The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมรำโทน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by angsumalin2306, 2021-04-25 02:27:03

รำโทน

รวมรำโทน

สารบญั

เร่ือง หนา้

ประวัตริ ำโทนในจงั หวดั นครรำชสีมำ 1
พฒั นำกำรรำโทนในจงั หวดั นครรำชสีมำ 1
ประวตั เิ มอื งนครรำชสีมำ 2
ลักษณะทำงสงั คม วัฒนธรรม และ ประเพณี 3
พัฒนำกำรละเล่นรำโทนจงั หวัดนครรำชสมี ำ 3
บทเพลงที่ใช้ร่วมรอ้ งในกำรรำโทน 6
พฒั นำกำรกำรแต่งกำย 7
ท่ำรำแบบประยุกต์ฟ้นื ฟู 9
อำ้ งองิ 18

1

ประวตั ิรำโทนในจังหวดั นครรำชสีมำ
รำโทน เป็นกำรละเล่นพื้นบ้ำนที่นิยมเล่นกันมำแต่ครั้งโบรำณกำล แต่ไม่ทรำบแน่ชัดว่ำเร่ิมเล่นเมื่อใด

และใครเป็นคนเริ่มก่อน แต่ในโครำชเป็นกำรละเล่นที่แพร่หลำยสืบต่อกันมำกว่ำ 90 ปี แล้ว โดยใช้โทนเป็น
เคร่ืองดนตรีเพียงอย่ำงเดียว ตีประกบตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไปเพ่ือให้จังหวะ บำงหมู่บ้ำนอำจมีเคร่ืองดนตรีประกอบ
เชน่ ป่ี ระนำด ฉ่งิ ฉำบ เพื่อควำมคร้ืนเครง

โทนโครำช เป็นเคร่ืองดนตรีท่ีมีเอกลักษณ์เฉพำะ คือ นิยมใช้ดินด่ำนเกวียนปั้นเป็นรูปโทนแล้วเผำ
หน้ำโทนขึงด้วยหนังงูหรือหนังตะกวด ถ้ำตีในเวลำกลำงวันต้องผ่ึงแดดเพื่อให้หนังโทนตึง ถ้ำตีในเวลำกลำงคนื
ต้องอังไฟเพื่อให้เกิดเสียงดัง แกร่ง ไพเรำะ และดังก้องไปได้ไกลๆ ในอดีตทุกบ้ำนท่ีมีลูกสำวจะนิยมทำหรือ
ซ้ือโทนไว้ เวลำว่ำงจำกกำรทำงำนทกุ คนจะมำน่งั ล้อมวงกนั แลว้ ตโี ทนข้ึนเป็นจงั หวะ

“ปะโทนโทน ปะโทนโทน” แสดงว่ำกำรรำโทนจะเริ่มต้นขนึ้ แล้ว ฝำ่ ยหญงิ เป็นฝำ่ ยตีโทนเพรำะมือเบำ
กว่ำ ถ้ำให้ผู้ชำยเป็นฝ่ำยตี โทนจะแตก ลักษณะเช่นน้ีต่ำงไปจำกท่ีอ่ืน ซึ่งใช้ผู้ชำยเป็นผู้ให้จังหวะเพลงหรือตี
โทน หญงิ และชำยร่วมกนั ร้องเพลงให้หนมุ่ สำวคนอ่นื ๆ ได้รำ่ ยรำไปรอบวง

ภำพที่ : 1 กำรรำโทนจงั หวดั นครรำชสีมำ
ทมี่ ำ : https://sites.google.com/site/bollbb123456789/home/ra-thon-khorach
พัฒนำกำรรำโทนในจงั หวดั นครรำชสมี ำ
ประวัติและควำมเป็นมำรำโทนในจังหวัดนครรำชสีมำ ซึ่งนับเป็นศิลปะกำรแสดงพ้ืนบ้ำนที่สำคัญ
ภำยในชุมชน วัฒนธรรมกำรแสดงพื้นบ้ำน สำมำรถสะท้อนให้เห็นถึงแนวทำงกำรดำเนินชีวิตรวมถึงวัฒนธรรม
กำรเป็นอยู่ของแต่ละชุมชนได้เป็นอย่ำงดี ในทำงตรงกันข้ำมวิถีกำรดำเนินชีวิตของชุมชนน้ันๆก็เป็นปัจจัย
สำคัญท่ีเป็นตัวหล่อ หลอมวัฒนธรรมกำรแสดงพ้ืนบ้ำนให้มีรูปแบบท่ีสำมำรถสะท้อนเอกลักษณ์ของตนเองได้
อย่ำง สมบูรณ์จำกกำรรวมตัวของชุมชนที่ได้รับกำรบูรณำกำรทำงสังคม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี
จนก่อเกิดให้มีกำรแสคงเอกลักษณ์ของตนในด้ำนต่ำงๆ อำทิ ภำษำ กำรแต่งกำย กำรละเล่น ต่ำงๆของชุมชน
ดังนั้น เพ่ือที่เรำจะสำมำรถศึกษำถึงวัฒนธรรมกำรแสดงพื้นบ้ำนได้อย่ำงเข้ำใจนั้น ปัจจัยท่ีนับเป็นจุดสำคัญ
ไดแ้ ก่ พัฒนำกำรทำงสังคมของชมุ ชน ดังนัน้ ในบทนจี้ ะแบง่ เนื้อหำออกเป็น 2 สว่ น

2

1 ควำมเป็นมำ สภำพท่ัวไปของจังหวัดนครรำชสีมำ และกำรแสดงพ้ืนบ้ำนจังหวัด นครรำชสีมำ ท่ี
ปรำกฎกำรแสดงในปจั จบุ นั

