The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตรวจงานแปลมัทธิว 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by P. Tads, 2021-06-04 01:25:06

3. มัทธิว 1:1 – 12:21

ตรวจงานแปลมัทธิว 1

มทั ธิว 1:1 – 12:21

ความหมายและจดุ เริ่มต้นของความขดั แยง้ ระหวา่ งอาณาจกั ร

ภาพรวม
ภาค 1 ของพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ประกอบดว้ ย บทท่ี 1:1 – 12:21 (ดบู ทนา) ในภาคน้ีนกั บุญมทั ธวิ เรมิ่ ตน้ ท่ี

ความขดั แยง้ ซง่ึ เป็นผลมาจากการกา้ วรุกเขา้ มาของอาณาจกั รของพระเป็นเจา้ โดยการเสดจ็ มาถงึ ของกษตั รยิ ผ์ ู้
ทรงไถ่กู้โลก คอื พระเยซูครสิ ตเจ้าแห่งนาซาเร็ธ อานาจอนั ไม่มที ่ีส้นิ สุดของอาณาจกั รของพระเป็นเจ้าได้รบั
มอบหมายผ่านทางพระเยซูเจา้ ความเป็นกษตั รยิ ข์ องพระองคม์ ลี กั ษณะของการไม่ตอบโต้และอ่อนโยน (11:29;
21:5) และทรงใชอ้ านาจทย่ี งิ่ ใหญ่ทส่ี ุดของพระองคค์ อื ความรกั (22:34-40) ซง่ึ เป็นวถิ ปี ฏบิ ตั ทิ ่ตี รงขา้ มกบั กษตั รยิ ข์ อง
โลก ตวั อย่างเช่น กรอบความคดิ ของความเป็นกษตั รยิ ์แบบสงั คมโลก “ตามปกต”ิ หมายถงึ ความรุนแรง การ
ขม่ ขู่ และความเหน็ แก่ตวั สว่ นมุมมองในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ เป็นแบบอวสานตกาลและแบบทวนิ ิยม มองว่า
การบรหิ ารปกครอง “ตามปกต”ิ ของโลกน้ี เป็นภาพของความเป็นกษตั รยิ ์ท่เี ป็นตวั แทนของอานาจของปิศาจ
เม่อื ผูน้ าชาวยวิ ต่อต้านความเป็นกษตั รยิ ์ของพระผูเ้ ป็นเจา้ ท่มี อี ยู่ในผูแ้ ทนพระองคค์ อื พระเยซูเจา้ นักบุญมทั ธิ
วจะมองวา่ พวกเขาเหลา่ นนั้ คอื ตวั แทนของอานาจซาตานทค่ี รอบครองโลกน้ี ในภาค 1 ของพระวรสารจบลงตรงท่ี
พวกผนู้ าศาสนาตดั สนิ ใจทจ่ี ะฆา่ พระเยซูเจา้ (12:14) ผซู้ ง่ึ ไม่ไดต้ อบโตใ้ ดๆ เพยี งแต่ถอยฉากไป (12:15-21) ในภาค
2 คอื 12:22 -28:20 เป็นเรอ่ื งเล่าถงึ ความขดั แยง้ ระหวา่ งทงั้ สองอาณาจกั รก่อตวั ขน้ึ และคลค่ี ลายไป ว่าพวกผนู้ า
ศาสนาประสบความสาเรจ็ ในการประหารพระเยซูเจา้ แต่กจิ การทด่ี ูเหมอื นกบั เป็นความพ่ายแพข้ องพระองคน์ นั้
กลบั ทาให้พระพรแห่งการไถ่กู้ของพระผูเ้ ป็นเจ้าปรากฏออกมาทงั้ ในการส้นิ พระชนม์ของพระองค์ การยนื ยนั
รบั รองของพระเป็นเจา้ และการพลกิ ผนั เปลย่ี นสถานการณ์ในการกลบั คนื พระชนมช์ พี ของพระเยซูเจา้

มทั ธวิ 1:1 – ชอ่ื ของพระวรสารทงั้ เล่ม

The genealogy in Matthew was Tree of Jesse illustration based on
traditionally illustrated by a Tree of the Hortus deliciarum of Herrad of
Jesse showing the descent of Jesus Landsberg (12th century)
from Jesse, father of King David

45

พระวรสารตามคาบอกเล่าของนักบญุ มทั ธิว
I. การประสตู แิ ละปฐมวยั ของพระเยซเู จา้
ลาดบั พระวงศข์ องพระเยซเู จา้
1 หนงั สอื ลาดบั พระวงศข์ องพระเยซคู รสิ ตเจา้ โอรสของกษตั รยิ ด์ าวดิ ผทู้ รงสบื ตระกลู มาจากอบั ราฮมั 1

ข้อศึกษาวิพากษ์
มทั ธวิ 1:1 นักบุญมทั ธวิ ได้เขยี นพระวรสารโดยข้นึ ต้นว่า เป็น หนังสอื ลาดบั พระวงศ์ของพระเยซูเจ้า

แสดงเจตนาเพ่อื ใชเ้ ป็นช่อื ของพระวรสารทงั้ เล่ม สองคาแรกซง่ึ มคี วามหมายตามตวั อกั ษรว่า “หนังสอื ปฐมกาล”
(Book of Genesis: (bi"blogene"sewv biblos geneseos)) เป็นขอ้ ความท่กี ระตุ้นให้ระลกึ ถงึ บางสงิ่ และมวี ลอี ้าง
ถึงอย่างมากมาย แต่ไม่เจาะจงชดั เจนและยากท่ีจะจากัดให้เหลือเพียงความหมายเดียว คาว่า “ปฐมกาล”
(Genesis) จงึ น่าจะมคี วามหมายตามแบบพระคมั ภรี ข์ องนักบุญมทั ธวิ มากกว่าความหมายตามภาษากรกี ปกติ
และดูจะสอดคลอ้ งกบั สง่ิ ท่นี ักบุญมทั ธวิ กาลงั ทาอยู่ในพระวรสารนัน้ คาแรกคอื “บบิ ลอส” (Biblos: bi"blov) ซ่งึ
ปรากฎอย่ใู นพระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาใหม่ถงึ สบิ ครงั้ (แต่ปรากฏในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ เพยี งครงั้ เดยี ว) คาๆ น้ี เม่อื อย่ใู น
สว่ นอ่นื ๆ ของพระคมั ภรี ม์ กั จะหมายถงึ เอกสารฉบบั เตม็ ซง่ึ สว่ นใหญ่กค็ อื หนงั สอื เล่มหน่งึ ในพระคมั ภรี น์ นั่ เอง คา
ว่า “Biblos” 41 คา (จาก 43 คา) ท่ี ปรากฏในพระคมั ภรี ฉ์ บบั 70 (LXX : Septuagint1) ซง่ึ พระคมั ภรี ไ์ บเบล้ิ ของ
นักบุญมทั ธวิ หมายถงึ “หนังสอื ” ซ่งึ โดยปกตแิ ล้วกค็ อื หนังสอื ในพระคมั ภรี ์ท่เี ขยี นโดยโมเสส ซ่งึ ทาให้เรารู้ว่า
มทั ธวิ 1:1 ไม่ได้เพยี งแค่กาหนดลาดบั วงศ์ตระกูลหรอื เร่อื งราวการกาเนิดของพระเยซูเจา้ เท่านัน้ แต่เป็นช่อื ท่ี
นกั บญุ มทั ธวิ กาหนดใหก้ บั พระวรสารน้ที งั้ เล่ม

คาวา่ ปฐมกาลมคี วามหมายโดยนยั 4 ประการ คอื
(1) มคี วามหมายท่สี ่อื โดยนัยถงึ “เร่อื งราว” ในพระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ (LXX) ปฐก. 2:4 และ 5:1 คาภาษา
กรีก “Genesis: ge"nesiv genesis” ท่ีมีความหมายว่า “ปฐมกาล” สามารถแปลได้ว่า “ชวั ่ อายุคนรุ่นต่างๆ”
(Generations: twdlwt tôledôt) ในเชงิ ทส่ี อ่ื ถงึ “ประวตั ศิ าสตรห์ รอื เรอ่ื งราวทต่ี ่อเน่ือง” (เทยี บ. ทบต. 1:1; 1QS 1:1; 1QM
1:1) เม่อื นามาใชก้ บั บุคคล คาว่าปฐมกาลท่อี ยู่ในพระคมั ภรี ์ไบเบ้ลิ อาจหมายถงึ “เร่อื งเล่าเก่ยี วกบั ความเป็นมา
ของบุคคลหน่ึงและเร่อื งราวท่สี บื เน่ืองของเขาหรอื ของเธอ” (ไม่ใช่ “วงศ์ตระกูล”) ใน ปฐก. 37:2 คาว่า Tôledôt
แปลเป็นภาษากรกี ในพระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ ว่า “ปฐมกาล” ซง่ึ ไดแ้ ปลต่อมาเป็นภาษาองั กฤษในพระคมั ภรี ฉ์ บบั
NRSV ว่า “น่ีคอื เร่อื งเล่า (ความเป็นมาของ)...” เม่อื มธ. 1:1 คอื ช่อื ของพระวรสารทงั้ เล่ม เร่อื งราวจงึ เรมิ่ ต้นท่ี
1:2 ดงั นัน้ ลาดบั วงศต์ ระกูลทเ่ี หน็ จงึ ไม่ใช่รายช่อื บรรพบุรุษของพระเยซูเจา้ ทใ่ี ส่ลงมานาหน้า แต่เป็นส่วนหน่ึง
ของเร่อื งทน่ี ักบุญมทั ธวิ เล่า ซง่ึ ไม่ไดเ้ รมิ่ ต้นทก่ี ารกาเนิดของพระเยซูเจา้ แต่เรม่ิ ทก่ี ารกาเนิดของอบั ราฮมั เร่อื ง
ของพระเยซูเจา้ คอื สว่ นทเ่ี กดิ ขน้ึ ตอ่ เน่ืองและเล่าตอ่ จนครบสมบรู ณ์ตลอดเรอ่ื งราวทงั้ หมดใน 1:2-17 โดยไม่มกี าร
หยุดเวน้ ช่วงสาคญั ระหว่าง 1:17 และ 1:18 เช่นน้ี ช่อื ของหนังสอื จงึ สามารถเป็นทเ่ี ขา้ ใจไดว้ ่า “หนงั สอื เรอ่ื งราว
ของพระเยซูครสิ ต์ ‘บตุ รของดาวดิ ’ และ ‘บตุ รของอบั ราฮมั ’ ”

1 พระคมั ภีร์ไบเบิล้ ภาษากรีก เป็นฉบบั ที่เกา่ แก่และมีความสาคญั ประกอบด้วยพระคมั ภีร์ ภาคพนั ธสญั ญาเดิมและภาคพนั ธสญั ญาใหม่ 70 เลม่

46

(2) คาว่า “ปฐมกาล” มคี วามหมายโดยนยั ถงึ “ชวี ติ ทด่ี าเนินไปอย่างต่อเน่ืองและการดารงอย่ทู เ่ี ป็นปัจจุบนั ”
ในพระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาเดมิ คาน้ีหมายถงึ การสบื ช่วงต่อของคนรุ่นต่างๆ บุคคลผหู้ น่ึงจะดารงอย่ตู ่อไปใน
ลูกหลานของเขา ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ เร่อื งราวของพระเยซูเจา้ ยงั คงดาเนินต่อไป ไม่ใช่ใน “ลูกหลาน” ผู้
สบื เลอื ดเน้อื เชอ้ื สาย แตใ่ นพระสภาวะทพ่ี ระองคย์ งั ทรงคงดารงอยเู่ ป็นปัจจบุ นั (ดคู วามคดิ เหน็ ของ 1:23)

(3) คาว่า “ปฐมกาล” มคี วามหมายโดยนัยถงึ “ต้นกาเนิด” “จุดเรมิ่ ต้น” และ “การถอื กาเนิด” (เช่น ยน. 1:18)
เร่อื งของพระเยซูเจา้ ทน่ี กั บุญมทั ธวิ บอกเล่าคอื จุดเรมิ่ ตน้ ของเร่อื งราวของพระเยซูครสิ ต์ทย่ี งั คงดาเนินต่อไปใน
พระศาสนจกั ร (18:18-20; 28:20) ดงั นัน้ พระวรสารของนักบุญมทั ธวิ จงึ เป็นเร่อื งเล่าถงึ ต้นกาเนิดของความเป็นจรงิ
เกย่ี วกบั พระเยซูครสิ ต์

(4)คาว่า “ปฐมกาล” ส่อื โดยนัยถึงหนังสอื เล่มแรกของโมเสส ซ่ึงเป็นเล่มแรก(ใน 5 เล่ม)ในพระคมั ภีร์ของ
นักบุญมทั ธวิ ดงั นัน้ เม่อื พระคมั ภรี ไ์ บเบ้ลิ ของนักบุญมทั ธวิ เรมิ่ ตน้ ดว้ ยหนังสอื ทใ่ี ชช้ ่อื ว่า “ปฐมกาล” ในยุคสมยั
ของทา่ น และยงั เป็นหนงั สอื เลา่ ถงึ เหตุการณ์เกย่ี วกบั อวสานตกาลของพระเยซูครสิ ต์ ซง่ึ สง่ ความหมายสจู่ ดุ สงุ สุด
ในการสร้างสรรพสิ่งข้ึนใหม่(New Creation) หรือ “การฟ้ื นฟูสรรพส่ิง” (Renewal of All Things) (19: 28;
paliggenesi"a, paliggenesia) จงึ ใชช้ อ่ื ทม่ี คี วามหมายถงึ “ปฐมกาล” และเช่นเดยี วกบั ทเ่ี ป็นเรอ่ื งเกย่ี วกบั “ปฐม
กาล” ซง่ึ เป็นเล่มแรกในกลุ่มหนงั สอื ของโมเสส เร่อื งราวของพระเยซูเจา้ ทน่ี กั บุญมทั ธวิ เล่าจงึ มหี ลายสว่ นทท่ี าให้
หวนระลกึ ถงึ ประวตั ศิ าสตรข์ องโมเสสในพระคมั ภรี ์ ในพระวรสารทน่ี ักบุญมทั ธวิ เรมิ่ ตน้ ดว้ ย “ลาดบั วงศต์ ระกูล”
ในลกั ษณะบทสรุปเร่อื งราวในพระคมั ภรี ์ แลว้ นาพาเขา้ ส่ยู ุคสมยั ของท่านอย่างต่อเน่ืองทนั ที นกั บุญมทั ธวิ ไม่ได้
มองว่าตนคอื ผทู้ าบนั ทกึ พระคมั ภรี ใ์ นสารบบ สง่ิ น้ีเป็นมุมมองของพระศาสนจกั รทเ่ี กดิ ขน้ึ ในภายหลงั แต่นกั บุญ
มทั ธวิ มองว่าตนคอื ผูเ้ ขยี นเล่าเร่อื งตามคาสอนและธรรมประเพณีในมุมมองของตน ผูซ้ ่งึ เป็นประจกั ษ์พยานถงึ

พระเยซูเจา้ ในเร่อื งเล่าพระคมั ภรี เ์ กย่ี วกบั การไถ่กมู้ นุษย์ (Salvation: Heilsgeschichte) บนั ทกึ เป็นคาสอนและธรรม

ประเพณีสาคญั นาสจู่ ดุ สงู สุด(แห่งชวี ติ ศษิ ยผ์ ตู้ ดิ ตามพระเยซูเจา้ ) เป็นขอ้ เชอ่ื ผกู เช่อื มต่อชวี ติ และสบื สานภารกจิ
แหง่ ความเชอ่ื ใหส้ าเรจ็ สมบรู ณ์ในพระเยซคู รสิ ตเจา้

คาแสดงความเป็นเจา้ ของในภาษากรกี สามารถตคี วามไดส้ องแบบ คาวา่ “บตุ รแห่งอบั ราฮมั ” นนั้ แมว้ า่ เป็น
คาทใ่ี ชอ้ ธบิ ายถงึ พระเยซูเจา้ ไมใ่ ช่ดาวดิ แต่ชอ่ื ของพระวรสารไม่ไดไ้ ล่เรยี งลาดบั บรรพบุรุษของพระเยซูเจา้ จาก
กษตั รยิ ์ดาวดิ ไปถงึ มหาบุรุษอบั ราฮมั แต่ประสงค์ท่จี ะอธบิ ายคุณลกั ษณะว่าพระเยซูเจา้ ผูท้ รงเป็น “พระครสิ ต์”
บุคคลหน่ึงเดยี วผู้เป็น “บุตรแห่งดาวดิ ” (Son of David) และเป็นบุตรแห่งอบั ราฮมั (Son of Abraham) “พระ
ครสิ ต”์ จงึ เป็นเพยี งตาแหน่งหรอื สถานะภาพของพระเยซูเจา้ ไม่ใชส่ ว่ นหน่งึ ในชอ่ื ของพระองค์ คาวา่ “พระครสิ ต”์
(Christ: NIV) เป็นภาษากรกี ส่วนคาว่าพระผูไ้ ถ่ (Messiah: NRSV) เป็นภาษาฮบี รู ซ่งึ เทยี บเป็นภาษาองั กฤษ
เท่ากบั คาวา่ “ผไู้ ดร้ บั การเจมิ ” (Anointed) คาวา่ “บุตรแหง่ ดาวดิ ” นนั้ น่าจะเป็นสถานะภาพของผทู้ เ่ี ป็นพระเมสสิ
ยาห์ ไม่ใช่เพอ่ื อา้ งองิ ถงึ บรรพบุรุษของพระเยซูเจา้ (สาหรบั ทงั้ สองตาแหน่ง กรณุ าดบู ทเสรมิ เรอ่ื ง “ครสิ ตศาสตรใ์ นพระวรสารนักบุญ
มทั ธวิ ” 353-61) สว่ นคาวา่ “บตุ รแห่งอบั ราฮมั ” นนั้ กไ็ ม่ใชต่ าแหน่งหรอื สถานะภาพ แต่เป็นการอธบิ ายคณุ ลกั ษณะว่า
พระเยซูเจา้ คอื หน่ึงในทายาทแทจ้ รงิ ทอ่ี ย่ภู ายใตพ้ ระสญั ญาทพ่ี ระผเู้ ป็นเจา้ ได้ทรงใหไ้ วก้ บั อบั ราฮมั (เช่นเดยี วกบั ใน
ลก. 19:9; เทยี บ มธ. 3:9 / ลก. 3:8) มหาบุรุษอบั ราฮมั ไม่ไดเ้ ป็นบรรพบุรุษเพยี งผเู้ ดยี วของชนชาตอิ สิ ราเอล ท่านเป็นคน
ต่างศาสนาคนหน่ึง ในขณะทพ่ี ระผเู้ ป็นเจา้ ทรงเรยี กท่าน และพระองคส์ ญั ญาว่าบรรดาครอบครวั ของประชากร
โลกจะได้รบั พระพรผ่านทางท่าน และท่านจะไดเ้ ป็น “บดิ า” (บรรพบุรุษ) ของคนหลายชนชาติ (ปฐก. 12:1-3; 17:5)

