The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตรวจงานแปลมัทธิว 24

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by P. Tads, 2021-06-08 08:54:34

23. มัทธิว 24:1-25:46

ตรวจงานแปลมัทธิว 24

มทั ธวิ 24:1-25:46 การพพิ ากษาทก่ี าลงั จะมาถงึ : สว่ นทต่ี รสั กบั บรรดาศษิ ย์
มทั ธวิ 24:1-3 คาพยากรณ์ของพระเยซูเจา้ คาถามของบรรดาศษิ ย์

1 ขณะท่พี ระเยซูเจา้ ทรงออกจากพระวหิ าร บรรดาศษิ ย์เขา้ มาใกล้ ช้ใี ห้พระองค์ทอดพระเนตรอาคารต่างๆ ของพระ
วหิ าร 2 พระองคต์ รสั แก่เขาว่า “ท่านทงั้ หลายเหน็ สงิ่ เหล่าน้ีไหม เราบอกความจรงิ แก่ท่านว่า จะไมม่ กี อ้ นหนิ เหลอื ซอ้ น
กนั อยู่เลย ทุกสง่ิ จะถูกทาลาย” 3 เม่อื พระองค์ประทบั บนภูเขามะกอกเทศ บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้า ทูลถามเป็นการ
ส่วนตวั ว่า “โปรดบอกเราเถดิ ว่า เหตุการณ์เหล่าน้ีจะเกดิ ขน้ึ เม่อื ใด และจะมเี คร่อื งหมายใดบอกใหร้ ถู้ งึ การเสดจ็ มาของ
พระองค2์ และการสน้ิ พภิ พ”

ข้อศกึ ษาวิพากษ์
24:1-2 คอื ตอนทน่ี กั บุญมทั ธวิ นา มก. 13:1 มาเขยี นใหม่ โดยใหก้ ารเสดจ็ ออกจากพระวหิ ารของ

พระเยซูเจา้ ได้รบั การกล่าวถงึ อย่างไม่สลกั สาคญั และมีศษิ ย์เพยี งคนเดยี วท่ชี ้ใี ห้เหน็ ถงึ ความยงิ่ ใหญ่
ตระการตาของพระวหิ าร ทาใหเ้ กดิ เป็นฉากเหตุการณ์ทพ่ี ระเยซูเจา้ เสดจ็ จากไปโดยเจตนา และศษิ ยท์ ุก
คนได้ตอบสนองต่อการกระทานัน้ พระเยซูเจ้าทรงอยู่ในลานพระวหิ ารตงั้ แต่ 21:23 เม่อื พระองค์เสดจ็
จากไปกเ็ ป็นเหมอื นการกระทาเชงิ สญั ลกั ษณ์ของประกาศกชาวอสิ ราเอล ซ่งึ เป็ นการเพมิ่ ความเขม้ ขน้
ใหก้ บั คาประกาศของพระองคใ์ น 23:38 เช่นเดยี วกบั “พระสริ ริ งุ่ โรจน์ของพระเป็นเจา้ ” ซง่ึ เป็นสญั ลกั ษณ์
ในการประทบั อย่ขู องพระเป็นเจา้ ในพระวหิ ารเยรซู าเลม็ เสดจ็ จากพระวหิ ารไปอย่างแทจ้ รงิ ก่อนทม่ี นั จะ
ถกู ทาลายและทรง “พกั ” (Rested) อยบู่ นภเู ขามะกอกเทศก่อนทจ่ี ะเขา้ สเู่ ขตแดนของคนต่างศาสนา พระ
เยซูเจา้ ผทู้ รงเป็นสญั ลกั ษณ์ท่แี ทจ้ รงิ ของการประทบั อย่ขู องพระเป็นเจา้ (1:23) ไดเ้ สดจ็ จากพระวหิ ารไป
อย่างเป็นทางการเป็นครงั้ สุดท้าย การจากไปของพระเยซูเจ้าเร่งให้เกดิ การตดั สนิ ใจของ “ฝงู ชนและ
บรรดาศษิ ย์” ซ่งึ ไดร้ บั ฟังสงิ่ ท่ีเกดิ ขน้ึ มาตลอด (23:1) มเี พยี งแต่บรรดาศษิ ย์เท่านัน้ ทต่ี ดิ ตามพระเยซูเจ้า
ออกจากพระวหิ ารท่ถี ูกสาปแช่ง ส่วนฝงู ชนจะปรากฏขน้ึ อกี ครงั้ ในฉากเหตุการณ์คอื การจบั กุมพระเยซู
เจา้ (26:47) ขณะน้ี เป็นเหมอื นลกู เตา๋ ถูกโยนเรยี บรอ้ ยแลว้

พระเยซูเจ้าไม่ทรงปฏเิ สธความน่าประทบั ใจของสถาปัตยกรรมสมยั กษตั รยิ เ์ ฮโรดท่อี ยู่ในพระ
วหิ าร ซ่งึ เรายงั เหน็ ซากท่เี หลอื ของมนั ได้ท่ฐี านของภูเขาพระวหิ าร (Temple Mount) ซ่งึ ส่วนหน่ึงของ
ภูเขานัน้ เป็น “กาแพงรอ้ งไห้” (Wailing Wall) นักบุญมทั ธวิ เพม่ิ ความหนักแน่นจรงิ จงั ใหก้ บั คาทานาย
ของพระเยซูเจ้าเก่ียวกบั การท่ีพระวหิ ารจะถูกทาลายด้วยคาประกาศท่ีเน้นย้าความถูกต้อง (Amen
Announcement) (ดู 5:18)

24:3 พระเยซูเจ้าทรงละท้ิงพระวิหารและเมืองใหญ่ ในท่ีน้ีเป็นอีกครงั้ หน่ึงท่ีนักบุญมัทธิว
เปล่ยี นแปลงเน้ือหาจากพระวรสารนักบุญมาระโก ซ่งึ แต่เดมิ นัน้ มเี พยี งแต่อคั รสาวกสค่ี นท่ีได้ยนิ วาท
กรรมสุดทา้ ยของพระเยซูเจา้ แต่ในทน่ี ้ี ศษิ ยท์ ุกคนยงั คงฟังพระเยซูเจา้ ตรสั ตอ่ ไป โดยไม่มฝี งู ชนอยดู่ ว้ ย
มเี พยี งแต่บรรดาศษิ ยเ์ ท่านนั้ นกั บุญมาระโกแยกอคั รสาวก 4 คนออกจากคนอ่นื ๆ แต่นกั บุญมทั ธวิ แยก

509

บรรดาศษิ ยอ์ อกมาจากฝงู ชน เช่นเดยี วกบั ในวาทกรรมอนั ยงิ่ ใหญ่ของพระวรสารน้ี (5: 1-7: 29) พระเยซูเจา้
ทรงประทบั อยู่บนภูเขา (ซ่งึ เป็นการประทบั นัง่ เพ่อื เทศนาสงั่ สอน ดู ขอ้ ศกึ ษาวพิ ากษ์ เก่ยี วกบั 5: 1) แต่ครงั้ น้ีเป็นภูเขา
มะกอกเทศ ซ่ึงมหี ลายสงิ่ ท่ีส่อื เป็นนัยถึงเหตุการณ์วนั พิพากษาโลก (Eschatological Connotations)
(ศคย. 14:4) แตกต่างจากพระวรสารนักบุญมาระโก พระเยซูเจา้ และบรรดาศษิ ย์ไม่หวนมองกลบั ไปทพ่ี ระ
วหิ ารอกี ตอนน้มี นั ถกู ทง้ิ ไวเ้ บอ้ื งหลงั อย่างแทจ้ รงิ แลว้ (12:6)

ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ คาถามของบรรดาศษิ ย์นัน้ มลี กั ษณะเก่ยี วขอ้ งกบั วนั พพิ ากษาโลก
อย่างเหน็ ได้ชดั ภาพท่แี สดงออกมาคอื พวกเขาเขา้ ใจคาสอนเก่ยี วกบั การเสดจ็ กลบั มาครงั้ ท่สี องของ
พระครสิ ต์อยู่แล้ว แมว้ ่าในจุดอ่นื พวกเขาดูจะประสบความยากลาบากในการทาความเขา้ ใจเร่อื งการ
กลบั คนื ชพี จากความตาย (16:21-22; 26:56-28:17) ถงึ แมว้ ่าคาถามของพวกเขาจะมกี ารแยกแยะระหว่างการ
ทาลายพระวหิ าร (ซง่ึ เกดิ ขน้ึ ในอดตี 20 ปีก่อนสมยั นักบุญมทั ธวิ และผอู้ ่านของท่าน) กบั เหตุการณ์การเสดจ็ กลบั มาของ
พระครสิ ต์ ท่ีมองว่าสองอย่างน้ีจดั อยู่ในหมวดของเหตุการณ์ประเภทเดียวกันและอยู่ในกรอบเวลา
เดยี วกนั (ดู ขอ้ คดิ ไตรต่ รอง 25:31-46 เกย่ี วกบั การตคี วามลาดบั เวลาทผ่ี ดิ พลาดในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ ) คาถามเกย่ี วกบั วนั
พพิ ากษาโลกไม่ไดถ้ ูกปฏเิ สธ (เหมอื นใน กจ. 1:6-8) ในพระวรสารนักบุญมทั ธวิ คาถามเกย่ี วกบั เคร่อื งหมาย
สาคญั ท่ีเห็นได้ชดั ว่าเช่อื มโยงกบั การเสดจ็ กลบั มาครงั้ ท่สี องของพระครสิ ต์ จะมอี ทิ ธพิ ลต่อวาทกรรม
ต่อมาและไดร้ บั คาตอบอย่างเปิดเผยชดั เจนในส่วนท่นี ักบุญมทั ธวิ เตมิ ลงไปคอื 24:30 ซง่ึ เร่อื งน้ีปรากฏ
ขน้ึ อกี ครงั้ ตน้ ฉบบั ทเ่ี ป็นภาษากรกี ไดน้ า “การเสดจ็ กลบั มาครงั้ ทส่ี อง” กบั “กาลอวสานโลก” มารวมเป็น
อนั เดียวกนั โดยใช้คานาหน้านาม (Article) คาเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าต้องการหมายถึงเหตุการณ์
เดยี วกนั