2 กล่ำวถึงควำมเป็นมำและพัฒนำกำรรำโทนในจังหวัดนครรำชสีมำ ซ่ึงมีกำรปรับเปล่ียน ถึงระยะ
ได้แก่

1.รำโทนชว่ งก่อนสงครำมโลก
2.รำโทนช่วงสมัยปฏิรปู วัฒนธรรม
3.รำวงทมี่ ีกำร พฒั นำในเชิงประยกุ ต์
4.กำรฟื้นฟูท่ำรำโทนในชุมชนจังหวัดนครรำชสีมำ อันเป็นข้อมูลพ้ืนฐำนสำคัญ ยังจะได้กล่ำวถึง
รำยละเอยี ดไปตำมลำดบั ดงั น้ี

ประวัตเิ มอื งนครรำชสีมำ จำกเอกสำรได้กลำ่ วถึงประวตั ิเมืองนครรำชสมี ำไว้ดังนี้
เมืองนครรำชสมี ำถกู สรำ้ งขนึ้ ตำมพระรำชดำริของสมเดจ็ พระนำรำยณ์มหำรำช กษตั รยิ ก์ รุง ศรอี ยธุ ยำ

พ.ศ. 2199 (รัชกำลท่ี 27) ทรงดำริว่ำ ภำคอีสำนเป็นฉนวนป้องกันญวณ เขมร ลำว และ เพื่อควบคุมเขมรป่ำ
คงควรจะสร้ำงเมืองใหญ่ให้เป็นเมืองหน้ำด่ำนข้ึนใหม่ ซึ่งขณะนั้นมีเมืองพิมำย เมืองโครำช และเมืองเสมำเป็น
ชุมชนใหญ่อยู่แล้ว จึงมีพระรำชโองกำรให้พระยำยมรำช (สังข์)เป็น แม่กองไปสร้ำงเมืองหน้ำด่ำนใหม่ตำม
พระรำชดำริ

พระยำยมรำช จึงมำตรวจพ้ืนท่ีวำงแผนจะให้เมืองพิมำยคงไว้เป็นเมืองรักษำหน้ำด่ำน จะ เอำคน
โครำช และคนเสมำเป็นแรงงำนจะสร้ำงใกล้ลำตะคองเพ่ืออำศัยน้ำ และ มีลำน้ำปรุไหลผ่ำน เข้ำเมืองโดยตรง
ได้ขอช่ำงจำกกรุงศรีอยุธยำมำสร้ำงวัดกลำงนครขึ้นก่อนต้ังแต่ พ.ศ. 2200 ขณะน้ันส่งคนไปป่ำวร้องในเมือง
เสมำ และเมืองโครำชว่ำ จะมีกำรสร้ำงเมืองใหม่ทำงตะวันออกห่ำงจำกน้ี ไป 800 เส้นใหญ่โต กว้ำงขวำง มีที่
ทำไร่ ทำนำ ขอเชญิ ชวนชำวเมอื งโครำช และเมืองเสมำอพยพมำ อยู่ดว้ ยกันเถิด

พระยำยมรำชวำงแผนสร้ำงเมือง ได้กำหนดเขตตัวเมืองไวอ้ ย่ำงคร่ำวๆ ขัดแบ่งท่ีอยู่ให้ รอบๆวัดกลำง
นคร (ยังไมส่ รำ้ งเมือง) จัดทท่ี ำนำทำไรใ่ หอ้ ยู่นอกเมืองใกล้ๆพอไปมำได้ง่ำย และให้ ประชำชนทำนำทำไร่สะสม
เสบียงอำหำรเอำไว้ ขอพระรำชทำนวิสุงกำมสีมำ เป็นวัดกลำงนครได้ เมื่อ 14 มีนำคม 2204 คร้ังถึงปี พ.ศ.
2205 สมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำชทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำให้ พระยำรำมยมรำช (สังข์) ออกไปครองเมือง
โครำชใหม่ และได้พระรำชทำนแบบแปลนกำรสรำ้ ง เมือง พระยำยมรำช ออกมำถึงเมืองนครรำชสีมำ ไดใ้ ชช้ ่ือ
ว่ำ พระยำยมรำช ทรงกะหมำยแบบแปลน ลงพื้นที่จริงสร้ำงเมืองเป็นรูปสี่เหล่ียมกลองชัยเภรี กว้ำง 25 เส้น
ยำว 43 เส้น พื้นท่ีภำยในประมำณ 1,000 ไร่ ในกำรณ์น้ีได้สร้ำงประตูเมือง 4 ประตู มีป้อมปืนใหญ่ 15 ป้อม
(เมื่อมชี ้ำศึกมำรุกรำนจะ ปดิ ประตเู มือง) ประตูเมอื งท้งั 4 มีชอ่ื ดงั นี้

ประตูทิศเหนือ ช่ือ ประตูพลเสน มที ำ่ น้ำลำตะคลองจงึ เรียกประตูน้ำ
ประตทู ิศใต้ ช่ือ ประตผู ี เพรำะเป็นประตทู ใ่ี ช้นำศพออกจำกเมือง
ประตูทศิ ตะวันออก ช่ือ ประตพู ลลำ้ น
ประตูทิศตะวันตก ช่ือ ประตูชุมพล

ขณะท่ีกำลังสร้ำงเมืองอยู่น้ีคนโครำชเรียกเมืองน้ีว่ำ เมืองโครำชใหม่ เรียกเมืองโครำชเดิม ว่ำ เมือง
โครำชเก่ำ ต่อมำเรียก เมืองโครำช กับเมืองเก่ำครั้นถึง พ.ศ. 2508 ได้สร้ำงเมืองเสร็จ จึงขอ พระรำชทำนนำม
โดยเหตุผลท่ีชำวเมืองโครำช และเมืองเสมำ อพยพมำช่วยกันสร้ำง และอยู่ในเมือง นี้ สมเด็จพระนำรำยณ์
มหำรำชจึงพระรำชทำนนำมว่ำ “นครรำชสมี ำ”

