The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตรวจงานแปลมัทธิว 14

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by P. Tads, 2021-06-06 09:21:42

14 มัทธิว 14:1-12

ตรวจงานแปลมัทธิว 14

มทั ธวิ 14:1-12 ความตายของยอหน์ ผทู้ าพธิ ลี า้ ง

กษตั ริยเ์ ฮโรดและพระเยซูเจ้า
1 เวลานนั้ กษตั รยิ เ์ ฮโรดทรงไดย้ นิ เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั พระเยซูเจา้ 2 จงึ ตรสั กบั ขา้ ราชบรพิ ารวา่ “คนน้ีคอื ยอหน์ ผทู้ าพธิ ลี า้ งท่ี

กลบั คนื ชพี จากบรรดาผตู้ าย เพราะฉะนนั้ เขาจงึ มอี านาจทาอศั จรรยไ์ ด”้
ยอหน์ ผทู้ าพิธีลา้ งถกู สงั่ ตดั ศีรษะ

3 กษตั รยิ ์เฮโรดทรงสงั่ ให้จบั กุมยอห์นล่ามโซ่และขงั คุกไว้ เพราะเร่อื งของนางเฮโรเดยี ส ภรรยาของฟิลปิ 1 พระอนุชา 4
ยอห์นเคยทลู กษตั รยิ ์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องทพ่ี ระองค์ทรงรบั นางมาเป็นมเหส”ี 5 กษตั รยิ ์เฮโรดตอ้ งการจะฆ่ายอหน์ แต่ทรงเกรง
ประชาชน เพราะประชาชนคดิ ว่ายอหน์ เป็นประกาศก 6 ในวนั คลา้ ยวนั ประสตู ขิ องกษตั รยิ เ์ ฮโรด บตุ รหญงิ ของนางเฮโรเดยี ส2 ได้
เตน้ ราต่อหน้าแขกรบั เชญิ เป็นทพ่ี อพระทยั กษตั รยิ เ์ ฮโรดอยา่ งยง่ิ 7 พระองคจ์ งึ ทรงสญั ญาและทรงสาบานจะประทานทุกสง่ิ ทน่ี าง
ทลู ขอ

8 นางจงึ ทลู ตามคาแนะนาทไ่ี ดร้ บั จากมารดาวา่ “โปรดประทานศรี ษะของยอหน์ ผทู้ าพธิ ลี า้ งใส่ถาดมาใหห้ ม่อมฉนั ทน่ี ่ีเถดิ ”
9 กษตั รยิ ท์ รงเป็นทุกข์ แต่เพราะไดท้ รงสาบานไว้ และเพราะเหน็ แก่ผรู้ บั เชญิ จงึ ทรงสงั่ ใหจ้ ดั การตามทน่ี างขอ 10 กษตั รยิ เ์ ฮโรด
ทรงส่งคนไปตดั ศรี ษะของยอห์นในคุก 11 เขาจงึ นาศรี ษะของยอห์นใส่ถาดมาส่งให้หญิงสาว หญิงสาวจงึ นาไปให้มารดา 12
บรรดาศษิ ยข์ องยอหน์ ไดม้ ารบั ศพไปฝัง แลว้ แจง้ ขา่ วใหพ้ ระเยซเู จา้ ทรงทราบ

ข้อศึกษาวิพากษ์
นกั บุญมทั ธวิ รบั เอาเร่อื งราวแปลกประหลาดใน มก. 6:14-29 (ดู ขอ้ ศกึ ษาวพิ ากษ์เกย่ี วกบั เรอ่ื งน้ี) ซง่ึ เป็นเรอ่ื งราว

เดยี วในพระวรสารน้ีทไ่ี ม่มพี ระเยซูเจา้ มาเก่ยี วขอ้ งโดยตรง ดูเหมอื นสงิ่ ท่ที ่านสนใจทงั้ หมดคอื การทาใหเ้ ร่อื งน้ี
เป็นบทคู่ขนานและเป็นการทานายล่วงหน้าถึงชะตาของพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เร่อื งความขดั แย้งท่ี
นาไปสคู่ วามตายของพระองค์ เพอ่ื ทาใหเ้ ร่อื งราวน้ีเป็นกระบวนทศั น์ของความขดั แยง้ ระหว่างสองอาณาจกั ร ซง่ึ
เหน็ ไดจ้ ากการ(บุก)รุกเขา้ มาของพระอาณาจกั รพระเป็นเจา้ ผ่านทางการเสดจ็ มายงั โลกของพระเยซูเจา้ (ดู ขอ้ คดิ
ไตรต่ รอง ดา้ นล่าง) นกั บุญมทั ธวิ นาเร่อื งราวจากพระวรสารนกั บุญมาระโกมาปรบั ปรุงใหด้ ขี น้ึ โดยลดย่อจาก 302 คา
เหลอื 172 คา ตดั เน้อื หาทุกอยา่ งทไ่ี ม่เขา้ กบั วตั ถุประสงคข์ องทา่ นออกไปและปรบั เปลย่ี นใหเ้ น้นความสาคญั ไปท่ี
แนวคดิ เรอ่ื งความขดั แยง้ ระหวา่ งพระอาณาจกั รพระเป็นเจา้

ทงั้ นักบุญยอห์นและพระเยซูเจา้ ต่างเทศนาถงึ พระอาณาจกั รพระเจ้า (3:2; 4:17) ดงั นัน้ ทงั้ คู่จงึ ได้รบั การ
ระบุอย่างชดั เจนว่าเป็นประกาศก (21:11, 26) ในบทบรรยายเร่อื งก่อนหน้าน้ี นักบุญมทั ธวิ ไม่เพียงแต่ทาตาม
เอกสารแหล่ง Q และพระวรสารนกั บุญมาระโกในการสรา้ งภาพของนกั บุญยอหน์ ดว้ ยคาพดู ทใ่ี ชส้ อ่ื ถงึ ประกาศก
เอลยิ าห์ (ดู ขอ้ ศึกษาวพิ ากษ์ เก่ยี วกบั 3:4) แต่ยงั ไปไกลกว่านัน้ ด้วยการระบุว่านักบุญยอห์นคอื เอลยิ าห์ (ดู 11:14 เทยี บ
17:10-12) น่ีเป็นอีกเร่อื งราวหน่ึงท่ที าให้เราระลกึ ถงึ ภาพของประกาศกเอลยี าห์ นอกเหนือจากความคู่ขนานกนั
ระหวา่ งเฮโรด/เฮโรเดยี ส/ยอหน์ กบั อาหบั /เยซเี บล/เอลยิ าห์ ใน 1พกษ 17-19 แมว้ า่ นกั บุญมทั ธวิ จะยอ่ เรอ่ื งราว

351

ใหส้ นั้ ลงมาก แต่ทา่ นไดเ้ ตมิ ถอ้ ยคาบางอย่างลงไปทร่ี ะบุอยา่ งเจาะจงวา่ นกั บุญยอหน์ คอื ประกาศก ซง่ึ เป็นถอ้ ยคา
แบบเดยี วกบั ทใ่ี ชร้ ะบวุ า่ พระเยซูเจา้ ทรงเป็นใครดว้ ย (14:5ข; เทยี บ 21:11, 46)

ในพระวรสารนักบุญมาระโก เร่อื งราวน้ีเป็น “ภาพยอ้ นหลงั ” ท่ีเขา้ มาเตมิ ช่องว่างระหว่างบทบรรยาย
เร่ือง ส่วนท่ีเป็ นการส่งศิษย์ทัง้ สิบสองออกไปกระทาพันธกิจ 6:13 และส่วนท่ีบรรดาศิษย์กลับมาใน 6:30
เน่ืองจากนกั บุญมทั ธวิ ไดเ้ คล่อื นยา้ ยส่วนดงั กล่าวออกไปท่ี 10:1-42 และไมก่ ล่าวถงึ การทศ่ี ษิ ยท์ งั้ สบิ สองกลบั มา
จากการทาพนั ธกจิ เลย เรอ่ื งความตายของนกั บุญยอหน์ จงึ มาอย่หู ลงั จากตอนทพ่ี ระเยซูเจา้ ถูกปฏเิ สธทน่ี าซาเรธ็
โดยมีวลีใหม่ท่ีคลุมเครอื ทาหน้าท่ีเป็นตัวเช่อื ม คอื “ในเวลานัน้ ” (เทียบ 3:1; 11:25; 12:1) เม่อื คาพูดของเฮโรดไม่
เหมาะสมทจ่ี ะอยใู่ นตาแหน่งน้อี กี ตอ่ ไป เพราะมนั ต่างไปจากบรบิ ทในพระวรสารนกั บุญมาระโก การเปลย่ี นลาดบั
ก่อนหลงั ในทน่ี ้ีส่งผลใหม้ กี ารนาขอ้ ความท่ีนักบุญมทั ธวิ ระบุว่านักบุญยอห์นเป็นประกาศกมาไวห้ ลงั ขอ้ ความท่ี
พระเยซูเจา้ ทรงประกาศว่าพระองคเ์ องเป็นประกาศกใน 13:17 ท่านนักบุญมทั ธวิ นามุมมองแบบหนังสอื เฉลย
ธรรมบญั ญตั เิ กย่ี วกบั ประกาศกของชนชาตอิ สิ ราเอลมาใช้ ซง่ึ ความจรงิ กม็ อี ย่แู ลว้ ตงั้ แต่เอกสารแหล่ง Q ซง่ึ มอง
ว่าอสิ ราเอลมกั จะปฏเิ สธประกาศกทแ่ี ท้จรงิ อยู่เสมอ และชะตาของประกาศกเหล่านัน้ กค็ อื การทนทุกขท์ รมาน

(5:12; 23:37)

ใน 14:1 เฮโรด อนั ตปิ าส บตุ รชายของกษตั รยิ เ์ ฮโรด ผยู้ งิ่ ใหญ่ทอ่ี ยใู่ นเรอ่ื งราวตอนประสตู พิ ระเยซูเจา้ ใน
2:1-23 เป็นผนู้ าหุ่นเชดิ ของชาวโรมนั ในกาลลิ แี ละเพอรเ์ รยี (Perea) (เทยี บ ลก 3:1) แมว้ ่าจะมรี ะบุไวใ้ น มก. 6:14
แต่ เฮโรด อันติปาสไม่เคยได้รบั ตาแหน่ง “กษัตริย์” ซ่ึงนักบุญมัทธิวได้เปล่ียนมาใช้คาท่ีถูกต้องกว่าคือ
“ผปู้ กครองชาวโรมนั ” (Tetrarch) การทเ่ี ฮโรดกล่าวอย่างสบายๆ ว่าพระเยซูเจา้ คอื นกั บุญยอหน์ ผไู้ ดฟ้ ้ืนคนื ชพี
แสดงใหเ้ หน็ ว่าแนวคดิ เรอ่ื งการกลบั คนื ชพี เป็นความคดิ ทแ่ี พร่หลายในหมคู่ นทวั่ ไป ทงั้ ยงั แสดงใหเ้ หน็ ว่าแนวคดิ
เร่อื งการกลบั คนื พระชมน์ชพี ของพระเยซูเจา้ นัน้ เป็นมากกว่าการฟ้ืนคนื ชพี จากความตายหรอื การกลบั มาจาก
แดนผตู้ าย (ดู 28:1-20) เพราะถงึ แมว้ ่าเฮโรดจะเช่อื ว่าพระเยซูเจ้าคอื ผทู้ ่กี ลบั มาจากหลุมฝังศพ แต่ในมุมมองของ
นกั บญุ มทั ธวิ เฮโรดไมไ่ ดม้ คี วามเชอ่ื แบบชาวครสิ ตเ์ รอ่ื งการกลบั คนื พระชนมช์ พี เลยแมแ้ ตน่ ิดเดยี ว!