คาตอบของนักบุญมทั ธวิ เกย่ี วกบั เวลาของการเสดจ็ กลบั มาครงั้ ทส่ี องนัน้ มลี กั ษณะเป็นสองชนั้
ทา่ นนา “การเผยแสดงขนาดเลก็ ” (Little Apocalypse) จากพระวรสารนกั บุญมาระโก (ดู มก. 13) มารวมไว้
ใน 24:4-31 โดยมกี ารเปลย่ี นแปลงเพยี งเลก็ น้อย แลว้ ขยายเพมิ่ ขน้ึ ดว้ ยคาตกั เตอื นทเ่ี ป็นอุปมาทัง้ หมด
7 เร่อื ง เพ่อื สนับสนุนใหท้ ุกคนเฝ้าระวงั จนกว่าจะถงึ เวลาการเสดจ็ กลบั มาของพระเยซูเจา้ ในฐานะบุตร
แห่งมนุษย์ (ดู ขอ้ คดิ ไตรต่ รอง 25:31-46)

มทั ธวิ 24:4-31 “การเผยแสดงขนาดเลก็ ”

ความทุกขเ์ ร่ิมต้น
4 พระเยซเู จา้ ตรสั ตอบวา่ “จงระวงั อยา่ ใหใ้ ครหลอกลวงท่านได้ 5 หลายคนจะอา้ งนามของเรา กลา่ ววา่ ‘ขา้ พเจา้ เป็นพระ
ครสิ ต์’ และจะหลอกลวงคนจานวนมากให้หลงผิด 6 ท่านทงั้ หลายจะได้ยนิ ข่าวลือเร่อื งสงครามทงั้ ใกล้และไกล จง
ระมดั ระวงั อย่าตกใจ เหตุการณ์เหลา่ น้ีจาเป็นตอ้ งเกดิ ขน้ึ แตย่ งั ไมถ่ งึ วาระสุดทา้ ย 7 ชนชาตหิ น่ึงจะลกุ ขน้ึ ตอ่ สกู้ บั อกี ชน

510

ชาติหน่ึง อาณาจกั รหน่ึงจะลุกข้นึ ต่อสู้กับอีกอาณาจกั รหน่ึง ความอดอยากและแผ่นดินไหวจะเกิดข้นึ หลายแห่ง 8
ทงั้ หมดน้ีจะเปรยี บเหมอื นความทุกขท์ เ่ี รมิ่ ตน้ ในการคลอดบตุ ร
9 “ต่อจากนัน้ ท่านจะถูกจบั ไปทรมานและถูกประหาร ชนทุกชาติจะเกลยี ดชงั ท่านเพราะนามของเรา 10 ในเวลานัน้
หลายคนจะละท้งิ ความเช่อื จะทรยศและเกลยี ดชงั กนั 11 ประกาศกเทยี มจานวนมากจะตอ้ งเกดิ และจะหลอกลวงคน
มากมาย 12 เพราะความอธรรมจะเพมิ่ มากขน้ึ ความรกั ของคนจานวนมากจะเยน็ ลง 13 แต่ผูใ้ ดยนื หยดั อยู่จนถงึ วาระ
สดุ ทา้ ย ผนู้ ัน้ กจ็ ะรอดพน้ 14 “ข่าวดเี รอ่ื งพระอาณาจกั รน้ีจะประกาศไปทวั่ โลก เพ่อื เป็นพยานสาหรบั นานาชาติ เม่อื นัน้
วาระสุดทา้ ยจะมาถงึ
ความทกุ ขเวทนาอย่างใหญ่หลวงของกรงุ เยรซู าเลม็

15 “เม่อื ใดท่ที ่านทงั้ หลายเหน็ ผูท้ าลายท่นี ่ารงั เกยี จยนื อยู่ในสถานท่ศี กั ดสิ์ ทิ ธิ์ ตามท่ปี ระกาศกดาเนียลได้กล่าวไว้ 16
เม่อื นัน้ ผทู้ อ่ี ยู่ในแควน้ ยเู ดยี จงหนีไปยงั ภูเขา 17 ผทู้ อ่ี ยู่บนดาดฟ้ากอ็ ย่าลงมาเกบ็ ขา้ วของในบา้ น 18 ผทู้ อ่ี ย่ใู นทุ่งนาจง
อย่ากลบั ไปเอาเสอ้ื คลุมทบ่ี า้ น 19 น่าสงสารหญงิ มคี รรภ์และหญงิ แม่ลกู อ่อนในวนั นัน้ 20 จงอธษิ ฐานภาวนาอยา่ ใหท้ ่าน
ต้องหนีในฤดูหนาว หรอื ในวนั สบั บาโต 21 เพราะในเวลานัน้ จะมที ุกขเวทนาใหญ่หลวงอย่างทไี่ ม่เคยมตี งั้ แต่พระเจา้
ทรงสรา้ งโลก จนบดั น้ี และจะไมม่ ตี ่อไปอกี เลย 22 ถา้ พระเจา้ มไิ ดท้ รงใหว้ นั เหล่านนั้ สนั้ ลง เพราะทรงเหน็ แก่ผทู้ พ่ี ระองค์
ทรงเลอื กสรรไว้ 23 “เวลานนั้ ถา้ ผใู้ ดบอกท่านว่า “พระครสิ ตอ์ ย่ทู น่ี ่ี” หรอื “พระครสิ ตอ์ ย่ทู น่ี นั่ ” จงอย่าเชอ่ื 24 เพราะจะมี
พระครสิ ตเ์ ทยี ม และประกาศกเทยี มหลายคนเกดิ ขน้ึ จะทาเคร่อื งหมายและปาฏหิ ารยิ ย์ ง่ิ ใหญ่ ถา้ เป็นไปไดจ้ ะหลอกลวง
แมแ้ ต่ผทู้ พ่ี ระเจา้ ทรงเลอื กสรรไว้ 25 ทา่ นทงั้ หลายจงฟังเถดิ เราไดก้ ลา่ วถงึ เหตุการณ์น้ีใหฟ้ ังไวก้ อ่ นแลว้
การเสดจ็ มาของบุตรแห่งมนุษย์ 26 “เพราะฉะนัน้ ถา้ ใครบอกท่านว่า ‘ดูซิ พระครสิ ต์อยู่ในถนิ่ ทุรกนั ดาร’ ท่านอย่าไปท่ี
นนั่ ถา้ ผใู้ ดบอกวา่ ‘ดซู ิ พระครสิ ตซ์ ่อนอย่ทู น่ี ่ี’ ท่านกอ็ ยา่ เชอ่ื 27 สายฟ้าแลบจากทศิ ตะวนั ออกถงึ ทศิ ตะวนั ตกฉนั ใดบุตร
แหง่ มนุษยก์ จ็ ะเสดจ็ มาฉนั นนั้ 28 ทใ่ี ดมซี ากศพ ทน่ี นั่ บรรดาแรง้ กากจ็ ะมาชุมนุมกนั
การเสดจ็ มาของบตุ รแห่งมนุษยม์ ีความหมายสาหรบั ทุกคน
29 “เม่อื ความทุกขเวทนาในวนั เหล่านัน้ ผ่านพน้ ไปแลว้ ดวงอาทติ ย์จะมดื ทนั ที ดวงจนั ทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวจะตก
จากทอ้ งฟ้า และอานุภาพบนทอ้ งฟ้าจะสนั่ สะเทอื น 30 เวลานัน้ เคร่อื งหมายของบุตรแห่งมนุษย์จะปรากฏบนทอ้ งฟ้า
มนุษยท์ ุกเผ่าพนั ธุบ์ นแผน่ ดนิ จะขอ้ นอก และจะเหน็ บุตรแหง่ มนุษยเ์ สดจ็ มาในเมฆบนทอ้ งฟ้า ทรงพระอานุภาพและพระ
สริ ริ ุ่งโรจน์อนั ยงิ่ ใหญ่ 31 พระองค์จะทรงใช้บรรดาทูตสวรรค์ให้เป่ าแตรเสยี งดงั รวบรวมผูท้ ่ที รงเลอื กสรรจากทงั้ สท่ี ศิ
จากปลายหน่ึงจนถงึ ปลายดา้ นอกี หน่ึงของทอ้ งฟ้า

ข้อศกึ ษาวิพากษ์

แหล่งท่ีมาของข้อมูลท่ีนักบุญมัทธิวใช้แต่ละแห่งมีส่วนท่ีเป็ นการเผยแสดง (Apocalyptic
Section) ท่มี จี ุดสาคญั สูงสุดอยู่ท่กี ารเสดจ็ มาของบุตรแห่งมนุษย์ (มก. 13:5-37; Q = ลก. 17:22-37; 18:18) แต่
พวกเขาใชจ้ นิ ตภาพทแ่ี ตกต่างกนั ออกไป และมมี มุ มองทแ่ี ตกตา่ งเกย่ี วกบั ความเชอ่ื มโยงระหวา่ ง “หมาย
สาคญั ” (Signs) กบั การเสด็จกลบั มาครงั้ ท่สี องของพระครสิ ต์ การเผยแสดงในพระวรสารของนักบุญ
มาระโกทานายถงึ หมายสาคญั ทเ่ี หน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจนซง่ึ ผเู้ ชอ่ื ทม่ี วี จิ ารณญาณแยกแยะจะสามารถจดจาได้
และจะสามารถกาหนดได้ว่าตนกาลังอยู่ในจุดใดของตารางเวลาแห่งการเผยแสดง (Apocalyptic
Timetable) ในทางตรงขา้ ม ภาพของการเผยแสดงเหตุการณ์เสดจ็ กลบั มาครงั้ ทส่ี องในเอกสารแหล่ง Q
เกดิ ขน้ึ อย่างทนั ทที นั ใดโดยปราศจากสญั ญาณเตอื น นักบุญมทั ธวิ นาขอ้ มูลน้ีและขอ้ มูลจากทอ่ี ่นื ๆ มา
รวมกนั เป็นวาทกรรมขนาดใหญ่ ถงึ แม้ว่าท่านจะนา “การเผยแสดงขนาดเลก็ ” จากพระวรสารนักบุญ
มาระโกทงั้ หมดไปรวมกบั การเผยแสดงจากเอกสารแหล่ง Q แต่ในทางครสิ ตศาสตร์แล้วท่านทาให้

511

มุมมองแบบ “มหี มายสาคญั ” ในพระวรสารนักบุญมาระโกเป็นรองจากมุมมองแบบ “ไม่มหี มายสาคญั ”
ในเอกสารแหล่ง Q ซ่ึงท่านรบั มาเป็นมุมมองของท่านเอง นักบุญมทั ธวิ ไม่สนใจท่จี ะส่งเสรมิ ให้มกี าร
คาดการณ์ถงึ “หมายสาคญั ” แต่ท่านต้องการใหช้ ุมชนของท่านพรอ้ มเสมอท่จี ะพบกบั การเสดจ็ กลบั มา
ของบตุ รแหง่ มนุษยเ์ มอ่ื ใดกต็ ามทเ่ี หตกุ ารณ์น้เี กดิ ขน้ึ

