The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

"วิศวกรสังคมวไลยอลงกรณ์: บัณฑิตจิตอาสาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน"

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by maliwan.pan, 2022-10-03 03:27:21

"วิศวกรสังคมวไลยอลงกรณ์: บัณฑิตจิตอาสาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน"

"วิศวกรสังคมวไลยอลงกรณ์: บัณฑิตจิตอาสาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน"

Keywords: วิศวกรสังคม,VRU,วศค.VRU,วศค.

Time Line กระบวนกำร

ศกึ ษำและเก็บรวบรวม วเิ ครำะหข์ ้อมลู ดำเนนิ โครงกำร โดยกำรให้ ติดตำมผล
ข้อมลู เกี่ยวกบั กำรวำงแผน กำรวำงแผนทำง ควำมรนู้ กั ศึกษำผ่ำนคลปิ กำรดำเนินงำน
ทำงกำรเงนิ ของนกั ศกึ ษำ วดิ ีโอ อนิ โฟกรำฟกิ และ
โดยใชแ้ บบสอบถำมผำ่ น กำรเงนิ ของ กำรทำบัญชีบันทกึ รำยรับ
นกั ศกึ ษำ
Google Form รำยจำ่ ยด้วย Excel

ผลที่คำดว่ำจะได้รบั เครอื ขำ่ ย (ถ้ำมี)

1. นกั ศึกษำมีควำมรแู้ ละควำมเข้ำใจเกีย่ วกบั คณะกรรมกำรกจิ กำรนกั ศกึ ษำ
กำรวำงแผนทำงกำรเงินของตนเอง ทุกคณะภำยในมหำวทิ ยำลยั

2. นกั ศึกษำมวี นิ ัยทำงกำรเงนิ สำมำรถบรหิ ำรเงิน แนวทำงกำรแก้ไข
ในชวี ติ ประจำวันอย่ำงมปี ระสทิ ธภิ ำพ

ขอ้ จำกดั 1. วำงแผนกำรดำเนนิ งำนและ
ประสำนงำนคณะกรรมกำรกิจกำร
1. ปัญหำระหว่ำงกำรดำเนินงำนในสถำนกำรณป์ ัจจุบัน นกั ศกึ ษำทกุ คณะภำยในมหำวทิ ยำลยั
(โควดิ -19)กำรเรียนออนไลน์
2. เผยแพร่คลิปวดิ ีโอ อินโฟกรำฟกิ
2. กำรเข้ำถึงกจิ กรรมผ่ำนส่ืออเิ ล็กทรอนกิ ส์
3. จำนวนผูเ้ ข้ำร่วมโครงกำรอำจไม่เป็นไปตำมเป้ำหมำย และกำรทำบัญชบี ันทกึ รำยรับ-
รำยจ่ำยให้หลำกหลำยชอ่ งทำง
ทีก่ ำหนด 3. ประชำสัมพนั ธข์ ่ำวสำรกำรจดั
กจิ กรรมทุกชอ่ งทำง
ผลลัพธ์

ดำ้ นสังคม นักศึกษำมีควำมรู้และควำมเข้ำใจเก่ียวกับกำรวำงแผนทำงกำรเงนิ ของตนเอง

ด้ำนเศรษฐกจิ นักศึกษำสำมำรถใชจ้ ำ่ ยเงินในชวี ติ ประจำวันอยำ่ งมีประสทิ ธภิ ำพและมเี งินออม

สำหรบั ใช้จ่ำยในสง่ิ ท่จี ำเป็น

ดำ้ นสิง่ แวดลอ้ ม

กำรขยำยผล จดั ทำคู่มอื กำรวำงแผนทำงกำรเงินของนักศึกษำ และกำรทำบัญชี
บนั ทกึ รำยรบั -รำยจำ่ ยใหแ้ กน่ กั ศกึ ษำชน้ั ปอี นื่ ๆ และบคุ คลทสี่ นใจ
ผำ่ นช่องทำงทห่ี ลำกหลำย

45

โครงกำร ผลิตภณั ฑจ์ ากลูกตีนเปด็ น้า

องค์ควำมรู้ดำ้ น ผลิตภัณฑ์ชุมชนและด้ำนกำรจัดกำรส่งิ แวดลอ้ ม

Time Line พฒั นำกำร

พัฒนำกำร 1. ศึกษำบริบทของชุมชน

กระบวนกำร 2. กำรดำเนนิ กิจกรรม

ฟำ้ ประทำน 3. ค้นหำควำมต้องกำร

กำรพฒั นำนวัตกรรม 4. ออกแบบผลิตภณั ฑจ์ ำกลูกตนี เป็ดน้ำ

กำรประเมิน 5. ติดตำมผล

ค้นหำข้อเท็จจริง (Fact and Feeling)

สภำนกั ศกึ ษำ ภำคปกติ ได้มคี วำมสนใจจดั ทำโครงกำรผลิตภัณฑจ์ ำกลกู ตนี เปด็ น้ำ
จำกกำรสงั เกตพบวำ่ ตน้ ตนี เปด็ น้ำในมหำวทิ ยำลยั มผี ลในปรมิ ำณมำก มที งั้ ผลออ่ นและผลแก่
โดยผลออ่ นนน้ั จะยงั อยู่บนต้น สว่ นผลตีนเปด็ น้ำทแี่ กจ่ ะร่วงลงพ้นื บ้ำง และบำงสว่ นกจ็ ะร่วง
ลงนำ้ แตไ่ มม่ ีกำรจดั กำรใด ๆ หรอื นำมำทำประโยชนแ์ ต่อย่ำงใด จงึ สอบถำมผู้ทด่ี ูแลตน้ ไม้
ภำยในมหำวทิ ยำลัยทำใหท้ รำบตน้ ตนี เปด็ ถกู ซอ้ื มำปลกู ไวเ้ ปน็ ไมป้ ระดบั และใหร้ ม่ เงำเท่ำนน้ั
คณะทำงำนจึงเหน็ วำ่ ลูกตนี เปด็ น้ำน่ำจะสำมำรถนำมำทำให้เกดิ ประโยชนไ์ ด้ จงึ เกดิ แนวคิด
กำรทำผลิตภัณฑ์ลูกตีนเปด็ น้ำข้ึน

วัตถปุ ระสงค์

เพ่อื จัดกำรปัญหำสง่ิ แวดลอ้ มในพื้นทม่ี หำวิทยำลยั และเพิ่มมลู ค่ำลูกตนี เป็ดนำ้

46

Time Line กระบวนกำร วำงแผนกำรดำเนินงำนโดย ดำเนินกิจกรรมและ
กำรคน้ หำชุมชนเป้ำหมำย ประเมินผล
กระบวนกำรสรำ้ งองคค์ วำมรู้ และศึกษำควำมต้องกำร
โดยกำรบูรณำกำรศำสตร์ด้ำน
สังคมศำสตรแ์ ละบริหำรธรุ กจิ ผ่ำน ชมุ ชน

กำรอบรมและกำรสืบค้น

ผลที่คำดว่ำจะได้รบั เครือขำ่ ย (ถำ้ ม)ี

สำมำรถจัดกำรปัญหำส่ิงแวดลอ้ มในพ้ืนที่ ภำคีเครอื ขำ่ ย ประกอบด้วย
มหำวทิ ยำลัย และสรำ้ งมลู ค่ำเพมิ่ ใหก้ บั ลกู ตนี เป็ดน้ำ เครอื ขำ่ ยนักศึกษำระหวำ่ งคณะ
วทิ ยำลัย

ขอ้ จำกดั แนวทำงกำรแก้ไข

1. เน่อื งจำกสถำนกำรณโ์ รคระบำด 1. ใชก้ ระบวนกำรติดต่อกับชมุ ชนช่องทำง
Covid 19 ทำให้บำงกิจกรรม Online และกำรเชญิ บคุ คลสำคัญมำรว่ ม
ไม่สำมำรถลงพ้นื ทไี่ ด้ ดำเนนิ กจิ กรรม

2. ขำดงบประมำณในกำรสนบั สนนุ ใน 2. ขอควำมร่วมมอื กับภำคีเครือข่ำย
กำรพฒั นำผลติ ภณั ฑ์ มรภ.วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมรำชูปถมั ภ์

ผลลัพธ์

ด้ำนสงั คม เกดิ กำรทำงำนแบบมสี ่วนรว่ มสร้ำงควำมเขม้ แขง็ ให้ชมุ ชน
ดำ้ นเศรษฐกจิ นักศึกษำมีรำยได้จำกกำรจำหน่ำยผลติ ภัณฑจ์ ำกลกู ตีนเปด็ น้ำ
ด้ำนสิง่ แวดลอ้ ม
จัดกำรส่ิงแวดลอ้ มภำยในมหำวทิ ยำลยั และเพม่ิ มลู คำ่ ลูกตีนเป็ดน้ำ

กำรขยำยผล 1. มีกำรสง่ เสรมิ ชอ่ งทำงกำรตลำด
2. มกี ำรพฒั นำรปู แบบผลิตภัณฑ์ใหห้ ลำกหลำย

47

โครงกำร การพฒั นากลุ่มวิสาหกจิ ชุมชนน้าพริกแกง
องค์ควำมรู้ด้ำน หมู่ที่ 3 ตา้ บลบางกระบอื อ้าเภอสามโคก
จังหวัดปทุมธานี

ผลิตภณั ฑช์ ุมชน

Time Line พัฒนำกำร

จุดเร่ิมต้นจำกกำรว่ำงงำนของคนในหมู่บ้ำน จึงมีกำรรวมกลุ่มกันจำกกลุ่มเล็ก ๆ
ในครอบครวั และเรมิ่ จะขยำยออกไปสูเ่ ครอื ญำติ เมอ่ื มีกำรทำน้ำพรกิ ทเี่ พ่ิมมำกขึน้ พรอ้ มกบั
ควำมตอ้ งกำรของคนในชุมชนกเ็ กิดเป็นธุรกิจเล็ก ๆ จำกครบครวั สเู่ ครอื ญำติซึ่ง ณ ปจั จุบัน
กข็ ยำยสชู่ มุ ชนทมี่ กี ำรรวมกลมุ่ ของคนทวี่ ำ่ งงำน หรอื ตอ้ งกำรหำรำยไดเ้ สรมิ ตำ่ ง ๆ ซง่ึ ทกุ บำ้ น
ของสมำชิกในกลุม่ กม็ ีกำรปลูกหรือหำวตั ถุดบิ ในกำรทำพรกิ แกงทงี่ ่ำยและสะดวก ตอนแรก
มีเพยี งบำ้ นละต้น แตเ่ ม่ือเวลำผำ่ นไปจำกบำ้ นละตน้ กลบั กลำยเปน็ สวนหย่อม ๆ มีวตั ถดุ ิบที่
ครบครนั ทำให้กลำยเปน็ วิสำหกจิ ชมุ ชนที่สืบตอ่ กันมำยำวนำน

ค้นหำข้อเท็จจริง (Fact and Feeling)

น้ำพริกแกง หมู่ที่ 3 ตำบลบำงกระบือ ได้มีกำรรวมตัวกันของคนในหมู่บ้ำนท่ีมี
ปญั หำเศรษฐกจิ ในปจั จบุ นั เพอื่ ตอ้ งกำรลดค่ำใชจ้ ำ่ ยในครวั เรอื น จงึ เกดิ กำรเสนอควำมคดิ ให้
มกี ำรผลติ พรกิ แกง โดยนำวตั ถดุ บิ ทม่ี อี ยใู่ นทอ้ งถน่ิ มำผลติ เปน็ น้ำพรกิ แกง แตด่ ว้ ยผลติ ภณั ฑ์
นำ้ พริกแกงของตำบลบำงกระบือซ่ึงเปน็ สินค้ำพน้ื เมืองนยี้ ังไม่เป็นทร่ี ู้จกั อย่ำงแพรห่ ลำย

