คำนำ
คูม่ ือแนวทางการปฏิบัติงานสภานกั เรียนโรงเรียนชุมแพศึกษา จังหวดั ขอนแก่น จัดทำขนึ้ เพือ่ เป็น
กรอบ และแนวทางการปฏบิ ัตงิ านสภานักเรียน ใหส้ ามารถนำความรู้ไปประยกุ ต์ใชไ้ ด้อย่างเหมาะสม
คูม่ ือแนวทางการปฏิบัตงิ านกิจกรรมสภานกั เรียน ประกอบดว้ ย ๒ สว่ น คอื สว่ นท่ี ๑ บทนำ และ
สว่ นท่ี ๒ แนวทางการดำเนินกิจกรรม
ขอขอบคุณคณะทำงานและผู้มีสว่ นเก่ียวขอ้ งทุกท่านทีไ่ ด้ร่วมจดั ทำคู่มอื แนวทางการปฏิบัติงานสภา
นกั เรียนโรงเรียนชมุ แพศึกษา จังหวดั ขอนแก่น ใหส้ ำเร็จลุลว่ งไปดว้ ยดีหวังว่าคูม่ ือเล่มน้จี ะเป็นกรอบแนวทาง
ในการดำเนนิ กิจกรรมสภานกั เรียนได้เป็นอย่างดี
สภานกั เรียนโรงเรียนชุมแพศึกษา ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓
สารบญั หนา้
ส่วนที่ ๑ บทนำ ๑
หลักการและเหตุผล ๒
จดุ มงุ่ หมายของการจัดตั้งสภานักเรียน ๓
คณุ ค่าและความสำคญั ของสภานกั เรยี น ๔
การขับเคล่ือนงาน/กจิ กรรมอย่างเปน็ ระบบ
๖
ส่วนท่ี ๒ สภานกั เรยี นโรงเรียนชุมแพศึกษา ๖
ท่ีตั้ง คำขวญั ของสภานักเรียน เอกลกั ษณส์ ภานกั เรียน วสิ ยั ทัศน์สภานกั เรียน ๗
พนั ธกจิ ของสภานักเรยี น ๗
เป้าประสงค์ของสภานักเรยี น ๗
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘
สัญลักษณส์ ภานักเรยี นโรงเรียนชุมแพศึกษา ๙
ท่มี าสภานักเรยี น ๑๒
โครงสรา้ งการบรหิ ารงานสภานกั เรยี นโรงเรียนชุมแพศึกษา ๑๒
สทิ ธขิ องคณะกรรมการสภานักเรยี นโรงเรียนชุมแพศกึ ษา
อำนาจหนา้ ท่ีของประธานสภานกั เรยี น หัวหนา้ หอ้ งเรยี น ประธานคณะสี ๑๔
๑๕
ส่วนท่ี ๓ การสรา้ งความเข้มแข็งใหแ้ กส่ ภานกั เรยี น ๑๕
การนำหลักธรรมาภิบาลสู่การปฏิบตั ิ ๑๕
การใชห้ ลกั ความสมานฉนั ท์ ๑๗
การใช้แนวทางสนั ตวิ ธิ ี
การพฒั นาทักษะผูน้ ำ ๑๘
การสรา้ งจิตอาสา/สำนึกสาธารณะ ๒๔
๒๔
ส่วนท่ี ๔ แนวทางการจัดกิจกรรม ๒๘
รูปแบบการประชมุ สภานักเรียน ๓๕
กิจกรรมเสนอแนะเพมิ่ เตมิ ๓๙
การสร้างเครือขา่ ยของสภานักเรยี นและการมสี ่วนรว่ มของสภานกั เรียน
การบรู ณการกจิ กรรมสภานกั เรยี นเข้ากบั กลุ่มสาระการเรียนรู้
การเสนอโครงการ
การประเมินผลการจดั กจิ กรรมสภานกั เรยี น
ภาคผนวก
๑
สว่ นท่ี ๑
บทนำ
โรงเรียนชุมแพศึกษา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๓ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๖๗ หมู่ที่ ๑๘ ตำบลชุมแพ
อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น สำนักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑-๓) และ ชั้นมัธยมศึกษาตอน
ปลาย (ม.๔-๖) ปัจจุบันปีการศึกษา ๒๕๖๕ มีจำนวนนักเรียนทั้งส้ิน ๒,๘๓๘ คน เป็นนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษา
ตอนต้นจำนวน ๑,๕๒๐ คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวน ๑,๓๑๘ คน มีขนาดพื้นที่ของ
โรงเรยี น ๗๕ ไร่ ๓ งาน ๒๑ ตารางวา
หลักการและเหตุผล
เด็กและเยาวชนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่ายิ่ง หากได้รับโอกาสในการพัฒนาความสามารถอย่างเต็ม
ตามศักยภาพ ย่อมเป็นกำลังสำคัญในการสืบทอดความเป็นชาติ สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
เทียบเท่านานาอารยประเทศ เด็กและเยาวชนจึงเป็นความหวังในการจรรโลง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ภมู ิปญั ญา วฒั นธรรม และการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมให้อยคู่ ู่สงั คมไทยสืบไป
ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน โรงเรียนชุมแพศึกษา อำเภอชุมแพ จังหวัด
ขอนแก่น โดยงานส่งเสริมประชาธปิ ไตยในโรงเรียน กลมุ่ บริหารกจิ การนักเรยี น จงึ ไดข้ บั เคล่อื นการดำเนินงาน
กิจกรรม สภานักเรียน เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมและสร้างความตระหนัก ให้
นักเรียนได้ เรียนรู้บทบาทหน้าที่ความเป็นพลเมืองดีและถูกต้องตามวิถีประชาธิปไตย อันได้แก่ คารวธรรม
สามัคคีธรรม ปัญญาธรรม รวมทั้งหลักธรรมาภิบาล การมีจิตอาสาและพัฒนาตนเองอย่างเต็มตามศักยภาพ
และ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ตามหลักสตู รการศึกษา รวมถงึ คา่ นิยมหลกั ของคนไทย ๑๒ ประการ
องค์การสหประชาชาตลิ งนามในปฏญิ ญาสากลวา่ ด้วยสิทธิเดก็ ปีพทุ ธศักราช ๒๕๓๓ รับรองอนสุ ญั ญา
วา่ ด้วยสทิ ธเิ ด็ก ให้คำม่นั ว่าจะปกป้องคุ้มครองเด็กทุกคนให้เจริญเติบโตเป็นผใู้ หญท่ ่ีมีคุณภาพ ภายใต้การดูแล
เลี้ยงดูจากครอบครัว ด้วยความรัก ความอบอุ่น ให้มีสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีโดยได้ให้การรับรองสิทธิ
พน้ื ฐานเด็ก ๔ ประการ คือ
๑. สิทธทิ จี่ ะมีชีวิต (Right to life)
๒. สิทธทิ ี่จะไดร้ บั การปกป้อง (Right to be protected)
๓. สิทธิทจ่ี ะไดร้ บั การพัฒนา (Right to be developed)
๔. สิทธทิ ีจ่ ะมสี ่วนร่วม (Right to be participate)
รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๖๐ รับรองศักดิ์ศรคี วามเป็นมนุษย์ให้ทุกคนมีสิทธิ์
ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม มีสิทธิเข้าไปมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมทุกระดับ ตั้งแต่การร่วมรับรู้ข้อมูลการแสดง
ความคิดเห็น การตัดสินใจ การตรวจสอบ ผ่านกระบวนการตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้
รัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพืน้ ฐานมีความเห็นสอดคล้องกนั จึง
กำหนด ยุทธศาสตร์กลยุทธ์ที่หนึ่ง เรื่อง การเร่งรัดการปฏิรูปการศึกษาโดยยึดคุณธรรมน ำความรู้ตามหลัก
เศรษฐกิจพอเพียง ความสมานฉันท์สันติวิธีวิถีชีวิตประชาธิปไตย ในจุดเน้นด้านการส่งเสริมกิจกรรมนักเรียน
และกลยุทธ์ที่ห้า เรื่อง การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน ภาคเอกชนและท้องถิ่น ในการจัด
การศึกษามจี ดุ เน้นในการเสรมิ สรา้ งความเข้มแข็งให้แก่องค์กรนักเรยี น
๒
ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน โรงเรียนชุมแพศึกษา จึงกำหนดแนวทาง ใน
การพฒั นากจิ กรรม “สภานกั เรยี น” ให้โรงเรียนได้นำไปปฏิบตั ใิ หเ้ ป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง เพือ่ ใหน้ ักเรียน ได้
เรียนรู้บทบาทหน้าที่ความเป็นพลเมืองและวิถีประชาธิปไตยอันได้แก่ คารวธรรม สามัคคีธรรม ปัญญาธรรม
รวมท้งั หลกั ธรรมมาภิบาล การมีจติ อาสาและพัฒนาตนเองได้อยา่ งเต็มศักยภาพ อันจะสง่ ผลตอ่ คุณลักษณะอัน
พึงประสงค์บนพื้นฐานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมก้าวสู่ความเป็นสากลร่วมมือของทุกภาคี
เครอื ข่าย
การดำเนินงานสภานกั เรียนเปรยี บเสมือนเวทีสำหรบั ฝึกให้นักเรยี นเป็นนักประชาธิปไตยอย่างแท้จรงิ
คือรู้จักเป็นผู้ให้และผู้รับ ผู้นำและผู้ตามท่ีดี มีความรับผิดชอบในหน้าทีแ่ ละเป็นประโยชนใ์ นการปกครอง โดย
ช่วยแบ่งเบาภาระของครูได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจวิถีชีวิต
แบบประชาธิปไตย มุ่งเน้นให้เด็กคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น เป็นพลเมืองที่ดีของสังคม และส่งเสริมความ
สามัคคีในหมู่คณะ อีกทั้งส่งเสริมการเรียนการสอนตามหลักสูตรปัจจุบันที่มุ่งเน้นความเป็นไทยความเป็น
พลเมืองดีของชาติ
ดงั นั้น โรงเรียนชมุ แพศึกษา ซ่งึ มีหน้าท่ใี นการส่งเสริม สนับสนุนการจดั การศึกษาจึงจะต้องขับเคลื่อน
กิจกรรมสภานกั เรียนส่ผู เู้ รียนอย่างเปน็ รูปธรรมต่อไป
จุดมุง่ หมายของการจดั ตัง้ สภานกั เรียน
๑. ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและพัฒนาด้วยกระบวนการประชาธิปไตยให้เป็น
วัฒนธรรมการอยรู่ ว่ มกันและเป็นกลไกการจดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของโรงเรียน
๒. ให้นักเรียนสามารถใช้หลักของความเป็นประชาธิปไตยในการสร้างประสิทธิภาพ ความเป็นธรรม
ความสงบสุขในสงั คม ตง้ั แตใ่ นโรงเรียน ครอบครวั ชุมชนจนถึงระดับประเทศและโลก
๓. เป็นรากฐานที่มีความหมาย มีความสำคัญต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เติบโตขึ้นเป็นพลังที่
เขม้ แขง็ ในการสร้างสรรค์ความเปน็ ประชาธปิ ไตยในระดบั โรงเรยี น ชมุ ชน ประเทศและสากล
๔. เพือ่ ใหน้ กั เรียนมีสว่ นร่วมกนั จัดต้ังสภานักเรยี นในทุกระดับ เพ่ือเป็นกระบวนการสร้างคุณลักษณะ
ของนักเรยี นทสี่ ังคมคาดหวังโดยเฉพาะด้านความเป็นประชาธปิ ไตยทมี่ ีจิตวญิ ญาณแห่งความสมานฉนั ท์
๕. เพื่อเป็นเครอ่ื งมือในการพัฒนานกั เรยี น โรงเรยี น และสงั คม ในมติ ิต่าง ๆ ดังน้ี
ดา้ นการพฒั นาตวั นกั เรยี น
๑) กิจกรรมสภานักเรยี นชว่ ยส่งเสริมใหน้ ักเรียนมีทักษะชีวิต ด้านการวิเคราะหก์ ารคิดสร้างสรรค์ การ
เห็นคุณค่าของตนเอง การรู้จักเหน็ ใจผู้อื่น การเคารพคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การตระหนัก ในการ
รบั ผดิ ชอบต่อสว่ นรว่ ม การสร้างสัมพนั ธภาพและร้จู ักสื่อสารอยา่ งเหมาะสม การตดั สนิ ใจและแกไ้ ขปญั หา โดย
สันติวิธีมีทักษะการควบคุมอารมณ์และความเครียด สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
๒) สภานักเรียนมีกิจกรรมหลากหลาย ที่ส่งเสริมให้สมาชิกมีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่ดีงาม
เช่น ความรับผิดชอบ ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ สุจริต กตัญญู กตเวทีเมตตา กรุณา เสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จัก
พอเพยี ง มีทกั ษะชวี ิต ละเอียดรอบคอบและสามารถทำงานรว่ มกับผอู้ ื่นได้
๓) สภานักเรียนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสภานักเรียนให้มีทักษะในการดูแลปกป้อง คุ้มครอง
สิทธแิ ละเสรีภาพของตนเองและเพ่อื นนกั เรยี นในโรงเรยี น
๓
๔) การมสี ่วนรว่ มในสภานักเรยี น ช่วยสร้างลกั ษณะการเป็นผนู้ ำและผู้ตามท่ดี ีและถูกต้อง มีจิตสำนึก
สาธารณะ เห็นคุณค่าของระบบการปกครองตามหลักธรรมาภิบาล เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และปฏิบัติ
ตามกฎ กติกา ระเบียบ ข้อตกลงของหมู่คณะ รู้จักยอมรับและชื่นชมการกระทำของผู้อื่น อย่างเป็นผู้มีน้ำใจ
นักกีฬาซ่งึ สอดคล้องกับคำขวัญของโรงเรียนท่ีว่า “ความร้เู ลิศล้ำ คุณธรรมนำชีวิต”
ดา้ นการพัฒนาโรงเรยี น
๑) สภานกั เรียนสามารถเสนอความคิดเหน็ ดำเนินงานดา้ นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามวิสัยทศั น์ พนั ธกิจ และ
เปา้ ประสงคข์ องสภานกั เรียนและของโรงเรียนชมุ แพศึกษา
๒) เป็นกลไกการพจิ ารณา กล่นั กรอง ใหค้ วามเห็นชอบตอ่ โครงการ/กจิ กรรมของสภานักเรยี น
๓) ช่วยครู ผปู้ กครองในการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรยี นท่ัวไป ใหก้ ารพิทักษ์ ปกปอ้ ง คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ
และรักษาผลประโยชน์ของโรงเรยี น
๔) เปน็ กำลงั สำคญั ในการป้องกันแก้ไขปัญหา ขอ้ ขดั แย้งตา่ งๆโดยยดึ หลักสมานฉนั ทแ์ ละแนวทางสันติ
วิธี
๕) ช่วยเหลือครูบรหิ ารจดั การทรัพยากรให้เกดิ ประโยชน์คมุ้ คา่ สงู สุด
๖) เปน็ พลังขบั เคลือ่ นกิจกรรมต่าง ๆ รว่ มกับนกั เรยี นในโรงเรียน
๗) เปน็ เสียงสะท้อนการพฒั นาคุณภาพการจดั การเรยี นรูข้ องโรงเรยี นให้มีคุณภาพเกดิ ประโยชน์สูงสุด
ต่อนักเรยี นทุกคน
๘) ประสานความรว่ มมอื กับบคุ คล หน่วยงาน เครือขา่ ยสภานักเรียนเพื่อพฒั นาความเขม้ แขง็ แกส่ ภา
นักเรียน
๙) ร่วมพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารอย่างสร้างสรรค์ ทันเหตุการณ์ ตรงประเด็นเกิดประโยชน์ต่อการ
พัฒนา
๑๐) เป็นองค์ประกอบของบรรยากาศประชาธปิ ไตยที่สอดคล้องกับระบอบการปกครองของประเทศ
ไทย
ด้านการพัฒนาสงั คมและประเทศชาติ
๑) รว่ มกจิ กรรมกับเครอื ข่ายสภานกั เรียน ระดับโรงเรยี น ระดับเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา
๒) ช่วยให้ข้อเสนอแนะต่อโรงเรยี นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้านต่าง ๆ
๓) ร่วมสืบสานความรู้ ภูมิปัญญาไทย วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาติ
๔) ช่วยเสนอความคิดเหน็ เก่ียวกบั การพิทกั ษป์ กป้องและคุ้มครองสิทธิเด็ก การจดั ระเบยี บสือ่ การ
แก้ปัญหายาเสพตดิ และอบายมขุ การใช้ความรุนแรงและการแกไ้ ขปัญหาสังคมทีส่ ง่ ผลกระทบต่อคุณภาพชีวติ
ของเด็กและเยาวชน
๕) เป็นผู้นำในการรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ การชว่ ยเหลอื บำเพ็ญตนใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อสังคม
คุณค่าและความสำคัญของสภานกั เรยี น
๑) เปน็ กลไกสำคญั เพ่อื การพัฒนาสงั คมให้เป็นสงั คมแห่งประชาธปิ ไตย
๒) เปน็ กระบวนการหนง่ึ ในการพฒั นาศักยภาพความเป็นผู้นำและผตู้ ามทีด่ ีและถูกต้อง
๓) เป็นเวทีใหน้ กั เรียนฝกึ ทักษะและประสบการณว์ ิถชี ีวติ ประชาธิปไตยและการใชห้ ลกั ธรรมาภบิ าล
๔) สรา้ งโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้การอยรู่ ่วมกันในสังคมประชาธิปไตยอย่างสงบสขุ และเป็นสขุ
๔