47

เช่นน้ี ทุกครงั้ ทก่ี ล่าวถงึ อบั ราฮมั ในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ จะเป็นการเช่อื มโยงท่านกบั คาสญั ญาทพ่ี ระผเู้ ป็นเจา้
ไดใ้ หไ้ วก้ บั มนุษยชาติ ซง่ึ ไม่ไดเ้ พยี งเฉพาะชาวยวิ เทา่ นนั้ (3:9; 8:11; 22:32)

ช่อื ของพระวรสารเป็นสงิ่ ทน่ี กั บุญมทั ธวิ เขยี นผกู ขน้ึ เอง โดยเป็นการเรยี บเรยี งสรา้ งสรรคช์ ่อื ของพระวรสาร
นักบุญมาระโกขน้ึ ใหม่ นักบุญมาระโกเรม่ิ ต้นพระวรสารด้วยการเล่าถงึ เพยี ง “พระเยซูครสิ ตเจ้า” ส่วนนักบุญ
มทั ธวิ ได้เรม่ิ ต้นด้วยวลถี ้อยคาท่แี สดงเอกลกั ษณ์อย่างชดั เจน ซ่ึงจะพบเฉพาะในส่วนน้ีและใน 1:18 (ขอ้ ความท่ี
คู่ขนานน้ี มองเห็นไม่ชดั เจนในพระคมั ภีร์ฉบบั NRSV ซ่ึงใช้คาว่า “พระผู้ไถ่” แทนคาว่า “พระครสิ ต์”) นักบุญมาระโกได้กล่าวอ้างอิง
ยอมรบั พระเยซูเจ้าตัง้ แต่เร่ิมแรกว่าทรงเป็ น “พระบุตรของพระเป็ นเจ้า” (Son of God) เช่นเดียวกัน นัก
บุญมทั ธวิ ได้ยนื ยนั ว่า “พระเยซูเจ้าเป็นพระบุตรของพระเป็นเจ้า” โดยจะกล่าวอย่างชดั เจนทนั ทีตงั้ แต่แรกๆ
หลงั จากเรม่ิ เล่าเร่อื งของพระองค์ไม่นาน (2:15; 3:17; เทยี บ บทเสรมิ เร่อื ง “ครสิ ตศาสตรใ์ นพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ” 353-61) หากจะ
พจิ ารณาว่าการเรม่ิ ต้นด้วยการกล่าวถงึ พระเยซูเจ้าในฐานะบุตรแห่งดาวดิ และบุตรแห่งอบั ราฮมั มคี วามสาคญั
ทางเทวศาสตร์ พระวรสารของนักบุญมาระโก เม่อื ใช้คาวลีว่า “บุตรแห่งดาวดิ ” มคี วามหมาย(เชิงลบ)ตามคา
พยากรณ์ในพระคมั ภีร์และนามาใช้กล่าวถงึ พระเยซูเจ้าในแบบคลุมเครอื ไม่ส่อื ความหมายอย่างเด่นชดั แบบ
นักบุญมทั ธิว (ดูความคดิ เห็นเก่ียวกบั มธ. 20:30-41//,มก. 10:47-48; มธ. 22:41-44(45) มก. 12:35-37) ส่วนในพระวรสารนักบุญ
มทั ธวิ คาว่า “บุตรแห่งดาวดิ ” เป็นตาแหน่งสถานะภาพของพระครสิ ต์ตามความหมายในเชงิ บวก(ในฐานะเป็นบคุ คลท่ี
พระคมั ภรี ไ์ ดพ้ ยากรณ์ไว้ในประวตั ศิ าสตร์ มารบั สภาพมนุษย์ และเสดจ็ มาตามพระสญั ญาอย่างแท้จรงิ ) ปรบั เปล่ยี นและทบทวนตคี วาม
ใหม่สอดคลอ้ งไปกบั การประกาศว่าพระองคท์ รงเป็นพระเมสสยิ าห(์ ผไู้ ถ่) ซ่งึ เป็นคายนื ยนั แรกเกย่ี วกบั พระเยซู
เจา้ ทรงเป็นพระบุตรของพระเป็นเจา้ ทรงมสี ภาวะพระเป็นเจา้ และทรงอานุภาพเหนือลาดบั วงศต์ ระกูลและการ
ระลกึ ไดใ้ นภายหลงั ว่า เป็นแผนการของพระเป็นเจ้าในเร่อื งเล่าถงึ การบงั เกดิ ของพระองค์ ท่จี ะดาเนินเล่าเร่อื ง
ตอ่ มา หลงั จากนนั้

มทั ธิว 1: 2-25 พระเยซใู นฐานะกษตั ริยผ์ ไู้ ถก่ ้:ู บตุ รของดาวิดและพระบตุ รแห่งพระผเู้ ป็นเจา้
มทั ธวิ 1: 2-17 บทสรปุ ของลาดบั วงศต์ ระกลู (Genealogical Summary)

Genealogy of Jesus according to Matthew

1. Abraham 8. Amminadab 15. Solomon& 22. Jotham 29. Shealtiel 36. Eliud
2. Isaac 23. Ahaz 30. Zerubbabel 37. Eleazar
3. Jacob 9. Nahshon Naamah 24. Hezekiah 31. Abiud 38. Matthan
4. Judah & 25. Manasseh 32. Eliakim 39. Jacob
10. Salmon &Rahab 16. Rehoboam 26. Amon 33. Azor 40. Joseph&
Tamar 27. Josiah 34. Zadok
5. Perez 11. Boaz & Ruth 17. Abijam 28. Jeconiah 35. Achim Mary*
6. Hezron 41. Jesus
7. Ram 12. Obed 18. Asa

13. Jesse 19. Jehosaphat

14. David &Bathsh 20. Jehoram

eba 21. Uzziah

48

2 อบั ราฮมั เป็นบดิ าของอสิ อคั อสิ อคั เป็นบดิ าของยาโคบ ยาโคบเป็นบดิ าของยดู าหก์ บั บรรดาพน่ี ้อง 3 ยดู าหเ์ ป็นบดิ าของ
เปเรศและเศราห์ มารดาของคนทงั้ สองคอื นางทามาร์ เปเรศเป็นบดิ าของเฮสโรน เฮสโรนเป็นบดิ าของราม 4 รามเป็นบดิ าของอมั
มนี าดบั อมั มนี าดบั เป็นบดิ าของนาโซน นาโซนเป็นบดิ าของสลั โมน 5 สลั โมนเป็นบดิ าของโบอาส มารดาของโบอาสคอื นางราหบั
โบอาสเป็นบดิ าของโอเบด มารดาของโอเบดคอื นางรธู โอเบดเป็นบดิ าของเจสซี 6 เจสซเี ป็นบดิ าของกษตั รยิ ด์ าวดิ กษตั รยิ ด์ าวดิ
เป็นบดิ าของซาโลมอน จากมารดาซง่ึ เคยเป็นภรรยาของอรู ยี าห์

7 ซาโลมอนเป็นบดิ าของเรโหโบอมั เรโหโบอมั เป็นบดิ าของอาบยี าห์ อาบยี าหเ์ ป็นบดิ าของอาสา 8 อาสาเป็นบดิ าของเยโฮ
ซาฟัท เยโฮซาฟัทเป็นบดิ าของโยรมั โยรมั เป็นบดิ าของอุสซยี าห์ 9 อสุ ซยี าหเ์ ป็นบดิ าของโยธาม โยธามเป็นบดิ าของอาหสั อา
หสั เป็นบดิ าของเฮเซคยี าห์ 10 เฮเซคยี าหเ์ ป็นบดิ าของมนสั เสห์ มนสั เสหเ์ ป็นบดิ าของอาโมนอาโมนเป็นบดิ าของโยสยิ าห์ 11 โยสิ
ยาหเ์ ป็นบดิ าของเยโคนยี าหแ์ ละพน่ี ้อง ในสมยั ถกู กวาดตอ้ นเป็นเชลยไปกรุงบาบโิ ลน 12 และหลงั จากการถูกกวาดตอ้ นไปกรุงบา
บโิ ลนแลว้ เยโคนยี าหเ์ ป็นบดิ าของเชอลั ทเิ อล เชอลั ทเิ อลเป็นบดิ าของเศรุบบาเบล 13 เศรบุ บาเบลเป็นบดิ าของอาบยี ดุ อาบยี ดุ
เป็นบดิ าของเอลยี าคมิ เอลยี าคมิ เป็นบดิ าของอาซอร์ 14 อาซอรเ์ ป็นบดิ าของศาโดก ศาโดกเป็นบดิ าของอาคมิ อาคมิ เป็นบดิ า
ของเอลอี ดู 15 เอลอี ดู เป็นบดิ าของเอเลอาซาร์ เอเลอาซารเ์ ป็นบดิ าของมทั ธาน มทั ธานเป็นบดิ าของยาโคบ

16 ยาโคบเป็นบดิ าของโยเซฟ พระสวามขี องพระนางมารยี ์
พระเยซเู จา้ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การขานพระนามวา่ “พระครสิ ตเจา้ ” ประสตู จิ ากพระนางมารยี ผ์ นู้ ้ี
17 ดงั นนั้ ลาดบั พระวงศข์ องพระเยซเู จา้ จากอบั ราฮมั ถงึ กษตั รยิ ด์ าวดิ มสี บิ สช่ี วั่ คน นบั จากกษตั รยิ ด์ าวดิ ถงึ สมยั ทถ่ี กู กวาด
ตอ้ นเป็นเชลยไปกรุงบาบโิ ลนมอี กี สบิ สช่ี วั่ คน และนบั จากสมยั ทถ่ี กู กวาดตอ้ นเป็นเชลยไปกรุงบาบโิ ลนถงึ พระเยซเู จา้ มอี กี สบิ สช่ี วั่
คน

ข้อศึกษาวิพากษ์
วตั ถุประสงคข์ องการบอกลาดบั วงศต์ ระกูลไมใ่ ช่เพ่อื ใหข้ อ้ มลู ทางประวตั ศิ าสตรท์ ถ่ี ูกตอ้ ง แต่เป็นการนา

เรอ่ื งราวของพระเยซูครสิ ตใ์ หเ้ ขา้ สบู่ รบิ ทของเหตุการณ์ต่างๆ ทพ่ี ระผเู้ ป็นเจา้ ไดก้ ระทาไวใ้ นประวตั ศิ าสตรท์ ผ่ี ่าน
มา ซง่ึ สดุ ทา้ ยจะจบลงตรงการมาถงึ ของพระอาณาจกั รของพระเป็นเจา้ และบุคคลหน่ึงผทู้ รงเป็นพระเป็นเจา้ สถติ
อยู่กบั พวกเรา ลาดบั วงศต์ ระกูลน้ีไม่ใช่ผลจากการพยายามศกึ ษาชวี ประวตั บิ ุคคลเพ่อื รูถ้ งึ ขอ้ มลู ทางลาดบั วงศ์
ตระกูล แต่เป็นวรรณกรรมท่วี างโครงร่างทางเทวศาสตรโ์ ดยนักบุญมทั ธวิ เอง จากพระคมั ภรี ์ฉบบั ทท่ี ่านใช้และ
(อาจจะ)จากรายการลาดบั วงศต์ ระกลู ทส่ี บื ทอดกนั มาในสงั คมชาวยวิ ทน่ี บั ถอื ครสิ ต์ รายชอ่ื 30 ชอ่ื ตงั้ แตอ่ บั ราฮมั
จนถงึ เศรุบบาเบล (1:2-12) เป็นการนาขอ้ มลู จากพระคมั ภรี ์ฉบบั เจด็ สบิ (LXX) ใน 1 พศด. 1: 28-42; 3:5-24 และ
นรธ. 4: 12-22 มาวางโครงสรา้ งใหม่ ส่วนอกี 9 ช่อื คอื ตงั้ แต่อาบอี ูด (Abiud) ถงึ ยาโคบใน มธ. 1:13-15 อยู่ใน
พระคมั ภีร์ฉบบั เจด็ สบิ (LXX) แต่พบว่าไม่เก่ียวขอ้ งกนั ดงั น้ี เร่อื งเล่าส่วนน้ีนักบุญมทั ธวิ น่าจะใช้ข้อมูลจาก
เอกสารทม่ี อี ยใู่ นธรรมประเพณหี รอื ผกู สรา้ งขน้ึ ใหม่เองโดยใชร้ ายชอ่ื ทม่ี อี ยใู่ นพระคมั ภรี ์

ไม่มแี หล่งขอ้ มูลร่วมกนั ระหว่างลาดบั วงศ์ตระกูลในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ และพระวรสารนักบุญลูกา
(ลก. 3:23 – 38) ซ่ึงเห็นได้ชดั จากความแตกต่างในรูปแบบและเน้ือหา พระวรสารนักบุญมทั ธวิ เป็นเร่อื งเล่า เป็น
ความต่อเน่ืองของประโยคทม่ี ปี ระธานและกรยิ าทเ่ี รมิ่ ต้นจากอบั ราฮมั และจบลงท่พี ระเยซูเจา้ แต่ลาดบั ทอ่ี ย่ใู น
พระวรสารนักบุญลูกาไม่ใช่การเล่าเร่อื ง แต่เป็นรายช่ือคานามแสดงความเป็นเจ้าของ (Genitive Nouns) ท่ี
ต่อเน่ืองกนั โดยเรม่ิ ท่พี ระเยซูเจา้ และย้อนขน้ึ ไปจนถงึ อาดมั และพระผูเ้ ป็นเจ้า นอกจากน้ียงั มคี วามขดั แยง้ ใน
สว่ นทล่ี าดบั วงศต์ ระกลู ในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ และพระวรสารนกั บุญลกู าทม่ี าทบั ซอ้ นกนั (ดูดา้ นล่าง) มลี กั ษณะ

49

ทโ่ี ดดเด่นไม่เหมอื นฉบบั อ่นื และเป็นการสรา้ งขน้ึ มาใหม่ของโครงสรา้ งพระวรสารนักบุญมทั ธวิ รวมกบั แนวคดิ
ทางเทวศาสตรท์ ป่ี รากฏอยู่ ชใ้ี หเ้ หน็ วา่ ลาดบั วงศต์ ระกูลในพระวรสารน้ีไม่ใช่รายช่อื ตามธรรมประเพณีทย่ี อ้ นไป
ถงึ สมยั พระศาสนจกั รยคุ ตน้ ๆ หรอื บรรพบรุ ุษของพระเยซูเจา้ ซง่ึ โดยปกตแิ ลว้ บนั ทกึ ลาดบั วงศต์ ระกลู เหล่าน้เี ป็น
สงิ่ ทห่ี าไดย้ าก จะเกบ็ บนั ทกึ ไวใ้ นครอบครวั หรอื ตระกลู ของนกั บวช ลาดบั วงศต์ ระกลู กม็ สี งิ่ ซบั ซอ้ น ทผ่ี นู้ าศาสนา
บางคนยงั ไม่สามารถไล่เรยี งลาดบั วงศ์ตระกูลของตนได้ รบั บบี างคนสอนว่าเร่อื งน้ีจะปรากฏชดั เจนขน้ึ ในสมยั
ของพระเมสสยิ าห์ เมอ่ื ประกาศกเอลยิ าหป์ รากฏตวั ขน้ึ บางครงั้ ลาดบั วงศต์ ระกลู เหลา่ น้ีอาจเป็นบนั ทกึ ทเ่ี ขยี นขน้ึ
แบบเล่นคาเล่นสานวนพอ้ งเสยี งมากกว่ายดึ ตามประวตั ศิ าสตรห์ รอื ธรรมประเพณี ลาดบั วงศต์ ระกูลใหก้ บั โยชวู า
และโยนาห์ก็มบี นั ทกึ ให้ภาพอธบิ ายหรอื ตคี วามพระคมั ภีรแ์ บบมดิ รชั (Midrashic Exegesis) ในฐานะรบั บผี ู้มี
ชอ่ื เสยี ง ดงั น้ีภาพแบบแสดงผงั เชอ้ื สายตระกลู (Family Tree) ทงั้ แบบพระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ ในลกั ษณะคาดคดิ
เชงิ ตรรกะหรอื แต่งเตมิ แบบนวนิยาย แบบใช้การสบื คน้ วจิ ยั ลาดบั วงศ์ตระกูลของชาวเบธเลเฮม็ ในช่วงศาสนา
ครสิ ต์ยุคแรกๆ หรอื การสมั ภาษณ์สมาชกิ ท่มี าจากตระกูลของพระเยซูเจ้า เป็นสง่ิ ท่ีควรยกเลกิ ไป เน่ืองจาก
นาไปสคู่ วามเขา้ ใจผดิ ถงึ สงิ่ ทเ่ี ป็นจรงิ ทางประวตั ศิ าสตรข์ องยคุ สมยั และตามรปู แบบงานเขยี นของพระวรสาร

พระวรสารนักบุญมทั ธวิ ใชร้ ูปแบบพระคมั ภรี ร์ วบรวมเน้ือหาลาดบั วงศต์ ระกูลลงในการเล่าเร่อื ง โดยใช้
รปู แบบทพ่ี บในหนงั สอื นางรธู 4:18-22 คอื “A เป็นบดิ าของ B” ในรปู แบบตายตวั น้ีทา่ นไดแ้ ทรกกลา่ วถงึ หญงิ หา้
คนเขา้ ไปอย่างเหมาะเจาะ ดงั นัน้ ลาดบั วงศต์ ระกูลในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ จงึ ไม่ใช่เป็นแบบลาดบั รายช่อื แต่
เป็นประโยคสนั้ ๆ เรม่ิ จากอบั ราฮมั ถงึ พระเยซูเจา้ ซง่ึ เป็นเรอ่ื งเลา่ นาหน้าเรอ่ื งเล่าใหญ่ทจ่ี ะเลา่ ตอ่ ตามมา