วตั ถุประสงค์

1. เพ่อื ออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรบั น้ำพรกิ แกง หมู่ท่ี 3 ตำบลบำงกระบือ อำเภอสำมโคก
จังหวัดปทุมธำนี

2. เพอ่ื เพมิ่ โอกำสในกำรขยำยชอ่ งทำงกำรตลำด

48

Time Line กระบวนกำร

เรม่ิ จำกตำพรกิ ไทยใหล้ ะเอยี ด จำกนนั้ ใสเ่ มด็ ผกั ชแี ละผงขมน้ิ ลงไปตำ แลว้ พกั ใสถ่ ว้ ย
เอำไว้ ผำ่ พรกิ แหง้ นำเมลด็ ออก นำไปแชน่ ำ้ ทิง้ ไว้ประมำณ 10 นำที จนชุ่ม แลว้ ห่นั เปน็ ชน้ิ
เลก็ ๆ ตำคกู่ บั เกลือจนเปน็ เนอื้ เดยี วกนั จำกน้นั ใส่รำกผกั ชี ตะไคร้ ขำ่ ผวิ มะกรูด หอมแดง
และกระเทียมตำมลงไป โขลกประมำณ 15 นำที จนไดเ้ น้ือแกงท่ีเนยี น แลว้ ค่อยใสก่ ะปกิ ับ
ผงในถว้ ยทพ่ี ักเอำไวต้ ั้งแตแ่ รก โขลกต่อจนได้พริกแกงเนอื้ หนำเนียน

ผลทค่ี ำดว่ำจะได้รบั เครอื ข่ำย (ถ้ำมี)

1. ได้บรรจุภณั ฑ์ชนดิ ใหมท่ ่มี ปี ระสทิ ธิภำพมำกขึน้
2. กลุ่มทำน้ำพรกิ แกงมีรำยไดท้ ี่เพ่มิ ขึ้น

ข้อจำกดั แนวทำงกำรแก้ไข

กำรเกดิ โรค Covid-19 ทำใหก้ ำรลง ปฏิบัติตำมมำตรกำรของมหำวทิ ยำลัย โดยใชว้ ิธี
พืน้ ท่หี ำข้อมูลทำไดย้ ำก เพรำะเส่ยี ง คน้ ควำ้ ขอ้ มูลทำงอนิ เทอรเ์ นต็ ติดตอ่ สอบถำม
ต่อกำรติดเชือ้ โควดิ 19 ขอ้ มลู ทำงโทรศัพท์ หรอื ไลน์ (line)

ผลลัพธ์

ด้ำนสังคม สำมำรถสง่ เสรมิ ภูมิปัญญำท้องถิน่ ใหค้ งอย่แู ละสบื ทอดต่อไปจำกรุ่นสูร่ ุ่น
ดำ้ นเศรษฐกิจ มีช่องทำงกำรตลำดใหร้ จู้ กั กนั แพร่หลำยและสร้ำงรำยไดใ้ หก้ ลมุ่ วสิ ำหกิจชุมชนมำกย่ิงขึ้น
ดำ้ นสิง่ แวดลอ้ ม มีกำรสง่ เสรมิ กำรใชว้ ัตถดุ บิ ท่มี ีในทอ้ งถิ่นมำผลิตเป็นนำ้ พริกแกง

กำรขยำยผล ออกแบบบรรจุภณั ฑ์สำหรับ น้ำพริกแกง หม่ทู ี่ 3 ตำบล
บำงกระบือ ให้มปี ระสิทธิภำพดขี น้ึ และเพมิ่ โอกำสในกำรขยำย
ช่องทำงกำรตลำดใหร้ จู้ กั แพรห่ ลำยและสำมำรถสง่ เสรมิ
ภมู ปิ ัญญำทอ้ งถนิ่

49

โครงกำร กำรจดั กำรขยะในชุมชนเคหะระพีพฒั น์

ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธำนี

องค์ควำมรดู้ ำ้ น กำรบรกิ ำรชุมชนและกำรจดั กำรสง่ิ แวดล้อม

Time Line พฒั นำกำร

กำรดำเนนิ งำน เดอื นสงิ หำคม

สปั ดำหท์ ่ี 1 สัปดำหท์ ี่ 2 สัปดำหท์ ่ี 3 สปั ดำหท์ ่ี 4

1. กำรคดั เลอื กหวั ขอ้ และปัญหำท่ี
สนใจ

2. กำรศึกษำค้นควำ้ และวำงแผน
ดำเนินงำน

3. กำรดำเนินโครงกำร

4. กำรนำเสนอโครงกำร

คน้ หำข้อเทจ็ จริง (Fact and Feeling)

จำกกำรที่สมำชิกคณะทำงำนซ่ึงอำศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ได้สอบถำมคนในชุมช น
และสงั เกตในชมุ ชนเคหะระพพี ฒั น์ ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธำนี พบว่ำ
มปี ัญหำเรอ่ื งกำรจดั กำรขยะ 2 ปัญหำหลกั ๆ คอื 1) คนในชมุ ชนมพี ฤตกิ รรมกำรท้งิ ขยะ
โดยไม่มีกำรแยกประเภทขยะ และ 2) ปญั หำขยะล้น เน่ืองจำกถังขยะมจี ำนวนไม่เพียงพอ
ต่อปรมิ ำณขยะทที่ งิ้ ในแตล่ ะวนั คณะทำงำนจึงเกิดแนวคิดเร่ือง “กำรจดั กำรขยะในชุมชนุ
เคหะระพพี ฒั น์” เพ่อื แก้ไขปญั หำดังกลำ่ ว

วัตถปุ ระสงค์

1. สรำ้ งแนวทำงกำรจัดกำรขยะอยำ่ งถกู วธิ ี
2. สง่ เสริมกำรมสี ่วนร่วมของประชำชนในชมุ ชนในกำรคัดแยกขยะ โดยแยกขยะทว่ั ไป

ขยะอันตรำย และขยะรไี ซเคิล เพอ่ื กำรจัดกำรขยะอย่ำงมีประสทิ ธิภำพ

50

Time Line กระบวนกำร

1 2 3 4

คัดเลอื กหัวขอ้ และ ศกึ ษำคน้ คว้ำและ ดำเนินโครงกำร นำเสนอโครงกำร
ปัญหำท่สี นใจท่ีจะ วำงแผน

ศึกษำ กำรดำเนินงำน

ผลท่ีคำดวำ่ จะได้รบั เครอื ขำ่ ย (ถ้ำม)ี

ชุมชนมกี ำรพัฒนำมำกขึน้ และไดร้ ับควำมรว่ ม แนวทำงกำรแก้ไข
รว่ มมอื จำกคนในชมุ ชน ไดร้ ับผลท่ีดีและตรงตำม
เป้ำหมำยหมำยท่กี ำหนดไว้ ปฏบิ ตั ิตำมมำตรกำรกำรป้องกนั ของ
รัฐ และให้ตวั แทนกลุ่มซึ่งอำศัยอยูใ่ น
ขอ้ จำกัด ชมุ ชนเป็นผูส้ ำรวจและเก็บขอ้ มูล
เบื้องตน้
เนื่องจำกสถำนกำรณ์กำรระบำดของโรคโควดิ 19
ทำให้คณะทำงำนไม่สำมำรถลงพนื้ ท่ีเพ่ือสำรวจ
และเก็บข้อมูลของชมุ ชนได้อย่ำงละเอียด

ผลลัพธ์

ด้ำนสงั คม คนในชุมชนมคี วำมร่วมมอื ในกำรแก้ไขปัญหำ
ด้ำนเศรษฐกจิ ชมุ ชนมกี ำรจัดตง้ั ธนำคำรขยะ ทำให้คนในชมุ ชนมรี ำยได้จำกกำรนำขยะรีไซเคลิ มำขำย
ดำ้ นส่ิงแวดลอ้ ม ชว่ ยลดปริมำณขยะในชุมชนและลดมลพิษจำกปรมิ ำณขยะท่มี ำกเกนิ ไป

กำรขยำยผล ชุมชนเกดิ กระบวนกำรมสี ่วนร่วมในกำรบรหิ ำรจัดกำร
ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มอยำ่ งมีระบบ และเป็น
แบบอย่ำงท่ีตำมเกณฑท์ ่กี ำหนด

51

โครงกำร ชุมชนวัดพืชนิมติ รอยูอ่ ย่างปลอดภยั
ห่างไกลอบุ ตั เิ หตุบนทอ้ งถนน

องค์ควำมรดู้ ้ำน กำรบริกำรชุมชน

Time Line พฒั นำกำร

12 34 5

ประชุมกลุ่ม เกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยกำรลงพื้นที่ ปรกึ ษำอำจำรย์ นำเสนอโครงกำรตอ่ ดำเนนิ โครงกำร ดงั น้ี 1) สร้ำงเขตลด

กำหนดพ้นื ที่ สำรวจและสมั ภำษณค์ น ในชมุ ชน เพอื่ ที่ปรึกษำในกำร คณะกรรมกำรวศิ วกร ควำมเรว็ 2) ตดิ ตง้ั ปำ้ ยจรำจรสำมแยก

และศกึ ษำ คน้ หำปญั หำ และประเมนิ ควำมเสยี่ ง ดำเนนิ โครงกำร สังคมนำขอ้ เสนอแนะ 3) ตดิ ตง้ั กระจกนนู 4) ตีเสน้ แบ่งฝง่ั

คน้ ควำ้ ข้อมูล พบวำ่ มปี ัญหำเรอ่ื งควำมปลอดภัยใน เพ่ือหำแนวทำง มำปรบั ปรงุ แกไ้ ขเพอื่ ให้ ถนน 5) ทำทำงมำ้ ลำย 6) ซอ่ มบำรงุ

เพอื่ จัดทำ ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ จำกอบุ ตั เิ หตุ จงึ เกดิ กำรแก้ไขปัญหำ กำรดำเนนิ โครงกำรให้ สะพำนทีช่ ำรดุ 7) ตดิ ต้ังเสำเรืองแสง

โครงกำร แนวคิดโครงกำร “ชุมชนวดั พชื นิมิตร มปี ระสทิ ธิผลมำกที่สดุ 8) ทำคลิปวดิ ีโอรณรงค์กำรขำ้ มถนน

อยูอ่ ยำ่ งปลอดภัยหำ่ งไกลอบุ ัตเิ หตุ โดยใชท้ ำงมำ้ ลำย

บนท้องถนน”

ค้นหำขอ้ เทจ็ จริง (Fact and Feeling)