3

ลกั ษณะทำงสงั คม วัฒนธรรม และ ประเพณี
นครรำชสีมำเป็นเมืองหน้ำด่ำนท่ีเป็นประตูเข้ำสู่อีสำน นับว่ำเป็นจังหวัดท่ีได้มีพัฒนำกำร กำรตั้งถิ่น
ฐำนของชุมชนโดยลำดับ จนก่อเกิดแหล่งวัฒนธรรมเก่ำแก่อันเป็นเอกลักษณ์ประจำ ท้องถิ่นท่ีรู้จักกันดีในนำม
“ชุมชน โครำช”
ชุมชนโครำช เป็นแหล่งวัฒนธรรมท่ีมีบูรณำกำรทำงวัฒนธรรมอันเก่ำแก่ ด้วยเป็นสถำนท่ี ที่รวมผู้คน
หลำยเช้ือชำติ ทำให้มีกำรแพร่กระจำยวัฒนธรรมต่ำงชำติเหล่ำน้ัน อำทิ วัฒนธรรมชุมชน โครำช อีสำน
ไทยญวณ มอญ เขมร สว่ ย เป็นต้น ซึ่งวัฒนธรรมเหล่ำนไี้ ดแ้ ทรกผำ่ นมำทำงกำร ตดิ ตอ่ จำกสภำพทำงภูมิศำสตร์
ของแหล่งพ้ืนท่ีที่มีกำรติดต่อเชื่อมกัน ทำให้เกิดกำรถ่ำยเทวัฒนธรรม ของกันและกัน ดังน้ัน จึงทำให้วิถีชีวิต
กำรเป็นอยู่ของแต่ละท้องถ่ินภำยในจังหวัดนครรำชสีมำ มี วัฒนธรรมที่แตกต่ำงกันออกไปบ้ำง ซ่ึงชำวบ้ำนใน
แต่ละท้องถ่ินที่มีเช้ือสำยไทยโครำช แท้จริงน้ัน จะมีเอกลักษณ์ประจำท้องถ่ินที่แสดงให้เห็นถึงขนบธรรมเนียม
ประเพณี อันได้แก่ วิถีชีวิต ควำมเป็นอยู่ วัฒนธรรมภำษำ กำรแต่งกำย และวัฒนธรรทกำรแสดงออก อัน
หมำยถึง กำรแสดงพื้นบำ้ นประจำทอ้ งถ่นิ

พฒั นำกำรละเลน่ รำโทนจงั หวัดนครรำชสีมำ

จำกกำรศึกษำข้อมูลกำรละเล่นรำโทนในชุมชนต่ำงๆ ในจังหวัดนครรำชสีมำผู้วิจัยพบว่ำลักษณะของ
รปู แบบในกำรละเล่นรำโทน จะมคี วำมคล้ำยคลึงและแตกต่ำงกันไปบ้ำงในบำงลักษณะ โดยควำมคล้ำยคลึงจะ
อยู่ในส่วนของขั้นตอนกำรแสดง ผู้แสดง จังหวะกำรตีโทนและเคร่ืองดนตรี ควำมแตกต่ำงที่พบได้แก่ กำรแต่ง
กำย บทเพลงทใ่ี ชใ้ นกำรแสดงรำโทน จำนวนผเู้ ลน่ เป็นตน้ ซง่ึ เน้ือหำในสว่ นดงั กลำ่ วนี้ผู้วิจยั ไดอ้ ธิบำยไวข้ ้ำงต้น
แลว้ ดงั น้นั กำรสรุปพัฒนำกำรละเล่นรำโทนจังหวัดนครรำชสมี ำ พฒั นำกำรของรูปแบบของกำรแสดงบทเพลง
และจังหวะกำรตีโทน สำหรับรำยละเอียดเก่ียวกับพัฒนำกำรทำงด้ำนนำฏลักษณ์ กลวิธีในกำรรำ กำรใช้พ้ืนท่ี
และรูปแบบ รำยละเอยี ดดงั น้ี

เรอื่ งวิเครำะห์กำรแสดงรำโทนจงั หวดั นครรำชสมี ำ 3 กล่มุ

ดงั นน้ั เนือ้ หำในส่วนของกำรพฒั นำกำรละเล่นรำโทน จงั หวัดนครรำชสีมำ สรุปตำมลำดับหวั ขอ้ ดังน้ี

1.พฒั นำกำรทำงกำรแสดง

แต่เดิมกำรละเล่นรำโทนเป็นกำรแสดงออกที่สื่อให้เห็นถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและประเพณีของคนใน
ชุมชนท้องถ่ิน ท่ีภำยหลังกำรละเล่นชนิดน้ีกลับกลำยเป็นส่วนหน่ึงของวัฒนธรรมของชำติ ในรำวปี พ.ศ.2484
ณ จุดนี้เอง รูปแบบของกำรละเล่นรำโทนในชุมชน ได้มีกำรพัฒนำปรับเปล่ียนรูปแบบในกำรละเล่น ส่งผลให้
กำรละเล่นรำโทนในชุมชนมีระเบียบขั้นตอน และพิธีกำรมำกข้ึนกว่ำแต่เดิม ในเขตพระนครฯ รัฐบำลได้
ปรับปรุงรำโทนเป็นรวง เพ่ือให้สอดคล้องกับนโยบำยทำงวัฒนธรรม มีกำรบรรจุเนื้อเพลงและท่ำรำเป็น
มำตรฐำน เรียกว่ำ รำวงมำตรฐำน หำกแต่ชำวบ้ำนในชมุ ชนแถบภูมภิ ำค ยังคงนิยมเรยี กวำ่ รำ้ โทนอย่เู ชน่ เดมิ