14:3 แผนผงั ต้นไมค้ รอบครวั ของเฮโรดมขี นาดใหญ่และซบั ซอ้ นเพราะกษตั รยิ เ์ ฮโรด ผยู้ งิ่ ใหญ่มภี รรยา
10 คนและมบี ุตรชายและหลานชายมากมาย ทช่ี ่อื ว่าเฮโรดเหมอื นกนั เฮโรด อนั ตปิ าสแต่งงานกบั เฮโรเดยี ส ซง่ึ
เป็ นภรรยาท่ีหย่าขาดจากพ่ีชายของเขา (น่ีคือความหมายของคาว่า “ได้” (have) ใน ว. 4ข) ตามข้อมูลของโจซีฟั ส
(Josephus) สามที งั้ สองคนน้ีเป็นพน่ี ้องกนั แบบครง่ึ สายเลอื ด โจซฟี ัสรายงานว่าสถานทค่ี ุมขงั นักบุญยอห์นคอื
มาคาเอรสั (Machaerus) ปราสาทป้อมปราการแหง่ หน่ึงของเฮโรดทอ่ี ยทู่ างทศิ ตะวนั ออกของจอรแ์ ดน มลี กั ษณะ
คลา้ ยกบั ป้อมมาซาดาซง่ึ เป็นทร่ี จู้ กั กนั มากกว่า นกั บุญมทั ธวิ ไมไ่ ดเ้ จาะจงสถานท่ี แต่กด็ เู หมอื นจะจดั ใหฉ้ ากของ
งานฉลองวนั เกดิ และการประหารชวี ติ อย่ใู นพน้ื ทซ่ี ง่ึ ค่อนข้างเป็นธรรมชาตใิ นแควน้ กาลลิ ี เพราะมฉี ากในแควน้
กาลลิ เี ป็นวงเลบ็ ครอบเรอ่ื งราวน้ีใน 13:58 และ 14:13 โดยไมไ่ ดน้ าเสนอวา่ มกี ารเปลย่ี นแปลงสถานท่ี

14:4 เกียรติของความเป็นกษัตรยิ ์และการแต่งงานของกษัตรยิ ์ถูกนักบุญยอห์นโจมตี คาโต้แย้งของ
นกั บุญยอหน์ ไม่ไดเ้ กย่ี วกบั ความผดิ ศลี ธรรมในพระราชวงั ของเฮโรดโดยรวม แต่เกย่ี วขอ้ งกบั หนงั สอื ปัญจบรรพ
โดยทา่ นนกั บุญยอหน์ ประกาศวา่ การแต่งงานของเฮโรดและเฮโรเดยี สเป็นสงิ่ ทไ่ี มถ่ ูกตอ้ งตามธรรมบญั ญตั ิ ในอกี
ส่วนหน่ึงทม่ี คี วามค่ขู นานกบั พระเยซูเจา้ เราจะเหน็ ไดว้ ่านักบุญยอหน์ ไม่ไดม้ าเพ่อื ทาลายธรรมบญั ญตั ิ แต่เป็น
ผสู้ นบั สนุนธรรมบญั ญตั ิ (ดู เทยี บ 5:17-20) การละเมดิ กฎในหนงั สอื ปัญจบรรพไมใ่ ช่การหยา่ และแต่งงานใหม่ เพราะ
มกี ฎหมายรองรบั การทาเช่นนัน้ แต่เป็นการละเมดิ กฎความบรสิ ุทธทิ ์ ห่ี า้ มการแต่งงานกบั ญาตสิ นิท (ลนต. 18:16;

352

20:21) นอกจากน้ีการแต่งงานของเจา้ ผปู้ กครองโรมนั ยงั เป็นประเดน็ ล่อแหลมทางการเมอื ง เพราะเฮโรดหย่ากบั
ลูกสาวของกษัตรยิ ์แห่งนาบาเทียน (Nabatean) เพ่ือท่ีจะแต่งงานกบั เฮโรเดียส ซ่ึงเป็นการกระทาท่ีนาไปสู่
สงครามระหว่างทงั้ สองชนชาตใิ นทส่ี ุด ในอกี ระดบั หน่ึง คอื ผอู้ ่านพระวรสารไดท้ ราบดว้ ยว่าเฮโรดและเฮโรเดยี ส
ใชช้ วี ติ ทล่ี ะเมดิ คาสอนของพระเยซูเจา้ เกย่ี วกบั เรอ่ื งการหย่าและคาสาบาน (5:31-37)

14:5 ในทางตรงขา้ มกบั นกั บุญยอหน์ (และพระเยซูเจา้ ) ผเู้ ป็นตวั แทนของอาณาจกั รสวรรค์ ความเขา้ ใจ
ของนักบุญมทั ธวิ ท่วี ่าเฮโรดเป็นตวั แทนของผทู้ ต่ี ่อต้านอาณาจกั รสวรรคส์ ะทอ้ นอยู่ในการนาเน้ือหาจากพระวร
สารนักบุญมาระโกมาเขยี นใหม่ โดยแสดงให้เห็นว่าเฮโรดคอื ผู้ท่ีต่อต้านนักบุญยอห์นโดยตรง มก. 6:17-28
แสดงภาพของเฮโรดว่าเป็นผูท้ ่ชี ่นื ชมและสนับสนุนนักบุญยอห์น แต่ถูกหลอกให้ประหารนักบุญยอห์นเพราะ
แผนการเจา้ เลห่ ข์ องเฮโรเดยี ส ผซู้ ง่ึ รบั ผดิ ชอบต่อการตายและการจบั กมุ เขา แต่ในพระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ เฮโรด
คอื ผทู้ จ่ี บั กุมยอหน์ และตอ้ งการจะฆา่ เขา เจตนาในการฆา่ ของเขาถูกสกดั กนั้ เพยี งความคดิ เหน็ ของคนหม่มู ากท่ี
ช่นื ชมว่านักบุญยอห์นเป็นประกาศก ซ่งึ คู่ขนานไปกบั ความขดั แยง้ ท่นี าไปสู่ความตายของพระเยซูเจา้ (ดู เทยี บ
21:45-46) ดงั นนั้ ในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ จงึ ไม่มเี หตผุ ลใดๆ ทเ่ี ฮโรดจะตอ้ ง “เศรา้ เสยี ใจ” (Was Grieved) ซง่ึ เป็น
อกี หน่งึ ตวั อยา่ งทแ่ี สดงใหเ้ หน็ วา่ พระวรสารนกั บุญมทั ธวิ เป็นการสนั นษิ ฐานสบื ต่อจากพระวรสารนกั บญุ มาระโก

14:6 จะเหน็ ได้ว่าไม่มกี ารเอ่ยถงึ ช่อื ลูกสาวของเฮโรเดยี สในส่วนใดของพระคมั ภรี ์เลย และยงั ไม่มกี าร
ระบุด้วยว่าอายุเท่าใด (คาว่า “Korasion” มคี วามหมายส่อื ถงึ เดก็ หญิงท่ยี งั ไม่ไดแ้ ต่งงานซ่งึ อาจมอี ายุเท่าใดกไ็ ด้ เหมอื นใน 9:24-25) และ
การเต้นระบาของเธอนัน้ มที ที ่ายวั ่ ยวนหรอื ไม่ การไม่ใหร้ ายละเอยี ดเช่นน้ีเปิดโอกาสใหต้ านานและศิลปะต่างๆ
นาภาพของเฮโรเดยี สไปแต่งเตมิ วา่ เป็นผหู้ ญงิ มารยาและซาโลเมเป็นนกั เตน้ ยวั่ ยตุ ณั หา แต่ธรรมประเพณีเหลา่ น้ี
ดจู ะสอ่ื ใหเ้ หน็ ธรรมชาตขิ องผอู้ า่ นพระวรสารมากกวา่ ความหมายทน่ี กั บญุ มาระโกหรอื นกั บญุ มทั ธวิ ตอ้ งการสอ่ื

ข้อคิดไตรต่ รอง
1. ชีวติ ของเราไม่ได้ดารงอยู่ในสุญญากาศทางอานาจหรอื พ้นื ท่ีปราศจากเพลงิ ไหม้ แต่เราอยู่ในสนาม

พลงั งานท่กี ระทบกระทงั่ กนั อยู่ตลอดเวลา เร่อื งราวในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ทงั้ หมดนาผู้อ่านให้เขา้ สู่ความ
ขดั แยง้ ระหวา่ งอาณาจกั ร ซง่ึ เรมิ่ ตน้ จากการเสดจ็ มาสโู่ ลกของพระเยซูเจา้ (ดภู าพรวมของสว่ นทห่ี น่งึ เกย่ี วกบั 2:1-23; 12:22-
37 และบทเสรมิ เร่อื ง “พระอาณาจกั รสวรรคใ์ นพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ”) ใน 14:9 นักบุญมทั ธวิ รกั ษาสถานภาพ “กษตั รยิ ”์ เอาไว้
เหมอื นในพระวรสารนักบุญมาระโก แต่ท่านทราบว่าในทางประวตั ศิ าสตรแ์ ลว้ มนั ไม่ถูกตอ้ ง (เทยี บ 4:1) แต่ท่านทา
เช่นนัน้ เพ่อื จะแสดงมุมมองเก่ียวกบั ความขดั แยง้ ระหว่างอาณาจกั รซ่งึ เป็นเน้ือแท้ของเร่อื งราวน้ี นักบุญมทั ธวิ
ไม่ไดแ้ ค่เพยี งสรา้ งภาพเฮโรดว่าเป็นคนชวั่ รา้ ยและอ่อนแอเท่านัน้ แต่ยงั เหมอื นกบั ผนู้ าชาวยวิ คนอ่นื ๆ คอื เป็น
ตวั แทนของอาณาจกั รซาตาน ซ่งึ ต่อต้านพระอาณาจกั รของพระเป็นเจา้ แมว้ ่านักบุญยอห์น เฮโรด และเฮโร-
เดยี สเป็นบุคคลทม่ี ตี วั ตนในประวตั ศิ าสตรจ์ รงิ ๆ แมว้ ่าความตายของนักบุญยอหน์ และความตายของพระเยซูเจา้
เกดิ ขน้ึ ในประวตั ศิ าสตรด์ ว้ ย ไม่ใช่แค่ในเร่อื งราวตรงน้ีอย่างเดยี ว แต่สง่ิ ทม่ี อี ทิ ธพิ ลมากทส่ี ุดต่อบทบรรยายเร่อื ง
คอื ประเดน็ ทางเทววทิ ยา ไมใ่ ช่ประวตั ศิ าสตร์ นอกจากน้ียงั หมายความว่าภาพทเ่ี ป็นแงม่ ุมทางครสิ ตศาสตรน์ ้ีไม่
ยุตธิ รรมต่อกลุ่มผูน้ าชาวยวิ ท่แี ท้จรงิ ในทางประวตั ศิ าสตร์ ซ่งึ มบี ทบาทเชงิ สญั ลกั ษณ์อยู่ในเร่อื งราวท่เี ป็นเทว
วทิ ยาของนักบุญมทั ธวิ เราไม่ควรใชเ้ ร่อื งน้ีเป็นเชอ้ื เพลงิ ทท่ี าใหก้ ารต่อตา้ นชาวยวิ หรอื การต่อตา้ นศาสนายดู าห์
รุนแรงขน้ึ หรอื แมแ้ ต่ดูถูกดหู มน่ิ ผนู้ าศาสนายวิ ในศตวรรษทห่ี น่ึงทเ่ี ราเขา้ ใจกนั ว่าเป็นคนชวั่ รา้ ย มนั เรยี กรอ้ งให้

353

ผอู้ ่านแยกแยะพลงั อานาจของมารผตู้ ่อต้านพระอาณาจกั รพระเจา้ ซ่งึ แทรกซมึ อย่ใู นยุคสมยั ของเราเอง และยนื
หยดั อยู่กบั นักบุญยอห์นและพระเยซูเจ้า แมว้ ่าเร่อื งราวน้ีจะแสดงออกอย่างชดั เจนว่าใครคอื ผู้มอี านาจในการ
เผชญิ หน้ากนั บนโลกน้ี และเป็นการเรยี กใหม้ ผี เู้ ป็นพยานใหพ้ ระองคอ์ ย่างซ่อื สตั ย์ (ดู การมอบหมายพนั ธกจิ ใหก้ บั บรรดา

ศษิ ยใ์ น 10:5-42 โดยเฉพาะ 16:18, 24-33)

เรอ่ื งราวน้ีไมไดเ้ ป็นการสอนศลี ธรรมเร่อื งคาสาบาน การหย่า การเลย้ี งฉลอง และการเตน้ รา แตเ่ ป็นเรอ่ื ง
เล่าเชน่ เดยี วกบั ความขดั แยง้ ระหวา่ งเฮโรดกบั พระเยซูเจา้ ใน 2:1-23 ซง่ึ แสดงเป็นภาพของการต่อสทู้ ส่ี าคญั ซง่ึ
เรม่ิ ตน้ ขน้ึ โดยพระอาณาจกั รของพระเป็นเจา้ และชะตาของผทู้ อ่ี ทุ ศิ ตนใหก้ บั การต่อสนู้ นั้ ใครคอื ผชู้ นะในความ
ขดั แยง้ น้ี? นกั บุญยอหน์ ดเู หมอื นเป็นเพยี งอกี หน่งึ ตวั อยา่ งทย่ี นื หยดั เป็นตวั แทนใหก้ บั พระประสงคท์ พ่ี ระเป็นเจา้
ทรงเปิดเผยและตอ่ ตา้ นอานาจทงั้ หลายทม่ี อี ยู่ ชะตากรรมของทา่ นดเู หมอื นจะไรค้ วามหมายกวา่ คนทวั่ ไป ทา่ น
ตอ้ งสญู เสยี ชวี ติ เดยี วทต่ี นมอี ยเู่ พยี งเพราะใครบางคนผทู้ เ่ี ตน้ ระบาในงานฉลองวนั เกดิ นกั บญุ มทั ธวิ ไมไ่ ดช้ ว่ ย
ยนื ยนั ใหผ้ อู้ ่านอุ่นใจวา่ สกั วนั หน่งึ จะมคี นแกแ้ คน้ แทนนกั บญุ ยอหน์ หรอื วา่ นกั บญุ ยอหน์ จะไดร้ บั รางวลั ใดๆ ตอบ
แทน ภาพสดุ ทา้ ยทเ่ี ราเหน็ ทา่ น กค็ อื ศพปราศจากศรี ษะทบ่ี รรดาศษิ ยร์ บั ไปทาพธิ ฝี ัง แต่เรอ่ื งราวน้ีตอ้ งการเตอื น
ใหเ้ ราระลกึ ถงึ เรอ่ื งราวของพระเยซูเจา้ ผซู้ ง่ึ “ถูกฝัง” แตจ่ ากนนั้ “ในวนั ทส่ี ามพระเป็นเจา้ ทรงทาใหก้ ลบั คนื ชพี
จากบรรดาผตู้ าย” เชน่ เดยี วกบั สงิ่ อ่นื ๆ ในพระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ เราไมค่ วรประกาศเรอ่ื งราวของนกั บุญยอหน์
โดยแยกออกจากสว่ นอ่นื ๆ เพราะมนั เป็นเพยี งองคป์ ระกอบหน่งึ ของเรอ่ื งราวขนาดใหญ่ แตล่ ะเรอ่ื งราวท่ี
ประกอบกบั ขน้ึ มาลว้ นแตเ่ รยี กรอ้ งใหผ้ อู้ า่ นมคี วามเชอ่ื ในพระองคผ์ ทู้ รงถกู ตรงึ กางเขนและกลบั คนื พระชนมช์ พี
และเชอ่ื ในการใหค้ วามหมายใหมข่ องคาวา่ “ชนะชนะ”