จำกกำรลงพนื้ ทส่ี ำรวจและสอบถำมผคู้ นทอ่ี ำศยั อยใู่ นบรเิ วณสำมแยกวดั พชื นมิ ติ ร สะพำนขำ้ มคลอง
วดั พืชนมิ ติ ร หน้ำวดั พชื นิมติ ร และโรงเรยี นวดั พชื นิมิตร พบว่ำ จดุ แรกคอื บริเวณสำมแยกวดั พชื นิมติ รถยนต์
ขบั โดยไม่ชะลอควำมเรว็ ทำใหเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตรุ ถชนกนั เกดิ กำรบำดเจบ็ ทำงรำ่ งกำยและทรัพยส์ นิ เสยี หำย บรเิ วณ
ทำงแยกเปน็ จุดอบั สำยตำทำใหร้ ถยนต์ท่ีขบั มำทำงตรงมองไมเ่ ห็นรถทข่ี บั ออกมำจำกแยกชนกัน และท่ีสำคัญ
บริเวณดังกลำ่ วไมม่ ีกำรติดปำ้ ยเตือนวำ่ มสี ำมแยกอยู่ จดุ ท่สี อง บริเวณคอสะพำนข้ำมคลองมกี ำรชำรุด เม่อื รถ
ขบั ลงจำกสะพำนถำ้ ไมร่ ะมดั ระวงั จะเสยี หลกั ตกลงไปตรงจดุ ทชี่ ำรดุ ทำใหบ้ ำดเจบ็ ทรี่ ำ่ งกำยและทรพั ยส์ นิ ในกรณี
ทีร่ ถหักหลบอำจจะชนกบั รถอกี เลนท่ีขบั อยู่ สง่ ผลใหร้ ถชนกันเกดิ อบุ ตั ิเหตุ และบรเิ วณสะพำนขำ้ มคลองไมม่ ี
กำรตเี ส้นแบ่งฝงั่ อย่ำงชัดเจนทำให้รถที่ขับสวนกันไม่รขู้ อบเขตฝัง่ ของตัวเองซึง่ อำจทำใหร้ ถเกิดกำรเฉยี่ วชนกัน
จนไดร้ ับบำดเจ็บทำงรำ่ งกำยและทรัพย์สินเกดิ ควำมเสียหำย จุดทสี่ ำม บรเิ วณหนำ้ วัดพืชนิมติ รและโรงเรยี น
วดั พชื นมิ ติ รไมม่ กี ำรจดั กำรดำ้ นควำมปลอดภยั ในเรอ่ื งเสน้ ทำงเดนิ ขำ้ มถนน คณะทำงำนไดต้ ระหนกั ถงึ ปญั หำ
กำรเกิดอุบตั เิ หตุจงึ มีแนวคดิ จะจดั ทำโครงกำรชุมชนวัดพชื นิมติ รอยอู่ ย่ำงปลอดภัยหำ่ งไกลอุบตั เิ หตุ
บนท้องถนนขึ้น เพอ่ื แกไ้ ขปัญหำดังกลำ่ ว

วัตถปุ ระสงค์

1. เพื่อสร้ำงเขตลดควำมเรว็ ตดิ ต้ังกระจกนูน และตดิ ตง้ั ปำ้ ยจรำจรบรเิ วณสำมแยกหน้ำวดั พชื นิมิตร
2. เพือ่ ตีเสน้ แบง่ ฝั่งถนนและตดิ ต้งั เสำเรืองแสงปอ้ งกนั ตกบริเวณคอสะพำนวดั พชื นมิ ติ ร
3. เพื่อสร้ำงทำงมำ้ ลำยบรเิ วณหนำ้ โรงเรียนวดั พชื นิมิตร และจดั ทำวดิ โี อรณรงค์กำรขำ้ มถนนโดยใช้ทำงมำ้ ลำย

52

Time Line กระบวนกำร

กระบวนกำร 1 2 3 4 4 กระบวนกำร

จำนวนวนั 2 3 5 20 30 วัน

ชุมชนวดั พืช ประชุมกลมุ่ ประสำนงำนผ้ดู ูแล ดำเนนิ กจิ กรรม ดงั นี้ ติดตำมผล วัสดุอปุ กรณ์

นมิ ิตรอยอู่ ย่ำง เพอ่ื วำงแผน เฟซบุ๊คโรงเรยี นวัดพชื  ถ่ำยทำคลปิ วดิ โี อรณรงค์  คอมพวิ เตอร์
ปลอดภยั หำ่ งไกล กำรดำเนินงำน นมิ ติ รเพอ่ื ประชำสมั พนั ธ์ กำรใช้ทำงมำ้ ลำย
อุบตั เิ หตุบน และขออนญุ ำต  กล้องวดิ ีโอ
ทอ้ งถนน”  ตเี ส้นและทำสที ำงมำ้ ลำย  ตลบั เมตร
เจ้ำอำวำสตเี สน้ และ  สแี ละแปรงทำสี

ทำสีทำงม้ำลำย

ผลทคี่ ำดว่ำจะไดร้ บั เครือข่ำย (ถ้ำม)ี

1. ผู้ขับขี่มีพฤตกิ รรมกำรใช้รถใชถ้ นนอยำ่ งถูกต้อง  สำนกั งำนเทศบำลวัดเชยี งรำกน้อย
2. ไม่เกดิ อบุ ตั ิเหตรุ ถชนบรเิ วณสำมแยก หรือรถตก  วัดพืชนิมติ ร
 โรงเรยี นวัดพืชนิมติ ร
คอสะพำนข้ำมคลอง
3. ในชุมชนมีทำงม้ำลำยข้ำมถนนและมีพฤตกิ รรม แนวทำงกำรแก้ไข

กำรข้ำมถนนโดยใช้ทำงมำ้ ลำย

ขอ้ จำกัด  สง่ ตวั แทนกลมุ่ ลงพน้ื ทส่ี ำรวจและ
เก็บรวบรวมขอ้ มลู
1. ไม่สำมำรถลงพ้นื ท่ดี ำเนินงำนไดอ้ ยำ่ งเต็มที่
 มกี ำรจัดสรรเวลำใหเ้ หมำะสม กำรประชุม
เนือ่ งจำกสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดโรคโควิด 19 ตอ้ งสรุปประเดน็ ใหช้ ดั เจน
2. ติดต่อสอ่ื สำรท้ังภำยในและภำยนอกมหำวิทยำลัย
กำรขยำยผล
เป็นไปดว้ ยควำมยำกลำบำก

ผลลัพธ์ จำกกำรลงพืน้ ที่สำรวจ พบวำ่ ชุมชนวดั พชื
นมิ ติ รมจี ดุ เสย่ี งตอ่ กำรเกดิ อบุ ตั เิ หตทุ ี่ควรไดร้ ับ
ดำ้ นสังคม สงั คมมคี วำมปลอดภัยและลดอุบตั เิ หตทุ ำงถนน ลด กำรแกไ้ ขอยำ่ งเรง่ ดว่ น 3 จดุ ไดแ้ ก่ 1) บรเิ วณ
กำรสญู เสยี ทำใหป้ ระชำชนในชมุ ชนมคี วำมปลอดภยั สำมแยกวดั พชื นมิ ติ ร ควรสรำ้ งเขตลดควำมเรว็
ในชีวิตและทรพั ยส์ นิ ตดิ ตง้ั กระจกนนู และตดิ ตงั้ ปำ้ ยจรำจรสำมแยก
2) บรเิ วณสะพำนข้ำมคลอง ควรตเี สน้ แบ่ง
ด้ำนส่ิงแวดลอ้ ม สภำพแวดลอ้ มบรเิ วณสำมแยกวดั พชื นมิ ิตร สะพำน กำรจรำจรใหช้ ัดเจนและตดิ ตงั้ ป้ำยเรอื งแสง
ปอ้ งกนั กำรตกคอสะพำน และ 3) บรเิ วณหนำ้
ข้ำมคลอง หน้ำวดั และโรงเรยี นวดั พืชนิมิตรได้รบั โรงเรยี นวัดพชื นิมิตร ควรสร้ำงทำงม้ำลำย
กำรปรับปรุงแกไ้ ขให้มคี วำมปลอดภยั ต่อกำรใชร้ ถ และจดั ทำวดิ โี อรณรงค์กำรขำ้ มถนนโดยใช้
ใชถ้ นนของประชำชนท้งั ภำยในและภำยนอกชมุ ชน ทำงมำ้ ลำย

53

โครงกำร กำรพฒั นำบรรจภุ ณั ฑ์ ตรำสินค้ำและชอ่ งทำง

กำรขำยออนไลนไ์ ขเ่ คม็ บำ้ นคลองสะแก หมู่ 5 อำเภอลำดหลมุ แกว้ จงั หวดั ปทมุ ธำนี

องคค์ วำมรู้ด้ำน ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน

Time Line พัฒนำกำร

ศึกษำปัญหำ ประชุมร่วมกับ ทำไข่เคม็ ปรบั ปรุง
ชุมชน ชมุ ชน กระบวนกำร

ทำงำน

เพ่ิมช่องทำง จำหน่ำยสู่ บรรจภุ ณั ฑ์
กำรจดั จำหน่ำย ท้องตลำด

ค้นหำขอ้ เท็จจริง (Fact and Feeling)

เนอ่ื งจำกภำยในชมุ ชนมกี ำรเลยี้ งเปด็ ไขข่ ำยจำนวนมำก แตจ่ ำกสถำนกำรณก์ ำรแพร่
ระบำดของโรค Covid-19 ทำใหล้ ูกคำ้ เปำ้ หมำยไม่สำมำรถเข้ำมำรับซ้อื ไข่เปด็ สดได้ ทำให้
เหลอื ไขต่ กคำ้ งจำนวนมำก เกดิ กำรเนำ่ เสยี เพรำะชมุ ชนมกี ำรจำหนำ่ ยเพยี งชอ่ งทำงเดยี ว คือ
เขำ้ มำรบั ซอื้ ไข่สดหน้ำฟำรม์ จงึ มีแนวคิดกำรถนอมไข่เปด็ และสรำ้ งมลู ค่ำโดยกำรทำไขเ่ ค็ม
พอกดนิ สอพอง อกี ทงั้ พัฒนำบรรจภุ ณั ฑ์ ตรำสนิ คำ้ และช่องทำงกำรจดั จำหน่ำย เพือ่ เพม่ิ
ชอ่ งทำงในกำรจำหน่ำยและผลักดนั ผลิตภัณฑใ์ หเ้ ปน็ ทยี่ อมรับในระดบั ผลติ ภณั ฑ์ OTOP

วัตถุประสงค์

1. เพื่อศึกษำปญั หำท่เี กดิ ข้นึ ในชมุ ชน
2. เพอ่ื ลดจำนวนไขท่ ี่เหลอื จำกกำรจำหน่ำยผ่ำนหน้ำฟำรม์
3. เพื่อพัฒนำบรรจุภณั ฑ์ ตรำสนิ คำ้ และช่องทำงกำรจัดจำหนำ่ ยของผลติ ภัณฑ์ไข่เค็ม

54

Time Line กระบวนกำร

1. พัฒนำบรรจุภัณฑแ์ ละตรำสินค้ำ โดยให้มีควำมทันสมัยเพ่อื ดึงดูดผู้บรโิ ภค มีสสี ันสวยงำม และมี
ควำมนำ่ สนใจ มคี วำมเปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพำะตวั ของไขเ่ คม็ บำ้ นคลองสะแก หมู่ 5 ตรงควำมตอ้ งกำร
ของชุมชน

2. พฒั นำบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบกล่อง เพรำะสะดวกตอ่ กำรขนสง่ และสำมำรถบรรจไุ ข่เค็มได้จำนวน
มำก เพื่อลดต้นทุนกำรขนส่ง และมีช่องทำงกำรติดต่อและช่องทำงกำรขำยออนไลน์ทำให้ลูกค้ำ
เขำ้ ถงึ ไขเ่ คม็ ได้มำกข้ึน

ผลท่ีคำดวำ่ จะไดร้ ับ เครอื ขำ่ ย (ถำ้ ม)ี

1. ทำให้จำนวนไข่ทเี่ หลอื จำกกำรขำยผ่ำนหนำ้ ฟำร์มลดลง  คนในชมุ ชน
 ผูใ้ หญบ่ ้ำน/ผชู้ ่วยผูใ้ หญบ่ ำ้ น
เกิดของเสียน้อยลง  องค์กำรบริหำรสว่ นตำบล
2. ทำให้เกดิ บรรจุภัณฑ์ ตรำสนิ คำ้ และช่องทำงกำรจดั  พฒั นำกำรอำเภอ

จำหนำ่ ยของผลิตภัณฑ์ไข่เค็ม

ข้อจำกดั แนวทำงกำรแก้ไข

 สถำนกำรณ์ไวรสั โควดิ 19 ทท่ี ำให้  แบง่ กำรทำงำนเปน็ สว่ น ๆ โดยแยกกันไปทำ
คนในชุมชนตอ้ งหลกี เลยี่ ง แตล่ ะขนั้ ตอนเพื่อใหง้ ำนสำมำรถดำเนนิ กำรไป
กำรรวมกลุ่มกัน ได้โดยไมต่ ้องอยรู่ วมกัน

