มทั ธิว 2:1-23 ความขดั แย้งกบั อาณาจกั รในยคุ สมยั นัน้
ภาพรวม
นักบุญมทั ธวิ เล่าเร่อื งการประสูตขิ องพระเยซูเจ้าในรูปแบบท่เี ป็นการสรุปล่วงหน้าถงึ ความหมายของ
ชวี ติ ความตาย และการกลบั คนื พระชนมช์ พี ของพระองค์ เป็นเหมอื นสง่ิ บ่งชถ้ี งึ การทพ่ี ระเยซูเจา้ ทรงถูกปฏเิ สธ
โดยผนู้ าศาสนายวิ แตไ่ ดร้ บั การยอมรบั จากชนต่างศาสนา การเสนอภาพของกษตั รยิ ช์ าวยวิ หวั หน้านกั บวช และ
ธรรมาจารยใ์ นแง่ลบเช่นน้ีไม่ใช่การต่อตา้ นศาสนายวิ (Anti-Semitic) (ดูบทนา) แต่สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ประวตั ศิ าสตร์
ของพระเยซูเจา้ รวมทงั้ ประสบการณ์และการตคี วามของชุมชนชาวครสิ ตท์ เ่ี คยเป็นชาวยวิ ของนกั บญุ มทั ธวิ
กษตั รยิ พ์ ระองค์หน่ึงไดป้ ระสูตขิ ้นึ มา แต่ในโลกมกี ษตั รยิ ์อยู่แลว้ พระองคห์ น่ึง และมที ่ใี ห้เพยี งกษตั รยิ ์
พระองคเ์ ดยี วเท่านัน้ การประสูติของพระเยซูเจา้ ผทู้ รงเป็นกษตั รยิ ผ์ ชู้ ่วยมนุษยใ์ หร้ อดพน้ จงึ นาพาใหเ้ กดิ ความ
ขดั แยง้ กบั ตาแหน่งกษตั รยิ ท์ ม่ี อี ย่ใู นโลกน้ีแลว้ โดยทนั ที ความขดั แยง้ น้ีทาใหพ้ ระเยซูเจา้ ใหต้ อ้ งหลบหนีจากถน่ิ
กาเนิดในยเู ดยี อพยพไปยงั “แควน้ กาลลิ -ี ดนิ แดนของชนต่างศาสนา” ดงั นนั้ ประสบการณ์ของพระศาสนจกั รสมยั
นักบุญมัทธิวจึงสะท้อนออกมาจากวิธีการเล่าเร่อื งน้ี เม่ือข้อความใน 1:2-25 กล่าวถึงคาถามเก่ียวกับพระ
บุคคลอตั ลกั ษณ์ของพระเยซูเจ้า (พระองค์ทรงเป็นใคร) ข้อความใน 2: 1-23 จึงกล่าวถึงคาถามเก่ียวกบั สถานท่ี
(พระองค์ทรงมาจากท่ีใด) และทัง้ สองกรณีต่างก็มาจากมุมมองความคาดหวังเชิงคริสต ศาสตร์ (Christological
Expectation) หากเราตงั้ ประเดน็ ให้ขอ้ ความช่วง 1:2-25 ว่า “จากอบั ราฮมั ถงึ พระเยซูเจา้ ” ขอ้ ความช่วง 2:1-13
กน็ ่าจะเรยี กว่า “จากเบธเลเฮมถงึ นาซาเรธ็ ” ในภาพรวมของพระวรสารทงั้ เล่ม รูปแบบท่ีใชบ้ ่อยๆ คอื กาลลิ ี (3-
18) /ยเู ดยี (19-28) ขณะทเ่ี รอ่ื งการประสตู ขิ องพระเยซูเจา้ ในรปู แบบทพ่ี บบ่อยๆ คอื ยเู ดยี /กาลลิ ี สถานทท่ี งั้ สอง
แห่งในเร่อื งการประสตู ขิ องพระเยซูเจา้ ไดไ้ ขวป้ ระสานกนั กบั ทอ่ี ย่ใู นเร่อื งเล่าของการประกาศพระวรสาร: ยเู ดยี /
กาลลิ ี กาลลิ /ี ยูเดยี หลงั จากท่พี ระเยซูเจา้ ทรงอพยพออกไปจากถนิ่ กาเนิดทย่ี ูเดยี พระองคต์ ้องกลบั มาอกี ครงั้
หน่ึงเพ่อื ท่จี ะสน้ิ พระชนม์ จากนัน้ พระเยซูเจา้ ผู้ทรงกลบั คนื พระชนม์ชพี แล้วจะกลบั ไปทก่ี าลลิ อี กี ครงั้ เพ่อื ทรง
มอบหมายบญั ชาใหบ้ รรดาศษิ ยเ์ รม่ิ ตน้ การเผยแพร่ขา่ วดนี ้ไี ปทุกประเทศทวั่ โลก (28:16-20)
มทั ธวิ 2:1-12 การตอ่ ตา้ นจากชาวยวิ และความเคารพจากชนตา่ งศาสนา
65
โหราจารยม์ าเฝ้าพระกมุ าร
1 ในรชั สมยั กษตั รยิ เ์ ฮโรด พระเยซเู จา้ ประสตู ทิ เ่ี มอื งเบธเลเฮมในแควน้
ยเู ดยี โหราจารยบ์ างท่านจากทศิ ตะวนั ออก เดนิ ทางมายงั กรุงเยรซู าเลม็ 2 สบื ถามวา่ “กษตั รยิ ช์ าวยวิ ทเ่ี พง่ิ ประสตู อิ ย่ทู ใ่ี ด พวก
เราไดเ้ หน็ ดาวประจาพระองคป์ รากฏขน้ึ จงึ พรอ้ มใจกนั มาเพอ่ื นมสั การพระองค”์ 3 เมอ่ื กษตั รยิ เ์ ฮโรดทรงทราบขา่ วน้ี พระองค์
ทรงวนุ่ วายพระทยั ชาวกรุงเยรซู าเลม็ ทุกคนต่างกว็ นุ่ วายใจไปดว้ ย 4 พระองคท์ รงเรยี กประชุมบรรดาหวั หน้าสมณะและธรรมา
จารย์ ตรสั ถามเขาวา่ “พระครสิ ตจ์ ะประสตู ทิ ใ่ี ด” 5 เขาจงึ ทลู ตอบวา่ “ในเมอื งเบธเลเฮม แควน้ ยเู ดยี เพราะประกาศกเขยี นไวว้ ่า
6 เมอื งเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์
เจา้ มิใช่เลก็ ทีส่ ดุ ในบรรดาหวั เมืองแห่งยดู าห์
เพราะผนู้ าคนหนึง่ จะออกมาจากเจ้า
ซึง่ จะเป็นผนู้ าอิสราเอล ประชากรของเรา”
7 ดงั นนั้ กษตั รยิ เ์ ฮโรดทรงเรยี กบรรดาโหราจารยม์ าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซกั ถามถงึ วนั เวลาทด่ี าวปรากฏ 8 แลว้
ทรงใชบ้ รรดาโหราจารยไ์ ปทเ่ี มอื งเบธเลเฮม ทรงกาชบั วา่ “จงไปสบื ถามเรอ่ื งพระกมุ ารอยา่ งละเอยี ด และเมอ่ื พบพระกมุ ารแลว้
จงกลบั มาบอกใหเ้ รารู้ เราจะไดไ้ ปนมสั การพระองคด์ ว้ ย” 9 เมอ่ื บรรดาโหราจารยไ์ ดฟ้ ังพระดารสั แลว้ กอ็ อกเดนิ ทาง ดาวทเ่ี ขาเหน็
ทางทศิ ตะวนั ออกปรากฏอกี ครงั้ หน่ึงเพอ่ื นาทางให้ และมาหยดุ นง่ิ อยเู่ หนอื สถานทป่ี ระทบั ของพระกุมาร 10 เมอ่ื เหน็ ดาวอกี ครงั้
หน่ึงบรรดาโหราจารยม์ คี วามยนิ ดยี งิ่ นกั 11 เขาเขา้ ไปในบา้ น พบพระกมุ ารกบั พระนางมารยี พ์ ระมารดา จงึ คกุ เขา่ ลงนมสั การ
พระองค์ แลว้ เปิดหบี สมบตั นิ าทองคา กายาน และมดยอบ ออกมาถวายพระองค์ 12 แตพ่ ระเจา้ ทรงเตอื นเขาในความฝันมใิ หก้ ลบั
ไปหากษตั รยิ เ์ ฮโรด เขาจงึ กลบั ไปบา้ นเมอื งของตนโดยเสน้ ทางอ่นื
ข้อศึกษาวิพากษ์
เร่อื งโหราจารย์ (The Magi) และกษตั รยิ ์เฮโรดไม่มสี ่วนเช่อื มโยงหรอื จุดท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การประสูตขิ อง
พระเยซูเจา้ ในพระวรสารนกั บุญลูกา และเป็นไปไม่ไดท้ จ่ี ะเอามารวมประสานกนั เพราะเรอ่ื งแรกนนั้ เกย่ี วขอ้ งกบั
ชนชนั้ กษัตรยิ ์ หวั หน้านักบวช และชาวต่างชาติท่ีมงั่ คงั่ ซ่ึงอยู่คนละโลกกบั รางหญ้าและคน เล้ยี งแกะท่ีเป็น
บรรยากาศในเร่อื งการประสูติของพระเยซูเจ้าในพระวรสารนักบุญลูกา ดงั นัน้ การพยายามเอาทงั้ สองเร่อื งมา
รวมกนั จะทาใหเ้ ราไมเ่ ขา้ ใจสารสาคญั ทพ่ี ระวรสารทงั้ สองตอ้ งการจะสอ่ื ความหมายแกโ่ ลก
เร่อื งเล่าเกย่ี วกบั โหราจารยแ์ ละกษตั รยิ เ์ ฮโรดในรปู แบบปัจจุบนั มาจากพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ซง่ึ เขยี น
ขน้ึ จากแหล่งขอ้ มลู ตามแหล่งธรรมประเพณี พรอ้ มทงั้ ใหค้ วามคดิ เหน็ เพม่ิ เตมิ และตคี วามใหม่จากขอ้ มลู และการ
หวนระลกึ ถงึ เหตกุ ารณ์ทงั้ หมดในรปู แบบของทา่ นเอง
2:1ก บนั ทึกท่ผี ู้บรรยายเร่อื งกล่าวแบบเปล่ยี นผ่าน (Transitional Note) คอื การเตรยี มผู้อ่านให้พรอ้ ม
สาหรบั เรอ่ื งเลา่ ในตอนตอ่ ไป ตงั้ แต่แรกจนถงึ ตอนน้ียงั ไมม่ กี ารระบุถงึ สถานทแ่ี ละเวลาอยา่ งเจาะจงในพระวรสาร
นกั บุญมทั ธวิ เลย ในบททห่ี น่ึง นักบุญมทั ธวิ ดจู ะใสใ่ จกบั การเช่อื มโยงเร่อื งราวของพระเยซูเจา้ ใหเ้ ขา้ กบั เร่อื งราว
ทด่ี าเนินอย่างต่อเน่ืองของพระผเู้ ป็นเจา้ จากอบั ราฮมั มาถงึ ดาวดิ และมาถงึ พระเยซูเจา้ แต่ขณะน้ีจบการกล่าว
ยอ้ นถงึ ความในอดตี แล้ว เร่อื งเล่าไดก้ ล่าวถงึ สถานท่ที างภูมศิ าสตรแ์ ละเวลาในโลกยุคร่วมสมยั มกี ารเปิดเผย
สถานท่ี (เบธเลเฮม) และห้วงเวลา (สมยั กษัตรยิ ์เฮโรด) คาว่า “ท่ไี หน” และ “เม่อื ไหร่” จะเป็นคาถามจากตวั บุคคล
(Characters) ในเรอ่ื งทย่ี งั ไม่รถู้ งึ ขอ้ มลู ทถ่ี กู ปิดซ่อนไว้ ซง่ึ ผบู้ รรยายไดเ้ ปิดเผยกบั ผอู้ ่านแลว้
66
2:1ข-2 โหราจารยเ์ ดนิ ทางมานมสั การและสอบถามถงึ กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ หม่ในเยรซู าเลม็ คาพูดแรกของ
พวกเขา ซง่ึ เป็นคาพดู แรกของตวั ละครทงั้ หมดในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ถามว่า “อย่ทู ไ่ี หน” กษตั รยิ เ์ ฮโรดถาม
คาถามน้ีเป็นอนั ดบั แรกดว้ ย (ว. 4) คาถามน้ีจงึ สาคญั มากกวา่ เป็นเพยี งบงั เอญิ ถามตามเป้าหมายดา้ นเทวศาสตร์
ของนักบุญมทั ธวิ เร่อื งหน่ึงทช่ี าวยวิ คดั คา้ นต่อคายนื ยนั ของชาวครสิ ต์ว่าพระเยซูเจา้ ทรงเป็นพระเมสสยิ าห์คอื
ตามพระคมั ภรี ์ พระเมสสยิ าหจ์ ะตอ้ งประสตู ใิ นเมอื งเบธเลเฮม (เทยี บ ยน. 7:42) แตพ่ ระเยซูเจา้ ทรงมาจากเมอื งนาซา
เรธ็ ซง่ึ ไม่ไดม้ กี ล่าวไวใ้ นพระคมั ภรี ์ เพอ่ื ตอบประเดน็ น้ี พระวรสารบทน้ีไดเ้ รมิ่ ตน้ ดว้ ยการประกาศว่าพระเยซูเจา้
ประสูตทิ ่เี มอื งเบธเลเฮมจรงิ ๆ และสรุปยนื ยนั ถงึ พระคมั ภรี ์ท่สี ญั ญาว่าพระเมสยิ าหจ์ ะมาจากเมอื งนาซาเรธ็ (ดู
2:23) ดงั นัน้ จงึ เป็นสงิ่ ท่ดี ที ่มี ขี อ้ ศกึ ษาอย่างมนั่ ใจว่า พระเยซูเจ้าประสูตทิ ่เี มอื งนาซาเรธ็ และท่นี ักพระคมั ภรี ช์ าว
ครสิ ต์ได้จดั ลาดบั ให้พระองค์อยู่ในสายพระราชวงศ์ของกษัตรยิ ์ดาวดิ และมถี ิ่นกาเนิดแห่งกษัตรยิ ์ดาวดิ เป็น
ขอ้ เทจ็ จรงิ พ้นื ฐานจากความเช่อื มนั่ ว่าพระองคท์ รงเป็นพระครสิ ต์และจากการศกึ ษาตคี วามพระคมั ภรี ข์ องพวก
เขา (ดบู ทเสรมิ เรอ่ื ง “มทั ธวิ ในฐานะผตู้ คี วามพระคมั ภรี ”์ 151-54)
จากการสบื ถามของบรรดาโหราจารยเ์ กย่ี วกบั “กษตั รยิ ข์ องชาวยวิ ” เป็นเคร่อื งเตอื นใหเ้ ราระลกึ ว่าพระ
เยซูเจา้ ทรงเป็นรชั ทายาทในพระสญั ญาทท่ี รงใหไ้ วแ้ ก่กษตั รยิ ด์ าวดิ และทาใหเ้ ราคาดการณ์ล่วงหน้าไดว้ า่ พระองค์
จะทรงกระทาพนั ธกจิ การประกาศถงึ พระอาณาจกั รของพระเป็นเจา้ และโดยเฉพาะอย่างยงิ่ เรอ่ื งพระมหาทรมานท่ี
พระองค์จะต้องทรงถูกตรงึ กางเขนในฐานะ “กษตั รยิ ์ของชาวยวิ ” (27:11, 29, 37) การประกาศโดยชนต่างศาสนา
เชน่ น้กี ระตุน้ ความขดั แยง้ ระหวา่ งสองอาณาจกั รซ่งึ เป็นเรอ่ื งสาคญั ในพระวรสาร
คาว่า “Magi” เป็นคาทบั ศพั ทภ์ าษากรกี แปลว่า “ผทู้ รงปัญญา” “โหราจารย”์ หรอื ทร่ี ะบุไว้ในพนั ธสญั ญา
ใหม่ว่า “ผูว้ เิ ศษ” หรอื “พ่อมด” (กจ. 13: 6,8) คาน้ีไม่เกย่ี วขอ้ งอะไรกบั กษตั รยิ ์ (แต่ภายหลงั ได้นามาจากการประยุกต์ใชข้ อง
สดด. 72: 10-11 และ อสย. 60: 3 มาใชก้ บั เรอ่ื งครสิ ตม์ าส) แต่กล่าวถงึ ชนชนั้ สงฆแ์ ห่งเปอรเ์ ซยี หรอื ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นเวทยม์ นต์
ชาวบาบโิ ลน เช่น โหราศาสตรห์ รอื การทานายฝัน พวกท่านเป็นตวั แทนของคนนบั ถอื พระเทจ็ เทยี มหรอื คนต่าง
ศาสนา (Pagans/Gentiles) แมจ้ ะไม่ไดร้ บั การเปิดเผยถงึ ความรพู้ เิ ศษจากพระคมั ภรี ป์ ัญจบรรพ (Torah) แต่ได้
เดนิ ทางมาทเ่ี ยรซู าเลม็ โดยตดิ ตามแสงสว่างทพ่ี วกเขาเหน็ และเป้าหมายของพวกเขาคอื การ “สกั การบชู า” หรอื
“แสดงความเคารพ” ตอ่ กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ หม่
พวกท่านไดเ้ หน็ ดาวดวงหน่ึง “การปรากฏขน้ึ ส่ฟู ากฟ้า” (หรอื “อย่ทู างตะวนั ออก” ภาษากรกี แปลไดท้ งั้
สองความหมาย) โหราจารยท์ งั้ สามเป็นผทู้ อ่ี ย่ทู างทศิ ตะวนั ออก, ไม่ใช่ดาวดวงนนั้ พวกท่านได้ตดิ ตามดาวดวง
นัน้ ท่ีอยู่ในท้องฟ้ าฝัง่ ตะวันตกไปจนถึงเมืองเบธเลเฮม หลายครงั้ มีผู้พยายามเช่ือมโยงเร่ืองดวงดาวซ่ึง
ปรากฏการณ์ตามธรรมชาตวิ ่าเป็นดาวท่คี านวณว่าปรากฏในช่วงเวลาดงั กล่าว เช่น เป็นดาวหางหรอื ไม่กเ็ ป็น
ดาวบรวิ ารเช่อื มต่อระหว่างดาวพฤหสั และดาวเสาร์ หรอื แม้ว่าเป็นวตั ถุอวกาศ (UFO) แต่นักบุญมทั ธวิ อธบิ าย
เร่อื งน้ีอย่างชดั เจนในฐานะปรากฏการณ์ปาฏหิ ารยิ ท์ ่มี พี ระผูเ้ ป็นเจา้ ทรงอานวยการอยู่เบ้อื งหลงั บนั ทกึ ระบุว่า
