสาย ง. ใช้หัวต่อแบบบีบอัด
8. ข้อใดกล่าว ไม่ ถูกต้องเกี่ยวกับระบบการต่อลงดิน ก. การติดตั้งระบบสายดินจะต้องประกาศจากกระแสไฟฟ้าในสายดิน ข. ห้ามใช้แผงสวิตช์ที่มีขั้วต่อสายดินและขั้วต่อสายนิวตรอลร่วมกันเป็นแผงย่อย ค. ไม่ควรต่อฟิวส์ที่สายนิวตรอล ง. ค่าความต้านทานระหว่างหลักดิน กับดินมีค่าเท่กับ 50 โอห์ม 9. สายไฟฟ้าชนิด THW มีขนาดสายเฟส 10 ตารางมิลลิเมตร เลือกขนาดสายดินตรงกับข้อใด ก. สายดินขนาด 4 ตารางมิลลิเมตร ข. สายดินขนาด 6 ตารางมิลลิเมตร ค. สายดินขนาด 10 ตารางมิลลิเมตร ง. สายดินขนาด 8 ตารางมิลลิเมตร 10. สัญลักษณ์ข้อใดหมายถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องต่อลงดิน ก. ข. ค. ง.
แบบฝึกหัดบทที่ 10 ตอนที่ 1 เขียนเครื่องหมายกากบาท (✗) ลงในข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. วัตถุประสงค์ของระบบไฟฟ้าที่มีการต่อลงดิน คือข้อใด ก. ป้องกันปัญหากระแสไฟฟ้ารั่ว เมื่อคนไปสัมผัสกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้ารั่ว ข. ป้องกันกระแสไฟฟ้าเกินให้กับบ้านพักอาศัยและป้องกันปัญหาแรงดันไฟฟ้าเกินให้กับระบบ ค. ป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกินให้กับอาคารหรือสำนักงาน ง. ลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน 2. อุปกรณ์ในข้อใดมีหน้าที่เชื่อมต่อทางไฟฟ้าระหว่างโครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้าและสายนิวตรอลกับดิน ก.สายต่อฝาก ข. สายดิน ค. สายต่อหลักดิน ง. หลักดิน 3. ระบบไฟฟ้าที่ ไม่ต่อลงดิน ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด ก. เซอร์กิตเบรกเกอร์จะตัดกระแสไฟฟ้าออกจากระบบได้ง่าย ข. เมื่อคนสัมผัสกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกิดไฟรั่ว จะไม่เกิดอันตราย ค. เซอร์กิตเบรกเกอร์จะปลดวงจรออกได้ง่ายกรณีที่กระแสไฟฟ้าบัดวงจรบงดินมีค่าต่ำ ง. เซอร์กิตเบรกเกอร์จะไม่ปลดวงจรไฟฟ้าออกได้เมื่อกระแสไฟฟ้าที่ลัดวงจรลงสู่ดินมีค่าต่ำ 4. ระบบไฟฟ้าที่มีการต่อลงดิน ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด ก. ผู้ใช้ไฟฟ้าเกิดความปลอดภัยและไม่มีกระแสไฟรั่วลงสู่ดิน ข. เซอร์กิตเบรกเกอร์ทำงานได้ทันเวลาก่อนที่เครื่องใช้ไฟฟ้าจะเกิดความเสียหาย ค. อุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟฟ้าเกินจะไม่ทำงานได้ทันเวลา ช่วยยึดอายุการใช้งานให้กับอุปกรณ์ ป้องกัน ง. สายดินและสายต่อฝากจะเป็นทางเดินของกระแสไฟฟ้าลัดวงจรลงสู่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ 5. ลักษณะเด่นของแผงสวิตช์ ที่มีขั้วต่อสายดิน คือข้อใด ก. แผงสวิตช์ที่มีขั้วต่อสายดิน และขั้วต่อสายนิวตรอลร่วมกัน ให้ใช้เป็นแผงเมนสวิตช์อย่างเดียว เท่านั้น ห้ามนำแผงเมนสวิตช์มาทำเป็นแผงย่อยโดยเด็ดขาด ข. แผงสวิตช์ที่มีขั้วต่อสายดิน และขั้วต่อสายนิวตรอลแยกกัน ให้นำมาทำเป็นแผงย่อยอย่างเดียว ค. แผงสวิตช์ที่มีขั้วต่อสายดินร่วมกันกับขั้วต่อสายนิวตรอล สามารถนำมาทำเป็นแผงเมนสวิตช์และ แผงย่อยได้ ง. แผงสวิตช์ที่มีขั้วสายดินแยกออกจากขั้วสายนิวตรอล และแผงสวิตช์นำมาทำเป็นแผงเมนสวิตช์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีสายต่อฝาก 6. ข้อใด ไม่ใช่ลักษณะเด่นของสายต่อหลักดิน ก. ไม่มีการตัดหรือต่อสาย เป็นสายไฟเส้นเดียวมีความยาวตลอดทั้งสาย ข. เป็นสายทองแดงถูกห้อมด้วยฉนวน ค. ขนาดเล็กสุดของสายต่อหลักดินจะเลือกตามขนาดสายของตัวนำประธาน ง. เป็นสายทองแดงเปลือย ไม่มีฉนวนห่อหุ้ม
