ภาพถ่ายทางอากาศ
( Airborne imagery )
ภาพถ่ายทางอากาศ
แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1) ภาพถ่ายแนวดิ่ง (Vertical photograph)
2) ภาพถ่ายแนวเฉียง (Oblique photograph)
1) ภาพถ่ายแนวดิ่ง
(Vertical photograph)
คือ ภาพถ่ายที่ถ่ายโดยให้แกนหลักของกล้องตั้งฉากในแนวดิ่งหรือใกล้เคียงแนวตั้งฉากกับพื้นดินมากที่สุด
ปกติโดยทั่วไปเอียงอยู่ในเกณฑ์ราว 1 องศา (โดยทั่วไปยอมรับเอียงไม่เกิน 3 องศา ถือว่าเป็นภาพถ่ายดิ่ง
หรือที่เรียกว่าภาพถ่ายใกล้ดิ่ง (Near vertical photograph))
ลักษณะของภาพถ่ายแนวดิ่งสมบูรณ์ ตัวอย่างภาพถ่ายแนวดิ่ง
2) ภาพถ่ายแนวเฉียง
(Oblique photograph)
เป็นภาพถ่ายที่ถ่ายโดยให้แกนหลักของกล้องเอียงจากแนวดิ่ง
แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
2.1) ภาพถ่ายเฉียงสูง (High oblique photograph)
2.2) ภาพถ่ายเฉียงต่ำ (Low oblique photograph)
2.1) ภาพถ่ายเฉียงสูง
(High oblique photograph)
- แกนหลักของกล้องเอียงมาก ประมาณ 60 องศา ทำให้ปรากฏแนวขอบฟ้า (Horizon) บนภาพถ่าย
- การเปิดถ่ายภาพเฉียงสูงแต่ละครั้งครอบคลุมพื้นที่ได้มาก สามารถใช้ได้ดีถ้าภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบเรียบ (Flat terrain)
แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีความสูง ต่ำ เช่น เป็นภูเขา พื้นที่มีอาคารสูง มีต้นไม้ จะบดบังรายละเอียดพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลออกไป
ลักษณะของภาพถ่ายเฉียงสูง ตัวอย่างภาพถ่ายเฉียงสูง
2.2) ภาพถ่ายเฉียงต่ำ
(Low oblique photograph)
- แกนหลักของกล้องเอียงแต่น้อยกว่าภาพถ่ายเฉียงสูง เอียงประมาณ 4-30 องศา
แต่ไม่ปรากฏแนวขอบฟ้า ภาพจึงบิดเบี้ยวน้อยกว่า
- มีการถ่ายภาพเฉียงต่ำด้วยกล้องที่ออกแบบพิเศษ คือใช้กล้องสองตัวติดกันโดยให้แกนของกล้องเอียงเข้าหากัน
ทำมุมกับแนวดิ่ง 8-40 องศา ทั้งนี้เพื่อเพิ่มอัตราส่วนฐานอากาศระดับสูงบิน (Base/Height Ratio)
ซึ่งจะทำให้สามารถมองเห็นภาพ 3 มิติได้ชัดเจนกว่าภาพคู่ซ้อนจากภาพถ่ายดิ่งธรรมดา
และการเปิดถ่ายต้องเปิดหน้ากล้องพร้อมกัน เรียกกล้องแบบนี้ว่า กล้องเฉียงสอบ (Convergent camera)
ลักษณะของภาพถ่ายเฉียงต่ำ ตัวอย่างภาพถ่ายเฉียงต่ำ
ลักษณะรูปทรงของพื้นที่ที่ครอบคลุมบนภาพถ่ายทางอากาศ