ดาวดวงน้ีอยู่นิ่งๆ เม่อื พวกท่านอยู่ท่เี ยรูซาเลม็ จากนัน้ ดาวไม่เพยี งแต่นาทางพวกท่านไปยงั เบธเลเฮม แต่ได้
บอกแจง้ พกิ ดั ตาแหน่งสถานท่ปี ระสูตขิ องพระเยซูเจ้า ในขณะ “หยุดนิ่ง” อยู่ตรงจุดนัน้ เหมอื นทาสญั ลกั ษณ์ว่า
เป็นจุดทก่ี าหนดไว้ (ว. 9) การเคล่อื นตวั ไปทางตะวนั ตกหรอื ทางใตข้ องดาวดวงนัน้ ไม่เกย่ี วกบั ปรากฏการณ์ทาง
ธรรมชาติ (ซง่ึ เป็นความเขา้ ใจผดิ ) เน่ืองแต่การหมนุ ของโลกและการทว่ี ตั ถุอน่ื ๆ บนทอ้ งฟ้า(ดจู ะ)เคล่อื นทจ่ี ากทศิ
ตะวนั ออกไปสทู่ ศิ ตะวนั ตก คนต่างศาสนามคี วามเชอ่ื วา่ การกาเนิดผนู้ าคนใหม่มคี วามเกย่ี วขอ้ งกบั ปรากฏการณ์
67
บนทอ้ งฟ้าและกระแสความเช่อื ถอื สาคญั แห่งธรรมประเพณีของชาวยวิ ไดผ้ ูกเช่อื มโยงความหวงั ในการปรากฏ
ของพระเมสยิ าห์กบั “ดวงดาวท่ีปรากฏขน้ึ จากยาโคบ” (กดว. 24:17; cf. 1QM 11:6) การเช่อื มโยงเน่ืองมาจากธรรม
ประเพณเี กย่ี วกบั “พระเมสสยิ าห”์ และ “ดวงดาว” พบไดจ้ ากนามทใ่ี ชเ้ รยี กขานผทู้ พ่ี ยายามอา้ งสทิ ธวิ ์ า่ ตนคอื พระ
เมสสยิ าหใ์ นยเู ดยี ผทู้ ไ่ี ดน้ าผูค้ นทาสงครามหายนะกบั ชาวโรมนั ในสากลศกั ราชท่ี 132-135 เขาคอื ซเี มโอน เบน็
โคสบิ าห์ (Simeon Ben Kosibah) หรอื “บาร์ คอชบ้า” (Bar Cochba) แปลว่า “บุตรแห่งดวงดาว” หรอื “บุรุษ
ดวงดาว” ดงั น้ี ดวงดาวจงึ เป็นเหมอื นสะพานเช่อื มความระหวา่ งโหราศาสตรข์ องชนนอกศาสนากบั ความหวงั และ
คาสญั ญาในพระคมั ภรี ข์ องชาวยวิ
2:3-8 กษตั รยิ เ์ ฮโรดผยู้ ง่ิ ใหญ่ตามบนั ทกึ ประวตั ศิ าสตรเ์ ป็นชาวอดิ ูเมยี (Idumean) ผไู้ ดร้ บั การสนบั สนุน
จากโรม ไดแ้ ต่งตงั้ ตนเองเป็นกษตั รยิ โ์ ดยการใชก้ าลงั ทหารเอาชนะประชาชน “ของเขาเอง” แต่บรรดาประชาชน
ทไ่ี ม่ได้ตดิ คา้ งบุญคุณชาวโรมนั และตอ้ งการพระราชาสายเลอื ดยวิ รสู้ กึ ขนุ่ เคอื งต่อขอ้ กฎหมายของพระองค์ แต่
กระนนั้ พระองคก์ ท็ รงนาความสาเรจ็ ทางวฒั นธรรมและสถาปัตยกรรมยง่ิ ใหญ่ มผี ลการปรบั ปรุงและต่อเตมิ วหิ าร
ในเยรูซาเลม็ ใหก้ ลายเป็นอาคารทง่ี ดงามอลงั การ ซ่งึ เป็นหน่ึงในโครงการใหญ่มากท่ตี ้องใชเ้ งนิ อย่างส้นิ เปลอื ง
ฟ่ ุมเฟื อย
แต่พระวรสารนักบุญมทั ธิวไม่ได้มุ่งประเด็นเก่ียวข้องประวตั ิศาสตร์ในเร่อื งกษัตรยิ ์เฮโรด เพียงแต่
กล่าวถงึ พระองคเ์ ป็นบุคคลในเรอ่ื งเล่าซง่ึ เป็นส่วนหน่ึงของประวตั ศิ าสตร์ อย่ฝู ่ายตรงขา้ มท่ชี ่วยประกอบใหพ้ ระ
อาณาจกั รของพระเป็นเจา้ เด่นชดั ขน้ึ เม่อื กษตั รยิ เ์ ฮโรดไดย้ นิ ว่ากษตั รยิ พ์ ระองคใ์ หม่ถอื กาเนิดขน้ึ พระองคร์ สู้ กึ
“เดอื ดรอ้ น” (Troubled) นักบุญมทั ธวิ ไม่ไดบ้ รรยายถงึ ความคดิ จติ ใจของกษตั รยิ เ์ ฮโรด แต่บรรยายถงึ การปะทะ
กนั ระหว่างความเป็นกษตั รยิ ์ท่เี กดิ ขน้ึ เม่อื พระเยซูเจา้ ทรงเสดจ็ มาบนโลก กษตั รยิ เ์ ฮโรดเป็ นตวั แทนของการท่ี
โลกน้ีต่อตา้ นความเป็นกษตั รยิ ข์ องพระเป็นเจา้ ซง่ึ มอี ย่ใู นพระเยซูเจา้ “ชาวเยรซู าเลม็ ทงั้ เมอื ง” ไดร้ สู้ กึ เดอื ดรอ้ น
ไปกบั พระองค์ดว้ ย ไม่ใช่เพราะพวกเขาเหน็ ใจหรอื กลวั กษตั รยิ เ์ ฮโรด นักบุญมทั ธวิ มองล่วงหน้าไปถงึ เร่อื งราว
ของพระมหาทรมานและบ่งช้ีว่าชาวเมืองหลวงของศาสนายูดายทงั้ หมด ไม่ใช่แค่กษัตรยิ ์เท่านัน้ ได้วุ่นวาย
เดอื ดรอ้ นและปฏเิ สธการอา้ งสทิ ธคิ ์ วามเป็นพระเมสสยิ าหข์ องพระเยซูเจา้ (เทยี บ 21:5, 10; 23:37-38; 27: 15-23) ดงั นัน้
เม่อื กษตั รยิ เ์ ฮโรดกล่าวคาถามสาคญั ตงั้ แต่เรม่ิ แรกวา่ “ทไ่ี หน” กเ็ ป็นโอกาสทจ่ี ะกล่าวถงึ เหล่าผนู้ าศาสนาชาวยวิ
ผเู้ ป็นศตั รอู กี กลมุ่ หน่งึ ของพระอาณาจกั รพระเป็นเจา้ ทม่ี พี ระเยซูเจา้ เป็นผแู้ ทน
2:4 “มหาปุโรหติ ” (Chief Priests) และ “ธรรมาจารย”์ (Scribes) หรอื “ผสู้ อนธรรมบญั ญตั ”ิ ปรากฏขน้ึ ใน
เร่อื งเป็นครงั้ แรก สะทอ้ นใหเ้ หน็ ล่วงหน้าถงึ ศตั รขู องพระเยซูเจา้ ในเร่อื งพระมหาทรมาน (16:21; 20:18; 21:15; 27:41)
มหาปุโรหติ คอื ชนชนั้ ปกครองฝ่ายสงฆ์ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั พระวหิ าร ส่วนธรรมาจารยไ์ ม่ได้เป็นเพยี งเลขานุการ แต่
เป็นกลุ่มชนชนั้ ระดบั มืออาชีพท่ีเช่ียวชาญด้านกฎหมายบ้านเมืองและธรรมบัญญัติในพระคมั ภีร์และธรรม
ประเพณีของชาวยวิ พวกมหาปุโรหติ มคี วามสมั พนั ธ์กบั กลุ่มชาวสะดูสี1 (Sadducean Party) ส่วนธรรมาจารย์
หลายคนอยใู่ นกล่มุ ชาวฟารสิ 2ี แต่ทงั้ สองกลุ่มน้ไี ม่เหมอื นกนั เสยี ทเี ดยี ว
1 กลมุ่ คนในศาสนายวิ ทไ่ี มเ่ ชอ่ื ในการฟ้ืนคนื สชู่ วี ติ ใหมห่ ลงั ความตายหรอื การพพิ ากษาโลก
2 กลมุ่ คนในศาสนายวิ ทเ่ี ชอ่ื ในการฟ้ืนคนื สชู่ วี ติ ใหมห่ ลงั ความตายและการพพิ ากษาโลก
68
มทั ธวิ 3เรยี กธรรมจารยอ์ ย่างระมดั ระวงั ว่า “ธรรมาจารยข์ องประชาชน” สว่ นพระเยซูเจา้ ทรงเป็นผทู้ เ่ี สดจ็
มาชว่ ยประชาชนของพระองคใ์ หร้ อดพน้ (1:21) คาวา่ “ประชาชน” ทป่ี รากฏขน้ึ เป็นครงั้ ทส่ี องน้ีไม่ระบุชดั เจนว่า
พวกเขาร่วมมอื กบั ธรรมาจารย์ในการต่อต้านพระองค์หรอื มเี พยี งแต่กลุ่มผูน้ าศาสนายวิ เท่านัน้ ท่ตี ่อต้าน เม่อื
เร่อื งราวในพระวรสารดาเนินต่อไป เราจะเหน็ ถงึ การต่อสรู้ ะหว่างพระเยซูเจา้ และผนู้ าศาสนายวิ ในการรวมกลุ่ม
สรา้ งพนั ธมติ รกบั ประชาชน
2:5 โหราจารยไ์ ดน้ บนอบเชอ่ื ฟัง ปฏบิ ตั ติ ามแสงสวา่ ง ในเรอ่ื งเลา่ แต่เก่าก่อน ก่อนสมยั ทน่ี กั บุญมทั ธวิ จะ
เขยี นเรยี บเรยี งเป็นพระวรสาร ดวงดาวได้นาพาพวกท่านไปถงึ เบธเลเฮมและทาหน้าทค่ี รบถ้วนเหมาะสมแล้ว
การทเ่ี ตมิ ขอ้ ความจากพระคมั ภรี ์ (ผกู ความระหว่าง มคา. 5:2 กบั 2ซมอ. 5:2) นักบุญมทั ธวิ ทาใหเ้ หน็ ภาพว่าการเดนิ ทาง
ของบรรดาโหราจารยไ์ มเ่ พยี งแต่ไดร้ บั การชน้ี าจากความรดู้ าราศาสตรข์ องชนต่างศาสนาเท่านนั้ แต่ยงั ไดร้ บั การ
ชน้ี าจากพระคมั ภรี ข์ องชาวยวิ อกี ดว้ ย ในรปู แบบปัจจุบนั ของเรอ่ื งราวน้ี พระคมั ภรี เ์ ปิดเผยวา่ นกั ดาราศาสตรต์ ่าง
ศาสนาค้นหาสิง่ ใดจากหมู่ดวงดาว อย่างไรก็ตาม ข้อความท่ียกมาดงั กล่าวไม่ได้จดั รวมไว้เป็นหน่ึงใน “สบิ
ข้อความสูตรท่ีถูกยกมาอ้างอิง” (Ten Formula Quotations) ของนักบุญมัทธิว ซ่ึงทัง้ หมดเป็ นการส่ือสาร
เร่อื งราวจากผูเ้ ล่าไปสู่ผูอ้ ่าน (เทยี บ บทเสรมิ เร่อื ง “มทั ธวิ ในฐานะผูต้ ีความพระคมั ภรี ”์ ) นักบุญมทั ธวิ นาขอ้ ความสูตรทย่ี กมา
อา้ งองิ ใสไ่ วใ้ นคาพดู ของตวั บคุ คลในเรอ่ื งเล่า และนามายนื ยนั กบั บรรดาธรรมาจารยด์ ว้ ยเหตผุ ล 3 ประการคอื
(1) ในสมยั ของนักบุญมทั ธวิ บรรดาธรรมาจารยป์ ฏเิ สธว่าพระเยซูเจา้ ไม่ใช่พระเมสสยิ าห์ เพราะเหน็ ว่า
พระองคเ์ ป็นชาวนาซาเรธ็ ไมใ่ ชช่ าวเบธเลแฮม
(2) มคา. 5:2 (ทจ่ี รงิ )เป็นสาระทไ่ี ดร้ บั การตคี วามทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พระเมสสยิ าหใ์ นการอธบิ ายพระคมั ภรี ข์ อง
ชาวยวิ ในสาระทต่ี รงขา้ มกบั สตู รการยกขอ้ ความอา้ งองิ สว่ นใหญ่ของนกั บุญมทั ธวิ
(3) ในช่วงต้นของเร่อื งเล่า นักบุญมทั ธวิ ต้องการแสดงภาพผู้นาศาสนายวิ ว่าเป็นคนท่เี สแสรง้ แกล้งทา
(Hypocrites) คอื ดแี ต่ “พดู ” แต่ไม่(ยอม)ทา พวกเขารูถ้ งึ ขอ้ มลู ในพระคมั ภรี ์ แต่ไม่ปฏบิ ตั ติ ามความรู้
ของพวกเขา (23:3; เทยี บ 7:24-27)
เช่นเดยี วกนั เม่อื กษตั รยิ เ์ ฮโรดถามบรรดาโหราจารยด์ ว้ ยคาถามตามลาดบั วนั เวลา คอื “เม่อื ไร?” เพอ่ื คน้ หา
วนั เวลาทพ่ี ระเยซูประสตู ิ (เหมอื น ว. 4 สมั พนั ธก์ บั 2:1) พระองคท์ รงประพฤตติ นเสแสรง้ โดยอา้ งวา่ พระองคต์ อ้ งการท่ี
จะไปสกั การะ แต่ในใจนึกคดิ แบบฆาตกร ต่อมานักบุญมทั ธวิ ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ การเสแสรง้ แกลง้ ทาเป็นบาปสาคญั
สดุ (Chief Sin)ของผนู้ าศาสนายวิ (ดู 23: 1-33) ซง่ึ ทา่ นไดเ้ กรนิ่ นามาตงั้ แต่ตน้ เรอ่ื งน้ี จากเรอ่ื งเลา่ ทงั้ หมด เราสงั เกต
ไดว้ ่าท่านเป็นผบู้ รรยายเรอ่ื งแบบรแู้ จง้ (Omniscient Narrator) ผซู้ ง่ึ รถู้ งึ ความคดิ อ่านในใจของกษตั รยิ เ์ ฮโรดและ
สามารถเลา่ ถอดเป็นบทสนทนาเหมอื นอยา่ งทเ่ี กดิ ขน้ึ ในการประชมุ กบั โหราจารย์ มหาปโุ รหติ และธรรมาจารย์
2:9-12 เร่อื งราวกลบั มาสู่การสบื ค้นหาของบรรดาโหราจารย์ พวกท่านยงั คงนบนอบเช่อื ฟัง โดยเดนิ ทาง
ติดตามดวงดาว (ตามวงเล็บหมายเหตุใน 2:1) และพระคมั ภีร์จนถึงเบธเลเฮม การเปิดเผยภายนอกพระคมั ภีร์เป็น
แรงจูงใจใหพ้ วกท่านเช่อื ฟังพระเป็นเจา้ หน่ึงเดยี ว แมก้ ระนัน้ พวกท่านกไ็ ม่อาจพบหนทางไปถงึ พระเยซูไดโ้ ดย
ปราศจากพระคมั ภรี ์ ในวถิ ที างตรงขา้ มกบั บรรดาผนู้ าศาสนายวิ บรรดาโหราจารยไ์ ม่ไดเ้ พยี งแค่รบั ฟังพระองค์
เท่านนั้ (เทยี บ 7: 24-21) เหมอื นพ่อคา้ ผทู้ เ่ี สาะแสวงหาไขม่ ุกล้าคา่ ในเรอ่ื งเล่าของพระเยซูเจา้ (13:45) และสตรที ม่ี ายงั
คหู าทฝ่ี ังพระศพในเชา้ วนั ปัสกา (28:8) พวกท่านไดเ้ ตมิ ชวี ติ ดว้ ยความชน่ื ชมยนิ ดอี ยา่ งเตม็ เป่ียม ดวงดาวนาพวก
3 มทั ธวิ (ไมม่ คี านาหน้า นกั บุญ) หมายถงึ กลุ่มศษิ ยข์ องสานกั ศกึ ษา(เทวศาสตร)์ พระคมั ภรี แ์ ละคาสอนของกลมุ่ ครสิ ตชนของนกั บญุ มทั ธวิ เป็น
ผชู้ ว่ ยนกั บญุ มทั ธวิ นพิ นธพ์ ระวรสาร หรอื เรยี งเรยี งภายใตค้ วามเหน็ ชอบของนกั บญุ มทั ธวิ
69
ท่านไปสู่บ้านหลงั ท่ีถูกต้องในเมอื งเบธเลเฮม ซ่ึงเป็นท่ีอยู่อาศยั ของพระนางมารยี ์และนักบุญโยเซฟ มกี าร
กลา่ วถงึ พระนางมารยี ์ แตว่ า่ พระนางไมไ่ ดแ้ สดงบทบาทใดๆ สว่ นนกั บญุ โยเซฟไม่ไดป้ รากฏอยใู่ นเรอ่ื งราวตอนน้ี
เลย ไม่ใช่เพียงทองคาของขวญั อนั เหมาะสมกบั การแสดงความจงรกั ภกั ดตี ่อกษัตรยิ ์เท่านัน้ แต่ยงั มกี ายาน
4และมดยอบ 5 ซ่งึ เป็นสง่ิ ท่ผี อู้ ่านสมยั ใหม่อาจไม่ทราบอย่างชดั เจนมากนักว่า ทงั้
สองเป็ นยางไม้มีกล่ินหอมราคาแพง ไม่ใช่มีถิ่นกาเนิดพ้ืนเมืองในปาเลสไตน์ และยังมีคุณค่ามากมายใน
ความหมายทางศาสนาและการแพทยอ์ กี ดว้ ย) ไมม่ กี ารบ่งชใ้ี ดๆ วา่ การตคี วามรปู แบบใหม่ในสมยั ต่อมาเป็นสง่ิ ท่ี
ตรงกบั เจตนาของนกั บญุ มทั ธวิ หรอื ไม่ (ทองคา สาหรบั พระเยซูเจา้ ในฐานะกษตั รยิ ์ กายาน สาหรบั พระองคใ์ นฐานะพระเป็นเจา้ ซง่ึ ใชเ้ ป็น
เครอ่ื งหอมในการถวายสกั การะบชู า มดยอบ สาหรบั การสน้ิ พระชนมข์ องพระองค์ เน่ืองจากเป็นสง่ิ ทใ่ี ชใ้ นการอาบพระศพ เทยี บ ยน. 19:39) ธรรม
ประเพณใี นสมยั ต่อมาท่เี กย่ี วกบั บรรดาโหราจารยจ์ งึ มี 3 พระองค์ ซง่ึ สบื เน่ืองมาจากจานวนของขวญั ทพ่ี วกท่าน
นามาถวาย
เม่อื ได้รบั การแจ้งเตอื น(จากพระเป็นเจา้ )ผ่านทางความฝัน โหราจารยท์ งั้ สาม ผู้ซ่งึ เคยรบั คาสญั ญาจอมปลอม