“การเผยแสดงขนาดเล็ก” ในพระวรสารของนักบุญมาระโกมโี ครงสรา้ งท่แี บ่งออกเป็ น 3 องค์
แบบชัว่ คราว (1) องค์แรก มีลักษณะท่ีเป็นสงคราม ความอดอยาก และแผ่นดินไหว ซ่ึงยังไม่ใช่
เคร่อื งหมายสาคญั ทบ่ี ่งบอกถงึ กาลอวสานโลก (2) องคส์ อง ช่วงระยะเวลาท่ปี ระชากรผสู้ ตั ยซ์ ่อื ต่อพระ
เป็นเจา้ ตอ้ งประสบความทุกขย์ ากลาบาก เป็น “ความวปิ โยค” (Tribulation) ทเ่ี กดิ ขน้ึ ก่อน (3) องคส์ าม
การเสดจ็ กลบั มาของบุตรแห่งมนุษย์ นกั บุญมทั ธวิ ไม่เพยี งแต่รกั ษาโครงสรา้ งแบบสามชนั้ ไวเ้ ท่านนั้ แต่
ยงั ทาใหร้ ดั กมุ และขยายความเพมิ่ ขน้ึ ดว้ ย

1. มธ. 24:4-8 คือจุดเรมิ่ ต้นของการเจ็บท้องคลอด ได้แก่สงคราม การขาดแคลนอาหาร และ
แผ่นดนิ ไหว ซ่งึ เป็นภาพท่ีคุ้นเคยเก่ยี วกบั คาพยากรณ์ท่เี ป็นการเผยแสดงถงึ ความหายนะในอนาคต
(ดนล. 2:28-29; 11:44; 4อสร. 9:3-4; 13:30-32; บรค. 27:6-7) การเผยแสดงขนาดเลก็ จากพระวรสารนกั บุญมาระโกได้
เตือนไว้ว่าโศกนาฏกรรมในประวตั ิศาสตร์เหล่าน้ีไม่ใช่สญั ญาณท่ีบ่งบอกว่ากาลอวสานจะมาถึงใน
ทนั ทที นั ใด แต่เป็นการสง่ สญั ญาณวา่ ถงึ ชว่ งระยะเวลายคุ สดุ ทา้ ยของประวตั ศิ าสตร์ น่คี อื ความหมายของ
คาว่า “การเจบ็ ท้องคลอด” ซ่ึงเป็นคาเปรยี บเทียบท่นี ิยมใช้กนั มาในแนวคดิ ท่เี ก่ียวกบั การทานายถึง
หายนะ กล่าวคอื โลกแห่งการเมอื งและโลกธรรมชาติกาลงั เขา้ สู่ช่วงระยะเวลาแห่งความทุกข์ทรมาน
ก่อนท่พี ระเมสสยิ าห์จะเสด็จมา สาหรบั นักบุญมทั ธวิ สง่ิ น้ีคอื คาบรรยายถึงยุคสงครามปี 66-70 และ
เหตุการณ์ต่างๆ ท่นี าไปสู่สงครามนัน้ เม่อื มองยอ้ นไปถงึ ยุคนัน้ ผ่านมุมมองแบบ “การเจบ็ ท้องคลอด”
ท่านไดท้ าใหค้ าเปรยี บเทยี บน้ีเป็นประวตั ศิ าสตรแ์ ละแยกอดตี ออกจากเหตุการณ์พพิ ากษาโลกซ่งึ อย่ใู น
อนาคต จุดสาคญั เพยี งจุดเดยี วท่ีท่านปรบั เปลย่ี นจากเน้ือหาของพระวรสารนักบุญมาระโก คอื การเตมิ
คาว่า “พระครสิ ต”์ ลงไปใน ว. 5 เพ่อื แสดงใหเ้ หน็ ชดั เจนว่าผทู้ ห่ี ลอกลวงนนั้ คอื ผทู้ ต่ี อ้ งการจะเป็นพระ
เมสสยิ าห์ ซ่ึงตรงขา้ มกบั ขอ้ ความใน 23:10 นักบุญมทั ธวิ ไม่ได้มเี จตนาท่จี ะแสดงภาพของผูค้ นท่อี ้าง
ตนเองวา่ เป็นพระเยซูเจา้ (ทเ่ี สดจ็ กลบั มา) แต่สอ่ื ถงึ ผนู้ าทางศาสนาและการทหารของชาวยวิ ปลุกระดมผคู้ น
และนาพวกเขาเขา้ สสู่ งครามแห่งหายนะกบั ชาวโรมนั ในปี 66-73 บางคนในกลุ่มน้ีอา้ งตนเองว่าเป็นพระ
เมสสยิ าห์ พระผไู้ ถ่ทพ่ี ระเป็นเจา้ ทรงสญั ญาวา่ จะสง่ มา และไดร้ บั ความเคารพอยา่ งมากจากคนอน่ื ๆ

24:9-28 คือเร่อื งของช่วงเวลามหาวปิ โยค (the Great Tribulation) ส่วนท่ีเป็นโครงสร้างการเผย
แสดงถงึ หายนะท่นี กั บุญมาระโกรบั มาคอื ช่วงระยะเวลาแห่งความทุกขย์ ากอย่างรุนแรงทเ่ี กดิ ขน้ึ ก่อนถงึ
กาลอวสาน นกั บุญมทั ธวิ ทาใหก้ ารจดั ระยะเวลาของนกั บุญมาระโกมคี วามคมชดั ยงิ่ ขน้ึ ทา่ นสง่ สญั ญาณ
วา่ ยุคใหม่ไดม้ าถงึ ดว้ ยคาว่า “จากนนั้ ” (Then / tote) และดว้ ยการแทรก ว. 9 ซง่ึ เป็นคากง่ึ ศพั ทเ์ ฉพาะท่ี
แปลว่า “ความวปิ โยค” (Tribulation / thlipsis ซ่งึ เป็นคาเดยี วกบั คาทแ่ี ปลว่า “ความเดอื ดรอ้ น” [Distress] ใน 24:29 ของฉบบั NIV
คาท่แี ปลว่าความทุกขย์ าก [Suffering] ในฉบบั NRSV ส่วนในท่นี ้ีแปลว่า”ถูกข่มเหงเบยี ดเบยี น” / “ถูกทรมาน”) เหน็ ได้ชดั เจนว่า
ส่วนน้ีคอื ระยะเวลาสุดท้ายก่อนท่จี ะถงึ “กาลอวสาน” (ว. 13-14) ซ่งึ มลี กั ษณะเด่นคอื ประชากรทถ่ี ูกเลือก
ของพระเป็นเจ้าจะถูกข่มเหงเบียดเบียน (24:21-22) ไม่เพียงจากผู้ต่อต้านท่ีเป็นชาวยวิ เหมอื นในอดีต

512

เท่านัน้ แต่จาก “ชนชาติทงั้ หลาย” (24:9) ขอ้ ความท่ีว่า “เพราะนามของเรา” (Because of My Name)
แสดงใหเ้ หน็ วา่ การประกาศยอมรบั วา่ ตนเองเป็นครสิ ตชนจะกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การขม่ เหง

24:10-12 แสดงใหเ้ หน็ ว่าในช่วงระยะเวลาสุดท้ายน้ี ปัญหาไม่ได้มาจากคนต่างศาสนาเพยี งอย่าง
เดยี วเทา่ นนั้ แต่ภายในพระศาสนจกั รเองกเ็ ตม็ ไปดว้ ยปัญหาความขดั แยง้ ภายใน การทรยศหกั หลงั และ
ความมุ่งมนั่ อุทศิ ตนเยน็ ชดื ลง คาว่า “ค่อยๆ หายไป” (Fall Away) และ “หนั เหจากความเช่อื ” (Turn From
Faith) (แปลจาก skandalizo เช่นใน 13:57) ในทน่ี ้ีสะทอ้ นถงึ ดนล. 11:41 เช่นเดยี วกบั สว่ นอ่นื ๆ ของวาทกรรมน้ีท่ี
ทาใหเ้ ราระลกึ ถงึ จนิ ตภาพเกย่ี วกบั คาพยากรณ์ถงึ หายนะในหนงั สอื ประกาศกดาเนียล (24:6 = ดนล 2:28-29,

45; 24:30 = ดนล. 7:13-14; 24:15 = ดนล. 11:31; 24:21 = ดนล. 12:1; 25:46 = ดนล. 12:2 เร่อื ง “ประกาศกเท็จเทยี ม” และ “ความไร้

กฎหมาย” ดู 7:21-23) การใชค้ านาม “ความรกั ” (agape) เพยี งครงั้ เดยี วของนกั บุญมทั ธวิ น้ีกระตุน้ ใหเ้ รานึกถงึ
การอภปิ รายทผ่ี ่านมาในเร่อื งพระมหาบญั ญตั ิ (22:34-40) และคากล่าวสรุปจบของวาทกรรมท่ี 25: 31-46
ซง่ึ บอกวา่ กจิ การแห่งความรกั คอื สงิ่ สดุ ทา้ ยทจ่ี ะนาไปพจิ ารณาในการพพิ ากษาครงั้ สุดทา้ ย

24:13-14 ระหว่างวบิ ตั ชิ ่วงสุดทา้ ยในกาลอวสานโลก พระศาสนจกั รไม่ไดห้ นั เขา้ หาตนเองดว้ ยการ
รอคอยโดยไม่ทาสงิ่ ใด ช่วงเวลาแห่งมหาวปิ โยค (the Tribulation Period) กค็ อื ช่วงเวลาของพระศาสน
จกั รในการทาภารกจิ ต่อชนชาตติ ่างๆ (pasin tois ethnesin ขอ้ ความเดยี วกนั กบั 28:19) ขอ้ ความท่นี ักบุญมทั ธวิ ปรบั
เปลย่ี นจากพระวรสารนักบุญมาระโกแสดงใหเ้ หน็ อย่างเจาะจงว่าสารของพระศาสนจกั รนัน้ คอื “พระวร
สารจากพระอาณาจกั ร” ซง่ึ เป็นการเน้นย้าอกี ครงั้ ถงึ ความเป็นกษตั รยิ อ์ กี รปู แบบหน่ึงทม่ี ตี วั แทนคอื สาร
และชวี ติ ของพระเยซูเจา้ ทส่ี บื ทอดตอ่ ไปในบรรดาอคั รสาวก (ดบู ทเสรมิ เรอ่ื ง “พระอาณาจกั รสวรรคใ์ นพระวรสารนกั บุญ
มทั ธวิ และ 12:22-37) ภารกจิ ของพระศาสนจกั รคอื การคงอยู่ต่อไปจนกว่าจะถงึ “กาลอวสาน” หน้าท่คี วาม
รบั ผดิ ชอบของบรรดาศษิ ยก์ ค็ อื สอู้ ดทนต่อไป (ดู 10:23)