กำรพัฒนำปรับเปล่ียนรำโทน จะเห็นได้เด่นชัดในเขตพระนครและปริมณฑล ซึ่งกำรเปล่ียนแปลง
ผู้วิจัย ได้กล่ำวรำยละเอียดไว้แล้วในบทท่ี 2 ดังน้ันกำรพัฒนำกำรแสดงในส่วนน้ี กล่ำวถึง พัฒนำกำรทำงกำร
แสดงของโทนในจังหวดั นครรำชสีมำเทำ่ นนั้ ดงั มรี ำยละเอยี ด ดังน้ี

4

ระยะท่ี 1 กำรละเล่นรำโทนดั้งเดิม นิยมเล่นกันในช่วงตรุษสงกรำนต์ โดยจะเล่นเม่ือเวลำพลบค่ำ
หลังจำกเสร็จภำรกจิ ในกำรทำบุญทีว่ ัด เมอื่ ตกเย็นสำวๆ จะออกมำรวมตวั กนั เพื่อทีโ่ ทน เป็นกำรส่งสญั ญำณว่ำ
สำวหมู่บ้ำนน้ีจะมีกำรรำโทน หนุ่มๆ ในหมู่บ้ำนเดียวกันและหมู่บ้ำนใกล้เคียง เม่ือได้ยินเสียงก็จะออกมำร่วม
เล่นรำโทน

1.1) สำวๆ จะมีกำรเตรยี มอุปกรณ์ เพอ่ื ต้อนรับหน่มุ ๆ และมีอปุ กรณ์ในกำรแสคงดังน้ี

โทน : เคร่อื งดนตรี

ขันใสน่ ้ำลอยด้วยดอกมะลิ

ขันจอก สำหรบั ตักนำ้

ครกขนำดใหญห่ รือท่อนไม้ คร่ำครกไวส้ ำหรับวำงขันนำ้ อย่กู ลำงวง

มีกำรกอ่ กองไฟเพ่ือสำหรับองโทน

ใสแ่ สงสวำ่ งจำกตะเกียงเจำ้ พำยุ

1.2) แนวทำงกำรละเล่น ไมม่ ีพธิ ีรตี อง ผู้ชำยตอ้ นผหู้ ญงิ เป็นคู่ๆ รำเปน็ วงกลมทวนเข็มนำฬิกำ ทำ่ เป็น
แบบกรำยมือ ฝ่ำเท้ำให้เข้ำกับจังหวะกำรตีโทน ท่ีมีลักษณะกำรตีเพียงจังหวะเดียว คือ ปะ ใช่น โทน ปะ โทน
โทน

ระยะท่ี 2 รำโทนในสมัยสงครำมโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตรงกับยุคของจอมพล แปลกพิบูลสงครำม เป็น
นำยกรัฐมนตรี จำกนโยบำยของท่ำนท่ีพยำยำมส่งเสริมศิลปะพ้ืนบ้ำนรำโทนให้เป็นกำรแสดงทำงวัฒนธรรมท่ี
เป็นเอกลักษณ์ของชำติ ส่งผลให้กำรละเล่นรำโทนมีเล่นอย่ำงแพร่หลำยทั้งในเขตภำคกลำงและภูมิภำค ซ่ึงใน
บำงชมุ ชนมีกำรละเลน่ รำโทนอย่กู ่อนแล้ว ดงั เช่นแถบจังหวัดนครรำชสมี ำ ซึ่งได้รบั เอำวฒั นธรรมรำโทน ในทำง
ภำคกลำงเขำ้ มำประยกุ ต์ผสมผสำน

2.1) ในยุคนี้เร่ิมมีวัฒนธรรมของชำตติ ะวันตกเข้ำมำบ้ำงแล้ว ดังน้ันลกั ษณะท่ำรำท่ีประกอบกับจังหวะ
สมยั ใหม่ เช่น ปีกนั ชำช่ำช่ำ เริม่ มีกำรพฒั นำท้งั กระบวนกำรรำ และทำงดนตรีอยำ่ งเหน็ ได้ชดั

2.2) รูปแบบกำรละเล่น มีขั้นตอนท่ีเป็นระเบียบแบบแผนมำกขึ้น ผู้ชำยต้องไปโค้งผู้หญิงก่อน แล้ว
ทกั ทำยกนั ด้วยกำรไหว้ เมื่อรำ่ ยรำเสรจ็ ผู้ชำยจะตอ้ งพำผู้หญิงไปส่งทเ่ี ดมิ

2.3) ลักษณะกำรแสดงท่ีรำคำมวงกลมทวนเข็มนำฬิกำ มีกำรเพิ่มกำรใช้พื้นท่ี มีทิศทำงในกำรเคล่ือน
ตวั หลำกหลำยขนึ้ อำทิ เดนิ ขน้ึ -ลง ขยบั ไปทำงซ้ำย-ขวำสลบั กนั หรือหยดุ อยกู่ บั ที่

2.4) ท่ำทำงในยุคนี้ จะนำกำรรำแบบตีบทตำมเนอื้ หำและควำมหมำยของเพลงเพิ่มขึ้น

ระยะท่ี 3 รำโทนแบบฟื้นฟู เป็นกำรฟ้ืนฟูร่ำโทนของชำวบ้ำนในชุมชนต่ำงๆ ซ่ึงมีแนวทำงกำรฟ้ืนฟู
ตำมแบบฉบบั ของตน รำยละเอียดตำมแต่ละอำเภอ ดังนี้

