The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเรียนวิชาภาษาไทยสร้างมนุษย์สัมพันธ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by b.bangaor, 2022-05-12 05:44:24

ไทยสร้างมนุษย์สัมพันธ์

หนังสือเรียนวิชาภาษาไทยสร้างมนุษย์สัมพันธ์

  2_2

ชุดการเรียนทางไกล รายวิชาภาษาไทยเพ่อื การสอ่ื สารและสรา ง
มนษุ ยสมั พันธ 2
รหสั รายวชิ า พท 33013 จํานวน 2 หนวยกิต
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

สถาบนั การศกึ ษาทางไกล
สํานกั งาน กศน.

สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงศึกษาธิการ

2_2_หนาปก_พท33013

 

ISBN……………………………………………………

ชอื่ หนังสอื ชดุ การเรียนทางไกลรายวชิ าภาษาไทยเพอ่ื การส่อื สารและสรา งมนษุ ย
สัมพนั ธ 2
รหสั รายวิชา พท 33013 จํานวน 2 หนว ยกิต
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

ชอื่ ผแู ตง สถาบนั การศกึ ษาทางไกล
หนวยงานจัดพิมพ สถาบนั การศึกษาทางไกล
เดอื น/ปท ่พี ิมพ เมษายน 2554
จาํ นวน ............. หนา
ครงั้ ทพี่ มิ พ พมิ พค รัง้ ที่ 1 จํานวน ................... เลม
พิมพท่ี ....................................................................................................
. ....................................................................................................
...................................................................................................

  ประสานงานการจดั พมิ พ
2_2_หนา ปก_พท33013 สวนส่ือ เทคโนโลยีและ ICT

 

คํานํา 

  
สถาบันการศึกษาทางไกลไดดาํ เนนิ การพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษาของสถาบนั การศกึ ษา

ทางไกล ตามหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ขน้ึ เม่ือเดือน
พฤษภาคม 2553 เพือ่ รองรับการจัดการศกึ ษาวธิ ีเรยี นทางไกล ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับ
การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ของสถาบนั การศึกษาทางไกล ในภาคเรยี นท่ี 1/2553 โดย
ในการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาดงั กลาว ไดมกี ารพฒั นารายวชิ าเลือกในสาระการเรียนรูตางๆ เพื่อใหม ี
คานา้ํ หนกั ในเร่อื งขององคความรพู น้ื ฐานที่จําเปนสําหรบั การศกึ ษาตอ ในระดบั ทส่ี งู ข้นึ

ชดุ การเรยี นทางไกลรายวิชาภาษาไทยเพอ่ื การสอ่ื สารและสรางมนษุ ยสมั พนั ธ 2 รหัส
รายวิชา พท 33013 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เปน ชุดการเรยี นทางไกลท่สี ถาบันการศกึ ษาทางไกล
ออกแบบและพฒั นาใหเหมาะสมกบั รปู แบบการจัดการเรียนการสอน วิธีเรียนทางไกล ของ
สถาบนั การศกึ ษาทางไกล

สถาบันการศึกษาทางไกลหวังเปน อยา งยงิ่ วา หากนกั ศกึ ษาไดศกึ ษาและปฏบิ ัตติ าม
คําแนะนาํ การใชชุดการเรยี นทางไกลทกุ ขั้นตอนแลว จะชว ยใหน กั ศกึ ษามีความรูตามผลการเรยี นรู
ทคี่ าดหวงั ได

สถาบนั การศกึ ษาทางไกล
เมษายน 2554

2_2_หนา ปก_พท33013

 

สารบญั

คํานํา หนา

สารบัญ 1
3
คาํ แนะนาํ ในการศกึ ษา 10
12
โครงสรา งชดุ การเรียนทางไกลรายวชิ าภาษาไทยเพื่อการสื่อสารและสรา งมนษุ ยสัมพันธ 2(พท33013) 18
25
แบบทดสอบกอ นเรยี น 33
34
หนว ยการเรียนรูที่ 1 พูดดีมมี นษุ ยสมั พันธ 35
ตอนที่ 1 การใชภ าษาพดู เพอ่ื การส่อื สารและสรา งมนษุ ยสัมพันธใ นชวี ติ ประจําวนั 37
ตอนท่ี 2 การพูดแสดงความคิดเห็น 38
ตอนที่ 3 การใชภ าษาพูดผา นสื่อประเภทตา งๆ 40
กจิ กรรมท่ี 1.1 65
กิจกรรมท่ี 1.2 105
กิจกรรมที่ 1.3 120
บรรณานกุ รม 121
122
หนว ยการเรียนรทู ่ี 2 เขยี นถูกหลักรกั ษภ าษาไทย 123
ตอนท่ี 1 เขียนถูกหลักรกั ษภ าษาไทย 124
ตอนท่ี 2 เขยี นสอ่ื สารสรางมนษุ ยสมั พนั ธ 125
ตอนที่ 3 ระดบั ภาษาคณุ คามากมี 126
กจิ กรรมที่ 2.1 128
กจิ กรรมที่ 2.2 129
กิจกรรมท่ี 2.3 130
กจิ กรรมที่ 2.4 131
กจิ กรรมที่ 2.5 132
กจิ กรรมที่ 2.6
กจิ กรรมที่ 2.7
กิจกรรมที่ 2.8
กิจกรรมท่ี 2.9
กจิ กรรมที่ 2.10
บรรณานกุ รม

แบบทดสอบหลังเรยี น

2_2_หนา ปก_พท33013

  หนา

สารบญั (ตอ) 140
141
เฉลยแบบทดสอบและกจิ กรรม 142
เฉลยแบบทดสอบกอ นเรียนและหลงั เรยี น 144
เฉลยกจิ กรรมหนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 151
เฉลยกจิ กรรมหนว ยการเรยี นรูท่ี 2 152
153
ภาคผนวก 154
คําสั่งสถาบันการศกึ ษาทางไกล ที่ 131/2553 ลงวนั ที่ 30 พฤศจิกายน 2553 154
คณะผจู ัดทาํ
คณะผเู ขยี น
คณะบรรณาธกิ าร

2_2_หนา ปก_พท33013

 

คาํ แนะนําในการศึกษา

องคประกอบของชดุ การเรยี นทางไกล

ชุดการเรียนทางไกลแบง ออกเปน 2 สว น คอื
สวนท่ี 1 โครงสรางของชุดการเรยี น แบบทดสอบกอ นเรียน โครงสรางของ
หนว ยการเรยี นรู เนอ้ื หาสาระ กจิ กรรมเรยี งลาํ ดบั ตามหนว ยการเรยี นรู
และแบบทดสอบหลังเรียน
สว นท่ี 2 เฉลยแบบทดสอบและกิจกรรม ประกอบดว ย เฉลยแบบทดสอบกอ นเรยี นและ
หลงั เรยี น เฉลยกิจกรรมเรยี งลําดบั ตามหนว ยการเรยี นรู

วิธกี ารใชชุดการเรียนทางไกล 
เม่ือนักศกึ ษาไดร บั ชดุ การเรยี นทางไกลแลว ใหน ักศกึ ษาดําเนนิ การตามขั้นตอน ดงั นี้ 
1. ศกึ ษารายละเอยี ดโครงสรางชดุ การเรยี นทางไกลโดยละเอยี ด เพ่ือใหทราบวานักศกึ ษาตอง

เรยี นรูเ นอื้ หาในเรอื่ งใดบางในรายวิชานี้
2. วางแผนเพอ่ื กาํ หนดระยะเวลาและจัดเวลาทีน่ ักศึกษามีความพรอมทจ่ี ะศึกษาชดุ การเรยี น

ทางไกล วนั ละ 3-5 ช่วั โมง เพอ่ื ใหส ามารถศึกษารายละเอยี ดของเน้อื หาไดครบทุกหนวยการเรยี นรู พรอ ม
ทาํ กิจกรรมตามท่กี าํ หนดกอนสอบปลายภาค

3. ทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี นของชุดการเรียนทางไกลรายวชิ านี้ตามที่กาํ หนด เพ่ือทราบ
พืน้ ฐานความรเู ดิมของนักศกึ ษา โดยตรวจสอบคําตอบจากเฉลยแบบทดสอบทายเลม

4. ศึกษาเนื้อหาในชุดการเรียนทางไกลในแตล ะหนว ยการเรียนรูอ ยา งละเอยี ดใหเขา ใจ
ทง้ั ในชุดการเรียนและสือ่ ประกอบ (ถาม)ี และทํากจิ กรรมตามทีก่ ําหนดไวใหค รบถว น

5. เม่ือทํากจิ กรรมเสรจ็ แตล ะกจิ กรรมแลว นกั ศกึ ษาสามารถตรวจสอบคําตอบไดจ ากเฉลย
ทายเลม หากนกั ศึกษายังทาํ กจิ กรรมไมถ กู ตองใหนกั ศึกษากลบั ไปทบทวนเนือ้ หาสาระในเรื่องนนั้ ซาํ้
จนกวาจะเขาใจ

6. เม่ือศกึ ษาเนื้อหาสาระครบทกุ หนว ยการเรยี นรูแลว ใหน กั ศึกษาทําแบบทดสอบหลังเรยี น
และตรวจสอบคําตอบจากเฉลยทายเลม วา นกั ศกึ ษาสามารถทาํ แบบทดสอบไดถ กู ตอ งทุกขอหรือไม หาก
ขอ ใดยงั ไมถกู ตอง ใหน กั ศกึ ษากลับไปทบทวนเน้ือหาสาระในเร่ืองนนั้ ใหเ ขา ใจอกี คร้งั หนง่ึ นกั ศกึ ษาควร
ทําแบบทดสอบหลังเรียนใหถ กู ตองไมน อ ยกวารอ ยละ 70 ของแบบทดสอบทง้ั หมด เพื่อใหมน่ั ใจวา จะ
สามารถสอบปลายภาคผา น

7. หากนกั ศึกษาไดทาํ การศึกษาเน้ือหาและทาํ กจิ กรรมดว ยตนเองแลว ยังไมเขา ใจ นกั ศึกษา
สามารถสอบถามและขอคาํ แนะนําไดจ ากครูทป่ี รกึ ษาประจาํ รายวิชาตามชอ่ื ท่อี ยู และสถานท่ีติดตอที่
สถาบนั การศกึ ษาทางไกลแจง ใหน ักศกึ ษาทราบ

2_2_หนา ปก_พท33013

 

การศึกษาคน ควาเพมิ่ เตมิ  

นกั ศึกษาอาจศกึ ษาหาความรเู พิม่ เตมิ ไดจ ากแหลงเรยี นรูอ นื่ ๆ เชน การศกึ ษาตาํ ราหรอื สอ่ื อน่ื ๆ
ที่เก่ยี วขอ งกับรายวิชานี้ การศกึ ษาจากอนิ เตอรเน็ต การศกึ ษาจากพิพธิ ภณั ฑ นทิ รรศการ การแสดงตา งๆ
การศกึ ษาจากผรู ูหรือผูท่ีรูจัก เปน ตน 

การวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 

ในแตล ะรายวชิ านกั ศึกษาตอ งวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น ดังนี้
1. ระหวางภาค ทําขอ สอบอตั นัยทีส่ ถาบนั การศึกษาทางไกลจัดสง ให โดยใชล ายมอื ของ
นกั ศกึ ษาเอง และจดั สง กลบั ไปตามเวลาทีส่ ถาบนั การศกึ ษาทางไกลกําหนด
2. ปลายภาค เมอื่ ส้ินภาคการศกึ ษา นกั ศึกษาจะตอ งเขา สอบปลายภาคตามวนั เวลา และ
สถานท่ีที่สถาบันการศึกษาทางไกลกาํ หนด ซงึ่ จะแจงใหนักศกึ ษาทราบทางไปรษณีย โดยนกั ศกึ ษาจะตอ ง
นําบตั รประจําตัวนักศกึ ษา และบตั รประจาํ ตวั ประชาชนหรอื บัตรขา ราชการไปดวย หากไมม ไี ปแสดง
นักศกึ ษาอาจไมไ ดรับสิทธิ์ในการเขาสอบ นอกจากน้ันนกั ศึกษาตอ งแตง กายสภุ าพเรียบรอ ยตามระเบยี บ
หา มใสรองเทา แตะ

2_2_หนา ปก_พท33013

โครงสรา งชุดการเรียนทางไกล
รายวชิ าภาษาไทยเพ่อื การสอื่ สารและสรางมนษุ ยสัมพันธ 2

รหัสรายวชิ า พท 33013
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

สาระการเรียนรู สาระท่ี 2 สาระความรพู ืน้ ฐาน

มาตรฐานการเรียนรู
มาตรฐานการเรยี นรทู ี่ 2.1 มีความรูความเขา ใจและทักษะพนื้ ฐานเกยี่ วกับภาษา
และการสอ่ื สาร

สาระสาํ คญั
การใชภาษาพดู แสดงความคดิ เห็นเชงิ วิเคราะหแ ละประเมนิ คา การใชภ าษาพดู จากสอ่ื ตา งๆ การใช

คาํ ในการเขยี นไดตรงตามความหมายถกู ตอ งตามอกั ขรวธิ แี ละระดบั ของภาษา การเขยี นวพิ ากษว จิ ารณและ
ประเมินงานเขียนของผูอื่นเพอื่ นาํ มาพัฒนางานเขียนของตนเอง แตง บทประพันธท ัง้ ประเภทรอ ยแกวและ
รอ ยกรองไดถกู ตองตามฉันทลกั ษณแ ละขอ กําหนดพื้นฐานของคําประพันธ ใชภ าษาพดู และภาษาเขียนใน
การส่ือสารและสรา งมนษุ ยสัมพนั ธใ นการปฏบิ ตั งิ านและการอยูร วมกับผูอ่ืนในสังคม

ผลการเรียนรู
1. อธบิ ายหลักการพดู แสดงความคดิ เหน็ และปฏิบตั ติ ามได
2. อธิบายความหมายลักษณะและประเภทของส่อื ตา งๆ ได
3. มีความเขา ใจและวเิ คราะหป ระเมนิ คา การใชภ าษาพูดจากสื่อตางๆได
4. ใชภาษาพูดสอ่ื สารและมปี ฏิสมั พนั ธกบั บคุ คลอ่ืนในชวี ติ ประจาํ วนั ไดเ หมาะสมตาม
กาลเทศะ
5. ใชค ําในการเขียนไดถกู ตอ งตามอกั ขรวธิ ี
6. ใชค าํ ในการเขยี นไดต รงความหมาย
7. เขา ใจและใชค าํ ในการเขยี นไดถกู ตอ งตามระดับของภาษา
8. ใชภ าษาเขยี นไดถูกตองตามหลกั การใชภ าษา
9. เขยี นวพิ ากษวจิ ารณงานเขยี นของผูอื่นได
10. เขาใจและใชภาษาเขียนส่อื สารเพ่ือการมปี ฏสิ มั พนั ธกบั บุคคลอ่นื ในชวี ิตประจาํ วนั ได
11. แตง บทประพันธท ั้งรอยแกว และรอ ยกรองไดถกู ตองตามรปู แบบและฉนั ทลกั ษณท ีเ่ ปน
ขอ กําหนดพื้นฐาน

  1 

ขอบขา ยเน้อื หา
หนว ยการเรียนรทู ่ี 1 พดู ดีมีมนษุ ยสมั พันธ
หนวยการเรยี นรทู ี่ 2 เขยี นถูกหลกั รกั ษภ าษาไทย

ส่ือประกอบการเรยี นรู
1.ชุดการเรยี นทางไกลรายวิชาภาษาไทยเพือ่ การส่ือสารและสรางมนษุ ยสัมพันธ 2
2.CD ของสถาบันการศกึ ษาทางไกล หมวดวชิ าภาษาไทย ม.ปลาย เรอ่ื งศลิ ปะการพดู
- พูดอยางเปน ทางการและไมเปนทางการ
- การพูดในโอกาสตา ง ๆ
3.หนังสืออานเพมิ่ เติม

จาํ นวนหนวยกิต 2 หนว ยกิต (80 ชวั่ โมง)
กจิ กรรมการเรียนรู

1. ทําแบบทดสอบกอนเรียนในชดุ การเรยี นทางไกลและตรวจสอบเฉลยทา ยเลม
2. ศึกษาเนื้อหาสาระในหนว ยการเรียนรทู กุ หนว ย (พรอมศกึ ษา CD,VCD ประกอบ เนอื้ หาสาระ

ตามทก่ี ําหนดไว)
3. ทํากิจกรรมตามที่กาํ หนดในแตล ะหนว ยการเรียนรูแ ละตรวจแนวตอบในเฉลยทา ยเลม
4. ทาํ แบบทดสอบหลังเรียนในชดุ การเรยี นทางไกลและตรวจสอบเฉลยทา ยเลม
การประเมินผล
1.การทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น – หลังเรยี น
2.การทํากิจกรรมในแตละหนว ยการเรยี นรู

