The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by taehyungandjimin1330, 2022-07-15 08:42:47

แผนที่

แผนที่

แผนที่

สารบัญ

แผนที่ตามลักษณะของรายละเอียดที่ปรากฏ
แผนที่ตามขนาดมาตราส่วน
แผนที่ตามลักษณะการใช้งานและชนิดของรายละเอียดที่แสดงไว้
องค์ประกอบของแผนที่
แผนที่แบบต่างๆ
ประโยชน์ของแผนที่

แผนที่ตามลักษณะ
ของรายละเอียดที่ปรากฏ

สามารถจำแนกตามสิ่งที่ปรากฏบนแผนที่ได้เป็น 3 ประเภทย่อย ได้แก่

1) แผนที่ลายเส้น (Line map)
2) แผนที่ภาพถ่าย (Photo map/Aerial map)
3) แผนที่แบบผสม (Annotated map)

1) แผนที่ลายเส้น (Line map)

หมายถึง แผนที่ที่ทำขึ้นโดยอาศัยการเชื่อมต่อกันของ เส้นตรง เส้นโค้ง และจุดต่าง ๆ จากจุดเริ่มต้นไป
ยังจุดสิ้นสุดประกอบกันเป็นรูปร่าง รูปทรงเสมือน และรูปทรงเรขาคณิต เป็นการล้อแบบการวางตัว
ของสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏบนภูมิประเทศจริง เช่น แนว ถนน แนวทางรถไฟ และสนามกีฬา เป็นต้น

2) แผนที่ภาพถ่าย
(Photo map/Aerial map)

หมายถึง แผนที่ที่ได้จากการใช้อุปกรณ์ถ่ายภาพเพื่อทำการบันทึกภาพในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง
ลงสู่สื่อบันทึกภาพโดยอาศัยการถ่ายจากมุมสูง เช่น ยอดตึกสูง บอลลูน เครื่องบิน ยานอวกาศ หรือดาวเทียม
ภาพถ่ายที่ได้ต้องนำมาปรับแก้ความถูกต้องของภาพ (Image correction) ก่อนที่จะนำมาผลิตแผนที่
รวมทั้งการให้พิกัดตำแหน่งของภาพแผนที่ภาพถ่ายนั้น ๆ โดยการใส่โครงแผนที่ด้วยการอ้างอิงพิกัดรูปแบบต่าง ๆ

3) แผนที่แบบผสม
(Annotated map)

หมายถึง แผนที่ที่มีการนำแผนที่ลายเส้นหรือ แผนที่ภาพถ่ายมาทำการอธิบายแบบสรุปใจความสำคัญจากลักษณะ
ที่ปรากฏบนแผนที่เพื่อประโยชน์ ในด้านการแปลความหมายและการให้ความหมาย

ดังนั้น แผนที่ลายเส้นจะมีพิมพ์แยกสีตามประเภทของวัตถุในภูมิประเทศเพื่อให้สามารถจำแนกสิ่งที่ปรากฏบนแผนที่ได้ชัดเจน
เช่น น้ำจะปรากฏเป็นสีฟ้า ป่าไม้เป็นสีเขียว เป็นต้น

แผนที่แบบผสมในปัจจุบันที่เป็นข้อมูลดิจิทัลสามารถซ้อนทับและให้ 12 หน้า ข้อมูลได้หลากหลายกว่าแผนที่แบบผสมแบบ
ดั้งเดิม เช่น ข้อมูลสถานที่ ข้อมูลแผนที่อากาศ ข้อมูล แผนที่แสดงการจัดสรรที่ดิน และอื่น ๆ

นอกจากนี้แผนที่แบบผสมแบบใหม่ยังสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างเช่น แผนที่แบบผสมที่ปรากฏอยู่ใน Google Maps ที่สามารถเลือกลักษณะที่ปรากฏ
บนแผนที่แล้วแสดงออกมาเป็นพิกัด หรือชื่อสถานที่ได้ในทันทีเป็นต้น