อำเภอเมือง ชุมชนวดั ศำลำลอย มีกำรพัฒนำรำโทนอยู่ 2 รูปแบบ

5

รูปแบบท่ี 1 เป็นกำรนำเอำวัฒนธรรมด้ังเดิมของท้องถิ่นกลับมำแสดงเผยแพร่อีกครั้งหำกแต่สำมำรถ
คงไว้ได้เพียงเฉพำะรูปแบบกำรร่ำยรำ เนื่องจำกกำรเปลี่ยนแปลงของสังคมที่มีกำรพัฒนำในด้ำนเทคโนโลยี
ส่งผลใหใ้ นปัจจุบันกำรดำเนนิ ชีวิตในสังคม มกั จะเป็นสังคมเด่ียว คอื กลมุ่ ชนไม่ได้มีกำรปฏิสัมพันธ์อย่ำงเช่นแต่
ก่อน ดังน้ันลักษณะกำรรวมกลุ่มชนเพื่อประกอบกิจกรรม ต้องอำศัยโอกำสสำคัญ ไม่มีกำรละเล่นรูปแบบ
ด้ังเดิมให้เห็น กำรละเล่นรำโทนแบบฟื้นฟูในสมัยนี้ จึงไม่จำเป็นต้องอำศัยกำรตีโทนของหญิงสำวเพ่ือชักชวน
ฝ่ำยชำยมำร่วมเล่น เม่ือมีไฟฟ้ำใช้จึงไม่ต้องอำศัยแสงสว่ำงจำกตะเกียงเจ้ำพำยุ ครกกระเด่ืองท่ีนิยมใช้ในอดีต
จึงไม่จำเป็นอีกต่อไปอุปกรณ์ท่ียังคงมีอยู่ได้แก่ ขันใส่น้ำ ขันออก พำนใส่ดอกไม้ ธูปเทียนบูชำ และหำกนำ
ตะเกียงเจ้ำพำยุมำก็ไมจ่ ำเป็นตอ้ งจุดไฟ ใช้สำหรับนำมำในพิธีไหว้ครกู ่อนกำรแสดงเทำ่ น้ัน

รูปแบบท่ี 2 เป็นกำรพัฒนำทำงด้ำนกระบวนกำรร่ำยรำ ทำงชุมชนได้รับเอำกลวิธีในกำรรำตำมแบบ
กรมศิลปำกร ซึ่งทำงวิทยำลัยนำฏศิลปนครรำชสีมำ ได้ประยุกต์และปรับปรุงขึ้นดังนั้นจึงส่งผลให้กำรรำโทน
แบบฟ้ืนฟูในแบบประยุกต์น้ี มีลักษณะรูปแบบกำรแสดงเป็นไปในแนวทำงของวิทยำลัยนำฏศิลป์เสียส่วนหน่ึง
นอกจำกน้นั ลกั ษณะกำรแสดงในส่วนอื่นๆ ยังคงไว้เช่นเดมิ

อำเภอครบุรี กำรฟ้นื ฟูรำโทนในชุมชนบ้ำนแซะ

เนื่องจำกรำโทนบ้ำนแซะได้รับรูปแบบแนวทำงกำรละเล่นรำโทนมำจำกนำยแพง ซึ่งเคยรำวงในแถบ
ลพบุรี ดงั นน้ั กำรละเล่นรำโทนในชุมชนบ้ำนแชะ จะมีแนวทำงในแบบของยุคสมัยจอมพล แปลก พบิ ูลสงครำม
เน่ืองจำกลักษณะกำรที่มีกำรนำกำรรำแบบสืบทเป็นสำคัญประกอบกับเนื้อเพลงท่ีมีอยู่ในช่วงสงครำม และยัง
ได้กล่ำวถึงท่วงทำนองจังหวะของชำติตะวันตกที่เข้ำมำในสมัยน้ัน และปัจจัยสำคัญคือกำรพัฒนำปรับปรุงรำ
โทน ในยุคของสมัยจอมพล แปลกพิบูลสงครำม จะปรำกฏเด่นชดั ในแถบภำคกลำง ซึ่งกล่ำวได้ว่ำ กำรที่ชุมชน
บ้ำนแชะได้รับกำรถ่ำยทอดโทนมำจำกนำยแพงนั้น เป็นเหตุสำคัญท่ีส่งผลให้ลักษณะรูปแบบกำรแสดงจะเป็น
โทนในยุคของสมัยจอมพลแปลก พบิ ูลสงครำม

หำกแต่กำรฟ้ืนฟูของรำโทนในชมุ ชนน้ี จะเป็นกำรพัฒนำทำงด้ำนดนตรเี สียมำกกว่ำกล่ำวโดยสรุปแล้ว
กำรฟื้นฟูรำโทนบ้ำนแชะนั้นนับว่ำเป็นกำรรวบรวมศิลปะพื้นบ้ำนที่เคยร่วมรำโทนในยุคหลังสมัยสงครำมโลก
หรือผู้ที่เคยพบเห็นภำยในชุมชนของตน ให้กลับมำแสดงรำโทนอีกครั้ง เพื่อที่จะอนุรักษ์วัฒนธรรมเหล่ำน้ีไว้
และมผี สู้ ืบทอดตอ่ ไป

อำเภอจักรำช กำรฟน้ื ฟรู ำโทนบำ้ นชำค

กำรฟื้นฟูร่ำโทนบ้ำนชำค อ.จักรำช เป็นกำรฟ้ืนฟูรำโทนแบบประยุกต์ โดยรวมเอำรูปแบบท้ังกำรรำ
โทนแบบด้ังเดิมผสมผสำนกับกำรรำวงตำมแบบอย่ำงของกรมศิลปำกร กล่ำวคือมีกำรเร่ิมกำรแสดงด้วยกำร
ไหว้ จำกนน้ั เป็นกำรรำ่ ยรำโดยใช้ท่วงท่ำท้ังกำรรำกรำยมือแบบดั้งเดิมและกำรรำโดยใช้ท่ำรำแบบกรมศิลปำกร
กำรรำเป็นวงกลมตำมเขม็ นำฬกิ ำ มกี ำรเดนิ สลับข้ึน -ลง ซ้ำย - ขวำ ตำมแบบอย่ำงทม่ี กี ำรพัฒนำในระยะที่ 2