  2 

แบบทดสอบกอ นเรยี น 3 

จงเขยี นเครอื่ งหมาย X คาํ ตอบทีถ่ กู ทสี่ ดุ
1. ขัน้ ตอนทีค่ วรปฏบิ ตั ิเปนประการแรกของการพูดสนทนา คือ
ก. แสดงความเปน มิตร/ยิ้มแยม แจม ใส
ข. แนะนาํ ตนเอง
ค. แลกเปล่ียนความคิดเห็น
ง. พดู ดว ยสํานวนภาษาทเ่ี ขา ใจงาย
2. ขอ ใดไมใชมารยาทในการพดู สนทนา
ก. ไมพูดจาโออวดแตเ รื่องของตน
ข. ไมข ัดจังหวะการพดู ของคสู นทนา
ค. ไมพ ดู เรื่องท่ีทาํ ใหคูสนทนาดดู อยคา
ง. ไมพูดใหรา ยเฉพาะผทู เี่ ปนคสู นทนา
3. ความหมายของการพูดสัมภาษณค ือขอใด
ก. พดู เพอื่ ถามทุกขส ุขในชีวิตประจาํ วนั
ข. พดู สนทนาอยา งมเี ปา หมาย เพอื่ ใหไ ดขอมลู ที่ถกู ตอ ง
ค. พูดเพอ่ื ใหคูสนทนาเกดิ การโตต อบโดยใชเ หตุผล
ง. พูดเพื่อสรางความเขาใจกอ นการรว มปฏิบตั ิงาน
4. ขอควรปฏิบัตเิ มื่อเขารบั การสมั ภาษณ ขอใดถูกตอง
ก. ไปถงึ กอ นเวลานัดอยางนอย 50 นาที เพอื่ ศึกษาความรทู ี่เก่ยี วของ
ข. ไปถงึ กอ นเวลานัดอยา งนอ ย 30 นาที เพอื่ ดแู ลใบหนา เสอื้ ผาทรงผม
ค. ไปถงึ กอ นเวลานดั อยา งนอย 10 นาที เพ่ือดูแลความเรยี บรอยและทําสมาธิ
ง. ไปถงึ กอนเวลานัดอยา งนอย 5 นาที เพราะจะไดช อื่ วาเปน คนตรงเวลา และไมตองรอนาน
5. ขอใดคือการพดู แสดงความคดิ เหน็ ในเชงิ วจิ ารณ
ก. พดู ในทางตรงกันขามกบั ผูพดู เสนอคนอนื่ ๆ
ข. พูดถึงเรือ่ งที่เปน โทษมากกวา เร่อื งทเ่ี ปน ประโยชน
ค. พดู อยา งรอบดา นดวยความเปนกลางทง้ั ขอ ดแี ละขอเสยี
ง. พูดเพื่อกระตนุ ผฟู ง ใหไดคดิ และเกดิ การวิพากษว จิ ารณ
6. ขอ ใดเปนคณุ สมบัติของการพดู โตแยงทดี่ ี
ก. มีความรคู วามเขา ใจในเรือ่ งทพ่ี ดู โตแ ยง เปน อยางดี
ข. มบี ุคลกิ ที่ดีเปน ทนี่ า เช่อื ถอื ศรทั ธาของคนท่ัวไป
ค. มกี ารศกึ ษาดใี ชสือ่ ประกอบการพูดไดอยา งชาํ นาญ
ง. มคี วามอดทน มุงม่ัน วริ ิยะ อตุ สาหะ

 

7. จดุ มงุ หมายของการพดู โนมนาวคอื
ก. เพอื่ ใหผ ูฟง คลอ ยตามเกดิ การกระทาํ หรอื เกิดปฏิกิริยาตอ สิง่ ใดสง่ิ หนง่ึ
ข. เพ่อื ใหผูฟง เหน็ วาผูพูดมจี ดุ มงุ หมายที่นาสนใจชวนตดิ ตาม
ค. เพอื่ ใหผ ูฟง รสู กึ ถึงการใชค าํ สงั่ และอํานาจของผพู ูดไดอ ยา งนมุ นวล
ง. เพื่อใหผ ฟู ง เกดิ ความประทบั ใจในวิธีการและเนอ้ื หาการพูด

8. การจัดทําเคาโครงการพดู แบง ออกเปน 3 สว น คือการเกริน่ นํา เนอื้ เรอ่ื ง และสรุป เปนการเตรยี มการ
เพื่อพูดผานสอื่ ชนิดใด
ก. โทรศพั ท
ข. โทรสาร
ค. วิทยุ
ง. อนิ เตอรเ นต็

9. ความรับผดิ ชอบตอ ตนเองในการพูดโทรศพั ทคือขอ ใด
ก. ไมใหผูต ดิ ตอ รอนาน
ข. รับผิดชอบในการฟง ดว ยความตัง้ ใจ
ค. มีรายละเอยี ดขององคกรใหผ โู ทรมาติดตอ
ง. กลาวยกยองผโู ทรมาตดิ ตออยางมศี ิลปะ

10. เราควรประเมนิ คา การใชภ าษาพดู จากส่อื ในเรอ่ื งใด
ก. ความถูกตองในการใชภ าษา
ข. ความเหมาะสมท่ีทาํ ใหผูฟงเขา ใจ
ค. พูดดว ยนํา้ เสียงที่กอใหเกิดอรรถรสในการฟง
ง. ถูกทกุ ขอ

11. เมอ่ื คสู นทนาของทา นพดู ยาวนานเกนิ ไป สิ่งทคี่ วรปฏบิ ัติคือ
ก. ขัดจังหวะและขอเวลาพูดบา ง
ข. หลีกเลย่ี งท่จี ะฟง อยา งแนบเนยี น
ค. หาจงั หวะและวธิ บี อกท่ีละมนุ ละมอ ม
ง. กมหนา หรือเบอื นหนา หนีเพ่ือใหเขารตู วั

12. ขอใดไมใชการพดู เพอื่ แสดงมารยาท
ก. แนะนํา
ข. สวสั ดี
ค. ขอโทษ
ง. ขอบคณุ

  4 

13. คําถามในการสมั ภาษณควรมลี กั ษณะอยางไร
ก. สน้ั รดั กมุ เหมาะสม ชัดเจน
ข. คาํ ถามปลายเปด แสวงหาขอ เทจ็ จรงิ
ค. ถูกท้งั ขอ ก. และขอ ข.
ง. ไมมีขอ ใดถกู

14. การแสดงความคิดเห็นเรื่องใดเร่ืองหนงึ่ วามีขอดีมากกวาขอเสยี เปน การพูดแสดงความคิดเห็น
ประเภทใด
ก. พดู เชงิ ขดั แยง
ข. พูดเชงิ สนบั สนนุ
ค. พูดเชิงวพิ ากษว จิ ารณ
ง. พดู เพ่ือตั้งขอสงั เกตและเสนอสิ่งใหม

15. การตรวจสอบแหลง ขอ มูลทอี่ า งอิงของคสู นทนาวาถูกตอ งหรอื ไม เปน การพดู โตแ ยง ประเภทใด
ก. พดู โตแยงความคิดเห็น
ข. พดู โตแ ยงขอ เทจ็ จรงิ
ค. พดู โตแ ยงเกย่ี วกบั คณุ คา
ง. ถูกเฉพาะขอ ก. และขอ ข.

16. ขอแตกตางระหวา งการพูดตเิ ตียน กบั การพดู วพิ ากษว จิ ารณ คือขอ ใด
ก. พดู ติเตยี นเปน การพดู ดว ยอกศุ ลจิต พูดวพิ ากษว จิ ารณคอื การพดู ดว ยกุศลจติ
ข. พดู ติเตยี นมกั ใชคําสอเสียด หยาบคาย พดู วิพากษว จิ ารณจ ะไมใ ชคําดงั กลา ว
ค. พดู ติเตยี นมักพดู เฉพาะดานลบ พูดวพิ ากษว จิ ารณพ ูดอยา งรอบดา น
ง. ถูกทกุ ขอ

17. ขอพงึ ระวังของการพดู โนมนาวคอื ขอใด
ก. ระวังพฤตกิ รรมท่ีไมเ ปน กลาง
ข. ระวังพฤตกิ รรมท่เี ปนนักวิชาการมากเกนิ ไป
ค. ระวงั พฤติกรรมทนี่ มุ นวลเกนิ ไป
ง. ระวังพฤตกิ รรมทีแ่ สดงความเมตตา

18. การพูดผานสอื่ วทิ ยุ ตอ งมกี ารวเิ คราะหผ ฟู งในดา นใด
ก. เพศ อายุ การศกึ ษา
ข. คํานิยม รสนยิ ม
ค. รายได แหลงท่ีอยู
ง. ถูกเฉพาะขอ ก. และขอ ข.

  5 

19. คาํ กลาวทกั ทายในการพูดโทรศัพทค อื 6 
ก. ฮลั โหล
ข. สวสั ดีครับ/คะ
ค. บอกหมายเลขแลวกลา วสวัสดี
ง. บอกชอื่ ผูรับแลว กลาวสวัสดี

20. ความนาสนใจของการพูดผานอนิ เตอรเ น็ตคอื
ก. เปนการส่ือสารดวยเสยี ง
ข. เปนการสื่อสารดว ยอกั ษร
ค. เปน การส่อื สารดวยเสียงและภาพ
ง. เปน การสอื่ สารดว ยอกั ษรและเสยี ง

21. ขอ ใดสะกดผดิ ทงั้ 2 คาํ
ก. กะทดั รดั พยาน
ข. กะบาล สํามโนครวั
ค. กะทันหนั เต็นท
ง. ขบถ ช็อกโกแลต

22. ขอใดใช ซ หรอื ทร ผดิ
ก. เขาชอบถามอะไรซอกแซก
ข. อนสุ รณท ํางานจนเหงือ่ โซมกาย
ค. รา งกายของสพุ จนทรุดโทรมมาก
ง. ทรากศพของโจรถกู ท้ิงไวในปา

23. ขอ ใดเขียนไมถกู ตอ ง
ก. ลูกสาวแมค าขายพวงมาลัยหายสาบสญู ไปนานแลว
ข. สานศุ ิษยท ง้ั หลายมาแสดงความอาลยั
ค. อยากใหค ณุ พศิ ูจนค วามดขี องสนุ ทรบาง
ง. พระสงฆบ ังสกุ ลุ เสร็จแลว กเ็ สรจ็ พธิ ี

24. ขอใดเขียนสะกดคําไดถ กู ตอง
ก. ชนีเปน สตั วปาท่คี วรสงวนเอาไว
ข. เธอ ชะมดชะมอ ย ชายตามองเอนกอยางหวานซ้ึง
ค. อาํ พลกนิ อาหารอยา งตะกละตะกลาม แมเ ตอื นแลว กไ็ มฟง
ง. นภาตองไปท่ีสถานตี าํ รวจเพื่อไปเปนพยานใหเ พอื่ น

 

25. ถานักศึกษาตองการเขยี นจดหมายถึงผูอํานวยการสถาบนั การศึกษาทางไกล นักศกึ ษาควรเลือกใช
คาํ ขึน้ ตนและคาํ ลงทายในขอใด
ก. เรยี น – ขอแสดงความนบั ถืออยางย่งิ
ข. เรยี น – ขอแสดงความเคารพ
ค. กราบเรียน – ขอแสดงความนับถือ
ง. เรยี น – ขอแสดงความนบั ถอื

26. เหตใุ ดการเขียนจดหมายจึงตอ งคํานึงถงึ ความสะอาดเปน พเิ ศษ
ก. เปนการแสดงถงึ นิสัยใจคอของผเู ขยี น
ข. เปนการแสดงถึงความเคารพและใหเกยี รติผูเขียน
ค. เปนไปตามระเบียบแบบแผนของการเขียนจดหมาย
ง. มสี วนชว ยใหจดหมายถึงมอื ผรู ับเรว็ เพราะบุรษุ ไปรษณยี อ านงา ย

27. ทาํ ไมเราจงึ ตองระมัดระวังมารยาทในการเขยี นจดหมาย
ก. เพราะหวงั ผลสําเรจ็ ในการตดิ ตองาน
ข. เพราะจดหมายเปนตวั แทนของบุคคลทไ่ี มเคยรจู ักกนั
ค. เพราะจดหมายแสดงถงึ การศกึ ษาของผูเรยี นวา มมี ากนอ ยเพียงใด
ง. เพราะจดหมายแสดงถงึ นสิ ัยใจคอและความคดิ ของผูเขยี นตลอดจนความรูส ึกท่มี ีตอผูรับ

28. การเขยี นจดหมายดว ยหมกึ แดงหรือดนิ สอและมีรอยขูดลบขดี ฆา หรือเขยี นทับลงไปแสดงวา
ผูเ ขียนเปน คนอยา งไร
ก. ไมม ีมารยาทในการเขยี นจดหมาย
ข. ไมม ีมนุษยสัมพนั ธ
ค. อารมณห งดุ หงิดในขณะเรียน
ง. ไมมคี วามรใู นเรอ่ื งการเขยี น

29. คําตอบในขอ ใดจะชว ยเสริมใหก ารแตงคาํ ประพันธไดด มี คี ุณคา
ก. รูคาํ มาก มคี วามรูรอบตัวดี ชอบและฝก เขยี นบอยๆ
ข. อา นคําประพนั ธใ หท กุ ประเภท
ค. จาํ คาํ ประพนั ธไ วเปน ตน แบบ
ง. ฝกฝนตนเองใหชอบแตงคําประพันธ

30. บทชมโฉม ชมธรรมชาติ บทโอโลม การแสดงความรูสกึ เหมาะสมกับโวหารชนดิ ใด
ก. บรรยาย
ข. พรรณนา
ค. เทศนา
ง. อปุ มา

  7 

31. การใชเ สียงของถอยคําใหเหมาะสมในการดาํ เนินเรอื่ งมหี ลกั การอยา งไร
ก. ถา เรื่องโศกเศราควรใชล ลี ากระชับรวดเร็ว
ข. ถาเรอื่ งต่นื เตน ควรใชถอยคาํ ออนหวานนุมนวล
ค. ถาชมธรรมชาตคิ วรใชลลี าเชอื่ งชา
ง. ถาเปน บทโอโ ลมควรใชถอ ยคําออนหวานเสียงไพเราะ

32. คาํ ที่ขดี เสนใตในขอ ใดมคี วามหมายโดยนยั
ก. พงศธรเปนกญุ แจสําคัญในการจบั คนรา ย
ข. เครอื่ งบินลําน้นั บนิ เขากลบี เมฆไปแลว
ค. ธรรมชาติของนกเวลาหลบั จะเอาหวั ซุกอก
ง. ผใู หญเ ตือนอะไรเดก็ ก็ควรฟง ไมควรดอ้ื ดึง

33. สายใจเลาความทุกขโศก............จนเขารสู ึกเบือ่ หนาย
ก. เศรา
ข. ยดื เย้ือ
ค. ยดื ยาว
ง. เย่ินเยอ

34. “รักแหงๆ แตไมต้อื ” ขอ ความนี้ควรเปลย่ี นถอ ยคาํ ที่ใชไดอยา งไร
ก. รกั แทแ ตไมกวน
ข. รักจริงๆ แตไ มสนใจ
ค. รกั จริงๆ โดยไมต ้อื
ง. รกั จรงิ ๆ แตไ มร บกวน

35. ขอ ใดมคี วามหมายบอกนยั เกยี่ วกบั เรื่องเพศศึกษา
ก. น้ําพ่ึงเรอื เสือพึ่งปา
ข. นาํ้ หน่งึ ใจเดียวกนั
ค. น้ําขนุ ไวใ นนาํ้ ใสไวนอก
ง. น้าํ ตาลใกลม ดใครจะอดได

36. ขอ ใดไมม คี วามหมายโดยนยั
“ คณุ แมหนาเสยี (1) บอกคณุ พอ วาโทรศพั ทเ สียเสียแลว พอจงึ ใชโทรศัพทม อื ถอื แจงไปยงั
หนวยแกก ลบั ไดย นิ คนปากเสีย (2) บอกวา จะสง คนขาเสีย (3) ไปดกู อ นทําใหน ายจา งหวั เสยี (4) ”
ก. หนา เสยี
ข. ปากเสีย
ค. ขาเสยี
ง. หวั เสีย