มกี ารวางโครงสรา้ งเป็นสามตอนเช่นเดยี วกบั ชอ่ื เรอ่ื ง เรอ่ื งเลา่ ลาดบั วงศต์ ระกลู นกั บุญมทั ธวิ วางรปู แบบ
โดยสรุปความเป็นกษัตรยิ ์ของดาวดิ แสดงจุดหกั เหของเร่อื ง เม่อื ดาวดิ ข้นึ ปกครองเป็นกษตั รยิ ์และเม่อื ดาวดิ
สูญเสยี ความเป็นกษัตรยิ ์ในช่วงสมยั ท่ถี ูกเนรเทศไปบาบโิ ลน(the Exile) ชาติอสิ ราเอลมกี ษัตรยิ ์องค์อ่นื ซ่ึงไม่
ได้มาจากเช้อื สายตระกูลของดาวดิ ข้นึ ปกครองหลงั จากการถูกเนรเทศ สงั เกตเห็นได้อย่างชดั เจนว่าการจดั
เรยี งลาดบั น้ีมลี กั ษณะแตง่ เตมิ มหี ลายชอ่ื ถกู ละเวน้ ไปเพอ่ื ทจ่ี ะไดจ้ ดั แบ่งบนั ทกึ เป็น 3 ชว่ งสมยั ใหแ้ ตล่ ะชว่ งสมยั
มี 14 ชวั่ อายคุ น ดงั นนั้ รปู แบบน้ีจงึ เป็นประเดน็ สาคญั ทางเทวศาสตรส์ าหรบั นกั บุญมทั ธวิ ดงั ทท่ี า่ นประสงค์ (1:17)

การแบ่งประวตั ศิ าสตร์ออกเป็นช่วงสมยั ละ 14 ชวั่ อายุคน เคยเกดิ ข้นึ ในบนั ทกึ ธรรมประเพณีอ่นื ของ
ชาวยวิ ตวั อย่างเช่น ประวตั ศิ าสตรโ์ ลกถูกแบ่งออกเป็น 14 ช่วง นับจากอาดมั ถงึ พระเมสสยิ าหท์ พ่ี บในหนังสอื
นอกสารบบ (Pseudoephigraphical Book) 2 บารุค 53-74 และหนังสอื การตคี วามของรบั บี ซง่ึ นับจุดเช่อื มโยง
ได้ 14 จุดในสายสมั พนั ธ์ธรรมประเพณี ระหว่างโมเสสกบั จุดเช่อื มโยงสุดทา้ ยใน “คู่(Pairs)” สุดทา้ ย ในรูปแบบ
เช่นน้ี จะเกบ็ รกั ษาเลข 14 เอาไว้ แมว้ ่าจะมชี อ่ื อ่นื ๆ รวมเขา้ มากต็ าม ขนบธรรมเนียมทป่ี รากฏอยใู่ น 1 พศด. 1-
2 ซง่ึ นบั ลาดบั วงศต์ ระกลู จากอบั ราฮมั ถงึ ดาวดิ ได้ 14 ชวั่ อายคุ น กส็ ามารถพบไดใ้ นแหลง่ ขอ้ มลู อ่นื ๆ ของชาวยวิ
เช่นกนั และยงั เสรมิ ความสาคญั มากขน้ึ จากขอ้ เทจ็ จรงิ ว่า เป็นตวั เลขมคี ุณความหมายในช่อื ของดาวดิ (dwd
DWD) ภาษาฮบิ รูนัน้ ซ่ึงมรี หสั เป็นเลข 14 (d, 4; w, 6; d, 4) ผู้ทรงเป็น “ลาดบั ท่สี บิ ส่”ี ในทงั้ สองความหมาย
บรรดารบั บที งั้ หลายชน่ื ชอบค่าตวั เลขจากกลุ่มคา (Gamatria) อย่างยง่ิ ดงั นนั้ สง่ิ น้ีจงึ อาจเป็นปัจจยั สาคญั ในการ
วางโครงสรา้ งในพระวรสารของนกั บุญมทั ธวิ และการทเ่ี ลข 14 เกดิ จากเลข 7 ทวขี น้ึ กอ็ าจเป็นอกี ปัจจยั หน่ึงดว้ ย
เชน่ กนั การจดั วางโครงสรา้ งลาดบั วงศต์ ระกลู ในพระวรสารนกั บญุ ลกู า แมว้ า่ จะมคี วามแตกตา่ งในดา้ นอ่นื ๆ แต่ก็

50

มโี ครงสรา้ งเป็นเลข 7 เช่นกนั (In Septads) กล่าวคอื มรี ายช่อื ทงั้ หมด 56 ช่อื จากอบั ราฮมั ถงึ พระเยซูเจา้ และมี
42 ชอ่ื จากดาวดิ ถงึ พระเยซูเจา้ รวมทงั้ รายชอ่ื ทงั้ หมดนบั รวมได้ 77 ชอ่ื

เรอ่ื งลาดบั วงศต์ ระกูลเรมิ่ ตน้ จากอบั ราฮมั ผซู้ ง่ึ พระเป็นเจา้ ไดส้ ญั ญาวา่ ทุกชนชาตทิ วั่ โลกจะไดร้ บั พระพร
ผ่านทางท่าน (ปฐก. 12:1-3) และต่อไปถงึ ดาวดิ กษตั รยิ ผ์ ไู้ ดร้ บั เลอื กผทู้ พ่ี ระสญั ญาจะเป็นจรงิ ผ่านทางเชอ้ื สายของ
พระองค์ และทรงเป็นจุดสุดยอดของเร่อื งชนชาติอสิ ราเอล แต่ดาวดิ กษตั รยิ ์ผูไ้ ด้รบั การเจมิ กไ็ ม่ใช่ผูท้ น่ี าพระ
อาณาจกั รของพระเป็นเจา้ แก่มนุษย์ เพราะอสิ ราเอลและพระองคไ์ ดท้ าผดิ ต่อพนั ธะสญั ญาทาใหเ้ ร่อื งราวของชน
ชาตอิ สิ ราเอลตกต่าลงอย่างชดั เจน เป็นผลใหน้ ครศกั ดสิ ์ ทิ ธแิ ์ ละพระวหิ ารถูกทาลาย ประชากรของพระเป็นเจา้
ตอ้ งถูกจบั กุมตวั ไปอยใู่ นดนิ แดนคนต่างชาติ พระสญั ญาของพระเป็นเจา้ กบั อบั ราฮมั และดาวดิ ทโ่ี ดดเด่น –น่ีเป็น
อกี ครงั้ หน่ึง- ทพ่ี ระสญั ญาไม่ไดเ้ ป็นไปตามทค่ี าดหวงั แต่เร่อื งราวยงั คงดาเนินต่อไป จนถงึ “บุตรแห่งดาวดิ ” ท่ี
แทจ้ รงิ ผู้ซ่งึ จะช่วยประชากรของพระองคส์ ่คู วามรอดพ้น ดงั จะปรากฏส่อื ถงึ ความหมายของลาดบั วงศ์ตระกูลท่ี
นาเสนอน้ี

1:2 (ดู ปฐก. 12-37) กล่าวถงึ “พน่ี ้อง” (Brothers) ในวรรคน้ีและในวรรค 1:11 อาจเป็นการเน้นย้าถงึ บุตรท่ี
ไดร้ บั เลอื กโดยพระเป็นเจา้ ให้สบื ทอดประวตั ศิ าสตรแ์ ห่งการไถ่กูม้ นุษยชาตแิ ละทาหน้าทเ่ี ตอื นใหร้ ะลกึ ว่าลาดบั
วงศต์ ระกลู ไมใ่ ช่เป็นเพยี งรายชอ่ื ของปัจเจกบคุ คล แต่เป็นเรอ่ื งราวของกล่มุ ชน

1:3 ทามาร(์ Tamar) เป็นภรรยาชาวคานาอนั ลูกชายคนโตของยูดาห์ คอื เอร์(Er.) ผซู้ ง่ึ เสยี ชวี ติ ตงั้ แต่ยงั
อายุน้อย (ปฐก. 38:1-7) เม่อื หวั หน้าตระกูลคอื ยูดาหไ์ ม่ยอมใหเ้ ธอแต่งงานใหม่ เธอจงึ ใช้แผนหลอกเขา จนเขาได้
เป็นพ่อของบุตรชายของเธอ ซ่งึ บุตรนัน้ คอื หน่ึงในผูท้ ่จี ะเป็นสายตระกูลของพระเมสสยิ าห์ (ปฐก. 38:8-30) ยูดาห์
ประกาศว่าเธอคอื “ผชู้ อบธรรม” (ปฐก. 38:26) ซง่ึ เป็นคาสาคญั (A Key Term)ในเรอ่ื งการถอื กาเนิดของพระเยซูเจา้
ในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ (เทยี บ: 1:19)

1:4 ราม(Ram) (ในพระคมั ภีร์ฉบับ NIV) หรอื อราม (ในพระคมั ภีร์ฉบบั NRSV) เป็ นช่ือเดียวท่ีปรากฎอยู่ในเร่อื ง
ลาดบั วงศต์ ระกลู ในพระคมั ภรี เ์ ป็นเวลาประมาณ 400 ปี

1:5 เท่าท่ีเราทราบ นักบุญมทั ธิวคือบุคคลแรกท่ีใส่ช่ือราหับ(Rahab)ลงไปในสายตระกูลของดาวิด
เน่ืองจากไม่มปี รากฎอย่ใู นพระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาเดมิ ในแหล่งขอ้ มลู ชาวยวิ ทเ่ี หลอื อยู่ หรอื แหล่งขอ้ มลู อ่นื ๆ
ของชาวครสิ ต์ยุคแรกเรมิ่ ความสาคญั ของนางราหบั คอื เธอเป็นชนต่างศาสนาเช่นเดยี วกบั ทามาร์ ช่วงน้ีคนรุ่น
ต่างๆ ถูกนามารวมเขา้ ดว้ ยกนั อกี ครงั้ ในพงศาวดารของพระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาเดมิ ราหบั อย่ใู นช่วงสมยั การ
พชิ ติ ดนิ แดน (ยชว. 2:6) ขณะทโ่ี บอาสอยใู่ นชว่ งสมยั สองรอ้ ยปีถดั มา (นรธ. 2-4)

นางรูธเป็นคนต่างศาสนาผมู้ าจากเมอื งโมอบั ชาวโมอบั นนั้ คอื ผคู้ นทถ่ี ูกตดั ขาดจากชุมชนชาวยวิ แมว้ ่า
จะผา่ นไปสบิ ชวั ่ อายคุ นแลว้ กต็ าม (เทยี บ ฉธบ. 23:3; นหม. 13:1)

1:6-13 ในรายช่อื ของกษตั รยิ ์ สายวงศ์ตระกูลเรมิ่ จากบุตรชายของดาวดิ โซโลมอน เป็นผูส้ บื ทอดสาย
ตระกลู ราชวงศแ์ ห่งยดู าห์ ในวรรค 8 ไดเ้ วน้ ชอ่ื กษตั รยิ ส์ ามพระองค์ (อาหสั ยาห,์ 2 พกษ. 8:25; เยโฮอาช, 2 พกษ. 11:1-4; และ
อามาซิยาห์, 2 พกษ. 14:1) เช่นเดยี วกบั ราชนิ ีอาธาลยิ าห์ (2 พกษ. 9:27; 11:1) เพ่อื ปรบั ให้เขา้ กบั โครงสร้างของนักบุญ
มทั ธวิ ทจ่ี ดั รายชอ่ื เป็นสามชว่ งสมยั ชว่ งสมยั ละสบิ สช่ี วั่ อายคุ น

1:6 “ภรรยาของอุรยี าห์” เป็นชาวอสิ ราเอล แต่เธอแต่งงานกบั ชาวฮติ ไทต์ทาให้เธอกลายเป็นคนต่าง
ศาสนาตามกฎหมายชาวยวิ ในยคุ สมยั หลงั

51

1:7-8 ใน 1 พกษ. 15:9-24 กษัตรยิ ์ของยูดาห์คอื อาสา(Asa) ส่วนอาสาฟ(Asaph)เป็นผู้เก็บรวบรวม
(ความหมายช่อื ของเขา)หนังสอื เพลงสดุดี และเป็นผูเ้ ขยี นบทสดุดบี างบท (สดด. 50; 73-83; เทยี บ 2 พศด. 29:30; 35:15; ใน มธ.

13:35 ได้ระบุว่า สดด. 78 เป็นของอาสาฟ ผู้เป็น “ประกาศก” ตามความเห็นท่ีว่าเน้ือหาในพระคมั ภีร์ชาวยิวทงั้ หมดเป็นคาประกาศพยากรณ์:

Prophetic) พระคมั ภรี ไ์ บเบ้ลิ ฉบบั NRSV แปลตามหลกั ฐานต้นฉบบั ท่ดี ที ่สี ุด ส่วนพระคมั ภรี ฉ์ บบั NIV แปลตาม
ตน้ ฉบบั สว่ นใหญ่ทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายหลงั ซง่ึ ยดึ ถอื วา่ พระวรสารนกั บุญมทั ธวิ สอดคลอ้ งกบั พระคมั ภรี ไ์ บเบล้ิ ภาษาฮบี รู

1:10 เช่นเดยี วกนั กษัตรยิ ์ของยูดาห์คอื อาโมน (Amon) (NIV; เทยี บ 2 พกษ. 21:19-26) ส่วนอาโมส (Amos)
เป็นประกาศก (NRSV) ดงั ทธ่ี รรมประเพณีของตน้ ฉบบั ทเ่ี ขยี นดว้ ยลายมอื ไดร้ ะบุแยก(ชอ่ื ทงั้ สอง) แมว้ า่ อาจเป็นไป
ไดท้ ช่ี ่อื อาโมน/อาโมส และ อาสา/อาสาฟ เป็นเพยี งการผนั แปรของตวั สะกดอกั ขระวธิ ภี าษากรกี แต่เป็นไปได้
มากกว่าทว่ี ่านักบุญมทั ธวิ เขยี นถงึ “อาสาฟ” และ “อาโมส” ดว้ ยเหตุผลทางเทวศาสตร์ ทป่ี ระสงค์ชแ้ี สดงว่าพระ
เยซูเจ้าคอื ผู้เสด็จมาทาให้คาทานายทงั้ หมดในพระคมั ภีร์ของชาวยวิ สาเรจ็ สมบูรณ์ รวมถงึ บทเพลงสดุดแี ละ
หนังสอื บรรดาประกาศก เช่นเดยี วกบั ลาดบั เช้อื สายวงศ์ตระกูลของกษตั รยิ ์ แล้วบรรดาธรรมาจารย์รุ่นหลงั ได้
“แกไ้ ข” ตน้ ฉบบั ทเ่ี ขยี นดว้ ยลายมอื (MSS)บางเล่มเพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั พระคมั ภรี พ์ นั ธสญั ญาเก่า ดงั นนั้ ตน้ ฉบบั
เขยี นดว้ ยลายมอื ทย่ี งั คงอยจู่ งึ มลี กั ษณะแตกตา่ งกนั

1:11-12 เยโคนิยาห์(Jechoniah) หรอื ท่บี างครงั้ เรยี กว่า โคนิยาห์(Coniah) (ยรม. 22:24) เป็นอีกช่อื หน่ึง
ของกษตั รยิ เ์ ยโฮยาคนิ (Jehoiachin) พ่อของเขาคอื เยโฮยาคมิ (Jehoiachim) ไม่ใช่โยสยิ าห์(Josiah) ผเู้ ป็นปู่ของ
เขา (2 พกษ. 23:34 – 24:12) ดงั นนั้ ในสว่ นน้ีอาจละเวน้ ไม่กลา่ วถงึ คนรนุ่ หน่ึง หรอื ไม่กอ็ าจมกี ารสบั สนเกย่ี วกบั สองช่อื
น้ี เยโคนิยาหอ์ ยใู่ นสายวงศต์ ระกลู ของพระเมสสยิ าห์ แมว้ า่ คาประกาศของประกาศกเยเรมหี ์ (22:24-30) ทว่ี า่ เขาจะ
ไม่มบี ุตรและจะไม่มผี ู้สบื เช้อื สายคนใดของเขาได้สบื ทอดบลั ลงั ก์ของกษัตรยิ ์ดาวดิ นักบุญมทั ธวิ ได้เตมิ คาว่า
“บรรดาพน่ี ้อง” ดว้ ยเหตุผลทางเทวศาสตร์ (เทยี บ 1:2) เพราะเยโฮยาคนิ มพี น่ี ้องเพยี งคนเดยี ว (พศด. 3: 15)

1:15:16 ไม่มชี ่อื ของอาบอี ูด(Abiud) อย่ใู นบรรดาบุตรชายของเศรุบบาเบล(Zerubbabel) ใน 1 พกษ. 3:
19-23 ณ จดุ น้ี พระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ ไมไ่ ดจ้ ดั ลาดบั ตามพระคมั ภรี พ์ นั ธสญั ญาเก่า

1:15-16 ลก. 3:23 ระบุวา่ พอ่ ของโยเซฟ(Joseph) คอื เฮล(ี Heli) แต่โยเซฟในเร่อื งเล่าโดยนกั บุญมทั ธวิ ดู
จะเป็นบคุ คลทไ่ี ดร้ บั การจดั เป็นรปู แบบไวล้ ่วงหน้าตามความหมายของชอ่ื ในพระคมั ภรี ์ และพอ่ ของเขาคอื ยาโคบ
(Jacob) (ปฐก. 37-50; เทยี บ โดยเฉพาะการเปิดเผยผ่านทางความฝัน, บุคคลท่บี รสิ ุทธแิ์ ละเท่ยี งธรรม, การเดนิ ทางอย่างปลอดภยั ไปสู่ประเทศ
อยี ปิ ต์, เจตนคตทิ ่ใี ห้อภยั ) ดงั นัน้ จงึ เป็นไปได้ว่ารายช่อื วงศ์ตระกูลสองรุ่นก่อนหน้าพระเยซูเจ้า น่าจะเป็นการนามา
บนั ทกึ ไวเ้ พอ่ื ประโยชน์ทางเทวศาสตรม์ ากกวา่ ทางประวตั ศิ าสตร์