7. การต่อฝากมีวัตถุประสงค์ตรงกับข้อใด ก. รับกระแสไฟฟ้าลัดวงจรได้ ข. เกิดความต่อเนื่องทางไฟฟ้า ค. เกิดความต่อเนื่องทางไฟฟ้าและทนรับกระแสไฟฟ้าลัดวงจรได้ ง. ทำให้ตัวประกอบกำลังของระบบไฟฟ้ามีค่าสูงขึ้น 8. ข้อใด ไม่ใช่ลักษณะเด่นของสายต่อฝาก ก. มีตัวนำเป็นทองแดง ข. ขนาดของสายต่อฝากทางด้านไฟออกมีขนาดเท่ากับสายดินของเครื่องใช้ไฟฟ้า ค. ขนาดของสายต่อฝากทางด้านไฟเข้ามีขนาดเท่ากับสายดินของเครื่องใช้ไฟฟ้า ง. สายต่อฝากภายในแผงเมนสวิตช์มีขนาดของสายเท่ากับขนาดเล็กสุดของสายต่อหลักดิน 9. สายดินของเครื่องใช้ไฟฟ้ามีฉนวนหุ้มสายสีอะไร ก. สีเหลือง ข. สีเขียวแถบเหลือง ค. สีดำ ง. สีแดง 10. ขนาดสายดินของเครื่องใช้ไฟฟ้า พิจารณาจากข้อใด ก. แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้า 220 โวลต์ ที่จ่ายให้กับบ้านเรือน ข. ขนาดพิกัดของฟิวส์ ค. ขนาดพิกัดของเซอร์กิตเบรกเกอร์หรือขนาดปรับตั้งของเครื่องป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน ง. ขนาดพิกัดมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้า
ตอนที่ 2 เติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ 1. สายต่อฝากจะต่อฝากระหว่าง ขั้วต่อสายนิวตรอล เข้ากับ ขั้วต่อสายดิน หรือการต่อสาย นิวตรอล เข้ากับ โครงโลหะของแผงสวิตช์ 2. เต้ารับที่มีขั้วสายดิน มี 3 ขั้น ประกอบด้วย สายนิวตรอล สายเฟส และสายดิน 3. หลักดิน หมายถึง แท่งโลหะหรือแผ่นโลหะที่ฝังอยู่ในดินสามารถป้องกันการผุกร่อนได้ 4. แท่งหลักดินมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 16 มิลลิเมตร และความยาวของแท่งหลักดินจะต้อง ไม่ต่ำกว่า 2.4 เมตร 5. ค่าความต้านทานของดินจะวัดระหว่าง ดิน กับ หลักดิน มีค่าต่ำกว่า 5 โอห์ม เมื่อ ระบบการต่อลงดินมีประสิทธิภาพและตรงตามมาตรฐาน 6. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องมีสายดิน ได้แก่ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ต้องมี สายดิน ได้แก่ วิทยุ เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า 7. เครื่องตัดไฟรั่วมีความสำคัญ คือ ป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร 8. เครื่องตัดไฟรั่วที่ทำงานโดยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า อาศัยหลักการ คือ ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้า (I1 ) ไม่ เท่ากับกระแสไฟฟ้าไหลออก (I) ส่งผลให้ทริปคอยส์ที่เป็นขดลวดแม่เหล็กต้องดึงให้วงจรไฟฟ้าขาดออกจาก วงจร 9. สัญลักษณ์ หมายถึง สายดิน (เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีสายดิน) 10. สัญลักษณ์ หมายถึง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีสายดิน
ตอนที่ 3 อธิบายให้ได้ใจความสมบูรณ์ 1. สายไฟฟ้าชนิดวีเอเอฟ มีขนาดสายเฟส เท่ากับ 2.5 ตารางมิลลิเมตร สายไฟฟ้าชนิดแกนเดียวเอ็นวายวาย (NYY) มีขนาดสายเฟสเท่ากับ 25 ตารางมิลลิเมตร สายไฟฟ้าทั้งสองดังกล่าวมีขนาดสายดินกี่ตาราง มิลลิเมตร 1 ตารางมิลลิเมตร 2. สำหรับการต่อลงดินที่แผงสวิตช์ มีการต่อขั้วสายดินกับขั้วสายนิวตรอลอย่างไรเมื่อใช้กับระบบไฟฟ้าเฟส เดียว สวิตช์ไฟฟ้าหลักทำหน้าที่เป็นเซอร์กิตเบรกเกอร์ 1 ขั้ว (Pole) ใช้กับระบบไฟฟ้าเฟสเดียว จำนวน 2 สาย โดยที่ขั้วต่อสายดินเป็นจุดเดียวกันกับขั้วต่อสายนิวตรอล 3. บอกข้อแนะนำในการติดตั้งระบบสายดินมา 5 ข้อ 1. การติดตั้งระบบสายดินที่ถูกต้องและได้มาตรฐานนั้นจะต้องไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลในสายดิน . 2. ค่าความต้านทานของดินต้องเป็นไปตามมาตรฐาน คือ มีค่าความต้านทานน้อยกว่า 5 โอห์ม 3. การเชื่อมต่อระหว่างสายดินกับหลักดิน ควรเชื่อมด้วยความร้อนทำให้แข็งแรงและมั่นคง . 4. เต้ารับจะต้องมี 3 ขา เป็นชนิดที่มีขั้วต่อสายดิน และผ่านการทดสอบตรงตามมาตรฐาน มอก. 166-2547 และ มอก. 2162-2547 5. สายไฟฟ้าที่ใช้ในการติดตั้งจะต้องเป็นสายไฟฟ้าชนิดที่มีสายดินด้วย 4. ข้อควรจำของการต่อลงดินที่แผงสวิตช์ไฟฟ้า มีอะไรบ้าง 1. ควรติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้กระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า. 2. สำหรับบ้านพักอาศัย อาคารขนาดเล็ก หรือสถานที่คล้ายคลึงกัน พิกัดตัดกระแสไฟฟ้าการลัดวงจร ของเมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ต้องไม่น้อยกว่า 10 กิโลแอมแปร์ (10 kA) 3. ไม่ควรที่จะต่อฟิวส์ให้กับสายนิวตรอลและควรที่จะต่อฟิวส์ให้กับสายเส้นไฟ 4. ขนาดของขั้วต่อสายดินต้องไม่เล็กกว่าขั้วต่อสายนิวตรอล และขั้วต่อสายนิวตรอลจะต้องมีฉนวน คั่นกับแผงสวิตช์ 5. ห้ามใช้แผงสวิตช์ที่มีขั้วต่อสายดินและขั้วต่อสายนิวตรอลร่วมกันเป็นแผงย่อย 5. องค์ประกอบของระบบสายดินมีอะไรบ้าง อธิบาย ระบบสายดินที่ได้มาตรฐานมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้ คือ แผงสวิตช์ที่มีขั้วต่อสายดินสายต่อหลักดิน สายต่อฝาก สายดิน เต้ารับที่มีขั้วสายดิน และหลักดิน
แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ 10 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. องค์ประกอบของระบบสายดินข้อใดที่ทำให้เกิดความต่อเนื่องทางไฟฟ้าและสามารถที่จะรับกระแสไฟฟ้า ลัดวงจรได้ดี ก. แผงโลหะอยู่ใต้ดิน ข. หลักดินและสายต่อหลักดิน ค. สายต่อฝาก ง. สายต่อหลักดิน 2. อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าข้อใด ไม่จำเป็นต้องต่อลงดิน ก. ตู้เย็น เครื่องเล่นคอมแพคดิสก์ ข. โทรทัศน์ วิทยุ ค. เครื่องซักผ้า วิทยุ ง. เตาไฟฟ้า โทรศัพท์บ้าน 3. หลักดินที่ตอกลงไปในดิน มีขนาดความยาวและเส้นผ่านศูนย์กลางเท่าไร ก. 2.5 เมตร, 8 มิลลิเมตร ข. 2.6 เมตร, 10 มิลลิเมตร ค. 2.7 เมตร, 14 มิลลิเมตร ง. 2.8 เมตร, 20 มิลลิเมตร 4. แบบของหลักดินข้อใดที่ ไม่ได้มาตรฐาน ก. แท่งทองแดงผสมดีบุก ข. แท่งเหล็กหุ้มด้วยทองแดง ค. แท่งทองแดง ง. แท่งเหล็กอาบด้วยสังกะสี 5. อุปกรณ์ข้อใดที่มีขั้วต่อสายนิวตรอล ขั้วต่อสายดิน เซอร์กิตเบรกเกอร์และขั้วต่อหลักดิน ก. แผงสวิตช์ ข. สวิตช์และฟิวส์ ค. สะพานไฟฟ้า ง. วงจรหลอดไฟชนิดฟลูออเรสเซนต์ 6. ระบบการต่อลงดินข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด ก. ควรต่อฟิวส์ที่สายนิวตรอล ข. ค่าความต้านทานดินระหว่างดินกับหลักดินมีค่าน้อยกว่า 5 โอห์ม ค. ควรใช้แผงสวิตช์ที่มีขั้วต่อสายดินและขั้วต่อสายนิวตรอลร่วมกันเป็นแผงย่อย ง. จะต้องมีกระแสไฟฟ้าไหลลงในสายดิน