 ระยะเวลำในกำรคงสภำพไขเ่ ค็ม  มกี ำรทดลองและทดสอบเพื่อใหแ้ นใ่ จว่ำไข่เค็ม
ให้มีอำยุนำนขน้ึ มีระยะเวลำท่ียำวนำนข้นึ ตำมทีว่ ำงแผนไว้

ผลลัพธ์ กำรขยำยผล

ด้ำนสังคม เกิดผลติ ภณั ฑข์ องชุมชน เปน็ ผลิตภัณฑ์  กำรทำกำรตลำดออนไลนเ์ พื่อให้
OTOP ทำให้ชมุ ชนมชี ่อื เสียง ผลิตภณั ฑเ์ ขำ้ ถึงผู้ใช้งำนออนไลน์ใน
ช่องทำงต่ำง ๆ ได้มำกขึน้
ด้ำนเศรษฐกิจ ลดของเสยี ทเ่ี กิดจำกไข่ทเ่ี หลือ โดยกำรแปร
 กำรปรบั ปรงุ โครงสรำ้ งตน้ ทนุ และ
รูปทำให้ผลิตภณั ฑส์ ำมำรถคงอำยไุ ด้นำนขน้ึ รำคำเพื่อให้สำมำรถแข่งขันใน
ตลำดได้
ด้ำนส่งิ แวดลอ้ ม มีรำยได้เพ่มิ ขึ้นจำกกำรจำหน่ำยผลิตภัณฑ์
กระจำยรำยได้ใหแ้ ก่คนในชุมชน

55

โครงกำร ชีวกระดำษ

องค์ควำมรู้ดำ้ น กำรจัดกำรส่งิ แวดล้อม

Time Line พัฒนำกำร

จำกกำรศึกษำและสงั เกตสภำพภมู อิ ำกำศ พบวำ่ ปญั หำของ
ใบไมใ้ นพนื้ ท่ีสำมำรถแบง่ ได้เป็น 3 ชว่ งฤดู ไดแ้ ก่ ช่วงเดอื น ก.พ.–
ม.ิ ย. เปน็ ชว่ งฤดรู อ้ น กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หำไฟปำ่ ชว่ งเดอื น ก.ค.-พ.ย. เปน็
ช่วงฤดูฝน ก่อให้เกิดปัญหำเป็นแหล่งเพำะพันธ์ุสัตว์มีพิษ และช่วง
เดือน ธ.ค.-ม.ค. เป็นช่วงฤดูหนำว ก่อให้เกิดปัญหำไฟป่ำและเขม่ำ
จำกไฟป่ำปลวิ เขำ้ บำ้ นเรือนประชำชน

ค้นหำข้อเท็จจริง (Fact and Feeling)

มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมรำชปู ถมั ภ์ สระแกว้ มเี นอื้ ทมี่ ำกกวำ่
400 ไร่ ส่วนใหญเ่ ปน็ พ้ืนทป่ี ่ำ ทำใหเ้ กดิ ปญั หำจำกควำมแห้งแลง้ ของใบไม้ กอ่ ใหเ้ กิดปญั หำ
ไฟปำ่ รวมถงึ กำรสรำ้ งปญั หำใหแ้ กช่ มุ ชน เนอื่ งจำกเกดิ กำรปลวิ เขำ้ สบู่ ำ้ นเรอื นของประชำชน
ในพนื้ ท่ีใกล้เคียงทำใหเ้ กิดเป็นมลพิษข้ึน ส่วนในช่วงฤดูฝนจะเปน็ แหล่งอำศัยของสัตว์มพี ิษ
คณะทำงำนวิศวกรสังคม โดยนักศึกษำมหำวิทยำลัยรำชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรม
รำชปู ถมั ภ์ สระแกว้ จงึ คำนงึ ถงึ กำรใชป้ ระโยชน์จำกใบไม้ และนำใบไม้มำบรหิ ำรจดั กำรให้
เกิดประโยชน์สูงสดุ

วตั ถปุ ระสงค์

1. เพื่อแกป้ ญั หำดำ้ นส่ิงแวดลอ้ มภำยในมหำวทิ ยำลยั และชุมชนภำยนอกมหำวทิ ยำลยั
2. เพอ่ื ถำ่ ยทอดองคค์ วำมรแู้ กน่ กั ศกึ ษำภำยในมหำวทิ ยำลยั และชมุ ชนภำยนอกมหำวทิ ยำลยั
3. เพื่อสรำ้ งอตั ลกั ษณ์ใหก้ บั มหำวิทยำลัยด้ำนกำรผลติ ชีวกระดำษ
4. เพื่อให้นักศกึ ษำเกดิ รำยไดร้ ะหว่ำงเรียน

56

Time Line กระบวนกำร

ศกึ ษำสภำพ วำงแผน จัดเตรยี ม ลงมอื ปฏบิ ัติ กระดำษใบไม้
ปัญหำ ดำเนินงำน อุปกรณ์

ผลท่คี ำดว่ำจะไดร้ ับ เครอื ข่ำย (ถ้ำม)ี

1. เกดิ หลกั สตู รกำรกำรผลติ ชีวกระดำษ - สำนกั งำนพัฒนำชุมชนจังหวัด
2. กำรสรำ้ งวฒั นธรรมกำรถำ่ ยทอดองคค์ วำมรู้ สระแก้ว
- ชมุ ชนตำบลทำ่ เกษม
จำกร่นุ พส่ี ู่รนุ่ นอ้ ง
3. สำมำรถขยำยผลส่ชู มุ ชนภำยนอกได้ แนวทำงกำรแก้ไข

ขอ้ จำกดั กำรดำเนนิ งำนมีมำตรกำรใน
กำรป้องกนั โรคระบำดอยำ่ งเครง่ ครัด
ในช่วงกำรดำเนินกจิ กรรม มีระยะเวลำ รวมถึงชว่ ยกนั ศกึ ษำข้นั ตอนกำรทำงำน
นอ้ ย ทำให้กำรดำเนินงำนในบำงขั้นตอนตอ้ งมี แบบมสี ว่ นรว่ ม มกี ำรแบ่งหน้ำทีก่ นั
กำรวำงแผนที่รัดกุม เพอ่ื ให้ทนั ต่อกำรส่งผลงำน อยำ่ งชัดเจน เพือ่ ให้เกิดกำรขบั เคลอื่ น
รวมถงึ สถำนกำรณก์ ำรแพรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื อยำ่ งทันเวลำ
ไวรสั โควดิ 19 ทำให้กำรศึกษำมีข้อจำกดั

ผลลัพธ์

ด้ำนสงั คม กำรสรำ้ งวฒั นธรรมกำรถำ่ ยทอดองคค์ วำมร้สู ชู่ ุมชนภำยนอกมหำวิทยำลยั ได้
ด้ำนเศรษฐกิจ สำมำรถขยำยผลสูช่ มุ ชนภำยนอกได้ สำมำรถสรำ้ งอำชีพเสรมิ และรำยได้แก่นักศกึ ษำ

ดำ้ นสิง่ แวดลอ้ ม ลดปญั หำจำกเศษใบไมท้ ่ีไมไ่ ดใ้ ช้ประโยชน์ ลดมลพิษ

กำรขยำยผล สำมำรถพัฒนำเป็นบรรจุภัณฑท์ ี่เป็นอตั ลักษณข์ องมหำวิทยำลัย
ได้ และพัฒนำเป็นวสั ดสุ ำหรบั กำรพฒั นำเป็นผลติ ภณั ฑอ์ ่ืน ๆ ที่
ชว่ ยสร้ำงอำชีพเสริมและรำยได้แกผ่ ู้ท่ีสนใจ

57

โครงกำร พัฒนำผลิตภัณฑ์ครีมลูกประคบไพล เพ่ือยกระดับ

ผลผลิตสมุนไพรไทยในพื้นท่ตี ำบลหนองตะเคียนบอน อำเภอวัฒนำนคร จงั หวัดสระแก้ว

องคค์ วำมรดู้ ้ำน ผลิตภัณฑ์ชุมชน และภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่นิ

Time Line พฒั นำกำร

ปลกู สมุนไพร เกิดกลุ่มสมุนไพร ผลกระทบจำก
ทอ้ งถิ่น และนวดแผนไทย Covid-19

ทำครีม ไม่มีรำยได้
ลกู ประคบไพล นวดไมไ่ ด้

คน้ หำข้อเทจ็ จริง (Fact and Feeling)

ตำบลหนองตะเคยี นบอนเปน็ พนื้ ทท่ี ม่ี คี วำมอดุ มสมบรู ณไ์ ปดว้ ยทรพั ยำกรธรรมชำติ
ดำ้ นสมนุ ไพรทอ้ งถนิ่ อกี ทงั้ ยงั มกี ำรรวมกลมุ่ อำชพี เพอ่ื แปรรปู ผลติ ภณั ฑจ์ ำกสมนุ ไพรทอ้ งถนิ่
แต่เนื่องจำกสถำนกำรณ์กำรแพรร่ ะบำดของ (COVID-19) จงึ ทำให้ประชำชนไมส่ ำมำรถใช้
บริกำรด้ำนกำรแพทย์แผนไทยได้ ส่งผลให้กำรจำหน่ำยลูกประคบหยุดลง ประชำชนได้รับ
ควำมเดือดร้อนจำกกำรสูญเสียรำยได้ จำกกำรศึกษำชุมชนดังกลำ่ วคณะสำธำรณสุขศำสตร์
จงึ เลง็ เหน็ ถงึ ปัญหำทง้ั ในดำ้ นของผรู้ บั บริกำรและผู้ใช้บรกิ ำร นั่นคือ ผู้รบั บริกำรไมส่ ำมำรถ
ใช้บริกำรกำรแพทย์แผนไทยหรือกำรนวดด้วยลูกประคบได้ แม้จะมีอำกำรปวดเมื่อยหรือ
ต้องกำรควำมผ่อนคลำย ส่วนผู้ให้บริกำรก็ขำดรำยได้ในกำรจำหน่ำยลูกประคบ คณะ
สำธำรณสขุ ศำสตร์ จงึ มแี นวคดิ ทจ่ี ะพฒั นำผลติ ภณั ฑค์ รมี จำกสมนุ ไพรในลกู ประคบ ซงึ่ เป็น
ผลิตภณั ฑท์ ใี่ ช้งำ่ ย สะดวกสบำย และมีสรรพคณุ ใกล้เคยี งกบั ลกู ประคบสมนุ ไพร โดยไม่ต้อง
ออกจำกทีพ่ กั อำศยั

วตั ถุประสงค์ 1. เพอื่ พฒั นำผลิตภณั ฑ์ครีมลูกประคบไพล
2. เพอื่ ใหป้ ระชำชนในตำบลหนองตะเคียนบอน อำเภอ

วัฒนำนคร จงั หวดั สระแก้ว มรี ำยไดเ้ พิ่มขึ้น

58

Time Line กระบวนกำร

มีกำรบูรณำกำรระหว่ำงสำขำวิชำภำยในคณะสำธำรณสุขศำสตร์ โดยหลักสูตร
สำธำรณสุขศำสตรบัณฑิต สำขำวิชำสำธำรณสุขศำสตร์ และสำขำวิชำกำรจัดกำร
สถำนพยำบำล ได้ลงชุมชนเพื่อสำรวจบริบทชุมชน ส่วนหลักสูตรวิทยำศำสตรบัณฑิต
สำขำวชิ ำอนำมยั สงิ่ แวดลอ้ ม ไดล้ งสำรวจทรพั ยำกรภำยในชมุ ชน และหลกั สตู รวทิ ยำศำสตร
บัณฑิต สำขำวชิ ำสุขภำพและควำมงำม ได้ร่วมคดิ ค้นสตู รทำครีมลกู ประคบสมุนไพร

ผลทีค่ ำดวำ่ จะไดร้ บั เครอื ข่ำย (ถ้ำมี)

