KSP-PLC
๒
แบบรายงานผลการดำเนินกิจกรรม
พัฒนาวชิ าชีพแบบชุมชนแห่งการเรียนรทู้ างวชิ าชีพ
(Professional Learning Community: PLC) ประจำปี ๒๕๖๓
เครอื ขา่ ยโรงเรยี นชุมชนวัดราษฎร์นิยม
รหสั สมาชิก
๖๓๑๑๙๐๑
ช่ือโครงการ
การพฒั นาทักษะการคดิ วิเคราะหแ์ ก่ผเู้ รียนโดยใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ ฐาน
ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนร้ทู างวชิ าชีพ PLC
ระดับเครือข่าย หน่วยงานทางการศกึ ษา
สำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษานนทบรุ ี เขต ๒
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
-1-
คำนำ
โครงการการพัฒนาทักษะการคิดวเิ คราะห์แกผ่ ูเ้ รียนโดยใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นฐาน
ผ่านกระบวนการชุมชนแหง่ การเรียนรู้ทางวชิ าชพี (PLC) เพื่อการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นของเครือข่ายโรงเรียน
ชุมชนวดั ราษฎรน์ ิยม โดยไดม้ ีการรว่ มมอื กนั ระหว่าง โรงเรียนชมุ ชนวัดราษฎร์นิยม โรงเรียนดีมากอปุ ถมั ภ์
และโรงเรียนบ้านคลองพระพิมล จดั ทำขึน้ เพ่ือแก้ปัญหาของผ้เู รียน ส่งเสรมิ ใหผ้ บู้ รหิ าร คณะครู บุคลากร
ทางการศึกษา ตลอดจนชุมชน ไดม้ ีสว่ นร่วมในการหาแนวทางในการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนให้มีทกั ษะ
กระบวนการคิดวเิ คราะห์ มีหลักคิดพอเพยี งเพ่ือเป็นแนวทางในการดำเนนิ ชีวิต มจี ดุ มงุ่ หมายเพื่อให้ครูผสู้ อน
ไดม้ กี ารออกแบบการเรียนรูใ้ ห้เหมาะกับการแกป้ ัญหาของกล่มุ ผู้เรียนของตนเอง โดยผ่านกระบวนการชมุ ชน
แห่งการเรยี นรูท้ างวิชาชพี ได้รบั งบประมาณสนบั สนนุ จากโครงการเชฟรอน สนกุ วิทย์ พลงั คดิ เพื่ออนาคต
ซึง่ บรหิ ารงานโดยศนู ย์ภูมภิ าควา่ ด้วยสะเตม็ ศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศกึ ษาแหง่ เอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้
(SEAMEO STEM-ED) และไดร้ ับการสนับสนนุ ทางวิชาการในการจัดกิจกรรมพฒั นาวิชาชีพ ฯ จากครุ สุ ภา
และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หวังเป็นอย่างยงิ่ ว่า รายงานผลการดำเนนิ กิจกรรมที่ได้จัดทำขึน้ น้ี จะเปน็ ประโยชน์แก่ผู้เกีย่ วข้องทกุ ฝา่ ย
ในการพัฒนานักเรียนต่อไป
นายสทิ ธิพงศ์ บุญเมือง
ผ้อู ำนวยการโรงเรียนชุมชนวดั ราษฎร์นิยม
-2-
สารบัญ
คำนำ ๑
ผลการดำเนนิ กิจกรรมพัฒนาวชิ าชีพแบบชมุ ชนแหง่ การเรียนรูท้ างวชิ าชีพ (PLC) ๓
หลกั การและเหตุผล ๓
วตั ถุประสงค์ ๓
วธิ ีการดำเนินงาน/ กระบวนการขับเคล่ือน PLC ๔
วนั เวลา สถานที่ ในการดำเนนิ งาน ๔
เปา้ หมายการพัฒนา ๔
จำนวนสมาชิกทเ่ี ข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาวิชาชีพ ๕
การได้รับการสนบั สนุนการจัดกิจกรรมพัฒนาวิชาชพี ๕
ผลท่ีเกดิ จากการดำเนินกิจกรรม ๖
ข้อค้นพบ หรือนวัตกรรมท่เี กิดข้นึ จากการดำเนนิ กจิ กรรม/ ปจั จยั ความสำเร็จ ๗
แนวคิดการนำข้อค้นพบ หรือนวตั กรรมท่เี กดิ ขึ้นไปขยายผล หรือตอ่ ยอดพัฒนา ๗
ผลทีเ่ กิดข้ึนจากการบูรณาการการจดั กิจกรรมพัฒนาวิชาชพี แบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ (PLC) ๘
กับจรรยาบรรณ วิชาชพี ๘
ปญั หา หรอื อปุ สรรค และข้อเสนอแนะ ๑๐
สรุปความพงึ พอใจต่อการเขา้ ร่วมการจัดกิจกรรมพัฒนาวิชาชีพแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้
๑๓
ทางวิชาชพี (Professional Learning Community: PLC)
จำนวนชั่วโมงการจดั กิจกรรมพัฒนาวชิ าชีพ ๑๔
๑๕
ภาคผนวก ๒๒
แบบเสนอโครงการ ๓๒
ค่มู ือการวัดและประเมินผล
แผนการพัฒนาครแู ละผู้เรยี นโดยผ่านกระบวนการชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชีพในแผนพฒั นา ๔๑
๔๔
ของโรงเรียน ๕๔
รายช่ือสมาชิกที่เข้ารว่ มกจิ กรรม
เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการดำเนนิ งาน ประเมนิ งาน หรือรอ่ งรอยผลงาน ๕๘
ภาพถา่ ยวีดโี อคลปิ หรือหลักฐานอน่ื ๆ
คณะผู้จัดทำ
-3-
ผลการดำเนินกิจกรรมพฒั นาวิชาชพี แบบชุมชนแห่งการเรยี นรูท้ างวชิ าชีพ (Professional
Learning Community: PLC) มรี ายละเอียด ดังนี้
หลักการและเหตผุ ล
พ.ร.บ. การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และฉบบั แกไ้ ข (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ กำหนดแนวทางการจัด
การศกึ ษาไวใ้ นมาตรา ๒๔ ขอ้ ๒ “ฝึกทักษะกระบวนการคิด การจดั การ การเผชิญสถานการณ์ และประยุกต์
ความรูม้ าใชเ้ พอ่ื ป้องกันและแก้ไขปัญหา” และ ขอ้ ๓ “จดั กจิ กรรมให้ผ้เู รียนได้เรยี นรจู้ ากประสบการณจ์ รงิ ฝึก
การปฏิบตั ิให้ทำได้ คดิ เป็น ทำเปน็ รกั การอา่ น และเกิดการใฝ่รอู้ ย่างต่อเนื่อง” นอกจากนี้ หลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้ความสำคัญกับความสามารถดา้ นการคิดวเิ คราะห์โดยกำหนดไว้ดงั นี้
(๑) โครงสร้างหลกั สตู ร ซ่ึงแยกเป็น ๒ กลมุ่ กลุม่ แรก ( ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคม
ศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ) จดั การเรยี นการสอนเพ่ือสร้างพื้นฐานการคิด และเป็นกลยุทธใ์ นการแก้ปญั หา
สว่ นกลมุ่ ท่ี ๒ ( สุขศึกษาและพลศกึ ษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ ) จัดการ
เรียนการสอนเพ่ือเสริมสร้างพ้ืนฐานความเปน็ มนษุ ย์ และสร้างศกั ยภาพในการคดิ และการทำงานอย่างสร้างสรรค์
(๒) แนวทางการวดั ผล โดยผูเ้ รยี นต้องผ่านการประเมินการอา่ น การคิดวิเคราะห์ และเขียน
โรงเรียนชมุ ชนวดั ราษฎร์นยิ ม ไดต้ ระหนักถงึ ความสำคญั ท่ีจะพัฒนาคณุ ลกั ษณะด้านการคดิ ให้เกดิ กับ
ผู้เรยี นทุกระดับชน้ั เพอื่ ใหเ้ ป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. การศกึ ษาแห่งชาติ และ หลกั สูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ จึงไดน้ อ้ มนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาเป็นหลักคดิ เพื่อฝึกฝนให้
ผูเ้ รยี น
มีกระบวนการและทักษะในการคิดวิเคราะห์ โดยร่วมกนั พัฒนากระบวนการจดั การเรียนการสอนแบบบรู ณาการ
ใน ๘ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น และฐานการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
จำนวน ๙ ฐาน ผา่ นกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวชิ าชีพ (PLC)
วัตถุประสงค์
๑. เพอ่ื ให้ครูจัดการเรียนรู้โดยใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ ฐาน นำมาบรู ณาการ
กบั ๘ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ กิจกรรมเสริมหลกั สตู ร และกิจกรรมลดเวลาเรยี นเพิ่มเวลารู้
๒. เพ่ือจัดทำฐานการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยา่ งย่งั ยนื จำนวน ๙ ฐาน
๓. เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นมีทักษะการคดิ วิเคราะห์ ผ่านกระบวนการถอดบทเรยี นตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ
พอเพียง
๔. เพื่อจัดอบรมเชงิ ปฏิบัติการการทำแผนการเรียนรู้โดยบรู ณาการหลักเศรษฐกิจพอเพียงให้ครทู เี่ ข้า
ร่วมโครงการ
๕. เพอ่ื ใช้กระบวนการเครือข่ายชุมชนแห่งการเรียนรรู้ ว่ มแกป้ ญั หาการจดั การเรยี นการสอน เพ่ือพฒั นา
ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์
-4-
วธิ กี ารดำเนนิ งาน/ กระบวนการขบั เคลอ่ื น PLC
1. เครือข่ายชุมชนวัดราษฎร์นิยม จัดประชุมช้แี จงความเข้าใจแก่สมาชิกเครอื ข่ายจำนวน ๓ โรงเรียน
ไดแ้ ก่ โรงเรียนชมุ ชนวดั ราษฎรน์ ิยม โรงเรยี นบา้ นคลองพระพิมล และโรงเรยี นดีมากอุปถัมภ์
2. สมาชิกเครอื ขา่ ยจัดตงั้ ทีม PLC (ทมี ละ ๒ – ๕ คน)
3. สำรวจปญั หาและกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรยี น
4. การออกแบบแนวคดิ การออกแบบการสอนเพื่อพฒั นานักเรียน
5. การเปดิ ชั้นเรียน/ การสงั เกตชนั้ เรียน ๓ วงรอบ
6. การสะท้อนคิดหลังเปิดชัน้ เรยี น และการตดิ ตามให้คำแนะนำจากทีมงานมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
7. สรปุ ถอดบทเรยี นเพ่ือค้นหานวัตกรรมการแก้ปญั หา
8. สรุปภาพรวมของเครอื ขา่ ยโรงเรยี นชมุ ชนวดั ราษฎร์นยิ ม และถอดบทเรียนจากการดำเนินโครงการ
วัน เวลา สถานที่ ในการดำเนินงาน
วงรอบท่ีดำเนนิ การ วัน เวลา สถานทใี่ นการดำเนนิ งาน
วงรอบท่ี ๑ ๑ - ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ โรงเรียนชมุ ชนวัดราษฎร์นิยม
โรงเรยี นดมี ากอุปถัมภ์
วงรอบท่ี ๒ ๑ - ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ โรงเรียนบ้านคลองพระพมิ ล
โรงเรียนชุมชนวัดราษฎรน์ ิยม
วงรอบที่ ๓ ๑ - ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๖๓ โรงเรียนดมี ากอุปถมั ภ์
โรงเรียนบ้านคลองพระพมิ ล
โรงเรยี นชมุ ชนวดั ราษฎรน์ ิยม
โรงเรียนดีมากอุปถัมภ์
โรงเรียนบา้ นคลองพระพมิ ล
เปา้ หมายการพัฒนา (โปรดทำเคร่อื งหมาย ✓ ลงในชอ่ ง □ ท่ีตรงกบั การพัฒนา)
๒.๑ การจัดการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ๒.๒ การจัดการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
๒.๓ การพัฒนาทักษะการรูห้ นังสอื ๒.๔ วินยั
๒.๕ คุณธรรมจริยธรรม ๒.๖ วทิ ยาการคำนวณ
๒.๗ การใช้ภาษาองั กฤษในการจัดการเรยี นรู้ ๒.๘ เศรษฐกิจพอเพยี ง
๒.๙ ศาสตรพ์ ระราชา
-5- จำนวน (คน)
สมาชกิ ทเ่ี ขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาวิชาชพี ๔๒ คน
ที่ ประเภทของสมาชกิ ท่ีเข้าร่วมกิจกรรม
๑ ครู ๓๓
๒ ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา ๓
๓ ผบู้ รหิ ารการศึกษา -
๔ ศกึ ษานเิ ทศก์ ๕
๕ อาจารยจ์ ากสถาบันอุดมศึกษา -
๖ นักวิชาการศึกษา -
๗ อ่ืน ๆ (ปราชญช์ าวบ้าน) ๑
การได้รบั การสนบั สนุนการจดั กิจกรรมพัฒนาวิชาชีพ
(โปรดทำเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่อง □ ทีต่ รงกบั การอดุ หนุนท่ีได้รบั )
๑) เงนิ อดุ หนนุ ทใ่ี ช้ในการจัดกิจกรรม ฯ จากสำนักงานเลขาธิการครุ ุสภา
จำนวนทัง้ สน้ิ ....................... บาท
แบง่ จา่ ยเปน็ ๒ งวด ประกอบด้วย งวดที่ ๑ จำนวน .................................. บาท
งวดที่ ๒ จำนวน ................................... บาท
๒) เงินอดุ หนนุ ที่ใชใ้ นการจัดกิจกรรม ฯ จากโครงการเชฟรอน สนุกวทิ ย์ พลังคิด เพ่ืออนาคต
ซง่ึ บรหิ ารงานโดยศูนย์ภมู ิภาควา่ ด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรฐั มนตรศี กึ ษาแหง่ เอเชีย ตะวันออก