  8 

37. ขอ ใดใชภ าษาไดเ หมาะสมกับบคุ คล
ก. สุนัขทบี่ านของฉนั ตกลูกเปน ตวั เมยี 1 ตวั ตวั ผู 2 ตวั
ข. นภิ าไปสอบขอใชใ บอนญุ าตขับข่รี ถยนต
ค. คณุ พอ จะไปงานฌาปนกจิ เพือ่ นทว่ี ดั บึงทองหลาง
ง. โรงหนงั วนั นคี้ นแนน ขนัด เพราะเปน รอบปฐมทศั น

38. ขอใดใชราชาศัพทสําหรบั พระเจา แผน ดินไมถ ูกตอ ง
ก. กนิ – เสวย
ข. ไป – เสดจ็
ค. เท่ียว – ประพาส
ง. ศีรษะ – พระเศียร

39. ขอ ใดใชร าชาศพั ทถกู ตอ ง
ก. ทรงโปรด
ข. ทรงเสวย
ค. ทรงสวรรคต
ง. ทรงทอดพระเนตร

40. “ เฝาฯรับเสดจ็ ” คําราชาศัพท ขอ ใดอา นไดถกู ตอง
ก. เฝา ทูลเกลา รับเสดจ็
ข. เฝา นอ มเกลารบั เสดจ็
ค. เฝาทลู ละอองธุลพี ระบาทรบั เสดจ็
ง. เฝาถวายรบั เสดจ็

  9 

หนวยการเรยี นรทู ี่ 1 10 
พูดดีมีมนุษยสัมพันธ

โครงสรางของหนวย

มาตรฐานการเรยี นรู
มาตรฐานการเรยี นรูท ี่ 2.1 มคี วามรู ความเขาใจและทกั ษะพนื้ ฐานเกยี่ วกบั ภาษาและการสอ่ื สาร

ผลการเรยี นรู
1. อธบิ ายหลกั การพูดแสดงความคดิ เห็นและปฏบิ ัติตามได
2. อธบิ ายความหมาย ลกั ษณะและประเภทของส่ือตา งๆ ได
3. มคี วามเขาใจและวิเคราะหป ระเมนิ คาการใชภาษาพูดจากสอ่ื ตา งๆได
4. ใชภ าษาพดู สอื่ สารและมปี ฏิสมั พนั ธกับบคุ คลอืน่ ในชวี ิตประจําวันไดเหมาะสมตามกาลเทศะ
5. ใชค ําในการเขยี นไดถูกตอ งตามอักขรวธิ ี
6. ใชคําในการเขียนไดต รงความหมาย
7. เขาใจและใชคําในการเขยี นไดถ กู ตองตามระดับของภาษา
8. ใชภาษาเขยี นไดถ กู ตอ งตามหลกั การใชภ าษา
9. เขยี นวิพากษว ิจารณง านเขยี นของผอู ื่นได
10. เขาใจและใชภ าษาเขยี นสื่อสารเพ่ือการมีปฏิสมั พนั ธกับบคุ คลอืน่ ในชวี ิตประจาํ วันได
11. แตง บทประพนั ธท ัง้ รอยแกว และรอยกรองไดถ ูกตองตามรปู แบบและฉันทลักษณท เ่ี ปน
ขอ กาํ หนดพ้ืนฐาน

รายละเอยี ดขอบขายเน้ือหา
ตอนท่ี 1 การใชภ าษาพดู เพือ่ การส่อื สารและสรางมนษุ ยสมั พนั ธใ นชวี ติ ประจําวนั
เรือ่ งท่ี 1.1 การพูดสนทนา
เร่ืองที่ 1.2 การพดู สัมภาษณ
ตอนท่ี 2 การพดู แสดงความคดิ เห็น
เร่อื งที่ 2.1 หลักการพูดแสดงความคดิ เห็น
เรอ่ื งที่ 2.2 การพูดแสดงความคิดเหน็
- การพูดโตแ ยง
- การพดู วิพากษวิจารณ
- การพูดโนมนาว

 

ตอนที่ 3 การใชภ าษาพดู ผานสือ่ ประเภทตาง ๆ
เร่อื งท่ี 3.1 การใชภ าษาพดู ผานสอื่ ประเภทตาง ๆ
- วิทยุ
- โทรศพั ท
- อนิ เตอรเนต็
- โทรสาร
เรื่องท่ี 3.2 การประเมนิ คาการใชภ าษาพูดจากสอ่ื ตาง ๆ

เวลาท่ีใชใ นการศึกษา 30 ช่ัวโมง
สอื่ การเรยี นรู

ชุดการเรียนทางไกลรายวิชาภาษาไทยเพอื่ การสอ่ื สารและสรา งมนษุ ยสมั พนั ธ 2
รหัสรายวชิ า พท 33013 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
กจิ กรรมการเรียนรู

1. ศกึ ษารายละเอยี ดจากชดุ การเรียนทางไกล
2. ศกึ ษาสอื่ ประกอบชดุ การเรยี นทางไกล (ถามี)
3. ปฏิบัติกจิ กรรมแตล ะตอนทก่ี าํ หนดในสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมกลมุ การเรยี นรปู ระกอบชดุ

การเรียนทางไกล
4. ศกึ ษาหาความรเู พิม่ เตมิ จากผูร หู รอื แหลง เรียนรตู า ง ๆ
การประเมนิ ผล
ประเมนิ ผลดว ยตนเองจากการทาํ แบบทดสอบ แบบฝก หดั และกจิ กรรมในแตล ะตอนแลว
ตรวจสอบคําตอบจากเฉลยทา ยเลม

  11 

ตอนท่ี 1
การใชภ าษาพดู เพือ่ การส่ือสารและสรา งมนุษยสัมพันธในชีวิตประจําวนั

การพดู เปน ส่งิ สาํ คญั อยางหน่ึงในชวี ิตมนษุ ย เพราะเปนการสื่อสารใหบ ุคคลอน่ื เกดิ ความเขาใจใน
ความตองการ ความคดิ เหน็ หรืออารมณความรสู ึกจากคนหนงึ่ ไปยังอกี คนหนึง่ นอกจากน้กี ารพูดท่ดี ียงั
สามารถ จงู ใจสรางความพึงพอใจ รกั ใคร เคารพนับถอื ครองใจคนไดเ ปน อยา งดี การพูดจงึ เปน เครอื่ งมอื ทม่ี ี
ประสทิ ธภิ าพสรางมนุษยสมั พนั ธที่ดีแกท กุ คนโดยผลนาํ ไปสูความสขุ ความสาํ เรจ็ ซ่ึงทุกคนสามารถฝก ฝน
ใหเกิดความชาํ นาญแลว นาํ ไปใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งเหมาะสมสง ผลใหบ ุคคลน้ันเปนทีร่ ักและศรัทธา
แกบุคคลทวั่ ไป

เรอ่ื งที่ 1.1 การพูดสนทนา

การพูดสนทนา เปน การพดู เพือ่ ติดตอ สอื่ สารกันระหวางบุคคลตง้ั แต 2 คนข้นึ ไป ในการพดู
สนทนาโตต อบ อาจมที ั้งการพูดตอบรบั หรือพูดปฏิเสธพดู แสดงความคดิ เห็นเพม่ิ เตมิ ทัง้ ประเด็นทีเ่ หน็ ดว ย
หรอื ไมเหน็ ดว ยกต็ าม คสู นทนาควรใชค าํ พดู ที่สภุ าพ ไมห วนหรือไมเ ปน คําหยาบคาย เลือกใชค ําพดู ที่
เหมาะสมกบั คสู นทนา

1) องคป ระกอบของการพดู สนทนา
(1) คูสนทนา ซง่ึ หมายถงึ ผพู ดู และผฟู งควรเปนผมู คี วามพรอมและใหความสนใจตอ การ

สนทนาระหวา งกนั ดว ยทาทที ่ีเปนมติ ร วางใจ ใหเ กยี รติ ในขณะทค่ี นหนึง่ พดู อกี คนหน่ึงควรเปน ผูฟงอยา ง
ต้งั ใจ จับประเด็นได หรอื สาระสาํ คัญของผูพ ดู โตต อบและเปลย่ี นสถานะมาเปน ผฟู งท่ีดี จงึ จะทาํ ใหก าร
สนทนาราบรนื่

(2) ประเด็นการสนทนาและวตั ถุประสงคของการสนทนาในการพูดสนทนาเราสามารถ
กาํ หนดประเภทของการสนทนาเปน 2 ประเภท คือ

- การสนทนาทว่ั ไปซึ่งมักจะเปน การพูดคยุ ในชีวติ ประจาํ วันการไถถ ามสารทุกขส ขุ
ดบิ การแสดงความเอื้ออาทร

- การสนทนาทมี่ ีประเดน็ เนอ้ื หาเฉพาะโดยมกี ารกาํ หนดวตั ถุประสงคสาระกรอบ
เน้ือหาการสนทนาทชี่ ัดเจน เชน การสนทนาเพ่ือแกป ญ หาชุมชนเรือ่ งการระบาด
ของยาเสพติด การสนทนาเรอ่ื งการแตง ตวั ตามแฟช่ันยคุ ใหม

(3) บรรยากาศการพดู สนทนา ซง่ึ หมายถงึ ส่ิงตางๆ ทเ่ี ออ้ื หรือเปน อปุ สรรคของการพดู
สนทนา เชน สถานท่ี เวลา สถานการณ มลภาวะทางเสียง อน่ื ๆ กเ็ ปน สิ่งทตี่ องคาํ นงึ ถึงในการพดู สนทนาดว ย

  12 

2) การพูดสนทนาระหวางบุคคล
การพดู สนทนาระหวา งบคุ คล สวนใหญจ ะเปนการทกั ทายปราศรยั เพ่อื สรางสัมพนั ธภาพที่

ดตี อ กนั มขี ั้นตอนที่พึงปฏิบัติดังน้ี
ขัน้ ที่ 1 การแสดงความเปนมติ ร โดยการยิ้มแยมแจมใส แสดงอาการยินดที ี่ไดพบหรอื ได

รูจักผทู เ่ี ราทกั ทาย กลา วคําทกั ทายเปน ท่ียอมรบั กนั ในสังคม เชน สวสั ดคี รบั /สวสั ดีคะ ยนิ ดที ไี่ ดรจู กั ครบั /
ยนิ ดีทไี่ ดร ูจกั คะ

ขั้นที่ 2 การแนะนําตนเอง การแนะนาํ ตวั นบั วา เปน สิง่ จําเปน เพราะเปน การแสดงความ
จริงใจเปด เผย ซ่ึงมหี ลักปฏิบัติดังนี้ บอกชอื่ นามสกุล บอกรายละเอยี ดเกีย่ วกบั ตวั เราพอสังเขป และบอก
วัตถปุ ระสงคใ นการแนะนําตวั

ข้ันที่ 3 การสนทนา คือการพูดคยุ กนั เพื่อสื่อสารแลกเปลย่ี นขอมูลความรู ความคดิ
ความรูส กึ ประสบการณ ดว ยความเปน มติ ร จรงิ ใจ ใชถอ ยคาํ สํานวนภาษาท่ีเขา ใจงา ย สภุ าพ ใชค าํ พดู และ
นํา้ เสยี งทน่ี า ฟง และเปนกนั เอง

ข้ันท่ี 4 การลาเมอื่ จบการสนทนา ขั้นตอนน้ถี อื วาเปน ข้นั ทสี่ ําคญั ท่ีจะสรางความประทับใจ
ใหก ับคสู นทนาและเปน การแสดงความมีมารยาทโดยการกลาวชนื่ ชมคสู นทนากลาวขอบคณุ และกลา วลา
อยา งสภุ าพ

3) การพดู สนทนาในกลมุ
การพดู สนทนาในกลมุ เปนกจิ กรรมทสี่ าํ คัญในยคุ ปจจุบนั ท้ังในชวี ิตประจําวนั และใน

การศึกษา การอบรม ประชุม สัมมนา เพอ่ื แสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับประสบการณ หรือเหตุการณทีเ่ กดิ ขึ้น
แลว นํามาเลาใหก นั ฟงมขี น้ั ตอนดังน้ี

ขน้ั ที่ 1 ขออนญุ าตพดู สนทนากับกลุม
ขน้ั ท่ี 2 การพดู สนทนาไมควรใชเวลานานเกินไปควรเปด โอกาสใหผ อู นื่ พดู บาง เลา ถงึ
ประเด็นเนอ้ื หาที่สาํ คัญ ๆ วามอี ะไรบาง
ขัน้ ท่ี 3 ระหวางพูดสนทนาใชน้าํ เสียงใหช ดั เจนนาฟง ไดย ินทว่ั ถึง
ขัน้ ท่ี 4 ตอบขอซักถามผูท ีย่ งั มีขอ สงสยั ดว ยวาจาสุภาพไมใชอารมณฉนุ เฉียว หรอื คาํ ทีไ่ มสภุ าพ
ขัน้ ที่ 5 สรปุ ประเดน็ สาํ คัญและขอบคุณทุกคนทีร่ บั ฟง
4) มารยาทในการพูดสนทนา
- เตรียมตวั ใหพ รอ มในการปรากฏกายตอ หนาผูอ่นื แตง กายใหเ หมาะสมกบั กาลเทศะ ดแู ล
ความสะอาดของรา งกายโดยเฉพาะกลน่ิ ตวั และกลิน่ ปาก เพือ่ ปองกันไมใ หค ูส นทนารงั เกียจหรือรําคาญ
- สรา งความมน่ั ใจใหกับตวั เอง มคี วามกลา พูดกลาคยุ ไมเ กอเขินตอหนา ผอู ่นื คสู นทนาหรือ
ทีส่ าธารณะ
- หากมกี ารนัดหมาย กบั คสู นทนาตองเปนคนตรงตอ เวลาซึง่ ถือวา เปน การใหเ กยี รตคิ พู ดู
สนทนา

  13 

- ไมพดู มากเกนิ ไปจนคูสนทนาไมม ีชอ งวา งทจ่ี ะพดู หรอื แสดงความคิดเหน็ ตอบโต
ไมผกู ขาดการพูดอยฝู า ยเดยี ว

- ไมขดั จงั หวะการพดู ของคูสนทนา แมว า เขาจะพดู นานเกนิ ไปจนเกดิ ความเบือ่ หนา ย
อยาพดู แทรกกลางคนั เพราะถือวาเปนการไมสภุ าพควรหาวิธที ่ีละมนุ ละมอม

- ไมพดู จาโออวดแตเ ร่อื งตนเอง เชนความมเี สนห  ความร่ํารวย ความฉลาด ความเกง
ความยิ่งใหญ ซึง่ จะทําใหค สู นทนาหรือกลมุ สนทนารูสึกไมดีตอผูพดู ได

- ไมพ ดู ในเร่ืองทีท่ าํ ใหคสู นทนาดดู อ ยคา หรอื เกดิ ความเศราหมองอาจเปนการทาํ รา ยจิตใจคู
สนทนาโดยผพู ดู ไมรูตวั ควรตระหนักคดิ กอนพูด

- ไมน นิ ทาวารา ยผอู ่ืนเพราะจะทําใหคูส นทนาเอือมระอาและไมตองการรว มเปน คสู นทนาดว ย
- ไมควรนําเร่อื งสวนตัวและเรอื่ งในท่ีทาํ งานไปพูดโดยเฉพาะการติเตยี นผรู วมงาน ผูบริหาร
หรือนายจาง หรอื บน ถงึ เคราะหก รรมโชคชะตาของตน
- อยาปฏิเสธความหวังดีของคสู นทนา หากเขาช้ีขอ บกพรอ งหรอื สิ่งท่เี ราควรปรับปรงุ แมเ รา
อาจไมพ อใจแตโ ดยมารยาททดี่ แี ลวควรยอมรับ คดิ เสียวาเขามคี วามปรารถนาดี
5) การพูดสนทนาทด่ี มี ีมนุษยสัมพันธ

- พูดในเร่ืองทคี่ วรพูด พดู ดวยความจริงใจ

- พดู ดว ยนํ้าเสยี งทเี่ ปน ธรรมชาติ
- พดู ดว ยถอยคําทีส่ ภุ าพ
- เปดโอกาสใหคสู นทนาไดพ ดู
- ฟง คสู นทนาพดู อยางต้งั ใจ เปนผูฟงทด่ี ี
- ไมพดู สอดแทรกในขณะทค่ี สู นทนากําลงั พดู
- พดู สนับสนนุ คําพดู คูสนทนาตามความเหมาะสม
- แสดงมารยาทในการพดู เชน สวสั ดี ขอโทษ ขอบคุณ
- สนใจคสู นทนาตลอดระยะเวลาท่ีมีการสนทนานั้น