24:15-22 เหตุการณ์ขน้ึ ถงึ จุดสูงสุดในช่วงเวลามหาวปิ โยคเม่อื มกี ารปรากฏของ “สงิ่ น่ารงั เกยี จซ่งึ
กอ่ ใหเ้ กดิ หายนะ” (Desolating Sacrilege) ในสถานทศ่ี กั ดสิ ์ ทิ ธิ ์โดยดงั้ เดมิ แลว้ ขอ้ ความน้สี อ่ื ถงึ การทาให้
พระวิหารเส่ือมเกียรติในช่วงปี 167 ก่อนคริสตศักราชโดยกษัตริย์แอนติโอกุส (ท่ีส่ี) เอพิฟานิส
(Antiochus IV Epiphanes) ซง่ึ กลายมาเป็นจนิ ตภาพของคาพยากรณ์ถงึ หายนะทถ่ี ูกนามาตคี วามหลาย
ครงั้ หลายหน (ดู ดนล. 9:27; 11:31; 12:11; มก. 13:14) นักบุญมทั ธิวพบเร่อื งน้ีในแหล่งข้อมูลจากพระวรสาร
นกั บุญมาระโก ซง่ึ ในทน่ี นั้ เหน็ ไดช้ ดั ว่าเป็นการกล่าวถงึ การทาใหพ้ ระวหิ ารเสอ่ื มความศกั ดสิ ์ ทิ ธแิ ์ ละการ
ทาลายกรงุ เยรซู าเลม็ ในครสิ ตศกั ราชท่ี 70 เราไมอ่ าจรไู้ ดช้ ดั เจนวา่ นกั บุญมทั ธวิ มองยอ้ นกลบั ไปและเหน็
ว่าคาพยากรณ์ น้ีเป็ นจริงในเหตุการณ์สงครามปี 70 และนาวาทกรรมน้ีมาตีความในแง่ท่ีเป็ น
ประวตั ศิ าสตร์ หรอื ท่านมองวา่ มนั เป็นลางรา้ ยทส่ี ่อื ถงึ สง่ิ ทก่ี าลงั จะเกดิ ขน้ึ ในสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ ไม่มี
พระวหิ ารทจ่ี ะถูกทาลายใหเ้ สอ่ื มเสยี อกี แลว้ แต่คาวา่ “สถานทศ่ี กั ดสิ ์ ทิ ธ”ิ ์ (Holy Place) เป็นคาทส่ี ามารถ
เขา้ ใจไดใ้ นภาพรวม ( 2มคบ. 2:18 ใชค้ าน้ีบรรยายถงึ ดนิ แดนศกั ดสิ์ ทิ ธ)ิ์ การทน่ี ักบุญมทั ธวิ เปลย่ี นคาทแ่ี ปลว่า “ยนื /
ตงั้ อย่”ู (Standing) จากคาทร่ี ะบุความเป็นเพศชายอยา่ งเจาะจงและไมถ่ ูกไวยากรณ์ในพระวรสารนกั บุญ
มัทธิว (hestekota) เป็ นคาท่ีถูกต้องแต่คลุมเครือก็ให้เห็นว่า Estos ท่านมิได้ระบุว่าเป็ นบุคคลหรือ
สถานการณ์ใดอย่างเฉพาะเจาะจง ดงั นนั้ จงึ น่าจะอยใู่ นอนาคตของนกั บุญมทั ธวิ

513

ในทางเดยี วกนั การท่นี ักบุญมทั ธวิ เตมิ คาว่า “ในวนั สับบาโต” ลงไปในคาสงั่ เก่ยี วกบั การหลบหนี
(24:20) ดูจะช้ใี หเ้ หน็ ว่า “สง่ิ น่ารงั เกยี จทท่ี าใหเ้ ส่อื มเสยี ” (Desecrating Sacrilege) เป็นสงิ่ ทอ่ี ย่ใู นอนาคต
ของท่าน การกล่าวถงึ วนั สบั บาโตอาจหมายความว่าในจดุ น้ีพระศาสนจกั รของนกั บุญมทั ธวิ ยงั คงปฏบิ ตั ิ
ตามหนังสอื ปัญจบรรพและชาวครสิ ตไ์ ดร้ บั การผ่อนผนั ให้หลบหนี แมว้ ่าจะตอ้ งทาผดิ กฎทเ่ี ขม้ งวดเรอ่ื ง
การหา้ มเดนิ ทางในวนั สบั บาโต แต่ทเ่ี ป็นไปไดม้ ากกวา่ กค็ อื ในบรบิ ทของชาวยวิ การทช่ี ุมชนทงั้ หมดจะ
หลบหนีในวนั สบั บาโตนัน้ เป็นสง่ิ ทย่ี ากลาบากและเป็นทส่ี ะดุดตาของผอู้ ่นื ดงั นัน้ จงึ อนั ตรายยงิ่ กว่าการ
หลบหนีในวนั อน่ื ๆ และยงั เป็นสง่ิ ทศ่ี ตั รขู องพวกเขามองวา่ น่าอปั ยศอดสแู ละเป็นปรปักษ์

คาสงั่ ท่อี ยู่ใน 24:17-19 ให้ท้งิ ทุกสงิ่ ทุกอย่างและหลบหนีไปจงึ ไม่ใช่การกระทาท่ขี ้ขี ลาดหรอื เป็น
ความต่นื ตระหนกทเ่ี กดิ ขน้ึ ในกาลอวสานโลก แต่นักบุญมทั ธวิ นามาเช่อื มโยงกบั ลกั ษณะของความเป็น
ศษิ ย์และลกั ษณะของภารกจิ ของชาวครสิ ต์ บรรดาศษิ ย์ละท้งิ ทุกสงิ่ เม่อื พวกเขาถูกเรยี กมาเป็น “ผูจ้ บั
มนุษย”์ (Fishers for People) (4:18-22) และเม่อื พวกเขาถูกส่งไปทาภารกจิ (10:5-10 คาว่า “หนี” ใน 10:23 เทยี บ
กบั 19:27) ชุมชนทต่ี อ้ งกระจดั กระจายและหลบหนีคอื ชุมชนทก่ี าลงั ทาภารกจิ เผยแพรพ่ ระวรสาร ส่วนการ
นาชุมชนของพระเป็นเจา้ มารวมตวั กนั ใหม่นัน้ คอื หน้าทค่ี วามรบั ผดิ ชอบของพระเป็นเจา้ และเป็นพระ
สญั ญาของพระองคใ์ นวนั พพิ ากษาโลก (24:31)

คาสงั่ ทบ่ี อกใหอ้ ธษิ ฐานภาวนาใน 24:20-22 เป็นการชน้ี ามมุ มองเกย่ี วกบั พระเป็นเจา้ ของชุมชน
ซ่ึงอยู่เหนือโครงสร้างคาพยากรณ์เก่ียวกบั หายนะท่กี ล่าวถึงในท่ีน้ี พระเป็นเจ้าไม่ทรงถูกจากดั ด้วย
กาหนดเวลาเกย่ี วกบั หายนะ (ดู เทยี บ 4อสร 4:33-37 ซง่ึ เขยี นถงึ ช่วงเวลาเดยี วกนั น้ี) แต่พระองคส์ ามารถปรบั เปลย่ี น
เหตุการณ์เพ่อื เหน็ แก่ผูไ้ ด้รบั เลอื กสรร แมว้ ่านักบุญมทั ธวิ จะใชแ้ นวคดิ เก่ยี วกบั คาพยากรณ์ถงึ หายนะ
ตามแบบแผนนิยม แต่ท่านกน็ าพาใหผ้ อู้ ่านมคี วามเช่อื ในพระเป็นเจา้ ไม่ใช่ในกาหนดเวลาของหายนะ
เหล่านัน้ “ผู้ได้รบั เลือกสรร” (the Elect) (ว. 22, 24, 31) คอื บรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าในปัจจุบนั หรอื
ครสิ ตจกั รทป่ี ระกอบดว้ ยชาวยวิ และชนต่างศาสนานนั ่ เอง (ดู ขอ้ คดิ ไตรต่ รอง เกย่ี วกบั 21:43)

แต่ไมว่ ่าคาสงั่ ทเ่ี ฉพาะเจาะจงเกย่ี วกบั การหลบหนดี งั กล่าวจะมคี วามหมายอยา่ งไรในขณะทม่ี นั เป็น
ส่วนหน่ึงของคาพยากรณ์ถงึ หายนะ (ท่มี มี าก่อน) ในพระวรสารนักบุญมาระโก สาหรบั นักบุญมทั ธวิ มนั
ไม่ได้เป็นการกล่าวกบั ชุมชนของท่านโดยตรง เพราะพวกเขาไม่ได้อาศยั อยู่ในแควน้ ยูเดยี ท่านนามา
กล่าวซ้าเพราะว่ามนั เป็นส่วนหน่ึงของธรรมประเพณีศกั ดสิ ์ ทิ ธิ ์ แต่ในขณะน้ีมนั ทาหน้าท่เี น้นย้าประเดน็
สาคญั ของทา่ นทว่ี า่ การขม่ เหงเบยี ดเบยี นโดยทวั่ ไปทพ่ี ระศาสนจกั รตอ้ งพบเจอหรอื เหตกุ ารณ์ขนั้ สงู สดุ ท่ี
มี “สงิ่ น่ารงั เกยี จทท่ี าใหเ้ ส่อื มเสยี ” ไม่ควรทาใหเ้ ราเขา้ ใจผดิ วา่ การเสดจ็ กลบั มาของพระครสิ ต์ไดเ้ กดิ ขน้ึ
แลว้ อาจมกี ารสนบั สนุนความเขา้ ใจผดิ เชน่ น้ใี นชุมชนของนกั บุญมทั ธวิ ดว้ ยการปรากฏตวั ของประกาศก
ชาวครสิ ต์ท่พี ูดในนามของพระเยซูเจ้า โดยใชส้ รรพนามบุรุษท่ีหน่ึงจงึ มคี วามเขา้ ใจว่าพระครสิ ต์เสดจ็
กลบั มาแลว้ ในทางเดยี วกนั การท่นี กั บุญมทั ธวิ เน้นย้าว่าพระครสิ ต์ยงั คงประทบั อย่กู บั เราอยา่ งต่อเน่ือง
อาจถูกนาไปตคี วามว่าเหตุการณ์วนั พพิ ากษาโลกในอนาคตไดเ้ กดิ ขน้ึ แลว้ กล่าวคอื “จงอย่ามองไปยงั
อนาคตเพอื่ รอคอย “การเสดจ็ กลบั มาครงั้ ทสี่ อง” เพราะพระเยซูเจา้ อย่ทู ่ามกลางพวกเราแลว้ ในขณะน้ี”
นกั บุญมทั ธวิ ต่อตา้ นนยั ยะน้ีในคาสอนของทา่ นและไม่เพยี งแต่เน้นยา้ วา่ การเสดจ็ กลบั มาครงั้ ทส่ี องนนั้ อยู่
ในอนาคต แต่ยงั บอกด้วยว่าเหตุการณ์นัน้ จะชดั แจง้ มากจนไม่มใี ครสงสยั ใดๆ เลย การปรากฏตวั ครงั้

