The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มหลักสูตรปฐมวัย 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pimyodying, 2022-09-14 03:44:06

เล่มหลักสูตรปฐมวัย 2565

เล่มหลักสูตรปฐมวัย 2565

๗. การรอย เชน การรอยลกู ปด การรอยหลอดกาแฟ การรอยหลอดดาย
๘. การสาน เชน การสานกระดาษ การสานใบตอง การสานใบมะพราว

แนวการจดั กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์
๑. เตรยี มจดั โต๊ะและอุปกรณ์ใหพ้ ร้อมและเพียงพอก่อนทำกิจกรรม อย่างน้อย 2 กจิ กรรม บริษัทไว้ในหลาย

กิจกรรมและอย่างน้อย 3-4 กจิ กรรม เพอื่ ให้เดก็ มีอิสระในการเลือกทำกจิ กรรมที่สนใจ
๒. ควรสร้างข้อตกลงในการทำกจิ กรรมเพื่อฝกึ ใหเ้ ดก็ มีวินัยในการอย่รู ว่ มกนั
๓. การเปล่ียนและหมุนเวยี นทำกิจกรรม ต้องสรา้ งขอ้ ตกลงกบั เดก็ ใหช้ ัดเจน เช่น มเี พื่อนคบจำนวนที่กำหนด

แลว้ ให้คอยจนกวา่ จะมที วี่ ่าง หรือให้ทำกจิ กรรมอ่ืนก่อน
๔. กิจกรรมใดเป็นกจิ กรรมใหม่ หรือการใช้วัสดุอปุ กรณใ์ หม่ ครูจะต้องอธบิ ายวธิ กี ารทำ วธิ ีการใช้ วิธีการทำ

ความสะอาด และการเก็บของเขา้ ตรงนท้ี ี่
๕. เมื่อทำกจิ กรรมเสร็จหรือหมดเวลา ควรเตอื นให้เด็กเกบ็ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครือ่ งใช้เข้าทแี่ ละชว่ ยกนั

ดแู ลห้องใหส้ ะอาด
ส่อื กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์

๑. การวาดภาพและระบายสี
๑.๑ สเี ทยี นแท่งใหญ่ สีไม้ สีชอล์ก สีนำ้
๑.๒ การหยดสี มีกระดาษ หลอดกาแฟ สีนำ้ พู่กนั
๑.๓ กระดาษ
๑.๔ เสือ้ คลมุ หรอื ผ้ากนั เปือ้ น

๒. การเลน่ กับสนี ำ้
๒.๑ การเปา่ สี มีกระดาษ หลอดกาแฟ สีน้ำ
๒.๒ การหยดสี มกี ระดาษ หลอดกาแฟ สีนํ้า พกู นั
๒.๓ การพบั สี มกี ระดาษ สีนา้ํ พูกนั
๒.๔ การเทสี มกี ระดาษ สีนาํ้
๒.๕ การละเลงสีด้วยนว้ิ มือ มกี ระดาษ สนี ้าํ แป้งเปยี ก

๓. การพมิ พภ์ าพ
๓.๑ แม่พมิ พ์ตา่ งๆ จากของจริง เช่น น้วิ มอื ใบ้ไม้ กา้ นกล้วย
๓.๒ แม่พมิ พจ์ ากวสั ดอุ ่ืนๆ เช่น เชอื ก เสน้ ดาย ตรายาง
๓.๓ กระดาษ ผา้ เชด็ มือ สโี ปสเตอร์ หรอื สีนา้ํ หรอื สีฝุ่น

๔. การปน้ั เชน่ ดินนาํ้ มนั ดินเหนียว แปง้ โดว์ แผ่นรองปน้ั แมพ่ ิมพร์ ูปตา่ งๆ ไมน้ วดแป้ง
๕. การพบั ฉีก ตดั ปะ เช่น กระดาษ หรอื วัสดุอน่ื ๆ ท่จี ะใชพ้ บั ฉกี ตัด ปะ กรรไกรขนาดเลก็ ปลายมน กาวนํ้า
หรือแปง้ เปยี ก ผ้าเช็ดมอื
๖. การประดษิ ฐ์ เช่น เศษวัสดุต่างๆ มีกลอ่ งกระดาษ แกนกระดาษ เศษผา้ เศษไหม กาว กรรไกร สี ผ้าเช็ดมอื
๗. การร้อย เช่น ลูกปดั หลอดกาแฟ หลอดดา้ ย
๘. การสาน เช่น กระดาษ ใบตอง ใบมะพร้าว
ข้อเสนอแนะ
๑. ควรสร้างบรรยากาศในการทาํ กิจกรรมใหมคี วามสดช่ืน แจมใส แตค่ วรมีระเบยี บวินัย
๒. การจัดเตรียมวัสดอุ ุปกรณ์ ควรพยายามหาวสั ดุทองถิ่นมาใชก้ ่อนเปน็ อนั ดบั แรก

หลักสตู รการศึกษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดน้อย พทุ ธศกั ราช 2565 หนา้ 45

๓. ก้อนให้เด็กทํากิจกรรม ตอ้ งอธบิ ายวธิ ใี ชว้ ัสดุที่ถกู ต้องให้เด็กทราบ พร้อมท้งั สาธิตให้ดูจนเขา้ ใจ เชน่ การ
ใชพ้ ูก่ นั หรอื กาว จะต้องปาดพู่กันหรอื กาวนั้นกบั ขอบภาชนะทใี่ ส่ เพื่อไมใ่ ห้กาวหรือสีไหลเลอะเทอะ

๔. ควรให้เดก็ ทํากจิ กรรมศิลปะสร้างสรรคป์ ระเภทใดประมาณหนึ่งรวมกันในกลุ่มย่อย เพ่อื ฝึกการวางแผน
และการทาํ งานร่วมกันกับผู้อ่ืน

๕. ควรแสดงความสนใจและช่ืนชมผลงานของเด็กทุกคน และนําผลงานของเด็กทกุ คน หมุนเวียนจัดแสดงที่
ป้ายนเิ ทศ

๖. หากพบว่าเดก็ คนใดสนใจทาํ กิจกรรมเดียวทุกคร้ัง ควรชักชวนให้เด็กเปล่ียนทํากิจกรรมอืน่ บ้าง เพราะ
กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรคแ์ ต่ละประเภทพัฒนาเด็กแต่ละด้านแตกตา่ งกนั และเมอื่ เดก็ ทําตามทแี่ นะนาํ ได้ ควรให้แรง
เสรมิ ทางบวกทุกครงั้
๗. เม่อื เด็กทาํ งานเสร็จ ควรให้เล่าเรือ่ งเกีย่ วกบั ส่ิงทที่ ําหรือภาพทวี่ าด โดยครูหรอื ผู้สอนบันทกึ เร่ืองราวที่เด็กเล่า
และวนั ที่ทท่ี าํ เพื่อให้ทราบความกา้ วหน้าและระดบั พัฒนาการของเด็ก โดยเขียนด้วยตัวบรรจง และให้เดก็ เห็นลีลามือ
ในการเขียนท่ีถกู ต้อง และมโี อกาสคุ้นเคยกับตวั หนังสือ
๘. เกบ็ ผลงานชน้ิ ทแ่ี สดงความก้าวหนาของเด็กเปน็ รายบุคคล เพือ่ เป็นขอมูลสงั เกตพฒั นาการ ของเด็ก และเม่ือถึงวัน
สุดสปั ดาห์หรอื สองสัปดาห์หรือสิ้นเดอื น ผู้สอนควรฝากผลงานกระดาษไปให้พ่อแม่ ผู้ปกครองดบู าง เพื่อทราบ
พฒั นาการของเด็ก

๔. กจิ กรรมการเลน่ ตามมุม
กิจกรรมการเล่นตามมุม เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นกับสื่อและเครื่องเล่นอย่างอิสระ ตามมุม

เล่น/มุมประสบการณ์ ซึ่งพื้นที่หรือมุมต่างๆ เหล่านี้ เด็กมีโอกาสเลือกเล่นได้อย่างเสรีตามความสนใจ และความ
ตอ้ งการของเด็ก ทั้งเป็นรายบคุ คลและเป็นกลุ่มย่อย อนง่ึ การเลน่ ตามมุมอาจใหเ้ ดก็ เลอื กทํากิจกรรม ทีค่ รูจัดเสริมขึ้น
เช่น เกมการศกึ ษา เครื่องเลน่ สัมผสั กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ประเภทตา่ งๆ
จุดประสงค์

๑. เพอ่ื สง่ เสริมให้รจู้ กั ปรับตัวอยรู่ ่วมกบั ผ้อู ื่น มีวนิ ยั เชงิ บวก รู้จกั การรอคอย เออื้ เฟื้อเผ่อื แผ่เสียสละ และให้อภยั
๒. เพ่อื ส่งเสรมิ พฒั นาการทางดา้ นภาษา คอื การฟัง การพูด
๓. เพอ่ื ส่งเสรมิ ใหเ้ ด็กมีโอกาสปฏสิ ัมพันธ์กบั เพ่ือน ครู และส่ิงแวดลอ้ ม
๔. เพอื่ สง่ เสริมใหเ้ ด็กเกิดการเรยี นรดู้ ้วยตนเองจากการสํารวจ การสงั เกต และการทดลอง
๕. เพอื่ ส่งเสริมการคิดแกป้ ัญหา การคดิ อย่างมเี หตผุ ลเหมาะสมกบั วัย
๖. เพ่อื สงเสริมให้เด็กฝึกคดิ วางแผน และตดั สนิ ในการทาํ กิจกรรม
๗. เพื่อสง่ เสริมให้มีทกั ษะพนื้ ฐานทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์
๘. เพอื่ สง่ เสริมให้เด็กพฒั นาความคิดสร้างสรรคแ์ ละจนิ ตนาการ
ขอบขา่ ย/เนือ้ หา/กจิ กรรม
๑. การจัดมุมเลน่ หรือมุมประสบการณ์ อาจจัดได้หลายลกั ษณะ เช่น จัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ และการ
เลน่ ตามมมุ เล่นในช่วงเวลาเดียวกนั อยา่ งอิสระ
๒. มมุ บทบาทสมมติ จดั เพื่อให้เดก็ ได้เลน่ ในส่ิงท่ีชอบ เช่น เลน่ เกีย่ วกบั บทบาทของแต่ละอาชพี หรอื แต่ละ
หน้าท่ที เี่ ด็กๆ เลียนแบบบทบาท
๓. มุมบล็อก เปน็ มุมทส่ี ่งเสริมใหเ้ ด็กเรยี นร้เู ก่ียวกับมิตสิ ัมพนั ธผ์ า่ นการสรา้ ง
๔. มมุ หนงั สอื เป็นมุมท่ีเดก็ เรียนรู้เกี่ยวกบั ภาษา จากการฟัง การพูด การอา่ น การเล่าเร่ือง หรอื การยืม - คืน
หนังสอื

หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย พทุ ธศักราช 2565 หนา้ 46

๕. มมุ วทิ ยาศาสตรห์ รือมุมธรรมชาตศิ ึกษา เป็นมมุ ท่ีเดก็ ได้เรยี นรูธ้ รรมชาตริ อบตวั ผ่านการเล่น ทดลองอย่าง
งา่ ย ไดศ้ ึกษาหาความรดู้ ว้ ยการสงั เกต เปรยี บเทยี บ จดั จําแนก จดั หมวดหมู่

๖. มมุ เครอ่ื งเล่นสัมผัส เป็นมุมที่เด็กจะไดฝ้ กึ การประสานสัมพันธร์ ะหวา่ งมือกบั ตา การสรา้ งสรรค์ เช่น การ
รอคอย การสาน การต่อเข้า การถอดออก
แนวการจดั กจิ กรรมการเล่นตามมุม

๑. แนะนํามุมเลน่ ใหม่ เสนอแนะวิธใี ช้การเลน่ ของเล่นบางชนิด
๒. เดก็ และครูร่วมกนั สร้างขอ้ ตกลงเก่ยี วกบั การเล่น
๓. ครูเปิดโอกาสให้เด็กคิด วางแผน ตัดสินใจเลือกเล่นอย่างอิสระ เลือกทํากิจกรรมที่จัดขึ้นตาม ความสนใจ
ของเดก็ แต่ละคน
๔. ขณะเดก็ เลน่ /ทํางาน ครูอาจชีแ้ นะ หรือมสี ว่ นร่วมในการเลน่ กับเด็กได้
๕. เด็กต้องการความช่วยเหลือและคอยสังเกตพฤติกรรมการเล่นของเด็ก พร้อมทั้งจดบันทึก พฤติกรรมที่
นา่ สนใจ
๖. เตือนให้เดก็ ทราบลว่ งหน้ากอ่ นหมดเวลาเล่น ประมาณ ๓ - ๕ นาที
๗. ใหเ้ ด็กเก็บของเลน่ เขาทใ่ี ห้เรยี บรอ้ ยทกุ ครั้งเม่ือเสรจ็ สิน้ กิจกรรม
สอ่ื กจิ กรรมการเล่นตามมมุ
๑. มมุ บทบาทสมมติ อาจจดั เป็นมุมเล่นต่างๆ เช่น

๑.๑ มมุ บ้าน
๑) ของเล่นเครอื่ งครวั เครอื่ งใชใ้ นบ้าน เชน่ เตา กระทะ ครก กานํ้า เขียง มดี พลาสติก หม้อ จาน

ช้อน ถว้ ย ชาม กะละมัง
๒) เครือ่ งเลน่ ต๊กุ ตา เชน่ เสือ้ ผ้าต๊กุ ตา เตยี ง เปลเด็ก ต๊กุ ตา
๓) เครอื่ งแตงบานจาํ ลอง เชน ชุดรับแขก โตะเครื่องแปง หมอนอิง หวี ตลับแปง กระจกขนาดเห็น

เตม็ ตัว
๔) เคร่อื งแต่งกายบคุ คลอาชีพตา่ งๆ ทใ่ี ช้แลว้ เช่น ชดุ เคร่ืองแบบทหาร ตาํ รวจ ชุดเสือ้ ผ้าผู้ใหญ่ชาย

และหญิง รองเท้า กระเปา๋ ถือที่ไมใ่ ช้แลว้
๕) โทรศัพท์ เตารีดจาํ ลอง ทรี่ ดี ผ้าจาํ ลอง
๖) ภาพถา่ ยและรายการอาหาร

๑.๒ มุมหมอ
๑) เครอื่ งเลน่ จาํ ลองแบบเครอ่ื งมือแพทย์และอปุ กรณ์การรักษาผ้ปู ว่ ย เช่น หูฟงั เส้อื คลุมหมอ
๒) อปุ กรณ์สาํ หรบั เลยี นแบบการบนั ทึกข้อมลู ผู้ปว่ ย เช่น กระดาษ ดนิ สอ ฯลฯ
๓) เครื่องช่ังนํ้าหนกั วัดส่วนสงู

๑.๓ มุมรา้ นค้า
๑) กลอ่ งและขวดผลิตภัณฑ์ต่างๆ ท่ีใชแ้ ล้ว
๒) ผลไม้ ผกั จําลอง
๓) อปุ กรณ์ประกอบการเล่น เชน่ เคร่ืองคิดเลข ลกู คดิ ธนบตั รจําลอง ฯลฯ
๔) ป้ายชือ่ ร้าน
๕) ป้ายชือ่ ผลไม้ ผกั จาํ ลอง

หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 หน้า 47

๒. มุมบล็อก
๒.๑ ไม้บล็อกหรือแท่งไม้ที่มีขนาดและรูปทรงต่างๆ กัน เช่น บล็อกตัน บล็อกโต๊ะ จํานวน ตั้งแต่

๕๐ ช้นิ ข้ึนไป
๒.๒ ของเลน่ จําลอง เช่น รถยนต์ เครือ่ งบิน รถไฟ คน สตั ว์ ตนไ้ ม้
๒.๓ ภาพถา่ ยต่างๆ
๒.๔ ที่จัดเกบ็ ไม้บล็อกหรือแทง่ ไม้ อาจเป็นชนั้ ลงั ไมห้ รือพลาสติก แยกตามรูปทรง ขนาด

๓. มุมหนังสือ
๓.๑ หนังสอื ภาพนทิ าน หนงั สอื ภาพท่ีมีคําและประโยคสั้นๆ พร้อมภาพ
๓.๒ ชนั้ หรือท่วี างหนงั สือ
๓.๓ อุปกรณ์ต่างๆ ทใ่ี ชใ้ นการสรา้ งบรรยากาศการอ่าน เชน่ เสอ่ื พรม หมอน
๓.๔ สมุดเซ็นยมื หนังสือกลบั บ้าน
๓.๕ อปุ กรณส์ าํ หรับการเขียน
๓.๖ อปุ กรณ์เสรมิ เช่น เครอื่ งเสียง แผ่นนิทานพรอ้ มหนงั สอื นิทาน หูฟัง

๔. มมุ วทิ ยาศาสตรห์ รือมุมธรรมชาตศิ กึ ษา
๔.๑ วสั ดุต่างๆ จากธรรมชาติ เชน่ เมลด็ พชื ตา่ งๆ เปลอื กหอย ดนิ หิน แร่ ฯลฯ
๔.๒ เครื่องมือเครื่องใช้ในการสํารวจ สังเกต ทดลอง เช่น แว่นขยาย แม่เหล็ก เข็มทิศ เครื่องชั่ ง

ข้อเสนอแนะ
๑. ขณะเด็กเล่น ผู้สอนต้องสังเกตความสนใจในการเลน่ ของเด็ก หากพบว่ามุมใด เด็กส่วนใหญ่ ไม่สนใจที่จะ

เล่น ควรเปลี่ยนหรอื จดั ส่ือในมุมเล่นใหม่ เช่น มมุ บา้ น อาจดดั แปลงหรือเพิ่มเติม หรอื เปลี่ยนเปน็ มมุ ร้านค้า มุมเสริม
สวย มมุ หมอ ฯลฯ

๒. หากมุมใดมีจํานวนเด็กในมุมมากเกินไป ควรเปิดโอกาสให้เด็กคิดแก้ปัญหา สร้างข้อตกลงรวมกัน หรือ
ชักชวนเลอื กเล่นมมุ ใหม่

๓. หากเด็กเลือกมุมเล่นมุมเดียวเป็นระยะเวลานาน ควรชักชวนให้เด็กเลือกมุมอื่นๆ ด้วย เพื่อให้เด็กมี
ประสบการณ์การเรยี นร้ใู นด้านอืน่ ๆ ดว้ ย

๔. การจดั สื่อหรือเครื่องเล่นในแตล่ ะมุม ควรมกี ารทําความสะอาด และสับเปลยี่ นหรอื เพ่มิ เตมิ เป็นระยะ โดย
คํานึงถึงลําดับขั้นการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น เก็บหนังสือนิทานบางเล่ม ที่เด็กหมดความ
สนใจ และแนะนาํ หนงั สอื นทิ านใหมม่ าวางแทน

๕. กิจกรรมกลางแจ้ง
กิจกรรมการเลนกลางแจง เปนกิจกรรมที่จัดใหเด็กไดออกไปนอกหองเรียนไปสูสนามเด็กเลน ทั้งที่บริเวณ
กลางแจงและในรม เพ่อื เปดโอกาสใหเด็กเคลื่อนไหวรางกาย ออกกําลัง และแสดงออกอยางอสิ ระ โดยยดึ ความสนใจ
และความสามารถของเด็กแตละคนเปนหลกั
จุดประสงค
๑. เพื่อพัฒนากลามเนื้อใหญใหสามารถเคลื่อนไหวไดคลองแคลว และกลามเนื้อเล็กในการ ประสานสัมพันธ
ของอวยั วะตางๆ
๒. เพอ่ื สงเสริมใหมรี างกายแขง็ แรง สุขภาพดี
๓. เพื่อสงเสริมใหเกดิ ความสนุกสนาน ผอนคลายความเครียด
๔. เพอ่ื สงเสรมิ การปรบั ตวั ในการเลนและทํางานรวมกับผูอื่น

หลักสตู รการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย พทุ ธศกั ราช 2565 หนา้ 48

๕. เพอ่ื เรียนรูการระมดั ระวงั รกั ษาความปลอดภยั ทงั้ ของตนเองและผูอ่ืน
๖. เพือ่ ฝกการคิดตดั สินใจและแกปญหา
๗. เพอื่ สงเสริมใหมีความอยากรูอยากเหน็ สง่ิ ตางๆ ท่ีแวดลอมรอบตวั
๘. เพอื่ พฒั นาทกั ษะการเรยี นรูตางๆ เชน การสงั เกต การเปรยี บเทยี บ การจําแนก ฯลฯ
ขอบขาย/เนือ้ หา/กจิ กรรม
๑. เครือ่ งเลนสนาม
เครอื่ งเลนสนาม หมายถึง เคร่ืองเลนทีเ่ ด็กอาจปนปาย หมนุ โยก ซง่ึ ทาํ ออกมาในรปู แบบตางๆ เชน

๑. เครื่องเลนสาํ หรบั ปนปาย เชน ตาขายสาํ หรับปน ตนไมแหงวางนอน
๒. เคร่อื งเลนสาํ หรบั โยกหรือไกว เชน มาไม ชงิ ชา มาน่ังโยก ไมกระดก
๓. เคร่ืองเลนสาํ หรบั หมุน เชน มาหมุน พวงมาลัยรถสาํ หรบั หมุนเลน
๔. ราวโหนขนาดเลก็ สําหรับเด็ก
๕. ตนไมสาํ หรับเดนิ ทรงตวั หรอื ไมกระดานแผนเดียว
๖. เคร่อื งเลนประเภทลอเลื่อน เชน รถสามลอ รถลากจงู
๒. บอทราย
ทรายเปนสิ่งท่ีเด็กๆ ชอบเลน ทั้งทรายแหง ทรายเปยก นํามากอเปนรูปตางๆ ได และสามารถ นําวัสดอุ ืน่ มา
ประกอบการเลนตกแตงได เชน กง่ิ ไม ดอกไม เปลือกหอย พมิ พขนม ทตี่ กั ทราย
ปกตบิ อทรายจะอยูกลางแจง โดยอาจจัดใหอยูใตรมเงาของตนไมหรือสรางหลงั คา ทําขอบกน้ั เพื่อมิใหทราย
กระจัดกระจาย บางโอกาสอาจพรมนํ้าใหชื้นเพื่อเด็กจะไดกอเลน นอกจากนี้ ควรมีวิธีการปดกั้น มิใหสัตวเลี้ยงลงไป
ทาํ ความสกปรกในบอทรายได
๓. ทเ่ี ลนนาํ้
เด็กทั่วไปชอบเลนนํ้ามาก การเลนนํ้านอกจากสรางความพอใจและคลายความเครียด ใหเด็กแลว ยังทําให
เด็กเกิดการเรียนรูอีกดวย เชน เรียนรูทักษะการสังเกต จําแนก เปรียบเทียบปริมาตร อุปกรณที่ใสนํ้าอาจเปนถังที่
สร้างขึ้นโดยเฉพาะ หรืออางนํ้าวางบนขาตั้งที่มั่นคง ความสูงพอที่เด็กจะยืนไดพอดี และควรมีผาพลาสติกกันเสื้อผ้า
เปยี ก เดก็ ใชคลุมระหวางเลน
๔. บานตุกตาหรอื บานจําลอง
เปนบานจําลองสําหรับใหเด็กเลน จําลองแบบจากบานจริงๆ อาจทําดวยเศษวัสดุประเภท ผาใบ กระสอบ
ป่าน ของจริงท่ไี มใชแลว เชน หมอ เตา ชาม อาง เตารดี เคร่ืองครวั ตุกตาสมมตเิ ปนบุคคล ในครอบครัว เสอื้ ผาผูใหญ
ที่ไมใชแลวสําหรับผลัดเปลี่ยน มีการตกแตงบริเวณใกลเคียงใหเหมือนบานจริงๆ บางครั้งอาจจัดเปนรานขายของ
สถานท่ที ําการตางๆ เพอื่ ใหเดก็ เลนสมมติตามจินตนาการของเด็กเอง
๕. มมุ ชางไม
เด็กตองการออกแรงเคาะ ตอก กิจกรรมการเลนในมุมชางไมนี้จะชวยในการพัฒนากลามเนื้อ ใหแข็งแรง
ช่วยฝกการใชมือและการประสานสมั พนั ธระหวางมือกบั ตา นอกจากนย้ี ังฝกใหรกั งานและสงเสรมิ ความคดิ สรางสรรค
อีกดวย
๖. เกมการละเลน
กจิ กรรมการเลนเกมการละเลนที่จดั ใหเด็กเลน เชน เกมการละเลนของไทย เกมการละเลน ของทองถิ่น เชน
มอญซอนผา รีรีขาวสาร แมงู โพงพาง ฯลฯ การละเลนเหลานี้ตองใชบริเวณที่กวาง การเลน อาจเลนเปนกลุมเล็ก
หรือกลุมใหญก็ได กอนเลนครูอธิบายกติกาและสาธิตใหเด็กเขาใจ ไมควรนําเกมการละเลน ที่มีกติกายุงยากและเน้น
การแขงขนั แพชนะมาจดั กจิ กรรมใหกับเด็กวยั น้ี เพราะเดก็ จะเกิดความเครยี ดและ สรางความรูสึกที่ไมดตี อตนเอง

