The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตรวจงานแปลมัทธิว 28

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by P. Tads, 2021-06-09 09:33:04

27. มัทธิว 28:1-20

ตรวจงานแปลมัทธิว 28

มทั ธวิ 28:1-20 การกลบั ฟ้ืนคนื พระชนมช์ พี ของพระเยซูเจา้

วาดโดย ราฟาแอล ค.ศ.1449–1502

ภาพรวม
การประกาศการกลบั คนื พระชนมช์ พี ในพระวรสารสหทรรศน์ประกอบดว้ ยการคน้ พบหลุมฝังพระศพท่ี

วา่ งเปลา่ และการปรากฏตวั ของพระเยซูเจา้ ผทู้ รงกลบั คนื พระชนมช์ พี แลว้ ทงั้ พระวรสารนกั บุญมทั ธวิ และพระวร
สารเล่มอ่นื ๆ ไม่มกี ารบรรยายถงึ เหตุการณ์กลบั คนื พระชนม์ชพี โดยตรง ซ่ึงยงั คงเป็นสง่ิ ท่ลี กึ ลบั สาหรบั การ
คน้ พบหลุมฝังพระศพทว่ี า่ งเปล่า นกั บุญมทั ธวิ มขี อ้ มลู จากพระวรสารนกั บุญมาระโกเท่านนั้ ซง่ึ ทา่ นกด็ าเนินเรอ่ื ง
ตามนนั้ ไปจนจบท่ี มธ 28: 8ก (= มก 16:8ก) การศกึ ษาพระวรสารในยคุ แรกๆ ใหค้ วามเหน็ วา่ ตอนจบ “ทส่ี ญู หายไป”
ของพระวรสารนกั บุญมาระโกสามารถพบไดใ้ นพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ซง่ึ ทา่ นนามาใชเ้ ป็นการสรุปจบของท่าน
เอง แต่กน็ ่าจะเป็นไปไดย้ าก เพราะ (1) แทบจะกลา่ วไดว้ า่ นกั บญุ มาระโกเจตนาจะสรุปจบบทบรรยายของทา่ นท่ี
16:8ก และ (2) รปู แบบทโ่ี ดดเด่นของพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ เชน่ สไตล์ คาศพั ท์ และหลกั การทางเทวศาสตรใ์ น
28:8ข-20 ช้ใี หเ้ หน็ ว่าเป็นงานเขยี นของนักบุญมทั ธวิ เอง โดยมอี งคป์ ระกอบทเ่ี ฉพาะเจาะจงตามธรรมประเพณี
ของทา่ นอยดู่ ว้ ย

Resurrection of Christ by Noël Coypel, 1700, using a hovering depiction of Jesus

583

มทั ธวิ 28:1-7 มารยี ส์ องคนคน้ พบหลุมฝังพระศพทว่ี า่ งเปล่า

พระคหู าว่างเปล่า ขา่ วดีจากทูตสวรรค์
1 หลงั จากวนั สบั บาโต เช้าตรู่ของวนั ต้นสปั ดาห์ มารยี ์ชาวมกั ดาลาและมารยี ์อกี ผูห้ น่ึงไปดูพระคูหา 2 บดั นัน้ ไดเ้ กดิ แผ่นดนิ

ไหวอยา่ งรนุ แรง ทตู สวรรคข์ ององคพ์ ระผเู้ ป็นเจา้ ลงจากสวรรคเ์ ขา้ ไปกลง้ิ หนิ ออกและนงั่ บนหนิ นนั้ 3 ใบหน้าของทตู สวรรคแ์ จม่ จา้
เหมอื นสายฟ้า อาภรณ์ขาวราวหมิ ะ 4 ทหารยามตกใจกลวั ทตู สวรรคจ์ นตวั สนั่ หน้าซดี เหมอื นคนตาย

5 ทตู สวรรคก์ ล่าวแก่สตรที งั้ สองคนวา่ “อยา่ กลวั เลย ขา้ พเจา้ รวู้ า่ ท่านกาลงั มองหาพระเยซู ผถู้ ูกตรงึ บนไมก้ างเขน 6 พระองค์
มไิ ดป้ ระทบั อยู่ทน่ี ่ี เพราะทรงกลบั คนื พระชนมชพี แล้วตามทต่ี รสั ไว้ มาซิ มาดูทท่ี ่เี ขาวางพระองค์ไว้ 7 แลว้ จงรบี ไปบอกบรรดา
ศษิ ยว์ ่า ‘พระองคท์ รงกลบั คนื พระชนมชพี จากบรรดาผตู้ ายแลว้ พระองคเ์ สดจ็ ล่วงหน้าท่านไปในแควน้ กาลลิ ี ท่านจะพบพระองค์
ทน่ี นั่ ’ น่ีคอื ขา่ วดที ข่ี า้ พเจา้ แจง้ แก่ท่าน”

ข้อศกึ ษาวิพากษ์
วนั ท่เี จด็ ซ่ึงเป็นวนั อาทิตย์เรมิ่ ต้นข้นึ ท่ี 28:1 ฉากการตงั้ กองทหารเฝ้ายามท่ีนักบุญมทั ธวิ เพม่ิ เขา้ มา

(27:62-65) เป็นสงิ่ ทเ่ี ขา้ มาแทรกความต่อเน่ืองทเ่ี กดิ จากบรรดาสตรที เ่ี ป็ นพยานในการตรงึ กางเขน (27:56) และการ
ฝังพระศพ (27:61) ถงึ ตอนน้ี นักบุญมทั ธวิ ไม่ไดบ้ นั ทกึ กจิ กรรมของพวกเธอในวนั สบั บาโต (เทยี บ ลก 23:56) แต่ท่าน
ย้อนกลบั ไปสู่เหตุการณ์ต่อเน่ืองนัน้ โดยให้มพี ยานท่ีจาเป็นสองคน (ฉธบ. 19:15; เทียบ มธ. 18:16; 26:60) ช่วงเวลา
ระยะแรก (the Initial Phase / opse de sabbaton) อาจแปลไดว้ า่ “ช่วงทา้ ยของวนั สบั บาโต” หรอื วนั เสารต์ อนเยน็
แต่วลีต่อมาทาให้เรารู้ชัดเจนว่าหมายถึงเช้าตรู่วนั อาทิตย์ นักบุญมัทธิวนาเน้ือหาจากนักบุญมาระโกมา
ปรบั เปลย่ี นเพอ่ื ใหผ้ หู้ ญงิ เหล่านนั้ ทาแคเ่ พยี ง “มาดหู ลุมฝังพระศพ” หรอื มาเฝ้าพระองคต์ ่อไป แทนทจ่ี ะเป็นการ
“มาเจมิ พระศพ” เพราะทหารยามท่ีนักบุญมทั ธวิ ใสเ่ ขา้ มานนั้ ทาใหไ้ ม่อาจทาการเจมิ ได้ และเน่ืองจากพระวรกาย
ของพระองคไ์ ดร้ บั การเจมิ สาหรบั พธิ ศี พไปเรยี บรอ้ ยแลว้ ใน 26:12 ในทางเดยี วกนั พวกเธอไมไ่ ดส้ งสยั วา่ ใครเป็น
คนกล้งิ หนิ ทป่ี ิดพระคูหาออก เน่ืองจากว่าพวกเธอไม่ไดม้ เี จตนาทจ่ี ะเปิดพระคูหาและเจมิ พระศพ ซง่ึ ไม่ว่าจะใน
กรณีใด กไ็ มอ่ าจทาไดใ้ นพระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ เน่ืองจากมที หารยามเฝ้าอยู่

28: 2-4 เหตุการณ์ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั อวสานตกาลโลกทเ่ี กดิ ขน้ึ ในฉากการตรงึ กางเขนยงั คงดาเนินต่อไป (ดู
เทยี บ 27:51-53) มแี ผ่นดนิ ไหวเกดิ ขน้ึ อกี ครงั้ หน่ึง และทูตสวรรคข์ องพระเป็นเจา้ ไดล้ งมา (ปรากฏตวั เป็นครงั้ แรกนับตงั้ แต่
2:19) ซง่ึ เป็นการเปลย่ี นจาก “ชายหนุ่มผหู้ น่ึง” ใน มก. 16:5 รปู รา่ งลกั ษณะของทตู สวรรคไ์ ดร้ บั การอธบิ ายดว้ ยวลี
ทส่ี ะทอ้ นถงึ คาบรรยายผทู้ เ่ี สดจ็ มาจากสวรรคใ์ น ดนล. 7:9 และ 10:6 แต่ยงั ไมม่ สี ริ ริ ุง่ โรจน์มากเทา่ กบั ตอนทพ่ี ระ
เยซูเจ้าทรงสาแดงพระวรกาย (มธ. 17:2) ในกรณีน้ี สญั ญาณทบ่ี ่งบอกหายนะยงั ไม่มกี ารเปลย่ี นแปลง (ดู เทยี บ

584

27:51-54) ตรงขา้ มกบั ทหารทอ่ี ยใู่ นฉากเหตกุ ารณ์การตรงึ การเขน ทหารยามทห่ี ลมุ ฝังพระศพ “กลวั จนตวั สนั่ ” และ
กลายเป็นเหมอื นกบั “คนทตี่ ายแลว้ ” เสยี เอง

28:5-7 รปู คากรยิ าแบบ Perfect Participle ทท่ี ูตสวรรคใ์ ชร้ ะบุว่าพระเยซูเจา้ ผทู้ รงกลบั คนื พระชนมน์ นั้
คอื “พระองคผ์ ทู้ รงถูกตรงึ กางเขน” (ton estauromenon) เน่ืองจากรปู ประโยค Perfect Tense ในภาษากรกี ระบุถงึ
การกระทาท่สี าเรจ็ ลุล่วงแลว้ โดยมผี ลทต่ี ามมาเกดิ ขน้ึ การตรงึ กางเขนของพระเยซูเจา้ จงึ ไม่ใช่เหตุการณ์เฉพาะ
ครงั้ คราวในสภาวะของผูท้ ่เี ป็นพระบุตรของพระเป็นเจ้า ไม่ใช่อดตี ท่ถี ูกลบล้าง อยู่เหนือธรรมชาตคิ วามเขา้ ใจ
หรอื ถูกเปล่ยี นเป็นพระสริ ริ ุ่งโรจน์ในการกลบั คนื พระชนม์ชพี แม้แต่พระองค์ผู้ทรงกลบั คนื พระชนม์ก็ยงั คงมี
ร่องรอยของการสละตนเองอย่างถาวรอยู่ในตวั ของพระองค์ และเป็นการเรยี กให้กลบั มาเป็นศษิ ย์ (16:24) ทูต
สวรรคส์ งั่ ใหห้ ญงิ ทงั้ สองคนนาสารไปบอกกบั บรรดาศษิ ย์ ทาใหพ้ วกเขาไม่เพยี งแต่เป็นพยานแรกทเ่ี หน็ หลุมฝัง
พระศพทว่ี ่างเปล่า แต่ยงั เป็นคนกลุ่มแรกทเ่ี ป็นผสู้ ่งขา่ วดวี ่า “(พระเป็นเจา้ ทรงทาให)้ พระองคท์ รงกลบั คนื พระชนมช์ พี
จากบรรดาผตู้ ายแลว้ ” ในโครงเร่อื งของพระวรสารนกั บุญมาระโก ผหู้ ญงิ เหลา่ น้ีรสู้ กึ กลวั และไมก่ ลา้ พดู อะไร และ
เร่อื งราวกจ็ บลงโดยทาให้หน้าท่กี ารประกาศข่าวดแี ห่งวนั ปัสกาเป็นความรบั ผดิ ชอบของผู้อ่าน (มก. 16:8ก) นัก
บุญมทั ธวิ นาเรอ่ื งมาดาเนินต่อดว้ ยการใส่ความช่นื บานลงไปในความหวาดกลวั และผหู้ ญงิ เหล่าน้ีกก็ ลายมาเป็น
บุคคลทถ่ี ูกมองในแง่ดี คอื ไปบอกข่าวแก่บรรดาศษิ ยอ์ ย่างเช่อื ฟัง นักบุญมทั ธวิ เตมิ คาว่า “อย่างรวดเรว็ ” ลงไป
และบอกด้วยว่าพวกเธอ “วงิ่ ” นักบุญเปโตรถูกแยกออกมาใหโ้ ดดเด่นดว้ ยคาสงั่ ใน มก. 16:7 แต่ถงึ แมเ้ ขาจะมี
ความสาคญั ต่อบทบรรยายเร่อื งในช่วงก่อนวนั ปัสกา (อา้ งองิ ถงึ 26 ครงั้ ) แต่ท่านกห็ ายไปเลยในทน่ี ้ี พระเยซูเจา้ ตรสั
บอกบรรดาสาวกเอาไวแ้ ลว้ ว่าพระองคจ์ ะเสดจ็ ไปพบพวกเขาทก่ี าลลิ ี (26:32) แต่บรรดาสตรยี งั ไม่เคยไดย้ นิ เร่อื งน้ี
นกั บุญมทั ธวิ จงึ เปลย่ี นเน้ือหาจากนกั บญุ มาระโกทวี่ า่ “ตามทพี่ ระองคไ์ ดบ้ อกทา่ นไว”้ เป็น “ตามทเี่ รา (ทตู สวรรค)์
ไดบ้ อกท่าน” สาหรบั นักบุญมทั ธวิ แควน้ กาลลิ ไี ม่ใช่แค่เพยี งภูมปิ ระเทศแห่งหน่ึงเท่านนั้ แต่เป็นเทวศาสตรด์ ว้ ย
“กาลลิ ดี นิ แดนของชนต่างศาสนา” (ดู 4:12-17) ซ่งึ เป็นสถานท่อี นั เหมาะสมสาหรบั การมอบพนั ธกจิ อนั ยงิ่ ใหญ่ต่อ
บรรดาประชาชาติ (28:16-20) เชน่ เดยี วกบั ในพระวรสารนกั บุญมาระโก พระวรสารของมทั ธวิ ไม่มกี ารกล่าวว่าพระ
เยซูเจ้าทรงปรากฎพระกายต่อบรรดาศษิ ย์ในกรุงเยรูซาเลม็ หรอื แควน้ ยูเดยี และไม่มีพ้นื ท่ใี นบทบรรยายเร่อื ง
สว่ นใดทก่ี ล่าวถงึ การปรากฏพระกายเช่นนัน้ (ดู ลก 24; ยน. 20) เร่อื งราวการปรากฏพระกายของพระเยซูเจา้ ผทู้ รง
กลบั คนื พระชนมช์ พี ไม่อาจนามารวมกนั เป็นบทบรรยายเดยี วได้ แตล่ ะเรอ่ื งลว้ นแตเ่ ป็นคาพยานสาหรบั ความเชอ่ื
ในการกลบั คนื พระชนม์ชพี ของพระศาสนจักร ไม่ได้เป็นเพยี งส่วนหน่ึงของบนั ทกึ ทางประวตั ศิ าสตร์ (ดู ขอ้ คดิ