514

สุดท้ายของพระเมสสิยาห์จะไม่ใช่ “พระเมสสยิ าห์ทีซ่ ่อนพระองค์” (Hidden Messiah) ให้เราต้องไป
แสวงหา แต่จะเป็นสง่ิ ท่สี ามารถเหน็ ไดอ้ ย่างเป็นสากล ชดั แจง้ ไรค้ วามคลุมเครอื เหมอื นกบั สายฟ้า เวลา
ทส่ี ายฟ้าปรากฏขน้ึ ไมใ่ ชเ่ หตุการณ์เฉพาะบุคคลอยแู่ ลว้

24:23-28 เป็ นเน้ือหาท่ีได้มาจากพระวรสารของนักบุญมาระโก (ว. 23-25 = มก. 13:21-13) ได้ช้ีถึง
ประเด็นเดียวกันน้ี (มธ. 24:4-5 = มก. 13:5-6) นักบุญมัทธิวเสริมแต่งข้อความน้ีด้วยคาพูดท่ีมาจากคา
พยากรณ์ในเอกสารแหล่ง Q (เทยี บ ลก. 17:23-24) ทแ่ี สดงคาเตอื นแบบเดยี วกนั กระบวนการประพนั ธเ์ รยี บ
เรยี งเช่นน้ีแสดงใหเ้ ราเหน็ วา่ ประเดน็ น้ีมคี วามสาคญั ต่อนักบุญมทั ธวิ เพยี งใด ดงั นนั้ ถงึ แม้ 24:28 มกั จะ
ถูกเขา้ ใจโดยอา้ งองิ ถงึ การทาลายกรุงเยรูซาเลม็ โดยกองทพั ชาวโรมนั ในปี 70 แต่ในบรบิ ทของนักบุญ
มทั ธวิ มนั อาจส่อื ถงึ การเสดจ็ กลบั มาของพระครสิ ต์ในอนาคตและอาจหมายความเพยี งแค่ว่า “เมอื่ พระ
เมสสยิ าหเ์ สดจ็ กลบั มา มนั จะชดั เจนเหมอื นกบั ฝงู แรง้ ทบี่ นิ วนเหนอื ซากศพ”

24:29-31 คือการเสด็จมาถึงของบุตรแห่งมนุษย์ แม้กระทงั่ องค์ท่ีสามของเร่อื งราวหายนะก็ยงั
เกย่ี วขอ้ งกบั การขจดั ความเขา้ ใจผดิ โดยการยนื ยนั ลกั ษณะทเ่ี ปิดเผยของการเสดจ็ กลบั มาครงั้ ทส่ี องของ
พระครสิ ต์มากกว่าท่จี ะอธบิ ายว่าจะเกิดอะไรขน้ึ บ้างขณะท่พี ระครสิ ต์เสด็จกลบั มา เราจะไม่เขา้ ใจผดิ
แน่นอนเมอ่ื เหตุการณ์นนั้ เกดิ ขน้ึ เพราะสญั ญาณทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ นนั้ จะไมใ่ ชส่ ญั ญาณแบบทางโลกเหมอื นกบั
ในประวตั ิศาสตร์ท่ีผ่านมา ซ่ึงต้องอาศยั การตีความ แต่มนั จะเป็นเหตุการณ์ระดบั สากลจกั รวาลท่สี ่ง
สญั ญาณบอกว่าความสบั สนอลหม่านเหมือนในปฐมกาลของโลกจะกลบั มาอีกครงั้ พระอาทิตย์และ
พระจนั ทรจ์ ะมดื ไป ดวงดาว (ไม่ใช่แคด่ าวหาง) จะร่วงหล่น (เป็นองคป์ ระกอบมาตรฐานของคาพยากรณ์เกย่ี วกบั หายนะตาม
แบบแผนนิยม เทยี บกบั อสย. 13:10; 34:4; อสค. 32:7-8; ยอล. 2:31; 3:15 โมเสสไดร้ บั การยกขน้ึ สวรรค์ 10:5; วว. 6:13; 8:12; 12:4) ใน
แบบเดยี วกนั บุตรแห่งมนุษยจ์ ะไม่ปรากฏใหเ้ หน็ เฉพาะบคุ คลหรอื ปรากฏแบบคลุมเครอื แต่มาพรอ้ มกบั
เมฆแห่งสวรรคซ์ ง่ึ ทุกคนจะสามารถมองเหน็ ไดค้ าว่า “สญั ญาณของบุตรแห่งมนุษย”์ ท่ีนกั บุญมทั ธวิ เตมิ
ลงมาในท่นี ้ีก็คอื พระองค์ผูท้ รงเป็นบุตรแห่งมนุษย์นัน่ เอง (คาแสดงความเป็นเจ้าของท่ใี ส่เพม่ิ ขน้ึ มาเพ่อื ขยายความ
เหมอื นกบั “สญั ญาณของประกาศกโยนาห์” ใน 12:39) ซ่งึ สญั ญาณนัน้ ก็คอื ตวั โยนาห์เอง ไม่ใช่สงิ่ ท่บี ่งช้ถี ึงโยนาห์) ดงั นัน้ ประเดน็
ของนักบุญมทั ธวิ คอื จะไม่มสี ญั ญาณเตอื นเบอ้ื งตน้ สญั ญาณแรกท่ีปรากฏชดั เจนกค็ อื กาลอวสานซง่ึ จะ
เกดิ ขน้ึ พรอ้ มกบั ความปัน่ ป่วนในระดบั จกั รวาลและการปรากฏตวั ของบุตรแหง่ มนุษยซ์ ง่ึ ไมม่ ผี ใู้ ดสามารถ
โต้แยง้ ได้ ใน ว. 30 คาถามของบรรดาศษิ ย์ใน ว. 3 ได้รบั คาตอบท่ชี ดั เจนจากนักบุญมทั ธวิ กล่าวคอื
สญั ญาณการปรากฎของบุตรแหง่ มนุษยก์ ค็ อื ตวั ตนขององคบ์ ุตรแห่งมนุษยน์ นั่ เอง

นกั บุญมทั ธวิ ยงั เตมิ วา่ “ทกุ ชนชาตทิ วั่ โลกจะครา่ ครวญโศกเศรา้ ” เพอ่ื เน้นถงึ ความเป็นสากลและ
ความไม่คลุมเครอื ของการเสด็จกลับมาของพระครสิ ต์ เน่ืองจากการคร่าครวญของคนทวั่ โลกน้ีคือ
ประเด็นของนักบุญมัทธิว ธรรมชาติของมันจึงคลุมเครือไม่ชัดเจน คาว่า “คร่าครวญ” (Mourn /
kopsontai) อาจส่อื โดยนัยถงึ ความโศกเศรา้ ต่อพระเยซูเจา้ เช่น การเป็นทุกขก์ ลบั ใจและการอุทศิ ตนให้
พระองค์ (เชน่ ใน ลก. 23:7; พระวรสารนกั บุญเปโตร 8:28 เทยี บ วว. 1:7) หรอื ความโศกเศรา้ และทอ้ แทใ้ จ คร่าครวญกบั
ความสญู เสยี ของตนเอง (มธ. 11:17) ในทน่ี ้ีมนั สอ่ื ถงึ การเป็นทุกขถ์ งึ บาปและการกลบั ใจของชาวโลก (รวมถงึ
การกลบั ใจของชนชาตอิ สิ ราเอล) อนั เน่ืองจากเหตุการณ์ในชว่ งกาลอวสานโลกหรอื ไม่ หรอื วา่ พอถงึ ตอนนนั้ มนั ก็
สายเกินกว่าท่ีจะเป็นทุกข์เสยี ใจ มมี วลชนท่ียงั ไม่ได้กลบั ใจอีกจานวนมาก จงึ ได้แต่ทุกข์โศกถึงการ

515

กลบั มาของผู้พิพากษาท่ีจะมาตดั สนิ โทษพวกเขา คาประกาศน้ีดูจะเป็นการผสมผสานถ้อยคาของ
ประกาศกจาก ดนล. 7:13 และ ศคย. 2:10 ซ่งึ บรบิ ทดงั้ เดมิ ช้ใี หเ้ หน็ ถงึ การคร่าครวญเป็นทุกขถ์ งึ บาป
และตามดว้ ยการรบั ใชบ้ ุตรแห่งมนุษย์ สง่ิ น้ีอาจเป็นความหมายท่ีนกั บุญมทั ธวิ ตอ้ งการจะสอ่ื ดว้ ย แต่เขา
กป็ ล่อยใหป้ ระเดน็ น้เี ปิดกวา้ งต่อการโตแ้ ยง้

นักบุญมทั ธวิ แทบไม่สนใจว่าจะเกดิ อะไรบ้างในเหตุการณ์การเสดจ็ กลบั มาของพระครสิ ต์ “คา
บรรยาย” ของทา่ นทาหน้าทเ่ี ป็นคาเตอื นไมใ่ หผ้ คู้ นเมนิ เฉยและสนบั สนุนใหม้ กี ารเฝ้าระวงั อยา่ งขนั แขง็ มี
จนิ ตภาพเพยี งอย่างเดยี วคอื บุตรแห่งมนุษย์ผูท้ รงอานาจส่งบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์มารวบรวม
มนุษยท์ ถ่ี ูกเลอื กสรร สง่ิ น้ีไมใ่ ชภ่ าพของ “เหตุการณ์รบั ผเู้ ชอ่ื ทย่ี งั มชี วี ติ ไปอย่กู บั พระเป็นเจา้ ” (Rapture)
ซ่งึ พระเยซูเจา้ เสดจ็ มานาบรรดาศษิ ย์ของพระองค์ออกไปจากโลกน้ี ในช่วงเวลาก่อนถงึ วนั อวสานโลก
แนวคดิ น้ีเป็นสงิ่ ทไ่ี ม่คุน้ เคยในศาสตรแ์ ห่งวนั พพิ ากษาโลกของนกั บุญมทั ธวิ แทนทจ่ี ะใหภ้ าพของสง่ิ ทจ่ี ะ
เกดิ ขน้ึ ก่อนเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงวนั พพิ ากษาโลก ซ่งึ เก่ยี วขอ้ งกบั การเสดจ็ กลบั มาถงึ สองครงั้ นัก
บุญมทั ธวิ แสดงภาพของเหตุการณ์สุดท้ายอนั ยง่ิ ใหญ่ ซ่งึ ท่านให้คาอธบิ ายมากกว่าแค่จนิ ตภาพเดยี ว
แนวคดิ พ้นื ฐานของวาทกรรมทงั้ หมดน้ีคอื “การตดั สนิ พิพากษา” (Judgement) (krisis; krino) การระบุ
ตวั ตนครงั้ สุดทา้ ย การคดั แยกมนุษย์ และการแยกระหวา่ งความดแี ละความชวั่ ในทน่ี ้ี การพพิ ากษา/การ
คดั แยกไดร้ บั การแสดงออกมาในภาพของการส่งทตู สวรรคผ์ เู้ กบ็ เกย่ี วมารวบรวมผทู้ ไ่ี ดร้ บั เลอื กสรรโดย
บุตรแห่งมนุษย์ ส่วนจนิ ตภาพอ่นื ๆ เกย่ี วกบั การตดั สนิ พพิ ากษาและการคดั แยกสามารถพบไดใ้ นอุปมา
และคาเตอื นอ่นื ๆ ทต่ี ามมา ซง่ึ ไดร้ บั การอธบิ ายเพมิ่ เตมิ และสรุปไวใ้ นฉากสดุ ทา้ ยของการพพิ ากษาครงั้
สดุ ทา้ ย (ดู ขอ้ คดิ ไตรต่ รอง 25:31-46)