หลักสตู รการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดน้อย พทุ ธศกั ราช 2565 หน้า 49

แนวการจัดกจิ กรรมการเลนกลางแจง
๑. เด็กและครรู วมกนั สรางขอตกลง
๒. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณประกอบการเลนใหพรอม การติดตั้งเคร่ืองเลน ควรติดต้ังบนพ้ืนสนามหญา เพื่อว่า

จะไดปลอดภัย และควรติดตั้งใหหางกันพอสมควร เมื่อเกิดการพลัดตกหกลมจะไดไมฟาดถูกคนอื่น หรือ เครื่องเล่น
อนื่

๓. สาธิตการเลนเคร่อื งเลนสนามบางชนดิ
๔. ใหเดก็ เลอื กเลนอสิ ระตามความสนใจและใหเวลาเลนนานพอควร
๕. ครูควรจัดกิจกรรมใหเหมาะสมกับวัย (ไมควรจัดกิจกรรมพลศึกษา) เชน การเลนนํ้า เลนทราย เลนบาน
ตุ๊กตา เลนในมุมชางไม เลนบล็อกกลวง เครื่องเลนสนาม เกมการละเลน เลนอุปกรณกีฬาสําหรับเด็ก เลนเครื่องเล่น
ประเภทลอเลือ่ น เลนของเลนพ้ืนบาน (เดินกะลา ฯลฯ)
๖. ขณะเด็กเลนครตู องคอยดูแลความปลอดภัยและสงั เกตพฤตกิ รรมการเลน การอยูรวมกนั กบั เพ่อื นของ
เด็ก
๗. เมอ่ื หมดเวลาควรใหเดก็ เก็บของใชหรอื ของเลนใหเรยี บรอย
๘. ใหเด็กทําความสะอาดรางกายและดูแลเครอ่ื งแตงกายใหเรียบรอยหลงั เลนน
สือ่ กจิ กรรมการเลนกลางแจง
๑. เครื่องเลนสนาม เชน เครอื่ งเลนสําหรับปนปาย เครอ่ื งเลนประเภทลอเล่อื น
๒. ทเ่ี ลนทราย มีทรายละเอียด เครื่องเลนทราย เครื่องตวง
๓. ที่เลนนํ้า มีภาชนะใสนํ้า หรืออางนํ้าวางบนขาตั้งที่มั่นคง ความสูงที่เด็กจะยืนไดพอดี เสื้อคลุม อุปกรณ
เลน่ นํ้า เชน ถวยตวง ขวดตางๆ

ขอเสนอแนะ
๑. หมัน่ ตรวจตราเครอื่ งเลนสนามและอุปกรณประกอบใหอยูในสภาพที่ปลอดภัยและใชการไดดี อยูเสมอ
๒. ใหโอกาสเดก็ เลอื กเลนกลางแจงอยางอสิ ระทุกวัน อยางนอยวนั ละ ๓๐ นาที
๓. ขณะเด็กเลนกลางแจง ครูตองคอยดูแลอยางใกลชิดเพื่อระมัดระวังความปลอดภัยในการเลน หากพบว่า

เดก็ แสดงอาการเหน่อื ย ออนลา ควรใหเด็กหยดุ พกั
๔. ไมควรนํากิจกรรมพลศึกษาสําหรับเด็กระดับประถมศึกษามาใชสอนกับเด็กระดับปฐมวัย เพราะยังไม

เหมาะสมกับวยั
๕. หลังจากเลิกกิจกรรมกลางแจง ควรใหเดก็ ไดพักผอนหรือน่ังพัก ไมควรใหเด็กรับประทานอาหาร กลางวัน

หรือด่ืมนมทันที เพราะอาจทําใหเดก็ อาเจียน เกดิ อาการจกุ แนนได

๖. เกมการศกึ ษา

เกมการศกึ ษา (Didactic Games) เปนเกมการเลนทีช่ วยพัฒนาสติปญญา ชวยสงเสรมิ ใหเด็ก เกดิ การเรียนรู
เปนพื้นฐานการศึกษา รูจักสังเกต คิดหาเหตุผล และเกิดความคิดรวบยอด เกี่ยวกับสี รูปราง จํานวน ประเภท
และความสมั พนั ธเกย่ี วกับพน้ื ที่ ระยะ มกี ฎเกณฑกติกางายๆ เด็กสามารถเลนคนเดียว หรือเลนเปนกลุมได
จดุ ประสงค

๑. เพื่อฝกทกั ษะการสงั เกต จาํ แนก และเปรียบเทียบ
๒. เพ่อื ฝกการแยกประเภท การจดั หมวดหมู
๓. เพ่ือสงเสริมการคดิ หาเหตผุ ล และตัดสนิ ใจในการแกปญหา

หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 หน้า 50

๔. เพือ่ สงเสรมิ ใหเดก็ เกิดความคดิ รวบยอดเก่ียวกบั สิง่ ทไี่ ดเรยี นรู หรอื ทบทวนเนอ้ื หาท่ีไดเรยี นรู
๕. เพื่อสงเสรมิ การประสานสัมพันธระหวางมือกับตา ๖. เพอื่ ปลกู ฝงคุณธรรมและจริยธรรมตางๆ เชน ความ
รับผดิ ชอบ ความเอื้อเฟอเผอ่ื แผ
ขอบขาย/เนือ้ หา/กิจกรรม
๑. การจับคู สามารถแบงไดหลายชนิด คือ เกมจับคูที่เหมือนกันหรือสิ่งเดียวกัน เชน จับคูภาพท่ี เหมือนกัน
ทกุ ประการ จบั คูภาพกบั เงาของส่งิ เดียวกนั จับคภู าพกับโครงรางของสงิ่ เดียวกัน จบั คูภาพท่ีซอนอยู ในภาพหลกั เกม
จบั คภู าพท่เี ปนประเภทเดียวกัน เกมจับคูภาพสิ่งที่มีความสัมพนั ธกัน เกมจบั คภู าพสมั พันธ แบบตรงกันขาม เกมจับคู
ภาพสวนเตม็ กับภาพแยกสวน เกมจับคูภาพชิน้ สวนท่ีหายไป เกมจับคูภาพทีซ่ อนกนั เกมจับคูภาพที่สมมาตรกัน เกม
จับคแู บบอปุ มาอุปไมย เกมจับคูแบบอนุกรม
๒. การตอภาพใหสมบูรณ หรือภาพตัดตอเพื่อใหเด็กฝกสังเกตรายละเอียดของภาพที่เหมือนกัน หรือตางกนั
เก่ียวกบั สี รูปราง ขนาด ลวดลาย
๓. การวางภาพตอปลาย (โดมโิ น) เชน โดมิโนภาพเหมอื น โดมโิ นภาพสัมพนั ธ โดมิโนผสม
๔. การเรียงลําดับ เชน เรียงลําดับเหตุการณตอเนื่องในกิจวัตรประจําวัน วงจรชีวิตสัตว เกมเรียงลําดับตาม
ขนาด ความยาว ปรมิ าณ ปรมิ าตร จาํ นวน
๕. การจัดหมวดหมู เชน จัดหมวดหมูตามสี รูปทรง ขนาด ปริมาณ จํานวน ประเภท จัดหมวดหม ู
กบั สญั ลักษณ จัดหมวดหมภู าพซอน
๖. การศกึ ษารายละเอยี ดของภาพ (ลอตโต)
๗. การจับคูแบบตารางสมั พันธ (เมตรกิ เกม)
๘. การพื้นฐานการบวก
๙. การหาความสัมพนั ธตามลําดบั ทก่ี ําหนด
แนวการจดั กิจกรรมเกมการศกึ ษา
๑. การสอนเกมการศึกษาชุดใหม ควรสอนจากเกมงายๆ จํานวนนอยชิน้ วธิ กี ารเลนไมยงุ ยากกอน
๒. สาธิต/อธิบายวธิ เี ลนเกมอยางเปนขั้นตอนตามประเภทของเกม
๓. ใหเดก็ หมุนเวียนเขามาเลนเปนกลุมหรอื รายบุคคล
๔. ขณะท่ีเด็กเลนเกม ครเู ปนเพียงผูแนะนาํ
๕. เมื่อเด็กเลนเกมแตละชุดเสร็จเรียบรอย ควรใหเด็กตรวจสอบความถูกตองดวยตนเอง หรือ รวมกันตรวจ
กับเพือ่ น หรือครเู ปนผูชวยตรวจ
๖. ใหเด็กนาํ เกมทเ่ี ลนแลวเกบ็ ใสกลอง เขาทใ่ี หเรยี บรอยทกุ ครัง้ กอนเลนเกมชดุ อน่ื
๗. กอนหมดเวลา ๗ - ๑๐ นาที ผูสอนเตือนใหเดก็ เก็บของเขาที่ ซึ่งนอกจากจะบอกเปน คําพูดธรรมดาแล้ว
อาจรองเพลงทม่ี ีความหมายเตือนใหเก็บของเขาที่
ส่อื กจิ กรรมเกมการศกึ ษา
๑. เกมจับคู
เพ่ือใหเด็กไดฝกสงั เกตสงิ่ ที่เหมือนกนั หรอื ตางกัน ซึ่งอาจเปนการเปรียบเทียบภาพตางๆ แลว จดั เปนคๆู ตาม
จดุ มงุ หมายของเกมแตละชดุ

๑.๑ จบั คูที่เหมือนกนั หรือจับคูสิง่ ของเดยี วกัน
๑.๒ จบั คูภาพสิ่งท่ีมีความสัมพันธกัน
๑.๓ จบั คูภาพชิน้ สวนทหี่ ายไป
๑.๔ จับคูภาพท่สี มมาตรกัน

หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 หน้า 51

๑.๕ จับคูภาพท่ีสัมพันธกันแบบอุปมาอปุ ไมย
๑.๖ จับคูภาพแบบอนกุ รม
๒. เกมภาพตดั ตอ
๒.๑ ภาพตัดตอทสี่ มั พนั ธกับหนวยการเรยี นตางๆ เชน ผลไม ผัก
๒.๒ ภาพตดั ตอแบบมิตสิ ัมพนั ธ
๓. เกมวางภาพตอปลาย (โดมโิ น)
๓.๑ โดมิโนภาพเหมอื น
๓.๒ โดมิโนภาพสัมพันธ
๔. เกมเรียงลําดบั
๔.๑ เรียงลาํ ดบั ภาพเหตกุ ารณตอเนือ่ ง
๔.๒ เรียงลําดบั ขนาด
๕. เกมจัดหมวดหมู
๕.๑ ภาพสง่ิ ตางๆ ที่นาํ มาจัดเปนพวกๆ
๕.๒ ภาพเกีย่ วกบั ประเภทของใชในชีวติ ประจําวนั
๕.๓ ภาพจดั หมวดหมูตามรูปราง สี ขนาด รูปทรงเรขาคณติ
๖. เกมศกึ ษารายละเอยี ดของภาพ (ลอตโต)
๗. เกมจับคูแบบตารางสมั พันธ (เมตริกเกม)
๘. เกมพน้ื ฐานการบวก
ขอเสนอแนะ
๑. การจัดประสบการณเกมการศึกษาในระยะแรก ควรเริ่มสอนโดยใชของจริง เชน การจับคู กระปองแปงท่ี
เหมือนกนั หรอื การเรยี งลาํ ดับกระปองแปงตามลาํ ดบั สูง - ตา่ํ
๒. การเลนเกมในแตละวัน อาจจัดใหเลนท้ังเกมชดุ ใหมและเกมชดุ เกา
๓. ครอู าจใหเดก็ หมนุ เวยี นเขามาเลนเกมกบั ครทู ีละกลุม หรอื สอนทง้ั ช้ันตามความเหมาะสม
๔. ครอู าจใหเด็กทเ่ี ลนไดแลว มาชวยแนะนาํ กติกาการเลนในบางโอกาสได
๕. การเลนเกมการศึกษา นอกจากใชเวลาในชวงกิจกรรมเกมการศึกษาตามตารางกิจกรรม ประจําวันแลว
อาจใหเดก็ เลือกเลนอสิ ระในชวงเวลากิจกรรมการเลนตามมุมได
๖. การเก็บเกมที่เลนแลว อาจเก็บใสกลองเล็กๆ หรือใสถุงพลาสติก หรือใชยางรัดแยก แตละเกม แลวจัดใส
กลองใหญรวมไวเปนชดุ

๗. กจิ กรรมสง่ เสริม/พัฒนาแบบบูรณการ
โรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดน้อยได้เพิม่ เติมกิจกรรมสง่ เสริม/พัฒนาแบบบูรณาการ เพ่อื ให้เด็กได้เปลี่ยนอิริยาบถไปยัง
ห้องประกอบ และลานกิจกรรม เพ่อื ใหเ้ ด็กได้รับประสบการณจื รงิ จากการลงมือปฏบิ ัติ ซึ่งได้จัดลงในเวลาเรียนในทุก
ชนั้ เรียน ประกอบด้วยกจิ กรรมสง่ เสริม/พฒั นาแบบบรู ณาการ ๖ กิจกรรม ดังน้ี
๗.๑ กจิ กรรมส่งเสริม/พัฒนาแบบบูรณาการคอมพิวเตอร์

มขี อบขา่ ยและจุดเน้นการจัดกิจกรรม ดังนี้ คอมพิวเตอร์ เปน็ กิจกรรมท่ีใชค้ อมพวิ เตอรเ์ ป็นเครื่องมือทาง
เทคโนโลยี เพอื่ ใหเ้ ด็กไดฝ้ ึกทักษะการเรยี นรดู้ า้ นวชิ าการต่างๆ ไม่วา่ จะเป็น คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ภาษาไทย
ภาษาองั กฤษ ฝกึ การมีเจตคติท่ีดตี อ่ การเรยี นรู้ มงุ่ ม่นั ตัง้ ใจทำกิจกรรมใหส้ ำเร็จ รจู้ ักแสวงหาความรดู้ ้วยตนเองและยัง
เป็นการฝึกการประสานสมั พันธ์ระหวา่ งมือกบั ตา

หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 หนา้ 52

๗.๒ กจิ กรรมสง่ เสรมิ /พัฒนาแบบบรู ณาการภาษาจีน
มีขอบข่ายและจุดเน้นการจัดกิจกรรม ดังนี้ ภาษาจีนมุ่งเน้นพัฒนาทกั ษะทางภาษาจนี ขั้นพื้นฐาน ผ่าน

กิจกรรมที่สนุกและมีความหลากหลาย ทั้งฝึกกการฟัง การพูด การสนทนาโต้ตอบ เพื่อพัฒนาศักยภาพ การฟัง และ
การกล้าแสดงออกของเด็ก

๗.๓ กิจกรรมส่งเสรมิ /พัฒนาแบบบูรณาการพุทธมามะกะนอ้ ย
มีขอบข่ายและจุดเน้นการจัดกิจกรรม ดังน้ี การส่งเสริมให้เป็นผู้ปฏิญาณตนนับถือพระพุทธศาสนา

ความเป็นพุทธมามะกะน้อย โดยไปวัดทุกวันจันทร์ โดยปลูกฝังให้เด็กๆสืบความเป็นชาวพุทธ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพุทธ
ประวตั ิ กิจกรรมทางศาสนา การปฏิบัตธิ รรม การฝึกสมาธิ

๗.๔ กจิ กรรมส่งเสรมิ /พัฒนาแบบบูรณาการ STEAM Education
มขี อบข่ายและจุดเน้นการจัดกจิ กรรม ดังน้ี การบูรณาการเร่ือง “STEAM Education” เป็นการจดั

กิจกรรมหรือสร้างสถานการณ์ต่างๆ แล้วกำหนดปัญหาขึ้นมาให้เด็กได้ฝึกฝนการแก้ปัญหา เป็นการกระตุ้นให้เด็กได้
คิด ได้แสดงความสามารถ ได้ลงมือปฏิบัตผิ ่านกจิ กรรมท่ีหลากหลายอย่างเหมาะสมกบั วัยของเด็ก ส่งเสริมใหเ้ ด็กเกิด
ทักษะการคิด ทกั ษะด้านคณิตศาสตร์ ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ ทักษะการแสวงหาความรู้ ทกั ษะการส่ือสาร ทักษะการ
คิด วิเคราะห์ ทักษะการใช้เทคโนโลยี และทักษะทางสังคม ผสานรวมกับศิลปะที่จะช่วยกระตุ้นเรื่องความคิด
สร้างสรรค์ การสร้างแรงบนั ดาลใจ ความสขุ ในการเรยี นรู้ สูก่ ารเติบโตอยา่ งมสี มดุล โดยเนน้ การนำความร้ไู ปใช้ในการ
แก้ปัญหาในชีวิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการผลิตใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และการทำงานของ
เดก็ อย่างเหมาะสมตามวัย

๗.๕ กิจกรรมสง่ เสริม/พัฒนาแบบบูรณาการ กจิ กรรมสง่ เสริมพฒั นาการเด็กที่มีความตอ้ งการจำเปน็
พเิ ศษ

มีขอบข่ายและจุดเน้นการจัดกิจกรรม ดังนี้ การจัดการศึกษาการเรียนรว่ มโดยการเปิดโอกาสให้เด็กที่มี
ความต้องการพิเศษได้เรียนร่วมกับเด็กปรกติอย่างเท่าเทียมกัน มีกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นการพัฒนาตาม
ความสามารถและศักยภาพของเด็กเป็นรายบุคคลตามความบกพร่อง ซึ่งสอดคล้องกับแผนการจัดการศึกษาเฉพาะ
บุคคล (IEP) โดยครูที่เจบทางด้านการศึกษาพิเศษโดยเฉพาะ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคล
อยา่ งตอ่ เนอ่ื งตลอดปกี ารศกึ ษา

๗.๖ กจิ กรรมสง่ เสรมิ /พัฒนาแบบบรู ณาการ สมรรถนะ ๗ ดา้ น
มีขอบข่ายและจุดเน้นการจัดกิจกรรม ดังนี้ การส่งเสริมสมรรถนะสำหรับเด็กจะบูรณาการในกิจกรรม

หลกั ๖ กจิ กรรม และกจิ กรรมส่งเสริม/พัฒนาแบบบรู ณาการ ท้งั ๔ กจิ กรรม โดยเนน้ ให้เด็กเกิดสมรรถนะท้ัง ๗ ด้าน
ประกอบด้วย

๑. ด้านความสามารถในการเคลื่อนไหวและสุขภาวะทางกาย
๒. พฒั นาการดา้ นสงั คม
๓.พฒั นาการด้านอารมณ์
๔.พัฒนาการด้านคิดและสติปัญญา
๕. พฒั นาการด้านภาษา
๖.พัฒนาการด้านจริยธรรม
๗.พฒั นาการดา้ นการสรา้ งสรรค์

หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย พทุ ธศักราช 2565 หน้า 53

การจดั สภาพแวดลอ้ ม สอื่ และแหล่งเรียนรู้

การจัดสภาพแวดล้อม
การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจะเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ถ้าหากเด็กอยู่ในสภาพแวดล้อม ท่ี

เหมาะสม มีการสนับสนุน อํานวยความสะดวกจากผู้ใหญ่ ภายใต้บรรยากาศที่มีความสุข ไม่เคร่งเครียดด้วย
กฎระเบียบทเ่ี ครง่ ครัดหรอื ยากตอ่ การปฏบิ ัติ การจัดสภาพแวดลอ้ ม จึงจดั แบง่ เปน็ ๓ ด้าน ดงั นี้

๑. การจัดสภาพแวดลอ้ มด้านกายภาพ
เป็นการจัดการสภาพแวดล้อมตามแนวคิดเรื่องการตอบสนองความต้องการพื้นฐานและการเรียนรู้ โดยการ
ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม การจัดการจึงมีเป้าหมายให้เด็กอยู่ร่วมกันอย่างมีสุขอนามัยที่ดี มีพื้นที่ ในการตอบสนอง
การทํากิจกรรมต่างๆ อย่างคล่องตัว และตอบสนองการทํากิจกรรมที่หลากหลาย ลักษณะ การจัดการจึงเน้นในเรื่อง
ของความสะอาด ความปลอดภัย ความสะดวกท่ีจะทาํ ให้ร้สู กึ คลอ่ งตวั สดใส กระฉบั กระเฉง ความพร้อมของหอ้ งเรียน
ในสถานศึกษาที่มลี ักษณะกายภาพที่ดี คือ มีการถ่ายเทอากาศที่ดี มีอุณหภูมิท่ีเหมาะสม มีแสงสวา่ งพอเพียง มีความ
สงบท่จี ะทํากิจกรรมอยา่ งสบายและมสี มาธิ มที ่ใี หเ้ กบ็ วัสดุของใช้และผลงาน มที ่ีจัดแสดงเพ่ือการสื่อสารขอ้ มูล แตล่ ะ
จดุ ของพน้ื ทจ่ี ะตอ้ งสะดวกในการเข้า - ออก ผู้สอนสามารถเขา้ ไปดแู ลได้อย่างทั่วถงึ ในทุกพน้ื ท่ี
สภาพแวดล้อมในห้องเรียน หลักการสําคัญในการจัดต้องคํานึงถึงความปลอดภัย ความสะอาด เป้าหมาย
การพัฒนาเด็ก ความเป็นระเบียบ ความเป็นตัวของเด็กเอง ให้เด็กเกิดความรู้สึกอบอุ่น มั่นใจ และมี ความสุข โดย
คาํ นึงถงึ เรือ่ งตอ่ ไปน้ี
๑. การจัดวางวัสดุอุปกรณ์สื่อ เครื่องเล่น ครุภัณฑ์ควรจัดให้เหมาะสม สอดคล้องกับวัยและ พัฒนาการ
เพื่อให้เด็กสามารถใช้หรือทํากิจกรรมได้สะดวกดว้ ยตนเอง หากวัสดุอุปกรณ์สื่อและเครื่องเล่นชํารุด ต้องรีบซ่อมแซม
โดยเร็ว
๒. วสั ดุอุปกรณ์สือ่ เคร่ืองเลน่ ครุภัณฑค์ วรให้มีขนาดเหมาะสมกบั เด็กปฐมวัย
๓. การจัดพื้นท่ีในห้องเรียนควรจัดให้เหมาะสม เลือกทต่ี ้ังครุภัณฑ์ อปุ กรณต์ า่ งๆ และ มมุ ประสบการณ์ โดย
คํานงึ ถึงทศิ ทางลม แสงสวา่ งเพียงพอต่อการทํากจิ กรรม ไมม่ ีแสงแดดส่องรบกวนสายตาเด็ก ขณะปฏิบตั กิ ิจกรรม ทุก
จดุ ของห้องสามารถมองเห็นไดโ้ ดยรอบ การจดั วางครภุ ัณฑ์และอุปกรณ์ สะดวกต่อการ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม มีการกําหนด
ขอบเขตของมุมประสบการณ/์ มุมเลน่ ตา่ งๆ โดยใช้ครภุ ณั ฑ์/ช้ันวางทใ่ี หเ้ หน็ ขอบเขต
๔. สภาพแวดล้อมในห้องควรมีความสะอาดและปลอดภัยจากสัตว์ แมลง พืช และสารเคมีที่มีพิษ ครุภัณฑ์
โต๊ะ เก้าอ้ี ไม่ควรมมี ุมแหลมท่ีเปน็ อนั ตราย
๕. การแบง่ พืน้ ทใี่ นห้องเรยี นใหเ้ หมาะสมกับการประกอบกจิ กรรมตามหลักสตู ร ดงั น้ี

๕.๑ พ้นื ที่อำนวยความสะดวกเพือ่ เด็กและผู้สอน เช่น
๑) ทแี่ สดงผลงานของเด็ก อาจจดั ทาํ เป็นแผนปา้ ยหรอื ทีแ่ ขวนผลงาน
๒) ท่เี กบ็ แฟ้มผลงานของเด็ก อาจจัดทําเปน็ กล่องหรอื จัดใสแ่ ฟ้มรายบุคคล
๓) ท่เี กบ็ เครื่องใช้ส่วนตวั ของเด็ก อาจจัดทําเปน็ ช่องครบตามจํานวนเด็ก
๔) ทเ่ี ก็บเครื่องใช้ของผู้สอน เช่น อปุ กรณ์การสอน ของใชส้ ่วนตวั ผู้สอน ฯลฯ
๕) ป้ายนิเทศตามหนว่ ยการจดั ประสบการณห์ รือส่งิ ท่เี ด็กสนใจ

๕.๒ พืน้ ท่ปี ฏิบตั ิกิจกรรมและการเคล่ือนไหว ตอ้ งกําหนดใหช้ ัดเจน ควรมพี ้นื ทท่ี ี่เด็กสามารถ จะทํางานได้
ด้วยตนเอง และทํากิจกรรมด้วยกันในกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ เด็กสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ จากกิจกรรมหน่ึง
ไปยงั อีกกิจกรรมหนึง่ โดยไมก่ วนผ้อู น่ื

หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 หนา้ 54

๕.๓ พื้นที่จัดมุมเลน่ หรอื มุมประสบการณ์สามารถจัดไดต้ ามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับสภาพ ของห้องเรียน
จัดแยกส่วนที่ใช้เสียงดังและเงียบออกจากกัน เช่น มุมหนังสืออยู่ห่างจากมุมบล็อก มุมบทบาทสมมติ อยู่ติดกับมุม
บล็อก มุมวิทยาศาสตร์อยู่ใกล้มุมศิลปะสร้างสรรค์ ที่สําคัญจะต้องมีของเล่น วัสดุอุปกรณใ์ นมุม อย่างเพียงพอต่อการ
เรียนรู้ของเด็ก การเล่นในมุมเล่นตามมุมประสบการณ์มกั ถูกกําหนดไว้ในตารางกิจกรรมประจาํ วนั เพื่อให้โอกาสเด็ก
ไดเ้ ล่นอย่างเสรี ประมาณวันละ ๑ ชั่วโมง การจดั มมุ เล่นต่างๆ ผู้สอนควรคาํ นึงถึงสิง่ ต่อไปนี้

๑) ในห้องเรยี นควรมีมุมเลน่ อยา่ งน้อย ๓ - ๕ มุม ท้งั นี้ ข้ึนอยู่กับพ้นื ทีแ่ ละขนาดของหอ้ ง
๒) ควรมกี ารผลัดเปลย่ี นสอ่ื ของเล่นตามมุม เช่น จัดของเล่นตามหนว่ ยการจัด ประสบการณ์และตาม
ความสนใจของเด็ก
๓) ควรจัดใหม้ ีประสบการณท์ ่เี ดก็ ได้เรยี นรู้ไปแล้ว จดั วางอยใู่ นมุมเลน่ ตามมุม เชน่ เดก็ เรียนรู้ เรื่องการ
เปล่ยี นแปลงของสี ผู้สอนอาจจดั เตรียมวสั ดอุ ปุ กรณ์ให้เด็กไดเ้ ลน่ ทดลอง
๔) ควรเปิดโอกาสใหเ้ ด็กมีสว่ นร่วมในการจดั มุมเลน่ ตามมมุ เพ่อื จูงใจให้เด็กรสู้ ึกเป็น เจ้าของ อยาก
เรยี นรู้ อยากเข้าเล่น
๕) ควรเสริมสรา้ งวินยั เชงิ บวกใหก้ ับเด็ก เชน่ สรา้ งขอ้ ตกลงรว่ มกนั วา่ เม่ือเลน่ เสรจ็ แล้ว จะตอ้ งจัดเก็บ
อปุ กรณ์ทกุ อย่างเข้าทีใ่ หเ้ รยี บร้อย
ตวั อยา่ งมุมเล่นหรอื มุมประสบการณท์ ี่ควรจดั มีดงั นี้
มุมบล็อก
มุมบลอ็ ก เปน็ มมุ ท่จี ัดเก็บบล็อกไมต้ นั ท่ีมีขนาดและรปู ทรงต่างๆ กัน เด็กสามารถนํามาเลน่ ตอ่ ประกอบกนั
เปน็ สง่ิ ต่างๆ ตามจนิ ตนาการหรอื ความคิดสรา้ งสรรคข์ องตนเอง นอกจากน้ีควรมสี ื่ออน่ื ๆ เพือ่ ประกอบ การเลน่ เช่น
ยานพาหนะจาํ ลอง สัตว์จําลอง ฯลฯ
การจัด
มุมบล็อก เป็นมุมที่ควรจัดให้อยู่ห่างจากมุมที่ต้องการความสงบ เช่น มุมหนังสือ ทั้งนี้ เพราะ เสียงจากการ
เล่นก่อไม้อาจรบกวนสมาธิเด็กที่อยู่ในมุมหนังสือได้ นอกจากนี้ ควรอยู่ห่างจากทางเดินผ่าน หรือทางเข้า - ออกของ
หอ้ ง เพือ่ ไมใ่ ห้กีดขวางทางเดนิ หรือเกิดอันตรายจากการเดินสะดุดไมบ้ ล็อก ถ้ากรณเี ด็ก ยงั เลน่ ไม่เสรจ็ ผู้สอนและเด็ก
รวมกันกําหนดพ้ืนที่ โดยใชส้ ัญลักษณ์สหี รือเคร่ืองหมายการจราจรมากั้นไว้ เพ่อื ใหเ้ ด็กกลบั มาเล่นต่อได้การจัดเก็บไม้
บล็อกเหล่านี้ ควรจัดวางไว้ในระดับที่เด็กสามารถหยิบมาเล่น หรือนําเก็บ ด้วยตนเองได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และ
ควรฝึกให้เด็กหัดจัดเก็บเป็นหมวดหมู่เพื่อความเป็นระเบียบ และสะดวก ต่อการหยิบใช้และเก็บคืน โดยทําภาพ
สัญลักษณร์ ูปร่างของไมบ้ ลอ็ กติดไว้ทชี่ ่องจัดเกบ็
มุมหนงั สอื
ในห้องเรียนควรมีบริเวณที่เงียบสําหรับให้เดก็ ได้ดูรูปภาพ อ่านหนังสือนิทาน ฟังนิทาน ผู้สอนควรจัดมุม
หนังสอื ใหเ้ ดก็ ไดค้ ุ้นเคยกับตวั หนงั สือ และไดท้ ํากจิ กรรมตามลําพังหรอื เปน็ กลมุ่ เลก็ ๆ
การจัด
มมุ หนงั สือ เปน็ มมุ ทตี่ ้องการความสงบ ควรจัดห่างจากมุมทีม่ ีเสียง เชน่ มมุ บล็อก มุมบทบาทสมมติ ฯลฯ
และควรจัดบรรยากาศจงู ใจให้เดก็ ไดเ้ ขา้ ไปใชเ้ พื่อใหเ้ ด็กเกิดความคนุ้ เคยกับหนงั สือ และปลกู ฝังนสิ ยั รกั การอา่ น ควรมี
จาํ นวนหนังสอื เพยี งพอและเหมาะสมกับวัยของเด็ก ควรมกี ารหมุนเวียน เปลีย่ นหนงั สือตามโอกาส และเลือกหนังสือ
ที่สง่ เสรมิ คุณธรรม จริยธรรมใหก้ ับเด็กดว้ ย
มมุ บทบาทสมมติ
มุมบทบาทสมมติ เป็นมุมที่จัดขึ้นเพื่อให้เด็กมีโอกาสได้นาํ เอาประสบการณ์ที่ได้รับจากบบ้าน หรือชุมชน
มาเล่นแสดงบทบาทสมมติ เลียนแบบบคุ คลตต่างๆ ตามจนิ ตนาการของตน เชน่ เป็นพ่อแม่ในมุมบ้าน เป็นหมอในมุม

หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย พทุ ธศักราช 2565 หน้า 55

หมอ เป็นพ่อค้าแม่ค้ามุมร้านค้า ฯลฯ การเล่นดังกล่าวเป็นการปลูกฝังความสํานึกถึงบทบาท ทางสังคมที่เด็กได้พบ
เหน็ ในชีวติ จรงิ

การจัด
มุมบทบาทสมมตินี้ ควรอยูjใกล้มุมบล็อกและอาจจัดให้เป็นสถานที่ต่างๆ นอกเหนือจาก การจัดเป็นบ้าน
โดยสงั เกตการณ์เลน่ และความสนใจของเด็กวา่ มีการเปล่ยี นแปลงบทบาทการเล่นจากบทบาทเดิม ไปสูร่ ูปแบบการเล่น
อื่นหรือไม่ อุปกรณ์ที่นํามาจัดควรเปลี่ยนไปตามความสนใจของเด็กเช่นกัน ดังนั้น มุมบทบาทสมมติอาจจัดเป็นบ้าน
ร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านเสริมสวย โรงพยาบาล ฯลฯ ในขณะเดียวกัน อุปกรณ์ ที่นํามาจัดให้เด็ก ต้องไม่เป็น
อนั ตราย มคี วามเหมาะสมกับสภาพทอ้ งถน่ิ ควรหมัน่ ดูแลและทาํ ความสะอาด
มุมวิทยาศาสตร์หรอื มุมธรรมชาติ
มุมวิทยาศาสตร์หรือมุมธรรมชาติ เป็นมุมเล่นที่ผู้สอนจัดรวบรวมสิง่ ของต่างๆ หรือสิ่งที่ มีในธรรมชาติมา
ให้เด็กได้สาํ รวจ สังเกต ทดลอง ค้นพบด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการชjวยพัฒนาทักษะกระบวนการ คิดรวบยอด การคิดเชิง
เหตุผล การตดั สินใจ และแก้ปัญหาใหก้ ับเดก็
การจดั
มุมวิทยาศาสตร์หรือมุมธรรมชาติ เป็นมุมที่ต้องการความสงบคล้ายมุมหนังสือ จึงอาจจัดไว้ใกล้กันได้
สิ่งของทีจ่ ัดวางต้องคํานึงถงึ ความน่าสนใจ ความเร้าให้สนใจอยากนาํ มาศึกษาทดลอง จงึ ควรอยใู่ นระดบั ที่เด็กหยบิ จบั
ดูวัสดุอุปกรณีเหล่านั้นได้โดยสะดวก ควรมีการปรับเปลี่ยนสิ่งของที่นํามาจัดแสดง อาจจัดให้มีการทดลองอย่างง่าย
เพ่ือให้เด็กไดเ้ รียนรู้
สภาพแวดล้อมนอกห้องเรียน คือ การจัดสภาพแวดล้อมภายในบริเวณรอบๆ สถานศึกษา หรือสถาน
พัฒนาเด็กปฐมวัย รวมทั้งจัดสนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นสนาม จัดให้มีการระวังรักษาความปลอดภัย ภายใน
สถานศึกษา ดูแลรักษาความสะอาด ปลูกต้นไม้ให้ความรมรื่นรอบๆ บริเวณสถานศึกษา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นนส่วน
หนึง่ ท่สี ง่ ผลต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก

สภาพแวดล้อมนอกห้องเรียน ประกอบด้วย
๑. สนามเด็กเล่น ควรมีพื้นผิวหลายประเภท เช่น ดิน ทราย หญ้า พื้นที่สําหรับเล่น ของเล่นที่มีลอ้
รวมทั้งที่ร่ม ที่โล่งแจ้ง พื้นดินสําหรับขดุ ที่เล่นนํ้า บ่อทราย พร้อมอุปกรณ์ประกอบการเล่น เครื่องเล่น สนามสําหรบั
ปืนป่าย การทรงตัว ฯลฯ ทั้งนี้ ต้องไม่ติดกับบริเวณที่มีอันตราย หรือวางติดกันเกินไปจนเกิดอันตราย เวลาเด็กเล่น
หรือเดินผ่าน ต้องหมน่ั ตรวจตราเครือ่ งเลน่ ให้อยู่ในสภาพแข็งแรง ปลอดภยั อยเู่ สมอ และหมั่นดแู ล เรือ่ งความสะอาด
๒. ที่นั่งเล่นพักผ่อน จัดที่นั่งไว้ใต้ต้นไม้มีร่มเงา อาจใช้กิจกรรมกลุ่มย่อยๆ หรือกิจกรรม ที่ต้องการ
ความสงบ หรอื อาจจดั เปน็ พ้นื ท่ใี หค้ วามรู้ ประชาสัมพันธ์ ปา้ ยนิเทศ เพอื่ ให้ความรู้แกเ่ ดก็ และผู้ปกครอง
๓. บรเิ วณธรรมชาติ ปลกู ไมด้ อก ไม้ประดับ แปลงปลกู พชื ผักสวนครวั หากบริเวณสถานศกึ ษา มไี ม้
มากนกั อาจปลกู พืชในกระบะ หรอื กระถาง หรือเศษวสั ดใุ นทอ้ งถน่ิ
๔. หอ้ งปฏบิ ัติการและอาคารประกอบต่างๆ เช่น โรงอาหาร เรอื นเพาะชาํ หอ้ งสมุด หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร
ตา่ งๆ ควรจัดให้มีพ้ืนทีส่ าํ หรับให้เดก็ ทํากิจกรรมและเรยี นรทู้ ีส่ ะอาดและปลอดภัยสาํ หรับเด็ก
๒. การจัดสภาพแวดล้อมด้านจติ ภาพ
เป็นการจดั การสภาพแวดล้อมตามแนวคิดเรื่องการเรยี นรู้อย่างมีความสุข การจดั การสภาพแวดล้อม ด้าน
จิตภาพจงึ เปน็ การจัดเพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการอยู่ร่วมกัน ซึง่ จะเกิดความสะดวก ปลอดภัย ราบรื่น จากการทํา
กิจกรรมในห้องที่มีลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสม และมีการปฏิบัติต่อกันที่เหมาะสมของ ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อม
ทั้งเด็กและผู้สอน นอกจากนี้ยังรวมถึงข้อตกลงที่ทุกคนสามารถปฏิบัติรวมกันได้และ เกิดความสุขในการอยูร่วมกัน
การจัดสภาพแวดล้อมด้านจิตภาพจึงมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้การอยู่รวมกัน ในสภาพแวดล้อมแห่งความสุข

หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แม่แก้ดนอ้ ย พทุ ธศักราช 2565 หน้า 56

ผู้สอนมีท่าทีที่อบอุ่น ให้ความมั่นใจแก่เด็ก สนับสนุนให้เด็กได้ประสบความสําเร็จ ในกิจกรรมต่างๆ มีสถานที่ที่เด็ก
สามารถมีความเป็น ส่วนตัว หรือเมื่อต้องการอยู่ตามลําพัง ต้องการความสงบให้อิสระเด็กในการสื่อสาร เคลื่อนไหว
ทํากิจกรรมต่างๆ รวมทั้งข้อตกลงต่างๆ สามารถยืดหยุ่นได้เมื่อจําเป็น การจัดสภาพแวดล้อมด้านจิตภาพ มี
รายละเอียดดังน้ี

บุคลกิ ภาพ
ผูส้ อน บคุ ลกิ ภาพผูส้ อนชว่ ยเสริมบรรยากาศในการเรียนรใู้ ห้เกิดขึน้ ในห้องไดเ้ ปน็ อย่างดี ย้มิ แยม้ แจ่มใส มี
กิริยามารยาทแบบไทย แต่งกายเหมาะสมกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ใช้ภาษาถูกต้องชัดเจน เต็มใจตอบคําถาม ของเด็ก
พดู กับเด็กดว้ ยเสียงน่มุ นวลเปน็ มิตร และพูดช้แี จงเหตผุ ลแก่เดก็ ด้วยน้ําเสยี งปกติ
การจัดการช้นั เรียนของผู้สอน
ผู้สอนควรใสใ่ จดแู ลให้เด็กอยู่ร่วมกันในห้องเรยี นอย่างมีความสขุ พรอ้ มทัง้ เรียนรู้สทิ ธแิ ละ หน้าทข่ี องตน มี
การสร้างข้อตกลงในการปฏิบัติตนร่วมกันระหว่างผู้สอนกับเด็ก และเด็กกับเด็ก การแบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ มี
แนวทางปฏิบัตเิ ม่ือเด็กไม่ทาํ ตามข้อตกลง และแกไ้ ขปัญหาเมื่อมขี ้อขัดแย้งเกิดข้นึ
สรา้ งความสัมพนั ธ์ระหวา่ งผู้สอนกับเด็ก
ความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้สอนกับเด็กช่วยเสริมสร้างให้เด็กรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย สร้างความมั่นใจ ใน
ตนเอง และเกิดความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง ผู้สอนควรสร้างความสัมพันธ์กับเด็กด้วยท่าทาง เช่น ยิ้ม สัมผัส ทักทายและ
พูดคุยกับเด็ก ดูแลเดก็ ทม่ี ปี ญั หาสุขภาพ ไมส่ บาย หรอื ต้องการกาํ ลังใจ รบั ฟังเม่อื เดก็ พูดดว้ ย ให้ โอกาสเดก็ ท่ีต้องการ
พูดคุยกบั ผูส้ อน ตอบเม่ือเดก็ ถาม และยอมรับการช่วยเหลือของเด็ก
การสร้างความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเดก็ กับเดก็
ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับเด็กในสถานศึกษา จะทําให้เด็กอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และลดปัญหา
ความขัดแยง้ ระหว่างเด็กกับเด็ก ผู้สอนควรจัดให้มกี ิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธท์ ี่ดรี ะหว่าง เด็กกับเดก็ โดยการจัด
กิจกรรมที่ส่งเสริมการช่วยเหลอื ซึ่งกันและกัน สร้างความรับผิดชอบในการทํางาน ให้เด็กได้ ร่วมคิด ร่วมทํา และร่วม
แก้ปญั หา เชน่ การจดั ของเล่น การดูแลความสะอาด การทาํ งานกลมุ่ เป็นต้น
การสรา้ งความสมั พันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับสถานศึกษา
ผู้สอนมีบทบาทสําคัญย่ิงในการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับ สถานศึกษา
ผู้สอนจึงควรสร้างความสัมพันธ์กับผู้ปกครองด้วยการจัดทําป้ายนิเทศหรือลานนิทรรศการ ซึ่งมีสาระ เกี่ยวกับเด็ก
ผู้ปกครอง ชุมชน และโรงเรียน จัดทําจดหมายข่าวถึงผู้ปกครองหรือการสื่อสารผสานสื่อและเทคโนโลยี กระตุ้นให้
ผู้ปกครองแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทางโรงเรียน สนับสนุนให้ผู้ปกครองเยี่ยมชั้นเรียนของเด็ก จัดประชุม พบปะระหว่าง
ผ้ปู กครองและผสู้ อน รวมท้ังเปดิ โอกาสให้ผปู้ กครองไดท้ ํางานอาสาสมัครรว่ มกับทางโรงเรยี น
๓. การจดั สภาพแวดล้อมด้านสงั คม
เป็นการจัดการสภาพแวดลอ้ มท่ีเกดิ จากแนวคิดเรื่องการเรยี นรู้ทางสงั คมของเดก็ ปฐมวัย ที่เรียนรู้ ทางสังคม
จากการเล่น การทํากิจกรรม และการทํางานร่วมกับผู้อื่นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การจัดการสภาพแวดล้อม ด้านสังคมจึง
เป็นการจัดการที่ให้เด็กอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข สนับสนุนให้ปฏิบัติตนในลักษณะที่สังคม ยอมรับและเกิด
ทักษะทางสังคม มีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น สนับสนุนให้เกิดการแบ่งปันกัน ทั้งในด้านความคิด ความรู้สึก พื้นที่ และ
อุปกรณ์ต่างๆ จัดให้มีบรรยากาศแบบประชาธิปไตย เด็กได้แสดงความเห็นและมีส่วนร่วม ในการตัดสินใจต่างๆ เชน่
การกาํ หนดขอ้ ตกลง การแบ่งหนา้ ที่ การฝึกการมวี นิ ยั ในตนเอง
การเรยี นรขู้ องเด็กทไี่ ดป้ ฏสิ มั พนั ธส์ ง่ิ แวดลอ้ มท้ังด้านวตั ถุและบุคคล ผ้สู อนจะต้องพยายามจดั สภาพแวดล้อม
ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของเด็ก ให้เด็กได้ทํากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น กับสิ่งของ และกับกระบวนการต่างๆ รวมถึงให้
เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับประสบการณ์ต่างๆ และผู้สอนจะต้องมีการวางแผนการจัดกิจกรรมประจําวัน ให้เด็กได้พัฒนา

หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดน้อย พทุ ธศกั ราช 2565 หน้า 57

ทั้งร่างกายและสังคม โดยการเตรียมสื่อ วัสดุที่เหมาะสม เพ่ือกระตุ้นให้เด็กได้เกิดกระบวนการคิด ให้เด็กได้เห็น
ความสัมพันธข์ องส่ิงต่างๆ โดยจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กได้ปฏสิ ัมพนั ธ์กับผู้คนและกระบวนการ ต่างๆ อย่างกว้างขวาง
การที่เด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เด็กจะพัฒนาความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง เกิดความ เชื่อมั่นในตนเอง แล ะมี
ความคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์

สื่อสง่ เสริมพฒั นาการ
สื่อประกอบการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา

ควรมีสื่อทั้งที่เป็นประเภท ๒ มิติ และ/หรือ ๓ มิติ ที่เป็นสื่อของจริง สื่อธรรมชาติ สื่อที่อยู่ใกล้ตวั เดก็ ส่ือสะท้อน
วฒั นธรรม สอื่ ทป่ี ลอดภัยต่อตัวเด็ก สอ่ื เพื่อพัฒนาเด็กในด้านต่างๆให้ครบทุกด้านสื่อที่เอ้ือให้เด็กเรียนรู้ผ่านประสาท
สัมผัสทั้งห้า โดยการจัดการใช้สื่อเริ่มต้นจาก สื่อของจริง ภาพถ่าย ภาพโครงร่าง และ สัญลักษณ์ทั้งนี้การใช้ส่ือ
ต้องเหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ความสนใจและความต้องการของเด็กที่หลากหลาย
ตัวอย่างสื่อประกอบการจัดกจิ กรรม มดี ังนี้
กจิ กรรมเสรี /การเล่นตามมุม

๑. มุมบทบาทสมมติ อาจจัดเปน็ มุมเลน่ ดงั น้ี
๑.๑มุมบา้ น
❖ ของเล่นเคร่ืองใชใ้ นครัวขนาดเลก็ หรือของจำลอง เช่น เตา กระทะ ครก กาน้ำ

เขยี ง มีดพลาสติก หม้อ จาน ชอ้ น ถ้วยชาม กะละมัง ฯลฯ
❖ เครื่องเล่นตุ๊กตา เสือ้ ผา้ ต๊กุ ตา เตียง เปลเด็ก ตุก๊ ตา
❖ เครื่องแต่งบ้านจำลอง เช่น ชดุ รับแขก โต๊ะเครื่องแป้ง หมอนองิ กระจกขนาดเหน็ เต็มตัว

หวี ตลับแปง้ ฯลฯ
❖ เครื่องแต่งกายบุคคลอาชพี ตา่ ง ๆ ทใี่ ช้แลว้ เชน่ ชดุ เครือ่ งแบบทหาร ตำรวจ

ชดุ เส้ือผ้าผ้ใู หญ่ชายและหญงิ รองเท้า กระเป๋าถือที่ไมใ่ ช้แลว้ ฯลฯ
❖ โทรศัพท์ เตารดี จำลอง ท่รี ีดผา้ จำลอง
❖ ภาพถา่ ยและรายการอาหาร
๑.๒ มุมหมอ
- เครอื่ งเลน่ จำลองแบบเคร่ืองมอื แพทยแ์ ละอุปกรณ์การรักษาผู้ป่วย เชน่ หฟู งั

เสื้อคลุมหมอ ฯลฯ
❖ อปุ กรณ์สำหรับเลยี นแบบการบนั ทกึ ข้อมลู ผูป้ ว่ ย เชน่ กระดาษ ดินสอ ฯลฯ
๑.๓ มมุ รา้ นคา้
❖ กล่องและขวดผลติ ภณั ฑต์ ่างๆทใ่ี ชแ้ ลว้
❖ อุปกรณ์ประกอบการเลน่ เชน่ เครอ่ื งคดิ เลข ลูกคิด ธนบตั รจำลอง ฯลฯ

๒. มมุ บล็อก
❖ ไม้บลอ็ กหรือแท่งไม้ทม่ี ีขนาดและรูปทรงต่างๆกัน จำนวนตั้งแต่ ๕๐ ชน้ิ ขึ้นไป
❖ ของเลน่ จำลอง เชน่ รถยนต์ เครอ่ื งบิน รถไฟ คน สัตว์ ตน้ ไม้ ฯลฯ
❖ ภาพถา่ ยตา่ งๆ
- ท่จี ัดเกบ็ ไม้บล็อกหรือแท่งไม้อาจเป็นช้ัน ลังไมห้ รือพลาสติก แยกตามรูปทรง ขนาด

๓. มมุ หนังสอื
❖ หนงั สือภาพนิทาน สมดุ ภาพ หนังสอื ภาพทม่ี ีคำและประโยคสน้ั ๆพรอ้ มภาพ

หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พทุ ธศกั ราช 2565 หน้า 58

❖ ช้ันหรอื ทวี่ างหนงั สอื
❖ อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ทีใ่ ช้ในการสร้างบรรยากาศการอา่ น เชน่ เสอ่ื พรม หมอน ฯลฯ
❖ สมดุ เซน็ ยมื หนงั สือกลบั บา้ น
❖ อปุ กรณส์ ำหรับการเขียน
❖ อุปกรณ์เสรมิ เชน่ เคร่อื งเล่นเทป ตลับเทปนทิ านพร้อมหนังสือนทิ าน หูฟัง ฯลฯ
๔. มุมวทิ ยาศาสตร์ หรือมุมธรรมชาตศิ กึ ษา
❖ วสั ดุต่าง ๆ จากธรรมชาติ เชน่ เมล็ดพืชตา่ ง ๆ เปลอื กหอย ดนิ หิน แร่ ฯลฯ
❖ เคร่อื งมอื เครื่องใชใ้ นการสำรวจ สังเกต ทดลอง เชน่ แว่นขยาย แมเ่ หลก็ เขม็ ทศิ
เคร่ืองชงั่ ฯลฯ
๕. มุมอาเซยี น
❖ ธงของแตล่ ะประเทศในกล่มุ ประเทศอาเซยี น
❖ คำกล่าวทกั ทายของแต่ละประเทศ
❖ ภาพการแต่งกายประจำชาตใิ นกลุ่มประเทศอาเซียน