๕) เป็นยุทธศาสตร์ในการปลูกฝงั จติ วญิ ญาณประชาธิปไตยและการใชห้ ลกั ธรรมาภิบาลแกน่ ักเรียน
การขบั เคลือ่ นงานและกจิ กรรมสภานักเรยี นอยา่ งเป็นระบบ
สภานักเรยี นโรงเรียนชมุ แพศกึ ษาได้กำหนดแนวทางการขับเคลือ่ นงานและกจิ กรรมสภานักเรียนอย่าง
เป็นระบบ และการพัฒนาสภานักเรียน โดยใช้ CPS SMART Model มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานอย่าง
เปน็ รูปธรรม ซง่ึ CPS SMART Model ประกอบด้วย ๕ องคป์ ระกอบ ดงั น้ี
๑. ฐานคิด คือ CPS C Creative (การมคี วามคิดสร้างสรรค์) P Possibility (มคี วามเปน็ ไปได้)
S Social responsibility (มุ่งรับผิดชอบต่อสังคม) สานต่อสู่การปฏิบตั ิภายใต้กลยุทธ์ SMART ๑. S Spirit คือ
อุทิศตนด้วยจิตวิญญาณ ๒. M Management by fact บริหารจัดการด้วยข้อมูลจริง ๓. A Ability คือ ฉับไว
พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ๔. R Research มีแหล่งอ้างอิงหลักวิชาการ ๕. T Technology คือ การมี
เทคโนโลยีนวัตกรรมนำไปสู่การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งกระบวนการในการได้มาของรูปแบบโมเดล
CPS SMART Model มกี ระบวนการในการปฏิบตั ิ ดงั น้ี
ขั้นตอนที่ ๑ สำรวจและวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการเกี่ยวกับการบริหาร จัดการ
ด้านต่าง ๆ ของสภานักเรียนโดยใช้เทคนิค SWOT Analysis จากคณะกรรมการสภานักเรียนผู้ที่มีส่วน
เก่ียวขอ้ งทุกฝา่ ยทำให้ทราบถึงบริบทของสภานกั เรียนโรงเรียนชุมแพศึกษาว่าขณะนี้อยู่ ณ จดุ ใด เพื่อจัดลำดับ
ความสำคัญ และกำหนดกรอบในการพัฒนานวตั กรรม
ขั้นตอนที่ ๒ ขั้นการวางแผน (Plan) เป็นการออกแบบนวัตกรรมรูปแบบการบริหารสภานักเรียนที่
เป็นเลิศ SMART Model ที่สอดคล้องกับบริบทของสภานักเรียน โรงเรียนชุมแพศึกษา จากผลสรุปของการ
วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคการพัฒนาสภานักเรียนในขั้นตอนที่ ๑ สภานักเรียนจะต้องมี
การกำหนดเป้าหมายและแนวทางการดำเนนิ งานในอนาคตทช่ี ัดเจน จงึ ตอ้ งมีการกำหนดวิสัยทัศน์ ให้มองเห็น
ภาพแห่งความสำเร็จที่กอ่ ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ที่มีความท้าทายต่อสภานักเรียนดว้ ยปัจจัยท่มี ี
อิทธิพลทั้งภายในและภายนอก เพื่อการพัฒนาเป็นสภานักเรียนที่เป็นเลิศว่าเราจะไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้
อยา่ งไร
ขนั้ ตอนที่ ๓ ขัน้ ปฏิบตั ิตามแผน (Do) เปน็ การสรา้ งความรู้ ความเข้าใจกบั คณะกรรมการสภานักเรียน
ครูที่ปรกึ ษาสภานักเรียน และบุคลากรที่มีส่วนเกีย่ วขอ้ ง เพื่อนำนวัตกรรมรูปแบบการบริหารงานสภานักเรยี น
ท่ีเป็นเลศิ โดยใช้ SMART Model โดยระบขุ ้นั ตอนการดำเนินงานแบบ P-D-C-A อย่างต่อเน่ือง สอดคล้องกับ
รูปแบบของนวัตกรรมการบริหารที่กำหนดไว้ โดยมีกลยุทธ์ในการดำเนินงาน เพื่อบรรลุแผนภาพแสดงการ
ดำเนนิ งานของคณะกรรมการสภานกั เรียน โดยใช้รูปแบบ (model) และวิธีการดำเนนิ งานอยา่ งชัดเจน ดงั น้ี
แนวคดิ CPS
C Creative การมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์
P Possibility มคี วามเป็นไปได้
S Social responsibility มงุ่ รบั ผิดชอบต่อสังคม
กลยุทธ์ SMART
S : Spirit การอุทิศตนดว้ ยจิตวญิ ญาณ
M : Management by fact การบริหารจดั การด้วยขอ้ มูลจรงิ
A : Ability ฉบั ไวพร้อมรบั การเปล่ียนแปลง
R : Research มแี หล่งอา้ งองิ หลกั วิชาการ
T : Technology การมีเทคโนโลยีนวัตกรรมนำไปสู่การดำเนินงานท่มี ปี ระสิทธิภาพ
๕
ใชก้ ระบวนการ กำกับ นิเทศ ตดิ ตาม ตรวจสอบ โดยใชว้ งจร คณุ ภาพ PDCA
P - Plan D - Do C - Check A - Action
ในทกุ กจิ กรรม และทุกโครงการทป่ี ฏบิ ตั ิ สภานักเรยี นโรงเรยี นชุมแพศึกษา ไดร้ ับการพัฒนา
ใหส้ ามารถดำเนนิ งาน ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ และเกิดประสทิ ธผิ ล อย่างย่งั ยนื
แผนภาพแสดงการดำเนนิ งานของคณะกรรมการสภานักเรยี น
โดยใชร้ ูปแบบ (model) และวิธกี ารดำเนินงานอยา่ งชัดเจน
๖
ส่วนที่ ๒
สภานกั เรียนโรงเรยี นชมุ แพศึกษา
โรงเรียนชมุ แพศึกษา จดั ใหม้ ีสภานกั เรียนขึน้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนบั สนุนให้นกั เรียนเปน็ ผทู้ ่ีมี
ความรับผดิ ชอบ มีภาวะความเป็นผูน้ ำและผตู้ ามท่ดี แี ละถูกตอ้ ง มนี ้ำใจ เสียสละเพื่อส่วนรวม มีความคดิ ริเรม่ิ
สร้างสรรค์ มีสว่ นร่วมในการพัฒนาโรงเรียน มีความหนักแน่น สามารถรับและแก้ไขปญั หาอยา่ งมีหลักการและ
เหตุผล มีความรักและความภูมใิ จในเกียรติของสถาบนั ปกปอ้ งและเชดิ ชูศกั ด์ิศรีของสถาบนั และมีความรู้
ความเขา้ ใจ เลื่อมใสต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ที่ต้งั : สำนักงานสภานกั เรยี นโรงเรียนชมุ แพศึกษา ตั้งอยู่ ณ อาคาร ๑ ช้ัน ๑ หอ้ ง ๑๑๓
E-mail : [email protected]
Facebook : https://www.facebook.com/studentcouncilcpss
(สภานักเรียนโรงเรียนชมุ แพศึกษา)
สังกดั : งานสง่ เสริมประชาธปิ ไตยในโรงเรียน กลุ่มบริหารกจิ การนักเรยี น โรงเรียนชุมแพศึกษา
สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษาขอนแก่น
คำขวัญของสภานกั เรียน
มคี วามร้แู ละคณุ ธรรม เปน็ ผนู้ ำจติ อาสา
เอกลักษณข์ องสภานักเรียน
มีจิตอาสา ร่วมพัฒนาและสง่ เสริมประชาธปิ ไตย
วสิ ัยทัศนส์ ภานักเรียน
สภานักเรยี นโรงเรยี นชมุ แพศึกษา เป็นผูน้ ำจติ อาสา พัฒนาด้วยเทคโนโลยีและนวตั กรรม นอ้ มนำหลกั
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คเู่ คียงประชาธปิ ไตย
พนั ธกิจของสภานกั เรียน
๑. เป็นแกนนำในการเสนอแนวคิด มจี ิตอาสาเข้ารว่ มกิจกรรมของโรงเรยี นและกิจกรรมสาธารณะตาม
หลักประชาธิปไตย
๒. พัฒนาระบบการบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมเข้ามามสี ่วนรว่ มในการดำเนินงาน
๓. จดั กิจกรรมส่งเสริมความสามารถของนักเรียนโดยยดึ หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๔. พฒั นาองค์กรในสภานกั เรียนด้วยการสร้างเครือข่ายเพื่อพฒั นากระบวนการประชาธิปไตย โดย
สานสมั พนั ธ์ระหวา่ งโรงเรียนกบั องคก์ รสาธารณะ
๗
เปา้ ประสงคข์ องสภานกั เรียน
๑. นักเรียนเปน็ ผมู้ ีจติ อาสาเข้าร่วมกจิ กรรมของโรงเรียนและกิจกรรมสาธารณะตามหลัก
ประชาธิปไตย
๒. นักเรียนไดร้ บั ความรูแ้ ละประสบการณ์ผ่านกิจกรรมของโรงเรยี นและกิจกรรมสาธารณะตามหลกั
ประชาธิปไตย โดยมรคณะกรรมการสภานกั เรียนเป็นผสู้ านประโยชน์
๓. มนี วตั กรรมเพือ่ พัฒนากระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของสภานักเรยี น
๑. มีทักษะภาวะผ้นู ำ และผู้ตามทด่ี แี ละถูกตอ้ ง
๒. กลา้ คิด กล้าทำ กล้านำ กลา้ ประสาน กล้าแสดงออก
๓. รักษาพิทักษส์ ทิ ธขิ องตนเองและเพอ่ื นนักเรียน
๔. สำนกึ ในคุณค่าตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๕. ดำรงชวี ติ ตามวิถปี ระชาธปิ ไตยได้ถูกต้องและเหมาะสม
๖. ยดึ หลักธรรมาภบิ าล ความสมานฉนั ท์ และสนั ติวิธี ในการทำงาน
๗. ร่วมสบื ทอดความเปน็ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ภมู ปิ ัญญา และวัฒนธรรมไทย
สญั ลกั ษณ์สภานกั เรยี นโรงเรยี นชุมแพศึกษา
๘
ทม่ี าของสภานักเรียน
โรงเรียนชุมแพศึกษาได้ดำเนินการปลูกฝงั วิถีประชาธิปไตยให้กบั นกั เรียน โดยการสง่ เสริมให้นักเรียน
ทุกคน เรยี นรู้และร่วมกิจกรรม นำหลกั ปฏบิ ัตติ ามวิถปี ระชาธิปไตยไปใชใ้ นการปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ ง ๆ มีการ
สง่ เสริมการเลอื กตง้ั เชน่ การเลอื กต้งั หัวหนา้ ห้องเรียน การเลอื กต้ังประธานสภานกั เรียนและการเลือกต้ัง
ประธานคณะสี โดยมวี ธิ ีการดำเนินการดังต่อไปน้ี
ข้ันตอนการได้มาซึ่งคณะกรรมการสภานกั เรียนตามธรรมนูญสภานกั เรียนโรงเรยี นชมุ แพศึกษา
๑. ประกาศรบั สมัครนักเรียนช้นั ม.๕ นักเรยี นจัดตง้ั พรรคสมัครลงรับเลือกตงั้
๒. จับสลากหมายเลขพรรค หาเสยี งเลอื กตั้ง ดว้ ยวิธีการต่าง ๆ เช่น เสยี งตามสาย โปสเตอร์ คลปิ
วดี ิโอ ในขนั้ ตอนนี้มคี ณะกรรมกรตรวจสอบพฤติกรรมหาเสยี งไมใ่ หส้ ่อไปในทางทุจรติ
๓. จดั การเลือกตั้งโดยสภานกั เรียนร่วมกับลูกเสอื กกต. และนักศึกษาวชิ าทหาร
๔. แบง่ เขตการเลือกต้งั เป็น ๖ เขต ตามระดับชัน้ เวลาในการเลอื กตั้งไม่น้อยกวา่ ๖ ชม.
แ
๕. ไดผ้ ้ชู นะเลอื กตงั้ หากมผี ู้สมัครพรรคเดียวต้องไดค้ ะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๓๐
๖. ประกาศผลการเลือกตั้ง ทดลองปฏิบตั งิ าน สอบธรรมนูญสภานกั เรยี น
๗. งานส่งเสรมิ ประชาธปิ ไตยในโรงเรยี นเสนอรายชอ่ื ผไู้ ด้รับเลอื กตงั้ ต่อคณะกรรมการบริหาร
โรงเรยี น
๘. ผู้อำนวยการลงนามในคำสั่งแตง่ ต้งั คณะกรรมการสภานักเรยี น
โครงสรา้ งการบ๙ร.หิ พาิธรีรงบัานตสำแภหานง่ักเรยี นโรงเรยี นชุมแพศึกษา
๙
โครงสรา้ งการบริหารงานสภานกั เรียนโรงเรยี นชมุ แพศกึ ษา
โรงเรียนชมุ แพศึกษาโดยงานส่งเสรมิ ประชาธปิ ไตยในโรงเรียน กล่มุ บรหิ ารกิจการนักเรยี น ไดก้ ำหนด
โครงสรา้ งการบริหารงานสภานักเรยี นโรงเรียนชุมแพศกึ ษา ไว้ในระเบียบโรงเรยี นชมุ แพศึกษา วา่ ด้วยสภา
นกั เรยี นโรงเรียนชุมแพศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๑ หมวด ๒ ส่วนที่ ๑ ข้อท่ี ๘ และมแี ผนภมู ิโครงสร้างการ
บริหารงาน สภานักเรยี นโรงเรียนชมุ แพศึกษา ดังรายละเอียดต่อไปนี้
คณะกรรมการสภานักเรียนโรงเรยี นชุมแพศึกษามีบทบาทหน้าท่กี ารบริหารงานสภานักเรยี นของกลมุ่
งาน ดังรายละเอียดต่อไปน้ี
๑. คณะกรรมการฝา่ ยกจิ กรรมและวิชาการ มหี นา้ ท่ีประสานงานกบั กลุ่มบรหิ ารวิชาการและกลุ่ม
กิจการนกั เรียนของโรงเรยี นในกจิ การท่ีเกย่ี วข้อง ประกอบด้วย ๕ ฝา่ ย ไดแ้ ก่
๑.๑ คณะกรรมการฝ่ายวิชาการ มหี น้าท่ี
(๑) ประสานงานกับกลุ่มสาระการเรียนรูต้ ่างๆ ของโรงเรียนในกจิ การทเี่ กย่ี วข้อง
(๒) ประสานงานกับงานหอ้ งเรยี นสเี ขยี ว ในการจดั กจิ กรรมด้านการอนรุ ักษ์พลงั งาน
และรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มทั้งภายในสถานศกึ ษาและนอกสถานศึกษา
(๓) ประสานงานกบั งานห้องสมุด เพ่ือส่งเสรมิ ให้นักเรียนรักการอ่าน
(๔) ประสานงานกับงานแนะแนว ในการนำเสนอข้อมูลทางการศึกษาต่อและประกอบ
อาชีพทเี่ ป็นประโยชน์แก่นักเรียนทุกคน
(๕) ประสานงานกับงานศนู ย์อาเซียน ในการจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ ความรคู้ วามเข้าใจ
เกี่ยวกบั ประชาคมอาเซียน
(๖) ดำเนินกิจกรรมที่เกีย่ วขอ้ งกบั งานวิชาการและส่งเสริมการเรยี นรู้
(๗) ปฏิบตั งิ านอืน่ ๆ ตามทไ่ี ด้รับมอบหมาย
๑๐
๑.๒ คณะกรรมการฝา่ ยวดั และประเมนิ ผล มีหนา้ ที่
(๑) ทำแบบประเมินผลการจัดกิจกรรมทส่ี ภานกั เรยี นจัดขนึ้
(๒) แจกและรวบรวมแบบประเมิน เพือ่ นำมาวเิ คราะห์ผลการประเมนิ การจดั กจิ กรรม
(๓) วิเคราะห์ สรปุ ผลการประเมินและจดั ทำรายงานเสนอต่อครูทีป่ รกึ ษา
(๔) ปฏบิ ตั ิงานอืน่ ๆ ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
๑.๓ คณะกรรมการฝ่ายทะเบียนและเกียรตบิ ัตร มีหน้าที่
(๑) ทำแบบลงทะเบียนกิจกรรมท่ีสภานักเรียนจัดขึน้
(๒) ทำแบบบนั ทกึ การจดั กจิ กรรมของสภานักเรยี น
(๓) ทำเกยี รติบัตรสำหรับผไู้ ดร้ บั รางวัลในกิจกรรมท่สี ภานักเรยี นจัดขน้ึ
(๔) ลงทะเบียนหนงั สอื เขา้ -หนังสือออก
(๕) ปฏิบตั งิ านอืน่ ๆ ตามท่ีได้รบั มอบหมาย
๑.๔ คณะกรรมการฝา่ ยกีฬาและนนั ทนาการ มหี นา้ ที่
(๑) ประสานงานกบั งานป้องกันแก้ไขปญั หาสารเสพติด/โรคเอดส์/TO BENUMBER
ONE จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการป้องกันแก้ไขปัญหาสารเสพติด/โรคเอดส/์ TO BE NUMBER ONE ทงั้ ภายใน
และภายนอกโรงเรยี น
(๒) ประสานงานกบั คณะกรรมการสภานกั เรียนของโรงเรียนต่าง ๆ ในเขตพืน้ ที่ใกล้เคยี ง
(๓) ประสานงานเพอื่ จดั กจิ กรรมกฬี าภายใน และกิจกรรมและนนั ทนาการเพ่อื ส่งเสรมิ
ความสามารถและศักยภาพของนกั เรียนในโรงเรียน
(๔) ปฏิบัตงิ านอ่ืนๆ ตามที่ได้รบั มอบหมาย
๑.๕ คณะกรรมการวินัยและพฤติกรรม มีหนา้ ที่
(๑) ประสานงานกบั งานสารวตั รนกั เรียน
(๒) ชว่ ยเหลือครเู วรประจำสปั ดาหใ์ นการกวดขันระเบียบวนิ ยั ในโรงเรยี น
(๓) สร้างความตระหนักในการรกั ษาระเบยี บวินยั และกฎระเบยี บของโรงเรียน
(๔) ป้องกนั การเกดิ ปญั หายาเสพติดและอบายมขุ ทกุ ประเภทในโรงเรยี น
(๕) รบั เรือ่ งร้องเรยี นของนักเรยี นในโรงเรียน นำเสนอต่อฝ่ายบริหารโรงเรยี น เพ่ือหา
แนวทางแก้ไข
(๖) ปฏบิ ตั งิ านอ่ืนๆ ตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
๒. คณะกรรมการฝา่ ยงบประมาณและบรหิ ารทั่วไป มีหนา้ ที่ประสานงานกับกลมุ่ บรหิ ารท่วั ไปและ
กลุม่ อำนวยการของโรงเรียนในกจิ การทีเ่ ก่ียวข้อง ประกอบด้วย ๕ ฝา่ ย ได้แก่
๒.๑ คณะกรรมการฝ่ายเหรัญญิก มหี น้าที่
(๑) จัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายเงนิ ของคณะกรรมการสภานักเรยี น
(๒) ดแู ลการจดั เกบ็ เงินของคณะกรรมการสภานักเรยี น
(๓) จัดกิจกรรมหารายได้ของคณะกรรมการสภานักเรยี น
(๔) ปฏบิ ัตงิ านอ่ืนๆ ตามที่ได้รบั มอบหมาย
