The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็งเต้านม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kmncithailand, 2020-11-01 23:39:45

CPG มะเร็งเต้านม

แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็งเต้านม

50 แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ จิ ฉยั และรักษาโรคมะเร็งเต้านม

3. Locally Advanced Breast Cancer(57-59)

Locally advanced breast cancer ได้แก่ T3-4 Tumor, N2-3 Tumor ท่ีไม่มี distant
metastasis ผปู้ ว่ ยกล่มุ นี้ถา้ ให้การรกั ษาเฉพาะทีเ่ พยี งอยา่ งเดยี วพบว่า 80% ของผ้ปู ่วยจะเกดิ การแพรก่ ระจาย
ของโรคการรักษาจึงใช้เป็น combined modality therapy โดยให้ Neoadjuvant Systemic Therapy
ตามดว้ ยการผ่าตดั และฉายรงั สบี ริเวณ chest wall หรอื breast และ supraclavicular area

หากหลังจากการให้ Neoadjuvant Systemic Therapy แล้วยังไม่สามารถผ่าตัดได้ พิจารณาให้
รงั สีที่ breast และ supraclavicular/infraclavicular lymph nodes(60) และ/หรอื axillary lymph nodes
เป็น preoperative radiotherapy แลว้ พิจารณาผา่ ตัดถ้าท�ำได้

4. Palliative Radiation Therapy

ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีการแพร่กระจายของโรค ก่อให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ ท�ำให้ผู้ป่วยมี
คุณภาพชีวิตท่ีแย่ลง รังสีรักษามีบทบาทส�ำคัญคือ มีประสิทธิภาพที่ดีในการลดอาการทุกข์ทรมานของผู้ป่วย
เช่น ภาวะต่อไปนี้

1. การแพร่กระจายของมะเร็งเต้านมไปท่ีกระดูกและก่อให้เกิดอาการปวด เป็นภาวะที่พบบ่อย
ท่ีสุด การฉายรังสีเพื่อบรรเทาอาการปวด ป้องกันกระดูกหักหรือการยุบตัวของกระดูกไม่ให้ไปกดไขสันหลัง
เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีท่ีสุดวิธีหน่ึง นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการท่ีง่าย สะดวก ประหยัด ใช้เวลาการรักษาสั้น
ส่วนมากจะใช้ปริมาณรงั สี 20Gy / 5F / wk หรอื 30 Gy / 10 F / 2 wks(61-62) หรืออาจใช้เป็น single
fraction 8-10Gy ส�ำหรับผู้ป่วยท่ีมี life span ส้ัน เดินทางล�ำบาก หรือในบริเวณท่ีฉายรังสีมีขนาดเล็กและ
ไมม่ อี วัยวะสำ� คญั ที่ไวต่อรงั ส ี หรือการใช้ stereotactic body radiotherapy (SBRT) 1-5 คร้งั  ในผู้ป่วยทม่ี ี
ขนาดและจ�ำนวนของรอยโรคบริเวณกระดูกสันหลงั ท่ีไมม่ าก

2. การแพร่กระจายของมะเร็งเต้านมสู่สมอง ถ้าเป็น solitary lesion อยู่ในต�ำแหน่งท่ีสามารถ
ท�ำผ่าตัดได้โดยง่าย อาจพิจารณาท�ำผ่าตัดก้อนออกแล้วตามด้วยการฉายรังสี แต่ถ้าเป็น multiple brain
metastasis

นิยมใช้ palliative whole brain radiation โดยใช้ปริมาณรังสี 30 Gy / 10F / 2 wks. และ
อาจพจิ ารณา local tumor boost ดว้ ย stereotactic radiotherapy (SRT) หรอื  stereotactic radiosurgery
(SRS) ในกรณที ี่มี brain metastasis ไมเ่ กนิ  3 lesions(63-66)

3. การแพรก่ ระจายของมะเรง็ เตา้ นมสตู่ อ่ มนำ้� เหลอื งในชอ่ งทรวงอก อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อาการ superior
vena cava obstruction (SVCO) รงั สรี กั ษาก็เปน็ การรกั ษาวธิ หี น่ึงท่ีมีประสทิ ธิภาพและไดผ้ ลเร็ว ส่วนใหญ่ใช้
ปรมิ าณรงั สี 30 Gy / 10F / 2 wks.

51แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉัย และรักษาโรคมะเรง็ เต้านม

5. Locoregional Recurrence

ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีโรคกลับเป็นซ�้ำเฉพาะท่ีเพียงอย่างเดียว แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มท่ี
ไดร้ ับการรักษาแบบ mastectomy กับกลุ่มท่ีไดร้ บั การรักษาแบบ BCT มาก่อน

ผปู้ ่วยทีร่ ับการรกั ษาแบบ mastectomy มากอ่ น
- ถ้าท�ำผ่าตัดได้ ควรพิจารณาผ่าตัดก้อนมะเร็งออกแล้วตามด้วยการฉายรังสี ถ้าไม่เคยฉายรังสี

มากอ่ น
- ในกรณที เ่ี คยฉายรงั สมี ากอ่ น หากพจิ ารณาแลว้ วา่ การฉายรงั สซี ำ�้ นน้ั ปลอดภยั และเกดิ ประโยชน์

ตอ่ ผู้ปว่ ย สามารถฉายรงั สซี �้ำได้
- ถา้ ทำ� ผา่ ตดั ไม่ได้ใหใ้ ช้รังสีรักษา(67-68)
- ส�ำหรับ Systemic treatmentให้พจิ ารณาเป็นรายๆ ไป(69-71)
ผู้ปว่ ยที่รบั การรกั ษาแบบ BCT มาก่อน
- ควรท�ำการผ่าตัดตามดุลยพินิจของศัลยแพทย์ ส่วนการฉายรังสีและ Systemic treatment

ให้พิจารณาเปน็ รายๆ ไป(69-71)

6. Ovarian Castration

สามารถใช้ในผู้ป่วย Premenopause ท่ีมีการแพร่กระจายของโรคและ Hormone Receptor
Positive โดยฉายรังสีครอบคลุม true pelvis dose 14 - 20 Gy ใน 4-5 คร้งั ขึน้ อยู่กบั สภาพ และภาวะประจ�ำ
เดอื นของผปู้ ่วย(72)

เทคนคิ การฉายรังส(ี 73, 74)

1. Two-dimensional Radiation Therapy
Target volumes
1.1 Whole breast or chest wall

การฉายรังสีบริเวณ intact breast หรอื chest wall (รูปที่ 23)
โดยใช้ medial และ lateral tangential portals ครอบคลมุ chest wall
หรือ whole breast และพยายามใหร้ ังสีถกู เนอื้ ปอดและหวั ใจใหน้ อ้ ยทส่ี ุด มขี อบเขตของ field
ดังน้ี
Upper margin : ขอบล่างของ clavicular head
Medial margin : midline หรอื ขา้ ม midline ไปดา้ นตรงขา้ มประมาณ 1 ซม.
Lateral margin : mid axillary line หรอื ประมาณ 2 ซม. จากขอบข้างของ breast tissue
Inferior margin : 1-2 ซม. ใตต้ อ่ inframammary fold

52 แนวทางการตรวจคดั กรองวินจิ ฉัย และรักษาโรคมะเร็งเต้านม

ปรมิ าณรงั ส ี 45-50 Gy / 25 F / 5 wks (69-71) หรอื 42.5 Gy / 16 F(75) หรือ 41.6 Gy / 13 F
(START A) หรือ 40 Gy / 15F (START B)

ถา้ เปน็ BCT พิจารณา boos tumor bed 10-20 Gy / 5-10 F

รูปที ่ 23 ภาพแสดงเทคนคิ การฉายรงั สีทเ่ี ตา้ นมหรอื หนา้ อก และ Supraclavicular area
1.2 Regional lymph nodes
1.2.1 Supraclavicular/infraclavicular lymph nodes with or without axillary
lymph nodes (รูปที่ 24) เปน็ การฉายรงั สีเพอ่ื ควบคมุ โรคบรเิ วณต่อมน้�ำเหลอื งที่
อยู่เหนือและใต้ ต่อกระดูกไหปลาร้า และบางส่วนของต่อมน�้ำเหลืองบริเวณรักแร้
หรอื คลมุ ตอ่ มน้ำ� เหลอื งบริเวณรักแร้ท้ังหมด
- Inferior border: 1stหรือ 2nd intercostal space ขนานกับ upper margin
ของ chest wall field
- Medial border: 1 ซม. จาก midline ขนานขึ้นไปตามขอบในของ 
sternocleidomastoid muscle ถึงระดบั thyrocricoid groove

53แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ จิ ฉัย และรักษาโรคมะเร็งเตา้ นม

- Superior border: ระดบั ของ thyroid groove
- Lateral border: vertical line ท่ีระดับ lateral edge ของ coracoid
process ในกรณที ีต่ อ้ งการครอบคลุมต่อมนำ้� เหลอื งบริเวณ axillary LN level
I,II จะเปดิ คลุม axillary fold
- ปริมาณรังสที ี่ใช้ 45-50 Gy / 25 F / 5 wksหรือ 42.5 Gy / 16 F
ส�ำหรับ axillary recurrence พบได้ประมาณ 0.5-3% เท่านั้น หลังจากการท�ำ axillary
dissection of level I และ II หรือพบ axillary recurrence เพียง 1% ในผู้ป่วยที่มี axillary positive

1-3 nodes ที่ผ่าตัดต่อมน�้ำเหลืองที่รักแร้ออกมา ≥10 nodes และพบว่ามี axillary recurrence ได้ 6%
ในผปู้ ่วยที่มี axillary positive 1-3 nodes ทีผ่ ่าตัดตอ่ มนำ�้ เหลืองทร่ี ักแร้ออกมา ≤ 4 nodes(76-79) ดงั นน้ั จงึ ไม่

มีความจ�ำเป็นต้องฉายรังสีบริเวณรักแร้ ยกเว้นแต่ ไม่สามารถผ่าตัดต่อมน�้ำเหลืองออกได้หมด ในกรณีท่ีม ี
clinical matted axillary nodes, extracapsular invasion อาจพิจารณาฉายรงั สีที่ axilla ด้วย

พิจารณาใช้การฉายรังสีสามมิติ ถ้าการฉายรังสีสองมิติท�ำให้ปอดและหัวใจได้รับปริมาณรังสีสูง
ท้งั นีข้ ึน้ อย่กู ับดุลยพนิ จิ ของแพทย์ผรู้ ักษา(80)

รูปท่ ี 24  ภาพเอกซเรย์ขอบเขตของการฉาย Supraclavicular area

54 แนวทางการตรวจคดั กรองวินิจฉยั และรกั ษาโรคมะเรง็ เต้านม

1.2.2 Internal mammary lymph nodes
Medial border : midline หรือ 1 ซม. ขา้ ม midline ไปดา้ นตรงขา้ ม
Lateral border : 5-6 ซม. Lateral ตอ่ midline
Inferior border : ระดบั xiphoid หรอื 3 upper intercostal spaces
Superior border : ขนานกบั inferior border ของ supraclavicular field
ปรมิ าณรงั สีท่ีใช้ 45-50 Gy / 25F / 5 wks คดิ ทค่ี วามลกึ 3-4 ซม. จากผิวหนงั

2. Three-dimensional treatment technique and advanced techniques such as
Electronic compensator, Intensity modulated radiation therapy or volumetric arc radiation therapy

Target volume (RTOG contouring atlas)
2.1 Breast or chest wall

2.2 Regional lymph nodes

55แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ จิ ฉัย และรกั ษาโรคมะเรง็ เต้านม

การฉายรังสีด้วย advanced techniques เช่น 3-Dimensional RT หรือ IMRT ในผู้ป่วย
บางรายจะชว่ ยปรบั การกระจายปริมาณรงั สีใน target volume ในขณะท่ชี ว่ ยลดปรมิ าณรงั สีท่ี normal tissue
ไดร้ ับ

A. B.

รูปท ี่ 25  การจัดทา่ ผู้ปว่ ยขณะฉายรงั สีทีเ่ ตา้ นม

56 แนวทางการตรวจคดั กรองวินิจฉยั และรกั ษาโรคมะเร็งเต้านม

Sequencing of Systemic Therapy and Radiotherapy

กรณีที่ต้องให้การรักษาเสริมทั้งยาเคมีบ�ำบัดและรังสีรักษาหลังผ่าตัด ปัจจุบันมีข้อมูลการศึกษาท่ี
รายงานว่าสามารถให้รังสีรักษาหลังจากให้ยาเคมีบ�ำบัดจนครบแล้ว คือประมาณ 6 เดือนหลังผ่าตัด โดยไม่พบมี
ความแตกต่างในอุบัติการณ์กลับเป็นซ�้ำของโรคเฉพาะที่แต่อย่างใด เมื่อเทียบกับกลุ่มท่ีให้รังสีรักษาหลังผ่าตัด
ทนั ท ี (สว่ นใหญเ่ รมิ่ ภายใน 4-8 สปั ดาหห์ ลงั ผา่ ตดั ) แตผ่ ปู้ ว่ ยกลมุ่ นต้ี อ้ งเปน็  negative resected margins(84-85)