มทั ธวิ 24:32-25:46 อปุ มาและคาเตอื นต่างๆ
ภาพรวม

ส่วนท่เี หลอื ของวาทกรรม (Discourse) เก่ยี วกบั การตดั สนิ พพิ ากษาโลกประกอบด้วยอุปมา 7
เรอ่ื งและจนิ ตภาพทเ่ี ตอื นสตชิ ุมชนของนกั บุญมทั ธวิ ใหใ้ ชช้ วี ติ ดว้ ยความคาดหวงั ถงึ การเสดจ็ กลบั มาของ
บุตรแห่งมนุษย์ สามส่วนแรกและส่วนท่ีห้าทาหน้าท่เี ป็นการเตือนให้ต่ืนตวั อยู่เสมอ ส่วนท่สี ่แี ละหก
อธบิ ายความหมายของคาว่า “ต่นื ตวั ” (Be Alert) ซ่ึงไม่ใช่การรอคอยแบบไม่ทาอะไรเลย แต่เป็นการ
กระทาอยา่ งมคี วามรบั ผดิ ชอบทส่ี อดคลอ้ งกบั ธรรมชาตขิ องพระอาณาจกั รทก่ี าลงั จะมาถงึ สว่ นทเ่ี จด็ และ
ฉากสรุปจบแสดงภาพของเกณฑ์การตดั สนิ ในการพพิ ากษาทก่ี าลงั จะมาถงึ ทาหน้าทเ่ี ป็นการตกั เตอื น
ทางออ้ มใหก้ ระทากจิ การแห่งความรกั และความเมตตาทจ่ี ะเป็นสง่ิ ทถ่ี ูกนาไปพจิ ารณาในการพพิ ากษา
และทาใหภ้ าพการมาของบุตรแหง่ มนุษยท์ เ่ี รม่ิ ตน้ ตงั้ แต่ 24: 29-31 กลายเป็นภาพทส่ี มบรู ณ์

มทั ธวิ 24:32-35 ตน้ มะเดอ่ื

516

เวลาแห่งการเสดจ็ มาของบตุ รแห่งมนุษย์

32 “จงเรยี นอปุ มาเรอ่ื งตน้ มะเดอ่ื เทศเถดิ เมอ่ื ตน้ มะเดอ่ื เทศแตกกงิ่ ออ่ นและผลใิ บ ท่านทงั้ หลายยอ่ มรวู้ า่ ฤดรู อ้ นใกลเ้ ขา้
มาแลว้ 33 เช่นเดยี วกนั เม่อื ท่านเหน็ สงิ่ ทงั้ หมดน้ีเกดิ ขน้ึ ก็จงรเู้ ถดิ ว่าพระองค์ทรงเขา้ มาใกล้ จนถงึ ประตูแล้ว 34 เรา
บอกความจรงิ แก่ท่านทงั้ หลายวา่ คนในชวั่ อายุน้ีจะไม่ล่วงพน้ ไป ก่อนทเ่ี หตุการณ์ทงั้ หมดน้ีจะเกดิ ขน้ึ 35 ฟ้าดนิ จะสญู
สน้ิ ไป แตว่ าจาของเราจะไมส่ ญู สน้ิ ไปเลย

ข้อศกึ ษาวิพากษ์

ความเปรยี บทเ่ี ป็นคาสอนน้ี (ไม่ใช่เร่อื งอุปมาในแบบ 13:1-52) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนทเ่ี ป็นจนิ ตภาพ
เป็นการแสดงถงึ ความเป็นจรงิ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั สว่ นทเ่ี ป็นประวตั ศิ าสตร์ ในสว่ นทเ่ี ป็นภาพ ตน้ มะเด่อื คอื
ภาพทแ่ี สดงถงึ สญั ญาณทช่ี ดั เจนว่าฤดรู อ้ นกาลงั จะมาถงึ ตน้ มะเดอ่ื ไมเ่ หมอื นตน้ ไมส้ ว่ นใหญ่ในอสิ ราเอล
ทเ่ี ขยี วตลอดทงั้ ปี มนั สลดั ใบในฤดหู นาว แต่มนั กไ็ มเ่ หมอื นไมผ้ ลดั ใบสว่ นใหญ่ ปกตมิ นั จะไม่ออกใบใหม่
ในตน้ ฤดใู บไมผ้ ลิ แตจ่ ะไปออกตอนปลายฤดู ดงั นนั้ ขณะทต่ี น้ ไมอ้ น่ื ๆ บ่งบอกวา่ ฤดใู บไมผ้ ลไิ ดเ้ รมิ่ ตน้ ขน้ึ
แลว้ ใบใหมข่ องตน้ มะเด่อื คอื การบ่งบอกว่าฤดใู บไมผ้ ลใิ กลจ้ ะสน้ิ สดุ ลงและฤดรู อ้ นกาลงั จะเรม่ิ ตน้ ขน้ึ ใน
คาพยากรณ์ถงึ หายนะในพระวรสารนักบุญมาระโก การออกใบของต้นมะเด่อื คอื ภาพของการใกลจ้ ะ
มาถงึ ของเหตุการณ์วนั พพิ ากษาโลก ซ่งึ สามารถสงั เกตเหน็ ไดจ้ ากสญั ญาณจากเหตุการณ์มหาวปิ โยค
และสงิ่ น่ารงั เกยี จอนั ทาใหเ้ สอ่ื มเสยี เม่อื ดจู ากสงิ่ ท่ีนักบุญมทั ธวิ มุ่งเน้น คอื การเสดจ็ กลบั มาครงั้ ทส่ี องจะ
เกดิ ขน้ึ โดยปราศจากสญั ญาณใดๆ (ดู ดา้ นบนและขอ้ คดิ ไตร่ตรอง 25:31-46) คาพูดเหล่าน้ีในพระวรสารนักบุญ
มทั ธวิ ชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ ความแน่นอนและความใกลเ้ ขา้ มาของการเสดจ็ กลบั มาของพระครสิ ต์ แต่ไม่ใช่สงิ่ ทจ่ี ะ
คดิ คานวณได้

ต้นมะเด่อื และฤดูรอ้ นคอื องค์ประกอบของส่วนท่เี ป็นจนิ ตภาพในความเปรยี บน้ี ส่วนคาว่า “สง่ิ
เหลา่ น้”ี และจุดจบอยใู่ นสว่ นทเ่ี ป็นประวตั ศิ าสตรโ์ ลกและการพพิ ากษาครงั้ สดุ ทา้ ย

ภาพ: = ฤดรู อ้ นอยใู่ กล้
= บุตรแห่งมนุษยอ์ ยใู่ กล้
ตน้ มะเดอื่ ผลใิ บ

ความเป็ นจริง:

“สงิ่ เหลา่ น้”ี เกดิ ขน้ึ

อย่างทก่ี ารตคี วามดา้ นบนระบุไว้ สาหรบั นกั บุญมทั ธวิ “สงิ่ เหล่าน้ี” คอื จุดสงู สุดของชว่ งเหตุการณ์
มหาวปิ โยคเหตุการณ์นามาใชเ้ ป็นฐานในการคานวณหาจุดจบ การนาพระวรสารนักบุญมาระโกและ
เอกสารแหล่ง Q มารวมกนั นกั บญุ มทั ธวิ ปฏเิ สธความคดิ ทว่ี า่ ผทู้ ส่ี งั เกตอยา่ งละเอยี ดทส่ี ุดจะสามารถรบั รู้
ถงึ กาหนดเวลาของเหตุการณ์วนั พพิ ากษาโลกได้ สงิ่ ทช่ี ดั เจนสาหรบั นักบุญมทั ธวิ คอื การเสดจ็ กลบั มา
ของพระครสิ ต์จะเกดิ ขน้ึ ในยุคของท่าน ท่ามกลางชนรุ่นทไ่ี ด้รูจ้ กั พระเยซูเจ้าเป็นการส่วนบุคคล (24:34;
เทยี บ 16:28) และความแน่นอนวา่ มนั จะตอ้ งมาถงึ เน่ืองจากสง่ิ น้ีมาจากพระวาจาของพระเยซูเจา้ เอง ซง่ึ ยนื
ยงยงิ่ กวา่ โลกน้ี (24:35; เทยี บ ขอ้ ศกึ ษาวพิ ากษ์ 5:18)

517

มทั ธวิ 24:36-42 ยคุ สมยั ของโนอาห์

36 “ส่วนเร่อื งวนั และเวลานัน้ ไม่มใี ครรูเ้ ลย ทงั้ บรรดาทูตสวรรค์และแม้แต่พระบุตร22 นอกจากพระบดิ าเพยี งพระองค์
เดยี วเทา่ นนั้
จงมีความระมดั ระวงั และเตรียมพร้อม
37 “สมยั ของโนอาห์เป็นเช่นไร เม่อื บุตรแห่งมนุษย์เสดจ็ มาก็จะเป็นเช่นนัน้ 38 ในสมยั ก่อนน้าวนิ าศนัน้ ผูค้ นกิน ด่มื
แต่งงานกนั จนถงึ วนั ทโ่ี นอาหเ์ ขา้ ไปในเรอื 39 ไมม่ ใี ครนึกระแวงวา่ อะไรจะเกดิ ขน้ึ จนกระทงั่ น้าวนิ าศมากวาดพวกเขาไป
หมดสน้ิ เม่อื บตุ รแห่งมนุษยเ์ สดจ็ มากจ็ ะเป็นเช่นนนั้ ดว้ ย 40 เวลานนั้ คนสองคนอย่ใู นทุ่งนา คนหน่ึงจะถูกรบั ไป อกี คน
หน่ึงจะถูกทง้ิ ไว้ 41 หญงิ สองคนทก่ี าลงั โมแ่ ป้งอยู่ คนหน่ึงจะถูกรบั ไป อกี คนหน่ึงจะถูกทง้ิ ไว้