กิจกรรมสรา้ งสรรค์ ควรมีวัสดุ อุปกรณ์ ดงั น้ี
๑. การวาดภาพและระบายสี
- สีเทียนแท่งใหญ่ สีไม้ สีชอล์ก สีนำ้
- พู่กนั ขนาดใหญ่ (ประมาณเบอร์ ๑๒ )
- กระดาษ
- เสอ้ื คลมุ หรือผ้ากันเป้ือน
๒. การเลน่ กับสี
❖ การเป่าสี มี กระดาษ หลอดกาแฟ สนี ้ำ
❖ การหยดสี มี กระดาษ หลอดกาแฟ พกู่ ัน สนี ้ำ
❖ การพบั สี มี กระดาษ สีนำ้ พู่กนั
❖ การเทสี มี กระดาษ สีน้ำ
❖ การละเลงสี มี กระดาษ สีน้ำ แป้งเปยี ก
๓. การพมิ พภ์ าพ
❖ แมพ่ ิมพต์ า่ ง ๆ จากของจริง เช่น นิว้ มือ ใบไม้ กา้ นกล้วย ฯลฯ
❖ แม่พิมพจ์ ากวัสดอุ นื่ ๆ เช่น เชือก เสน้ ด้าย ตรายาง ฯลฯ
❖ กระดาษ ผ้าเชด็ มือ สีโปสเตอร์ (สีน้ำ สฝี ุน่ ฯลฯ)
๔.การปน้ั เช่น ดินน้ำมนั ดินเหนยี ว แปง้ โดวแ์ ผน่ รองปัน้ แมพ่ ิมพร์ ูปตา่ ง ๆ ไม้นวดแป้ง ฯลฯ
๕.การพบั ฉกี ตดั ปะ เชน่ กระดาษ หรือวสั ดุอื่นๆที่จะใช้พับ ฉีก ตัด ปะ กรรไกรขนาดเล็ก

ปลายมน กาวนำ้ หรอื แป้งเปียก ผา้ เชด็ มือ ฯลฯ
๖. การประดิษฐ์เศษวสั ดุ เช่น เศษวสั ดตุ า่ ง ๆ มกี ล่องกระดาษ แกนกระดาษ เศษผา้ เศษไหม กาว กรรไกร

สี ผ้าเช็ดมือ ฯลฯ
๗. การรอ้ ยเช่น ลูกปัด หลอดกาแฟ หลอดดา้ ย ฯลฯ
๘.การสาน เช่น กระดาษ ใบตอง ใบมะพร้าว ฯลฯ

หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 หนา้ 59

๙. การเล่นพลาสติกสร้างสรรค์ พลาสตกิ ช้นิ เล็ก ๆ รปู ทรงต่าง ๆ ผูเ้ ล่นสามารถนำมาต่อเป็นรูปแบบต่าง
ๆ ตามความต้องการ

๑๐.การสรา้ งรปู เช่น จากกระดานปักหมุด จากแป้นตะปูที่ใช้หนังยางหรอื เชือกผูกดึงใหเ้ ปน็ รูปรา่ งตา่ ง ๆ

เกมการศึกษา ตวั อย่างสื่อประเภทเกมการศึกษามีดงั น้ี
๑. เกมจับคู่
❖ จบั คู่รปู ร่างทเ่ี หมือนกัน
❖ จับคู่ภาพเงา
❖ จับคู่ภาพที่ซ่อนอยู่ในภาพหลัก
❖ จบั คสู่ ิง่ ทม่ี คี วามสัมพันธ์กัน สงิ่ ทใ่ี ช้คกู่ ัน
❖ จบั คภู่ าพสว่ นเตม็ กับสว่ นย่อย
❖ จับคภู่ าพกับโครงร่าง
❖ จับคู่ภาพชนิ้ ส่วนท่ีหายไป
❖ จบั คภู่ าพทเี่ ป็นประเภทเดยี วกัน
❖ จับคู่ภาพท่ซี ่อนกัน
❖ จับคู่ภาพสมั พนั ธแ์ บบตรงกนั ข้าม
❖ จบั ค่ภู าพที่สมมาตรกนั
❖ จบั คแู่ บบอปุ มาอุปไมย
❖ จบั คแู่ บบอนุกรม
๒. เกมภาพตดั ต่อ
❖ ภาพตัดต่อทีส่ ัมพนั ธ์กับหน่วยการเรียนต่าง ๆ เชน่ ผลไม้ ผกั ฯลฯ
๓. เกมจัดหมวดหมู่
❖ ภาพสงิ่ ต่าง ๆ ทีน่ ำมาจดั เปน็ พวก ๆ
❖ ภาพเกย่ี วกับประเภทของใชใ้ นชีวติ ประจำวนั
❖ ภาพจัดหมวดหมูต่ ามรปู ร่าง สี ขนาด รูปทรงเรขาคณติ
๔. เกมวางภาพตอ่ ปลาย (โดมโิ น)
❖ โดมิโนภาพเหมอื น
❖ โดมโิ นภาพสัมพนั ธ์
๕. เกมเรยี งลำดับ
❖ เรยี งลำดบั ภาพเหตุการณต์ ่อเนอ่ื ง
❖ เรยี งลำดับขนาด
๖. เกมศกึ ษารายละเอียดของภาพ (ล็อตโต)้
๗. เกมจบั ค่แู บบตารางสมั พันธ์ (เมตริกเกม)
๘. เกมพนื้ ฐานการบวก

หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 หนา้ 60

กิจกรรมเสริมประสบการณ์ /กิจกรรมในวงกลม ตัวอยา่ งสอื่ มีดงั นี้
๑.สอื่ ของจรงิ ที่อยใู่ กลต้ ัวและสือ่ จากธรรมชาตหิ รอื วสั ดทุ ้องถิ่น เช่น ต้นไม้ ใบไม้ เปลอื กหอย เสือ้ ผา้ ฯลฯ
๒. ส่ือท่จี ำลองขึน้ เช่น ลูกโลก ตกุ๊ ตาสตั ว์ ฯลฯ
๓. สอื่ ประเภทภาพ เช่น ภาพพลิก ภาพโปสเตอร์ หนังสือภาพ ฯลฯ
๔. ส่อื เทคโนโลยี เช่น วทิ ยุ เครือ่ งบันทึกเสยี ง เคร่ืองขยายเสียง โทรศพั ท์

กจิ กรรมกลางแจง้ ตวั อยา่ งสื่อมีดังน้ี
๑. เครื่องเลน่ สนาม เชน่ เครือ่ งเลน่ สำหรบั ปีนปา่ ย เครื่องเลน่ ประเภทลอ้ เลื่อน ฯลฯ
๒. ท่ีเล่นทราย มที รายละเอียด เคร่ืองเล่นทราย เครื่องตวง ฯลฯ
๓. ที่เลน่ น้ำ มภี าชนะใส่นำ้ หรอื อา่ งนำ้ วางบนขาตั้งทมี่ ่นั คง ความสงู พอท่เี ด็กจะยืนได้พอดี เสือ้ คลุมหรอื ผา้

กนั เปือ้ นพลาสติก อุปกรณ์เลน่ นำ้ เช่น ถว้ ยตวง ขวดตา่ งๆ สายยาง กรวยกรอกน้ำ ต๊กุ ตายาง ฯลฯ
กจิ กรรมเคลื่อนไหวและจงั หวะตวั อย่างส่ือมีดังนี้

๑. เครือ่ งเคาะจังหวะ เช่นฉิ่ง เหล็กสามเหล่ยี ม กรบั รำมะนา กลอง ฯลฯอปุ กรณป์ ระกอบการ
เคลื่อนไหว เช่น หนงั สอื พิมพ์ ริบบน้ิ แถบผ้า ห่วง

๒. หวาย ถงุ ทราย ฯลฯ

กิจกรรมส่งเสริม/พฒั นาแบบบรู ณาการ ตัวอยา่ งสอื่ มดี ังนี้
๑. สือ่ กจิ กรรมส่งเสริม/พัฒนาแบบบรู ณาการคอมพิวเตอร์ โปรแกรมส่ือการสอน เกมการศึกษา, โปรแกรม

เกมจับคู่ โปรแกรมเกมนทิ าน, โปรแกรมแตง่ ตวั ตกุ๊ ตา, โปรแกรม Paint , กจิ กรรมพ้ืนฐาน Coding ฯลฯ
๒.สื่อกิจกรรมส่งเสริม/พัฒนาแบบบูรณาการภาษาจีน บัตรคำ ,บัตรภาพ, ตัวเลข, สี, สัตว์, การทักทาย

การเรียกบุคคล, สื่อวัฒนธรรมจีน, ป้ายภาพ, แผนผังครอบครัว, แผนผังร่างกาย ,เกมตัวตักนับเลขตามจำนวน ,เกม
แผ่นปา้ ยจบั คสู่ ี/สตั ว์ ฯลฯ

๓. ส่ือกจิ กรรมสง่ เสรมิ /พัฒนาแบบบรู ณาการพุทธมามะกะ คอมพิวเตอร์, projector, บัตรคำ, นทิ านเสยี ง,
นิทานประกอบภาพ, เพลงธรรมมะ ฯลฯ

๔. สื่อกิจกรรมส่งเสริม/พัฒนาแบบบูรณาการ STEAM Education ชุดกิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการ
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปะตามแนวทางสตีมศึกษา, ชุดกิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการ
วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ตามแนวทางสเต็มศึกษา, อุปกรณ์วิทยาศาสตร์, วัสดุเหลือใช้, วัสดุจาก
ธรรมชาติ, ของใช้, ของเลน่ , ฯลฯ

๕. สื่อกิจกรรมส่งเสริม/พัฒนาแบบบูรณาการ กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการเด็กที่มีความต้องการจำเป็น
พิเศษ สื่อห้องเสริมพัฒนาการเด็กพิเศษ ประกอบด้วย 1) สื่อเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย กล้ามเนื้อมัดใหญ่
กล้ามเนื้อมัดเลก็ ได้แก่ กระดานปักหมุด, ร้อยลูกปัดขนาดใหญ่ กลาง เล็ก, ตัวต่อสร้างสรรค์ (เลโก้), ตัวต่อพลาสติก,
ชุดฝกึ แต่งตวั , รอ้ ยเชือกรองเท้า, ลูกบอลหลากสี, ชุดทรายมหัศจรรย์, ชดุ ห่นั ผลไม้ เปน็ ต้น 2) สือ่ เสรมิ พัฒนาการด้าน
สติปัญญา ได้แก่ เกมจับคู่คำตรงข้าม, เรียงร้อยตัวเลข, วงล้อฤดูกาล, บัตรภาพ บัตรคำ (ภาษาอังกฤษ พยัญชนะไทย
ตัวเลข อาชีพ ยานพาหนะ), สื่อการประสมคำ (สระและพยัญชนะไทย), สื่อการสอนนาฬิกาและกิจวัตรประจำวัน
จำลอง, บล็อกไม้รูปเรขาคณิต, บล็อกไม้ตัวเลข, บล็อกไม้พยัญชนะไทย, บล็อกไม้ภาษาอังกฤษ (A-Z) และลูกคิดนับ
เลข เป็นตน้

หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย พทุ ธศกั ราช 2565 หนา้ 61

การเลอื กสอื่ มวี ธิ ีการเลอื กสื่อ ดังน้ี
๑. เลือกใหต้ รงกับจุดมงุ่ หมายและเร่ืองทีส่ อน
๒. เลอื กให้เหมาะสมกับวยั และความสามารถของเด็ก
๓. เลือกให้เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มของท้องถ่นิ ทเ่ี ด็กอยูห่ รือสถานภาพของสถานศึกษา
๔. มวี ิธกี ารใชง้ า่ ย และนำไปใช้ไดห้ ลายกิจกรรม
๕. มีความถูกต้องตามเน้ือหาและทนั สมัย
๖. มคี ณุ ภาพดี เช่น ภาพชดั เจน ขนาดเหมาะสม ไม่ใชส้ ีสะท้อนแสง
๗. เลือกสื่อทีเ่ ด็กเข้าใจง่ายในเวลาสน้ั ๆ ไมซ่ บั ซ้อน
๘. เลือกสอ่ื ทส่ี ามารถสัมผสั ได้
๙. เลือกสื่อเพื่อใช้ฝกึ และสง่ เสริมการคิดเป็น ทำเป็น และกลา้ แสดงความคิดเหน็ ด้วยความมัน่ ใจ

การจดั หาสอื่ สามารถจดั หาได้หลายวิธี คือ
๑. จดั หาโดยการขอยืมจากแหลง่ ตา่ งๆ เชน่ ศนู ยส์ ื่อของสถานศกึ ษาของรัฐบาล หรือ สถานศกึ ษาเอกชน

ฯลฯ
๒.จัดซอ้ื ส่ือและเครื่องเล่นโดยวางแผนการจัดซ้ือตามลำดับความจำเป็นเพื่อใหส้ อดคล้องกับงบประมาณทที่ าง

สถานศกึ ษาสามารถจดั สรรให้และสอดคล้องกับแผนการจัดประสบการณ์
๓.ผลติ ส่อื และเครื่องเลน่ ขนึ้ ใช้เองโดยใชว้ ัสดุที่ปลอดภยั และหาง่ายเปน็ เศษวสั ดุเหลอื ใช้

ท่ีมีอยู่ในทอ้ งถ่นิ น้ันๆ เชน่ กระดาษแขง็ จากลงั กระดาษ รปู ภาพจากแผน่ ป้ายโฆษณา
รูปภาพจากหนังสือนติ ยสารต่าง ๆ เปน็ ต้น

ขน้ั ตอนการดำเนนิ การผลิตสือ่ สำหรบั เด็ก มดี งั น้ี
๑. สำรวจความตอ้ งการของการใชส้ ื่อใหต้ รงกบั จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้และกิจกรรมทจ่ี ดั
๒. วางแผนการผลิต โดยกำหนดจุดมงุ่ หมายและรูปแบบของสอื่ ให้เหมาะสมกบั วัยและความสามารถของเดก็
ส่ือนั้นจะต้องมีความคงทนแข็งแรง ประณีตและสะดวกต่อการใช้
๓. ผลิตสอื่ ตามรูปแบบที่เตรียมไว้
๔. นำสอื่ ไปทดลองใชห้ ลาย ๆ ครง้ั เพื่อหาข้อดี ข้อเสยี จะได้ปรบั ปรงุ แก้ไขให้ดียิ่งข้นึ
๕. นำส่อื ท่ีปรบั ปรุงแก้ไขแล้วไปใช้จรงิ

การใช้สอ่ื ดำเนนิ การดังนี้
๑.การเตรยี มพรอ้ มก่อนใชส้ ่ือ มีข้นั ตอน คอื
๑.๑ เตรยี มตวั ผสู้ อน
❖ ผูส้ อนจะต้องศึกษาจดุ มุ่งหมายและวางแผนวา่ จะจัดกิจกรรมอะไรบา้ ง
❖ เตรยี มจัดหาส่อื และศึกษาวธิ กี ารใชส้ ่อื
❖ จัดเตรยี มสอ่ื และวัสดอุ น่ื ๆ ท่จี ะต้องใช้ร่วมกัน
❖ ทดลองใชส้ ่ือก่อนนำไปใชจ้ ริง
๑.๒ เตรยี มตวั เดก็
❖ ศกึ ษาความรู้พ้นื ฐานเดิมของเด็กใหส้ ัมพนั ธ์กับเรื่องที่จะสอน
❖ เรา้ ความสนใจเด็กโดยใชส้ ่ือประกอบการเรียนการสอน
❖ ใหเ้ ดก็ มีความรับผิดชอบ รูจ้ กั ใช้สือ่ อยา่ งสร้างสรรค์ ไมใ่ ช่ทำลาย เล่นแล้วเก็บให้ถูกที่

หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแม่แก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 หน้า 62

๑.๓ เตรียมส่อื ให้พร้อมก่อนนำไปใช้
❖ จัดลำดบั การใชส้ ือ่ ว่าจะใชอ้ ะไรก่อนหรือหลงั เพอ่ื ความสะดวกในการสอน
❖ ตรวจสอบและเตรียมเครื่องมือให้พร้อมที่จะใช้ได้ทันที
❖ เตรยี มวัสดอุ ุปกรณท์ ่ีใช้ร่วมกับสือ่

๒.การนำเสนอสื่อ เพ่ือให้บรรลุผลโดยเฉพาะใน กิจกรรมเสริมประสบการณ์ / กิจกรรมวงกลม /
กิจกรรมกลุ่มยอ่ ย ควรปฏบิ ัติ ดงั น้ี

๒.๑ สรา้ งความพร้อมและเร้าความสนใจให้เด็กก่อนจัดกจิ กรรมทกุ ครัง้
๒.๒ ใชส้ ่ือตามลำดบั ข้ันของแผนการจดั กจิ กรรมท่ีกำหนดไว้
๒.๓ ไม่ควรให้เดก็ เหน็ สอื่ หลายๆชนิดพรอ้ มๆกนั เพราะจะทำใหเ้ ด็กไม่สนใจกิจกรรมท่สี อน
๒.๔ ผสู้ อนควรยืนอยู่ด้านข้างหรือดา้ นหลงั ของส่ือท่ีใช้กบั เดก็ ผูส้ อนไม่ควรยืน หนั หลงั ให้เด็ก
จะต้องพดู คยุ กับเดก็ และสงั เกตความสนใจของเดก็ พรอ้ มทัง้ สำรวจข้อบกพร่องของส่อื ที่ใช้ เพื่อนำไปปรบั ปรุงแกไ้ ข
ใหด้ ขี ้ึน
๒.๕เปดิ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดร้ ่วมใชส้ ่ือ

ขอ้ ควรระวงั ในการใชส้ ื่อการเรียนการสอน การใชส้ อ่ื ในระดับปฐมวยั ควรระวังในเรือ่ งตอ่ ไปน้ี
๑.วัสดทุ ี่ใช้ ต้องไม่มีพษิ ไมห่ ัก และแตกงา่ ย มีพ้นื ผิวเรยี บ ไม่เป็นเส้ียน
๒.ขนาด ไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไป เพราะยากต่อการหยิบยกอาจจะตกลงมาเสียหาย แตก เป็น

อันตรายต่อเด็กหรือใช้ไม่สะดวก เช่น กรรไกรขนาดใหญ่ โต๊ะ เก้าอี้ที่ใหญ่และสูงเกินไป และไม่ควรมีขนาดเล็ก
เกนิ ไป เด็กอาจจะนำไปอมหรือกลนื ทำใหต้ ดิ คอหรือไหลลงทอ้ งได้ เชน่ ลูกปัดเลก็ ลกู แกว้ เล็ก ฯลฯ

๓. รปู ทรง ไมเ่ ป็นรูปทรงแหลม รูปทรงเหลย่ี ม เป็นสัน
๔. น้ำหนัก ไม่ควรมีน้ำหนกั มาก เพราะเด็กยกหรือหยิบไม่ไหว อาจจะตกลงมาเป็นอันตรายต่อตัวเด็ก
๕. สอื่ หลีกเล่ยี งสอ่ื ท่ีเป็นอันตรายต่อตวั เดก็ เชน่ สารเคมี วตั ถไุ วไฟ ฯลฯ
๖. สหี ลีกเลี่ยงสที ่เี ปน็ อันตรายต่อสายตา เช่น สีสะท้อนแสง ฯลฯ

การประเมนิ การใชส้ อื่
ควรพจิ ารณาจากองคป์ ระกอบ 3 ประการ คอื ผู้สอน เดก็ และสอ่ื เพ่อื จะได้ทราบว่าส่ือนั้นชว่ ยให้เด็กเรียนรู้

ไดม้ ากนอ้ ยเพียงใด จะไดน้ ำมาปรับปรุงการผลิตและการใช้สอ่ื ให้ดีย่ิงขนึ้ โดยใชว้ ิธสี ังเกต ดังน้ี
๑. ส่อื น้ันช่วยให้เด็กเกดิ การเรยี นรเู้ พยี งใด
๒. เดก็ ชอบสื่อน้นั เพยี งใด
๓. สื่อนน้ั ชว่ ยใหก้ ารสอนตรงกับจดุ ประสงค์หรอื ไม่ ถูกต้องตามสาระการเรียนรู้และทนั สมยั หรอื ไม่
๔. ส่ือนั้นช่วยให้เดก็ สนใจมากนอ้ ยเพยี งใด เพราะเหตุใด

การเก็บ รกั ษา และซอ่ มแซมส่อื
การจัดเก็บสื่อเป็นการส่งเสริมให้เด็กฝึกการสังเกต การเปรียบเทียบ การจัดกลุ่ม ส่งเสริมความรับผิดชอบ

ความมีนำ้ ใจ ชว่ ยเหลือ ผ้สู อนไมค่ วรใช้การเก็บสือ่ เปน็ การลงโทษเด็ก โดยดำเนินการดังน้ี
๑. เก็บสื่อให้เป็นระเบียบและเป็นหมวดหมู่ตามลกั ษณะประเภทของสื่อ สื่อที่เหมอื นกันจัดเก็บหรือจดั วางไว้

ด้วยกนั
๒. วางสอ่ื ในระดับสายตาของเด็ก เพ่อื ใหเ้ ดก็ หยบิ ใช้ จดั เกบ็ ไดด้ ว้ ยตนเอง

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย พทุ ธศกั ราช 2565 หน้า 63

๓. ภาชนะทจี่ ัดเก็บส่ือควรโปรง่ ใส เพ่ือใหเ้ ดก็ มองเหน็ ส่ิงท่ีอยู่ภายในได้ง่ายและควรมีมือจับเพ่อื ให้สะดวกใน
การขนย้าย

๔. ฝกึ ใหเ้ ด็กรู้ความหมายของรูปภาพหรอื สีท่ีเป็นสัญลักษณ์แทนหมวดหมู่ ประเภทสอ่ื เพอ่ื เด็กจะได้เก็บเข้า
ท่ีไดถ้ กู ต้อง การใชส้ ัญลกั ษณ์ควรมีความหมายตอ่ การเรยี นรขู้ องเดก็ สญั ลักษณค์ วรใช้สื่อของจริง ภาพถ่ายหรอื สำเนา
ภาพวาด ภาพโครงร่างหรอื ภาพประจุด หรือบตั รคำตดิ คู่กับสญั ลักษณอ์ ยา่ งใดอยา่ งหน่งึ

๕.ตรวจสอบส่อื หลังจากที่ใช้แล้วทุกคร้งั วา่ มสี ภาพสมบรู ณ์ จำนวนครบถว้ นหรือไม่
๖. ซ่อมแซมสอื่ ชำรดุ และทำเตมิ สว่ นท่ีขาดหายไปใหค้ รบชุด

การพัฒนาส่ือ
การพัฒนาสื่อเพื่อใช้ประกอบการจัดกิจกรรมในระดับปฐมวัยนั้น ก่อนอื่นควรได้สำรวจข้อมูล สภาพปัญหา

ต่างๆของสื่อทุกประเภทที่ใช้อยู่ว่ามีอะไรบ้างที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม กับความ
ต้องการ

แนวทางการพัฒนาสือ่ ควรมีลักษณะเฉพาะ ดังนี้
๑. ปรับปรุงส่ือใหท้ นั สมยั เข้ากับเหตุการณ์ ใช้ได้สะดวก ไมซ่ ับซ้อนเกินไป เหมาะสมกบั วัยของเด็ก
๒. รกั ษาความสะอาดของส่ือ ถ้าเปน็ วสั ดทุ ลี่ า้ งน้ำได้ เมื่อใชแ้ ล้วควรไดล้ า้ งเช็ด หรือ ปัดฝุ่นให้สะอาด เกบ็ ไว้

เปน็ หมวดหมู่ วางเป็นระเบียบหยบิ ใช้ง่าย
๓. ถ้าเป็นสื่อที่ผู้สอนผลิตขึ้นมาใช้เองและผ่านการทดลองใช้มาแล้ว ควรเขียนคู่มือประกอบการใช้สื่อน้ัน

โดยบอกชือ่ สื่อ ประโยชนแ์ ละวิธใี ชส้ ่ือ รวมทัง้ จำนวนชิน้ ส่วนของส่ือในชุดน้ันและเกบ็ คู่มือไว้ในซองหรือถุง พร้อมส่ือ
ทผ่ี ลิต