ในกรณีที่ positive resected margins ข้ันตอนการรักษาเสริมให้อยู่ในดุลยพินิจของทีมแพทย์
ผรู้ ักษา

ถา้ การรกั ษาเสรมิ เปน็ ฮอร์โมนบำ� บดั สามารถเรมิ่ การฉายรงั สีไปพรอ้ มกบั ฮอร์โมนบำ� บดั ไดท้ นั ท(ี 85-86)

57แนวทางการตรวจคดั กรองวินิจฉยั และรกั ษาโรคมะเรง็ เต้านม

แนวทางการรกั ษาเสรมิ หลงั ผา่ ตดั ในผปู้ ว่ ยมะเรง็ เตา้ นมระยะแรก
(Guideline for Adjuvant Systemic Therapy in Early Breast Cancer)

คำ� ส�ำคัญ

1. มะเร็งเต้านมระยะแรก (early stage breast cancer)
ผู้ป่วยท่ีมีรอยโรคอยู่เฉพาะที่เต้านมและ/หรือต่อมน้�ำเหลืองท่ีรักแร้ ยังไม่มีการแพร่กระจาย
ลุกลามมายังผวิ หนัง หรอื ตอ่ มน้�ำเหลืองทบ่ี ริเวณอน่ื หรือทอี่ วยั วะทห่ี า่ งไกลออกไป
2. การรักษาเสรมิ หลงั ผ่าตัดด้วยวิธีทางยา (systemic adjuvant therapy)
เป็นการรกั ษาดว้ ยเคมบี �ำบดั  ยาตา้ นฮอร์โมนหรอื ยา Targeted therapy โดยให้หลงั จากผูป้ ว่ ยได้
รับการรักษาเฉพาะท่ีคอื การผ่าตัดมะเรง็ ออกไปทง้ั หมดแล้ว และผู้ปว่ ยต้องไม่มีรอยโรคทเ่ี หลืออยู่หลังผ่าตัด

จุดประสงค์ของการรกั ษา

เพ่ือเพ่ิมระยะเวลารอดชีวิตโดยปลอดโรค (Disease free survival) และเพิ่มระยะเวลาการ
รอดชวี ิต (overall survival)

ชนิดของการรักษาใน adjuvant systemic therapy

1. Adjuvant hormonal therapy เป็นการรกั ษาโดยใช้ยาตา้ นฮอร์โมน มปี ระโยชนแ์ ละมขี ้อบง่ ชี้
ส�ำหรับมะเร็งเตา้ นมทตี่ ดิ ตัวรับทางฮอร์โมนเท่านั้น (hormone responsive breast cancer)

2. Adjuvant anti-HER2 therapy เปน็ การรักษาโดยใชย้ าตา้ นยีนกอ่ มะเรง็ ท่ีสำ� คญั คอื HER2
ยีน การรักษาโดยวิธีนมี้ ีข้อบ่งชเ้ี ฉพาะมะเรง็ เต้านมท่ีมีการแสดงออกผดิ ปกติของยนี HER2 เทา่ นั้น (HER2
positive breast cancer)

3. Adjuvant chemotherapy เปน็ การรักษาโดยใช้ยาเคมีบำ� บัด พิจารณาให้ส�ำหรับผูป้ ่วยทีม่ ี
ความเสีย่ งในการกลับเปน็ ซำ้� สูง ทั้งน้ขี ้ึนอยู่กบั การพจิ ารณาความเสี่ยงในผปู้ ่วยในแตล่ ะราย

ปจั จยั ทแี่ พทย์ตอ้ งประเมินและทราบกอ่ นการตดั สินใจให้การรักษา
adjuvant systemic therapy

1. Host factors ไดแ้ ก่ อายุ, สภาวะประจ�ำเดือน (menopausal status), co-morbid diseases
และ performance status

58 แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็งเต้านม

2. Tumor factors ไดแ้ ก่ tumor size, tumor grading, lymphovascular invasion, surgical
margins, lymph node status และการยอ้ มพิเศษทส่ี ำ� คัญของมะเร็งเตา้ นมทคี่ วรตอ้ งทราบก่อนการรกั ษาคือ
HR (hormone receptor status ซง่ึ ไดแ้ ก่ ER, PR status) , HER2 และ Ki-67

Adjuvant Systemic Therapy in Early Breast Cancer Algorithm(87)

ขั้นตอนแรก - จ�ำแนกผู้ป่วยเป็น 3 กลุ่มโดยใช้ปัจจัยท�ำนายผลการรักษา (predictive markers) คือ
HR (hormone receptor status) และ HER2 status
- จากข้ันตอนน้ีสามารถแบ่งผู้ป่วยออกได้เป็น 4 กลุ่ม คือ HR-positive /HER2-
negative, HR-positive/HER2 positive, HR-negative/HER2-positive และ triple
negative disease

ขน้ั ตอนที่สอง - พิจารณาแนวทางการรกั ษาหลกั ตามตารางท่ี 1 และ 2

ตารางที ่ 1  แสดงการจำ� แนกผปู้ ่วยมะเรง็ เต้านมระยะแรก ค�ำจ�ำกัดความส�ำหรับผปู้ ว่ ยแตล่ ะกลุม่

กลมุ่ ผู้ป่วย ค�ำจำ� กดั ความ (definitions)
Triple negative breast cancer ER and PgR and HER2 negative
HR-negative and HER2-positive ER and PgR-negative, HER2-positiveB

HR-positive and HER2-positive ER and/or PgR-positive > 1%A, HER2-positiveB
HR-positive and HER2-negative ER and/or PgR-positive > 1%A, HER2-negative

- luminal A-like - high ER/PgR, low Ki-67C, N0-3, T1/2

- Intermediate - low ER/PgR, high Ki-67C, extensive nodal involvement,

- luminal B-like grade 3, extensive lymphovascular invasion, T3 ข้ึนไป

AEndocrine responsive breast cancer ในปัจจบุ ันหมายถงึ ER และ/หรือ PgR positive มากกวา่ หรือ
เท่ากบั ร้อยละ 1 แตอ่ ย่างไรกต็ าม การทมี่ ี ER/PR ต่ำ� (รอ้ ยละ 1-9) อาจมกี ารตอบสนองตอ่ ยาตา้ นฮอร์โมนไม่
ดีมาก
BStandard definition of HER2 positive ตาม ASCO CAP guideline คือ IHC 3+ (> 20% of tumor
cells with intense and complete membrane staining) หรือ FISH positive > /= 2 หรือ ISH >/= 6
Cการแปลผล Ki-67 ถ้า ER/PR strongly positive พิจารณาใช้ยาเคมบี �ำบดั ถ้า Ki-67 >/= 20%, ในรายที่มี
low ER/PR พจิ ารณาให้ hormonal therapy เพยี งอย่างเดยี วถา้ Ki-67 < 14%

59แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉยั และรักษาโรคมะเรง็ เตา้ นม

- เน่ืองจากโดยมากแล้วผู้ป่วยแต่ละรายอาจต้องการวิธีการรักษามากกว่าหน่ึงวิธี ดังแนวทางใน
การพิจารณาการรักษาย่อยตามตารางที่ 2

ตารางที่ 2  แนวทางการรกั ษาส�ำหรับผูป้ ่วยแตล่ ะกลุ่ม

วธิ ีการรกั ษาหลกั กลมุ่ ผ้ปู ่วยท่ีเหมาะสมสำ� หรบั การรักษา ค�ำอธิบายเพิ่มเติม

การรกั ษาด้วยยาต้าน มีข้อบ่งชี้ในผู้ป่วยทเี่ นอ้ื งอกติดตัวรบั ทาง
ฮอร์โมน (endocrine ฮอร์โมนไมว่ า่ จะตดิ ในปรมิ าณเทา่ ใดก็ตาม
therapy)

การรักษาด้วยยาตา้ น  มขี อ้ บ่งช้ีในผู้ป่วยทมี่ กี ารแสดงออกของยีนกอ่ ยาต้าน HER2 มีความจำ� เปน็
HER2 มะเร็ง HER2 โดยเฉพาะส�ำหรับผู้ป่วยทม่ี ี ตอ้ งให้ร่วมกับเคมีบำ� บัดD
(Anti-HER2 therapy) ความเสี่ยงในการกลับเป็นซ้�ำสงู C

การรกั ษาด้วยยาเคมีบำ� บดั มีข้อบ่งช้ีสำ� หรับผู้ป่วยท่ีมลี ักษณะตอ่ ไปนี้ สำ� หรบั ผู้ปว่ ยที่ตดิ ตัวรบั ทาง

(Chemotherapy) 1. ผู้ปว่ ยส่วนใหญ่ท่ีไมต่ ิดตัวรับใดๆ ในผวิ ฮอร์โมนนัน้ เคมบี ำ� บัดไม่มี

เซลล์ (Triple negative breast cancer) ความจำ� เปน็ ส�ำหรับทุกราย

2. ผู้ปว่ ยทมี่ กี ารแสดงออกของยีน HER2 โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในผูป้ ว่ ยทม่ี ี

โดยใหร้ ่วมกับยาต้าน HER2 ความเส่ยี งในการกลับเป็นซ�้ำ

3. ส�ำหรับผู้ป่วยบางรายท่ีตดิ ตัวรบั ทางฮอร์โมน นอ้ ยหรอื ปานกลาง

ท่มี ีความเสีย่ งในการกลบั เปน็ ซ้ำ� สูง

(luminal B-like)E

C  ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนส�ำหรับการใช้ยาต้าน HER2 ในผู้ป่วยท่ีไม่มีการกระจายไปยังต่อมน�้ำเหลืองและมีขนาด
น้อยกวา่ 1 เซนตเิ มตร
D ไมม่ ขี ้อมูลสำ� หรับการใชเ้ พียงยาตา้ น HER2 คู่กบั เฉพาะยาตา้ นฮอร์โมนในการรักษาเสริมหลังผ่าตดั
E Luminal B-like ได้แก่ -low ER/PgR, high Ki-67C, extensive nodal involvement (>/=4 node),
grade 3, extensive lymphovascular invasion, T3 ขนึ้ ไป

60 แนวทางการตรวจคัดกรองวินจิ ฉยั และรักษาโรคมะเรง็ เต้านม

สรปุ ค�ำแนะน�ำในการรกั ษาเสรมิ หลงั ผา่ ตดั ในมะเร็งเตา้ นมระยะแรก

1. ผู้ป่วยท่ีไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งไดร้ บั การรกั ษาเสรมิ ใดๆหลงั ผ่าตดั
ขอ้ บ่งชี้ ผปู้ ว่ ยทม่ี ขี นาดของก้อนเนือ้ งอก </= 5 มิลลิเมตร ไม่วา่ จะมีปจั จยั บง่ ชี้การ
พยากรณ์โรคท่ีไม่ดอี ่ืนใดหรอื ไม่
ระดบั คำ� แนะน�ำ 2A

2. การรกั ษาเสรมิ ด้วยยาต้านฮอรโ์ มน (Adjuvant Endocrine Therapy) (รายละเอยี ดใน
appendix 2)

ข้อบ่งช้ ี แนะนำ� ใหใ้ ชส้ �ำหรับทุกรายท่ีเนอื้ งอกตดิ ตัวรับฮอร์โมน (hormone responsive
breast cancer) ซึ่งอาจสามารถยกเว้นได้ในผปู้ ว่ ยที่มคี วามเสี่ยงน้อยมากในการ
กลับเปน็ ซ�ำ้  เชน่ ผูป้ ว่ ย T1a
ระดับคำ� แนะน�ำ 1

วิธีการรกั ษาด้วยยาตา้ นฮอรโ์ มน

ขึ้นกับภาวะประจ�ำเดือนของผปู้ ว่ ยโดยแบง่ ผู้ปว่ ยเปน็ premenopausal และ postmenopausal
women ตามคำ� จำ� กดั ความของ postmenopausal women (รายละเอยี ดใน appendix1 หนา้ ที่ 65)
การพจิ ารณาความเสยี่ งในการกลบั เปน็ ซำ�้ ในผปู้ ว่ ยมะเรง็ เตา้ นมทต่ี ดิ ตวั รบั ทางฮอรโ์ มน