จากกษตั รยิ เ์ ฮโรดทจ่ี ะกลบั ไปรายงานใหท้ รงทราบ ได้ขดั คาสงั่ โดยเดนิ ทางกลบั สดู่ นิ แดนต่างศาสนาของตนโดย
ใชเ้ สน้ ทางอ่นื แรงบนั ดาลใจอนั เน่ืองมาจากความฝันซง่ึ ปรากฏในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ 6 ครงั้ (1:20; 2:12, 13, 19,
22; 27: 19) และทอ่ี ่นื ในพนั ธสญั ญาใหม่ซง่ึ อา้ งถงึ เพยี งในหนงั สอื ประกาศกโยเอล ใน กจ. 2:17 เป็นสญั ญลกั ษณ์ท่ี
นักบุญมทั ธวิ ใชเ้ ช่อื มโยงเร่อื งเล่าน้ีให้เขา้ กบั เร่อื งเล่าอ่นื เก่ยี วกบั การประสูตขิ องพระเยซูเจ้า เช่นเดยี วกบั แรง
บนั ดาลใจจากดวงดาว แรงบนั ดาลใจจากความฝันแสดงถึงการทรงทาของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงไม่ได้รบั การ
กล่าวถงึ ในเรอ่ื งเล่า ในฐานะเป็นผกู้ ระทาการอยเู่ บอ้ื งหลงั อยางสงบนิง่ และยากจะเขา้ ใจ
ข้อคิดไตรต่ รอง
1. สาหรบั ผอู้ ่านพระวรสารนักบุญมทั ธวิ สมยั ดงั้ เดมิ เร่อื งเล่าเรมิ่ ตน้ ของพระคมั ภรี ์ เป็นเหตุการณ์รว่ มสมยั
บททห่ี น่ึงและสรปุ ลาดบั วงศต์ ระกลู คอื เรอ่ื งสบื ต่อมาจากพระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาเก่า สว่ นบททส่ี องเป็นการก่อ
ใหเ้ รอ่ื งเล่าเกดิ ผลเป็นปัจจุบนั ในโลกของผอู้ า่ น พลงั อานาจแห่งพระวาจาจากการเทศน์นาใหช้ วี ติ เคล่อื นสขู่ อบฟ้า
ใหม่ ผสานมติ คิ ุณค่าและความหมายแห่งโลกพระคมั ภรี ก์ บั ชวี ติ ของผอู้ ่านในโลกของเราเขา้ ดว้ ยกนั ซง่ึ สามารถ
เรมิ่ ตน้ จากฝ่ายใดฝ่ายหน่งึ กไ็ ด้
นกั บุญมทั ธวิ เรมิ่ ตน้ จากคาสญั ญาทพ่ี ระเจา้ ทรงกระทากบั มหาบุรุษอบั ราฮมั และกษตั รยิ ด์ าวดิ และแสดงให้
เหน็ ว่าพลงั เคล่อื นไหวของพวกเขาในประวตั ศิ าสตรค์ อื ความสมหวงั ของผทู้ ไ่ี ม่เคยได้ยนิ เร่อื งของพระเป็นเจา้ ผู้
ทรงทางานอย่ใู นเร่อื งราวของอบั ราฮมั กบั นางซาราห์ และดาวดิ กบั นางบทั เชบา ความจรงิ นักบุญมทั ธวิ สามารถ
เรม่ิ ต้นพระวรสารด้วยเร่อื งโหราจารย์ในสมยั ของท่าน ผูแ้ สดงความหวงั ว่าสามารถค้นพบความหมายของสง่ิ
4 กายาน (องั กฤษ: Frankincense หรอื olibanum, อาหรบั : )لبٌانคอื ยางหอมทไ่ี ดม้ าจากไมส้ กุล “Boswellia” โดยเฉพาะ “Boswellia sacra” ทใ่ี ชใ้ น
การทาเครอ่ื งหอม(incense) และน้าหอม (จากวกิ พิ เี ดยี สารานุกรมเสร)ี
5 มดยอบ (องั กฤษ: myrrh) เป็นยางไมท้ ไ่ี ดจ้ ากพชื ในสกลุ Commiphora ส่วนใหญ่จะเป็นชนดิ Commiphora myrrha ซง่ึ เป็นพชื มหี นาม สงู ประมาณ
4 เมตร ขน้ึ ตามพน้ื ทท่ี ม่ี หี นิ ปนู เป็นพชื ทอ้ งถนิ่ ในแถบคาบสมุทรอาหรบั และแอฟรกิ า เมอ่ื ลาตน้ ของพชื ชนิดน้มี รี อยแตกหรอื ถูกกรดี พชื จะสรา้ งยางไม้
ซง่ึ เมอ่ื แหง้ จะมลี กั ษณะแขง็ มสี เี หลอื งไปจนถงึ น้าตาล มนุษยร์ จู้ กั ใชม้ ดยอบเป็นยาและเครอ่ื งหอมมานานนบั พนั ปีแลว้ ดงั ทม่ี ตี วั อยา่ งในการนมสั การ
ของโหราจารยเ์ มอ่ื โหราจารยท์ งั้ สามเดนิ ทางมาสกั การะพระเยซู และมอบของสามสง่ิ คอื ทองคา, กายาน และมดยอบ (จากวกิ ิพีเดยี สารานุกรมเสรี)
70
ต่างๆ ในวธิ กี ารทไ่ี ม่ยดึ ตามพระคมั ภรี แ์ ละวถิ ที างตรงขา้ มกบั พระคมั ภรี ์ (โหราศาสตร)์ ทน่ี าพาไปส่พู ระเป็นเจา้ ว่า
การเปิดเผยท่ชี ดั เจนสมบูรณ์ของพระองค์นัน้ ไม่ได้อยู่ในดวงดาว แต่อยู่ในเร่อื งราวท่ีดาเนินต่อเน่ืองจากเมอื ง
เออร์ (Ur) ไปสู่อยี ปิ ต์ เยรูซาเลม็ และเบธเลเฮม บทเทศน์หรอื บทเรยี นสมยั ใหม่อาจเรมิ่ ต้นจากเร่อื งเล่าในพระ
คมั ภรี ห์ รอื ประสบการณ์ร่วมสมยั กไ็ ด้ แต่จะตอ้ งมที งั้ สองวถิ ที าง ครูและนักเทศน์ในสมยั ปัจจุบนั สามารถเรยี นรู้
จากนักบุญมทั ธวิ เก่ยี วกบั กลยุทธ์การส่อื สารท่ถี กั ทอผสมผสานงานเขยี นโบราณในสารบบกบั วถิ ีความคดิ ใน
สงั คมชวี ติ แบบปัจจบุ นั
2. สาหรบั นักบุญมทั ธวิ เร่อื งราวของพระเยซูเจ้าเป็นการทาให้พระสญั ญาของพระเป็นเจ้าท่ใี ห้ไวต้ ่อชาว
อสิ ราเอลผา่ นทางมหาบุรษุ อบั ราฮมั กษตั รยิ ด์ าวดิ และบรรดาประกาศกไดก้ ลายเป็นจรงิ และในขณะเดยี วกนั เป็น
การทาใหค้ วามหวงั แหง่ การรอคอยความรอดพน้ ของมนุษยชาตสิ าเรจ็ เป็นจรงิ เร่อื งเล่าน้ีแสดงวา่ แมพ้ ระเยซูเจา้
จะเสดจ็ มาในฐานะพระเมสสยิ าหข์ องชาวยวิ แต่การเสดจ็ มาของพระครสิ ต์กเ็ ป็นการเตมิ เตม็ ความหวงั ของชน
ต่างศาสนาเช่นกนั แม้แต่ชนชาตทิ ่ไี ม่มพี ระคมั ภรี ์หรอื ธรรมประเพณีท่จี ะบ่งบอกว่าพวกเขาตามหาสง่ิ ใดกย็ งั
เดนิ ทางแสวงหาชวี ติ และชุมชนของมนุษยท์ ่แี ท้จรงิ เร่อื งตอนน้ีแสดงภาพความเป็นกษตั รยิ ข์ องพระเป็นเจ้าท่ี
ปรากฏเขา้ มาในโลกน้ีผา่ นทางพระบคุ คลของพระเยซูเจา้ และในทน่ี ้ยี งั มกี ารโตแ้ ยง้ อยา่ งแยบคายตอ่ โหราศาสตร์
ดว้ ย กล่าวคอื สงิ่ ทน่ี ักโหราศาสตรค์ น้ หานัน้ จรงิ ๆ แลว้ มอี ย่ใู นพระครสิ ต์ ณ เมอื งเบธเลเฮม โหราศาสตร์แสดง
ตนยอมแพต้ ่อพระคมั ภรี แ์ ละพระครสิ ต์ แมแ้ ต่ในพระวรสารเล่มน้ีซ่งึ “มคี วามเป็นยวิ มากทส่ี ุด” ยงั แสดงใหเ้ หน็
ตงั้ แต่หน้าแรกเป็นตน้ ไปวา่ ไม่จาเป็นเลยทใ่ี ครจะตอ้ งเรม่ิ แรกมคี วามหวงั ในพระคมั ภรี ห์ รอื ความหวงั แบบชาวยวิ
ในการทจ่ี ะมาหาพระเมสสยิ าหแ์ ละยอมรบั พระองคใ์ นฐานะเป็นพระเป็นเจา้ การตดิ ตามแสงสอ่ งสว่าง(ปัญญา ปรชี า
ญาณ)ของพวกท่านไดท้ าใหโ้ หราจารยท์ งั้ สามพบเป้าหมายของการแสวงหา คอื การไดน้ ้อมกราบนมสั การอย่ตู ่อ
หน้าพระเมสสยิ าหข์ องชาวยวิ นนั่ เอง บ่อยครงั้ งานของพระศาสนจกั รคอื การมองพนิ ิจคน้ พบความหมายสงู สดุ ใน
ชวี ติ ยุคปัจจุบนั ท่แี สดงออกมาโดยวถิ ที ่ไี ม่ใชพ้ ระคมั ภรี ห์ รอื ความรูท้ างเทวศาสตร์ แต่ยงั สามารถสบื สานต่อวถิ ี
การเป็นพยานของนักบุญมทั ธวิ อย่างไดผ้ ลต่อไป แมว้ ่าความปรารถนารอคอยของผูค้ นท่ไี ม่รูจ้ รงิ ๆ ว่าแลว้ ตน
ต้องการอะไร และสามารถได้รบั การเตมิ เตม็ อย่างท่พี บได้จากการกระทาของพระเป็นเจ้าท่เี มอื งเบธเลเฮม ต่อ
“ความหวงั และความกลวั ทงั้ มวลตลอดทงั้ ปีทผ่ี า่ นมา6....”
3. ตามธรรมประเพณีของชาวยวิ ไมไ่ ดก้ ล่าววา่ ชนต่างศาสนาจะตอ้ งถูกสาปแช่งชวั่ นิรนั ดร์ แต่คาดหมายวา่
บรรดาประเทศชาตทิ งั้ หลายจะเดนิ ทางมาแสวงหาพระเป็นเจา้ แหง่ อสิ ราเอล โดยเป็นสว่ นหน่ึงของเหตุการณ์ช่วง
อวสานตกาล (อสย. 2:2-4; 60:1-6; เทยี บ ความคดิ เหน็ ของรบั บเี กย่ี วกบั ปฐก. 49: 10: “บรรดาชนชาตทิ งั้ หลายในโลกในอนาคตขา้ งหน้าจะนา
ของถวายมาเป็นบรรณาการใหก้ บั บุตรแห่งดาวดิ ”) นักบุญมทั ธวิ มองว่าสง่ิ น้ีกาลงั เกดิ ขน้ึ แลว้ จากการตอบสนองของบรรดา
โหราจารย์ ในการคาดการณ์ล่วงหน้า(ถงึ นานาชาตจิ ะไดเ้ ช่อื และเคารพนบั ถอื พระเป็นเจา้ )ในบทสรุปตอนจบของพระวรสารใน
28:18-20
พระวรสารนกั บุญมทั ธวิ กล่าวถงึ อวสานตกาลตลอดทงั้ เล่ม ไม่ไดเ้ ป็นเคา้ ร่างสาหรบั วาทะกรรมทา้ ยสุด (23:1-
25:46) แต่บูรณาการอยู่ในภาพชวี ติ ของพระเยซูเจา้ โดยรวม ตงั้ แต่บทสรุปของการเทศน์สอน (4:17) ปฐมบทของ
ปาฐกถาครงั้ แรก (คาเทศนาบนภูเขา 5:3-12) และคาสอนอ่นื ๆ ของพระองค์ (เช่น 7:15-23; 10:32-33; 13:24-30; 36-43; 16:24-28)
สาหรบั นักบุญมทั ธวิ แนวคดิ เร่อื งอวสานตกาลไม่ใช่แนวคดิ เก่ียวกบั อนาคต แต่เป็นฐานให้กบั การกระทาใน
6 “The hopes and fears of all the years…” สว่ นหน่ึงของเน้อื รอ้ งเพลง “O Little Town of Bethlehem”
71
ปัจจุบนั การรวบรวมทุกชนชาตใิ หเ้ ขา้ มาอย่ใู นแผนการของพระผเู้ ป็นเจา้ ไมใ่ ช่เหตุการณ์ส่เู วลาสน้ิ โลก หรอื เป็น
ภาพแห่งเป้าหมายทางประวตั ศิ าสตร์ทก่ี าหนดใหเ้ กดิ จากการกระทาในปัจจุบนั พระศาสนจกั รของนกั บุญมทั ธวิ
โต้แย้งต่อสู้กบั ผู้ท่เี ช่อื ว่า “สกั วนั หน่ึง” ภาพอนั ยง่ิ ใหญ่น้ีจะได้รบั การดาเนินการโดยพระเป็นเจ้า และกล้าเป็น
พยานยนื ยนั เป็นความจรงิ ของอวสานตกาล (Eschatological Reality) ไดป้ รากฏขน้ึ แลว้ ในองคพ์ ระเยซูเจา้ พระ
ครสิ ต์ทรงเป็นผทู้ ท่ี ุกคนรอคอยว่าการเสดจ็ มาถงึ ในวาระสุดทา้ ยและจะทรงสถาปนาพระอาณาจกั รของพระเป็น
เจา้ นักบุญมทั ธวิ ทราบดวี ่าการประกาศว่าพระเยซูเจา้ แห่งนาซาเรธ็ ทรงเป็นพระครสิ ต์เท่ากบั ประกาศว่าความ
เป็นจรงิ แห่งอวสานตกาลได้กา้ วรุกเขา้ มาสู่โลกปัจจุบนั แลว้ และเรยี กรอ้ งใหล้ งมอื ยอมรบั ปฏบิ ตั ติ นยอมรบั เช่อื
ดงั เช่นพฤติกรรมแบบอย่างแห่งการมาถึง(นมสั การ)ของโหราจารย์ทงั้ สามท่ีแสดงให้เห็นพระประสงค์ท่เี ป็น
อวสานตกาลของพระเป็นเจา้ ทจ่ี ะรวบรวมทุกชนชาตเิ ขา้ ดว้ ยกนั ไดป้ รากฏเป็นจรงิ แลว้
4. คาเทศนาตามธรรมประเพณีเกย่ี วกบั โหราจารยท์ งั้ สามเป็นขอ้ คาสอนดา้ นศลี ธรรม บ่อยครงั้ นาไปเป็น
เหมอื นสอ่ื ประกอบบทเรยี นคาสอน พวกทา่ นปฏบิ ตั ติ นคน้ หาผยู้ ง่ิ ใหญ่โดยตดิ ตามแสงสว่างทน่ี าใหเ้ ดนิ ทางไปยงั
เมอื งเบธเลเฮมในขณะทบ่ี รรดาธรรมจารยผ์ รู้ พู้ ระคมั ภรี ไ์ ม่ไดไ้ ปทน่ี นั่ พวกทา่ นไดถ้ วายของขวญั ล้าคา่ แดพ่ ระเยซู
เจา้ นักบุญมทั ธวิ ไม่ได้ลดคุณค่าการกระทาของโหราจารย์ทงั้ สามลงท่พี วกท่านไม่ไดแ้ ค่นิยมนับถอื หรอื ศกึ ษา
เร่อื งดวงดาว แต่ไดอ้ อกเดนิ ทางไกลตดิ ตามดวงดาวไป ยอมแมก้ ระทงั่ ต่อตา้ นอานาจกษตั รยิ ์ นัน่ คอื การกระทา
ของพวกท่านเป็นกจิ การตอบสนองรบั ใช้พระดารบิ ญั ชาของพระเป็นเจา้ ในเร่อื งเล่าน้ีกเ็ ช่นเดยี วกบั เร่อื งอ่นื ๆ
พระหรรษทานของพระเป็นเจา้ นาทางการกระทาของมนุษย์ แมว้ ่านกั บุญมทั ธวิ ใสใ่ จยดึ ถอื พระคมั ภรี ป์ ัญจบรรพ
และชวี ติ ชอบธรรม (ดูความคดิ เหน็ สาหรบั บทเทศนาบนภูเขา) ท่านไม่ได้สอนใหเ้ พยี งปฏบิ ตั ิ “กจิ การชอบธรรม” (Works
Righteousness)
5. การใชข้ อ้ ความตอนน้ีเป็นบทอ่านประจาสาหรบั วนั ฉลองพระครสิ ตเจา้ สาแดงองค(์ Ephiphany) เป็นการช้ี
ชดั วา่ พระเยซูเจา้ คอื การเปิดเผยแสดงองคข์ องพระผเู้ ป็นเจา้ ตอ่ ชาวโลกทงั้ มวล ผา่ นทางโหราจารยท์ งั้ สามซง่ึ เป็น
ชนต่างศาสนา อกี ทงั้ มคี ุณลกั ษณะแตกต่างอย่างมาก ไม่ไดเ้ ป็นประชากรชาวยวิ ในเยรูซาเลม็ ทงั้ ในดา้ นสบื เชอ้ื
สายและโลกทรรศน์นิสยั จติ ใจ ตงั้ แต่ตอนเรม่ิ แรกของชวี ติ พระเยซูเจา้ ในเวลาต่อไป เราจะสามารถเหน็ กาแพงท่ี
กดี กนั้ ระหว่างเช้อื ชาตแิ ละวฒั นธรรมจะพงั ทลายลง ซ่ึงได้เรม่ิ ปรากฏข้นึ แล้วในตอนต้นของพระวรสารน้ี และ
สามารถคาดการณ์เหน็ ได้ ในตอนจบของพระวรสาร เมอ่ื ทรงมอบหมายพนั ธกจิ ต่อชนนานาชาติ (28:19)
มทั ธิว 2:13 -23 การหลบหนีไปอียิปตแ์ ละนาซาเรธ็ ทาให้คาทานายเป็นจริง
72
พระกมุ ารเสดจ็ หนีไปประเทศอียิปต์ ทารกผบู้ ริสทุ ธ์ิถกู ประหาร
13 เมอ่ื บรรดาโหราจารยก์ ลบั ไปแลว้ ทตู สวรรคข์ ององคพ์ ระผเู้ ป็นเจา้ มาเขา้ ฝันโยเซฟ กล่าววา่ “จงลุกขน้ึ พาพระกุมารและ
