การวดั ค่าความยดื หย่นุ แบบช่วง
(Arc Elasticity of Demand)
EC = Qx1 - Qx2 x Py1 + Py2
Py1 - Py2
Qx1 + Qx2
Py1 : ราคา y เดิม Qx1 : ปริมาณ x เดิม
Py2 : ราคา y ใหม่ Qx2 : ปริมาณ x ใหม่
สินค้าทเี่ กย่ี วข้องกนั แบ่งได้ 2 ชนิด ดงั นี้
สินค้าทใี่ ช้ประกอบกนั (Complementary Goods) เป็นสินคา้ ที่ในการ
อุปโภคบริโภคตอ้ งใชร้ ่วมกนั ถา้ ขาดส่ิงใดสิ่งหน่ึงจะไม่สามารถ
บริโภคได้ เช่น รถยนตแ์ ละน้ามนั เป็นตน้ ความสัมพนั ธข์ องสินคา้ ที่
ตอ้ งใชป้ ระกอบกนั จะมีทิศทางตรงกนั ข้ามหรือเป็นลบ -
สินค้าทดแทนกนั (Substitute Goods) เป็นสินคา้ ท่ีในการอุปโภค
บริโภค ถา้ หาสินคา้ ชนิดหน่ึงไม่ไดส้ ามารถใชส้ ินคา้ อีกชนิดหน่ึง
ทดแทนได้ เช่น เน้ือหมูกบั เน้ือไก่ เป็นตน้ ความสัมพนั ธข์ องสินคา้ ท่ี
ใชท้ ดแทนกนั ไดจ้ ะมีทศิ ทางเดยี วกนั หรือเป็นบวก +
ตารางสรุปสูตรความยดื หยุ่น
แบบ Elasticity of supply Elasticity of demand : Ed
: Es อุปสงคต์ ่อราคา อุปสงคต์ ่อรายได้ อุปสงคไ์ ขว้
Edp Ed Edc
y
แบบจุด Ed = Q1 - Q2 x P1 Ed = Q1 - Q2 x Y1 Ed = Qx1 - Qx2 x Py1
(Point) P P1 - P2 Q1 I Y1 - Y2 Q1 C Py1 - Py2 Qx1
แบบช่วง Ed = Q1 - Q2 x P1 + P2 Ed = Q1 - Q2 x Y1 + Y2 Ed = Qx1 - Qx2 x Py1 + Py2
P Q1 + Q2 P1 - P2 I Q1 + Q2 Y1 - Y2 C Qx1 + Qx2 Py1 - Py2
(Arc)
ผล + Luxury Goods + Normal Goods + Subtitute Goods
- Normal Goods - Inferior Goods - Complementary Goods
ตัวอย่าง
สมใมหตอ้ วิ ุป่าสรงาคคPใา์ yนน้ารมถQนัยxนรถตเล์ ปดลล่ียงนจแากปล1Qง0xจ01าคกนัล/ิตเดรือลนะ 1Pเป4y็1นบQา8ทx02เคป็นัน/เ1ดP6ืyอ2บนาทจทงา
คานวณหาค่าความยดื หยนุ่ (Ec) ของรถยนต์
กาหนดให้ Y = น้ามนั รถ Py1 = 14 , Py2 = 16
X = รถยนต์ Qx1 = 100 , Qx2 = 80
EC = Qx1 - Qx2 x Py1 + Py2
Py1 - Py2
Qx1 + Qx2
วธิ ีทา กาหนดให้ Y = น้ามนั รถ Py1 = 14 , Py2 = 16
Qx1 = 100 , Qx2 = 80
X = รถยนต์
EC = Qx1 - Qx2 x Py1 + Py2
Qx1 + Qx2 Py1 - Py2
EC = 100 - 80 x 14 + 16
100 + 80 14 - 16
Ec = 20 x 30
180 -2
Ec = - 1.67
ถ้าราคานา้ มนั รถเพม่ิ ขนึ้ 1% จะส่งผลทาให้ปริมาณซื้อรถยนต์ลดลง 1.67%
เคร่ืองหมายติดลบ หมายถึง สินค้าทใ่ี ช้ประกอบกนั (Complementary Goods)
3.2 ความยดื หย่นุ ของอปุ ทาน (Elasticity of Supply : Es)
• ความยดื หยนุ่ ของอปุ ทานต่อราคา
(Price Elasticity of Supply)