2. การทน่ี กั บุญมทั ธวิ นาเน้ือหาจากพระวรสารนกั บุญมาระโกมาเรยี บเรยี งใหม่ทาใหท้ ่านนาเรอ่ื งราวน้ีมาไว้
หลงั ฉากเหตุการณ์ท่พี ระเยซูเจา้ ได้กาหนดความหมายใหม่ของคาว่าความสมั พนั ธ์ในครอบครวั (ดู 13:53-58) นัก
บุญมทั ธวิ ใหค้ ุณคา่ กบั ความศกั ดสิ ์ ทิ ธขิ ์ องครอบครวั มาก และใชภ้ าษาทเ่ี กย่ี วกบั ครอบครวั มาแสดงออกถงึ ความ
ยนื หยดั ในความเช่อื ทางศาสนา (พน่ี ้องชายหญิง, บดิ าและมารดา) แต่เร่อื งราวของเฮโรดแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ปัญหาของการ
ใหค้ ุณค่ากบั สายสมั พนั ธใ์ นครอบครวั แบบผดิ ๆ และมากเกนิ ไป รวมถงึ แรงกดดนั จากความสมั พนั ธท์ างสงั คม
ทวั่ ไปทท่ี าใหค้ นเราไปเขา้ ขา้ งอาณาจกั รทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง เฮโรดพยายามปกป้องเกยี รตขิ องครอบครวั ตนเองและอยู่
ภายใตแ้ รงกดดนั ทางสงั คมจากแขกทม่ี าร่วมงานเลย้ี ง เขาจงึ ฆา่ ประกาศกของพระเป็นเจา้ นกั บญุ มทั ธวิ ใหค้ ุณค่า
กบั ครอบครวั เพ่อื นร่วมงาน และเพ่อื นๆ แต่จะไม่ทาใหค้ วามสมั พนั ธ์นัน้ เป็นแบบท่ใี ชอ้ ารมณ์มากเกนิ ไป เป็น
อุดมคตมิ ากเกนิ ไป หรอื เตม็ ทโ่ี ดยไมม่ เี งอ่ื นไข จนกลายเป็นการบูชารปู เคารพแทนทจ่ี ะเราจะไดบ้ ูชาพระเป็นเจา้
เพยี งหน่งึ เดยี ว

มทั ธวิ 14:13-21 การรกั ษาโรคและจดั หาอาหารใหฝ้ งู ชน

354

พระเยซูเจ้าทรงทวีขนมปังครงั้ แรก3

13 เม่อื พระเยซูเจา้ ทรงทราบข่าวน้ี ได้เสดจ็ ออกจากทน่ี ัน่ ลงเรอื ไปยงั ทส่ี งดั ตามลาพงั เม่อื ประชาชนรูต้ ่างกเ็ ดนิ เท้าจาก
เมอื งต่างๆ มาเฝ้าพระองค์ 14 เม่อื เสดจ็ ขน้ึ จากเรอื ทรงเหน็ ประชาชนมากมายกท็ รงสงสาร และทรงรกั ษาผูเ้ จบ็ ป่วยใหห้ ายจาก
โรค

15 เม่อื ถงึ เวลาเยน็ บรรดาศษิ ย์เขา้ มาทูลพระองค์ว่า “สถานท่นี ้ีเป็นท่เี ปล่ยี ว และเป็นเวลาเยน็ มากแล้ว ขอพระองค์ทรง
อนุญาตใหป้ ระชาชนไปตามหมู่บ้านเพ่อื ซ้อื อาหารเถดิ ” 16 พระเยซูเจา้ ตรสั ว่า “เขาไม่จาเป็นต้องไปจากทน่ี ่ี ท่านทงั้ หลายจงหา
อาหารใหเ้ ขากนิ เถดิ ” 17 เขาทลู ตอบว่า “ทน่ี ่ีเรามขี นมปังเพยี งหา้ กอ้ นกบั ปลาสองตวั เท่านัน้ ” 18 พระองคจ์ งึ ตรสั ว่า “เอามาใหเ้ รา
ทน่ี ่ีเถดิ ” 19 พระองค์ทรงสงั่ ให้ประชาชนนัง่ ลงบนพน้ื หญ้า ทรงรบั ขนมปังหา้ ก้อนกบั ปลาสองตวั ขน้ึ มา ทรงแหงนพระพกั ตร์ขน้ึ
มองทอ้ งฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบขิ นมปังส่งใหบ้ รรดาศษิ ยไ์ ปแจกแก่ประชาชน 20 ทุกคนไดก้ นิ จนอม่ิ แลว้ ยงั เกบ็ เศษท่ี
เหลอื ไดถ้ งึ สบิ สองกระบงุ 21 จานวนคนทก่ี นิ มผี ชู้ ายประมาณหา้ พนั คน ไมน่ บั ผหู้ ญงิ และเดก็

ข้อศึกษาวิพากษ์

การเปรยี บเทยี บใหเ้ หน็ ความแตกต่างระหว่างทงั้ สองอาณาจกั รยงั คงดาเนินต่อไป งานเลย้ี งท่ี “กษตั รยิ ”์
เฮ-โรดเป็นประธานนัน้ แตกต่างอย่างชดั เจนจากม้อื อาหารทพ่ี ระเยซูเจา้ จดั หาใหป้ ระชาชน นักบุญมทั ธวิ ยงั คง
ดาเนินตามลาดบั เร่อื งท่ีพระวรสารนักบุญมาระโกจดั เอาไว้ คอื เช่อื มส่วนน้ีเขา้ กบั เร่อื งราวท่ผี ่านมา แต่ไม่ได้
รกั ษาโครงสรา้ งแบบเดมิ ทท่ี าใหเ้ รอ่ื งการตายของนกั บุญยอหน์ เป็นเพยี งภาพยอ้ นอดตี นกั บุญมทั ธวิ ไม่คอ่ ยสนใจ
ลาดบั เวลา “ตามความเป็นจรงิ ” ตวั อยา่ งเช่น ในบรบิ ทน้ีมชี ่วงเยน็ เกดิ ขน้ึ ถงึ สองครงั้ ในวนั เดยี วกนั (14:15, 23) และ
ใหพ้ ระเยซูเจา้ จากไปโดยการใชเ้ รอื แมว้ ่าสถานทส่ี ุดทา้ ยท่กี ล่าวถงึ จะเป็นศาลาธรรมในเมอื งนาซาเรธ็ ซ่งึ ไม่มี
พน้ื ทต่ี ดิ ทะเล (13:54) นกั บุญมทั ธวิ ควบคุมบงการความเชอ่ื มโยงทางลาดบั เวลาเพอ่ื ใหก้ ารจากไปของพระเยซูเจา้
(ajnacwre”w anachoreo) เป็นการตอบสนองโดยตรงต่อการประกาศถงึ ความตายของนักบุญยอหน์ ภูมปิ ระเทศใน
ฉากน้ีไม่ชดั เจนนกั เหน็ ไดช้ ดั วา่ นักบุญมทั ธวิ ตอ้ งการใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจวา่ พระเยซูเจา้ ทรงปลกี ตวั ไปอกี ฝัง่ หน่ึงของ
ทะเลสาบ สถานท่ซี ่งึ เฮโรด อนั ตปิ าสไม่มีอานาจปกครอง น่ีเป็นอกี ครงั้ หน่ึงท่ตี วั แทนผูม้ อี านาจสูงสุดของพระ
อาณาจกั รพระเป็นเจา้ ไมต่ อบโตอ้ านาจประสงคร์ า้ ยของอาณาจกั รแหง่ โลกน้ีดว้ ยความรนุ แรง แต่แสดงธรรมชาติ
ความเป็นกษตั รยิ ข์ องพระองคด์ ว้ ยการถอนตวั จากมา

นกั บญุ มทั ธวิ บนั ทกึ วา่ “เมอื่ พระเยซูเจา้ เสดจ็ ขน้ึ จากเรอื ทรงเหน็ ประชาชนมากมายกท็ รงสงสาร และทรง
รกั ษาผู้เจบ็ ป่ วยใหห้ ายจากโรค” ประชาชนไดต้ ดิ ตามพระองคจ์ ากฝัง่ ดา้ นหน่ึงของทะเลสาบกาลลิ ี มาถงึ อกี ฝัง่
หน่ึงท่พี ระองค์เสด็จมาถงึ พระองค์ตรสั สอน ทรงเล้ยี งพวกเขาด้วยพระวาจาอนั ทรงชวี ติ และทรงเหน็ สมควร
เล้ยี งพวกเขาด้วยอาหารด้วย เน่ืองจากทรงสงั เกตพบว่าพวกเขาหวิ ต้องการอาหาร เช่นเดียวกบั ท่พี วกเขา
ตอ้ งการพบพระองคเ์ พ่อื ทูลขอพระองคท์ รงรกั ษาโรค บาบดั ใหห้ ายจากความเจบ็ ป่วยทป่ี ระสบในตนเองและพ่ี
น้องของตน เหตุการณ์น้ีเกิดข้ึนอย่างชัดเจน ทัง้ บรรดาศิษย์ได้ทราบสถานการณ์ของประชาช นเหล่าน้ี
เช่นเดยี วกบั พระองค์ ทุกคนตอ้ งกนิ อาหารเพ่อื ชวี ติ บรรดาศษิ ยไ์ ดท้ ูลพระองคใ์ หบ้ อกใหป้ ระชาชนไปหาอาหาร
ตามหม่บู า้ นใกลเ้ คยี ง แต่พระเยซูเจา้ ทรงใหศ้ ษิ ยจ์ ดั หาอาหารใหพ้ วกเขา คาตอบสาหรบั การหาวธิ แี กไ้ ขปัญหา
จากสถานการณ์ชีวิตเช่นน้ี นักบุญมทั ธิวได้นาเสนอแนวทาง 2 ประการ คือ ทุกคนต้องช่วยเหลือตนเอง
เน่ืองจากเป็นภาระหน้าทข่ี องตนจงึ ตอ้ งช่วยเหลอื พง่ึ พาตนเอง ศษิ ยข์ องพระองคจ์ งึ เสนอใหพ้ ระองคท์ รงแจง้ ให้
ประชาชนไปหาอาหารตามหมู่บ้าน และพระองค์ทรงเสนอให้บรรดาศษิ ย์กบั ประชาชนแก้ปัญหาน้ีด้วยกนั เอง
ภายในพวกเขาเอง พระวรสารเล่าว่าบรรดาศษิ ยเ์ ขา้ ใจพระประสงคข์ องพระองคอ์ ยา่ งคลมุ เครอื ไดท้ ลู พระองคว์ ่า

355

ในหม่พู วกเขาทงั้ หลายมอี าหารอย่เู พยี งเลก็ น้อยเท่านัน้ คอื ขนมปัง 5 กอ้ นกบั ปลา 2 ตวั หมายความว่า “แค่น้ี
จะทาอะไรได”้ พระองคจ์ งึ เพม่ิ เตมิ ใหส้ งิ่ ทพ่ี วกเขามแี ละสงิ่ ทพ่ี วกเขาคดิ เหน็ จากภายในของพวกเขาใหเ้ ป็นไปได้
เตมิ เตม็ ให้ครบสมบูรณ์ จงึ ทรงสงั่ ให้พวกเขานาสงิ่ ท่พี วกเขามมี าใหพ้ ระองค์ ทรงสงั่ ใหป้ ระชาชนนัง่ ลงบนพ้นื
หญ้า ทรงสอนด้วยการกระทาใหพ้ วกเขาดู ทรงแหงนพระพกั ตร์ข้นึ มองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิ
ขนมปังส่งให้บรรดาศษิ ย์ไปแจกแก่ประชาชน แสดงใหเ้ หน็ วถิ ที างแห่งปรชี าญาณหรอื ชวี ติ ท่มี อบตนไวใ้ นพระ
หตั ถ์ พระญาณเอ้อื อาทรและพระเมตตาของพระเป็นเจา้ ถวายพระพรแด่พระเป็นเจา้ แมใ้ นช่วงเวลาทห่ี วิ และ
ทรงบขิ นมปังสง่ ใหบ้ รรดาศษิ ยน์ าไปแจกจ่ายแกป่ ระชาชน ทรงกระทาเชน่ น้มี ใิ ชเ่ พยี งภาวนาไวว้ างใจพระเป็นเจา้
เท่านัน้ แต่ยงั ยนิ ดแี บ่งปัน บขิ นมปังท่อี ยู่เลก็ น้อยในขณะนัน้ หรอื ในชวี ติ แจกจ่ายใหผ้ ูอ้ ่นื ก่อน ผลท่เี กดิ ข้นึ คอื
เม่อื ทรงทาเช่นน้ี ทุกคนได้กนิ อม่ิ และยงั เก็บเศษท่เี หลอื ได้อกี 12 กระบุง ในขณะท่พี ระวรสารนักบุญลูกาเล่า
เพ่มิ เติมว่า พระองค์สงั่ ให้บรรดาศิษย์จดั ให้ประชาชนนัง่ ลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 50 คน พวกเขาได้รบั
ประทานรว่ มกนั คงไดแ้ บง่ ปันกนั เองตามพระฉบบั แบบทท่ี รงมอบใหเ้ ป็นแบบอยา่ ง