พระคมั ภรี ท์ ่แี ปลเป็นภาษาองั กฤษส่วนมากในยุคปัจจุบนั เช่น NIV และ NRSV ยดึ ดาเนินตามเน้ือหา
ของตน้ ฉบบั ลายมอื ภาษากรกี สว่ นใหญ่ ซง่ึ เก่าแก่ทส่ี ุดและดที ส่ี ุด (ยกเวน้ ฉบบั ของมอฟแฟตต์ [Moffatt] ซง่ึ ใชต้ น้ ฉบบั พระคมั ภรี ์
ภาษาซีเรยี โบราณ [The Old Syriac] ตามข้อมูลด้านล่าง) ต้นฉบบั ลายมอื ภาษากรกี กลุ่มหน่ึง (แหล่ง Q และ f 13) และต้นฉบบั
ภาษาละตนิ โบราณบางเล่มมขี อ้ ความระบุว่า “โยเซฟ ผทู้ ่ีไดห้ มนั้ หมายกบั พระนางพรหมจารมี ารยี ์ ไดใ้ หก้ าเนิด
พระเยซูเจ้า ผู้ท่ีทรงได้รบั การขนานนามว่า พระครสิ ต์” (Joseph, to whom the betrothed Virgin Mary bore
Jesus called the Christ”) ซง่ึ อาจมผี ตู้ คี วามและเขา้ ใจวา่ โยเซฟคอื บดิ าทางสายเลอื ดของพระเยซูเจา้ แตม่ คี วาม
เป็ นไปได้มากกว่าว่าบรรดาธรรมาจารย์รุ่นหลังได้เปล่ียนแปลงเน้ือหาส่วนน้ี เพ่ือเน้นความเป็ น
พรหมจาร(ี นิรนั ดร)ของพระนางมารยี ์ เพราะงานเขยี นรุน่ ก่อนๆ เรยี กโยเซฟวา่ “สาม”ี ของพระนางมารยี ์ มธี รรม
ประเพณีแห่งต้นฉบบั ลายมอื ภาษากรกี (MSS)อ่นื ๆ ทร่ี ะบุไวแ้ ตกต่างกนั แต่มเี พยี งต้นฉบบั เดยี วคอื ฉบบั ภาษา

52

ซีเรยี โบราณท่เี ขยี นไวว้ ่า “โยเซฟ ผู้ท่พี ระนางมารยี ์พรหมจารยี ์ได้รบั หมนั้ หมายไว้ ได้ให้กาเนิดพระเยซูเจ้า”
(Begot Jesus) ซ่งึ แมว้ ่าแทบจะเป็นไปไม่ไดเ้ ลยทง่ี านเขยี นน้ีจะเป็นตน้ ฉบบั ดงั้ เดมิ ของพระวรสารนักบุญมทั ธวิ
แต่กม็ คี วามเป็นไปไดอ้ ยเู่ ลก็ น้อยวา่ งานเขยี นน้ีเป็นรปู แบบดงั้ เดมิ ของการเขยี นลาดบั วงศต์ ระกลู ในสมยั กอ่ นหน้า
นกั บุญมทั ธวิ (pre-Matthean form of the Genealogy) ซง่ึ นกั บุญมทั ธวิ ไดป้ รบั เปลย่ี น เพราะนกั บญุ มทั ธวิ เขา้ ใจ
อยา่ งชดั เจนวา่ โยเซฟเป็นเพยี งบดิ าบุญธรรมของพระเยซูเจา้ ไม่ใช่บดิ าทางสายเลอื ด ท่านจงึ ไดเ้ ขยี นลาดบั วงศ์
ตระกูลใหโ้ ยเซฟ เพอ่ื พระเยซูเจา้ จะไดอ้ ยใู่ นลาดบั วงศต์ ระกลู ทางกฎหมายในฐานะทายาทแห่งความเป็นกษตั รยิ ์
ของดาวดิ

1:17 สองชว่ งตอนแรกของลาดบั วงศต์ ระกูลมรี ายชอ่ื ตอนละ 14 ชอ่ื สว่ นทส่ี ามมี 13 ชอ่ื
ความเหน็ ดา้ นบนแสดงวา่ มคี วามไมส่ อดคลอ้ งกนั ระหวา่ งพระวรสารนักบุญมทั ธวิ กบั พระคมั ภรี พ์ นั ธสญั ญา
เดมิ ซง่ึ เม่อื นามาเปรยี บเทยี บกบั ลาดบั วงศต์ ระกลู ของพระเยซูเจา้ ในพระวรสารนกั บุญลูกา (ลก. 3:23-38) จะพบว่า
มจี ุดท่ไี ม่สอดคลอ้ งกนั เพม่ิ ขน้ึ อกี นักบุญมทั ธวิ ประกาศว่า จากอบั ราฮมั ถงึ พระเยซูเจ้า มี 42 รุ่น (แต่บนั ทกึ ไว้
เพยี ง 41 รุ่น) ส่วนนักบุญลูกาบนั ทกึ ไว้ 56 รุ่น จากกษัตรยิ ์ดาวดิ ถงึ พระเยซูเจ้า มี 42 รุ่น (ส่วนนักบุญมทั ธวิ
บนั ทกึ ไว้ 27 รุ่น แต่ประกาศว่ามี 28 รุ่น) นอกจากน้ี นักบุญมทั ธวิ ไดเ้ รยี งลาดบั วงศต์ ระกูลของพระเยซูเจา้ จาก
ดาวดิ โดยผ่านทางโซโลมอน เพ่อื ใหร้ ายช่อื ทต่ี ามหลงั ดาวดิ เป็นราชวงศก์ ษตั รยิ ์ หรอื เป็นกษตั รยิ ท์ แ่ี ทจ้ รงิ แห่งยู
ดาห์ ส่วนพระวรสารนักบุญลูกาเรยี งลาดบั วงศ์ตระกูลผ่านทางบุตรชายของดาวดิ คอื นาธนั ส่งผลใหเ้ กดิ สาย
ตระกูลท่ีไม่ใช่ราชวงศ์กษัตรยิ ์ ส่วนลาดบั วงศ์ตระกูลในพระวรสารนักบุญลูกา รายช่อื ท่ีมาหลงั จากดาวดิ จะ
แตกต่างออกไป มีท่ีเหมอื นกนั เพียงแค่ เซลาทิเอล เศรุบบาเบล เอลยี าคมิ อาโมส เอเลอาซาร์ และมทั ธาน
ทงั้ หมดน้ีจดั เรยี งลาดบั แตกต่างออกไป เวน้ แต่คู่ของเซลาทเิ อลกบั เศรุบบาเบล เช่นกนั พระวรสารนักบุญมทั ธวิ
กบั พระวรสารนกั บญุ ลกู าไดร้ ะบุชอ่ื บดิ าของโยเซฟแตกต่างกนั (มธ. 1:16 ระบุ ยาโคบ; ลก. 3:23 ระบุ เฮล)ี

Omission of generations

Old Testament Matthew

David David
Solomon
Rehoboam Solomon
Abijah Roboam
Asa Abia
Jehoshaphat Asaph
Joram Josaphat
Ahaziah
Joash Joram
Amaziah —
Azariah —
Jotham —
Ahaz
Hezekiah Ozias
Manasseh Joatham
Amon Achaz
Josiah Ezekias
Jehoiakim
Jeconiah Manasses
Pedaiah Amos
Zerubbabel Josias



Jechonias
Salathiel
Zorobabel

53

มผี พู้ ยายามนาลาดบั วงศ์ตระกูลทงั้ สองมาประสานเขา้ กนั อย่หู ลายครงั้ (1) พยายามใหไ้ ม่มคี วามแตกต่าง
โดยเขา้ ใจว่านักบุญลูกาเขยี นลาดบั วงศ์ตระกูลของพระนางมารยี ์ ส่วนนักบุญมทั ธวิ เขยี นลาดบั วงศต์ ระกูลของ
นกั บุญโยเซฟ แมจ้ ะมขี อ้ ความทร่ี ะบไุ วช้ ดั เจนวา่ ไมไ่ ดเ้ ป็นเชน่ นนั้ ใน ลก. 3:23 นอกจากน้ี นกั บุญลูกายงั นาเสนอ
พระนางมารยี ใ์ นฐานะญาตเิ กย่ี วดองกบั ตระกลู ของคนเลวี (Levitical Family) คอื เศคารยิ าหแ์ ละเอลซี าเบธ ไมไ่ ด้
เป็นสมาชิกของเผ่าพนั ธุ์ยูดาห์และสายตระกูลของกษัตรยิ ์ดาวดิ (ลก. 1:5, 36) (2) จูเลียส แอฟรกิ านุส (Julias
Africanus) ในชว่ งตน้ ครสิ ตศตวรรษท่ี 3 ทา่ นเป็นคนแรกทเ่ี รม่ิ ตน้ ความพยายามหลายครงั้ ทจ่ี ะประสานความต่าง
ในลาดบั วงศต์ ระกูลทงั้ สอง โดยสนั นิษฐานว่าอาจมกี ารแต่งงานกบั คนเลวหี รอื การรบั บุตรบุญธรรมในจุดทพ่ี ระวร
สารนักบุญมทั ธวิ และพระวรสารนักบุญลูกาใช้ช่อื ต่างกนั (เทียบ ฉธบ. 25:5-10) แต่ถึงแม้ว่าถ้าทฤษฎีน้ี (ซ่ึงไม่มี
หลกั ฐานสนับสนุน) จะไดร้ บั การยอมรบั ว่าช่วยแก้ปัญหาไดบ้ างส่วน แต่กย็ งั มปี ัญหาอ่นื ๆ อกี ประการหน่ึงคอื
ระยะเวลาของชนแต่ละรุ่นท่จี ดั ไวใ้ นลาดบั วงศ์ตระกูล ระยะเวลา 400 ปีจากสมยั กษตั รยิ ด์ าวดิ ถงึ การเนรเทศสู่
กรุงบาบโิ ลน มหี ลกั ฐานทถ่ี ูกตอ้ งและสมเหตุสมผลยนื ยนั แลว้ ครอบคลุมทงั้ หมด 18 ชวั ่ อายุคน (นักบุญมทั ธวิ นับเป็น
14) ซง่ึ เท่ากบั หน่ึงชวั่ อายคุ นนบั เวลา 22 ปี ซง่ึ เป็นไปไม่ไดใ้ นทางประวตั ศิ าสตร์ สาหรบั 28 ชวั่ อายคุ นทเ่ี หลอื ซง่ึ
ครอบคลุมเวลา 1,350 ปี เท่ากบั เฉลย่ี ไดว้ ่าหน่ึงชวั่ อายุคนใชเ้ วลา 48 ปี จงึ เหน็ ไดช้ ดั วา่ มกี ารจดั วางทุกอยา่ งขน้ึ
ใหม่ ลาดบั วงศต์ ระกูลในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ไม่ไดถ้ ูกตอ้ งตามขอ้ เทจ็ จรงิ และจากการศกึ ษารายละเอยี ดของ
ลาดบั วงศ์ตระกูลในพระคมั ภีร์จะเห็นถงึ ความแปรเปล่ยี นไปมา(Fluidity)ของลาดบั วงศ์ตระกูลในพระวรสารน้ี
ดงั นนั้ เร่อื งลาดบั วงศต์ ระกูลจงึ ไมไ่ ดท้ าหน้าทส่ี ะทอ้ นถงึ ประวตั ศิ าสตรย์ ุคโบราณ แต่น่าจะเป็นการแสดงออกและ
สนบั สนุนประเดน็ รว่ มสมยั ทางดา้ นสงั คมชมุ ชน2 การเมอื ง การปกครอง และศาสนา

ข้อคิดไตร่ตรอง
งานเขยี นน้ีต้องการใหเ้ ราเช่อื สง่ิ ใด นักบุญมทั ธวิ ท่านไม่ไดส้ นใจเร่อื งของชวี วทิ ยาหรอื พนั ธุศาสตร์ แต่

ตอ้ งการยนื ยนั ความเชอ่ื ทางศาสนา ซง่ึ อาจสรุปไดเ้ ป็นสป่ี ระเดน็ ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. พระเยซูเจา้ คอื การทาให้สาเรจ็ สมบูรณ์(Fulfillment) ของเป้าหมายและความหวงั แห่งชนชาตอิ สิ ราเอล

แนวคดิ ของพระวรสารนักบุญมทั ธวิ บททห่ี น่ึง คอื การระบุว่าพระเยซูเจา้ คอื ใคร โดยไม่ไดเ้ ขยี นออกมาดว้ ยการ
อธบิ ายว่าพระเยซูเจา้ ทรงเป็นบุคคลทน่ี ่าประทบั ใจเท่านนั้ แต่เร่อื งเล่าถงึ พระองค์ (แก่นสารสาคญั ของเร่อื ง ส่วนทต่ี ดั สนิ
ชดั เจน) เป็นเรอ่ื งของพระเป็นเจา้ ผทู้ รงเสดจ็ มาชว่ ยกอบกมู้ นุษยชาตใิ หร้ อดพน้ เรม่ิ ตน้ ทเ่ี รอ่ื งของอบั ราฮมั กบั นาง
ซาราห์ (แต่จรงิ ๆ แล้วส่วนต่อมาของพระวรสารจะแสดงให้เห็นว่า เร่อื งทงั้ หมดเรมิ่ ต้นท่ีพระเป็นเจ้าทรงสร้างสรรพสงิ่ ) และต่อไปจนถึง
อวสานตกาล ตามคาจากดั ความ พระเมสสยิ าห์ไม่ไดอ้ ย่ๆู กท็ รงเสดจ็ มาปรากฏบนเวทขี องประวตั ศิ าสตรโ์ ลกใน
ฐานะตวั ละครใหม่ทน่ี ่าต่นื ตาต่นื ใจ แต่พระองค์มาปรากฏเพอ่ื สบื ต่อประวตั ศิ าสตรก์ ารกอบกูม้ นุษยชาตขิ องพระ
เป็นเจา้ ทม่ี มี าตงั้ แตอ่ ดตี พระเยซูเจา้ ในฐานะพระเมสสยิ าหท์ รงเป็นเป้าหมาย การทาใหส้ าเรจ็ สมหวงั และเป็นขอ้
ต่อสาคญั ท่ีชัดเจนแน่นอนแห่งประวตั ิศาสตร์ นักบุญมทั ธิวได้จดั ลาดับวงศ์ตระกูลในพระวรสารแสดงการ
เคล่อื นไหวสามช่วงสมยั เรมิ่ ตน้ ทอ่ี บั ราฮมั เคล่อื นต่อไปส่ดู าวดิ กษตั รยิ แ์ ห่งชาวยวิ ผทู้ รงอย่ตู รงแกนกลางเรอ่ื ง
ตอ่ จากนนั้ เรอ่ื งราวไดต้ กต่าอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั จากการลม่ สลายของอาณาจกั รแห่งดาวดิ แลว้ ไดก้ ลบั พลกิ ฟ้ืนขน้ึ มา

2 รวมครอบครวั เศรษฐกจิ อาชพี ความเป็นอยขู่ องประชาชน สภาพแวดลอ้ มทางสงั คม และหลกั คดิ ของชมุ ชนบนพน้ื ฐานของศาสนาและการศกึ ษา
อาจมอี ทิ ธพิ ลตอ่ บรบิ ทของชุมชน สงั คม บา้ นเมอื งนนั้ ๆ

54

อย่างน่าประหลาดใจ มาสพู่ ระเยซูครสิ ตเจา้ ผทู้ รงเป็นผทู้ ย่ี งิ่ ใหญ่กว่า “โอรสแห่งกษตั รยิ ด์ าวดิ ” แม้กระทงั่ ว่าชน
ชาติอิสราเอลได้กระทาบาปผดิ ซ่ึงละท้ิงทาลายพนั ธสญั ญาท่ีได้ให้ไว้ต่อพระเป็นเจ้า แต่พระผู้เป็นเจ้ายงั คง
ซ่อื สตั ยต์ ่อพระสญั ญาอนั ศกั ดสิ ์ ทิ ธแิ ์ ละยงั ทรงนาพาประวตั ศิ าสตรไ์ ปสคู่ วามสาเรจ็ สมประสงค(์ ตามพระสญั ญาหรอื การ
รอคอยการไถก่ ใู้ หร้ อดพน้ )ในองคพ์ ระครสิ ตเจา้

สาหรบั บางคน บทคดั ลอกลาดบั วงศต์ ระกูลน้ีเป็นขา่ วดเี พราะเป็นสงิ่ ทอ่ี า้ งสทิ ธถิ ์ งึ ความสาเรจ็ สมบูรณ์แห่ง
ความหมายของประวตั ศิ าสตร์การไถ่กูใ้ หร้ อดพน้ ในองคพ์ ระครสิ ตเจา้ แต่บางคนไม่แน่ใจว่าประวตั ศิ าสตรน์ ัน้ มี
ความหมายใดๆ ทจ่ี ะตอ้ งเตมิ เตม็ ใหส้ าเรจ็ สมบรู ณ์ ไมว่ า่ จะโดยพระครสิ ตห์ รอื ใครกต็ าม ทา่ นนกั บุญมทั ธวิ ยดึ มนั่
ในความเช่อื ศรทั ธาแบบชาวยวิ และยนื ยนั ว่าพระเป็นเจา้ คอื พระผสู้ รา้ งทจ่ี ะไม่ละเลยใหส้ งิ่ ทพ่ี ระองคไ์ ดท้ รงสรา้ ง
ขน้ึ มาใหต้ อ้ งสญู เสยี หรอื หายไป แต่พระองคจ์ ะทรงนาพาเราไปส่คู วามสาเรจ็ สมหวงั ในพระสญั ญา แมจ้ ะดูคลา้ ย
ไม่มคี วามหมายใดๆ ในประวตั ศิ าสตรท์ งั้ ครบหรอื ในชวี ติ อนั เลก็ น้อยต่าตอ้ ยของเรา สงิ่ น้ไี มใ่ ช่เป็นความคดิ ทเ่ี ป็น
นามธรรม แต่ประกอบเป็นรูปร่างข้นึ มาในชุดรายช่อื ของผคู้ นอย่างชดั แจง้ มที งั้ คนเลก็ น้อยและคนยงิ่ ใหญ่ ผูท้ ่ี
เป็นทร่ี จู้ กั และไม่มใี ครรจู้ กั ผซู้ ง่ึ พระเป็นเจา้ ไดท้ างานผ่านผคู้ นเหล่าน้ีในการประทานพระเมสสยิ าหใ์ หเ้ สดจ็ มาสู่
โลกน้ี ความหมายสงู สดุ ของสง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในตอนนนั้ ไม่มใี ครรชู้ ดั เจน แต่รายช่อื เหล่าน้ีเป็นพยานของนกั บุญมทั ธวิ
ผปู้ ระกาศยนื ยนั ว่า พระเป็นเจา้ ทรงทางานผ่านมนุษย์ปุถุชนเดนิ ดนิ ธรรมดาผเู้ ป็นสงิ่ ต่าตอ้ ย(เป็นคนบาป)ทเ่ี ป็นดงั
กรวดหนิ มแี ก่นสารเลก็ น้อย ใหเ้ ป็นผกู้ ระทารว่ มมอื กบั พระองคน์ าพาพระประสงคข์ องพระเป็นเจา้ สคู่ วามสาเรจ็
ครบสมบรู ณ์ในพระครสิ ตเจา้