๔. พัฒนาสื่อที่สร้างสรรค์ ใช้ได้เอนกประสงค์ คือ เป็นได้ทั้งสื่อเสริมพัฒนาการและเป็นของเล่นสนุกสนาน
เพลิดเพลิน

แหลง่ การเรียนรู้
โรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดน้อย ไดแ้ บ่งประเภทของแหลง่ เรียนรู้ ได้ดงั นี้
๑. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล ได้แก่ วิทยากรหรือผู้เชียวชาญเฉพาะด้าน ที่จัดหามาเพื่อให้ความรู้

ความเขา้ ใจอยา่ งกระจา่ งแกเ่ ด็กโดยสอดคลอ้ งกบั เนอ้ื หาสาระการเรยี นรูต้ ่างๆ ไดแ้ ก่
- ผู้ใหญบ่ ้าน
- เจ้าหน้าที่ใน เทศบาล.
- เจ้าหนา้ ทสี่ าธารณสขุ
- พระสงฆ์
- พอ่ ค้า – แม่คา้
- เจ้าหนา้ ที่ตำรวจ
- ผู้ปกครอง
- ชาวสวน,ชาวนา
- ชา่ งกอ่ สรา้ ง
- ครู
- ฯลฯ

หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแม่แก้ดนอ้ ย พทุ ธศักราช 2565 หน้า 64

๒. แหล่งเรียนรูภ้ ายในชุมชน ได้แก่ แหล่งขอ้ มูลหรือแหล่งวิทยาการต่างๆ ทีอ่ ยูใ่ นชุมชน มีความสัมพันธ์กับ

เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีช่วยให้เด็กสามารถเชื่อมโยงโลกภายในและโลกภายนอก (inner world &

outer world) ได้ และสอดคล้องกับวถิ ีการดำเนนิ ชวี ิตของเดก็ ปฐมวยั ไดแ้ ก่

- ห้องสมุดโรงเรียนวดั แม่แก้ดน้อย

- ห้องวทิ ยาศาสตร์ปฐมวยั

- วัดแม่แก้ดน้อย (วัดปา่ ตงึ งาม)

- ตลาดบ้านแม่แก้ดนอ้ ย

- สถานตี ำรวจ

- โรงพยาบาลสนั ทราย

- มหาวิทยาลยั แม่โจ้

- ที่ทำการไปรษณยี ์แมโ่ จ้

๓. สถานทีส่ ำคัญตา่ งๆ ได้แก่ แหล่งความร้สู ำคญั ต่างๆ ทเ่ี ด็กใหค้ วามสนใจ ได้แก่

- สวนสตั วเ์ ชียงใหม่ - สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่

- ไนท์ซาฟารี - อทุ ยานราชพฤกษเ์ ชียงใหม่

- พระตำหนักภูพิงคร์ าชนิเวศน์ - วดั พระธาตดุ อยสเุ ทพ

- สนามกีฬาสมโภช 700 ปี - พระมหาธาตุนภเมทนดี ล และพระมหาธาตนุ ภพลภูมสิ ิริ

- เวียงกมุ กาม - ประตูทา้ แพ, ประตูเชยี งใหม่

- พระตำหนักภูพิงค์ราชนเิ วศน์ - วัดทส่ี ำคญั ในเมืองเชยี งใหม่

- สนามบินเชยี งใหม่ - ถนนคนเดนิ (ถนนคนเดนิ ท้าแพ, ถนนคนเดินววั ลาย)

- แกรนดแ์ คนยอนหางดง - ตลาดวโรรส (กาดหลวง)

- ดอยหลวงเชยี งดาว - บ้านแมก่ ำปอง

ฯลฯ

หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแม่แก้ดนอ้ ย พทุ ธศกั ราช 2565 หน้า 65

การประเมนิ พฒั นาการ

การประเมินพัฒนาการเด็กอายุ ๔ – ๖ ปี เป็นการประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม
และสติปัญญาของเด็ก โดยถือเป็นกระบวนการต่อตนเอง และเป็น ส่วนหนึ่งของกิจกรรมปกติที่จัดให้เด็กในแตล่ ะวัน
ผลที่ได้จากการสงั เกตพัฒนาการเดก็ ต้องนำมาจัดทำสารนิทัศน์หรือจัดทำข้อมูลหลักฐานหรอื เอกสารอย่างเป็นระบบ
ด้วยการวบรวมผลงานสำหรับเด็กเป็นรายบุคคลที่สามารถบอกเรื่องราวหรือประสบการณ์ที่เด็กได้รับว่าเด็กเกิดการ
เรยี นรู้และมีความก้าวหน้าเพยี งใด ทัง้ นี้ ให้นำขอ้ มูลผลการประเมินพัฒนาการเด็กมาพจิ ารณา ปรับปรงุ วางแผล การ
จัดกิจกรรม และส่งเสริมให้เด็กแต่ละคนได้รับการพัฒนาตามจุดหมายของหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง การประเมิน
พัฒนาการควรยึดหลัก ดงั น้ี

๑. วางแผนการประเมินพัฒนาการอย่างเป็นระบบ
๒. ประเมินพฒั นาการเด็กครบทุกด้าน
๓. ประเมนิ พัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคลอย่างสมำ่ เสมอต่อเน่อื งตลอดปี
๔. ประเมินพฒั นาการตามสภาพจรงิ จากกิจกรรมประจำวันด้วยเครือ่ งมอื และวิธกี ารท่หี ลากหลายไมค่ วรใช้

แบบทดสอบ
๕. สรุปผลการประเมิน จดั ทำขอ้ มูลและนำผลการประเมนิ ไปใช้พัฒนาเดก็
วิธกี ารและเครอ่ื งมือท่ใี ชใ้ นการประเมนิ พัฒนาการเดก็
ในการสรุปผลการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยแต่ละครั้ง โรงเรียนใช้วิธีการประเมินอย่างหลากหลาย
เหมาะสมกับพัฒนาการตามวัย และสมรรถนะของเด็ก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ท่ีสุด โดยโรงเรียนมีการประเมินเดก็
ปฐมวัย หลายวธิ ี ดงั นี้
๑. การสังเกต และการบันทึก ครูประจำชั้นที่จัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ และครูที่รับผิดชอบการจัด
กิจกรรมส่งเสริม/พัฒนาแบบบูรณาการ ใช้หลักการประเมินจากการสังเกต ทั้ง ๒ แบบ คือ การสังเกตอย่างมีระบบ
ได้แก่ การสังเกตอย่างมจี ดุ มงุ่ หมายทแ่ี นน่ อนตามแผนการจัดประสบการณท์ ่วี างไว้ และการสังเกตแบบไม่เป็นทางการ
ซึ่งครูจะการสังเกตในขณะทีเ่ ด็กกาลังทากิจกรรมประจาวัน และผู้สอนจดบันทึกพฤตกิ รรมเด็กไวอ้ ย่างสม่ำเสมอ เพื่อ
เก็บเป็นหลักฐาน และใช้เป็นขอ้ มลู ในการพฒั นาเด็กเปน็ รายบุคคล การสังเกตและการบนั ทึกพฒั นาการเด็กทโี่ รงเรียน
เลอื กใช้ มดี งั น้ี

๑.๑ แบบบันทึกการสังเกตการร่วมกิจกรรม เป็นการบันทึกเหตุการณ์หรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นใน
ชน้ั เรียน หลังจากการจดั ประสบการณ์ การบันทกึ จะบันทกึ ในภาพรวมว่าเด็กไดเ้ รียนรู้อะไรบ้าง และบนั ทึกเฉพาะเด็ก
รายที่ต้องการศึกษา การบันทึกนี้เป็นการชี้ให้เห็นความสามารถเฉพาะอย่างของเด็ก จะช่วยกระตุ้นให้ผู้สอนได้
พิจารณาปัญหาของเด็กเป็นรายบุคคล ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญมีข้อมูลมากขึ้นสาหรับวินิจฉัยเด็กว่าสมควรจะได้รับ
คำปรกึ ษาเพ่อื ลดปญั หาและสง่ เสริมพฒั นาการของเดก็ ได้อย่างถูกต้อง นอกจากนัน้ ยงั ช่วยช้ีใหเ้ ห็นขอ้ ดขี ้อเสียของการ
จดั กจิ กรรมและประสบการณ์ได้เป็นอยา่ งดี

๑.๒ แบบสรุปการสังเกตการร่วมกิจกรรม (กิจกรรม ๖ หลัก และกิจกรรมส่งเสริม/พัฒนาแบบบูรณา
การ) เป็นการสรุปผลการสังเกตการรว่ มกจิ กรรมของเด็ก หลังจากการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนตลอดหนึ่งสัปดาห์
ซึ่งจะประเมิน ๖ กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมเกม
การศกึ ษา กจิ กรรมเสรี กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ และกิจกรรมส่งเสริม/พัฒนาแบบบูรณาการ นอกจากนี้ผู้สอน
ยังบันทึกข้อสังเกต / ข้อค้นพบ / ปัญหา / อุปสรรค ที่พบจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อนำข้อมูลไป
ปรับปรุงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนใหด้ ีข้นึ หรอื นำไปทำวจิ ัยในช้นั เรยี น

หลักสตู รการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแม่แก้ดน้อย พทุ ธศกั ราช 2565 หน้า 66

๑.๓ แบบบันทึกผลพัฒนาการนักเรียนรายบุคคล โดยจะประเมินพัฒนาการนักเรียนรายบุคคล เดือน
ละ ๑ ครงั้ รวมภาคเรียนละ ๓ ครั้ง

๑.๔ สมุดรายงานผลพัฒนาการนักเรียนรายบุคคล (สมุดพก) สมุดบันทึกผลการเรียนและพัฒนาการ
ดา้ นต่าง ๆ ของนกั เรียน รายงานผลต่อผปู้ กครองภาคเรียนละ ๑ ครัง้

๒. การสนทนา/การสัมภาษณ์ โดยครูผู้สอนสนทนา/สัมภาษณ์เกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ตามแผนการจัด
ประสบการณ์ แผนการจัดกิจกรรมส่งเสริม/พัฒนาแบบบรู ณาการ และการทากจิ กรรมอ่ืนๆ ทั้งการสนทนา/สัมภาษณ์
เป็นกลุม่ หรือรายบุคคล เพื่อประเมินความสามารถในการแสดงความคิดเหน็ และพัฒนาการด้านการใช้ภาษาของเด็ก
และบันทึกในแบบบันทึกหลังการจัดประสบการณ์ประจาวัน/แบบบันทึกหลังการจัดกิจกรรมส่ งเสริม/พัฒนาแบบ
บรู ณาการ และแบบบันทกึ หลังการทากจิ กรรมอ่ืน ๆ

๓. การปฏิบัติจริง ครูออกแบบการจัดประสบการณ์ การจัดกิจกรรมสง่ เสริม/พัฒนาแบบบูรณาการและการ
จัดกิจกรรมอื่น ๆ โดยให้เด็กลงมือปฏิบัติจริงตามสถานการณ์ที่กำหนด จากนั้นจึงมีการประเมินตามพัฒนาการ และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของแต่ละช่วงวยั ซึ่งจะประเมินท้ายแผนการจัดประสบการณ์เป็นประจาทกุ วัน และนามา
สรปุ ผลการประเมนิ เดอื นละ 1 ครง้ั รวม 3 ครัง้ /ภาคการศกึ ษา

๔. การรวบรวมผลงานท่แี สดงออกถึงความกา้ วหนา้ แตล่ ะด้านของเดก็ เปน็ รายบุคคล
โดยจดั เก็บข้อมูล ผลงานความก้าวหนา้ ของเด็กไวใ้ นแฟม้ ผลงาน ( Portfolio ) เพื่อแสดงใหเ้ ห็นถงึ พัฒนาการ
แต่ละดา้ น และบ่งบอกความกา้ วหนา้ ของเดก็ เป็นรายบคุ คล
๕. การประเมนิ การเจริญเติบโตของเดก็
โรงเรียนมีการประเมินการเจริญเติบโตของเด็กตามหลักเกณฑ์ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้แก่
น้ำหนัก สว่ นสงู การตรวจสขุ ภาพฟนั โดยมีแนวทางประเมินการเจริญเติบโต ดงั นี้

๕.๑ การประเมินการเจรญิ เตบิ โต โดยการชง่ั น้าหนักและวดั สว่ นสูงเดก็ ภาคเรียนละคร้งั แลว้ นำไปบันทึก
ลงในโปรแกรมบันทึกสุขภาพ โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย เปรียบเทียบกับเกณฑ์ปกติของกรมอนามัย กระทรวง
สาธารณสุข ซึ่งการแปลผลแบ่งออกเป็น ๓ แบบ คือ น้าหนักตามเกณฑ์อายุ ส่วนสูงตามเกณฑ์อายุ และน้ำหนักตาม
เกณฑ์ส่วนสูง การแบ่งภาวะโภชนาการน้ำหนักตามเกณฑ์ส่วนสูง แบ่งเป็น ๖ กลุ่ม คือ ผอม, ค่อนข้างผอม, สมส่วน,
ท้วม, เรมิ่ อว้ น, อว้ น

ซึ่งหากพบเด็กอยู่ในกลุ่มอ้วน หรือ ผอม ฝ่ายพยาบาลแผนกปฐมวัย จะส่งบันทึกการติดตามผลนักเรียน
ระดับปฐมวัย ที่มีน้าหนักและส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน/เกินเกณฑ์มาตรฐานให้กับผู้ประจาชั้น เพื่อร่วมกันดูแล
เด็ก ให้มนี ้าหนกั -ส่วนสูง สมส่วน และรายงานผลต่อผู้ปกครอง เพื่อขอความรว่ มมือกับผู้ปกครองในการดูแลเร่ืองการ
รับประทานอาหาร การดแู ลสุขภาพของเด็กรว่ มกบั แนวทางปฏบิ ัตขิ องทางโรงเรยี น

๕.๒ การตรวจสขุ ภาพปากและฟนั เพ่ือตรวจสอบ และรกั ษาสงิ่ ผดิ ปกติของฟันและปาก การรักษาให้ฟัน
และปากสะอาดและมีสุขภาพดีอยู่เสมอ โดยครูประจาชั้นสอนให้เด็กเข้าใจวิธีดูแลฟัน ร่วมกับการแนะนาผู้ปกครอง
เพื่อดูแลรักษาฟันของเด็กให้ดีอยูเ่ สมอ โดยการรูจ้ ักการแปรงฟันที่ถูกวิธี ควรแปรงฟันทกุ ครัง้ หลังกินขนมหวาน หรือ
หลังมื้ออาหาร รวมถึงโรงเรียนได้จัดให้มีบุคลากรวิชาชีพจากโรงพยาบาลมาตรวจฟันเด็กประจาปี ปีการศึกษาละ ๑
ครัง้ แลว้ บนั ทกึ ผลลงในระเบียนสะสมนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล

๕.๓ การรับวัคซีนป้องกันโรคขั้นพื้นฐาน โรงเรียนประสานความร่วมมอื กับโรงพยาบาลท่ีรับผิดชอบดูแล
เพื่อการให้ภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ แก่เด็ก และให้บริการการฉีดวัคซีนทางเลือกสาหรับผู้สมัครใจ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่
แล้วมีการบันทึกลงแบบบนั ทกึ การฉดี วัคซีนของเด็กเปน็ รายบุคคล

หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 หนา้ 67

การบรหิ ารจดั การหลักสตู รสถานศกึ ษาระดบั การศึกษาปฐมวัย

โรงเรยี นวดั แม่แกด้ น้อยมีการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาระดับการศึกษาปฐมวัย ฐานสมรรถนะโรงเรียน
วัดแม่แก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 เพื่อให้การนำหลักสูตรไปใช้ในการจัดการศึกษาให้กับเด็กให้มีประสิทธิภาพตาม
จดุ มุ่งหมายของหลกั สตู ร โดยผูท้ เ่ี ก่ยี วข้องกบั การบริหารจัดการหลกั สูตร ดังน้ี

บทบาทหนาท่ขี องผเู กย่ี วของในการบรหิ ารจัดการหลักสตู ร
๑. ผู้บริหารสถานศกึ ษา
๑) ศึกษาทำความเขา้ ใจหลักสตู ร และมวี สิ ยั ทศั น์ดา้ นการจัดการศกึ ษาปฐมวยั
๒) เปนผูนาํ ในการจัดทาํ หลักสตู รโดยรวมใหความเหน็ ชอบ และกาํ หนด วสิ ัยทัศนของหลักสูตร
๓) คดั เลือกครูผูส้ อนท่ีเหมาะสม โดยควรมคี ณุ สมบตั ิ ดังน้ี
- มีวฒุ ิการศึกษาดา้ นอนุบาล, ปฐมวัย หรอื ผ่านการอบรมเกยี่ วกับการจดั การศกึ ษาปฐมวยั
- มคี วามรักเด็ก จติ ใจดี มอี ารมณข์ นั และใจเย็น ให้ความเป็นกนั เองกับเดก็ อยา่ งเสมอภาค
- มบี คุ ลิกความเปน็ ครู เขา้ ใจธรรมชาติของเดก็
- พูดจาสุภาพเรยี บร้อย ชดั เจนเป็นแบบอย่างได้
- มคี วามเปน็ ระเบียบ สะอาด และรู้จกั ประหยดั
- มีความอดทน ขยนั ซอ่ื สตั ยใ์ นการปฏบิ ตั งิ านและการปฏิบัติตอ่ เด็ก
- มีอารมณ์ร่วมกับเด็ก รู้จักรับฟัง พิจารณาเรื่องราวปัญหาต่าง ๆ ของเด็ก และตัดสินปัญหา

ต่างๆ อยา่ งมีเหตผุ ลและเปน็ ธรรม
- มีสขุ ภาพกาย และสขุ ภาพจิตที่สมบูรณ์

๔) ส่งเสริมการจัดบริการทางการศึกษาใหเ้ ด็กเข้าเรียนอย่างทั่วถึงและเสมอภาคและปฏบิ ัติการรับ
เดก็ ตามเกณฑ์ที่กำหนด

๕) สงเสรมิ ใหผู้สอนและผูทป่ี ฏบิ ัตงิ านกบั เดก็ ไดพฒั นาตนเองใหมีความรู กาวหนาอยูเสมอ
๖) สรางความรวมมือและประสานกับบุคลากรทุกฝายในการจัดทําหลกั สตู รอิงสมรรถนะ
๗) จัดใหมีขอมลู สารสนเทศเกีย่ วกบั ตัวเดก็ งานวชิ าการหลักสตู รอยางเปนระบบ และมีการ
ประชาสมั พันธหลักสตู รอิงสมรรถนะ
๘) สนับสนุนการจัดสภาพแวดลอม สื่อ วัสดุอุปกรณ และแหลงเรียนรูที่เอื้ออํานวยตอการเรียนรู
และสงเสริมพฒั นาการเด็ก
๙) นิเทศ กํากับ ติดตามการใช (ร่าง) หลักสูตรฐานสมรรถนะโดยจัดใหมีการนิเทศภายในอยางมี
ระบบ
๑๐) กํากบั ตดิ ตามใหมีการประเมินคุณภาพภายในระดับปฐมวยั ในสถานศึกษา และนาํ ผลจาก การ
ประเมินไปใชในการพฒั นาคุณภาพเด็ก
๑๑) กํากบั ตดิ ตามใหมีการประเมินการนําหลักสูตรสถานศึกษาการศึกษาระดับปฐมวยั ไปใช เพื่อนํา
ผลจากการประเมิน มาปรับปรุงและพัฒนาสาระของหลักสูตรสถานศึกษาระดับการศึกษาปฐมวัยใหสอดคลองกับ
ความตองการของเด็ก บริบทสังคม และใหมีความทันสมยั

หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 หน้า 68

๒. ผสู อนระดบั ปฐมวยั
การพฒั นาคณุ ภาพเด็กโดยถือวาเด็กมีความสําคัญทส่ี ุด กระบวนการจัดการศกึ ษาตองสงเสรมิ ใหเด็กสามารถ
พัฒนาตนตามธรรมชาติ สอดคลองกับพัฒนาการและเต็มตามศักยภาพ ดังนั้น ผูสอนจึงมีบทบาท สําคัญยิ่งในการ
จัดทําหลักสูตร พัฒนาหลักสูตร และนําหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปสู การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ ทําให
กระบวนการจัดการเรียนรูดงั กลาวบรรลุผลสาํ เรจ็ ตามเปาหมาย ผูสอนจึงควรมบี ทบาท/หนาท่ี ดังน้ี

๑) บทบาทในฐานะผูบริหารหลกั สตู ร
- ทําหนาที่วางแผน จัดทําหลักสูตร และพัฒนาหลักสูตร หนวยการจัดประสบการณ การจัด
ประสบการณการเรียนรู และการประเมินผลพัฒนาการ
- จัดทําแผนการจัดประสบการณที่เนนเด็กเปนสําคัญ ใหเด็กมีอิสระในการเรียนรู เปดโอกาส ให
เดก็ เลน/ทาํ งานและเรียนรู ท้ังรายบุคคลและเปนกลุม
- ประเมนิ ผลการใชหลักสูตร เพ่ือนําผลการประเมนิ มาปรับปรุงพัฒนาหลักสตู รใหทันสมัย สอดคล
องกับความตองการของเด็ก ชุมชน และทองถ่ิน
๒) บทบาทในฐานะผูเสริมสรางการเรยี นรู
- จัดประสบการณการเรียนรูที่เด็กกําหนดขึ้นดวยตัวเด็กเอง และผูสอนกับเด็กรวมกันกําหนด
เพื่อพัฒนาเด็กใหครอบคลุมพัฒนาการทุกดานในชีวิตประจําวัน ในการแสวงหาคําตอบหรือหาคําตอบในสิ่งที่เด็ก
เรยี นรูอยางมีเหตุผล
- จัดประสบการณกระตุนใหเด็กรวมคิด แกปญหา คนควาหาคําตอบดวยตนเอง ดวยวิธีการ
ศึกษาท่ีนาํ ไปสูการใฝรแู ละพฒั นาตนเอง
- จัดสภาพแวดลอมและสรางบรรยากาศการเรียนรูที่สรางเสริมใหเด็กปฏิบัติกิจกรรม ผานการ
เล่นไดเตม็ ตามศักยภาพและความสามารถของเด็กแตละคน
- สอดแทรกการอบรมดานจริยธรรมและคานิยมที่พึงประสงคในการจัดการเรียนรูกิจวัตร
ประจําวนั และกจิ กรรมตางๆ อยางสม่ําเสมอ
- จัดกิจกรรมการเลนท่ีมีจุดมงุ หมายเพ่ือสงเสริมการเรียนรูสงิ่ แวดลอม ตลอดจนมีการ ปฏสิ มั พนั ธ
กบั ผูอน่ื และเรียนรูวธิ ีการแกปญหาขอขัดแยงตางๆ
- ใชปฏสิ มั พันธทีด่ ีระหวางผูสอนและเด็กในการดําเนินประสบการณการเรียนการสอน อยางสมํ่า
เสมอ
- จัดการประเมินผลพัฒนาการที่สอดคลองกับสภาพจริง และนําผลการประเมินมาปรับปรุง
พัฒนาคณุ ภาพเด็กใหเตม็ ตามศักยภาพ และนาํ มาปรับปรุงพฒั นาการจัดประสบการณของตนใหมีประสิทธภิ าพ
๓) บทบาทในฐานะผูดแู ลเดก็
- สังเกตและสงเสริมพัฒนาการเด็กทุกดาน ทั้งทางดานรางกาย อารมณ จิตใจ สังคม และ
สติปัญญา
- ฝกใหเดก็ ชวยเหลอื ตนเองในชีวติ ประจาํ วนั
- ฝกใหเดก็ มคี วามเชื่อมั่น มคี วามภมู ใิ จในตนเอง และกลาแสดงออก
- ฝกการเรียนรูหนาท่ี ความมวี นิ ัย และการมีนิสัยท่ดี ี
- จําแนกพฤติกรรมเด็กและสรางเสริมลกั ษณะนสิ ยั และแกปญหาเฉพาะบุคคล
- ประสานความรวมมือระหวางสถานศึกษา บาน และชุมชน เพื่อใหเด็กไดพัฒนาเต็มตาม
ศักยภาพ และมีมาตรฐานคณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค

หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 หน้า 69

๔) บทบาทในฐานะนกั พัฒนาเทคโนโลยีการสอน
- นํานวัตกรรม เทคโนโลยีทางการสอนมาประยุกตใชใหเหมาะสมกับสภาพบริบทสังคม ชุมชน

และทองถน่ิ
- ใชเทคโนโลยีและแหลงเรียนรูในชุมชนในการเสริมสรางการเรียนรูใหแกเด็ก
- จัดทําวิจัยในชั้นเรียน เพื่อนําไปปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร/กระบวนการเรียนรู และพัฒนา สื่อ

การเรยี นรู
- พัฒนาตนเองใหเปนบุคคลแหงการเรียนรู มีคุณลักษณะของผูใฝรู มีวิสัยทัศน และทันสมัย ทัน