ใช้ค�ำแนะน�ำตามตารางท่ี 3

สรปุ คำ� แนะน�ำในการเลอื กการรักษาเสริมทางฮอร์โมนหลงั ผา่ ตัด

1. ผู้หญิงที่ยังไม่หมดประจำ� เดอื น (Premenopausal women and/or perimenopausal
women)

ค�ำแนะน�ำในการให้การรักษาเสริมด้วยยาต้านฮอร์โมนในผู้ป่วยที่ยังไม่หมดประจ�ำเดือน
(pre and peri-menopausal women)

• ยาต้านฮอร์โมนท่แี นะนำ� เปน็ การรักษามาตรฐานในผู้ป่วยทุกความเสย่ี งคอื tamoxifen
ระดับค�ำแนะน�ำ 1

• ส�ำหรับผู้ป่วยท่ีมีข้อห้ามในการใช้ tamoxifen หรือไม่สามารถทนผลข้างเคียงของ tamoxifen
ไดอ้ าจใช้วิธกี ารท�ำ OFS (Ovarian function suppression) ทดแทน

ระดบั คำ� แนะนำ� 1

61แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉยั และรกั ษาโรคมะเร็งเตา้ นม

• ส�ำหรับผู้ป่วยท่ีมีความเส่ียงในการกลับเป็นซ้�ำสูง โดยเฉพาะมีการกระจายไปท่ีต่อมน้�ำเหลือง
จ�ำนวนมากกว่า 4 ต่อม แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วย OFS ร่วมกับ AI ส�ำหรับระยะเวลาของการท�ำ
OFS โดยท่ัวไปใช้ประมาณ 5 ปี

ระดบั ค�ำแนะนำ� 2B
• ไมแ่ นะนำ� การใชย้ ากลมุ่  aromatase inhibitors (AIs) เพยี งชนดิ เดยี วในผปู้ ว่ ย premenopausal
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดกต็ าม

ระดับคำ� แนะน�ำ 1
• ขนาดของยา tamoxifen คอื 20 mg ตอ่ วัน และระยะเวลามาตรฐานของการรักษาเสรมิ คือ 5 ปี

ระดับค�ำแนะน�ำ 1

หมายเหตุ : ส�ำหรับผู้ป่วยที่มีความเส่ียงในการกลับเป็นซ�้ำสูงโดยเฉพาะมีการกระจายไปที่ต่อมน�้ำเหลือง
สามารถรักษาด้วย tamoxifen 10 ปี

สำ� หรบั ผปู้ ว่ ยทอ่ี ย่ใู นภาวะ premenopausal ทมี่ กี ารกระจายไปยงั ตอ่ มนำ�้ เหลอื งและเปน็ ผปู้ ว่ ย
ท่ีอยู่ในภาวะ postmenopausal หลงั จากรับ tamoxifen ครบ 5 ปี

แนะน�ำการใชย้ า AIs ต่ออกี 5 ปี (extended adjuvant treatment)
ระดับค�ำแนะนำ� 1

2. ผู้หญิงวยั หมดประจ�ำเดือน (Postmenopausal women)
มียาต้านฮอร์โมนสองชนิดท่ีมีประสิทธิภาพในการลดการกลับเป็นซ้�ำคือ tamoxifen และยากลุ่ม
AIs และมีวิธกี ารใหย้ าต้านฮอร์โมนดงั ต่อไปน้ี
• ใช้ยาตัวใดตวั หน่งึ ตงั้ แตต่ ้นและใชต้ ลอดระยะเวลาการรักษา 5 ปี (upfront and continue)
• ใช้ยาสองชนิดร่วมกนั โดยมีวิธีใช้ทเี่ ปน็ มาตรฐานดงั ตอ่ ไปนี้

- Sequential treatment begin with tamoxifen วิธีนี้เร่ิมการรักษาด้วยยา tamoxifen
ก่อนเปน็ เวลา 2-3 ปี จากน้นั เปลี่ยนเปน็ ยากลมุ่ AIs จนครบ 5 ปี
- Sequential treatment begin with AIs วธิ ีน้ีเรมิ่ การรกั ษาดว้ ยา AIs ก่อนเป็นเวลา 2 ปี
จากนน้ั เปล่ยี นเปน็ tamoxifen จนครบ 5 ปี
- Extended treatment วิธีน้เี รมิ่ ตน้ ดว้ ย tamoxifen 5 ปี จากน้ันต่อดว้ ยยากลมุ่ AIs อกี
5 ปี จนครบ 10 ปี

62 แนวทางการตรวจคัดกรองวนิ จิ ฉัย และรักษาโรคมะเร็งเตา้ นม

ค�ำแนะน�ำในการให้การรักษาเสริมด้วยยาต้านฮอร์โมนในผู้ป่วยที่หมดประจ�ำเดือน
(Postmenopausal women)

• ส�ำหรับผู้ป่วยท่ีมีความเสี่ยงในการกลับเป็นซ�้ำน้อยหรือเป็นผู้ป่วยท่ีมีข้อห้ามในการใช้ยากลุ่ม
AIs แนะน�ำให้ใช้ยา tamoxifen เพียงตัวเดียวในขนาดและระยะเวลามาตรฐานเช่นเดียวกับผู้ป่วยวัยก่อนหมด
ประจ�ำเดอื น

ระดับคำ� แนะนำ� 1
• ส�ำหรับผู้ป่วยท่ีมีความเส่ียงในการกลับเป็นซ�้ำปานกลาง กลุ่มน้ีควรมียา AIs มาร่วมเป็นยา
ตวั หนึ่งในการรักษาเสรมิ

ระดบั คำ� แนะน�ำ 1
• สว่ นวิธีในการใชย้ าสองชนดิ ร่วมกนั ระหวา่ ง tamoxifen และ AIs นนั้ แนะน�ำการใชย้ าสองชนิด
รว่ มกันในแบบ sequential โดยอาจเริม่ ด้วย tamoxifen กอ่ นหรือ AIs กอ่ น

ระดบั ค�ำแนะน�ำ 2A
• สำ� หรบั ผู้ป่วยที่มีความเส่ยี งในการกลับเป็นซ้�ำสูง สามารถเลือกวธิ ีใดวิธหี นึง่ ต่อไปน้ี

- แนะนำ� การใชย้ าสองชนิดร่วมกันในแบบ sequential
ระดับคำ� แนะนำ� 2A

- แนะน�ำการใช้ยากลมุ่ AIs ตั้งแต่เริม่ ตน้ และให้จนครบ 5 ปี
ระดบั คำ� แนะน�ำ 2B

• ส�ำหรับผ้ปู ่วยทม่ี ีการกระจายไปยงั ต่อมนำ้� เหลืองและเป็นผ้ปู ว่ ยทอ่ี ยู่ในภาวะ postmenopausal
หลงั จากรบั tamoxifen ครบ 5 ปี

- แนะน�ำการใชย้ า AIs ต่ออกี 5 ปี (extended adjuvant treatment)
ระดบั ค�ำแนะน�ำ 1

• ระยะเวลามาตรฐานในการรักษาเสริมโดยวิธีทางฮอร์โมนคือ 5 ปี โดยถ้าเป็นการใช้รูปแบบ
sequential ให้เรม่ิ ด้วยยาตวั แรกในระยะเวลา 2 ปีจากนนั้ ตอ่ ดว้ ยยาตวั ทสี่ องในระยะเวลา 3 ปีจนครบ 5 ปี

ระดบั ค�ำแนะนำ� 1
ระยะเวลาการใชย้ า AIs ในรูปแบบ sequential ไมค่ วรใช้เกิน 2 ปี

ระดับค�ำแนะน�ำ 1
ระยะเวลาการใชย้ า AIs ในรูปแบบ extended ควรใช้ 3-5 ปี

ระดบั คำ� แนะน�ำ 1
3. การรกั ษาเสรมิ ดว้ ยยาเคมบี ำ� บดั (Adjuvant Chemotherapy) (รายละเอยี ดใน appendix 3)
• ขอ้ บง่ ชีม้ าตรฐานส�ำหรับการใหย้ าเคมีบ�ำบัดเสริม มดี งั ตอ่ ไปน้ี
- ส�ำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมท่ีไม่ติดตัวรับทางฮอร์โมนและไม่ติดตัวรับ HER2 (triple
negative) ท่ีมขี นาดของก้อนเนือ้ งอกมากกว่า 0.5 เซนตเิ มตร ขนึ้ ไป

ระดบั ค�ำแนะนำ� 1

63แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉัย และรกั ษาโรคมะเร็งเต้านม

- สำ� หรับผปู้ ว่ ยมะเร็งเตา้ นมทีต่ ิดตัวรับ HER2 (HER2 positive) ทมี่ คี วามเสี่ยงสูงในการกลับ
เป็นซำ้�

ระดบั ค�ำแนะนำ� 1
- ส�ำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมท่ีติดตัวรับทางฮอร์โมน (HR positive) ที่มีความเสี่ยงสูงในการ
กลับเป็นซ้�ำ โดยพิจารณาตามปัจจัยเส่ียงในตารางที่ 3 ในหัวข้อที่เป็นข้อบ่งชี้ในการให้ยาเคมีบ�ำบัดร่วมกับยา
ตา้ นฮอร์โมน

ระดบั ค�ำแนะน�ำ 1
- ส�ำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ติดตัวรับทางฮอร์โมน (HR positive) บางรายท่ีมีความเส่ียง
ปานกลางในการกลบั เป็นซ�้ำ โดยพจิ ารณาตามปัจจยั เสย่ี งในตารางท่ี 3

ระดับค�ำแนะน�ำ 1
- ไมแ่ นะนำ� ใหใ้ ชใ้ นผปู้ ว่ ยมะเรง็ เตา้ นมทตี่ ดิ ตวั รบั ทางฮอร์โมนทม่ี คี วามเสย่ี งนอ้ ยในการกลบั เปน็ ซำ�้
โดยพจิ ารณาตามปัจจัยเส่ยี งในตารางที่ 3

ระดับค�ำแนะน�ำ 1

• สตู รยาเคมบี ำ� บัดในการรกั ษาเสริมหลงั ผ่าตัด
- แนะนำ� ใหใ้ ชส้ ตู ร classical CMF x 6 หรอื AC x 4 หรือ FAC x 6 หรอื FEC x 6 หรือ
CEF x 6 รอบสำ� หรับผูป้ ว่ ยความเสีย่ งในการกลับเปน็ ซ�้ำปานกลาง

ระดบั คำ� แนะนำ� 1
- แนะน�ำให้ใช้สูตร taxane-based chemotherapy ร่วมกับ anthracycline-based
chemotherapy เฉพาะในผู้ป่วยท่ีมีความเส่ียงในการกลับเป็นซ�้ำสูงเท่าน้ัน ได้แก่ ผู้ป่วยท่ีมีการกระจายไปยัง
ตอ่ มน้�ำเหลอื งรว่ มกับเน้ืองอกไม่ติดตัวรับทางฮอร์โมน หรือมกี ารแสดงออกของยีน HER2

ระดับค�ำแนะน�ำ 1
- แนะนำ� ใหใ้ ชส้ ตู ร non-anthracycline, taxane-based ในผปู้ ว่ ยทมี่ คี วามเสยี่ งในการกลบั เปน็ ซำ�้
ปานกลางถึงสูง และมีขอ้ ห้ามในการใช้ยากลุม่ anthracyclines

ระดบั คำ� แนะน�ำ 1
- แนะน�ำให้ใช้สูตร anthracycline-based chemotherapy, taxane-based chemotherapy
ร่วมกับการใช้ trastuzumab สำ� หรับผ้ปู ว่ ย HER2 positive ท่ีไดร้ ับการรกั ษาเสริมด้วยยาต้าน HER2

ระดับคำ� แนะน�ำ 1
- ระยะเวลาของ adjuvant chemotherapyแนะนำ� ให้ใชเ้ ป็นระยะเวลา 6 รอบ – 8 รอบการรักษา
(ขึน้ อยกู่ ับสูตร)

ระดับค�ำแนะนำ� 1

64 แนวทางการตรวจคัดกรองวนิ ิจฉัย และรกั ษาโรคมะเรง็ เต้านม

- Sequence ระหว่างการรักษาด้วย chemotherapy กับการรักษาเสริมชนิดอื่นแนะน�ำให้รักษา
ด้วย adjuvant chemotherapy ก่อนจนครบตามจ�ำนวนรอบการรักษาที่ก�ำหนดแล้วจึงตามด้วย adjuvant
endocrine therapy

ระดับค�ำแนะนำ� 1

4. การรกั ษาเสรมิ ดว้ ยยาตา้ น HER2 ในมะเรง็ เตา้ นมทต่ี ดิ HER2 (Adjuvant Trastuzumab
in HER2 positive early breast cancer)

• การวนิ ิจฉยั ภาวะ HER-2 เปน็ ผลบวก
- ให้ถอื ว่า HER-2 เปน็ ผลบวก เมือ่ การยอ้ ม IHC เป็น 3+ ข้ึนไป และ/หรือ การตรวจ FISH
ratio >/= 2.0 หรือ ISH >/= 6.0 signals/cell

ระดบั คำ� แนะนำ� 1
- ในกรณีท่ี IHC 2+ แนะนำ� ใหต้ รวจด้วย FISH เพื่อยืนยัน และถือวา่ เปน็ ผลบวกเมื่อ FISH
ratio >/= 2.0 หรือ ISH >/= 6.0 signals/cell

ระดับค�ำแนะน�ำ 1
• การใช้ Trastuzumab ในการรักษาเสริมส�ำหรับมะเร็งเต้านมระยะแรก ที่มี HER-2 เป็น
ผลบวก
- แนะนำ� ใหใ้ ช้ Trastuzumab รว่ มกบั การรักษาเสริมดว้ ยยาเคมีบำ� บดั เท่านัน้

ระดบั ค�ำแนะนำ� 1
- แนะน�ำให้ใช้ Trastuzumab ในกรณีท่ีมะเร็งกระจายไปยังต่อมน�้ำเหลืองที่รักแร้ (Node
positive early breast cancer) และในกรณีทมี่ ะเร็งไมก่ ระจายไปยังตอ่ มน�้ำเหลอื งท่รี กั แร้ และมขี นาดกอ้ น
> 1 ซม.

