The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สัตว์มีกระดูกสันหลัง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Somying Pukprasert, 2020-11-09 07:31:31

สัตว์มีกระดูกสันหลัง

สัตว์มีกระดูกสันหลัง

สตั ว์มกี ระดกู สันหลงั

สัตวม์ กี ระดกู สนั หลงั

สตั วม์ กี ระดกู สนั หลัง เปน็ สัตวช์ น้ั สงู มีเน้ือเยอ่ื ของร่างกายเจรญิ เป็นอวัยวะทม่ี ี
การทางานซับซอ้ น มีกระดูกสันหลังทาหน้าท่ีเปน็ แกนกลางของรา่ งกาย ช่วยให้
รา่ งกายคงรปู ท่แี นน่ อนอยู่ไดส้ ว่ นมากมขี นาดใหญ่อาศยั อยูท่ ้ังในนา้ และบนบก สัตวม์ ี
กระดกู สนั หลังทมี่ วี วิ ฒั นาการสูงกวา่ สตั วไ์ มม่ กี ระดูกสันหลงั

นักวทิ ยาศาสตรไ์ ดแ้ บง่ สตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั ตามลกั ษณะทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั ออกเปน็ 5 พวก ไดแ้ ก่

1. พวกปลา 2. พวกครง่ึ นา้ คร่งึ บก 3. พวกสัตวเ์ ลอื้ ยคลาน 4. พวกสตั วป์ ีก
5. พวกสัตวเ์ ลย้ี งลกู ด้วยน้านม

สตั ว์พวกปลา

ปลา เป็นสัตวเ์ ลือกเยน็ ทีอ่ าศยั อยใู่ นน้า ใช้เหงือกในการหายใจ ส่วนใหญ่จะมเี กลด็ ปกคลุมผวิ เพ่อื ป้องกัน
อนั ตราย ส่วนปลาบางชนิดไมม่ ีเกลด็ และจะมเี มือกท่ีมลี ักษณะลน่ื เพ่อื ช่วยให้เคลอื่ นทไ่ี ด้สะดวก เชน่ ปลาไหล ปลา
แต่ละชนดิ มีรปู ร่างที่แตกต่างกนั ไป สามารถแบ่งลักษณะภายนอกของตวั ปลาออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ครับ
• 1.สว่ นหวั เร่ิมตงั้ แต่ปากไปถึงแกม้ หรอื กระดกู ปิดเหงอื ก ซงึ่ ประกอบไปด้วยอวัยวะทสี่ าคญั คอื ตา จมกู ปาก
• 2.สว่ นลาตวั เริ่มตัง้ แตส่ ่วนท่ตี อ่ จากกระดูกปิดเหงอื กไปถึงทวารหนกั ประกอบดว้ ยอวัยวะทสี่ าคัญ คือ ครีบอก

ครบี หลงั ครบี ทอ้ ง ครบี ก้น และเสน้ ขา้ งลาตัว (ช่วยในการรบั รกู้ ารสั่นสะเทอื นของน้า)
• 3.สว่ นหางเรมิ่ ตั้งแตส่ ว่ นท่ตี ่อจากทวารหนกั ไปถึงปลายหาง ประกอบดว้ ย ครบี หาง ซึ่งเปน็ อวยั วะทีช่ ่วยในการ

เคล่อื นที่

ระบบภายในทส่ี าคญั ของปลา

• 1.ระบบหายใจ เหงือกของปลาเป็นอวัยวะท่สี าคัญของการหายใจ โดยทาหน้าทแ่ี ลกเปล่ยี นแกส๊ เมอ่ื ปลาอ้า
ปากน้าจะเขา้ ไป ซ่ึงน้าจะประกอบดว้ ยแก๊สออกซเิ จนและผา่ นเข้าสูเ่ หงือก และจะมีการปลอ่ ยแก๊ส
คารบ์ อนไดออกไซดอ์ อกส่ภู ายนอก

• 2.ระบบหมนุ เวยี นเลือด ซง่ึ หัวใจของปลาจะอยู่ใกลก้ ับบรเิ วณเหงอื ก ทาหนา้ ทชี่ ว่ ยสง่ เลอื ดไปเล้ยี งส่วนต่างๆ
ของร่างกาย