นอกจำกน้ี ยังมีกำรนำบทเพลงของท้องถ่ินมำร่วมแสดงในกำรรำโทนในแต่ละครั้งด้วย ที่สำคัญคือ
เพลงสดดุ ที ้ำวสรุ นำรี

6

บทเพลงทีใ่ ช้ร่วมร้องในกำรรำโทน

เพลงแม่สำยร้งุ

" โอค้ นงำม โอค้ นงำม ใจน้องดำนะคนงำมบ้ำนทุ่ง

พี่ต้องเดนิ ขำ้ มหนอง ว่ำยน้ำขำ้ มคลองมำด้วยใจมงุ่

ยิม้ มำอย่ำทำหน้ำยุ่ง ย้มิ มำนะอย่ำทำหน้ำยุ่ง

เชญิ แมส่ ำยรงุ้ ออกมำเล่นรำโทน (ซำ้ ) "

เพลงลมโรยโชยมำ

ลมโรยโชยมำอรุ ำระรน่ื (ชำ้ )

ลมหวลชวนชน่ื ใจนอ้ งต้องช้ำ

พี่มำทุกคำ่ เคยมำรำทุกคนื (ซ้ำ)

รกั คนอืน่ แล้วจะมำทำไม (ช้ำ)

เพลงเมฆขลำลอ่ แกว้

เมฆขลำสิมำลอ่ แกว้ รำมสูรยเ์ ห็นแล้วขวำ้ งขวำนออกไป

ขว้ำงขวำนไปถกู แก้ว เมฆขลำหนแี จวไปเสยี แล้วรำมสูรย์

แก้วเอย๋ แมแ่ กว้ เนื้ออนุ่ (ซำ้ ) เห็นใจรำมสูรยแ์ ม่คุณอย่ำหนีเลย

เมฆขลำสิมำลอ่ แก้ว รำมสูรย์เห็นแลว้ ขว้ำงขวำนออกไป

ขวำ้ งขวำนไปถูกอก นำ้ ตำไหลตกเลอื ดทว่ มปฐพี

หนุ่มสำวรักกนั ดีๆ (ซ้ำ) เลือดท่วมปฐพนี ้ำตำไหลนอง

โทนรบั โจะ๊ พรมึ ๆโจะ๊ พรึ่มพรึม

เพลงนำตกไทรโยค

เหมอื นนำ้ ตกไทรโยค

กระเซน็ ไหลโกรกหนำวเยน็ เป็นฟองฝอย

ฝงู ปลำเจ้ำก็พำกันล่องลอย (ซ้ำ)

ฉันเฝำ้ คอยอยกู่ ะแม่คงคำ (ซ้ำ)

7

พฒั นำกำรกำรแตง่ กำย
แต่เดมิ กำรละเลน่ รำโทน นบั เป็นกำรประกอบประเพณีทำงวฒั นธรรมอย่ำงหนึ่งของชุมชน ที่ชำวบ้ำน

ทุกคนต่ำงร่วมกันร่ำยรำเพ่ือควำมสนุกสนำน ด้วยสภำพสังคมท่ียังต้อยกำรพัฒนำทำงเทคโนโลยี และใน
ขณะน้ันยังนิยมกำรสวมใส่เสื้อผ้ำตำมวัตถุดิบท่ีมีอยู่ในท้องถิ่นส่งผลให้วัฒนธรรมในด้ำนกำรแต่งกำยสะท้อน
ออกมำให้เห็นตำมลักษณะกำรดำเนินชีวิตในชุมชนดังนั้นลักษณะกำรแต่งกำยในกำรรำโทนของชำวบ้ำนใน
อดีต จะมีลักษณะกำรแต่งกำยตำมวิถีของท้องถ่ินน้ันๆ กล่ำวโดยสรุปได้ว่ำกำรแต่งกำยของผู้คนชุมชนในอดีต
ท้ังในกำรทำงำนหรือกำรประกอบภำรกิจ งำนบุญ งำนวัด หรือกำรแต่งกำยที่อยู่ประจำบ้ำน มักจะสวมใส่
เคร่ืองแต่งกำยอย่ำงเดียวกันหรือมีกำรเปลี่ยนแปลงบ้ำง แต่ลักษณะโดยส่วนใหญ่ก็มีควำมคล้ำยคลึงกัน
ชำวบำ้ นจะแต่งกำยตำมฐำนะหรอื เทำ่ ที่ตนจะจดั หำมำใส่ได้ตำมสถำนท่ี เวลำ ใน โอกำสอนั เหมำะสม

ภำพท่ี : 2 กำรแตง่ กำยรำโทนแบบประยกุ ต์ อำเภอเมือง

8

ภำพท่ี : 3 กำรแตง่ กำยรำโทน อำเภอครบรุ ี
กำรพัฒนำเปลี่ยนแปลงจะอยู่ในชุมชนเมือง ในเขตจังหวัดนครรำชสีมำ โดยผู้หญิงนิยมใส่เส้ือรัดรูป
ห่มสไบพำดเฉียง นุ่งซ่ิน สวมรองเท้ำ สวมหมวก หรือทัดดอกไม้ ฝ่ำยชำยหันมำนุ่งกำงเกง เส้ือมีกระดุม แต่
ยังคงใช้ผ้ำขำวม้ำคำดเอว สวมหมวก สวมรองเท้ำตำมรัฐนิยม หำกแต่ลักษณะกำรแต่งกำยดังกล่ำวมีไม่เห็น
ได้มำกนักในชมุ ชนทีห่ ำ่ งไกลจำกตวั อำเภอเมือง