42 “จงต่นื เฝ้าระวงั เถดิ เพราะทา่ นไมร่ วู้ า่ นายของทา่ นจะมาเมอ่ื ไร

ข้อศึกษาวิพากษ์
สาหรบั 24:36 ในพระวรสารนักบุญมาระโก คาพูดน้ีก่อตัวเป็นส่วนสรุปจบของวาทกรรมคา

พยากรณ์ถงึ หายนะ แต่ในสว่ นทน่ี กั บุญมทั ธวิ นามาเขยี นใหม่ มนั ถูกนาไปรวมกบั คาพดู ทม่ี าจากเอกสาร
แหล่ง Q (มธ. 24:37-51 = ลก. 17:26-27; 12:39-46; 13:28) เพอ่ื ก่อตวั เป็นหวั ขอ้ แนวคดิ สาหรบั คาเตอื นขนาดยาวท่ี
ตดิ กนั หลายขอ้ ใน 24:36-25:30 คาประกาศน้ีเน้นย้าสงิ่ สาคญั อย่างชดั เจนจนยากทจ่ี ะทาใหช้ ดั ไปกว่าน้ี
เพราะแมแ้ ต่บตุ รแหง่ มนุษยก์ ไ็ มร่ วู้ า่ พระองคเ์ องจะเสดจ็ กลบั มาอกี ครงั้ เมอ่ื ใด

24:37-39 การเปรยี บเทยี บกบั ยุคสมยั ของโนอาห์ (ปฐก. 6-9) ไมใ่ ชก่ ารเปรยี บกบั ความชวั่ รา้ ยของ
คนยุคนัน้ แต่หมายถึงชวี ติ ท่ีดาเนินไปอย่างเป็นปกติ ไม่มีสญั ญาณท่ีลกึ ลบั หรอื โจ่งแจ้งใดๆ ว่าการ
พพิ ากษากาลงั จะมาถงึ คาสอนของนกั บญุ มทั ธวิ เกย่ี วกบั วนั พพิ ากษาโลกไม่ใชก่ ารกล่าววา่ บรรดาศษิ ยท์ ่ี
มวี จิ ารณญาณแยกแยะและรวู้ า่ จะถอดรหสั คาพยากรณ์ในพระคมั ภรี อ์ ยา่ งไร จะสามารถมองเหน็ ไดเ้ วลา
ทจ่ี ุดจบของโลกกาลงั จะมาถงึ แต่เป็นการบอกว่าผคู้ นไม่รถู้ งึ สงิ่ น้ีเลย ซ่งึ เป็นแนวคดิ ท่ีนักบุญมทั ธวิ ย้า
ซ้าๆ หลายครงั้ (24:36; 42:44, 48, 50; 25:13) ดงั นนั้ การใชค้ าพูดทเ่ี ป็นแบบแผนนิยมซง่ึ ยกมาจากพระวรสาร
นักบุญมาระโก คอื “ด้วยสงิ่ น้ีท่านจะรู”้ (By This You Will Know) (24:33) สงิ่ ท่บี รรดาศษิ ย์รูก้ ็คอื จุดจบ
สามารถมาถงึ เมอ่ื ใดกไ็ ด้ ความรนู้ ้คี วรกระตนุ้ ใหพ้ วกเขาทมุ่ เททาภารกจิ ทไ่ี ดร้ บั มอบหมายมากยง่ิ ขน้ึ

24: 40-41 ทฤษฎีการแบ่งแจกจ่ายแบบสมยั ใหม่ (Modern Dispensationalism) เข้าใจว่าผู้ท่ี
“ถูกรบั ไป” (Taken) คอื ผทู้ ถ่ี ูกนาออกไปจากโลกน้ีชวั่ คราวในเหตุการณ์รบั ผเู้ ช่อื ทย่ี งั มชี วี ติ อย่ไู ปหาพระ
เป็นเจา้ แต่นกั บุญมทั ธวิ ไมม่ เี หตกุ ารณ์น้ใี นความเขา้ ใจของทา่ นเกย่ี วกบั วนั พพิ ากษาโลก ผทู้ ่ี “ถูกรบั ไป”
หมายถึงการถูกรวบรวมให้อยู่ในชุมชนท่ีปลอดภัยในเหตุการณ์วนั พิพากษาโลก เหมอื นกบั ท่ีผู้คน
บางส่วนถูกนาไปข้นึ เรอื ใหญ่ การเป็นผู้เช่ือหมายถึงการยนื ยนั อดทนอย่างสตั ย์ซ่ือในช่วงเวลามหา
วปิ โยค ซ่งึ เป็นส่วนหน่ึงของภารกจิ ของพระศาสนจกั ร ไม่ใช่การหลบหนีจากมนั ประเดน็ คอื ในปัจจุบนั
ชายสองคนท่อี ยู่ในทุ่งและผู้หญิงสองคนท่กี าลงั โม่แป้ง ดูไม่แตกต่างกนั แต่การเสดจ็ กลบั มาของพระ
ครสิ ต์จะเผยใหเ้ หน็ ว่าคนหน่ึงนัน้ ไดร้ บั การช่วยใหร้ อดพน้ แต่อกี คนจะตอ้ งสญู เสีย คาพพิ ากษาในกาล

518

อวสานโลกมหี น้าทใ่ี นการเผยแสดงวา่ พระเยซูเจา้ ผทู้ รงถูกตรงึ กางเขนนนั้ คอื พระครสิ ต์ และพระศาสน
จกั รท่ถี ูกเบยี ดเบยี นนัน้ คอื ประชาชนท่พี ระเป็นเจ้าทรงเลอื กสรร แต่ในขณะน้ีความเป็นจรงิ ถูกทาให้
ซ่อนเรน้ ไว้ มแี ต่ตาของผทู้ เ่ี ชอ่ื เทา่ นนั้ ถงึ จะมองเหน็ การพพิ ากษาโลกจะทาใหส้ ง่ิ ทซ่ี ่อนเรน้ ไวถ้ ูกเปิดเผย
อย่างชดั แจง้ ใหท้ ุกคนไดเ้ หน็ เม่อื ทุกคนไดร้ บั รถู้ งึ พระองคผ์ ทู้ รงถูกตรงึ กางเขนแลว้ บุตรแห่งมนุษยแ์ ละ
ชุมชนของพระองคท์ ่ถี ูกเบยี ดเบยี นข่มเหงจะไดร้ บั การเปิดเผยว่าพวกเขา คอื ประชากรท่พี ระเป็นเจ้า
ทรงเลอื กสรร

ในทางท่ีสอดคล้องกบั หลกั เทวศาสตร์เก่ียวกบั ความขดั แย้งระหว่างสองอาณาจกั ร แนวทาง
ปัจจุบนั ของพระศาสนจกั รและมนุษยชาตทิ ม่ี หี ลกั การแบบเป็นกลางและกวา้ งๆ จะตอ้ งแยกออกเป็นสอง
ฝ่ายและสองกลมุ่ (เท่านนั้ ) เม่อื วนั พพิ ากษามาถงึ อปุ มาและคาเตอื นทเ่ี หลอื ตา่ งกเ็ น้นประเดน็ เดยี วกนั น้ใี น
รปู แบบทแ่ี ตกต่างกนั ไป (ฉลาด/โง,่ สตั ยซ์ อ่ื /ชวั่ รา้ ย; ดงี ามซอ่ื ตรง; ชวั่ รา้ ย) (ดู ขอ้ คดิ ไตรต่ รอง 25:31-46)

มทั ธวิ 24:43-44 ขโมย

43 พงึ รไู้ วเ้ ถดิ ถา้ เจา้ บา้ นรวู้ า่ ขโมยจะมาในยามใด เขาคงจะต่นื เฝ้าไมป่ ล่อยใหข้ โมยงดั แงะบา้ นของตนได้ 44 ทา่ นทงั้
หลายกเ็ ชน่ เดยี วกนั จงเตรยี มพรอ้ มไว้ เพราะวา่ บตุ รแหง่ มนุษยจ์ ะเสดจ็ มาในเวลาทท่ี า่ นมไิ ดค้ าดหมาย

ข้อศึกษาวิพากษ์
การแสดงภาพการเสดจ็ กลบั มาของพระเยซูเจา้ เป็นดงั ขโมยทง่ี ดั แงะและแอบเขา้ มาในบา้ นนับว่า

เป็นอุปลกั ษณ์ (Metaphor) ทก่ี ลา้ หาญมาก แต่ไดก้ ลายมาเป็นทน่ี ิยมในสายประกาศกของศาสนาครสิ ต์
ยุคเริ่มแรก (1ทธ. 5:2; วว 3:3; 16:15) อุปลักษณ์ของนักบุญมัทธิวไม่ควรถูกนามาตีความแบบนิทาน
เปรยี บเทยี บทส่ี อดคลอ้ งกนั ตงั้ แต่ตน้ จนจบ เหน็ ไดจ้ ากการทก่ี อ่ นหน้าน้ี ความไมร่ คู้ อื เหตุผลของการตอ้ ง
เฝ้าระวงั แต่ในอุปมาเร่อื งน้ี ผูร้ ูค้ อื ผูท้ ่ีต้องเฝ้าระวงั แต่ภาพทแ่ี ตกต่างหลากหลายเหล่าน้ีส่อื สารกบั เรา
เพยี งประเดน็ เดยี วคอื เวลาทพ่ี ระครสิ ตจ์ ะเสดจ็ กลบั มานนั้ ไม่อาจคาดคานวณได้ ศษิ ยท์ งั้ หลายจะตอ้ งใส่
ใจหรอื ทาใหต้ นเองสาละวนอย่กู บั การทาภารกจิ ทพ่ี ระเป็นเจา้ ทรงมอบหมาย ไม่ใช่ใสใ่ จกบั การคาดเดา
ถงึ เหตุการณ์หายนะนนั้