สถานการณ์เช่นน้ี นักบุญมทั ธวิ ไดส้ ะทอ้ นหวนระลกึ ถงึ เหตุการณ์ทท่ี รงเสดจ็ เขา้ ไปในถน่ิ ทุรกนั ดาร ดงั
ใน มธ. 4: 1-3 “เวลานนั้ พระจติ เจา้ ทรงนาพระเยซูเจา้ ไปในถนิ่ ทุรกนั ดาร เพอ่ื ใหป้ ีศาจมาผจญพระองค”์ เมอ่ื พระ
เยซูเจา้ ทรงอดอาหารสส่ี บิ วนั สส่ี บิ คนื แลว้ ทรงหวิ ปีศาจผผู้ จญจงึ เขา้ มาใกล้ ทูลว่า “ถา้ ทา่ นเป็นบุตรพระเป็นเจา้
จงสงั่ ก้อนหนิ เหล่าน้ีใหก้ ลายเป็นขนมปังเถดิ ” เป็นเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ซ้า หรอื คลา้ ยกนั แต่พระองคต์ รสั ตอบว่า
“มเี ขยี นไวใ้ นพระคมั ภรี ว์ า่

มนุษยม์ ิได้ดำรงชีวิตด้วยอำหำรเท่ำนัน้
แต่ดำรงชีวิตด้วยพระวำจำทุกคำทีอ่ อกจำกพระโอษฐข์ องพระเป็นเจ้ำ”
ในช่วงเวลานัน้ ปีศาจใช้สถานการณ์ในลกั ษณะเดยี วกนั ท่ไี ด้ทดสอบพระเยซูเจ้ามาใช้ในสถานการณ์ขา้ งต้น
พระองคท์ รงถูกประจญใหเ้ ปลย่ี นกอ้ นหนิ ในถนิ่ ทุรกนั ดารเป็นขนมปังนนั้ ก่อเกดิ เป็นคาถามทงั้ หมดถงึ เร่ืองพนั ธ
กจิ ของพระเมสสยิ าห์ และไดเ้ หน็ ดว้ ยว่าโดยการท่เี จ้าปีศาจทาใหพ้ นั ธกจิ นัน้ ผดิ เพ้ยื นไป คาตอบด้านบวกของ
พระเยซูเจา้ เป็นสง่ิ ทม่ี องเหน็ ได้ เขา้ ใจไดอ้ ยา่ งลกึ ซง้ึ คาตอบน้ีเป็นสง่ิ ทเ่ี หน็ ไดช้ ดั ครงั้ เดยี วและตลอดไป ในการท่ี
พระองคท์ รงมอบพระกายของพระองคเ์ ป็นอาหารเพ่อื ชวี ติ ของโลก ในค่าวนั ก่อนจะทรงรบั พระทรมานนนั้ เราได้
พบแรงจงู ใจเร่อื งอาหารในคาวอนขอประการทส่ี ่ขี องบทขา้ แต่พระบดิ า ทเ่ี ราได้พยายามพจิ ารณาดมู ติ ติ ่างๆ ของ
คาวอนขอน้ี และไดส้ ารวจดูอย่างมากมายถงึ ประเดน็ เรอ่ื งอาหารนนั้ ดว้ ย ตอนปลายของพระภารกจิ ของพระเยซู
เจา้ ในแควน้ กาลลิ ี พระองคท์ รงทาอศั จรรยท์ วขี นมปัง ทางดา้ นหน่ึงการอศั จรรยท์ วขี นมปังน้ีเป็นเคร่อื งหมายอนั
ไม่มวี นั ผดิ พลาดได้ บ่งถงึ พนั ธกจิ แบบพระเมสสยิ าหข์ องพระเยซูเจา้ ในขณะทอ่ี กี ดา้ นหน่ึง การทวขี นมปังน้ีเป็น
ช่วงหวั เล้ียวหวั ต่อสาคญั แห่งพระภารกิจเปิดเผยของพระองค์ ซ่ึงจากจุดน้ีก็นาไปสู่ไม้กางเขนอย่างชดั เจน
พระวรสารสหทรรศน์ทงั้ สามฉบบั ต่างกก็ ล่าวถงึ เรอ่ื งการเลย้ี งอาหารผคู้ นรวมหา้ พนั คนอย่างน่าอศั จรรย์ (เทยี บ มธ.
14: 13-21; มก. 6: 32-44; ลก. 9: 10ข-17) นักบุญมทั ธวิ กบั นักบุญมาระโกยงั บอกเพมิ่ เตมิ ถงึ เร่อื งท่พี ระเยซูเจ้าทรงทา
อศั จรรยเ์ ลย้ี งอาหารประชาชนอกี ราวสพ่ี นั คนดว้ ย (เทยี บ มธ. 15: 32-38; มก. 8: 1-9) (โจเซฟ รตั ซงิ เกอร,์ พระเยซูแห่งนาซาเรธ็

เลม่ 1 หน้า 457-474)

ละครสนั้ ๆ น้ีมีทัง้ หมดสามฉาก (1) ปูพ้ืนเร่ืองด้วยการให้พระเยซูเจ้าปลีกตัวไปยังอีกฝัง่ หน่ึงของ
ทะเลสาบ (14:13-14) นกั บุญมทั ธวิ ไมส่ นใจเรอ่ื งตาแหน่งทช่ี ดั เจนแน่นอนของสถานทน่ี นั้ ทซ่ี ง่ึ พระองคไ์ ดพ้ บฝงู ชน
และรกั ษาโรคให้พวกเขา (2) บทสนทนากบั บรรดาศษิ ย์ (14:15-17) (3) ปาฏหิ ารยิ ์ท่เี กดิ ข้นึ (14:18-21) ส่วนท่เี ป็น

356

ศนู ยก์ ลางและยาวทส่ี ุดคอื บทสนทนากบั บรรดาศษิ ย์ เร่อื งราวน้ีไม่ไดม้ อี งคป์ ระกอบแบบเร่อื งราวปาฏหิ ารยิ ท์ วั่ ๆ
ไป สงิ่ ทข่ี าดหายไปนนั้ รวมถงึ การตอบสนองของฝงู ชนในตอนทา้ ยดว้ ย

หลงั จากได้เดินทางผ่านธรรมประเพณีของยุคสมยั ก่อนพระวรสารและในรูปแบบท่ีอยู่ในพระวรสาร
นักบุญมาระโก เร่อื งราวอนั ทรงอทิ ธพิ ลน้ีถูกนามาตคี วามหลากหลายรปู แบบ (มอี ยใู่ นพระคมั ภรี ์ ภาคพนั ธสญั ญาใหม่ถงึ 6
รปู แบบ) เพอ่ื แสดงออกถงึ มติ ติ า่ งๆ ของความเชอ่ื ในศาสนาครสิ ต์ และมลี กั ษณะสาคญั ตา่ งๆ มากมายทม่ี าจากพระ
คมั ภรี ์ ทงั้ ธรรมประเพณขี องชาวยวิ และประสบการณ์ของชาวครสิ ต์

❖ ฉากท่มี คี วามเป็นธรรมชาตสิ าหรบั ประชากรของพระเป็นเจา้ ซ่งึ อย่รู ะหว่างการถูกคุมขงั เป็นทาสกบั
แผ่นดนิ แห่งพนั ธสญั ญา (อพย 16:2-3; มก 6:35-38 คาว่า “ถน่ิ ทุรกนั ดาร” ปรากฏขน้ึ 92 ครงั้ ในหนังสอื ปฐมกาลถงึ เฉลยธรรม

บญั ญตั )ิ

❖ ชาวอสิ ราเอล/ศษิ ยท์ ด่ี อ้ื รนั้ และไมย่ อมเชอ่ื วา่ อาหารสามารถหาไดใ้ นถน่ิ ทุรกนั ดาร (อพย 16:2-3 = มก. 6:35-

38)

❖ พระเป็นเจา้ ทรงนาประชากรของพระองค์ ทเ่ี ป็นเหมอื นฝงู แกะทป่ี ราศจากนายชุมพาบาล (กดว 27:17=มก

6:34)

❖ ผคู้ นถูกจดั วางใหเ้ ป็นกองทพั ทหาร (อพย 13:18= มก 6:40)
❖ พระเป็นเจา้ ในฐานะนายชมุ พาบาลกระตนุ้ ใหเ้ รานกึ ถงึ สดดุ ี 23 และ “ทงุ่ หญา้ สเี ขยี ว” (สดด. 23:2 = มก. 6:39

เป็นเพยี งการอา้ งถงึ พระคมั ภรี ์ ไมใ่ ช่ขอ้ ความเกย่ี วกบั พฤกษศาสตร)์

❖ การประทานมานนา (อพย. 16; กดว. 11; สรา้ งขน้ึ เพอ่ื เรอ่ื งราวน้ใี นรปู แบบของพระวรสารนกั บญุ ยอหน์ โดยเฉพาะ)
❖ การจดั หาอาหารไดอ้ ย่างน่าอศั จรรรยข์ องเอลชี า (2พกษ 4:42-44) ซง่ึ เป็นปาฏหิ ารยิ ท์ เ่ี กดิ ขน้ึ หลงั จากการ

ความตายของเอลยิ าห์ (หรอื นักบุญยอห์นในพระวรสาร) เอลชี าสามารถเอาชนะการโต้แยง้ และจดั หาอาหาร
ไดม้ ากจนลน้ เหลอื ซง่ึ คขู่ นานกบั เรอ่ื งราวในพระวรสาร
❖ พระเยซูเจา้ ถูกกล่าวหาว่าเป็นนักกนิ อาหาร (11:19) ยอมเป็นเพ่อื นร่วมรบั ประทานอาหารกบั คนทุกคน
ซง่ึ รวมถงึ “คนเกบ็ ภาษแี ละคนบาป”
❖ อาหารมอ้ื สดุ ทา้ ยทพ่ี ระเยซูเจา้ ทรงตงั้ ศลี มหาสนิทใหก้ บั บรรดาศษิ ย์ (มก. 14:17-25 = มธ. 26-20-29) ซง่ึ ในทน่ี ้ี
พระองค์ทรงรบั บทบาทหวั หน้าครอบครวั แห่งใหม่ท่พี ระองค์สร้างข้นึ จดั หาอาหารและอวยพรโต๊ะ
อาหารของพวกเขา (เหมาะสมเป็นพเิ ศษในพระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ เพราะเรอ่ื งราวน้เี กดิ ขน้ึ ตดิ กบั 13:53-58)
❖ งานเลย้ี งฉลองของพระเมสสยิ าหเ์ ป็นสว่ นหน่ึงของภาพพจน์เกย่ี วกบั วนั พพิ ากษาโลก ซง่ึ ไมไ่ ดม้ เี พยี งแค่
ขนมปังเท่านัน้ แต่ยงั มปี ลาและสตั วท์ ะเลอ่นื ๆ ดว้ ย (เทยี บ ระหว่าง 2 บรค. 29:3-8; 4อสร 6:52; เทยี บระหว่าง สดด.