๒.๒ คณะกรรมการฝ่ายอาคารสถานทีแ่ ละทรัพยากร มีหน้าท่ี
(๑) ประสานงานกบั งานอาคารสถานที่และพัสดุของโรงเรียนในกิจการที่เก่ียวข้อง
(๒) จดั ทำรายการพัสดแุ ละครุภณั ฑ์ของคณะกรรมการสภานักเรยี น
(๓) จัดซ้ือพัสดุและครุภัณฑเ์ พ่อื ใชใ้ นกิจการของคณะกรรมการสภานักเรยี น
๑๑
(๔) ดแู ลการจดั เก็บและเบกิ – จา่ ยพัสดุตา่ ง ๆ ของคณะกรรมการสภานกั เรยี น
(๕) สำรวจพสั ดแุ ละครภุ ัณฑข์ องคณะกรรมการสภานกั เรยี นทุกภาคเรียน
(๖) จัดสถานทีใ่ นกจิ กรรมท่เี กยี่ วข้อง
(๗) จดั กจิ กรรมประหยัดพลงั งานทุกชนดิ ในโรงเรยี น
(๗) สง่ เสริมการมสี ว่ นร่วมของนักเรยี นในการรักษาความสะอาดภายในโรงเรยี น
(๘) ปฏบิ ัตงิ านอ่ืนๆ ตามทไี่ ด้รับมอบหมาย
๒.๓ คณะกรรมการฝา่ ยสอ่ื เทคโนโลยแี ละกรออกแบบมหี น้าที่
(๑) ประสานงานกับงานโสตทศั นศึกษาของโรงเรียนในกจิ การท่ีเกี่ยวข้อง
(๒) บนั ทึกภาพกิจกรรมตา่ งๆ ท่คี ณะกรรมการสภานักเรียนดำเนนิ การ
(๓) ประสานงานกับฝ่ายประชาสมั พันธค์ ณะกรรมการสภานกั เรียนในการจัด
ประชาสมั พันธก์ ิจกรรมของคณะกรรมการสภานักเรยี น
(๔) จัดทำส่ือวดี ิทัศน์ และไวนิลในกิจกรรมของคณะกรรมการสภานกั เรียน
(๕) ปฏิบตั ิงานอื่นๆ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย
๒.๔ คณะกรรมการฝา่ ยประชาสมั พันธ์มีหน้าท่ี
(๑) ประสานงานกบั งานประสัมพันธข์ องโรงเรยี นในกิจการท่เี กีย่ วข้อง
(๒) จดั รายการเสยี งตามสายเพื่อเผยแพร่ข้อมลู ต่างๆ และนำเสนอสาระทเ่ี ป็นประโยชน์
กบั นกั เรยี นในโรงเรยี น
(๓) จัดทำสอื่ ส่งิ พมิ พ์เพ่ือประชาสัมพนั ธก์ ิจกรรมของคณะกรรมการสภานักเรยี น
(๔) นำเสนอข้อมลู กจิ กรรมของคณะกรรมการสภานกั เรียนผ่านทางสื่อเทคโนโลยี
สารสนเทศและเว็บไซต์ให้มีความทนั สมัยตลอดเวลา
(๕) ดำเนนิ หน้าท่ีพธิ กี รในชว่ งพิธีการหนา้ เสาธง
(๖) เป็นพธิ ีกรในกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรยี นตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย
(๗) ปฏบิ ตั งิ านอื่นๆ ตามทีไ่ ด้รับมอบหมาย
๒.๕ คณะกรรมการฝ่ายปฏคิ ม มีหน้าที่
(๑) ดแู ลการจัดอาหารว่างและอาหารในกจิ กรรมที่เกี่ยวข้อง
(๒) ปฏบิ ัติงานอื่นๆ ตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
๓. คณะกรรมการฝ่ายอำนวยการ ประกอบดว้ ย ๒ ฝา่ ย ได้แก่
๓.๑ คณะกรรมการฝ่ายประสานงาน มีหนา้ ที่
(๑) ประสานงานคณะกรรมการศิษยเ์ กา่ ครู และผู้ปกครอง ชมรมครเู ก่า คณะกรรมการ
รุ่นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ และหนว่ ยงานภายนอกเพอื่ จัดกจิ กรรม
(๒) ปฏบิ ตั งิ านอ่ืนๆ ตามท่ไี ด้รบั มอบหมาย
๓.๒ คณะกรรมการฝา่ ยเลขานกุ าร มหี นา้ ท่ี
(๑) จดั ทำระเบียบวาระการประชมุ
(๒) บันทกึ การแระชมุ และสรปุ รายงานการประชุม
(๓) บันทึกการจดั กิจกรรมพธิ กี ารหน้าเสาธง
(๔) ปฏบิ ัตงิ านอน่ื ๆ ตามทีไ่ ด้รับมอบหมาย
๑๒
สิทธขิ องคณะกรรมการสภานกั เรยี นโรงเรยี นชมุ แพศึกษา
โรงเรียนชุมแพศกึ ษา โดยงานส่งเสริมประชาธปิ ไตยในโรงเรยี น กลุม่ บริหารกจิ การนักเรยี น ไดก้ ำหนด
สิทธิของคณะกรรมการสภานักเรียนโรงเรียนชุมแพศึกษาไว้ตามระเบียบโรงเรียนชุมแพศึกษา ว่าด้วยสภา
นกั เรียนโรงเรียนชมุ แพศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๑ หมวด ๓ สว่ นที่ ๓ ข้อ ๑๖ ดงั รายละเอียดตอ่ ไปนี้
๑. สทิ ธิในการเสนอโครงการหรือกิจกรรมเพือ่ การพัฒนานักเรยี นและโรงเรียน
๒. สิทธิในการดำเนินงานตามโครงการและกิจกรรมเมื่อโครงการและกิจกรรมผ่านการพิจารณาตาม
(๑)
๓. สิทธิในการออกเสียงและแสดงความคิดเหน็ ในท่ปี ระชุมสภานกั เรียนและในการดำเนนิ งานของ
สภานักเรยี น
๔. สทิ ธใิ นการแสดงตนเป็นคณะกรรมการสภานกั เรียน
๕. สทิ ธิในการตกั เตอื น แนะนำในขอบเขตทตี่ นสามารถกระทำได้
๖. สิทธใิ นการเสนอความคดิ เห็นตอ่ ผ้บู ริหารในกิจการอันเก่ยี วขอ้ งกับนักเรียนและสภานักเรียน
๗. สิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรยี น
๘. สิทธิในการเปิดเผยอภิปรายทั่วไปประธานสภานักเรียน รองประธานสภานักเรียน หัวหน้ากลุ่ม
หวั หน้างาน ในกรณที ีก่ ารบริหารงานผิดพลาดและกระทบต่อผลประโยชน์ของคณะกรรมการสภานกั เรยี น
๙. สิทธใิ นการเสนอถอดถอนกรรมการสภานักเรยี น
๑๐. สิทธิในการขอความร่วมมือจากครูในโรงเรียนในการดำเนินกิจการ กิจกรรมและโครงการของ
คณะกรรมการสภานักเรยี น
๑๑. สิทธิในการคัดค้านมติข้อบังคับที่เสนอโดยที่ประชุมสภานักเรียนเมื่อเห็นว่ามติหรือข้อบังคับน้ัน
ขดั หรอื แย้งกับกฎระเบียบของโรงเรียน หรอื ศีลธรรมอันดแี ละถูกตอ้ งและความสงบเรียบร้อย
อำนาจหน้าทขี่ องประธานสภานักเรยี น หวั หนา้ ห้องเรยี น ประธานคณะสแี ละกรรมการสรรหา
โรงเรียนชุมแพศึกษาโดยงานส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียน กลุ่มบริหารกิจการนักเรียน ได้กำหนด
อำนาจหน้าทีข่ องประธานสภานักเรียน หัวหน้าห้องเรยี น ประธานคณะสีและกรรมการสรรหาของโรงเรียนชมุ
แพศึกษาไว้ ตามระเบียบโรงเรียนชุมแพศึกษา ว่าด้วยสภานักเรียนโรงเรียนชุมแพศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๑
หมวด ๓ ส่วนที่ ๔ ข้อ ๑๗ ส่วนที่ ๕ ข้อ ๑๘ ส่วนที่ ๖ ข้อ ๑๙ และส่วนที่ ๗ ข้อ ๒๐ ตามลำดับ ซึ่งมี
รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี
อำนาจหน้าที่ของประธานสภานักเรยี น
๑. เป็นประธานในท่ปี ระชุมคณะกรรมการบรหิ ารสภานักเรียนและสภานกั เรียนแล้วแตก่ รณี
๒. วางกรอบและแนวนโยบายการดำเนนิ โครงการและการดำเนินกิจการของสภานักเรียนให้ดำเนินไป
อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและเกิดประโยชน์ตอ่ สภานกั เรยี นและโรงเรยี น
๓. กำกับ ติดตาม และประเมนิ ผลการปฏิบัติงานของกรรมการสภานกั เรยี น
๔. ประสานกับกล่มุ บริหาร กลมุ่ งาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภายในโรงเรียนที่เกย่ี วข้องเพื่อใหก้ ารดำเนิน
กิจกรรม หรือโครงการของสภานกั เรยี นเปน็ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ยและสำเรจ็ ลลุ ว่ งด้วยดี
๕. ปกป้อง คุม้ ครองสิทธิและเสรภี าพของนกั เรียน โดยใชก้ ระบวนการประชาธิปไตยและแนวทางสันติ
๖. ตักเตือนและตัดคะแนนความประพฤตินักเรียน กรณีพบนักเรียนกระทำความผิดกฎระเบียบ ของ
โรงเรียนวา่ ด้วยความประพฤตนิ ักเรยี น
๑๓
อำนาจหน้าทข่ี องหัวหน้าหอ้ งเรยี น
๑. ประสานงานและกิจกรรมทโี่ รงเรียนและสภานกั เรียนจัดขึ้นไปยังนักเรยี นในห้องเรยี น
๒. ให้ความรว่ มมือและช่วยเหลอื กจิ การและการดำเนนิ โครงการและกจิ กรรมของโรงเรียนและสภา
นกั เรียน
๓. ดแู ลความเรยี บร้อยและพิจารณาแก้ไขปัญหาทเี่ กิดขึ้นภายในหอ้ งเรยี นและระดับชน้ั รว่ มกับครูที่
ปรึกษา และหัวหน้าระดับชัน้
๔. ริเร่ิมโครงการและกิจกรรมท่ีเปน็ ประโยชนส์ ามารถปฏิบัติไดจ้ รงิ และส่งผลตอ่ การพฒั นานกั เรยี น
และโรงเรียนรว่ มกับคณะกรรมการสภานักเรียน
๕. แสดงความคดิ เห็นและแนวคิดในการพัฒนาระดับช้นั และห้องเรียนทต่ี นรับผิดชอบรว่ มกับครูที่
ปรึกษา
๖. สำรวจการมาเรยี นของนักเรียนในหอ้ งเรยี นร่วมกับครูท่ีปรึกษาและครูผสู้ อน
๗. ดำเนินการปฏบิ ัติงานและกจิ กรรมตามโครงสร้างองค์กรห้องเรยี นสีขาวร่วมกับงานโรงเรยี นสีขาว
ของสภานกั เรียน
อำนาจหน้าทข่ี องประธานคณะสี
๑. ประสานงานและกจิ กรรมทีโ่ รงเรียนและสภานักเรยี นจัดขึ้นไปยังนักเรยี นในคณะสี
๒. ให้ความรว่ มมอื และช่วยเหลือกิจการและการดำเนนิ โครงการและกิจกรรมของโรงเรียนและสภา
นกั เรียน
๓. ดแู ลความเรยี บร้อยและพิจารณาแก้ไขปัญหาทีเ่ กิดขึน้ ภายในคณะสีร่วมกบั ครทู ปี่ รกึ ษา
๔. รเิ ร่มิ โครงการและกิจกรรมทีเ่ ป็นประโยชนส์ ามารถปฏิบัติได้จริงและส่งผลต่อการพัฒนานกั เรียน
และโรงเรยี นรว่ มกับคณะกรรมการสภานกั เรยี น
๕. บริหารงานและดำเนินกจิ กรรมของคณะสใี ห้เป็นไปด้วยความเรียบรอ้ ยและเกิดประโยชน์ตอ่
นกั เรยี นและโรงเรียน
๖. เป็นผู้ประสานงานการดำเนนิ งานหอ้ งเรยี นสขี าวตามสายชนั้ ท่ีรับผดิ ชอบ
อำนาจหน้าทข่ี องกรรมการสรรหา
๑. กำหนดนโยบายการดำเนินกิจการและโครงการของสภานกั เรียนและจัดทำคู่มอื สภานกั เรยี น
๒. รบั ผิดชอบงานและกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบรหิ ารสภานกั เรยี นและโรงเรยี น
๓. ร่วมคิดริเริม่ โครงการที่เป็นประโยชน์ต่อนกั เรียนและโรงเรยี นร่วมกัน
๔. เป็นผู้นำเพือ่ การมีส่วนร่วมของนักเรยี นในการพฒั นาโรงเรยี น
๕. ดแู ลทกุ ข์สุขของนักเรียนและร่วมแก้ไขปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ ภายในสภานกั เรยี นและโรงเรยี นรว่ มกับ
ผบู้ ริหาร
๖. ประสานงานกบั ครแู ละหน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้องเพื่อประโยชนแ์ ละความก้าวหน้าของกจิ กรรมสภา
นักเรยี น
๗. ประสานงานและประชาสัมพันธข์ ้อมูลขา่ วสารทเ่ี ป็นประโยชนท์ นั ตอ่ เหตุการณแ์ ละตรงไปตรงมา
๑๔
ส่วนท่ี ๓
การสรา้ งความเขม้ แข็งใหแ้ ก่สภานกั เรียน
การดำเนินงานกิจกรรมสภานักเรียนให้เกิดประโยชน์สูงสุดจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็ง ให้แก่สภา
นักเรียนด้วยการนำหลักธรรมาภิบาลสู่การปฏิบัติการใช้หลักความสมานฉันท์ การใช้แนวทางสันติวิธี ในการ
ดำเนินงาน อีกทั้งยังต้องมีการพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำ การสร้างและพัฒนาเครือข่าย การสร้างลักษณะนสิ ยั
ใหน้ ักเรยี นเปน็ ผู้มีจติ อาสาและมีสำนกึ สาธารณะ ซง่ึ องคค์ วามรู้แต่ละเรื่องมีสาระสำคัญดงั ต่อไปน้ี
๓.๑ การนำหลักธรรมาภิบาลสกู่ ารปฏบิ ตั ิ
ธรรมาภิบาล หมายถึงการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในสังคม ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาค
ประชาชน ทจ่ี ะชว่ ยให้เกดิ ความถูกต้อง ความชอบธรรม ความโปร่งใส ความรบั ผิดชอบ รวมทัง้ การมคี วามเห็น
ร่วมกนั ในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ
หลักการสำคัญของธรรมาภบิ าล
สภานักเรียนโรงเรียนชุมแพศึกษา โดยงานส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียน กลุ่มบริหารกิจการ
นักเรียน ได้นำหลักธรรมาภิบาลจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการ
บ้านเมอื งและสังคมท่ดี ี พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒ โดยคณะกรรมการสภานักเรยี นรุน่ ทผี่ ่านมาได้นำมาประยุกต์ใช้ใน
การดำเนนิ กจิ กรรมสภานักเรยี นตัง้ แต่ปกี ารศึกษา ๒๕๕๙ ซง่ึ ทำการทดลองใชเ้ ปน็ เวลา ๑ ปี กอ่ นนำมาใช้จริง
ในการบรหิ ารงานกจิ กรรมสภานกั เรียนจนถึงปจั จบุ นั ประกอบด้วย
๑) หลักนติ ิธรรม (The Rule of Law) ได้แก่ การตรากฎ ระเบียบ ข้อบงั คับตา่ ง ๆ ใหท้ ันสมัย และ
เปน็ ธรรม เป็นทย่ี อมรับของทกุ ฝา่ ย และทกุ ฝ่ายพร้อมใจปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย กฎ ระเบยี บและข้อบงั คบั เหล่านี้
โดยถอื ว่าเป็นการปกครองภายใตก้ ฎหมาย มใิ ชต่ ามอำเภอใจหรอื อำนาจของตวั บคุ คล
๒) หลักคุณธรรม (Morality) ได้แก่ การยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม โดยรณรงค์ ให้คณะกรรมการ
สภานักเรียนยึดหลักนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียนทั่วไป และส่งเสริม สนับสนุนให้
นักเรียนพัฒนาตนเองไปพร้อมกัน เพื่อให้มีความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบวินัย ประกอบอาชีพ
สจุ ริตเป็นนิสยั ประจำชาติ
๓) หลักความโปร่งใส (Accountability) ได้แก่ การสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ของ
คณะทำงาน โดยปรับปรุงกลไกการทำงานของสภานักเรียนให้มีความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ท่ี
เป็นประโยชน์อย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก และมี
กระบวนการใหต้ รวจสอบความถูกต้องชดั เจนได้
๔ ) หลักการมีส่วนร่วม (Participation) ได้แก่ การเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมรับรู้ และเสนอ
ความเห็นในการตัดสินใจปัญหาสำคัญของนักเรียน ไม่ว่าด้วยการเสนอความเห็น การเสวนา และการแสดง
ประชามติ หรืออืน่ ๆ ใหค้ ณะทำงานมีสว่ นรว่ มใหข้ ้อมลู ความคดิ เหน็ แนะนำ ปรกึ ษา รว่ มวางแผน ร่วมปฏบิ ัติ
และประเมินผล
๕) หลักความรับผิดชอบ (Responsibility) ได้แก่ การตระหนักในสิทธิหน้าที่ สำนึกใน ความ
รับผิดชอบต่อส่วนรวม ใส่ใจปัญหาและกระตือรือร้นต่อการแก้ปัญหาของโรงเรียน ตลอดจนเคารพ ใน
ความเห็นทีแ่ ตกต่าง และความกล้าทีจ่ ะยอมรบั ผลดีและผลเสยี จากการกระทำของตน
๖) หลักความคุ้มค่า (Cost – effectiveness or Economy) ได้แก่ การบริหารจัด และใช้ทรัพยากร
ที่มีจำกัดให้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม โดยรณรงค์ให้ทุกฝ่ายประหยัด ใช้วัสดุ สิ่งของ อย่างคุ้มค่า คิด
สรา้ งสรรค์งานและบรกิ ารทีม่ ีคณุ ภาพ รวมท้ังรักษาทรัพยากรและสงิ่ แวดลอ้ มใหส้ มบรู ณย์ ่งั ยืน
๑๕
การนำหลกั ธรรมาภิบาลทง้ั ๖ หลักไปสกู่ ารปฏบิ ัตนิ ้นั ตอ้ งมีลกั ษณะและเงื่อนไขคือ มีความชอบธรรม มี