2. เรอ่ื งราวของพระเมสสยิ าหเ์ ป็นภารกจิ รวมทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั แผข่ ยายออกครอบคลมุ หญงิ และ
ชายจากทุกชนชาติ คาว่า “รวมทุกสง่ิ ” นัน้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่คาพูดยอดนิยมเหมือนในยุคสมยั ใหม่ แต่เป็น
ขอ้ ความล้าลกึ ทร่ี ะบุไวใ้ นย่อหน้าแรกของพระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาใหม่ ย่อหน้าท่สี รุปเร่อื งราวทงั้ หมดในภาค
พนั ธสญั ญาเดิมและเช่อื มหนังสอื ทงั้ สองเล่ม(หมายถึงพยานแห่งพนั ธสญั ญาทงั้ ฉบบั ภาษาฮบี รูและภาษากรกี ) ให้กลายเป็น
หนังสอื เล่มเดยี วท่ีบอกเล่าเร่อื งราวการกอบกู้มนุษยชาติให้รอดพ้นของพระผู้เป็นเจ้าในประวตั ิศาสตร์ พระ
ประสงคข์ องพระเป็นเจา้ นนั้ คอื การรวมทุกสงิ่ เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั เรอ่ื งราวของการไถ่กู้ เร่อื งภารกจิ ทพ่ี ระเป็นเจา้ ทรง
รวบรวมมนุษยชาตทิ แ่ี ตกแยกกระจดั กระจายกนั ไป ตงั้ แตก่ ารพพิ ากษาใหน้ ้ามหาวนิ าศทว่ มโลกและการพงั ทลาย
ของหอคอยบาเบลทท่ี าใหม้ นุษยแ์ ตกกระจายและเหนิ ห่างจากกนั (ปฐก. 6-11) เรมิ่ ตน้ จากพระเป็นเจา้ ทรงเรยี กอบั
ราฮมั และซาราห์ และทรงสญั ญาวา่ จะอวยพรประชากรทงั้ หลายผา่ นทางพวกท่าน (ปฐก. 12:1-3) ในฐานะ “บุตรของ
อบั ราฮมั ” พระเยซูเจา้ จงึ ไดร้ บั การประกาศวา่ เป็นองคผ์ เู้ สดจ็ มาทาใหพ้ ระสญั ญาทท่ี รงใหไ้ วก้ บั ชาวตา่ งชาตสิ าเรจ็
เป็นจรงิ

ขอ้ ความทเ่ี ปิดเผยถงึ การรวมทุกสงิ่ เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ปรากฏสอดคลอ้ งกบั การรวมวงศต์ ระกลู ทงั้ หมด โดยมกี าร
รวมช่อื ของผหู้ ญงิ หา้ คนไวด้ ว้ ย ไดแ้ ก่ ทามาร์ ราหบั รธู “ภรรยาของอุรอิ าห”์ และมารีย์ เน่ืองจากการเรยี งลาดบั
บรรพบุรุษและทายาทในสายของผูเ้ ป็นบดิ าเป็นหลกั การกล่าวถงึ ผูห้ ญิงในลาดบั วงศ์ตระกูลจงึ ไม่ไช่เร่อื งปกติ
แต่กใ็ ช่ว่าจะไม่เคยมมี าก่อน ผหู้ ญงิ ทงั้ หมดทก่ี ล่าวถงึ น้ีดูเหมอื นจะเกย่ี วขอ้ งกบั พฤตกิ รรมทางเพศอนั เป็นทน่ี ่า
สงสยั เคยมผี ใู้ หค้ วามเหน็ วา่ อาจเป็นวธิ กี ารปกป้องความเชอ่ื ทน่ี กั บุญมทั ธวิ ใชต้ อบสนองต่อการเล่าเรอ่ื งพระเยซู
เจา้ ทรงถอื กาเนิดจากพระนางมารยี ์ พรหมจารที ่ถี ูกดูหมน่ิ จากกลุ่มผไู้ ม่เช่อื หรอื ถา้ หากไม่ใช่การปกป้องความ
เช่อื นักบุญมทั ธวิ อาจต้องการยนื ยนั ว่าแผนการของพระผูเ้ ป็นเจ้าสาเรจ็ สมประสงค์ในประวตั ศิ าสตร์ด้วยวธิ ที ่ี

55

“แปลกประหลาด” และไม่มใี ครคาดคดิ เช่น กรณีท่พี ระนางมารีย์ให้กาเนิดพระเยซูเจ้า นักบุญมทั ธวิ ต้องการ
แสดงใหเ้ หน็ ดว้ ยว่าพระเจา้ ทรงทางานโดยใชว้ ธิ กี ารทผ่ี ดิ แผกแตกต่างจากแบบแผนปกตทิ วั่ ไป หรอื แมแ้ ต่สง่ิ ทด่ี ู
เหมอื นเรอ่ื งฉาวโฉ่ ผ่านทางผหู้ ญงิ ทก่ี ลา้ รเิ รมิ่ สงิ่ ใหม่ๆ อย่างทามารแ์ ละรธู แต่เหตุผลหลกั ทน่ี กั บุญมทั ธวิ รวมช่อื
ผหู้ ญงิ เหล่าน้ี สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ หลกั ของพระวรสาร คอื แผนการของพระผเู้ ป็นเจา้ ตงั้ แต่เรมิ่ แรกนัน้ ต้องการ
รวมชนต่างชาติไว้ด้วย ผู้ชายทงั้ หมดท่อี ยู่ในลาดบั วงศ์ตระกูลของพระเยซูเจ้านัน้ จาเป็นต้องเป็นชาวยวิ แต่
ผหู้ ญงิ สค่ี นเหล่าน้ี (ยกเวน้ พระนางมารยี )์ ลว้ นแต่เป็น “คนนอก” เป็นชนต่างชาตติ ่างศาสนา หรอื ไม่กถ็ ูกมองว่า
เป็นเช่นนัน้ ตามธรรมประเพณีของชาวยวิ เช่นเดยี วกบั การท่เี ร่อื งราวในส่วนต่อมาแสดงใหเ้ หน็ ว่าพระเยซูเจ้า
ทรงเป็นผทู้ ท่ี าใหค้ วามหวงั ของชาวยวิ และชนต่างศาสนาสาเรจ็ เป็นจรงิ ลาดบั วงศต์ ระกูลน้ีกแ็ สดงใหเ้ หน็ ว่าพระ
เมสสยิ าหม์ าจากสายของชาวยวิ ทม่ี ชี าวตา่ งชาตริ วมอยดู่ ว้ ย

3. พระเยซูเจา้ ทรงเป็นพระเมสสยิ าห์ผทู้ รงสบื เชอ้ื สายกษตั รยิ ์ เป็นโอรสแห่งดาวดิ คาวา่ “โอรสแห่งดาวดิ ”
น้ีมคี วามหมายสาคญั ยง่ิ ต่อการระบุตวั ตนพระเยซูครสิ ต์ของนักบุญมทั ธวิ (ดูบทเสรมิ เร่อื ง “ครสิ ตศาสตรข์ องนักบุญมทั ธวิ ”
353-61) ดงั นนั้ พระวรสารจงึ เรม่ิ ตน้ ดว้ ยแนวคดิ เรอ่ื งความเป็นกษตั รยิ ท์ พ่ี ฒั นาไปสเู่ รอ่ื งการกาเนิดของพระเยซูเจา้
และชวี ติ วยั ทารกของพระองคใ์ น 1:18-2:23 ซง่ึ ลว้ นเป็นเรอ่ื งราวของราชตระกลู ความเป็นกษตั รยิ น์ นั้ ไม่เพยี งแต่
เหน็ ไดจ้ ากคาพดู ของพระเยซูเจา้ ทก่ี ล่าวถงึ พระอาณาจกั รของพระเป็นเจา้ แต่ยงั อยทู่ ก่ี ารระบุตวั ตนของพระองค์
เองอกี ดว้ ย ในมมุ มองของนกั บุญมทั ธวิ ในเมอ่ื พระเยซูเจา้ เป็น “โอรสแห่งดาวดิ ” พระองคย์ ่อมเป็นองคร์ ชั ทายาท
แห่งราชบลั ลงั ก์ เร่อื งราวของกษัตรยิ ์ดาวดิ ตอนแรกนัน้ มแี นวคดิ ของ “การรวมทุกสงิ่ เขา้ ไวด้ ้วยกนั ” เพราะว่า
พ ระองค์ท รงรบ ชน ะช น ห ลายช าติแล ะน าพ วกเข าม าอยู่ภ ายใต้การป กค รอ งของอิสราเอลใน ฐานะสิ่งท่ีถู ก
ครอบครอง ในเรอ่ื งเล่าของพระวรสาร พระเยซูเจา้ ผทู้ รงเป็น “กษตั รยิ แ์ ห่งชาวยวิ ” ไดเ้ ปลย่ี นความหมายมใิ ช่เป็น
เพยี ง “การรวมทุกสง่ิ เขา้ ด้วยกนั ” แต่รวม “ความเป็นกษตั รยิ ์” เน่ืองจากบางประเทศในยุคปัจจุบนั ไม่มรี ะบอบ
กษตั รยิ แ์ ละราชอาณาจกั ร เราจะตอ้ งตคี วามมโนภาพทน่ี กั บุญมทั ธวิ บรรยายใหด้ ี ตอ้ งไมบ่ งั อาจปฏเิ สธวา่ สง่ิ น้ีไม่
มจี รงิ แตท่ าความเขา้ ใจเกย่ี วกบั แนวคดิ เหลา่ น้ี ซง่ึ นกั บุญมทั ธวิ ใชส้ อ่ื สารถงึ ขา่ วสารทท่ี า่ นตอ้ งการจะเลา่ ใหท้ ราบ

4. พระเป็นเจา้ ทรงเป็นผกู้ ระทาการท่ซี ่อนอย่เู บอ้ื งหลงั พระองค์ทรงมบี ทบาทแทจ้ รงิ (Active)ตลอดทงั้ เรอ่ื ง
นับตงั้ แต่สมยั อบั ราฮมั ถงึ สมยั พระเยซูเจ้า ตงั้ แต่การให้พระสญั ญาและการทาให้พระสญั ญานัน้ สาเรจ็ เป็นจรงิ
และไม่ได้ทรงเป็นเพยี งสง่ิ พเิ ศษสุดท่มี าเป็นลาดบั สุดท้ายของรายช่อื ท่ตี ่อเน่ืองกนั ด้วยคาว่า “เป็นบดิ าของ...”
(Begat) ในสายวงศ์ตระกูลอนั ยาวเหยยี ดน้ีไม่ได้เป็นเพยี งบทนาน่าเบ่อื ก่อนเร่อื งราวอนั น่าต่นื เต้นของการถอื
กาเนิดจากหญิงพรหมจารยี ใ์ นตอนสุดทา้ ยของบทน้ี พระเป็นเจา้ สามารถสรา้ ง “ลูกหลานของอบั ราฮมั ” ขน้ึ มา
จากกอ้ นหนิ (ลก. 3: 8)กไ็ ด้ แต่พระองคเ์ ลอื กทางานผา่ นชวี ติ ปกตขิ องผคู้ นธรรมดาสามญั มาเป็นประชากรอสิ ราเอล
โดยการสบื เชอ้ื สายทางอบั ราฮมั ดงั ทป่ี รากฎอย่ใู นลาดบั วงศ์ตระกูลดงั กล่าว พระเป็นเจา้ ทรงกระทาการทเ่ี หนือ
ธรรมดาในการสรา้ งสรรคพ์ ระเยซูเจา้ ในฐานะพระบุตรของพระเป็นเจา้ แต่ในขณะเดยี วกนั พระองค์ทรงกระทาสง่ิ
ทเ่ี ป็นวถิ แี บบ “ธรรมดาสามญั ” จดั นาพาพระเยซูเจา้ ไดเ้ กดิ อย่ใู นสายวงศแ์ ห่งพระสญั ญาในฐานะ “บตุ รแหง่ อบั รา
ฮมั ” พระผูเ้ ป็นเจ้าพระองคเ์ ดยี วกนั น้ีเองจงึ ทรงมบี ทบาทกระทาสง่ิ ต่างๆ ทงั้ ในแบบวถิ ที างธรรมดาสามญั และ
วถิ ที างพเิ ศษทไ่ี มธ่ รรมดา

56

มทั ธวิ 1:18-25 : การเชอ่ื ฟังของนกั บญุ โยเซฟ

Annunciation by Fabrizio Boschi An Angel of the Lord appeared to Him in a Dream,

โยเซฟรบั พระเยซูเจา้ เป็นบตุ รบญุ ธรรม
18 เรอ่ื งราวการประสตู ขิ องพระเยซคู รสิ ตเจา้ เป็นดงั น้ี พระนางมารยี ์ พระมารดาของพระองคห์ มนั้ กบั โยเซฟ แต่ก่อนท่ี
ทา่ นทงั้ สองจะครองชวี ติ รว่ มกนั ปรากฏวา่ พระนางตงั้ ครรภแ์ ลว้ ดว้ ยเดชะพระจติ เจา้ 19 โยเซฟคหู่ มนั้ ของพระนางเป็นผชู้ อบ
ธรรมไมต่ อ้ งการฟ้องหยา่ พระนางอยา่ งเปิดเผย จงึ คดิ ถอนหมนั้ อยา่ งเงยี บๆ 20 ขณะทโ่ี ยเซฟกาลงั คดิ ถงึ เรอ่ื งน้ีอยู่ ทตู สวรรคข์ อง
องคพ์ ระผเู้ ป็นเจา้ กม็ าเขา้ ฝัน กล่าววา่ “โยเซฟ โอรสกษตั รยิ ด์ าวดิ อยา่ กลวั ทจ่ี ะรบั มารยี ม์ าเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเดก็ ท่ี
ปฏสิ นธใิ นครรภข์ องนางนนั้ มาจากพระจติ เจา้ 21 นางจะใหก้ าเนิดบตุ รชาย ท่านจงตงั้ ชอ่ื บตุ รนนั้ วา่ เยซู เพราะเขาจะชว่ ย
ประชากรของเขาใหร้ อดพน้ จากบาป” 22 เหตุการณ์น้ีเกดิ ขน้ึ เพ่อื พระดารสั ขององคพ์ ระผเู้ ป็นเจา้ ทต่ี รสั ผา่ นประกาศก จะเป็น
ความจรงิ วา่
23 หญิงพรหมจารีจะตงั้ ครรภ์ และจะคลอดบตุ รชาย
ซึง่ จะได้รบั นามวา่ “อิมมานูเอล”
แปลวา่ พระเจา้ สถติ กบั เรา” 24 เมอ่ื โยเซฟต่นื ขน้ึ เขากท็ าตามทท่ี ตู สวรรคข์ ององคพ์ ระผเู้ ป็นเจา้ สงั่ ไว้ คอื รบั ภรรยามาอยู่
ดว้ ย 25 แตเ่ ขามไิ ดม้ เี พศสมั พนั ธก์ บั นาง ตอ่ มานางใหก้ าเนิด11 บตุ รชาย โยเซฟตงั้ ชอ่ื กุมารนนั้ วา่ เยซู

ข้อศึกษาวิพากษ์
ภายในโครงสรา้ งของสาระสาคญั ทไ่ี ดก้ ล่าวอย่างคร่าวๆ มาแลว้ น้ี บททห่ี น่ึงของพระวรสารเล่าเร่อื งการ

นาเสนอพระเยซูเจ้าในฐานะโอรสของดาวดิ และบุตรของพระเป็นเจ้า การเสดจ็ มาถงึ ในทนั ทขี องพระองค์เป็น
จุดเรมิ่ ต้นก่อให้เกิดความขดั แย้งระหว่างอาณาจกั รซ่ึงขยายเพม่ิ ข้นึ ในบทท่ี 2 แม้แต่ในขณะท่ีทรงเป็นทารก
กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ หม่ผนู้ ้ีไม่ตอบโตใ้ ดๆ แต่หนีไปส่ทู ป่ี ลอดภยั ท่ามกลางคนต่างชาตใิ นประเทศอยี ปิ ต์ (2:1-12) เม่อื
เสด็จกลบั มาสู่ “ดินแดนแห่งอิสราเอล” พระองค์ไม่อาจอาศยั อยู่ในเมืองของพระองค์ได้ ต้องกลายเป็นผู้ถูก
เนรเทศในดนิ แดนของพระองคเ์ อง ตอ้ งสรา้ งบา้ นใหมท่ ่ี “แควน้ กาลลิ ขี องชนต่างชาต”ิ (2:13-23, cf. 4-5) เช่นเดยี วกบั
เรอ่ื งเล่าอ่นื ๆ ในพระวรสาร มกี ารตคี วามโดยมุมมองของผเู้ ล่ายุคหลงั จากพระองค์กลบั คนื พระชนมช์ พี แลว้ เพอ่ื
แสดงว่าเร่อื ง “ชวี ติ วยั ทารก” ของพระเยซูเจ้าเป็นการบอกแสดงความหมายโดยรวมแห่งการเสดจ็ มาของพระ
ครสิ ต์

มทั ธวิ 1:18-25 เป็นการเปิดฉากของพระวรสาร มอี งคป์ ระกอบหา้ ประการคอื

57

1:18a เป็นตอนเช่อื มไปสเู่ น้ือหาหลกั ของเรอ่ื งเล่า 1:18 ทวนเร่อื งราวทป่ี ระกาศไวต้ งั้ แต่ 1:1 (ตวั เช่อื มน้ีเป็น
การทวนกลบั คนื ส่เู น้ือเร่อื ง [คาว่า “ขณะน้ี” “now” (de" de) ในฉบบั NRSV] ไม่ไดร้ บั การแปลในฉบบั NIV) และวางโครงสรา้ งการรวมทุก
เรอ่ื งราวทงั้ หมด(บทสรุปสนั้ )ทงั้ ตน้ และทา้ ยเรอ่ื งไวด้ ว้ ยกนั (Forming Inclusion) โดยย้าทค่ี าสาคญั (Key Words)
ใน 1:1