ตัวอย่างแผนที่แบบผสม

แผนที่ตามขนาดมาตราส่วน

มาตราส่วนแผนที่ หมายถึง อัตราส่วนเปรียบเทียบระยะทางบนแผนที่กับระยะทางบนภูมิศาสตร์

=มาตรส่วนของแผนที่ ระยะทางบนแผนที่

ระยะทางบนภูมิประเทศ

การจำแนกแผนที่ตามขนาดของมาตราส่วนสามารถแบ่งแผนที่ออกเป็น 2 ประเภท

1) มาตราส่วนที่แบ่งตามเกณฑ์ภูมิศาสตร์

2) มาตราส่วนที่แบ่งตามเกณฑ์กิจการทหาร

1) มาตราส่วนที่แบ่ง
ตามเกณฑ์ภูมิศาสตร์

1.1 แผนที่มาตราส่วนเล็ก ( Small scale map )
หมายถึง แผนที่ที่มีมาตราส่วนเล็กกว่า 1 : 1,000,000

1.2 แผนที่มาตราส่วนกลาง ( Medium scale map )
หมายถึง แผนที่ที่มีมาตราส่วนระหว่าง 1: 250,000 ถึง 1: 1,000,000

1.3 แผนที่มาตราส่วนใหญ่ ( Large scale map )
หมายถึง แผนที่ที่มีมาตราส่วนใหญ่กว่า 1: 250,000

2) มาตราส่วนที่แบ่ง
ตามเกณฑ์กิจการทหาร

2.1 แผนที่มาตราส่วนเล็ก
หมายถึง แผนที่ที่มีมาตราส่วนเล็กกว่า 1: 600,000

2.2 แผนที่มาตราส่วนกลาง
หมายถึง แผนที่ที่มีมาตราส่วนใหญ่กว่า 1: 600,000 แต่เล็กกว่า 1: 75,000

2.3 แผนที่มาตราส่วนใหญ่
หมายถึง แผนที่ที่มีมาตราส่วนใหญ่กว่า 1: 75,000

แผนที่ตามลักษณะการใช้งาน
และชนิดของรายละเอียดที่แสดงไว้

การจำแนกประเภทของแผนที่ตามเกณฑ์การใช้งานและเกณฑ์ชนิดรายละเอียดที่แสดงในแผนที่
สามารถแบ่งแผนที่ได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

1) แผนที่ทั่วไป (General map)

2) แผนที่เฉพาะเรื่อง (Thematic Map)

1) แผนที่ทั่วไป (General map)

หมายถึง แผนที่พื้นฐานที่แสดงข้อมูลต่าง ๆ เช่น แหล่งน้ำ ถนน ทางรถไฟ สวนสาธารณะ ภูมิประเทศ เมือง
ละติจูด และลองจิจูด แผนที่ประเภทนี้ โดยทั่วไปจะสร้างหรือทำขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและการนำไปใช้ประโยชน์
และยังแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทย่อย ดังนี้

1.1 แผนที่แสดงทางราบ (Planimetric map)

1.2 แผนที่ภูมิประเทศ (Topographic Map)

1.1 แผนที่แสดงทางราบ (Planimetric map)

ซึ่งเป็นแผนที่แสดงรายละเอียดที่ปรากฏบนผิวโลกเฉพาะสัณฐานตามแนวราบเท่านั้น
โดยจะไม่ปรากฏ ลักษณะทางภูมิประเทศหรือความสูงต่ำของพื้นที่

1.2 แผนที่ภูมิประเทศ (Topographic Map)

ซึ่งเป็นแผนที่ที่แสดงรายละเอียดทั้งตามแนวราบและตามแนวดิ่ง
หรืออาจแสดงให้มีลักษณะเป็น 3 มิติ

2) แผนที่เฉพาะเรื่อง
( Thematic Map )

หมายถึง แผนที่ที่สร้างขึ้นบนแผนที่พื้นฐาน
เพื่อใช้ในกิจการเฉพาะอย่าง
เช่น - แผนที่ประชากรชายหญิงจังหวัดกระบี่