เหตกุ ารณในยคุ ของขอมลู ขาวสาร

๓. พอแมหรือผปู กครองเด็กปฐมวยั
การจัดการศึกษาระดับปฐมวัยเปนการศึกษาที่จดั ใหแกเดก็ ที่ผูสอนและพอแมหรือผูปกครอง ตองสื่อสารกัน
ตลอดเวลา เพื่อสรางความเขาใจและพรอมรวมมือกันในการอบรมเลี้ยงดูและใหการศึกษาแกเด็ก พอแมหรือผู
ปกครอง ควรมีบทบาทหนาทีด่ ังนี้

๑) มีสวนรวมในการกําหนดแผนพฒั นาสถานศึกษา และใหความเหน็ ชอบ กําหนดแผนการจัด ประสบกา
รณของเด็กรวมกับผูสอนและเด็ก

๒) รวมมือและสนบั สนนุ กิจกรรมของสถานศึกษา และกิจกรรมการจัดประสบการณการเรยี นรู เพื่อพัฒนา
เด็กตามศักยภาพ

๓) เปนเครอื ขายการเรียนรู จัดบรรยากาศภายในบานใหเอื้อตอการเรียนรู
๔) สนับสนุนทรัพยากรเพ่ือการศึกษาตามความเหมาะสมและจําเปน
๕) อบรมเลี้ยงดู เอาใจใส ใหความรัก ความอบอนุ สงเสรมิ การเรยี นรูและพัฒนาการดานตางๆ ของเด็ก
๖) ปองกันและแกไขปญหาพฤติกรรมที่ไมพึงประสงค ตลอดจนสงเสริมคุณลักษณะที่พึงประสงค โดย
ประสานความรวมมอื กบั ผูสอนและผูท่เี กย่ี วของ
๗) เปนแบบอยางที่ดีทั้งในดานการปฏิบัติตนใหเปนบุคคลแหงการเรียนรู และมีคุณธรรมนําไปสู การ
พฒั นาใหเปนสถาบนั แหงการเรยี นรู
๘) มสี วนรวมในการประเมนิ ผลพฒั นาการของเดก็ และในการประเมินการจดั การศึกษาของ สถานศกึ ษา

๔. ชุมชน/ทองถน่ิ
มีบทบาทในการมีสวนรวมในการจัดการศึกษา โดยการประสานความรวมมือ เพื่อรวมกันพัฒนาเดก็ เตม็ ตาม
ศกั ยภาพ ดงั น้นั ชมุ ชนจึงมีบทบาทในการจัดการศกึ ษาปฐมวยั ดังน้ี

๑) มีสวนรวมในการสงเสริมการบริหารสถานศึกษา ในบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา สมาคม/
ชมรมผูปกครอง

๒) มีสวนรวมในการจัดทําแผนพัฒนาสถานศกึ ษา เพอื่ เปนแนวทางในการดาํ เนนิ การของ สถานศึกษา
๓) เปนศูนยการเรียนรูเครือขายการเรียนรู สงเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหเดก็ ไดเรียนรู มี
ประสบการณจากสถานการณจริง
๔) สงเสริมใหมีการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภูมิปญญา ทองถิ่น เพ่ือ
เสริมสรางพัฒนาการของเด็กทุกดาน รวมทงั้ สืบสานจารีตประเพณี ศิลปวัฒนธรรมของทองถ่นิ และของชาติ
๕) ประสานงานกับองคกรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อใหสถานศึกษาเปนแหลงวิทยาการของชุมชน และมีส
วนในการพัฒนาชมุ ชนและทองถิน่

หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย พทุ ธศกั ราช 2565 หน้า 70

๖) มีสวนรวมในการตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา โดยทําหนาที่ให
ขอเสนอแนะในการพัฒนาการจดั การศึกษาของสถานศึกษา

การพัฒนาผูสอนและบุคลากรปฐมวยั
การพัฒนาผูสอนและบุคลากรปฐมวัยอยางเปนระบบและตอเนื่อง มีความสําคัญมากในการบริหารจัดการ

หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั เพราะเปนการสรางความรูความเขาใจใหแกผูสอนใหสามารถ นําหลกั สตู รไปสูการปฏิบัติ
ไดอยางมีประสิทธิภาพ ทั้งในดานการออกแบบพัฒนาหลักสูตร การจัดประสบการณ การเรียนรู การจัดสภาพแวดล
อมในและนอกหองเรียน การจัดพัฒนาสื่อ สิ่งแวดลอม และแหลงเรียนรู การประเมินพัฒนาการ โดยมีมาตรฐาน
คุณลักษณะท่ีพึงประสงค ตวั บงชี้ และสภาพท่พี ึงประสงคของ หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวัยเปนเปาหมายสาํ คัญในการ
พัฒนาคณุ ภาพเดก็ สถานศึกษาจึงควรกาํ หนดแนวทาง การพัฒนาผสู อนและบคุ ลากรปฐมวยั ดังนี้

๑) สํารวจและประเมินความตองการในการพัฒนาตนเองของผูสอนและบุคลากรปฐมวัย และนํา ขอมูลมา
จัดทําแผนการพฒั นาตนเองท้งั แผนระยะส้นั และแผนระยะยาว

๒) พัฒนาผูสอนและบุคลากรปฐมวัยในดานการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ การออกแบบการจัดประสบ
การณ เทคนิควิธีการ จัดประสบการณ เทคนิคการควบคุมชั้นเรียน และดานอื่นๆ ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมพัฒนาผูสอน
และบุคลากรปฐมวยั ควรใชเทคนิควิธกี ารท่ีหลากหลาย เชน การอบรมเชิงปฏิบตั กิ าร การประชมุ สัมมนา การศึกษาดู
งาน การจดั กจิ กรรม PLC เปนตน คูมือหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ สําหรบั เด็กอายุ ๓ - ๖ ป

๓) สงเสริมสนับสนุนใหมีมุมความรู โดยการจัดหาเอกสารดานหลักสูตร แนวทางการจัดประสบการณ
ตลอดจนองคความรูดานอนื่ ๆ ที่เก่ียวของ เพ่อื เปดโอกาสใหผสู อนและบุคลากรปฐมวยั ศึกษาคนควาเพ่ิมเตมิ

๔) สงเสริมใหผูสอนและบุคลากรปฐมวัยมีโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรูรวมกัน รวมปรึกษาและ วาง
แผนการจดั การเรียนรูรวมกบั ผูสอนระดบั ช้ันประถมศึกษาปท่ี ๑ เพอื่ ใหผูสอนเขาใจบทบาทหนาท่ีและภารกจิ ของตน
ในการนําหลักสูตรไปสูปฏิบัติสงผลดีตอการทํางานรวมกันในการจัดประสบการณการเรยี นรูท่ีเปนการสรางรอยเชื่อม
ตอในระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที่ ๑ ไดเปนอยางดี

การสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากร
การพฒั นาหลักสตู รและการจัดประสบการณการเรยี นรูตามหลกั สูตรสถานศึกษาระดับการศึกษาปฐมวยั

ฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 มคี วามจาํ เปนอยางย่ิงทสี่ ถานศึกษาตองจดั หางบประมาณ
และทรัพยากรทจ่ี ําเปน เพ่ือสนบั สนนุ ใหการดําเนนิ การจดั ประสบการณการเรยี นรูตามหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย
ประสบความสาํ เรจ็ ตามเปาหมาย ท่ีกาํ หนด โดยมแี นวทางการดาํ เนนิ การ ดังนี้

๑) จัดหาและจัดสรรงบประมาณอยางเพียงพอสําหรับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย การนํา
หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใชในการจัดประสบการณการเรยี นรู การจัดงบประมาณสงเสริมกิจกรรม การเรียนรู/
โครงการ การทัศนศึกษานอกสถานที่ การพัฒนาบุคลากร การดําเนินงานตามแผนปฏิบัติการระดับ ปฐมวัย และการ
นิเทศ กาํ กับ ติดตาม

๒) จัดซื้อและจัดหาสื่อ วัสดุอุปกรณ เพื่อจัดสภาพแวดลอมภายในและภายนอกหองเรียน จัดซื้อ และจัดหา
สื่อของเลนที่สงเสริมพัฒนาการเด็กตามมุมประสบการณตางๆ การพัฒนาสนามเด็กเลน และแหลงเรียนรู ท่ี
หลากหลาย รวมถึงการจัดเตรียมของใชสวนตัวใหแกเด็กตามความจําเปน เพื่อการดูแลอนามัยสวนบุคคลและ การ
ปฏิบตั ิกจิ กรรมตางๆ ของเด็กไดอยางสะดวกและปลอดภัย

๓) กาํ กบั ตดิ ตามการใชงบประมาณและทรพั ยากรอยางประหยัดและคุมคา

หลักสตู รการศึกษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 หนา้ 71

๔) การมีสวนรวมของผูปกครอง ชุมชน องคกรปกครองสวนทองถิ่น หนวยงานเอกชน ในการ สนับสนุนการ
จัดการศึกษาระดับปฐมวัยใหเปนไปตามหลกั การพัฒนาเดก็ ทุกชวงวัย ระดมทรัพยากรในการ จัดหาผูสอนที่มีคณุ วุฒิ
หรือประสบการณดานการศึกษาปฐมวัย พี่เลี้ยงเด็ก ภูมิปญญาทองถิ่น รวมถึงการพัฒนา สภาพแวดลอมและแหล่ง
เรยี นรู

การนเิ ทศ กํากับ ติดตาม การนําหลักสตู รสถานศึกษาระดบั การศึกษาปฐมวัย ไปสกู ารปฏบิ ัติ
การนเิ ทศ กํากบั ตดิ ตาม การนาํ หลักสูตรไปสูการปฏิบตั ิ เปนกระบวนการสําคัญ ในการควบคุมคุณภาพการ

จดั การศกึ ษาของสถานศึกษา โดยผูบรหิ ารสถานศกึ ษาและผูมีบทบาทหนาท่ีทเ่ี กี่ยวของ ควรใชวิธกี ารท่ีหลากหลาย เช
น การตรวจเย่ียม การสังเกตการสอนในชั้นเรียน การสอนแนะ (Coaching) การตรวจแผนการจดั ประสบการณ ทั้งนี้
ควรดาํ เนนิ การนเิ ทศ กํากบั ตดิ ตามอยางเปนระบบ และเปนกลั ยาณมิตร เปดโอกาสใหมีการแลกเปลี่ยนเรียนรูซ่ึงกัน
และกัน โดยมแี นวทางการดําเนนิ การ ดงั น้ี

๑) ประชุมผูบริหารสถานศึกษาและผูสอนระดับปฐมวัย เพื่อรวมกันกําหนดความตองการ และชวงเวลาใน
การจดั ทาํ ปฏทิ นิ การนเิ ทศหรอื แผนการนิเทศ กํากับ ตดิ ตามทเ่ี หมาะสม ตอเน่อื ง และเปนรูปธรรม

๒) สรางความเขาใจและทัศนคติที่ดีในการจัดกิจกรรมการนิเทศ กํากับ ติดตาม ใหแกบุคลากร ที่เกี่ยวของ
ทกุ ฝาย

๓) ดําเนินการนิเทศ กํากับ ติดตามตามแผนการนิเทศ และนําผลการนิเทศมาวางแผนเพื่อจัด กิจกรรมสง
เสริมพฒั นาบุคลากรปฐมวยั ตามความตองการจาํ เปนอยางตอเนอ่ื ง

๔) นําขอมูลสารสนเทศที่ไดรับจากการนิเทศ กํากับ ติดตาม มาใชเปนสวนหนึ่งในการพัฒนา หลักสูตรฐาน
สมรรถนะมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ

การประเมินหลักสตู รสถานศึกษาระดบั การศึกษาปฐมวยั
การประเมินหลักสูตร เปนกระบวนการเชิงระบบเพื่อใหไดมาซึ่งขอมูลและ สารสนเทศที่เปน ประโยชนต

อการตัดสินใจเกี่ยวกับการศึกษาคุณภาพของหลักสูตร การปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร การบริหารหลักสูตร และการ
เปลย่ี นแปลงหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ใหเหมาะสมตอไป ซ่ึงแนวทางการประเมนิ หลกั สตู ร ประกอบดวย

๑. การประเมนิ กอนนาํ หลักสูตรไปใช เปนการประเมินกระบวนการรางหลักสูตรควรดําเนนิ การดังน้ี
๑) การวิเคราะหขอมลู ความจําเปนพ้ืนฐานทเี่ ก่ียวของเพื่อนํามาใชในการรางหลักสูตร โดยวเิ คราะหข้อมูล

และสารสนเทศจากการใชหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยฉบับเดิม ศึกษา ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการใช
หลกั สตู รทีผ่ านมา มผี ลสําเร็จอะไรบาง มปี ญหาและอุปสรรคอะไรบาง ในการใชหลักสตู รโดยใชขอมูลจากแหลงตางๆ
เชน การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ตามมาตรฐานการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา การประเมินพัฒนาการ
นโยบายทางการศึกษาของรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ผลการสอบถามความตองการ
ของพอแม ผูปกครองและชมุ ชน เพอ่ื ใหไดสารสนเทศทเ่ี ก่ียวของนาํ ไปใชในการรางหลักสูตร

๒) การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร เปนการประเมินเอกสารหลักสูตรเพื่อพิจารณาความสอดคลอง
เหมาะสมเกย่ี วกบั องคประกอบตางๆ ของหลกั สูตร สถานศึกษาปฐมวัย โดยใชวธิ ีการสอบถามความคิดเห็นจากบุคคล
ที่เกี่ยวของ ไดแก ผูสอน ผูบริหารสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษา ผูปกครอง ผูแทนชุมชน องคกร ผูเชี่ยวชาญ
และผูทรงคณุ วุฒิ เพ่อื ใหไดสารสนเทศท่จี ะนาํ ไปใชในการปรบั ปรุงและแกไขเอกสารหลักสูตรใหมีความเหมาะสมและ
มีคณุ ภาพ

๓) การประเมนิ ความพรอมกอนนาํ หลกั สตู รไปใช เปนการประเมินความพรอมและความพอเพียง ดาน
ปจจัยหรือทรัพยากรในการใชหลักสูตร ไดแก ดานบุคลากรมีจํานวนพอเพียงหรือไม มีคุณลักษณะพรอมที่จะจัด
ประสบการณมากนอยเพยี งใด ดานเอกสารหลกั สูตรและเอกสารประกอบหลักสตู ร มคี วามพรอมและพอเพียง

หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแม่แก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 หน้า 72

ตอการจัดประสบการณหรือไม ดานส่ือและแหลงเรยี นรูท่ีเกยี่ วของกบั การจัด ประสบการณมพี อเพียงหรือไม เพ่ือการ
จัดการพัฒนาหรือการจัดซื้อและจัดหาใหทันตอการใชหลักสูตร ประเมินโดยใชวิธีการสนทนากลุม การตรวจสอบ
รายการ หรอื การสอบถาม

๒. การประเมินระหวางการดําเนินการใชหลักสูตร เปนการประเมินกระบวนการใชหลักสูตร เกี่ยวกับการ
บริหารหลักสูตร การจัดประสบการณการเรียนรู การสงเสริมสนบั สนุนการใชหลักสูตร เพื่อศึกษา ความกาวหนาของ
การใชหลักสตู รเปนระยะๆ เพือ่ ตรวจสอบวาหลักสูตรเปนไปตามแผนการดาํ เนินงานท่ีกาํ หนด ไวหรอื ไม มีปญหาและ
อุปสรรคอยางไร ควรมีการปรับปรุงแกไขในเรื่องใดบาง ประเด็นการประเมิน ไดแก การวางแผนการใชหลักสูตร
การเตรียมความพรอมและบุคลากร การนิเทศ การฝกอบรมและพัฒนาครูและบุคลากร เพิ่มเติมระหวางการใช
หลักสูตร การจดั ปจจัยและส่ิงสนับสนุนการใชหลักสูตร ประเดน็ การประเมินเกี่ยวกับการจดั ประสบการณการเรียนรู
ไดแก การจดั กิจกรรมและพฤติกรรมการจดั การเรียนรู การจดั การช้นั เรยี น การเลอื กและ ใชสอ่ื การจดั การเรยี นรู การ
ประเมินพัฒนาการ ความรูความสามารถของผูสอนและบุคลากร และประเด็นประเมิน เกี่ยวกับการจัดมุม
ประสบการณ ไดแก การจัดสภาพแวดลอมภายในและภายนอกหองเรียน การตรวจสอบคุณภาพ หลักสูตรระหวาง
การใชอาจใชวิธกี ารนเิ ทศ ติดตาม การสอบถาม การสนทนากลุม หรือการสงั เกต

๓. การประเมินหลังการนําหลักสตู ร เปนการประเมินหลักสูตรท้ังระบบ หลังจากดําเนนิ การใช หลักสูตรครบ
แตละชวงอายุแลว โดยมีจุดมุงหมายเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลของหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวัย
และสรุปผลภาพรวมของหลกั สูตรท่ีจัดทําวาบรรลุผลตามเปาหมายของหลักสูตรสถานศึกษา ปฐมวัยหรอื ไม บรรลุผล
มากนอยเพียงใด ตองมีการปรบั ปรงุ หรอื พัฒนาสวนใดบาง ปรับปรุงหรอื พัฒนา อยางไร ประเด็นการประเมินเกี่ยวกับ
ประสิทธิผลของหลักสูตร ไดแก การบรรลุผลตามมาตรฐานคุณลักษณะ ที่พึงประสงคตามหลักสูตร การบรรลุผลตาม
เปาหมายของหลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัยทีก่ ําหนดไว ประเด็นการประเมินเกี่ยวกบั ประสิทธิภาพของหลกั สูตร ไดแก
หนวยการจัดประสบการณทีส่ อดคลองกับหลกั สตู ร สถานศกึ ษาปฐมวัย การจดั ประสบการณการเรยี นรู สือ่ และแหลง
การเรยี นรู การประเมนิ พฒั นาการ การบริหาร จัดการหลักสตู ร และการสรางรอยเช่ือมตอของการศึกษา ประเมินโดย
ใชวิธีการตรวจสอบรายการการศึกษา เอกสาร การสอบถาม หรือการสนทนากลุม ตัวอยางแบบตรวจสอบหลักสูตร
สถานศึกษาปฐมวัยกอน/หลังการนําหลักสูตรไปใช ในตัวอยางที่ ๑ และ ๒ สถานศึกษาสามารถปรับแบบรายการ
ประเด็นการตรวจสอบ และระดับคณุ ภาพไปปรับใชตาม ความเหมาะสมและตามความตองการของสถานศึกษา

การกำกบั ตดิ ตาม ประเมินผล และรายงาน
การจัดสถานศกึ ษาปฐมวยั มีหลักการสำคัญในการให้สังคม ชุมชน มีสว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษาและกระจาย

อำนาจการศึกษาลงไปยังท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะสถานศึกษาหรือสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั ซง่ึ เป็นผจู้ ัดการศึกษาใน
ระดับน้ี ดงั นนั้ เพื่อให้ผลผลติ ทางการศึกษาปฐมวยั มคี ณุ ภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์และสอดคล้องกับ
ความตอ้ งการของชุมชนและสังคมจำเปน็ ต้องมรี ะบบการกำกับ ตดิ ตาม ประเมินและรายงานท่ีมปี ระสิทธิภาพ เพ่ือให้
ทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการจัดการศกึ ษา เห็นความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค ตลอดจนการให้ความ
รว่ มมอื ชว่ ยเหลือ สง่ เสรมิ สนับสนุน การวางแผน และดำเนนิ งานการจัดการศึกษาปฐมวยั ใหม้ คี ุณภาพอยา่ งแทจ้ รงิ

การกำกับ ติดตาม ประเมินและรายงานผลการจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหาร
การศึกษาและระบบการประกันคุณภาพที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน
การศึกษาปฐมวัย สร้างความมั่นใจให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยต้องมีการดำเนินการที่เป็นระบบเครือข่ายครอบคลุมทั้ง
หน่วยงานภายในและภายนอกตั้งแต่ระดับชาติ เขตพื้นที่ทุกระดับละทุกอาชีพ การกำกับดูแลประเมินผลต้องมี
การรายงานผลจากทกุ ระดับใหท้ ุกฝ่ายรวมทัง้ ประชาชนทั่วไปทราบ เพื่อนำข้อมูลจากรายงานผลมาจัดทำแผนพัฒนา
คุณภาพการศกึ ษาของสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยต่อไป

หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 หน้า 73

การจัดการศึกษาระดับปฐมวัย ( เด็กอายุ ๔ – ๖ ปี ) สำหรับกลมุ่ เป้าหมายเฉพาะ

การจัดการศึกษาสําหรับเด็กที่เปนกลุมเปาหมายเฉพาะนั้น พระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒
และที่แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ไดเปดโอกาสใหสามารถ จัดการศึกษาได
หลายรูปแบบ ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อใหมี ความยืดหยุน สนอง
ตอเจตนารมณ ความแตกตาง และความตองการของกลุมเปาหมายตางๆ ใหมีความหลากหลาย ในทางปฏิบัติ เพ่ือใช
ในการพัฒนาคุณภาพเด็กใหเหมาะสมกับบริบทและความพรอมของสถานศึกษา แตละแหง ซึ่งสอดคลองกับหลักการ
ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่วา “เด็กทุกคน มีสิทธิที่จะไดรับการอบรมเลี้ยงดูและการ
สงเสริมพัฒนาการตามอนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก ตลอดจนไดรับ การจัดประสบการณการเรียนรูอยางเหมาะสม
ดวยปฏิสัมพันธที่ดีระหวางเด็กกับพอแม เด็กกับผูสอน เด็กกับ ผูเลี้ยงดูหรือผูที่เกี่ยวของกับการอบรมเลี้ยงดู
การพฒั นา และการใหการศึกษาแกเด็กปฐมวัย เพอื่ ใหเดก็ มีโอกาส พัฒนาตนเองตามลําดับขนั้ ของการพัฒนาการทุกด
านอยางเปนองครวม มีคุณภาพ และเต็มตามศักยภาพ” โดยเด็กกลุมเปาหมายเฉพาะนี้หากไดรับการจัดการศึกษาท่ี
ปรับใหเหมาะสมควบคูกับการบําบัดที่จําเปนตางๆ ตั้งแตระยะแรกเริ่ม ก็สามารถพัฒนาจนใกลเคียงเด็กปกติได
ในทางตรงขามหากไมไดรับการชวยเหลือที่เหมาะสม กับความตองการเฉพาะของเด็ก อาจสงผลตอพัฒนาการและ
การเรียนรูของเด็กเมื่อเติบโตขึ้น และเปนภาระ ของสังคมไดเวลาตอมา เชน เด็กที่มีความบกพรองทางพัฒนาการ
ท่ีรุนแรง ควรไดรับการดูแลและการชวยเหลือ จากผูเชี่ยวชาญเฉพาะดาน รวมกับการศึกษาที่เหมาะสมกับ
ลักษณะเฉพาะของเดก็ เพื่อพฒั นาศกั ยภาพของเด็ก ใหมคี ุณภาพชีวิตทด่ี ีข้นึ

ลกั ษณะการจัดการศกึ ษาสาํ หรับกลุมเปาหมายเฉพาะ
ในปจจุบันการจัดการศึกษาสําหรับกลมุ เปาหมายเฉพาะในประเทศไทยมีหลากหลายลักษณะ ซึ่งสามารถจัด

กลุมได ดงั น้ี
กลมุ ที่ ๑ : กลุมเปาหมายเฉพาะท่ีเปนการศกึ ษาในระบบ
- สถานศึกษาในระบบที่มีรูปแบบการจัดการศึกษาหรือการจัดกระบวนการเรียนรูแตกตางจาก

สถานศึกษาสวนใหญทั่วไป เชน การศึกษาเด็กที่มีความสามารถพิเศษ เด็กพิการ ผูดอยโอกาส โรงเรียนหมูบานเด็ก
โรงเรียนรงุ อรณุ โรงเรียนสตั ยาไส

- สถานศึกษาที่จัดการศึกษาเฉพาะทางหรือมีจุดเนนเปนพิเศษ เชน โรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียน
กฬี า โรงเรยี นนายสิบทหารบก โรงเรียนพระปริยัตธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา โรงเรยี นไปรษณีย วทิ ยาลัย นาฏศลิ ป

กลุมท่ี ๒ : กลมุ เปาหมายเฉพาะที่เปนการศึกษานอกระบบหรอื ตามอัธยาศัย
- มีรปู แบบการจัดการศึกษาที่ยืดหยนุ หลากหลาย สอดคลองกบั ปรัชญาการศึกษาธรรมชาติ และ

ความตองการของเด็ก หรืออาจจัดการเรียนรตู ามวิถีธรรมชาติ วถิ ีธรรม วิถขี องชมุ ชน เชนการศกึ ษาโดยครอบครวั
ศนู ยการเรยี น การศึกษาสายครูภมู ิปญญา