สรปุ หลกั การพดู สนทนา
1. วิเคราะห ผพู ูด ผฟู ง กาลเทศะ วัตถปุ ระสงค โอกาส และเร่อื งที่จะพดู หรือสนทนา
2. เตรยี มตวั เตรียมใจ เตรยี มวางอารมณก ิรยิ า สหี นาทา ทางตลอดจนนาํ้ เสียง และภาษาทีใ่ ช
สอดคลองกัน
3. พูดเรื่องทที่ ําใหคูสนทนาสนใจ

  14 

เร่อื งท่ี 1.2 การพูดสมั ภาษณ

1) ความหมายการพูดสัมภาษณ
หมายถงึ การสนทนากันอยางมีเปา หมาย ระหวา งผสู มั ภาษณแ ละผใู หสมั ภาษณโ ดยมี

วัตถปุ ระสงคเ พื่อใหไดม าซงึ่ ขอ มูลทถ่ี กู ตอ งเทย่ี งตรง
2) วัตถปุ ระสงคของการพดู สมั ภาษณ
1. เพื่อใหไ ดขอมูลจากแหลงขอมูลทเี่ ปนบุคคล ทําใหไ ดข อมูลทม่ี คี ุณคานา เชือ่ ถอื เพิม่ ขึน้

สมบูรณขน้ึ เปน การเตมิ สาระสําคัญในเรอื่ งตา งๆ และเกดิ รสชาติทางความรูส ึก
2. เพ่ือนําขอ มลู ท่ีไดจากการสมั ภาษณไ ปเขยี นเปนบทความหรือนําไปใชประกอบสอ่ื ตา งๆ
3. เพ่ือกระตนุ ใหเกดิ การกระทําจากขอ คดิ หรือการนาํ ไปสูการวพิ ากษวิจารณ

3) องคป ระกอบสําคญั ของการสมั ภาษณ
1. ผูส ัมภาษณ
2. ผูใ หสมั ภาษณ
3. เรอ่ื งทส่ี ัมภาษณ
4. เปา หมายการสัมภาษณ
5. วิธกี ารสัมภาษณ

4) ประเภทของการสัมภาษณ
- การสมั ภาษณเ พื่อหาขอ เทจ็ จรงิ ผูใหสัมภาษณจ ะตอ งเปน บุคคลทเี่ ปน ทย่ี อมรับกันวาเปน

ผรู เู รอ่ื งท่ีแทจรงิ มีความเช่ยี วชาญหรอื มสี วนรูเหน็ ในเรอื่ งตางๆ
- การสมั ภาษณเพอ่ื ใหแ สดงความคดิ เหน็ ผูใหส มั ภาษณค วรเปน บุคคลสาํ คัญทป่ี ระชาชน

อยากทราบความคดิ เหน็ บุคคลที่มคี วามรูค วามสามารถในเร่ืองที่ประชาชนสนใจ หรอื เปนการสัมภาษณเพ่อื
ขอความคดิ เหน็ จากบุคคลทห่ี ลากหลายในเรอ่ื งเดยี วกัน

- การสัมภาษณเร่ืองสว นตวั เปนการสมั ภาษณในภาพรวมเกี่ยวกบั ชวี ติ ของผูใหสมั ภาษณ
หรือดงึ เพยี งประเดน็ ที่สําคัญและนา สนใจกไ็ ด

5) คุณสมบตั ขิ องผสู ัมภาษณ
1. มกี ารเตรยี มตัวพรอ มสําหรบั การสัมภาษณ
2. มีจดุ มงุ หมายที่ชัดเจนในการสัมภาษณ
3. มคี วามรูความเขา ใจในเรอื่ งทจี่ ะสัมภาษณเปน อยา งดี
4. มีความเช่อื มัน่ ในตนเอง
5. มคี วามเปนคนชางสังเกต
6. มมี นษุ ยสมั พันธแ ละบคุ ลกิ ทนี่ าเชอื่ ถือ
7. มคี วามรูแ ละมไี หวพริบในการตอบโต

  15 

8. มลี กั ษณะของการเปนผูฟง ทด่ี ี
9. มีความสามารถในการจดบนั ทึกไดอ ยา งรวดเร็ว
6) การเตรียมคาํ ถามเพอื่ การพดู สัมภาษณ
1. ส้นั รดั กุม เหมาะสม ชดั เจน
2. มใี จความและแนวทางไปสูจดุ มุงหมายที่ตอ งการ
3.ใชค ําถามปลายเปดเพอ่ื เปดโอกาสใหผ ถู ูกสมั ภาษณตอบคาํ ถามไดยาวๆ
4. คําถามตองมีลักษณะในการเสาะแสวงหาขอเท็จจริง
5. หลีกเลย่ี งคาํ ถามทีม่ ลี ักษณะตอบโตหรอื เกิดขอ พิพาทกบั ผูใหส มั ภาษณเ อง
7) วธิ กี ารพดู สมั ภาษณทด่ี ี
- แนะนาํ ตนเองแกผ ใู หสมั ภาษณดว ยความสุภาพ
- เร่มิ ตน การสมั ภาษณด ว ยคาํ ถามงา ยๆ และเปนกนั เอง
- สรา งความคนุ เคยกบั ผใู หส มั ภาษณสรา งบรรยากาศทดี่ ี
- ไมพ ดู อวดดหี รือแสดงทาทีวารมู ากกวา ผใู หสมั ภาษณ
- ขออนุญาตกอ นใชเ ครื่องมอื อัดเสยี ง
- พดู ถึงเปาหมายการสมั ภาษณใหช ดั เจนตง้ั แตเ รมิ่ ตน
- ระมดั ระวงั การพดู โดยใชภาษาใหเ หมาะสมกบั ตําแหนง หนา ท่ี หรอื ฐานนั ดร
- เรยี งลาํ ดบั คาํ ถามใหเ หมาะสมเพอื่ ผูใหส มั ภาษณต อบไดอ ยางราบรน่ื
- อยา เรง เวลาหรอื รบี รวบรดั ใหจ บ
- ควรบอกผูใ หสัมภาษณทราบเมื่อถงึ คาํ ถามสดุ ทาย
- กลา วคําขอบคุณและขออนญุ าตลากลับดว ยความสภุ าพ
- ไมค วรพดู ชน้ี ําหรอื ชักจูงใหผ ูส ัมภาษณตอบตามทีต่ นคาดหวงั
8) การวางตวั เพ่ือเขา รับการสมั ภาษณ
- ไปถงึ กอ นเวลานดั อยางนอ ย 10 นาที เพอ่ื ดูแลความเรยี บรอยของตนเอง เชน เส้อื ผา เครือ่ ง
แตงกาย ใบหนา ทรงผม และทําสมาธกิ อนเขารับการสมั ภาษณ
- นงั่ รอดว ยความเรียบรอย ไมควรแสดงอาการหงุดหงดิ เม่อื ตองรอนาน ไมเดนิ ไปเดนิ มา มี
ความอดทนตอ สถานการณท ่เี กิดขนึ้
- เคาะประตูกอ นเขา หอง เพอ่ื เปน การขออนุญาต เมื่อเขาหอ งแลว ปด ประตูไมใหมเี สยี งดัง
และนงั่ ลงเมอ่ื ไดร ับอนญุ าต
- ขณะถกู สมั ภาษณไมค วรหลบตาหรอื มองไปทางอ่ืน
9) การพดู ขณะใหส ัมภาษณ
- พดู เสยี งดงั ฟง ชดั ไมอูอีอ้ ยใู นลําคอ แตก ไ็ มค วรดงั เกนิ ไป
- น้ําเสียงเปน กนั เองไมใ ชเ สยี งหว นและเสยี งแขง็

  16 

- จังหวะการพูด ไมชา หรือเร็วเกนิ ไปแบงคําใหถ กู ตอ งเหมาะสม
- ระวังคําซ้าํ คาํ เกนิ ท่มี ากเกนิ ควร เชน เออ อา แบบวา ฯ
- ไมใ ชคาํ สแลงเพราะเปนคาํ ท่รี ับรกู บั เฉพาะกลุม และบางคาํ ถอื เปน คาํ ไมสุภาพ
- ไมพดู มากเกินไปหรอื นอยเกนิ ไป จนนา รําคาญและไมนาประทับใจ
- ไมพูดโกหก เพราะอาจเจอผูมปี ระสบการณม ากกวาจับโกหกได จงึ ไมเ กดิ ผลดมี ีแตผ ลเสยี
- เวน การพดู จาโออ วดเกนิ ความจรงิ
- ตง้ั ใจฟงคาํ ถามและตอบไปอยางปกตไิ มต องรีบรอ นหรือน่ังคิดนานเกนิ ไป ขอทต่ี อบ
ไมไ ดควรบอกโดยตรง อยา พดู จาอวดรูอวดดี
- เมือ่ เสรจ็ การสมั ภาษณควรแสดงความเคารพและกลาวคาํ ขอบคณุ

สรปุ การพดู สมั ภาษณ
คอื การสนทนาที่มีจุดมุง หมายโดยเฉพาะ ประกอบดว ยบุคคลสองฝา ยคือผูถามและผตู อบแต

ละฝายจะตองมีการเตรยี มการทดี่ จี งึ จะทาํ ใหการพูดสัมภาษณบ รรลุจดุ มุงหมาย เพราะส่ิงที่ไดจากการ
พดู สมั ภาษณม กั จะเปน เรอ่ื งท่ีจะนําไปเผยแพรใ หผทู ส่ี นใจไดรับทราบ ดังนั้นผูทส่ี มั ภาษณแ ละผใู ห
สัมภาษณจะตอ งมคี วามรูใ นเรอ่ื งนัน้ ๆ เปน อยางดี มที ักษะในการฟง เปน คนชา งสงั เกต มีปฏภิ าณ
ไหวพริบ และรูจักสรา งบรรยากาศระหวา งการพูดสมั ภาษณใหเกิดความราบรนื่

**********

  17 

ตอนที่ 2 การพดู แสดงความคดิ เหน็

การพูดแสดงความคดิ เหน็ เปน การพดู เพอื่ ชี้แจงขอเทจ็ จรงิ แสดงเหตุผลใหท ัศนะและ
ขอ เสนอแนะตลอดจนขอสันนษิ ฐานและการประเมนิ คา เก่ียวกับสงิ่ ใดสิง่ หนง่ึ โดยทว่ั ไปการพดู แสดงความ
คดิ เห็นมกั เกดิ ขน้ึ ไดต ลอดเวลาท้ังท่เี ปน ทางการและไมเ ปน ทางการดงั นั้นการพดู แสดงความคดิ เหน็ ท่ดี ี
จะตอ งมีความพรอ มท้งั ในเรอ่ื งขอมูล แนวคดิ ท่มี ีเหตมุ ผี ลสนบั สนนุ ไมพาดพงิ ใหกอ เกิดความเดอื ดรอ นแก
ผูอ่นื หรือทําใหผ ใู ดตอ งเสยี หาย

เรอ่ื งที่ 2.1 หลกั การพดู แสดงความคิดเห็น

1) ประเภทการพดู แสดงความคิดเห็น สามารถแบงประเภทของการพดู ตามลกั ษณะ
ของเนอื้ หาสาระออกเปน 5 ประเภทดังน้ี

- การพูดแสดงความคดิ เห็นในเชงิ สนบั สนนุ เปน การพดู เพ่ือสนบั สนุนแนวคดิ ของผูอืน่ ใน
เรอื่ งใดเรอื่ งหน่งึ โดยผูพดู พจิ ารณาและเหน็ วา ความคดิ นน้ั มีประโยชนต อสังคมสวนรวมมคี ณุ มากกวามีโทษ
มีขอ ดมี ากกวาขอ เสยี ผพู ดู จะตอ งแสดงความคดิ เหน็ ท่สี มั พนั ธกบั เน้อื เรือ่ งดวยเหตุผลท่นี า เช่อื ถอื

- การพดู แสดงความคดิ เห็นในเชิงขดั แยง เปนการพูดทต่ี รงกนั ขา มกบั การพูดแสดงความ
คดิ เหน็ ในเชงิ สนบั สนนุ โดยผพู ูดพจิ ารณาแลว เหน็ วา แนวคดิ ของผูอน่ื หรือเรอื่ งทีม่ ีคนนําเสนอนนั้ แตกตาง
จากความคดิ ของตนในทางตรงกนั ขาม

- การพดู แสดงความคดิ เห็นในเชงิ วจิ ารณ เปน การพูดเพอื่ วิจารณเ กี่ยวกบั เร่ืองใดเรอ่ื งหนึ่ง
ผูวิจารณตองวางตัวเปนกลาง ไมอคติตอเรื่องหรือประเด็นท่ีพูด ไมอคติตอตัวผูแสดงความคิดเห็นอ่ืน
การวิจารณค วรมมี มุ มองทั้งขอดแี ละขอเสยี ประโยชนแ ละโทษ โดยเปน การแสดงความคดิ เหน็ อยา งรอบ
ดานและประเมนิ คา

- การพดู แสดงความคดิ เหน็ เพอื่ นําเสนอความคดิ เหน็ หรอื สิ่งใหมๆ เปนการพดู เพอ่ื นาํ เสนอ
สงิ่ ท่ีตนคน พบควรเปนเร่ืองท่แี ปลก ใหม แตกตา ง และสรา งสรรค เปนประโยชนต อ สวนรวม

- การพดู แสดงความคดิ เหน็ เพื่อตงั้ ขอ สงั เกต เปน การเลา ประกฎการณท เี่ กิดขึน้ จรงิ เพ่อื
กระตุน ใหผ ูฟง ไดค ิดและเกดิ การวพิ ากษว จิ ารณ

2) หลกั การพดู แสดงความคิดเห็น

- ผูพดู จะตองแสดงความคดิ เหน็ ใหตรงกบั ประเดน็ หรือเร่อื งทีก่ าํ หนดจะตองมีขอ มลู
ขอเทจ็ จริงประกอบกบั การแสดงความคดิ เห็นตอเรือ่ งนน้ั ๆ อยางมีเหตุผลและเปนไปในทางสรา งสรรค

- ผูพดู ตอ งมคี วามรูและเขา ใจเร่อื งท่ีตนแสดงความคิดเหน็ เปนอยางดเี พอื่ ทจี่ ะพดู ไดอ ยา ง
ลึกซ้งึ

- การพดู ใหข อ มลู ขอ เท็จจริง จะตองอา งองิ แหลงขอมลู ทนี่ า เช่อื ถอื เปนท่ียอมรับในสงั คม

  18 

- การพดู ทม่ี าของเรือ่ งโดยลําดับเหตกุ ารณแ ละเนน ในตอนท่ีมีความสาํ คัญเพอ่ื ความเขาใจ
ท่ชี ัดเจนของผฟู ง

- วธิ กี ารพดู แสดงความคิดเหน็ ผพู ดู ควรเลือกใชถ อยคําภาษาทก่ี ระชับ เขาใจงายมี
ความหมายชัดเจน ไมก าํ กวม ควรพดู เรยี งไปตามลาํ ดับ ตามขอ กาํ หนด

- มกี ารสรุปท้งิ ทา ยกอนจบการพดู แสดงความคดิ เห็นเสมอเพื่อใหก ารพูดมีความสมบรู ณ

3) คณุ ลักษณะของผูพดู แสดงความคดิ เหน็ ท่ีดี

- ผูพดู จะตองมีความรอบรใู นเรอื่ งท่จี ะแสดงความคิดเหน็ เปนอยา งดี
- ผพู ดู ตระหนกั รูเจตนาที่ชดั เจนในการพดู เชิงสนับสนุน ขัดแยง วิจารณ เสนอแนวคดิ ใหม
หรอื ตงั้ ขอ สังเกต
- ผูพ ดู ตง้ั มัน่ ทจ่ี ะพดู เพ่อื ประโยชนของสว นรวมเปน สาํ คญั
- ผพู ดู รจู ักใชค ําที่บงชีว้ าเปน คําพูดท่ีแสดงความคิดเหน็ เชน อาจ อาจจะ จะเห็นไดว า คงจะ
นา จะพงึ ควร
- ผูพดู สามารถใชน ้ําเสียงและทา ทางประกอบการพูดอยา งสอดคลอ งเหมาะสมกับเนือ้ หาทพี่ ดู
- ผูพดู รจู กั ใชถ อ ยคาํ ท่สี ุภาพ
- มมี ารยาทในการพดู เชน การรกั ษากฎ กติกา ขอตกลง ในการพดู แสดงความคดิ เห็นอยาง
เครง คัด ไมพ ดู ดว ยอารมณทเี่ กรยี้ วกราด

สรุปการพูดแสดงความคดิ เหน็
การพดู แสดงความคดิ เหน็ เปน ไดทงั้ แบบทางการและไมเปนทางการ การพดู แสดงความคดิ เห็น