ระดบั คำ� แนะนำ� 1
- วิธีการให้ยา trastuzumab สามารถเริ่ม trastuzumabระหว่างเคมีบ�ำบัดโดยให้พร้อมกับ
taxanes แต่ไม่ควรให้พร้อม anthracycline (concurrent approach) หรือให้ตามหลังจากให้เคมีบ�ำบัด
เสร็จส้นิ แลว้ ก็ได้ (sequential approach)

ระดบั ค�ำแนะนำ� 1
- แนะนำ� ให้ใช้ trastuzumabในการรักษาเสริมเป็นระยะเวลา 1 ปี

ระดับค�ำแนะน�ำ 1
- สูตรเคมีบ�ำบัดท่แี นะน�ำใหใ้ ช้ในกรณที พ่ี จิ ารณาให้ adjuvant trastuzumabรว่ มด้วย
- Anthracycline- based regimens ตามดว้ ย trastuzumab 1 ปี

65แนวทางการตรวจคัดกรองวินจิ ฉยั และรกั ษาโรคมะเร็งเตา้ นม

- AC จำ� นวน 4 รอบตามดว้ ยpaclitaxel weekly จำ� นวน 12 รอบ หรอื paclitaxel แบบให้ทกุ
3 สัปดาห์จำ� นวน 4 หรือ docetaxel แบบให้ทุก 3 สัปดาหจ์ �ำนวน 4 รอบ โดยเร่มิ ให้ trastuzumab ช่วงที่ให้
taxanes และตอ่ ดว้ ย trastuzumab เพียงตวั เดยี วจนครบ 1 ปี

- Docetaxel รว่ มกับ carboplatin ทกุ 3 สปั ดาห์จำ� นวน 6 รอบการรักษา โดยให้ trastuzumab
ต้งั แต่แรกและต่อด้วย trastuzumab จนครบ 1 ปี

ระดับค�ำแนะนำ� 1
• ค�ำแนะน�ำในการคัดเลือกผู้ป่วยก่อนรับยา trastuzumab และการเฝ้าระวังผลข้างเคียง
เรื่องการทำ� งานของหัวใจ
- ผู้ป่วยทุกรายก่อนเริ่มยา trastuzumab ต้องได้รับการประเมินการท�ำงานของหัวใจโดยวิธี
echocardiogram หรือ MUGA scan และต้องมีการบีบตัวของหัวใจ (EF, ejection fraction) มากกว่า
ร้อยละ 50 ก่อนเรม่ิ ยา

ระดับค�ำแนะน�ำ 1
- ผู้ป่วยควรได้รับการประเมินปัญหาด้านหัวใจและส่งพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเม่ือพบผู้ป่วยที่มี
ปัญหาเช่นผู้ป่วยท่ีมีปัญหาจังหวะการเต้นของหัวใจมีปัญหาเร่ืองล้ินหัวใจหรือมีประวัติหลอดเลือดหัวใจก่อนการ
ใหย้ า trastuzumab

ระดับคำ� แนะนำ� 2A
- ในระหว่างการรกั ษาควรมกี ารตรวจการท�ำงานของหวั ใจดว้ ย echocardiogram, MUGA scan
ทกุ 3-6 เดือน

ระดับคำ� แนะนำ� 2A

Appendix 1 คำ� จำ� กดั ความของผปู้ ว่ ยวัยหมดประจ�ำเดือน (postmenopausal women)
1. ผ้ปู ่วยได้รบั การตดั รงั ไข่ทั้งสองข้าง (prior bilateral oophorectomy)
2. อายมุ ากกว่าหรือเท่ากบั  60 ปี
3. อายุน้อยกว่า 60 ปี และไม่มีประจ�ำเดือนมาเลยเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือนโดยเป็นการ
หมดประจำ� เดอื นตามธรรมชาติ ไม่มีประวตั ิได้รับยาเคมบี ำ� บัด tamoxifen, toremifene หรือ
ได้รบั การทำ� ovarian function suppression และคา่ FSH, estradiol อยู่ในเกณฑว์ ัยหมด
ประจ�ำเดอื น
4. ถ้าได้รับยา tamoxifen, toremifene และมีอายุน้อยกว่า 60 ปี กลุ่มน้ีต้องมีค่า FSH,
estradiol อยู่ในเกณฑว์ ยั หมดประจำ� เดอื น

66 แนวทางการตรวจคดั กรองวินจิ ฉยั และรกั ษาโรคมะเรง็ เตา้ นม

Appendix 2 รายละเอยี ดของ adjuvant endocrine therapy in early breast cancer
1. Tamoxifen
เป็นยาต้านฮอร์โมนท่ีมีประสิทธิภาพและสามารถลดการกลับเป็นซ้�ำได้ใน HR positive tumors

ไม่ว่าจะเป็น premenopausal women หรือ postmenopausal women ข้อมูลล่าสุดจาก metaanalysis
โดย EBCCTG 2005(88) พบว่าการใช้ tamoxifen เป็นเวลา 5 ปีสามารถลดความเส่ียงในการกลับเป็นซ้�ำได ้
ร้อยละ 41 และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ร้อยละ 34 ไม่ว่าจะอายุมากกว่าหรือน้อยกว่า 50 ปี โดย
tamoxifen ลดการกลบั เปน็ ซำ�้ ได้รอ้ ยละ 11.8 และลดอตั ราตายไดร้ อ้ ยละ 9.2 นอกจากนั้นยงั มี carry over
effect คือผลในการลดการกลับเป็นซ้�ำยังคงอยู่และเพ่ิมขึ้นหลังจากหยุดยาไปแล้ว ดังน้ัน tamoxifen 5 ป ี
จึงถือว่าเป็นการรักษามาตรฐานที่สามารถพิจารณาให้ได้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ นอกจากลดอัตราการกลับเป็นซ้�ำ
และเสยี ชวี ติ จากมะเรง็ เตา้ นมแลว้  tamoxifen ยงั ลดอบุ ตั กิ ารณข์ องการเกดิ มะเรง็ เตา้ นมอกี ขา้ ง (contralateral
breast cancer) ไดอ้ ย่างมนี ยั ส�ำคัญอกี ด้วย(89)

ส�ำหรับผลข้างเคียงที่เพ่ิมข้ึนจากการใช้ tamoxifen 5 ปี คือ เพ่ิมอุบัติการณ์ของการเกิด
thromboemlolic events และเพ่ิมอุบัติการณ์ของมะเร็งมดลูก ท�ำให้ผู้ป่วยบางรายอาจไม่เหมาะสมที่จะใช้ยา
ตวั นี้ โดยเฉพาะในผปู้ ว่ ยทม่ี ปี ระวตั ิการเกดิ ลม่ิ เลอื ดอดุ ตนั หรือมีประวตั เิ สีย่ งตอ่ การเป็นมะเร็งมดลูกเปน็ ต้น

ลา่ สดุ จากขอ้ มูล ATLAS study พบว่าการใช้ tamoxifen ต่ออกี 5 ปี รวมเปน็ 10 ปี เทียบกับ
tamoxifen 5 ป ี ในผปู้ ว่ ยมะเรง็ เตา้ นมกลมุ่ ทม่ี  ี estrogen receptor เปน็ บวก และผปู้ ว่ ยทยี่ งั ไมห่ มดประจำ� เดอื น
พบว่าสามารถลดอัตราการกลับเป็นซ้�ำ (p=0.002) อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม (p=0.01) และ
อัตราการเสียชีวิตโดยรวม (p=0.01) อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ซ่ึงอุบัติการณ์การที่ลดลงดังกล่าวจะพบมากใน
ชว่ งหลังจาก 10 ปี ภายหลงั จากท่ีได้รบั tamoxifen มากกวา่ ช่วง 5-9 ปี ค่า recurrence rate ratio (RR)
เท่ากับ 0•90 ในช่วงปีที่ 5-9 และ RR เท่ากับ 0•75 ในช่วงหลังจากปีท่ี 9 ต่อมาส�ำหรับผลข้างเคียงท่ีมี
อบุ ตั กิ ารณเ์ พมิ่ ขน้ึ ในผปู้ ว่ ยทย่ี งั ไมห่ มดประจำ� เดอื นจากการได้ tamoxifen 10 ปี ไดแ้ ก ่ pulmonary embolism
และ มะเรง็ มดลกู ซ่งึ อุบัตกิ ารณก์ ารเกดิ มากกว่ากลุม่ ที่ได้ tamoxifen 5 ปี อย่างมนี ยั สำ� คัญทางสถิต(ิ 90)

2. OFS (Ovarian Function Suppression)
ข้อมูลจาก EBCTCG พบว่าการท�ำ OFS ไม่ว่าจะเป็น surgery, radiotherapy หรือใช้ยา
กล่มุ LHRH inhibitors ในผปู้ ่วยท่ีเป็น hormonal responsive breast cancer สามารถลดการกลับเป็นซ�้ำ
และการเสยี ชวี ิตท่ี 15 ปีไดอ้ ย่างมีนัยส�ำคัญเทยี บกบั กลมุ่ ที่ไม่ได้ทำ� โดยลดการกลบั เป็นซำ�้ ได้ร้อยละ 4.2 และ
ลดการเสยี ชวี ติ ได้ร้อยละ 2.7 แตจ่ ากการศกึ ษา SOFT ในผปู้ ่วยทเ่ี ป็น hormonal positive breast cancer
และผู้ป่วยท่ียังไม่หมดประจ�ำเดือน เม่ือติดตามผลการศึกษาจนถึง 67 เดือนพบว่า OFS ด้วยการผ่าตัด การ
ฉายแสงหรือการใชย้ า GnRH agonist ร่วมกบั tamoxifen หรือ AIs เทยี บกบั tamoxifen อยา่ งเดยี วเปน็
ระยะเวลา 5 ปี ถงึ แม้ว่าจะไม่สามารถลดอตั ราการกลับเปน็ ซำ้� อัตราการเสียชวี ติ จากมะเรง็ เตา้ นมและอัตราการ

67แนวทางการตรวจคัดกรองวนิ จิ ฉยั และรักษาโรคมะเรง็ เตา้ นม

เสียชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งเตา้ นมระยะแรกทั้งหมด แต่ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการกลับเป็นซ�้ำ เช่น กลุ่มผู้ป่วยท่ี
ได้รบั การรักษาเสรมิ ดว้ ยยาเคมีบ�ำบัด และผ้ทู ีอ่ ายนุ อ้ ยกว่า 35 ปี มอี ตั ราการกลบั เปน็ ซ�้ำ อตั ราการเสยี ชวี ิตจาก
มะเร็งเต้านมและอัตราการเสียชีวิตท่ีลดลง ในกลุ่มท่ีได้ยา OFS ร่วมกับ AIs อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิต ิ
(SOFT study+combine study) ส�ำหรบั ผลข้างเคียง พบว่า OFS รว่ มกับ tamoxifen หรือ AIs มรี ายงาน
อาการของ Hot flushes, sweating, decreased libido, vaginal dryness, insomnia, depression,
musculoskeletal symptoms, hypertension, and glucose intolerance (diabetes) ท่ีมากกว่าการใช้ยา
tamoxifen อยา่ งเดยี ว(91)