: เปอร์เซ็นตก์ ารเปล่ียนแปลงของปริมาณขายต่อ
เปอร์เซ็นตก์ ารเปลี่ยนแปลงของราคาสินคา้ น้นั
Es = % Qs
% P
วธิ ีการวดั ค่าความยดื หย่นุ
• การวดั ความยดื หยนุ่ แบบจุด
(Point Elasticity of Supply)
Es = Q1 - Q2 x P1
P1 - P2 Q1
• การวดั ค่าความยดื หยนุ่ แบบช่วง P1 + P2
Q1 + Q2
(Arc Elasticity of Supply)
Es = Q1 - Q2 x
P1 - P2
ตารางสรุปสูตรความยดื หยุ่น
แบบ Elasticity of supply Elasticity of demand : Ed
: Es
อุปสงคต์ ่อราคา อุปสงคต์ ่อรายได้ อุปสงคไ์ ขว้
Edp Ed Edc
I
แบบจุด ES = Q1 - Q2 x P1 Ed = Q1 - Q2 x P1 Ed = Q1 - Q2 x Y1 Ed = Qx1 - Qx2 x Py1
P1 - P2 Q1 P P1 - P2 Q1 I Y1 - Y2 Q1 C Py1 - Py2 Qx1
(Point)
แบบช่วง ES = Q1 - Q2 x P1 + P2 Ed = Q1 - Q2 x P1 + P2 Ed = Q1 - Q2 x Y1 + Y2 Ed = Qx1 - Qx2 x Py1 + Py2
(Arc) Q1 + Q2 P1 - P2 P Q1 + Q2 P1 - P2 I Q1 + Q2 Y1 - Y2 C Qx1 + Qx2 Py1 - Py2
ผล + Luxury Goods + Normal Goods + Subtitute Goods
- Normal Goods - Inferior Goods - Complementary Goods
ตวั อยา่ ง เมอื่ สนิ คา้ ราคา 10 บาท ดาจะขาย 5 หน่วย
ตอ่ มาราคาเพมิ่ ขน้ึ เป็ น 15 บาท ความตอ้ งการขายของ
ดาจะเพม่ิ เป็ น 10 หน่วย
จงหาคา่ ความยดื หยนุ่ แบบจดุ และแบบชว่ ง S
P
ราคา ปรมิ าณขาย
(P) (Qs)
10 5 P2 = 15 B
15 10
P
จุด A ; P1 = 10 Q1 = 5 P1 =10
จุด B ; P2 = 15 Q2 = 10 A
0
Q
Es = Q1 - Q2 x P1 Q1 = 5 Q = 10 Qd
P1 - P2 Q1
จุด A ; P1 = 10 Q1 = 5
P S Es = Q1 - Q2 x P1
P1 - P2 Q1
P2 = 15 B
P1 = 10 P = 5 - 10 x 10
10 - 15 5
0 A
Q - 5 x 10
-5 5
Q1=5 Q2=10 = 2
Q
=
ถ้าราคาสินค้าเพม่ิ ขนึ้ 1% จะส่งผลให้ปริมาณขายสินค้าเพมิ่ ขนึ้ 2%
จุด B ; P2 = 15 Q2 = 10
P S Es = Q1 - Q2 x P2
P1 - P2 Q2
P2 = 15 B
P1 = 10 P = 5 - 10 x 15
10 - 15 10
0 A
Q - 5 x 15
- 5 10
Q1=5 Q2=10 = 1.5
Q
=
ถ้าราคาสินค้าเพม่ิ ขนึ้ 1% จะส่งผลให้ปริมาณขายสินค้าเพมิ่ ขนึ้ 1.5%
P
B
15 Ed = 1.5
10 A Ed = 2
5 10 Q
ช่วง AB ; P1 : 10 บาท Q1 : 5 ชิ้น
P2 : 15 บาท Q2 : 10 ชิ้น
P Q1 – Q2 x P1+ P2
Q1 + Q2 P1- P2
S Es =
P2 = 15 B = 5 - 10 x 10 + 15
P1 = 10 P 5 +10 10 - 15
A
Q = - 5 x 25
15 - 5
0 Q1=5 Q2=10 Q 1.66
=
ถ้าราคาสินค้าเพม่ิ ขนึ้ 1% จะส่งผลให้ปริมาณขายสินค้าเพมิ่ ขนึ้ 1.66%
3.2.1 Price Elasticity of Supply
ค่าความยดื หย่นุ และลกั ษณะของเส้นอปุ ทาน