74:14; อสย. 27:1)

นักบุญมทั ธวิ ไม่ไดส้ รา้ งน้าเสยี งโดยรวมของเร่อื งราวอนั ตราตรงึ ใจน้ี ท่านนาเน้ือหาจากพระวรสารนักบุญ
มาระโกมายอ่ ใหเ้ หลอื เพยี งหน่งึ ในสาม บางองคป์ ระกอบถกู ละทง้ิ หรอื นามาเขยี นใหมใ่ หส้ ะทอ้ นถงึ ศษิ ยใ์ นทางลบ
แต่ละเวน้ ภาพของชุมชนท่เี ป็นเหมอื นประชากรของพระเป็นเจ้าท่รี ่อนเร่หลงทางในถนิ่ ทุรกนั ดาร และมุ่งเน้น
ความสาคญั ท่ลี กั ษณะเฉพาะของศลี มหาสนิทแทน ความคู่ขนานดา้ นล่างน้ีอาจเหน็ ไดใ้ นพระคมั ภรี ฉ์ บบั ท่ีแปล
เป็นภาษาองั กฤษ และเหน็ ไดช้ ดั ยงิ่ ขน้ึ ในฉบบั ทเ่ี ป็นภาษากรกี

357

14:15 “เมอื่ ถงึ ตอนเยน็ ” (When it was evening) 26:20 “เมอื่ ถงึ ตอนเยน็ ” (When it was evening)

14:19 “นงั่ ลง” (sit down) 26:20 “นงั่ ลง” (took his place)

ภาษากรกี คาเดยี วกนั คอื keimai anakeimai)

14:19 “ทรงรบั ...(Taking the) 26:26 “ทรงหยบิ ขนมปังหา้ กอ้ น”

14:19 “ทรงกล่าวถวายพระพร...(and blessed) 26:26 “หลงั จากกล่าวถวายพระพร” (and after blessing it)

14:19 “ทรงบขิ นมปังและสง่ ใหบ้ รรดาศษิ ย”์ 26:26 “ทรงบขิ นมปังประทานใหบ้ รรดาศษิ ย”์

14:20 “กนิ ” 26:26 “กนิ ”

14:20 “เขาทงั้ หลาย” (all) 26:27 “ทงั้ หมด” (all)

14:13 พวกเขากาลงั อย่บู นฝัง่ ตะวนั ออกของทะเลสาบ ซ่งึ เป็นดนิ แดนของชนต่างชาติ แต่ฝงู ชนนัน้ มา

จากฝัง่ ตะวนั ตกซ่ึงเป็นของชาวยวิ นักบุญมทั ธวิ ต้องการให้ฝูงชน (ผู้มศี กั ยภาพเป็นศิษย์) เห็นว่าพระเยซูเจ้าร่วม

รบั ประทานอาหารกบั ชนต่างชาตใิ ชห่ รอื ไม่ หรอื วา่ นกั บุญมทั ธวิ สงั เกตและนาภูมปิ ระเทศมาใชอ้ ยา่ งละเอยี ดแยบ

ยล (เทยี บ 15:29-39)

14:15-17 บรรดาศษิ ย์รสู้ กึ กงั วลเกย่ี วกบั ฝงู ชน ซง่ึ ไม่ไดห้ วิ โหยหรอื ยากไรจ้ นไม่มเี งนิ ซอ้ื อาหาร แต่เป็น

ผคู้ นทร่ี สู้ กึ ท่งึ กบั การรกั ษาคนป่ วยของพระเยซูเจา้ (นกั บุญมทั ธวิ เปลย่ี นคาว่า “สอน” ใหเ้ ป็นคาวา่ “รกั ษา”ใน ว. 14) พวกเขาจงึ

ไม่ตอ้ งการจะออกไปจากสถานทแ่ี หง่ นนั้ พระเยซูเจา้ ทรงสนบั สนุนใหฝ้ งู ชนอย่ตู รงนนั้ ต่อไป แมว้ ่าพวกเขาจะยงั

ไม่ตดั สนิ ใจตดิ ตามพระองค์ คาสงั่ ทพ่ี ระองคบ์ อกกบั บรรดาศษิ ยค์ อื “ท่ำนทงั้ หลำยจงหำอำหำรให้พวกเขำกิน

เถิด” คาพดู น้ไี มไดร้ บั การตอบกลบั ในแบบเหน็บแนมเหมอื นใน มก. 6:37 พวกเขาเพยี งแต่แจง้ ขอ้ มลู วา่ มอี าหาร

ไมเ่ พยี งพอ ลกั ษณะเดน่ อย่างหน่งึ ของบรรดาศษิ ยใ์ นพระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ คอื การขาดความเชอ่ื แต่ไมไ่ ดข้ าด

ความเขา้ ใจ (แมค้ าว่า “เจา้ ผูม้ คี วามเช่อื น้อย” จะยงั ไม่ปรากฏจนกระทงั่ วรรค 31) เน้ือหาทน่ี ามาเขยี นใหม่น้ีหลกี เลย่ี งไม่ใหพ้ ระ

เยซูเจา้ ถามคาถามเชงิ ขอ้ มลู ดเู หมอื นนกั บญุ มทั ธวิ จะลงั เลในการทาเชน่ นนั้ มากกวา่ นกั บุญมาระโก

14:18-21 พระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นพระเป็นเจ้าสูงสุดทรงรูม้ าตลอดว่าพระองค์จะต้องทาสงิ่ ใด (เทยี บ 16ข)

พระองคท์ รงออกคาสงั่ กบั ทงั้ บรรดาศษิ ยแ์ ละประชาชน ถอ้ ยคาและการกระทาของพระองคท์ าใหเ้ ราคาดเดาไดถ้ งึ

ฉากการตงั้ ศลี มหาสนิท พระเยซูเจ้าทรงหกั ขนมปัง (ไม่มกี ารกล่าวถึงปลาอีกนับตงั้ แต่ 19ก) แล้วบรรดาศิษย์ได้นาไป

แจกจ่ายใหป้ ระชาชน ซ่ึงขนมปังทแ่ี จกจ่ายนัน้ ช่วยระงบั ความหวิ ใหพ้ วกเขา เศษขนมปังกองโตทเ่ี หลอื อย่ไู ม่ใช่

บทเรยี นสอนศลี ธรรมเกย่ี วกบั การประหยดั แต่เป็นบนั ทกึ เกย่ี วกบั ความยงิ่ ใหญ่ของการอศั จรรยค์ รงั้ นนั้ เป็นภาพ

ทต่ี รงขา้ มกบั มานนาของโมเสส ซง่ึ ไม่อาจเกบ็ เอาไวก้ นิ ภายหลงั ได้ (อพย 16:4-5, 13-21) และแสดงภาพของยุคสมยั

แห่งพระเมสส-ิ ยาห์ ซ่งึ ความหวิ โหยจะถูกแทนทด่ี ้วยความมอี ย่างล้นเหลอื ในทางเดยี วกนั การท่ีนักบุญมทั ธวิ

เตมิ ขอ้ ความว่า “นอกจากผหู้ ญงิ และเดก็ ” (ใน 15:38) จงึ ไม่ใช่ขอ้ ความทแ่ี สดงการดูหมนิ่ ทางเพศโดยไม่ตงั้ ใจ และ

ไม่ใช่ความพยายามท่ีจะครอบคลุมคนทงั้ หด นักบุญมทั ธวิ ใช้ประโยชน์จากคาพูด (Andres) จากพระวรสาร

นกั บญุ ลกู าทฟ่ี ังดคู ลมุ เครอื และอาจเขา้ ใจความหมายรวมๆ วา่ “ประชาชน” (People) หรอื อาจเขา้ ใจความหมาย

แบบจากดั คอื “ผู้ชาย” (Males) เห็นได้ชดั ว่านักบุญมาระโกต้องการให้มีความหมายรวมๆ แต่นักบุญมทั ธิว

ตอ้ งการใหม้ คี วามหมายแบบเจาะจง เพ่อื ใหจ้ านวนของผูค้ นท่ปี รากฏอย่ตู รงนัน้ และแสดงถงึ ความยง่ิ ใหญ่ของ

การอศั จรรย์ (ดูเทยี บ ว. 35) และทาใหน้ ึกถงึ ประชากรของพระเป็นเจา้ ทอ่ี ย่ใู นถน่ิ ทุรกนั ดาร ระหว่างประเทศอยี ปิ ต์

และดนิ แดนพนั ธสญั ญา โดยมมี านนาเป็นอาหารเล้ยี ง ซง่ึ มิไดร้ บั การบรรยายดว้ ยถ้อยคาเช่นน้ีเหมอื นกนั (อพย.

12:37)

358

ข้อคิดไตรต่ รอง
ในประเดน็ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การตคี วามเร่อื งราวปาฏหิ ารยิ ใ์ นพระวรสาร ขอใหด้ ูบทเสรมิ เรอ่ื ง “การตคี วาม

เรอ่ื งราวปาฏหิ ารยิ ใ์ นพระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ ”
เร่อื งราวน้ีถูกมองว่ามคี วามสาคญั เป็นพเิ ศษในศาสนาครสิ ต์ยุคแรกเรม่ิ เป็นเร่อื งราวท่มี บี นั ทกึ ไว้ใน

พระวรสารทงั้ 4 ฉบบั (มธ. 14:13-21; มก. 6:32-44; ลก. 9:10-17; ยน. 6:1-15) โดยเป็นเร่อื ง “การเลย้ี งอาหารคนสพ่ี นั คน” ใน
มก. 8:1-10 และ มธ. 15:32-39 ทาให้เร่ืองราวน้ีมีทัง้ หมดถึง 6 รูปแบบ ปาฏิหารยิ ์ทวีขนมปังก็เหมือนกับ
เร่อื งราวทวั่ ไปในพระวรสาร (ดู บทนา) คอื มคี วามหมายหลายชนั้ สะท้อนออกมาจากเน้ือหาท่ปี รากฏอยู่ โดยเน้น
ระดบั ทเ่ี ป็นเร่อื งราวของพระเยซูเจา้ พระองคจ์ รงิ ในประวตั ศิ าสตร์ ธรรมประเพณีของครสิ ตจกั ร และเน้ือหาของ
พระวรสารตา่ งๆ

เร่อื งราวน้ีมแี ก่นแท้ของความเป็นประวตั ิศาสตร์ในแง่ท่วี ่ามพี ระเยซูเจ้า บุคคลผู้หน่ึงซ่ึงมเี มตตาและ
ตอบสนองต่อความตอ้ งการของผคู้ นทงั้ หลาย เร่อื งราวทงั้ หมดของชวี ติ ความตายและการกลบั คนื พระชนมช์ พี
ของพระเยซูเจา้ ตามความเช่อื ของชาวครสิ ต์คอื การตอบสนองต่อพระเป็นเจา้ ต่อความต้องการท่ลี กึ ท่สี ุดของ
มนุษยชาติ ซ่งึ ในทน่ี ้ีมสี ญั ลกั ษณ์คอื ภาพของฝงู ชนทก่ี าลงั หวิ โหย นกั วชิ าการเหน็ ไม่ตรงกนั วา่ เรอ่ื งราวน้ีมคี วาม
ถกู ตอ้ งตามประวตั ศิ าสตรห์ รอื ไม่ แตม่ มุ มองพน้ื ฐานโดยหลกั ๆ คอื

(1) เหตุการณ์เลย้ี งผูค้ นหวิ โหยไดอ้ ย่างปาฏหิ ารยิ เ์ กดิ ขน้ึ จรงิ ๆ ในสมยั ของพระเยซูเจา้ มุมมองน้ีไดร้ บั การ
สนับสนุนจากผู้ท่ศี กึ ษาศาสนาครสิ ต์แบบอนุรกั ษ์นิยมหรอื ถือตามแบบของพระคมั ภีร์อย่างเคร่งครดั
(Fundamentalist) และนกั วชิ าการอย่าง รดู อลฟ์ ออตโต้ ผทู้ ม่ี องว่าพระเยซูเจา้ ทรงเป็นบุคคลทม่ี พี ระพร
พเิ ศษและการปรากฏตวั ของพระองคจ์ ะทาให้คนป่ วยได้รบั การรกั ษาให้หายและคนหวิ ได้อม่ิ ท้องกลบั
บา้ น

(2) คาอธบิ ายเก่ยี วกบั ศลี ศกั ดสิ ์ ทิ ธขิ ์ องอลั เบริ ต์ ชไวซ์เซอร์ ใหเ้ หตุผลว่าพระเยซูเจา้ ทรงทาพธิ กี ารอนั เป็น
สญั ลกั ษณ์ใหก้ บั ผทู้ ต่ี ดิ ตามพระองคจ์ านวนมากในทะเลทรายโดยใชข้ นมปังชน้ิ เลก็ ๆ แจกจ่ายใหท้ ุกคน
เป็น “ศลี ศกั ดสิ ์ ทิ ธสิ ์ าหรบั วนั พพิ ากษาโลกในสภาพซ่อนเรน้ ” (Veiled Eschatological Sacrament) เป็น
การเฉลมิ ฉลองงานเลย้ี งของพระเมสสยิ าหล์ ่วงหน้า ตอ่ มาบนั ทกึ เกย่ี วกบั เหตกุ ารณ์น้ถี กู นาไปแตง่ เตมิ ให้
เป็นเรอ่ื งราวปาฏหิ ารยิ ์

(3) คาอธิบายแบบเรยี ลลิสติกของเอช.อี.จี พอลลสั (H.E.G Paulus) โต้แย้งว่า “ส่ิงท่ีเกิดข้ึนจรงิ ๆ” คือ
บทเรยี นเร่อื งความไม่เหน็ แก่ตวั พระเยซูเจา้ และบรรดาศษิ ย์ต่างแบ่งปันอาหารทม่ี อี ย่อู ย่างน้อยนิดนัน้
ทาใหค้ นอ่นื ๆ ตอ้ งแบง่ ปันอาหารของตนดว้ ยเช่นกนั จงึ มอี าหารเพยี งพอสาหรบั ทุกคน สว่ นหนงั สอื เร่อื ง
Life of Jesus ของเออรเ์ นสต์ เรแนน ทเ่ี ป็นแนวโรแมนตกิ นนั้ แสดงคาอธบิ ายแบบทไ่ี มใ่ ช่ปาฏหิ ารยิ ด์ ว้ ย
เช่นกนั พระเยซูเจ้าทรงนาผูต้ ดิ ตามพระองคเ์ ขา้ ไปในทะเลทรายช่วงระยะเวลาหน่ึง ให้พวกเขาต้องมี
ชวี ติ อย่ดู ว้ ยความประหยดั มธั ยสั ถ์และรบั ประทานอาหารแต่น้อย ซง่ึ ต่อมาบนั ทกึ น้ีถูกนามาปรบั เปลย่ี น
ใหเ้ ป็นเรอ่ื งเลา่ เกย่ี วกบั ปาฏหิ ารยิ ์

(4) เรอ่ื งราวน้ีไมไ่ ดเ้ กย่ี วขอ้ งกบั เหตุการณ์จรงิ ในชวี ติ ของพระเยซูเจา้ เลย แต่เป็นสญั ลกั ษณ์ของความหมาย
แห่งการเสดจ็ มายงั โลกของพระครสิ ตเจา้ โดยมคี วามหมายเสรมิ เกย่ี วกบั แผ่นศลี มหาสนิทและภาพของ
สมั พนั ธภาพระหว่างผู้เช่อื และอาหารท่มี มี ากมายล้นเหลอื ในวนั พพิ ากษาโลก นักวชิ าการพระวรสาร