1. เพอ่ื ยกระดบั ผลผลติ สมนุ ไพรไทยในพื้นท่ี คณะสำธำรณสขุ ศำสตร์
2. เพอื่ ให้ผู้ที่ใช้ครมี สมนุ ไพรลูกประคบผ่อนคลำย มหำวิทยำลยั รำชภัฏวไลยอลงกรณ์
ในพระบรมรำชปู ถัมภ์ รว่ มกบั อบต.
บรรเทำอำกำรปวดเมื่อย หนองตะเคียนบอน อำเภอวฒั นำนคร
3. เพอ่ื กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถน่ิ ในตำบลหนอง จงั หวดั สระแก้ว

ตะเคียนบอน และพื้นท่ีใกล้เคยี ง แนวทำงกำรแก้ไข
4. เพอ่ื ใชท้ รัพยำกรธรรมชำติท่มี ีในท้องถนิ่ ใหเ้ ป็น

ประโยชน์

ข้อจำกดั 1. ผู้ทำโครงกำรทำปำ้ ยภำษำไทย
คู่ไปกับภำษำองั กฤษ
1. สำรที่ใช้ในกำรทำครมี มภี ำษำอังกฤษซึง่ คนในท้องถ่นิ
อำจจะจำไมไ่ ด้หรืออ่ำนไม่ออก 2. แบง่ กลุ่ม เวน้ ระยะห่ำง ปฏิบัติ
ตำมมำตรกำรของรัฐ
2. สถำนกำรณก์ ำรแพร่ระบำดของเชอ้ื ไวรสั โควิด 19

ผลลัพธ์ กำรขยำยผล

ด้ำนสงั คม เกิดกำรรวมกล่มุ อำชพี และกำรเรยี นรู้ คณะผู้จัดทำศึกษำวิธีกำรทำครีมลูกประคบ
สง่ิ ใหมอ่ ย่ำงไมม่ ที ส่ี น้ิ สดุ สมนุ ไพรจำกทำงคณะสำธำรณสขุ ศำสตร์และ
ทดลองใช้ จำกนัน้ นำวิธีกำรทำครีมลกู ประคบ
ด้ำนเศรษฐกิจ เพือ่ เพม่ิ รำยรำยใหแ้ ก่คนในชุมชน ไพลเผยแพร่กับคนในชุมชน เพ่ือให้ชุมชน
สำมำรถปฏิบัตไิ ด้ดว้ ยตนเองอยไู่ ดอ้ ย่ำงย่ังยนื
ดำ้ นส่งิ แวดลอ้ ม เพอื่ ใชท้ รพั ยำกรทมี่ อี ยใู่ หเ้ กดิ ประโยชน์ นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน รวมถึง
ไมส่ ูญเปล่ำ เพ่มิ มูลค่ำ สำมำรถสร้ำงรำยได้ให้แกช่ มุ ชน

59

โครงกำร แผน่ พน้ื ทางเทา้ เสรมิ เสน้ ใยขวดพลาสตกิ ทเี่ หลือใช้

เทศบาลเมอื งลาตาเสา ตาบลลาตาเสา อาเภอวงั น้อย จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา

องคค์ วำมรู้ด้ำน กำรจดั กำรสิง่ แวดล้อม

Time Line พัฒนำกำร

1 2 34

ลงพ้ืนที่สำรวจและ ระดมควำมคิด แลกเปลย่ี น ออกแบบและ ทดสอบ/ทดลองใช้
ศกึ ษำปัญหำ ควำมรเู้ พื่อค้นหำวิธีกำรและ พฒั นำนวตั กรรม นวัตกรรม

แนวทำงกำรแกไ้ ข 6 5

ติดตำมผล ถำ่ ยทอดองคค์ วำมร/ู้
นวตั กรรมสูช่ ุมชน

คน้ หำขอ้ เทจ็ จริง (Fact and Feeling)

จำกปญั หำพลำสตกิ ในพนื้ ที่ เชน่ ขวดพลำสตกิ แกว้ นำ้ พลำสตกิ ซงึ่ ยำกตอ่ กำรกำจดั
คณะทำงำนจึงมีแนวคิดกำรจัดทำโครงกำร “แผ่นรองทำงเท้ำเสริมเส้นใยขวดพลำสติกที่
เหลือใช”้ โดยกำรนำขวดพลำสติกมำประยุกตร์ ว่ มกบั คอนกรตี พัฒนำเปน็ แผ่นรองทำงเท้ำ
นอกจำกจะช่วยแก้ไขปัญหำขยะพลำสติกลดมลพิษต่อส่ิงแวดล้อมแล้ว ยังช่วยเพ่ิมมูลค่ำ
สำมำรถสรำ้ งรำยไดใ้ หแ้ กค่ นในชมุ ชนอีกดว้ ย

วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ ลดปัญหำขยะพลำสตกิ ในชุมชน
2, เพื่อเพ่มิ มูลคำ่ ใหแ้ ก่ขยะจำกขวดพลำสตกิ และสรำ้ งรำยได้ใหแ้ ก่

คนในชุมชน
3. สรำ้ งนวัตกรรมใหม่ “แผน่ รองทำงเท้ำ” ให้แก่ชมุ ชน

60

Time Line กระบวนกำร

ศึกษำและออกแบบสว่ นผสม สร้ำงผลิตภณั ฑ์ต้นแบบ ทดสอบผลติ ภณั ฑ์
ผลิตภณั ฑ์ เลอื กวัสดสุ ำหรับสร้ำง “แผน่ รองทำงเทำ้ ” จำก ถำ่ ยทอดองค์ควำมรู้
ขวดพลำสตกิ เหลือใช้ และนวัตกรรมสชู่ มชน
ผลติ ภณั ฑ์

ผลที่คำดว่ำจะได้รับ เครอื ข่ำย (ถำ้ มี)

1. ผลติ ภัณฑ์แผ่นรองทำงเทำ้ เสรมิ เสน้ ขวดพลำสติก แนวทำงกำรแก้ไข
2. ลดปญั หำขยะพลำสติกและสรำ้ งรำยได้ให้แกค่ นในชุมชน

ขอ้ จำกัด

เกิดโรคระบำดโควดิ 19 ทำใหเ้ กิดปัญหำใน  ถำ่ ยทอดองคค์ วำมรู้ใหแ้ ก่คนในชมุ ชน
กำรผลิตและทดสอบผลติ ภัณฑ์ตน้ แบบ และ ในรูปแบบสอื่ วดิ โี อ
ยังไม่สำมำรถลงพื้นเพือ่ ถำ่ ยทอดควำมรู้
ใหแ้ กค่ นในชุมชน  ดำเนินกำรตำมมำตรกำรปอ้ งกนั โรค
ระบำดของกระทรวงสำธำรณสุข

ผลลัพธ์

ด้ำนสงั คม ลดปัญหำขยะภำยในชุมชนส่งผลใหช้ ุมชนน่ำอยู่ย่งิ ข้ึน
ดำ้ นเศรษฐกิจ เพม่ิ มูลคำ่ ขยะพลำสติกทเี่ หลอื ใช้และสรำ้ งรำยได้ให้แก่คนในชุมชน
ด้ำนสง่ิ แวดลอ้ ม
ลดปัญหำสิ่งแวดล้อมที่เกดิ จำกขยะพลำสตกิ ภำยในชุมชน

กำรขยำยผล จดั ต้ังกล่มุ วิสำหกิจชุมชน เพ่อื พัฒนำผลติ ภัณฑ์ทีไ่ ดจ้ ำกขยะ
พลำสติกท่ีเหลือใช้ เช่น แผ่นทำงเท้ำ โคมไฟ เพื่อสง่ เสรมิ
อำชีพและสรำ้ งรำยได้ใหแ้ กค่ นในชมุ ชน

61

โครงกำร วดั ธรรมวดั ใจ

องค์ควำมรูด้ ้ำน กำรบรกิ ำรชมุ ชน

Time Line พัฒนำกำร

1 2 34 5

ประชมุ กล่มุ เกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยกำร ปรกึ ษำอำจำรย์ นำเสนอโครงกำรตอ่ ดำเนนิ กิจกรรมรณรงคก์ ำรขับข่อี ยำ่ ง
กำหนดพ้ืนท่แี ละ ลงพื้นทสี่ ำรวจและสมั ภำษณ์ ท่ีปรกึ ษำเพื่อหำ คณะกรรมกำรวศิ วกร ปลอดภัยและถูกกฎจรำจร โดยจดั ทำ
ศกึ ษำค้นคว้ำ คนในชมุ ชน เพือ่ คน้ หำ วธิ กี ำรดำเนินงำน สังคมนำข้อเสนอแนะ เปน็ คลิปวดิ ีโอ ใบปลิว โปสเตอร์
ข้อมูลเพ่อื จดั ทำ ปญั หำ พบวำ่ มีปัญหำเร่ือง และแนวทำง มำปรับปรุงแก้ไข เสนอแนะแนวทำงกำรแกไ้ ขหนว่ ยงำน
โครงกำร อุบตั เิ หตุในกำรขับข่ีของคน กำรแกไ้ ขปญั หำ เพอ่ื ใหก้ ำรดำเนิน ท่ีเกย่ี วขอ้ ง 1) ตดิ ตง้ั แผ่นกันลืน่ บน
ในชมุ ชน เกดิ เปน็ โครงกำร สะพำน 2) ตดิ ป้ำยสะทอ้ นแสงทข่ี อบ
“วดั ธรรมวัดใจ” โครงกำรแก้ปญั หำ สะพำนท้ัง 4 ด้ำน และ3) ทำถนน
สแี ดงเพือ่ ชะลอควำมเรว็

คน้ หำข้อเทจ็ จริง (Fact and Feeling)

จำกกำรลงพนื้ ทส่ี ำรวจและสอบถำมคนทใ่ี นชมุ ชนสะพำนวดั ธรรมนำวำดำ้ นหลงั มหำวทิ ยำลยั
พบว่ำ มีจุดเส่ยี งจำกกำรใชร้ ถใช้ถนนในชุมชน 3 จุด คอื จุดที่ 1 สะพำนหน้ำวัดธรรมนำวำ เปน็
สะพำนเหล็กเรียบ เม่อื รถจกั รยำนยนต์ขับมำดว้ ยควำมเรว็ ทำให้ลื่นและเกดิ อบุ ัติได้ โดยเฉพำะในฤดู
ฝนจะมีน้ำขังทำให้เกดิ อุบัติเหตุบ่อยคร้งั จุดเส่ียงท่ี 2 ทำงโค้งสะพำนหนำ้ วัดธรรมนำวำ เป็น “โค้ง
จุดอับ” เนอ่ื งจำกรถทว่ี ่งิ มำจำกดำ้ นหน้ำวดั ธรรมนำวำมักจะขบั มำด้วยควำมเรว็ และมองไม่เห็นรถ
ท่ีว่ิงมำจำกทำงด้ำนหลังวัดธรรมนำวำทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อย และจุดเส่ียงท่ี 3 ทำงเข้ำซอยบ้ำน
เชยี งรำก รถท่ขี ับมำจำกสะพำนด้ำนหน้ำวัดธรรมนำวำขับด้วยควำมเร็ว มองไม่เห็นรถทีข่ ับออกมำ
จำกซอยบ้ำนเชียงรำก เพรำะไม่มีสัญญำณไฟเตอื นบวกกบั เป็นทำงโค้งทำใหเ้ กดิ อุบัติเหตุบ่อย จำก
ปัญหำดงั กล่ำวคณะทำงำนจึงมีแนวคดิ “วัดธรรมวัดใจ” เพื่อแกไ้ ขปัญหำควำมปลอดภัยในชวี ิตและ
ทรัพย์สินของคนในชุมชนวัดธรรมนำวำ และชมุ ชนอ่ืน ๆ ท่สี ัญจรไปมำ