7. สายไฟฟ้าชนิด THW มีขนาดสายเฟส 2.5 ตารางมิลลิเมตร ขนาดของสายดินมีกี่ตารางเซนติเมตร ก. 0.025 ตารางเซนติเมตร ข. 0.25 ตารางเซนติเมตร ค. 2.5 ตารางเซนติเมตร ง. 25 ตารางเซนติเมตร 8. สัญลักษณ์ หมายถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าในข้อใด ก. ตู้เย็น ข. วิทยุ ค. เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า ง. เครื่องทำน้ำอุ่น 9. เครื่องตัดไฟรั่วที่ได้มาตรฐานมีลักษณะตรงกับข้อใด ก. ระยะเวลาในการตัดจะมากกว่า 1 วินาที แต่ไม่เกิน 5 วินาที ข. มีค่ากระแสไฟฟ้ารั่วน้อยกว่า 10 มิลลิแอมแปร์ ค. มีค่ากระแสไฟฟ้ารั่วน้อยกว่า 10 แอมแปร์ ง. ระยะเวลาในการตัดจะน้อยกว่า 0.04 วินาที 10. ข้อใดกล่าว ไม่ถูกต้องในการติดตั้งระบบสายดิน ก. การต่อสายนิวตรอลลงดินที่แผงสวิตช์ไฟฟ้าหลายจุดในอาคารเดียวกัน ข. สายไฟฟ้าต้องเป็นชนิดที่มีสายดิน สายนิวตรอลและสายเฟส ค. จะต้องไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลในสายดิน ง. ควรติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
แบบทดสอบก่อนเรียนบทที่ 11 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใด ไม่ใช่ส่วนประกอบของระบบการติดตั้งสัญญาณเตือนภัย ก. อุปกรณ์ประกอบ ข. อุปกรณ์แจ้งเหตุ ค. อุปกรณ์เริ่มสัญญาณ ง. เครื่องขยายเสียง 2. ระบบสัญญาณที่ใช้ออดไฟฟ้ามีลักษณะการทำงานอย่างไร ก. ส่งสัญญาณภาพให้กับฝ่ายตรงข้ามได้รับชมภาพชัดเจน ข. ส่งสัญญาณไฟฟ้าให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับทราบข้อมูล ค. ส่งสัญญาณเสียงให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับทราบข้อมูล ง. ส่งสัญญาณภาพและเสียงให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับทราบข้อมูล 3. เมื่อแหล่งจ่ายไฟหลักของระบบสัญญาณเตือนภัยเกิดการขัดข้อง ควรใช้อุปกรณ์ใดแทน ก. แบตเตอรี่สำรองที่ชาร์จไฟใหม่ได้ ข. แบตเตอรี่ชนิดที่ชาร์จประจุไฟใหม่ไม่ได้ ค. มอเตอร์ไฟฟ้า ง. ไดนาโม 4. ข้อใด ไม่ใช่อุปกรณ์แจ้งเหตุของระบบสัญญาณเตือนภัย ก. ลำโพง ข. เครื่องตรวจจับความร้อน ค. ไซเรน ง. กระดิ่งไฟฟ้า 5. สัญลักษณ์ข้อใด หมายถึงอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ ก. ข. ค. ง. 6. สมองของระบบสัญญาณเตือนภัยคือข้อใด ก. อุปกรณ์เริ่มสัญญาณ ข. แผงควบคุม ค. อุปกรณ์แจ้งเหตุ ง. แหล่งจ่ายไฟฟ้า H S M M
7. อุปกรณ์ใดมีหลักการทำงานด้วยยูนิเวอร์แซลมอเตอร์ที่ขับใบพัดตัดอากาศ ก. ไซเรน ข. ลำโพง ค. ออดไฟฟ้า ง. ไซเรนและออดไฟฟ้า 8. แผงควบคุมระบบสัญญาณเตือนภัยจะสามารถทำงานได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งใด ก. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ข. แหล่งจ่ายไฟฟ้ากับอุปกรณ์เริ่มสัญญาณ ค. แหล่งจ่ายไฟฟ้า ง. อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟกับแหล่งจ่ายไฟฟ้า 9. อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือมนุษย์ที่ใช้สำหรับดึงจะเขียนอักษรภาษาอังกฤษตรงกับข้อใด ก. PASS FIRE ข. POLL FIRE ค. PUSH FIRE ง. PULL FIRE 10. ข้อใด ไม่ใช่ อุปกรณ์ตรวจจับอย่างอัตโนมัติ ก. อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟ ข. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ค. อุปกรณ์ตรวจจับรังสีอัลตราไวโอเลต ง. อุปกรณ์ตรวจจับชนิดลำแสงอินฟราเรด