359

สมยั ใหม่หลายคนเหน็ ชอบด้วยกบั มุมมองน้ี โดยตีความว่าเร่อื งราวน้ีเป็นการแสดงแนวคดิ ทางครสิ ต
ศาสตรใ์ นพระวรสารมากกว่าเป็นบนั ทกึ เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ คาว่า “สญั ลกั ษณ์” ไม่ไดแ้ ปลว่า “นิทาน
เปรยี บเทยี บ” เร่อื งราวน้ีแสดงภาพการกระทาของพระเป็นเจา้ ในการตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์
ผ่านทางองคพ์ ระเยซูครสิ ต์ แต่ไม่ไดห้ มายความว่าขนมปังทงั้ 5 กอ้ นสอ่ื ถงึ หนงั สอื ปัญจบรรพทงั้ 5 เล่ม
ปลา 2 ตวั กไ็ ม่ไดห้ มายถงึ พนั ธสญั ญาทงั้ สอง และความหมายเชงิ สญั ลกั ษณ์ของเร่อื งราวน้ีไม่ไดเ้ ป็นอกี
ทางหน่ึงทเ่ี ราสามารถเลอื กได้ แทนทจ่ี ะมองเหน็ ภาพพระเยซูเจา้ และบรรดาศษิ ยข์ องพระองคต์ อบสนอง
ความต้องการของมนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม เช่นเดยี วกบั ท่คี ณะอคั รสาวกในบทท่ี 10 เกดิ ขน้ึ ตามหลงั
เรอ่ื งราวสว่ นทแ่ี สดงอานาจความเป็นพระเมสสยิ าหข์ องพระเยซูเจา้ ในบทท่ี 5-9 อานาจการทาปาฏหิ ารยิ ์
ในทน่ี ้กี เ็ กย่ี วขอ้ งกบั บรรดาศษิ ยด์ ว้ ยเชน่ กนั
อย่างไรกต็ าม เร่อื งราวน้ีมกี ารตคี วามว่าพระเยซูเจา้ ทรงใหจ้ ุดยนื แก่สาวก “พวกท่ำนทงั้ หลำยจงจดั หำ
อำหำรให้เขำเถิด” แหล่งทม่ี าแทจ้ รงิ ของอาหารนัน้ มาจากพระเป็นเจา้ แต่แหล่งทรพั ยากรอย่ทู ม่ี นุษย์ ผลงาน
ของบรรดาศษิ ย์ “ขนมปัง” แห่งความพยายามของมนุษยไ์ ดร้ บั เกยี รติ ถูกนาไปใช้ และถูกนาไปขยายใหช้ ดั เจน
โดยพระเยซเู จา้

มทั ธวิ 14:22-36 การเดนิ บนผวิ น้าและการรกั ษาผปู้ ่วย

พระเยซูเจ้าทรงดาเนิ นบนผิวน้า
22 ทนั ทหี ลงั จากนัน้ พระเยซูเจา้ ทรงสงั่ ใหบ้ รรดาศษิ ยล์ งเรอื ขา้ มทะเลสาบล่วงหน้าพระองคไ์ ปในขณะทพ่ี ระองคท์ รงจดั ให้

ประชาชนกลบั 23 เม่อื ทรงลาประชาชนแลว้ พระองค์กเ็ สดจ็ ขน้ึ ไปบนภูเขาเพ่อื ทรงอธษิ ฐานภาวนาตามลาพงั ครนั้ เวลาค่า พระ
องค์ทรงอยู่ทน่ี ัน่ เพยี งพระองค์เดยี ว 24 ส่วนเรอื อยู่ห่างจากฝัง่ หลายรอ้ ยเมตร กาลงั แล่นโตค้ ล่นื อย่างหนักเพราะทวนลม 25 เม่อื
ถงึ ยามทส่ี ่ี พระองคท์ รงดาเนินบนทะเลไปหาบรรดาศษิ ย์ 26 เมอ่ื บรรดาศษิ ยเ์ หน็ พระองคท์ รงดาเนินอย่บู นทะเลดงั นนั้ ต่างตกใจ
มากกล่าวว่า “ผมี า” และส่งเสยี งอ้อื องึ ดว้ ยความกลวั 27 ทนั ใดนัน้ พระเยซูเจา้ ตรสั แก่เขาว่า “ทาใจใหด้ ี เราเอง อย่ากลวั เลย” 28
เปโตรทลู ตอบวา่ “พระเจา้ ขา้ ถา้ เป็นพระองค์ กจ็ งสงั่ ใหข้ า้ พเจา้ เดนิ บนน้าไปหาพระองคเ์ ถดิ ” 29 พระองคต์ รสั วา่ “มาเถดิ ” เปโตร
จงึ ลงจากเรอื เดนิ บนน้าไปหาพระเยซูเจา้ 30 แต่เม่อื เหน็ ว่าลมแรง เขากก็ ลวั และเรมิ่ จมลง แลว้ รอ้ งว่า “พระเจา้ ขา้ ช่วยขา้ พเจา้
ดว้ ย” 31 ทนั ใดนนั้ พระเยซูเจา้ ทรงย่นื พระหตั ถ์จบั เขา ตรสั วา่ “ท่านช่างมคี วามเช่อื น้อยจรงิ สงสยั ทาไมเลา่ ” 32 เมอ่ื พระองคเ์ สดจ็
ขน้ึ มาประทบั ในเรอื พรอ้ มกบั เปโตรแลว้ ลมกส็ งบ 33 คนทอ่ี ยใู่ นเรอื จงึ เขา้ มากราบนมสั การพระองค์ ทลู วา่ “พระองคเ์ ป็นพระบตุ ร
ของพระเจา้ อยา่ งแทจ้ รงิ ”
พระเยซูเจ้าทรงรกั ษาผเู้ จบ็ ป่ วยท่ีเมอื งเยนเนซาเรท็

34 พระเยซูเจา้ ทรงขา้ มฟากพรอ้ มกบั บรรดาศษิ ยม์ าขน้ึ ฝัง่ ทเ่ี มอื งเยนเนซาเรท็ 35 ผูค้ นทน่ี ัน่ จาพระองค์ได้ จงึ ส่งข่าวต่อๆ
กนั ไปทวั่ บรเิ วณนัน้ เขานาผูเ้ จบ็ ป่วยทุกคนมาเฝ้าพระองค์ 36 ทูลขอสมั ผสั เพยี งฉลองพระองค์เท่านัน้ และทุกคนทส่ี มั ผสั แลว้ ก็
หายจากโรค

360

ข้อศกึ ษาวิพากษ์

14:22-24 นักบุญมทั ธวิ นาเอาภูมปิ ระเทศทด่ี ูสบั สนในพระวรสารนักบุญมาระโกมาอธบิ ายใหช้ ดั เจนขน้ึ
การเลย้ี งอาหารคน 5,000 คนเกดิ ขน้ึ ทร่ี มิ ฝัง่ ทะเลสาบกาลลิ ที างทศิ ตะวนั ออกและบรรดาศษิ ยไ์ ดเ้ ดนิ ทางดว้ ยเรอื
ไปยงั ฝัง่ ตะวนั ตก แลว้ ขน้ึ ฝัง่ ทน่ี นั่

เป็นครงั้ แรกในพระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ ทบ่ี รรดาศษิ ยไ์ ดถ้ ูกสง่ ออกไปโดยปราศจากพระเยซูเจา้ ผทู้ รงเป็น
ตวั แทนของ “พระเจา้ สถติ อย่กู บั เรา” (ดู ขอ้ ศกึ ษาวพิ ากษ์ เกย่ี วกบั 1:23) ในฉากเหตุการณ์เรอื และพายุทส่ี งิ่ น้ีเตอื นใจให้
เราระลกึ ถึง พระเยซูเจ้าทรงบอกให้พวกเขาออกจากท่ตี รงนัน้ แล้วพระองค์ได้ข้นึ ไปบนเรอื แล้วพวกเขาได้
ตดิ ตามพระองคไ์ ป (8:18,23) พวกเขาอยใู่ นเรอื ทถ่ี ูกคล่นื ลมซดั เป็นสญั ลกั ษณ์ของการเดนิ ทางเพอ่ื กระทาพนั ธกจิ
ของครสิ ตจกั รท่เี ตม็ ไปดว้ ยพายุหรอื อุปสรรคมากมายตลอดประวตั ศิ าสตร์ และพระองคอ์ ยู่กบั พวกเขาในทะเล
ดว้ ย พระองคป์ ระทบั อย่บู นเรอื (ดู 8:23-27) แต่ในเรอ่ื งน้ีพวกเขาถูกสง่ ใหเ้ ดนิ ทางไปด้วยตนเอง พระเยซูเจา้ ผทู้ รง
เป็นการสถิตอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้อยู่กบั พวกเขาด้วย ในระดบั ความเข้าใจของนักบุญมทั ธวิ น่ีอาจเป็น
ความหมายของการทพ่ี ระเยซูเจา้ “ทรงบงั คบั ” (Compel) ใหพ้ วกเขาจากไป (ในฉบบั KJV คอื “Constraint” ในฉบบั ของ J.B.
Phillips คอื “Insisted”) เน้ือหาจากพระวรสารนกั บุญมาระโกทน่ี กั บุญมทั ธวิ นามาเขยี นใหม่เน้นความสาคญั ทก่ี ารแยก
จากกนั ระหวา่ งพระเยซูเจา้ กบั บรรดาศษิ ยข์ องพระองค์ พระเยซูเจา้ “ทรงประทบั อย่เู พยี งลาพงั ” (kat’idian ถูกใส่เพมิ่
เขา้ มาจากคาว่า monos ในพระวรสารนักบุญมาระโก) น่าแปลกท่ตี รงน้ี คอื ครงั้ แรกในพระวรสารท่เี ราเหน็ พระเยซูเจ้าทรง
ภาวนา พระองคผ์ ทู้ ใ่ี นอกี ไม่นานจะตรสั และกระทาสง่ิ ตา่ งๆ ในสถานะของพระเจา้ กลบั สวดภาวนาพง่ึ พงิ พระเป็น
เจา้ แมว้ ่าวลใี น ว. 22 จะคลา้ ยกบั 5:1 ภูเขาแห่งน้ีไม่ใช่ภูเขาแห่งการเทศนาสงั่ สอน แต่เป็นภูเขาแห่งการร่วม
สนิทเป็นหน่ึงเดยี วกบั พระเป็นเจา้ เช่นเดยี วกบั ใน 17:1-8 สญั ลกั ษณ์ของเรอื ทส่ี อ่ื ถงึ ครสิ ตจกั รใน 8:23-27 ไดร้ บั
การเน้นใหช้ ดั เจนขน้ึ โดยใหเ้ รอื ลานนั้ “ถูกทรมาน” (basanizo) ดว้ ยคล่นื ลม (ไมใ่ ช่บรรดาศษิ ย์ออกแรงในการพายเหมอื นใน
พระวรสารนักบุญมาระโก) คาอธบิ ายน้ีแปลกประหลาดเหมอื นกบั “แผ่นดนิ ไหว” ในทะเลทก่ี ล่าวถงึ ใน 8:24 ในทงั้ สอง
กรณี นักบุญมทั ธวิ ปล่อยใหก้ ารใชส้ ญั ลกั ษณ์ของท่านส่งผลต่อคาบรรยาย เพราะในทงั้ สองกรณี ท่านกร็ ะลกึ ถงึ
ความทุกขท์ รมานทค่ี รสิ ตจกั รตอ้ งประสบในการกระทาพนั ธกจิ เม่อื ถูกส่งออกไป “ตามลาพงั ” (กล่าวคอื โดยปราศจาก

พระเยซูเจา้ ผทู้ รงสญั ญาวา่ จะประทบั อยกู่ บั พวกเขาตลอดไป 28:20)

ภาพน้ีไม่ได้จากดั อยู่แค่การเป็นสญั ลกั ษณ์ของครสิ ตจกั รและการทาพนั ธกจิ เท่านัน้ ในทางพระคมั ภีร์
“ทะเล” ส่ือความหมายทางอ้อมถึงอานาจแห่งความปัน่ ป่ วนโกลาหล (Forces of Chaos) มนั ถูกสกัดให้อยู่
หา่ งไกลดว้ ยการทรงสรา้ งสรรพสง่ิ ของพระเป็นเจา้ แต่ยงั ถูกคุกคามน่ากลวั อย่ดู ี (ปฐก. 1:1-10, 7-11; สดด. 18:15; 69:1-3;
107:23-32; 144:5-8) สาหรบั ผู้ท่มี มี ุมมองแบบพระคมั ภรี ์ (Biblical Mind) การอยู่ในทะเลก็เท่ากบั อยู่ในอนั ตรายอยู่
แลว้ เพราะมนั คอื ตวั แทนของความวติ กกงั วลและอานาจมดื ทงั้ หมดทค่ี ุกคามความดงี ามของระบบระเบยี บทพ่ี ระ
เจา้ ทรงสรา้ งไว้ การอย่ใู นทะเลทาใหเ้ ราระลกึ ถงึ ภาพของความตาย อานาจอนั ทรงพลงั ทค่ี ุกคามความดงี ามของ
ชวี ติ ทะเลในทน่ี ้ีคอื สง่ิ กดี ขวางทแ่ี ยกบรรดาศษิ ยอ์ อกจากพระเยซูเจา้ ผทู้ รงเป็นตวั แทนของการประทบั อย่ขู อง
พระเป็นเจา้ พวกเขาถูกท้งิ ไวใ้ นเรอื (ครสิ ตจกั ร)ท่ามกลางความปัน่ ป่วนโกลาหลของโลกน้ี มเี พยี งพาหนะอนั
เปราะบางทป่ี กป้องพวกเขาจากอนั ตราย พวกเขาถูกพายุแห่งความขดั แยง้ และการกดขข่ี ม่ เหงโหมกระหน่า ซง่ึ
สงิ่ น้ไี ดร้ บั การกล่าวถงึ สามครงั้ (ว. 24,30,32)