วัตถปุ ระสงค์

1. เพอ่ื จดั ทำบทควำมสน้ั ๆ เรอ่ื งกำรขับข่ีรถจกั รยำนยนต์บนสะพำนทีป่ ลอดภัยและถกู กฎจำจรและประชำสมั พนั ธ์ผำ่ นเสยี งตำมสำย
ของชุมชน

2. เพอื่ จดั ทำวดิ ีโอและโปสเตอรเ์ รอ่ื งกำรขับข่ีรถจกั รำนยนต์บนสะพำนทีป่ ลอดภยั และถูกกฎจรำจรผำ่ นเพจเฟซบกุ๊ ของชุมชน
3. เพ่อื ประสำนงำนหนว่ ยงำนท่ีเก่ียวขอ้ งติดต้งั แผน่ กนั ลนื่ บนสะพำนเหล็ก ติดเปำ้ สะท้อนแสง และทำถนนสีแดงชะลอควำมเร็ว

ในกำรขับขี่

62

Time Line กระบวนกำร

กระบวนกำร 1 2 3 4 4 กระบวนกำร

จำนวนวัน 1 1 28 30 60 วัน

โครงกำร ประชุมกลมุ่ ประสำนงำน ดำเนินกิจกรรม ตดิ ตำมผล วสั ดอุ ปุ กรณ์
วดั ธรรมวัดใจ วำงแผน หนว่ ยงำนทีเ่ กยี่ วข้อง  คอมพวิ เตอร์
กำรดำเนินงำน เพื่อดำเนนิ โครงกำร  กระดำษ
 เคร่อื งพมิ พ์เอกสำร

ผลทีค่ ำดวำ่ จะได้รับ เครอื ข่ำย (ถ้ำมี)

1. ถนนและสะพำนในชมุ ชนมคี วำมปลอดภัย ชว่ ยลดอบุ ตั เิ หตแุ ละอตั รำ  สำนกั งำนเทศบำลตำบล
กำรเสียชีวติ ของคนท่ีใชถ้ นนในชุมชนวัดธรรมนำวำ พระอินทรำชำ

2. ประชำชนในชุมชนวัดธรรมนำวำมคี วำมรคู้ วำมเขำ้ ใจเกีย่ วกับกำรขับข่ี  ผอู้ ำนวยกำรโครงกำรสง่ น้ำและ
ปลอดภยั ในชุมชนมำกขึ้น บำรุงรกั ษำรงั สิตเหนือ

3. เปน็ ฐำนขอ้ มูลจดุ เสีย่ งในชุมชนวดั ธรรมนำวำใหห้ น่วยงำนท่ีเกี่ยวขอ้ ง  กำนนั และผู้ใหญ่บ้ำนชมุ ชน
ดำเนนิ กำรแกไ้ ขปัญหำระยะยำว วัดธรรมนำวำ

4. สรำ้ งเครอื ขำ่ ยควำมปลอดภยั ระหวำ่ งมหำวทิ ยำลยั กับหน่วยงำน แนวทำงกำรแก้ไข
สว่ นทอ้ งถน่ิ และคนในชมุ ชนรอบมหำวิทยำลยั

ขอ้ จำกัด 1. ส่งตวั แทนกลมุ่ ท่พี กั อยู่ใกล้ลงพื้นที่
สำรวจและเกบ็ ข้อมลู
1. กำรแพรร่ ะบำดของโรคไวรสั โควิด 19 ทำใหไ้ ม่สำมำรถลงพ้ืนท่ีในชมุ ชน
ได้อย่ำงตอ่ เน่อื ง 2. สร้ำงไลนก์ ลมุ่ เพ่อื ติดต่อระสำนงำน
วำงแผน และดำเนินงำนตำมแผน
2. กำรตดิ ตอ่ ประสำนงำนท้งั หนว่ ยงำนภำยในและภำยนอกเปน็ ไปดว้ ย และระยะเวลำท่ีกำหนด
ควำมยำกลำบำก เนอ่ื งจำกมีกำรทำงำนท่บี ้ำน (Work from Home)
และเรียนออนไลน์ กำรขยำยผล

ผลลัพธ์ หลงั จำกกำรดำเนนิ โครงกำรแล้วเสรจ็
คณะทำงำนจะตดิ ตำมผลกำรเกดิ อุบตั เิ หตุ
ด้ำนสงั คม สังคมมีควำมปลอดภัยและลดอุบตั ิเหตทุ ำงถนน ลด เป็นระยะเวลำ 30 วัน เพือ่ เปรยี บเทยี บ
กำรสญู เสยี ทำใหป้ ระชำชนในชมุ ชนมคี วำมปลอดภยั จำนวนกำรเกดิ อุบัตเิ หตุกอ่ นกำรปรบั ปรงุ
ในชวี ิตและทรัพย์สนิ และจดั ทำโครงกำรแกไ้ ขปญั หำพ้นื ทเี่ สย่ี ง
สภำพแวดลอ้ มบรเิ วณวัดธรรมนำวำไดร้ บั กำร บรเิ วณทำงโคง้ วัดธรรมนำวำและปัญหำ
ดำ้ นสิง่ แวดลอ้ ม ปรับปรุงแกไ้ ขใหม้ ีควำมปลอดภัยในกำรขบั ขข่ี อง แสงสว่ำงไมเ่ พยี งพอตอ่ ไป

ประชำชนท้งั ภำยในและภำยนอกชุมชน

63

โครงกำร วไลยรวมพลังชุมชนสร้ำงถนนปลอดภัย

องค์ควำมรู้ดำ้ น กำรบรกิ ำรชุมชน

Time Line พัฒนำกำร

12 3 4 5

ประชุมในกลุ่ม ลงพน้ื ที่สำรวจข้อมูล ปรึกษำอำจำรย์ที่ นำเสนอโครงกำรต่อ นำวิธกี ำรแกไ้ ขปัญหำอบุ ัติเหตุ
กำหนดพื้นที่และ และสัมภำษณ์คนใน ปรกึ ษำในกำรจดั ทำ คณะกรรมกำรวศิ วกร ดงั น้ี
ศึกษำค้นคว้ำ ชมุ ชน เพ่อื ศึกษำ โครงกำร “วไลยรวม สงั คม ไดร้ บั ข้อเสนอแนะ  จดั ทำป้ำยรณรงค์กำรขบั ขี่
ข้อมูลเพ่ือจัดทำ ปญั หำ บริบทของ พลงั ชมุ ชนสรำ้ งถนน วธิ กี ำรแกป้ ญั หำอบุ ตั เิ หตุ ปลอดภยั
โครงกำร พ้ืนที่ และประเมิน ปลอดภยั ” ค้นหำ
ควำมเสยี่ ง วิธกี ำรและแนวทำง  ตดิ ตง้ั กระจกโคง้ มนเพม่ิ 1 จุด
กำรแกไ้ ขปญั หำ  ตเี ส้นกำรจรำจรใหม่
 ย้ำยจดุ ทิง้ ขยะออกจำกจดุ เดิม
 กำหนดจดุ พื้นท่หี ้ำมจอดรถ

ของคนในชุมชน

คน้ หำขอ้ เทจ็ จริง (Fact and Feeling)

โค้งต้นโพธิพ์ ระอนิ ทรำชำ ตำบลเชียงรำกน้อย อำเภอบำงปะอิน จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยำ เป็น
เส้นทำงท่ีมีประชำชนมำใช้เสน้ ทำงสัญจรเปน็ จำนวนมำกในชั่วโมงเรง่ ด่วน จำกกำรลงพื้นที่เพือ่ สำรวจสภำพ
กำรจรำจรบรเิ วณพน้ื ท่ี พบวำ่ มกี ำรจรำจรหนำแนน่ สว่ นใหญเ่ ปน็ ผขู้ บั ขรี่ ถจกั รยำนยนต์ โดยประมำณ จำนวน
500 คนั ตอ่ วนั จำกกำรเก็บรวบรวมสถิตกิ ำรเกิดอุบตั เิ หตุของตำรวจ สภ. พระอินทรำชำ พบว่ำ มมี ำกถึง 20
ครงั้ ตอ่ ปี หำกไมไ่ ดร้ บั กำรแกไ้ ขอำจมแี นวโน้มทจี่ ะเพม่ิ มำกข้นึ เนอื่ งจำกบรเิ วณโคง้ ตน้ โพธม์ิ ถี นนลอดใตส้ ะพำน
กว้ำง 2 เมตร ยำว 48 เมตร ซง่ึ ไมไ่ ดถ้ ูกออกแบบมำเพื่อรองรับรถจำนวนมำกทำให้ไม่เออื้ ตอ่ กำรสญั จรและยัง
มีกำรจอดรถของประชำชนในพ้ืนที่บริเวณโค้งต้นโพธิ์ ทำให้บดบังทัศนวิสัยกำรสัญจร จนกลำยเป็นพื้นท่อี บั
สำยตำและเสี่ยงต่อกำรเกิดอุบตั เิ หตุ อีกท้งั โคง้ ต้นโพธย์ิ งั มจี ดุ ทิ้งขยะรวมของคนในชุมชน มีกำรต้งั กีดขวำงเส้น
จรำจร และยงั รกุ ล้ำเสน้ ทำงจรำจร บดบงั กำรจรำจรทำใหเ้ สย่ี งตอ่ กำรเกดิ อบุ ตั เิ หตเุ ฉย่ี วชนจนไดร้ บั บำดเจบ็ และ
เสน้ ทำงจรำจรติดขดั จำกปัญหำดังกลำ่ วคณะทำงำนในนำมมหำวทิ ยำลัยรำชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรม
รำชปู ถมั ภ์ ไดต้ ระหนกั ถงึ ควำมสำคญั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ของประชำชนผทู้ ใี่ ชเ้ สน้ ทำงในกำรสญั จร จงึ มแี นวคิด
จัดทำ “โครงกำรวไลยรวมพลังชุมชนสร้ำงถนนปลอดภัย” โครงกำรมลี กั ษณะเป็นกำรดำเนินงำนแบบมี
ส่วนร่วมของภำคีเครือข่ำย คือ มหำวิทยำลัย ผู้นำชุมชนพระอินทรำชำ เทศบำลพระอินทรำชำ และตำรวจ
สภ. พระอนิ ทรำชำ มีสว่ นร่วมในกำรแกป้ ัญหำอยำ่ งยง่ั ยืน เพื่อลดอบุ ตั ิเหตใุ หเ้ ปน็ ศูนย์ หรอื เกดิ นอ้ ยทสี่ ดุ

64

วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือตเี ส้นจรำจรข้ึนมำใหมใ่ หถ้ ูกตอ้ งและชดั เจน
2. เพื่อติดตง้ั กระจกโคง้ สำหรับกำรป้องกันกำรเกดิ อบุ ตั เิ หตุ
3. เพอ่ื ยำ้ ยจดุ ท้งิ ขยะรวมของชมุ ชนทบ่ี ดบงั กำรสัญจรบนท้องถนน
4. เพ่ือกำหนดเขตพืน้ ที่ห้ำมจอดรถของคนในชุมชน
5. เพ่ือตดิ ตงั้ ป้ำยรณรงคข์ บั ข่ปี ลอดภัยและปำ้ ยจรำจร

Time Line กระบวนกำร

กระบวนกำร 1 2 3 4 4 กระบวนกำร

จำนวนวัน 1 1 30 1 33 วนั

โครงกำรวไลย ทำเอกสำรขออนญุ ำต กำหนดพื้นที่กำร ดำเนิน ติดตำมผล วสั ดอุ ปุ กรณ์
รวมพลังชมุ ชน เทศบำลสำรวจควำม จัดทำโครงกำรวไลย กจิ กรรม ป้ำยรณรงค์ ขำตั้ง สที ำถนน
แปรงทำสี แปรงไนลอ่ น ถงุ ดำ
สรำ้ งถนน คดิ เหน็ ของคนในชมุ ชน รวมพลังชุมชนสรำ้ ง ทนิ เนอร์ ไมก้ วำด กระจกโคง้ มน
ปลอดภยั เพือ่ คน้ หำปัญหำและ ถนนปลอดภยั สว่ำนไฟฟ้ำ สกรูยดึ ขำตัง้