1:18b – 20a เปิดฉากนาสู่เรอ่ื งเล่าทนั ทใี หผ้ อู้ ่านไดร้ บั รจู้ ากผเู้ ล่าว่ามบี างสงิ่ ไดเ้ กดิ ขน้ึ แลว้ (ก) พระนาง
มารยี แ์ ละนักบุญยอเซฟไดห้ มนั้ หมายกนั แลว้ เป็นการผกู มดั ระหว่างบุคคลทถ่ี อื เสมอื นว่าทงั้ คู่คอื สามภี รรยา (ว.
19) ทถ่ี ูกตอ้ งตามกฎหมาย (ว. 20) และถา้ มคี วามไม่ซ่อื ตรงต่อกนั จะถอื วา่ เป็นการล่วงผดิ ประเวณี ซง่ึ จะตอ้ งแกไ้ ข
คล่คี ลายดว้ ยความตายและการหย่ารา้ งเท่านัน้ (1:19) (ข) พระนางมารยี ต์ งั้ ครรภ์แลว้ ผูอ้ ่านได้รูต้ งั้ แต่ ว. 18 ว่า
การปฏิสนธินัน้ เกิดข้นึ จากพระจิต แต่นักบุญยอเซฟไม่ได้รู้เร่อื งน้ีจนกระทงั่ ทูตสวรรค์มาบอก (ว. 20) คาว่า
“ปรากฏว่า” (Found) ในทน่ี ้ีไม่ไดม้ คี วามหมายในเชงิ ถูกจบั ได้ แต่เพยี งแค่หมายถงึ “เป็นเช่นนัน้ ” (Was) ไม่ได้
เป็นมติ ิเร่อื งเล่าแบบนิยายตงั้ แต่การกระทายงั ไม่เรม่ิ ผู้เล่าเรม่ิ เล่าให้ผู้อ่านทราบถึงวนั เวลาและสถานการณ์
เกย่ี วกบั เหตุการณ์ทเ่ี รม่ิ ขน้ึ (กบั นักบญุ ยอแซฟ)ใน ว. 20 (ค) นกั บุญยอเซฟรบั รวู้ า่ พระนางมารยี ต์ งั้ ครรภ์ แตไ่ มร่ วู้ า่ ตน้
กาเนิดนนั้ มาจากพระผเู้ ป็นเจา้ เชน่ กนั นักบุญมทั ธวิ ไมไ่ ดเ้ ขยี นพระวรสารใหก้ บั ผอู้ ่านทร่ี เู้ รอ่ื งราวทท่ี ูตสวรรคม์ า
แจง้ ขา่ วเรอ่ื งการปฏสิ นธกิ บั พระนางมารยี ด์ งั ในพระวรสารนกั บุญลกู า (ลก.1: 26-38) ตามกฎหมายของโมเสสถอื เป็น
ความผดิ มหนั ตโทษถงึ ตายในกรณเี ชน่ น้ี (ฉธบ. 22:23-27) แตใ่ นสมยั นกั บุญมทั ธวิ กฎหมายน้ไี ดร้ บั การผอ่ นผนั ลงมา
จากแนวปฏบิ ตั ขิ องรบั บี (Rabbinic Practice) แต่อยา่ งไรกต็ ามการกระทาเช่นน้ียงั เป็นโทษหนกั และเป็นเรอ่ื งน่า
อบั อาย สง่ิ แรกและสง่ิ เดยี วทก่ี ล่าวถงึ บุคลกิ ลกั ษณะของนักบุญยอเซฟคอื ท่านเป็นคน “ชอบธรรม” (Righteous
หรอื di"kaiov dikaios ในภาษากรกี ) ซ่งึ เป็นคาสาคญั ในเทวศาสตร์ของนักบุญมทั ธวิ คาน้ีสามารถแปลได้อกี
ความหมายหน่ึงคอื “เทย่ี งธรรม” (Just) ในความหมายตามสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ คาว่า dikaios หมายถงึ การใช้
ชวี ติ ตามพระบญั ญตั ขิ องพระเป็นเจา้ ซง่ึ เป็นน้าพระทยั ของพระองคท์ ท่ี รงเปิดเผยแก่มนุษย์ (ง) ตรงขา้ มกบั แบบ
ทค่ี นอ่นื ๆ มองว่าคนเทย่ี งธรรมสมควรทา นกั บุญยอเซฟได้เลอื กทจ่ี ะไม่ปฏบิ ตั ติ ามตวั อกั ษรของพระบญั ญตั ิ แต่
เลอื กปฏบิ ตั ติ ่อพระนางมารยี ์ โดยจะหยา่ จากพระนางอย่างเงยี บๆ

1:20b-20: ตอนน้ีมุ่งเน้นทก่ี ารกระทาของทตู สวรรค์ (พระเป็นเจา้ ) เร่อื งทงั้ หมดท่เี ล่ามาขา้ งตน้ เกดิ ขน้ึ ก่อน
แลว้ ตงั้ แต่ก่อนเรมิ่ เรอ่ื ง หลงั จากทน่ี ักบุญยอเซฟได้ตดั สนิ ใจเลอื กสงิ่ ทต่ี นจะปฏบิ ตั แิ ลว้ การกระทาแรกของเร่อื ง
เลา่ น้ไี ดเ้ กดิ ขน้ึ และเป็นการกระทาของพระเป็นเจา้ ผสู้ ง่ ทตู สวรรคม์ าบอกกบั นกั บญุ ยอเซฟในฝัน

บทบาทเดยี วของทูตสวรรคน์ นั้ คอื การพดู แจง้ ขา่ ว ประโยคแรกทท่ี ตู สวรรคบ์ อกเป็นคาพดู ทพ่ี บไดบ้ ่อย
เวลาทท่ี ูตสวรรค์ปรากฎมามอบสารจากพระเป็นเจา้ คอื “อย่ากลวั ไปเลย” (ว. 20 เทยี บ ปฐก. 21:17, มธ. 28:5, ลก.1:13,30;
2:10; วว. 1:17) สารจากพระเป็นเจา้ ทม่ี อบใหก้ บั นกั บุญยอเซฟสามารถตคี วามเป็นการปฏบิ ตั ไิ ดว้ า่ “จงอยา่ ลงั เลทจ่ี ะ
รบั มารยี เ์ ป็นภรรยา” โดยทูตสวรรคอ์ ธบิ ายถงึ เหตุทม่ี าของการตงั้ ครรภ์ของพระนาง และประกาศว่ากจิ การทไ่ี ด้
เกดิ ขน้ึ นัน้ เป็นการกระทาของพระผเู้ ป็นเจา้ และดว้ ยเหตุน้ี จงึ มคี าสงั่ ตามมาว่า “เจ้าจงตงั้ ช่อื ใหก้ บั เดก็ คนน้ี รบั
พระองคไ์ วเ้ ป็นบตุ รของเจา้ และรบั เป็นทายาทในสายตระกลู กษตั รยิ ด์ าวดิ ในฐานะ “บตุ รของดาวดิ ” ทแ่ี ทจ้ รงิ

เดก็ น้ีจะรบั ช่อื ว่า “เยซู” ( Iesous) ในภาษากรกี ของพระวรสารนักบุญมทั ธวิ อ่านว่า “เยชูอา”
(Yesûa( ([wvy)) ซ่ึงเป็นรูปแบบย่อของคาว่า “ยูโฮชูอา” (YuhôsUa( ([vwhy)) ซ่ึงทงั้ สองน้ีคอื รูปแบบอ่นื ของช่อื
ภ าษ าอังก ฤ ษ “โจชัว” ( (Iesous, “Jesus”) Joshua) ซ่ึงป ราก ฏ อยู่ใน พ ระคัม ภีร์ฉ บับ เจ็ด สิบ

58

(LXX)ของมทั ธวิ ว่า “จซี สั ” (Jesus) โจชวั /เยชอู า/จซี สั ผนู้ ้ีเป็นผสู้ บื ตาแหน่งจากโมเสส (กดว. 27:12-23; ฉธบ. 31:7-23,
ยชว.1:5-9) ขอ้ ความจรงิ ทว่ี ่าพระเยซูเจ้าทรงสบื ทอดและสบื สานบทบาทของโมเสสใหส้ มบูรณ์คอื แก่นสาคญั ของ
เร่อื งเล่าในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ขอ้ ความท่กี ล่าวซ้าในหนังสอื โยชูอา คอื “เรา (พระเป็นเจ้า) จะอยู่กบั เจ้า”
(ยชว. 1:9) เป็นสญั ลกั ษณ์สาคญั ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ทเ่ี ช่อื มโยงระหว่างประกาศกโยชูอา/เยชูอากบั ผูส้ บื
ทอดชอ่ื ในพนั ธสญั ญาใหม่ (เทยี บ 1:23)

ความสาคญั ทม่ี ทั ธวิ ใหก้ บั ช่อื “เยซู” เหน็ ไดช้ ดั จากการท่ที ่านบนั ทกึ ช่อื น้ีในแหล่งขอ้ มลู ถงึ 80 ครงั้ ช่อื น้ี
เป็นชอ่ื ทม่ี คี วามนิยมสงู ในศตวรรษทห่ี น่ึง (ดู คส.4:11; มผี ทู้ ช่ี ่อื เยซอู ยใู่ นสายวงศต์ ระกูลของพระเยซูเจา้ ในพระวรสารนกั บุญลูกา [3:29];
และโจเซฟัสกร็ จู้ กั คนช่อื เยซูถงึ 20 คน) ดงั นนั้ พระผไู้ ถ่ไดร้ บั ช่อื มนุษยธ์ รรมดาสามญั ซง่ึ เป็นสญั ลกั ษณ์ทแ่ี สดงว่าพระองค์
มคี วามเป็นหน่ึงเดยี วกบั มนุษยท์ งั้ หลายในโลกน้ี ไม่ไดแ้ ยกพระองคใ์ หแ้ ปลกแยกแตกต่างออกมา คาว่าเยชูอา
หรอื เยซูหมายความวา่ “พระยาหเ์ วหท์ รงชว่ ยเหลอื ” (Yahweh Helps) นกั บญุ มทั ธวิ ดาเนนิ ตามศาสตรก์ ารศกึ ษา
ประวตั ขิ องคาทร่ี จู้ กั กนั ดเี กย่ี วกบั นาม “พระยาหเ์ วหท์ รงช่วยใหร้ อด” (Yahweh Saves) (เทยี บ บสร.46:1 อา้ งองิ ถงึ โยชู
อา) พระเมสสยิ าหไ์ ม่ใช่แนวคดิ ทเ่ี น้นความเป็นปัจเจกบุคคล และไม่ใช่ “ชายผยู้ ง่ิ ใหญ่” แต่เป็นบุคคลแห่งอวสาน
ตกาลผชู้ ่วยประชากรของพระเป็นเจา้ ใหร้ อดพน้ (Eschatological Deliverer) สารตอนน้ีและเน้ือหาทงั้ หมดทุกๆ
ส่วนในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ประกาศสอนถงึ พระครสิ ต์และพระศาสนจกั ร(Christ and Christology) ครสิ ต์
ศาสตร์และศาสนจักรศาสตร์(Christology and Ecclesiology) เป็ นสาระท่ีไม่สามารถแยกจากกันได้ นัก
บุญมทั ธวิ ประกาศสอนว่าการช่วยให้รอดพ้น(Deliverance)คอื พระเยซูเจา้ ทรงนา “ประชาชนของพระองค์” ให้
รอดพน้ จากบาปของพวกเขา พระองคท์ รงสงบนง่ิ เกย่ี วกบั ปัญหาทางโลกและการแสวงหาประโยชน์ทางการเมอื ง
ของชาวโรมนั ภาพลกั ษณ์ “ประชาชนของพระองค์” ไม่ได้รบั การระบุอย่างชดั เจน ผู้อ่านอาจสนั นิษฐานว่า
หมายถงึ ชนชาตอิ สิ ราเอล แต่เร่อื งราวได้พฒั นาดาเนินต่อไปและการระบุว่าประชาชนของพระเมสสยิ าห์หรอื
ประชาชนของพระเป็นเจา้ เป็นใครกนั แน่จะเป็นหน่งึ ในจุดแห่งความขดั แยง้ (21:43; 27:25)

1:22-23 ตอนน้ีเป็นสตู รการอา้ งองิ ขอ้ ความครงั้ ทห่ี น่ึง (ดูบทเสรมิ เร่อื ง “มทั ธวิ ในฐานะผตู้ คี วามพระคมั ภรี ”์ ) คากล่าว
ของทูตสวรรคก์ บั นักบุญโยเซฟโดยตรงเป็นสง่ิ ทผ่ี อู้ ่านไดย้ นิ จากผเู้ ล่า และเป็นสงิ่ ทผ่ี เู้ ล่าเร่อื งปรบั แต่งเป็นเร่อื ง
เล่าในลกั ษณะบอกกล่าวกบั ผู้อ่าน เป็นครงั้ แรกในทงั้ หมด 10 ครงั้ ของ “สูตรการอ้างอิงขอ้ ความ” (Formula
Quotation) มี 5 ครงั้ พบได้ในบทท่ี 1 – 2 เร่อื งการประสูติ ซ่ึงเป็นบรบิ ทดงั้ เดมิ ของ อสย. 7:14 กล่าวถึงพระ
สญั ญาว่ายูดาหจ์ ะไดร้ บั การช่วยเหลอื ใหร้ อดพน้ จากการคุกคามของสงครามไซโร-อเี ฟรมไมท์3 ก่อนเวลาทบ่ี ุตร
ของหญงิ สาวรุ่นเยาวผ์ ไู้ ด้ตงั้ ครรภ์ จะถงึ วยั ท่สี ุขมุ ทางศลี ธรรม(แยกแยะถูกผดิ ได้) เดก็ นนั้ จะไดร้ บั ช่อื สญั ลกั ษณ์
เป็ นข้อความภาษาฮีบรูสนั้ ๆ ท่ีมีความหมายว่า “พระเป็ นเจ้าประทับอยู่กับเรา” (la wnm[ ImmAnû-el) ซ่ึง
สอดคล้องกบั ช่อื ท่เี ป็นสญั ลกั ษณ์อ่นื ๆ ในเร่อื งราวของประกาศกอสิ ยาห์ ใน อสย. 8:8 กล่าวถึง “อมิ มานูเอล”
(Immanuel) ในลกั ษณะกริ ยิ าทเ่ี ป็นปัจจุบนั ดงั น้ี จงึ เป็นสง่ิ ทบ่ี อกอย่างแจง้ ชดั ทงั้ จากบรบิ ทและความหมายของ
คาท่ีแปลว่า “หญิงสาว” (hml[ (almâ) ว่า ประกาศกอิสยาห์ไม่ได้หมายถึงการปฏิสนธนิ ิรมลหรอื การทานาย
อนาคตอนั ไกล แต่ตอ้ งการหมายถงึ เหตกุ ารณ์ในยคุ สมยั ของทา่ นเอง อยา่ งไรกต็ าม นกั บุญมทั ธวิ มคี วามเขา้ ใจว่า
พระเยซูเจา้ คอื ผูเ้ สดจ็ มาสบื สานพระสญั ญาเร่อื งราวทงั้ หมดในพระคมั ภรี ใ์ ห้สาเรจ็ สมบูรณ์ จงึ สามารถ(ทบทวน

3 Syro-Ephraimitic war: สงครามระหวา่ งชนชาตอิ สิ ราเอลและชนชาตอิ าราเมอนั

59

ตคี วาม)บรรยายภาพและขยายเร่อื งราวของพระเยซูเจ้าด้วยการยืนยนั จากพระคมั ภีร์ของท่าน อย่างไม่ต้อง
คานงึ ถงึ ความหมายดงั้ เดมิ

เน้ือความตอนน้ีทค่ี ดั เลอื กมาไม่ไดถ้ ูกยกมาแบบไม่มหี ลกั เกณฑห์ รอื ปราศจากเหตุผล นักบุญมทั ธวิ เลอื ก
เล่าด้วยเหตุผลท่ีเหมาะสม 4 ประการ คอื (1) ถ้อยคาพยากรณ์ดงั้ เดมิ (Original Oracle) นัน้ เป็นพระดารสั ถงึ
“ราชวงศข์ องดาวดิ ” (อสย.7:2,13) (2) ความเชอ่ื ศรทั ธาของนกั บุญมทั ธวิ ยนื ยนั วา่ พระเยซูเจา้ คอื ผทู้ ท่ี าใหพ้ ระสญั ญา
ของพระเป็นเจา้ ในการช่วยชาวยวิ ใหร้ อดพน้ นัน้ สาเรจ็ เป็นจรงิ ในพระองค์ และผ่านทางพระองค์ “พระเป็นเจา้
ประทบั อย่กู บั เรา” (3) เพราะพระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ (LXX) แปลคาว่า “Alma” ภาษาฮบี รู แปลว่า “Pathenos” ใน
ภาษากรกี ซ่งึ โดยหลกั ๆ แล้วหมายถงึ “หญงิ พรหมจารี(Virgin)” แต่อาจหมายถงึ “หญิงสาว(Young Woman)”
ไดด้ ว้ ย ซง่ึ เป็นจุดเช่อื มโยงไปสเู่ รอ่ื งราวของพระเยซูเจา้ ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ อกี ประการหน่ึง เหน็ ไดช้ ดั ว่า
นกั บญุ มทั ธวิ รเู้ รอ่ื งการปฏสิ นธนิ ิรมลของพระเยซูเจา้ อยแู่ ลว้ และตอนน้กี เ็ ขา้ ใจวา่ สง่ิ น้เี ป็นการเตมิ เตม็ พระสญั ญา
ในพระคมั ภรี ใ์ หส้ มบูรณ์ (4) พระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ (LXX) ใชไ้ วยากรณ์แบบอนาคตกาล (กาละในภาษาฮบิ รนู ัน้
คลุมเครอื และในท่นี ้ีสามารถหมายความว่าหญิงสาวนัน้ ตงั้ ครรภ์แล้ว หรอื กาลงั จะตงั้ ครรภ์ในอนาคตกไ็ ด)้ ผู้ท่ี
แปลพระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ (LXX) อาจนึกถงึ ดนิ แดนอสิ ราเอลซง่ึ เปรยี บดงั ่ สาวบรสิ ุทธิ ์ (เทยี บ อาโมส 5:2) และดว้ ย
ความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า ดินแดนแห่งน้ีจะให้กาเนิดพระเมสสยิ าห์ นักบุญมทั ธิวเปล่ยี นสรรพนาม
เอกพจน์ บุคคลทส่ี องในพระคมั ภรี ฉ์ บบั เจด็ สบิ (LXX) “เจา้ จะเรยี ก” ใหก้ ลายเป็นสรรพนามพหพู จน์ บุคคลทส่ี าม
“พวกเขาจะเรยี ก” ซง่ึ ไม่ไดห้ มายถงึ สง่ิ ใด “ประชาชน” ใน ว. 21 จะเรยี กพระองค์ สาหรบั สงิ่ ซง่ึ ในทน่ี ้ี คาวา่ “เยซู”
(ผู้ช่วยให้รอดจากบาป) นักบุญมทั ธวิ เหน็ ว่าน่าจะเหมาะสมกว่าท่จี ะหมายถงึ พระเยซูเจ้า เน่ืองจากสรรพนาม
พหูพจน์ บุคคลทส่ี ามเป็นวธิ ที ่ชี าวยวิ พูดอ้อมๆ เพ่อื หลกี เลย่ี งการกล่าวถงึ พระนามศกั ดสิ ์ ทิ ธขิ ์ องพระผูเ้ ป็นเจ้า
และการตงั้ ช่อื ในสงั คมของชาวยวิ จะเกย่ี วขอ้ งกบั แก่นแทต้ วั ตนของบุคคล ไม่ไดเ้ ป็นเพยี งการใหช้ ่อื เรยี กเท่านัน้
ความหมายของท่านนักบุญมัทธิวอาจเป็นการยืนยันว่า “พระเป็นเจ้าจะทรงสถาปนาพระองค์ ผู้ทรงเป็น
แบบอยา่ งแหง่ การประทบั อยขู่ องพระเป็นเจา้ เป็นจรงิ อย่างตอ่ เน่อื งในทา่ มกลางประชาชนของพระองค”์