- เปนการศึกษาทางเลือกเพื่อตอบสนองความตองการของเด็กที่ไมประสงคจะเรียนในระบบ
การศึกษาปกติ ซง่ึ มีเหตุผลมาจากพืน้ ฐานของบุคคลตามปรัชญาความเชื่อทางการศึกษา และการเรยี นรูหรือ ดานอน่ื ๆ

หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั และการจัดการศกึ ษาสําหรบั กลมุ เปาหมายเฉพาะ
หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั มีความยดื หยนุ่ ในการนําสู่การปฏิบัติ การจดั การศึกษาระดับปฐมวยั (เดก็ อายุ 4 -

๖ ปี) สําหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสามารถนําหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยไปปรับใช้ได้ทั้งในส่วนของ สาระการเรียนรู้
การจดั ประสบการณ์ และการประเมินพฒั นาการให้เหมาะสมกับสภาพบริบท ความต้องการ และศักยภาพของเด็กแต่

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 หนา้ 74

ละประเภท เพื่อพัฒนาให้เด็กมีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ที่หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกําหนด
โดยดาํ เนนิ การ ดงั นี้

๑. การกําหนดเป้าหมายคุณภาพเด็ก ซึ่งหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้กําหนดมาตรฐานคุณลักษณะ ที่พึง
ประสงค์และสาระการเรียนรเู้ ปน็ เป้าหมายและกรอบทิศทางเพื่อให้ทกุ ฝา่ ยทีเ่ กี่ยวข้องใชใ้ นการพัฒนาเด็ก สถานศึกษา
หรือผ้จู ัดการศึกษาสําหรับกลมุ่ เป้าหมายเฉพาะสามารถเลือกหรือปรบั ใชต้ วั บ่งช้ีและสภาพท่ี พงึ ประสงคใ์ นการพัฒนา
เด็ก เพื่อนําไปออกแบบและบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา และจัดทําแผนการ จัดการศึกษาเฉพาะบุคคลให้
ครอบคลุมพัฒนาการของเด็กทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ให้สอดคล้องเหมาะสมกับบริบท
ความแตกตา่ ง และความตอ้ งการของแต่ละกล่มุ เป้าหมายได้

๒. สาระการเรียนรู้ เป็นสื่อกลางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับเด็กเพื่อส่งเสริม พัฒนาการเด็กทุก
ด้านให้เป็นไปตามเป้าหมายคุณภาพเด็กของหลักสูตรสถานศึกษาที่กําหนด สาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย
ประสบการณส์ ําคัญและสาระที่ควรเรียนรู้ สถานศึกษา/ผู้จัดการศึกษาสามารถเลือกหรือปรับ สาระการเรียนรู้ได้ตาม
ความเหมาะสม โดยคํานึงถึงวัย ความแตกต่างระหว่างบุคคล และศักยภาพของเด็ก สถานศึกษา/ผู้จัดการศึกษา
สามารถจัดประสบการณ์การเรียนการสอนได้หลากหลายรูปแบบวิธีการตาม ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย สภาพและ
บริบทที่มีลกั ษณะเฉพาะของกลมุ่ เปา้ หมายน้ันๆ และควรฝึกใหเ้ ด็กได้ฝกึ ทักษะ กระบวนการคิด การเผชิญสถานการณ์
ให้เด็กไดเ้ รยี นรู้จากประสบการณจ์ รงิ ฝึกการปฏิบัตใิ ห้ทาํ ได้ คดิ เปน็ ทําเปน็ และเกิดการใฝ่รอู้ ยา่ งต่อเนื่อง

๓. การประเมินพัฒนาการเด็ก จะต้องคํานึงถึงปัจจัยความแตกต่างของเด็ก อาทิ เด็กที่มีความพิการ แต่ละ
ดา้ น อาจต้องมกี ารปรับการประเมินพัฒนาการทเี่ อื้อต่อสภาพความพิการของเด็ก ทง้ั วิธกี ารและเคร่ืองมือ ท่ีใช้ควรให้
สอดคล้องกับเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านดังกล่าว ผู้สอนควรให้ความสําคัญกับการประเมินตาม สภาพจริงด้วย
วิธีการที่หลากหลาย เช่น การพูดคุยและใช้คําถาม การสังเกต การประเมินการปฏิบัติ การแสดงออก ในการทํา
กิจกรรม การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน โดยประเมินพฤติกรรมของเด็กตลอดเวลาที่จัดประสบการณ์ การเรียนรู้/
กิจกรรม เพื่อให้ทราบว่าเด็กบรรลุตัวบ่งชี/้ สภาพที่พึงประสงค์หรือมีแนวโนม้ ว่าจะบรรลุตัวบ่งชี้ใด และสิ่งเหล่าน้คี วร
พจิ ารณาใหเ้ หมาะสมกบั เดก็ กลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะแต่ละกลุ่มเพอ่ื ให้การประเมินพฒั นาการ เกดิ ประสทิ ธิภาพสูงสดุ

๔. สถานศึกษาที่มีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ควรได้รับการสนับสนุนครูพี่เลี้ยงให้การดูแลช่วยเหลือ และ
ส่งเสริมพัฒนาการ กรณีที่มีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะมีผลพัฒนาการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ควรมีการส่งต่อ ไปยัง
สถานพฒั นาเดก็ ท่มี ีความต้องการพิเศษเพ่ือให้ได้รับการพัฒนาต่อไป
แนวทางการดูแลและใหการศึกษาสาํ หรบั กลุมเปาหมายเฉพาะ

เด็กปฐมวัยที่เปนเด็กกลุมเปาหมายเฉพาะควรไดรับการดูแลและเฝาระวังในดานพัฒนาการ และการเรียนรู
เพอ่ื ปองกนั ปญหาหรือภาวะแทรกซอนที่อาจเกิดขน้ึ อนั อาจสงผลกระทบตอศกั ยภาพการเรียนรู ของเด็ก การท่ีผูสอน
ใหการชวยเหลอื เดก็ ไดอยางรวดเรว็ สามารถลดปญหาการเรียนในอนาคตได
แนวทางการดูแลและใหการศกึ ษาสําหรับเด็กกลุมเปาหมายเฉพาะ

มีวิธีการปฏิบัติเพื่อการปองกัน การเฝ้าระวัง การคนพบ การสงตอ การใหความชวยเหลือ และการสงเสริม
การเรียนรู มีดังน้ี

๑. การปองกัน
การปองกันและการดูแลความปลอดภัยทั้งทางรางกายและจิตใจ และการจัดสภาพแวดลอม ที่เหมาะสม

เปนการปองกันภาวะเสี่ยงตอการเกิดปญหาพัฒนาการและการเรียนรูของเด็กในอนาคต ชวยสงเสริม ใหเด็กมี
การพัฒนาศักยภาพของตน ดังนั้น จึงควรทําใหสภาพแวดลอมมีลักษณะที่คนพิการทุกคนสามารถเขาถึงได เชน
การทาํ ทางลาดสําหรบั รถเขน็ การทําหองนา้ํ คนพกิ าร การใชสเี พ่ือแบงแยกพน้ื ทที่ ี่เปนคนละสวนกัน เพื่อความสะดวก
ของเด็กทีม่ ีปญหาดานสายตา เปนตน นอกจากนีผ้ ูสอนควรใหความสําคญั กบั การตรวจสอบ ความปลอดภัยของส่งิ ของ

หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแม่แก้ดนอ้ ย พทุ ธศกั ราช 2565 หน้า 75

เครื่องใช อุปกรณเครื่องเลน และสวนตางๆ ของอาคารสถานที่ที่เดก็ เขาไปใช รวมทั้ง ความสะอาดของอาหาร นํ้าด่ืม
เครื่องใช และที่อยูอาศัย ความปลอดภัยน้ีควรครอบคลุมถึงความปลอดภัย จากการขมเหง รังแก หรือลอลวงจากคน
ในสถานศกึ ษาและคนแปลกหนาดวย

๒. การเฝาระวัง
ผสู อนควรดําเนินการเฝาระวัง เพื่อติดตามและใหการชวยเหลือเดก็ ในความดูแลของตนดวย ดงั น้ี
๒.๑ การเฝาระวังการลวงละเมิดทางรางกาย จิตใจ และ/หรือทางเพศ ผูสอนควรสังเกต รองรอยบนราง

กาย และพฤติกรรมตางๆ ของเด็กวาอาจจะสะทอนถึงการถูกลวงละเมิดหรือไม เชน เด็กมีอาการซึมเศรา หวาดกลวั
หรือหวาดระแวงหรือไม มีรอยชํ้า รอยไหม หรือบาดแผลใหมๆ บนแขนขา เนอื้ ตัว โดยทเ่ี ดก็ ไมกลาบอกสาเหตุหรือไม
เปนตน

๒.๒ การเฝาระวังความพิการ/ความบกพรองทางพัฒนาการและการเจริญเติบโต ผูสอน ควรบันทึกนํ้าหนัก
สวนสูง และเสนรอบศีรษะของเด็กอยางสมํ่าเสมอ เพื่อประเมินการเจริญเติบโตของเด็กวา อยูในสภาวะปกติหรือไม
นอกจากนี้ยังควรเปรียบเทียบผลการประเมินพัฒนาการดานตางๆ ทั้งทางกลามเนื้อใหญ กลามเนื้อเล็ก ภาษา สติป
ญญา ตลอดจนอารมณและสังคมของเด็กวาลาชากวาพัฒนาการของเด็กปกติทั่วไป หรือไม หากพบวา พัฒนาการ
หยุดชะงักหรอื ถดถอยลง หรือมีการพัฒนาที่ลาชาหางจากวัยมาก ก็ถือไดวา เปนสัญญาณเตือนถึงความบกพรองทาง
พฒั นาการทอ่ี าจเกิดขึน้ ได เชน เดก็ อายุ ๓ ป แลวยังพดู เปนคําๆ ไดเพยี ง ๔ - ๕ คํา เทานั้น หรือเด็กอายุ ๕ ป แลวยัง
กระโดดไมได เปนตน

นอกจากนี้ ควรเฝาระวังการมองเห็นและการไดยนิ ของเด็ก โดยผูสอนสามารถคัดแยก การมองเห็น
และการไดยินอยางงายๆ ในเด็กทุกคน ทุก ๑ - ๒ ป เชน การตรวจประเมินการมองเห็น ทําได โดยใชแผนทดสอบ
ระดับสายตาสําหรับเดก็ เลก็ ทั้งนี้ ศึกษาไดจากคูมือการตรวจการคดั กรองระดับการเห็นใน เด็กชั้นอนุบาลศึกษาและ
ชัน้ ประถมศึกษา รวมถงึ การทดสอบประเมินการไดยิน สามารถทาํ ไดโดยใหเด็กน่ังเกาอ้ี และปดตา ผูทดสอบอยูทางด
านหลังของเดก็ และถูนว้ิ หวั แมมอื กบั นิว้ ชท้ี ่ีขางๆ หูขางใดขางหนงึ่ ของเด็ก หางออกมาประมาณ ๕ เซนติเมตร แลวให
เดก็ ยกมอื ขางทห่ี ูตนเองไดยิน ทําซํ้าไปมา ๒ - ๓ ครง้ั เพื่อทดสอบวา การไดยนิ ปกติหรือไม ซง่ึ เปนการเฝาระวังความ
พกิ ารท่ีอาจเกิดขนึ้ กบั เดก็ ปฐมวยั ได

๓. การคนพบ การสงตอการใหความชวยเหลอื
การเฝาระวังอยางเปนระบบจะชวยใหผูสอนคนพบเดก็ ที่ตองการความชวยเหลือ หรือการ สงเสริมเปนพิ

เศษไดแตเน่ินๆ เมอ่ื คนพบเดก็ แลว ควรมีการสงตอใหแกนักวชิ าชีพท่ีเกย่ี วของเพ่ือตรวจสอบอยาง ละเอียดอกี ครั้ง เช
น เมือ่ สงสัยวาเด็กอาจมปี ญหาการไดยิน ผูสอนอาจแนะนําใหผูปกครองพาไปตรวจการไดยิน ทีโ่ รงพยาบาล หรือเมื่อ
สงสัยวาเด็กมีพัฒนาการทางสติปญญาลาชา เนื่องจากเด็กไมสามารถเขาใจเรื่องตางๆ ในชั้นเรียน และไมสามารถพดู
สื่อสารกับเพื่อนและผูสอนได ผูสอนอาจแนะนําใหผูปกครองพาไปตรวจประเมิน พัฒนาการ หรือรับการตรวจเพ่ือ
ประเมินระดบั สติปญญาท่โี รงพยาบาล หรอื เม่อื สงสัยวาเดก็ อาจถกู ทํารายรางกาย ผูสอนอาจพาเดก็ ไปพบนักสังคมสง
เคราะหใหดาํ เนินการพาเด็กไปตรวจรางกายท่โี รงพยาบาล เปนตน

หากพบปญหาทเี่ ปนอุปสรรคตอการพัฒนาของเด็กแลว บาน สถานศึกษา และหนวยงาน ทีเ่ ก่ียวของเชน
โรงพยาบาล กรมประชาสงเคราะห ควรประสานงานเพือ่ วางแผนรวมกนั ในการใหความชวยเหลอื แกเดก็ ตามสมควรต
อไป ในกรณที ไ่ี มมีหนวยงานใหความชวยเหลอื ในทองถ่นิ ผูสอนควรปรกึ ษานักวชิ าชีพ ที่เก่ยี วของหรอื ขอใหเจาหนาท่ี
ทางการศึกษาหรือทางการแพทยในระดับอําเภอ ชวยประสานงานกับผูที่เกี่ยวของ ในระดับจังหวัดเพื่อหาทางให
ความชวยเหลือทีเ่ หมาะสมตอไป ในกรณเี ดก็ ท่ีมคี วามสามารถพิเศษ ซ่งึ ไมมี หนวยงานในทองถ่ินรองรับ อาจติดตอขอ
คําแนะนําจากคณะหรือภาควิชาการศึกษาปฐมวัยในสถาบันอุดมศึกษา เพื่อพิจารณาแนวทางการชวยเหลือและจัด
การศกึ ษาทเี่ หมาะสมตอไป

หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 หนา้ 76

๔. การสงเสรมิ การเรยี นรู
ปจจุบันการจัดการศึกษาใหแกเด็กกลุมเปาหมายเฉพาะจะจัดในลักษณะของการจัดการเรียนรวม ซ่ึง

เปนลักษณะการจัดการศึกษาท่ีเปดโอกาสใหเด็กกลุมเปาหมายเฉพาะไดมีโอกาสในการเรียนรูรวมกับเด็กปกติ เพื่อให
มพี ัฒนาการที่เหมาะสมเต็มตามศักยภาพของตนในสภาพแวดลอมท่ีปกติ การจัดการเรยี นรวมจําเปนตอง ไดรับความ
รวมมือในการทํางานรวมกันระหวางครอบครัว ผูสอน และนักวิชาชีพ โดยการปรับใชทรัพยากรที่มีอยู่หรือจัดหา
เพิ่มเติมตามความจําเปน รวมถึงการสรางเครือขายและประสานความรวมมือในการทํางาน การจัดระบบ ขอมูลและ
แหลงใหบรกิ ารแกเดก็ และผูสอน ตลอดจนการชวยเหลอื และสนบั สนุนเดก็ และครอบครวั อยางตอเน่ือง ดังนัน้ ผูสอนต
องระลึกอยูเสมอวาเด็กทุกคน ไมวาจะเปนเด็กกลุมเปาหมายเฉพาะหรือไม ลวนมีความตองการ พื้นฐานเหมือนกัน
ทั้งสิ้น นั่นคือ เด็กจําเปนตองไดรับการพัฒนาทุกดานโดยองครวม และการพัฒนาเด็กนั้นจะตอง อยูบนพื้นฐานของ
ระดับพฒั นาการในปจจุบันของเด็กเปนสาํ คัญ ดังน้ี

๔.๑ เด็กที่มีความตองการจําเปนพิเศษ การจัดการศึกษาสําหรับเด็กกลุมนี้จะมีความแตกตาง ไป
จากเด็กปกติ เนื่องจากมคี วามบกพรองทางรางกาย อารมณ พฤติกรรม หรือสติปญญา ที่แตกตางจากเด็ก ปกติทั่วไป
จึงตองไดรบั การดูแลเปนพิเศษ เพอื่ ใหเดก็ ไดเรียนรูและไดรับการสงเสริมพฒั นาการอยางเหมาะสม เตม็ ท่ี สามารถอยู
รวมและเรียนรูรวมกับเด็กปกติได การจัดการศึกษาสําหรับเด็กกลุมนี้มักทําควบคูไปกับ การบําบัดฟนฟูใหความชวย
เหลือ

การจัดประสบการณ และจัดกิจกรรมประจําวันสําหรับเด็กปฐมวัยที่มีความต องการจําเปนพิเศษ
ผูสอนตองคาํ นึงถงึ ระดับความสามารถและลักษณะของเด็กท่ีมีความตองการจําเปนพิเศษ/เด็กพิการ อยางมาก จึงควร
มีความรูความเขาใจเกี่ยวกับลักษณะธรรมชาติของเด็กแตละประเภทของความพิการ และ การจัดทําแผนการจัด
การศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) ซึ่งตองผานการอบรมการจัดทําแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) มากอน การ
วางแผนการจัดประสบการณสําหรับเด็กกลุมนี้ ผูสอนควรปรับเนื้อหาของหลักสูตร และเลือกใช เทคนิควิธีการจัด
ประสบการณทห่ี ลากหลาย และเหมาะสมกับความตองการจาํ เปนพเิ ศษ/ความพิการ เนือ่ งจาก ถงึ แมวาเดก็ จะมีความ
พิการเหมือนกัน แตอาจเขาถึงเนื้อหาการเรียนรูดวยวิธีที่ตางกัน ดังนั้น ผูสอนควรใชสื่อ สิ่งอํานวยความสะดวก และ
จัดสภาพแวดลอมที่ตอบสนองตอความหลากหลายของความตองการจําเปนพิเศษ/ ความพิการ รวมทั้งใชเครื่องมือ
และวิธีการประเมินพัฒนาการที่เหมาะสม สอดคลองกับลักษณะความตองการ จําเปนพิเศษ/ความพิการแตละระดบั
แตละประเภท และแตละบคุ คล

เนื่องจากครอบครัวมีสวนสําคัญอยางยิ่งตอการพัฒนาเด็กกลุมนี้ ผูสอนจึงควรแนะนํา พอแม
ผูปกครอง และสมาชิกในครอบครัว ใหความรัก เอาใจใส และเลี้ยงดูเด็กกลุมนี้อยางอบอุน เชนเดียวกับ เด็กปกติ
ทั่วไป สําหรับเด็กที่มีความผิดปกติในระดับรุนแรง อาจแนะนําใหเขารับการศึกษาในสถานศึกษาเฉพาะ ความพิการ
เชน ศูนยการศึกษาพิเศษประจําจังหวัด โรงเรียนสอนคนตาบอด โรงเรียนโสตศึกษา โรงเรียน ปญญานุกูล เปนตน
สวนเด็กทม่ี รี ะดับความผิดปกติไมรนุ แรงมาก สามารถศึกษาในโรงเรียนปกติท่ีจดั การศึกษา แบบเรยี นรวม เพื่อเตรียม
ความพรอมใหสามารถชวยเหลอื ตนเองได และอยูรวมกับผูอน่ื อยางมีความสุข

๔.๒ เด็กที่มีความสามารถพิเศษ ผูสอนควรมีความรูเกี่ยวกับลักษณะของเด็กที่มีความสามารถ
พิเศษ และมีความเขาใจที่ถูกตองในการจัดประสบการณการเรียนรูและการเลี้ยงดเู ด็กที่มีความสามารถพิเศษ ผูสอน
ควรจัดทําขอมูลความสามารถพิเศษของเด็กเปนรายบุคคล ทั้งนี้ อาจใชแบบวัดแววความสามารถพิเศษ ในเบื้องตน
และพิจารณาพัฒนาการแตละดานของเด็กที่มีความสามารถพิเศษ เพื่อวางแผนการจัดประสบการณ ใหเหมาะสม
สอดคลองกับศักยภาพของเดก็ ดวยกจิ กรรมทก่ี ระตุนทาทายใหเด็กตอยอดความรู และสงเสริม ความเปนอัจฉริยะอย
างเหมาะสม ทั้งนี้ เด็กที่มีความสามารถพิเศษ ที่มีพัฒนาการสูงบางดาน ไมจําเปนตองมี พัฒนาการดานอื่นๆ สูงใน
ระดับเดยี วกันเสมอไป เชน เด็กที่มคี วามเฉลยี วฉลาดทางคณิตศาสตร อาจมีความสามารถปานกลางในดานภาษา และ

หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 หนา้ 77

เด็กที่มีความสามารถในการอานเขียน คิดเลขเกงมาก อาจขาดทักษะทางสังคม ไมรูวิธีเลนรวมกับเด็กอื่นก็ได ดังน้ัน
ผูสอนควรจดั ประสบการณท่ีสงเสริมพฒั นาการดานอ่นื ๆ ไปพรอมกัน

นอกจากนี้ผูสอนควรจัดบรรยากาศการเรียนและสภาพแวดลอมที่สงเสริมใหเด็กที่มี ความสามารถ
พิเศษไดพัฒนาศักยภาพของตนใหถึงขีดสูงสุด โดยเฉพาะอยางยิ่งดานการตัดสินใจ การวางแผน การแสดง
ความสามารถ การใหเหตุผล การสรางสรรค และการสื่อสารกับผูอืน่ ดวยการจัดประสบการณการเรียนรู ดวยวิธีการ
และสื่อที่หลากหลาย มีความยากงายหลายระดับ ใหเด็กไดเรียนรูตามความสามารถของตน ผูสอน ควรจัดใหมีการ
เพ่มิ พูนความรูในชนั้ เรียนสําหรับเด็กเหลานี้ เพือ่ ชวยใหเด็กไมรสู ึกเบื่อหนายกบั เนื้อหาที่รูแลว หรอื เขาใจแลว ขณะที่
เด็กปกติกําลังเรียนรูและทาํ ความเขาใจเรื่องนัน้ ๆ อยู การเพิ่มพูนความรูอาจทําไดโดยใหเด็ก เรียนรูผานการสืบเสาะ
ความรู คนพบความจริงดวยวิธีทางวิทยาศาสตร หรือเรียนรูผานกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และ
ความสามารถรายบุคคล ผูสอนควรใหเด็กเลนและทํางานรวมกับผูอื่น รูจักแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
และยอมรับความคิดเห็นของผูอื่น เพื่อพัฒนาทักษะทางสังคม สําหรับการประเมิน พัฒนาการของเด็กที่มี
ความสามารถพิเศษ ควรเนนประเมนิ ความสามารถท่ีแทจริง ดวยการสังเกต ตรวจผลงาน ฯลฯ เชนเดียวกับเด็กปกติ
ทว่ั ไป แตควรกําหนดเกณฑการประเมนิ พฒั นาการดานท่ีมีความสามารถพเิ ศษใหสูงขน้ึ ตามความสามารถของเดก็

๔.๓ เด็กดอยโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม เด็กดอยโอกาสทุกคนมีสิทธิพื้นฐานในการ ไดรับ
การศึกษาอยางเสมอภาคและไดรับบริการการศึกษาอยางเหมาะสมและหลากหลายรูปแบบ โดยคํานึงถึง หลักการ
สิทธิเด็ก สิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป นมนุษย เนนการเรียนรูเพื่อชีวิตที่เหมาะสม โดยบูรณาการ ท้ัง
ดานวิชาการ ศีลธรรม จริยธรรม และทักษะการดํารงชีวิต เพื่อพัฒนาศักยภาพใหรอดพนจากสภาพดอยโอกาส
สามารถพึ่งตนเองได มีโลกทัศนและการดํารงชีวิตท่ีเห็นคณุ คาของตนเอง อยูรวมกับผูอืน่ อยางมีความสุข การจัดการ
ศึกษาสําหรับเด็กปฐมวัยที่เปนเด็กดอยโอกาสนี้ ผูสอนควรจัดประสบการณเพื่อเตรียมความพรอม สงเสริมใหเด็กมี
พัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย โดยบูรณาการสาระการเรียนรูตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐
และคุณธรรม จริยธรรม ควบคูกับใหการชวยเหลือ ดูแล แกไขปญหาตางๆ ของเด็กเฉพาะรายหรือโดยรวม ในหลาย
รูปแบบ ตามแผนการชวยเหลือเด็กดอยโอกาสเปนรายบุคคล ทั้งนี้ ควรประสานความรวมมือกับบุคคล หนวยงาน
และเจาหนาที่ในหนวยงานที่เกี่ยวของ เพื่อใหเด็กดอยโอกาสไดรับการสนับสนุนชวยเหลือตามความ ตองการและ
จําเปน เชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย มูลนิธิราชประชานุเคราะห ในพระบรมราชูปภัมภ
และมูลนธิ ิศนู ยพทิ ักษสทิ ธิเด็ก เปนตน