พืน้ ทจี่ ดั ทำโครงกำร

ผลทีค่ ำดวำ่ จะไดร้ บั เครอื ข่ำย (ถ้ำม)ี

1. มกี ำรทำเส้นจรำจรข้ึนใหม่จำกโค้งเขำ้ ไปยงั ใต้สะพำน  มหำวิทยำลยั
ท้ังหมด 5 เมตร  ชมุ ชนพระอินทรำชำ
 เทศตำบลพระอินทรำชำ
2. มีกำรตดิ ต้ังกระจกโค้งมนเพิ่มในพืน้ ท่ี 1 จดุ และทำควำม  ตำรวจ สภ. พระอนิ ทรำชำ
สะอำดรอบบรเิ วณทตี่ ดิ ตงั้ กระจกเพอื่ ไมใ่ หบ้ ดบงั กำร
มองเห็น แนวทำงกำรแก้ไข

3. ย้ำยถงั ขยะห่ำงจำกจุดเดมิ ออกไป 2 เมตร
4. กำหนดพื้นทจ่ี อดรถหำ่ งจำกโค้งในรศั มี 10 เมตร และ

ตดิ ตง้ั ป้ำยรณรงค์ขับขีป่ ลอดภัยและปำ้ ยจรำจร  ตดิ ตอ่ ภำคเี ครอื ขำ่ ยทำงโทรศพั ท์

ข้อจำกัด  สง่ ตัวแทนกลมุ่ ลงพ้ืนทเ่ี กบ็ ข้อมลู

ผลลัพธ์

ไมส่ ำมำรถลงพ้นื ท่ีได้เนือ่ งจำกสถำนกำรณ์โควดิ และ

ยงั ทำใหต้ ิดตอ่ ประสำนงำนกบั ภำคเี ครอื ข่ำยยำกขึน้ ด้ำนสังคม ชุมชนมีควำมปลอดภัยมำกข้ึน อบุ ตั เิ หตุทำง

รถยนต์ลดลงและกำรจรำจรเป็นระเบยี บมำกขึน้

กำรขยำยผล ด้ำนส่งิ แวดลอ้ ม สภำพแวดลอ้ มดขี น้ึ ชมุ ชนมคี วำมสะอำด

มำกขน้ึ

ขยำยผลกำรรณรงค์ขบั ข่ปี ลอดภัยในรปู แบบออนไลนส์ อื่ โซเชยี ลตำ่ ง ๆ ซ่ึงเปน็ วธิ ที ่ที กุ คนสำมำรถเขำ้ ถงึ ได้ เช่น เว็บเพจของ
ชมุ ชนพระอนิ ทรำชำ ยทู ูป (Youtube) และ Facebook

65

โครงกำร โครงการพฒั นาเครอื่ งหนั่ หวั ไพลไทย

สา้ หรบั นา้ มนั นวดสตู รตา้ บลบางไทร อา้ เภอบางไทร จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา

องค์ควำมร้ดู ้ำน กำรบริกำรชุมชน

Time Line พฒั นำกำร ก.ค. 2564

ม.ิ ย. 2564

ศกึ ษำข้ันตอนกำรผลติ นำ้ มนั นวด สอบถำมปญั หำจำกคนในชมุ ชน
เก็บขอ้ มูลกำรผลติ นำ้ มันนวด
คนหำปัญหำท่เี กิดข้ึนระหว่ำง
ค้นหำข้อเทจ็ จริง (Fact and Feeling) กำรผลติ นำ้ มันนวด

นำ้ มันนวดสูตรตำบลบำงไทรเปน็ ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนทมี่ คี วำมต้องกำรสงู ในทอ้ งตลำด
แตด่ ว้ ยขัน้ ตอนกำรหั่นหัวไพลมีกำรใช้เวลำนำน หำกต้องกำรหั่นหวั ไพลน้ำหนกั 1 กิโลกรัม
ดว้ ยมอื จะใช้เวลำถึง 30 นำที และชน้ิ ของหวั ไพลทีห่ นั่ แล้วมีควำมหนำไมส่ ม่ำเสมอ สง่ ผล
ใหป้ รมิ ำณของน้ำมันทีไ่ ด้จำกคน้ั หัวไพลมีปรมิ ำณไม่เท่ำกันในกำรผลติ แต่ละครั้ง

วตั ถปุ ระสงค์

1. เพ่ือศกึ ษำข้นั ตอนกำรผลิตน้ำมนั นวดสูตรตำบลบำงไทร
2. ลดระยะเวลำในกำรหั่นหวั ไพล
3. เพือ่ อกแบบและสรำ้ งนวตั กรรมเครือ่ งหนั่ หวั ไพลและกำรบรรจุนำ้ มันนวด

66

Time Line กระบวนกำร

มิ.ย. 2564 ก.ค. 2564 ส.ค. 2564
ประสำนงำนชุมชนเพ่ือขอ ลงพื้นท่ีเพอ่ื สำรวจข้อมลู วำงแผนดำเนนิ งำน คน้ หำ
ศกึ ษำขน้ั ตอนกำรผลติ และศึกษำกระบวนกำรผลิต แนวทำงแกไ้ ขปญั หำ และ
นำ้ มันนวด เพอื่ ค้นหำปัญหำ ออกแบบเคร่อื งหน่ั หัวไพล
น้ำมนั นวด

ผลทีค่ ำดว่ำจะได้รบั เครือข่ำย (ถำ้ ม)ี

1. ไดเ้ ครื่องหน่ั หวั ไพลเพือ่ ชว่ ยลดระยะเวลำในกำรหน่ั หวั ไพล ชุมชนบำงไทร
ดว้ ยมอื

2. ไพลท่ีหั่นด้วยเครอื่ งมคี วำมสม่ำเสมอ

ข้อจำกัด แนวทำงกำรแก้ไข

ด้วยสถำนกำรณก์ ำรแพรร่ ะบำดของ ปฏบิ ตั ติ ำมมำตรกำรของรฐั ในกำรปอ้ งกนั กำร
เช้อื โควดิ 19 ส่งผลให้กำรดำเนนิ แพร่ระบำดของเชอ้ื โควิด 19
โครงกำรทำได้ไม่เต็มท่ี

ผลลัพธ์

ดำ้ นสังคม เกดิ กำรรวมกลมุ่ ของคนในชมุ ชน
ดำ้ นเศรษฐกิจ มผี ลติ ภณั ฑข์ องชมุ ชน เพิ่มรำยไดใ้ นครวั เรือน
ด้ำนสิ่งแวดลอ้ ม ลดกำรทิง้ เศษไพลท่ีไม่ได้ขนำดจำกกำรหัน่ ดว้ ยมอื

กำรขยำยผล พัฒนำนวตั กรรมทมี่ คี ณุ สมบัตมิ ำกย่งิ ขึน้ สำมำรถผลติ นำ้ มนั
นวดจำกหัวไพลได้ครบวงจร

67

โครงกำร ENGEDU ปนั ควำมรู้ สูโ้ ควดิ

โรงเรยี นเชียงรำกน้อย (ทรพั ย์-สงั เวียน เหรำบตั ยอ์ นุสรณ)์

องค์ควำมรูด้ ้ำน กำรบรกิ ำรชุมชน

Time Line พัฒนำกำร

คน้ หำขอ้ เท็จจริง (Fact and Feeling)

เนอื่ งดว้ ยสถำนกำรณก์ ำรแพรร่ ะบำดของโรค COVID-19 ทำใหท้ ำงโรงเรยี นมกี ำรจดั
กำรเรียนกำรสอนในรูปแบบออนไลน์ อีกทั้งนักเรียนส่วนใหญ่ไม่มคี วำมพร้อมในกำรเรียน
เช่น กำรขำดอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนกิ สแ์ ละอินเทอรเ์ น็ต คณะผทู้ ำงำนจงึ เห็นวำ่ ควรจัดทำวดิ โี อ
กำรสอนรำยวชิ ำภำษำองั กฤษ และอพั โหลดลงบน YouTube เพอื่ เปน็ สอ่ื ประกอบกำรเรยี นรู้
แบบ On-Demand Learning ทงั้ นน้ี กั เรยี นสำมำรถศกึ ษำควบคไู่ ปกบั ใบงำนแบบ On-Hand
Learning ได้

68

วัตถุประสงค์

1. เพ่อื ศึกษำควำมต้องกำรสื่อกำรจดั กำรเรียนรู้วิชำภำษำอังกฤษและส่อื กำรเรียนแบบ On-Hand
Learning ระดบั ชัน้ ประถมศึกษำ โรงเรียนเชียงรำกนอ้ ย (ทรัพย์-สงั เวียน เหรำบัตย์อนุสรณ)์

2. เพ่อื จดั ทำสื่อกำรจัดกำรเรยี นรู้วิชำภำษำอังกฤษและสื่อกำรเรียนแบบตำมควำมตอ้ งกำรของ
โรงเรยี นเชยี งรำกน้อย (ทรพั ย์-สงั เวยี น เหรำบัตยอ์ นุสรณ)์

3. เพอ่ื พัฒนำศกึ ษำผลสมั ฤทธ์ทิ ำงกำรเรียนวิชำภำษำอังกฤษระดบั ชั้นประถมศกึ ษำ โรงเรยี น
เชียงรำกน้อย (ทรัพย์-สงั เวยี น เหรำบัตย์อนุสรณ์)

Time Line กระบวนกำร เครอื ข่ำย (ถ้ำม)ี

Plane Do โรงเรียนเชียงรำกน้อย
(ทรัพย์-สังเวยี น เหรำบตั ย์
สำรวจควำมต้องกำรของ ประชุมวำงแผนกำรดำเนินงำน อนุสรณ์) และโรงเรียน
โรงเรยี น ตรวจทรัพยำกรตำ่ ง ๆ และกำหนดหนำ้ ทรี่ ับผดิ ชอบ เครอื ข่ำย
ในกำรทำโครงกำรและจัดทำสื่อ
ขอ้ จำกดั
กำรเรียนรูใ้ ห้โรงเรยี น
เนือ่ งด้วยสถำนกำรณ์
Check Act COVID-19 ทำให้
คณะผดู้ ำเนินโครงกำร
ตรวจสอบผลสมั ฤทธ์ิของ ประชุมเพื่อปรับปรุงโครงกำร ไม่สำมำรถไปลงพื้นท่ีจริงได้
นกั เรยี นหลงั จำกใชส้ ่ือ และส่อื กำรเรยี นรู้
กำรเรยี นรู้และสอบถำม แนวทำงกำรแก้ไข
ควำมคดิ เห็นของครูผูส้ อน
คณะผดู้ ำเนินโครงกำรมี
ผลที่คำดวำ่ จะไดร้ ับ กำรจดั ประชุมในรูปแบบ
ออนไลน์ร่วมกบั โรงเรยี น
1. นกั เรียนระดับชั้นประถมศึกษำ โรงเรียนเชยี งรำกน้อย
(ทรพั ย์-สังเวียน เหรำบตั ยอ์ นุสรณ์)

2. นักเรียนระดบั ช้ันประถมศกึ ษำมีผลสมั ฤทธท์ิ ำงกำรเรียน
ภำษำองั กฤษสงู ข้ึน โดยพิจำรณำจำก คะแนนสอบก่อนเรียน
และหลังเรียน