พระมารดาหนีไปประเทศอยี ปิ ต์ และจงอยทู่ น่ี นั่ จนกวา่ เราจะบอกท่าน เพราะกษตั รยิ เ์ ฮโรดกาลงั สบื หาพระกมุ ารเพอ่ื จะประหาร
ชวี ติ ” 14 โยเซฟจงึ ลุกขน้ึ พาพระกุมารและพระมารดาออกเดนิ ทางไปประเทศอยี ปิ ตใ์ นคนื นนั้ 15 และอยทู่ น่ี นั่ จนกระทงั่ กษตั รยิ เ์ ฮ
โรดสน้ิ พระชนม์ ทงั้ น้ีเพอ่ื ใหพ้ ระดารสั ขององคพ์ ระผเู้ ป็นเจา้ ทต่ี รสั ทางประกาศกเป็นความจรงิ วา่
เราเรียกบตุ รของเรามาจากประเทศอียิปต7์
16 เมอ่ื กษตั รยิ เ์ ฮโรดทรงเหน็ ว่าพระองคถ์ กู บรรดาโหราจารยห์ ลอก ทรงกรว้ิ ยง่ิ นกั จงึ สงั่ ใหป้ ระหารเดก็ ชายทกุ คนทม่ี อี ายุ
ตงั้ แต่สองขวบลงมาในเมอื งเบธเลเฮมและบรเิ วณใกลเ้ คยี ง 17 ดงั น้ี พระดารสั ทต่ี รสั ไวโ้ ดยประกาศกเยเรมยี ์ กเ็ ป็นความจรงิ วา่
18 มีผไู้ ด้ยินเสียงในหมบู่ า้ นรามาห์
เป็นเสียงรอ้ งไห้และครา่ ครวญอย่างขมขนื่
นางราเคลร้องไห้อาลยั ถึงบรรดาบตุ ร
นางไม่ยอมรบั คาปลอบโยนใดๆ
เพราะบตุ รเหล่านัน้ ไม่อย่แู ล้ว
พระกมุ ารเสดจ็ กลบั จากประเทศอียิปตไ์ ปเมืองนาซาเรธ็
19 หลงั จากกษตั รยิ เ์ ฮโรดสน้ิ พระชนม์ ทตู สวรรคข์ ององคพ์ ระผเู้ ป็นเจา้ มาเขา้ ฝันโยเซฟในประเทศอยี ปิ ต์ 20 กลา่ ววา่ “จงลุก
ขน้ึ พาพระกุมารและพระมารดากลบั ไปแผน่ ดนิ อสิ ราเอล เพราะผทู้ ต่ี อ้ งการฆา่ พระกมุ ารตายแลว้ ” 21 โยเซฟจงึ ลุกขน้ึ พาพระ
กมุ ารและพระมารดากลบั ไปแผน่ ดนิ อสิ ราเอล 22 แต่เมอ่ื รวู้ า่ อารเคลาอสั ขน้ึ ครองราชยเ์ ป็นกษตั รยิ ใ์ นแควน้ ยเู ดยี สบื ต่อจาก
กษตั รยิ เ์ ฮโรดพระบดิ า โยเซฟกก็ ลวั ทจ่ี ะไปทน่ี นั่ และเมอ่ื พระเจา้ ทรงเตอื นเขาในความฝัน เขาจงึ กลบั ไปยงั แควน้ กาลลิ ี 23 ไป
อาศยั อยใู่ นเมอื งหน่ึงชอ่ื นาซาเรธ็ ทงั้ น้ี เพอ่ื ใหพ้ ระดารสั ทต่ี รสั ทางประกาศกเป็นความจรงิ วา่
พระองคจ์ ะได้รบั พระนามวา่ ชาวนาซาเรธ็
ข้อศึกษาวิพากษ์
การดาเนินเร่อื งและโครงสรา้ งของเร่อื งน้ีเหมอื นกบั ในเร่อื งผ่านมาอย่างมาก สะท้อนให้เหน็ ว่านักบุญ
มทั ธวิ เป็นผบู้ นั ทกึ เรอ่ื งราวทงั้ สองเรอ่ื ง เช่นเดยี วกบั ใน 2:1-12 เร่อื งราวของบรรดาโหราจารยผ์ เู้ ช่อื ฟังซง่ึ ยอมรบั
กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ หม่ มภี าพของเฮโรดผเู้ ป็นกบฏสอดแทรกอยู่ (โหราจารย/์ เฮโรด/โหราจารย)์ ณ ทน่ี ้ีเรอ่ื งราวของ
นักบุญโยเซฟผู้เช่ือฟังได้รายล้อมภาพของกษัตรยิ ์เฮโรดผู้ชวั่ ร้ายเช่นกัน (โยเซฟ/เฮโรด/โยเซฟ) บรรดา
73
โหราจารย์ไดต้ ดิ ตามดวงดาวต่อไปและไดร้ บั การเตอื นครงั้ สุดทา้ ยถงึ กษตั รยิ ผ์ ชู้ วั่ รา้ ยในความฝัน (2:1, 9, 12) และ
นกั บุญโยเซฟไดต้ ดิ ตามการเปิดเผยแสดงจากทตู สวรรค์ ทา่ นไดร้ บั การเตอื นครงั้ สดุ ทา้ ยจากทตู สวรรคถ์ งึ กษตั รยิ ์
ผชู้ วั ่ รา้ ย(อกี คนหน่งึ )ในความฝันเชน่ กนั (2:13, 19, 22)
2:13-15. เชน่ เดยี วกบั ใน 2:20 นกั บญุ มทั ธวิ จงใจไม่เรยี กพระเยซูเจา้ วา่ บตุ รของโยเซฟ
นักบุญโยเซฟพาครอบครวั ของเขาอพยพไปยงั อยี ปิ ต์ในคนื เดยี วกนั นัน้ เช่นเดยี วกบั ในท่อี ่นื ๆ (1:25;
2:21) ผเู้ ขยี นบรรยายความเชอ่ื ฟังของนกั บุญโยเซฟวา่ เป็นภาพสะทอ้ นของพระบญั ชาจากพระเป็นเจา้
ไมม่ กี ารใหร้ ายละเอยี ดเชงิ นวนยิ ายหรอื ชวี ประวตั ใิ ดๆ เกย่ี วกบั ช่วงวลาทอ่ี ยใู่ นอยี ปิ ต์ ในมมุ มองทางเทว
วทิ ยาของนักบุญมทั ธวิ การเดนิ ทางนัน้ เกดิ ข้นึ เพ่อื พระคมั ภรี จ์ ะสาเรจ็ เป็นจรงิ และให้เหตุการณ์คู่ขนานกบั อกี
เหตกุ ารณ์หน่ึงของโมเสส สตู รการยกขอ้ ความทส่ี อง(Second Formula Quotation)ของพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ น้ี
ยกมาจาก ฮชย. 11:1 แต่เดมิ นัน้ ไม่ได้เป็นคาพยากรณ์ถงึ พระเมสสยิ าห์ แต่เป็นการอา้ งองิ ถงึ อสิ ราเอลว่าเป็น
บุตรพระเป็นเจา้ และในศาสนายดู ายกไ็ ม่เคยมกี ารเขา้ ใจว่าน่ีเป็นขอ้ ความเก่ยี วกบั พระเมสสยิ าห์ (ดู บทเสรมิ เร่อื ง
“มทั ธวิ ในฐานะผตู้ คี วามพระคมั ภรี ”์ [151-54]) ในศาสตรแ์ หง่ การตคี วามของนกั บญุ มทั ธวิ การประยกุ ตค์ าทใ่ี ชเ้ รยี กน้มี าใชก้ บั
พระเมสสยิ าห์ไม่ได้เป็นการเลอื กโดยปราศจากเหตุผลหรอื ไม่มหี ลกั เกณฑ์ เน่ืองจากพระเยซูเจ้าทรงปฏิบตั ิ
ภารกจิ ทาใหเ้ รอ่ื งราวของชนชาตอิ สิ ราเอลสาเรจ็ สมบรู ณ์ในประสบการณ์ชวี ติ ของพระองคเ์ อง
อสิ ราเอล พระเยซูเจา้
ไปอยี ปิ ตแ์ ละกลบั มา ไปอยี ปิ ตแ์ ละกลบั มา
ทะเลแดง พธิ ลี า้ ง
การถกู ทดสอบในถนิ่ ทุรกนั ดาร การถกู ทดสอบในถนิ่ ทุรกนั ดาร
ความลม้ เหลวในการตอบสนองกระแสเรยี กใหเ้ ป็น พนั ธกจิ แหง่ ผรู้ บั ใชท้ กี่ ระทาดว้ ยความ
ผรู้ บั ใชข้ องพระเจา้ ตอ่ นานาประชาชาติ สตั ยซ์ อื่
2:16 การประหารทารกผูว้ มิ ล (Slaughter of the Innocents) ของกษตั รยิ ์เฮโรดเป็นสงิ่ ท่สี อดคล้องกนั
กบั ลกั ษณะของกษตั รยิ เ์ ฮโรด มหาราชในประวตั ศิ าสตร์ ผู้ทรงกุมอานาจอย่างปราศจากความปรานี ไม่มบี นั ทกึ
เกย่ี วกบั การกระทาดงั กล่าวอย่ใู นกลุ่มหลกั ฐานบนั ทกึ รายละเอยี ดเกย่ี วกบั ความป่าเถ่อื นโหดรา้ ยนานปั การของ
กษตั รยิ ์เฮโรด (หากเหตุการณ์น้ีไดเ้ กดิ ขน้ึ จรงิ มนั อาจไม่เป็นเหตุการณ์สาคญั ในระหว่างการครองราชยข์ องพระองค)์ อกี ทงั้ ขอ้ บนั ทกึ น้ีก็
ไม่ไดม้ สี ะท้อนอย่ทู ่อี ่นื ใด ไม่ว่าทงั้ ในหรอื นอกเหนือจากพนั ธสญั ญาใหม่ เร่อื งเล่าน้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษา
สญั ลกั ษณ์รูปแบบของโมเสส (Moses Typology) ของนักบุญมทั ธวิ ใหก้ ษตั รยิ ์เฮโรดเล่นบทบาทของฟาโรห์ (ดู
อพย. 1:22 - 2:10) การดาเนินเร่อื งสองฉากเหตุการณ์น้ี ซ่ึงเล่าว่าพระกุมารเยซูเจ้าหลบหนีไปได้ จงึ เหมือนกับ
ตานานในเร่อื งเล่าพน้ื เมอื งโบราณทพ่ี ระราชกุมารหลบหนีจากการพยายามจะเอาชวี ติ พระองค์ เพ่อื จะกลบั มามี
อานาจปกครอง โครงเร่อื งกาหนดให้กองทัพของกษัตรยิ ์เฮโรดปรากฏข้ึนในเบธเลเฮม หลังจากท่ีบรรดา
โหราจารยแ์ ละครอบครวั ศกั ดสิ ์ ทิ ธไิ ์ ดจ้ ากไปแลว้ แสดงใหเ้ หน็ วา่ กษตั รยิ เ์ ฮโรด ผทู้ รงเป็นบคุ คลในประวตั ศิ าสตรก์ ็
ไม่ไดท้ รงยอมใหถ้ กู ขดั ขวางงา่ ยๆ อย่างนนั้ จงึ ไดส้ ง่ ผสู้ งั หารไปกบั หรอื ตามหลงั โหราจารย์
74
แต่ Moses Haggadah เล่าเร่อื งอกี แบบหน่ึง คอื เล่าว่านักปราชญ์ไดพ้ ยากรณ์ใหก้ ษตั รยิ ท์ รงทราบว่าจะ
มเี ดก็ ชายชา่ วฮบี รคู นหน่ึงเกดิ มาประมาณนนั้ ตอ่ มาเดก็ คนน้ีจะทาใหอ้ านาจปกครองของอยี ปิ ตต์ อ้ งจบลงและทา
ใหช้ าวอสิ ราเอลมอี านาจ เม่อื ทรงทราบเชน่ น้ี กษตั รยิ จ์ งึ ทรงบญั ชาใหเ้ ดก็ ชายชาวฮบี รทู เ่ี กิดมาทุกคนตอ้ งถูกฆา่
โดยถูกโยนทง้ิ ลงในแม่น้า แต่พระเป็นเจา้ ทรงสาแดงพระองคใ์ นฝันแก่บดิ าของโมเสสและทรงสญั ญาจะช่วยเดก็
ทารกใหร้ อดตาย (เทยี บ Gnika, Das Matthausevangelium. หน้า 34... อา้ งจาก โยเซฟ รตั ซงิ เกอร์ เบเนดกิ ต์ ท่ี 16 พระสนั ตะปาปา, พระเยซู
แหง่ นาซาเรธ็ , เล่ม 3, ทศั ไนย์ คมกฤช แปล หน้า 138)
นักบุญมทั ธวิ ได้เล่าเร่อื งน้ีอย่างเรยี บง่าย ไม่ได้แสดงความเหน็ ใจต่อโศกนาฏกรรมเร่อื งเหย่อื ผูบ้ รสิ ุทธิ ์
หรอื คดิ ว่าพ่อแม่คนอ่นื ๆ ในเมอื งเบธเลเฮม เช่นเดยี วกบั เร่อื งเล่าในหนังสอื อพยพ อาจได้ตีความหมายการ
ตดั สนิ ใจของพระเป็นเจา้ ทท่ี รงเตอื นบดิ าของโมเสสกบั โยเซฟ ซง่ึ สอดคลอ้ งกนั ทงั้ การปกป้องช่วยเหลอื บุตรชาย
ใหร้ อดพน้ จากความตาย และเดก็ ชายนัน้ ไดเ้ ตบิ โตขน้ึ ได้กลบั มามอี านาจปกครองเหนือชนชาตอิ สิ ราเอล เป็น
เหตุการณ์คู่กนั ท่ีสาเร็จเป็นจรงิ ตามคาพยากรณ์สญั ญาในพระคมั ภีร์ ในการอ้างอิงถึงพระคมั ภีร์เช่นน้ี นัก
บุญมทั ธวิ เปล่ยี นสูตรใหต้ ่างออกไปจาก “เพ่อื จะ” (i{na hina) ท่ที ่านได้เคยใช้ และดงั น้ี ไม่จาเป็นทจ่ี ะกล่าวถงึ
การประหารทารกผวู้ มิ ลซ้า
2:17-18. สูตรอ้างองิ ประการท่สี ามของมทั ธวิ (ดูบทเสรมิ เร่อื ง “มทั ธวิ ในฐานะผู้ตีความพระคัมภีร์” 151-154) มาจาก
ยรม. 31: 15 ในพนั ธสญั ญาใหม่มแี ต่พระวรสารนักบุญมทั ธวิ เท่านนั้ ทก่ี ล่าวถงึ ประกาศกเยเรมยี อ์ ย่างชดั แจง้ (ณ
ท่ีน้ี หมายถึงใน 16:14 ซ่ึงเป็นส่วนท่ีเพิ่มเติมเข้ามาให้กบั เร่อื งราวใน มก. 27:9 ในเอกสาร M ซ่ึงเก่ียวกบั ความตายของยูดาส) ยรม. 31:15
แสดงภาพของนางราเชล แม่ผเู้ ฒา่ หวั หน้าเผา่ เบนจามนิ และเอฟราอมิ (แต่ไม่ใช่เผา่ ยดู าห)์ รอ้ งไหค้ ร่าครวญทเ่ี มอื งรา
มาห์ให้กับ “บุตรทัง้ หลาย” ของเธอ คือชาวอิสราเอล เม่ือพวกเขาถูกจบั และนาไปยงั บาบิโลนในสมยั ของ
ประกาศกเยเรมยี ์74 รามาห์ (ในดนิ แดนของเผ่าเบนจามนิ ห่างออกไปหา้ ไมลท์ างเหนือของเยรซู าเลม็ ) เป็นสถานทท่ี เ่ี ยเรมยี เ์ ลอื ก
เน่ืองจากมธี รรมประเพณีหน่ึงท่รี ะบุว่าท่ฝี ังศพของราเชลอย่ทู น่ี ัน่ เป็นทซ่ี ่งึ กองทพั ของเนบูคดั เนสซารร์ วบรวม
เชลยเพ่อื นาออกไปจากประเทศ (ยรม. 40:1) อกี ธรรมประเพณีหน่ึงบอกว่าท่ฝี ังศพราเชลอยู่ท่ีเมอื งเบธเลเฮม
นักบุญมทั ธวิ ผสานธรรมประเพณีเหล่าน้ีเขา้ ด้วยกนั เพ่อื ให้ได้ผลท่ตี ้องการ ขอ้ ความจากประกาศกเยเรมยี ์มี
บรบิ ทแหง่ ความหวงั พระวรสารไมไ่ ดใ้ หค้ วามกระจา่ งวา่ นกั บุญมทั ธวิ ตคี วามตามบรบิ ทหรอื วา่ การคร่าครวญเป็น
เพยี งสง่ิ เดยี วทต่ี อ้ งการนาเสนอใหเ้ รารบั รจู้ ากขอ้ ความตอนน้ี อย่างไรกต็ าม พระกุมารเยซูเจา้ ทรงเป็นบทสรุปท่ี
ทาใหห้ วนระลกึ ถงึ ชวี ติ ประสบการณ์ของชาตอิ สิ ราเอลในประวตั ศิ าสตร(์ แหง่ การไถก่ สู้ คู่ วามรอดพน้ หรอื ในพนั ธสญั ญาเดมิ )
2:19-22. การแทรกเขา้ มาของพระเป็นเจา้ ทรงช่วยเหลอื พระกุมารเยซูเจา้ ใหร้ อดพน้ เป็นอกี ครงั้ หน่ึงท่ี
การเชอ่ื ฟังของนกั บุญโยเซฟเป็นภาพสะทอ้ นคาบญั ชาของทตู สวรรค์ ความตายของกษตั รยิ เ์ ฮโรดในปี ก.ค.ศ. 4
เป็นสญั ญาณให้พวกท่านกลบั จากการล้ภี ยั ในหมู่คนต่างชาติสู่ “ดนิ แดนของชาวอิสราเอล”75 แต่อารเคลาอสั
(Archelaus)โอรสของกษตั รยิ ์เฮโรด “ได้ข้นึ บลั ลงั ก์ปกครอง” (ฉบบั NRSV.) แควน้ ยูเดยี 76 พระนางมารยี ์และท่าน
นักบุญโยเซฟจงึ ถูกกดดนั ให้ละจากบา้ นของตนในเมอื งเบธเลเฮม กลายมาเป็นผู้พลดั บา้ นพลดั เมอื ง(Exile)โดย
การทรงนาจากพระเป็นเจา้ ไปอาศยั อย่ใู นดนิ แดนกาลลิ แี ห่งคนต่างชาติ (เทยี บ 4:15) ภาพของครอบครวั ศกั ดสิ ์ ทิ ธทิ ์ ่ี
เป็นผู้พลดั ย้ายถิ่นสะท้อนให้เห็นประสบการณ์ของครสิ ตชนบางคนในพระศาสนจกั รของนักบุญมทั ธวิ หลงั
สงครามปี ค.ศ. 66-70 ท่านนักบุญโยเซฟและพระนางมารยี ป์ ระสบกบั การกลนั่ แกล้ง การยา้ ยถน่ิ และสภาวะ
พลดั ถนิ่ เพราะพระเยซูเจ้า เช่นเดยี วกบั ท่ชี ุมชนของนักบุญมทั ธวิ ได้ประสบ ดูเหมอื นว่าครสิ ตชนบางคนท่ไี ด้
75
กลายมาเป็นผลู้ ภ้ี ยั ในช่วงสงครามไดล้ งหลกั ปักฐานใหมใ่ นพระศาสนจกั รของนกั บุญมทั ธวิ ผซู้ ง่ึ ไดย้ ดึ ปฏบิ ตั ติ าม