ตองมคี วามชํานาญในเรอื่ งการหาขอมูล เพอื่ ทจ่ี ะใชต ามเจตนาของการพูด ไดแก พดู สนบั สนนุ พดู
ขัดแยง หรือคดั คาน พูดวพิ ากษวจิ ารณ การตงั้ ขอ สงั เกต พดู ที่จะเสนอสงิ่ ทแ่ี ปลกใหมโดยอยภู ายใต
มารยาททางสงั คมทด่ี ี

*******

  19 

เรอ่ื งที่ 2.2 การพูดแสดงความคิดเหน็

การพูดแสดงความคิดเห็นหมายถงึ การพูดเพ่อื แสดงความคดิ ความรูส ึกเกย่ี วกบั เรอื่ งใดเร่อื ง
หนึง่ อยางมเี หตุผล มีความสอดคลองกบั เรื่องพดู ในการพดู แสดงความคดิ เหน็ สามารถพูดไดห ลาย
สถานการณ เชน การใหสมั ภาษณ การประชมุ สัมมนา การอภิปลาย หรอื แมแ ตก ารพดู คุยในวงสมั มนา
ทว่ั ไป เนอ้ื หาสาระในการพดู แสดงความคดิ เหน็ อาจเปน เรอ่ื งวิชาการ เศรษฐกจิ สังคมหรือการบนั เทิงก็ได
โดยผูพดู มกั คาดหวงั วาผฟู งจะเหน็ ดว ยหรอื คลอ ยตาม ในทีน่ จี้ ะนําเสนอการพูดแสดงความคิดเหน็ ท่มี ักใช
โดยท่ัวไปคือ การพูดโตแยง การพดู วพิ ากษว ิจารณ และการพูดโนม นา ว

1) การพูดโตแยง

การพูดโตแ ยง คอื การพดู ทแี่ สดงความคิดเหน็ ทีแ่ ตกตางกนั ระหวา งบุคคล 2 ฝา ย โดยแตล ะ
ฝา ยจะใชเหตผุ ลเพื่อสนบั สนุนความคดิ ของตนเองและคัดคา นของอีกฝาย หวั ขอหรอื เน้ือหาสาระในการ
โตแยงแตละคร้ังจะตอ งกาํ หนดวา จะโตแ ยง ในเร่อื งใด มปี ระเด็นอะไรบา งที่จะตอ งนาํ มาพิจารณา

คณุ สมบัติของผูพ ูดโตแยง

- มีความรูความเขา ใจดพี อเกยี่ วกับหวั ขอ ทีจ่ ะนาํ มาโตแยง
- มคี วามสามารถในการเรยี บเรียงเรอื่ งไดอ ยา งดี ไมทาํ ใหผฟู งสบั สน
- มคี วามสามารถในการนาํ เสนอไดอ ยา งแจม ชัด
- มคี วามสามารถในการสรุปไดอยางคมคายและนา เช่อื ถือ

ประเดน็ ในการพดู โตแ ยง หมายถงึ เรื่องท่กี อ ใหเ กดิ การพูดโตแยงกนั แบง ออกได 3
ประเภทคอื

- การพดู โตแ ยงความคดิ เห็น คือการพดู เพื่อชีใ้ หเห็นวาขอเสนอของบคุ คล
ใดบุคคลหน่งึ ยังมขี อ เสียหายหรือขอ บกพรอง ท่ีผูพูดโตแยงเหน็ วาไมอ าจ
ยอมรบั ไดหรอื ไมสามารถนํามาปฏิบัติไดโ ดยชีแ้ จงเหตผุ ลพรอมมกี าร
เสนอความคิดเห็นใหมเสมอเพื่อพจิ ารณานาํ ไปสูก ารเปลยี่ นแปลง

- การพดู โตแยง เกีย่ วกบั ขอ เท็จจริง เมื่อมีผพู ดู ขอเทจ็ จริงทอ่ี า งองิ ถงึ
แหลงขอมูลถงึ ผูพดู โตแยง ตอ งถามส่งิ ทอี่ า งถงึ นนั้ เปน ขอ เท็จจริงทไี่ ดมา
อยางไรตรวจสอบวาจรงิ ไดอ ยา งไรวธิ ีการตรวจสอบนนั้ นาเช่อื ถือหรอื ไม
เปน สงิ่ ท่ปี ฏบิ ตั ิไดห รอื ไม หรือมขี อมลู พดู โตแยง ไดว า ไดมีการตรวจสอบ
แลว แตไ มปรากฏวา สง่ิ ทีอ่ า งถึงนัน้ เปนจรงิ เชน ทอ่ี างเลย

- การพดู โตแยงเกยี่ วกับคณุ คา ซ่งึ เปนสิง่ ละเอยี ดออ นมากและมคี วามรูส กึ
สวนตวั รวมอยดู วย ข้นึ อยูกบั การใหค ณุ คา ตอสิ่งทกี่ ําลังพดู โตแ ยงของ

  20 

แตล ะบุคคล เชนคณุ คา ระหวางอินเตอรเ นต็ กบั หนังสอื คุณคา ระหวาง
ความเปน ไทยกับความเปน สากล

การวินิจฉัยเพ่อื ตัดสนิ ขอโตแ ยง วาควรจะยอมรบั ความคิดเห็นของฝายใดนนั้ ทาํ
ได 2 วิธคี อื

- พิจารณาเฉพาะเน้ือหาสาระท่ีแตล ะฝายไดน าํ มาพดู โตแยง กัน
- พจิ ารณาโดยใชดลุ พินิจของตน พรอ มกับพจิ ารณาคําโตแ ยง ของทง้ั สอง

ฝา ยโดยละเอยี ด

ขอควรระวังในการพูดโตแยง
- ผูพดู โตแยงควรหลกี เลย่ี งการใชอารมณ

- ผูพ ดู โตแ ยง ควรมมี ารยาทในการใชภาษาพดู ภาษากาย
- ผูพ ดู โตแยงควรเลอื กประเดน็ ในการพูดโตแยงกนั ไดอ ยา งสรา งสรรค

และกอ เกิดประโยชน หลกี เลี่ยงการพดู โตแ ยง ในลักษณะไมส รางสรรค
ไมมีประโยชนหรอื ประเดน็ ทีไ่ มส มควรพูดโตแ ยง กันเลย

2) การพดู วพิ ากษว ิจารณ

การพดู แสดงความคดิ เหน็ โดยการพูดวิพากษว ิจารณนนั้ เปน สทิ ธขิ ั้นพืน้ ฐานของมนษุ ย
ภายใตร ะบบการปกครองแบบประชาธปิ ไตยการพูดวพิ ากษว จิ ารณท ด่ี นี ้ันจะตองพูดอยางสรางสรรค
ประเทืองปญญาและเปนประโยชนต อสว นรวม

การพดู วพิ ากษว จิ ารณผ พู ูดควรมีคุณลักษณะดงั นี้

- เปน ผูม ีขอ มลู รอบดา นอนั เกิดมาจากการศกึ ษาคน ควา ประสบการณก าร
ทํางาน การวจิ ยั การสนทนากับผูท รงคุณวฒุ ิฯ

- ไมมอี คติหรอื ฝกใฝฝ ายหนึง่ ฝายใดเปน กลางและใหความเปนธรรมตอ
เรอ่ื งหรือความคิดเหน็ ของบคุ คลทถ่ี กู วพิ ากษว จิ ารณ

- ไมมปี ระเดน็ ซอ นเรนทีจ่ ะชนี้ ําผฟู งไปในทศิ ทางท่ตี นตอ งการ
- ไมใ ชส ามญั สํานกึ ความรูส กึ ของเผา พนั ธุน ิยม วฒั นธรรมนยิ มหรือ

ชาตินยิ มมาเกยี่ วของในการพูดวิพากษว จิ ารณ
- ไมใชอารมณใ นลกั ษณะของการดันทุรงั ยนื กรานโดยไมมเี หตุผลประกอบ

  21 

สรุป
ลกั ษณะของการพูดวิพากษว จิ ารณตา งจากการพดู ติเตยี นก็คือเจตนาของผูพ ดู ติเตยี นมักจะพูดไป

ในทางทก่ี อเกิดความเสียหาย เพ่อื ใหผฟู ง เกลยี ดชงั อันเปน การพดู ดวยอกุศลจิต วจที จุ รติ เลยเถดิ ไปถงึ การ
พูดที่เปนการสอ เสียด หยาบคาย มสุ า เพอ เจอ สว นการพูดในลกั ษณะวิพากษว ิจารณน้ันเปนการพดู โดย
อาศัย ขอมูล ความรปู ระสบการณ โดยมมี ุมมองอยางรอบดา นพดู ทัง้ ดา นบวก ดานลบ โดยมเี จตนาที่
สรา งสรรค และเปน ประโยชนตอ สว นรวม

  22 

2.2.3 การพูดโนมนาว

การพูดโนมนา ว หมายถงึ การพูดเชญิ ชวน เกล้ยี กลอม ใหผ ฟู ง เกดิ ความเช่อื ถือศรัทธามีความ
คิดเหน็ คลอยตาม การพดู โนม นา วจงึ เปน การพดู เพอื่ เชญิ ชวน เพือ่ ใหป ฏบิ ัตติ าม เปล่ียนแปลงทัศนคตแิ ละ
ปลุกเราใหเ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าตางๆ ซ่ึงจะตอ งเปน ไปโดยความสมัครใจหรอื ความยนิ ยอมมใิ ชก ารบบี บังคับหรือ
การใชอุบายอยา งอนื่ เชน แจกเงินใหร างวัลหรือการขม ขู การพูดโนมนา วทด่ี ีและมีประสทิ ธภิ าพ จะตอ งพูด
ใหผ ูฟงตระหนกั ถงึ ความเปน จริงและเกิดความเชอ่ื ถือทีจ่ ะกระทาํ ตามดวยความสมัครใจ

จุดมงุ หมายในการพดู โนมนาว

- พดู เพ่ือใหผ ูฟงเห็นคลอ ยตามในเรื่องท่ีพดู
- พูดเพ่ือใหเ กดิ การกระทําหรอื เปล่ยี นการกระทําตามท่ผี พู ูดตองการ
- พดู เพ่ือกระตนุ หรือเราความรูสกึ ใหเกดิ ปฏิกริ ยิ าตอ สิ่งใดส่ิงหน่งึ

วิธกี ารพดู โนม นา ว

- กําหนดจุดมงุ หมายใหชดั เจนเพอื่ เตรยี มเนอื้ หาและวธิ ีการพดู ใหส อดคลองกับ
ความตองการ

- จดั ลาํ ดับเนือ้ หาที่จะพดู ใหเ ปน ระบบและเรยี งตามลาํ ดับขนั้ ตอน คือบทนํา เนอื้
เร่อื ง และบทสรุป

- วิธกี ารพดู โนม นา วมคี วามแตกตางจากการพูดแบบอื่นคอื
• แสดงเหตุผล
• เรา ใหเ กิดอารมณใหเหน็ คลอ ยตามกับผูพดู
• ในขณะพูดตองแสดงใหเ ห็นถงึ ความนา เชอ่ื ถือในตัวของผูพูดโนมนา ว
• เปด โอกาสใหผ ูฟ ง คดิ เพอื่ การตัดสนิ ใจดว ยตนเอง

การพูดโนม นา วใหสําเรจ็

- ผูพ ูดจะตอ งทําใหเ ร่ืองทตี่ อ งการโนม นา วเปน สวนหนึง่ ของผูฟ ง
- ผพู ดู ควรเสนอในส่งิ ท่ตี รงกบั ความตอ งการของผฟู ง ในเบือ้ งตน
- ผูพูดตองมีบุคลกิ ทน่ี าประทบั ใจนาเล่อื มใส
- ผพู ดู จะตองชกั จงู ผฟู ง ใหเ กดิ ความสนใจในเรือ่ งท่พี ูด
- ผพู ูดสรา งความพึงพอใจได โดยอาศยั ความเชื่อมัน่ เหตผุ ลและขอเทจ็ จรงิ
- มวี ธิ กี ารกระตนุ ผูฟงใหเ กิดการปฏบิ ัติหรือลงมือทําดวยความเตม็ ใจ

  23 

ขอพงึ ระวงั ในการพดู โนมนาว

- ไมใชว ิธีขเู ขญ็ คกุ คาม หรือหลอกลวง
- ระวงั พฤติกรรมท่ีไมเ ปน กลาง หรอื มเี จตนาทอี่ ยเู บื้องหลงั
- ไมมีจุดมงุ หมายท่ชี ัดเจนในการโนม นา ว
- ขาดความรบั ผดิ ชอบทางคณุ ธรรมจริยธรรมในการโนมนา ว
- รองขอ วิงวอน โดยคาํ นึงถงึ จังหวะที่เหมาะสมและนมุ นวล
- ไมแข็งกระดา งไมก ลา วตําหนอิ ยา งตรงไปตรงมา ไมใชความแขง็ กราว
- ไมอางคาํ สง่ั ใชอ าํ นาจ หรอื สรางความกระทบกระเทอื นใจ

สรปุ การพูดโตแ ยง
- การพูดแสดงความคิดเหน็ ของบคุ คล 2 ฝาย ท่ีมีความคิดเหน็ แตกตา งกนั โดยแตล ะฝา ยใช
ขอ มูลทน่ี า เชอ่ื ถอื และมเี หตผุ ลสนบั สนุนความคิดของตน

การพูดวพิ ากษวิจารณ
- การพูดวิพากษว ิจารณเ ปนการพูดโดยปราศจากอคตเิ ปนกลางชใี้ หเหน็ ถงึ ขอ ดแี ละขอเสยี มี
ขอมลู ทม่ี ีการกลา วถึงเรื่องใดเรื่องหน่ึงรอบดา นอยา งมีเหตุผล

การพดู โนมนาว
- คือการพดู จูงใจคนหรือการโนม นา วใจคนใหผ อู ่นื เกดิ ความรูสกึ คลอ ยตาม โดยปราศจาก

ตอนที่ 3 กาคครววใาาชมมภเรชูสาอ่ื ึกษมตาั่นอพไตปาูดในนผหทา รานืองขสทดัดี่ื่อแอี ปยนั งรจะผะพเูเปภดู นททปตี่ดรยีาะองโยมๆชพนดู แโกนต มนนเาอวงใแจลใหะสผงัฟู คง มเปลย่ี นแปลงทัศนคติและ

**********

  24 

ตอนท่ี 3 การใชภ าษาพูดผา นสื่อประเภทตา ง ๆ

ในปจจุบันการพูดผานส่ือตางๆ ถือวามีอิทธิพลมากในประเทศท่ีกําลังพัฒนา และเปนที่
ยอมรับกันวาสื่อสามารถเขาถึงบุคคลตางๆ ไดเปนจํานวนมากและมีความรวดเร็ว รัศมีครอบคลุมกวางไกล
การพูดผานสื่อเปนการถายทอดเนื้อหาสาระโดยใชเสียงในการส่ือสารระหวางผูพูดกับผูฟง ซ่ึงบางครั้งอาจ
ไมเห็นกนั ดงั นัน้ เสยี งทุกเสียงท่สี งมาจึงตองส่อื ความหมายกอ ใหเ กิดจนิ ตนาการและสรางความเขา ใจได

เรอื่ ง 3.1 การใชภ าษาพดู ผานสอื่ ประเภทตา งๆ

ประเภทของสื่อในประเทศไทยมีมากมายหลายประเภทแตที่ประชาชนสามารถเขาถึงมี
โอกาสใชสื่อเพ่ือพูดแสดงความคิดเห็นตางๆ ในชีวิตประจําวันน้ันมีเพียงบางสื่อเทานั้นในท่ีน้ีจึงขอเสนอ
วิธีการใชภาษาพูดผานสื่อ วิทยุ โทรศัพท และอินเตอรเน็ต ซึ่งเปนส่ือท่ีใกลชิดและมีโอกาสไดใชเปน
เบ้ืองตน

1) การพูดผา นส่อื วิทยุ

การใชภาษาพูดผานสื่อวิทยุกระจายเสียงถือวามีความสําคัญเนื่องจากวิทยุเปนสื่อที่มี
ความใกลช ิดกบั กลมุ ผูฟง ในแตละพืน้ ท่ี ดังนัน้ การพูดส่อื สารผานวิทยุแตละครง้ั จึงเปนเรอ่ื งสําคัญและจาํ เปน
ท่จี ะตอ งใชค วามถูกตองในการสอื่ ความหมายใหส ามารถเขาใจไดตรงกนั กบั ผฟู ง

ผพู ดู ผานส่อื วทิ ยุ ควรเตรยี มการใหพ รอม เพือ่ ใหก ารพูดมปี ระสิทธภิ าพตามท่ีตองการ
ซงึ่ มีขน้ั ตอนดงั ตอไปนี้