3. GnRH analog ร่วมกับ tamoxifen
ขอ้ มลู จากการศกึ ษาระยะท่ี 3 (SOFT) ในผปู้ ว่ ยมะเรง็ เตา้ นมกลมุ่ ทมี่ ี estrogen receptor เปน็ บวก
เมือ่ ตดิ ตามผลการศกึ ษาจนถึง 67 เดอื นแสดงใหเ้ ห็นว่าการเพมิ่ GnRH analog เข้าไปกบั tamoxifen จะให้
ประสทิ ธภิ าพดีกวา่ ในเร่ืองของ 5 years disease-free survival เทียบกบั การใช้ tamoxifen เพยี งอย่างเดยี ว
ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเส่ียงในการกลับเป็นซ้�ำสูง แต่ไม่เห็นความแตกต่างกันระหว่างการรักษาท้ังสองวิธีในกลุ่ม
ผ้ปู ว่ ยมะเรง็ เต้านมท้งั หมดโดยระยะเวลาการรกั ษา ท้งั หมด คือ 5 ป ี

4. GnRH analog ร่วมกับ AIs(92)
ไม่แนะน�ำให้ใช้ส�ำหรับผู้ป่วยวัยก่อนหมดประจ�ำเดือนเนื่องจากการศึกษา ABCSG-12 พบว่า
กลุ่มผปู้ ่วยที่ใช้ GnRH analog รว่ มกับ AIs ไม่ได้ใหผ้ ลท่ดี ีกวา่ การใชเ้ พยี ง GnRH analog กับ tamoxifen
แต่ล่าสุดข้อมูลจากการศึกษาร่วมสองการศึกษา SOFT และ TEXT ในผู้ป่วยที่เป็น hormonal positive
breast cancer และผู้ป่วยท่ียังไม่หมดประจ�ำเดือน เม่ือติดตามผลการศึกษาจนถึง 68 เดือนแสดงให้เห็นว่า
การเพิ่ม GnRH analog เข้าไปกับ AIs จะให้ประสิทธิภาพดีกว่าการรักษาด้วย GnRH analog ร่วมกับ
tamoxifen สามารถเพ่ิม 5-years DFS 91.1% เทยี บกบั 87.3% ตามลำ� ดบั (HR 0.72, p<0.001) แต่ไมพ่ บ
ความแตกตา่ งกันในเรือ่ ง OS ระหวา่ งสองกลมุ่ (92) การศกึ ษาน้ีไม่ไดเ้ ปรยี บเทียบกับ tamoxifen อย่างเดยี ว(93)

5. AIs
มีข้อบ่งชี้เฉพาะผู้ป่วย postmenopausal women เท่าน้ัน มี 3 วิธีในการใช้ adjuvant AIs
ดังตอ่ ไปน้ี
• AIs 5 ปี (ทดแทน tamoxifen) มีการศกึ ษา 2 การศึกษาคอื ATAC study(94)เปรียบเทียบการ
ใช้ anastrozole 5 ปกี ับกลมุ่ ท่ีใช้ tamoxifen 5 ปี เมอื่ ติดตามผลการศกึ ษาจนถงึ ที่ 100 เดือน พบวา่ กลุม่ ท่ีใช้
anastrozole 5 ปี มี DFS ดกี ว่ากลุม่ ที่ใช้ tamoxifen 5 ปี ร้อยละ 4.8 และมี HR = 0.76 ซ่ึงดกี วา่ อย่าง
มีนัยส�ำคัญทางสถิติ และนอกจากน้ันกลุ่มที่ได้ anastrozole 5 ปี ยังลดอัตราการเกิด contralateral breast

68 แนวทางการตรวจคดั กรองวินจิ ฉัย และรักษาโรคมะเรง็ เตา้ นม

cancer ไดอ้ ย่างมนี ัยสำ� คัญโดยมี HR = 0.68 แต่ไมม่ ีความแตกต่างในแง่ของ overall survival การศกึ ษา
ทส่ี องคอื BIG 1-98(95) ในการศกึ ษานี้มกี ลมุ่ ที่ใช้ tamoxifen 5 ปเี ป็นกลุ่มควบคมุ และมกี ลุม่ ที่ใช้ letrozole
5 ปี พบวา่ เมื่อติดตามการศกึ ษาท่ี 76 เดือน กลมุ่ ที่ไดร้ ับ letrozole 5 ปมี ี DFS ดกี วา่ อย่างมีนัยส�ำคญั ทางสถติ ิ
เชน่ เดียวกัน โดยมี HR = 0.88 แต่ไม่มคี วามแตกต่างในแง่ของ overall survival เชน่ เดยี วกัน ขอ้ มลู ลา่ สุด
เม่ือติดตามนาน 8.7 ปี พบว่า กลุ่มท่ีได้รับ letrozole 5 ปี มี DFS และ overall survival ดีกว่าอย่างม ี
นยั ส�ำคญั ทางสถติ  ิ โดยมี HR = 0.82 และ HR = 0.79 ตามล�ำดับ(96)

• Sequential treatment วธิ นี ค้ี อื ให้ยาตัวใดตวั หนงึ่ กอ่ นในชว่ ง 2-3 ปีแรกแลว้ สลับมาเป็นยา
อกี ชนดิ หนึง่ จนครบ 5 ปี มีสองวิธียอ่ ยคอื

- Tamoxifen 2-3 ปี จากน้นั สลับมาเป็น AIs อกี 2-3 ปีจนครบ 5 ปี
การศึกษาส�ำคัญที่เปรียบเทียบการใช้ลักษณะนี้เทียบกับการใช้ AIs ตลอด 5 ปีที่เร่ิมสุ่มผู้ป่วย
ต้งั แตต่ อนเริ่มตน้ คอื BIG 1-98 study โดยการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ของ STA (sequential treatment analysis)
ที่มีการตดิ ตามผ้ปู ่วย 71 เดือน พบว่าไมม่ คี วามแตกต่างกนั อย่างมนี ัยสำ� คญั ทางสถติ เิ ทยี บกบั การใช้ letrozole
5 ปี โดยมี HR for DFS, OS and TTDR ที่ 1.05, 1.13 และ 1.22 อย่างไรกต็ ามเมือ่ วเิ คราะห์จ�ำแนกผูป้ ่วย
เป็นกลุ่มท่ีมีหรือไม่มีการกระจายไปยังต่อมน�้ำเหลือง พบว่าถ้าเป็นผู้ป่วยท่ีไม่มีการกระจายไปยังต่อมน�้ำเหลือง
อัตราการกลับเป็นซ้�ำไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่มีการกระจายไปยังต่อมน�้ำเหลือง อัตรา
การกลบั เป็นซ�ำ้ ท่ี 2 ปแี รก 4.7% เทียบกบั 7.9% และท่ี 5 ปอี ยทู่ ี่ 12.4% และ 14.7% ซงึ่ สูงกวา่ ในกล่มุ ที่
ไดร้ บั  tamoxifen กอ่ นเทยี บกบั การไดร้ บั  letrozole ทง้ั  5 ป ี ขอ้ มลู ลา่ สดุ เมอ่ื ตดิ ตามนาน 8.0 ป ี พบวา่  DFS
และ OS ในผู้ป่วยทั้งสามกลุ่มคอื กลุ่มที่ได้ letrozole 5 ปี, กลมุ่ ที่ได้ letrozole กอ่ นและกล่มุ ท่ีได้ tamoxifen
กอ่ นไมม่ คี วามแตกต่างกันทางสถติ ิ (78.6% vs 77.8% vs 77.3% ส�ำหรับ DFS และ 87.5% vs 87.7%
vs 85.9% ส�ำหรับ OS) อย่างไรก็ตามมีอีกหนึ่งการศึกษาที่เปรียบเทียบในลักษณะนี้คือ TEAM study(97)
ซึ่งเปรยี บเทยี บผูป้ ่วยที่ไดร้ ับ exemestane ซึ่งเป็น steroidal AI ตลอด 5 ปกี บั อีกกลุ่มที่ได้รบั tamoxifen
ก่อน ผลการศึกษาที่ 5 ปีพบว่าไม่มีความแตกต่างกันในแง่ของ DFS โดยมี HR = 0.97 และ overall
survival โดยมี HR = 1.0
- AIs กอ่ น 2-3 ปีจากนั้นกลบั มาเปน็ tamoxifen จนครบ 5 ปี
มเี พียงการศกึ ษาเดยี วที่ศกึ ษาถงึ วิธีนีค้ ือ BIG 1-98 study พบวา่ เมอื่ เทียบกับการให้ letrozole
ตลอด 5 ปี การใช้ letrozole กอ่ น 2 ปแี ล้วกลบั มาเป็น tamoxifen จนครบ 5 ปี ไมม่ ีความแตกต่างกนั ในแง่
ของ DFS, OS และ TTDR และเมื่อดอู ัตราการกลับเป็นซ้ำ� ทั้งท่ี 2 และ 5 ปี ทงั้ ในผู้ปว่ ยกลมุ่ ทมี่ ีหรือไมม่ ีการ
แพร่กระจายมายังต่อมน�้ำเหลืองก็ไม่พบความแตกต่างเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามเป็นเพียงการศึกษาเดียว
เทา่ น้ันท่ตี อบค�ำถามนี้
• Extended AIs คือให้ยา tamoxifen 5 ปี และถ้าผู้ป่วยยังไม่มีการกลับเป็นซ�้ำและอยู่ในวัย
หมดประจ�ำเดอื นก็ให้ยา AIs ต่ออีก 5 ปี รวมระยะเวลาการใหย้ าท้ังหมด 10 ปี

69แนวทางการตรวจคัดกรองวินจิ ฉัย และรักษาโรคมะเรง็ เตา้ นม

การศึกษาส�ำคัญคือ MA 17(98) เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ได้รับ tamoxifen 5 ปีซึ่งถือว่าเป็น
กลุ่มควบคุมกับกลุ่มศึกษาคือได้รับยา tamoxifen 5 ปีแล้วตามด้วย letrozole อีก 5 ปี ผลการศึกษาพบว่า
กลุ่มที่ได้รับ letrozole ต่อมี DFS ท่ีดีกว่าอย่างมีนัยส�ำคัญ HR = 0.58 และในผู้ป่วยท่ีมีการกระจายไปยัง
ต่อมนำ�้ เหลอื งมี OS ดกี วา่ อย่างมีนยั สำ� คัญทางสถติ ิเช่นเดียวกันโดยมี HR = 0.61

Appendix 3 รายละเอียดของ adjuvant chemotherapy
Adjuvant chemotherapy สามารถลดการกลับเป็นซ้�ำและการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยส�ำคัญ

เทยี บกับการไม่ให้ตามข้อมลู ของ EBCTCG(99) โดยมีประโยชนม์ ากในผู้ปว่ ยอายุน้อยกวา่ 50 ปีเทยี บกับกลุ่มที่
อายุ 50-69 ป ี และมขี อ้ มูลน้อยเก่ียวกบั การใหเ้ คมีบ�ำบดั ในผูป้ ่วยสงู อาย ุ โดยในกลุ่มอายุน้อยกว่า 50 ปกี ารให้
เคมีบ�ำบัดที่เป็น polychemotherapy สามารถลดการกลับเป็นซ้�ำและลดการเสียชีวิตได้ร้อยละ 12.3 และ 10
ท่ี 15 ป ี ในขณะทีล่ ดการกลบั เป็นซ�ำ้ และเสียชวี ติ ได้รอ้ ยละ 4.1 และ 3 ในผู้ป่วยอายุ 50-69 ปี แตป่ ระโยชน์น้ี
จะได้มากข้นึ ในกรณที เ่ี ปน็ ผูป้ ว่ ยที่ไม่ติดหรือตดิ ตัวรบั ทางฮอร์โมนนอ้ ย (ER poor disease) ซ่ึงการใชเ้ คมบี �ำบัด
ลดอัตราการกลับเป็นซ�้ำและเสยี ชวี ิตได้เพ่มิ ข้ึนเป็นรอ้ ยละ 9.6 และ 4.9 ตามล�ำดบั  ในผปู้ ว่ ยอายุ 50-69 ปี

ล่าสดุ มขี อ้ มูล meta-analysis ของการใช้ adjuvant polychemotherapy ในผู้ป่วย ER poor
breast cancer พบว่าการใช้ยาเคมซี ่ึงเปน็ non-taxane chemotherapy 6 รอบการรกั ษา สามารถลดการกลับ
เป็นซ�้ำ ลดอัตราตายจากทั้งมะเร็งเต้านมและอัตราตายจากสาเหตุอ่ืนได้อย่างมีนัยส�ำคัญเทียบกับการไม่ได้ให้
โดยประโยชน์ท่ีได้น้ันได้ท้ังกลุ่มผู้ป่วยท่ีอายน้อยกว่า 50 ปี และกลุ่มผู้ป่วยที่อายุ 50-69 ปี แต่มีข้อมูลน้อย
ส�ำหรับผู้ป่วยท่ีอายุมากกว่า 70 ปี โดยในกลุ่มผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 50 ปี adjuvant polychemotherapy
ลดการกลับเป็นซ�้ำที่ 10 ปี ได้ร้อยละ 12 และลดการเสียชีวิตได้ร้อยละ 8 ส่วนในกลุ่มผู้ป่วยอายุ 50-69 ป ี
adjuvant polychemotherapy ลดการกลบั เปน็ ซำ�้ และเสยี ชวี ติ ได้ร้อยละ 10 และ 6 ตามล�ำดับ