ไตร่ตรอง 28:16-20)

มทั ธวิ 28:8-10 พระเยซเู จา้ ทรงสาแดงองคแ์ กส่ ตรที งั้ สอง

585

8 สตรที งั้ สองคนมที งั้ ความกลวั และความยนิ ดอี ย่างยง่ิ รบี ออกจากพระคหู า วงิ่ ไปแจง้ ขา่ วแก่บรรดาศษิ ยข์ องพระองคพ์ ระเยซูเจ้า
ทรงสาแดงพระองคแ์ ก่สตรีทงั้ สองคน
9 ทนั ใดนัน้ พระเยซูเจา้ เสดจ็ มาพบสตรที งั้ สองคน ตรสั ว่า “จงยนิ ดเี ถดิ ” ทงั้ สองคนจงึ เขา้ ไปใกล้ กอดพระบาทนมสั การพระองค์
10 พระเยซูเจา้ ตรสั วา่ “อยา่ กลวั เลย จงไปแจง้ ขา่ วแก่พน่ี ้องของเราใหไ้ ปยงั แควน้ กาลลิ ี เขาจะพบเราทน่ี นั่ ”

ข้อศึกษาวิพากษ์
ฉากน้ีเขยี นขน้ึ โดยนกั บุญมทั ธวิ เอง (ดู ภาพรวม) ในพระวรสารนกั บุญมทั ธวิ หญงิ สองคนไม่เพยี งแต่เป็น

พยานกลุ่มแรกทเ่ี หน็ คูหาฝังพระศพทว่ี ่างเปล่า แต่ยงั เป็นกลุ่มแรกทไ่ี ดเ้ หน็ การปรากฏพระกายครงั้ แรกของพระ
เยซูเจา้ ผทู้ รงกลบั ฟ้ืนคนื พระชนมช์ พี ดว้ ย (ดู เทยี บ 1คร 15:5) พระเยซูเจา้ “ทรงมาพบ” พวกเธอ กล่าวคอื มาหาพวก
เธอและอย่รู ว่ มดว้ ย (คาวา่ “hypantao” และรปู แบบอ่นื ของคาน้ีในต้นฉบบั บางเล่ม [apantao] รากของศพั ท์คาน้ีลว้ นสอ่ื ความหมายถงึ การ “ไป
พบและเดนิ ทางร่วมกลบั มาดว้ ย” [Join and Accompany Back] อย่างทเ่ี หน็ ใน 25:1, 6; [27:32ง]; กจิ การ 28:15; 1ธส 4:17) พวกเขากาลงั อย่บู น
หนทางของการไปทาภารกจิ ขณะทพ่ี ระเยซูเจา้ ทรงเขา้ มาเดนิ ทางรว่ มดว้ ย ซง่ึ เป็นแงม่ ุมความเขา้ ใจของนักบุญ
มทั ธวิ เกย่ี วกบั การทพ่ี ระครสิ ตผ์ กู้ ลบั คนื พระชนมช์ พี ประทบั อยู่ เพอ่ื ใหค้ วามมนั่ ใจกบั การทากจิ กรรมตา่ งๆ ทเ่ี ป็น
ภารกิจของพระศาสนจกั ร (ดู เทียบ 1:23; 10:40; 13:37; 14:22-33; 16:18; 17:17; 18:5, 20; 28:20) นักบุญมทั ธิวไม่ได้ใช้ช่ือ
ตาแหน่งทางครสิ ตศาสตรใ์ นเรอ่ื งราวการกลบั คนื พระชนมช์ พี ของท่านเลย พระเป็นเจา้ ผทู้ รงฟ้ืนคนื พระชนมค์ อื
“พระเยซูเจา้ ” เหมอื นผทู้ ม่ี าจากนาซาเรธ็ ฉากน้ีเกอื บเป็นฉากทค่ี ่กู บั การพบทตู สวรรค์ พระเยซูเจา้ ตรสั บอกพวก
เขาไมใ่ หก้ ลวั ซง่ึ เป็นองคป์ ระกอบมาตรฐานของการปรากฏตวั ของทูตสวรรคแ์ ละการปรากฏตวั ของพระเป็นเจา้
และพระองคก์ ต็ รสั ในสงิ่ ทท่ี ตู สวรรคไ์ ดม้ อบหมายไวอ้ กี ครงั้ คอื ใหเ้ อาขา่ วไปบอกกบั บรรดาศษิ ย์ แต่ในทน่ี ้ี มมี ติ ิ
ท่เี พมิ่ ขน้ึ มา ตอนน้ีพระเยซูเจา้ ทรงเรยี กบรรดาศษิ ย์ว่า “พน่ี ้อง” พวกเราไม่ไดเ้ หน็ บรรดาศษิ ยอ์ กี เลยนับตงั้ แต่
พวกเขา “ทอดท้งิ พระองคแ์ ล้วหนีไป” (26: 56) เวน้ แต่นักบุญเปโตรทป่ี ฏเิ สธพระองค์ และยูดาสท่ที รยศพระองค์
และฆ่าตวั ตาย ความห่างเหนิ น้ีไดถ้ ูกรกั ษาใหห้ ายแลว้ จากฝ่ายของพระเป็นเจา้ บรรดาศษิ ยจ์ ะไดร้ บั รวู้ า่ พวกเขา
ยงั คงอย่ใู นครอบครวั ของผเู้ ช่อื (12: 46-50 ครอบครวั ทแ่ี ทจ้ รงิ ของพระเยซูเจา้ ไดร้ บั การระบุวา่ คอื “บรรดาศษิ ยข์ องพระองค”์ ) สตรสี อง
คนน้ีไม่เพยี งแต่เป็นผปู้ ระกาศขา่ วดแี ห่งการกลบั คนื พระชนมช์ พี เท่านนั้ แต่ยงั เป็นตวั แทนของการกลบั คนื ดกี นั
อกี ดว้ ย

นักบุญมทั ธวิ ไม่ได้กล่าวถงึ ร่างกายท่ฟี ้ืนคนื จากความตายของพระเยซูเจ้าเลย และดูเหมอื นท่านจะ
พยายามทาให้ฉากนัน้ ดูเป็นเร่อื งธรรมดามากท่สี ุดเท่าท่จี ะทาได้ พระเยซูเจ้าตรสั ทกั ทายพวกเขาดว้ ยถ้อยคา
ธรรมดา (แปลตามตวั อกั ษรได้ว่า “จงช่นื ชมยนิ ดเี ถดิ ” [Rejoice / chairete]) ซ่งึ ทาหน้าท่เี ป็นภาษาสาหรบั การทกั ทายตามปกติ
เหมอื นกบั คาว่า “สวสั ด”ี (Hello) การ “เขา้ หา” (Approach / proserchomai) ของพวกเขาท่แี สดงความเคารพอย่างเต็ม
เป่ียม คอื การจบั พระบาทของพระเยซูเจา้ และ “กราบนมสั การ” พระองค์ (proskyneo) เป็นวธิ กี ารท่นี ักบุญมทั ธวิ
แสดงใหเ้ หน็ ความเป็นจรงิ ของการกลบั คนื พระชนมช์ พี (พระเยซูเจา้ ไม่ใช่ผหี รอื ปิศาจ) และความเช่อื มโยงต่อเน่ืองของ
บุคคลทเ่ี ป็นพระเยซูเจา้ ตอนก่อนและหลงั เหตุการณ์วนั ปัสกา (พวกเขาทาแบบเดยี วกนั ตงั้ แต่ก่อนวนั ปัสกาแลว้ ซง่ึ เป็นการแสดง
ภาพการคาดคะเนยอ้ นหลงั เก่ยี วกบั ความเช่อื เร่อื งวนั ปัสกา ในบทบรรยายก่อนหน้าเหตุการณ์วนั ปัสกาด้วย) อกี ไม่นานนักบุญมทั ธวิ จะ
แสดงภาพของพระครสิ ต์ผทู้ รงกลบั คนื พระชนม์ชพี ในฐานะผทู้ ส่ี ถติ อย่กู บั เราทางจติ วญิ ญาณในทุกยุคทุกสมยั
ท่านมวี ธิ กี ารมากกว่าหน่ึงวธิ ีท่ีจะเข้าใจความเป็นจรงิ เก่ียวกบั การกลบั คืนพระชนม์ชีพ ซ่ึงเป็นพยานให้กบั

586

มมุ มองของท่านทว่ี ่าความเป็นจรงิ ของสง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ไม่ควรนามาปะปนหรอื ระบุว่าเป็นสงิ่ เดยี วกนั กบั สง่ิ ทเ่ี ราสรา้ ง
กรอบความคดิ เอาไว้ (ดู ขอ้ คดิ ไตรต่ รอง 28:16-20)

มทั ธวิ 28:11-15 ตดิ สนิ บนทหารยาม

ผนู้ าชาวยิวป้องกนั ตน
11 เม่อื สตรที งั้ สองคนเดนิ ทางไป ทหารยามบางคนเขา้ ไปในเมอื ง แจง้ เหตุการณ์ทงั้ หมดทเ่ี กดิ ขน้ึ แก่บรรดาหวั หน้าสมณะ 12

บุคคลเหล่าน้ีจงึ ประชุมปรกึ ษากนั กบั บรรดาผอู้ าวุโสแลว้ ตกลงจ่ายเงนิ กอ้ นใหญ่ใหท้ หาร 13 สงั่ วา่ “ท่านทงั้ หลายจงพดู วา่ ‘บรรดา
ศษิ ยข์ องเขามาขโมยศพไปในเวลากลางคนื ขณะทเ่ี รากาลงั หลบั อย่’ู 14 ถา้ เรอ่ื งมาถงึ หขู องผวู้ า่ ราชการ เราจะชแ้ี จงแก่เขาทาให้
ท่านพน้ โทษ”

15 ทหารไดร้ บั เงนิ และกระทาตามคาแนะนา เรอ่ื งน้ีจงึ เลา่ ลอื กนั ในหมชู่ าวยวิ จนกระทงั่ ทกุ วนั น้ี