เฉยี งใต้ (SEAMEO STEM-ED) จำนวนท้ังสิ้น ๕๐,๐๐๐ บาท
แบง่ จ่ายเปน็ ๒ งวด ประกอบดว้ ย งวดที่ ๑ จำนวน ๒๕,๐๐๐ บาท
งวดท่ี ๒ จำนวน ๒๕,๐๐๐ บาท
๓) การสนบั สนนุ ทางวิชาการในการจดั กจิ กรรมพฒั นาวชิ าชพี ฯ
-6-
ผลทเี่ กิดจากการดำเนินกิจกรรม
ผลผลติ (Output)
ต่อนักเรยี น/ ครผู ู้สอน/ และผู้ทีเ่ ก่ียวข้อง (ผบู้ ริหารสถานศึกษา เพื่อนครู ผปู้ กครอง ชุมชน ฯลฯ)
๑. มกี ารจดั อบรมเชิงปฏบิ ัติการการทำแผนการจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๒. ครูจำนวน ๓๓ คน มีการบรูณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งลงสู่แผนการจัดการเรยี นรู้
ในกล่มุ สาระการเรียนรู้ หรือฐานการเรยี นรู้ทีร่ บั ผดิ ชอบ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ เพ่ือแกป้ ัญหาผู้เรยี นจำนวน ๓
วงรอบ
๓. นักเรียนกล่มุ เปา้ หมายสามารถถอดบทเรยี นตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจากเรอื่ งทีเ่ รียน
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
๔. โรงเรียนชมุ ชนวัดราษฎร์นยิ ม มีฐานการเรียนรูต้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
จำนวน ๙ ฐานการเรยี นรู้
ผลลัพธ์ (Outcome)
ต่อนกั เรียน/ ครผู ูส้ อน/ และผู้ท่ีเกย่ี วข้อง (ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา เพื่อนครู ผ้ปู กครอง ชมุ ชน ฯลฯ)
๑. ครจู ำนวน ๓๓ คนสามารถจดั กิจกรรมเพอ่ื พฒั นาทักษะการคิดได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้หรือฐานการเรยี นรู้ที่รบั ผดิ ชอบ
๒. นกั เรียนจาก ๓ โรงเรียนที่เขา้ โครงการสามารถถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ไดอ้ ย่างเหมาะสม
๓. นกั เรียนจาก ๓ โรงเรยี นทเี่ ข้าโครงการ มีทักษะการคิดวิเคราะห์สงู ข้นึ
๔. ฐานการเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง จำนวน ๙ ฐาน มกี ารใหค้ วามรู้ครบถ้วนรอบ
ดา้ น และสอดคล้องกับบริบทและความต้องการของชุมชน
๕. ชมุ ชนมีส่วนรว่ มในการพัฒนาการจัดการศึกษา
ผลกระทบ (Impact)
ต่อนักเรยี น/ ครผู สู้ อน/ และผู้ทีเ่ ก่ียวข้อง (ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา เพื่อนครู ผูป้ กครอง ชมุ ชน ฯลฯ)
๑. ผเู้ รยี นมที ักษะการคดิ วเิ คราะหส์ งู ขึน้
๒. ครสู ามารถจดั การเรยี นการสอนได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ
๓. มสี งั คมแหง่ การเรียนรูซ้ ึ่งเออื้ เฟื้อ ช่วยเหลอื แบ่งปันกันแบบกลั ยาณมิตร ก่อให้เกิดชุมชนแหง่ การ
เรียนรู้ทางวิชาชีพทีเ่ ข้มแข็ง
๔. ผู้บรหิ ารสามารถบริหารงานได้อยา่ งรอบคอบและมีประสทิ ธิภาพ
๕. ชุมชนไดใ้ ช้ประโยชน์จากฐานการเรยี นร้ตู ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
-7-
ขอ้ คน้ พบ หรือนวัตกรรมทเี่ กิดข้ึนจากการดำเนินกจิ กรรม/ ปัจจยั ความสำเร็จ
ความสำเรจ็ ของการพฒั นากระบวนการจัดการเรียนการสอนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ของเครือข่ายโรงเรยี นชุมชนวดั ราษฎรน์ ยิ ม ประสบความสำเรจ็ ได้โดยความมีสว่ นรว่ มจากทกุ ฝา่ ยทีม่ สี ่วน
เก่ียวขอ้ ง ได้แก่
- ครู ครผู ู้สอนในเครือขา่ ยโรงเรียนชุมชนวัดราษฎร์นยิ ม ๓ โรงเรยี น ได้ออกแบบการจดั การเรยี นการ
สอนโดยนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาบรู ณาการกบั ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และฐานการเรยี นรู้ทักษะ
อาชีพจำนวน ๙ ฐาน ผา่ นกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวชิ าชพี (PLC) รว่ มเปิดชั้นเรียนและมกี าร
ปรับปรงุ แก้ไข พฒั นากระบวนการออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามคำแนะนำของสมาชกิ ในทีม ที่รว่ มประชุม
สะทอ้ นคดิ กันอย่างเปน็ กัลยาณมติ ร
- นกั เรียน นักเรียนกลุ่มเปา้ หมายไดเ้ รยี นรูผ้ า่ นกระบวนการการเรียนการสอนแบบ Active Learning
มกี จิ กรรมและสื่อการเรยี นรทู้ ่ีหลากหลาย ได้ลงมือปฏิบตั ิ และเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำใหเ้ กิดทกั ษะต่าง ๆ และ
กระบวนการคิด และมีความสนใจใฝเ่ รยี นรู้ รวมถงึ ได้ลงมอื ถอดบทเรียนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เป็นประจำ
- ผู้บรหิ าร มีวสิ ัยทัศนท์ ชี่ ัดเจนดา้ นการนอ้ มนำหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการบริหาร
จดั การสถานศึกษา ให้ความสำคัญกบั การนเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมนิ ผลปละปรับปรงุ การดำเนนิ งานอยา่ งต่อเน่ือง มี
การสรา้ งแรงจูงใจให้ครูปฏิบตั ิหนา้ ท่ีและจดั การเรียนการสอนผา่ นส่อื และกระบวนการทห่ี ลากหลายอย่าง
ต่อเนือ่ ง และเปน็ ทปี่ รกึ ษาทางวชิ าการให้คณะครูไดด้ ำเนินการไปในทิศทางเดยี วกัน
- ชุมชน ใหค้ วามรว่ มมือในทุกด้าน และทำงานร่วมกับโรงเรยี นเพือ่ พฒั นาผ้เู รียนส่เู ป้าหมายความสำเรจ็
- ศึกษานเิ ทศก์ ให้คำปรกึ ษาดา้ นวิชาการและกระบวนการชุมชนแห่งการเรยี นร้ทู างวิชาชพี
แนวคิดการนำขอ้ ค้นพบ หรือนวัตกรรมทเี่ กดิ ข้นึ ไปขยายผล หรือต่อยอดพัฒนา
เครอื ข่ายโรงเรียนชุมชนวดั ราษฎร์นิยม ไดด้ ำเนนิ งานและถอดบทเรยี นจนไดแ้ นวคิดการ
ปฏิบัติงานกระบวนการชุมชนแหง่ การเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ผ่านการใช้เทคโนโลยี ซึง่ พบวา่ การ
ดำเนินงาน PLC ผ่านกลุ่มไลน์ หรือโซเชียลเนตเวิร์คตา่ งๆน้ัน กอ่ ให้เกดิ ความสะดวกในแงข่ องช่วงเวลา
การทำงาน ซึ่งสามารถดำเนินการในชว่ เวลาทส่ี ะดวกได้ ไม่จำเปน็ ต้องประชุมแบบเปน็ ทางการ ก็สามารถ
แลกเปล่ียนเรยี นรู้ได้ ท้งั ยังมเี วลาไดท้ บทวนเอกสาร และข้อมูลทางวชิ าการต่างๆ โดยมกี ารเก็บหลักฐาน
การแลกเปลย่ี นเรยี นรูเ้ ปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษรไวด้ ้วย ครผู สู้ อนสามารถย้อนดขู ้อมลู ต่างๆ รวมถึงความ
คิดเหน็ จากการสะท้อนคิดผา่ นกลุม่ เครือขา่ ยสังคมออนไลนท์ ่ีไดจ้ ดั ตัง้ ขน้ึ ถือเป็นนวัตกรรมการดำเนนิ งาน
ทีท่ างเครือข่ายชุมชนวัดราษฎรน์ ยิ มจะนำไปพฒั นาต่อยอดเพ่ือดำเนินการผ่านระบบในรปู แบบทไี ด้ใชง้ าน
ในโครงการนี้ภายในโรงเรียน เพอื่ การปฏิบตั งิ านในภาคเรียนต่อไป
นวตั กรรมการจัดการเรียนการสอนทส่ี ามารถนำไปขยายผล คือเทคนคิ กระบวนการจดั การเรียน
การสอนตา่ งๆ ทีไ่ ด้คน้ พบจากการเปิดชนั้ เรยี นในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ต่างๆ และฐานการเรยี นรู้ตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เครือขา่ ยจะดำเนนิ การสรุปนวตั กรรมของครผู ู้สอนท่เี ขา้ รว่ มโครงการ และ
เผยแพร่ผา่ นช่องทางต่างๆ เพื่อให้ผทู้ สี่ นใจสามารถศึกษาข้อมูล และนำไปต่อยอดพฒั นาใหเ้ กดิ ประโยชน์
กับผู้เรียน
-8-
ผลที่เกดิ ข้ึนจากการบูรณาการการจัดกิจกรรมพัฒนาวชิ าชีพแบบชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ (PLC)
กบั จรรยาบรรณวชิ าชีพ
ครู ได้มีการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้กับครตู ่างโรงเรยี น ซึง่ เปน็ สมาชกิ เครือขา่ ย สามารถออกแบบการ
จัดการเรียนการสอนโดยบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การเรียนรู้ได้อยา่ งม่นั ใจ มีเทคนิค
วิธีการ สื่อการเรยี นรู้ การจดั บรรยากาศในช้นั เรียนเชงิ บวก และกระบวนการสอนที่แตกต่างไปจากเดิม
สามารถแก้ปญั หาผเู้ รยี นไดต้ รงจดุ มากขน้ึ การรว่ มเปดิ ช้ันเรียนและสะท้อนคิดสามารถทำให้ครเู ห็นภาพ
พฤติกรรมนกั เรยี นไดด้ ีขน้ึ จากการรว่ มกันสงั เกตของสมาชกิ ในทีม การสังเกตพฤติกรรมและพัฒนาการ
ของผู้เรยี นต่อการจัดการเรียนรูข้ องครใู นแตล่ ะชั่วโมง สามารถประเมินพฤติกรรมการจัดการสอนของครู
วา่ วิธกี ารใดใช้ไดผ้ ลดีกับผ้เู รียน และวธิ กี ารใดท่ีควรปรับปรงุ แก้ไข เพ่ือใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ท่ดี ีขนึ้ ของผ้เู รียน
นักเรยี น ได้เรยี นรผู้ ่านกจิ กรรมทหี่ ลากหลายมีความสุขในการเรียนรู้ และมีพฒั นาการทางการ
เรียนที่ดขี นึ้ ตามหัวข้อปัญหาทค่ี รคู ้นพบจากการวิเคราะหช์ น้ิ งานของผเู้ รียน มที ักษะการคิดตามหลกั
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและสามารถถอดบทเรียนในเรื่องท่ีไดเ้ รยี นรูต้ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ
พอเพียงได้
ผบู้ รหิ าร ได้กำกบั ติดตามการสอนอย่างเป็นระบบและต่อเน่ือง เสรมิ แรงทางบวกต่อครูผู้สอน
และสร้างแรงจูงใจในการปฏบิ ัตงิ าน ก่อใหเ้ กิดผลสมั ฤทธ์ิในการปฏิบตั งิ านและมีความสามคั คีในองคก์ ร
ปญั หา หรืออุปสรรค และข้อเสนอแนะ
๑. ปญั หา /อุปสรรค
- ดา้ นเวลา
การเปดิ ชั้นเรยี น การจัดตั้งกลุ่ม PLC โดยีเพ่ือนสมาชิกต่างโรงเรียน ทำใหเ้ กิดปัญหาดา้ นการร่วม
เปิดชั้นเรียน เน่อื งจากโรงเรียนเครือข่ายเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก หากมาร่วมเปิดช้ันเรียน จะทำใหโ้ รงเรยี น
ขาดครผู ู้สอน มีผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน
การสะท้อนคิด สืบเนื่องจากปัญหาเรอ่ื งเวลาดา้ นการเปิดชั้นเรียนข้ามโรงเรียน สง่ ผลใหก้ าร
ประชุมสะท้อนคิด ไม่สามารถทำไดท้ ันที เนื่องจากครผู สู้ อนมีภาระงานการสอน
- ดา้ นการสอ่ื สาร แมจ้ ะมกี ารจดั ประชมุ เพื่อสร้างความเข้าใจแล้ว แต่เน่อื งจากสถานการณ์การ
ระบาดของเช้อื ไวรสั โคโรน่า ๒๐๑๙ ทำใหไ้ ม่สามารถติดต่อสือ่ สารโดยตรงได้ ตอ้ งหลีกเลยี่ งการพบปะ
สมาชิก ซง่ึ การสื่อสารผ่านเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ถือเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเรว็ แต่มปี ัญหาคือ
บางครัง้ สมาชกิ โครงการไม่ได้อา่ นข้อมูลที่มีให้ ทำให้การดำเนินงานล่าชา้ และยงั ไมถ่ ูกต้อง เกดิ ความ
ผดิ พลาดทางการสอื่ สาร
๒. ขอ้ เสนอแนะ
๒.๑ ขอ้ เสนอแนะต่อการจดั กจิ กรรม
การจดั กิจกรรม PLC ในรปู แบบท่ที างคุรุสภากำหนด หากไมม่ ีการช้ีแจงทำความเขา้ ใจ ครจู ะคิด
วา่ เปน็ ภาระ และย่งุ ยากต่อการดำเนินงาน เครือขา่ ยจึงควรศึกษารปู แบบ วิธกี ารดำเนนิ งานให้ชดั เจน
ส่วนการจัดกิจกรรมเปิดชั้นเรียน ควรเป็นการดำเนินการภายใต้กลุ่มสมาชิก PLC ภายในโรงเรียนเดียวกัน
จะทำกจิ กรรมได้สะดวกมากข้ึน แตท่ ้ังนี้ทัง้ น้นั การใช้เทคโนโลยเี คคือข่ายสังคมออนไลน์ เช่นการตงั้ กล่มุ
ไลนท์ ่คี ุรุสภาได้ใชร้ ปู แบบน้ใี นการรบั สง่ งานน้นั ก็ถอื เปน็ วิธีท่ดี ีในการจดั การข้อจำกัดดา้ นเวลาของสมาชิก