การเลอื กเร่ืองและขอบเขตของเร่ืองทตี่ องการพดู โดยมีวธิ ีการเลอื กเรื่องดงั ตอ ไปนี้
• เรือ่ งท่ีกาํ ลงั เปนทสี่ นใจของผฟู ง
• ผพู ูดมีความคนุ เคยและมีประสบการณ
• เร่ืองมคี วามเหมาะสมกบั ผรู บั ฟง ผูร บั ฟง ไดป ระโยชน
• สามารถหาขอ มลู ในเรอ่ื งน้นั ๆ ไดก วางและลกึ
• มคี วามเหมาะสมกับกาลเทศะและสถานการณ
• มีเนอื้ หาเหมาะสมกับเวลาท่จี ะนาํ เสนอ

  25 

กําหนดวตั ถปุ ระสงคของการพดู ใหชดั เจนวาอะไรคอื สาระสําคัญหรอื ประเดน็ หลักในการ
ส่ือสาร เชน

• เพือ่ เปนการใหข าวสาร
• เพ่อื ทาํ หนา ทถี่ า ยทอดมรดกทางสงั คม
• เพ่ือทาํ หนาทปี่ ระชาสัมพนั ธ
• เพ่ือใหก ารศึกษา
• เพือ่ ใหค วามบนั เทงิ
วิเคราะหผฟู งหรอื กลุมเปา หมายวามีคณุ ลกั ษณะอยา งไร
• เพศ อายุ การศึกษา
• คา นยิ ม รสนิยม
• ผลการสํารวจ ผลการวิจัย
เกบ็ รวบรวมขอมลู เพือ่ จัดทําเคาโครงการพดู โดยทว่ั ไปประกอบดว ย 3 สวน คอื
• การเกร่ินนํา เพ่ือเรา ความสนใจ มีความยาวประมาณ 10%
• เนื้อเรอ่ื ง เปน ประเด็นหลักในการสื่อสารมีความยาวประมาณ 80%
• บทสรุป การรวมใจความหลกั ในการพูดมคี วามยาวประมาณ 10 %
พูดผา นส่อื วทิ ยุ
• พดู ใหชดั เจนทุกถอยคาํ
• พดู คาํ ทฟ่ี งเขาใจงา ย นมุ นวล เสยี งไมดงั หรอื คอยเกนิ ไป
• หากเปน เรื่องเลาลําดบั เหตกุ ารณใ หด ี กลา วนามผูทีพ่ ดู ถงึ ใหช ดั เจน
• เวน จงั หวะในการอา นใหถ ูกตองเหมาะสม
• ใชภ าษาไทยใหถกู ตองและฝกออกเสยี งกอ นพูดออกอากาศ
• ไมใ ชค ํายอทท่ี าํ ใหเ กดิ ความไมเ ขา ใจและสับสน
• เม่อื เกิดการผิดพลาด กลาวคําวา ขออภัยและพดู แกไ ขใหถูกตอ ง
• ไมพดู จาอนั เปน เทจ็ หรอื ขาดขอมลู ท่ีถูกตอง ไมพาดพิงใหผ อู ่ืนไดรับ

ความเสยี หายโดยเด็ดขาด
• การพดู ผา นวทิ ยุควรเร่มิ ตน ดว ยเร่อื งท่ีดงึ ดดู ใจผูฟ งมากทสี่ ุด ตอดว ยการ

นําเน้อื หามาขยายใหช ัดเจนและชวนใหต ิดตาม ชีป้ ระเดน็ สาํ คัญสรางจดุ
ประทับใจและสรปุ หรอื ยา้ํ ทบทวนเพ่อื ใหผฟู ง เขาใจและจดจําไดงาย

  26 

2) การพูดผา นส่ือโทรศพั ท

โทรศพั ทเ ปนเครื่องมือทใี่ ชพูดเพือ่ การสื่อสารอยา งแพรห ลายซง่ึ บุคคลท่ัวไปมี
ความคนุ เคยเปนอยางดี ในการพูดผา นโทรศพั ทท ถ่ี กู ตอ งเหมาะสมและมีการฝก ฝนมาเปน อยางดกี ็ย่ิงชว ยให
การส่ือสารมปี ระสทิ ธภิ าพมากย่ิงขนึ้ สรา งความประทับใจใหแ กค สู นทนานํามาซึ่งความสาํ เร็จตามวตั ถปุ ระสงคของการพูด

บทบาทสาํ คญั ของผูพูดโทรศพั ท

ผูพดู โทรศัพทมีบทบาทสาํ คญั ในการสอ่ื สารและตอ งตระหนกั วา ตนกาํ ลงั แสดงบทบาท
อะไรในการพดู โทรศัพทแตล ะครง้ั ซ่ึงบทบาทหนา ท่ีดังกลา วสามารถจาํ แนกไดด ังนี้

- บทบาทผูส่ือสารหรอื ผูติดตอ
- บทบาทผใู หก ารแนะนาํ
- บทบาทผแู กปญ หา
- บทบาทผใู หความรู
- บทบาทผทู ําการประชาสัมพันธ
- บทบาทผูสรา งภาพลกั ษณแ ละคุณคา

ความรบั ผดิ ชอบตอ การพูดโทรศัพท

การพูดโทรศพั ทกเ็ หมอื นการพูดผา นส่อื ท่ีผูพดู จะตอ งมคี วามรับผดิ ชอบซึง่ สามารถแบง
ความรับผิดชอบ เปน 3 ดา นดังนี้

ดา นท่ี 1 ความรับผิดชอบตอ ตนเองคือ

- รับผดิ ชอบตออารมณของตนเอง
- รับผิดชอบคาํ พดู ของตนเพอื่ ไมใ หเกิดความเสยี หาย
- รับผดิ ชอบในการฟงดวยความต้งั ใจ
- รับผดิ ชอบในการนัดหมายตรงเวลา
- รับผดิ ชอบตอ สขุ ภาพกายสขุ ภาพจิตใจใหแ จม ใสตลอดเวลา
- มีความจําและไหวพรบิ ดี
- มีมนษุ ยสมั พนั ธใ นการพดู โทรศพั ท
- รจู ักผอ นคลายอารมณของผูอื่น
- มีความซอ่ื สตั ยสจุ รติ ไมพ ูดโกหก
- มีความอดทนอดกล้นั ในแตล ะสถานการณ

ดานที่ 2 ความรบั ผดิ ชอบตอองคก ร

- รูห ลักการประชาสมั พนั ธองคกรและการปฏิบัตทิ ี่เหมาะสม
- มีความศรทั ธาและภกั ดีตอองคกร

  27 

- พงึ พอใจทไ่ี ดร บั การมอบหมายใหเ ปนผรู ับโทรศัพท
- พูดโนม นา วใหผ ตู ิดตอเหน็ คณุ คา ขององคก ร
- มีรายละเอียดขององคก รใหผ มู าตดิ ตอไดอยา งครบถว น
- เต็มใจใหขอมลู ขององคกรแกผูตดิ ตอ ดว ยความเตม็ ใจ
- พงึ หลีกเลีย่ งคาํ ตาํ หนหิ รอื พดู คลอ ยตามในเรอื่ งทผ่ี ูต ดิ ตอตาํ หนอิ งคกร
- หลกี เล่ยี งคํากลาวปฏิเสธและหลีกเลยี่ งการรบั คาํ ท่ียังไมแ นใ จ

ดา นที่ 3 ความรบั ผดิ ชอบตอ ผูติดตอทางโทรศัพท

- ใหก ารตอ นรบั ผตู ดิ ตอโดยใชคําพดู ทีเ่ หมาะสม
- ใชค วามสภุ าพ สงา ผาเผยเหมอื นพูดกับบคุ คลตรงหนา
- ส่ือสารใหช ัดเจนดว ยถอ ยคําสุภาพเพ่อื สรางความเขาใจแกผ ูท่ีตดิ ตอ
- แสดงการพดู ทปี่ รากฏชัดวาเต็มใจใหบริการหรือชว ยเหลอื
- รจู กั พูดเพื่อยกยอ งใหเ กยี รตไิ มวาเขาเปนใคร
- มีความชา งสังเกต รอบรูและมีความจาํ ดี จาํ ผตู ดิ ตอ ได
- มีกาลเทศะรูจกั พดู ในจงั หวะทเี่ หมาะสมกบั ผูต ิดตอ
- หลีกเล่ยี งการโตแยง ฉุนเฉยี วในการใชอารมณ
- หลกี เล่ยี งการผูกขาดการพูดหรอื พูดฝายเดยี วควรพยายามเปน นกั ฟงทด่ี ี
- ไมค วรทําใหผูติดตอเกิดความเขา ใจผิดจากคาํ พูดของเรา
- อยาใหผูตดิ ตอ ตองรอนาน หากจําเปนควรกลา วคําขอโทษและบอกกลา วเปน

ระยะๆ อยา พดู สวนหรือขัดจังหวะในขณะผูติดตอ พูดยงั ไมจ บ
- การวางโทรศพั ทตอ งรอใหแ นใจวา อกี ฝา ยเลิกพดู แลว และวางเบา ๆ
- กลา วคํายกยอ งผตู ดิ ตออยางมศี ิลปะ ใหถ อื วาเขาเปน บุคคลสําคญั โดยสนใจ

ชอ่ื จดุ ดี จดุ เดน จดุ สาํ คญั ของเขา ตลอดเวลาของการพูดสนทนา

มารยาทในการพดู โทรศัพท

- ใชความนมุ นวลและวอ งไวในการรับโทรศพั ท เมอ่ื ไดย นิ สญั ญาณ
- กลา วทกั ทายพดู ประโยคแรกดว ยความสภุ าพ
- ขานรบั ดว ยคําวา คะ/ครบั เปน ระยะเพือ่ แสดงถงึ ความตั้งใจทจ่ี ะฟง
- กรณที ผ่ี ูต ิดตอ คอย ควรกลาวคําขออภัย
- พูดดว ยน้าํ เสียงปกติ ไมพ ูดเสียงดังรบกวนผอู ื่นหรอื คอ ยจนแทบไมไ ดย นิ

และอยา พดู ดดั เสียง
- ไมใ ชคําสแลงหรือศัพทท ่พี ดู เฉพาะกลุม

  28 

- พูดใหพ อดี อยา เร็วเกนิ ไป
- อยา ใหค วามโกรธหลุดมากบั นํา้ เสียง
- กลา วคาํ ขอโทษทกุ กรณีท่คี วรขอโทษ
- ใชร ะยะเวลาโทรศพั ทท่ีพอเหมาะไมน านเกนิ ควร
- ไมควรอมหรอื ขบเคย้ี วอาหารในขณะพูดโทรศพั ท
- ไมหัวเราะหรอื พดู ลอเลนกบั เพือ่ นขณะรบั โทรศัพท
- ไมค วรหยดุ พดู เพ่อื ไปคุยกับคนอื่นระหวางสนทนา
- พยายามไมใ หเ สยี งคนอื่นเขาไปรบกวน
- อยา วางสายทิ้งไวใหผ ูโทรมาคอยนาน
- สรา งความรสู ึกวา ผทู ่พี ูดดวยอยตู รงหนา เรา
- ไมโกรธหรือแสดงกริยาไมเ หมาะสมเมอ่ื มผี โู ทรศพั ทมาผิดหมายเลข

การตอ สายโทรศัพท

- เตรยี มหมายเลขทีต่ องการติดตอใหพ รอม
- มอี ปุ กรณเ คร่อื งเขียนพรอ มจะบันทกึ
- ตอ หมายเลขโทรศัพทพรอ มตรวจสอบความถกู ตองวาโทรไมผิดหมายเลข
- ทกั ทายกลา วสวัสดี คะ /ครับ
- แนะนําตนเอง
- ขอทราบชือ่ และสถานทีข่ องอกี ฝายหนึง่ ดว ยความสุภาพ
- แจงเหตุผลท่ตี ิดตอ มา
- ถามหรอื ตอบอยา งมีมารยาท พรอ มจดบนั ทกึ ชว ยจาํ
- กลาวขอบคณุ กลา วคาํ อําลาและวางโทรศพั ท

ขอควรระวังในการใชโ ทรศัพท

- อยา ใชคําวา ฮลั โหล เปนคําทกั ทาย ควรใชค ําวา สวสั ดี คะ /ครบั
- ไมพ ูดลอ เลน กบั อกี ฝายหน่ึงในขณะพูดเร่อื งงาน
- ไมควรใชคาํ วา จะ จา ฮะ กบั บุคคลที่ไมใชญ าติหรอื เพอื่ นสนทิ
- ไมค วรใชโ ทรศัพทพูดเรอื่ งสว นตวั เปนเวลานานในเวลาทาํ งาน
- อยา รีบรอนในการพูดโทรศัพท
- ไมควรพูดโทรศพั ทในสถานที่ ทต่ี อ งการความสงบหรอื ตองการสมาธิ เพราะ

ถอื เปนการรบกวนผูอ่ืน
- ไมพ ูดโทรศพั ทเ สยี งดงั ในสาธารณะ

  29 

- ในการเขา ประชมุ อบรม สัมมนา ควรปดสญั ญาณโทรศพั ทหรือเปลยี่ นเสียง
เรยี กเขา เปน ระบบส่นั สะเทอื น

- ระมัดระวงั เร่อื งการถอนหายใจแรง ๆ ขณะพูดเพราะอาจทาํ ใหค สู นทนา
เขาใจผดิ คดิ วา เบ่ือหรือรําคาญ

3) การพดู ผานอินเตอรเน็ต

การพูดคุยสนทนาผานอินเตอรเน็ตนั้นเปนการส่ือสารหน่ึงท่ีไดรับความนิยมจากบุคคล
ท่ัวไป ซ่ึงปจจุบันไดมีการพัฒนาจากการพูดคุยดวยการพิมพมาเปนการสนทนาดวยเสียงและเห็นภาพของ
คสู นทนา นับเปน สง่ิ ท่ที าํ ใหอนิ เตอรเ น็ตมคี วามนาสนใจย่ิงข้นึ

วิธีการพูดผานอินเตอรเน็ตก็เหมือนการพูดสนทนาทั่วไป กลาวคือ แสดงความเปนมิตร
ดวยอาการยิ้มแยมแจมใสกลาวทักทาย สวัสดี แนะนําตัวเอง และบอกวัตถุประสงค ในการพูดสนทนาน้ัน
เปนการพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเห็นดวยสํานวนภาษาท่ีงายตอความเขาใจโดยใชคําพูดที่สุภาพ เมื่อจบ
การพดู คุย สนทนา กลา วอําลาดวยความสุภาพ

ขอควรระวังในการพดู สนทนาทางอินเตอรเนต็

- ไมค วรสนทนากบั บุคคลอื่นทไี่ มรจู กั หรือไมนาไวใ จ
- ไมค วรใหชอื่ และทอ่ี ยูจ รงิ กับคนแปลกหนา หรอื เวบ็ ทไ่ี มน าไวว างใจ
- ระลึกอยเู สมอวา บคุ คลทเี่ รารจู กั ทางเว็บหรืออินเตอรเนต็ อาจเปน บคุ คลทไี่ มพึง

ประสงค
- ระวังตวั ทุกครงั้ ทม่ี กี ารลงทะเบียนกบั เว็บตา งๆ เพราะอาจจะตกอยใู นสายตา หรือการ

จบั ตามองของมจิ ฉาชพี
- จงคดิ ไวเ สมอวา บุคคลที่ไมรูจ กั ไมม ีใครยอมเสยี ผลประโยชนถาไมไดอะไรตอบแทน
- ทกุ ครัง้ ทม่ี คี นมาชวนสรา งรายได จงคิดใหร อบคอบกอนตดั สินใจ โดยเฉพาะรายไดท ี่

สงู เกินความเปน จริงอาจเปน กลลวงของผปู ระสงคร า ย
- ไมควรไปพบปะกับบคุ คลที่ตดิ ตอ ผานทางเว็บหรืออนิ เตอรเนต็ ตามลําพังและไมควร

อยูในทีล่ ับตาคน

สรปุ การใชภ าษาพดู ผานสอื่

ผูพูดผานส่ือตองใชภาษาที่ถูกตองในการส่ือสารทุกครั้งเนื่องจากเปนผูที่ทําหนาที่ส่ือความหมายหรือสงสาร

ไปสูผูฟงดวยภาษาพูดผูฟงสวนใหญมักเกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบการพูดการสื่อความหมายตามแบบของผูพูดไม

วาจะเปนการเลือกใชภาษาสําเนียงลีลาการพูดพฤติกรรมในการพูดผูพูดที่ส่ือสารดวยความไมระมัดระวังความถูกตอง

ในการใชภาษาจะทําใหเกิดผลเสียหายจนกลายเปนการทําลายวัฒนธรรมทางภาษาของสังคมไทยได ดังนั้นจึงควรให