9

ท่ำรำแบบประยกุ ตฟ์ ื้นฟู มกี ำรใช้ท่ำรำตำมลำดบั เพลง ดงั นี
1.จังหวะออกใช้จงั หวะ โทน ปะ โท่น โทน่ ปะ โทน่ โท่น

ภำพที่ : 4 ใช้ทำ่ รำ สอดสรอ้ ยมำลำ

ศีรษะ : เอยี งซำ้ ย เอียงขวำ

มอื : (ญ) มือขวำตัง้ วง ระดับหำงควิ้ (ญ) มอื ซำ้ ยตั้งวง ระดับหำงค้ิว

(ช) มอื ขวำต้ังวง ระดบั ศีรษะ (ช) มือซ้ำยต้ังวง ระดบั ศีรษะ

เทำ้ : ยำ่ เท้ำขวำ ซ้ำย สลบั กันตำมจงั หวะ โดยลกั ษณะกำรย่ำเท้ำไปขำ้ งหนำ้

10

2.เพลงรำวงโครำช
รำวงๆ ขอเชญิ อนงคส์ ำวชำวโครำช พ่ีชำยเดินออกไปโคง้ ๆ แมโ่ ฉมยงอย่ำมัวนวยนำถ พอแดดอ่อนๆมำฟ้อนมำ
วำด แม่สำวโครำชขอเชญิ รำวง

ภำพท่ี : 5 ท่ำรำโบกตำ่ (ภำษำชำวบ้ำน)

ศีรษะ : เอียงซำ้ ย เอยี งขวำ

มอื : (ญ) มือซ้ำยสอดสงู ระดับแงไ่ หล่ (ญ) มือขวำสอดสูง ระดบั แง่ไหล่

(ช) มอื ขวำจีบควำ่ ระคับอก (ช) มอื ซ้ำยจีบคว่ำ

เทำ้ : ย่ำเท้ำขวำ ซำ้ ย สลับกันตำมจังหวะ โดยลักษณะกำรย่ำเทำ้ ไปขำ้ งหน้ำ

3. เพลงคำขวัญ ใชท้ ่ำรำเคยี วกนั กบั เพลงรำวงโครำช

คำขวญั เมืองรำชสีมำ คือเมืองคนกล้ำ และผำ้ ไหมดี อะไรอีกละพี ออ๋ หมโี ครำชๆ ปรำสำทหนิ และดนิ ด่ำน
เกวยี น

11

4.เพลงทำ้ วสรุ นำรี (อำเภอเมือง)
โครำชประตูอีสำนๆ เค้ำลือเล่ำขำนมีแต่ของดีๆ ย่ำโมวีรสตรี ท่ำนท้ำวสุรนำรี เป็นศักดิ์เป็นศรีของคน

บ้ำนเอง ยำ่ ยนื ทนงองอำจ เปน็ กำรประกำศไม่เคยคิดเกรง ว่ำหญงิ ไทยใจหำญนน้ั เองๆ ที่เคำ้ ชมวำ่ เก่งกล้ำแกร่ง
แปลไกว

ภำพท่ี : 6 ทำ่ บวั บำน (ภำษำชำวบ้ำน)

ศีรษะ : เอียงซำ้ ย เอยี งขวำ

มือ : (ญ) มือขวำสอดสงู ระดับแงศ่ รี ษะ (ญ) มือซำ้ ยสอดสูง ระดับแงศ่ รี ษะ

(ช) มอื ซำ้ ยจบั สง่ หลัง (ช)มือขวำจบี ส่งหลงั

เทำ้ :ยำ่ เท้ำขวำ-ซ้ำย – ขวำ ยำ่ เท้ำซ้ำย - ขวำ ซำ้ ย

วำงสนั เทำ้ ซ้ำย วำงสนั เทำ้ ขวำ

12

5. เพลงผ้ำไหม
ผ้ำไหมๆๆ ผ้ำไหมพ้ืนลำยหลำกสี ผ้ำเน้ือดีผ้ำห่มคนงำม เส้นไหมย้อมให้ถึงน้ำ สีสดใสทอลำยงำมตำ

ยำมนุ่งก็ดูสมทรง มีน้ำมีนวลและมีรำคำ ยำมใส่ก็ให้สมทรง เป็นเส้ือเป็นทรงคงดูสง่ำ ปักธงชัยเมืองผ้ำ ๆ เป็น
หนำ้ เป็นตำโครำชบำ้ นเรำ ๆ เมืองนอกเมอื งนำเคำ้ ลอื กนั ทั่ว

ภำพท่ี : 7 ตง้ั วงกลำง (เรยี กตำมลักษณะทำ่ รำทำงนำฏศลิ ป์)
ศรี ษะ : เอยี งซ้ำย เอยี งขวำ
มอื : ตัง้ วงกลำง ต้ังวงกลำง
เทำ้ : ย่ำเท้ำขวำ ซ้ำย สลับกัน โดยลกั ษณะกำรย่ำเท้ำไปข้ำงหน้ำ

13

6. เพลงหม่โี ครำช
ผดั หม่ี ๆๆ ค่วั หมี แมค่ นดเี อำถว่ั มำกวน ผดั หมีเ่ ค้ำก็ไสห่ นอ่ ถ่ัวมำชิมดูถวั ะพ่อนำยคนดี อำเภอกระโทก

โชคชัย อำเภอปักธงชยั อำเภอพิมำย มำชมิ กนั กไ็ ดซ้ อ้ื ขำยก็มี ถำ้ ซ้ือไม่คั่วกนิ กะบ้ำน ขอรบั ประกนั อรอ่ ยเด้อ

ภำพท่ี : 8 ทำ่ รำภมรเคล้ำ (เรียกตำมลกั ษณะทำ่ รำทำงนำฏศลิ ป์)