1. อุปทานทม่ี คี วามยดื หยุ่นน้อยทส่ี ุด
(Perfectly Inelastic Supply ; Es = 0)
P S % Q = 0
1,500
1,000
100 Q
2. อุปทานทม่ี ีความยดื หยุ่นน้อย
(Inelastic Supply ; 0 < Es < 1)
P S
120
20% % Q < % P
100
สินค้าเกษตร
85 100
15% Q
3. อปุ ทานทมี่ คี วามยดื หยุ่นคงท่ี
(Unitary Elastic Supply ; Es = 1)
P S
% Q = % P
120
20%
100
80 100 Q
20%
4. อปุ ทานทม่ี คี วามยดื หย่นุ มาก
(Elastic Supply ; 1 < Es < )
P S
5
25% % Q > % P
4
สินค้าอตุ สาหกรรม
100 160 Q
60%
5. อุปทานทม่ี คี วามยดื หย่นุ มากทส่ี ุด
(Perfectly Elastic Supply ; Es = )
P % P = 0
120 S
100 130 Q
3.1 สรุปลักษณะความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา
ประเภทสนิ ค้า ตวั อย่างสินค้า
สัญลักษณ์ ประเภทของสนิ ค้า ตัวอย่าง ลักษณะของ
ความยืดหยุ่น สินค้า เส้นอุปสงค์
วตั ถโุ บราณ ตงั้ ฉากกบั แกนนอน
Ed = 0 ผลติ ได้จานวนจากดั สนิ ค้าเกษตร
ชนั มาก
Ed < 1 ไมส่ ามารถเปล่ียน สินค้าทว่ั ไป
จานวนผลติ ได้ทนั ที ทามมุ 45 องศากบั แกน
นอน
Ed = 1 สนิ ค้าทวั่ ไป ชนั น้อย
Ed > 1 สามารถเปลยี่ น สนิ ค้า ขนานกบั แกนนอน
Ed = จานวนผลติ ได้ทนั ที อตุ สาหกรรม
- -
3.2.2 ปัจจยั ทก่ี าหนดค่าความยดื หยุ่นของอปุ ทาน
ความยดื หยุ่นมาก ความยดื หย่นุ น้อย
(Elastic) (Inelastic)
- ระยะเวลาในการผลิตรวดเร็ว - ระยะเวลาในการผลิตยาวนาน
- ราคาปัจจยั การผลิตสูง - ราคาปัจจยั การผลิตต่า
- เทคโนโลยกี ารผลิตไม่ทนั สมยั - เทคโนโลยกี ารผลิตทนั สมยั
- สินคา้ คงคลงั สารองมาก - สินคา้ คงคลงั สารองนอ้ ย
ตารางสรุปสูตรความยดื หยุ่น
แบบ Elasticity of supply Elasticity of demand : Ed
แบบจุด : Es อุปสงคต์ ่อราคา อุปสงคต์ ่อรายได้ อุปสงคไ์ ขว้
(Point)
แบบช่วง Es = Q1 – Q2 P1 Ed = Q1 – Q2 P1 Ey = Q1 – Q2 Y1 Ec = Qx1 – Qx2 Py1
P1 – P2 Q1 P1 – P2 Q1 Y1 – Y2 Q1 Py1 – Py2 Qx1
(Arc)
Es = Q1 – Q2 P1 + P2 Ed = Q1 – Q2 P1 + P2 Ey = Q1 – Q2 Y1 + Y2 Ec = Qx1 – Qx2 Py1 + Py2
Q1 + Q2 P1 – P2 Q1 + Q2 P1 – P2 Q1 + Q2 Y1 – Y2 Qx1 + Qx2 Py1 – Py2
ค่าจะเป็ นบวก ค่าจะเป็ นลบ - Inferior Goods - Complementary Goods
+- + Normal Goods + Substitute Goods
ประโยชน์ของค่าความยดื หย่นุ
• ในการวางนโยบายหรือมาตรการของรัฐ เช่น การจดั เกบ็ ภาษีจาก
สินคา้ รัฐจะตอ้ งรู้วา่ สินคา้ น้นั มีความยดื หยนุ่ เท่าไร เพอ่ื จะได้