ความสําคัญในเรื่องความถูกตองโดยเฉพาะอยางย่ิงเรื่องของอักขรวิธี เพราะสามารถทําใหการส่ือความหมายไดชัดเจน

ยิ่งขึ้นและชวยอนุรักษภาษาและวัฒนธรรมไทยผูท่ีทําหนาที่ในการพูดผานส่ือทุกคนจึงควรตระหนักถึงหนาท่ีในการ

  เปนผูใชภาษาไทยทเ่ี ปน แบบอยา งที่ดีดวย 30 

3.2 . การประเมินคาการใชภ าษาพดู จากสือ่ ตา งๆ

ในการฟงภาษาพูดจากส่ือตางๆ ผูฟงจะไดรับขาวสารความรูมากมายจากการนําเสนอของ
ผูพูดผานส่ือซึ่งจะมีคุณคาเปนที่นาเช่ือถือมากนอยเพียงใดผูฟงจะตอง วิเคราะหสาระสําคัญที่ไดจากการฟง
เพื่อประเมินคาวามีความถูกตองนาเชื่อถือเพียงใดแลวผูฟงควรประเมินคาการใชภาษาพูดดวยวามีความถูกตอง
เหมาะสม ทําใหผูฟงเขาใจและเกิดอรรถรสในการฟง ชวนติดตามตั้งแตตนจนจบ ผูพูดสามารถออกเสียง
ภาษาไทยไดอ ยางถกู ตอ งเปนแบบอยา งทดี่ ีใหแ กเ ยาวชนและประชาชนทั่วไปดว ย

ในการประเมนิ คาการใชภาษาพูดจากสอ่ื ตา งๆ ควรพจิ ารณาในประเดน็ ตอ ไปนเี้ พื่อใหเกิด
การใชภ าษาทถี่ ูกตองตอ การเรยี นรแู ละการสื่อสารท่ีมปี ระสิทธภิ าพ

- พจิ ารณาธรรมชาตขิ องเสยี งและคุณภาพของเสียงที่ใชในการสื่อสาร จะตองมีเสียงชัดเจน
แจม ใส ไมทําใหเกดิ ความสับสนและแปลความหมายผิดในการรับขา วสารของผูฟง

- ระดบั เสยี งและวิธีการเปลง เสยี ง ระดบั เสียงท่ีใชใ นการพดู และการอาน จะตอ งเปน ไป
โดยธรรมชาติ ไมเ ลนเสียงสงู ๆ ต่ําๆ จนเกิดความนา ราํ คาญหรอื ใชระดบั เสียงราบเรยี บ
ไมชวนฟง ขาดชวี ติ ชวี าหรือความนาสนใจสําหรับผูฟง ดังน้ันการเปลง เสียง ควรออกให
เต็มเสยี ง และการเปลงเสยี งคาํ แตละคําใหช ัดเจนถูกตอ งนน้ั ผูพ ูดควรศกึ ษาวธิ กี ารออก
เสียงพยัญชนะแตละตวั อยางถูกวิธี

- การใชภ าษาใหถ ูกอักขรวิธี การสือ่ สารทกุ คร้ังผูพ ูดตอ งคาํ นึงถึงเร่ืองดงั กลาวอยางเครงครัด
เพ่อื ใหเกดิ การสอ่ื สารทถ่ี กู ตอ งและเปน แบบอยางท่ีดกี บั ผฟู ง โดยเฉพาะเยาวชนไทย

- การอานตวั เลขการอานตัวเลขตั้งแตสองหลักข้นึ ไปถาตวั เลขทายเปน หน่งึ ใหออก เสยี งวา เอด็
เชน 101 2501 41

- การอา นเวลาใหอานจํานวนเต็มท้ังหนา และหลังจดุ ทศนยิ ม เชน 08.30 น. อานวา แปด -
นา-ลิ-กา-สาม-สิบ-นา-ที 11.00 น. อานวา สบิ -เอด็ -นา-ลิ-กา

- การอานหมายเลขโทรศพั ทใหอ านแบบเรยี งตวั ยกเวน 2 กําหนดให อานวา โท เพราะ
หมายเลขโทรศัพท บางครง้ั อาจมีเลข 2 และ 3 ซา้ํ กันหลายตัวซ่ึงมีการออกเสียงที่
ใกลเคยี งกัน เชน โทร 02-5513438 อานวา ศูนย- สอง-หา -หา-หนึง่ -สาม-ส-ี่ สาม-แปด

- ตัวเลขทศนิยมหรืออานบานเลขที่ ถาอยูหนาจุดทศนิยม ใหอานจํานวนเต็ม สวนหลังจุด
ทศนยิ มใหอ า นแบบเรียงตวั เชน 41.38 อานวา ส่ี-สบิ -เอด็ -จดุ -สาม-แปด

- การออกเสียง ร ล เปนส่ิงทส่ี ําคญั และจําเปนอยางย่ิงที่ผูสงสารในส่ือประเภทตางๆ ตอง
ฝกออกเสียงใหชัดเจน สามารถแยก ร และ ล เนื่องจากความหมายในแตละประโยค
อาจจะเปล่ียนไปไมตรงประเดน็ ของเรอ่ื งทีจ่ ะส่ือ เชน ครองเรือน- คลองเลือน รูปรา ง-ลปู ลา ง

  31 

ความหมายท่ีไดจะแตกตางกัน ดังนั้น ผูท่ีทําหนาที่ในการสื่อสาร ตองระมัดระวังเรื่อง
ความชดั เจน การออกเสียงคําภาษาไทย ท้งั พยัญชนะ สระและวรรณยกุ ต
- ตวั ควบกล้ํา ผูพดู ตองออกเสียงใหชัดเจนเปนธรรมชาติ ไมทําใหค วามหมายในการสื่อสาร
ผิดเพย้ี นเพราะถึงแมเสยี งคลา ยกันกจ็ รงิ แตค วามหมายตา งกันโดยสน้ิ เชงิ เชน ครู-คู
คลอง-คอง คราว-คาว กรม-กลม พลาด-พาด
- จังหวะ นํ้าหนักคําและความ การพูดและการอานแตละประโยค สามารถใชเสียงหนักเบาได
ตามความสําคัญของเน้ือหาสาระซ่ึงตองคํานึงถึงความเหมาะสม อยางไรก็ตาม การให
เสียงคาํ ตอ งเปนไปอยางชัดเจนและเปนธรรมชาติ ไมเ ลน นํา้ เสยี งจนอาจทําใหเสียงที่เปลง
ออกมาเกิดความราํ คาญแกก ารรบั ฟง
- การรักษาความในเนือ้ หาขา วสารทสี่ อ่ื สารในแตละครัง้ มคี วามสาํ คัญอยางย่ิงตอผูฟง
เนือ่ งจากถา ผพู ูดไมระมดั ระวงั รกั ษาความในเน้ือหา ตก แตง เติม ทาํ ใหเสียความ จนผฟู ง
อาจไมแนใ จวา ขอมูลทีร่ ับมาน้นั ถูกหรอื ผดิ เชื่อถือไดห รอื ไม ทําใหเกดิ ความคลาดเคลอ่ื น
จากเน้ือหาขาวสารท่ไี ดรบั มาดงั นนั้ ทกุ ครั้งท่จี ะทาํ หนา ที่ในการพูดผานสอื่ ควรมีการเตรยี มตวั
ใหพรอม ศกึ ษาคํายาก วรรคตอน คาํ เฉพาะ (วสิ ามัญยนาม) เพอื่ ใหเ กดิ ความผิดพลาดนอ ย
ทสี่ ุดในการสอื่ สาร
- วรรคตอน การพูดประโยคตางๆในภาษาไทย วรรคตอนเปน เรอ่ื งที่สาํ คญั มากเพราะ
สามารถทําใหความหมายของประโยคเปล่ียนแปลงไปจากความจรงิ ถา มีการแบงวรรค
ตอนท่ีไมถ ูกตองตามอักขรวธิ ี การหยดุ หรอื การพูดตดิ กนั โดยไมถ กู ตอ งกบั เนื้อหาขาวสารที่
ตอ งการสอื่ สาร อาจทาํ ใหก ารสื่อสารเกิดการแปลความหมายผิดจากความตองการของผพู ูด
และทําใหการสอื่ สารไมประสบความสาํ เรจ็ ตามท่ีตัง้ ไว
- ความเหมาะสมกบั เน้ือหาลลี าภาษาท่ีใชในการส่อื สารสอื่ แตละประเภทจะมีความแตกตา งกนั ไป
ตามคุณสมบตั แิ ละลักษณะเนอ้ื หา ภาษาทใี่ ชจ งึ ตองเลอื กใหเ หมาะสม เชน พจิ ารณาให
เหมาะสมกบั เร่ืองท่จี ะนาํ เสนอวาเปน ขา ว บทความ สารคดี หรือ บนั เทงิ คดี
- ความชัดเจนของความหมาย คํา ประโยค ที่ใชในการส่ือสารตองเลือกใชใหถูกกาลเทศะ
เหมาะสมในการเรียบเรียงประโยค การตีความหมายใหตรงตามท่ีตองการส่ือสาร
เนื่องจากภาษาไทยมีคําท่ีสามารถแปลไดหลายความหมาย ซึ่งขึ้นอยูกับตําแหนงที่วางคํา
ในประโยคหรอื โอกาสของการใชส ําหรบั สอ่ื สารในแตละครงั้

สรปุ

การใชภาษาพดู ผานสื่อตา ง ๆ ใหม ีคุณคานนั้ ผูพดู ควรคํานึงถงึ ความถูกตองของภาษา การใช

ภาษาทช่ี ัดเจนเขา ใจตรงกนั มมี ารยาทและลลี าการถา ยทอดท่ีมีอรรถรส ท่สี าํ คญั คือตอ งรกั ษาใจความใน

เนอื้ หาขา วสารท่ตี อ งการสอื่ สารไดอ ยางครบถวน เพราะมีความสําคญั อยางยงิ่ ตอ ผฟู ง

  32 

กจิ กรรมท่ี 1.1

ในปจจบุ นั การพูดท่ดี ีมมี นษุ ยสัมพันธ เปน สว นสําคญั ประการหน่ึงทท่ี ําใหก ารทาํ งานประสบผลสาํ เร็จ และ
เกิดความกาวหนา นกั ศึกษาคดิ วา มอี าชีพใดบา งที่ตองอาศยั การพดู ทด่ี ี จงึ จะทําใหงานประสบผลสําเร็จ
พรอ มใหเหตผุ ลประกอบ อยางนอ ย 3 อาชพี

1. อาชพี ……………………………………………………………………………………………………
เพราะ……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...

2. อาชพี ……………………………………………………………………………………………………
เพราะ……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...

3. อาชีพ……………………………………………………………………………………………………
เพราะ……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………...

  33 

กจิ กรรมท่ี 1.2

ในสังคมไทยมนี ักพดู ทดี่ มี ากมายในทุกวงการทกุ สาขาอาชีพ เชน นกั การเมอื ง นกั ธุรกิจ นกั แสดง
พธิ กี ร ครู ฯลฯ ใหน ักศึกษาเลือกบคุ คลทีส่ ามารถเปนแบบอยางในการเปนนกั พดู ทดี่ ี
นาประทับใจมา 1 คน พรอมบอกคณุ สมบัติทด่ี ีของบุคคลนนั้ มาอยางนอย 5 ขอ

นักพดู ทดี่ ีนาประทับใจ คอื ..........................................................................................................
..................................................................จากสาขาอาชีพ................................................................................

คณุ สมบัติที่ดใี นการเปนนกั พูด คอื
1. ...............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………..........
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
2. ...............................................................................................................................................
………………..................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
3. ………………………………………………………………………………………..........
…………………………………………………………………………………………..................................
………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………..
4. ………………………………………………………………………………………..........
…………………………………………………………………………………………..................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
5. ……………………………………………………………………………………….............
…………………………………………………………………………………………..................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

  34 

กจิ กรรมท่ี 1.3

นักศึกษาไดร บั มอบหมายใหพ ูดผานสือ่ วทิ ยุชมุ ชน โดยมีวัตถุประสงคใ นการพูดคอื การใหความรทู ่ัวไป
เก่ียวกับเรือ่ งใดกไ็ ด มเี วลาพดู ออกอากาศ 5 นาที ใหน กั ศกึ ษาปฏิบตั กิ ารจัดทาํ เคาโครงเร่อื งทจี่ ะพดู ดงั นี้

1. หัวเรื่อง.................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………..........

2. พดู เกริ่นนํา ( 30 วนิ าที)........................................................................................................
………………..................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

3. เนอ้ื หา ( 4 นาท)ี ………………………………………………………………………..........
…………………………………………………………………………………………..................................
…………………………………………………………………………………………..................................
..........................................................................................................................................................................
........................………………………………………………………………………………………..............
…………………………………………………………………………………………..................................
…………………………………………………………………………………………..................................
…………………………………………………………………………………………..................................
…………………………………………………………………………………………..................................
..........................................................................................................................................................................
.........................……………………………………………………………………………………….............
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………..................................
.........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

  35 

4. สรุป (30วนิ าที)……………………………………...………………………………..............
…………………………………………………………………………………………..................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
................………………………………………………………………………………………......................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………….................................
…………………………………………………………………………………………..................................
............................……………………………………………………………………………………….........
................………………………………………………………………………………………......................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………….................................
…………………………………………………………………………………………..................................
............................……………………………………………………………………………………….........
................………………………………………………………………………………………......................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………….................................
…………………………………………………………………………………………..................................
............................……………………………………………………………………………………….........
................………………………………………………………………………………………......................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………….................................
…………………………………………………………………………………………..................................
............................……………………………………………………………………………………….........
………………………………………………………………………………………….................................
………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………..

  36 

บรรณานุกรม

กรงุ เทพมหาวทิ ยาลยั ,คณะนเิ ทศศาสตร, (2554) การเตรียมตัวเปน ผปู ระกาศทางวิทยกุ ระจายเสียงและวทิ ยุ

โทรทัศน รนุ ท่ี 8- 9

นสิ า ศักดิ์เดชยนต ยพุ า สง ศริ ิ และใจเออ้ื บูรณะสมบัต.ิ (2526) ภาษาศาสตรส ําหรบั คร.ู กรุงเทพฯ:

อักษรไทย.

ประสิทธ์ิ กาพยก ลอน.(2523) การศึกษาภาษาไทยตามแนวภาษาศาสตร. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานิช จํากัด.

พรรวี หมน่ื สขุ . (2539) คมู อื ฝกการพดู ใหป ระสบผลสาํ เร็จดวยตัวเอง. นนทบุร:ี เจริญวิทยก ารพมิ พ.

สุเมธ แสงนม่ิ นวล.(2540) หลายลีลาศลิ ปะการพูด. กรงุ เทพฯ: สาํ นักพิมพบคุ แบงค.

สําเนียง มณกี าญจน และสมบตั ิ จําปาเงนิ (2539) หลักนักพดู . กรุงเทพฯ: บรษิ ัทเยลโลการพิมพ.