-9-
๒.๒ ขอ้ เสนอแนะต่อครุ ุสภา
- การช้ีแจงก่อนดำเนนิ งาน หากมกี ารประชมุ ชแ้ี จงผูป้ ระสานงานโครงการ และหัวหนา้ โครงการ
และการทำเอกสารออกมาในคราวเดยี ว เพือ่ ใหเ้ ครอื ข่ายสามารถมีการเตรียมการ และนำงานไป
ดำเนนิ การในกลุม่ ไดจ้ ะดมี าก
- การใช้งานระบบ ระบบการทำงานกลุ่มย่อย และการสง่ งานผา่ นไลน์ โดยมีการใชโ้ ปรแกรม
Trainflix ในการทำงาน ถือวา่ มีการทำระบบท่ีดี สะดวก และจดั เกบ็ ข้อมลู เป็นระบบ เรยี กใชง้ านง่าย แต่
การใช้งานสำหรับสมาชิกที่มคี วามลำบากในการใชเ้ ทคโนโลยี ค่อนข้างไม่สะดวก หากมีคู่มอื แบบฉบับเต็ม
ออกมาให้เครอื ขา่ ยเรียนรแู้ ละชีแ้ จงสมาชิกก่อนจะดมี าก เน่อื งจากทางเครือข่ายก็ไดร้ ับรูก้ ารใชง้ านระบบ
ไปพร้อมกบั สมาชิก จงึ ทำใหก้ ารวางแผนงานและการช้แี จงดำเนินการไม่ชดั เจน
- การกำหนดชวั โมง PLC หากมกี ารกำหนดชวั่ โมงการนบั PLC ทช่ี ดั เจน จะทำให้สามารถนำไป
บรู ณาการกบั งานประเมนิ ตา่ งๆของข้าราชการได้อยา่ งสะดวกมากขน้ึ
๒.๓ ข้อเสนอแนะตอ่ คณะทำงานกำกับ ติดตาม และประเมนิ ผลการจัดกจิ กรรม
ทางมหาวิทยาลัยมีการมอบหมายคณะติดตามและประสานงานอย่างต่อเนื่อง มีการใหค้ ำแนะนำ
และใหค้ วามช่วยเหลือทางวชิ าการเป็นอย่างดี การรว่ มประชมุ สะทอ้ นคิดหลังการเขา้ เปิดชัน้ เรยี นมี
คำแนะนำทเ่ี กิดประโยชน์ตอ่ การปฏิบัติงานของครูผูส้ อนเปน็ อยา่ งยิ่ง หากคณธตดิ ตามสามารถเข้ามาเป็น
คณะเดมิ ได้ และสามารถเขา้ ร่วมเปิดช้นั เรียนมากกว่า ๑ วนั ใน ๑ วงรอบ จะเกดิ ความต่อเนอ่ื งและมีผลดี
ตอ่ เครือข่ายในการปฏบิ ตั งิ านมากข้นึ
- 10 -
สรปุ ความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมการจดั กจิ กรรมพัฒนาวิชาชีพแบบชุมชนแหง่ การเรยี นรทู้ าง
วชิ าชีพ (Professional Learning Community: PLC)
- การประชมุ เพื่อชแ้ี จงการดำเนินงาน (ครั้งที่ ๑)
การจดั อบรมในคร้ังน้ี มผี เู้ ขา้ ร่วมการอบรมทงั้ สิน้ 38 คน และมีผ้ตู อบแบบสอบถามทั้งสิน้ 19 คน
โดยผู้เขา้ รว่ มอบรมส่วนใหญ่แสดงความคดิ เหน็ สามารถสรุปไดด้ งั นี้
ผตู้ อบแบบสอบถามมคี วามพึงพอใจมากทส่ี ุดในเรื่องระยะเวลาในการดำเนนิ การประชมุ อยูใ่ น
ระดบั ปานกลางถึงมากทสี่ ุด มีคา่ เฉลย่ี สูงถึง ๔.๗๔ จากระดบั คะแนนเต็ม ๕ โดยมีค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน
๐.๔๕ รองลงมาได้แก่ ประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการประชมุ และการแบ่งกลุม่ ตามฐานการเรียนรู้ มีคา่ ฉลย่ี
๔.๖๓ การนำความรทู้ ่ีได้ไปประยุกตใ์ ห้ในการปฏิบัตงิ าน มีค่าฉลี่ย ๔.๕๘ เนื้อหาของวดี โิ อการประชมุ
ออนไลน์จากครุ ุสภา, การแบ่งกลมุ่ ตามฐานการเรียนรู้ และสถานท่ีและสภาพแวดลอ้ มในการประจัด
ประชุม มีค่าเฉล่ีย ๔.๕๓ การแบ่งกลมุ่ วางเพื่อวางแผนและนดั หมายการทำกจิ กรรม PLC มคี ่าเฉลย่ี ๔.๔๗
ความสามารถในนำความรู้ไปเผยแพร่/ถา่ ยทอด มีค่าเฉลีย่ ๔.๔๒ การตอบข้อซกั ถามในการประชมุ
มคี ่าเฉล่ยี ๔.๓๗ และการชแี้ จงและอธบิ ายเนื้อหา มีคา่ เฉลย่ี ๔.๓๒ ตามลำดบั
- การประชุมเพื่อสรปุ ดำเนนิ งานและถอดบทเรยี น (คร้งั ท่ี ๒)
การจัดอบรมในคร้ังน้ี มีผูเ้ ข้าร่วมการอบรมทงั้ ส้ิน 34 คน และมีผ้ตู อบแบบสอบถามท้ังส้นิ 28 คน
โดยผูเ้ ข้ารว่ มอบรมสว่ นใหญแ่ สดงความคดิ เหน็ สามารถสรุปได้ดังนี้
ผูต้ อบแบบสอบถามมคี วามพึงพอใจมากท่สี ดุ ในเรื่องสถานทแ่ี ละสภาพแวดล้อมในการประจัด
ประชุมและความชัดเจนในการนำเสนองานของ Model Teacher อยใู่ นระดบั ปานกลางถงึ มากท่ีสดุ มี
คา่ เฉล่ยี สูงถงึ ๔.๖๑ จากระดับคะแนนเตม็ ๕ โดยมีค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ๐.๔๙ รองลงมาไดแ้ ก่ ประโยชน์
ท่ไี ด้รบั จากการประชมุ มคี า่ ฉลย่ี ๔.๕๗ ข้ันตอนในการดำเนนิ กิจกรรมและความเหมาะสมของอุปกรณ์ใน
การประชุม มีค่าฉลี่ย ๔.๕๔ ความชดั เจนในการตอบข้อซักถาม และความเหมาะสมของระยะเวลาในการ
ประชุม ค่าเฉลย่ี ๔.๔๓ การนำความรทู้ ่ไี ด้รับไปประยุกต์ใชใ้ นการปฏิบัตงิ าน มีคา่ เฉลย่ี ๔.๓๙ ประโยชนท์ ่ี
ไดร้ ับจากการประชมุ ครง้ั น้ี มีค่าเฉล่ีย ๔.๓๖ การชีแ้ จงและอธบิ ายเน้ือหามีความชัดเจน มีคา่ เฉลยี่ ๔.๓๗
และความสามารถในการนำความรไู้ ปเผยแพร่ถา่ ยทอดได้ มีค่าเฉล่ีย ๔.๓๒ ตามลำดับ
สรปุ แบบสอบถามความพึงพอใจในการ
โครงการพฒั นาทักษะการคดิ เคราะหแ์ กผ่ ูเ้ รียนโดยใชป้ รชั ญาของเศรษ
วนั ท่ี 4 มถิ นุ ายน 2563 ณ โรงเรยี นชุมชนว
เพศ : ชาย คิดเป็นร้อยละ 26.3 หญิง คดิ เป็นร้อยละ 73.7
อายุ : 20-30 ปี คิดเปน็ ร้อยละ 15.8 31.40 ปี คดิ เปน็ ร้อยละ 42.1
ตำแหน่ง : ศกึ ษานิเทศน์ คิดเป็นร้อยละ 15.8 ครผู สู้ อน คดิ เปน็ ร้อยละ 84.2
ที่ ประเด็นการสงั เกต มากท่สี ุด
1 การชแ้ี จงและอธบิ ายเนอื้ หามีความชัดเจน 5
10
2 เนื้อหาของวดี โิ อการประชมุ ออนไลนจ์ ากคุรสุ ภามคี วามเหมาะสม 12
3 การตอบขอ้ ซักถามในการประชมุ มคี วามชัดเจน 10
4 การแบ่งกล่มุ วางเพือ่ วางแผนและนดั หมายการทำกิจกรรม PLC มคี วามเหมาะสม 10
5 การแบ่งกลุม่ ตามฐานการเรยี นร้มู คี วามเหมาะสม 11
6 ความเหมาะสมของอปุ กรณ์ในการประชมุ 13
7 ความพึงพอใจต่อสถานท่แี ละสภาพแวดลอ้ มในการประจดั ประชุม 13
8 ความเหมาะสมของระยะเวลาในการประชุม 14
9 ประโยชนท์ ี่ท่านไดร้ ับจากการประชมุ คร้งั น้ี 12
10 สามารถนำความรทู้ ีไ่ ดไ้ ปประยุกตใ์ หใ้ นการปฏิบตั งิ านได้ 11
11 สามารถนำความรไู้ ปเผยแพร/่ ถา่ ยทอดได้ 10
โดยรวม
จากตาราง พบวา่ ความพงึ พอใจในการเขา้ รว่ มประชมุ เครือขา่
โดยใช้ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ ฐาน ผ่านกระบวนกา
รเข้ารว่ มประชุมเครอื ขา่ ย ครั้งที่ 2/2563
ษฐกจิ พอเพียงเป็นฐาน ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรูท้ างวิชาชีพ
วัดราษฎรน์ ยิ ม อำเภอไทรน้อย จงั หวดั นนทบรุ ี
41-50 ปี คิดเป็นรอ้ ยละ 21.1 51 ปขี นึ้ ไป คิดเปน็ รอ้ ยละ 21.1
ระดบั ความพงึ พอใจ
มาก ปานกลาง น้อย น้อยทส่ี ดุ x S.D. ร้อยละ ความหมาย
432 1
5 4 0 0 4.32 0.82 86.3 มาก
5 2 0 0 4.53 0.70 90.5 มากทสี่ ดุ
6 3 0 0 4.37 0.76 87.4 มาก
8 1 0 0 4.47 0.61 89.5 มาก
7 1 0 0 4.53 0.61 90.5 มากที่สุด
5 1 0 0 4.63 0.60 92.6 มากที่สดุ
3 3 0 0 4.53 0.77 90.5 มากที่สดุ
5 0 0 0 4.74 0.45 94.7 มากที่สุด
7 0 0 0 4.63 0.50 92.6 มากทีส่ ดุ
8 0 0 0 4.58 0.51 91.6 มากทส่ี ุด
7 2 0 0 4.42 0.69 88.4 มาก
4.52 0.638 90.4 มากท่ีสดุ
าย คร้ังที่ 1/2563 โครงการพฒั นาทักษะการคิดเคราะห์แก่ผูเ้ รยี น
ารชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชพี โดยรวมอย่ใู นระดบั มากทสี่ ดุ
สรุปแบบสอบถามความพึงพอใจในการเข
โครงการพัฒนาทกั ษะการคดิ เคราะหแ์ ก่ผูเ้ รียนโดยใช้ปรัชญาของเศรษฐก
วนั ที่ 4 มิถนุ ายน 2563 ณ โรงเรียนชุมชนวดั ร
เพศ : ชาย คดิ เป็นรอ้ ยละ 3.57 หญิง คดิ เปน็ รอ้ ยละ 96.43
อายุ : 20-30 ปี คดิ เปน็ ร้อยละ 32.14 31-40 ปี คดิ เปน็ ร้อยละ 35.
ตำแหนง่ : ศกึ ษานิเทศน์ คิดเปน็ ร้อยละ 3.57 ครูผสู้ อน คดิ เป็นร้อยละ 96.4
ที่ ประเด็นการสงั เกต มากที่สุด มา
1 .การช้แี จงและอธิบายเนื้อหามีความชดั เจน 5 4
14 9
2 การตอบขอ้ ซักถามในการประชุมมีความชัดเจน 16 8
3 ขนั้ ตอนการดำเนนิ กจิ กรรมมคี วามเหมาะสม 18 7
4 ตวั แทน Model Teacher นำเสนองานไดช้ ดั เจน 17 11
5 ความเหมาะสมของอุปกรณใ์ นการประชุม 18 7
6 ความพงึ พอใจตอ่ สถานที่และสภาพแวดลอ้ มในการประจดั ประชมุ 17 11
7 ความเหมาะสมของระยะเวลาในการประชมุ 15 10
8 ทา่ นไดร้ ับประโยชนจ์ ากกจิ กรรมกลุ่มสะทอ้ นคดิ และถอดบทเรียน 17 10
9 ประโยชนท์ ที่ ่านไดร้ บั จากการประชมุ คร้ังนี้ 12 14
10 สามารถนำความรู้ทีไ่ ดไ้ ปประยกุ ตใ์ หใ้ นการปฏิบตั งิ านได้ 13 13
11 สามารถนำความรู้ไปเผยแพร/่ ถา่ ยทอดได้ 11 10
โดยรวม
จากตาราง พบวา่ ความพงึ พอใจในการเขา้ รว่ มประชุมเครือข่าย
โดยใช้ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นฐาน ผ่านกระบวนการช
ข้าร่วมประชุมเครือข่าย คร้ังท่ี 2/2563
กิจพอเพียงเป็นฐาน ผ่านกระบวนการชุมชนแหง่ การเรียนรู้ทางวิชาชีพ
ราษฎร์นยิ ม อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
.71 41-50 ปี คดิ เป็นร้อยละ 14.29 51 ปขี ึ้นไป คิดเป็นรอ้ ยละ 17.86
43
ระดับความพึงพอใจ
าก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทส่ี ดุ x S.D. รอ้ ยละ ความหมาย
4321
9 5 0 0 4.32 0.76 86.43 มาก
8 4 0 0 4.43 0.73 88.57 มาก
7 3 0 0 4.54 0.68 90.71 มากที่สดุ
1 0 0 0 4.61 0.49 92.14 มากทีส่ ุด
7 3 0 0 4.54 0.68 90.71 มากทสี่ ุด
1 0 0 0 4.61 0.49 92.14 มากที่สุด
0 3 0 0 4.43 0.68 88.57 มาก
0 1 0 0 4.57 0.56 91.43 มากท่ีสดุ
4 2 0 0 4.36 0.61 87.14 มาก
3 2 0 0 4.39 0.62 87.86 มาก
0 7 0 0 4.14 0.79 82.86 มาก
4.45 0.64 88.96 มาก
ย ครง้ั ท่ี 2/2563 โครงการพัฒนาทกั ษะการคิดเคราะหแ์ ก่ผเู้ รียน
ชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวิชาชพี โดยรวมอยใู่ นระดบั มากท่สี ดุ
จำนวนช่ัวโมงการจัดกจิ กรรมพัฒนาวิชาชพี แบบชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวิชาชีพ
(Professional Learning Community : PLC) เพ่อื ใช้เปน็ ฐานขอ้ มูลของคุรสุ ภา
หมายเหตุ : จำนวนชั่วโมงเขา้ ร่วมกจิ กรรมของสมาชกิ (ผูส้ อน) ทำหนา้ ท่ี ๒ บทบาท คอื ครผู ูส้ อน
(Model Teacher) ๗ ชั่วโมงต่อวงรอบ และครรู ว่ มการเรียนรู้ (Buddy Teacher) ๓ ชั่วโมงตอ่ วงรอบ
ลงชื่อ............................................ผรู้ ายงาน ลงชอ่ื ...........................................ผู้รบั รอง
(นายสทิ ธิพงศ์ บุญเมือง) (นายสทิ ธพิ งศ์ บุญเมอื ง)
หวั หนา้ โครงการ ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา
- 14 -
ภาคผนวก
- 15 -
PLC–KSP ๑
แบบเสนอโครงการเพ่อื ขอรบั เงนิ อดุ หนุนกจิ กรรม
พฒั นาวิชาชพี แบบชุมชนแห่งการเรยี นรทู้ างวชิ าชีพ (Professional Learning
Community: PLC) ประจำปี ๒๕๖๓
ส่วนท่ี ๑ ประวัติการได้รบั การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ เงินอุดหนุนกจิ กรรมพัฒนาวิชาชีพจากสำนกั งานเลขาธกิ าร
คุรสุ ภา
(ประจำปี ๒๕๕๙ – ๒๕๖๒)
ไมเ่ คย
เคย (ระบขุ อ้ มลู ไดม้ ากกวา่ ๑ ปี)
ปงี บประมาณ พ.ศ. ..............๒๕๖๐................งบประมาณทไี่ ดร้ ับอนุมัติ..............