ศรี ษะ : เอยี งซ้ำย เอยี งขวำ

มือ : มือซำ้ ยจีบเขำ้ หำตัว ระดบั ปำก มือขวำจีบเข้ำหำตัว ระดับปำก

มอื ขวำต้ังวง ระดบั แง่ศีรษะ มือซ้ำยตั้งวง ระดับแงศ่ รี ษะ

เท้ำ : ย่ำเท้ำขวำ ซำ้ ย สลับกันตำมจังหวะ โดยลกั ษณะกำรย่ำเท้ำไปขำ้ งหนำ้

14

7. เพลงประสำทหนิ พมิ ำย
พิมำย ๆๆ พมิ ำยมีปรำสำทหนิ ปรำสำทหินถ่นิ เมอื งพิมำย คนโบรำณเคำ้ เอำหินกองมำเรียงต่อก้อนเทน

กันไว้ ก่อกำแพงแห่งซุ้มประตู ร่องปรำสำทอยู่ อย่ำงมีควำมหมำย สลักลวดลำยลีลำ ๆ งคงำมสง่ำมีคุณค่ำ
หลำย ทำ่ นปู่ทวอยำ่ ทวดของเรำ ๆ จำกคนร่นุ เกำ่ ถงึ คนรุน่ ใหม่ ต้องรกั ษำเอำไว้เด็ก ๆ ใหช้ ูพมิ ำยชูไทยสร้ำงคน

ภำพท่ี : 9 ทำ่ จบี สง่ หลงั (เรยี กตำมลักษณะทำ่ รำทำงนำฏศลิ ป)์
ศีรษะ : เอียงซ้ำย
มือ : มือท้ังสอง สง่ จบี ไปขำ้ งหลงั
เท้ำ : วำงสันเทำ้ ซำ้ ย

15

8. เพลงคำ่ นเกวียน
ดำ่ นเกวยี น ๆๆ ไมม่ ลี ้อเกวยี น มีแตล่ ้อรถยนต์ พระมอญก็ยงั หมนุ วน ๆ อยกู่ บั คนช่ำงปั้นดินเผำ ปั้นครก

ปั้นโอ่ง ป้นั อ่ำง และกระถำง ป้ันปลำ นกเขำ ปั้นตัวตุ๊กตำ ตุ๊กตนุ่ จำกดนิ แม่มูล มำเปน็ ดนิ เผำ จำกดินได้มีรำคำ
ฝรัง่ มังคำ่ เองอยำ่ ขำยให้เคำ้ เดย๋ี วนดี้ ่ำนเกวียนบ้ำนเรำ ๆ อยำ่ งน้อยพวกเรำเขำ้ โอเวอรท์ ำม

ภำพท่ี : 10 ทำ่ โบกสูง (ภำษำชำวบ้ำน)

ศรี ษะ : เอยี งซำ้ ย เอยี งขวำ

มือ : มือซ้ำยสอดสูง (ญ) มอื ขวำสอดสูง

มอื ขวำจีบควำ่ ระดบั อก (ช) มือซ้ำยจีบคว่ำ ระดับศีรษะ

เท้ำ : ยำ่ เท้ำซ้ำย - ขวำ ซำ้ ย 1 2 3 จงั หวะ จงั หวะที่ 4 เตะเท้ำขวำ

16

9. เพลงย่ำโม
ยำ่ โมเป็นชำวโครำช เคยเกง่ กำจเร่ืองกำรสงครำม ยอดยงิ่ แม่หญงิ สยำม ๆ ไมเ่ คยครัน่ คร้ำมต่อพวกศัตรู

วำงแผนให้หญิงโครำช จับดำบฟันฟำคป้องกันศัตรู พระยำพิชัยก็เอำไม่อยู่ ทหำรลำวก็เอำไม่อยู่ เพรำะกำร
ต่อสขู้ องคณุ หญิงโม

ภำพท่ี : 11 ใช้ท่ำรำปกั ตะไคร้ (ภำษำชำวบำ้ น)
ศรี ษะ : เอียงซ้ำย - ขวำ ตำมทศิ ทำงของมือ
มือ : มือจบี ม้วนเขำ้ หำตวั สลบั ซ้ำย - ขวำ ระดับเขำ่ ทง้ั สองดำ้ น
เทำ้ : ย่อเข่ำลง ตบเท้ำขวำตำมจงั หวะ

17

ภำพท่ี : 12 ใช้ท่ำรำปกั ตะไคร้ (ภำษำชำวบำ้ น)
ศรี ษะ : เอียงซ้ำย - ขวำ ตำมทิศทำงของมือ
มอื : มือจีบมว้ นเข้ำหำตวั สลับซำ้ ย - ขวำ ระดบั ศีรษะท้งั สองดำ้ น
เท้ำ : ย่อเข่ำลง ตบเท้ำขวำตำมจงั หวะ

18

อำ้ งอิง
รำโทนโครำช (2020) สืบค้นเมื่อ 15 เมษำยน 64 จำก

https://sites.google.com/site/bollbb123456789/home/ra-thon-khorach
ศนู ย์บรรณสำรสนเทศทำงกำรศึกษำ คณะครุศำสตร์ (2020) สืบคน้ เมื่อ 15 เมษำยน 64 จำก

http://lib.edu.chula.ac.th/libedu2017/libedu-mag-hm-lo2.asp
รำโทนโครำชปรำงคน์ คร (2020) สืบค้นเมื่อ 16 เมษำยน 64 จำก

https://bit.ly/32qEgUs
คนอีสำน เพื่อมวลชน (2020) สืบคน้ เมอื่ 16 เมษำยน 64 จำก

http://koratdaily.com/blog.php?id=11626


Click to View FlipBook Version