ข้อศึกษาวิพากษ์
28:11 แทนทจ่ี ะตดิ ตามหญิงสาวสองคนไปทาภารกจิ มุมมองของผบู้ รรยายเร่อื งกเ็ ล้ยี วกลบั ไปทท่ี หาร

ยาม ดงั นัน้ ฉากน้ีจงึ เป็นฉากท่ที าใหเ้ ร่อื งราวทเ่ี รมิ่ ตงั้ แต่ 27: 62-66 เสรจ็ สมบูรณ์ ทงั้ สองฉากเป็นส่วนท่ีนักบุญ
มทั ธวิ เตมิ เขา้ มาโดยเฉพาะและเขา้ มาแทรกการดาเนินไปของบทบรรยายเร่อื ง ฉากทหารยามก่อให้เกิดเป็น
ความค่ขู นานทแ่ี ปลกประหลาดกบั ฉากของหญงิ สองคน โดยสอดคลอ้ งกบั คากรยิ าหลายชุด (ว. 7-8/11, 13) ถงึ แมว้ า่
หญงิ สองคนไดร้ บั มอบหมายให้ “ไปและบอก” (apangello) ข่าวดแี ห่งการคนื พระชนมช์ พี และการกลบั คนื ดี ทหาร
ยามท่ีได้เห็นส่ิงเดียวกนั กบั หญิงสาวเหล่านัน้ ก็ “ไป” และ “บอก” (apangello) “ทุกสงิ่ ทีเ่ กิดข้นึ ” การได้เฝ้าดู
เหตกุ ารณ์ทน่ี ่าตน่ื ตาตน่ื ใจน้ีไม่ไดช้ ว่ ยใหเ้ กดิ ความเชอ่ื ในเหตุการณ์ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั อวสานตกาลโลกซง่ึ เกดิ ขน้ึ จาก
การกลบั คนื พระชนมช์ พี ซง่ึ แตกต่างจากการแค่เชอ่ื วา่ พระกายของพระเยซูเจา้ ไดอ้ อกไปจากคหู าฝังพระศพแลว้
จรงิ ๆ (ดู ขอ้ คดิ ไตรต่ รอง 28:16-20)

28:12-15 อกี ครงั้ หน่ึงท่มี หาสมณะและผูอ้ าวุโส (16:21; 21:23; 26:3, 47; 27:1, 3, 12, 20, 41; เทยี บ 27:62 “มหาสมณะ
และชาวฟารสิ ”ี ) “ปรกึ ษากนั อย่างเป็นทางการ” (symboulion labontes เช่นเดยี วกบั ใน 12:14; 22:15; 27:1, 7) สาหรบั คาว่า “มา
รวมตวั กนั ” (Gathered) ขอให้ดูหมายเหตุเก่ยี วกบั 26:3 สงิ่ น้ีเป็นการประชดประชนั เสยี ดสอี ย่างสูงสุด เพราะ
ตอนน้ีพวกเขากลายเป็นผกู้ ระทาผดิ ในเร่อื งทพ่ี วกเขาสงั่ ใหม้ ที หารยามเฝ้าและผนึกคูหาเพ่อื ป้องกนั ทงั้ ยงั เป็น
ความหน้าซ่ือใจคดอย่างมากด้วย ซ่ึงเป็นสง่ิ ท่ีนักบุญมทั ธวิ สงั่ ห้ามไม่ให้มสี งิ่ น้ี ในความเป็นศิษย์ตลอดเร่อื ง
ทงั้ หมดของพระวรสาร (6:2, 5, 16; 7:5; 15:7, 22:18; 23:13, 15, 23, 25, 27-29; 24:51) เช่นเดยี วกบั ในกรณีของยูดาส เงนิ ก็
ช่วยทาใหก้ งลอ้ แห่งความหน้าซ่อื ใจคดหมุนไดค้ ล่องขน้ึ แต่ในทน่ี ้ีเป็นเงนิ กอ้ นใหญ่กว่ามาก การยับยงั้ ขา่ วการ
กลบั คนื พระชนมช์ พี ยอ่ มใชเ้ งนิ สงู กวา่ การจดั ใหม้ กี ารตรงึ กางเขน บรรดาหวั หน้าสมณะไม่มคี วามรสู้ กึ ใดๆ กบั ย-ู

587

ดาส แต่ดจู ะใสใ่ จกบั บรรดาทหารทส่ี ุดทา้ ยตอ้ งกลายเป็น “พยานเทจ็ ” ทร่ี บั เงนิ และเสย่ี งชวี ติ กบั สง่ิ ทต่ี นเองรอู้ ยู่
แก่ใจว่าเป็นการโกหก พระวรสารสรุปจบลงท่ีความแตกต่างกนั อย่างสุดขวั้ ของสองอาณาจกั รท่ีแสดงอยู่ใน
เรอ่ื งราว (ดู เทยี บ 12:22-30 โดยเฉพาะ “ความมสี องดา้ นของการตดั สนิ ใจ” (Dualism of Decision) ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ใน 12:30

การใช้คาว่า “ทหาร” (Soldiers / stratiotai) ช้ีให้เห็นว่าผู้เฝ้ายามคือทหารโรมันไม่ใช่ผู้รกั ษาความ
ปลอดภยั ของพระวหิ าร (Temple Police) พวกเขาจงึ วติ กกงั วลกบั การตอบสนองของปีลาต (ดู เทยี บ กจ. 12: 18-19)
การทท่ี หารโรมนั ไปรายงานเร่อื งใหห้ วั หน้าสมณะฟังเป็นอกี สง่ิ ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ว่าเร่อื งราวน้ีไม่ใช่ประวตั ศิ าสตรท์ ่ี
แทจ้ รงิ ตามตวั อกั ษร แต่เป็นส่วนหน่ึงของความเขา้ ใจดา้ นเทวศาสตรข์ องนักบุญมทั ธวิ เกย่ี วกบั การกลบั คนื พระ
ชนม์ชพี คาศพั ท์ท่อี ยู่ในคาพูดแสดงความเหน็ ของนักบุญมทั ธวิ ท่บี อกว่าทหารเหล่านัน้ กก็ ระทา “ตามทไี่ ด้รบั
คาสงั่ ” (Instructed / didasko) และการท่ี “เร่อื งราวน้ี” (“Story” “Message”) เป็นทก่ี ล่าวขานกนั ในหมู่ “ชาวยวิ ” ก็
สะทอ้ นถงึ ความขดั แยง้ กนั ระหวา่ งศาลาธรรมและพระศาสนจกั รในสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ เอง เรอ่ื งราวการกลบั คนื
พระชนมช์ พี ของชาวครสิ ตถ์ ูกตอ่ ตา้ นโดยเรอ่ื งราวทเ่ี ลา่ ขานกนั ในศาลาธรรม คาว่า “ชาวยวิ ” (the Jews) เคยมใี ช้
ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ เฉพาะตอนท่เี ป็นส่วนหน่ึงของคาว่า “กษตั รยิ ์แห่งชาวยวิ ” (King of the Jews) (2:2;
27:11, 29, 37) ถ้อยคาน้ีเป็นคาพูดของคนนอกและแสดงออกถงึ ความรูส้ กึ เหนิ ห่าง การใชค้ านัน้ ในทน่ี ้ีช้ใี หเ้ หน็ ว่า
หลงั จากเหตกุ ารณ์การตรงึ กางเขนและการกลบั คนื พระชนมช์ พี ในสายตาของนกั บุญมทั ธวิ “ประชาชน” ของชาติ
อสิ ราเอลทไ่ี ม่ยอมเช่อื ตอนน้ีกค็ อื “ชาวยวิ ” พวกเขาไม่ใช่ประชากรท่ถี ูกเลอื กสรรของพระเป็นเจา้ อกี ต่อไป แต่
เป็นเพยี งอกี ชาตหิ น่งึ ในโลกทพ่ี วกเขาตอ้ งกระทาภารกจิ เผยแพรพ่ ระวรสาร

มทั ธวิ 28:16-20 การมอบหมายภารกจิ ทย่ี งิ่ ใหญ่

พระเยซูเจา้ ทรงสาแดงพระองคใ์ นแควน้ กาลิลี ทรงส่งบรรดาอคั รสาวกไปทวั่ โลก
16 บรรดาศษิ ยท์ งั้ สบิ เอด็ คนไดไ้ ปยงั แควน้ กาลลิ ี ถงึ ภเู ขาทพ่ี ระเยซูเจา้ ทรงกาหนดไว้ 17 เมอ่ื เขาเหน็ พระองค์ กก็ ราบนมสั การ แต่
บางคนยงั สงสยั อยู่ 18 พระเยซูเจา้ เสดจ็ เขา้ มาใกล้ ตรสั แก่เขาเหล่านัน้ ว่า “พระเจา้ ทรงมอบอานาจอาชญาสทิ ธทิ์ งั้ หมดในสวรรค์
และบนแผ่นดนิ ใหแ้ ก่เรา 19 เพราะฉะนัน้ ท่านทงั้ หลายจงไปสงั่ สอนนานาชาตใิ หม้ าเป็นศษิ ยข์ องเรา ทาพธิ ลี า้ งบาปใหเ้ ขาเดชะ
พระนามพระบดิ า พระบุตร และพระจติ 20 จงสอนเขาใหป้ ฏบิ ตั ติ ามคาสงั่ ทุกขอ้ ทเ่ี ราใหแ้ ก่ท่าน แลว้ จงรเู้ ถดิ ว่าเราอยู่กบั ท่านทุก
วนั ตลอดไปตราบจนสน้ิ พภิ พ”

ข้อศึกษาวิพากษ์
28:16 เป็นฉากแรกท่บี รรดาศษิ ย์ปรากฏตวั หลงั จากทพ่ี วกเขาหนีไปหลงั จากการจบั กุมพระเยซูเจา้ (26:

56) ตามการสนั นิษฐาน นักบุญมทั ธวิ น่าจะเขา้ ใจวา่ พวกเขายงั คงอย่ใู นกรุงเยรซู าเลม็ จนกระทงั่ ไดฟ้ ังคาประกาศ
จากผู้หญิงสองคนนัน้ (ไม่มกี ารบรรยายเอาไว้) ซ่ึงทาให้พวกเขากลบั ไปยงั ภูเขาท่ีพระเยซูเจ้าทรงนัดหมายเอาไว้
สาหรบั กลบั มาพบกนั อกี ครงั้ หลงั การกลบั คนื พระชนมช์ พี (ดู เทยี บ 26: 32) ดงั นัน้ บรรดาศษิ ยจ์ งึ เรม่ิ มคี วามเช่อื ใน

588

พระเยซูเจ้า ผู้ทรงกลบั คนื พระชนม์ชพี และสารแห่งการกลบั คนื ดีว่าพวกเขายงั คงเป็นพ่นี ้องของพระองค์อยู่
รากฐานของความเชอ่ื น้ไี ม่ไดอ้ ยทู่ ก่ี ารปรากฎพระกายของพระเยซูเจา้ ตอ่ พวกเขา แต่อยใู่ นคาพยานของหญงิ สอง
คน ซง่ึ พวกเขายอมรบั การปรากฏตวั ของพระเยซูเจา้ ในกรงุ เยรซู าเลม็ ตามทบ่ี นั ทกึ ไวใ้ น ลก. 24:13-43 และ ยน.
20:19-29 ไม่อาจนามาใส่ร่วมกบั โครงเร่อื งของนักบุญมทั ธวิ ภูเขานัน้ สอดคล้องกบั ภูเขาใน 5:1 และ 17:1 (ดู
เทยี บ 14:23; 24:3) เราควรหาความหมายจากเทวศาสตรข์ องนกั บญุ มทั ธวิ มากกวา่ จากภมู ปิ ระเทศ