๔.๔ เด็กที่ถูกละเมิดจากการถูกกระทําทั้งทางรางกาย จิตใจ รวมทั้งการละเมิดทางเพศ เด็กที่ไดรับ
ผลกระทบจากการตดิ เชอื้ เอสไอวี ผูสอนเด็กกลุมเปาหมายเฉพาะน้ตี องมีความละเอียดออนและ ไวตอความรูสกึ นึกคิด
ของเด็ก นอกจากจะใหความสําคัญกับการสงเสริมพัฒนาการและการจัดประสบการณ การเรียนรูตามหลักสูตร
การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ แลว ผูสอนควรใหความสําคัญแกสิง่ ที่มีผลตอความรูสึก ตอตนเองและตอโลก
ของเด็กมากเปนพิเศษ เชน เดก็ ท่ีเจบ็ ปวยเรื้อรงั มกั มีความหวาดกลวั กงั วลในความเจบ็ ปวย ของตน จงึ ควรไดรบั ความ
รเู กี่ยวกับโรคที่ตนเปน วิธีการรักษา และบุคคลท่ีเด็กตองเก่ียวของดวย เชน หมอและพยาบาล ขณะที่เดก็ ซึ่งถูกพอแม
ทุบตจี นตองไปอยกู บั พอแมบญุ ธรรม ยอมมคี วามหวาดกลวั ผูคน และรสู กึ วาตนมชี ีวิตที่ดอยกวาเด็กอื่น จึงควรไดเรียน
รูวาในโลกนี้ยังมีคนอีกมากมายที่ยังรักเรา และคนเราสามารถ 171คูมือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช
๒๕๖๐ สําหรบั เดก็ อายุ ๓ - ๖ ป มชี วี ิตทีด่ ไี ด แมจะไมไดอยูกับพอแมแทๆ ของตน เปนตน การใหการศึกษาแกเด็กท่ี
มีประสบการณรายแรงในชีวติ เหลานีจ้ ะตองทาํ ควบคกู ับการบาํ บัด ผูสอนสามารถเรยี นรูการเลอื กใชกิจกรรมทชี่ วยใน
การบําบัดรกั ษา และฟนฟู สภาพจิตใจและรางกายของเด็กใหดขี ึน้ จากนักวชิ าชีพท่ีเกี่ยวของ ซ่ึงสามารถทาํ ไดหลายวิธี
เชน การเลานทิ าน การเคลอ่ื นไหวโดยใชดนตรหี รือดนตรีบาํ บัด การทํางานศลิ ปะหรือศลิ ปะบําบดั การใชเทคนคิ วิธีใน
การพดู คยุ ปลอบโยนและสรางความม่ันใจใหแกเดก็ เปนตน

หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 หน้า 78

๔.๕ เด็กเจ็บปวยเรื้อรัง เปนเด็กที่มีปญหาสุขภาพ มีความเจ็บปวย ตองไดรับการดูแลดาน การ
รักษาพยาบาลเปนเวลายาวนาน อาจเปนเดอื น ป หรือตลอดชีวิตก็ได ไดแก โรคทางเดินหายใจ โรคเลอื ด โรคไต โรค
ทางตอมไรทอ เปนตน ซึ่งอาจทําใหไมสามารถเรยี นในสถานศึกษาไดอยางตอเนื่อง รวมถึงมีความวิตกกังวล ในความ
เจ็บปวยของตน จําเปนอยางยิ่งที่ผูสอนควรมีการติดตามและใหการชวยเหลือดานการเรียนควบคู ไปกับการรักษา ต
องอาศยั ความรวมมือจากครอบครัวและบุคลากรทางสาธารณสุข ในการใหความชวยเหลือ และพัฒนาเด็กเจ็บปวยให
มีคณุ ภาพชีวติ ที่ดขี ้ึน รวมถงึ ใหความรูเก่ียวกบั โรคท่ีเด็กเปนอยู วิธใี นการดแู ลตนเอง เพ่อื ใหมีสขุ ภาพที่แข็งแรง

๔.๖ เดก็ ในกลุมการศกึ ษานอกระบบหรือตามอธั ยาศัย พอแมหรอื ผูจัดการศึกษา ตองจัดทาํ แผนการ
จัดการศึกษาตามแนวปฏิบัติในการจัดการศึกษา โดยครอบครัวควรศึกษาหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย พุทธศักราช
๒๕๖๐ และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวของ รวมถึงประสานงานกับหนวยงานที่เกี่ยวของ เพื่อวางแผนการจัดการเรียนรูให
เหมาะสมกับผูเรียน บริบทและเปาหมายที่ตองการพัฒนา โดยยึดจุดเนนของ การจัดการศึกษาปฐมวัย และออกแบบ
การจดั ประสบการณการเรียนรูท่เี นนการอบรมเล้ยี งดแู ละสงเสรมิ พฒั นาการทกุ ดานดวยวิธกี ารทห่ี ลากหลาย

การเชอื่ มตอ่ ของการศึกษาระดบั ปฐมวัยกบั ระดบั ประถมศึกษาปีท่ี ๑

การเชอ่ื มต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกบั ระดบั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ มีความสำคัญอย่างย่ิง บุคลากรทุกฝ่าย
จะต้องให้ความสนใจต่อการช่วยลดช่องว่างของความไม่เข้าใจในการจัดการศึกษาทั้งสองระดับ ซึ่งจะส่งผลต่อ
การจัดการเรียนการสอน ตัวเด็ก ครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการศึกษาอื่นๆทั้งระบบ การเชื่อมต่อของ
การศกึ ษาระดับปฐมวยั กบั ระดบั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ จะประสบผลสำเร็จได้ตอ้ งดำเนินการดงั ต่อไปนี้

๑. ด้านผู้บริหารสถานศกึ ษา
ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทเป็นผู้นำในการเชื่อมต่อโดยเฉพาะระหว่างหลักสูตร
การศึกษาปฐมวยั ในชว่ งอายุ ๓ – ๖ ปี กับหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานในชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ โดยต้อง
ศึกษาหลักสูตรทั้งสองระดับ เพื่อทำความเข้าใจ จัดระบบการบริหารงานด้านวิชาการที่จะเอื้อต่อการเชื่อมโยง
การศกึ ษาโดยการจดั กิจกรรมเพ่ือเช่ือมต่อการศึกษา ดงั ตัวอย่างกิจกรรมตอ่ ไปนี้

๑.๑ จัดประชุมครูระดับปฐมวัยและครูระดับประถมศึกษาร่วมกันสร้างรอยเชื่อมต่อของหลักสูตรทั้งสอง
ระดบั ใหเ้ ปน็ แนวปฏิบัติของสถานศึกษาเพอ่ื ครทู ง้ั สองระดบั จะได้เตรียมการสอนใหส้ อดคลอ้ งกับเด็กวยั น้ี

๑.๒ จัดหารเอกสารดา้ นหลกั สตู รและเอกสารทางวิชาการของท้งั สองระดบั มาไว้ให้ครแู ละบุคลากรอื่นๆได้
ศกึ ษาทำความเข้าใจ อย่างสะดวก และเพยี งพอ

๑.๓ จัดกิจกรรมให้ครูทั้งสองระดับมีโอกาสแลกเปลี่ยนเผยแพร่ความรู้ใหม่ๆ ที่ได้รับจากการอบรม
ดงู าน ซงึ่ ไมค่ วรจดั ให้เฉพาะครใู นระดับเดยี วกนั เท่านั้น

๑.๔ จัดเอกสารเผยแพร่ตลอดจนกิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่
ผูป้ กครอง และบุคลากรทางการศกึ ษาอย่างสม่ำเสมอ

๑.๕ จดั ให้มีการพบปะ หรือการทำกจิ กรรมรว่ มกับพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอต่อเน่ือง ในระหว่าง
ทีเ่ ดก็ อยู่ในระดบั ปฐมวยั เพือ่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง จะได้สรา้ งความเขา้ ใจและสนับสนุนการเรียน การสอนของบุตรหลาน
ตนไดอ้ ย่างถกู ต้อง

๑.๖ จดั กจิ กรรมใหค้ รูทงั้ สองระดบั ได้ทำกิจกรรมร่วมกนั กบั พ่อแม่ ผ้ปู กครองและเด็กในบางโอกาส
๑.๗ จัดกิจกรรมปฐมนิเทศพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างน้อย ๒ คร้ัง คือ กอ่ นเด็กเข้าเรียนระดับปฐมวัยศึกษา
และก่อนเด็กจะเลื่อนขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเข้าใจ การศึกษาทั้งสองระดับและให้ความ
ร่วมมอื ในการช่วยเดก็ ให้สามารถปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดล้อมใหม่ไดด้ ี

หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 หน้า 79

๒. ดา้ นครรู ะดับปฐมวัย
ครูระดับปฐมวัย นอกจากจะต้องศึกษาทำความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย และจัดกิจกรรมพัฒนาเด็ก
ของตนแล้ว ควรศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดการเรียนการสอนในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และสร้าง
ความเข้าใจใหก้ ับพ่อแม่ ผู้ปกครองและบคุ ลากรอื่นๆ รวมทงั้ ช่วยเหลือเดก็ ในการปรบั ตวั กอ่ นเลอื่ นข้นึ ชั้นประถมศึกษา
ปที ่ี ๑ โดยครอู าจจดั กจิ กรรมดังตัวอย่างตอ่ ไปนี้

๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อส่งต่อครูชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ซึ่งจะทำให้ครู
ระดบั ประถมศึกษาสามารถใชข้ อ้ มูลน้นั ชว่ ยเหลอื เด็กในการปรบั ตัวเข้ากับการเรียนรใู้ หม่ต่อไป

๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณ์ท่ีดีๆ เก่ียวกับการจัดการเรียนรู้ในระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ เพ่ือให้
เด็กเกิดเจตคติทดี่ ีต่อการเรยี นรู้

๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสทำความรู้จักกับครูตลอดจนสภาพแวดล้อม บรรยากาศของห้องเรียนช้ัน
ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ท้งั ท่ีอยใู่ นสถานศกึ ษาเดยี วกนั หรอื สถานศกึ ษาอน่ื

๓. ดา้ นครูผู้สอนระดบั ประถมศึกษา
ครูระดับประถมศึกษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการเด็กปฐมวัยและมีเจตคติที่ดีต่อการจัด
ประสบการณต์ ามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั เพ่ือนำมาเป็นข้อมลู ในการพัฒนาจัดการเรียนรใู้ นระดับช้นั ประถมศึกษาปี
ท่ี ๑ ของตนใหต้ ่อเนื่องกบั การพัฒนาเดก็ ในระดบั ปฐมวัย ดังตัวอย่าง ต่อไปน้ี

๓.๑ จัดกิจกรรมให้เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง มีโอกาสได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับครูและห้องเรียนชั้น
ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ก่อนเปดิ ภาคเรยี น

๓.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มีมุมประสบการณ์ภายในห้อง
เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสทำกิจกรรมได้อย่างอิสระเช่น มุมหนังสือ มุมของเล่น มุมเกมการศึกษา เพื่อช่วยให้เด็กชั้น
ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ไดป้ รบั ตัวและเรยี นรู้จากการปฏิบัตจิ ริง

๓.๓ จัดกจิ กรรมรว่ มกันกับเด็กในการสรา้ งขอ้ ตกลงเก่ียวกับการปฏิบตั ิตน
๓.๔ เผยแพรข่ า่ วสารด้านการเรยี นรูแ้ ละสร้างความสัมพันธท์ ดี่ กี บั เดก็ พอ่ แม่ ผู้ปกครอง และชุมชน
๔. ดา้ นพอ่ แม่ ผปู้ กครองและบคุ ลากรทางการศึกษา
พ่อแม่ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการศึกษาต้องทำความเข้าใจหลักสูตรของการศึกษาทั้งสองระดับ และ
เข้าใจว่าถึงแม้เด็กจะอยู่ในระดับประถมศึกษาแล้วแต่เด็กยังต้องการความรักความเอาใจใส่ การดูแล และการ
ปฏิสัมพนั ธ์ทไี่ มไ่ ด้แตกตา่ งไปจากระดบั ปฐมวัย และควรใหค้ วามรว่ มมอื กบั ครแู ละสถานศึกษาในการชว่ ยเตรยี มตัวเด็ก
เพื่อใหเ้ ด็กสามารถปรบั ตัวไดเ้ รว็ ยิ่งขึ้น

หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย พทุ ธศักราช 2565 หน้า 80

ภาคผนวก

หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแม่แก้ดนอ้ ย พทุ ธศักราช 2565 หน้า 81

คำส่ังกระทรวงศึกษาธิการ
ท่สี พฐ. 1223/2560เร่ือง ใหใ้ ช้หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช 2560

--------------------------------------------
เพ่ือใหก้ ารจัดการศกึ ษาปฐมวัยท่ีต้องพฒั นาเดก็ ตง้ั แตแ่ รกเกิด - 6 ปีใหม้ พี ฒั นาการดา้ นร่างกายอารมณ์จิตใจ
สังคม และสติปัญญาที่เหมาะสมกับวัย ความสามารถ และความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นการเตรียมความพร้อมที่
จะเรียนรู้และสรา้ งรากฐานชีวติ ให้พฒั นาเด็กปฐมวัยไปสูค่ วามเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์เป็นคนดีมวี ินัย ภูมิใจในชาตแิ ละมี
ความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 54
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 กระทรวงศึกษาธิการจึงให้ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช2560 ดังปรากฏแนบ
ท้ายคำสั่งฯ นี้แทนหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546เพื่อให้สถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทกุ
สังกดั นำหลักสูตรฉบบั นไ้ี ปใชโ้ ดยปรับปรงุ ให้เหมาะสมกับเดก็ และสภาพท้องถ่นิ
ทั้งนี้ตัง้ แต่ปีการศึกษา2561 เปน็ ตน้ ไป

สงั่ ณ วันท่ี 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ธรี ะเกยี รตเิ จริญเศรษฐศิลป์
(นายธรี ะเกยี รติ เจรญิ เศรษฐศิลป์)
รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย พทุ ธศกั ราช 2565 หนา้ 82

คำสง่ั โรงเรยี นวัดแม่แกด้ น้อย
ท่ี 10/ 2565

เร่อื ง แต่งต้งั คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแม่แกด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565
…………………………………………………………..…

ด้วยโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 2 เป็นโรงเรียน
ในโครงการนำร่องพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดเชียงใหม่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๗ แห่ง
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๔๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓)
พุทธศักราช ๒๕๕๓ และมาตราที่ 39 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร พุทธศักราช
2546 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช ๒๕62 เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและ
เกิดประสิทธิผล จึงขอแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารหลักสูตรฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย
พุทธศกั ราช 2565 ดงั น้ี

คณะกรรมการอำนวยการ

๑. นายณรงค์ ลุมมา ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น ประธานกรรมการ

๒. นางสาวปรยี าภทั ร์ บุรมยช์ ัยสิน รองผู้อำนวยการโรงเรียน รองประธานกรรมการ

3. นางฐติ าภทั ร์ ไทยทอง หัวหนา้ ช่วงชนั้ ท่ี 1 กรรมการ

4. นางสาวอัญชลี อนิ ทกาโมทย์ หวั หน้าช่วงชั้นที่ 2 กรรมการ

5. นางสาวศิริขวญั ถาชืน่ หัวหน้าฝา่ ยวิชาการ กรรมการและเลขานุการ

หน้าที่ ใหค้ ำปรึกษา อำนวยความสะดวก ขับเคล่ือนการบริหารหลักสูตรฐานสมรรถนะ เสนอแนะแนวทาง

ในการดำเนินการและแกป้ ัญหาตา่ งๆ ทอ่ี าจเกิดขึ้น

คณะกรรมการจัดทำหลกั สูตรฐานสมรรถนะระดับปฐมวัย

1. นางสาวสนุ ทรี ภสู ิริชัย ประธานคณะกรรมการ
กรรมการ
2. นางตรนี ชุ คณุ ยศยิง่ กรรมการ
กรรมการ
3. นางสาวศรนิ ทรา กุลชร กรรมการ
กรรมการและเลขานุการ
4. นางลดั ดา ปลื้มสำราญ

5. นางสาวภาวณิ ี ศรีพนมธรรม

6. นางสาวพฤกษาชาติ นนั ต๊ะ

หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั ฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 หนา้ 83

คณะกรรมการจัดทำหลกั สูตรฐานสมรรถนะตามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย

1. นางสาวอญั ชลี อนิ ทกาโมทย์ หวั หน้ากลมุ่ สาระภาษาไทย

2. นางอนัญญา ทนนั ชัย กรรมการ

3. นางจรรยา วงศค์ ำ กรรมการ

4. นางธัญพร คำนวล กรรมการ

5. นางสาวภัตตนิ ันท์ สายนาค กรรมการ

6. นางพรกมล ปันดาเจริญกลุ กรรมการ

7. นางสาวชญานิษฐ์ สุตนั กรรมการ

8. นางยุวรี กุศล กรรมการ

9. นางฐิตาภัทร์ ไทยทอง กรรมการ

10. นางสาวจุฑามาศ ไคร้โท้ง กรรมการ

11.นางสาวพัชราภรณ์ ปนั โนจา กรรมการ/เลขาฯ

กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ซาวจำปา หัวหน้ากลมุ่ สาระคณิตศาสตร์
1. นางสาวมยรุ ี บุญมา กรรมการ
2. นางมธุรนิ พงศ์ปัญญาศุภโชติ กรรมการ
3. นางปวณี า แซงยะ กรรมการ
4. นางสาวนภัสวรรณ ดวงพมิ พ์ กรรมการ
5. นายทศั พงษเ์ ดช ต่มุ คำ กรรมการ
6. นางสาวเกศรา ถาชืน่ กรรมการ/เลขาฯ
7. นางสาวศิรขิ วัญ

กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ)

1. นางสาวสมพศิ ศรชี มภู หัวหนา้ กลุ่มสาระภาษาอังกฤษ
กรรมการ
2. นายวัชระ สายแกว้ กรรมการ
กรรมการ
3. นางสาวกัญญาภัทร ศุภสาร กรรมการ/เลขาฯ

4. นางวราภรณ์ คำดอน

5. นางสาวลลกิ า อินถา

กลมุ่ สาระการเรียนรูศ้ ลิ ปะ พัฒน์คลา้ ย หวั หนา้ กลุ่มสาระศลิ ปะ
1. นางสาวกติ ติมาพร ตะยะพงศ์ กรรมการ
2. นายวรศักดิ์ เมอื งอินทร์ กรรมการ
3. นางรงุ่ นภา ศรชว่ ย กรรมการ
4. นายชยั รัตน์ แสนพมิ พ์ กรรมการ
5. นางสาวปรญี ารชั น์ สุขะปณุ พนั ธุ์ กรรมการ/เลขาฯ
6. นางสมจติ

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แม่แก้ดน้อย พทุ ธศกั ราช 2565 หนา้ 84

กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ุขศกึ ษาและพลศกึ ษา เหลือบุญน่มุ หวั หนา้ กลุม่ สาระสขุ ศึกษาฯ
1. นายเจษฏา สวสั ดิ์ กรรมการ/เลขาฯ
2. นายสราวฒุ ิ
หวั หน้ากลุ่มสาระสังคมศกึ ษา ศาสนา ฯ
กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา สระบุดดี กรรมการ
1. นายศราวุธ ณ เชียงใหม่ กรรมการ/เลขาฯ
2. นางสาวสทุ ธพิ ร โกมาศ
3. นางสาวปิยะรตั น์ หัวหน้ากลุ่มสาระการจดั การฯ
กรรมการ
กลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารจัดการในครวั เรอื นและการประกอบการ กรรมการ/เลขาฯ

1. นายทวปี กนั ทวี หัวหน้ากลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ฯ
กรรมการ
2. นางร่งุ นภา เมอื งอินทร์ กรรมการ
กรรมการ
3. นายอาทติ ย์ ชยั มงคล กรรมการ/เลขาฯ

กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ หวั หนา้ กลมุ่ สาระเทคโนโลยที ัล
กรรมการ/เลขาฯ
1. นางสาวรสรนิ พันธุ
หัวหนา้ กล่มุ สาระภาษาจีน
2. นางวลยั ลกั ษณ์ เป็งแสนหนู กรรมการ
กรรมการ/เลขาฯ
3. นางกาญจนา ทาวี

4. นางสาวกาญจนา ถาแก้ว

5. นางสาวปรยิ ากร เสอื กลบั

กล่มุ สาระการเรียนรู้เทคโนโลยีทัล หล้าคำแกว้
๑. นางสาวมณฑิรา เดชาวฒุ ิ
๒. นางสาวอารรี ัตน์

กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาจนี ชูวัฒนเกียรติ
1. นางสาวพัชรินทร์ กา๋ อ่วน
2. นางสาวนนท์นภัส โปธา
3. นางสาวเชษฐส์ ดุ า

หน้าที่ ๑. วางแผนดำเนินงานวิชาการ กำหนดสาระรายละเอยี ดของหลักสูตรระดับสถานศึกษา และแนวทางการ
จัดโครงสร้างและสัดส่วนเวลาเรียน วิเคราะห์ผลลัพธ์การเรียนรู้ช่วงชั้น จัดทำคำอธิบายรายวิชา รวมไปถึงกิจกรรมพัฒนา
ผู้เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะตามบริบทของพื้นที่ของ โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย
ตลอดจน สภาพเศรษฐกจิ สังคม ศลิ ปวฒั นธรรม และภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน

๒. จัดทำคมู่ อื บรหิ ารหลกั สูตรและงานวชิ าการของสถานศกึ ษา นิเทศ กำกบั ติดตาม ใหค้ ำปรึกษาเก่ียวกับ
การพัฒนาหลักสูตรการจัดกระบวนการเรียนรู้ ออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล การแนะ
แนว ใหส้ อดคล้องและเป็นไปตามหลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ สง่ เสรมิ และสนับสนนุ การพฒั นาบุคลากรเก่ียวกับการ
พัฒนาหลกั สูตรฐานสมรรถนะใหเ้ ป็นไปตามเปา้ หมายและแนวทางการดำเนินการ ของหลักสตู ร

หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 หนา้ 85

๓. ประสานความร่วมมือจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ชุมชน เพื่อให้การใช้หลักสูตรสถานศึกษาฐาน
สมรรถนะเป็นไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพและมีคณุ ภาพ

๔. ประชาสัมพันธ์หลักสูตรและการใช้หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะให้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน
และผู้ที่เกี่ยวข้องและนำข้อมูลป้อนกลับจากฝ่ายต่างๆ มาพิจารณาเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ฐาน
สมรรถนะ

๕. ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะและกระบวนการ
เรียนรู้

๖. ติดตามผลการเรียนของนักเรียนรายบุคคล ระดับชั้น และระดับกลุ่มวิชาการในแต่ละปีการศึกษา เพื่อ
ปรบั ปรงุ แก้ไขและพัฒนาการดำเนินงาน ดา้ นต่างๆ ของสถานศึกษา

๗. ตรวจสอบ ทบทวน ประเมินมาตรฐานในการปฏิบตั ิงานของครูและการบริหารหลักสูตรระดับสถานศกึ ษา
ในรอบปีที่ผ่านมาแล้วใช้ผลการประเมินเพื่อวางแผนพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและการบริหารหลักสูตร สถานศึกษาฐาน
สมรรถนะในปีการศึกษาถดั ไป

๘. รายงานผลการปฏิบตั งิ านและผลการบริหารหลกั สตู รของสถานศึกษาฐานสมรรถนะ โดยเน้นผลการพฒั นา
คุณภาพนกั เรยี นตอ่ คณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรระดับเหนือสถานศึกษา สาธารณชน
และผู้ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง

คณะกรรมการวเิ คราะหข์ ้อมูลด้านบริบท ความตอ้ งการของโรงเรยี น และ ชุมชน

1. นายเสถยี ร ธะนนั ต์ ประธานกรรมการสถานศึกษา

2. นายขวญั ชยั ปินชยั ผู้นำชุมชนหลิ่งมนื่

3. นางสาวสวุ ปรียา วมิ าลา ประธานเครือข่ายผปู้ กครอง

4. นางสุรวดี คลา๊ ก กรรมการเครือขา่ ยผ้ปู กครอง

5. พระอธกิ ารธนู อินทปญโญ เจา้ อาวาสวดั หนองเต่าคำ

หน้าที่ 1. วิเคราะหข์ อ้ มูลดา้ นบริบท ความตอ้ งการของโรงเรียน และ ชุมชน และให้
ข้อเสนอแนะขอให้ผ้ทู ่ไี ดร้ ับการแตง่ ตง้ั ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีอย่างเต็มความสามารถ ก่อประโยชน์สงู สุดตอ่ ราชการสบื ไป

ท้ังนีต้ ้ังแต่วันท่ี 11 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565
สงั่ ณ วันที่ 11 เดือน กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2565

(นายณรงค์ ลมุ มา) หนา้ 86
ผู้อำนวยการโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ น้อย

หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัยฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแม่แก้ดนอ้ ย พทุ ธศักราช 2565


Click to View FlipBook Version