ธรรมประเพณีของตนในหมพู่ วกเขาเอง และกไ็ ดป้ ระสบกบั ความบาดหมางใจจากชมุ ชนชาวยวิ เอง (ดคู านา)
2:23. เร่อื งเล่าส่วนน้ี นาเร่อื งดาเนินไปสเู่ ป้าหมายของเร่อื งในเมอื งนาซาเรธ็ ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ
พระเยซูเจา้ ไม่ไดท้ รงกลบั มายงั เมอื งนาซาเรธ็ แต่เร่อื งราวไดเ้ รม่ิ ขน้ึ ในเมอื งเบธ็ เลเฮม บดั น้ีมาถงึ เมอื งนาซาเรธ็
เป็นครงั้ แรก ในมมุ มองของนกั บญุ มทั ธวิ การทพ่ี ระเมสสยิ าหเ์ สดจ็ มาจากนาซาเรธ็ ไม่ไดเ้ ป็นเพยี งเหตบุ งั เอญิ แต่
ได้รบั การช้ีนาจากการเปิดเผยของพระผู้เป็นเจ้าในยามค่าคืน(พระเป็นเจ้าทรงเตือนเขาในความฝัน: 2: 22) และมีการ
กล่าวถงึ ในพระคมั ภรี ์ สตู รการยกขอ้ ความอนั ทส่ี น่ี ้ีไม่ไดป้ รากฏอย่ใู นพนั ธสญั ญาเดมิ ไม่ว่าจะในสาเนาแบบเมส
โซเรตกิ (Masoretic Text: MT) หรอื พระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ (LXX) (สงั เกตคาวา่ “ประกาศก” อนั คลุมเครอื ของนกั บุญมทั ธวิ ) สง่ิ
ท่ีนักบุญมทั ธิวกาลงั นึกถึงในตอนนัน้ อาจจะเป็นหน่ึงในสองอย่างต่อไปน้ีหรอื ทงั้ สองอย่าง (1) คาท่ีใช้เรยี ก
กษตั รยิ ผ์ ทู้ รงเป็นพระเมสสยิ าหท์ พ่ี ระเป็นเจา้ ไดท้ รงสญั ญาไวใ้ น อสย. 11:1-16 ซง่ึ เป็นขอ้ ความทม่ี หี ลายประเดน็
สมั พนั ธก์ บั เรอ่ื งน้ี คอื คาว่า “กง่ิ ” ทจ่ี ะงอกขน้ึ มาจากเถา(ทเ่ี หน็ อยวู่ า่ ตายแลว้ )แหง่ วงศว์ านดาวดิ คาฮบี รทู แ่ี ปลวา่ “กง่ิ ”
คอื rxn (nezer) ซ่งึ ฟังดู คล้ายกบั คาว่านาซาเรธ็ ” พระคมั ภรี ท์ าร์กุม(The Targum7):ฉบบั ภาษายวิ -อาราเมอกิ
ตคี วาม “กงิ่ ” ว่าหมายถึงพระเมสสยิ าห์ (2) แหล่งสาคญั ของนักบุญมทั ธวิ อ้างองิ ถึงพระเยซูเจ้าทรงเป็น “องค์
ศกั ดสิ ์ ทิ ธขิ ์ องพระเจา้ ” ซง่ึ ขนานกนั กบั “พระเยซูเจา้ แห่งนาซาเรธ็ ” (มก. 1:24) เน่ืองจาก “องคศ์ กั ดสิ ์ ทิ ธ”ิ ์ เป็นคาทใ่ี ช้
ในพนั ธสญั ญาเดมิ โดยเป็นคาทม่ี คี วามหมายตรงกนั กบั คาว่า “นาศรี ”์ ซง่ึ ฟังดคู ลา้ ยๆ กบั “นาซาเรธ็ ” ท่านนกั บุญ
มทั ธวิ อาจนึกถงึ ขอ้ ความตอนหน่ึงใน วนฉ. 13:5 และ 16:7 ซ่งึ อา้ งองิ ถงึ นาศรี ์ (แมว้ ่าวถิ ชี วี ติ ของพระเยซูเจา้ จะตรงกนั ขา้ ม
กบั วถิ ีชีวติ ของนาศีร์; เทียบ 11:19) หลกั ฐานท่ีสนับสนุนมุมมองน้ีก็คอื บางที มกี ารตงั้ ขอ้ สงั เกตว่า “Nazorean” หรอื
“Nazarine” – บางทีคาน้ีสะกดต่างออกไปในข้อความส่วนอ่ืนๆ ในพนั ธสญั ญาใหม่ ไม่ได้มีความสมั พนั ธ์กนั
ในทางภาษาศาสตรก์ บั นาซาเรธ็ แต่เป็นช่อื ท่ีพระเยซูเจา้ ทรงใชเ้ รยี กกลุ่มนิกายยวิ ว่า ชาว “นาซาร(ี Nazarees)”
(ค่ขู นานกบั “ฟารสิ ”ี และ “สะดูส”ี ) เช่นนัน้ แลว้ พระเยซูเจา้ ทรงเป็น “องคศ์ กั ดสิ ์ ทิ ธ”ิ ์ ทไ่ี ดเ้ รมิ่ ขบวนการ “บุคคลศกั ดสิ ์ ทิ ธ”ิ ์
ซ่ึงเป็นบรรพชนปาเลสไตน์ในสมยั แรกของพระศาสนจกั รในยุคสมยั ต่อมา ซ่ึงมีคาใช้เรยี กตนเองว่า “องค์
ศกั ดสิ ์ ทิ ธ/ิ ์นกั บญุ ”
ทงั้ หมดน้ี และในทางตรงกนั ขา้ มกบั พระวรสารนอกสารบบสมยั หลงั (เช่น การประกาศข่ าวดเี รมิ่ แรก
ของนักบุญยากอบ (Protevangelium of James), พระวรสารของนักบุญโทมสั ท่ีแรกเรมิ่ (Infancy Gospel of
Thomas)) พระกุมารเยซูเจา้ ทรงอย่ใู นสภาวะเป็นผูย้ อมรบั คลอ้ ยตาม(Passive: ถูกกระทา)โดยทงั้ สน้ิ “แมจ้ ะทรง
เป็นผปู้ ฏสิ นธอิ ย่างเหนือธรรมชาติ ณ ทน่ี ้ี ภาพของพระกุมาร(ทารกอ่อนแอ เปราะบาง) เป็นผทู้ ถ่ี ูกจากดั อย่าง
มาก”
ข้อคิดไตร่ตรอง
1. “ทารกอ่นื ๆ ในเมอื งเบธเลเฮม”: เร่อื งเล่าว่า. ซูซานนาและเยโฮยาคนี เป็นบดิ ามารดาท่อี ายุยงั น้อย
อายุยส่ี บิ สามปีกนั ทงั้ คู่ พง่ึ จะเรมิ่ ชวี ติ ดว้ ยกนั ใหม่ๆ พวกเขามบี ุตรหน่ึงเดยี ว คอื เดวน่ี ้อย ซง่ึ เม่อื อายไุ ดส้ บิ แปด
7 พระคมั ภีรต์ ารค์ มุ เป็นพระคมั ภีรฉ์ บบั ภาษาอราเมอิก ดู อสร 4: 18 สว่ นภาษาตารค์ ุม (Targum) เป็นภาษาทใ่ี ชโ้ ดยชาวยวิ ในอริ กั ภาคเหนอื และ
เคอรด์ สิ ถาน ซง่ึ เป็นสาเนยี งของภาษาอราเมอกิ คาวา่ ตารค์ มุ หมายถงึ การแปลในภาษาฮบี รู และเรม่ิ แรกหมายถงึ ไบเบลิ ฉบบั แปลเป็นภาษาอราเม
อกิ และในยคุ กลาง ชาวยวิ ใชค้ าวา่ ตารค์ มุ เพอ่ื หมายถงึ ภาษาอราเมอกิ เช่นเดยี วกบั การใชค้ าวา่ ลาดโิ นเพอ่ื หมายถงึ ภาษาสเปนของชาวยวิ และใชค้ าวา่
sharħ เพอ่ื หมายถงึ ภาษาอาหรบั ของชาวยวิ ดรู ายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ ท่ภี าษาอราเมอกิ ของชาวยวิ และคาวา่ Targum แปลวา่ แปล หรอื อธบิ าย
76
เดอื นได้หดั เดนิ แล้ว และกาลงั เรยี นรู้ไปทุกอย่าง เขาได้ผูกเอาประโยคเขา้ มาไวด้ ้วยกนั ในแบบแปลกๆ เสยี ง
เบาๆ แหลมสูงของเขา เสยี งท่อี ยู่ในลาคอ และแมก้ ระทงั่ เสยี งทอ่ี อกจากคอโดยใชโ้ คนล้นิ ดนั เพดานกม็ จี งั หวะ
ดนตรแี บบภาษาอราเมอกิ เขาเป็นเดก็ มสี ุขภาพดแี ละมคี วามสุข เป็นความยนิ ดขี องชวี ติ พ่อแม่ทงั้ สอง พวกเขา
ตงั้ ชอ่ื ลกู ของเขาว่า เดวดิ เพราะอาศยั อยใู่ น “นครดาวดิ ” ซง่ึ เป็นชอ่ื เรยี กหมบู่ า้ นของพวกเขา ทอ่ี ยทู่ างทศิ ใตห้ า่ ง
จากเยรซู าเลม็ ไมก่ ไ่ี มล์
ดกึ คนื หน่ึงขณะทท่ี ุกคนนอนหลบั อย่นู นั้ เหล่าทหารของกษตั รยิ ์ไดเ้ ขา้ มาลอ้ มหมบู่ า้ น และตอนรุง่ สางได้
เขา้ มาในเมอื ง และสงั่ ใหบ้ ดิ ามารดาทุกคนทม่ี บี ุตรเลก็ มาท่จี ตุรสั หม่บู า้ น ตรวจคน้ ดูใหแ้ น่ใจว่าไม่มใี ครคงอย่ใู น
บา้ น และโดยไม่มกี ารพดู อะไรเลยกส็ งั หารเดก็ ทุกคนทอ่ี ายนุ ้อยกวา่ สองปี ทหารกลา่ ววา่ “เป็นคาสงั่ ”
หลงั จากทค่ี วามน่าสยดสยองในวนั นนั้ ไดล้ ดลง จนคนในหมบู่ า้ นพอจะรบั รวู้ า่ อะไรไดเ้ กดิ ขน้ึ บา้ ง พวกเขา
ไดพ้ บวา่ มเี ดก็ ถูกฆา่ ไปยส่ี บิ เอด็ คน
มนั เป็นโลกทโ่ี หดรา้ ย และเรอ่ื งเชน่ น้ีไดเ้ กดิ ขน้ึ จรงิ ๆ ในสมยั ของเรา ทารกเป็นพนั ๆ คนโดนระเบดิ เพลงิ
ไม่มอี าหารกิน และถูกยงิ ตายโดยคาสงั่ หรอื การอนุญาตของรฐั บาลท่ีปราศจากความปรานี แต่มนุษย์ก็เป็น
สงิ่ มชี วี ติ ทฟ่ี ้ืนตวั ได้ และหลงั จากช่วงเวลาของความมนึ ชา ความโกรธ ความขมขน่ื และการยอมรบั เยโฮยาคนี
และซูซานนาสามารถยนื หยดั และดาเนินชีวติ ต่อไป โดยไม่มที งั้ ความอาฆาตแค้น เกลียดชงั หรอื การก้มตัว
ยอมรบั พวกเขาปฏิเสธ “คาอธบิ าย” โศกนาฏกรรมน้ีจากนักเทววทิ ยาเพ่อื นบ้านผู้ประสงค์ดี เน่ืองจากไม่มี
คาตอบใหก้ บั คาถามทถ่ี ามออกมาสาหรบั พวกเขาในหนังสอื บทภาวนาจากพระคมั ภรี ข์ องพวกเขา คอื “พระเจา้
ขา้ พระเจา้ ขา้ ไฉนทรงทอดท้งิ ขา้ พระองคเ์ ล่า” (สดด. 22:1 ฉบบั NRSV) กระนัน้ กต็ าม พวกเขาได้ขวนขวายเรม่ิ หา
ความหมายใหมข่ องการนมสั การในศาลาธรรม
กระทงั่ วนั หน่ึงพวกเขาคน้ พบว่าในค่าคนื วกิ ฤตก่อนการสงั หารหม่ทู ารกชายนนั้ ไดม้ ที ตู สวรรคอ์ งคห์ น่ึง
มาจากพระเป็นเจา้ เพอ่ื เตอื นครอบครวั หน่ึงใหห้ นีไป กลายเป็นว่าพระเป็นเจา้ ไดท้ รงเตรยี มการให้พระนางมารยี ์
นกั บุญโยเซฟ และพระกุมารเยซูเจา้ หลบหนีไปและพวกเขาปลอดภยั อย่ใู นอยี ปิ ต์ เดก็ ชายเยซูน้อยๆ มชี วี ติ และ
อยใู่ นสภาพดี แตส่ าหรบั เดวน่ี ้อยของพวกเขาแลว้ ไม่ใชเ่ ป็นเชน่ เดยี วกนั
น่ีเป็นเร่อื งการอศั จรรย์ การเขา้ แทรกแซงของพระเป็นเจา้ ในลาดบั เหตุการณ์ทวั่ ไป เร่อื งน้ีเป็นเร่อื งทน่ี ่า
คดิ เม่อื เล่าอย่างท่กี ล่าวมาขา้ งตน้ น้ีแลว้ ทาใหเ้ กดิ คาถามไม่ใช่แต่เพยี งในทางประวตั ศิ าสตรเ์ ท่านนั้ (เหตุการณ์
อย่างนัน้ เกดิ ขน้ึ จรงิ ๆ หรอื /ไดห้ รอื ) ทงั้ ในทางจรยิ ศาสตร์ (เหตุการณ์อย่างนัน้ ควรเกดิ ขน้ึ หรอื ไม่) หากในการกระทาของ
พระเป็นเจา้ นนั้ ทตู สวรรคเ์ ตอื นคนถงึ อนั ตรายทก่ี าลงั จะเกดิ ขน้ึ ได้ การเตอื นเพยี งครอบครวั เดยี วเป็นสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง
หรอื มใี ครบา้ งทเ่ี ม่อื มขี อ้ มูลเช่นน้ีและความสามารถทจ่ี ะช่วยแลว้ จะบอกเพยี งครอบครวั เดยี วและไม่บอกยส่ี บิ
เอด็ ครอบครวั ไม่ใช่แต่เพยี งเร่ืองน้ีเท่านนั้ ยงั มเี ร่อื งราวเกย่ี วกบั การอศั จรรยอ์ ่นื ๆ อกี ทงั้ หมดทาใหเ้ กดิ คาถาม
อย่างน้ีเช่นกนั เร่อื งการรกั ษาคนตาบอดเป็นเร่อื งยอดเยย่ี ม เวน้ เสยี แต่ว่าจะไดย้ นิ เร่อื งน้ีจากมุมมองของคนตา
บอดทงั้ หลายในโลกทไ่ี ม่ไดร้ บั การรกั ษาใหห้ าย
เม่อื นาเสนอเร่อื ง “การประหารทารกผวู้ มิ ล” ในลกั ษณะขา้ งต้น อาจมกี ารตอบสนองสองแบบ (1) คนท่ี
คดิ ว่าเร่อื งเล่าในพระคมั ภีร์เก่ียวกบั เหตุการณ์อศั จรรย์กาลงั ถูก “โจมตี” จะรู้สกึ ว่าตัวเองต้องปกป้องและให้
คาอธบิ ายสาหรบั เร่อื งเหล่านัน้ “ถ้าพระเป็นเจา้ ทรงไดเ้ ตอื นบดิ ามารดาทุกคนในเมอื งเบธเลเฮม กษตั รยิ เ์ ฮโรด
อาจจะเกดิ สงสยั ขน้ึ มาและฆ่าทุกคนในหมู่บ้าน พระองคท์ รงเป็นคนอย่างนัน้ ดงั นัน้ แมว้ ่าสง่ิ เกดิ ขน้ึ จะเลวรา้ ย
77
มนั กไ็ ม่ไดเ้ ลวรา้ ยเทา่ เหตุการณ์ทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ หากพระเป็นเจา้ ใหก้ ารอศั จรรยเ์ กดิ ขน้ึ กบั ทกุ คน” หรอื “พระเป็น
เจา้ กาลงั ตรสั กบั ทุกคนในหม่บู า้ น แต่มแี ต่มารยี แ์ ละโยเซฟเท่านนั้ ทม่ี ีสตริ บั รทู้ ล่ี ะเอยี ดพอทจ่ี ะไดย้ นิ พระสุรเสยี ง
พระเป็นเจา้ ” แน่นอนเร่อื งทว่ี ่ามาน้ีไม่มคี าอธบิ ายใดมาจากพระคมั ภรี ์ (2) บางคนมองเหน็ ปัญหาทม่ี อี ย่เู ป็นปกติ
วสิ ยั ของความเชอ่ื ในการอศั จรรยแ์ ละวาทกรรมทงั้ หมดเกย่ี วกบั การอศั จรรย์ และอา้ งว่าปัญหาแบบน้ีเป็นเหตุผล
พอแลว้ ในการทจ่ี ะไม่ใหค้ วามสาคญั กบั เรอ่ื งการอศั จรรยท์ งั้ หมด
แมว้ ่าการตอบสนองสองแบบน้ีอาจดเู ป็นคนละขวั้ ตรงขา้ ม มสี ง่ิ ทเ่ี หมอื นกนั อยา่ งหน่ึง คอื การตอบสนอง
ทงั้ สองแบบน้ตี งั้ อย่บู นพน้ื ฐานของการยอมรบั ว่าวาทกรรมเกย่ี วกบั เรอ่ื งการอศั จรรยเ์ ป็นวาทกรรมอนั เป็นภววสิ ยั
เป็นวาทกรรมของ “ผรู้ ายงาน” ซง่ึ หากเป็น “ความจรงิ ” กเ็ ป็นความจรงิ ทม่ี าจากการอนุมานเช่นเดยี วกนั กบั วาท
กรรมเชงิ ภววสิ ยั อ่นื ๆ การเล่าเร่อื งใหม่จากมมุ มองของเยโฮยาคนี และซูซานนาอาจช่วยใหเ้ ราเหน็ ความลม้ เหลว
ไมเ่ ป็นเหตุเป็นผลของสมมตฐิ านน้ี ตามเรอ่ื งทเ่ี ลา่ ใหม่ขา้ งตน้ เรอ่ื งของนกั บุญมทั ธวิ กม็ ปี ัญหาเชงิ จรยิ ศาสตรโ์ ดย
ลกึ อย่างแท้จรงิ มสี งิ่ ศกั ดสิ ์ ทิ ธใิ ์ ดกนั บ้างจะเตอื นเพยี งครอบครวั เดยี วถงึ ภัยพบิ ตั ทิ ่กี าลงั จะเกดิ ขน้ึ และปล่อยให้
เดก็ ผบู้ รสิ ุทธคิ ์ นอ่นื ๆ ถูกฆา่ ผอู้ า่ นทอ่ี า่ นอย่างระมดั ระวงั จะสงั เกตวา่ ความโกรธของกษตั รยิ เ์ ฮโรด ซง่ึ สง่ ผลใหม้ ี
การสงั หารทารกทุกคนในเมอื งเบธเลเฮม (ซง่ึ ไม่ใช่แผนแต่แรกของเขา, 2:8) มเี หตุมาจากการเตอื นโหราจารยซ์ ง่ึ เป็นเหตุ