28:17 พระองคป์ รากฏพระกายและพวกเขา “เหน็ ” พระองค์ นักบุญมทั ธวิ ไม่ไดบ้ รรยายว่าพระเยซูเจา้ ผู้
ทท่ี รงกลบั คนื พระชนมช์ พี แลว้ นนั้ มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร เชน่ เดยี วกบั ใน 28: 9-10 เหตุการณ์น้ีไดร้ บั การบรรยาย
เหมือนกับเป็นเร่อื งธรรมดาของโลก บรรดาศิษย์ก็ตอบสนองเหมือนกับสตรสี องคนนัน้ ใน 28: 9 ท่าทีการ
ตอบสนองของพวกเขาไม่ใช่ความอศั จรรย์ใจ ประทบั ใจ หรอื อยากรู้อยากเห็น แต่เป็นการคุกเข่าลงเคารพ
นมสั การ ทงั้ ยงั มอี งคป์ ระกอบของความลงั เลใจสงสยั อกี ดว้ ย ขอ้ ความสรุปจบใน ว. 17 อาจแปลอย่างถูกตอ้ งได้
ว่า “แต่มบี างคนสงสยั ” (But Some Doubted) ซ่งึ หมายถงึ คนอ่นื ๆ นอกเหนือจากสบิ เอด็ คนน้ี (ในฉบบั NIV, NRSV
รวมถงึ ฉบบั KJV, ASV, และ NEB) หรอื แปลว่า “แต่บางคนในหมู่พวกเขาสงสยั ” ซ่งึ ส่อื โดยนัยว่าถงึ แมท้ งั้ สบิ เอด็ คนจะ
กราบนมสั การพระองค์ แต่ก็มีคนอ่ืนๆ ในหมู่พวกเขาท่ีสงสยั (GNB, REB) หรอื แปลว่า “แต่พวกเขาสงสยั ” ซ่ึง
หมายถงึ บรรดาศษิ ยก์ ลุม่ เดยี วกนั ทเ่ี คารพบชู าพระองคน์ นั่ เอง (NAB) การแปลอยา่ งหลงั น้ีแสดงถงึ ความเขา้ ใจทาง
เทวศาสตร์ของนักบุญมทั ธวิ เก่ยี วกบั ความหมายของการเป็นศษิ ย์ ซ่ึงมกั จะมปี ระเดน็ ของ “มคี วามเชอื่ น้อย”
ความเช่อื ทโ่ี ดยธรรมชาตแิ ล้วไม่เหมอื นกบั ความแน่นอนมนั่ ใจ (Cocksureness) แต่มคี วามลงั เลสงสยั รวมอย่ใู น
ตวั มนั เองดว้ ย ผ่านทางการกระทาทเ่ี ป็นการเคารพนมสั การ คาวา่ “ลงั เลสงสยั ” (Doubt) ในทน่ี ้ี ไมใ่ ช่ความสงสยั
ไม่เช่อื ในทางทฤษฎี แต่เป็นความหวนั่ ไหวทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยความเสย่ี งของผทู้ จ่ี าเป็นตอ้ งตดั สนิ ใจในขณะทม่ี คี วาม
เป็นไปไดม้ ากกวา่ หน่ึงทอ่ี าจถูกตอ้ งและสมเหตุสมผล คาวา่ “distazo” พบในสว่ นอ่นื ๆ ของพระคมั ภรี พ์ นั ธสญั ญา
ใหม่เฉพาะท่ี 14:31 ซง่ึ เป็นฉากท่นี ักบุญมทั ธวิ เขยี นขน้ึ เอง และมคี วามคลา้ ยคลงึ กบั ฉากน้ี ดงั นัน้ องคป์ ระกอบ
เดียวกนั คือการเคารพนมสั การ การลังเลสงสยั และการมีความเช่ือน้อยจึงยงั คงมีอยู่ในพระศาสนจกั รหลงั
เหตุการณ์วนั ปัสกาเช่นเดยี วกบั สมยั ก่อนหน้านัน้ ไม่ว่าธรรมชาตขิ องการกลบั คนื พระชนม์ชพี จะเป็นอย่างไร
เหตุการณ์น้ีไม่ได้ทาให้ทุกคนมคี วามเช่อื อย่างสมบูรณ์โดยทนั ที แม้ในหมู่ผู้ท่ปี ระสบด้วยตนเอง มนั ไม่ไดม้ ไี ว้
สาหรบั ทตู สวรรคห์ รอื ผเู้ ช่อื ทส่ี มบรู ณ์แบบ แตม่ ไี วส้ าหรบั ชุมชนศษิ ยใ์ นสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ ทท่ี งั้ เคารพนมสั การ
และทงั้ หวนั่ ไหว ผเู้ ป็นบุคคลผทู้ พ่ี ระองคไ์ ดฝ้ ากฝังใหก้ ระทาพนั ธกจิ เพอ่ื ชาวโลก

28: 12-20 เช่นเดยี วกบั ใน 17:7 ตอนท่มี กี ารสาแดงพระวรกาย (Transfiguration) พระเยซูเจา้ เสดจ็ มา
หาบรรดาศษิ ย์ (แต่โดยทวั่ ไปในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ บรรดาศษิ ย์จะเป็นฝ่ายไปหาพระองค)์ พระเยซูเจา้ ผูก้ ลบั คนื พระชนม์ชพี
เสดจ็ มาหาพระศาสนจกั รทก่ี าลงั หวนั่ ไหวของพระองคเ์ ชน่ เดยี วกบั ใน 14:25 การกระทาเพยี งอยา่ งเดยี วของพระ
เยซูเจา้ คอื “การตรสั ” นักบุญมทั ธวิ ยอมสละรายละเอยี ดทท่ี าใหค้ นอยากรอู้ ยากเหน็ พงึ พอใจ เพอ่ื พระวาจาของ
พระเยซูเจ้า ซ่งึ ยงั คงตรสั อย่างต่อเน่ืองกบั บรรดาศษิ ยท์ งั้ หลายของพระองค์หลงั จากเหตุการณ์วนั กลบั คนื พระ
ชนมช์ พี (วนั ปัสกา)

กจ. 1-15 บรรยายถงึ กระบวนการทด่ี าเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปของชุมชนศษิ ยข์ องพระเยซูเจา้ หลงั
เหตุการณ์แห่งการกลบั คืนพระชนม์ชีพท่ีเรม่ิ ตระหนักด้วยการช้ีนาของพระจิตเจ้าว่าองค์พระเป็นเจ้าผู้ทรง
กลบั คนื พระชนม์ชพี ทรงมพี ระประสงค์ให้พระศาสนจกั รมคี วามเป็นสากล เป็นชุมชนท่รี วมทุกประชาชาตไิ ว้

589

ดว้ ยกนั กระบวนการน้ีเหน็ ไดช้ ดั เจนในฉากหน่ึง ซง่ึ นักบุญมทั ธวิ เขยี นขน้ึ เองตามธรรมประเพณีทย่ี งั คงดารงอยู่
ในพระศาสนจกั รสมยั ของท่าน ฉากเหตุการณ์น้ีเป็นตวั แทนของการตีความเชิงเทวศาสตร์ของนักบุญมทั ธวิ
เกย่ี วกบั พนั ธกจิ ของพระศาสนจกั รในการนบนอบเช่อื ฟังพระบญั ชาขององคพ์ ระครสิ ตผ์ ู้ทรงกลบั คนื พระชนมช์ พี
ซ่งึ มอี งค์ประกอบต่างๆ ท่เี ป็นตามธรรมประเพณีซ่งึ สะท้อนถงึ กิจกรรมของประกาศกชาวครสิ ต์ในชุมชนของ
นกั บุญมทั ธวิ แต่บทประพนั ธน์ ้ีเป็นผลงานของนกั บุญมทั ธวิ เอง หากฉากเหตุการณ์น้ีเป็นเพยี งรายงานถงึ ตอนท่ี
พระเยซูเจา้ ทรงบญั ชาให้บรรดาศษิ ย์ทุกคนดาเนินพนั ธกจิ ต่อชนต่างศาสนาจรงิ ๆ กค็ งยากทเ่ี ราจะเขา้ ใจว่าเหตุ
ใดพวกเขาถงึ ประสบความยุง่ ยากใน กจ. 1-15

รากฐานสาหรบั พระวาจาแหง่ การมอบหมายภารกจิ น้ีอยทู่ ค่ี าประกาศวา่ พระเยซูเจา้ ทรงมพี ระราชอานาจ
เหนือทุกสง่ิ ตามทพ่ี ระเป็นเจา้ ประทานใหพ้ ระองค์ (ดู เทยี บ 11:27) พระเยซูเจา้ ผทู้ รงกลบั คนื พระชนมช์ พี จากความ
ตายไดร้ บั การแสดงว่าเป็นพระเป็นเจา้ ผปู้ กครองสวรรคแ์ ละแผ่นดนิ โลก เป็นผปู้ กครองจกั รวาลในนามของพระ
เป็นเจา้ (ดู เทยี บ ฟป 2:5-11; คส. 1:15-18; ฮบ. 1:1-3) ทรงเป็นกษตั รยิ แ์ ห่งพระอาณาจกั รของพระเป็นเจา้ ทงั้ ทเ่ี ป็นอย่ใู น
ปัจจุบนั และท่จี ะมาถงึ ในอนาคต ทรงเป็นผูแ้ ทนของการปกครองจกั รวาลของพระเป็นเจา้ เดก็ น้อยท่ไี ด้รบั การ
เคารพบูชาจากคนต่างศาสนาและถูกเยาะเยย้ ขณะถูกตรงึ กางเขนว่าเป็น “กษตั รยิ แ์ ห่งชาวยวิ ” (2:1; 27:11, 29, 37)
ได้เสดจ็ ขน้ึ ครองบลั ลงั ก์และเรมิ่ ต้นการครองราชย์ของพระองค์ บุตรแห่งมนุษย์ผู้ต่าต้อยถูกพาข้นึ สู่บลั ลงั ก์ใ น
ฐานะพระบุตรของพระเป็นเจา้ ผสู้ งู สง่ (ดู เทยี บ ดนล. 7:13-14) การกลบั คนื พระชนมช์ พี ของพระองคไ์ ม่ไดเ้ ป็นแต่เพยี ง
การปลดปล่อย แต่ยงั เป็นการมอบบลั ลงั กใ์ หพ้ ระองคอ์ กี ดว้ ย เน่ืองจากพระองคท์ รงเป็นตวั แทนของพระเป็นเจา้
จงึ ไม่มกี ารแขง่ ขนั กนั ระหว่างพระเป็นเจา้ ในฐานะกษตั รยิ แ์ ละพระราชอานาจของพระเยซูเจา้ เชน่ เดยี วกบั ทไ่ี ม่มี
การบูชารูปเคารพอยู่ในการกราบนมสั การพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ได้ทรงประกาศแล้วว่าเราจะต้องกราบ
นมสั การพระเป็นเจา้ แต่เพยี งพระองคเ์ ดยี วเท่านนั้ (4: 9-10) นกั บุญมทั ธวิ ไม่ไดแ้ สดงหลกั คาสอนทช่ี ดั เจนเกย่ี วกบั
“ความเป็นพระเป็นเจา้ ของพระครสิ ต”์ (Deity of Christ) แต่นาเสนอเรอ่ื งราวของพระเยซูเจา้ โดยแสดงใหเ้ หน็ ว่า
การพบพระเยซูเจา้ คอื การพบองคพ์ ระผเู้ ป็นเจา้ ผซู้ ง่ึ ไดร้ บั คาจากดั ความอยใู่ นพระเยซูเจา้ (ดู เทยี บ ยน. 20:28)

การมอบหมายภารกจิ น้ีเป็นการใหก้ ระทาต่อ “ประชาชาติ” ทงั้ หลาย (ethne หรอื “ชนต่างศาสนา” [Gentiles]) มี
ประเดน็ ปัญหาดา้ นการตคี วามท่สี าคญั ซ่งึ เก่ยี วขอ้ งกบั ความสมั พนั ธ์ระหว่างการมอบหมายพนั ธกจิ อนั ยง่ิ ใหญ่
(Great Commission) ใน 28:18-20 กบั พระบญั ชาใหเ้ ดนิ ทางกระทาภารกจิ เผยแพร่ขา่ วดกี ่อนหน้าน้ีใน 10:5-6
พันธกิจแรกนัน้ ถูกเพิกถอนไปและถูกแทนท่ีด้วยพันธกิจต่อชนต่างศาสนา ซ่ึงเท่ากับว่าพระศาสนจักรท่ี
ประกอบดว้ ยชนตา่ งศาสนาไดม้ าแทนทอ่ี สิ ราเอลแลว้ ใช่หรอื ไม่ หรอื เป็นกรณีทว่ี า่ อสิ ราเอลไดส้ ญู เสยี สถานภาพ
ของการเป็นประชากรของพระเป็นเจ้า และถูกนาไปรวมไว้เป็นหน่ึงในบรรดานานาชาตทิ ่ีพระศาสนจกั รต้อง
กระทาภารกจิ ถา้ เป็นในกรณหี ลงั เท่ากบั วา่ การมอบหมายน้ีไม่ใชพ่ นั ธกจิ ต่อชนชาตอิ สิ ราเอลอกี ตอ่ ไป และคาว่า
ethne ก็ควรได้รบั การแปลว่า “ชนต่างศาสนา” แต่ถ้าภารกิจใน 10:5ข-6 ยงั คงเป็นส่วนเสรมิ ในลกั ษณะของ
วงกลมสองวงท่ซี ้อนกนั วงหลงั ย่อมโอบกอดวงแรกไว้ (ตามท่ไี ด้ให้ขอ้ โต้แยง้ ไวใ้ น มธ. 10) ถ้าเป็นเช่นน้ีก็ควรแปลว่า
“ประชาชาต”ิ หรอื “ประชาชน” ซง่ึ หน่งึ ในนนั้ กค็ อื อสิ ราเอล