มทั ธวิ 24:45-51 ขา้ รบั ใชท้ ด่ี แี ละขา้ รบั ใชท้ เ่ี ลว

อปุ มาเรื่องผรู้ บั ใช้ท่ีรบั ผิดชอบ
45 “ใครเล่าเป็นผรู้ บั ใชท้ ซ่ี ่อื สตั ย์และรอบคอบซง่ึ นายแต่งตงั้ ใหด้ แู ลผูร้ บั ใช้ เพ่อื แจกจ่ายอาหารใหต้ ามเวลาทก่ี าหนด 46
ผรู้ บั ใชน้ นั้ ย่อมเป็นสุข เม่อื นายกลบั มาพบเขากาลงั ทาเชน่ น้ี 47 เราบอกความจรงิ แก่ท่านทงั้ หลายวา่ นายจะแต่งตงั้ เขา
ให้ดูแลทรพั ยส์ นิ ทงั้ ปวงของตน 48 แต่ถา้ ผูร้ บั ใช้นัน้ คดิ ว่า ‘นายจะมาชา้ ’ 49 แล้วเขากเ็ รม่ิ ตบตเี พ่อื นผูร้ บั ใช้ กนิ ด่มื กบั

519

พวกขเ้ี มา 50 นายของผูร้ บั ใชน้ ัน้ จะกลบั มาในวนั ทเ่ี ขามไิ ดค้ าดหมาย ในเวลาทเ่ี ขาไม่รู้ 51 นายกจ็ ะแยกเขาออกให้ไป
อยกู่ บั พวกหน้าซ่อื ใจคด ทน่ี นั่ จะมแี ต่การร่าไหค้ ร่าครวญ และขบฟันดว้ ยความขนุ่ เคอื ง

ข้อศึกษาวิพากษ์
แนวคดิ น้ียงั คงดาเนินไปอย่างต่อเน่ืองโดยมภี าพของขา้ รบั ใชท้ ซ่ี ่อื สตั ยแ์ ละมปี ัญญา ทาหน้าทใ่ี น

ความรบั ผดิ ชอบของตนเองซง่ึ เจา้ นายทไ่ี ม่อย่ไู ดม้ อบหมายไว้ โดยไม่ไดพ้ ยายามคาดคานวณวา่ เจา้ นาย
จะกลบั มาเม่ือใด เช่นเดียวกับในบทสรุปของบทเทศน์สอนบนภูเขา ข้ารบั ใช้ท่ี “มีปัญญา” (Wise /
phrominos) คอื ผูท้ เ่ี ช่อื ฟัง ไม่ใช่ผูท้ ค่ี ดิ คานวณ อุปมาเร่อื งน้ีไม่ไดต้ ้องการช้ใี หเ้ หน็ ว่านักบุญมทั ธวิ กาลงั
สรา้ งหลกั คาสอนเร่อื ง “การเสดจ็ กลบั มาของพระครสิ ต์ถูกเลอื่ นออกไป” คาพูดเก่ยี วกบั ความล่าชา้ นัน้
ออกมาจากปากของขา้ รบั ใชท้ ่ไี ม่มคี วามรบั ผดิ ชอบและคดิ ว่าตนเองจะสามารถคาดเดาเวลาการเสดจ็
กลบั มาของพระครสิ ต์ (ว. 48) ต้องมกี ารพดู คุยกนั ถงึ เร่อื งน้ีในครสิ ตจกั รสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ ในช่วงหลงั
ของศตวรรษทห่ี น่ึง แต่นกั บุญมทั ธวิ ไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั การกระทาเช่นนนั้ เน่อื งจากนกั บุญมทั ธวิ มแี นวโน้มท่ี
จะตคี วามอุปมาต่างๆ ในแบบของนิทานเปรยี บเทยี บ ทา่ นอาจเขา้ ใจวา่ เร่อื งอุปมาน้ีมุ่งเน้นทจ่ี ะกล่าวกบั
ผนู้ าของพระศาสนจกั ร ผซู้ ง่ึ เขา้ ใจว่าเกดิ ความลา่ ชา้ ในการเสดจ็ กลบั มาของพระครสิ ต์ จงึ นาอานาจมาใช้
ในทางทผ่ี ดิ เพ่อื สรา้ งประโยชน์ต่างๆ ใหต้ นเอง แต่ความจรงิ นนั้ ตรงขา้ มกบั สง่ิ ทพ่ี วกเขาคาดคานวณไว้
พระเป็นเจา้ จะเสดจ็ กลบั มาอย่างไม่คาดฝันและพวกเขาจะถูกลงโทษอย่างน่าสยองขวญั หรือแปลตาม
ตวั อกั ษรว่า “ถูกตดั เป็นสองท่อน” (Cutting in Two) ซ่งึ เป็นการแยกส่วนของร่างกายทน่ี ิยมปฏบิ ตั โิ ดย
เผดจ็ การชาวเปอรเ์ ซยี นกั บุญมทั ธวิ เตมิ ขอ้ ความเพมิ่ เตมิ จากคาพดู ในเอกสารแหลง่ Q วา่ พวกเขาจะถูก
นับรวมกบั ผูท้ ่ไี ม่เช่อื (ซ่งึ นักบุญมทั ธวิ เปล่ยี นเป็นคาว่า “คนหน้าซ่อื ใจคด”) ซ่งึ เช่อื มโยงกบั วบิ ตั ติ ่างๆ ใน 23:16-36
และแสดงใหเ้ หน็ อกี ครงั้ หน่งึ อยา่ งทเ่ี หน็ ในทน่ี ้วี า่ เป็นการม่งุ เน้นทเ่ี ตอื นบรรดาผนู้ าของพระศาสนจกั ร

ข้อคิดไตรต่ รอง
1. เน้ือหาส่วนน้ีเก่ียวข้องกบั การมาถึงของพระศาสนจกั รอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ คือการเสด็จ

กลบั มาของพระเยซูเจา้ เราอาจถามตนเองวา่ อะไรคอื สงิ่ ทเ่ี รารแู้ ละอะไรคอื สง่ิ ทเ่ี ราไมร่ ู้ มนั งา่ ยทจ่ี ะบอก
ว่าเราไม่รอู้ ะไร สง่ิ ทเ่ี ราไม่รกู้ ค็ อื เวลา วนั เดอื นปีหรอื ชวั่ โมง ผคู้ นทศ่ี กึ ษาหนังสอื ประกาศกดาเนียลและ
ววิ รณ์อย่างจรงิ จงั และพยายามจะถอดรหสั ออกมา กเ็ พยี งแต่หลอกตนเองเท่านนั้ เราถูกเรยี กใหเ้ ป็นผทู้ ่ี
ยงั ไมป่ ักใจเชอ่ื เกย่ี วกบั เวลาของการเสดจ็ กลบั มาของพระเยซเู จา้ เพราะเรากแ็ คไ่ ม่รจู้ รงิ ๆ

แต่สงิ่ ท่ีเรารู้ คือ ส่งิ ท่ีเราควรจะทาอยู่ในขณะน้ี เน่ืองจากเราไม่รู้ว่ามนั คอื วนั ใดหรอื เวลาใด
ดงั นัน้ เราจะต้อง “พร้อม” อยู่เสมอ ในบรบิ ทของพระวรสารนักบุญมทั ธวิ สง่ิ น้ีหมายถงึ การกระทากจิ
เมตตา การให้อภัย และสนั ติสุขท่ีเป็นลกั ษณะของประชากรแห่งพระอาณาจกั รพระเป็นเจ้า ตลอด
ประวตั ศิ าสตรท์ ผ่ี ่านมา มกั มคี นบางกลุ่มทเ่ี ช่อื ว่าตนรวู้ ่าโลกจะถงึ จุดจบเม่อื ใด พวกเขาลาออกจากงาน
และรอคอยอยา่ งคาดหวงั ถงึ การปรากฏกายของพระครสิ ต์ ในความเขา้ ใจของนกั บุญมทั ธวิ เกย่ี วกบั ความ
เชอ่ื ของชาวครสิ ต์ การเสดจ็ กลบั มาของพระครสิ ตไ์ มไ่ ดต้ อ้ งการใหเ้ ราหยุดการทางานในฐานะเป็นพระศา
สนจกั รของโลก แตใ่ นทางตรงขา้ ม มนั เรยี กใหเ้ ราทางานน้อี ย่างเรง่ ดว่ นมากขน้ึ ตา่ งหาก

520

2. นกั บุญมทั ธวิ ดจู ะใส่ใจเป็นพเิ ศษเกย่ี วกบั การใชอ้ านาจอย่างถูกตอ้ งเหมาะสมของพระศาสนจกั ร
ในมุมหน่ึงทา่ นเคารพอานาจของพระศาสนจกั ร และเหน็ ว่าบรรดาศษิ ยน์ นั้ มสี ว่ นร่วมในอานาจความเป็น
พระเมสสยิ าหข์ องพระเยซูครสิ ต์ (เทยี บ 10:1-5ก; 19:28) แต่เช่นเดยี วกบั การทค่ี วามเป็นกษตั รยิ ท์ พ่ี ระเยซู
เจา้ ทรงประกาศและทรงแสดงใหเ้ หน็ ในชวี ติ ของพระองค์แตกต่างอย่างสน้ิ เชงิ กบั การเป็นกษตั รยิ ์แบบ
ทางโลก (ดู เทียบ 20:20-28) ดงั นัน้ คาว่า “สทิ ธอิ านาจ” จงึ ถูกมองในแบบท่ีแตกต่างออกไปอย่างส้นิ เชิง
เช่นกนั จอห์น ไมเออร์ (John Meier) ได้ศกึ ษาวเิ คราะห์ดาเนินตามแนวทางแบบนิทานเปรยี บเทยี บ
ของนกั บุญมทั ธวิ และชใ้ี หเ้ หน็ วา่ ใน 24:45-51 สทิ ธอิ านาจนนั้ คอื (1) มแี หลง่ ทม่ี า (2) เป็นสง่ิ ชวั่ คราว (3)
มไี วเ้ พอ่ื ประโยชน์สาหรบั ผอู้ น่ื และ (4) เป็นประชาธปิ ไตย ในเรอ่ื งอปุ มาน้ี ผทู้ ไ่ี ดร้ บั อานาจเหนือผอู้ น่ื คอื
คนทต่ี อ้ งเป็นผรู้ บั ใช้

 John Paul Meier (เกดิ ค.ศ. 1942) เป็นพระสงฆค์ าทอลกิ ชาวอเมรกิ นั และนกั วชิ าการดา้ นพระคมั ภรี ์ เขาเป็นผแู้ ต่งหนงั สอื ชดุ “A
Marginal Jew: Rethinking the Historical Jesus (5 v.), หนงั สอื อน่ื อกี 6 เลม่ และบทความสาหรบั นิตยสารและหนงั สอื อกี จานวน 70
บทความ.

521

522


Click to View FlipBook Version