1:24-25 ตอนน้แี สดงถงึ กจิ การกระทาแรกของนกั บญุ โยเซฟในกรอบเรอ่ื งเล่าคอื การเชอ่ื ฟังคาสงั่ ของพระ
เป็นเจา้ จากการตงั้ ช่อื เดก็ ทารก นักบุญโยเซฟได้ยอมรบั พระเยซูเจ้าเขา้ สู่สายตระกูลของกษัตรยิ ์ดาวดิ อย่าง
แทจ้ รงิ นักบุญมทั ธวิ เช่นเดยี วกบั พระคมั ภรี ไ์ บเบล้ิ โดยทวั่ ไป ใหค้ วามสาคญั กบั อานาจการประกาศและการตงั้
ชอ่ื เป็นอยา่ งมาก ดงั นนั้ เมอ่ื นกั บญุ โยเซฟตงั้ ชอ่ื ให้ พระเยซูเจา้ จงึ ทรงเป็นผรู้ ว่ มเชอ้ื สายของตระกลู กษตั รยิ ด์ าวดิ

นักบุญโยเซฟได้ทามากกว่าคาสงั่ ของทูตสวรรค์ ท่านไม่มีสมั พนั ธ์ทางเพศกบั พระนางมารยี ์ ต่อมา
(“Until” (e{wv hoes)) ทารกในครรภ์ถอื กาเนิด ผู้เล่าบรรยายเร่อื งแบบรแู้ จง้ (Omniscient Narrator) เขา้ ใจพระ
คมั ภรี แ์ ละรูแ้ ม้กระทงั่ รายละเอยี ดเลก็ ๆ น้อยๆ ของชวี ติ ความเป็นอย่ขู องคนและทาใหผ้ ูอ้ ่านรูจ้ กั พวกเขาอย่าง
เป็นสว่ นตวั (ต.ย. 9:2-4; 26:39,42) ทาใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจอยา่ งแน่ชดั เป็นทวคี ณู วา่ นกั บุญโยเซฟไม่ใช่บดิ าผใู้ หก้ าเนิดเดก็
ทารกน้ี คาว่า “จนกว่า” ใน 1:25 ส่อื ให้เห็นโดยนัยว่าหลงั จากการกาเนิดของพระเยซูเจ้า พระนางมารยี ์และ
นกั บุญโยเซฟมคี วามสมั พนั ธก์ นั ฉนั ทส์ ามภี รรยาและ “น้องชายน้องสาว”(Brothers and Sisters) ของพระเยซูเจา้
(13:55-56) คอื ลกู ๆ ของพวกทา่ น ขอ้ ความตอนน้อี าจเป็นไปไดท้ จ่ี ะทาความเขา้ ใจขอ้ ความนนั้ ไดก้ อ่ ตวั พฒั นาในยุค
ต่อมา ไดเ้ กดิ มุมมองคดิ เหน็ เช่อื ในความเป็นพรหมจารยี น์ ิรนั ดรของพระแม่มารยี ์เป็นภาวะแยง้ ต่อความคดิ เหน็

60

แบบยดึ ตามตวั อกั ษร แมแ้ ต่ในปัจจบุ นั น้ี ผตู้ คี วามพระคมั ภรี ช์ นั้ นาของพระศาสนจกั รโรมนั คาทอลกิ อาจมคี าถาม
สงสยั วา่ สงิ่ น้เี ป็นความหมายทน่ี กั บญุ มทั ธวิ ตอ้ งการจะสอ่ื ถงึ หรอื ไม่

ในเน้ือหาทงั้ หมดตอนน้ี มเี พยี งผบู้ รรยายและทตู สวรรคเ์ ทา่ นนั้ ทไ่ี ดพ้ ดู นกั บุญโยเซฟและพระนางมารยี ์
ไม่มสี ว่ นทเ่ี ป็นบทพดู และพระนางมารยี ไ์ ม่ไดล้ งมอื กระทาสง่ิ ใด (เทยี บ ลก.1:26-56) เป็นเพยี งกจิ การกระทาของทูต
สวรรคแ์ ละการตอบรบั ทน่ี บนอบเชอ่ื ฟังของนกั บุญยอแซฟ ซง่ึ บอกแสดงวา่ เป็นกจิ การรเิ รมิ่ ของพระผเู้ ป็นเจา้ นกั
บญุ มทั ธวิ ไดจ้ ดั ใหก้ จิ การกระทาดงั กลา่ วน้อี ยใู่ นตอนทา้ ยของเรอ่ื งการประสตู ิ เพราะประเดน็ สาคญั ทท่ี า่ นไดต้ งั้ ไว้
แตแ่ รกกค็ อื การทน่ี กั บญุ โยเซฟตงั้ ชอ่ื ใหพ้ ระเยซูเจา้ ทาใหพ้ ระเยซูเจา้ เป็นบคุ คลในสายตระกลู ของกษตั รยิ ด์ าวดิ

ข้อคิดไตรต่ รอง
1. ในฐานะผอู้ ่านในยคุ ปัจจบุ นั เมอ่ื คดิ คานงึ ถงึ การเปิดฉากเรอ่ื งเล่าของนกั บญุ มทั ธวิ บางคนอาจรสู้ กึ แปลก

ใจกบั ความกระอกั กระอว่ นใจของตนกบั นกั บุญโยเซฟ ต่างมคี วามลงั เลไมแ่ น่ใจในแบบทค่ี ลา้ ยๆ กนั เราตอ้ งการ
จะ “ทาสง่ิ ทถ่ี ูกตอ้ ง” และเช่อื วา่ สงิ่ ทถ่ี ูกตอ้ งนนั้ จะปรากฏอย่ใู นพระคมั ภรี ์ เราอาจเป็นสมาชกิ ของศาสนจกั รผูเ้ ช่อื
ยอมรบั พระคมั ภรี เ์ ป็นแบบแผนสาหรบั ความเชอ่ื ศรทั ธาและแนวการปฏบิ ตั ติ น กระนนั้ กร็ สู้ กึ อยใู่ นใจวา่ “สง่ิ ทช่ี าว
ครสิ ต์พงึ กระทา” ไม่ได้ยดึ ตามตวั อกั ษรของพระคมั ภรี ์ แต่พจิ ารณาตคี วามในจติ ตารมณ์และแสงสว่างของพระ
เป็นเจา้ กบั การภาวนา บางทพี จิ ารณาในมโนธรรมจติ สานึกทด่ี แี ละในจติ ใจทเ่ี คารพพระคมั ภรี ใ์ นฐานะเป็นพระ
วจนะของพระเป็นเจา้ จงึ มคี าสงั่ สอนดา้ นพระคมั ภรี ์บางอย่าง ครสิ ตจกั รหลายแห่งไม่ได้เช่อื ฟังปฏบิ ตั ติ าม เช่น
เร่อื งการลา้ งเทา้ (ยน. 13: 12-17) และการจุมพติ ศกั ดสิ ์ ทิ ธิ ์ (1คร. 16: 20) แต่ยงั หมายความถงึ คาชแ้ี นะพน้ื ฐานเกย่ี วกบั
เร่อื งการหย่าร้าง (มก.10: 2-12) โครงสร้างครวั เรอื นและสายอานาจในครอบครวั (1ปต. 3: 1-6) นักบุญมทั ธิวเขยี น
พระวรสารขน้ึ เพอ่ื พระศาสนจกั รทม่ี ลี กั ษณะเป็นชาวครสิ ตท์ ม่ี พี น้ื ฐานมาจากศาสนายดู าย มคี วามเคารพยดึ มนั่ ใน
ธรรมบญั ญตั มิ าโดยตลอด แต่บางครงั้ กลบั รสู้ กึ ลงั เลใจระหวา่ งการปฏบิ ตั ติ ามตวั อกั ษรของพระคมั ภรี ป์ ัญจบรรพ
(โตราห์)กบั การปฏบิ ตั ติ ามบญั ชาสูงสุดแห่งความรกั ซ่ึงเป็นขอ้ เช่อื ศรทั ธาใหม่ท่กี าลงั รอ้ งเรยี กพวกเขา (22: 39-40)
หากพวกเขาเพิกเฉยต่อธรรมบญั ญัติ คนอ่ืนจะกล่าวโทษและบางทพี วกเขาก็อาจกล่าวโทษตนเอง ว่าเป็นผู้
ปฏเิ สธพระคมั ภรี แ์ ละธรรมประเพณีเป็นเหมอื น “คนไม่ชอบธรรม” (The Unrighteous) แต่นักบุญโยเซฟได้รบั
เกยี รตยิ กยอ่ งวา่ เป็น “คนชอบธรรม” แมว้ า่ ทา่ นไดต้ ดั สนิ ใจกระทาบางสง่ิ เพราะความเหน็ แก่ศกั ดศิ ์ รขี องอกี บุคคล
หน่ึง ไม่ไดย้ ดึ ถอื ปฏบิ ตั ติ ามธรรมบญั ญตั ิตามตวั อกั ษรอย่างเคร่งครดั แต่ไดย้ ดึ ถอื ตามการตดั สนิ ใจของท่านใน
ทางเลอื กปฏิบตั ิท่คี ดิ พิจารณาจนถึงท่ีสุด เพราะประเด็นสาคญั ได้เผยแสดงออกมาให้เห็นแล้ว นักบุญมทั ธวิ
ตอ้ งการสอนชุมชนพระศาสนจกั รของท่านถงึ “ความชอบธรรม” (เทย่ี งตรง อุทศิ ตนยดึ มนั่ ตอ่ ความยุตธิ รรม: Just, Committed to
Justice) ท่เี คารพทงั้ ธรรมบญั ญัติในพระคมั ภีร์และแนววถิ ีทางของชาวครสิ ต์ท่มี ุ่งเน้นความรกั แม้ว่าการเลอื ก
ปฏบิ ตั อิ าจดูเหมอื นเป็นการฝืนธรรมบญั ญตั ิ นักบุญมทั ธวิ ไม่ไดบ้ อกว่าจะทาเช่นน้ีได้อย่างไร แต่เร่อื งเล่าเร่อื ง
แรกน้ีเช่อื มโยงกบั ประเดน็ ในชวี ติ จรงิ ของพระศาสนจกั รทงั้ ในสมยั ปัจจุบนั และในสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ ผทู้ อ่ี ่าน
พระวรสารนักบุญมทั ธิวคงจะมองเห็นแสงส่องสว่างมากข้ึน (ดูความคิดเห็นสาหรบั 5: 17-48; 20: 1-6; 22: 34-40) ดังน้ี
ความหมายท่นี กั บุญมทั ธวิ ใหไ้ วใ้ นเร่อื งเล่าตอนน้ียงั ไม่เหมาะสมชดั เจน จนกวา่ คนหน่ึงจะไดศ้ กึ ษาคาเทศนาบน
ภเู ขา และจรงิ ๆ แลว้ กค็ อื จนกว่าเราจะไดศ้ กึ ษาวพิ ากษ์พระวรสารทงั้ หมดในภาพรวม (ทจ่ี รงิ ขอ้ คดิ วเิ คราะหน์ ้ีใชส้ าหรบั

เรอ่ื งเลา่ สนั้ ๆ ตอนอ่นื ในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ดว้ ย)

61

ดว้ ยเหตุน้ี ในช่วงเรมิ่ ต้นของพระวรสาร นักบุญโยเซฟไดป้ รากฏตน ในฐานะแบบอย่างทด่ี ที ่นี ักบุญมทั ธวิ
คาดหวงั มอบใหบ้ รรดาศษิ ย์ และแทจ้ รงิ สาหรบั ผทู้ อ่ี า่ นพระวรสารแต่ละคนยดึ ปฏบิ ตั ติ าม นกั บุญโยเซฟไดเ้ ผชญิ
กบั ความตงึ เครยี ดท่แี สดงในคาเทศนาบนภูเขา (5: 21-28) เป็นสภาวะแบบ “ท่านไดย้ นิ คากล่าวว่า แต่เรากล่าวแก่
ทา่ นวา่ ” ซง่ึ เป็นความตงึ เครยี ดระหวา่ งความเขา้ ใจธรรมบญั ญตั ทิ ม่ี มี าแต่เดมิ กบั สงิ่ ใหม่ทพ่ี ระเป็นเจา้ กาลงั กระทา
ในพระเยซูเจ้า โดยการตดั สนิ ใจของนักบุญโยเซฟท่เี ลอื กเช่อื ฟังคาสงั่ ของพระเป็นเจ้าท่นี ่าต่นื ตระหนก ท่ตี น
ไม่ไดค้ าดหวงั ท่านไดใ้ ชช้ วี ติ อย่ใู นหวั ใจของธรรมบญั ญตั ิ ไม่ใช่ยดึ ตามตวั อกั ษร เจรญิ ชวี ติ เขา้ ถงึ อย่างกระจ่าง
แจง้ ในความชอบธรรมใหม่และสูงส่งยงิ่ กว่าแห่งพระอาณาจกั รพระเป็นเจา้ (5: 20) ในสถานการณ์ทางศลี ธรรมท่ี
ยุ่งยากลาบาก ท่านเลอื กรบั ฟังเสยี งของพระเป็นเจ้า และเต็มใจละท้ิงความเขา้ ใจเดิมของท่านเก่ียวกบั พระ
ประสงคข์ องพระองค์ เพอ่ื ปฏบิ ตั ติ ามพระวาจาจากพระเป็นเจา้ ผทู้ รงชวี ติ และพระผทู้ รงชว่ ยมนุษยใ์ หร้ อดพน้

นกั บุญมทั ธวิ ไดเ้ ล่าเรอ่ื งน้ีอย่างเรยี บงา่ ย แสดงขอ้ เทจ็ จรงิ ใน ว. 25 อย่างธรรมดาสามญั ทม่ี นุษยส์ ามารถรบั
ไดอ้ ยา่ งเป็นขนั้ เป็นตอน ไมแ่ สดงขอ้ คดิ เหน็ ทไ่ี ดจ้ ากการหวนกลบั (Remind)ถงึ ภาพรวมของเหตุการณ์โดยตลอด
และทบทวนตคี วามพระคมั ภรี ต์ อนน้ีใหม่(Reinterpretation) เล่าเรอ่ื งพฤตกิ รรมของนกั บุญยอแซฟแบบเรยี บงา่ ย
แสดงให้เห็นภาวะยากลาบากท่ีมีต่อการตัดสินใจของชายผู้ชอบธรรมคนหน่ึง ในการเลือกปฏิบัติของท่าน
ตามลาดบั เหตุการณ์ของชวี ติ ชวี ติ จติ ท่ไี ดร้ บั แสงส่องสว่างจากพระเป็นเจ้าแมใ้ นความฝัน ซ่งึ เกดิ ขน้ึ มากกว่า
หน่ึงครงั้ และเล่าว่าท่านนกั บุญยอแซฟไดต้ ดั สนิ ใจเลอื กและปฏบิ ตั ติ ามพระบญั ชาทไ่ี ดร้ บั การเปิดเผยแสดงจาก
พระเป็นเจา้ อย่างดแี ละอย่างสดุ ความสามารถตลอดทงั้ ชวี ติ ของทา่ น ซง่ึ เป็นสงิ่ ทไ่ี มแ่ สดงทางคาพดู แต่ปฏบิ ตั ติ าม
ภาวะจติ ใจทไ่ี ด้หวนกลบั ไปคดิ ทบทวนสง่ิ ทพ่ี ระคมั ภรี ไ์ ดก้ ล่าวไว้ เป็นภาวะการตดั สนิ ใจท่ไี ม่เลอื กทางเดนิ ของ
ชวี ติ แบบชายหนุ่มปกติ(เทยี บ ว. 19)อกี ครงั้ หน่ึง ยอมรบั พระวาจาทบ่ี ญั ชาผ่านทางเทวทูตในฝันและปฏบิ ตั ิตนเดนิ
ตามในหนทางทพ่ี ระเป็นเจา้ ทรงบญั ชา