นานาชาตจิ ะตอ้ ง “มาเป็นศษิ ย”์ (Discipled) (นกั บุญมทั ธวิ เอาคาว่า “Disciple” มาทาเป็นคากรยิ าใน 13:52 และ 27:57 อกี ท่ี
หน่ึงในพระคมั ภีร์พนั ธสญั ญาใหม่ท่พี บคาน้ีคอื กจ. 14:21) ก่อนหน้าน้ี นักบุญมทั ธวิ ทาตามการใช้คาน้ีในพระวรสารนักบุญ
มาระโก คอื “บรรดาศษิ ย์” หมายถงึ คนวงในสบิ สองคนทท่ี ้งิ ทุกสงิ่ ทุกอย่างเพ่อื ตดิ ตามพระเยซูเจา้ นักบุญมทั ธวิ

590

เล่าเรอ่ื งราวดว้ ยวธิ กี ารทท่ี าใหผ้ อู้ ่านชาวครสิ ตใ์ นพระศาสนจกั รยคุ หลงั การกลบั คนื พระชนมช์ พี สามารถเขา้ ใจได้
อย่างแจ่มแจ้ง หลงั จากเหตุการณ์การกลบั คนื พระชนม์ชพี นัน้ คาเช้อื เชิญให้มาเป็นศิษย์ถูกส่งไปให้ผู้คนทุก
ประเทศชาติ กล่าวคอื ผคู้ นไม่ไดถ้ ูกเรยี กมาใหเ้ ป็นผทู้ เ่ี ช่อื แบบส่วนตวั แต่เขา้ มาเป็นศษิ ยอ์ ย่ใู นชุมชนชาวครสิ ต์
และการรบั สารแห่งความเช่อื แบบชาวครสิ ต์ของพวกเขานัน้ จะต้องเป็นความจรงิ ในชวี ติ ของพวกเขาดว้ ย เสยี ง
รอ้ งเรยี กชาวประมง (4:18-22) คนเกบ็ ภาษี (9:9) และคนอ่นื ๆ ในกลุ่มอคั รสาวกสบิ สองคน (10:14) กาลงั แผ่ขยาย
ออกไปใหก้ บั ทุกคน เป็นสว่ นทต่ี ่อมาจากเสยี งเรยี กอบั ราฮมั เพ่อื ใหเ้ ป็นไปตามพระสญั ญาทว่ี ่าทุกชนชาตจิ ะได้
เป็นสขุ เพราะเขา (ปฐก. 12:1-3)

การรบั ศีลล้างบาปเป็นการกระทาท่ีเป็นสญั ลักษณ์ถึงการเปล่ียนจากเป็นคนนอกชุมชนชาวครสิ ต์
กลายเป็นศษิ ยท์ อ่ี ย่ภู ายในชุมชน ก่อนหน้าน้ีในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ศลี ลา้ งบาปมคี วามเช่อื มโยงกบั นักบุญ
ยอหน์ ผทู้ าพธิ ลี า้ งมาตลอด ทงั้ พระเยซูเจา้ และบรรดาศษิ ย์ของพระองคไ์ ม่มใี ครทาหน้าทร่ี บั ใชพ้ ระเป็นเจา้ ดว้ ย
การใหศ้ ลี ลา้ งบาปแก่ผคู้ น (ดู เทยี บ ยน. 3:22; 4:1-2) เราไม่รแู้ น่ชดั ว่าขอ้ ความ “ในนามของ” (In the Name Of) ซ่งึ มี
สูตรเป็นพระตรเี อกภาพนัน้ ส่อื ถึงผู้มอบสิทธิอานาจในการให้ศีลล้างบาปนัน้ หรอื ส่อื ถึงสูตรทางพิธีกรรมท่ี
ประกาศแก่ผู้ได้รบั การล้าง หรอื ส่อื ถึงการมสี มั พนั ธภาพกบั พระเป็นเจ้าในความเป็นจรงิ ซ่ึงผู้สมคั รรบั ศลี นัน้
ไดร้ บั การลา้ งเพ่อื สงิ่ น้ี (หรอื อาจมอี งคป์ ระกอบอย่างละนิดจากแต่ละความหมายทก่ี ล่าวมาทงั้ หมดน้ีกไ็ ด)้ แต่ไม่ว่าจะในกรณีใด พธิ ี
ลา้ งมคี วามต่างอยา่ งมากจาก “การทาพธิ ลี า้ งในนามของพระเยซูเจา้ ” ตามทเ่ี หน็ ในหนงั สอื กจิ การอคั รสาวก (2:38;

8:16; 10:48; 19:5 เทยี บ 1คร. 6:11)

เชน่ เดยี วกบั สว่ นทเ่ี หลอื ของพระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาใหม่ พระวรสารนกั บุญมทั ธวิ ไมไ่ ด้พฒั นาหลกั คา
สอนเร่อื งพระตรเี อกภาพ แม้ว่านักบุญมทั ธวิ จะแสดงภาพของพระเยซูเจ้าขณะท่อี ยู่บนโลกกบั องค์เจ้านายผู้
กลบั คนื พระชนมช์ พี วา่ เป็นการกระทาแทนทพ่ี ระเป็นเจา้ (เช่น 9:1-7; 25:31-46) และใหพ้ ระบดิ า พระบุตร และพระจติ
ปรากฏขน้ึ ในฉากเดยี วกนั (เช่น 3:13-17) ทา่ นไม่ไดพ้ ยายามจะใหค้ าอธบิ ายเชงิ คาดคะเนแบบออ้ มๆ วา่ “พระบุตร”
และ “พระจติ ” นัน้ “ร่วมในความเป็นนิรนั ดร์กบั พระบิดา” อย่างไรและเป็นเช่นนัน้ หรอื ไม่ แต่ นักบุญมทั ธวิ ก็
เหมอื นกบั ผเู้ ขยี นพระวรสารคนอ่นื ๆ คอื คน้ พบว่าการพดู ถงึ พระเป็นเจา้ โดยพจิ ารณาถงึ เหตุการณ์เกย่ี วกบั พระ
ครสิ ต์ทงั้ หมดสามารถปรบั ใหเ้ ป็นรูปแบบสามชนั้ โดยไม่ต้องปฏเิ สธขอ้ ยนื ยนั ความเช่อื พ้นื ฐานในพระเป็นเจา้
หน่ึงเดียวของชาวยวิ (12:28; 22:43 เทียบ รม 1:3-4; 8:3-4; 14:17-18; 15:30; 1คร 12:3-6; 2คร 13:13; อฟ. 3:14-19; 3:4-6; 4:4-6; 1ธส.

1:2; ทต. 3:4; ฮบ. 2:3; 6:4; ลก. 1:35; 2:25-28; ยน. 3:34; 1ปต. 1:1-2; 1 ยน. 4:2; 5:6-9 [ในฉบบั NRSV และ NIV แต่ไม่ใช่ในฉบบั KJV] ยด. 20;

วว. 1:4-5; 14:13) พระวรสารนกั บญุ มทั ธวิ มคี วามสอดคลอ้ งกบั ศาสนาครสิ ตใ์ นซเี รยี ในชว่ งปลายศตวรรษทห่ี น่งึ ซง่ึ มี
การนาหลกั การพ้นื ฐานเหล่าน้ีให้กลายเป็นสูตรทางพธิ กี รรม (Liturgical Formula) (ดู เทยี บ Did 7.1) ประเด็นท่มี ี
ความสาคญั และขาดไม่ไดก้ ค็ อื พระบุตรของพระเป็นเจา้ ทอ่ี ย่ใู นตวั ตนของพระเยซูเจา้ และในการทรงนาพาของ
พระจติ เจา้ ต่อพระศาสนจกั รในฐานะประชากรของพระเป็นเจา้ ไม่ใช่สง่ิ ศกั ดสิ ์ ทิ ธริ ์ ะดบั รอง แต่เป็นองคพ์ ระเป็น
เจา้ แทจ้ รงิ หน่งึ เดยี ว

ตอนน้ีบรรดาศษิ ยไ์ ดร้ บั มอบสทิ ธอิ านาจ ทงั้ ในการทาพธิ ลี า้ งและในการเทศนาสงั่ สอน แมว้ ่าพวกเขาจะ
เคยมีส่วนร่วมในสิทธิอานาจของพระเยซูเจ้ามาก่อน (10:1) แต่พวกเขาไม่เคยได้รบั อานาจในการสอนก่อน
เหตุการณ์พระครสิ ต์กลบั คนื พระชนม์ชพี หลงั จากทาพิธีล้างให้บรรดาศิษย์ทงั้ หลายแล้ว ชุมชนชาวครสิ ต์ท่ี
รวมตวั กนั อยู่จะตอ้ งสงั่ สอนพวกเขาเก่ยี วกบั ทุกสง่ิ ท่พี ระเยซูเจา้ เคยสอน “ทุกสงิ่ ” (All) ในท่นี ้ีหมายถงึ “ทุกสง่ิ ”

591

ใน 26:1 และไมไ่ ดอ้ า้ งองิ ถงึ แตบ่ ทเทศน์สอนบนภเู ขาเท่านนั้ แตย่ งั หมายรวมถงึ คาสอนทงั้ หมดของพระเยซูเจา้ ท่ี
อย่ใู นพระวรสารดว้ ย โดยเฉพาะส่วนทเ่ี ป็นวาทกรรมขนาดใหญ่ 5 บท ไม่มกี ารกล่าวถงึ หนังสอื ปัญจบรรพเลย
คาสอนของพระเยซูเจา้ ซง่ึ ทาใหค้ าสอนในหนงั สอื ปัญจบรรพมคี วามสมบรู ณ์ขน้ึ (เทยี บ 5:17-20) คอื เน้อื หาเพยี งสว่ น
เดยี วของคาสอนของบรรดาศษิ ย์ และคาสอนนนั้ จะเป็นเกณฑก์ ารตดั สนิ พพิ ากษาเพยี งอย่างเดยี วในวันสุดทา้ ย
ของโลก (7: 24-27)

พระเยซูเจา้ ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ไม่ไดท้ รงกลบั คนื ส่สู วรรค์ พระวาจาสุดทา้ ยของพระองค์ คอื คา
สญั ญาว่าพระองค์จะสถติ อย่กู บั เราเสมอระหว่างการทาพนั ธกจิ ของพระศาสนจกั ร (ดู เทยี บ 1:23; 10:40; 13:37; 16:18;

17:17; 18:5, 20:26-29)

ข้อคิดไตรต่ รอง
แนวทางการตคี วามท่เี ฉพาะเจาะจงของนักบุญมทั ธวิ เก่ยี วกบั เร่อื งราวการกลบั คนื พระชนม์ชพี ควรถูก

นามาตคี วามในบรบิ ททเ่ี ป็นมุมมองทางเทวศาสตรอ์ นั หลากหลายในพระคมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาใหม่เกย่ี วกบั การ
กลบั คนื ชพี สงิ่ ทน่ี กั บญุ มทั ธวิ มงุ่ เน้นซง่ึ มคี วามสาคญั ไดแ้ ก่

(1) การกลบั คนื พระชนมช์ พี เป็นเหตุการณ์ทเ่ี กย่ี วกบั การพพิ ากษาโลก เป็นเหตุการณ์ทต่ี ดั สนิ ประวตั ศิ าสตร์
ของมนุษย์อย่างเด็ดขาด ดงั นัน้ ความเช่อื เร่อื งการกลบั คนื พระชนม์ชีพจงึ ไม่ใช่เพียงแค่ความเช่อื ว่า
รา่ งกายทต่ี ายไปแลว้ จะสามารถกลบั มามชี วี ติ ใหม่ได้ หรอื หลุมฝังพระศพไดว้ ่างเปล่าในเชา้ วนั ปัสกา ผทู้ ่ี
เช่อื ว่าพระเยซูเจ้าคอื นักบุญยอห์นผู้ทาพธิ ลี ้างท่ีกลบั คนื ชพี จากผู้ตายนัน้ ไม่มคี วามเช่อื ในเร่อื งการ
กลบั คนื ชพี