ความโปร่งใส มีความรับผิดชอบ สามารถตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งการมีส่วนร่วม
ของภาครฐั ภาคเอกชนและประชาชนด้วย
๓.๒ การใช้หลกั ความสมานฉนั ท์
ความสมานฉันท์ หมายถึง ความสามัคคี ปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การมีความเห็นพ้อง
ต้องกัน รวมทัง้ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสนั ติวธิ ี เพือ่ นำไปสู่ผลลัพธท์ ี่ถูกต้อง โดยอยู่บนพื้นฐานความดี
ความเป็นจรงิ ความเป็นธรรม ความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน ความเมตตากรุณา รวมทั้งการแกป้ ัญหา ด้วย
กระบวนการสันติวิธี ซึ่งควรจะต้องร้อยรัดด้วยวิธีที่ดีที่จะช่วยประสานเชื่อมโยงและนำไปสู่การมีทัศนคติท่ีดี
สานสามคั คีให้เกดิ ขึ้นทกุ ทข่ี องสงั คม การจะสร้างความสมานฉนั ท์ให้เกิดข้นึ ควรประกอบด้วยแนวคดิ หลกั
๙ ประการ ได้แก่
๑. การเปดิ เผยความจรงิ
๒. ความยุตธิ รรม
๓. ความพรอ้ มในการรับผดิ ชอบ
๔. การให้อภยั
๕. การเคารพความหลากหลายทางศาสนา วัฒนธรรม
๖. การยดึ หลกั สนั ตวิ ิธเี ปน็ ทางเลือกในการแก้ไขความขดั แยง้
๗. การเปิดพน้ื ที่ใหค้ วามทรงจำทเี่ จ็บปวด
๘. การแก้ไขในอนาคตด้วยจิตนาการ
๙. การยอมรับความเสีย่ งทางสังคมเพือ่ เสรมิ สร้างความไวว้ างใจระหว่างกนั
๓.๓ การใชแ้ นวทางสันติวิธี
สันติวิธี หมายถึง วิธีการที่ไม่ใช้ความรุนแรง เพื่อการแก้ปัญหาความขัดแย้ง หรือวิธีการปฏิบัติ ที่ไม่
รุนแรงในการดำเนินชวี ิต เพ่อื นำไปสคู่ วามยุตธิ รรมและความสงบสขุ
สนั ติวธิ ี ไม่ใช่ความอ่อนแอหนีปญั หา หรือยอมถกู กระทำ แตท่ ว่าเปน็ วธิ เี ผชญิ ปัญหาความขดั แย้ง ด้วย
สติปัญญา เพื่อเปลี่ยนความขัดแย้งที่รุนแรงเปน็ ลักษณะอื่นที่ไม่ก่อความเสียหายแก่ผู้เกี่ยวข้อง อีกทั้งนำไปสู่
โอกาสแลกเปลีย่ นเรียนรู้และระดมความคิดเชิงสรา้ งสรรค์ เริ่มด้วยการสร้างความไว้วางใจด้วย การเปิดใจ รับ
ฟังมุมมองของอีกฝ่าย และเริ่มปรับปรุงแก้ไขสถานการณ์โดยไม่ต้องรอคำร้องขอ เพื่อนำไปสู่ โอกาสพิจารณา
ขอ้ ขดั แยง้ ร่วมกนั รวมท้งั ลดละเจตคติและพฤติกรรมทางลบ
ผู้นำสันติวิธี ต้องใช้สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ และขันติธรรมในการจัดการความขัดแย้งที่
เหมาะสมกับเง่ือนไข บริบทบนหลกั การพ้ืนฐานคอื หลีกเลย่ี งการใชค้ วามรนุ แรง
๓.๔ การพัฒนาทกั ษะผูน้ ำ
กิจกรรมพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำเป็นกจิ กรรมที่มุ่งให้นกั เรยี นความรู้ความเข้าใจในสภาวการณ์ เป็น
ผู้นำ และมีทักษะความเป็นผู้นำ สามารถนำความรู้ที่ได้จากการจัดกิจกรรมไปใช้ประโยชน์ในการสร้าง สภา
นักเรียนให้เข้มแข็ง เช่น แบ่งกลุ่มให้ผู้เรียน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะผู้นำที่กลุ่มต้องการ หรือการ
เป็นผู้นำที่ดีหรือจัดกลุ่ม Walk Rally เรียนรู้ตามฐานการเรียนรู้แล้วจึงนำมาสรุปเป็นองค์ความรู้ ที่สามารถ
นำมาประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้จริง
๑๖
กิจกรรมสำคัญทพี่ ัฒนาทักษะการเป็นผนู้ ำไดด้ ีคือ กจิ กรรมคา่ ยอบรมภาวะผนู้ ำคณะกรรมการ
สภานักเรียนธรรมาภิบาล และกจิ กรรมอบรมเครอื ข่ายผูน้ ำนักเรยี นธรรมาภบิ าล
๓.๕ การสร้างและพัฒนาเครือขา่ ยสภานกั เรียน
การสร้างเครือขา่ ย หมายถงึ การขยายตัวองค์กรในการทำงานรว่ มกนั อย่างเป็นระบบ
องคป์ ระกอบของเครอื ขา่ ย
๑. สมาชกิ องคก์ รตา่ ง ๆ มารวมกนั
๒. ต้องมวี ตั ถปุ ระสงค์รว่ มกนั
๓. มกี ารตดิ ต่อส่ือสารระหวา่ งสมาชิกทัง้ ภายในและภายนอกเครอื ข่าย
๔. มีกจิ กรรมรว่ มกัน
๕. มีการระดมทรัพยากรรว่ มกนั
๖. มีการตดิ ต่อแลกเปลี่ยนขอ้ มูล
๗. มีแกนหลักในการประสานงาน
หลกั การทำงานของเครอื ขา่ ย
๑. คำนงึ ถึงประโยชนส์ งู สดุ ขององค์กรเปน็ หลกั
๒. ลดทอนการยดึ อตั ตาและผลประโยชนข์ องตนเอง
๓. มคี วามเข้าใจในข้อกำจดั ของแต่ละฝ่าย
๔. มคี วามไวว้ างใจในการทำงานร่วมกนั
๕. ยดึ หลกั ความเสมอภาคในการทำงาน
๖. มีทัศนคตทิ ว่ี า่ ผู้ประสานงานคือผู้ใหบ้ รกิ ารและให้การสนับสนุนไมใ่ ชผ่ ้นู ำหรอื ส่ังการแต่เป็นผ้คู ิด
รเิ ร่มิ
๗. ต้องเปน็ การทำงานแบบกระจายอำนาจไมใ่ ช่รวมศูนยศ์ ูนย์กลางคือการประสานงาน
๘. องค์กรสมาชิกมคี วามเทา่ เทยี มกัน
๙. มกี ารสือ่ สารกันหลายทาง
๑๐. มีกจิ กรรมรว่ มกันอยา่ งตอ่ เนือ่ งและเป็นประโยชนโ์ ดยเกดิ จากความร่วมมอื จากสมาชกิ
๑๑. มีการประสานงานทัง้ แนวตั้งและแนวนอน
๑๒. มีแกนกลางท่ีมปี ระสิทธิภาพ
ลกั ษณะของเครอื ขา่ ยท่ดี ี
๑. ตอ้ งเกดิ ขึน้ ตามธรรมชาตแิ ละเปน็ ไปตามความสมัครใจของทุกคน
๒. ตอ้ งมกี ารแลกเปลยี่ นความคดิ เห็น
๓. ต้องร่วมมือกนั เปน็ ทมี ในการทำกจิ กรรม
๔. ตอ้ งมีใจเปดิ กว้างรบั ฟังความคดิ เห็นจากทุกฝ่าย
๕. ตอ้ งมีการบรหิ ารและการจัดการท่ีดแี ละมปี ระสทิ ธภิ าพ
๖. ต้องมที รัพยากรสนับสนุน
๗. ตอ้ งมีเครื่องมือและกลไกในการทำงาน
๑๗
๓.๖ การสร้างจิตอาสา/สำนกึ สำธารณะ
จติ อาสา หมายถึง การมีจิตที่ช่วยเหลอื ผอู้ น่ื นึกถงึ ส่วนรวมอยเู่ สมอ แสดงออกดว้ ยการกระทำ โดยไม่
หวังสง่ิ ตอบแทน อยากเหน็ ความสขุ ความสำเรจ็ ของผู้อ่ืนและปรารถนาจะเหน็ สว่ นรวมมคี วามสุข กับการได้
ทำสง่ิ ดี ๆ มีจิตใจท่ีแน่วแนม่ ั่นคง คำนึงวา่ กจิ กรรมที่ตนทำจะก่อให้เกิดประโยชน์สขุ แกผ่ ู้อื่น
ความเป็นผู้มจี ติ อาสา/สำนึกสาธารณะเกิดจากการซึมซับบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของสถาบัน
ตา่ งๆ เชน่ สถาบันครอบครัว สถาบนั การศึกษา สถาบันสงั คม การเรียนรจู้ ากการไดร้ ับโอกาสที่ได้คิด ได้
สรา้ งสรรค์ ได้ทดลองซง่ึ สถาบันตา่ ง ๆ มอบโอกาสให้ การมีสว่ นร่วมของนัดเรียนในกิจกรรมตา่ ง ๆ อยา่ งทั่วถึง
รวมทง้ั การส่งเสริม สนับสนนุ และการกระตนุ้ จากสถาบันการเมอื ง การปกครองและส่ือมวลชน
แนวทางในการพฒั นาให้นักเรียนเปน็ ผ้มู จี ติ อาสา/สำนึกสาธารณะของสถาบันการศึกษา คือ
๑. การส่งเสรมิ สนบั สนนุ ให้นกั เรียนสร้างปญั ญาและพจิ ารณาจากการกระทำสู่การเรยี นรู้
๒.การสรา้ งความคดิ จิตสำนึกให้ยึดมั่นในสถาบันหลกั ของชาติคือ สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์
สถาบันศาสนา และสถาบนั ครอบครัว
๓. การสรา้ งเมตตาธรรมใหเ้ กิดข้ึนแกน่ ักเรียน
๔. การสร้างความเขา้ ใจทถี่ ูกต้องในเร่ืองจิตสำนึกเพ่ือส่วนรวม
๕. การสร้างกิจกรรมพฒั นา ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ และต่อเน่ือง
๖. การไดร้ บั ความรว่ มมือจากหลายฝ่าย
๗. การสร้างความคิดเห็นทถี่ กู ต้อง
๘. การสรา้ งความอดทน อดกล้ัน ความรับผิดชอบ
๙. การสร้างวนิ ยั ในตนเอง และมีเมตตาธรรม
ปจั จยั ที่เอื้อต่อการสร้างผู้เรียนให้มีจติ อาสา/สำนกึ สาธารณะ
๑. การมคี วามสมั พันธ์ท่ีดีในหม่นู กั เรียน
๒. การสรา้ งความรว่ มมือและความใสใ่ จของครู
๓. การสรา้ งความสนใจในกิจกรรมนักเรยี น
๔. การสร้างโอกาสใหแ้ ก่นักเรียน
๕. การส่งเสริมและสนบั สนนุ ให้นักเรยี นไดใ้ ชโ้ อกาสทำงานเพ่อื สว่ นรวมและสังคม
๖. การแสวงหาโอกาสจากแหลง่ เรยี นรู้ภายนอกสถานที่
คณุ ค่าและความสำคญั ของการมจี ิตอาสา/สำนึกสาธารณะ
๑. มผี ลต่อความม่นั คงของชาติ
๒. เป็นพ้ืนฐานในการพัฒนาและสร้างสรรคค์ วามเจรญิ ใหแ้ กอ่ งค์กร
๓. ก่อให้เกิดความรู้สึกรว่ ม และความผูกพันในองค์กร
๔. มีผลต่อการพัฒนาวนิ ยั ในตนเองของนักเรยี น นักศึกษา
๕. เป็นทุนทางสงั คมท่ีมีความสำคัญของประเทศ
๑๘
ส่วนท่ี ๔
แนวทางการจัดกิจกรรม
สภานักเรยี นโรงเรยี นชุมแพศกึ ษา มกี จิ กรรมท่ีนกั เรยี นมีสว่ นร่วมในการคิด การพดู การวางแผน และ
ให้โอกาสนักเรียนได้แสดงออกในบทบาทตา่ ง ๆ เช่น เป็นประธาน เป็นรองประธาน เป็นสมาชิก เป็นผู้นำหรอื
เปน็ ผูต้ ามทด่ี ีและถูกต้อง เพือ่ พัฒนาวิถีประชาธิปไตย ด้านคารวธรรม ด้านสามัคคีธรรม และด้านปัญญาธรรม
และการใช้หลกั ธรรมมาภบิ าลในการบริหารจัดการภาระงาน ให้เข้าใจ มีประสบการณ์ตรง จากการปฏิบตั ิจริง
ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะชีวิต ในการจัดการตนเองและงานในสถานการณ์ต่าง ๆ ตามแนวปฏิบัติตามระเบียบ
โรงเรียนชุมแพศึกษา ว่าด้วยสภานักเรียนโรงเรียนชุมแพศึกษา มีคุณครูงานส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรยี น
เป็นผู้รับผิดชอบ ดูแล ควบคุม แนะนำ ให้คำปรึกษาการดำเนินงานโครงการ / งาน / กิจกรรมตา่ ง ๆ ของสภา
นักเรียนและที่สภานักเรียนเข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินงานและกิจกรรมนั้น ๆ ซึ่งมีแนวทางจัดกิจกรรม
ดังต่อไปนี้
๔.๑ รปู แบบการประชมุ สภานักเรยี น
รูปแบบและการกำหนดระเบยี บวาระการประชมุ
คำว่า “ระเบียบวาระ” หมายความว่า ลำดับรายการที่กำหนด ไว้เสนอที่ประชุม (พจนานุกรม
ฉบับ ราชบัณทิตยสถาน ๒๕๔๒ : ๖๗๔) คำนี้ จึงใช้สำหรับการประชุมโดยเฉพาะ บางหน่วยงานใช้คำว่า
“วาระ” ซึ่งอาจเพราะเห็นว่าเป็นคำสั้น ๆ แต่คำนี้ใช้เพราะเห็นว่าเป็นคำสั้น ๆ แต่คำนี้ควรใช้เฉพาะในภาษา
พูดเท่านน้ั ไม่ควรใชใ้ นในรายงานการประชุม เพราะมิได้มคี วามหมายเก่ยี วการประชุมแต่อย่างใด
ระเบียบวาระการประชมุ มีความสำคญั หลายประการ กล่าวคือ ทำให้ผู้เขา้ ประชมุ ทราบขอบเขต
ของการประชุมและทราบประเด็นล่วงหน้าสามารถเตรียมข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อเสนอที่ประชุม หากไม่
เข้าประชุมควรมอบหมายผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ เข้าประชุมแทน นอกจากนั้นยังเป็นการจัดระเบียบ การ
ประชุมให้ตามไปตามลำดับ ป้องกนั การพดู ขา้ มระเบียบวาระ หรืออภิปรายนอกเรื่อง ประธานสามารถ จดั แบ่ง
เวลาให้เหมาะสมกับระเบยี บวาระตา่ ง ๆ หากไม่มีระเบียบวาระชดั เจน อาจมีอภปิ รายมากเกินจำเปน็ ทำให้ไม่
สามารถประชุมใหแ้ ล้วเสร็จตามเวลาท่ีกำหนด
รูปแบบการประชุมสภานกั เรียน
๑. การจัดรปู แบบโต๊ะประชมุ
๒. รปู แบบและการกำหนดระเบยี บวาระการประชุม
๓. ข้นั ตอนการดำเนินการประชมุ
๔. การรายงานผลการประชุม
๕. แนวทางการประเมินรปู แบบการประชมุ สภานกั เรยี น
๑๙
การประชุมเป็นกิจกรรมที่ทำให้บุคลากรในองค์กรเกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ได้รวบรวมความคิดเห็น
วิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ จากสมาชิกอย่างทั่งถึง สมาชิกผู้ประชุมต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตน ทั้งผู้ทำหน้าท่ี
ประธานต้องสามารถใช้เทคนิคในการนำและควบคุมการประชุมเพื่อให้ ผู้เข้าประชุมมีการแลกเปลี่ยน ความ
คิดเห็น มีการเสนอคดิ เห็นความคดิ ทีท่ ำให้เกดิ การยอมรบั และเป็นประโยชนต์ อ่ องคก์ ร
๑. การจดั รูปแบบโตะ๊ ประชมุ
๑.๑ โต๊ะประชุมของสภานักเรียน หรือ คณะกรรมการบริหารสภานักเรียน กับโต๊ะของครูที่ปรึกษา
หรอื ผเู้ ขา้ รว่ มประชมุ อืน่ ที่สภานักเรยี นเชิญเขา้ ร่วมประชุมด้วยในครง้ั นน้ั ต้องแยกออกจากกัน
๑.๒ ตอ้ งมีป้ายชอื่ – สกุล ตำแหนง่ ของคณะกรรมสภานกั เรยี น/ครทู ่ปี รึกษา
๑.๓ การจัดโต๊ะประชุม เพื่อให้เกิดความสะดวกในการนั่งประชุม และเพื่อให้ผู้เข้าร่วม ประชุมทุกคน
สามารถมองเห็นประธาน รองประธาน และเลขานุการ รวมถึงผู้เขา้ รว่ มประชุมคนอื่น ๆ การจัดโต๊ะประชุมมี
หลายรูปแบบ แบบการจัดประชุมทเ่ี ปน็ ที่นิยมใช้ มีใช้ ๙ แบบ ดังนี้
แบบท่ี ๑ จดั แบบตัวอกั ษรไอในภาษาอังกฤษ ( I )
แบบท่ี ๒ จัดแบบตัวอักษรยใู นภาษาองั กฤษ ( U )
แบบท่ี ๓ จดั แบบตวั อกั ษรทใี นภาษาอังกฤษ ( T )
แบบที่ ๔ จดั แบบตวั อกั ษรโอในภาษาองั กฤษ ( O )
แบบที่ ๕ จัดแบบเกอื กมา้
แบบท่ี ๖ จดั แบบรูปครง่ึ วงกลม
แบบที่ ๗ จัดแบบรูปสี่เหลยี่ ม
แบบท่ี ๘ จัดแบบชน้ั เรียน
แบบท่ี ๙ จัดแบบออดิทอเลี่ยม (โรงภาพยนตร์)
๒. รูปแบบและการกำหนดระเบียบวาระการประชุม
๒.๑ รูปแบบการประชมุ ทเ่ี ปน็ ทางการ ไดก้ ำหนดระเบียบวาระไว้ ดังนี้
ระเบียบวาระท่ี ๑ เรอ่ื ง ประธานแจง้ ท่ีประชมุ ทราบ
๑.๑ ...............................................................
๑.๒ ..............................................................
ฯลฯ
ระเบียบวาระท่ี ๒ เรอ่ื ง รบั รองรายงานการประชมุ ครง้ั ที่ ...... /..........
๒.๑ ...............................................................
๒.๒ ..............................................................
ฯลฯ
ระเบียบวาระท่ี ๓ เรอื่ ง เสนอท่ปี ระชุมทราบ
๓.๑ ..............................................................
๓.๒ ..............................................................
ฯลฯ
๒๐
ระเบยี บวาระท่ี ๔ เร่อื ง เสนอทปี่ ระชมุ พิจารณา
๔.๑ ...............................................................
๔.๒ ..............................................................
ฯลฯ
ระเบียบวาระที่ ๕ เรือ่ ง อื่น ๆ
๕.๑ ...............................................................
๕.๒ ..............................................................