๔๔,๐๐๐...............บาท
ชื่อโครงการ..........การพัฒนาการจัดการเรียนร้แู บบบรู ณาการตามแนวคิด STEM และ
STEAM สำหรบั ครูและบุคลากรทางการศกึ ษาในโรงเรียนระดับประถมศกึ ษา ตำบลราษฎรน์ ยิ ม อำเภอไทรน้อย
จงั หวัดนนทบุรี
รหสั สมาชกิ ๖๑๒๔๑๐๒๕
สว่ นท่ี ๒ ข้อมูลท่ัวไปของเครือข่ายพัฒนาวชิ าชีพครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
๑. ระดบั เครอื ขา่ ย (เลอื กได้เพียงระดับเดียว)
๑.๑ เครือข่ายระดบั หนว่ ยงานทางการศึกษา
๑.๒ เครอื ขา่ ยระดบั แกนนำ
๑.๓ เครือข่ายระดับพืน้ ท่กี ารศกึ ษา (TSIP)
๑.๔ เครอื ข่ายระดบั โรงเรยี นรว่ มพัฒนาวชิ าชีพ
๒. ชื่อเครือข่าย: โรงเรยี นชมุ ชนวัดราษฎรน์ ิยม (ใหร้ ะบุเป็นชื่อหน่วยงาน)
๒.๑ ทอ่ี ย/ู่ ที่ต้ังเครือขา่ ย: ........๔๘........ หม่ทู .ี่ ....๖...... ตรอก/ซอย................. ถนน
..........................................
ตำบล/แขวง........ราษฎร์นยิ ม........... อำเภอ/เขต.................ไทรนอ้ ย............................
จงั หวัด........นนทบรุ ี................ รหสั ไปรษณยี .์ ..................
๑๑๑๕๐.......................................
๒.๒ ตดิ ตอ่ : โทรศัพท์................๐๒-๙๘๕๕๖๒๒........... โทรสาร.................
๐๒๙๘๕๕๖๒๒........................
โทรศัพท์เคลอ่ื นท่.ี ......๐๘๖๕๘๓๔๓๘๓.......
อีเมล chumchonwatratniyom@nonedu๒.go.th
- 16 -
๓. หัวหน้าโครงการ: นายสิทธพิ งศ์ บุญเมือง
๓.๑ เลขบตั รประจำตวั ประชาชน ๓ ๕ ๗ ๐ ๔ ๐ ๐ ๓ ๘ ๕ ๐ ๔ ๐
๓.๒ ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพ ประเภท................ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา.........................
เลขทีใ่ บอนุญาตประกอบวชิ าชพี ๕ ๘ ๑ ๒ ๐ ๖ ๕ ๐ ๐ ๘ ๖ ๘ ๓ ๑
๓.๓ ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการโรงเรียน วทิ ยฐานะ ชำนาญการ กลุ่มสาระ...................-...................
๓.๔ ที่อยู่: ๙๙/๗๕ หมู่ ๑๑ หมู่บ้านศรีประจักษ์ ๕ ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ๑๑๑๑๐
๓.๕ ตดิ ตอ่ : โทรศพั ท์ ๐๒-๙๘๕-๕๖๒๒ โทรสาร ๐๒-๙๘๕-๕๖๒๒
โทรศพั ทเ์ คล่ือนท่ี ๐๘๖-๘๙๑-๕๓๒๙ อเี มล sitthipong@nonedu๒.go.th
๔. เลขานกุ าร/ผ้ปู ระสานงาน: นางสาวสุชานัน พัชโรรส
๔.๑ เลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑ ๑ ๐ ๑ ๔ ๐ ๐ ๐ ๓ ๕ ๓ ๒ ๒
๔.๒ ใบอนุญาตประกอบวชิ าชพี ประเภท.........คร.ู .......
เลขทใี่ บอนญุ าตประกอบวชิ าชีพ ๕ ๙ ๒ ๐ ๐ ๖ ๕ ๐ ๕ ๗ ๔ ๔ ๖ ๘
๔.๓ ตำแหน่ง...........คร.ู ......... วทิ ยฐานะ...................-............................ กลุ่มสาระ.....ภาษาต่างประเทศ
....
๔.๔ ท่ีอยู่: ๓๙/๕ หมู่ ๘ ต.ราษฎรน์ ยิ ม อ.ไทรนอ้ ย จ.นนทบุรี ๑๑๑๕๐
๔.๕ ตดิ ตอ่ : โทรศัพท์ ๐๒-๙๘๕-๕๖๒๒ โทรสาร ๐๒-๙๘๕-๕๖๒๒
โทรศัพท์เคลือ่ นท่ี ๐๘๖-๕๘๓-๔๓๘๓ อเี มล maewja๑@gmail.com
๕. หน่วยงานตน้ สังกดั สพม. สอศ. สกอ.
กทม. อปท. กศน.
สพป. อน่ื ๆ (ระบุ).................
สช.
ตชด.
๖. ภาค กรุงเทพและภาคกลาง ตะวนั ออก เหนือ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ใต้
ส่วนท่ี ๓ รายละเอียดโครงการท่เี สนอขอรบั การสง่ เสรมิ สนบั สนุนเงินอดุ หนนุ กจิ กรรมพฒั นาวิชาชีพ
๑. ชอื่ โครงการ การพัฒนาทกั ษะการคดิ วิเคราะห์แก่ผ้เู รียนโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นฐาน
ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรทู้ างวิชาชีพ PLC
๒. เปา้ หมายการพัฒนา (เลือกเปา้ หมายทช่ี ดั เจนทีส่ ดุ อยา่ งน้อย ๑ เปา้ หมาย)
๒.๑ การจัดการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์
๒.๒ การจัดการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
๒.๓ การพฒั นาทกั ษะการรหู้ นงั สือ
๒.๔ วนิ ยั
๒.๕ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม
๒.๖ วทิ ยาการคำนวณ
๒.๗ การใช้ภาษาอังกฤษในการจดั การเรยี นรู้
๒.๘ เศรษฐกจิ พอเพียง
- 17 -
๒.๙ ศาสตรพ์ ระราชา
๓. หลักการและเหตุผล
พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และฉบับแกไ้ ข (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ กำหนดแนวทางการจดั
การศึกษาไว้ในมาตรา ๒๔ ข้อ ๒ “ฝกึ ทักษะกระบวนการคิด การจดั การ การเผชญิ สถานการณ์ และประยุกต์
ความร้มู าใช้เพื่อป้องกนั และแก้ไขปัญหา” และ ข้อ ๓ “จดั กจิ กรรมให้ผู้เรียนได้เรยี นรู้จากประสบการณ์จริง ฝึก
การปฏบิ ัตใิ หท้ ำได้ คิดเป็น ทำเป็น รกั การอ่าน และเกิดการใฝ่รูอ้ ย่างต่อเน่ือง” นอกจากน้ี หลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ใหค้ วามสำคญั กับความสามารถดา้ นการคิดวเิ คราะห์โดยกำหนดไว้ใน (๑)
โครงสร้างหลกั สูตร ซง่ึ แยกเป็น ๒ กลุ่ม กล่มุ แรก ( ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสังคมศกึ ษา
ศาสนาและวฒั นธรรม ) จัดการเรยี นการสอนเพ่ือสร้างพืน้ ฐานการคิด และเปน็ กลยทุ ธ์ในการแก้ปัญหา สว่ นกลุม่
ท่ี ๒ ( สขุ ศึกษาและพลศึกษา ศลิ ปะ การงานอาชพี และเทคโนโลยี และภาษาตา่ งประเทศ ) จดั การเรยี นการสอน
เพ่ือเสริมสรา้ งพน้ื ฐานความเปน็ มนุษย์ และสรา้ งศกั ยภาพในการคิดและการทำงานอย่างสร้างสรรค์ (๒) แนว
ทางการวดั ผล โดยผ้เู รียนตอ้ งผ่านการประเมินการอา่ น การคิดวิเคราะห์ และเขียน
โรงเรียนชมุ ชนวัดราษฎร์นิยม ไดต้ ระหนักถงึ ความสำคัญที่จะพัฒนาคณุ ลักษณะดา้ นการคิดใหเ้ กิดกบั
ผ้เู รียน
ทกุ ระดับช้ัน เพ่ือใหเ้ ป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. การศกึ ษาแหง่ ชาติ และ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้
พ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ จงึ ไดน้ อ้ มนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาเป็นหลักคิด เพ่ือฝึกฝนใหผ้ เู้ รียนมี
กระบวนการและทักษะในการคดิ วิเคราะห์ โดยรว่ มกนั พัฒนากระบวนการจัดการเรยี นการสอนแบบบรู ณาการใน
๘ กลุม่ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น และฐานการเรยี นรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงจำนวน
๙ ฐาน ผ่านกระบวนการชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวิชาชีพ (PLC)
๔. วัตถปุ ระสงค์ (กิจกรรมที่ปฏบิ ตั ิ/ สงิ่ ทีจ่ ะพัฒนาให้เกดิ ข้ึนแก่ผูเ้ รยี นที่วดั ผลไดช้ ัดเจน)
๔.๑ เพื่อใหค้ รจู ัดการเรยี นเรียนรู้โดยใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นฐาน โดยบูรณาการกบั ๘ กลุ่ม
สาระการเรยี นรู้ และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น
๔.๒ เพอ่ื จดั ทำฐานการเรยี นรู้ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งอยา่ งยง่ั ยืน จำนวน ๙ ฐาน
๔.๓ เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นมที ักษะการคดิ วิเคราะห์ ผ่านกระบวนการถอดบทเรยี นตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง
๔.๔ เพื่อจัดอบรมเชงิ ปฏิบัติการการทำแผนการเรียนรูโ้ ดยบรู ณาการหลกั เศรษฐกจิ พอเพียงใหค้ รูที่เข้ารว่ ม
โครงการ
๔.๕ เพอ่ื ใชก้ ระบวนการเครือขา่ ยชมุ ชนแห่งการเรียนร้รู ่วมแก้ปัญหาการจัดการเรยี นการสอนเพื่อพฒั นา
ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์
- 18 -
๕. แผนการขบั เคลอ่ื นงานชุมชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชพี
กจิ กรรม วัน เดือน ปี (โปรดระบุช่วงเวลา)
วงรอบท่ี ๑ วงรอบท่ี ๒ วงรอบท่ี ๓
๕.๑ การประชมุ ชแ้ี จงสมาชกิ และการจดั ทีม PLC ๒๐ มี.ค.๖๓
(ทีมละประมาณ ๒ – ๕ คน)
๕.๒ การกำหนดเป้าหมายการพัฒนาและเป้าหมายนกั เรยี น ๒๐ มี.ค.๖๓
๕.๓ การออกแบบแนวคิดการออกแบบการสอน ๓๐ เม.ย.๖๓ ๓๐ พ.ค.๖๓ ๒๙ ม.ิ ย. ๖๓
เพ่อื พฒั นานักเรียน ๒๕ พ.ค.๖๓ ๑๕ ม.ิ ย.๖๓ ๒๐ ก.ค.๖๓
๕.๔ การเปดิ ชั้นเรียน/ การสังเกตช้ันเรียน
๕.๕ การสะท้อนคิดหลังเปิดช้ันเรียน ๒๖ พ.ค.๖๓ ๑๖ มิ.ย.๖๓ ๒๑ ก.ค.๖๓
๕.๖ สรปุ ถอดบทเรยี นเพ่ือค้นหานวตั กรรมการแกป้ ญั หา ๒๗ พ.ค.๖๓ ๑๗ มิ.ย.๖๓ ๒๒ ก.ค.๖๓
๖. ระยะเวลาการดำเนนิ โครงการ
เร่มิ ต้น วัน ๑ เดือน มนี าคม ปี ๒๕๖๓
สิน้ สุด วนั ๑๐ เดือน สิงหาคม ปี ๒๕๖๓ (ตอ้ งส่งรายงานผลฯ ไม่เกินวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓)
๗. รายช่ือสถานศกึ ษาท่ีปฏบิ ัตกิ จิ กรรม จำนวน.....๓....แห่ง ประกอบด้วย
โรงเรยี นชุมชนวัดราษฎร์นิยม โรงเรยี นดมี ากอปุ ถมั ภ์ และโรงเรยี นบา้ นคลองพระพิมล
- 19 -
๘. แผนการใชจ้ า่ ยงบประมาณ (ระบุรายละเอยี ดให้ชัดเจน)
งบประมาณทขี่ อรบั เงินอุดหนนุ จำนวน..........๕๑,๖๐๐......บาท
ไม่ขอรับเงินอุดหนนุ
การใช้จ่ายงบประมาณ วงรอบที่ ๑ วงรอบท่ี ๒ วงรอบที่ ๓ รวมทั้งสน้ิ
๘.๑ คา่ ตอบแทน (บาท) (บาท) (บาท) (บาท)
๑) วทิ ยากร ๗,๒๐๐ ๓,๖๐๐ - ๑๐,๘๐๐
๘.๒ ค่าใชส้ อย
๑) ค่าพาหนะ ๓,๐๐๐ ๓,๐๐๐ ๓,๐๐๐ ๙,๐๐๐
๒) ค่าสถานท่ี ๑,๕๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๓,๕๐๐
๘.๓ ค่าวัสดุ