ทราบวา่ ภาระภาษีจะตกไปบุคคลกลุ่มใด
• ช่วยใหห้ น่วยธุรกิจสามารถดาเนินกลยทุ ธท์ างดา้ นราคาไดอ้ ยา่ ง
ถกู ตอ้ งวา่ สินคา้ ชนิดใดควรต้งั ราคาสินคา้ ไวส้ ูงหรือต่าเพยี งใด
ควรเพิ่มหรือลดราคาสินคา้ จึงจะทาใหร้ ายไดร้ วมกาไรของธุรกิจ
จะเพม่ิ ข้ึน
• นามาใชป้ ระกอบการพยากรณ์แนวโนม้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ
3.3 ความยดื หย่นุ ของอปุ สงค์ และอปุ ทาน
กบั การประยุกต์ใช้ปัญหาทางเศรษฐกจิ
Elasticity of Demand
and Supply in
Applying with
Economical Problem
3.3.1 การเกบ็ ภาษีและการผลกั ภาระภาษี
รัฐบาลจะเกบ็ ภาษโี ดยตรงจากผู้ขาย แต่ผ้ขู ายจะผลกั ภาระภาษีให้ผู้ซื้อ
โดยรวมอยู่ในราคาสินค้าหรือเกบ็ ภาษีผ่านผ้ขู าย ทเี่ รียกว่า ภาษที างอ้อม
วธิ ีเรียกเกบ็ ภาษีอาจแบ่งเป็น 2 วธิ ี ดงั น้ี
ภาษีต่อหน่วย (Specific Tax)
คือ จดั เกบ็ ตามลกั ษณะสภาพของสินคา้ หรือตามจานวนหน่วย
ร้อยละของราคาขาย (Ad Valorem Tax)
คือ จดั เกบ็ ตามราคาสินคา้ หรือมลู คา่ สินคา้ ท่ีขายได้
การเกบ็ ภาษแี ละการผลกั ภาระภาษี
1. ภาษตี ่อหน่วย (Specific Tax)
P S1
S
P2 T
P1
0 50 Q
การเกบ็ ภาษแี ละการผลกั ภาระภาษี
2. ร้อยละของราคาขาย (Ad Valorem Tax)
S1
PS
P2 T
P1
0 50 Q
การเกบ็ ภาษแี ละการผลกั ภาระภาษี
ถ้าสินค้าใดไม่มอี ุปสงค์ความยดื หย่นุ ผ้ขู ายสามารถผลกั ภาระภาษีไปให้ผู้ซื้อได้ท้งั หมด
P D S1
S
P2=10 E2
Q
ผซู้ ้ือ T
P1= 6 E1
0 20
การเกบ็ ภาษแี ละการผลกั ภาระภาษี
ถ้าสินค้าใดมอี ุปสงค์ความยดื หยุ่นมากท่ีสุด ผู้ขายไม่สามารถผลกั ภาระภาษไี ปให้ผ้ซู ื้อได้เลย
P S1
S
P1= 6 ผขู้ าย E2 E1 D
P2= 2 Q
T
0 10 20
การเกบ็ ภาษแี ละการผลกั ภาระภาษี
ถ้าสินค้าใดมอี ปุ สงค์ความยดื หยุ่นน้อย ผ้ขู ายกส็ ามารถผลกั ภาระภาษีไปให้ผ้ซู ื้อได้มาก
P S1
S (Es > 1)
25 ผซู้ ้ือ E1 T = 10
20 ผขู้ าย E
15
0 2.5 3 DQ
3.3.2 แบบจาลองใยแมงมุม (Cobweb Model)
เกษตรกรมักถอื เอาราคาปี ที่แล้วเป็ นตัวกาหนดปริมาณผลผลติ ในปี ปัจจุบัน หรือถือเอาราคาในปี
ปัจจุบนั เป็ นตวั กาหนดปริมาณผลผลติ ในปี ถัดไป
P
S
P1
P3 E
P2
0 DQ
Ed > Es การปรับตวั จะมีแนวโนม้ เขา้ สู่จุดดุลยภาพ
แบบจาลองใยแมงมุม (Cobweb Model)
Ed < Es การปรับตัวจะมแี นวโน้มเข้าสู่จุดดุลยภาพ
P
S
0D Q
แบบจาลองใยแมงมุม (Cobweb Model)
Ed = Es การปรับตวั มลี กั ษณะเป็ นใยแมงมุมแท้จริง
P
S
D
0Q
The End