ฯลฯ
๒.๒ รปู แบบทไี่ ม่เป็นทางการ ท่ีประชุมอาจกำหนดรูปแบบง่าย ๆ โดยไม่ตอ้ งมีระเบยี บวาระ ครบถ้วน
ในการประชมุ หรือ การประชมุ เฉพาะกลมุ่ งาน (หัวข้อการประชมุ เพยี งแตเ่ รียงลำดับ ๑-๒-๓-๔-๕)
๒.๓ รูปแบบที่หน่วยงานกำหนด บางหน่วยงานอาจกำหนดรูปแบบเฉพาะ เช่น เพิ่มระเบียบวาระ
“เรอ่ื งทักทว้ ง” ในกรณีทเี่ ปน็ เรื่องพจิ ารณาตามปกตปิ ระจำทุกครง้ั ไมต่ ้องมกี ารอภิปราย หากไม่มีการทักท้วง
ก็ถือวา่ เห็นชอบ ทงั้ นี้ เพอ่ื ประหยัดเวลาในการประชุม
๓. ข้ันตอนการดำเนินการประชมุ
๓.๑ ระเบยี บวาระท่ี ๑ เรอ่ื งท่ีประชมุ แจง้ ใหท้ ี่ประชุมทราบ
เมื่อประธานกลา่ วเปิดประชุมแล้วหากไม่มีเรื่องแจ้งเพื่อทราบก็เขียนว่า “ไม่มี” ระเบียบวาระท่ี
๑ นี้ ไม่ต้องมีการ “ลงมติ” เพราะไม่ใช่เรื่องพิจารณา แต่อาจมี “ข้อสังเกต” ได้ระเบียบวาระนี้ จะลงท้ายว่า
“ที่ประชุมรับทราบ” ที่ประชุมบางแห่งใช้คำว่า “เรื่องแจ้งเพื่อทราบ” ซึ่งไม่ชัดเจนว่าผู้ใดแจ้งบางแห่งนำ
ระเบียบวาระที่ ๓ มารวมด้วย คือกรรมการต่าง ๆ แจ้งหรือรายงาน ที่ประชุมด้วย ซึ่งอาจทำให้สับสน ฉะนั้น
หากเป็นการประชุมทีส่ ำคญั ควรแยกระเบียบวาระท่ี ๑ ใหป้ ระธานเป็นผแู้ จง้
๓.๒ ระเบยี บวาระท่ี ๒ เรือ่ งการรับรองรายงานการประชุม
ประธานจะเป็นผู้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณารายงานรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา หรือ
ประธานมอบหมายใหเ้ ลขานกุ ารแจ้งให้ท่ีประชุมทราบ โดยอาจพิจารณาทลี ะหน้า ในกรณที ่ไี ม่ได้แจกล่วงหน้า
หรือรวบยอดทั้งฉบับในกรณีที่แจกล่วงหน้าแล้ว หากมีผู้เสนอแก้ไข เลขานุการจะต้องบันทึกข้อความที่แก้ไข
ใหม่ อย่างละเอียด และข้อความใหม่จะต้องปรากฏในรายงานการประชุมคร้ังใหมด่ ้วย ระเบียบวาระนี้ลงท้าย
วา่ “ทป่ี ระชุมพจิ ารณาแลว้ รับรองรายงานการประชุมครงั้ ที่ ......... โดยไมม่ ีการแก้ไข (หรอื มีการแกไ้ ข)” การ
รบั รองรายงานการประชมุ อาจทำได้ ๓ วิธี ดงั นี้
๑) รบั รองในการประชุมครง้ั นั้น ใช้สำหรบั กรณเี รอื่ งเร่งดว่ น ให้ประธานหรอื เลขานุการของท่ีประธาน
อา่ นสรปุ มตใิ หท้ ่ีประชุมพจิ ารณารับรอง
๒) รบั รองในการประถมครั้งต่อไป ประธานหรอื เลขานกุ ารเสนอรายงานการประชุมครัง้ ทแี่ ล้วมา ให้ที่
ประชมุ พจิ ารณารบั รอง
๓) รับรองโดยการแจ้งเวียน ใช้ในกรณีที่ไม่มีการประชุมครั้งต่อไป หรือมีแต่ยังกำหนดเวลาประชุม
ครั้งต่อไปไม่ได้ หรือ มีระยะเวลาห่างจากการประชุมรั้งนั้นนานมาก ให้เลขานุการส่งรายงานการประชุมไปให้
บุคคล ในคณะกรรมการพจิ ารณารับรองภายในระยะเวลาที่กำหนด
๒๑
๓.๓ ระเบียบวาระที่ ๓ เรื่องเสนอท่ีประชมุ ทราบ
บางแห่งใชค้ ำว่า “เรอ่ื งสืบเนื่อง” คือ สืบเนอ่ื งจากการประชุมครงั้ ท่ีแลว้ เป็นการรายงานผล
การปฏบิ ัติงานท่ีไดร้ ับมอบหมายในการประชมุ ครัง้ ก่อน ๆ แต่การใช้คำวา่ “เรอื่ งสบื เน่อื ง” อาจทำให้เกิดความ
ผิดพลาดโดยมีการนำเรื่องที่เลื่อนจากการพิจารณาครั้งก่อนมาพิจารณาและลงมติในระเบียบวาระน้ี ทำให้
สับสนกับระเบียบวาระที่ ๔ ซึ่งเป็นเรื่องพิจารณาโดยเฉพาะในการประชุม ส่วนใหญ่ ระเบียบวาระที่ ๓ เป็น
เรื่องที่เข้าประชุมจะรายงานผลงานหรือเรื่องราวสำคัญในหน่วยงานของตน ที่ประชุมเพียงแต่ “รับทราบ”
หรอื “มีข้อสงั เกต” เชน่ เดยี วกบั ระเบยี บวาระที่ ๑
๓.๔ ระเบยี บวาระท่ี ๔ เรอ่ื งเสนอที่ประชุมพจิ ารณา
ระเบียบวาระนี้เป็นหัวใจของการประชุม เลขานุการจะต้องส่งข้อมูลประกอบพิจารณา ให้
คณะกรรมการให้ศกึ ษาล่วงหนา้ หากข้อมูลมากจะต้องสรุปสาระสำคัญ ให้คณะกรรมการอ่านด้วย หัวข้อต่าง
ๆ ที่จะนำมาพิจารณาจะต้องตั้งชื่อเรื่องให้กระชับ ชัดเจนทุกเรื่อง เมื่อผู้เกี่ยวข้องอ่านก็จะทราบ ทันทีว่าเป็น
เรอื่ งใด ทำให้ประหยัดเวลาอา่ น และในท่ปี ระชุมก็จะอภปิ รายได้ตรงประเด็น ตัวอยา่ งการตั้งชอื่ เร่ือง เชน่
๑) การจัดสรรทนุ การศกึ ษาแกบ่ ตุ รขา้ ราชการ
๒) การจดั งานในวนั คลา้ ยวันสถาปนากระทรวงศกึ ษาธิการ
๓.๕ ระเบยี บวาระที่ ๕ เร่ืองอนื่ ๆ (ถ้าม)ี
ระเบียบวาระนอี้ าจเป็นเรอ่ื งเร่งด่วนทีม่ ิไดแ้ จง้ ลว่ งหน้า มิได้บรรจไุ ว้ในระเบียบวาระท่ี ๔ ประธาน
อาจนำมาพิจารณาในระเบียบวาระที่ ๕ หรืออาจเป็นเร่ืองเสนอเพ่ิมเตมิ ทีไ่ ม่มีการลงมติก็ได้ ภาษาพูดเรยี กวา่
“วาระจร”
๔. รายงานผลการประชุม
๔.๑ ความหมายของการรายงานการประชุม
คำว่า “รายงานการประชุม” เป็นคำนาม หมายความว่า รายละเอียดหรอื สาระ ของการประชุมที่
จดไวเ้ ป็นทางการ (พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน ๒๕๔๒ : ๙๕๓ )
๔.๒ ความสำคัญของการรายงานการประชมุ
รายงานการประชมุ เป็นรายงานประเภทหนึง่ ท่มี ีความสำคัญอย่างย่งิ สรปุ ไดด้ งั นี้
๑) เปน็ องคป์ ระกอบของการประชุม การประชมุ อยา่ งเป็นทางการมอี งค์ประกอบ
๘ ประการได้แก่ ๑) ประธาน ๒) องคป์ ระชุม ๓) เลขานุการ ๔) ญัตติ ๕) ระเบียบวาระการประชุม ๖) มติ
๗) รายงานการประชุม และ ๘) หนังสือเชญิ ประชมุ
๒) เป็นหลักฐานการปฏิบัติงาน การปฏิบัติงานในองค์กรใด ๆ ก็ตาม ย่อมมีการประชุม เพื่อ
รายงานผลการปฏิบัติงาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น กำหนดนโยบาย พิจารณาข้อเสนอ ฯลฯ รายงานการ
ประชุมจะเป็นหลักฐานสำคัญทีแ่ สดงผลการปฏิบัติงาน หรือกิจการของหน่วยงานที่ผ่านมา เพื่อเป็นหลักฐาน
ขององคก์ รต่อไป
๓) เป็นเครื่องมือติดตามงาน รายงานการประชุมที่มีการบันทึกมติไว้อย่างชัดเจน จะเป็น
หลักฐานสำคัญให้เลขานุการหรือผู้ที่รับได้รับมอบหมายได้ติดตามงานตามมติที่ประชุม การประชุมส่วนใหญ่
จะมีระเบียบวาระ “เรื่องที่เสนอให้ที่ประชุมทราบ” ซึ่งผู้ปฏิบัติ จะรายงานผลหรือความก้าวหน้า ในการ
ปฏบิ ตั งิ านตามมติทปี่ ระชุมครั้งกอ่ น ทงั้ น้ี จะเปน็ ประโยชนแ์ ก่องคก์ ร ใหส้ ามารถเรง่ รัดพัฒนางาน อยา่ งเต็มที่
๔) เป็นหลักฐานอ้างอิง รายงานการประชุมท่ีมกี ารรับรองจากท่ีประชมุ แล้ว ถือเป็นเอกสาร
ที่ใช้อ้างอิงได้ตามกฎหมาย หากมีปัญหาหรือความขัดแย้งในการปฏิบัติ สามารถใช้มติ การประชุมเพื่อยุติข้อ
๒๒
ขัดแย้งได้ หรือหากมีปัญหาทางกฎหมาย เช่น บุคคลหรือหน่วยงานปฏิบัติงานไม่เป็นไป ตามมติ ก็สามารใช้
รายงานการประชมุ เป็นหลกั ฐานสว่ นหนง่ึ ในการดำเนนิ การตามกฎหมายได้
๕) เป็นข้อมูลข่าวสาร เลขานุการจะส่งรายงานการประชุมให้ผู้เข้าประชุมได้รับทราบข้อมูล
หรือทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในการประชุมครั้งก่อนเพื่อให้ต่อเนื่องกับการประชุมครั้งต่อไป นอกจากนั้น ยัง
เป็นประโยชนส์ ำหรบั ผูไ้ ม่มาประชุมไดศ้ ึกษาข้อมูลและรับทราบมติทป่ี ระชุมดว้ ย
การเขียนรายงานการประชมุ มรี ายละเอียด ดงั นี้
๑. รายงานการประชุม ให้ลงชื่อคณะที่ประชุมหรือชื่อการประชุมนั้น เช่น รายงานการ
ประชุมคณะกรรมการ.........................
๒. คร้งั ที่....... ให้ลงคร้ังทป่ี ระชุมเปน็ รายปี โดยเริ่มครงั้ แรกจากเลข ๑ เรียงตามลำดับไปจน
สิ้นปีปฏิทิน ทับเลขที่ปีพุทธศักราชท่ีประชุม เมื่อขึ้นปีปฏิทินใหม่ให้เริ่มครั้งที่ ๑ ใหม่ เรียงไปตามลำดับ เช่น
คร้ังท่ี ๑/๒๕๕๙
๓. เมื่อ........ ให้ลงวัน เดือน ปี และเวลาที่ประชุม โดยลงวันทีพ่ ร้อมตัวเลข ของวันที่ ชื่อเตม็
ของเดอื น ตวั เลขของปพี ุทธศักราช และเวลาทป่ี ระชุม เช่น เมื่อวนั ท่ี ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เวลา ๑๐.๐๐
น. เปน็ ตน้
๔. ณ............................ใหล้ งชอื่ สถานท่ีทีป่ ระชมุ
๕. ผู้มาประชมุ ให้ลงชือ่ หรอื ตำแหน่งของผู้ไดร้ ับแตง่ ต้ังเปน็ คณะทป่ี ระชมุ
ซึ่งเข้าประชุม ในกรณีที่มีผู้เข้าประชุมแทนให้ลงชื่อ ผู้เข้าประชุมแทนและลงว่าเข้า ประชุมแทนผู้ใด หรือ
ตำแหนง่ ใด
๖. ผู้ไม่มาประชุม ให้ลงชื่อและหรือตำแหน่งของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะ ที่ประชุม ซึ่ง
มไิ ดเ้ ข้าประชมุ (ถา้ มี)
๗. ผู้เข้าร่วมประชุม ให้ลงชื่อและหรือตำแหน่งของผู้ที่มิได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะ ที่ประชุม
ซ่ึงได้เข้าร่วมประชุม (ถ้าม)ี
๘. เริ่มประชุมเวลา ใหล้ งเวลาทเี่ ริม่ ประชมุ
๙. ข้อความ ให้บันทึกข้อความที่ประชุม โดยปกติให้เริ่มต้นด้วย ประธานกล่าวเปิด ประชุม
และเรอื่ งทปี่ ระชุม กับมติหรอื ขอ้ สรุปของท่ีประชุมในแต่ละเรอ่ื งตามลำดับประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ดงั นี้
๙.๑ เร่อื งท่ีประธานแจ้งทปี่ ระชมุ ทราบ
๙.๒ เรอ่ื งรบั รองรายงานการประชมุ คร้งั ทผ่ี า่ นมา
๙.๓ เรอ่ื งทเ่ี สนอให้ทีป่ ระชุมทราบ
๙.๔ เรื่องที่เสนอใหท้ ปี่ ระชมุ พจิ ารณา
๙.๕ เรอ่ื งอนื่ ๆ
๑๐. เลกิ ประชมุ เวลา ให้ลงเวลาทเ่ี ลกิ ประชมุ
๑๑. ผู้บันทึกการประชุม ให้ลงผู้บนั ทึกการประชุมครั้งน้ัน (ควรพิมพ์ชื่อเต็มและ นามสกุลไว้
ใต้ลายมอื ชอื่ ในรายงานการประชมุ ครั้งนั้น)
๑๒. ผู้ตรวจรายงานการประชุม ให้ลงชื่อผู้ตรวจรายงานการประชุม (ควรพิมพ์ชื่อเต็ม และ
นามสกลุ ไวใ้ ต้ลายมือชอื่ ในรายงานการประชมุ ครั้งนัน้ ด้วย)
๒๓
๕. แนวการประเมินรูปแบบการประชุมคณะกรรมการสภานกั เรยี น
การประเมินรูปแบบประชุมสภานักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียนจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน
และกระบวนการ ดังน้ี
๕.๑ กอ่ นดำเนนิ การประชุม
๑) การจัดเตรยี มสถานที่ประชมุ
๒) การจัดเตรียมระเบยี บวาระการประชุม/เอกสารท่ีเก่ยี วข้อง
๓) การเชญิ ผเู้ ก่ยี วขอ้ งเขา้ ร่วมประชมุ
๕.๒ ระหวา่ งดำเนนิ การประชมุ
๑) ถา้ มโี ต๊ะหมู่บชู า สภานักเรยี นควรปฏิบตั ิอยา่ งไร
๒) ถา้ มไี ม่โต๊ะหมู่บูชา สภานกั เรยี นควรปฏิบตั ิอย่างไร
๓) การทำหน้าทีข่ องสภานักเรียน
๔) การทำหนา้ ท่ีของเลขานกุ าร
๕) การทำหนา้ ทข่ี องสมาชกิ
๖) การเริ่มต้นการประชุม ประธานตรวจสอบความพร้อมและองค์ประชุม เปิดการประชุม
โดยเริ่มต้นในระเบียบวาระที่ ๑ หรือเกริ่นนำแล้วมอบให้รองประธาน หรือกรณีประธานไมอ่ ยู่ในที่ประชุม ให้
เลือกผ้ทู ำหนา้ ทเี่ ป็นประธาน ในครั้งน้ี เพ่ือดำเนินการประชมุ ตามระเบยี บวาระการประชุม
๗) ระเบยี บวาระที่ ๒ ประธานจะดำเนินการเอง หรือมอบหมายใหเ้ ปน็ หน้าท่ีของ เลขานกุ าร
เปน็ คนดำเนินการกไ็ ด้ แต่ในขนั้ ตอนที่ให้ทปี่ ระชุมพจิ ารณาแล้วรับรองรายงานการประชมุ ตอ้ งเปน็ หน้าท่ีของ
ประธาน
๘) ประธานหรอื ผู้ทำหนา้ ทเ่ี ป็นประธาน ดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระท่ีประชุม
กำหนด
๙) การจดบนั ทกึ การประชุม เป็นหนา้ ท่ขี องเลขานุการ/ผูช้ ่วยเลขานุการโดยตรง ใหส้ ังเกตวา่
สมาชกิ มีการจดบันทึกการประชมุ หรอื ไม่หากไม่จด ควรเสนอแนะให้สมาชกิ จดบันทกึ เพอ่ื เปน็ การทบทวน
บทบาทหนา้ ที่ของตนเองหรอื งานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
๑๐) ประธานควบคุมการประชุมให้ดำเนนิ ไปตามวาระการประชุม ต้องสมารถสรปุ ประเดน็
จากการประชมุ และหยุดข้อโตแ้ ย้งในท่ปี ระชุม และที่สำคัญทกุ ครั้งทมี่ ีการลงมติในทีป่ ระชมุ ตอ้ งเปน็ บทบาท
ของประธานเทา่ น้ัน เร่ืองบางเรื่องไมจ่ ำเป็นต้องลงมติกไ็ ด้ หากสมาชกิ ทุกคนเห็นชอบ เมอ่ื มีขอ้ ขัดแย้งจึงขอ
มตใิ นทปี่ ระชุม
๑๑) สมาชกิ แสดงความคิดเห็น ต้องเคารพสิทธ์แิ ละใหเ้ กียรติ ในท่ปี ระชมุ โดยการยกมือ
ประธาน อนญุ าต ให้พูดจึงพูดได้ แนะนำตัวเอง ตำแหน่ง แลว้ จงึ พูด
๕.๓ การลงมตใิ นท่ปี ระชุม เป็นบทบาทหน้าที่ของประธานต้องดำเนนิ การ ดังนี้
๑) ประธานเปิดโอกาสให้สมาชกิ ทุกคนได้อภปิ รายเสนอความคิดเหน็ โดยเสมอภาค ตาม
ประเด็นทีเ่ สนอในทีป่ ระชุม
๒) ประธานสรุปประเด็นว่าใครเสนออะไรในท่ปี ระชุม แล้วจึงถามความเหน็ ในทป่ี ระชุม และ
สรปุ ผลเปน็ เร่ือง ๆ ไปในคราวเดยี วกัน
๒๔
๕.๔ เมื่อจบการประชุม
๑) เมื่อประธานสอบถามความคดิ เหน็ ประเดน็ อนื่ ๆ ในทป่ี ระชุมเพิ่มเติม ก่อนมอบหมาย
เลขานกุ ารสรปุ รายงานการประชมุ ปิดการประชมุ
๒) เมอ่ื จบการประชุมแล้ว ตอ้ งปฏบิ ตั ิตามข้ันตอนลักษณะเดียวกับการเรมิ่ ต้นการประชมุ
๓) นำรายงานการประชุมเสนอผบู้ ริหารสถานศึกษาเพอื่ โปรดทราบและพจิ ารณาโดยผ่านครู
ท่ปี รึกษา
๔) จัดเอกสารรายงานการประชมุ เพื่อนำเสนอในท่ปี ระชมุ รบั รองรายงานการประชุม ในการ
ประชมุ คณะกรรมการสภานักเรียนครงั้ ต่อไป
๔.๒ กจิ กรรมเสนอแนะเพมิ่ เติม
ความเขม้ แข็งของสภานักเรียน สามารถปลกู ฝงั ได้ด้วยกิจกรรมที่ใหท้ ุกฝ่ายเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ ม อยา่ ง
จรงิ จงั โรงเรยี นควรปลกู ฝงั การมสี ว่ นรว่ มรับผดิ ชอบ ดงั ตัวอยา่ งต่อไปนี้
๑. กิจกรรมฝกึ ทักษะการวิเคราะหข์ ่าว เหตกุ ารณ์โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองและปญั หา
สังคม อยา่ งสมำ่ เสมอ
๒. กิจกรรมส่งเสรมิ ให้นกั เรยี นทำโครงงานศึกษาปัญหาและการแก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ ในชมุ ชน เพือ่
เรยี นรชู้ ุมชนและสรา้ งความรับผิดชอบต่อชมุ ชนและสังคม สรา้ งสำนึกสาธารณะ สำนึกรักบา้ นเกดิ โดยอาจจดั
กจิ กรรมใหน้ ักเรยี นออกสัมผัสกับปัญหาที่เกิดขึน้ จริงในชุมชน
๓. กิจกรรมค่ายอาสาเพื่อช่วยเหลือผดู้ อ้ ยโอกาสคนพิการผู้สงู อายหุ รอื ผู้ประสบภยั พบิ ัติในโอกาสต่างๆ