• 3.ระบบยอ่ ยอาหาร อาหารจะเข้าทางปาก ส่งผ่านหลอดอาหารไปยงั กระเพาะอาหารและลาไส้ อาหารท่ี
ถกู ย่อยจะถกู ดดู ซึมเขา้ สกู่ ระแสเลอื ด สว่ นกากอาหารจะถกู ขับออกมาทางทวารหนกั

• 4.ระบบขบั ถ่าย ไตเป็นอวยั วะขบั ถา่ ยของเสยี ออกจากเลือด

สตั วส์ ะเทนิ นาสะเทนิ บก

สตั วจ์ าพวกนี้มีช่อื วา่ สตั วค์ ร่งึ นา้ ครง่ึ บก จัดอย่ใู นสตั ว์
จาพวกเลือดเยน็ ซึ่งไดแ้ ก่ กบ เขียด คางคก อง่ึ อ่าง จงโครง่
และปาดและสตั วบ์ างชนดิ มตี อ่ มพิษอยตู่ ามผิวหนัง เช่น คางคก
และกบพิษสีเขียว สัตวใ์ นกลมุ่ นี้มกี ารปฏิสนธภิ ายนอกครับ ซึ่ง
สามารถดวู ดี ีโอประกอบได้ ซงึ่ เป็นการสืบพนั ธข์ุ องกบ โดยการ
ทีต่ วั เมียวางไข่ สว่ นตัวผู้จะปล่อยนา้ เชื้อเพอื่ ใหผ้ สมพันธก์ุ ับไข่ท่ี
ตัวเมียวางไว้ หลังจากน้ันเม่อื ไข่ทไ่ี ด้รับการผสมพันธจ์ุ ะมกี าร
ฝกั ตัวเปน็ ตัวอ่อนครบั ตวั อ่อนก็จะอยู่ในน้า ซึ่งระยะนี้จะมี
ลักษณะคลา้ ยปลา จะมีหางและมีการหายใจด้วยเหงอื ก
เรยี กวา่ ลกู ออ๊ ด จากนั้นขาจะคอ่ ยเรมิ่ งอก เหงือกจะเร่มิ คอ่ ยๆ
หายไป และจะมปี อดทาหนา้ ท่ใี นการหายใจแทน หางก็เริม่ หด
หายไป จนมรี ูปร่างเป็นกบตัวเล็กขนึ้ มาอาศัยอยู่บนบก และใช้
ผิวหนังท่ีบางและช่มุ ช้ืนชว่ ยในการแลกเปลย่ี นแก๊สอีกดว้ ย

ลักษณะภายนอกทส่ี าคญั ของสตั วส์ ะเทนิ นาสะเทนิ บก

สัตว์ประเภทนี้มีขาทรงพลงั ซึ่งสามารถกระโดดได้ไกลๆ รวมทง้ั มีพังผืดที่น้วิ เท้าเพื่อ
สามารถวายนา้ ได้ ตาของสตั วช์ นิดนจ้ี ะโปนออก จงึ ทาใหม้ องเห็นด้านหลงั ได้ ส่วนผวิ หนงั จะไม่
มเี กล็ดและชมุ ช้นื ตลอดเวลาเพราะมีต่อมสร้างนา้ เมอื กคอยขับเมือกออกมาเม่อื ผวิ หนงั แห้ง

ระบบภายในของสตั วส์ ะเทินนาสะเทินบก

1.ระบบหายใจ ในขณะท่ีเป็นตวั อ่อนจะหายใจดว้ ยเหงอื ก (ลูกออ๊ ด) และอาศัยอยู่ในน้า เม่ือโตขน้ึ
จะอาศยั อยู่บนบกและหายใจด้วยปอด กล่าว คร่ึงชีวติ หนง่ึ อาศยั อยใู่ นน้า มีการหายใจด้วยเหงือก
อกี คร่งึ ชีวติ หนึง่ อาศยั อยู่บนบก มกี ารหายใจดว้ ยปอด
2.ระบบหมนุ เวยี นเลอื ดคอื หัวใจ สง่ เลือดไปเล้ยี งส่วนตา่ งๆ ของรา่ งกาย
3.ระบบยอ่ ยอาหาร อาหารจะเข้าทางปาก ผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลาไส้เล็ก ลาไส้ใหญ่
ซง่ึ แตล่ ะสว่ นจะมกี ารทางานเปน็ ระบบ
4.ระบบขับถา่ ย ไตเปน็ อวยั วะสาคญั ในการขบั ถา่ ยของเสียออกจากเลือด