(2) การกลบั คนื พระชนมช์ พี นนั้ ขาดคาอธบิ าย นักบุญมทั ธวิ ไม่ไดบ้ รรยายภาพของการกลบั คนื พระชนมช์ พี
แต่บรรยายภาพการคน้ พบคหู าทว่ี า่ งเปลา่ กบั การปรากฏพระวรกาย ทา่ นปฏเิ สธประโยชน์ทุกอย่างทอ่ี าจ
ไดร้ บั จากการพยายามอธบิ ายสงิ่ ลกึ ลบั น้ี หากเร่อื งราวน้ีเกดิ ขน้ึ นอกเวที กจ็ ะกลายเป็นประเดน็ เร่อื งการ
ใหค้ าพยานและการประกาศขา่ วดี ไม่ใชก่ ารเฝ้าสงั เกตจากประสบการณ์ (ต่างจากพระวรสารของนกั บุญเปโตร ซ่งึ

ผบู้ รรยายเรอ่ื งและผอู้ า่ นเป็นเพยี งคนชม)

(3) ความเช่อื ในการกลบั คนื พระชนม์ชพี ไม่เหมอื นกบั การยนื ยนั ความเป็นจรงิ ทางประวตั ศิ าสตรท์ ่มี อี ยู่ใน
เร่อื งราวการกลบั คนื พระชนมช์ พี ในพระวรสารต่างๆ เร่อื งราวน้ีเป็นส่อื นาแห่งความเช่อื แต่ไม่ไดเ้ ป็นสง่ิ
เดยี วกนั กบั ความเช่อื เร่อื งราวต่างๆ ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั วนั ปัสกาไม่ควรถูกนามาผสานรวมกนั แต่ควรถูก
ตคี วามแยกกนั ในฐานะเป็นสงิ่ ทส่ี ่อื สารบางมติ ขิ องความเช่อื ในวนั อสี เตอร์ นักบุญมทั ธวิ ทาใหป้ ระเดน็ น้ี
ชดั เจนดว้ ยการเล่าเร่อื งราวโดยใชว้ ธิ กี ารต่างๆ มากกว่าหน่ึงวธิ ี ทาใหค้ วามพยายามท่จี ะระบุสารหลกั
ของเรอ่ื งทม่ี รี ปู แบบเป็นสงิ่ ทท่ี าไดย้ าก แต่สารนนั้ กไ็ ม่อาจสรปุ ไดจ้ ากรปู แบบต่างๆ ของเรอ่ื งราวน้ีในพระ
คมั ภรี ภ์ าคพนั ธสญั ญาใหม่ “พระครสิ ตท์ รงกลบั คนื พระชนม”์ (Christ Arose) ไมใ่ ชค่ าประกาศโดยรวมท่ี
สามารถแยกเป็นอสิ ระจากสานวนการแสดงออกในรูปแบบบญั ญตั ทิ เ่ี ป็นรปู ธรรม (Concrete Canonical
Expressions)

(4) การกลบั คนื พระชนมช์ พี ไม่ไดเ้ ป็นเพยี งตอนจบแสนสขุ สนั ตข์ องเร่ืองราวทเ่ี กอื บกลายเป็นโศกนาฏกรรม
ของพระเยซูเจา้ หรอื เป็นหมายเหตุตอนทา้ ยเร่อื ง มุมมองเกย่ี วกบั การกลบั คนื พระชนม์ชพี แทรกซมึ อยู่

592

ทุกหนแห่งตลอดทงั้ เร่อื งอยแู่ ลว้ ดงั นนั้ เรอ่ื งราวทงั้ หมดของนักบุญมทั ธวิ จงึ เป็นคาพยานถงึ องคพ์ ระเป็น
เจา้ ผกู้ ลบั คนื พระชนมช์ พี ของพระศาสนจกั ร ดงั นนั้ การกลบั คนื พระชนม์ชพี จงึ เป็นสง่ิ ทม่ี กี ารสอนตลอด
ทงั้ 28 บทของพระวรสาร ไม่ใช่แค่ในบทสุดทา้ ยเพยี งอย่างเดยี ว มนั เป็นการเขา้ ใจผดิ ระดบั ลกึ เกย่ี วกบั
ประเภททางวรรณกรรมของพระวรสาร หากมกี ารคดิ วา่ ถา้ ใครรสู้ กึ ลาบากใจทจ่ี ะประกาศสารของนกั บุญ
มทั ธวิ ในบทท่ี 28 กย็ งั มเี ร่อื งอ่นื ๆ เหลอื ใหป้ ระกาศอกี 27 บท เพราะหากปราศจากการกลบั คนื พระชนม์
ชพี เรอ่ื งราวทงั้ หมดกจ็ ะหายไปเลย
(5) การกลับคืนพระชนม์ชีพไม่ใช่ความสาเร็จครงั้ สุดท้ายของพระเยซู เจ้า ท่ีต่อเน่ืองมาจากเร่ืองราว
ปาฏหิ ารยิ อ์ น่ื ๆ ของพระองค์ แต่เป็นการกระทาของพระเป็นเจา้ เพอ่ื พระเยซูเจา้ ผทู้ รงรบั ทนทุกขท์ รมาน
จากการตกเป็ นเหย่ือความตายแบบมนุษย์อย่างแท้จริงและเข้าสู่แดนมรณะอย่างไร้พลังอานาจ
เช่นเดียวกบั มนุษย์คนอ่นื ๆ การกลบั คนื พระชนม์ชพี จงึ ไม่ใช่หลกั การเพิ่มเติมทางครสิ ตศาสตร์ท่เี รา
สามารถเลอื กหรอื ไม่เลอื กกไ็ ด้ แตเ่ ป็นเทวศาสตรท์ ไ่ี ดร้ บั คาจากดั ความเอาไวอ้ ย่างเขม้ งวด
(6) ความเช่อื ในการกลบั คนื พระชนม์ชพี ไม่ไดเ้ กดิ จากพยานหลกั ฐาน เพราะทงั้ มหาสมณะและทหารต่างมี
หลกั ฐานอย่มู ากมายลน้ เหลอื แต่เกดิ จากการประสบกบั ตวั ตนของพระคริสต์ผทู้ รงกลบั คนื พระชนม์ชพี
นนั ่ เอง (28: 8-10, 16-17) จากคาพยานของผทู้ พ่ี ระองคป์ รากฏใหเ้ หน็ (28:10, 16) และจากการทพ่ี ระองคย์ งั คง
ประทบั อยอู่ ย่างต่อเน่อื งกบั บรรดาศษิ ยข์ องพระองค์ (28:20)
(7) ความเช่อื ในการกลบั คนื พระชนมช์ พี เป็นเรอ่ื งของการเคารพนมสั การ ไมใ่ ชก่ ารวเิ คราะหห์ รอื หรอื อนุมาน
(28:16) แต่ถงึ กระนัน้ ความเช่อื กไ็ ม่ไดท้ าใหค้ วามลงั เลสงสยั หายไป แต่กย็ อมรบั ความลงั เลสงสยั นัน้ ดว้ ย

(ดู เทยี บ 28:17)

(8) ความเช่อื ในการกลบั คนื พระชนม์ชพี ไม่ควรนาไปสบั สนกบั ความเช่อื ในคูหาฝังพระศพท่วี ่างเปล่า นัก
บุญมทั ธวิ ยนื ยนั ทงั้ สองสงิ่ แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ไดท้ ่จี ะเช่อื ในคูหาว่างเปล่าโดยไม่เช่อื ในการกลบั คนื ชพี
(28:11-15) พระคมั ภีรภ์ าคพนั ธสญั ญาใหม่ทงั้ หมดยนื ยนั การกลบั คนื พระชนม์ชพี ส่วนเร่อื งราวของพระ
คูหาท่วี ่างเปล่านัน้ เป็นเพยี งหนทางหน่ึงท่จี ะแสดงออกถงึ สงิ่ น้ี หนทางท่พี บเฉพาะในพระวรสารต่างๆ
เทา่ นนั้

พระสนั ตะปาปาเบเนดกิ ต์ ท่ี 16 ทรงสรุปเร่อื งพระเยซูเจา้ แห่งนาซาเรธ็ ในคาอธบิ ายเร่อื งการกลบั คนื พระ
ชนมชพี ของพระเยซูครสิ ตเจา้ ว่า ครสิ ตชนควรตระหนกั และคน้ หาคาตอบสาหรบั ชวี ติ แห่งการเป็นศษิ ย์ ตดิ ตาม
พระเยซูครสิ ตเจ้า และการเพมิ่ พลงั ชวี ติ เพ่ิมอานาจความเช่อื ศรทั ธา ขจดั ความสงสยั นักบุญเปาโลเน้นแก่น
สาคญั ในความเช่อื ในพระเป็นเจา้ พระเยซูครสิ ตเจา้ คอื คุณค่าและความหมายแห่งการกลบั คนื พระชนมช์ พี ของ
พระเยซูเจา้ จากบรรดาผตู้ ายเป็นอะไร? นกั บุญเปาโลย้าอย่างหนกั แน่นวา่ “ถา้ พระครสิ ตเจา้ มไิ ดท้ รงกลบั คนื พระ
ชนมชพี การเทศน์สอนของเรากไ็ รป้ ระโยชน์ และความเช่อื ของท่านกไ็ รป้ ระโยชน์ เช่นเดยี วกนั ยง่ิ กว่านัน้ เรา
กลายเป็นพยานเทจ็ ถงึ พระเป็นเจา้ เพราะเรายนื ยนั วา่ พระเป็นเจา้ ทรงปลุกพระครสิ ตเจา้ ใหท้ รงกลบั คนื พระชนม์
ชพี ” (1คร. 15: 14-15) นักบุญเปาโลใชถ้ ้อยคาเหล่าน้ีอธบิ ายอย่างแขง็ ขนั ว่าการกลบั คนื พระชนม์ชพี ของพระเยซู
ครสิ ตเจา้ มคี วามหมายมากเพยี งไรสาหรบั คาสอนทงั้ หมดของครสิ ตชน ความเชอ่ื น้เี ป็นพน้ื ฐานของคาสอนทเี ดยี ว
ความเช่อื ของครสิ ตชนจะยนื อย่ไู ดห้ รอื ลม้ ลงพรอ้ มกบั ความจรงิ ของการยนื ยนั ว่าพระครสิ ตเจา้ ทรงกลบั คนื พระ
ชนมช์ พี จากบรรดาผตู้ าย

593

ถา้ ไม่มคี วามเชอ่ื เรอ่ื งการกลบั คนื ชพี เรากย็ งั อาจนาความคดิ ต่างๆ จากธรรมประเพณีของครสิ ตชนเกย่ี วกบั
พระเป็นเจา้ และมนุษย์ เกย่ี วกบั ธรรมชาตขิ องมนุษยแ์ ละกฎเกณฑท์ ต่ี อ้ งปฏบิ ตั มิ าปะตดิ ปะต่อกนั ใหเ้ ป็นมุมมอง
โลกดา้ นศาสนาไดบ้ า้ งเหมอื นกนั แต่ความเช่อื ของครสิ ตศาสนาเองคงตายสนิท พระเยซูเจา้ คงเป็นผนู้ าศาสนาท่ี
ลม้ เหลว ซง่ึ แมจ้ ะประสบความลม้ เหลว กย็ งั คงยง่ิ ใหญ่และชวนใหเ้ ราคดิ คานึงไดอ้ ยู่ แต่พระองคก์ ค็ งจะทรงเป็น
เพียงมนุษย์ธรรมดา และอานาจของพระองค์ก็คงจะขยายก้าวเท่าท่ีคาสอนของพระองค์น่าสนใจสาหรบั เรา
พระองคค์ งไม่ทรงเป็นมาตรการอกี ต่อไป มาตรการท่เี หลอื อยู่น่าจะเป็นการตดั สนิ ของเราเองท่จี ะเลอื กจากคา
สอนของพระองคท์ เ่ี ราเหน็ ว่าอาจช่วยเราได้ หรอื จะพดู อกี อย่างหน่ึง เราคงตอ้ งอย่โู ดดเดย่ี ว คาตดั สนิ ของเราคง
เป็นคาตดั สนิ สงู สุดไมอ่ าจมอี ทุ ธรณ์ฎกี าไดอ้ กี