๔. เปน็ อาสาสมัครช่วยงานการเลือกตั้งในทอ้ งถ่ิน ทุกครง้ั ที่มกี ารเลือกตง้ั
๕. นำสภานกั เรยี นออกสู่ชมุ ชน เพอ่ื ให้ความรู้เขา้ ใจเก่ียวกับการปอ้ งกันและการแกไ้ ขปัญหายาเสพติด
เอดส์การใช้ความรนุ แรงในครอบครวั และอ่นื ๆ
๖. กิจกรรมรวมกลมุ่ กบั ชาวบ้าน ทำโครงการต่าง ๆ เชน่ การออมทรพั ย์การหารายได้การพัฒนา
อาชีพ การจัดการทรัพยากรในท้องถนิ่ การอนรุ กั ษ์ศิลปวัฒนธรรม เป็นตน้
๗. กจิ กรรมการมสี ่วนรว่ มในการชว่ ยเหลือ/การแก้ไขปญั หาให้กับเพ่ือน ๆ ในโรงเรยี นโดยกำหนดกฎ
กตกิ าเพอ่ื การอย่รู ่วมกนั ในสังคม ชมุ ชน
๘. กิจกรรมการนำนักเรียนไปศึกษาดงู านเพ่ือเรยี นรปู้ ระสบการณ์ตรงจากองคก์ ารบริหาร ส่วนตำบล
จังหวัด เทศบาล เพ่ือเตรยี มคนไปสู่การเมืองท้องถ่ิน
๙. กิจกรรมสรา้ งเสรมิ ความเปน็ ประชาธิปไตย โดยจัดหาหนงั สือประเภทเร่ืองส้นั นวนิยาย ประวัติ
ชวี ิตบคุ คลสำคัญท่มี เี น้ือหาเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง เพื่อเปน็ การปลูกฝงั อุดมการณ์ประชาธปิ ไตย ใหแ้ ก่
นักเรียน
การสร้างเครือขา่ ยของสภานกั เรยี นและการมีสว่ นร่วมของสภานักเรียน
การมสี ่วนรว่ มกิจกรรมต่าง ๆ โดยสภานกั เรยี น หมายถึง การที่สภานักเรียนเข้าไปมีส่วนร่วม ในการ
ประชมุ การวางแผน การเสนอแนะ การจดั ทำโครงการ การบริหาร การจดั การ การจดั หางบประมาณ
ตลอดจนการร่วมมือปฏบิ ตั งิ านหรอื ดำเนินงาน ร่วมกับหนว่ ยงานหรือองคก์ รตา่ ง ๆ
แผนภมู ิ การดำเนนิ งานเครือข่ายและการมีส่วนรว่ มของสภานักเรียนโรงเรียนชุมแพศึกษา สภานักเรยี นเขา้
รว่ มประชมุ รว่ มกบั บุคลากร/องค์กร/หนว่ ยงานที่เกย่ี วข้อง
๒๕
สภานกั เรยี นนำเรื่องท่ีไดร้ บั จากการประชมุ เขา้ ท่ีประชุมสภานกั เรยี น
สภานักเรยี นกำหนดแผนปฏิบัติงาน/ขน้ั ตอนการปฏบิ ัตงิ าน
สภานกั เรยี นเสนอแผนการปฏบิ ัตงิ าน ผา่ นความเห็นชอบจากครทู ป่ี รึกษา
เสนอผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อพจิ ารณา
สภานักเรียนมอบหมาย/แบง่ หนา้ ท่ีความรับผิดชอบการดำเนนิ งาน
สภานักเรียนเข้าร่วมประชุมร่วมกบั บุคลากร/องค์กร/หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้อง
สภานกั เรยี นปฏบิ ัติงานตามแผนการปฏิบัตงิ านรว่ มกับบุคลากร/หน่วยงาน/องคก์ รตา่ ง ๆ
ประเมนิ ผล/สรุปรายงานผลการดำเนินงาน
วิธกี ารและขัน้ ตอนการดำเนินงาน
๑. สภานักเรียนโดยประธานหรอื ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมายเป็นตัวแทนสภานักเรยี น เข้าร่วมประชมุ ร่วมกับ
ผู้บรหิ ารสถานศึกษา/คร/ู หน่วยงาน/องค์กรทีเ่ กยี่ วข้องกบั โครงการ/กจิ กรรม/งาน
๒. สภานักเรียนจัดประชมุ คณะกรรมการเพ่ือเสนอกิจกรรม/โครงการ/งาน เข้าที่ประชมุ
คณะกรรมการสภานกั เรียน (เป็นโครงการ/กจิ กรรมทเี่ สนอโดยคณะกรรมการสภานักเรียนเองหรือผา่ นทาง
ผู้บริหาร คร/ู หนว่ ยงานและองค์กรตา่ ง ๆ )
๓. สภานกั เรยี นกำหนดแผนงาน/โครงการ/งาน/กิจกรรม/ปฏิทนิ และข้ันตอนการปฏบิ ตั งิ าน
๔. สภานกั เรยี นเสนอโครงการ/งาน/กิจกรรม/ปฏทิ นิ และขั้นตอนการวธิ กี ารดำเนินงานต่อผ้บู รหิ าร
สถานศกึ ษาเพื่อพจิ ารณา
๕. สภานักเรียนมอบหมายงาน แบ่งหน้าที่ในการดำเนนิ งาน ประสานงาน
๖. สภานักเรียนปฏิบัตงิ านตามแผนงาน/ปฏิทินรว่ มกับบุคลากร องค์กร หน่วยงานท่เี กีย่ วข้อง
๗. ประเมนิ สรุปรายงานผลการดำเนินงาน
๒๖
ตวั อยา่ งเอกสารการสร้างเครือข่าย
๑. หนังสือจากผู้บรหิ ารสถานศึกษา/คร/ู หน่วยงานท้องถิ่น/หนว่ ยงานภาครัฐและเอกชน (ขอความ
ร่วมมือจัดทำโครงการ “ฟืน้ ฟูสายใสรกั เพ่ือสรา้ งโลก”)
๒. ระเบยี บวาระการประชมุ
๓. แผนงาน/โครงการ/กจิ กรรม/ปฏิทิน/ขนั้ ตอนการปฏิบตั งิ าน
๔. คำสั่งแต่งตงั้ คณะทำงาน
๕. การดำเนินงานตามแผนงาน/กจิ กรรม/โครงการ
๖. บันทึกข้อตกลงความรว่ มมือ (MOU)
๗. ประเมนิ สรุปผลการดำเนินงาน
ตวั อยา่ งกจิ กรรมสภานกั เรียน รูค้ ดิ มจี ติ อาสา
๑. สภานักเรียนเขา้ ร่วมประชมุ กับบุคลากร/หนว่ ยงาน/องค์กรท่ีเกีย่ วข้องกับกิจกรรม
๒. สภานกั เรียนจัดประชุมสมาชกิ เพื่อเสนอเรื่องของการพัฒนานกั เรยี นในโรงเรยี นใหร้ จู้ ักคิด มีจิต
อาสา เชน่ การมีมารยาท การรกั ษาวัฒนธรรมไทย/ทอ้ งถิ่น การมสี ตใิ นการใช้เครื่องมือสอื่ สารต่าง ๆ รวมทั้ง
ปลูกฝังให้นกั เรยี นมจี ติ าสา (ท่ีประชุมเห็นชอบ และขอรับคำแนะนำจากครูทีป่ รึกษาสภานกั เรยี น)
๓. คณะกรรมการสภานกั เรียนจัดทำโครงการ ขอความเหน็ ชอบจากครูทป่ี รึกษาเพื่อนำเสนอตอ่
ผบู้ ริหารสถานศึกษาพจิ ารณา
๔. ผ้บู รหิ ารสถานศึกษาเห็นชอบโครงการและแต่งต้งั ครูทป่ี รึกษาร่วมดำเนินการกบั สภานักเรียน
(งบประมาณมี ๓ สว่ น คอื ๑. โรงเรียนสนบั สนนุ ๒. สภานกั เรียนขอความรว่ มมือกับผปู้ กครอง ๓. ขอรับการ
สนับสนนุ จากองค์กร หน่วยงานต่าง ๆ )
๕. สภานักเรียนนำเสนอโครงการ/ประสานความร่วมมือ/ขอรับการสนบั สนุนจากเพื่อน ๆ ใน
โรงเรยี น/ ผปู้ กครอง/ครู/องค์กร หน่วยงานตา่ ง ๆ
๖. ดำเนินงานตามแผน
๗. ประเมนิ /สรุปรายงานผลการดำเนนิ งาน
แนวทางการประเมินเครือขา่ ยสภานกั เรยี นและการมสี ว่ นรว่ ม
๑. ตรวจสอบความครอบคลุม เพยี งพอ ในการนำเสนอเอกสารทเี่ กี่ยวขอ้ ง
๒. ตรวจสอบเอกสารโครงการ/กจิ กรรม บนั ทึกการประชุม คำส่ังแตง่ ตงั้ คณะกรรมการ และเอกสาร
อื่น ๆ ทีบ่ ่งบอกถึงรายละเอยี ดท่ีเกย่ี วข้อง ดังเช่น
๒.๑ ภาพถ่าย บันทึกความเข้าใจ บนั ทึกความร่วมมอื หนงั สอื ตดิ ตอ่ ประสานงาน หนงั สือขอ
ความรว่ มมือ หนงั สือแจง้ อืน่ ๆ
๒.๒ การแลกเปลี่ยนข้อมูล และความคดิ เหน็ ในการพัฒนาเครอื ขา่ ยแนวทางการดำเนนิ ความ
ร่วมมือ ระหวา่ งเครือข่ายอยา่ งเป็นระบบ
๒๗
การสรปุ และรายงาน
๑. ตรวจสอบความถกู ต้อง/เหมาะสมในการนำเสนอข้อมลู
๒. ตรวจสอบความครบถ้วนของข้อมูล
การบรู ณาการกจิ กรรมสภานกั เรียนเขา้ กบั กลมุ่ สำระการเรียนรู้
แผนผังวิธีการดำเนินงานการบูรณาการกจิ กรรมสภานักเรยี นเข้ากบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้
วเิ คราะห์สาระการเรยี นรู้
ในหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๔๔๑ (ฉบับปรับปรุง๒๕๖๐)
จัดทำหนว่ ยการเรยี นร้แู ต่ละกล่มุ สาระการเรียนรู้
บูรณาการวถิ ีประชาธปิ ไตย กิจกรรมสภานกั เรียน
ออกแบบการจัดการเรยี นรู้ตามหน่วยการเรียนรู้
นำเสนอฝา่ ยวชิ าการและผ้บู ริหารสถานศึกษาอนุมัติ
พจิ ารณาแผน / อนุมัตแิ ผน
จดั กจิ กรรมการเรยี นรบู้ ูรณาการกิจกรรมสภานักเรยี น / นเิ ทศตดิ ตาม / วัดและ
ประเมินผล
สรุปผลและรายงานผล
๒๘
การบรหิ ารจดั การการจัดการเรียนรู้บรู ณาการสาระการเรียนรขู้ องสภานกั เรียน
การบริหารจัดการการจัดการเรยี นรบู้ รู ราการสาระการเรียนร้ขู องสภานักเรยี นใหป้ ระสบผลสำเรจ็
ระดบั โรงเรยี น ควรดำเนนิ การ ดงั นี้
แนวปฏิบัติระดับสถานศกึ ษา
๑) กำหนดเปน็ นโยบายและจัดทำแผนปฏบิ ัตกิ ารของสถานศกึ ษาในการดำเนินงาน การจัดการเรยี นรู้
บรู ณาการสาระการเรยี นรูข้ องสภานักเรยี น
๒) สรา้ งความเขา้ ใจรว่ มกันท้ังโรงเรียน รวมถึงผ้มู สี ว่ นเก่ียวขอ้ งโดยการประชุม อบรม จัดค่าย และ
ประชาสัมพันธ์ในด้านตา่ ง ๆ
๓) ศึกษาบรบิ ทของสถานศกึ ษาทุกด้าน เช่น วสิ ยั ทัศน์ พนั ธกิจ และเปา้ หมายของสถานศึกษา
จำนวนครู จำนวนนักเรียน หอ้ งเรียน หอ้ งปฏิบัติการหอ้ งสมดุ หอ้ ง ICT ระบบอนิ เตอร์เน็ต เครอ่ื งมือ อปุ กรณ์
สง่ิ อำนวยความสะดวก สื่อ แหล่งเรยี นรู้ ฯลฯ ทจ่ี ำเป็นต้องใชใ้ นการสนบั สนนุ การจัดการเรียนรู้ บูรณาการ
สาระการเรียนร้ขู องสภานกั เรียน
๔) จัดทำสารสนเทศเก่ยี วกบั สภาพและบรบิ ทของสถานศึกษาใหส้ มบรู ณ์ในปัจจุบัน และเปน็ ข้อมูล
พรอ้ มท่จี ะนำไปใช้ในการพฒั นาผู้เรียน
๕) สนับสนนุ งบประมาณ เครื่องมือ อปุ กรณ์ ส่ือ วัสดุ และสิง่ อำนวยความสะดวกตา่ ง ๆ
๖) สร้างความรว่ มมือและใชป้ ระโยชนจ์ ากแหลง่ เรยี นรภู้ ายนอกโรงเรยี นตามบริบทและสภาพของ
โรงเรยี น
๗) จดั ซ้อื จดั หา และซ่อมแซมส่งิ ตา่ งๆ ท่จี ะใช้ในการสนบั สนนุ การจัดการเรยี นรู้บูรณาการสาระการ
เรยี นรู้ ของสภานักเรยี นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้อยเู่ สมอ
๘) ส่งเสริม สนับสนนุ ให้ครแู ต่ละระดบั ชัน้ จัดการเรยี นรูบ้ รู ณาการสาระการเรียนรขู้ องสภานกั เรียน
๙) จัดตารางเรียนทีเ่ อือ้ ต่อการจัดการเรียนรบู้ ูรณาการสาระการเรียนรูข้ องสภานักเรียน
๑๐) จดั บรรยากาศ และแหล่งเรียนรู้ให้เอ้ือต่อการจดั การเรยี นรูบ้ รู ณาการสาระการเรียนรขู้ องสภา
นักเรียน
๑๑) ส่งเสริมให้ครใู ช้วิธกี ารวัดและประเมินผลตามสภาพจรงิ และใชว้ ิธที ่หี ลากหลาย
๑๒) นเิ ทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลการจดั การเรยี นร้บู รู ณาการสาระการเรียนรู้ของ สภา
นกั เรยี น สะท้อนผลการจดั กจิ กรรมร่วมกนั และปรับปรุง พัฒนาใหม้ ีประสิทธิภาพอยเู่ สมอ
แนวปฏบิ ตั ิระดบั ชัน้ เรียน
๑) ครูแตล่ ะระดับชน้ั ศึกษาและทำความเขา้ ใจในหลักสูตร และการออกแบบจดั การเรียนรทู้ ีเ่ นน้
ผูเ้ รยี นเป็นสำคัญ
๒) ศกึ ษาและทำความเขา้ ใจการจดั การเรยี นรูบ้ ูรณาการสาระการเรยี นรู้ของสภานักเรียน และวธิ ีการ
จดั การเรียนร้บู ูรณาการสาระการเรยี นรู้
๓) ครผู ูส้ อนกลุม่ สาระการเรยี นรู้ต่าง ๆ ในระดับชนั้ เดียวกันร่วมกนั ประชุมวิเคราะหม์ าตรฐานการ
เรียนร้แู ละตวั ชว้ี ดั ร่วมกันจัดทำหน่วยการเรียนรบู้ ูรณาการสาระการเรียนรขู้ อง สภานกั เรียน และวางแผน
จดั การเรยี นรตู้ ลอดภาคเรียน/ปีการศึกษา
๔) วางแผนและออกแบบการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
๕) นำแผนการจัดการเรยี นรบู้ ูรณาการสาระการเรยี นรู้ของสภานักเรียนลงสูก่ ารปฏิบตั ิ
๒๙
๖) ใชก้ ารนิเทศภายในเปน็ เครอ่ื งมือในการปรับปรงุ จดั ให้มีการแลกเปลีย่ นเรยี นร้ผู ลการปฏิบตั ิ เพ่ือ
พัฒนาการจัดการเรียนรูบ้ รู ณาการสาระการเรยี นรู้ของสภานักเรยี นใหเ้ กิดประสิทธิภาพ
๗) รายงานผลการจัดการเรียนร้บู ูรณาการสาระการเรียนรู้ของสภานักเรยี นเพื่อการพฒั นา อยา่ ง
ตอ่ เนื่องเป็นรายภาค/รายปี
ประโยชน์และความสำคญั ของการจดั การเรยี นรู้บูรณาการสาระการเรียนรขู้ องสภานกั เรียน
๑) เป็นการจดั การเรยี นรู้ที่สอดคลอ้ งกับการดำเนนิ ชีวิตจริง เพราะในชวี ติ ประจำวันการทำกิจกรรม
ต่าง ๆ ไม่ไดแ้ ยกส่วนในการใชอ้ งคค์ วามรู้แตใ่ ช้ความรู้ที่หลากหลายสาขาท่ีมีความสัมพนั ธ์กันตอ่ การทำเร่ืองใด
เรือ่ งหน่งึ และมกี ารบูรณาการองค์ความรทู้ สี่ อดรบั กันจนงานหรอื กิจกรรมท่ีทำสำเร็จ
๒) ทำให้ครูผสู้ อนตามกลมุ่ สาระการเรียนรู้ตา่ ง ๆ มีกระบวนการทำงานรว่ มกนั มแี นวทางการจดั การ
เรียนรบู้ ูรณาการสาระการเรียนรขู้ องสภานักเรียนที่เกดิ จากการวางแผน การจัดการเรียนการสอนรว่ มกนั อยา่ ง
มรี ะบบครบวงจรตั้งแตห่ ลกั สูตร การจดั การเรยี นรู้ การวัดผลและประเมินผล
๓) เป็นกระบวนการจดั การเรียนรูท้ ่ีม่งุ เสริมสรา้ งสมรรถนะที่สำคัญของผ้เู รยี น การใฝห่ าความรู้ รจู้ กั
คิดวิเคราะห์ และมีคุณธรรมจริยธรรม
๔) ทำให้ผู้เรียนไดเ้ รียนรูแ้ บบบรู ณาการเป็นองค์รวม ลดการใชเ้ วลาเรียนทม่ี ีความซ้ำซ้อนของเน้ือหา
และภาระงาน และมีโอกาสทำกจิ กรรมนอกห้องเรียนมากขึ้น
๕) ช่วยให้ผเู้ รียนเช่อื มโยงความร้ใู นห้องเรยี นกบั ความร้นู อกห้องเรยี นเขา้ ดว้ ยกนั อยา่ งกลมกลนื ไม่
เรยี นรแู้ บบแยกส่วน กอ่ ให้เกิดความร้คู วามเขา้ ใจในสิ่งทเี่ รียนมากขน้ึ
๖) ทำให้ผ้เู รยี นสามารถเช่ือมโยงความรู้เกา่ กบั ความร้ใู หม่ ดว้ ยวิธกี ารที่หลากหลาย
๗) ทำให้ลดภาระงานและเวลาในการเรียนรใู้ นห้องเรยี น
๘) ชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นสรา้ งองค์ความร้ไู ดด้ ว้ ยตนเอง
๙) ช่วยให้ผเู้ รยี นสามารถนำความร้แู ละประสบการณ์ทีไ่ ดร้ ับไปใช้ดำเนนิ ชวี ิตได้
การจัดการเรียนรูบ้ รู ณาการสาระการเรยี นรขู้ องสภานักเรยี น
การจดั การเรียนรูบ้ รู ณาการ กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ับกิจกรรมสภานักเรียน เปน็ การจัดกระบวนการ
เรียนรู้ทเ่ี ช่ืองโยงระหว่างหลกั สตู รสถานศกึ ษา กระบวนการจดั การเรียนรู้ การวดั และประเมินผลอย่าง
สอดคลอ้ งสมั พันธ์กนั เพ่ือพัฒนาผเู้ รยี นเช่ืองโยงความรู้ ความคดิ ทักษะและประสบการณ์อย่างหลากหลาย
สามารถสรา้ งองคค์ วามรูด้ ว้ ยตนเอง นำองค์ความร้ไู ปประยุคใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้อยา่ งสอดคล้องกับ ความ
เปน็ จรงิ ซึ่งทักษะทีจ่ ำเป็นของโลกในศตวรรษที่ ๒๑ เพ่ือให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้อยา่ งมปี ระสทิ ธิผลด้วย การ
วางแผนและดำเนนิ การ ดังนี้
๑) วิเคราะหห์ ลกั สูตร
๒) กำหนดเนื้อหา/สาระการเรียนรู้
๓) กำหนดเวลา/กำหนดการสอน
๔) จดั ทำโครงสร้างหน่วยการเรยี นรบู้ ูรณาการ จัดทำได้ ๒ กรณี ดงั นี้
๓๐
กรณีที่ ๑ โครงสรา้ งหน่วยการเรียนรบู้ ูรณาการ ทบี่ ูรณาการได้ทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้ และครอบคลมุ ทุก
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ดั
(ตัวอย่าง)
โครงสร้างหน่วยการเรยี นร/ู้ กจิ กรรมบรู ณาการ
ระดบั ช้นั ..........................................................