ยา CMF x 6 รอบน้ันมีขอ้ มลู ชดั เจนวา่ ลดการกลบั เปน็ ซำ�้ ได้ดีกวา่ การไม่ใหเ้ คมหี ลงั ผ่าตัดอย่าง
มีนยั สำ� คญั (96) สว่ นสูตรยาเคมีบำ� บัดทม่ี ี anthracyclines เป็นสว่ นประกอบ ถ้าใช้ doxorubicin คือการใชส้ ตู ร
CEF x 6 รอบนัน้ ดกี วา่ CMF x 6 รอบ(100) ส�ำหรบั สูตรยาทนี่ ยิ มใชเ้ น่ืองจากมี anthracyclines เป็นส่วน
ประกอบและให้งา่ ยกว่า CEF นนั้ คือ FAC แตอ่ ย่างไรกต็ าม ไมม่ ขี ้อมลู เปรยี บเทียบโดยตรงวา่ ประสิทธิภาพ
เท่ากันหรอื ไม่

ขอ้ มูลของยากลมุ่ ใหมท่ ีม่ ี taxanes เปน็ ส่วนประกอบ ส่วนใหญ่ของการศึกษาท�ำในผปู้ ว่ ยทม่ี ีระยะ
ของโรคลุกลามคือกลุ่มผู้ป่วยที่มีการกระจายไปยังต่อมน�้ำเหลือง นอกจากนั้นข้อมูลของการใช้ paclitaxel
เป็นส่วนหน่ึงในการรักษาพบว่าเม่ือมีการรวบรวมข้อมูลจาก 2 การศึกษาพบว่ากลุ่มผู้ป่วยที่เน้ืองอกติดตัวรับ
ทางฮอร์โมน (ER positive) และไม่ตดิ ตวั รับ HER 2 (HER2 negative) ไม่ไดป้ ระโยชน์จากการเพ่มิ ยา
paclitaxel เขา้ ไป(101,102) มขี อ้ มลู ลา่ สดุ ทเี่ ปน็ meta-analysis ของการใช้ docetaxel เปน็ สว่ นประกอบเทยี บกบั
เคมบี �ำบดั สูตรที่ไม่มี docetaxel เปน็ สว่ นประกอบ มกี ารศึกษาท้งั หมด 12 การศึกษา(103) ผู้ปว่ ย 20,468 ราย

70 แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ ิจฉยั และรกั ษาโรคมะเร็งเตา้ นม

มีท้ังการศึกษาท่ีท�ำเฉพาะในผู้ป่วยที่มีการกระจายไปยังต่อมน�้ำเหลืองและการศึกษาที่มีท้ังผู้ป่วยที่มีและไม่มี
การกระจายไปยงั ตอ่ มนำ�้ เหลือง พบว่าเคมบี �ำบดั ท่มี ี docetaxel เปน็ สว่ นประกอบน้นั เพมิ่ DFS และ OS ได้
อยา่ งมีนัยสำ� คญั HR ที่ 0.82 และ 0.82 ตามล�ำดบั ในแงข่ อง subgroup analysis พบวา่ ผูป้ ่วยไมว่ ่าจะเปน็
อายมุ ากกวา่ หรอื นอ้ ยกว่า 50 ปี ติดหรอื ไมต่ ดิ ตัวรับทางฮอร์โมน เปน็ กลมุ่ triple negative หรอื ไม่ใช่ triple
negative ติด HER2 หรือไม่ติด HER2 นั้นได้ประโยชน์ท้ัง DFS และ OS อย่างมีนัยส�ำคัญไม่แตกต่างกัน
แต่ในแงข่ องการมหี รอื ไมม่ ตี อ่ มนำ�้ เหลอื งพบวา่ ประโยชนท์ ่ีไดใ้ นแงข่ อง OS นนั้  มคี วามแตกตา่ งอยา่ งมนี ยั สำ� คญั
เฉพาะในผปู้ ่วยทม่ี ีการกระจายไปยงั ตอ่ มนำ้� เหลอื งทรี่ กั แรเ้ ท่านัน้

Appendix 4 สตู รยาเคมีบ�ำบดั มาตรฐานท่ีแนะน�ำให้ใช้
1. classical CMF x 6 cycles(104)
oralcyclophosphamide 100 mg/m2 D1-D14
Methotrexate 40 mg/m2 D1, D8
5-FU 600 mg/m2 D1,D8 ทกุ 28 วัน 6 รอบ
2. AC x 4(105)
Doxorubicin 60 mg/m2 D1
Cyclophosphamide 600 mg/m2 D1 ทุก 21 วัน 4 รอบ
3. FAC x 6
5-FU 500 mg/m2 D1
Doxorubicin 50 mg/m2 D1
Cyclophosphamide 500 mg/m2 D1 ทกุ 21 วนั 6 รอบ
4. FE(100)C x 6(106)
5-FU 500 mg/m2 D1
Epirubicin 100 mg/m2 D1
Cyclophosphamide 500 mg/m2 D1 ทุก 21 วัน 6 รอบ
5. AC x 4 then weekly T x 12(107)
AC x 4 ตามขนาดและระยะเวลาท่ีไดก้ ลา่ วในขอ้  2 จากนน้ั ตามดว้ ย
Paclitaxel 80 mg/m2 D1 ทุกสปั ดาห ์ 12 รอบ
6. AC x 4 then D x 4(107)
AC x 4 ตามขนาดและระยะเวลาท่ีไดก้ ลา่ วถงึ ในขอ้ 2 จากนน้ั ตามดว้ ย
Docetaxel 100 mg/m2 D1 ทุก 21 วัน 4 รอบ

71แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉยั และรักษาโรคมะเร็งเตา้ นม

7. FEC x 3 then D x 3(108) 3 รอบ
FEC ประกอบดว้ ย 3 รอบ
5-FU 500 mg/m2 D1
Epirubicin 100 mg/m2 D1 4 รอบ
Cyclophosphamide 500 mg/m2 D1 ทกุ 21 วัน
D ประกอบดว้ ย
Docetaxel 100 mg/m2 D1 ทกุ 21 วนั
8. TC x 4(109)
Docetaxel 75 mg/m2 D1
Cyclophosphamide 600 mg/m2 D1 ทุก 21 วนั

Appendix 5 รายละเอียดของ Adjuvant Trastuzumab

ในปจั จุบันมีการศึกษาใหญ่ 5 การศกึ ษาเปรียบเทยี บการใช้ trastuzumab เปน็ การรักษาเสรมิ ใน
ผปู้ ว่ ยมะเรง็ ระยะเรม่ิ ตน้ ทม่ี ี HER2 เปน็ ผลบวก และทกุ การศกึ ษามรี ายงานเบอื้ งตน้ แลว้ วา่ การใช้ trastuzumab
นัน้ มปี ระโยชนจ์ รงิ ในดา้ นลดการเปน็ ซ้�ำ และการลดอตั ราการเสียชวี ิต รายละเอยี ดมดี ังตอ่ ไปนี้

1. การรวมขอ้ มลู ของ 2 การศึกษาเข้าดว้ ยกนั ได้แก่ NSABP B-31 และ NCCTG N9831(110)
จากการติดตามผลการรักษาโดยเฉลี่ย 2.9 ปี พบว่ากลุ่มที่ได้เคมีบ�ำบัดและ trastuzumab เป็นเวลา 1 ป ี
ม ี 4-year disease-free survival ดกี วา่ กลมุ่ ท่ีได้เคมบี ำ� บดั อย่างเดยี วอยา่ งมนี ยั ส�ำคัญทางสถิติ (85.9% กับ
73.1% ตามล�ำดับ) และได้ประโยชน์ในแง่ลดอัตราการเสียชีวิตอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติเช่นเดียวกัน (92.6%
กับ 89.4%) และประโยชน์ที่ได้ไมข่ ึน้ กบั อาย ุ การแสดงออกของ hormonal receptor และการกระจายหรือ
ไม่กระจายไปยังต่อมน้ำ� เหลือง

2. การศึกษาของ HERA(111) รายงานล่าสุดจากการติดตามผลการรักษาโดยเฉลี่ย 2 ปี พบว่า
กลุม่ ท่ีไดเ้ คมบี ำ� บดั แล้วตามดว้ ย trastuzumab เปน็ เวลา 1 ป ี มี 3-year disease-free survival ดกี วา่ กลุ่ม
ที่ได้เคมีบ�ำบัดเพียงอย่างเดียว อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ (80.6% กับ 74.3% ตามล�ำดับ) และมี 3-year
overall survival ดกี วา่ กลมุ่ ท่ีได้รับเคมบี ำ� บัดเพียงอยา่ งเดยี วอยา่ งมนี ยั ส�ำคัญทางสถิติ (92.4% กับ 89.7%
ตามลำ� ดับ)

3. การศกึ ษา BCIRG 006(112) พบวา่ กลมุ่ ที่ได้ trastuzumab เปน็ การรกั ษาเสรมิ  ไมว่ า่ จะใชร้ ว่ มกบั
สูตรยาที่มีหรือไม่มี anthracyclines เป็นส่วนประกอบ รายงานหลังติดตามผลการรักษา 36 เดือน พบว่า
กลุ่มที่ได้ trastuzumab มี DFS และ OS ท่ีดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยาอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ (absolute
benefit 5-6%)

72 แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉยั และรกั ษาโรคมะเรง็ เตา้ นม

เน่ืองจากการใช้ Trastuzumab มีผลข้างเคียงที่ส�ำคัญ คือ ภาวะหัวใจล้มเหลว จึงต้องมีการเฝ้า
ติดตามการท�ำงานของหัวใจเป็นระยะในระหว่างการรักษา จากการวิเคราะห์ผลร่วมของการศึกษา NSABP
B31(113) และ NCCTG 9831(114) พบวา่ ในกลมุ่ ที่ได้ Trastuzumab พรอ้ มกบั paclitaxel มภี าวะหวั ใจลม้ เหลว
51 ราย ในขณะท่ีมีเพียง 5 ราย ในกลุ่มควบคุม ในการศึกษา HERA พบภาวะหัวใจล้มเหลว 9 ราย จาก
1,677 ราย ท่ีได้ Trastuzumab ตามหลังเคมีบ�ำบัด และไม่พบภาวะน้ีในกลุ่มควบคุม อุบัติการณ์ของภาวะ
หัวใจลม้ เหลวใน HERA น้อยกว่า NSABP B31 และ NCCTG 9831 อาจเป็นเพราะการให้ Trastuzumab
ตามหลังเคมีบ�ำบัด มิได้ให้พร้อมกัน และผู้ป่วยที่เข้าร่วมต้องมี LVEF มากกว่า 55% แทนท่ีจะเป็น 50%
ในการศกึ ษาอืน่

โดยสรุปการใช้ trastuzumab เป็นการรักษาเสริมในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแรกท่ีมี HER2
positive พบว่ายังคงให้ระยะเวลารอดชีวิตโดยปราศจากโรคและระยะเวลารอดชีวติดีข้ึนอย่างมีนัยส�ำคัญทาง
สถิติ แต่อย่างไรก็ตามยังมีบางจุดท่ียังไม่มีค�ำตอบท่ีชัดเจน เช่นระยะเวลาท่ีเหมาะสมในการให้ trastuzumab
ระหว่าง 1 หรือ 2 ปี หรอื ระยะสั้นกวา่ น้ี การให้ยา trastuzumab ร่วมกบั ยากลุม่ taxanes หรือใช้หลงั จากรกั ษา
ดว้ ยเคมบี ำ� บัดจบสิ้นแลว้ นอกจากน้นั การรักษาดว้ ย trastuzumab มผี ลขา้ งเคียงตอ่ หัวใจเพิม่ มากขึน้

Appendix 6 สตู รยาเคมีบ�ำบัดร่วมกับ trastuzumab ทแี่ นะน�ำใหใ้ ช้

1. Sequential approach
เร่ิมต้นด้วยการรักษาเสริมด้วยยาเคมีบ�ำบัดสูตรใดก็ ได้จนจบ จากน้ันตามด้วย trastuzumab
ตัวเดียวจนครบ 1 ปี Trastuzumab สัปดาห์แรก 8 mg/kg จากนัน้ ให้ 6 mg/kg ทกุ 3 สปั ดาห์ จนครบ 1 ปี
2. Concurrent approach