2. ปาฏิหารยิ ์แรกในพนั ธสญั ญาใหม่ไม่ใช่เร่อื งเล่าถึงสงิ่ พระเยซูเจ้าทรงกระทา แต่เป็นคาเล่าพรรณนา
กิจการกระทาของพระเป็นเจ้า ในเร่อื งเล่าการบงั เกิดของพระเยซูเจ้า ก็เหมอื นกบั เร่ืองพระมหาทรมานของ
พระองค์ พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้รบั การกระทา(Passive) ขณะท่พี ระเป็นเจา้ ทรงเป็นผู้(แสดง)กระทา(Actor) น่ีคอื
สภาพธรรมชาตขิ องพระวรสาร ไม่ใช่เร่อื งเล่าถงึ สง่ิ อศั จรรยต์ ่างๆ ทพ่ี ระเยซูเจา้ ทรงกระทา แต่เป็นสง่ิ ทพ่ี ระเป็น
เจา้ ทรงกระทาเพอ่ื มนุษยชาตใิ นเหตกุ ารณ์ชวี ติ ของพระเยซูครสิ ต(์ Event of Jesus Christ)

ความหมายเจาะจงเชงิ เทวศาสตรท์ เ่ี ป็นเน้อื หาสาระในเรอ่ื งเลา่ ของพระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ คอื อะไร?
การบังเกิดของพระเยซูเจ้ามีความสาคญั ในฐานะท่ีเป็นการเกิดแบบมนุษย์คนหน่ึง ไม่ใช่ถือเป็นเร่อื ง
ปาฏหิ ารยิ ์ ถงึ แมว้ า่ เทวศาสตรข์ องนกั บุญมทั ธวิ ไมไ่ ดต้ ่อตา้ นลทั ธิ Docetism4 อย่างโจ่งแจง้ เร่อื งการบงั เกดิ ของ
พระเยซูเจา้ มลี กั ษณะแสดงถงึ การต่อต้านความเช่อื เช่นน้ีอยู่ ซ่งึ สงั ฆราชอกิ ญาซโี อแห่งอนั ตโิ อคไดป้ ระสบรบั รู้
จากชุมชนสมยั นักบุญมทั ธวิ ในสถานะเป็นเพ่อื นบ้านร่วมสมยั และรูจ้ กั สภาพความเป็นอยู่ทางภูมศิ าสตร์ การ
นาเสนอภาพเก่ยี วกบั พระเยซูเจ้าตอนเป็นทารก เดก็ ผู้ท่นี บนอบเช่อื ฟัง(รบั การกระทา:Passive)และอ่อนแอ
(เปราะบาง: Vulnerable) และเป็นแบบท่พี ระองค์จะทรงเป็นอกี ครงั้ ในช่วงพระมหาทรมาน พระวรสารนักบุญ
มทั ธวิ เรม่ิ ต้นและจบเร่อื งเล่าชวี ติ มนุษยอ์ นั เปราะบางของพระเยซูครสิ ต์ ท่ีลอ้ มรอบดว้ ยพระเป็นเจา้ ผู้ทรงเป็นผู้

4 ลทั ธทิ เ่ี ชอ่ื วา่ มนุษยชาตแิ ละพระมหาทรมานของพระเยซูเจา้ ไมม่ ตี วั ตนอยจู่ รงิ

62

แสดงทซ่ี ่อนอย่หู ลงั ฉากมาตลอด นกั บุญมทั ธวิ ไดเ้ ล่าเรอ่ื งในแบบทไ่ี มม่ ใี ครบงั อาจเขา้ ใจผดิ ไดว้ า่ พระเยซูเจา้ ทรง
เป็นพระเป็นเจา้ ทารก(A Baby God) (เทยี บ พระวรสารนอกสารบบยุคหลงั )

ในขณะทน่ี ักบุญมทั ธวิ กล่าวถงึ อศั จรรยแ์ ห่งการทพ่ี ระเยซูเจา้ ทรงประสตู จิ ากหญงิ พรหมจารเี ป็นเหตุการณ์
ประวตั ศิ าสตรท์ แ่ี ทจ้ รงิ อย่างหน่ึง ทา่ นไม่ไดก้ ล่าวอา้ งถงึ เทวศาสตรเ์ ป็นพน้ื ฐานในเรอ่ื งน้ี การปฏสิ นธนิ ิรมลไม่ได้
แสดงขอ้ พสิ ูจน์หรอื ใหค้ วามหมายตามความเช่อื ของชาวครสิ ต์ถงึ พระเยซูเจา้ ทรงเป็น “พระบุตรของพระเป็น
เจา้ ” ไม่มกี ารกล่าวถงึ การประสูตอิ นั น่าอศั จรรย์น้ีอกี ไม่มแี มแ้ ต่ในเร่อื งเล่าเก่ยี วกบั พระเยซูเจ้าในวยั ทารก (ถึง
กระนนั้ มทั ธวิ กไ็ ม่ลมื ความจรงิ ขอ้ น้ี ดู 2: 13, 20) วรรคท่ี 18-25 สามารถตดั ออกไปไดโ้ ดยไม่กระทบต่อการดาเนินต่อไปของ
โครงเรอ่ื งและความหมายสาคญั ของเรอ่ื งเล่าน้ี

แต่กระนนั้ คากล่าวอา้ งทว่ี ่าพระเมสสยิ าห์ไดท้ รงปฏสิ นธอิ ยา่ งเหนือธรรมชาติ เป็นเหตุการณ์ไม่ธรรมดา
สาหรบั นกั บญุ มทั ธวิ เรอ่ื งน้เี ป็นหน่งึ ในหลายวธิ ที ท่ี า่ นใชใ้ นการประกาศยนื ยนั ถงึ ความเชอ่ื ศรทั ธาของทา่ นวา่ พระ
เยซูเจา้ คอื พระบุตรของพระเป็นเจา้ ขอ้ เทจ็ จรงิ ท่วี ่านักบุญมทั ธวิ มวี ธิ กี ารอ่นื ๆ ในการยนื ยนั ถงึ พระเยซูเจา้ ทรง
เป็นพระบุตรของพระเป็นเจ้า หมายความว่าท่านมวี ธิ กี ารหลายอย่าง ไม่ได้ผูกมดั ไวก้ บั วธิ กี ารยนื ยนั เพยี งวธิ ี
เดยี ว เม่อื ทา่ นนกั บุญเปโตรไดส้ ารภาพความเช่อื ศรทั ธาท่เี ป็นรากฐานสาคญั ของศรทั ธาชาวครสิ ตว์ ่าพระเยซูเจา้
คอื “พระครสิ ต์และพระบุตรของพระเป็นเจา้ ผทู้ รงชวี ติ ” (16: 16) กไ็ ม่มสี ง่ิ ใดบ่งชว้ี ่านักบุญมทั ธวิ เช่อื มโยงสง่ิ น้ีกบั
การประสตู ทิ เ่ี หนือธรรมชาติ นกั บุญมทั ธวิ นาเร่อื งน้ีมานาเสนอไวพ้ รอ้ มกบั เรอ่ื งอ่นื ๆ ทช่ี ่วยแสดงใหเ้ หน็ ภาพว่า
พระเยซูเจา้ คอื พระบุตรของพระเป็นเจา้ ในวธิ อี ่นื เช่น พระเยซูเจา้ ทรงสบื เชอ้ื สายจากกษตั รยิ ด์ าวดิ ดงั น้ี ความ
จรงิ ทางครสิ ตศาสตร์ จงึ ไดร้ บั การถา่ ยทอดผา่ นทางเรอ่ื งเล่าทผ่ี กู เชอ่ื มโยงกบั การยนื ยนั หลายๆ แบบ ทซ่ี ง่ึ เป็นสงิ่
ทห่ี ลกั ตรรกะหรอื เหตุผลอธบิ ายไดย้ ากหรอื เป็นไปไมไ่ ดท้ จ่ี ะอธบิ าย

นกั บุญมทั ธวิ ไมไ่ ดส้ นใจทจ่ี ะเช่อื มโยงเร่อื งการปฏสิ นธนิ ิรมลกบั มมุ มองทผ่ี คู้ นภายหลงั เช่อื กนั เร่อื งความ
เป็นบาปของเพศ เป็นสงิ่ ท่ีต้องสงวนปกป้องสาหรบั พระเมสสยิ าห์จากความบาปน้ี หรอื จากมลทินของบาป
กาเนดิ ทค่ี ดิ วา่ สง่ ผ่านสบื ทอดกนั มาทางชวี ภาพ(อายตนะภายนอก)

นกั ตคี วามพระคมั ภรี ส์ มยั ใหมต่ อ้ งการรสู้ งิ่ ทน่ี กั บุญมทั ธวิ และผอู้ า่ นพระวรสารของทา่ นรอู้ ยา่ งแน่นอนอยู่
แลว้ ว่ามเี ร่อื งราวของวรี บุรุษและบุคคลสาคญั พเิ ศษมากมายทเ่ี ป็น “บุตร” หรอื “ธดิ า” ของพระเป็นเจา้ ด้วยการ
ปฏสิ นธแิ บบปาฏหิ ารยิ ์ และในทางเดยี วกนั เหน็ ไดช้ ดั วา่ ศาสนายดู ายกม็ ธี รรมประเพณีความเชอ่ื ทร่ี ะบุวา่ บคุ คลผู้
ยงิ่ ใหญ่อย่างอสิ อคั และโมเสสไดก้ าเนิดจากการปฏสิ นธแิ บบเหนือธรรมชาติ ดงั นนั้ การปฏสิ นธทิ เ่ี หนือธรรมชาติ
ของพระเยซูเจา้ จงึ เป็นส่วนหน่ึงของการจดั กลุ่มตามแบบโมเสส (Moses Typology) ของนักบุญมทั ธวิ มแี นวคดิ
หน่ึงทว่ี ่าการปฏสิ นธนิ ิรมลซง่ึ เป็นธรรมประเพณีความเชอ่ื ทม่ี อี ยกู่ ่อนสมยั นักบุญมทั ธวิ เป็นการนาความคดิ ของ
ชาวกรกี โบราณ(Hellenistic)มาใช้ ซง่ึ เป็นแนวคดิ ทใ่ี ชเ้ ป็นวธิ กี ารตคี วามการเป็นบตุ รของพระเป็นเจา้ ของพระเยซู
ครสิ ต์ อยใู่ นหมผู่ นู้ บั ถอื ศาสนายดู ายของชาวกรกี แต่ถงึ กระนนั้ ยงั มคี วามต่างอยา่ งมาก ในเรอ่ื งราวการถอื กาเนดิ
ต่างๆ ในพนั ธสญั ญาใหม่ เพราะพระเป็นเจา้ ไม่ได้แสดงบทบาทของฝ่ายชายในการปฏสิ นธิ แต่เป็นพระจติ เจ้า
พระพลงั อนั ศกั ดสิ ์ ทิ ธขิ ์ องพระองคท์ ท่ี างานในบุคคลของพระแม่มารยี แ์ ละทาให้พระนางตงั้ ครรภ์เดก็ ทารกโดยไม่
ตอ้ งอาศยั บดิ าทเ่ี ป็นมนุษย์ พระเยซูเจา้ ไม่ใช่มนุษยผ์ ทู้ ค่ี นมองว่าเป็นลูกผสมระหว่างความเป็นเทพเจา้ กบั ความ
เป็นมนุษย์ และไมม่ ที างอธบิ ายวา่ เหมอื นซบี ลิ (Sibyls) คนหน่ึงในเร่อื งเล่าโดยเพาซานีอสั (Pausanias) ผซู้ ง่ึ ถอื

63

กาเนิดจากพ่อแม่ผเู้ ป็นเทพเจา้ องคห์ น่ึงและมนุษย์คนหน่ึง: ดงั เรอ่ื งทว่ี ่า “ชาตกิ าเนิดของขา้ เป็นกง่ึ อมตะและกง่ึ
มนุษย์ นางไมท้ ม่ี ชี วี ติ อมตะเป็นแมข่ องขา้ สว่ นพอ่ ของขา้ เป็นผกู้ นิ ขา้ วโพด”

ในเรอ่ื งเล่าของพระเยซูเจา้ เช่นเดยี วกบั ในธรรมประเพณีความเช่อื ของชาวยวิ เกย่ี วกบั อสิ อคั และโมเสส
ประเดน็ ของการปฏสิ นธอิ ศั จรรยไ์ ม่ใช่เร่อื งธรรมชาตขิ องความเป็นพระเป็นเจา้ ของเดก็ (ทงั้ อสิ อคั และโมเสสไม่ได้เป็น
“บุตรของพระเป็นเจ้า” ด้วยคุณความดแี ห่งการบงั เกิดอย่างพเิ ศษ) แต่เป็นเพราะบทบาทพเิ ศษของพวกท่านในแผนการช่วย
มนุษยชาตใิ หร้ อดพน้ ของพระผเู้ ป็นเจา้

3. เป็นสง่ิ เหน็ ไดช้ ดั เจนจากฉากเรมิ่ ตน้ เรอ่ื งว่า สาหรบั นกั บุญมทั ธวิ เรอ่ื งราวของพระเยซูเจา้ คอื วธิ กี ารหน่ึง
ในการเล่าเร่อื งเกย่ี วกบั พระเป็นเจา้ ในพระเยซูเจา้ และเร่อื งราวของพระองค์ พระเป็นเจา้ ประทบั อย่กู บั เราเสมอ
เป็นแนวคดิ ทโ่ี ดดเด่นมาตลอดในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ เชน่ 10: 40 กล่าววา่ ผทู้ ต่ี อ้ นรบั ศษิ ยข์ องพระเยซูเจา้ ก็
เท่ากบั ตอ้ นรบั พระองค์ และผทู้ ต่ี อ้ นรบั พระองคก์ ต็ อ้ นรบั พระผเู้ ป็นเจา้ ; 13: 37 กล่าววา่ พระเยซูเจา้ เอง (บุตรมนุษย์
ผทู้ รงไดร้ บั การเทดิ ทูนใหส้ งู ส่งเหนือสง่ิ ใด) เป็นผทู้ ก่ี ระทาการเผยแพรพ่ ระวรสารไปทวั ่ โลก; 16: 18 กล่าวว่าพระเยซูเจา้ ผู้
ไดร้ บั การเทดิ ทนู ยงั คงกระทาภารกจิ สรา้ งพระศาสนจกั รของพระองคต์ ่อไป; 18: 5 และ 25: 40 กลา่ ววา่ เราจะพบ
พระเยซูเจา้ ไดเ้ ม่อื เราพบเดก็ เลก็ ๆ และผคู้ นทข่ี ดั สนขาดแคลน; 18: 20 พระครสิ ตจ์ ะสถติ อยู่ดว้ ยเม่อื พระศาสน
จกั รมาชุมนุมร่วมกนั “ในนามของพระองค”์ และพระวรสารไม่ไดส้ รุปวา่ พระองคไ์ ด้เสดจ็ จากไปเม่อื ทรงรบั ยกขน้ึ
สู่สวรรค์ แต่พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลบั คนื พระชนมชพี แล้วได้ให้พระสญั ญาไวว้ ่าพระองค์จะอยู่กบั บรรดาศษิ ย์ไป
จนกวา่ จะสน้ิ ยคุ (28: 20) ซง่ึ เป็นเหมอื นวงเลบ็ ทางวรรณกรรมและเทวศาสตรท์ ส่ี มบรู ณ์สาหรบั ฉากเปิดเรอ่ื งน้ี

4. ไม่ใช่เพยี งแต่ผอู้ ่านสมยั ใหม่ทใ่ี ส่ใจกบั เร่อื งสทิ ธขิ องผหู้ ญงิ มากขน้ึ แต่ไม่ว่าใครกต็ ามท่อี ่านพระวรสาร
อย่างตงั้ ใจจะรสู้ กึ สะดุดใจวา่ บทบาทของพระนางมารยี ใ์ นพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ น้อยเหลอื เกนิ เม่อื เปรยี บเทยี บ
กบั เร่อื งเล่าการประสตู ขิ องพระเยซูเจา้ ในพระวรสารนักบุญลูกา (ลก. 1-2) อย่างไรกต็ าม ขอ้ เทจ็ จรงิ ทว่ี ่าเป็นเร่อื ง
เล่าตามมุมมองของนักบุญโยเซฟโดยแทบไม่ปรากฏบทบาทของพระนางมารยี ์ ไม่ไดเ้ ป็นแค่ภาพสะท้อนของ
วฒั นธรรมท่ผี ูช้ ายเป็นใหญ่ในสมยั ของนักบุญมทั ธวิ เท่านัน้ แต่คาเป็นพยานของนักบุญมทั ธวิ เก่ยี วกบั บทบาท
ของผหู้ ญงิ ในเรอ่ื งการปรากฏพระองคข์ องพระเมสยิ าหก์ ม็ บี นั ทกึ ไว้ ดว้ ยการรวบรวมผหู้ ญงิ ไวอ้ ย่างเด่นชดั ถงึ 5
คนในรายชอ่ื ลาดบั วงศต์ ระกูล ซง่ึ พระนางมารยี ก์ ร็ วมอย่ใู นนนั้ ดว้ ย (ดูขอ้ คดิ ไตร่ตรอง 1: 2-17) บทบาทอนั น้อยนิดของ
พระนางมารยี แ์ สดงใหเ้ หน็ วา่ บทบรรยายชว่ ง 1: 18-25 ไมใ่ ช่ “เร่อื งเล่าการประสตู ”ิ แต่เป็นภาพสะทอ้ นถงึ ปัญหา
หลกั ในชุมชนของนกั บุญมทั ธวิ คอื การรกั ษาธรรมบญั ญตั ติ ามตวั อกั ษรและการไดร้ บั การยอมรบั จากพระเป็นเจา้
ในฐานะเป็นบุคคลทช่ี อบธรรม แต่พระนางมารยี ไ์ ดแ้ สดงบทบาทของมนุษยท์ ส่ี าคญั และขาดไม่ไดใ้ นเร่อื งเล่าการ
เสดจ็ มาถงึ ของพระเมสสยิ าห์ ผทู้ ท่ี รงเสดจ็ มาโดยพระดารริ เิ รม่ิ จากพระผเู้ ป็นเจา้ แต่ไม่ใช่ปราศจากมารดาผเู้ ป็น
มนุษย์ ความเชอ่ื ฟังของนักบุญโยเซฟทย่ี อมรบั พระเยซูเจา้ เป็นบุตรบุญธรรมในฐานะบุตรแห่งดาวดิ อย่างแทจ้ รงิ
สว่ นบทบาทของพระนางมารยี ท์ าใหพ้ ระเยซูเจา้ ทรงบงั เกดิ ในฐานะพระบตุ รของพระเป็นเจา้

64


Click to View FlipBook Version