อศั จรรยใ์ น 2:12 (เทยี บ 2:16) ดงั นนั้ เร่อื งในพระคมั ภรี ์ การเขา้ แทรกแซงของพระเป็นเจา้ นัน้ เองเป็นสง่ิ ทช่ี ่วยพระ
เยซูเจา้ ไว้ ซง่ึ ขอ้ มลู น้ีเป็นขอ้ มลู ในเชงิ ภววสิ ยั ทส่ี ง่ ผลเป็นความตายโดยไมจ่ าเป็นของเหล่าทารกแห่งเมอื งเบธเล
เฮม
เร่อื งเล่าเก่ยี วกบั โนอาห์ (ปฐก. 6: 5 – 7: 5) เล่าว่า พระเป็นเจา้ ตรสั บอกกบั ท่านโนอาหว์ ่าจะทรงบนั ดาลให้
น้าวนิ าศท่วมโลก ทาลายสงิ่ ทม่ี ชี วี ติ ทงั้ ปวง ทุกสง่ิ บนแผน่ ดนิ จะพนิ าศ แต่จะทรงปกป้องชวี ติ ของผชู้ อบธรรมและ
บรรดาสตั วท์ ุกชนิดในเรอื ใหญ่ของโนอาหใ์ หร้ อดตาย แต่ไม่มีใครเช่อื และตระหนกั ถงึ ภยั ต่อชวี ติ ดงั ทโ่ี นอาหแ์ ละ
ครอบครวั เขา้ ใจ นักบุญมทั ธวิ คงหวนระลกึ ถงึ พระคมั ภรี ต์ อนน้ี และอาจปรบั ใช้เป็นวธิ กี ารเล่าเหตุการณ์เกย่ี วกบั
นักบุญโยเซฟพาพระนางมารยี ์และพระกุมารเสดจ็ หนีไปประเทศอยี ปิ ต์ในคนื นัน้ ส่วนบรรดาทารกถูกประหาร
ตายหลายคนในเมอื งนนั้ เป็นลกั ษณะเดยี วกนั กบั เรอ่ื งเลา่ ของโนอาห์
ผตู้ คี วามเรอ่ื งน้แี ละเรอ่ื งเหตุอศั จรรยท์ งั้ หมดจาเป็นตอ้ งมคี วามละเอยี ดออ่ นต่อธรรมชาตโิ ดยพน้ื ฐานของ
ภาษาของเร่อื งราวน้ี และไม่คดิ เอาเองว่าการส่อื สารความจรงิ ทงั้ หมดใชภ้ าษาประเภทเดยี วกนั ในการส่อื สาร79
การเล่าใหม่ขา้ งตน้ แมว้ า่ จะนาเสนอ “ขอ้ เทจ็ จรงิ ” เดยี วกนั แต่กเ็ ปลย่ี นรปู แบบของพระคมั ภรี ท์ เ่ี ป็นภาษาทแ่ี สดง
การยอมรบั ใหเ้ ป็นภาษาท่ไี ม่ใช่ภาษาของคนวงในทแ่ี สดงการยอมรบั อกี ต่อไป เป็นภาษาของผูส้ งั เกตการณ์ท่ี
เป็นการรายงานเชงิ ภววสิ ยั รปู แบบของเร่อื งราวในพระคมั ภรี ต์ อนน้ี ซง่ึ มเี น้ือหาเกย่ี วกบั การหลบหนีไปยงั อยี ปิ ต์
และการสงั หารเหล่าทารกผวู้ มิ ลทาหน้าทเ่ี ป็นภาษาทแ่ี สดงการยอมรบั ของพระศาสนจกั รว่าพระเป็นเจา้ ทรงเป็น
ผกู้ ระทาการในการสงวนรกั ษาพระกุมารเยซูเจา้ ไวเ้ พอ่ื พระราชกจิ ในอนาคตของพระองค์ น่ีคอื “ประเดน็ ” ในการ
ยอมรบั ความจรงิ ของเร่อื ง การใช้ภาษาในลกั ษณะดงั กล่าวจะกลายมาเป็นปัญหา หากเราจะทาให้ภาษาใน
ลกั ษณะนนั้ เป็นการสอ่ื สารในเชงิ ภววสิ ยั ราวกบั วา่ เป็นการรายงานเหตุการณ์ตามตวั อกั ษรทผ่ี อู้ ่านสามารถสงั เกต
และอนุมานนัยโดยหลกั ตรรกะได้ ประเดน็ ไม่ไดอ้ ย่ทู ว่ี ่ามกี ารอศั จรรยเ์ กดิ ขน้ึ จรงิ หรอื เปล่า แต่อย่ทู ล่ี กั ษณะโดย
เน้ือแท้ของวาทกรรมท่แี สดงการยอมรบั ท่ีอยู่ในรูปแบบของเร่อื งการอศั จรรย์ ประเดน็ ท่แี ท้จรงิ คอื ไม่ว่าจะอ่าน
เร่ืองน้ีราวกับว่าเป็ นรายงานเหตุการณ์จริงหรือเป็ นภาษาของ “คนวงใน” ท่ีแสดงการยอมรบั เร่ืองน้ีก็มี
78
จุดมุ่งหมายเพยี งประการเดยี ว คอื การยอมรบั ของพระศาสนจกั รถงึ ความเช่อื ทว่ี ่าพระเป็นเจา้ ทรงกระทาการอยู่
แลว้ ในพระประสตู ขิ องพระเมสสยิ าหแ์ ละการสงวนรกั ษาพระองคไ์ ว้ หน้าทใ่ี นเชงิ ความจรงิ ของภาษาการสอ่ื สาร
ถงึ การยอมรบั ความเชอ่ื ทแ่ี ทจ้ รงิ แต่ในเชงิ ตรรกศาสตรแ์ ลว้ ไม่อาจเป็นหว่ งอนั หน่ึงของการอนุมานความหมายใน
โลกภววสิ ยั ได้ การเทศนาและการสอนจากขอ้ ความส่วนน้ีสามารถก่อใหเ้ กดิ ความเช่อื ว่าพระเป็นเจา้ ทรงกระทา
การอย่ใู นพระประสูตขิ องพระกุมารเยซูเจา้ และการสงวนพระองคไ์ วเ้ พ่อื ทพ่ี ระองคจ์ ะไดก้ ระทาพนั ธกจิ ของพระ
เมสสยิ าห์ให้สาเรจ็ สมบูรณ์ได้ ซ่ึงก่อให้เกดิ ภาษาส่อื ของพระเป็นเจ้าสาหรบั การกระทาอนั ยงิ่ ใหญ่ต่างๆ ของ
พระองค์ในชวี ติ ของเราเองได้ และยงั สามารถเป็นโอกาสท่จี ะใคร่ครวญลกั ษณะของภาษาแบบต่างๆ ในพระ
คมั ภรี ์ รวมทงั้ ไตร่ตรองวธิ กี ารเป็นพยานถงึ ความจรงิ ของพระราชกจิ ของพระเป็นเจา้ ในพระครสิ ต์ในแบบต่างๆ
กนั (ดรู ายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ ในบทเสรมิ เรอ่ื ง “ตคี วามเรอ่ื งราวการอศั จรรยใ์ นพระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ ” 241-51)
2. นกั บุญมทั ธวิ มองยอ้ นกลบั ไปยงั เหตุการณ์เรอ่ื งพระครสิ ต์แบบองคร์ วม ตงั้ แต่พระประสตู ขิ องพระองค์
มาถงึ พระราชกจิ ของพระองค์ การถูกตรงึ กางเขน การกลบั คนื พระชนมช์ พี และการสง่ พระศาสนจกั รและพนั ธกจิ
ของพระศาสนจกั รออกไปในโลก จากมุมมองเก่ยี วกบั เร่อื งราวหลงั การกลบั คนื พระชนม์ชพี ของนักบุญมทั ธวิ
เรอ่ื งของพระครสิ ตม์ กี ารดาเนนิ ไปแบบสามขนั้ ของการกระทาของพระเป็นเจา้ การตอบสนองของมนุษย์ และการ
ตอบสนองกลบั ดว้ ยอานาจแห่งผคู้ รอบครองของพระเป็นเจา้ ความหมายของเร่อื งการชว่ ยใหร้ อดพน้ ทงั้ หมดเป็น
สงิ่ ทค่ี าดหมายไดจ้ ากการนาเสนอของพระองค์เกย่ี วกบั การเสดจ็ มา การถูกละทง้ิ และการยนื ยนั ซ้าของพระเป็น
เจา้ ในพระกมุ ารเยซูเจา้
(ก) กษัตรยิ ์ผู้ทรงเป็นพระเมสสยิ าห์ เป็นพระราชบุตรของพระเป็นเจ้า เสด็จมาเพ่ือทาให้คาทานาย
เก่ยี วกบั ประวตั ิศาสตรอ์ สิ ราเอลสาเรจ็ เป็นจรงิ โดยเป็นวงศ์วานของดาวดิ และอบั ราฮมั เพ่อื ท่จี ะประกาศและ
ดาเนินพระชนม์ชีพเพ่ือการปกครองของพระเป็นเจ้าเหนือโลก (1:1-25) (ข) พระเยซูเจ้าทรงถูกประชากรของ
พระองคเ์ อง คอื อสิ ราเอล ปฏเิ สธ โดยกระทาการผ่านผนู้ าของพวกเขา (2:1-12) (ค) การปกป้องและการยนื ยนั ซ้า
ของพระเป็นเจา้ ในพระเยซูเจา้ เป็นสงิ่ ทค่ี าดหมายไดจ้ ากเรอ่ื งราวการหลบหนีไปยงั อยี ปิ ต์ การกลบั คนื สอู่ สิ ราเอล
และการยา้ ยถนิ่ มาทก่ี าลลิ ี (2:13-23; cf.28:16-20 หลงั การถกู ละทง้ิ ทย่ี เู ดยี พนั ธกจิ สาหรบั คนตา่ งชาตกิ เ็ รมิ่ ขน้ึ ในกาลลิ )ี
ดา้ นหน่ึงของการประกาศของพระเยซูเจา้ ถงึ พระอาณาจกั รพระเป็นเจา้ คอื การทพ่ี ระองคไ์ ดท้ รงสอนว่า
ไม่ควรตอบสนองการปฏเิ สธดว้ ยการตอบโต้ แต่เป็นการระงบั ความชวั ่ รา้ ยในน้ามอื ของผอู้ ่นื (5:38-39; เทยี บ 10:23;
26:53) ณ ยามวกิ ฤตของการกระทาหน้าท่ขี องพระองค์ ซ่งึ เป็นวาระหน่ึงในลาดบั เร่อื งท่ีนักบุญมทั ธวิ เล่า ผูเ้ ป็น
ตวั แทนของสถานภาพกษตั รยิ ข์ องพระเป็นเจา้ ตอบสนองการวางแผนสงั หารโดยการเสดจ็ ไปจากทท่ี พ่ี ระองคท์ รง
อย่ใู นตอนนัน้ (ดู 12:15-21) และขบวนการทเ่ี ปิดเผยถงึ ความเป็นกษตั รยิ ท์ เ่ี ขา้ มาในนครเยรูซาเลม็ ซง่ึ กษตั รยิ ท์ รง
เป็นผู้ “อ่อนโยน สุภาพ มพี ระทยั ถ่อมตน” (πραυ?ω praus) ตรงตามพระคมั ภีร์ (เทยี บ 21:5) ในเร่อื งเก่ยี วกบั พระ
ประสตู ิ การวางแผนจะปลงพระชนมพ์ ระเยซูเจา้ ไมไ่ ดป้ ระสบกบั การตอบโตจ้ ากพระเป็นเจา้ ต่อกษตั รยิ เ์ ฮโรด แต่
ประสบกับการหลบหนีไปยงั อียิปต์ของครอบครวั พระเยซูเจ้า เช่นเดียวกบั ท่ีการสงั หารพระเยซูเจ้า ซ่ึงผู้ท่ี
พระองคเ์ สดจ็ มาช่วยกู้เป็นผกู้ ระทา ไม่ไดเ้ ป็นจุดสน้ิ สุดของพระเยซูเจา้ ผซู้ ง่ึ พระเป็นเจา้ ทรงปกป้องเกยี รตแิ ห่ง
ความชอบธรรม ณ การกลบั คนื พระชนมช์ พี ณ ทน่ี ้ีกเ็ ช่นกนั พระเป็นเจา้ ทรงพทิ กั ษ์รกั ษาพระกุมารเยซูเจา้ และ
ปกป้องเกยี รตแิ ห่งความชอบธรรมของพระองค์ และพระประสงคข์ องพระเป็นเจา้ ได้ดาเนินต่อไป ในทงั้ หมดน้ี
พระเยซูเจา้ ทรงเป็นผถู้ กู กระทาและพระเป็นเจา้ ทรงเป็นผกู้ ระทาทซ่ี อ่ นเรน้ อยู่
79
ใน อพย. 4:2-23 เม่อื ฟาโรห์ ผซู้ ง่ึ ไดพ้ ยายามฆ่าโมเสส จะไม่ปล่อยให้ชาวอสิ ราเอลไป พระเป็นเจา้ ทรง
สงั หารบุตรของฟาโรห์และบุตรของชาวอียปิ ต์ การปลดปล่อยชาวอสิ ราเอลมโี มเสสนา โมเสสผู้ซ่ึงได้ฆ่าชาว
อยี ปิ ต์และนาชาวอสิ ราเอลผ่านทะเลแดง ซ่ึงหมายถงึ ความตายสาหรบั กองทพั ของฟาโรห์ อาณาจกั รใหม่ของ
กษตั รยิ ด์ าวดิ ในแผ่นดนิ พระสญั ญาเป็นแผ่นดนิ ท่กี ่อตงั้ ขน้ึ ดว้ ยความรุนแรง (ดู 1 ซมอ. 9 – 1 พกษ. 5) ในพระวรสาร
นักบุญมทั ธวิ ทงั้ กษตั รยิ ์เฮโรดและบุตรของพระองค์ไม่ไดถ้ ูกฆ่า แต่ยงั คงมอี านาจต่อไป พระเป็นเจา้ ไดท้ รงส่ง
พระบุตรของพระองคใ์ หม้ าถวายพระชนมท์ งั้ ท่เี ป็นผูบ้ รสิ ุทธเิ ์ พ่อื บาปของผูอ้ ่นื ซ่งึ มกี ารบ่งบอกไวก้ ่อนแลว้ โดย
ผ่านความตายของทารกผบู้ รสิ ุทธแิ ์ ห่งเมอื งเบธเลเฮม เช่นเดยี วกบั ทพ่ี ระเป็นเจา้ ไม่ไดท้ รงป้องกนั ไม่ใหก้ ารตรงึ
กางเขนเกิดข้นึ พระเป็นเจ้ามไิ ด้ทรงส่งกองทพั ทูตสวรรค์มาป้องกนั การสงั หารเหล่าทารกชายเช่นกนั ความ
รุนแรงทก่ี ระทาต่อผบู้ รสิ ุทธขิ ์ องโลกน้ีเป็นขวั้ ตรงกนั ขา้ มกนั กบั น้าพระทยั พระเป็นเจา้ แต่พระเป็นเจา้ มไิ ดท้ รงเขา้
แทรกแซงเพ่อื หยดุ ความรุนแรง (เทยี บ สว่ นทน่ี กั บุญมทั ธวิ เพมิ่ เตมิ เขา้ มาในเร่อื งท่ี 26:51-53) น่ีคอื กระบวนทศั น์ใหม่ทแ่ี สดงให้
เหน็ วา่ พระประสงคเ์ รอ่ื งการชว่ ยกูใ้ หร้ อดของพระเป็นเจา้ ในประวตั ศิ าสตรจ์ ะสาเรจ็ เป็นผลไดอ้ ยา่ งไร และการให้
นิยามใหม่แก่การเป็นพระเมสสยิ าหแ์ ละพระอาณาจกั รพระเป็นเจา้ ณ ตอนเรม่ิ ตน้ เรอ่ื งของเร่อื งราวของพระเยซู
เจา้
3. แมว้ ่าเมอ่ื อา่ นเร่อื งราวน้ีโดยเผนิ ๆ ผอู้ า่ นอาจจะไม่ไดม้ องเหน็ ว่าเป็นเร่อื งเกย่ี วกบั การกระทาการของ
พระเป็นเจา้ ผอู้ ่านจะรสู้ กึ ว่า มธ. 1:18 - 2:23 เป็นเชน่ นนั้ เน่ืองจากเป็นเร่อื งราว “เกย่ี วกบั ” ทารก ผอู้ ่านอาจนึก
ภาพไม่ออกว่าพระกุมารเยซูเจา้ เป็นผทู้ รงกระทากจิ การแห่งการชว่ ยกูใ้ หร้ อดอนั ทรงฤทธดิ ์ ว้ ยพระองคเ์ อง และก็
ไม่ใชเ่ รอ่ื งเกย่ี วกบั วรี กรรมของพระนางมารยี ห์ รอื นกั บญุ โยเซฟ ทงั้ สองเชอ่ื ฟังพระเป็นเจา้ และเรอ่ื งทเ่ี ลา่ กไ็ มอ่ าจ
เกดิ ขน้ึ ได้หากปราศจากพวกท่าน ผูท้ ท่ี าใหเ้ ร่อื งเรม่ิ ขน้ึ คอื พระเป็นเจา้ ซ่งึ พระราชกจิ แห่งการช่วยกู้ใหร้ อดพน้
ของพระองคแ์ สดงถงึ อานาจสงู สดุ และการเลอื กของพระเป็นเจา้ ไม่ใชป่ ฏกิ ริ ยิ าต่อคาอธษิ ฐานหรอื การกระทาของ
มนุษย์ ทท่ี ารกถอื กาเนิดขน้ึ มา ไดร้ บั การทรงนา การปกป้อง และนาสบู่ า้ นของเขาในกาลลิ ซี ง่ึ เป็นดนิ แดนของคน
ต่างชาตโิ ดยการนาของพระเป็นเจา้ กระนัน้ การนานัน้ ไม่ไดเ้ ป็นทป่ี ระจกั ษ์แจง้ ชดั และมคี วามคลุมเครอื ต่อเม่อื
ภายหลงั นนั้ เอง เมอ่ื พระเยซูเจา้ เสดจ็ มารบั พธิ ลี า้ งและไดย้ นิ เสยี งสวรรคป์ ระกาศวา่ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรพระ
เป็นเจา้ ผอู้ ่านจงึ เขา้ ใจวา่ เป็นไปไม่ไดท้ ท่ี ารกน้ีจะเป็นคนธรรมดา หากแต่เป็นผทู้ แ่ี สดงถงึ การเรม่ิ ดาเนินการของ
พระเป็นเจา้ ในการเรยี กผทู้ เ่ี กดิ มาและไดร้ บั การสงวนไวใ้ นฐานะพระบตุ รของพระเป็นเจา้
4. ในการจดั ฉากหรอื ขบวนแห่ในพธิ ฉี ลองการเสดจ็ มาและคริสต์มาสของศาสนาครสิ ต์ในรูปแบบต่างๆ
อาจจะมกี ารจดั ฉากโดยรวมเอาเร่อื งราวและภาพทงั้ หมดเก่ยี วกบั พระประสูตขิ องพระเยซูเจา้ โดยองิ ตามพระ
คมั ภรี แ์ ละธรรมประเพณีอ่นื ๆ เขา้ มาเป็นฉากใหญ่ฉากเดยี วกเ็ ป็นได้ แต่หากทาเช่นน้ีในอรรถกถา ความหมาย