๑) วสั ดุสำนกั งาน ๒,๕๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๓,๐๐๐
๒) ค่าหมกึ พิมพ์ ๑,๕๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๓,๐๐๐
๓) ค่ากระดาษ ๑,๕๐๐ ๑,๕๐๐ ๑,๕๐๐ ๓,๙๐๐
๔) วัสดุ-อปุ กรณภ์ ายในฐานการเรยี นรูต้ ามหลกั ปรชั ญา ๙,๐๐๐ ๓,๐๐๐ ๓,๐๐๐ ๑๕,๐๐๐
ของเศรษฐกจิ พอเพียง ๙ ฐาน
- การปลูกมะนาว
- การปลกู แก้วมงั กร
- การเพาะเห็ดนางฟา้ ภฏู าน
- การทำนำ้ ยาลา้ งจาน
- การทำสบู่
- การทำนำ้ หมักชวี ภาพ
- การงานอาชพี
- การเยบ็ ปักถักร้อย
- การปลูกพืชผกั สวนครัว
๘.๔ คา่ ใชจ้ ่ายอน่ื ๆ --- -
รวมท้ังสิน้ ๕๑,๖๐๐
หมายเหตุ ทั้งนี้การใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมการจดั
งาน และการประชุมระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๕๕ หรือระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิก
ค่าใชจ้ า่ ย ในการบริหารงานของส่วนราชการ พ.ศ.๒๕๕๓ ตามลกั ษณะกิจกรรมท่กี ำหนด
- 20 -
๙. สมาชิกที่เข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาวชิ าชีพ จำนวน ๓๔ คน ประกอบด้วย
ครู จำนวน......๓๑....คน ผบู้ รหิ ารการศึกษา จำนวน................คน
ผู้บริหารสถานศกึ ษา จำนวน......๓…...คน ศึกษานิเทศก์ จำนวน.......๕.......คน
อาจารยม์ หาวทิ ยาลัย จำนวน...............คน นักวชิ าการศกึ ษา จำนวน.................คน
ปราชญ์ชาวบ้าน จำนวน.......๑......คน ผ้ทู รงคณุ วุฒิ จำนวน…………....คน
หมายเหตุ : (แบบรายช่ือแนบทา้ ย)
๑๐. เปา้ หมายเชงิ ปรมิ าณ/คุณภาพ
เปา้ หมายเชิงปรมิ าณ
1. จดั อบรมเชิงปฏบิ ตั ิการการทำแผนการจัดการเรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
2. นักเรยี นร้อยละ ๘๐ มีทักษะในการถอดบทเรยี นตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้
3. นกั เรียนรอ้ ยละ ๘๐ มที ักษะการคิดวิเคราะห์สงู ขนึ้
4. ครรู ้อยละ ๑๐๐ จัดการเรียนการสอนเพอ่ื พัฒนาทักษะการคิดโดยบูรณาการหลักปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี งทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
5. มีฐานการเรยี นรู้ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งทีย่ งั่ ยนื จำนวน ๙ ฐานฯ
เปา้ หมายเชิงคุณภาพ
1. นกั เรียนมีความสามารถในการคดิ วเิ คราะหต์ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
2. ครูสามารถจัดกจิ กรรมเพื่อสง่ เสรมิ ทกั ษะการคดิ โดยใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้
3. ครูมกี ารแลกเปลีย่ นเรียนรู้ และแกป้ ญั หาผ่านกระบวนการชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชีพ
4. มกี ารร่วมมือทางวิชาชพี ระหวา่ งสถานศึกษา ปราชญ์ชาวบา้ น และผ้ทู รงคุณวฒุ ิ
๑๑. ผลผลติ (Output)
ต่อผู้เรยี น/ ครูผสู้ อน/ และผู้ที่เก่ยี วข้อง (ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา เพอื่ นครู ผูป้ กครอง ชมุ ชน ฯลฯ)
๑. มีการจดั อบรมเชิงปฏบิ ตั ิการการทำแผนการจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
๒. ครูจำนวน ๒๘ คน มีแผนการจดั การเรยี นร้ตู ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งท่ีมี
ประสทิ ธิภาพ
คนละ ๑ แผน
๓. นักเรียนสามารถถอดบทเรียนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจากเรอ่ื งที่เรียนได้
๔. มฐี านการเรยี นรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จำนวน ๙ ฐานการเรยี นรู้
๑๒. ผลลัพธ์ (Outcome)
ตอ่ ผเู้ รียน/ ครผู สู้ อน/ และผู้ท่ีเกีย่ วข้อง (ผู้บริหารสถานศึกษา เพ่ือนครู ผ้ปู กครอง ชุมชน ฯลฯ)
1. ครจู ำนวน ๒๘ คนสามารถจัดกิจกรรมเพ่อื พฒั นาทักษะการคิดได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพทกุ กลุ่ม
สาระการเรียนรู้
2. นักเรียนจาก ๓ โรงเรียนทีเ่ ข้าโครงการสามารถถอดบทเรียนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ
พอเพียง
ได้
๓. นกั เรยี นจาก ๓ โรงเรียนทีเ่ ข้าโครงการ มีทักษะการคดิ วิเคราะห์สูงขน้ึ
- 21 -
๔. ฐานการเรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จำนวน ๙ ฐาน มีการใหค้ วามรู้
ครบถ้วน
รอบดา้ น และสอดคลอ้ งกับบรบิ ทและความตอ้ งการของชุมชน
๕. ชุมชนมสี ่วนรว่ มในการพัฒนาการจดั การศึกษา
๑๓. ผลกระทบ (Impact)
ต่อผู้เรยี น/ ครผู ้สู อน/ และผู้ท่ีเก่ียวขอ้ ง (ผ้บู ริหารสถานศึกษา เพื่อนครู ผปู้ กครอง ชุมชน ฯลฯ)
1. ผเู้ รียนมีทักษะการคดิ วเิ คราะห์สงู ขึน้
2. ครูสามารถจัดการเรยี นการสอนได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
3. มสี งั คมแห่งการเรยี นรู้ซงึ่ เอ้ือเฟ้อื ช่วยเหลอื แบ่งปันกนั แบบกัลยาณมิตร กอ่ ให้เกดิ ชมุ ชนแหง่
การเรยี นรูท้ างวิชาชพี ท่ีเขม้ แขง็
4. ผู้บริหารสามารถบรหิ ารงานไดอ้ ย่างรอบคอบและมปี ระสิทธิภาพ
5. ชมุ ชนได้ใช้ประโยชนจ์ ากฐานการเรยี นรูต้ ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๑๔. การบรู ณาการการจดั กจิ กรรมพฒั นาวิชาชพี แบบชุมชนแห่งการเรียนรทู้ างวิชาชีพ กับจรรยาบรรณ
วิชาชีพ
ผู้บรหิ าร ศกึ ษานเิ ทศก์ ครผู สู้ อน และชมุ ชน มสี ่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยบูรณาการการ
จัดการกจิ กรมพฒั นาวชิ าชพี แบบชมุ ชนแหง่ การเรียนรรู้ ว่ มกัน เพ่อื ใชศ้ ักยภาพของแต่ละบุคคลเพื่อช่วย
เติมเตม็ ให้การจัดการเรียนการสอนมปี ระสิทธิภาพสงู สดุ มีการให้คำปรึกษา แนะนำ รว่ มตรวจสอบแกไ้ ข
การวางแผนดำเนนิ งานต่างๆ จนบรรลุเป้าหมายของการจัดทำ.โครงการ เสริมสร้างสงั คมแหง่ การเรียนรทู้ ี่
แท้จริง โดยยึดถือจรรณยาบรรวิชาชพี เป็นหลกั ในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สงู สดุ แกผ่ ู้เรยี น
ข้าพเจา้ ขอรับรองว่าข้อความท่แี สดงไวข้ า้ งต้น เป็นความจริงทุกประการ
ลงชื่อ..............................................หัวหน้าโครงการ ลงชอื่ ..............................................ผู้รบั รอง
(นายสิทธพิ งศ์ บุญเมือง) (นายสทิ ธพิ งศ์ บญุ เมือง)
ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรียน ตำแหนง่ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น
- 22 -
ภาคผนวก
คู่มือการวัดและประเมนิ ผล
- 23 -
1. รูปแบบการวัดและประเมินผลพฒั นาการของคุณภาพครแู ละผเู้ รียน ทผ่ี ่านกระบวนการ
ชมุ ชนแหง่ การเรียนรูท้ างวชิ าชพี อยา่ งเปน็ ระบบ
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
กิจกรรมการเรยี นรู้
๘ กลมุ่ สาระฯ
และกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น
ฐานการเรยี นรู้ กระบวนการ
ตามหลักปรชั ญา ชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้
ของเศรษฐกิจพอเพียง
ความตอ้ งการของชุมชน
หลกั สตู รสถานศกึ ษา
โดยสรปุ เป้าหมายการวัดผลประเมินผลของการจดั การเรยี นรู้ตามหลักปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียง โดยใช้กระบวนการชุมชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชีพ (PLC) คือ การทบทวนของ
ครูเพอ่ื ศิษย์ เพ่อื ให้รู้ว่ากระบวนการทจี่ ดั ข้นึ ได้พานักเรียนไปสูเ่ ป้าหมายในการเปน็ พลเมอื งท่สี ามารถ
ดแู ลตนเอง ครอบครวั และสังคมไดม้ ากเพียงใดและนำมาแก้ไขปรับปรงุ ในทันที การจัดดำเนินการ
วดั ประเมินตามเป้าหมายดังกล่าวนจี้ ะเป็นพนื้ ฐานสำคัญทีส่ ง่ ผลบวกตอ่ การประเมินคณุ ภาพในระดบั
โรงเรยี น ไมว่ ่าจะเปน็ การประเมนิ ภายใต้โครงการใดกต็ าม เปน็ การมุ่งเน้นพิจารณาการทำ “เหตใุ ห้
ถึงพรอ้ ม” ด้วยความเข้าใจชดั เจนว่าสงิ่ น้ีคือหวั ใจของภารกิจการเป็นครู ส่วนผลอันใดทเี่ กดิ ขน้ึ มา
จากความอุตสาหะในการปรบั ปรงุ อยา่ งต่อเนอ่ื งน้ีจะสะทอ้ นอย่ใู นตวั ช้ีวัดใดบา้ งก็เป็นอกี หน่ึงชดุ ของ
ขอ้ มูลย้อนกลบั ใหค้ รูไดม้ องเห็นคณุ ภาพของนักเรยี นผ่านการเทียบวัดในมิตติ ่างๆ เปน็ การเลือกวาง
ความใส่ใจใหถ้ ูกท่ี เหมอื นกับทีค่ รูทกุ คนลว้ นมงุ่ หวงั ให้นกั เรยี นใส่ใจเรยี น เพอื่ ให้“ร”ู้ ไมใ่ ชเ่ พอื่ จำไป
ตอบใหส้ อบผา่ น การวางใจให้ถกู ที่ตอ่ ระบบการประเมินผลกค็ วรจะเป็นเช่นเดียวกนั
- 24 -
การออกแบบการวัดและประเมินผล
การออกแบบการวัดและประเมินผลมหี ลักทฤษฎีท่ีตอ้ งคำนึงถงึ และเป้าหมายของการ
วัดผล ขั้นตอนทวั่ ไปทค่ี รตู อ้ งดำเนินการในการสอนแต่ละชนั้ เรียนคอื การให้เกรดเมื่อนักเรียนเรียน
จบภาคเรยี น ซึ่งเปน็ การวัดประเมนิ ผลแบบที่เรยี กว่า Summative Assessment เพ่ือสรปุ ตดั สินว่า
นกั เรยี นมีความรู้ตามเกณฑม์ ากน้อยเพียงใด แตเ่ ม่ือการเรียนรู้มุ่งขยายออกไปสกู่ ารเนน้ ทักษะวธิ ี
เรียนรทู้ กั ษะการคดิ และทกั ษะจำเป็นอื่นๆ ที่เปน็ ไปตามความต้องการของโลกที่กำลังเปลยี่ นแปลงไป
อยา่ งรวดเรว็ การออกแบบการวัดและประเมนิ ผลการเรียนทุกหมวดจึงตอ้ งปรับวธิ ีการท่จี ะสะทอ้ น
ใหเ้ ห็นทักษะทพี่ ึงประสงคแ์ ละเป็นไปตามเปา้ หมายหรอื เจตจำนงคข์ องการวดั ผล ซ่งึ ได้กลา่ วกนั
ท่วั ไปในแวดวงของนักการศึกษาวา่ การวดั ประเมินผลควรให้นำ้ หนักมากขึน้ กับการวดั เพือ่ วินิจฉัย