• AC x 4 cycles (ตามขอ้  2 ใน appendix 4) จากนนั้ ตามดว้ ย taxane รว่ มกบั  trastuzumab
โดยมวี ิธีให ้ 2 วิธดี ังนี้
- paclitaxel สามารถให้ได้ทั้งรูปแบบ weekly ทุกสัปดาห์ จ�ำนวน 12 รอบหรือทุก 3

สัปดาห์ จ�ำนวน 4 รอบ (ดังรายละเอียดข้อ 3 ใน appendix 4) โดยให้ trastuzumab
แบบทุกสัปดาห์ ในช่วงที่ให้ taxanesคือ 4 mg/kg สัปดาห์แรก ตามด้วย 2 mg/kg
ทกุ สัปดาห์จ�ำนวน 11 คร้งั จากนั้นให้ trastuzumab 6 mg/kg ทุก 3 สัปดาหจ์ นครบ 1 ปี
- docetaxelโดยให้แบบทุก 3 สัปดาห์ (ดังรายละเอียดข้อ 4 ใน appendix 4) และให้
trastuzumab เช่นเดยี วกับวิธกี ารให้ร่วมกบั  paclitaxel ขา้ งต้น
• Docetaxel plus carboplatin plus trastuzumab
- Docetaxel 75 mg/m2 ทกุ 3 สัปดาห์  จำ� นวน 6 รอบการรักษา
- Carboplatin AUC 6
- Trastuzumab 4 mg/kg สัปดาห์แรก จากน้ัน 2 mg/kg ทุกสัปดาห์อีก 11 สัปดาห ์
(ชว่ งที่ใหพ้ ร้อมกับเคมีบำ� บัด) จากนน้ั 6 mg/kg ทกุ สามสปั ดาหจ์ นครบ 1 ปี

73แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉัย และรกั ษาโรคมะเร็งเตา้ นม

แนวทางการรักษามะเรง็ เต้านมระยะแพร่กระจาย

การรักษามะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจาย ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในปัจจุบันจุดประสงค์
ของการรักษา เพื่อรักษาอาการท่ีเกิดจากมะเร็งท�ำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีข้ึนและมีชีวิตยืนยาวขึ้น ดังน้ันใน
การรกั ษาจงึ ต้องพิจารณาระหวา่ งประโยชนท์ ี่ได้รบั กบั ผลข้างเคยี งตลอดจนคา่ ใช้จ่ายของการรกั ษา

แนวทางการรักษาม ี 3 วิธ ี คอื  การให้ฮอร์โมน การใหย้ าเคมีบ�ำบดั  และการให้ anti-HER2 ไมม่ ี
การศึกษาแบบสุ่มตัวอย่างที่เปรียบเทียบระหว่างการให้ฮอร์โมนหรือเคมีบ�ำบัดกับกลุ่มที่รักษาเพียงตามอาการ
แตม่ ขี ้อมูลว่าผู้ป่วยทม่ี ีการตอบสนองต่อการรกั ษาด้วยยาเคมีบำ� บดั  จะมีชีวติ ยืนยาวกว่าผปู้ ว่ ยที่ไม่ตอบสนองตอ่
การรักษา(115)

การรักษามะเรง็ เตา้ นมระยะแพรก่ ระจายดว้ ยฮอร์โมน

1. ควรใช้ฮอร์โมนในการรกั ษาในกรณีท่ี
• มผี ล Estrogen receptor (ER) และ / หรอื Progesterone receptor (PR) เป็นผลบวก

และมะเร็งยังไม่แพร่กระจายไปอวัยวะภายใน ซ่ึงอาจท�ำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว
เช่น extensive liver metastasis หรอื pulmonary lymphangitic metastasis หรือ brain
metastasis เป็นต้น
• กรณีที่ไม่ทราบผล ER และ PR จะพจิ ารณาให้ฮอร์โมนเมอ่ื
- ระยะปลอดโรค (disease-free interval) นานเกิน 2 ปี
- ต�ำแหนง่ ของการแพรก่ ระจายไมท่ �ำใหผ้ ู้ปว่ ยเสียชวี ติ โดยรวดเรว็ เช่น ต่อมน้ำ� เหลือง เนื้อเย่ือ
อ่อน (soft tissue) ผิวหนัง กระดกู เย่อื หุ้มปอด เป็นตน้
- อายุมากกวา่ 50 ปี หรือ วยั หมดประจ�ำเดือน
- เคยตอบสนองต่อการรักษาด้วยฮอร์โมนมาก่อน

ระดับคำ� แนะน�ำ 2A
การตอบสนองต่อฮอร์โมนจะขึ้นอยู่กับผลของ ER และ/หรือPR(116) โดยผู้ป่วยท่ีมีทั้ง ER และ
PR เปน็ ผลบวก มีโอกาสตอบสนองต่อฮอร์โมนประมาณรอ้ ยละ 50-70 ในกรณที ี่ ER หรอื PR เปน็ ผลบวกมี
การตอบสนอง รอ้ ยละ 33 แต่ในกรณที ี่ ER และ PR เปน็ ผลลบ มกี ารตอบสนองเพียงรอ้ ยละ 5-10 เท่าน้ัน
การตอบสนองต่อฮอร์โมนทัง้ ในวยั เจริญพนั ธุ์และวยั หมดประจำ� เดือนอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกัน
2. การใช้ฮอรโ์ มนรกั ษา ควรให้ครงั้ ละชนดิ ไม่ควรให้หลายชนดิ พรอ้ มกนั

ระดับคำ� แนะนำ� 1

74 แนวทางการตรวจคัดกรองวนิ ิจฉยั และรักษาโรคมะเรง็ เต้านม

มีข้อมูลบ่งช้ีว่าการให้ฮอร์โมนหลายตัวพร้อมกันไม่ได้ท�ำให้มีชีวิตยืนยาวข้ึนเมื่อเทียบกับการให้
ฮอร์โมนตัวเดียว(117-123) ผู้ป่วยท่ีตอบสนองต่อฮอร์โมนตัวหน่ึงแล้วต่อมามีการด้ือยาเกิดข้ึนอาจตอบสนองต่อ
ฮอร์โมนตัวอืน่ (124)

3. ไมแ่ นะนำ� ให้ใช้ฮอร์โมนพรอ้ มกับเคมีบ�ำบดั ในการรกั ษามะเร็งเตา้ นมระยะแพร่กระจาย
ระดบั คำ� แนะน�ำ ระดบั  1

จากขอ้ มลู การศึกษาแบบ Randomized trials และ overview analysis พบว่าการใช้ฮอร์โมน
พร้อมกบั เคมีบ�ำบัด อาจมีการตอบสนองทเี่ พิม่ ขึน้ แต่ไมท่ �ำใหผ้ ้ปู ว่ ยมีชีวิตยนื ยาวข้ึนเม่ือเทียบกบั การใช้ฮอร์โมน
เพียงอยา่ งเดียว(117, 118, 125-130)

4. ในการใช้ฮอร์โมนแต่ละชนิดจะเปล่ียนแปลงชนิดใหม่ต่อเม่ือโรคลุกลามขึ้นเท่านั้นใน
กรณีทโ่ี รคยังคงขนาดเดิม (stable disease) สามารถใชฮ้ อรโ์ มนตวั เดมิ ต่อไปได้

ระดับคำ� แนะนำ�  ระดับ 1
มีการศึกษาพบว่าช่วงชีวิตของผู้ป่วยท่ีรักษาด้วยฮอร์โมนแต่โรคยังคงเดิมจะเท่ากับของผู้ป่วยที่มี
การตอบสนองบางสว่ น หรอื สมบูรณ (partial หรอื complete response)(131, 132)
5. ชนิดของฮอร์โมนท่ีใช้:ข้ึนอยู่กับว่าผู้ป่วยเป็นวัยก่อนหมดประจ�ำเดือน หรือวัยหลังหมด
ประจ�ำเดอื น

5.1 ผู้ป่วยวัยก่อนหมดประจ�ำเดือน(ตามค�ำจ�ำกัดความของการหมดประจ�ำเดือนในแนวทาง
ของผ้ปู ่วยระยะแรก)

• ฮอร์โมนตัวแรกท่คี วรใช ้ Tamoxifen หรอื ovarian ablation
ระดับคำ� แนะน�ำ ระดับ 1

ในอดตี แนะน�ำใหท้ �ำ ovarian ablation (bilateral oophorectomy) เป็นการรกั ษาหลกั  พบว่า
มีการตอบสนองอยู่ในช่วงร้อยละ 15-56 และมีการตอบสนองโดยเฉลี่ย 9-15 เดือน(133) การท�ำ bilateral 
oophorectomy อาจใชว้ ธิ ผี า่ ตดั  ฉายแสง หรอื ใหย้ ากลมุ่  LHRH agonist เชน่  leuprolide หรอื  goserelin(134)
ในระยะหลังนิยมให้ Tamoxifen เป็นการรักษาหลักมากขึ้น เน่ืองจากมีรายงานว่ามีประสิทธิภาพเท่ากับการท�ำ
bilateral oophorectomy(135, 136)

จะพิจารณาใช้ tamoxifen ในกรณีท่ีผู้ป่วยไม่เคยได้ tamoxifen มาก่อนหรือเคยได้ tamoxifen
เป็นการรกั ษาเสริมภายหลงั ผา่ ตัดแล้วหยุดไปแล้วนานเกิน 1 ปีขนึ้ ไป

• ฮอร์โมนตวั ท่สี องที่ควรใชก้ รณที ี่โรคลกุ ลามมากขนึ้ หลงั จากที่มกี ารตอบสนองต่อฮอร์โมนตัวแรก
ระยะหน่งึ  คือ ovarian ablation หรือ tamoxifen หรือ progestin

ระดับค�ำแนะน�ำ ระดับ 2A

75แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ จิ ฉัย และรกั ษาโรคมะเรง็ เต้านม

กรณีที่ผู้ป่วยเคยใช้ tamoxifen เป็นตัวแรก อาจพิจารณาใช้ ovarian ablation หรือถ้าผู้ป่วย
เคยใช้ ovarian ablation เป็นตัวแรกก็พิจารณาให้ tamoxifen เป็นตัวท่ีสอง(137, 138) ในกรณีที่ผู้ป่วยปฎิเสธ
ovarian ablation อาจพิจารณาให้ progestin (megestrol acetate หรือ medroxyprogesterone acetate)

• ฮอร์โมนตัวที่สามท่ีควรใช้กรณีท่ีโรคลุกลามมากข้ึนหลังจากท่ีมีการตอบสนองต่อฮอร์โมนตัวที่
สองระยะหนง่ึ คือ progestin (megestrol acetate หรือ medroxyprogesterone acetate) หรอื  aromatase
inhibitors (AI)

ระดับคำ� แนะนำ�  2A
ในกรณีท่ีดื้อต่อฮอร์โมนตัวท่ีสองหลังจากตอบสนองระยะหนึ่ง อาจพิจารณาให้ progestin หรือ
อาจพจิ ารณาให ้ AI ไดใ้ นรายท่ีท�ำ Oophorectomy แล้ว(139)

5.2 ผู้ป่วยวัยหมดประจ�ำเดือน ได้แก่ ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ 1. ผู้ป่วยอายุ > 60ปี หรือ
2. ผู้ป่วยอายุ < 60 ปี และประจ�ำเดือนหมดไปตามธรรมชาติมากกว่า 1 ปี โดยผู้ป่วย
ต้องไม่ไดร้ ับเคมีบ�ำบัด GnRH analogue หรือ tamoxifen และระดับของ FSH และ
estradiol อยู่ในเกณฑว์ ัยหมดประจ�ำเดือน หรือ 3. เคยผา่ ตัดรงั ไขอ่ อกทั้งสองข้าง

• ฮอร์โมนตวั แรกท่ีควรใชค้ อื tamoxifen หรอื aromatase inhibitor
ระดับคำ� แนะน�ำ 1

Tamoxifen ได้รับการยอมรับว่า ควรใช้เป็นฮอร์โมนตัวแรกในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแพร่
กระจายในผู้ป่วยวัยหมดประจ�ำเดือน(140-142) ซ่ึงมีการตอบสนอง 50% และมีระยะเวลาของการตอบสนอง
12-15 เดอื น