ของตวั บทจะสญู หายหรอื ไม่กถ็ ูกบดบงั พระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ซง่ึ ไม่ไดม้ ที ศั นะเร่อื งสภาวะก่อนการอุบตั ขิ น้ึ มา
ของสรรพสงิ่ (และดงั นัน้ จงึ ไม่ได้มที ศั นะเร่อื งการเสดจ็ มารบั สภาพมนุษย)์ ไม่อาจนามาผสมกนั ในเชงิ อรรถกถากบั พระวรสาร
นักบุญยอห์น ซ่ึงไม่มเี ร่อื งราวเก่ียวกบั พระประสูติได้ เช่นเดยี วกบั คนอ่ืนๆ ท่มี าก่อนแล้ว เราต้องใคร่ครวญ
ความหมายโดยสมบูรณ์ของพระครสิ ต์ เราต้องระลกึ ไวเ้ ช่นกนั ว่าการผสมผสานกนั ของเร่อื งราวก่อนการอุบตั ิ
ขน้ึ มาของสรรพสง่ิ /การประสตู ไิ มไ่ ดเ้ กดิ ขน้ึ ในพนั ธสญั ญาใหม่ และจะเอาพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ กบั นกั บุญมาระ
โกมาผสมกนั ไม่ได้ เร่อื งในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ เรมิ่ ข้นึ ในเมอื งเบธเลเฮม ภูมลิ าเนาของพระนางมารยี ์และ
นักบุญโยเซฟ และเร่อื งดาเนินสบื ไปถงึ เมอื งนาซาเรธ็ พระวรสารนักบุญลูกามกี ารดาเนินเร่อื งแบบตรงกนั ขา้ ม
80
โดยเรอ่ื งราวเรมิ่ ขน้ึ ในเมอื งนาซาเรธ็ และดาเนนิ ไปยงั เมอื งเบธเลเฮมแลว้ จงึ ยอ้ นกลบั มา ในพระวรสารนกั บญุ ลกู า
ไม่มกี ารกล่าวถงึ การเดนิ ทางไปอยี ปิ ต์ ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ไม่มกี ารถวายพระเยซูเจา้ ในพระวหิ าร พระ
กุมาร ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ เป็นราชกุมาร มคี นพดู ถงึ กนั ในพระราชวงั ของกษตั รยิ ์ มชี าวต่างชาตคิ นสาคญั
มาเขา้ เฝ้าและนาบรรณาการอนั ล้าค่ามาถวายพระองค์ พระกุมารในพระวรสารนักบุญลูกาประสตู ใิ นคอกสตั ว์ มี
คนเล้ยี งแกะผู้ยากไรม้ าเขา้ เฝ้า และพระมารดาของพระองค์ปฏิบตั ิตามขอ้ กาหนดของกรณีผู้ขดั สนเม่อื ถวาย
พระองค์ (ลก. 2:24; เทยี บ ลนต. 12:8) ในการทาความเขา้ ใจพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ผอู้ ่านตอ้ งตงั้ ใจทจ่ี ะไม่อ่านพระวร
สารนกั บุญลกู าหรอื พระวรสารนกั บุญยอหน์ แบบอนุมานความหมายโดยนยั และกลบั กนั ในการจะทาความเขา้ ใจ
พระวรสารลูกาหรอื พระวรสารนักบุญยอหน์ การยนื ยนั ซ้าในทางครสิ ตวทิ ยาแต่ละครงั้ ของผู้นิพนธพ์ ระวรสารแต่
ละทา่ นมคี วามหมายและบรู ณภาพสมบูรณ์ของตนเอง ซง่ึ อาจจะสญู หายไปจากการพยายามนามาอธบิ ายตคี วาม
พระคมั ภรี ร์ วมกนั
บทเสริมเรื่อง: มทั ธิวในฐานะผตู้ ีความพระคมั ภีร์
ความสาคญั ของพระคมั ภีรส์ าหรบั มทั ธิว
นักบุญมทั ธวิ ยกขอ้ ความจากพระคมั ภีรโ์ ดยตรง 40 ครงั้ ท่านช้แี จงอย่างชดั แจง้ เช่นว่า “มพี ระคมั ภีร์
เขยี นไว้ว่า” (เช่น มธ. 4:4 = ฉธบ. 8:3) และพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ยงั มอี กี หลายขอ้ ความท่เี ป็นการยกขอ้ ความมา
โดยตรงโดยทไ่ี มไ่ ดม้ กี ารระบุอย่างชดั แจง้ เช่นนนั้ (เช่น 27:46 = สดด. 22:1 จานวนทแ่ี น่ชดั ของขอ้ ความดงั กล่าวมอี ยเู่ ท่าใดขน้ึ อยกู่ บั
ว่าเราจะแยกแยะระหว่างขอ้ ความทย่ี กมาและการอา้ งถงึ อย่างเขม้ งวดเพยี งใด) พระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาใหม่ ภาษากรกี ของเนส
เซิล-อลนั ด์ฉบบั ปัจจุบนั ระบุขอ้ ความท่ยี กมาในลกั ษณะน้ี 21 ขอ้ ความ รวมเป็นขอ้ ความท่ยี กมาโดยตรง 61
ขอ้ ความใน 28 บท นอกเหนือจากขอ้ ความทย่ี กมาโดยตรงแลว้ ตวั บทในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ยงั เตม็ ไปดว้ ย
การถอดขอ้ ความในพระคมั ภีร์ การอ้างถงึ พระคมั ภีร์ และภาษาภาพพจน์ในพระคมั ภีร์อีกด้วย เช่นเดียวกนั
จานวนทแ่ี น่ชดั มอี ย่เู ท่าใดกข็ น้ึ อยกู่ บั วา่ จะกาหนดเกณฑใ์ นการระบุการอา้ งถงึ อยา่ งเคร่งครดั เพยี งไร จานวนของ
การอ้างองิ ทน่ี ับได้น้ีกต็ ่างกนั ไป ตงั้ แต่ 294 ขอ้ ความในพระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาใหม่ภาษากรกี ของเนสเซลิ -
อลนั ด์ ไปจนถงึ 30 ขอ้ ความในรายการท่สี มาคมพระครสิ ตธรรมของอเมรกิ าได้ทาขน้ึ สาหรบั ผูแ้ ปล82 ไม่ว่าจะ
วเิ คราะหใ์ นแบบใด ความคดิ และตวั บทของนกั บุญมทั ธวิ มพี ระคมั ภรี แ์ ทรกซมึ อย่อู ย่างเตม็ เป่ียม มขี อ้ ความทย่ี ก
มาและขอ้ ความอา้ งถงึ ในลกั ษณะทว่ี า่ มาน้ี มากกวา่ พระวรสารฉบบั อ่นื ๆ มากพอสมควร
การแจกแจง (Distribution)
จากขอ้ ความทย่ี กมา 61 ขอ้ ความนัน้ มขี อ้ ความท่มี าจากพระวรสารนักบุญมาระโก 24 ขอ้ ความและมี
ขอ้ ความท่ีมาจากแหล่ง Q 9 ขอ้ ความ อย่างไรก็ดี มี 28 ขอ้ ความท่เี ป็นข้อความเฉพาะของนักบุญมทั ธวิ 10
ขอ้ ความในน้ีเป็นขอ้ ความของนักบุญมทั ธวิ ทเ่ี พม่ิ เขา้ มาใหก้ บั บรบิ ทของพระวรสารนกั บุญมาระโก สามขอ้ ความ
เป็นขอ้ ความทเ่ี พม่ิ เขา้ มาใหก้ บั บรบิ ทแหล่ง Q และ 15 ขอ้ ความเป็นขอ้ ความทม่ี อี ย่เู ฉพาะในวตั ถุดบิ ทใ่ี ชใ้ นการ
ประพนั ธพ์ ระวรสารนักบุญมทั ธวิ ดงั นัน้ นักบุญมทั ธวิ จงึ นาเสนอขอ้ ความทย่ี กมาเป็นจานวนมากเกอื บเท่ากบั ท่ี
เขานามาจากแหล่งของทา่ น และมกั จะเพมิ่ เตมิ หรอื ปรบั ขอ้ ความทย่ี กมาใหเ้ ขา้ กบั แหล่งของทา่ น นกั บุญมทั ธวิ ใช้
81
ทุกข้อความท่ียกมาจากพระคมั ภีร์จากวตั ถุดิบในส่วนของพระวรสารนักบุญมาระโกหรอื แหล่ง Q ท่ีท่านได้
รวมเขา้ มาโดยไมม่ ขี อ้ ยกเวน้ และทา่ นกร็ กั ษาขอ้ ความทเ่ี ป็นการอา้ งถงึ สว่ นใหญ่ไวเ้ ชน่ กนั
ในภาคปฏบิ ตั นิ นั้ ขอ้ ความทย่ี กมาโดยตรงทงั้ หมดมอี ยสู่ องประเภท ถา้ ไม่ใชว่ า่ พระเยซูเจา้ ทรงอา้ งองิ พระ
คมั ภรี ม์ ากล่าวกบั ตวั ละครอ่นื ๆ ในเร่อื ง (43 ครงั้ ) กเ็ ป็นผเู้ ล่าเร่อื งยกขอ้ ความพระคมั ภรี ม์ ากล่าวกบั ผอู้ ่าน (13
ครงั้ ) ขอ้ ความทย่ี กมาขอ้ ความอ่นื ๆ แบ่งไดเ้ ป็นขอ้ ความทม่ี หาปุโรหติ และธรรมาจารย์ (2:5-6) สะดูสี (22:24) มาร
(4:6) และฝงู ชน (21:9) โดยมขี อ้ ความหน่ึงท่ธี รรมาจารย์ บรรดาสาวก และพระเยซูเจ้า (17:10-11) ตรสั ร่วมกนั ทงั้
บรรดาสาวกและฟารสิ ตี า่ งกไ็ ม่ไดอ้ า้ งถงึ พระคมั ภรี โ์ ดยตรง
ไดม้ กี ารยกขอ้ ความมาจากพระวรสารในพระคมั ภรี ภ์ าษาฮบี รดู งั ต่อไปน้ี ตวั เลขแรกบอกจานวนขอ้ ความ
ทเ่ี ป็นขอ้ ความทม่ี อี ย่ใู นพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ตวั เลขทส่ี องบอกจานวนขอ้ ความทย่ี กมาทงั้ หมดจากพระวรสาร
นัน้ ได้แก่ ปฐมกาล 0/3; อพยพ 3/5; เลวนี ิติ 2/3; กนั ดารวถิ ี 0/1; เฉลยธรรมบญั ญัติ 2/8; สดุดี 4/12; อสิ ยาห์
5/10; เยเรมยี ์ 2/2; ดาเนียล 2/5; โฮเชยา 3/3; โยนาห์ 1/1; มคี าห์ 1/2; เศคารยิ าห์ 2/3; (อา้ งองิ เป็น “เยเรมยี ”์ ใน 27:9);
มาลาคี 0/2; และการอา้ งองิ โดยไม่มกี ารระบุแหล่งใน 2:23 เช่นเดยี วกบั ในพระวรสารเล่มอ่นื ๆและพนั ธสญั ญา
ใหม่ทงั้ หมด นักบุญมทั ธวิ อ้างองิ ถงึ สดุดี อสิ ยาห์และเฉลยธรรมบญั ญตั ิมากท่สี ุด ไม่มขี อ้ ความใดท่ยี กมาจาก
หนังสอื นอกสารบบโดยตรงและหนังสอื ท่ไี ม่อาจระบุไดว้ ่ามาจากผูเ้ ขยี นจรงิ หรอื ไม่ แต่อาจมขี อ้ ความท่อี ้างถงึ
หนังสอื เหล่าน้ี (เช่น มธ. 11:29/ บสร. 6:24-25,28-30; มธ. 27:43/ ปชญ. 2:13, 18-20; มธ. 5:5/1 เอโนค 5:7; มธ. 25:31/1 เอโนค 61:8; 62:2-
3)
ในสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ ตวั บทของพระคมั ภรี ก์ าลงั อยใู่ นกระบวนการทาใหเ้ ป็นมาตรฐานโดยผนู้ าทเ่ี ป็น
รบั ไบ/ธรรมาจารยท์ ก่ี ระจายออกมาจากเมอื งยมั เนีย ซง่ึ เหน็ ไดช้ ดั จากความแตกต่างอยา่ งมากของตวั บทในพระ
คมั ภรี จ์ ากคุมราน ซง่ึ ถูกนาไปซ่อนในสากลศกั ราชท่ี 70 (hidden 70 CE) ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความหลากหลายอย่าง
มาก และตวั บทจากสมยั การกบฏครงั้ ท่ี 2 ในปี ค.ศ. 132-135 ซ่งึ พบในถ้าวาดี มูรบั บาอตั (Wadi Murabba-at)
ซง่ึ ลว้ นเป็นแบบเมสโซเรตกิ ซง่ึ บ่งชว้ี า่ การทาตวั บทใหเ้ ป็นมาตรฐานไดส้ าเรจ็ ลุล่วงไปอยา่ งมปี ระสทิ ธผิ ลในสมยั
นนั้ เน่ืองจากในสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ ยงั ไม่ไดม้ กี ารทาตวั บทใหเ้ ป็นมาตรฐาน จงึ มตี วั บทหลากหลายรปู แบบใน
ทงั้ ภาษาฮบี รแู ละภาษากรกี ในศาสนายดู ายในสมยั ของนกั บญุ มทั ธวิ
ขอ้ ความท่ยี กมาจากพนั ธสญั ญาเดมิ ในพระวรสารนักบุญมาระโกเป็นขอ้ ความทม่ี าจากพระคมั ภรี ฉ์ บบั
เจด็ สบิ (Septuagint: LXX)เหมอื นกนั หมด และขอ้ ความทย่ี กมาโดยตรงซง่ึ มอี ย่ไู ม่กข่ี อ้ ความในแหล่ง Q มาจาก
พระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ โดยเกอื บจะทงั้ หมด ในการรวมเอาเน้ือหาจากพระวรสารนกั บญุ มาระโกและเอกสารแหล่ง
Q เขา้ มาในงานเขยี นของนกั บุญมทั ธวิ ยงั คงมขี อ้ ความทย่ี กมาในรปู แบบของพระคมั ภรี ์ฉบบั เจด็ สบิ บางทที ่าน
ถงึ กบั ปรบั ขอ้ ความเหล่าน้ีเลก็ น้อยเพ่อื ทาใหใ้ กลเ้ คยี งกบั พระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ (LXX)มากขน้ึ ขอ้ ความทย่ี กมา
บางขอ้ ความทม่ี อี ย่เู ฉพาะในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ หรอื ทน่ี ักบุญมทั ธวิ นาเขา้ มาส่บู รบิ ทของพระวรสารนกั บุญ
มาระโกหรอื เอกสารแหล่ง Q กเ็ ป็นแบบพระคมั ภรี ฉ์ บบั เจ็ดสบิ (LXX)เช่นกนั พระคมั ภรี ด์ งั กล่าวน้ีจงึ เป็นฉบบั
แปลแบบทพ่ี บเหน็ อย่บู ่อยๆ และผคู้ นเคารพกนั ในสงั คมของนักบุญมทั ธวิ พระคมั ภรี ฉ์ บบั น้ีดูจะเป็นฉบบั หลกั ท่ี
นกั บุญมทั ธวิ ใชเ้ อง บางทขี อ้ ความทย่ี กมาในฉบบั ภาษาฮบี รกู ไ็ ม่มปี ระเดน็ และตอ้ งดจู ากฉบบั แปลภาษากรกี ซง่ึ
รวมถงึ ขอ้ ความทย่ี กมาทบ่ี อกวา่ พระเยซูเจา้ ทรงเป็นผตู้ รสั ดว้ ย (เช่น 21:16 = สดด. 8:3 เจด็ สบิ (LXX))
82
สตู รการอ้างอิง (The Formula Quatations)
หมวดพิเศษประกอบไปด้วย “สูตรการอ้างอิง” 10 ขอ้ ความ ซ่ึงบางทีก็เรยี กว่า “ข้อความอ้างอิงเพ่ือ
สะท้อน” (Reflexionszitaten) หรอื “ขอ้ ความอา้ งองิ เก่ยี วกบั การทาใหส้ าเรจ็ เป็นจรงิ ” (ดู 1:22-23; 2:15; 2:17-18; 2:23;
4:14ข-16; 8:17; 12:18-21; 13:35; 21:4-5; 27:9-10) ขอ้ ความทงั้ หมดน้ี นักบุญมทั ธวิ นาเขา้ มาในบรบิ ทของแต่ละขอ้ ความ
นอกจากขอ้ ความทย่ี กมาทเ่ี ป็นสตู ร 4 ขอ้ ความในเร่อื งเล่าเกย่ี วกบั พระประสตู ิ ขอ้ ความทงั้ หมดกล็ ว้ นมที ม่ี าจาก
บรบิ ทของพระวรสารนกั บุญมาระโกทงั้ สน้ิ นอกจากขอ้ ความทย่ี กมาจาก ศคย. 9:9 ใน มธ. 21:4-5 ไม่มขี อ้ ความ
อา้ งองิ ณ ทอ่ี น่ื ใดในพนั ธสญั ญาใหม่ ขอ้ ความเหลา่ น้จี งึ ดเู หมอื นจะไมไ่ ดอ้ ยใู่ นคลงั มาตรฐานของตวั บทพสิ จู น์ของ
ครสิ ต์ศาสนาในสมยั แรก แต่มเี พยี งในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ และ/หรอื ธรรมประเพณีของท่านเอง ขอ้ ความ
เหลา่ น้แี ตกต่างจากขอ้ ความทย่ี กมา รวมถงึ ขอ้ ความอ่นื ๆ ทม่ี เี ฉพาะในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ดว้ ย (ก) โดยสตู ร