- แผนที่แสดงพื้นที่จุดความร้อนของไฟป่า
(Wildfire hotspots) เป็นต้น

องค์ประกอบของแผนที่

หมายถึง สิ่งที่ปรากฏอยู่บนแผนที่ เพื่อให้ผู้ใช้แผนที่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนที่นั้น โดยทั่วไปแผนที่ที่จัดทำขึ้น
เพื่อแสดงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งซึ่ง เรียกว่า ระวาง (sheet)

แผนที่แบบต่างๆ

แผนที่ท่องเที่ยว แผนที่เส้นทางคมนาคม

นิยมใช้มาตรส่วนเล็ก 1: 1,000,000 นิยมใช้มาตรส่วนเล็ก 1: 1,000,000
หรือ 1: 2,000,000

แผนที่แบบต่างๆ

แผนที่ธรณีวิทยา
(geologic map)

เป็นแผนที่ที่แสดงอายุของชั้นหิน ชนิดหิน
โครงสร้างทางธรณีวิทยา
จัดทําโดยกรมทรัพยากรธรณีนิยม
ใช้มาตรส่วนตั้งแต่

1 : 1,000,000
1 : 250,000
1 : 50,000

แผนที่แบบต่างๆ

แผนที่การใช้ที่ดิน

แสดงการใช้ประโยชน์จากที่ดิน โดยเฉพาะด้าน
การเกษตร เป็นแผนที่ที่ต้องปรับปรุง ให้ทันกับการ
เปลี่ยนแปลงการใช้ ที่ดิน จัดทําโดยกรมพัฒนาที่ดิน
หรือ สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ใช้มาตรส่วนตั้งแต่

1 : 1,000,000
1 : 250,000
1 : 50,000

ประโยชน์ของแผนที่

1) ด้านการเมือง
2) ด้านกิจการทหาร
3) ด้านเศรษฐกิจและสังคม
4) ด้านการดำเนินชีวิตประจำวัน

1) ด้านการเมือง 2) ด้านกิจการทหาร

ทราบตําแหน่งที่ตั้งปักปันเขตแดน โดยการใช้แผนที่แสดงยุทธศาสตร์ทั้งระยะทางและ
แสดงกลุ่มชาติพันธุ์ ตําแหน่งที่สําคัญต่างๆ รวมทั้งแสดงลักษณะภูมิประเทศ
ความหนาแน่นของประชากร เพื่อใช้ประโยชน์ในการวาง แผนการรบหรือการป้องกันดินแดน
ทราบเส้นทางคมนาคมในแต่ละบริเวณ ถ้าขาดแผนที่หรือแผนที่ล้าสมัย ข้อมูลไม่ถูกต้อง การวางแผนอาจผิดพลาดได้

1) ด้านการเมือง 2) ด้านกิจการทหาร

แผนที่ที่แสดงแหล่งทรัพยากร กิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การประมง โดยเฉพาะในการเดินทางจากบริเวณใดบริเวณหนึ่ง
การเพาะปลูก การทาป่าไม้ การทําเหมืองแร่ ช่วยให้เราเข้าใจการประกอบอาชีพ ถ้าเราดูแผนที่ เป็นจะทําให้เราทราบว่าเราอยู่บริเวณใด
ของประชากรได้อย่างดี นอกจากนี้ยัง สามารถใช้แผนที่แสดงการกระจาย จะเดินทางไปที่ใดจึงจะ สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ของแหล่งสาธารณสุข สถานศึกษาในแต่ละบริเวณ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวซึ่งใช้แผนที่ในการเดินทางเป็นประจํา
แผนที่จึงมีประโยชน์ในด้านสังคมเพิ่มขึ้น ในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ทําให้สามารถพิจารณาเส้นทางที่เหมาะสมเป็นการช่วยประหยัด
และสังคมแห่งชาติต้องอาศัยแผนที่เป็นข้อมูลพื้นฐาน เวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้


Click to View FlipBook Version