หนว่ ยท/่ี
มาตรฐานการ
กล่มุ สาระการ
สาระสำคญั /
ชนิ้ งาน/
เวลา
กจิ กรรม
เรยี นรู้และตัวช้วี ดั
เรียนรู้
กรณที ่ี ๒ โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้บรู ณาการ ทีบ่ ูรณาการไดบ้ างกลุ่มสาระการเรยี นรู้ บางมาตรฐาน การ
เรียนรู้และตัวช้วี ัด และหน่วยการเรยี นรู้ตามธรรมชาติของวิชา
(ตวั อย่าง)
โครงสร้างหนว่ ยการเรียนร/ู้ กจิ กรรมบรู ณาการ
ระดบั ชั้น..........................................................
หน่วยที่/
มาตรฐานการ
กลมุ่ สาระการ
สาระสำคัญ/
ชนิ้ งาน/
เวลา
กจิ กรรม
เรียนร้แู ละตัวช้วี ัด
เรยี นรู้
ความคิดรวบยอด
ภาระงาน
(ช่วั โมง)
๓๑
๕) จัดการเรยี นรู้
๖) เตรยี มสอื่ /แหลง่ เรียนร้/ู ภูมิปัญญาท้องถิ่น
๗) การวดั และประเมินผล
๘) นเิ ทศ กำกับ และติดตามการดำเนนิ งาน
โครงสร้างหน่วยการเรยี นรบู้ รู ณาการกล่มุ สาระการเรยี นรขู้ องกจิ กรรมสภานกั เรียนสามารถนำมา
จัดทำผงั มโนทศั น์ ซึ่งจะช่วยใหเ้ ห็นภาพรวมของแตล่ ะหนว่ ยการเรียนรู้/กจิ กรรมไดช้ ดั เจน ดังน้ี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
- มาตรฐานการเรยี นรู้
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ - มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ชี้วดั
- สาระการเรยี นรู้
และตวั ชว้ี ัด
- สาระการเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรียนรู้
- มาตรฐานการเรียนรู้
และตวั ชี้วัด
- สาระการเรียนรู้
กลมุ่ สาระการเรียนรู้
- มาตรฐานการเรยี นรู้
และตัวชว้ี ัด
- สาระการเรียนรู้
กลุม่ สาระการเรยี นรู้
- มาตรฐานการเรยี นรู้
และตวั ชว้ี ดั
ชื่อหนว่ ยการเรียนร/ู้ กิจกรรมการเรียนรู้ของ สภานกั เรยี นสาระสำคญั / ความคิดรวบยอด
กลมุ่ สาระการเรียนรู้
- มาตรฐานการเรียนรู้
และตัวชี้วัด
- สาระการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้
- มาตรฐานการเรยี นรู้
และตัวช้ีวัด
- สาระการเรียนรู้
- สาระการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ - มาตรฐานการเรยี นรู้
และตัวช้ีวดั
- สาระการเรียนรู้
ชิ้นงาน/ภาระงานของผเู้ รยี น สอดคลอ้ ง
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
๓๒
โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้บูรณการกจิ กรรมสภานกั เรียน ...........................................
เวลา (ช่ัวโมง)
หนว่ ยท/ี่ ช่ือหน่วย มาตรฐาน
การเรียนรู้ สาระสำคญั ชิ้นงาน/
กล่มุ สาระ
(ในหอ้ งเรียน :
การเรยี นร้/ู ตวั ชวี้ ัด
ภาระงาน
นอกห้องเรยี น)
(ตวั อย่าง)
หน่วยการเรียนรบู้ ูรณาการ ชน้ั ............
หน่วยการเรียนรู้ .................... กจิ กรรมที่ ........... เร่อื ง ...........................
หน่วยการเรียนรบู้ ูรณาการ
หนว่ ยท่ี / กจิ กรรมท่ี ………………….. เรือ่ ง ………………………………………….
ช้นั ……………………………………….เวลา……….ชวั่ โมง
๑. ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๒. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด
กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
……………...........……………………………………………………………………………………………………………………………………
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
กลุ่มสาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศึกษา
................................................................................................................................... ...........................................
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
...................................................................................................................................................................... ........
กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์
......................................................................................... .....................................................................................
กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
กลุ่มสาระการเรียนร้ศู ลิ ปะ
............................................................................................................................................................................. .
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษตา่ งประเทศ
............................................................................................. .................................................................................
๓๓
๓. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................. .
๔. สาระการเรยี นรู้
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๕. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๖. คณุ ลักษณะอนั พึง่ ประสงค์
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................................... ..........
........................................................................................................................ ......................................................
๗. ชิน้ งาน/ภาระงาน
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................. .............................................
..............................................................................................................................................................................
๘. การวัดและการประเมนิ ผล
๘.๑ การวัดและการประเมินผลระหว่างจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
๑) รายการประเมนิ
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
๒) วธิ กี าร/เครอ่ื งมือ/แหล่งขอ้ มูลในการประเมนิ
วธิ กี าร เคร่ืองมือ แหล่งข้อมูล
๘.๒ การวดั และการประเมนิ ผลเมอื่ สน้ิ สดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓๔
๙. แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้(ข้นั นำ/ข้ันสอน/ขนั้ สรุป)
ช่ัวโมงที่ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
๑๐. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้
.......................................................................................................... ....................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
ลงช่อื ............................................ผู้บันทึก
(................................................)
การวดั ผลประเมนิ ผล
ตวั ช้วี ดั ความสำเร็จ วธิ ีวดั เครื่องมือวัด
๑. ร้อยละ ๘๐ ของครู บคุ ลากรออกแบบ การเรียนรูบ้ รู ณาการกลุ่มสาระการเรยี นรู้ กับกิจกรรมสภานักเรยี น
๒. ร้อยละ ๘๐ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ นำสู่การบูรณาการ วิถชี วี ิตประชาธปิ ไตย
๑. ตรวจแผนการจัดการเรียนรู้
๒. ตรวจสอบจำนวนบคุ ลากร ของโรงเรยี นกับแผนจัดการเรยี นรู้ ทบี่ รู ณาการกับกจิ กรรมสภานกั เรียน
แบบตรวจสอบ แผนการจัดการเรียนรู้
(ตัวอยา่ ง) ......................... คน
รายงานผลการจัดกจิ กรรมและการสรา้ งหน่วยการจัดการเรียนรู้ ......................... คน
บรู ณาการกิจกรรมสภานักเรียน
โรงเรียน.......................................................................
ปกี ารศกึ ษา..........................................
ที่ ระดบั ชน้ั กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ ครผู ู้รับผิดชอบ
จำนวนบคุ ลากรของโรงเรยี นทัง้ หมด
จัดทำหน่วยการเรียนรู้บูรณาการกับกจิ กรรมสภานกั เรยี น
คิดเปน็ รอ้ ยละ .................
ลงช่อื ............................................... ผูร้ ายงาน
(...........................................................)
วนั ท.่ี ........... เดอื น ............................. พ.ศ. ................
๓๕
การเสนอโครงการ
โครงการเปน็ กจิ กรรมการวางแผนเพอ่ื พฒั นาและแก้ไขปัญหาการดำเนินงานกจิ กรรม สภานักเรยี น
โดยการมีส่วนร่วมของสภานักเรียนใหเ้ ปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละมเี ปา้ หมาย มีองคป์ ระกอบ ดงั น้ี
๑. ช่อื โครงการ
๒. วัตถุประสงค์
เพ่อื ใหส้ ภานกั เรียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และวธิ กี ารในการเสนอโครงการเพ่อื ขอรับ
งบประมาณจาก โรงเรยี น/หน่วยงาน/เครือข่ายอนื่ ๆ สนบั สนนุ การดำเนนิ งานกจิ กรรมสภานักเรยี น
๓. ข้ันตอนการปฏิบัติ
๓.๑ สภานักเรยี นระดมปัญหาเพื่อจัดทำโครงการ
๓.๒ จดั ทำรายละเอยี ดโครงการ
๓.๓ เสนอโครงการตอ่ สภานกั เรียน
๓.๔ สภานักเรียนรว่ มกนั พิจารณาวางแผนให้ความเห็นชอบ
๓.๕ ประธานสภานักเรยี นเสนอโครงการต่อโรงเรียน/หนว่ ยงาน/เครือข่ายอ่ืน ๆ เพื่ออนุมัติ
โครงการ
๓.๖ โรงเรยี น/หนว่ ยงาน/เครอื ขา่ ยอื่น ๆ อนุมัตโิ ครงการ
๓.๗ ดำเนนิ งานตามโครงการ
๓.๘ สรปุ ผลรายงานผลการดำเนนิ งาน
๔. ผงั งาน (Flow Chart) การเสนอโครงการ
สภานกั เรียนดำเนินการตามลำดับ ดงั น้ี แผนภมู ิการเสนอโครงการ
วธิ กี ารและขนั้ ตอนการดำเนนิ งาน
๑. การศึกษา/วิเคราะห์ปัญหา
๒. จัดทำรายละเอยี ดโครงการ
๓. เสนอโครงการตอ่ ที่ประชมุ คณะกรรมการสภานักเรยี นโดยผา่ นความเหน็ ชอบจากครทู ี่ปรึกษา
๔. สภานักเรยี นให้ความเหน็ ชอบ
๕. สภานกั เรียน(ประธาน)เสนอโครงการต่อผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา
๖. ผู้บริหารสถานศกึ ษา/หนว่ ยงาน/เครือข่ายอ่นื ๆ พจิ ารณาอนมุ ัตโิ ครงการ
๗. ดำเนินกิจกรรมตามโครงการ
๘. สรุปรายงานผลการดำเนนิ โครงการ
๓๖
(ตัวอย่าง)
แบบฟอร์มการเขียนโครงการของโรงเรียนชุมแพศึกษา
โครงการตามแผนปฏิบตั ิราชการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑
โรงเรยี นชุมแพศึกษา อำเภอชมุ แพ จังหวัดขอนแก่น
*****************************
ชอื่ โครงการ…………………………………………………………………………….…… รหัสโครงการ ………..……………….…...
ชือ่ กจิ กรรม…………………………………………………………………………………. ลำดับกิจกรรม ……………….……….……..
ลกั ษณะโครงการ ◻ ใหม่ ◻ ตอ่ เนื่อง
สนองกลยุทธ์โรงเรียนข้อท่ี ………………………………………………………………………..
สอดคล้องกบั เกณฑป์ ระเมนิ มาตรฐานการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน มาตรฐานที่……….... ตวั บ่งชที้ ี่…………...………...
ผู้รบั ผดิ ชอบ ………………………………………………………………………….…………..…………………..………………………….
กลุม่ บริหาร/กลุ่มสาระฯ/ระดับ……………………………………………………….…………..…………..………………………......
๑. หลักการและเหตผุ ล(อธบิ ายหลักการ ความสำคัญ ทมี่ าและเหตุผล ควรมีการอ้างอิง เชน่ นโยบายหรอื หลัก
วิชาการ)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๒. วตั ถุประสงค(์ พิจารณาความสอดคล้องกบั มาตรฐาน/ตัวบง่ ช/ี้ หลกั การและเหตุผล)
๑. …………………………………………………………………………..…………………………………………………………..
๒. ………………………………………………………………………………..………………………………………………………
๓. ………………………………………………………………………………………………...……………………………………..
๓. เปา้ หมาย
เชงิ ปรมิ าณ (จำนวนท่ีได้รับการพฒั นา)
๑. ……………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒. ……………………………………………………………………………………………………………………………………….
เชิงคุณภาพ
๑. ………………………………………………………………………………………………………….…………………………….
๒. …………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓๗
๔. วธิ ีดำเนินการ กจิ กรรม/วธิ กี าร ระยะเวลา งบประมาณ/ ผู้รบั ผดิ ชอบ
ขน้ั ตอน วัน/เดือน/ปี ทรัพยากร (บคุ คล/กลุ่มงาน)
๑. ประชมุ วางแผนโครงการ
๑. วางแผน ๒. เขียนโครงการเสนอขออนุมัติ
(Plan) ๓. กำหนดหน้าท่ีรบั ผดิ ชอบ
๒. ดำเนินการ กิจกรรมที่ดำเนนิ การ
(Do) กจิ กรรมที่ ๑ ……………………
๑. มีข้นั ตอนดำเนนิ การอยา่ งไรบา้ ง
กจิ กรรมท่ี ๒ .................................
๒. มีข้ันตอนดำเนินการอยา่ งไรบา้ ง
๓. ตรวจสอบ บอกวธิ กี ารตรวจสอบ
(Check)
บอกวธิ ีการ
ตรวจสอบ
๔. ประเมนิ ผล บอกวธิ กี ารประเมนิ และรายงาน
และรายงาน
(Action)
๕. ระยะเวลาในการดำเนนิ การ (ระบุระยะเวลาเร่มิ ตน้ -สิน้ สุดโครงการ)………………………………………………….
๖. สถานท่ดี ำเนนิ งาน ………………………………………………………………………………….…….……………………………….
๗. งบประมาณท่ีใช้ทั้งส้นิ ………………………………………………….. บาท
◻ อดุ หนุน ◻ รายไดส้ ถานศึกษา ◻ อ่ืน ๆ ระบุ ...........................................................…………………….
กิจกรรม/รายการใช้ คา่ งบประมาณ คา่ รวม ผู้รบั ผดิ ชอบ
งบประมาณ ตอบแทน ครุภณั ฑ์
คา่ คา่
(ระบุรายละเอยี ดการใช้เงิน) ใชส้ อย วัสดุ
รวม
๓๘
๘. การติดตามประเมนิ ผล
ตัวช้วี ดั ความสำเรจ็
วิธปี ระเมนิ ผล
เคร่ืองมือที่ใช้
บอกเปน็ ร้อยละของเป้าหมายของงาน เช่น
ร้อยละของนักเรียน ..............
จำนวนของ ...........
บอกวธิ กี ารประเมนิ เชน่
การสอบถาม การสังเกต
การประเมินความพึงพอใจ การนเิ ทศตดิ ตาม การทดสอบ
บอกเครอ่ื งมือทใี่ ช้ในการประเมิน ให้ตรงกับวธิ ีการประเมิน เช่น แบบสอบถาม แบบประเมนิ แบบ
นเิ ทศตดิ ตาม แบบสัมภาษณ์ แบบทดสอบ
๙. ผลทค่ี าดวา่ จะได้รับ (เขยี นให้สอดคล้องกบั วัตถุประสงค์ท่กี ำหนดซ่ึงอาจมีมากกว่าวตั ถุประสงค์ท่ีกำหนด)
๑. ……………………………………………………………………………………………………………………………………….
๒. ……………………………………………………………………………………………………………………………………….
๓. ……………………………………………………………………………………………………………………………………….
ลงชอ่ื .....................................................ผูเ้ สนอโครงการ ลงชือ่ ...........................................ผเู้ หน็ ชอบโครงการ
(นายพัชรพงษ์ นาบุ่ง) (นายทนงศักด์ิ แตง่ สุวรรณมโี ชค)
ประธานคณะกรรมการสภานกั เรยี นโรงเรียนชุมแพศึกษา หัวหน้างานส่งเสรมิ ประชาธปิ ไตยในโรงเรียน
ลงชื่อ ........................................ ผูเ้ หน็ ชอบโครงการ ลงชอื่ ......................................... ผู้เห็นชอบโครงการ
(นางสายชล ชาติไทย) (นางพชิ ริน ทักษิณ)
หวั หนา้ งานแผนงานและงบประมาณ รองผู้อำนวยกล่มุ งานบริหารกจิ การนกั เรียน
อนมุ ตั ิ ไม่อนมุ ัติ เน่อื งจาก...............................................................