การนาเขา้ เร่อื งของขอ้ ความเหล่าน้ี ซ่งึ ระบุเหตุการณ์หน่ึงในพระชนมช์ พี ของพระเยซูเจา้ ว่าเป็นการทาใหพ้ ระ
คมั ภรี ส์ าเรจ็ สมบูรณ์ (ข) โดยคากลา่ วทงั้ หมดน้ไี ม่ไดเ้ ป็นขอ้ ความทต่ี วั ละครในเรอ่ื งกลา่ วต่อตวั ละครอน่ื ๆ แตเ่ ป็น
ขอ้ ความทผ่ี ดู้ าเนินเรอ่ื งกล่าวต่อผอู้ า่ น และ (ค) โดยประเภทตวั บทของขอ้ ความเหล่าน้ี สตู รการนาเขา้ เรอ่ื งแบบ
สมบรู ณ์ปรากฏอยใู่ นขอ้ ความทย่ี กมาขอ้ ความแรก “ทงั้ น้เี กดิ ขน้ึ เพอ่ื จะใหส้ าเรจ็ ตามพระวาจาของพระเป็นเจา้ ซง่ึ
ตรสั ไวโ้ ดยผเู้ ผยพระวจนะว่า” (1:22) และมกี ารใชซ้ ้าโดยมคี วามแตกต่างออกไปเลก็ น้อยในขอ้ ความทย่ี กมาอ่นื ๆ
ทงั้ หมด “ให้สาเรจ็ ” แปลว่า ι{ναπληρωθηз/ (hina plerothe) ซ่ึงน่าจะแปลว่า “ส่งผลเป็น” มากกว่า “มุ่งหมายให้”
ขณะทโ่ี ดยทวั่ ไปแลว้ นกั บุญมทั ธวิ จะยดึ ตามพระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ ขอ้ ความทย่ี กมาทงั้ 10 น้มี ลี กั ษณะเฉพาะคอื
มคี วามแตกต่างออกไปจาก พระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ (LXX) และประเภทของตวั บททค่ี นรจู้ กั ประเภทอ่นื ๆทงั้ หมด
มกี ารอภปิ รายโต้แย้งกนั ว่าการท่เี ป็นเช่นน้ีหมายความว่าขอ้ ความเหล่าน้ีแสดงถงึ ประเภทตวั บทท่สี ูญหายไป
หรอื ว่าขอ้ ความเหล่าน้ีมาจาก “สกุล” อรรถกถาของธรรมาจารย์ครสิ ต์ท่ศี กึ ษาพระวรสารนักบุญมทั ธวิ หรอื ว่า
แสดงถงึ งานเขยี นเชงิ อรรถกถาของนักบุญมทั ธวิ เองท่ตี คี วามตวั บท ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ขอ้ ความเหล่าน้ีดูจะ
แสดงถงึ ผลลพั ธ์ของกจิ กรรมอย่างหน่ึงของธรรมาจารยค์ รสิ ต์ การยกขอ้ ความมาในลกั ษณะน้ีไม่ใช่ว่าจะกระทา
ตามความพอใจอย่างท่เี ราอาจจะคดิ แต่ในบรบิ ทศาสนายูดายในศตวรรษท่หี น่ึง ขอ้ ความเหล่าน้ีแสดงถงึ การ
ตคี วามพระคมั ภรี ์อย่างมภี ูมแิ ละเฉียบคม การตคี วามในรูปแบบน้ี เป็นการปรบั ตวั บทให้เขา้ กนั กบั การทาให้
สาเรจ็ เป็นจรงิ ทไ่ี ด้มกี ารคาดการณ์ไวม้ ากขน้ึ เป็นแนวทางท่ไี ดม้ กี ารปฏบิ ตั กิ นั มาในศาสนายูดายสายอ่นื ๆ ใน
ศตวรรษทห่ี น่ึง และมคี วามคลา้ ยคลงึ กนั กบั รปู แบบการตคี วามแบบหาคาตอบทม่ี กี ารทากนั ในคุมราน บางทกี ม็ ี
การอธิบายว่าข้อความท่ียกมาเก่ียวกับการทาให้สาเร็จเป็นจรงิ แสดงถึงการรวบรวมข้อความพิสูจน์ หรอื
Testimonia ทางครสิ ตศาสนาก่อนสมยั นักบุญมทั ธิว แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนัน้ เน่ืองจากผู้เขยี นบูรณาการ
ขอ้ ความดงั กล่าวทงั้ หมดเขา้ ในบรบิ ทของแต่ละขอ้ ความและยากทจ่ี ะอธบิ ายใหเ้ หน็ ไดว้ ่าขอ้ ความเหล่าน้ีแต่เดมิ
เป็นท่รี วมผลงานท่แี ยกกนั จากบรบิ ทท่พี บเหน็ ในปัจจุบนั ของแต่ละขอ้ ความ เน่ืองจากขอ้ ความเหล่าน้ีสะทอ้ น
ความคดิ ในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ จงึ ดูวา่ น่าจะมาจากสกุลเดยี วกนั กบั ทม่ี กี ารร่างพระวรสารขน้ึ มา หรอื สง่ิ ทม่ี ี
ความน่าจะเป็นมากกวา่ นนั้ กค็ อื นกั บญุ มทั ธวิ เป็นผเู้ รยี บเรยี งขน้ึ มาเอง (ดรู ายละเอยี ดในคาอธบิ ายเกย่ี วกบั ขอ้ ความขา้ งตน้ แต่
ละขอ้ ความ)
83
เทววิทยาของมทั ธิวเก่ียวกบั ความสาเรจ็ บริบรู ณ์ตามพระสญั ญา (Matthew’s Theology of Fulfillment)
คนมกั จะคดิ กนั วา่ การใชพ้ ระคมั ภรี ข์ องนกั บุญมทั ธวิ นนั้ เป็นเพอ่ื การปกป้องศาสนาว่าเขาใหค้ วามใส่ใจท่ี
จะพสิ จู น์ความเป็นพระเมสสยิ าหข์ องพระเยซูเจา้ ตอ่ ชาวยวิ โดยใชพ้ ระคมั ภรี ์ของพวกเขาเอง น่ีเป็นความคดิ ทผ่ี ดิ
ด้วยเหตุผลสองประการ (1) พระวรสารนักบุญมทั ธวิ ไม่ไดเ้ ขยี นขน้ึ โดยมุ่งหมายจะส่อื สารกบั คนวงนอกเพ่อื จะ
เปลย่ี นความเชอ่ื พวกเขา แต่เพอ่ื สอ่ื สารกบั คนวงในเพอ่ื จะแสดงออกถงึ และใหค้ วามกระจา่ งในเรอ่ื งความเช่อื ของ
พวกเขาและทาใหค้ วามเชอ่ื ของพวกเขาเขม้ แขง็ ทส่ี าคญั พระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ไม่ไดเ้ ขยี นขน้ึ โดยมุ่งหมายจะ
ส่อื สารต่อชาวยวิ นอกชุมชนชาวครสิ ต์ – แมว้ ่าพระศาสนจกั รของนักบุญมทั ธวิ จะมคี วามเป็นยวิ และเป็นครสิ ต์
อยา่ งเขม้ ขน้ และมธี รรมประเพณีอนั ยาวนานในศาสนายดู าย (2) หรอื ในฐานะท่ี “หลกั ฐาน” การใชพ้ ระคมั ภรี ข์ อง
นกั บุญมทั ธวิ ไม่ไดเ้ ป็นสงิ่ ทน่ี ่าเชอ่ื ถอื หากจะคดิ วา่ เขารวบรวมหลกั ฐานทางพระคมั ภรี ข์ องการเป็นพระเมสสยิ าห์
ของพระเยซูเจ้า การตคี วามขอ้ ความในทศั นะของชาวครสิ ต์ของท่าน ซ่ึงขดั แย้งกนั กบั ความหมายดงั้ เดมิ อนั
ชดั เจนของขอ้ ความนนั้ ๆ รวมทงั้ ความเปลย่ี นแปลงทเ่ี ขาไดท้ าในตวั บทเองกท็ าใหอ้ าจกล่าวไดว้ า่ ทา่ นทาผดิ เรอ่ื ง
การใชห้ ลกั ฐานในทางทผ่ี ดิ ซง่ึ จะทาใหก้ ารตคี วามของท่านไม่น่าเช่อื ถอื ในสายตาคนวงนอก (เทยี บ ดูคาอธบิ ายสาหรบั
1:2-17)
สง่ิ ทก่ี ารใชพ้ ระคมั ภรี ข์ องนักบุญมทั ธวิ ไดส้ ะทอ้ นไม่ใช่การปกป้องศาสนาทม่ี ุ่งหมายจะส่อื สารกบั คนวง
นอก แต่เป็นคาสารภาพท่มี ุ่งหมายจะส่อื สารกบั คนวงใน ความมนั่ ใจว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระครสิ ต์เป็นขอ้
สนั นิษฐานของการใชพ้ ระคมั ภรี ข์ องท่าน ไม่ใช่ผล ตงั้ แต่ยุคแรกๆ สุด ความคดิ ทว่ี ่าพระครสิ ต์ทรงเป็นผทู้ ท่ี าให้
สาเรจ็ ตามพระคมั ภีรเ์ ป็นความเช่อื มนั่ สากลของครสิ ตศาสนาในยุคแรก ในตอนแรกน่ีเป็นความเช่อื มนั่ ทค่ี นเช่อื
กนั ทวั่ ไป โดยทไ่ี ม่ต้องมกี ารขยายความอย่างเป็นการเฉพาะ เช่นทเ่ี หน็ ในหลกั ขอ้ เช่อื ของครสิ ตศาสนาในสมยั
แรกทน่ี ักบุญเปาโลกล่าวใน 1 คร. 15:3-5 ธรรมประเพณีทน่ี กั บุญมทั ธวิ พบมคี วามเช่อื มนั่ ทซ่ี มึ ซ่านอย่แู ลว้ ซง่ึ มี
ข้อความในพระคมั ภีร์เดิมบางข้อความเป็นตัวสนับสนุน ท่ีสาคญั คือ นักบุญมาระโกได้อ้างอิงซ้าๆ ถึงบาง
เหตุการณ์ในพระชนมช์ พี ของพระเยซูเจา้ โดยบอกว่าเหตุการณ์เหล่านนั้ ดาเนินไปอย่างสอดคลอ้ งกบั พระคมั ภรี ์
(แต่ไม่ไดใ้ ชส้ ูตรการทาใหส้ าเรจ็ เป็นจรงิ ) และตอนทา้ ยเร่อื งนักบุญมาระโกไดบ้ อกว่าพระเยซูตรสั ว่า “แต่จะตอ้ งสาเรจ็ ตาม
พระคมั ภรี ”์ (มก. 14:49) นกั บุญมทั ธวิ ดจู ะรบั เอาการบอกเป็นนยั น้ีของนกั บุญมาระโกและนามาขยายเป็นขอ้ ความท่ี
ยกมา 10 ขอ้ ความของท่านเก่ยี วกบั การทาใหส้ าเรจ็ เป็นจรงิ (เทยี บ การเรยี บเรยี ง มก. 14:49 ใหม่ดว้ ยการเน้นใน มธ. 26:56)
นัก-บุญมทั ธวิ มคี วามเช่อื มนั่ ว่า ในฐานะพระเมสสยิ าห์ พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ท่มี าทาให้สาเรจ็ ตามพระคมั ภีร์
เน่อื งจากการตคี วามแต่ละขอ้ ความโดยแยกกนั ของทา่ นสอ่ื ใหเ้ หน็ สาระโดยรวมทงั้ หมด
ดว้ ยขอ้ สนั นิษฐานของนักบุญมทั ธวิ ว่าพระครสิ ต์เป็นผูท้ ่ที าให้พระคมั ภรี ส์ าเรจ็ เป็นจรงิ และทศั นะของ
ท่านทว่ี ่าพระคมั ภรี โ์ ดยทงั้ หมด (โดยเฉพาะในส่วนประกาศก) ทานายถงึ อวสานตกาล ซง่ึ นักบุญมทั ธวิ เหน็ ว่าไดเ้ รมิ่ ขน้ึ
แลว้ พรอ้ มกบั การเสดจ็ มาเยอื นของพระครสิ ต์ เขา้ ใจไดว้ ่าท่านใชพ้ ระคมั ภรี เ์ พ่อื เพม่ิ เตมิ รายละเอยี ดใหก้ บั เร่อื ง
เลา่ ของทา่ นเกย่ี วกบั พระเยซูเจา้ ในเอกสารทไ่ี มไ่ ดอ้ ย่ใู นสารบบมที ศั นะดงั กล่าวน้ีเชน่ กนั เชน่ เรอ่ื งการเสดจ็ เขา้ สู่
กรุงเยรซู าเลม็ อย่างผพู้ ชิ ติ ของพระเยซูเจา้ ฉบบั ทน่ี ักบุญจสั ตนิ ผพู้ ลชี พี รบั เช่อื พระเป็นเจา้ เป็นผปู้ ระพนั ธ์ ซง่ึ ลูก
ลาทพ่ี ระเยซูเจา้ ทรงขน่ี นั้ พบว่า “ผกู ตดิ อยกู่ บั เถาองนุ่ ” รายละเอยี ดน้ีไม่มปี รากฏในเรอ่ื งราวใดๆ ในครสิ ตศาสนา
ในสมยั แรก แตม่ าจาก ปฐก. 49:10-11 ซง่ึ นกั บญุ จสั ตนิ มองวา่ เป็นคาพยากรณ์ถงึ พระครสิ ต์ เชน่ เดยี วกนั ใน มธ.
27:42-43 คาทม่ี หาปุโรหติ ธรรมาจารย์ และผปู้ กครองกล่าวถงึ ฉากการตรงึ กางเขนเป็นขอ้ ความทน่ี ามาจาก มก.
84
15:32 และมีข้อความจาก สดด. 22:8 ตามมาสมทบ เน่ืองจากเราสามารถสงั เกตเห็น การเติบโตของธรรม
ประเพณีน้ีบนพ้นื ฐานของอรรถกถาทางครสิ ตศาสนาเก่ยี วกบั พระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาเดมิ ในขอ้ ความท่ีเรา
ตรวจสอบได้ คาถามมอี ย่วู ่า บางสว่ นทเ่ี ราไม่อาจตรวจสอบได้ คอื ชุมชนธรรมาจารยข์ องนักบุญมทั ธวิ และท่าน
นกั บุญมทั ธวิ เองไดส้ รา้ งองคป์ ระกอบในการดาเนินเร่อื งหรอื กระทงั่ ตงั้ หน่วยการดาเนินเร่อื งทงั้ หน่วยขน้ึ มาโดย
เป็นการแสดงออกถงึ ความเช่อื ของพวกท่านทว่ี า่ พระคมั ภรี ไ์ ดส้ าเรจ็ เป็นจรงิ ในพระเยซูเจา้ หรอื ไม่ มคี วามเป็นไป
ไดอ้ ย่างสงู วา่ การสอดรบั กนั ของ “คาทานาย” กบั “การทาใหส้ าเรจ็ เป็นจรงิ ” จากมมุ มองของนกั บุญมทั ธวิ มคี วาม
เขา้ กนั มากกว่า เน่ืองจากองคป์ ระกอบต่างๆ ของเร่อื งเล่าน้ีสรา้ งขน้ึ โดยการปฏสิ มั พนั ธใ์ นเชงิ การตคี วามกบั ตวั
บทพระคมั ภรี ์
ปรากฏการณ์ทางการตคี วามของท่านเป็นไปในสองทาง ขอ้ เทจ็ จรงิ ท่วี ่าพระเยซูเจา้ เสดจ็ มาจากนาซา
เรธ็ ทาให้มี “คาพยากรณ์” ใน 2:23 การท่เี ป็นเช่นน้ีจะเป็นคาอธบิ ายว่าเหตุใดผู้ตคี วามสมยั ใหม่หลายคนจะมี
ปัญหาในการมองว่าพระคัมภีร์ภาคพันธสญั ญาเดิมเป็น “คาพยากรณ์” แต่ในเบ้ืองต้น คือพวกเขาไม่ได้มี
ความเหน็ พอ้ งร่วมกบั ขอ้ สนั นิษฐานและวธิ กี ารในการตคี วามของนักบุญมทั ธวิ อกี ต่อไปแลว้ สง่ิ ทผ่ี ูต้ คี วามร่วม
สมยั ทต่ี คี วามพระวรสารตอ้ งกระทาในการตคี วาม ณ ทน่ี ่ีคอื การมคี วามเช่อื มนั่ โดยพอ้ งกนั กบั ความเช่อื มนั่ ของ
นักบุญมทั ธวิ ว่าพระครสิ ต์ได้เสด็จมาทาให้สาเรจ็ ตามพระคมั ภีร์ ซ่ึงเป็นความเช่อื ท่ีท่านกล่าวไว้ในหลกั เทว
ศาสตรข์ องท่านและใชเ้ ทคนิคในการตคี วามของทา่ นเองในการใหค้ วามกระจา่ งและสอ่ื สาร ผอู้ ่านรว่ มสมยั อาจรบั
เอาหลกั เทวศาสตรข์ องนักบุญมทั ธวิ มาเป็นความเช่อื ของตนเองอย่างเป็นจรงิ เป็นจงั โดยทไ่ี ม่ตอ้ งรบั เอาวธิ กี าร
ในการตคี วามของนกั บุญมทั ธวิ มาเป็นของตน ดา้ นหน่ึงของการมเี งอ่ื นไขทางประวตั ศิ าสตรข์ องการเปิดเผยทาง
พระคมั ภรี ค์ อื นักบุญมทั ธวิ ตคี วามพระคมั ภรี ใ์ นแบบทเ่ี หมาะกบั สมยั ของท่านเอง เราไม่ไดอ้ ย่ใู นสมยั นนั้ ดงั นัน้
เราจงึ ตอ้ งตคี วามพระคมั ภรี โ์ ดยใชว้ ธิ ที เ่ี หมาะสมกบั สมยั ของเราเอง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรข์ องเรานั้นเองเป็น
สงิ่ ทจ่ี ะเออ้ื ใหเ้ ราสามารถมองเหน็ และเขา้ ใจคุณคา่ ของการตคี วามของนกั บุญมทั ธวิ ได้ ใหเ้ ราเขา้ ใจการเป็นพยาน
ของท่านถึงพระครสิ ต์ในถ้อยคาของท่านเอง และมองเห็นการท้าทายให้มีความเช่ือเหมือนกันกับท่าน (ดู
บรรณานุกรมหน้า 119-120)
85
86