ถา้ พระเยซูเจา้ ทรงกลบั คนื พระชนมช์ พี เทา่ นนั้ จงึ อาจมบี างสง่ิ ใหมจ่ รงิ ๆ เกดิ ขน้ึ ทเ่ี ปลย่ี นแปลงโลกและสภาพ
ความเป็นอย่ขู องมนุษย์ เม่อื นนั้ แหละพระองคท์ รงเป็นมาตรการทเ่ี ราอาจวางใจได้ เพราะเมอ่ื นนั้ แหละทพ่ี ระเป็น
เจา้ ทรงเปิดเผยพระองคโ์ ดยแทจ้ รงิ

จนถงึ บดั น้ี ในการทเ่ี ราพจิ ารณาถงึ สภาพของพระเยซูเจา้ การกลบั คนื พระชนม์ชพี เป็นเร่อื งสาคญั มาก พระ
เยซเู จา้ เพยี งแต่ทรงเคยอยใู่ นอดตี หรอื วา่ พระองคย์ งั คงทรงอยใู่ นปัจจบุ นั ดว้ ย – เรอ่ื งน้ขี น้ึ อยกู่ บั การกลบั คนื พระ
ชนมชพี เพ่อื จะตอบว่า “ใช่” หรอื “ไม่ใช่” ต่อคาถามน้ี เรามจี ุดยนื อยู่ไม่เพยี งบนเหตุการณ์เพยี งประการเดยี ว
จากเหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ แต่บนพระบุคคลของพระเยซเู จา้ อย่างทท่ี รงเป็น

ดงั นัน้ จงึ จาเป็นท่ตี ้องตงั้ ใจฟังเป็นพเิ ศษขณะท่พี นั ธสญั ญาใหม่เป็นพยานถงึ การกลบั คนื พระชนม์ชพี ถงึ
กระนนั้ ก่อนอ่นื หมดเราตอ้ งยอมรบั วา่ การเป็นพยานน้ี ถา้ พจิ ารณาจากมุมมองทางประวตั ศิ าสตร์ ปรากฏแก่เรา
ในรปู แบบทส่ี ลบั ซบั ซอ้ นจรงิ ๆ และกอ่ ใหเ้ กดิ คาถามหลายประการ

เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ๆ คอื อะไรแน่? ใชแ่ ลว้ สาหรบั พยานทไ่ี ดพ้ บองคพ์ ระเป็นเจา้ ทท่ี รงกลบั คนื พระชนม์
ชพี นัน้ ไม่เป็นการง่ายเลยท่จี ะพูด เขาเหล่านัน้ ได้เผชญิ หน้ากบั อะไรบางอย่างท่เี ป็นความจรงิ ใหม่เอย่ี มท่เี กนิ
ขอบเขตประสบการณ์ทเ่ี ขาเคยมี เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ไม่น้อยเขา้ มาหาเขาอย่างทว่ มทน้ และผลกั ดนั เขาใหเ้ ป็น
พยาน แต่กย็ งั เป็นอะไรทเ่ี ขาไม่เคยรมู้ าก่อนเลย นักบุญมาระโกบอกเราวา่ บรรดาศษิ ยเ์ ม่อื ลงมาจากภูเขาทพ่ี ระ
ครสิ ตเจา้ ทรงสาแดงพระองคอ์ ย่างรุ่งโรจน์รสู้ กึ ประหลาดใจทพ่ี ระเยซูเจา้ ตรัสว่าบุตรแห่งมนุษยจ์ ะต้อง “กลบั คนื
ชพี จากบรรดาผู้ตาย” เขาจงึ หารอื กนั ว่า “กลบั คนื ชพี จากบรรดาผู้ตาย” น้ีหมายความว่าอย่างไร (9: 9-10) และ
จรงิ ๆ แลว้ วลนี ้หี มายความวา่ อย่างไรแน่? บรรดาศษิ ยก์ ไ็ ม่รู้ เขาจะรไู้ ดก้ เ็ มอ่ื เขาเผชญิ ความเป็นจรงิ เทา่ นนั้

ใครๆ ทอ่ี ่านเรอ่ื งการกลบั คนื พระชนมช์ พี โดยเชอ่ื วา่ เขารวู้ ่าการกลบั คนื ชพี จากบรรดาผตู้ ายหมายความว่า
กระไรแลว้ จะเขา้ ใจผดิ อย่างแน่ๆ กบั การเล่าเรอ่ื งเหล่าน้ี แลว้ กจ็ ะไมย่ อมรบั เพราะเหน็ ว่าเป็นเร่อื งไรค้ วามหมาย
รดู อล์ฟ บุลต์มนั (Rudolf Bultmann) ไม่เหน็ ดว้ ยกบั ความเช่อื เร่อื งการกลบั คนื พระชนม์ชพี โดยใหเ้ หตุผลว่าแม้
พระเยซูเจา้ ทรงออกมาจากพระคหู าจรงิ เรากน็ ่าจะพดู วา่ “เหตกุ ารณ์ธรรมดาน่าอศั จรรย์ เช่นการกลบั คนื ชพี ของ
ผูต้ ายคนหน่ึง” ไม่น่าจะช่วยเราและไม่น่าจะมคี วามหมายอะไรสาหรบั ปัจจุบนั (เทยี บ New Testament and Mythology,

p.7)

บดั น้ีต้องยอมรบั ว่าถ้าในการกลับคนื พระชนมชพี ของพระเยซูเจา้ ท่เี รากาลงั พูดถงึ เป็นเร่อื งอศั จรรย์ทศ่ี พ
ผูต้ ายคนหน่ึงฟ้ืนขน้ึ มา เร่อื งน้ีในท่สี ุดแล้วก็คงไม่ใช่เร่อื งอะไรท่เี ราจะต้องไปสนใจ เพราะเหตุการณ์น้ีคงไม่มี
ความสาคญั อะไรมากกวา่ การฟ้ืนขน้ึ มาของคนหน่ึงทแ่ี พทยบ์ อกว่าตายไปแลว้ ตามหลกั วชิ าการแพทย์ และคงไม่

594

มอี ะไรเปล่ยี นแปลงสาหรบั โลกและความเป็นอยู่ของเราอย่างท่เี ป็นอยู่ อศั จรรย์ท่ศี พผู้ตายฟ้ืนข้นึ มาอกี คงจะ
แสดงวา่ การกลบั คนื พระชนมชพี ของพระเยซูเจา้ นนั้ เหมอื นกบั การทท่ี รงปลุกบุตรชายของหญงิ มา่ ยทเ่ี มอื งนาอนิ
ให้ฟ้ืนข้นึ มา (ลก. 7: 11-17) ปลุกบุตรสาวของไยรสั (มก. 5: 22-24, 35-43 และเร่อื งท่ีตรงกันใน มธ. และ ลก.) และการปลุก
ลาซารสั (ยน. 11: 1-44) หลงั จากช่วงเวลามากหรอื น้อย คนเหล่าน้ีได้กลบั ไปดาเนินชีวติ เหมือนแต่ก่อน แล้ว
หลงั จากนนั้ เมอ่ื ถงึ เวลากต็ ายไปโดยไม่ฟ้ืนขน้ึ มาอกี เลย

พยานยนื ยนั ต่างๆ ในพนั ธสญั ญาใหมบ่ อกใหเ้ ราทราบโดยไมม่ ขี อ้ สงสยั ว่าเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ เมอ่ื “บตุ รแหง่
มนุษยก์ ลบั คนื ชพี ” นัน้ แตกต่างไปโดยสน้ิ เชงิ การกลบั คนื พระชนม์ชพี ของพระเยซูเจา้ เป็นเรอ่ื งของการเขา้ ไปสู่
ชวี ติ ในรูปแบบใหม่ทงั้ หมด คอื เขา้ สู่ชวี ติ ท่ไี ม่อยู่ภายใต้กฎแห่งความตายและเปลย่ี นสภาพ แต่อยู่เลยไปอกี –
เป็นชวี ติ เปิดออกส่สู ภาพความเป็นอย่ขู องมนุษยท์ ม่ี มี ติ ใิ หม่ ดงั นัน้ การกลบั คนื พระชนม์ชพี ของพระเยซูเจา้ จงึ
ไม่ใช่เหตุการณ์โดดเดย่ี วทอ่ี าจถูกกนั ไวใ้ หจ้ ากดั อย่ใู นอดตี แต่เป็นเสมอื น “การพฒั นาแบบกา้ วกระโดด” (เป็นการ
กล่าวเป็นอุปมา แม้อาจจะเขา้ ใจผดิ ไดง้ ่ายก็ตาม) การกลบั คนื พระชนม์ชพี ของพระเยซูเจ้าอาจทาใหม้ นุษย์มคี วามเป็นอยู่
แบบใหมไ่ ด้ ความเป็นอยแู่ บบใหมน่ ้มี ผี ลต่อทุกคน และเปิดอนาคตแบบใหมไ่ วส้ าหรบั มนุษยชาติ

นักบุญเปาโลจงึ ทาถูกต้องทเี ดยี วทเ่ี ช่อื มการกลบั คนื ชพี ของครสิ ตชนกบั การกลบั คนื พระชนม์ชพี ของพระ
เยซูเจา้ อย่างทแ่ี ยกจากกนั ไม่ได้ “ถ้าผตู้ ายไม่กลบั คนื ชพี พระครสิ ตเจา้ กม็ ไิ ดท้ รงกลบั คนื พระชนม์ชพี ดว้ ย.......
แต่ความจรงิ พระครสิ ตเจา้ ทรงกลบั คนื พระชนม์ชพี จากบรรดาผตู้ ายเป็นผลแรกของบรรดาผลู้ ่วงลบั ไปแลว้ ” (1คร.
15: 16,20) นกั บุญเปาโลจงึ บอกเราวา่ การกลบั คนื พระชนม์ชพี ของพระครสิ ตเจา้ ถอื วา่ เป็นเหตุการณ์ทม่ี ผี ลต่อมวล
มนุษย์ หรอื มฉิ ะนัน้ กไ็ ม่เป็นอะไรเลย และถ้าเราเขา้ ใจว่าการกลบั คนื พระชนม์ชพี เป็นเหตุการณ์ทม่ี ผี ลต่อมวล
มนุษย์ เรากอ็ ยใู่ นแนวทางทจ่ี ะเขา้ ใจการยนื ยนั ทพ่ี นั ธสญั ญาใหม่กลา่ วถงึ การกลบั คนื พระชนม์ชพี ไดถ้ กู ตอ้ ง

บนพน้ื ฐานน้ีเราอาจเขา้ ใจลกั ษณะเฉพาะของการท่พี นั ธสญั ญาใหม่เป็นพยานยนื ยนั เช่นน้ีได้ พระเยซูเจา้
ไมไ่ ดท้ รงกลบั มามชี วี ติ ตามปรกตใิ นโลกน้อี กี เหมอื นกบั ลาซารสั และคนอ่นื ๆ ทพ่ี ระเยซูเจา้ ทรงปลกุ ใหก้ ลบั คนื ชพี
ขน้ึ มาอกี พระองคท์ รงเขา้ มามชี วี ติ ใหมท่ แ่ี ตกตา่ งออกไป – พระองคท์ รงเขา้ มาอยใู่ นความกวา้ งใหญ่ของพระเป็น
เจา้ และทรงเปิดเผยพระองคจ์ ากทน่ี นั่ ใหแ้ ก่ผตู้ ดิ ตาม

สาหรบั บรรดาศิษย์ด้วย เหตุการณ์น้ีเป็นอะไรท่ีอยู่เหนือความคาดหมายโดยส้นิ เชิง เขาจึงปรบั ตัวกับ
เหตุการณ์น้ีไดอ้ ย่างชกั ชา้ เท่านนั้ ความเช่อื ของชาวยวิ รถู้ งึ การกลบั คนื ชพี ของผตู้ ายในกาลเวลายุคสุดทา้ ย ชวี ติ
ใหมเ่ ชอ่ื มตดิ อย่กู บั การทโ่ี ลกใหม่แทรกเขา้ มาทาใหท้ ุกสงิ่ มคี วามหมายสมบูรณ์ ถา้ มโี ลกใหม่ กจ็ ะมชี วี ติ แบบใหม่
ทน่ี นั่ ดว้ ย แต่การกลบั คนื ชพี เขา้ มาในความแตกต่างของยุคสุดทา้ ยในขณะทโ่ี ลกเก่ายงั คงดาเนินอย่ตู ่อไปน้ีเป็น
เร่อื งท่ไี ม่มผี ูใ้ ดคาดคดิ มาก่อน และเพราะฉะนัน้ ท่แี รกจงึ ไรค้ วามหมาย ดงั นัน้ เม่อื เรม่ิ แรกพระสญั ญาเร่อื งการ
กลบั คนื ชพี จงึ ยงั เป็นเรอ่ื งทบ่ี รรดาศษิ ยไ์ มอ่ าจเขา้ ใจได้