(Diagnosis) ใหค้ รูเข้าใจความต้องการเฉพาะตัวในการเรียนรขู้ องนักเรยี น รวมถึงการวัดเพือ่
ปรบั ปรุงกระบวนการเรยี นรู้(Formative Assessment) ซง่ึ แนวปฏบิ ัติของการวัดและประเมนิ ผล
การเรียนรู้ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ สำนักวิชาการและมาตรฐาน
การศกึ ษาได้ระบุว่า “ควรวัดและประเมนิ การเรยี นรู้อยา่ งตอ่ เนอ่ื งไปพรอ้ มกับการจดั การเรียนการ
สอน ต้องให้ความสำคญั กับการประเมินระหว่างเรียนมากกว่า
การประเมนิ ปลายภาค” การเปลยี่ นแปลงของการวัดประเมินผล
วิธกี ารวดั ประเมินผล
การวัดและประเมนิ ผลพฒั นาการของคณุ ภาพครูและผเู้ รียนของโครงการการพัฒนา
ทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ์ กผ่ ู้เรยี นโดยใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเปน็ ฐาน ผ่านกระบวน
การชุมชนแหง่ การเรียนรูท้ างวชิ าชีพ PLC ไดก้ ำหนดการวดั ประเมนิ ผลไว้ในสามลกั ษณะ คอื
๑. การวดั ประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) คอื
การประเมินความรู้ทกั ษะ ความสามารถ คุณลักษณะหรือพฤตกิ รรมของผ้เู รยี นทเี่ กดิ ข้นึ ใน
สภาพการณจ์ ริง (A real life context)
๒. การวัดประเมินการปฏิบัติ (Performance Assessment) คือ การวัดประเมิน
กระบวนการ (Process) และผลผลติ (Product) ของการปฏิบตั ทิ ส่ี ะทอ้ นความรูท้ ักษะ
ความสามารถ คณุ ลกั ษณะ หรือ พฤตกิ รรมของผู้เรยี นท่สี าธิตหรือแสดงออกมาให้เหน็
๓. การวัดประเมินด้วยแฟม้ สะสมงาน (Portfolio Assessment) คอื การวัดประเมนิ
ความรู้ ทักษะ ความสามารถ หรือคุณลักษณะของผเู้ รยี นจากข้อมลู หลักฐานที่บง่ ช้คี วามเพียร
พยายาม ความก้าวหน้าและผลสมั ฤทธิข์ องผ้เู รียนในแฟม้ สะสมงาน (Portfolios) ทีเ่ กบ็ รวบรวม
และจดั เรยี งอยา่ งเป็นระบบภายในระยะเวลาหนงึ่ ๆ
แผนการวดั และประเมนิ ผลพฒั นาการของคณุ ภาพครูและผเู้ รียน
โครงการการพฒั นาทกั ษะการคิดวเิ คราะหแ์ ก่ผเู้ รยี นโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นฐานผา่ นกระบวนการชุมชนแหง่ การเรียนรทู้ างวิชาชีพ PLC
- 25 -
การวดั ประเมินตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment)
การออกแบบการวดั ผลตามสภาพจรงิ จะทำใหก้ ารวัดผลมลี ักษณะดงั ตอ่ ไปน้ี
๑. มีการดำเนินการอย่างตอ่ เน่ืองควบคไู่ ปกับการเรียนร้แู ละนำผลมาใช้ในการปรับปรงุ
พฒั นา กจิ กรรมการเรียนรู้ในทันที
๒. เปดิ โอกาสให้นกั เรียนไดใ้ ชค้ วามสามารถท่ีแท้จริงออกมามากกวา่ การมงุ่ ตอบคำถามที่
มี เพียงคำตอบถกู ผิดท่กี ำหนดไวใ้ หเ้ ลือกวิธีแสดงผลงานในแบบทีต่ ้องการได้
๓. เปน็ ไปเพอ่ื การพฒั นากระบวนการเรยี นรมู้ ากกวา่ การตัดสนิ วา่ มคี วามร้เู พยี งใด
๔. เน้นการวัดผลงานท่เี ชือ่ มโยงกบั โลกของความเป็นจริงหรอื สถานการณ์จรงิ
๕. ส่งเสริมให้นักเรยี นได้ประเมนิ ตนเองและประเมินโดยเพื่อนนักเรียน
กิจกรรมการเรียนรู้ทเ่ี ปน็ ตัวอยา่ งมีขั้นตอนที่ให้นักเรียนไดท้ บทวนการเรยี น ร้ขู องตนเอง
ท้งั ในแง่กระบวนการและเนื้อหา ทำเองหรือทำรว่ มกันเป็นกลุ่ม ไดเ้ ปน็ ผูป้ ระเมินเพอ่ื นควบคู่ ไปกบั
การประเมินของครูการวัดประเมนิ ผลกบั การเรียนรูถ้ ูกหลอมเปน็ กระบวนการเดยี วกันภายใน ชั้น
เรียน หมายความว่าการออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้กบั การวัดประเมินผลตอ้ งสอดประสานกัน เปน็
การเรียนรจู้ ากการลงมือทำในสถานการณจ์ ริง และนักเรยี นเป็นผเู้ ลือกวิธกี ารแสดงผลงาน ครูเป็นผู้
กำหนดบริบทของการเรียนร้แู ละเป็นผู้สังเกตการเรียนรู้ของนักเรยี น การใช้ทักษะความคิดขั้นสงู เพอื่
สร้างผลผลติ ขึ้นมานำเสนอตอ่ ผูท้ ่ีมีอำนาจ ตดั สนิ ใจในชุมชนดว้ ยรปู แบบวธิ ีการทีเ่ ลือกเอง
สงิ่ ทีต่ ้องมสี ำหรบั การวดั ผลในสภาพจริง
• การกำหนดเง่ือนไขให้ลงมอื ทำ โดยเป็นเงอ่ื นไขที่อย่ใู นโลกของความเป็นจรงิ ท่มี ี ความ
ท้าทายและน่าสนใจใหน้ ักเรยี นได้ใช้ทักษะเพอื่ แสดงความสามารถใหป้ รากฏ ควรเปน็ ทกั ษะทแี่ สดง
ถึงการใชก้ ารคิดวิเคราะห์ขั้นสงู คือ ความคิดเชิงวพิ ากษแ์ ละ การแกป้ ญั หา (Critical Thinking and
Problem Solving) ความคดิ สรา้ งสรรค์และ ลงมอื ทำ
• มกี ฏเกณฑ์ในการประเมิน (Rubric) ทท่ี ำใหผ้ ู้ประเมนิ และผูถ้ ูกประเมินรบั รู้ร่วมกนั เพอ่ื
นำไปสู่การใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั ทช่ี ัดเจน ช่วยใหน้ กั เรยี นสามารถประเมินตวั เองได้ ดว้ ยหลกั เกณฑ์
เดยี วกนั
• ลักษณะการประเมินตามสภาพจรงิ นีต้ อ้ งการเครอ่ื งมือท่ีใชป้ ระเมินทม่ี ากกวา่ การใช้
ข้อสอบวดั ความรู้เช่น แบบสังเกตและบันทึกโดยครแู บบวัดความกา้ วหน้าของตนเอง การจดั ประเมิน
ภายในกล่มุ เป็นตน้
แผนการวดั และประเมนิ ผลพฒั นาการของคณุ ภาพครูและผเู้ รียน
โครงการการพฒั นาทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ก่ผเู้ รยี นโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นฐานผ่านกระบวนการชมุ ชนแหง่ การเรียนรทู้ างวิชาชพี PLC
- 26 -
การวดั ประเมินการปฏิบตั ิ (Performance - Based Assessment)
เปน็ การออกแบบทม่ี ุง่ พิจารณาว่านกั เรียนสามารถนำสิง่ ทรี่ ู้ไปใช้ไดด้ เี พยี งใด ถกู ผนวกอยู่
ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีทำใหน้ กั เรียนได้รเู้ น้อื หา (Content) ไดฝ้ กึ ทกั ษะ (Process
Skills) ได้พัฒนาลักษณะนิสัยในการทำงาน (Work Habits) และไดเ้ รียนรทู้ ง้ั สาม ด้านน้ีผ่านการทำ
โจทยก์ จิ กรรมท่ีถูกออกแบบใหอ้ ยู่ ่ในโลกของความเปน็ จรงิ เปน็ การออกแบบที่
ควบรวมเอาการเรยี นรู้และการประเมนิ ผลให้ดำเนินการควบคแู่ ละเก่ยี วเนอ่ื งกัน ในการออกแบบ
โจทย์ กิจกรรมตอ้ งคำนึงถึงสององค์ประกอบ คอื นกั เรียนตอ้ งรู้อะไรและนกั เรียนควรทำอะไรได้
การกำหนด โจทย์ตอ้ งมีสิ่งตอ่ ไปนี้
• กำหนดบทบาทใหน้ ักเรยี นในสถานการณน์ ัน้ ๆ เป็นบทบาทท่ีมีอยู่ในความเป็นจรงิ เชน่
เปน็ พ่อวัยรนุ่ เปน็ ปลัดองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ทตี่ ้องแก้ปัญหา โดยทีป่ ญั หา ทกี่ ำหนดอยู่ใน
สถานการณน์ นั้ เปน็ เร่ืองทีน่ กั เรยี นมโี อกาสท่ีจะตอ้ งแก้ไขหรอื มีส่วน เกย่ี วขอ้ งในอนาคต
• ปญั หาของสถานการณ์ที่กำหนดข้นึ นัน้ มีความซบั ซ้อน คลุมเครือ ไม่ไดม้ ีทางออกท่ี เห็น
ไดช้ ดั เจนและไม่ไดม้ คี ำตอบใดทนี่ า่ จะเป็นคำตอบท่ถี กู ตอ้ งทส่ี ุด ข้อมูลท่มี ีให้มี ความย้อนแย้ง
หรอื ไมค่ รบถ้วน ซึ่งในการแกป้ ัญหาท่กี ำหนดใหน้ จี้ ะต้องใช้ กระบวนการทีน่ กั เรยี นจะนำไปใชไ้ ด้กบั
ปญั หาในชีวิตจรงิ
• นักเรียนต้องใช้ทกั ษะความคิดขนั้ สงู คอื การวเิ คราะหว์ ิพากษ์คิดแก้ไขปญั หา เพอื่
ตดั สินใจหาทางออก และทกั ษะการทำงานร่วมกันกับผูอ้ ่ืนในกลมุ่ (ถ้าเปน็ งานท่ี ตอ้ งใหท้ ำเป็นกลมุ่ )
• ใหก้ ารนำเสนองานของนักเรียนเสมอื นกบั เปน็ การปฏิบตั ขิ องจริงที่คนในบทบาทนน้ั ๆ
ควรจะทำ เช่น การทำแผนการพร้อมงบประมาณเสนอขออนมุ ัติเพ่อื แก้ปัญหา ขยะลน้ ชมุ ชน การทำ
โปสเตอรห์ รอื หนังส้ันเพือ่ สง่ เสริมใหค้ นออกกำลังกาย เป็นตน้
• มีรายละเอยี ดของลกั ษณะงานท่ีต้องการ (Performance Task List) ท่ที ำใหน้ ักเรียน รู้
องคป์ ระกอบที่คาดหวงั ของช้ินงาน ทำให้นกั เรยี นเห็นโครงสร้างของงานและ ยังสามารถประเมนิ
ตนเองจากรายการนี้ (องิ เกณฑ์) รวมทงั้ ในการร่วมใหข้ อ้ มูล ยอ้ นกลบั ในการประเมินเพ่ือนนักเรยี น
คนอนื่ ถ้าหากช้ินงานนั้นครสู ามารถหาตัวอย่าง ที่ดที น่ี ักเรียนใช้ดเู ป็นตวั อย่างไดจ้ ะช่วยให้นกั เรยี น
เขา้ ใจชัดเจนข้ึนและทุ่มเทมากขนึ้ ที่จะทำให้ดีเท่าหรือดกี ว่า
แผนการวดั และประเมนิ ผลพฒั นาการของคณุ ภาพครูและผเู้ รียน
โครงการการพฒั นาทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ก่ผเู้ รียนโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานผ่านกระบวนการชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวิชาชีพ PLC
- 27 -
การวดั ประเมินจากแฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment)
แฟ้มสะสมงานเป็นการรวบรวมผลการเรียนรอู้ ย่างเป็นระบบของนักเรยี นท่ีใช้เป็น
หลักฐานให้ครูประเมนิ ความกา้ วหนา้ และคณุ ภาพของการเรยี นรู้แฟ้มสะสมงานควรมสี ว่ นทแี่ สดงให้
เหน็ การทบทวนการเรียนรู้ของนักเรียน หลกั การคดิ ในการจัดทำเนื้อหาและการประเมนิ คณุ ภาพ
ของผลงาน การทำแฟม้ สะสมงานมอี ย่สู องลักษณะคอื แฟ้มผลงานที่สะสมช้ินงานที่นักเรยี นเลือกว่าดี
ท่ีสุด(Product)และแฟ้มทแี่ สดงกระบวนการหรือพัฒนาการของการเรียนรู้(Process) ของนกั เรียน
ในการประเมินผลโดยใช้แฟม้ สะสมงานต้องมีองค์ประกอบตอ่ ไปนี้
• การกำหนดที่ชดั เจนถงึ เน้อื หาทีค่ วรมอี ยูใ่ นแฟม้ สะสมงานซ่ึงมีสว่ นประกอบหลักคือ
ตัวอย่างงาน ความคดิ เหน็ ของนักเรียนจากการทบทวนสงิ่ ทีไ่ ดเ้ รียนรู้บันทกึ ขอ้ สังเกต
จากครูและบนั ทึกข้อสรุปในการประชมุ แฟ้มสะสมงานกบั ครู