14:25-27 เป็นไปไม่ไดท้ พ่ี ระเยซูเจา้ ผซู้ ง่ึ เป็นสอ่ื ถงึ การประทบั อย่ขู องพระเป็นเจา้ จะเดนิ ทางไปกบั พวก
เขาจนถงึ “อกี ฝัง่ หน่ึง” เหมอื นท่พี ระองคส์ ญั ญาไว้ (28:20) แต่สุดท้ายพระองค์ก็มา ในเวลาท่ดี กึ ท่สี ุดและมดื มดิ

361

ทส่ี ุดของค่าคนื พระองคท์ รงดาเนินอย่บู นผวิ น้า (ในฉบบั NIV พระวรสารนักบุญมทั ธวิ มกี ารระบุเวลาทช่ี ดั เจนคอื ยามทส่ี ่ี <the fourth
watch> ตสี ามถงึ หกโมงเชา้ ) คนทม่ี มี ุมมองแบบสมยั ใหม่อาจคดิ ถงึ การทาลายกฎแรงดงึ ดดู แต่คนทม่ี มี ุมมองแบบพระ
คมั ภีร์จะคดิ ถึงพระองค์ผู้ทรงเอาชนะอานาจแห่งความปัน่ ป่ วนโกลาหล (“เดนิ บน” = เอาชนะ, “ทะเล” = ปิศาจแห่งความ
โกลาหลปัน่ ป่วนทต่ี ่อต้านสรรพสงิ่ ของพระเป็นเจา้ ) นับตงั้ แต่มหากาพยเ์ ร่อื ง “Gilgamesh” เป็นธรรมดาท่คี นสมยั โบราณจะ
คดิ ว่าไมม่ มี นุษยค์ นใดสามารถเดนิ บนน้าได้ มแี ต่เทพเจา้ เท่านนั้ ทท่ี าได้ ตามมมุ มองแบบพระคมั ภรี ์ มเี พยี งพระ
เป็นเจา้ เท่านัน้ ท่จี ะสามารถเดนิ บนทะเลได้ (โยบ 9:8; 38:16; สดด 77:19; อสย 43:16; 51:9-10; ฮบก 3:5; บสร 24:5-6 เก่ยี วกบั พระ
ปรชี าญาณของพระเจา้ ) ทา่ มกลางเรอ่ื งราวทจ่ี ดั วางโครงสรา้ งอยา่ งมสี ดั สว่ นสมดุลน้ี พระเยซูเจา้ ทรงกระทาในสง่ิ ทพ่ี ระ
เป็นเจา้ เท่านนั้ สามารถทาได้ และทรงตรสั ดว้ ยเสยี งของพระเป็นเจา้ คอื “เราเป็น” (I am) แมว้ ่าจะไมม่ ปี ระธาน
ของประโยคในภาคแสดง แต่เป็นการใชส้ ูตรในการบอกว่าตนเองเป็นใครอย่างเรยี บง่ายเป็นครงั้ แรก “เป็ นเรา
เอง (ไม่ใช่ผที พ่ี วกเจา้ กลวั )” แต่ประโยคน้ียงั ทาใหร้ ะลกึ ถงึ การทพ่ี ระเป็นเจา้ ทรงบอกวา่ พระองคเ์ องเป็นใครดว้ ย พระ
ยาเวหค์ อื ผเู้ ดยี วทก่ี ล่าวคาวา่ “เราเป็น” ไดอ้ ย่างสมบูรณ์ (ดู อพย 3:13-15) แต่นกั บุญมทั ธวิ ไมไ่ ดต้ อ้ งการจะบอกว่า
พระเยซูเจา้ คอื พระยาเวห์ (ท่านเพง่ิ แสดงภาพพระองคส์ วดภาวนากบั พระเป็นเจา้ ไปไมน่ านน้ี) แต่พระเยซูเจา้ ทรงเป็นสอ่ื ถงึ การ
ประทบั อย่ขู องพระเป็นเจา้ และความเช่อื มนั่ ว่าพระเป็นเจา้ อย่กู บั เรา เหมอื นกบั คาสญั ญาใน 1:23 ส่วนท่นี กั บุญ
มทั ธวิ นามาเขยี นใหมเ่ น้นการประทบั อยขู่ องพระครสิ ตใ์ นชมุ ชนทก่ี าลงั กระทาพนั ธกจิ

ส่วน 14:28-31 น่าจะเป็นส่วนท่ปี ระพนั ธ์ข้นึ โดยท่านนักบุญมทั ธวิ เอง และนาไปเสรมิ ให้เขา้ กบั เน้ือหา
จากพระวรสารนกั บุญมาระโก (ดู เทยี บ มก 6:50-51) ดว้ ยสว่ นทเ่ี สรมิ เขา้ ไปน้ี เป็นแงม่ มุ ทเ่ี กย่ี วกบั ศาสนา เรอ่ื งราวจงึ
ไดร้ บั การเน้นเป็นพเิ ศษ มนั ไม่ไดเ้ ป็นเพยี งเร่อื งราวเกย่ี วกบั สงิ่ ทพ่ี ระเยซูเจา้ สามารถกระทาได้ พระครสิ ต์ผตู้ รสั
อยา่ งทรงอานาจ (บทท่ี 5-7) ทรงกระทาสง่ิ ต่างๆ อยา่ งทรงอานาจ (บทท่ี 8-9) และถ่ายทอดอานาจน้ีใหก้ บั บรรดาศษิ ย์
(บทท่ี 10) ในทน่ี ้ีพระองคท์ รงแบ่งปันพระฤทธานุภาพและอานาจของพระองคใ์ หก้ บั บรรดาศษิ ย์ ภาพของนกั บุญเป
โตรในท่นี ้ี (และในส่วนอ่นื ๆ ของพระวรสารน้ี) ไม่ควรถูกตคี วามในทางจติ วทิ ยาว่าเป็นคนตดั สนิ ใจหุนหนั พลนั แล่น แต่
ต่อมากล็ ม้ เหลว เราไม่มขี อ้ มูลดา้ นจติ วทิ ยา ตวั ละครหน่ึงในเร่อื งราว คอื ตวั แทนของบรรดาศษิ ย์ทงั้ หมด แสดง
ใหเ้ หน็ ถงึ ความหมายเชงิ ครสิ ตศาสตรข์ องคาวา่ ความเป็นศษิ ยผ์ า่ นการกระทาของตวั ละครนนั้ นกั บุญเปโตรเรยี ก
หาพระเยซูเจ้า เหมอื นทผ่ี ูเ้ ช่อื ทุกคนเรยี กว่า “พระเจา้ ขา้ ” (ผูท้ ่ไี ม่เช่อื จะเรยี กพระองค์ดว้ ยสถานะอ่นื ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ )
ทา่ นเขา้ ใจตาแหน่งทางครสิ ตศาสตรท์ ถ่ี ูกตอ้ งและแสดงออกถงึ ความเช่อื แรงกลา้ แต่ท่านละทง้ิ เรอื และชุมชน แต่
พอเหน็ ความรุนแรงของพายุ ท่านกเ็ รมิ่ จม สาหรบั นกั บุญมทั ธวิ ปัญหาของนักบุญเปโตรไม่ไดเ้ กดิ ขน้ึ จากการท่ี
ทา่ นละสายตาจากพระเยซูเจา้ แต่ทา่ นตอ้ งการสงิ่ ทจ่ี ะพสิ จู น์วา่ พระครสิ ตป์ ระทบั อย่กู บั ทา่ น ท่านจงึ ละทง้ิ เรอื แลว้
เดินมา นักบุญเปโตรร้องออกมาด้วยคาพูดท่มี าจากบทสดุดแี ละเป็นคาพูดท่ีพบได้ทวั่ ไปในพธิ บี ูชาพระเป็น
เจา้ ของชาวครสิ ต์ “พระเจา้ ขา้ โปรดช่วยขา้ พเจา้ ดว้ ย” (ดู เทยี บ 8:25) พระเยซูเจา้ ทรงย่นื พระหตั ถ์มาและนักบุญเป
โตรก็ได้รบั การช่วยเหลอื ให้รอดปลอดภยั คาตาหนิท่อี ่อนโยนของพระองค์ทาให้เราเหน็ ว่านักบุญเปโตรเป็น
ตวั แทนของบรรดาศษิ ย์ทุกคนในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ คาว่า “ความเช่อื น้อย” เป็นคาทผ่ี สมผสานทางตรรกะ
ระหว่างความวติ กกงั วลกบั ความกลา้ หาญ ระหว่างการไดย้ นิ พระวาจาของพระเป็นเจา้ กบั การมองเหน็ ความน่า
หวาดกลวั ของพายุ ระหว่างความเชอ่ื และความลงั เลสงสยั ซง่ึ เป็นสว่ นประกอบของชวี ติ ชาวครสิ ตเ์ สมอมา แมแ้ ต่
ในยุคหลงั ของการกลบั คนื พระชนมช์ พี ประเดน็ สุดทา้ ยน้ีไดร้ บั การเน้นดว้ ยคาทเ่ี ฉพาะเจาะจงทใ่ี ชส้ ่อื ถงึ “ความ
ลงั เลสงสยั ” (Doubt / distazo) ซ่งึ ส่อื ความหมายทางออ้ มถงึ ความลงั เลไม่เดด็ ขาด (Vacillation) แต่ไม่ใช่ความ

362

สงสยั ว่าพระองคม์ อี ยจู่ รงิ หรอื ไม่ (Skepticism) อกี ตาแหน่งหน่ึงทม่ี กี ารใชค้ าน้ีในพระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาใหม่
คอื มธ 28:17 ซง่ึ เป็นตอนทบ่ี รรดาศษิ ยพ์ บพระเยซูเจา้ ผทู้ รงกลบั คนื พระชนมช์ พี

14:32-33 นักบุญมทั ธวิ นาตอนจบของเร่อื งราวน้ีในพระวรสารนักบุญมาระโกมาเขยี นใหม่ใหม้ พี ลงั แรง
ขน้ึ แทนทจ่ี ะเป็นความตกใจอยา่ งทส่ี ุด การขาดความเขา้ ใจ หรอื ความใจแขง็ เรากลบั เหน็ ภาพของการคุกเขา่ ลง
และยอมเคารพบูชาพระเยซูเจ้า กล่าวว่าพระองค์เป็นพระบุตรของพระเป็นเจ้า ภาพสรุปจบน้ีคงยากท่เี ราจะ
จินตนาการว่าเกิดอะไรข้นึ ในเรอื ลาเล็กๆ ในทะเลสาบกาลิลี แต่มนั เป็นภาพสะท้อนถึงการตอบสนองของ
ครสิ ตจกั รทร่ี สู้ กึ ซาบซง้ึ บุญคุณและไดร้ บั การสมั ผสั ถงึ การประทบั อยขู่ องพระครสิ ตใ์ นการทาพนั ธกจิ ของพวกเขา
เหมอื นทท่ี รงสญั ญาไว้ แมว้ า่ จะดเู หมอื นเป็นไปไม่ไดก้ ต็ าม

การกล่าวยอมรบั เชงิ เคารพบูชาแบบชาวครสิ ต์ทอ่ี ย่ใู นบทสรุปของฉากน้ีแสดงใหเ้ หน็ ถงึ มุมมองหลงั การ
กลบั คนื พระชนมช์ พี ซ่งึ มกี ารเล่าเร่อื งราวน้ีและเร่อื งปาฏหิ ารยิ อ์ ่นื ๆ โดยรวมแลว้ เป็นการเตอื นใหร้ ะลกึ ถงึ ยน.
21:1-14 ซ่งึ ส่อื ถงึ ยุคหลงั การกลบั คนื พระชนมช์ พี อย่างชดั เจน โดยเฉพาะการเช่อื มโยงการเล้ยี งอาหารผคู้ นกบั
เร่อื งเล่าในทะเล คอื ในตอนแรกผูค้ นจาพระองค์ไม่ได้ จากนัน้ พระองค์ไดก้ ล่าวว่าตนเองเป็นใคร และนักบุญเป
โตรไดก้ า้ วออกจากเรอื มาหาพระองค์ อกี เหตกุ ารณ์หน่งึ ทม่ี ภี าพของบรรดาศษิ ยไ์ ดก้ ราบนมสั การพระเยซูเจา้ และ
เป็นการใชค้ าวา่ “ลงั เลสงสยั ” อกี ครงั้ หน่ึงกค็ อื ตอนทพ่ี วกเขาไดพ้ บกบั พระเยซูเจา้ ผกู้ ลบั คนื พระชนมช์ พี ใน มธ
28:17 คาว่า “เราเป็น” ซ่ึงเปิดเผยตัวตนของพระองค์นัน้ ส่ือถึงประสบการณ์ของบรรดาศิษย์ในยุคหลงั การ
กลบั คนื พระชนมช์ พี ดว้ ย แต่ถงึ แมจ้ ะอย่ใู นกรอบของบทบรรยายชว่ งก่อนการกลบั คนื พระชนม์ เรอ่ื งราวในพระวร
สารกย็ งั สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ พระสุรเสยี งและการกระทาของพระเป็นเจา้ ผูท้ รงกลบั คนื พระชนมช์ พี อยดู่ ี