กระบวนการเขา้ มารบั ความเช่อื เร่อื งการกลบั คนื พระชนม์ชพี ก็คล้ายกบั การท่ีเราได้เห็นในกรณีเร่อื งไม้
กางเขน ไม่มใี ครเคยคดิ ถงึ พระเมสสยิ าห์ท่ถี ูกตรงึ บนไมก้ างเขน บดั น้ี “เหตุการณ์นัน้ ” ได้อยู่ตรงนัน้ และจาก
เหตุการณ์น้ีจงึ จาเป็นจะตอ้ งพจิ ารณาดพู ระคมั ภรี อ์ กี ครงั้ หน่ึงดว้ ย เราไดเ้ หน็ ในบททแ่ี ลว้ วา่ พระคมั ภรี ไ์ ดท้ าใหเ้ รา
มีมุมมองใหม่โดยพิจารณาเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนโดยไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน และ “เหตุการณ์นั้น” จะเร่ิมมี
ความหมายได้อย่างไร ใช่แล้ว การอ่านพระคมั ภีรใ์ นแบบใหม่อาจเรมิ่ ข้นึ ได้หลงั จากการกลบั คนื พระชนม์ชพี

595

เท่านัน้ ทุกคนจงึ ยอมรบั ว่าพระเยซูเจา้ ทรงเป็นผทู้ ่พี ระเป็นเจา้ ทรงส่งมา บดั น้ีทุกคนต้องคน้ ควา้ พระคมั ภรี เ์ พ่อื
เขา้ ใจทงั้ เรอ่ื งไมก้ างเขนและการกลบั คนื พระชนมชพี เพอ่ื จะเขา้ ใจทงั้ สองเรอ่ื งน้ีในแนวใหม่ และดงั น้ีจะไดเ้ ขา้ มา
เชอ่ื ในพระเยซูเจา้ ในฐานะทท่ี รงเป็นพระบุตรของพระเป็นเจา้

น่ียงั สอ่ ใหเ้ หน็ ว่าสาหรบั บรรดาศษิ ยแ์ ลว้ การกลบั คนื พระชนม์ชพี เป็นเรอ่ื งจรงิ เหมอื นเร่อื งไมก้ างเขน สอ่ ให้
เหน็ วา่ เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ น้ีทาใหเ้ ขาทาอะไรไม่ถูกจนวา่ ทแี รกเขารสู้ กึ ทงั้ ลงั เลและประหลาดใจ แต่แลว้ เขาก็
ไม่อาจปฏเิ สธไดว้ ่าเหตุการณ์น้ีไดเ้ กดิ ขน้ึ จรงิ ๆ เป็นพระองคจ์ รงิ ๆ พระองคย์ งั ทรงพระชนมอ์ ย่แู ละตรสั กบั พวก
เขา พระองคท์ รงอนุญาตใหเ้ ราสมั ผสั พระองคไ์ ด้ แมว้ ่าพระองคไ์ ม่ทรงอย่ใู นขอบเขตของส่ิงทส่ี มั ผสั ไดโ้ ดยวธิ ที ่ี
เคยสมั ผสั ตามปรกติ

สภาพการณ์ทด่ี เู หมอื นจะขดั แยง้ กนั น้ีไม่อาจบรรยายได้ พระองคท์ รงแตกต่างจากทท่ี รงเคยเป็นโดยสน้ิ เชงิ
ไม่ทรงเป็นเพยี งศพผตู้ ายทฟ่ี ้ืนขน้ึ มา แต่เป็นผทู้ รงชวี ติ ใหม่และคงอย่ตู ลอดไปในพระอานุภาพของพระเป็นเจา้
ถงึ กระนัน้ ในเวลาเดียวกนั แม้พระองค์ไม่ทรงเป็นของโลกของเราอกี ต่อไป พระองค์ก็ยงั ทรงอยู่ในโลก เป็น
พระองคจ์ รงิ ๆ ประสบการณ์น้ีเป็นกรณพี เิ ศษสดุ ทท่ี าลายขอบเขตของประสบการณ์ตามปรกติ แต่สาหรบั บรรดา
ศษิ ย์แล้วเป็นประสบการณ์จรงิ โดยไม่ต้องสงสยั สภาพเช่นน้ีอธิบายลกั ษณะเฉพาะตัวของการเล่าเร่อื งการ
กลบั คนื พระชนมชพี เร่อื งเล่าเหล่าน้ีพดู ถงึ อะไรบางอย่างทด่ี เู หมอื นจะขดั แยง้ กนั เอง กล่าวถงี บางสง่ิ บางอย่างท่ี
อยเู่ หนอื ประสบการณ์ ถงึ กระนนั้ เรอ่ื งทเ่ี ล่าน้ีกเ็ ป็นเหตกุ ารณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ๆ และเป็นปัจจุบนั

แต่ประสบการณ์น้ีเป็นจรงิ ไดห้ รอื ? พวกเรา – ในฐานะคนในโลกปัจจุบนั – อาจเช่อื คายนื ยนื เช่นน้ีไดห้ รอื ?
ความคดิ ของคนในยุค “เรอื งปัญญา” (Enlightened) คงต้องบอกปฏิเสธ เช่นสาหรบั เกิร์ด ลดึ เดอมนั (Gerd
Ludemann) ดูเหมอื นชดั เจนว่าผลจาก “การปฏวิ ตั ใิ นเร่อื งภาพทางวทิ ยาศาสตรเ์ ก่ยี วกบั โลก.....ความคดิ ท่เี คย
ยดึ ถอื กนั มาเร่อื งการกลบั คนื พระชนม์ชพี ของพระเยซูเจา้ ต้องถอื ว่าลา้ สมยั ไปแลว้ ” (ขอ้ ความท่ถี ูกอ้างถงึ ในหนังสอื ของ
Wickens, Theologie des Neuen Testament 1/2, pp 119-20) แต่ “ภาพทางวทิ ยาศาสตรข์ องโลก” น้ีคอื อะไรแน่? เราจะยดึ ถอื
ภาพน้ีเป็นแนวคดิ ไดถ้ งึ ไหน? ฮารต์ มุต เกเซ (Hartmut Gese) ไดพ้ ยายามอย่างยง่ิ ทจ่ี ะบรรยายถงึ ขอบเขตของ
การใชเ้ ร่อื งน้ีเป็นแนวคดิ ในบทความสาคญั ของเขา “Die Frage des Weltbildes” (คาถามถงึ เร่อื งภาพของโลก)
ขา้ พเจา้ ใครจ่ ะเชญิ ชวนใหพ้ จิ ารณาถงึ บทความน้ดี ว้ ย

โดยธรรมชาตแิ ลว้ ขอ้ มูลทช่ี ดั เจนทางวชิ าการตอ้ งไม่ขดั แยง้ กนั แน่นอน เร่อื งเล่าถงึ การกลบั คนื พระชนม์
ชพี กล่าวถงึ อะไรบางอย่างท่อี ยู่นอกโลกประสบการณ์ของเรา เร่อื งเล่าเหล่าน้ีพูดถงึ อะไรบางอย่างท่ใี หม่ อะไร
บางอย่างทไ่ี ม่เคยมมี าก่อน – เปิดเผยมติ ใิ หม่ของความเป็นจรงิ ไม่มใี ครตงั้ ปัญหาถามถงึ สง่ิ ทม่ี อี ย่แู ลว้ แต่ทว่า
เราถูกบอกว่าเกดิ มมี ติ ใิ หม่ขน้ึ ซง่ึ อย่เู ลยความรทู้ เ่ี ราเคยมี เรอ่ื งน้ีขดั แยง้ กบั วทิ ยาศาสตรห์ รอื ไม?่ มแี ต่สงิ่ ทเ่ึ คยมี
อยแู่ ลว้ เทา่ นนั้ จะมอี ยจู่ รงิ ไดก้ ระนนั้ หรอื ? อะไรบางอย่างทไ่ี ม่เคยคาดฝัน อะไรบางอยา่ งทค่ี าดคดิ ไมถ่ งึ อะไรใหม่
จะมอี ย่ไู ม่ไดห้ รอื ? ถา้ พระเป็นเจา้ มอี ยจู่ รงิ พระองคจ์ ะทรงเนรมติ สรา้ งความเป็นอย่ขู องมนุษยใ์ นมติ ใิ หม่ มติ ใิ หม่
ลว้ นๆ ของความเป็นจรงิ ไม่ไดเ้ ทยี วหรอื ? สงิ่ สรา้ งในปัจจุบนั ไม่ไดก้ าลงั รอคอย “ก้าวกระโดดแห่งววิ ฒั นาการ”
กา้ วสดุ ทา้ ยและสงู สุด เพอ่ื จะรวมความเป็นจรงิ ทม่ี ขี อบเขตกบั ความเป็นจรงิ ทไ่ี รข้ อบเขต รวมมนุษยก์ บั พระเป็น
เจา้ เพอ่ื พชิ ติ ความตายดอกหรอื ?

596

ตลอดประวตั ิศาสตร์ของสงิ่ มีชีวติ ทงั้ หลาย จุดเรม่ิ ต้นของสงิ่ ใหม่ใดๆ ไม่ว่า มกั จะเล็กมากและเราอาจ
มองเหน็ ไม่ไดด้ ว้ ย จงึ มกั ถูกมองขา้ มไปงา่ ยๆ องคพ์ ระผเู้ ป็นเจา้ เองกท็ รงบอกพวกเราว่า “อาณาจกั รสวรรค”์ ใน
โลกน้ีเป็นเหมอื นกบั เมลด็ มสั ตารด์ ทเ่ี ลก็ กว่าเมลด็ ทงั้ หลาย (มธ. 13: 31-32) แต่กระนัน้ กบ็ รรจุพลงั สาหรบ้ ขอบเขต
ของพระเป็นเจ้าไว้ภายใน ในบรบิ ทของประวตั ิศาสตร์โลก การกลบั คนื พระชนมชพี ของพระเยซูเจ้าไม่น่าจะ
เป็นไปได้ เพราะเป็นเมลด็ มสั ตารด์ เลก็ ทส่ี ดุ ของประวตั ศิ าสตร์

การกลบั ตาลปัตรอตั ราส่วนเช่นน้ีเป็นธรรมล้าลกึ ประการหน่ึงของพระเป็นเจา้ ผยู้ ง่ิ ใหญ่ – ผทู้ รงอานาจ –
ในทส่ี ดุ แลว้ เป็นผเู้ ลก็ น้อย และเมลด็ มสั ตารด์ เลก็ ๆ เป็นอะไรทย่ี งิ่ ใหญ่จรงิ ๆ ดงั นนั้ การกลบั คนื พระชนม์ชพี จรงิ จงึ
เขา้ มาในโลกโดยการปรากฏมาอย่างลกึ ลบั แก่ผู้ได้รบั เลอื กสรรบางคน แต่เหตุการณ์น้ีก็ยงั เป็นจุดเรมิ่ ต้นใหม่
จรงิ ๆ ทโ่ี ลกกาลงั รอคอยอย่อู ย่างเงยี บๆ และสาหรบั พยานไมก่ ค่ี นน้ี – นนั่ กเ็ พราะเขาเหลา่ น้กี ไ็ ม่อาจหยงั่ รเู้ รอ่ื งน้ี
ได้ – เหตุการณ์น้ีก็ได้เกิดข้ึนจริงอย่างเหนือความคาดหมาย เข้ามาเผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างทรงพลัง
จนกระทงั่ ว่าความสงสยั ทงั้ หลายถูกขจดั ออกไป และเขากก็ า้ วออกมาเผชญิ หน้ากบั โลกเพ่อื เป็นพยานโดยไม่มี
ความกลวั ใดๆ ทงั้ สน้ิ วา่ “พระครสิ ตเจา้ ทรงกลบั คนื พระชนม์ชพี แลว้ จรงิ ๆ”

597


Click to View FlipBook Version