แบบฝึกหัดที่ 11 คำสั่ง เติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ 1. ระบบสัญญาณเตือนภัยเพื่อแจ้งเหตุเพลิงไหม้ประกอบด้วย อุปกรณ์เริ่มสัญญาณ อุปกรณ์ประกอบ แผง ควบคุม แหล่งจ่ายไฟฟ้า และอุปกรณ์แจ้งเหตุ 2. แผงควบคุมจะทำงานได้ย่อมขึ้นอยู่กับ อุปกรณ์เริ่มสัญญาณ 3. อุปกรณ์แจ้งเหตุ ได้แก่ กระดิ่งไฟฟ้า ไซเรน 4. ระบบสัญญาณพื้นฐานที่ติดต่อสื่อสารเป็นเสียงมี 2 ลักษณะ คือ ระบบสัญญาณที่ใช้กระดิ่งไฟฟ้า หรือออดไฟฟ้า และระบบสัญญาณที่ใช้ติดต่อสื่อสารภายในหน่วยงาน 5. ระบบสัญญาณเสียงอินเตอร์คอมประกอบด้วย ไมโครโฟน เครื่องขยายเสียง ลำโพง 6. แหล่งจ่ายไฟฟ้าสำรองที่ใช้กับระบบสัญญาณเตือนภัยมีลักษณะ คือ เป็นแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จประจุ ไฟใหม่ได้ 7. พิกัดของแหล่งจ่ายไฟฟ้าที่จ่ายให้กับระบบเตือนภัยต้องมีขนาด คือ ไม่ต่ำกว่าผลรวมของโหลดสูงสุดคือ ผลรวมของโหลดทั้งหมดของแผงควบคุมระบบสัญญาณเตือนภัยรวมถึงบริภัณฑ์ทั้งหมดที่ใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้า 8. เมื่อแหล่งจ่ายไฟฟ้าหนักของระบบเตือนภัยใช้งานไม่ได้ แบตเตอรี่สำรองต้องทำหน้าที่แทนใช้เวลาเท่ากับ ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง 9. อุปกรณ์แจ้งเหตุจะทำงานได้ขึ้นอยู่กับ สัญญาณไฟฟ้าจากแผงควบคุม 10. อุปกรณ์แจ้งเหตุที่มีเสียงดังมาก นิยมใช้ในอาคารและนอกอาคาร คือ ไซเรน 11. ระบบเตือนภัยที่เปรียบได้กับสมองระบบซึ่งควบคุมการทำงานของระบบทั้งหมด คือ แผงควบคุม . 12. สัญลักษณ์ หมายถึง อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ สัญลักษณ์ หมายถึง อุปกรณ์ตรวจจับควัน สัญลักษณ์ หมายถึง อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน 13. อุปกรณ์เริ่มสัญญาณมีหน้าที่ ตรวจจับสิ่งผิดปกติภายในอาคารหรือนอกอาคาร ได้แก่ อุปกรณ์ ตรวจจับความร้อน อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟ 14. อุปกรณ์ประกอบที่เขียนว่า System Alarm หมายถึง สภาวะที่ต้องมีการแจ้งเหตุเตือนภัย และ อุปกรณ์ประกอบที่เขียนว่า AC Power Fail หมายถึง การขัดข้องของแหล่งจ่ายไฟหลัก 15. ห้องที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ตรวจจับควันและความร้อน ได้แก่ ห้องสมุด ห้องทำงาน ห้องรับประทา อาหาร 16. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดมีอัตราการเพิ่มอุณหภูมิจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อ อุณหภูมิสูงขึ้นอย่าง รวดเร็ว 17. หลักการทำงานของอุปกรณ์ตรวจจับควันไฟที่ใช้แสงอินฟราเรด คือ เมื่อมีควันไฟเข้าไปจะทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้า จะส่งไปควบคุมระบบที่แผงควบคุมต่อไป 18. การตรวจจับสภาวะผิดปกติของระบบการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยมีลักษณะ คือ ใช้มนุษย์ทำหน้าที่ ตรวจจับ และการใช้อุปกรณ์ตรวจจับแบบอัตโนมัติ 19. อุปกรณ์แจ้งเหตุทางแสง ได้แก่ หลอดไฟ M S H
20. เหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมสำหรับอาคาร สำนักงานหรือโรงงานอุตสาหกรรม คือ ไฟไหม้ แก๊สรั่ว
แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ 12 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดหมายถึงส่วนประกอบของระบบการติดตั้งสัญญาณเตือนภัย ก. อุปกรณ์เริ่มสัญญาณกับเครื่องขยายเสียง ข. แผงควบคุมกับแหล่งจ่ายไฟฟ้า ค. เครื่องตรวจจับความร้อนกับแผงควบคุม ง. อุปกรณ์แจ้งเหตุกับลำโพง 2. ระบบสัญญาณที่ใช้ออดไฟฟ้าจะใช้อุปกรณ์ใดทำหน้าที่หยุดเสียง ก. ออดไฟฟ้า ข. หม้อแปลงไฟฟ้า ค. สวิตช์ ง. สายไฟฟ้า 3. เมื่อแหล่งจ่ายไฟหลักของระบบสัญญาณเตือนภัยเกิดขัดข้อง ต้องใช้แบตเตอรี่สำรองมาทำหน้าที่แทน เวลา ใช้งานสูงสุดของแบตเตอรี่ที่จ่ายให้กับระบบควรมีกี่ชั่วโมง ก. 24 ชั่วโมง ข. 18 ชั่วโมง ค. 12 ชั่วโมง ง. 6 ชั่วโมง 4. อุปกรณ์แจ้งเหตุของระบบสัญญาณเตือนภัย คือข้อใด ก. ไซเรน แผงควบคุม ข. ลำโพง เครื่องตรวจจับควันไฟ ค. กระดิ่งไฟฟ้า ปุ่มเตือนภัยขัดข้อง ง. ไซเรน หลอดไฟฟ้า 5. สัญลักษณ์ กับ ของระบบสัญญาณเตือนภัยหมายถึงข้อใด ก. อุปกรณ์ตรวจจับควันกับอุปกรณ์ตรวจจับสนามแม่เหล็ก ข. อุปกรณ์ตรวจจับควันกับอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ ค. อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือกับอุปกรณ์ตรวจจับควัน ง. อุปกรณ์ตรวจจับควันกับอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน 6. อุปกรณ์ส่วนใดทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบสัญญาณเตือนภัย ก. อุปกรณ์เริ่มสัญญาณ ข. อุปกรณ์แจ้งเหตุ ค. แผงควบคุม ง. แหล่งจ่ายไฟฟ้า S M
7. อุปกรณ์ใดที่มีเสียงดังมากใช้สำหรับแจ้งเหตุร้ายภายในอาคารและนอกอาคาร ก. ลำโพง ข. ออดไฟฟ้า ค. ไซเรนและออดไฟฟ้า ง. ไซเรน 8. แผงควบคุมของระบบสัญญาณเตือนภัยจะทำงานดีมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับองค์ประกอบในข้อใด ก. อุปกรณ์เริ่มสัญญาณกับแหล่งไฟฟ้า ข. อุปกรณ์ตรวจจับควัน ค. แหล่งจ่ายไฟฟ้า ง. แหล่งจ่ายไฟฟ้ากับอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน 9. คำว่า PULL FRRE คือข้อใด ก. ใช้มือดึงเพื่อทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์แจ้งเหตุ ข. ใช้มือทุบเพื่อทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์แจ้งเหตุ ค. ใช้มือทุบเพื่อเริ่มสัญญาณเตือนไฟไหม้ ง. ใช้มือดึงเพื่อเริ่มสัญญาณเตือนไฟไหม้ 10. อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟชนิดไอโอไนเซชันอาศัยหลักการใด ก. ใช้ควันไฟเปลี่ยนแปลงความเข้มของแสง ข. ใช้ควันไฟเปลี่ยนแปลงความเข้มของสนามแม่เหล็ก ค. ใช้ควันไฟเปลี่ยนแปลงค่ากระแสไฟฟ้า ง. ใช้ควันไฟเปลี่ยนแปลงค่าแรงดันไฟฟ้า