สตั วเ์ ลอื ยคลาน

สตั วเ์ ลอื้ ยคลาน เป็นสัตว์ทส่ี ามารถดารงชวี ิตอย่บู นบกได้ ลกั ษณะภายนอกคือ ผวิ หนงั แหง้
ลาตวั มีเกลด็ หุ้ม สบื พนั ธ์ุแบบอาศยั เพศ มีการปฏสิ นธภิ ายในออกลกู เปน็ ไข่ วางไขบ่ นบก ไข่มจี านวนไม่
มากนกั ไขม่ ขี นาดใหญแ่ ละมีเปลือกแข็งหรอื เปลือกหมุ้ มีขา 4 ขา สตั วเ์ ลื้อยคลานจะอาศยั บนบก แต่บาง
ชนดิ หากินในนา้ สตั ว์เลอ้ื ยคลาน เปน็ สัตวเ์ ลือดเย็น อาศัยอยบู่ นบกเปน็ ส่วนใหญ่ จะลงไปหาอาหารใน
นา้ เวลาพักผ่อนจะข้ึนมาอย่บู นบกหรอื รมิ น้า ยงั พบว่าสตั วพ์ วกนี้ มีอุณหภูมริ า่ งกายเปลย่ี นแปลงไปตาม
อุณหภมู ขิ องสงิ่ แวดล้อมเชน่ เดียวกบั พวกปลาและสตั ว์ครง่ึ น้าคร่งึ บก ไดแ้ ก่ จระเข้ เต่า ตะพาบ งู กิง้ ก่า
จ้งิ จก

ลักษณะสาคญั

มผี ิวหนงั หนาและแหง้ มักมเี กล็ดแข็งปกคลุมรา่ งกาย หายใจ
ดว้ ยปอด มีขา ปลายนวิ้ มีเลบ็ ชว่ ยจิกในการเคล่อื นทแี่ ละอาจมีการ
เปลย่ี นแปลงลกั ษณะให้เหมาะสมกับการเคลื่อนท่ี เชน่ เปลย่ี นไป
เป็นใบพายสาหรับวา่ ยนา้ เช่น เตา่ ทะเล ในเต่าและตะพาบน้า
เกลด็ จะเชือ่ มติดต่อกันเปน็ แผน่ ใหญเ่ รยี กวา่ " กระดอง " บางชนดิ
ไมม่ ีขาจงึ เคล่อื นทโ่ี ดยการใชว้ ิธีการเล้ือย เชน่ งู

สัตวป์ กี

สัตวป์ ีก เปน็ สตั วเ์ ลือดอุน่ มลี กั ษณะพเิ ศษ คอื มปี ีก เพือ่ ช่วยในการบนิ เช่น นกชนิดต่างๆ ไก่ เปด็
หา่ น หงส์ แตม่ นี กบางชนิดมีปีกแตบ่ ินไม่ได้ เช่น นกเพนกวนิ นกกระจอกเทศ นกพวกน้ีเคลื่อนท่โี ดยใชข้ า
สัตว์ปีกพวกนยี้ งั มีขนลกั ษณะพิเศษโดยขนแตล่ ะเสน้ จะเรยี งอยู่บนก้านยาว และมโี นฝงั อยู่ในผวิ หนงั และยังมี
จะงอยปากแข็ง ซ่ึงรปู ร่างจะงอยจะแตกตา่ งกนั ออกไปขึน้ อยกู่ บั อาหารทก่ี ิน เช่น นกกระยางมีปากยาวแหลม
เหมาะแกก่ ารจับสตั วน์ า้ เป็นอาหาร ส่วนเทา้ กม็ ีลักษณะแตกตา่ งกันดว้ ย ดังน้ี
-เปด็ เท้าจะมีพังผืดเพอื่ ให้เหมาะแกก่ ารว่ายนา้ ของมนั
-เหยีย่ ว จะมอี ุง้ เทา้ และมีนวิ้ ทีม่ เี ลบ็ โค้งและแหลมคม เหมาะในการจับเหย่ือ

สตั วป์ กี มีการสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ การปฏิสนธิเกดิ ขึน้ ภายในรา่ งกายของเพศเมียและออกลูกเปน็ ไข่

ระบบภายในของสตั วป์ กี

1.ระบบหายใจ ปอดเป็นอวัยวะท่ีสาคญั ในการแลกเปลีย่ นแกส๊ และยงั มีถงุ ลมบริเวณต่างๆ เชน่
ฐานของคอ ทรวงอก ทอ้ ง ถงุ ลมพวกน้ีคอยเก็บอากาศ เพือ่ ส่งไปแลกเปลยี่ นแก๊สทป่ี อด

2.ระบบหมนุ เวียนเลอื ด คอื มี หวั ใจจะทาหน้าที่ในการสบู ฉดี เลือดไปตามหลอดเลอื ด เพ่ือนาไป
เลีย้ งสว่ นตา่ งๆ ของร่างกาย

3.ระบบย่อยอาหาร คอื อาหารจะถูกกลนื ลงสทู่ างเดนิ อาหารโดยไมม่ ีการเคีย้ ว เพราะไม่มฟี ัน
แล้วจะเคลอ่ื นทีส่ ่กู ระเพาะพักเพื่อสะสมอาหาร แลว้ ส่งต่อสกู่ ระเพาะจริงเพ่อื ยอ่ ย นอกจากนก้ี ระเพาะบด
หรอื กนึ๋ ชว่ ยบดอาหารใหล้ ะเอยี ด โดยใช้เมด็ ทรายช่วยในการบดอาหาร จากนน้ั จะถูกส่งไปทลี่ าไส้เลก็ เพือ่
ยอ่ ยอาหารตอ่ จนสามารถดูดซมึ สารอาหารไปใช้ได้ ส่วนกากอาหารจะถูกขับออกจากทวารพร้อมกบั
ปัสสาวะ

4.ระบบขับถา่ ย ไตเป็นอวยั วะสาคัญในการขบั ถ่ายของเสยี จะขับถา่ ยของเสยี ลกั ษณะกง่ึ แขง็ กง่ึ
เหลว เนอ่ื งจากทอ่ ปสั สาวะจะมาบรรจบสว่ นปลายของลาไส้พอดี จึงทาใหล้ กั ษณะของเสยี เปน็ แบบนนั้

ทาไมสตั ว์ปกี จงึ บินได้ ???????? เน่ืองจากกระดกู ของสตั วช์ นดิ นม้ี ีลกั ษณะพรุนและกลวง
นอกจากนีย้ ังมีถงุ ลมจานวนมากจะชว่ ยให้ร่างกายมีนา้ หนักเบา

สตั วเ์ ลยี งลกู ดว้ ยนานม

สัตวช์ นิดนมี้ วี วิ ฒั นาการสูงสุด ซ่ึงเพศเมยี จะมตี ่อมนา้ นมเพอ่ื ผลิตน้านมสาหรับเลีย้ งตวั อ่อน จงึ มี
ช่ือวา่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนา้ นม
สตั ว์เลีย้ งลกู ด้วยนา้ นม เปน็ สตั วป์ ระเภทมกี ระดกู สนั หลัง ลักษณะภายนอกคือ ผิวหนงั เรยี บ มีขนเป็นเสน้
แบบเส้นผมปกคลุมท้งั ลาตัว มีแขนและขาไม่เกนิ 2 คู่ สัตวเ์ ลี้ยงลกู ดว้ ยนา้ นมส่วนใหญส่ ืบพนั ธุ์แบบอาศัย
เพศ มีการปฏสิ นธภิ ายในออกลกู เปน็ ตัว ตวั เมียมตี ่อมสร้างนา้ นมสาหรบั เลีย้ งลกู ออ่ น จึงเรยี กว่าสตั วเ์ ลยี้ ง
ลกู ดว้ ยนา้ นม