• ครตู ้องมีขน้ั ตอนในการประเมินผล เพือ่ ให้สามารถติดตามความคืบหน้าของเน้อื หา
ในแฟ้มสะสมงานเพือ่ ใหส้ ามารถสรุปผลการประเมินได้
• ครตู ้องมีแผนท่จี ะประชมุ ทง้ั แบบที่เป็นกิจลกั ษณะและอย่างไม่เป็นทางการกับนักเรยี น
แตล่ ะคนเพอื่ ให้นักเรยี นได้รายงานถงึ ช้ินงานต่างๆ ที่ทำอย่วู า่ มคี วามคืบหน้าและ
ไดเ้ รียนรอู้ ะไรบา้ งในระหว่างการทำแฟม้ งาน การพบกบั นักเรียนรายบคุ คลเป็นสว่ นสำคัญของแฟม้
สะสมงานท้ังในแง่การสร้างการเรียนรใู้ หก้ ับนักเรียนและการประเมินผล แต่การมีนักเรียนจำนวน
มากก็นับว่าเป็นอปุ สรรคในการจดั เวลาพบกบั นกั เรียนแบบทีไ่ ดค้ ุณภาพ ครูอาจจะใชก้ ารพบเป็น
กลุ่มเลก็ ให้แนวทางในการเตรยี มตวั สำหรบั นกั เรียนเพอ่ื ทำให้ใช้เวลาไดก้ ระชับขึ้น ออกแบบให้
นกั เรียนเกดิ การแลกเปล่ยี น ให้ฟีดแบคกนั เองตามกรอบการพิจารณาทค่ี รตู ้งั ไว้โดยถอื เป็นส่วนหน่ึง
ของการทำแฟ้มสะสมงาน
ในการนำวิธกี ารประเมนิ ทัง้ สามลกั ษณะนี้ไปใช้แทนหรือใชป้ ระกอบการวัดผลแบบท่ใี ช้
การออกข้อสอบวัดความรู้อยา่ งเดิมยอ่ มข้ึนอยู่กบั การวนิ จิ ฉยั ของครู ถา้ หากมเี ปา้ หมายของการ
วดั ผลทีช่ ดั เจนแลว้ วิธกี ารวดั ประเมนิ ผลกจ็ ะถูกเลือกเพ่ือตอบสนองตอ่ เปา้ หมายน้นั ๆ อย่างลงตวั
การปรบั ไปใช้วิธกี ารวดั ผลแบบใหม่โดยขาดความชัดเจนวา่ จะวดั ผลเพอ่ื ตอบคำถามใดหรอื เป้าหมาย
ใด การใช้วิธกี ารเหล่านน้ั ก็จะไมเ่ กิดประโยชน์ทง้ั ต่อครูและต่อตวั ผู้เรยี นไดม้ ากอยา่ งทค่ี วรจะเป็น
แผนการวดั และประเมนิ ผลพฒั นาการของคณุ ภาพครูและผเู้ รยี น
โครงการการพฒั นาทกั ษะการคิดวเิ คราะหแ์ ก่ผเู้ รียนโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานผา่ นกระบวนการชมุ ชนแห่งการเรียนรทู้ างวชิ าชีพ PLC
- 28 -
การประเมนิ ตนเองของครูและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
การวดั ประเมินผลการเรยี นรมู้ ที ศิ ทางท่มี งุ่ เนน้ การประเมนิ นักเรียนรายบคุ คล
และใช้เปน็ ข้อมลู ทสี่ ะทอ้ นภาพรวมของคุณภาพการสอนมากกวา่ จะเปน็ การประเมินตัวครผู สู้ อน
โดยตรง การนำผลการสอบของนกั เรยี นไปใช้ปรับปรุงการเรยี นการสอนก็เป็นการเนน้ ปรับวิธกี าร
เพ่ือสร้างผลกระทบท่ีเกิดกบั ตวั ผู้เรียนมากกวา่ การมุ่งที่การพัฒนาครู ในฐานะท่ีครูเปน็ ผเู้ ล่นท่ีสำคัญ
ท่จี ะทำใหป้ ฏสิ มั พันธ์ระหว่างนักเรียนกับกระบวนการเรียนรู้ไดผ้ ลทพี่ ึงประสงค์ อาทิ การนำนักเรียน
ฝกึ การทบทวนวธิ คี ดิ ดคู วามคิดของตนให้เข้าใจกลไกการตอบสนองท่ีนำไปสกู่ ารเรียนรู้
(Metacognition) ถ้าหากครไู มไ่ ดใ้ ชว้ ิธกี ารนกี้ ับตนเองจนเกิดเป็นความเห็นชอบ และเป็นพลวัตร
หนง่ึ ในการเรยี นรูต้ ลอดชวี ิตของครกู ็อาจเปน็ เร่อื งท้าทายทค่ี รจู ะทำใหน้ กั เรียนเกดิ ความเขา้ ใจอย่าง
ลกึ ซึ้งในกระบวนการนี้ จงึ มุ่งเนน้ การเปน็ เจ้าของการพัฒนาศักยภาพตนเองของครูโดยไม่ตอ้ งขึ้นตอ่
แรงผลกั ดันจากภายนอก เช่น การประกนั คุณภาพการศึกษา แต่ชว่ ยใหค้ รเู หน็ ความสำคัญของการ
ทบทวนประเมนิ ผลตนเองควบคไู่ ปกับการวัดประเมินผลการเรยี นรขู้ องนักเรียน เพ่อื ท่คี รจู ะได้ตาม
ทันการเปลีย่ นแปลงและมุ่งพัฒนาตนเองควบคไู่ ปกับการพฒั นานักเรียน มคี วามสนุกกบั การเรยี นรู้
ไปพรอ้ มๆกบั นกั เรยี นไดเ้ ข้าถงึ และไดใ้ ชศ้ กั ยภาพของตนอยา่ งสมภาคภูมเิ ปน็ ตวั อยา่ งที่มองเหน็ และ
จับตอ้ งไดข้ องนักเรยี นเร่อื งการเรียนรตู้ ลอดชีวิต
เนือ้ หาอกี ส่วนหนึง่ ได้เช่อื มโยงกบั การแลกเปล่ียนเรียนรู้รว่ มสร้างและขบั เคลือ่ นชุมชน
แห่งการเรียนรู้ (Professional Learning Community) ใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ การพัฒนาตนเองที่
นำไปสกู่ ารพฒั นานักเรียน ความจรงิ วิธีการจัดการเรียนรู้และประเมินผลแบบใหม่เป็นเร่ืองที่
จำเป็นต้องมกี ารทำงานแบบบูรณาการและเรียนรู้จากการทดลอง เป็นเร่ืองท่ียากสำหรบั ครทู ่ีจะ
ทำงานตามลำพังให้ไดผ้ ลตามความคาดหวงั วิธีการของชมุ ชนแหง่ การเรียนรเู้ ปน็ วิธกี ารเดียวกับการ
ทำงานในโลกยุคใหมท่ ่ีตอ้ งอาศยั ความร่วมมอื ของผ้รู ู้หลากหลายสาขาเพอื่ ทีจ่ ะสรา้ งสิ่งใหม่ หรอื การ
เปลีย่ นแปลงทย่ี งั ไมม่ ีใครเคยเห็น ชุมชนแหง่ การเรยี นรูจ้ งึ เปน็ เรอ่ื งท่ีให้ความหวงั และนา่ จะเป็น
แหลง่ ทรพั ยากรท่ดี ี ในการช่วยให้ครูสามารถผลักดันการเรียนการสอนโดยใชห้ ลกั ปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียง การประเมนิ ผลแบบใหม่ให้เกิดข้ึนภายใต้การบูรณาการกบั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ทกุ กลมุ่
แผนการวดั และประเมนิ ผลพฒั นาการของคณุ ภาพครูและผเู้ รยี น
โครงการการพฒั นาทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ์ กผ่ เู้ รียนโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานผา่ นกระบวนการชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวิชาชพี PLC
- 29 -
คำถามสำหรับการทบทวนตนเองของครู
ภารกิจที่มีคุณค่าอย่างยงิ่ ของครคู อื การพฒั นานกั เรยี นให้เติบโตเปน็ พลเมอื งของโลกท่ี
รจู้ กั และได้ใช้ศักยภาพของตนเองให้เกิดประโยชน์สุขแห่งตนและสังคมอย่างเต็มที่ คำถามตอ่ ไปน้ี
เป็นเครอื่ งมือสำหรับการใคร่ครวญทบทวนตนเองสำหรับครูท่ีทำงานโดยใชห้ ลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียงได้การจัดสรรเวลาอย่างชัดเจน เพื่อทีจ่ ะทบทวนอยา่ งรอบดา้ น นำส่ิงทท่ี ำไดด้ ีไป
ขยายผลและลงมือทดลองใหม่กับดา้ นทยี่ ังไม่เปน็ ท่นี ่าพอใจ การปฏบิ ัตเิ ชน่ น้ีเป็นส่ิงบง่ บอกถงึ การ
เรียนรตู้ ลอดชีวติ ของครู
คำถามชุดนี้ไมม่ ีคำตอบมาตรฐานและเปน็ คำถามทค่ี รนู ำมาใช้ทบทวนตัวเองไดเ้ สมอและ
คำตอบในแต่ละชว่ งเวลาก็น่าจะแตกตา่ งกนั บางข้อเป็นคำถามใหฉ้ กุ คิดถงึ ความต่อเนือ่ งของการ
กระทำเป็นคำถามท่สี ามารถใชใ้ นการทบทวนร่วมกันกับเพ่ือนครใู นกลุ่มสาระการเรียนรเู้ ดียวกันหรอื
ต่างกลมุ่ สาระฯ ภายในโรงเรยี น และขยายไปถงึ การแลกเปล่ียนตา่ งโรงเรยี นหรอื ในกลุ่มออนไลน์
ของผู้ทม่ี ีความสนใจตรงกัน การแลกเปล่ียนระหว่างครใู นปัจจบุ นั น้ีไม่ได้ถกู จำกดั ด้วยงบประมาณ
หรือสถานท่อี กี แล้ว เพราะระบบออนไลนไ์ ดเ้ ปิดใหส้ ามารถตดิ ตอ่ สอ่ื สารได้ตลอดเวลา ขอ้ จำกัดที่
แท้จรงิ จงึ อยทู่ คี่ วามสนใจ
ใครร่ ูข้ องครูมากกว่าเรือ่ งอ่ืนๆ
กระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองของครู
• อะไรบ้างท่เี ป็นสิ่งหล่อเล้ียงหรือสร้างความกระหายใคร่รู้ (Curiosity) ของครู
อะไรบ้างท่ที ำให้ความกระตอื รือร้นตอ่ การเรียนรูล้ ดลงครูจะนำตนเองอย่างไรเพื่อคงความใฝ่เรียนรู้
ของตนเองใหต้ ่อเนือ่ ง
• สภาวะใดทท่ี ำใหเ้ กิดการเรยี นรไู้ ดด้ ที ส่ี ดุ เกดิ ขนึ้ ครง้ั สุดทา้ ยเมื่อใด
• วธิ กี ารใดบา้ งทค่ี รูคดิ วา่ ตนเองใชไ้ ด้อย่างมีประสทิ ธิภาพในการเขา้ ถึงขอ้ มูลสุขภาวะทมี่ ี
คณุ ภาพและเช่ือถือได้
• ครูใชห้ ลกั และวิธีการในการตรวจสอบความน่าเช่ือถือของแหล่งขอ้ มลู และตวั ขอ้ มูล
อย่างไรบ้าง
• ครูเคยแลกเปล่ียนเรียนรู้กับเพื่อนครูในเรือ่ งใดบ้าง และเรื่องนน้ั ๆ มตี อ่ การพัฒนาการ
ของนักเรียนอยา่ งไรบ้าง
• ครูมีประสบการณ์ในการสรา้ งวนิ ัยเพือ่ ยกระดับสขุ ภาวะของตนเองในเรื่องใดบ้าง
ประสบการณ์น้ีมีผลอย่างไรกบั การสอนเพอื่ ให้นำไปปฏิบัติ
แผนการวดั และประเมนิ ผลพฒั นาการของคณุ ภาพครูและผเู้ รียน
โครงการการพฒั นาทกั ษะการคิดวเิ คราะหแ์ ก่ผเู้ รยี นโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นฐานผ่านกระบวนการชุมชนแหง่ การเรียนรทู้ างวิชาชีพ PLC
- 30 -
ครูกระต้นุ กระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนอยา่ งไร
• ครทู ำอะไรบ้างท่ีเปน็ การกระตุ้นให้นกั เรียนชอบ ขยนั และม่นั ใจในการต้งั คำถาม
• คำถามส่วนใหญท่ ่คี รใู ช้ในช้นั เรยี นในสัปดาหท์ ี่ผา่ นมาเปน็ คำถามประเภทใด
• ครมู วี ิธีรับมือกบั ความขัดแยง้ ในเรื่องน้ีอย่างไรการเปน็ ศนู ยก์ ลางของคำตอบท่ีถูกตอ้ ง
กบั การชว่ ยใหน้ กั เรียนตัง้ คำถามทถ่ี ูกต้องเพอ่ื นำทางไปสู่การคน้ หาคำตอบดว้ ยตนเอง
• ครูได้สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรียนทบทวนการเรยี นรู้ในแบบเฉพาะตัวของนกั เรยี นอย่างไรบา้ ง
• ครูรับมือกบั ความผิดพลาดของนกั เรยี นอย่างไรและไดช้ ่วยให้นักเรยี นไดเ้ รียนรู้จาก
ความผิดพลาดนั้นๆ อย่างไรบา้ ง
ครไู ด้พัฒนานักเรยี นในทกั ษะท่เี ก่ยี วขอ้ งอย่างไร
1. กจิ กรรมการเรียนรู้นนั้ ๆ มีผลในการผลักดนั ใหน้ กั เรยี นและครูได้คดิ /ไดท้ ำในสง่ิ ใหม่
ที่ไมเ่ คยทำ มาก่อนมากน้อยเพียงใด
๒. ครทู ำอะไรบา้ งท่ีเปน็ การสนับสนุนให้นักเรยี นกล้าลองทำสิ่งใหม่กล้านำความคิดรเิ ริม่
ของตนเอง ไปลงมอื ทำ และทำอย่างมกี ารวางแผน/วัดผล
๓. ครูช่วยดำเนินการอย่างไรบา้ งทีท่ ำให้นกั เรยี นได้เรียนรพู้ ฤติกรรมการทำงานร่วมกัน
ที่จะสง่ ผล ตอ่ การปลกู ฝงั ทกั ษะการทำงานร่วมกบั ผู้อ่ืนอย่างมอื อาชพี ในวนั ขา้ งหนา้