ผลลัพธ์ กำรขยำยผล

ด้ำนสงั คม นกั เรยี นมีผลสมั ฤทธท์ิ ำงกำรเรยี นรำยวชิ ำ โรงเรยี นนำไปเป็นแนวทำงในกำรจัดกำรเรยี น
ด้ำนเศรษฐกิจ ภำษำอังกฤษทีด่ ีขึ้นหลงั จำกกำรเรยี นผำ่ น กำรสอนออนไลนใ์ นรปู แบบ On-Demand Learning
ด้ำนสิง่ แวดลอ้ ม แอพพลิเคชั่น YouTube ในรูปแบบ และ On-Hand Learning ในปกี ำรศกึ ษำถดั ไปอกี ทงั้
On-Demand Learning และ On-Hand ยังเป็นโรงเรยี นตน้ แบบในกำรพฒั นำกำรสอนให้แก่
Learning โรงเรียนเครอื ข่ำย

69

โครงกำร โครงการเครือ่ งอบกล้วยจาก
พลงั งานแสงอาทติ ย์

องค์ควำมรูด้ ้ำน กำรบรกิ ำรชุมชน

Time Line พฒั นำกำร

1 2 34

ศกึ ษำและออกแบบ สร้ำงเครือ่ งอบกลว้ ยพลงั งำน นำนวัตกรรมออกสู่ ตดิ ตำมและประเมินผล
โครงรำ่ งเคร่ืองอบกล้วย แสงอำทติ ยต์ ำมแบบทรี่ ่ำงไว้ ชุมชน และสำธติ กำรใชง้ ำนและ
พลงั งำนแสงอำทิตย์จำก กำรใชง้ ำน ใชเ้ วลำ
วธิ ีกำรตำกแบบธรรมชำติ ทดสอบกำรทำงำนของ ประมำณ 7 วัน ควำมพึงพอใจของ
ตวั เครื่อง ใช้เวลำประมำณ ผใู้ ชง้ ำนใชเ้ วลำ
ประมำณ 90 วนั
30-45 วัน

คน้ หำขอ้ เทจ็ จริง (Fact and Feeling)

ปจั จบุ นั กลว้ ยนำ้ วำ้ เปน็ ทน่ี ยิ มบรโิ ภคกนั อยำ่ งแพรห่ ลำย จงึ ทำใหผ้ คู้ นสว่ นใหญห่ นั
มำปลูกกล้วยกันเป็นจำนวนมำกจนเกินกว่ำควำมต้องกำรบริโภคภำยในครัวเรือน จึงเกิด
กำรถนอมอำหำรและกำรแปรรปู สำหรบั กล้วยเกิดข้นึ ในกำรทำกล้วยตำก โดยกำรตำกด้วย
วิธีธรรมชำติอำจทำให้ฝุ่นหรือแมลงต่ำง ๆ น้ันสำมำรถเข้ำไปเกำะกับผลของกล้วยท่ีกำลัง
ตำกได้ และยงั ใช้ระยะเวลำในกำรตำกกล้วยที่ค่อนขำ้ งนำน ดังนน้ั จงึ ได้นำวธิ กี ำรตำกกล้วย
แบบธรรมชำติมำพัฒนำเป็นเคร่ืองอบกล้วยจำกพลังงำนแสงอำทติ ยท์ ่สี ำมำรถกนั ฝนุ่ แมลง
ได้ สำมำรถตำกไดท้ งั้ ในเวลำกลำงวนั และกลำงคนื เพอ่ื เปน็ กำรลดระยะเวลำในกำรตำกกลว้ ย
และประหยัดดว้ ย

วตั ถปุ ระสงค์

1. เพ่อื ใหเ้ คร่อื งตำกกลว้ ยสำมำรถป้องกันฝุ่นและแมลงได้
2. เพื่อลดระยะเวลำทใ่ี ช้ในกำรตำกกล้วย
3. ผลผลิตจำกเครอ่ื งตำกกลว้ ยมสี สี ันน่ำรับประทำน

70

Time Line กระบวนกำร

นกั ศกึ ษำมกี ำรบรู ณำกำรข้ำมศำสตร์ระหวำ่ ง “วศิ วกรรมศำสตร์” (กำรสร้ำงเครอื่ งอบและองค์
ควำมรูด้ ำ้ นแสงอำทติ ย)์ เขำ้ กับ “ศำสตร์ดำ้ นกำรเกษตร” (เร่อื งผลผลิตกลว้ ยน้ำวำ้ ) โดยมี Time Line
กระบวนกำรดงั นี้

เกบ็ รวบข้อมูลขอ้ มูลเพือ่ ใช้ใน ออกแบบและสร้ำง วำงแผน ประเมนิ ผล
กำรออกตัวเคร่ือง เช่น ข้อมลู เคร่ืองอบกล้วย ดำเนินงำนและ รว่ มกบั ชมุ ชน
ผลผลิตกล้วย ข้อมูลสภำพ พลงั งำนแสงอำทิตย์ ทดลองร่วมกับ

แสงอำทติ ย์ ชมุ ชน

ผลทค่ี ำดวำ่ จะได้รบั เครือข่ำย (ถ้ำมี)

นวัตกรรมเครอื่ งอบกลว้ ยพลงั งำนแสงอำทติ ย์  มหำวิทยำลัย
ช่วยลดระยะเวลำในกำตำกกลว้ ย สำมำรถป้องกัน  ตำบลระหำน อำเภอบำงบวั ทอง
จงั หวัดนนทบรุ ี
ฝ่นุ และแมลง

ข้อจำกัด แนวทำงกำรแก้ไข

เวลำในกำรศกึ ษำหำข้อมลู เกี่ยวกับเร่ืองผลข้ำงเคยี งที่เป็น ทำกำรสำรวจ ทดลอง และ
อนั ตรำยหรือไม่ มเี วลำนอ้ ยเกนิ ไป บันทกึ ขอ้ มูล

ผลลัพธ์

ดำ้ นสงั คม ยกระดบั ควำมสัมพนั ธข์ องคนในชุมชนข้ึนในระหวำ่ งรว่ มกิจกรรม
ด้ำนเศรษฐกจิ ได้ผลผลิตเร็วขึ้น ทำให้มีผลผลติ มำขำยมำกขึ้นในระยะเวลำเท่ำเดิม
ดำ้ นสง่ิ แวดลอ้ ม ชว่ ยลดขยะจำกธรรมชำติและเคร่ืองอบกลว้ ยไม่สง่ ผลพษิ ตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม

กำรขยำยผล  ประยุกตใ์ ช้เครอื่ งอบกบั ผลิตผลเกษตรอน่ื ๆ เช่น ผลไมอ้ บแห้ง และเน้ือสตั ว์
อบแห้ง

 นำเครอื่ งเครอื่ งอบไปสำธติ ใหแ้ กช่ มุ ชนอน่ื ๆ เพอื่ ประยกุ ตใ์ ชต้ ำมขอ้ 1

 ใชเ้ ป็นเคร่ืองต้นแบบ เพอ่ื ใชเ้ ป็นส่วนหน่งึ ของศูนยส์ ง่ เสรมิ กำรเรียนรู้ของ
ชุมชนต่ำง ๆ

71

รำยชอื่ อำจำรยท์ ่ปี รกึ ษำโครงกำร

รองศาสตราจารย์ ดร.วชั ระ เพม่ิ ชาติ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมทรง บรรจงธิตทิ านต์

ผชู้ ว่ ยศาสตาจารย์ ดร.ณฐั สมิ า โทขนั ธ์

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์นนั ทิยา รกั ตประจิต

อาจารย์ ดร.อญั ชลี เยาวราช

อาจารย์ ดร.ตะวัน ไชยวรรณ

อาจารย์ ดร.บุษยา จงู าม

อาจารย์ ดร.วชั ราภรณ์ วงศ์สกลุ กาญจน์

อาจารย์ธธธิ า เวียงปฏิ

อาจารยเ์ ฉลิมพงษ์ จนั ทรส์ ขุ า

อาจารย์วชั รพล วงศ์จนั ทร์

อาจารย์สิรนิ ดา คลีส่ นุ ทร

อาจารย์ปรชั ญพชั ร วันอทุ า

อาจารยพ์ ูนพชร ทัศนะ

อาจารยพ์ ชั ราภรณ์ อนิ ภู่

อาจารย์ภัทรชยั พงศโ์ สภา

อาจารยโ์ ชติกาญจน์ ราชกรม

อาจารย์วิษณุ ภูเกา้ แก้ว

อาจารย์ศิริวรรณ พลเศษ

อาจารย์ปรชั ญ์ ใจกวา้ ง

อาจารย์พชรกมล กลั่นบุศย์

อาจารยข์ วญั แข หนุนภกั ดี

อาจารยอ์ รวรรณ ชานาญพุดซา

อาจารยช์ ลลดา พละราช

อาจารยน์ าตยา ดวงประทมุ

อาจารยว์ ่าท่ี ร.ต.วฒุ ชิ ยั สายบุญจวง

ขอขอบคณุ

โรงเรียนบำ้ นปรำสำท ตาบลหาดนางแก้ว อาเภอกบินทรบ์ ุรี จังหวัดปราจนี บรุ ี
โรงเรียนบ้ำนหว้ ย หมู่ท่ี 7 ตาบลบา้ นแก้ง อาเภอเมอื ง จงั หวัดสระแกว้
ชุมชนบ้ำนง้วิ อาเภอสามโคก จังหวดั ปทุมธานี
ชุมชนตำบลบำงกระบือ อาเภอสามโคก จงั หวัดปทุมธานี
ชุมชนเคหะระพพี ัฒน์ ตาบลคลองสี่ อาเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทุมธานี
ชมุ ชนวดั พชื นิมิตร หมูท่ ่ี 20 ตาบลคลองหนึง่ อาเภอคลองหลวง จังหวัด
ปทุมธานี
ชุมชนตำบลหนองตะเคียนบอน อาเภอวัฒนานคร จังหวดั สระแก้ว
ชมุ ชนบ้ำนคลองสะแก หมู่ที่ 5 ตาบลลาดหลมุ แก้ว อาเภอลาดหลมุ แกว้
จงั หวัดปทุมธานี
เทศบำลเมอื งลำตำเสำ ตาบลลาตาเสา อาเภอวงั นอ้ ย จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
ชมุ ชนตำบลเชยี งรำกนอ้ ย อาเภอบางปะอนิ จังหวดั พระนครศรีอยุธยา
สำนกั งำนเทศบำลตำบลพระอนิ ทรำชำ ตาบลเชยี งรากน้อย อาเภอบางปะอิน
จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา
ชุมชนตำบลบำงไทร อาเภอบางไทร จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
โรงเรียนเชยี งรำกนอ้ ย (ทรพั ย์-สังเวียน เหรำบตั ย์อนสุ รณ์) ตาบลเชยี งรากนอ้ ย
อาเภอบางปะอนิ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
ชุมชนตำบลระหำน อาเภอบางบัว จงั หวัดนนทบรุ ี
นักศึกษาสาขาวชิ าทศั นศลิ ป์ คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์
นักศกึ ษาวศิ วกรสังคม มหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

บรรณำนกุ รม

นงรตั น์ อิสโร. (2564). “วิศวกรสงั คมเพอ่ื กำรขบั เคล่ือนชุมชนนวตั กรรม”.
ใน โครงการอบรม “แกนนาวิศวกรสงั คม (แมไ่ ก)่ ”. ระหว่างวนั ที่ 3-5
มนี าคม 2564. ปทุมธานี: หอ้ งประชุมราชนครนิ ทร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั
วไลยอลงกรณ์กรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ์

วัฒนา รตั นพรหม. (2563). “แนวคิดเก่ยี วกบั วิศวกรสังคม”. ใน โครงการ
อบรมวศิ วกรสงั คม “Social Engineer” สาหรับนักศกึ ษามหาวิทยาลยั
ราชภฏั เพื่อการพัฒนาประเทศ. ระหวา่ งวันท่ี 17-19 กันยายน 2563.
ปทมุ ธานี: หอ้ งประชุมราชนครนิ ทร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์
ในพระบรมราชูปถัมภ์


Click to View FlipBook Version