อนันต- เนาวรตั น ทรงวิทยา.(2523) ภาษาศาสตรเ บื้องตนสาํ หรับครู.กรงุ เทพฯ: ไทยวฒั นาพานิช จํากัด.

http://article.kcnbrand.com เมอ่ื วนั ที่ 11 กมุ ภาพนั ธ 2554

http://Dnfes.nfe.go.th ”

http://Gotoknow.org/blog/kwamlub/281647 ”

http://mail.chiangmai.ac.th ”

http://onknow.blogspot.com ”

http://pirun.ku.ac.th ”

http://trueplookpanya.com                                                              ”

http://www.maager.co.th/daily                                                       ”

http://www.mahothai.ac.th ”

http://www.thaigoodview.com                                                       ”

  37 

หนว ยการเรียนรทู ี่ 2
เขียนถกู หลักรกั ษภาษาไทย

โครงสรางของหนว ย

มาตรฐานการเรยี นรู
มาตรฐานการเรียนรทู ี่ 2.1 มคี วามรู ความเขา ใจและทกั ษะพ้ืนฐานเกย่ี วกับภาษาและการสอ่ื สาร

ผลการเรียนรู
1. อธบิ ายหลกั การพูดแสดงความคิดเหน็ และปฏบิ ตั ติ ามได
2. อธิบายความหมาย ลักษณะและประเภทของส่ือตา งๆ ได
3. มคี วามเขา ใจและวิเคราะหประเมนิ คา การใชภาษาพดู จากส่อื ตา งๆได
4. ใชภาษาพดู ส่ือสารและมีปฏสิ ัมพนั ธกบั บคุ คลอ่ืนในชวี ิตประจาํ วนั ไดเ หมาะสมตามกาลเทศะ
5. ใชคําในการเขยี นไดถ ูกตอ งตามอักขรวธิ ี
6. ใชคําในการเขยี นไดต รงความหมาย
7. เขาใจและใชคาํ ในการเขยี นไดถ กู ตองตามระดบั ของภาษา
8. ใชภาษาเขยี นไดถกู ตอ งตามหลกั การใชภ าษา
9. เขยี นวพิ ากษว ิจารณง านเขียนของผอู ื่นได
10. เขาใจและใชภาษาเขยี นสือ่ สารเพอ่ื การมีปฏิสมั พันธก ับบุคคลอื่นในชวี ิตประจําวนั ได
11. แตงบทประพนั ธท ง้ั รอ ยแกว และรอ ยกรองไดถ ูกตอ งตามรูปแบบและฉันทลักษณท เ่ี ปน
ขอ กําหนดพน้ื ฐาน

รายละเอยี ดขอบขายเน้อื หา
ตอนท1ี่ เขยี นถูกหลกั รักษภาษาไทย
เร่อื งที่ 1.1 การเขยี นคําใหถ กู ตอ งตามหลกั การใชภ าษาไทย
เรือ่ งท่ี 1.2 ความหมายของคําในภาษาไทย
เรือ่ งท่ี 1.3 คาํ ที่มักเขยี นผิด

 

38 

ตอนที่ 2 เขียนสอ่ื สารสรา งมนษุ ยสมั พนั ธ
เรือ่ งท่ี 2.1 การใชภ าษาเขียนเพือ่ การส่อื สารและสรางมนุษยสมั พนั ธใ นชีวิตประจาํ วนั
เรือ่ งที่ 2.2 การเขียนวพิ ากษว ิจารณ
เร่ืองที่ 2.3 การประเมนิ งานเขียนของผูอนื่
เรอ่ื งท่ี 2.4 การใชภาษาใหเ กิดประโยชนในเชิงสรา งสรรค

ตอนที่ 3 ระดับภาษาคุณคา มากมี
เร่อื งท่ี 3.1 การแบง ระดบั ภาษา
เร่ืองท่ี 3.2 องคป ระกอบในการเลือกใชภ าษาเพ่อื การสอื่ สาร
เรอื่ งที่ 3. 3 คําราชาศัพท

เวลาท่ีใชใ นการศึกษา 50 ชัว่ โมง

สอ่ื การเรยี นรู
ชดุ การเรยี นทางไกลรายวิชาภาษาไทยเพอื่ การสื่อสารและสรา งมนษุ ยสมั พนั ธ 2

รหสั รายวชิ า พท 33013 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

กจิ กรรมการเรยี นรู
1. ศึกษารายละเอียดจากชุดการเรยี นทางไกล
2. ศกึ ษาสอ่ื ประกอบชดุ การเรยี นทางไกล (ถา ม)ี
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมแตละตอนทก่ี าํ หนดในสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมกลมุ การเรยี นรปู ระกอบชุด
การเรียนทางไกล
4. ศึกษาหาความรูจากผรู แู ละจากแหลง เรียนรตู า ง ๆ

การประเมินผล
ประเมนิ ผลดว ยตนเองจากการทําแบบทดสอบ แบบฝก หดั และกจิ กรรมในแตล ะตอนแลว

ตรวจสอบคําตอบจากเฉลยทายเลม

 

39 

ตอนท่ี 1 เขยี นถูกหลกั รักษภ าษาไทย

เร่อื งท่ี 1.1 การเขียนคําใหถ กู ตองตามหลกั การใชภ าษาไทย

การเขยี นความหมายตามพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถงึ ก.ขีดใหเ ปน
ตวั หนังสอื หรือเลข, ขีดใหเ ปน เสนหรอื รปู ตา งๆ , วาด, แตง หนงั สือ การเขียนคือการถา ยทอดความคิด
ความรูสกึ ความรู จนิ ตนาการ ขาวสาร และประสบการณตางๆ เปนตวั หนงั สอื มวี ิธตี า งๆ กนั ขนึ้ อยกู บั
จดุ มงุ หมายผูเ ขยี นตองการจะถายทอด เชน การเขียนเพอื่ โฆษณา เชญิ ชวนใหผ รู ับสารสนใจสงิ่ ทเี่ ขียน
แนะนาํ การเขียนเพือ่ แสดงความคิดเหน็ เปน การเขยี นแสดงความคิดเห็นของผเู ขยี นในเรื่องตา งๆ การเขยี น
เพอ่ื สรางจินตนาการเปนการเขยี นถา ยทอดความรูสึก จนิ ตนาการ เชน การเขียนนวนยิ าย การเขียนเพ่ือ
อธิบายเปน การเขียนบอกวิธีทาํ ส่ิงใดส่งิ หนง่ึ และการเขยี นเพอ่ื เลา เรอ่ื งเปน การเขยี นเพื่อถายทอด
ประสบการณค วามรู หรอื เลา เรือ่ งราวทีเ่ กดิ ขึน้ จะเหน็ วา การเขยี นมจี ดุ มุงหมายหลายอยา ง การเขยี นทด่ี ี
จะตอ งคํานงึ ถงึ จุดมงุ หมาย แลวยังตองรวู า ผรู บั สารนน้ั เปน ใคร เพ่อื จะไดใ ชถ อยคําภาษาใหถ ูกตอง
เหมาะสมกับระดับความรแู ละความสนใจ ผูเขยี นตอ งศึกษาหาความรเู รอื่ งการใชค าํ วา คําใดเปนภาษาพูด
คาํ ใดเปนภาษาเขียน คําใดมคี วามหมายวา อยางไร โดยเฉพาะการใชค าํ ในการเขยี นท่ีเปน งานวชิ าการ เชน
บทความ หรอื รายงานตา งๆ การใชค ํามหี ลกั ดงั น้ี

1) การเลอื กใชคาํ ทต่ี รงความหมาย ผูเขยี นควรเลอื กใชค าํ ทม่ี ีความหมายตรงตามตอ งการ
เพราะจะทาํ ใหข อความชดั เจน ขอความกะทดั รดั แจมแจง คําท่มี กั ใชผ ดิ กัน มกั เปนคาํ ที่มเี สยี งหรอื
ความหมายคลายกัน ถา แยกความแตกตางของคาํ เหลา นนั้ ไมไดก ็มกั ใชส บั สน

ตัวอยาง คับค่งั – แนนหนา – หนาแนน
คบั คั่ง หมายถงึ อดั แอ, ยดั เยยี ด, เบยี ดเสียดกนั
- สถานีขนสงหมอชิตมีผูค นคบั ค่ังตลอดเวลา
แนนหนาหมายถงึ มั่นคง, แข็งแรง
- บา นหลงั นว้ี างรากฐานแนน หนามาก
หนาแนน หมายถึง คบั คัง่ , แออดั
- ชุมชนกงิ่ เพชรมีผคู นอยหู นาแนนมาก
ขัดขวาง – ขดั ขืน
ขดั ขวาง หมายถงึ ทาํ ใหตดิ ขดั , ทาํ ใหไ มส ะดวก, ก้ันกาง
- สุนทรเขา ไปขดั ขวางลกู นองไมใ หท ํารายยามเฝาประตู
ขดั ขืน หมายถงึ ไมทําตาม, ไมป ระพฤตติ าม
- ใหจบั เสยี ดีๆ อยาขัดขนื นะเดี๋ยวเจ็บตวั

 

40 

ตวั อยาง คาํ ทม่ี คี วามหมายคลา ยกนั

- แกะ - แคะ – แงะ - แซะ - กระฉบั กระแฉง - กระปร้ปี ระเปรา

- จุกจกิ – จบุ จิบ - กักกัน - กงั ขัง – กกั ตนุ

- สอดสอง – สอดสา ย - เกลี้ยกลอ ม - ไกลเ กลยี่

- ปณธิ าน – ปฏิญาณ - ผุด – ผลดุ

- ยดื ยาด – ยดื เยื้อ - แกไ ข – แกข ดั

- อตุ ลดุ – ชลุ มนุ - แกแ คน – แกเผ็ด

- เสยี ดสี – เสยี ดแทง - หา วหาญ – เหย้ี มหาญ

ในการเลอื กใชคาํ ไดตรงตามความหมายท่ีตองการควรใชพ จนานุกรม จะชว ยใหเ ขาใจความหมายของคําได

ถูกตอ งและตรงตามท่ีตองการ

2) การเลือกใชคําท่เี ปน ภาษาเขยี น คําบางคําแตกตา งกนั ในเรอ่ื งลกั ษณะการใชภ าษา บางคํา

ใชใ นภาษาเขยี น บางคาํ ใชในภาษาพดู ดงั น้ัน เราจงึ ควรศกึ ษาใหรูว า คาํ ใดใชใ นภาษาพูด คาํ ใดใชในภาษา

เขยี น เราอาจศกึ ษาจากการใชถ อยคําของผเู ขยี นหนงั สือไดดี

ภาษาพดู ภาษาเขยี น
- ผูท่ีไมไ ปเสยี ภาษภี ายในวนั ที่ 31 มนี าคม - ผูท่ีไมไ ปชาํ ระภาษภี ายในวนั ท่ี 31 มนี าคม

จะตองโดนปรบั จะตอ งถกู ปรบั
- นักศกึ ษาตา งรอวาเมอ่ื ไหรจะไดเขา ปฐมนิเทศ - นักศกึ ษาตา งรอวา เวลาอะไรจะไดเ ขา ปฐมนิเทศ
- ไมมใี ครรูวาสถานการณภ ายในประเทศกมั พชู า - ไมมีใครรูวาสถานการณภ ายในประเทศกมั พูชา

จะเปนยังไงตอ ไป จะเปน อยางไรตอ ไป
- สุพรจะกนิ ขา วรานน้ไี หม - สุพรจะรบั ประทานอาหารรานนหี้ รือไม

3) การเลอื กใชค าํ ท่สี ุภาพ งานเขียนจะมคี ุณคา สง่ิ สําคญั อีกประการหน่งึ คอื การเลือกใช
ถอ ยคาํ ท่ีสุภาพ ไมควรใชคาํ สแลงหรือคําหยาบ เพราะเปน คาํ ทีน่ ํามาใชในภาษาเขียนไมไ ดไ มสภุ าพ

ตวั อยา ง ขอ สอบวดั ผลคร้ังนยี้ ากมากเลย
สายใจดนั มาตอนทฉี่ นั กําลงั จะกินขา ว
(จาํ เพาะ, ขณะท่,ี รับประทานอาหาร)

4) การเลือกใชค ําทเ่ี ปนคําไทย การเขียนภาษาไทยไมควรใชค ําภาษาตางประเทศโดยไมจ าํ เปน
แมว า ใน ปจจบุ ันจะใชภาษาตางประเทศมากขนึ้ แตก ็ไมเ ขาใจความหมายทุกคาํ ถา คําตางประเทศนั้น มีผู
บญั ญตั ิคาํ ไทยใชจนเปน ที่รจู กั กนั แลว เชน ฟตุ บอล เทคโนโลยี ลิฟต คอมพวิ เตอร คําสวนใหญมคี าํ
ภาษาไทยที่ใชแ ทนไดใ นความหมายเดยี วกนั

 

41 

ตวั อยา ง สมชายเคลียรปญหาของคุณแลว หรอื (แก)
ประชาชนแอนต้ี รฐั บาลเผดจ็ การ (ตอ ตา น)
วชิ าดนตรไี ทยไมมสี อบไฟแนล (ปลายภาค)
ฉันไมเ กตเรือ่ งนเ้ี ลยนะ (เขา ใจ)

5) การเลอื กใชคาํ ใหถ กู ตองตามไวยกรณ การใชคําบุพบท คําสันธาน และคาํ ลกั ษณะนาม
คาํ เหลานถี้ าใชไมถูกตอ งจะทาํ ใหประโยคไมสละสลวย หรือผดิ ไวยากรณไ ด เชน คํา แก, ดว ย, กบั , ของ,
แหง, เพอ่ื , สู, ยัง, ถึง, ใน การใชคาํ บุพบทคือการใชคํานาํ หนาคํานามหรือสรรพนาม เพือ่ ใหค วามตอเนอ่ื งกนั
และไดความสมบรู ณ

ตัวอยา ง เพ่อื : ใชน าํ หนา คาํ นามทีเ่ ปนสาเหตุ เชน
ทหารที่อยูภาคใตตายเพอ่ื ประเทศชาติ
ปา ทองแกกนิ เพื่ออยู

แก : ใชน ําหนา คํานามท่เี ปนผรู บั เชน
นกั ศกึ ษาควรชวยกันบริจาคโลหิตใหแ กสภากาชาดไทย
โรงเรียนบรจิ าคเงนิ ใหแ กม ูลนธิ อิ นุเคราะหค นพิการ

กับ, ดวย : ใชนาํ หนาคาํ นามเพ่อื ใหรวู านามนัน้ เปนเคร่ืองอาศัยทาํ กรยิ า เชน
สายทองเหน็ กบั ตา, เขียนดว ยมือลบดว ยเทา
เธอไมไดเ กยี่ วของกบั การตายของสามเี ลย

ของ, แหง : ใชนาํ หนาคํานามแสดงความเปน เจา ของ เชน
สถานีวทิ ยกุ ระจายเสียงแหง ประเทศไทย
กาพยเหเ รอื ของเจา ฟา ธรรมธิเบศร

ส,ู ยัง, ถงึ : ใชน าํ หนาคํานามเพื่อบอกทศิ ทาง เชน
กิตติศักดเ์ิ ดินทางไปยงั ประเทศสหรฐั อเมริกา
คณุ แมก ลับถงึ บา นเวลา 16.00 น.
สมชยั ขับรถมุงไปสจู ดุ หมาย

ใน : ใชน าํ หนา คํานามแสดงสถานท่ี หรือนาํ หนาคํานามทห่ี มายถึงบคุ คลทีเ่ ราเคารพนับถอื
เชน สุนทรเี กบ็ เงินไวใ นลน้ิ ชกั
กาพยเหเรอื เปน พระราชนพิ นธใ นพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลานภาลัย

การใชค ําสันธาน คือการใชค าํ เช่อื มถอยคาํ ใหตดิ ตอเปนเร่ืองเดยี วกัน หรือใชเชอ่ื มความใหส ละสลวย
ตัวอยา ง คาํ สนั ธานเชือ่ มความทค่ี ลอยตามกนั โดยใช- และ,กบั ,แลว -จงึ ,ครน้ั -เม่อื ,ถา,ถา วาเปน

บทเชื่อม เชน

 

42 

พอเธอมา สุเทพกไ็ ปแลว
พอ และแมอ อกไปทาํ งาน
ตัวอยา ง คาํ สนั ธานเช่อื มความทข่ี ัดแยง กนั โดยใช- แต, ถึง-ก,็ กวา -ก็ ฯลฯ เปนบทเชอ่ื มเชน
พชี่ อบดฟู ุตบอลแตน องชอบดเู ทนนสิ
ถงึ เขาจะยากจนแตส นุ ทรยี ก ร็ ักเขา
ตัวอยา ง คําสนั ธานเชอ่ื มความทเ่ี ปนเหตเุ ปน ผลแกกนั โดยใช- จึง,เพราะ-จงึ ,เพราะฉะนน้ั -จึง
ฉะน้นั -จงึ ฯลฯ เปน บทเช่อื ม เชน
ถาวรต้งั ใจทาํ รายงาน เขาจึงมีคะแนนเก็บมาก
เนื่องจากรถของอัมพรเสีย เขาจงึ ตอ งข้ึนรถประจาํ ทาง
ตัวอยาง คําสนั ธานเช่ือมความที่เลือกเอาอยา งใดอยางหนึ่ง โดยใช- หรอื ,ไมเชน นน้ั ,มฉิ ะนนั้ ก็
ฯลฯ เปนบทเชอื่ มเชน
สายสมรเธอจะไปหวั หนิ หรอื พัทยา
นักศกึ ษาทกุ คนตองทาํ งานหรือไมเ ชน นั้นก็ไปนอนเสยี

สรุป
การใชภาษาในการส่ือสารใหมีผลดมี ีประสิทธภิ าพนน้ั จาํ เปนจะตอ งรจู ักการ

เลือกใชคาํ ใหถ กู ตองเหมาะสม คือ เลือกใชค าํ ท่ตี รงความหมาย ใชคาํ ที่เปนภาษาเขยี น ใชค าํ
ทเี่ ปน คาํ ไทย และถูกตองตามหลักไวยากรณ ดังนน้ั การเลือกใชคําจึงนบั วามีความจําเปน และ
สาํ คัญสาํ หรับงานเขียน

 

43 


Click to View FlipBook Version