๔. ครูได้สรา้ งโอกาสอย่างไรทที่ ำใหน้ กั เรียนไดเ้ รยี นรู้การรบั มอื กบั การเปลีย่ นแปลง ต้อง
ใช้ความ อดทนและต้องฮดึ สูเ้ พ่อื ให้สามารถทำงานท่ีทา้ ทายความสามารถไดส้ ำเรจ็
๕. ครไู ด้ฝึกให้นักเรียนสามารถรบั และให้ฟดี แบคอยา่ งไรบา้ งครูให้ฟดี แบคนักเรียนครง้ั
ลา่ สุดเมื่อใด นกั เรยี นเคยเหน็ ครแู สดงการรับฟงั ฟีดแบคจากชนั้ เรียนและนำไปใชห้ รอื ไม่ ตอนนนั้ ครู
ทำอะไร บ้างที่เปน็ ตวั อยา่ งท่ดี ีในการเปดิ รบั ฟงั ฟดี แบค
แผนการวดั และประเมนิ ผลพฒั นาการของคณุ ภาพครูและผเู้ รียน
โครงการการพฒั นาทกั ษะการคิดวเิ คราะหแ์ กผ่ เู้ รียนโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นฐานผ่านกระบวนการชุมชนแหง่ การเรียนรทู้ างวชิ าชีพ PLC
- 31 -
การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้
เปา้ หมายของชุมชนแหง่ การเรียนรู้คอื ความรว่ มมือกันของครู เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ของ
นักเรยี นดว้ ยการแลกเปลีย่ นประสบการณ์ ปญั หา และวิธีการใหมๆ่ ครูในโครงการ ๓ โรงเรยี น
ไดแ้ ก่ โรงเรียนชมุ ชนวัดราษฎรน์ ยิ ม โรงเรียนดมี ากอุปถัมภ์ และโรงเรยี นบา้ นคลองพระพิมล จะเข้า
รว่ ม ในชุมชนแห่งการเรียนรู้ทีจ่ ะสง่ ผลดตี อ่ การพฒั นาตนเองและดตี อ่ การพฒั นานักเรยี น ชุมชนแหง่
การเรียนรเู้ ป็นความสัมพันธ์ในแนวราบ คือ รูปแบบความสมั พันธท์ ีเ่ กดิ จากการรวมตวั กนั เพ่ือสร้าง
การเปลี่ยนแปลงใหก้ บั การเรียนร้ขู องนักเรยี น แมว้ ่ากิจกรรมนส้ี ว่ นหน่งึ ดำเนนิ ไป ภายใตก้ าร
สนับสนนุ ของกระทรวง ศึกษาธิการ มกี ารผลักดันผ่านสายการบังคบั บัญชาลงมาเพ่อื ขบั เคลื่อนในวง
กว้าง แต่ปจั จยั สำคัญท่ีจะขับเคล่ือนให้เป็นชุมชนท่แี ลกเปลี่ยนเรียนร้แู ละลงมือทำเพือ่ นกั เรียน
อยา่ งแทจ้ รงิ น้นั ขึ้นอยู่กบั การทำงานร่วมกนั ของสมาชิก คำถามต่อไปนี้จะชว่ ยให้ครไู ดท้ ำหน้าท่ี เข้า
ร่วมแลกเปลี่ยนเรยี นรู้อยา่ งแขง็ ขัน
คำถามเพ่ือการมีส่วนร่วมในชุมชนแหง่ การเรยี นรู้
๑. ในการเข้ารว่ มชุมชนแหง่ การเรียนรูฉ้ ันมคี วามคาดหวงั อะไรบา้ งฉนั ไดช้ ว่ ยทำให้การ
แลกเปลี่ยน ในชุมชนฯ เป็นไปตามความคาดหวังของฉัน และสมาชิกคนอ่ืนๆอยา่ งไรบา้ ง
๒. ปญั หา/เร่ืองแบง่ ปนั ทีฉ่ นั เคยนำเขา้ ไปปรึกษาแลกเปลย่ี นในชุมชน เปน็ ปัญหา/เร่อื งใด
และฉนั ได้ ข้อคิดอะไรบ้าง
๓. การเขา้ ร่วมกบั ชุมชนแห่งการเรยี นรไู้ ดช้ ว่ ยใหฉ้ ันมองเห็นตวั เอง และเขม้ แขง็ ขึ้นใน
การเปน็ ครู เพื่อศิษย์ในแง่มุมใดบ้าง
๔. ฉนั อยากใหช้ มุ ชนแห่งการเรียนร้ใู นขณะน้ขี บั เคลอ่ื นอย่างไรบ้าง อะไรที่ฉันเห็นวา่ เรา
ตอ้ งใหท้ ำ มากขน้ึ อะไรท่นี า่ จะทำน้อยลง และฉันจะมีส่วนในการทำให้เป็นเช่นนน้ั ได้อยา่ งไรบา้ ง
แผนการวดั และประเมนิ ผลพฒั นาการของคณุ ภาพครูและผเู้ รยี น
โครงการการพฒั นาทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ์ กผ่ เู้ รียนโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานผา่ นกระบวนการชมุ ชนแห่งการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี PLC
- 32 -
๒. แผนการพฒั นาครูและผเู้ รยี นโดยผา่ นกระบวนการชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวชิ าชพี ใน
แผนพัฒนาของโรงเรียน
- 33 -
- 34 -
- 35 -
- 36 -
- 37 -
- 38 -
- 39 -
- 40 -
รายชือ่ สมาชิกท่เี ขา้ รว่ มกิจกรรม
ลำดบั ชอ่ื -สกลุ ตำแหน่ง วทิ ยฐานะ
ท่ี
ผู้อำนวยการ ชำนาญการ
๑ นายสทิ ธพิ งศ์ บุญเมือง
๒ นางอรอนงค์ สดุ ใจ ครู ชำนาญการพิเศษ
๓ นางกานตช์ นิต วงศ์ทอง ครู ชำนาญการพเิ ศษ
๔ นางสาวลำเพย ทนิ สมทุ ร ครู
๕ นายชัยยล แสนธไิ ชยยา ครู ชำนาญการ
๖ นางสาวสชุ านนั พัชโรรส ครู ชำนาญการ
๗ นางวรนาถ เบญกาโต ครู
๘ นางสาวกนกพร กรวิศวยศ ครู -
๙ นางชงโค ลปุ ระสงค์ ครู -
๑๐ นางสาวศศวิ มิ ล พนั ที ครู -
๑๑ นายรัชพงษ์ ศิริมาลาตัง ครู ชำนาญการ
๑๒ นางสาววราภรณ์ ย้มิ แยม้ แสง ครู -
๑๓ นางสาวร่งุ ทิพย์ พันจนั ทร์ ครผู ชู้ ว่ ย -
๑๔ นางสาวอุมาพร พฒุ ลา ครู -
๑๕ นางสาวธนัญกรณ์ สงิ หรา ณ อยุธยา ครู -
๑๖ นางสาวณฐั กานต์ คลังนชุ ครู -
๑๗ นางสาวนติ ยา ศรนุวตั ร ครู -
๑๘ นางสาวชนติ า ดาวลอย ครู -
๑๙ นางสาวกฤษณา ประภาวิทย์ ครธู ุรการ -
๒๐ นางพจนา แกว้ พวง ครพู ี่เลยี้ ง -
๒๑ นางสาวรศั มี หงษ์สา ครผู ชู้ ว่ ย -
-
-
มพัฒนาวชิ าชีพ จำนวน ๔๒ คน
กลุ่มสาระฯ โรงเรยี น/สถานทีป่ ฏบิ ัตงิ าน สังกัด
ตำบล อำเภอ จงั หวัด
- สพป.นบ.๒
โรงเรียนชมุ ชนวัดราษฎร์นิยม
คณติ ศาสตร์ ต.ราษฎรน์ ิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี สพป.นบ.๒
ภาษาไทย โรงเรยี นชุมชนวัดราษฎร์นิยม สพป.นบ.๒
ภาษาไทย โรงเรียนชุมชนวัดราษฎรน์ ยิ ม สพป.นบ.๒
วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนชุมชนวดั ราษฎร์นิยม สพป.นบ.๒
ภาษาองั กฤษ โรงเรียนชมุ ชนวดั ราษฎร์นยิ ม สพป.นบ.๒
ภาษาไทย โรงเรียนชมุ ชนวดั ราษฎร์นยิ ม สพป.นบ.๒
ศลิ ปะ โรงเรียนชมุ ชนวดั ราษฎรน์ ิยม สพป.นบ.๒
สังคมศึกษา โรงเรยี นชุมชนวดั ราษฎร์นิยม สพป.นบ.๒
คณติ ศาสตร์ โรงเรียนชมุ ชนวดั ราษฎร์นยิ ม สพป.นบ.๒
วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนชมุ ชนวดั ราษฎรน์ ิยม สพป.นบ.๒
ปฐมวัย โรงเรียนชมุ ชนวัดราษฎรน์ ยิ ม สพป.นบ.๒
ปฐมวยั โรงเรียนชมุ ชนวัดราษฎร์นยิ ม สพป.นบ.๒
วิทยาศาสตร์ โรงเรียนชมุ ชนวดั ราษฎรน์ ยิ ม สพป.นบ.๒
การงานอาชีพ โรงเรยี นชุมชนวัดราษฎรน์ ิยม สพป.นบ.๒
การงานอาชีพ โรงเรียนชุมชนวัดราษฎรน์ ยิ ม สพป.นบ.๒
สงั คมศึกษาฯ โรงเรยี นชุมชนวดั ราษฎรน์ ิยม สพป.นบ.๒
ปฐมวัย โรงเรยี นชุมชนวัดราษฎร์นิยม สพป.นบ.๒
โรงเรยี นชุมชนวดั ราษฎรน์ ยิ ม สพป.นบ.๒
- โรงเรยี นชุมชนวัดราษฎร์นยิ ม สพป.นบ.๒
ภาษาไทย โรงเรียนชุมชนวัดราษฎรน์ ยิ ม สพป.นบ.๒
คอมพวิ เตอร์ โรงเรียนชมุ ชนวดั ราษฎรน์ ยิ ม
ลำดบั ชอ่ื -สกลุ ตำแหนง่ วิทยฐานะ
ที่
ครูผู้ชว่ ย -
๒๒ นางสาวนติ ยา มินศริ ิ ครู -
๒๓ Ms. Majorie Jabonillo Linenberger ชำนาญการ
ผอู้ ำนวยการ
๒๔ นายพุฒพิ งศ์ บุญกอบ
๒๕ นางสาวณิชาภัทร จนิ ดาวงษ์ ครู -
๒๖ นางสาวสุณิสา ศรีกลั ยานกุ ลู ครูผชู้ ว่ ย -
๒๗ นายวชิ ัย จันทร์มี ครูผู้ชว่ ย -
๒๘ นางสาวจติ ราลกั ษณ์ มว่ งกล่ำ ครูผชู้ ว่ ย -
๒๙ นางกิตติยา ดอกคำ ผอู้ ำนวยการ ชำนาญการพเิ ศษ
๓๐ นางสาวฐิตมิ า แก้วพวง ครผู ู้ชว่ ย - สุข
-
๓๑ นางสาววลัยกร มาอ่อน ครู -
-
๓๒ นายไกรศร ชุ่มศรี ครผู ้ชู ่วย -
-
๓๓ นางสาวแสงทอง สุขวหิ าร ครู -
๓๔ นางสาววารนิ ทร์ สขุ ดี ครู -
วา่ ท่ีร้อยตรีหญิงสุภาณี ชมพวู งศ์ ครู ชำนาญการพิเศษ
ชำนาญการพิเศษ
๓๕ นางสาวทพิ ย์พมาศ ศริ ริ ัตนพงศ์ ครู
ชำนาญการ
๓๖ นางสาวกลั ยา สิมาจารย์ ครู ชำนาญการ
๓๗ นายผดุงศกั ด์ิ วศิ ิษฏว์ ฒุ ิกลุ ศึกษานิเทศน์ ชำนาญการ
๓๘ นางนภสกร ผอ่ งอำไพ ศกึ ษานเิ ทศน์
๓๙ นางฉววี รรณ พรหมเมศร์ ศกึ ษานิเทศน์
๔๐ นางสาวจติ รวี วงศ์ดี ศกึ ษานิเทศน์
๔๑ นายปญั จภมู ิ หลาบคำ ศกึ ษานิเทศน์
กลมุ่ สาระฯ โรงเรยี น/สถานที่ปฏิบัติงาน สังกัด
ตำบล อำเภอ จงั หวดั สพป.นบ.๒
สพป.นบ.๒
ภาษาไทย โรงเรียนชุมชนวัดราษฎรน์ ิยม สพป.นบ.๒
ภาษาอังกฤษ โรงเรียนชมุ ชนวัดราษฎรน์ ยิ ม สพป.นบ.๒
สพป.นบ.๒
- โรงเรยี นบ้านคลองพระพมิ ล
สพป.นบ.๒
ต.ขนุ ศรี อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี
สพป.นบ.๒
ปฐมวยั โรงเรียนบ้านคลองพระพิมล สพป.นบ.๒
สพป.นบ.๒
ภาษาไทย โรงเรียนบา้ นคลองพระพมิ ล สพป.นบ.๒
สพป.นบ.๒
คณิตศาสตร์ โรงเรยี นบ้านคลองพระพมิ ล สพป.นบ.๒
สพป.นบ.๒
ภาษาอังกฤษ โรงเรียนบา้ นคลองพระพมิ ล สพป.นบ.๒
สพป.นบ.๒
- โรงเรียนดีมากอุปถมั ภ์ สพป.นบ.๒
สพป.นบ.๒
ต.ไทรใหญ่ อ.ไทรนอ้ ย จ.นนทบุรี สพป.นบ.๒
สพป.นบ.๒
ภาษาไทย โรงเรยี นดมี ากอุปถัมภ์
คอมพิวเตอร์ โรงเรียนดีมากอุปถมั ภ์
ภาษาอังกฤษ โรงเรียนดีมากอุปถัมภ์
วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนดมี ากอุปถัมภ์
ขศกึ ษาและพลศึกษา โรงเรยี นดีมากอุปถมั ภ์
ภาษาไทย โรงเรยี นดีมากอุปถัมภ์
คอมพิวเตอร์ โรงเรียนดมี ากอุปถมั ภ์
- โรงเรยี นดมี ากอุปถัมภ์
- สพป.นบ.๒
- สพป.นบ.๒
- สพป.นบ.๒
- สพป.นบ.๒
- สพป.นบ.๒
ลำดบั ชอื่ -สกลุ ตำแหน่ง วิทยฐานะ
ท่ี
ศึกษานเิ ทศน์ ชำนาญการพเิ ศษ
๓๗ นายผดงุ ศกั ด์ิ วิศิษฏ์วฒุ กิ ุล
๓๘ นางนภสกร ผอ่ งอำไพ ศึกษานเิ ทศน์ ชำนาญการพิเศษ
๓๙ นางฉววี รรณ พรหมเมศร์
๔๐ นางสาวจิตรวี วงศ์ดี ศึกษานเิ ทศน์ ชำนาญการ
๔๑ นายปญั จภูมิ หลาบคำ
๔๒ นายยวง เขียวนลิ ศกึ ษานเิ ทศน์ ชำนาญการ
ศึกษานิเทศน์ ชำนาญการ
ปราชญ์ -
ชาวบา้ น
กล่มุ สาระฯ โรงเรยี น/สถานทปี่ ฏิบตั ิงาน สงั กดั
ตำบล อำเภอ จังหวดั
- สพป.นบ.๒
- สพป.นบ.๒ สพป.นบ.๒
- สพป.นบ.๒
- สพป.นบ.๒ สพป.นบ.๒
- สพป.นบ.๒
- สพป.นบ.๒
-
สพป.นบ.๒
สพป.นบ.๒
ศูนยก์ ารเรยี นรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ต.ราษฎรน์ ยิ ม อ.ไทรน้อย จ.นนทบรุ ี
เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการดำเนินงาน ประเมนิ หรือรอ่ งรอยผลงาน