แบบทดสอบก่อนเรียนบทที่ 12 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใด ไม่ใช่องค์ประกอบที่ทำให้พื้นที่มีการลุกไหม้ได้ ก. มีตัวจุดชนวนทำให้เกิดประกายไฟ ข. มีแก๊สออกซิเจน ค. มีแก๊สหรือเชื้อเพลิง ง. มีฝุ่นไวไฟและมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 2. หลักสำคัญของการติดตั้งไฟฟ้าในพื้นที่อันตรายคือข้อใด ก. อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องถูกห่อหุ้มด้วยราคาถูก ข. อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องป้องกันการเกิดระเบิดได้ ค. อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องถูกห่อหุ้ม และป้องกันการเกิดประกายไฟให้ได้ ง. อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องถูกห่อหุ้มด้วยราคาแพง 3. ข้อใด ไม่ใช่ลักษณะเด่นของสายเคเบิลชนิดเอ็มไอ ก. ตัวนำของสายไฟเป็นทองแดง ข. เปลือกนอกเป็นเงิน ค. หุ้มด้วยฉนวนแมกนีเซียมออกไซด์ ง. เปลือกนอกเป็นทองแดง 4. บริเวณใดจัดเป็นพื้นที่อันตรายประเภทที่ 1 ก. มีแอลกอฮอล์มาก ข. มีฝุ่นของพลาสติกมาก ค. มีฝุ่นของถ่านหินมาก ง. มีใยฝ้ายมาก 5. บริเวณใดจัดเป็นพื้นที่อันตรายประเภทที่ 2 ก. ปั๊มแก๊ส ข. โรงงานไม้ ค. โรงงานใยฝ้าย ง. โรงงานน้ำตาล 6. บริเวณใดจัดเป็นพื้นที่อันตรายประเภทที่ 3 ก. โรงงานทำแป้ง ข. โรงงานทอผ้า ค. ปั๊มน้ำมัน ง. โรงงานสีข้าว
7. พื้นที่อันตรายประเภทใดที่ทำให้แก๊สติดไฟได้ ก. ประเภทที่ 3 ข. ประเภทที่ 1 ค. ประเภทที่ 2 ง. ประเภทที่ 2 และ 3 8. พื้นที่อันตรายประเภทใดที่ทำให้ฝุ่นติดไฟได้ ก. ประเภทที่ 1 และ 2 ข. ประเภทที่ 3 ค. ประเภทที่ 2 ง. ประเภทที่ 1 9. พื้นที่อันตรายประเภทใดที่ทำให้เส้นใยติดไฟได้ ก. ประเภทที่ 1 ข. ประเภทที่ 2 ค. ประเภทที่ 2 และ 3 ง. ประเภทที่ 3 10. ท่อแข็งที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางในข้อใดสามารถต่อตรงเข้าที่กล่องทนไฟได้ ก. 20 มิลลิเมตร ข. 28 มิลลิเมตรขึ้นไป ค. 30 มิลลิเมตรขึ้นไป ง. 33 มิลลิเมตรขึ้นไป
แบบฝึกหัดที่ 12 คำสั่ง เติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ 1. สถานที่อันตราย หมายถึง พื้นที่บริเวณที่อาจทำให้เกิดไฟไหม้หรือเกิดจากการระเบิดที่มีสาเหตุมาจาก เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานในระยะเวลายาวนาน 2. การติดตั้งไฟฟ้าในพื้นที่อันตราย หมายถึง การติดตั้งไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีสารไวไฟ ของเหลวที่มีไฟ ฝุ่นที่ติด ไฟ ละอองที่ติดไฟ และเส้นใยที่ติดไฟได้ 3. สาเหตุทำให้ที่พื้นที่มีการลุกไหม้ ได้แก่ การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานในระยะเวลายาวนานแล้วทำให้เกิด ประกายไฟจนเกิดการลุกไหม้ 4. พื้นที่อันตรายประเภทที่ 1 มีลักษณะ คือ เป็นบริเวณที่มีแก๊สหรือไอที่ทำให้ติดไฟได้ 5. พื้นที่อันตรายประเภทที่ 2 มีลักษณะ คือ เป็นบริเวณที่มีฝุ่นที่ทำให้ติดไฟได้ 6. พื้นที่อันตรายประเภทที่ 3 มีลักษณะ คือ เป็นบริเวณที่มีเส้นใยหรือละอองต่าง ๆ ทำให้ติดไฟ 7. แต่ละประเภทของสถานที่อันตรายที่อยู่ในแบบที่ 1 มีลักษณะ คือ เป็นบริเวณที่โอกาสเกิดการลุกไหม้ ได้ในสภาวะการทำงานปกติ 8. แต่ละประเภทของพื้นที่อันตรายที่อยู่ในแบบที่ 2 มีลักษณะ คือ เป็นบริเวณที่ไม่มีโอกาสเกิดการลุกไหม้ ในสภาวะการทำงานอย่างปกติ 9. หลักสำคัญของการเดินไฟฟ้าในพื้นที่อันตราย คือ จะต้องป้องกันการรั่วซึมของสารไวไฟจากพื้นที่หนึ่ง ไปยังอีกพื้นที่หนึ่งให้ได้ 10. วัสดุและอุปกรณ์ที่ติดตั้งในพื้นที่อันตราย ได้แก่ กล่องต่อพร้อมอุปกรณ์ที่แข็งทนทานต่อเปลวไฟ สาย เคเบิลชนิดเอ็มไอ 11. ท่อแข็งที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 20 มิลลิเมตรและ 25 มิลลิเมตร สามารถต่อโดยตรงเข้า ที่กล่องทนไฟได้ 12. ปลายท่อต้องป้องกันรั่วด้วยคอมปาวด์ คือ ท่อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 25 มิลลิเมตร 13. กล่องที่ต่อท่อ 2 ท่อขึ้นไปและทนไฟได้มีลักษณะ คือ มีขนาดใหญ่ 14. การเดินสายไฟสำหรับพื้นที่อันตรายประเภทที่ 1 แบบที่ 1 มีลักษณะเด่น คือ จะต้องเป็นสายชนิด เอ็มไอ 15. พื้นที่อันตรายประเภทที่ 1 ได้แก่ ห้องพ่นสี ร้านจำหน่ายแก๊ส ปั้มน้ำมัน 16. การเดินสายไฟฟ้าสำหรับโรงงานใยฝ้ายมีลักษณะ คือ ต้องเดินในท่อโลหะบางท่อโลหะหนาปานกลาง และท่อโลหะหนา 17. การเดินสายไฟฟ้าสำหรับพื้นที่อันตรายประเภทที่ 2 แบบที่ 1 มีลักษณะ คือ จะต้องเป็นสายชนิดเอ็ม ไอ ชุดที่ติดตั้งจะต้องกันฝุ่นได้ 18. การเดินสายไฟฟ้าสำหรับพื้นที่อันตรายประเภทที่ 1 แบบที่ 2 มีลักษณะ คือ ใช้การเดินสายด้วยระบบ ท่อร้อยสาย ใช้สายเคเบิลชนิดเอ็มไอ รางเดินสายแบบมีประเก็นและเครื่องห่อหุ้ม 19. แก๊สที่ทำให้ติดไฟได้ ได้แก่ แก๊สธรรมชาติ แก๊สโซลีน 20. ฝุ่นที่ทำให้ติดไฟได้ ได้แก่ ฝุ่นของแป้งเมล็ดพืช พลาสติก สารเคมี และไม้ฝุ่นของถ่านหิน
แบบทดสอบหลังเรียนบทที่ 12 คำสั่ง ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. บริเวณที่มีการลุกไหม้ย่อมมีเก๊สออกซิเจนปนอยู่ด้วย ยกเว้น ข้อใด ก. มีน้ำมันเชื้อเพลิง ข. มีแก๊สไวไฟ ค. มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ง. มีฝุ่นไวไฟ 2. การติดตั้งไฟฟ้าในพื้นที่อันตรายควรพิจารณาสิ่งใดเป็นหลัก ก. อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องถูกห่อหุ้ม ข. อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องถูกห่อหุ้มและป้องกันการระเบิดได้ ค. อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องป้องกันการระเบิดได้ ง. อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องคัดเกรดอย่างดีมีประสิทธิภาพ 3. เปลือกนอกของสายเคเบิลชนิดเอ็มไอทำจากวัสดุใด ก. เงิน ข. ดีบุก ค. ตะกั่ว ง. ทองแดง 4. พื้นที่อันตรายประเภทที่ 1 คือข้อใด ก. โรงงานทำฟูก ข. ห้องพ่นสี ค. ฝุ่นของสารเคมีในโรงงาน ง. โรงงานสีข้าว 5. พื้นที่อันตรายประเภทที่ 2 คือข้อใด ก. ห้องพ่นสี ข. โรงกลั่นน้ำมัน ค. โรงงานทำแป้ง ง. โรงงานทอผ้า 6. พื้นที่อันตรายประเภทที่ 3 คือข้อใด ก. โรงงานทำฟูก ข. ห้องพ่นสี ค. ร้านจำหน่ายแก๊ส ง. โรงกลั่นน้ำมัน 7. พื้นที่อันตรายประเภทใดที่ทำให้ไอต่าง ๆ ติดไฟได้ ก. ประเภทที่ 3 ข. ประเภทที่ 1 ค. ประเภทที่ 2 ง. ประเภทที่ 2 และ 3
8. ฝุ่นที่สามารถติดไฟได้ จัดอยู่ในพื้นที่อันตรายประเภทใด ก. ประเภทที่ 1 และ 2 ข. ประเภทที่ 1 ค. ประเภทที่ 2 ง. ประเภทที่ 3 9. ละอองต่าง ๆ หรือเส้นใยต่าง ๆ ที่ทำให้ติดไฟได้จัดอยู่ในพื้นที่อันตรายประเภทใด ก. ประเภทที่ 1 ข. ประเภทที่ 2 ค. ประเภทที่ 1 และ 2 ง. ประเภทที่ 3 10. ท่อแข็งที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่าใดสามารถต่อตรงเข้าที่กล่องทนไฟได้ ก. ต่ำกว่า 20 มิลลิเมตร ข. 25 มิลลิเมตรขึ้นไป ค. 25 มิลลิเมตรขึ้นไป ง. 30 มิลลิเมตรขึ้นไป