ลงชื่อ ..................................................... ผู้อนุมตั ิโครงการ
(ดร.สายสมร ศักดค์ิ ำดวง)
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนชมุ แพศึกษา
๓๙
การประเมนิ ผลการจัดกจิ กรรมสภานกั เรยี น
การประเมนิ ผลการจดั กิจกรรมสภานักเรยี น เป็นการรวบรวมและวเิ คราะห์ขอ้ มูล เพ่ือนำผลมาใช้เป็น
แนวทางกำหนดวธิ กี ารพฒั นางาน ซึง่ รูปแบบการประเมินจะต้องสอดรบั กบั การดำเนนิ กิจกรรม จงึ จำเปน็ ท่ี
คณะกรรมการสภานกั เรยี นจะตอ้ งเรียนรู้แนวทางการประเมนิ การดำเนินงานกิจกรรมสภานกั เรยี น เพ่ือใชเ้ ป็น
เครอ่ื งมอื ในการขบั เคลื่อนกจิ กรรมสภานกั เรียนใหม้ ีความสมบูรณ์รอบด้าน
การประเมนิ ผลการดำเนนิ กิจกรรมสภานักเรยี น กำหนดข้นั ตอนไวด้ ังน้ี
๑) วางแผนการดำเนินงาน
๒) กำหนดรูปแบบการประเมิน
๓) สรา้ งเครอ่ื งมือวัดและประเมิน
๔) วดั และประเมินผล
๕) สรุปรายงานผล
เพือ่ เป็นการตรวจสอบผลการดำเนินงานกจิ กรรมสภานกั เรียน ดำเนินไปตามวตั ถปุ ระสงค์ จึงได้
กำหนดข้ันตอน การประเมินไว้ ดังน้ี
๑) วางแผนการดำเนนิ งาน
ในการวางแผนประเมินกิจกรรมสภานกั เรยี น มีข้ันตอน ดงั น้ี
๑.๑ แตง่ ต้งั คณะกรรมการประเมินกจิ กรรม
๑.๒ ประชมุ คณะกรรมการรับผดิ ชอบการดำเนนิ งาน
๑.๓ กำหนดแนวทางการประเมนิ /สง่ิ ท่ตี ้องการประเมิน/เคร่อื งมือการประเมิน
๑.๔ สร้างเคร่อื งมือการประเมนิ
๑.๕ นำเคร่ืองมือไปปรับใช้
๑.๖ รวบรวมสรุปผลการประเมิน
๑.๗ การรายงานผลกจิ กรรม
๒) กำหนดรูปแบบการประเมินผลการดำเนนิ งาน
รปู แบบการประเมินผล เปน็ กรอบหรือแนวคิดสำคญั เก่ยี วกับกระบวนการ (Process) และ
วธิ กี ารประเมินผล (Evaluation Method) โดยประกอบด้วยรปู แบบ ดังน้ี
๒.๑ การประเมนิ บริบทหรือสภาวะแวดล้อม (Content Evaluation)
- เพ่ือประเมนิ สภาวะแวดลอ้ ม หรือบรบิ ทของกิจกรรม (ก่อนดำเนินกิจกรรม)
๒.๒ การประเมินปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation)
- เป็นการจัดหาขอ้ มลู และปัจจัยนำเขา้ เพ่ือใช้ในการตดั สนิ ใจ พิจารณาความ
เหมาะสม ของแผนงาน (ก่อนดำเนินกิจกรรม)
๒.๓ การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation)
- เพอื่ ตรวจสอบข้อบกพร่อง ศกั ยภาพ วสั ดอุ ปุ กรณ์ บุคลากร ฯลฯ
- เพือ่ รวบรวมสารนเิ ทศสำหรับการตัดสินใจวางแผนงาน (ระหวา่ งดำเนนิ กิจกรรม)
๔๐
๒.๔ การประเมินผลผลติ (Product Evaluation)
- เป็นการประเมนิ เพ่ือเปรียบเทียบผลผลติ (Output) ทเี่ กิดข้ึนจากการดำเนิน
กิจกรรมกบั เปา้ หมายหรือวัตถุประสงค์(Goals and Objection) ท่ีกำหนดไว้เพ่ือทราบผลวา่ บรรลุเป้าหมาย
ของกจิ กรรม หรือไม่ (ประสทิ ธิผล) ชว่ ยให้ผู้ดำเนินงานนำข้อมลู การประเมินไปพฒั นาการดำเนนิ งาน (หลัง
เสรจ็ สนิ้ กิจกรรม)
๓) เคร่ืองมือประเมนิ ผลการดำเนินงาน
เครื่องมอื ประเมินผลการดำเนินงาน เปน็ สงิ่ ที่จะบอกให้เราทราบถึงความสำเร็จท่ีเกิดขึ้นมาก
นอ้ ย เพียงใดดังนั้น กจิ กรรมต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้เคร่ืองมือการประเมนิ ผลท่สี อดรับกบั การดำเนินงาน ท้ังน้ี
เพราะ การประเมนิ ผลเป็นหัวใจของการรับรองความสำเรจ็ หลักการพื้นฐานในการประเมนิ ผลท่ัว ๆ ไปนน้ั
จะต้องมี การวดั (Measurement) ข้อมูลการดำเนินการไปดว้ ยเสมอการวัดจงึ เป็นสิ่งสำคญั ที่ไดม้ าซ่ึงข้อมูล
เพือ่ การประเมินผล
เครือ่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ ผล
ตัวอยา่ งเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการประเมนิ ผลกจิ กรรม ประกอบด้วยแบบสังเกต แบบสัมภาษณ์
แบบสอบถาม และแบบประเมนิ ผลอน่ื ๆ ซง่ึ โดยปกติ ผู้ดำเนนิ การประเมนิ ผลจำเปน็ ตอ้ งพฒั นาขน้ึ มา เพอื่ ใช้
ในการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือความคิดของผู้เข้ารว่ มกจิ กรรม เช่น
๑. แบบสอบถาม (Questionnaire)
๒. แบบสมั ภาษณ์(Interview)
๓. แบบสังเกต (Observation)
๑. แบบสอบถาม (Questionnaire) เปน็ เคร่ืองมือท่นี ยิ มใชใ้ นการเกบ็ ข้อมูล เพราะประหยัด
งบประมาณ เวลาและเหมาะสมกบั การเกบ็ ข้อมูลที่อยู่ในลักษณะกระจาย และ มจี ำนวนมาก แบบสอบถาม
จำแนกได้ ๒ ชนิด คือ
๑.๑ แบบสอบถามปลายปิด (Close Ended Questionnaire) เปน็ แบบสอบถาม ท่ี
กำหนดคำถาม และมคี ำตอบให้เลือก
๑.๒ แบบสอบถามปลายเปิด (Open Ended Questionnaire) เป็นแบบสอบถาม ที่
กำหนดคำถามแลว้ ไมม่ คี ำตอบใหเ้ ลือก ผตู้ อบสามารถเขยี นตอบตามความคิดเหน็ เชน่ ขอ้ คดิ เหน็ /
ข้อเสนอแนะ ท่ีมตี ่อการดำเนินงานกิจกรรม
ตวั อยา่ งแบบสอบถามปลายปิด มากทีส่ ดุ ระดบั ความคดิ เห็น น้อยทีส่ ุด
ท่ี รายงาน ๕ ๑
มาก ปานกลาง น้อย
๑ ๔๓๒
๒
๓
๔๑
ตวั อย่างแบบสอบถามปลายเปิด
ขอ้ คิดเห็น/ ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ลกั ษณะของแบบสอบถามปลายเปิด
๑) มรี ูปแบบ และตัวอักษรเหมาะสมได้ขนาด อา่ นง่าย
๒) เรยี งเลขขอ้ และหน้าอยา่ งมรี ะเบยี บ เว้นระยะให้เหมาะสม อา่ นง่าย
๓) มีคำแนะนำในการตอบอย่างชัดเจน
๔) ข้อคำถามแต่ละข้อควรมปี ระเดน็ หลักประเดน็ เดยี ว
๕) จำนวนข้อคำถามไมม่ ากนัก
๒. แบบสมั ภาษณ์ (Interview) การสมั ภาษณเ์ ปน็ เคร่ืองมือทใ่ี ชร้ วบรวมข้อมลู ที่มจี ดุ ม่งุ หมาย
แน่นอนอาจทำแบบเป็นทางการหรอื แบบไม่เป็นทางการก็ได้ การสมั ภาษณ์แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี
๒.๑ การสมั ภาษณ์แบบไมม่ โี ครงสร้างแนน่ อน (Un-Structure Interview) ใช้ในกรณี ที่
ตอ้ งการข้อมลู แนวลึกรายละเอียดมาก ๆ ในแบบสัมภาษณ์จะมแี ตห่ วั ข้อใหญ่ๆ ขอ้ คำถามจะปรับไปตาม
ขอ้ มลู ที่ได้โดยผ้สู ัมภาษณ์ต้องเน้นประเด็นหลัก
๒.๒ การสมั ภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (Structure Interview) แบบสมั ภาษณ์แบบน้ี มลี ักษณะ
เปน็ แบบสอบถาม มีรายละเอียดของคำถามต่าง ๆ ทีผ่ สู้ มั ภาษณต์ ้องการถามผู้ถกู สมั ภาษณ์ ผูส้ มั ภาษณ์ทุกคน
จะถามคำถามที่เหมือน ๆ กนั
เทคนคิ การสัมภาษณท์ ด่ี ี
๑. พยายามสร้างสถานการณ์ให้อยใู่ นบรรยากาศของการสนทนา
๒. ให้ระลึกว่าการสัมภาษณ์มิใช่การแลกเปล่ียนความคิดเห็น
๓. หลีกเลย่ี งการพูดจาเชิงอบรมกบั ผ้ใู ห้สัมภาษณ์
๔. ตัง้ คำถามใหน้ า่ สนใจ แตห่ ลกี เลีย่ งขอ้ ความที่กระทบกระเทือนผู้ให้สมั ภาษณ์
๕. ตอ้ งมั่นใจวา่ ผ้ใู ห้สัมภาษณ์เขา้ ใจคำถาม
๖. ควรมคี ำถามท่ีตรวจสอบคำตอบได้ โดยมิให้ผสู้ มั ภาษณ์รู้ตวั
๗. กรณีท่ผี ใู้ หส้ มั ภาษณต์ อบไมต่ รงประเด็น ต้องพยายามกลบั เข้าสู่ประเดน็
๘. หากต้องใช้เครื่องบันทึกเสียงตอ้ งขออนุญาตผูใ้ ห้สัมภาษณ์
๓. แบบสงั เกต (Observation) การสงั เกตเป็นกระบวนการเก็บข้อมูลโดยการบันทกึ พฤติกรรม
ของกล่มุ ตัวอย่าง ในสถานการณเ์ ฉพาะ โดยอาศยั ของประสบการณ์ของผ้สู งั เกต
๔๒
ลักษณะของแบบสังเกต
๑. แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) เปน็ ท่เี คร่อื งมือทีป่ ระกอบด้วยข้อความซงึ่ ระบุถึง
พฤติกรรมตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วกบั สง่ิ ทีต่ ้องการประเมนิ การบันทกึ ส่วนใหญ่จะเป็นการบันทกึ ว่ามหี รอื ไม่มี
๒. แบบประเมินค่า (Rating scale) เปน็ แบบสังเกตที่ใชใ้ นการประเมนิ สิง่ ท่ีสังเกต โดยการ
แปลงคา่ ในด้านคุณภาพให้อยู่ในรปู ของตวั เลขหรือประมาณ โดยการจดั ลำดับความมากนอ้ ย เช่น การบนั ทกึ
พฤติกรรม การมีสว่ นรว่ มกจิ กรรมของนักเรียน
การวัดและการประเมนิ การดำเนินงาน
การวัด การประเมิน
๑. วดั อะไร ๑.ประเมนิ อะไร
กระบวนการดำเนนิ งาน(Process)ขับเคลอ่ื น ประเมนิ ผลการดำเนินงานตามวัตถปุ ระสงค์ของ
กจิ กรรมสภานักเรยี นตามขอบเขตการประเมนิ และ กจิ กรรม
วิธีการประเมินในคู่การจัดกิจกรรมสภานกั เรยี น
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
๒. วัดอย่างไร ๒. ประเมนิ อยา่ งไร
ใชก้ ารสงั เกตการณส์ ัมภาษณ์แบบสอบถาม ใช้ข้อมูลทเ่ี ชื่อถือได้จัดแบบวัดมาเทยี บกบั เกณฑ์/
แบบฟอร์มอืน่ ๆ พฤติกรรมที่เปลีย่ นแปลง เพ่ือตดั สนิ ผล/ตดั สินใจ
๓. ใครวดั ๓. ใครประเมนิ
ตัวนักเรียนเอง คณะกรรมการสภานกั เรียน คุณครู ตัวนักเรยี นเอง คณะกรรมการสภานักเรียน คณุ ครู
ผ้บู ริหาร ผปู้ กครอง คณะกรรมการสถานศกึ ษา ผู้บรหิ าร ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา
ฯลฯ ฯลฯ
๔. วดั เมือ่ ไหร่ ๔. ประเมินเม่ือไหร่
วัดกอ่ น ระหวา่ ง และหลังการดำเนนิ กิจกรรม กอ่ น ระหว่าง และหลังการดำเนนิ กิจกรรม
๕.วัดไปทำไม ๕.ประเมินไปทำไม
วัดเพือ่ บอกให้รู้วา่ นักเรยี น คณะกรรมการสภา เพื่อตัดสินผลการดำเนนิ โครงการ/กจิ กรรมวา่ มีผล
นกั เรียนเกดิ การเรียนรหู้ รอื ไม่ คณะครู หรอื ตอ่ ใคร อย่างไร
ผ้เู ก่ียวข้องให้การสนับสนุนได้ดเี พยี งใด
๔๓
แนวทางการตรวจสอบการประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรมของสภานกั เรยี น
๑. ตรวจสอบความครบถ้วนของแบบประเมนิ กิจกรรมของสภานักเรียน
๒. ตรวจสอบความเพียงพอ และสอดคล้องของแบบประเมินผลกบั เนอ้ื หากจิ กรรม
๓. ตรวจสอบบนั ทกึ การประชุม คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ และเอกสารมอบหมายงานหรือเอกสาร
ตา่ งๆ ทบ่ี ง่ บอกถงึ รายละเอียดขอบข่ายหนา้ ที่ของผู้รบั ผดิ ชอบงานประเมินผล
๔. ตรวจสอบความถูกต้อง/เหมาะสม ในการนำเสนอข้อมูล
๕. ตรวจสอบความครบถ้วนในการนำเสนอผลการประเมินกิจกรรม
การสรุปและรายงานผล
คณะกรรมการ/ผู้ประเมนิ ผลการดำเนินงานกิจกรรมสภานักเรียนกำหนดขน้ั ตอน ดงั นี้
๑. ตรวจสอบและวเิ คราะห์ข้อมลู จากเคร่ืองมือการประเมินทก่ี ำหนด
๒. สรปุ ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลตามเครื่องมือการประเมิน
๓. นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามเครื่องมือการประเมิน
๔. จัดทำเอกสารรายงานผลการประเมินกจิ กรรมสภานักเรียน
หมายเหตุ รูปการประเมนิ กิจกรรมควรมีความหลากหลาย
ไม่ควรใช้รปู แบบเดยี วกัน เพ่ือประเมินแต่ละกิจกรรม
ภาคผนวก
(ตัวอยา่ ง)
ระเบยี บวาระการประชุมคณะกรรมการสภานักเรยี นโรงเรยี นชมุ แพ
คร้งั ท่ี ………. /……………………
วนั ท่ี .............. เดอื น .................................... พ.ศ. ...................... เวลา ..................... น.
ณ สำนักงานสภานกั เรยี นโรงเรียนชุมแพ
ระเบียบวาระท่ี ๑ เรื่องที่ประธานแจ้งใหท้ ี่ประชมุ ทราบ
๑.๑ ......................................................................................................................... ..................
๑.๒ ...........................................................................................................................................
ระเบียบวาระที่ ๒ เรอื่ งรับรองรายงานการประชุม
- ประชุมครงั้ ท.ี่ ....... /............ เมื่อวันท่ี..............................
- มติทีป่ ระชุม รับรอง/ไม่รับรอง
ระเบยี บวาระที่ ๓ เรื่องเสนอเพื่อทราบ
๓.๑ ......................................................................................................................... ..................
๓.๒ ...........................................................................................................................................
๓.๓ ......................................................................................................................... ..................
ท่ีประชุมรบั ทราบ
ระเบียบวาระที่ ๔ เร่อื งเสนอเพอ่ื พจิ ารณา
๔.๑ ......................................................................................................................... ..................
มติท่ปี ระชมุ ................................................................................................................
๔.๒ ......................................................................................................................... ..................
มตทิ ีป่ ระชุม ................................................................................................................
๔.๓ ......................................................................................................................... ..................
มตทิ ปี่ ระชุม ................................................................................................................
ระเบยี บวาระที่ ๕ เร่ืองอน่ื ๆ (ถ้ามี)
๕.๑ .........................................................................................................................................
๕.๒ ......................................................................................................................... ................
หมายเหตุ ในการประชมุ ทุกครั้งควรให้ครทู ่ีปรึกษาเขา้ ร่วมสงั เกตการณ์ในขณะดำเนนิ การประชมุ ด้วย
ในระหว่างการประชุมถ้าไมส่ ามารถหาข้อยตุ ิในทป่ี ระชมุ หรือมขี ้อซักถามจากทป่ี ระชมุ ครูทป่ี รกึ ษา
ใหค้ ำแนะนำได้ แตไ่ ม่สามารถออกเสยี งลงคะแนนได้
(ตัวอย่าง)
รายงานการประชมุ คณะกรรมการสภานกั เรียนโรงเรียนชมุ แพศึกษา
คร้งั ที่ ………. /……………………
วันที่ .............. เดอื น .................................... พ.ศ. ...................... เวลา ..................... น.
ณ สำนักงานสภานกั เรยี นโรงเรยี นชุมแพศกึ ษา
ผ้มู าประชุม
๑ ............................................................................................................................. ..................
๒ ...............................................................................................................................................
๓ ........................................................................................................................... ....................
ฯลฯ
ผู้ไม่มาประชุม
๑ ...............................................................................................................................................
๒ ........................................................................................................................... ....................
๓ ........................................................................................................................... ....................
ฯลฯ
ผเู้ ขา้ ร่วมประชุม (ถา้ ม)ี
๑ ...............................................................................................................................................
๒ ........................................................................................................................... ....................
๓ ........................................................................................................................... ....................
ฯลฯ
เริม่ ประชุม เวลา ................ น.
ระเบียบวาระที่ ๑ เร่ืองทีป่ ระธานแจง้ ใหท้ ปี่ ระชุมทราบ
๑.๑ ......................................................................................................................... ..................
๑.๒ ...........................................................................................................................................
๑.๓ ......................................................................................................................... ..................
ฯลฯ
ระเบียบวาระที่ ๒ เร่ืองรบั รองรายงานการประชมุ คร้ังที่แล้ว (ครง้ั ที่ ...... / ............)
มตทิ ่ปี ระชุม รับรอง
ระเบยี บวาระที่ ๓ เรอ่ื งเสนอเพ่ือทราบ
๓.๑ ......................................................................................................................... ..................
๓.๒ ...........................................................................................................................................
๓.๓ ......................................................................................................................... ..................
ฯลฯ
ระเบยี บวาระท่ี ๔ เรื่องเสนอเพอ่ื พิจารณา
๔.๑ ..........................................................................................................................................
มติที่ประชุม .....................................................................................................................
๔.๒ ..........................................................................................................................................
มติทปี่ ระชมุ .....................................................................................................................
๔.๓ ............................................................................................................................. .............
มติท่ีประชมุ .....................................................................................................................
ระเบยี บวาระท่ี ๕ เร่ืองอนื่ ๆ (ถ้ามี)
๕.๑ ......................................................................................................................... ................
๕.๒ .........................................................................................................................................
เลกิ ประชมุ เวลา .................... น.
ลงชอื่ .........................................ผู้จดบนั ทึกการประชุม ลงชอ่ื ...............................ผู้ตรวจรายงานการประชุม
(นายพงศกร การงาน) (นางสาวเกวลิน ธสิ าคร)
เลขานุการสภานกั เรียน รองประธานสภานกั เรยี นคนที่ ๑
ลงช่อื .........................................ประธานสภานกั เรยี น
(นายพชั รพงษ์ นาบุ่ง)
ลงชอ่ื ............................................หวั หนา้ งานสง่ เสริมประชาธปิ ไตยในโรงเรียน
(นายทนงศักดิ์ แตง่ สวุ รรณมโี ชค)
ครูท่ปี รึกษาสภานกั เรยี น