สตั วพ์ วกน้ี เป็นสัตวเ์ ลือดอุน่ สามารถควบคมุ อณุ หภมู ิให้คงที่ได้ แมจ้ ะอยู่ในสภาพแวดลอ้ มท่ีอณุ
ภูมสิ งู หรอื ตา่ กวา่ อุณหภูมิรา่ งกาย เปน็ สตั ว์ที่มีการววิ ฒั นาการสงู สุด เราสามารถแบง่ สัตวเ์ ลี้ยงลูกดว้ ย
น้านมตามลักษณะของการออกลูกและเลี้ยงลกู ได้ 3 กลุ่ม

กล่มุ ทอ่ี อกลกู เปน็ ไข่

กลมุ่ ที่ออกลูกเป็นไข่ พวกนีจ้ ะวางไขเ่ หมอื น
สตั ว์ปกี และสตั ว์เลอื้ ยคลาน โดยมีเปลอื กแขง็
หมุ้ พบวา่ มเี พยี ง 2 ชนดิ เทา่ นั้น คือ ตนุ่
ปากเปด็ และตัวกนิ มด ซึ่งเปน็ สัตว์พบเฉพาะ
ออสเตรเลีย และนวิ กนิ เี ท่านน้ั ภายหลงั ตวั ออ่ น
ออกจากไข่ แล้วกินนมจากแม่เพือ่ เจริญเตบิ โต
ตอ่ ไป

กล่มุ ท่ีมถี งุ หรอื กระเปา๋ บรเิ วณหน้าทอ้ ง

กลมุ่ ท่มี ีถงุ หรอื กระเป๋ าบรเิ วณหนา้ ทอ้ ง พวกนีจ้ ะมถี งุ บรเิ วณ หนา้ ทอ้ งไวส้ าหรบั เลยี้ งดตู วั ออ่ นซง่ึ มี
ขนาดเลก็ มากเพราะมดลกู ของสตั วก์ ลมุ่ ยงั ไมพ่ ฒั นาดนี กั จงึ ใหล้ กู เจรญิ เติบโต ภายในมดลกู ไดเ้ พยี ง
ระยะสนั้ ๆ แลว้ ตอ้ งใหต้ วั ออ่ นมาเจรญิ อยภู่ ายในถงุ บรเิ วณหนา้ ทอ้ ง ไดแ้ ก่ จิงโจ้ หมโี คอะลา่ และ
วลั ลาบี ( คลา้ ยจิงโจแ้ ตม่ ขี นาดเล็กกวา่ ) ซง่ึ พบเฉพาะในประเทศออสเตรเลียเทา่ นนั้

กล่มุ ท่ีมรี ก

กลุม่ ทมี่ รี ก พวกน้จี ะมีมดลูกที่พฒั นาดี โดยมีการสรา้ งรกเชอ่ื มระหว่างถงุ หมุ้ ตวั อ่อนกับ
ผนังมดลูกของแม่ ใชส้ าหรับแลกเปลย่ี นสารตา่ งๆ ระหว่างแม่กบั ตวั อ่อนรวมทงั้ อาหารตา่ งๆ จากแม่
กจ็ ะถูกส่งไปยังตัวอ่อน เพอื่ ให้เจริญเติบโตภายในมดลูก โดยผ่านทางรก ตวั อ่อนจะเจรญิ อย่ภู ายใน
มดลูกของแมจ่ นสมบูรณเ์ ตม็ ท่ี จึงคลอดออกมาและดูดกนิ นมจากแม่อกี ระยะหนึ่งจนโตพอท่จี ะ
ดารงชวี ติ ไดเ้ อง ไดแ้ ก่ คน ชา้ ง มา้ วัว ควาย สนุ ขั แมว หมู เสือ สงิ โต หมี

ผู้จัดทำ

นำงสำวสมหญิง พกุ ประเสริฐ
60031050113 SEC 01
คณะครุศำสตร์ สำขำวิทยำศำสตร์ท่วั ไป


Click to View FlipBook Version