14: 34-36 นักบุญมทั ธวิ ได้เพม่ิ 14:14 ลงไป ทาให้ฉากน้ีทาหน้าท่เี ป็นวงเลบ็ ท่ลี ้อมเร่อื งราวการเล้ยี ง
อาหารผูค้ นและการเสดจ็ มาหาบรรดาศษิ ยท์ ก่ี าลงั ทุกขร์ อ้ นอย่างอศั จรรย์ หน่วยย่อยน้ีเรม่ิ ตน้ และจบลงดว้ ยการ
รกั ษาผปู้ ่วยจานวนมากมาย ก่อนทจ่ี ะถงึ หน่วยน้ี พระเยซูเจา้ ทรงมคี วามขดั แยง้ กบั คนนอกชุมชนความเช่อื ซ่งึ
กลบั มาใหม่อกี ครงั้ ทนั ทใี น 15:1 แมว้ ่าเร่อื งราวการมาถงึ ของพระอาณาจักรของพระเป็นเจา้ จะก่อใหเ้ กดิ ความ
ขดั แยง้ อย่างหลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ นกั บุญมทั ธวิ ไดใ้ สบ่ ทแทรกทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ การประทบั อย่ขู องพระครสิ ตท์ ม่ี อี านาจ
รกั ษาผคู้ นใหห้ ายเจบ็ ป่วยไดอ้ ยดู่ ี

ข้อคิดไตรต่ รอง
ความหมายท่ีโดดเด่นของฉากเหตุการณ์น้ีได้ถูกวางโครงสร้างให้มีความเฉียบคมมากข้นึ โดยการท่ี

นักบุญมัทธิวเติมวรรค 28-31 ลงไป ซ่ึงส่วนนัน้ มักถูกเรียกว่า “เปโตรเดินบนผิวน้า” แต่ช่ือเรียกน้ีไม่ใช่
สาระสาคญั ท่ีนักบุญมทั ธวิ ต้องการจะส่อื นักบุญเปโตรเป็นศษิ ย์คนแรกและเหมอื นกบั ศษิ ย์คนอ่นื ๆ (ดู 16:13-19)
อย่างไรกต็ าม นักบุญมทั ธวิ จะแสดงใหเ้ หน็ ในอกี ไม่นานน้ีวา่ นกั บุญเปโตรสามารถเป็นตวั แทนและเป็นเสยี งของ
ซาตานไดเ้ ชน่ กนั (16:23) แงม่ ุมของมารรา้ ยทอ่ี าจกอ่ ตวั ขน้ึ ไดใ้ นความเป็นศษิ ยถ์ กู นามาแสดงใหเ้ หน็ ในเรอ่ื งราว
น้ี

1. การตอบสนองของนักบุญเปโตร (“หากว่าเป็นพระองค์”) ทม่ี ตี ่อคาพูดของพระเยซูเจา้ ท่กี ล่าวยนื ยนั ว่า
“เราเป็ น” ซ่ึงเป็นคาท่บี ่งบอกถงึ การประทบั อยู่ของพระเป็นเจ้า คล้ายกบั คาพูดแรกท่ซี าตานพูดกบั
พระองค์ (4:3) นกั บุญเปโตรไดย้ นิ คายนื ยนั ของพระเยซูเจา้ เชน่ เดยี วกบั ทผ่ี อู้ า่ นพระวรสารไดย้ นิ คายนื ยนั

363

ของนักบุญมทั ธวิ ว่าพระเยซูเจ้า คอื ผู้ท่ที าให้พระเป็นเจ้าประทบั อยู่กบั เรา (1:23; 28:20) ในโลกท่สี บั สน
โกลาหล ข้ออ้างเช่นนั้น มักดูไม่จริง ว่างเปล่า ไร้ความหมาย หลายคนต้องการสิ่งยืนยันแบบ
ประสบการณ์ทน่ี ่าต่นื เตน้ ประทบั ใจวา่ สงิ่ น้คี อื ความจรงิ นกั บญุ เปโตรรวู้ า่ พระเยซูเจา้ ยงั คงประทบั อยทู่ ร่ี มิ
หาด เช่นเดยี วกบั ท่ผี ู้อ่านรูว้ ่าพระเยซูเจ้าถูกท้งิ ไวใ้ นประวตั ศิ าสตร์ แต่ในทงั้ สองกรณี ดูเหมอื นว่ามนั
เป็นไปไม่ไดท้ พ่ี ระองคจ์ ะมาหาเรา ดงั นัน้ ตอนทพ่ี ระองคป์ รากฏขน้ึ และเดนิ บนทะเล มนั ควรเป็นขา่ วดี
จรงิ ๆ ถา้ หากมนั เป็นจรงิ เช่นนนั้ เราสามารถเขา้ ใจนกั บุญเปโตร (ผเู้ ป็นศษิ ยท์ วั่ ไปคนหน่ึง) เม่อื ท่านขอทาการ
ทดสอบ แต่มนั ก็ไม่ได้เหมอื นกบั เสยี งของซาตาน เพราะว่าท่านเองก็พรอ้ มจะเสย่ี งกบั ความตายเพ่อื
พสิ ูจน์การประทบั อยู่ด้วยขององค์พระเป็นเจ้าในความเป็นจรงิ (4:5-7) พระเยซูเจ้าทรงตอบคาขอของ
ปิศาจด้วยการอนุญาตเพยี งหน่ึงคา (8:32) และพระองค์ได้กล่าวอนุญาตเปโตรเพยี งหน่ึงคาเพ่อื ให้ท่าน
ออกมาจากเรอื แตผ่ ทู้ ร่ี เิ รมิ่ นนั้ คอื นกั บุญเปโตร มนั เป็นการรเิ รม่ิ ทม่ี พี น้ื ทอ่ี ยบู่ นการขาดความเชอ่ื และการ
ทดลองพระเป็นเจา้

ดงั นัน้ “บทเรยี น” ทวั่ ไปท่เี ราจะได้จากเน้ือหาส่วนน้ีมกั จะเป็นเร่อื งของความเขา้ ใจผดิ ๆ แบบ
มารเกย่ี วกบั ธรรมชาตขิ องความเชอ่ื ซง่ึ นกั บญุ มทั ธวิ ตอ้ งการจะเตอื นเราไมใ่ หห้ ลงไปเชน่ นนั้ สาระสาคญั
ไม่ใช่ “หากเขามคี วามเชอื่ มากพอเขากจ็ ะเดนิ บนน้าได้” และสารท่สี ่งมาถงึ เรากไ็ ม่ใช่ “หากเรามคี วาม
เชอื่ มากพอเราก็จะเอาชนะปัญหาทุกอย่างได้อย่างยอดเยยี่ ม” การตีความเช่นน้ีผดิ ตรงท่วี ่ามนั ทาให้
ความเช่อื กลายเป็นขอ้ ยกเวน้ ทด่ี นู ่าต่นื ตาต่นื ใจในชวี ติ ประจาวนั ระดบั รากฐานของเรา ซง่ึ เป็นวนั เวลาท่ี
เราตอ้ งอย่ภู ายใตก้ ฎทางฟิสกิ สแ์ ละชวี วทิ ยาของโลก สง่ิ น้ีผดิ เพราะความฝันเฟ่ืองทจ่ี ะเอาชนะเครอื ขา่ ย
เหล่าน้จี ะตอ้ งสลายดว้ ยความเป็นจรงิ ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยอุบตั เิ หตุ โรครา้ ย ความแก่ชรา และสถานการณ์ต่างๆ
จนเราเรมิ่ จมลง มุมมองน้สี นบั สนุนใหเ้ รารสู้ กึ ผดิ ทเ่ี รา “ขาดความเชอ่ื ”
2. หากสารของขอ้ ความน้ีคอื “ถ้าท่านมคี วามเชอื่ เพยี งพอ ท่านก็ควรจะเชอื่ พระวาจาของพระเยซูเจา้ ที่
มาถงึ เขาบนเรอื วา่ เป็นการประทบั อยขู่ องพระเป็นเจา้ ในความเป็นจรงิ ” ความเชอ่ื ไม่ไดห้ มายความวา่ เรา
จะสามารถเดนิ บนน้าได้ พระเป็นเจา้ เทา่ นนั้ ทท่ี าเชน่ นนั้ ได้ แต่ความกลา้ ทจ่ี ะเชอ่ื เมอ่ื เราไดเ้ หน็ หลกั ฐาน
ต่างๆ ว่าพระเป็นเจ้าทรงอยู่กบั เราบนเรอื ด้วย นัน่ สามารถเป็นความจรงิ ในชุมชนของผู้มีความเช่ือ
เพราะมนั จะพาเราฝ่าฟันพายุและคลน่ื ลมทโ่ี หมกระหน่าได้
3. เรามโี อกาสทจ่ี ะสงั เกตเหน็ หลายครงั้ แลว้ วา่ วธิ กี ารเล่าเรอ่ื งพระเยซูเจา้ เป็นแบบทวนิ ยิ มหรอื “มี กบั “ไมม่ ี
ท่ตี ้องเติมให้ครบ” (ดู 3:7; 6:19; 10:26-31; 12:26, 33-35; 13:25,37) กรอบของบทบรรยายเร่อื งทงั้ หมดคอื ความ
ขดั แย้งระหว่างอาณาจกั รของพระเป็นเจ้ากบั อาณาจกั รของซาตาน มตี วั เลอื กทงั้ หมดเพยี งเท่าน้ี ผู้ท่ี
สนับสนุนฝัง่ ใดฝัง่ หน่ึงกเ็ ท่ากบั สนับสนุนหรอื ต่อตา้ นพระเยซูเจา้ และพระอาณาจกั รของพระเป็นเจา้ ซ่งึ
พระองค์ทรงเป็นตวั แทน (12:30) ส่วนชาวยวิ และชาวฟารสิ ใี นเร่อื งไม่ใช่ส่อื ถึงผู้ท่ีอยู่ในประวตั ิศาสตร์
แท้จรงิ แต่เป็นตวั แทนของอาณาจกั รซาตาน บรรดาศษิ ย์นัน้ เป็นของพระอาณาจกั รพระเป็นเจ้าแล้ว
เร่อื งราวน้ีถูกเล่าด้วยการนาเอาความแตกต่างท่มี องเหน็ ไดช้ ดั เจนมาอยู่ด้วยกนั แต่ถงึ กระนัน้ ทวนิ ิยม
เชน่ น้ีกไ็ มเ่ ป็นไปในเชงิ ภววทิ ยาหรอื เป็นสง่ิ สมบรู ณ์เดด็ ขาด ฝงู ชนนนั้ ถงึ แมว้ า่ จะเขา้ ใจผดิ และใจแขง็ แต่
กย็ งั มศี กั ยภาพเป็นศษิ ยไ์ ด้ และพระเยซูเจา้ ยงั คงกระทาพนั ธกจิ กบั พวกเขาต่อไป แมว้ ่าเร่อื งราวน้ีจะมี
กรอบแบบทวนิ ิยมหรอื แสดงภาวะ “มี กบั “ไม่มี ทต่ี อ้ งเตมิ ใหค้ รบ” เน้ือหาทเ่ี ป็นเช่นน้ียงั แสดงใหเ้ หน็ ว่า

364

บรรดาศษิ ย์สามารถเป็นตวั แทนมารไดเ้ ช่นกนั นักบุญมทั ธวิ ไม่ไดน้ าทฤษฎภี ววทิ ยามาขยายความ แต่
เป็นการพดู คุยกบั บรรดาศษิ ยท์ งั้ หลาย เตอื นไม่ใหพ้ วกเขาทอ้ ถอยและลม้ เลกิ การสอนฝงู ชนทม่ี ใี จดอ้ื รนั้
เพราะพวกเขาอาจไดม้ าเป็นศษิ ยใ์ นทส่ี ดุ และไมค่ วรวางใจกบั สถานะของตนเองทเ่ี ป็นศษิ ย์ เพราะความ
พยายามทจ่ี ะแสดงความเชอ่ื ของพวกเขาอาจทาใหพ้ วกเขากลายเป็นตวั แทนของมารรา้ ยกไ็ ด้

อปุ มา เรื่องผหู้ วา่ น....

365

เมอ่ื พระเยซูเจา้ ทรงทราบขา่ วน้ี ไดเ้ สดจ็ ออกจากทน่ี นั่ ลงเรอื ไปยงั ทส่ี งดั ตามลาพงั
เมอ่ื ประชาชนรตู้ ่างกเ็ ดนิ เทา้ จากเมอื งต่างๆ มาเฝ้าพระองค์

เมอ่ื เสดจ็ ขน้ึ จากเรอื ทรงเหน็ ประชาชนมากมายกท็ รงสงสาร และทรงรกั ษาผเู้ จบ็ ป่วยใหห้ ายจากโรค

366


Click to View FlipBook Version