มีรายงานการศกึ ษาของ AI (เช่น anastrozole, letrozole หรอื  exemestane) เปรียบเทียบกบั
tamoxifen โดยใช้เป็นฮอร์โมนตัวแรกในการรักษามะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจาย พบว่า AI มีประสิทธิภาพ
เทา่ กบั หรือดกี ว่า Tamoxifen เชน่ ในแง่ response rate และ time to progression แต่ไม่มีความแตกต่างกนั
ในแง่ของ overall survival(143-145) ข้อมูลจาก Cochranemeta-analysis พบว่ายากลุ่ม AIs ท�ำให้อัตราการ
รอดชีพดขี ้ึนเพยี งเล็กนอ้ ยเม่ือเทยี บกบั ยาอน่ื ( HR 0.9, 95% CI 84-97%)(146)

ส่วนยา fulvestrant มรี ายงานการศกึ ษาเปรยี บเทยี บยาน้ีในขนาดต่�ำ (250 มก.) กับ tamoxifen
เป็นฮอร์โมนตัวแรกในการรกั ษามะเร็งเตา้ นมระยะแพรก่ ระจาย พบวา่ มปี ระสทิ ธภิ าพ เท่ากับ tamoxifen ทงั้ ใน
แง่ของการควบคุมโรครวมถึงอัตราการรอดชีพ(147) ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาระยะ 3 เปรียบเทียบ fulvestrant
ในขนาดสูง (500 มก. ทุกสัปดาห์ในเดือนแรก) กับ AI หรือ tamoxifen ในการรักษาเป็นยาขนานแรก
การศึกษาระยะ 2 (FIRST study) พบว่าการใช้ fulvestrant ในขนาดสูง ให้การตอบสนองต่อการรักษา
ไมต่ า่ งจาก tamoxifen ถงึ แมว้ า่ time to progression จะดกี วา่ กต็ าม และไมม่ ขี อ้ มลู การรอดชวี ติ (148) นอกจากนี้
ยายังมีราคาสูงกว่า tamoxifen มาก รวมท้ังเป็นยาที่ต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อซ่ึงอาจก่อให้เกิดความไม่สะดวกต่อ
ผูป้ ่วยจึงไม่แนะน�ำให้ใชย้ านีเ้ ป็นยาขนานแรก

76 แนวทางการตรวจคัดกรองวนิ ิจฉยั และรกั ษาโรคมะเรง็ เตา้ นม

ดังนัน้ จงึ แนะน�ำใหใ้ ช้ tamoxifen เปน็ ฮอร์โมนตัวแรก และอาจพจิ ารณาใช้ AI ในกรณีทผ่ี ูป้ ว่ ย
มีข้อห้ามในการใช้ tamoxifen เชน่ มปี ญั หา thromboembolism (deep vein thrombosis) เป็นตน้

• ฮอร์โมนตัวท่ีสองที่ควรใช้ กรณีท่ีโรคลุกลามมากข้ึนหลังจากท่ีมีการตอบสนองต่อฮอร์โมน
ตัวแรก (tamoxifen) ระยะหน่ึง คือ aromatase inhibitor หรือ progestin (megestrol acetate หรือ
medroxyprogesterone acetate) หากใช้ AIs เป็นยาตวั แรกให้ใช้ tamoxifen เปน็ ยาขนานทสี่ อง

ระดับคำ� แนะนำ�  2A

ในกรณีที่ใช้ tamoxifen เป็นฮอร์โมนตัวแรก แนะน�ำให้ใช้ AI เป็นฮอร์โมนตัวท่ีสองหลังจากที่
โรคลุกลาม แต่อาจพิจารณาใช้ progestin ได้ในกรณีท่ีผู้ป่วยผอมหรือมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย progestin
ท�ำให้ผู้ป่วยอยากอาหารและน้�ำหนักเพ่ิมขึ้น การศึกษาเปรียบเทียบระหว่าง aromatase inhibitor (เช่น
anastrozole, letrozoleหรอื exemestane) กับ progestin ในผู้ป่วยท่ีโรคลุกลามหลงั ให้ tamoxifen พบว่า
AI มีประสิทธิภาพในแง่การตอบสนองหรือผลต่อช่วงชีวิตดีกว่าหรือเท่ากับ Progestin แต่มีผลข้างเคียง
นอ้ ยกว่า โดยเฉพาะเรื่องนำ�้ หนกั ตัวทีเ่ พ่ิมขึน้ (149-151) สว่ นในกรณที ่ีใช้ AI เปน็ ฮอร์โมนตัวแรก อาจพิจารณาใช้
tamoxifen เปน็ ฮอร์โมนตวั ทส่ี อง สำ� หรบั  fulvestrant ในขนาดตำ�่ (250 มก.) นนั้ มกี ารศกึ ษาเปรยี บเทยี บกบั
anastrozole ในผู้ป่วยที่โรคลุกลามหลัง tamoxifen และพบว่ายา fulvestrantให้ผลเทียบเท่า anastrozole
ทงั้ ในแงข่ องการควบคมุ โรครวมถงึ อตั ราการรอดชพี (152, 153) แตห่ ากให ้ fulvestrant ในขนาดสงู  เทยี บกบั ขนาดตำ่�
(CONFIRM study) ในผปู้ ว่ ยทเ่ี คยได ้ antiestrogen หรอื  AI มากอ่ น พบวา่ การใหใ้ นขนาดสงู  ใหผ้ ลการรกั ษา
ในแงก่ ารตอบสนองการควบคมุ โรค และการรอดชวี ติ ทด่ี ขี น้ึ อกี  4 เดอื น อยา่ งไรกต็ าม ยาน้ีโดยเฉพาะในขนาดสงู (154)
มีราคาสูงกว่า tamoxifen/AI มาก รวมท้ังเป็นยาท่ีต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่สะดวกต่อ
ผ้ปู ว่ ย จึงไม่แนะน�ำให้ใชย้ าน้ีในผูป้ ่วยท่ีโรคลกุ ลามหลงั tamoxifen

• ฮอร์โมนตัวท่ีสามที่ควรใช้กรณีท่ีโรคลุกลามมากข้ึนหลังจากท่ีมีการตอบสนองต่อฮอร์โมนตัวท่ี
สองระยะหนงึ่ คือ steroidalaromatase inhibitor (exemestane) หากยังไม่เคยไดย้ าน้ี หากเคยไดย้ าน้มี าแลว้
พจิ ารณาให้ fulvestrant หรอื progestin

ระดับค�ำแนะนำ�  2 A
ยาในกลมุ่  AI มที ง้ั ชนดิ ทเ่ี ปน็  steroidal AI ไดแ้ ก ่ exemestane และชนดิ ทเ่ี ปน็  non-steroidal AI
ได้แก่ anastrozole และ letrozole ซ่ึงพบว่าไม่ได้มี cross resistance อย่างสมบูรณ์ มีรายงานการใช ้
exemestane ในผู้ป่วยท่ีโรคลุกลามหลังให้ non-steroidal AI แล้วพบว่ามีการตอบสนอง(155) ดังนั้น ในกรณี
ท่เี คยได ้ non-steroidal AI เป็นฮอร์โมนตัวทส่ี องแล้วโรคลกุ ลาม แนะนำ� ใหใ้ ช้ exemestane
สำ� หรบั fulvestrantในขนาดต่�ำ (250 มก.) น้นั มกี ารศกึ ษาเปรยี บเทียบกบั  exemestane ใน
ผู้ป่วยท่ีโรคลุกลามหลัง non-steroidal AI พบว่าให้ผลเทียบเท่า exemestane(156) ส่วนการใช้ fulvestrant
ในขนาดสูงไม่มีการศึกษาที่เทียบกับ exemestane โดยตรงจึงเป็นการยากท่ีจะสรุปด้วยความม่ันใจว่าจะเหนือ

77แนวทางการตรวจคดั กรองวินิจฉยั และรักษาโรคมะเร็งเตา้ นม

กวา่ exemestane ดังนนั้ จงึ แนะน�ำให้ใช้ fulvestrant เฉพาะในกรณที เี่ คยได้ exemestane มากอ่ น ยาทเี่ ป็น
ทางเลือกอีกตัวในกรณีน้ีคือ progestin ถึงแม้จะมีข้อมูลสนับสนุนไม่ชัดเจน แต่เป็นยาท่ีมีการใช้แพร่หลายมา
นานในรายทดี่ ื้อต่อยาฮอร์โมนในอดตี

มีข้อมูลการศึกษาระยะ 3 เปรียบเทียบการใช้ยา exemestane ตัวเดียวกับการให้ร่วมกับยา
everolimus ซ่ึงเป็น mTOR inhibitor ในผู้ป่วยท่ีโรคลุกลามหลังได้รับ AI (BOLERO 2) พบว่าการให้
everolimus รว่ มดว้ ย ทำ� ใหร้ ะยะการควบคมุ โรค (Progression-free survival) ยาวขน้ึ กวา่ การให้ exemestane
เพียงตัวเดียวอย่างมีนัยส�ำคัญ(157) แต่กลับไม่พบว่าผู้ป่วยมีระยะเวลาการรอดชีพท่ีดีข้ึน ท้ังท่ีผู้ป่วยกลุ่มควบคุม
ไม่ได้รับ everolimus ภายหลังที่โรคกำ� เริบ จึงไม่แนะนำ� ใหใ้ ชย้ าน้ีในผปู้ ่วยท่ีโรคลกุ ลามหลงั จาก AI นอกจากน้ี
ยานย้ี ังมผี ลขา้ งเคยี งท่ตี อ้ งอาศยั การดูแลใกลช้ ิดจากแพทย์ และมรี าคาสูงมากอีกด้วย

6. ขนาดของฮอรโ์ มนแตล่ ะชนดิ ทีแ่ นะนำ� ให้ใช้
Antiestrogen
Tamoxifen 20 mg/day per oral
Fulvestrant 500 mg intramuscular q 2 weeks x 2 ตามดว้ ย 500 mg q 4 weeks
LHRH agonist
Leuproreline 3.75 mg subcutaneous/ intramuscular q 4 weeks
Leuprolide L.P 11.25 mg subcutaneous/ intramuscular q 12 weeks
Goserelin 3.6 mg subcutaneous q 4 wks
Aromatase inhibitors
Anastrozole 1 mg/day per oral
Letrozole 2.5 mg/day per oral
Exemestane 25 mg/day per oral
Progestin
Megestrol acetate 160 mg/day per oral
Medroxyprogesterone acetate 1000 mg/day per oral

การใช้ยาเคมีบ�ำบัดในมะเรง็ เตา้ นมระยะแพร่กระจาย

ข้อบ่งชี้
1. ผปู้ ่วยทม่ี ผี ล ER และ PR เปน็ ผลลบ
2. ผู้ป่วยท่ีโรคลุกลามระหว่างการรักษาดว้ ยยาฮอร์โมนหรอื ดอ้ื ต่อฮอร์โมน
3. ผู้ป่วยท่ีโรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แพร่กระจายไปยังอวัยวะส�ำคัญและอาจมีอันตรายถึง
ชีวติ เช่น ตบั ปอด สมอง เป็นต้น

78 แนวทางการตรวจคดั กรองวินิจฉยั และรกั ษาโรคมะเรง็ เต้านม

4. ใชร้ ่วมกบั ยาต้าน HER2 ในผ้ปู ่วย HER2 positive breast cancer
ระดบั ค�ำแนะน�ำ 1

ยังไม่มีการศึกษาแบบสุ่มเปรียบเทียบ กลุ่มท่ีให้เคมีบ�ำบัดกับกลุ่มท่ีรักษาตามอาการ แต่มีการ
ศึกษาแบบ metaanalysis และ population-based cohort ที่บง่ ว่าเคมีบำ� บดั ชว่ ยใหช้ ่วงชวี ติ เพ่มิ ขึน้ ประมาณ
6-9 เดือน(158, 159)

ไม่แนะน�ำให้ใช้ยาเคมบี �ำบดั รว่ มกบั ฮอรโ์ มน แต่ให้ใช้ต่อจากกัน
ระดับค�ำแนะนำ� 1

การใช้เคมีบ�ำบัดพร้อมกับฮอร์ โมนไม่ ได้ท�ำให้ช่วงชีวิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเคมีบ�ำบัดเพียง
อย่างเดยี ว(117, 118, 160-169)

วิธีการใหย้ าเคมบี ำ�บดั ในผู้ป่วยมะเรง็ เตา้ นมระยะแพร่กระจาย
1. การเลือกใช้เคมีบ�ำบัดอาจเป็นยาแต่ละตัวต่อกัน (sequential single agent) หรือ ให้ยา
หลายตัวพรอ้ มกัน (combination chemotherapy) ขน้ึ อยูก่ ับความรนุ แรงของโรคและสภาพของผ้ปู ่วย การใช้
เคมบี �ำบดั ท้ัง 2 วิธมี กี ารรอดชีวิตเทา่ กนั

ระดบั ค�ำแนะน�ำ 2A
2. โดยท่ัวไปแนะน�ำให้เคมีบ�ำบัดไม่เกิน 3 สูตร ยกเว้นผู้ป่วยบางรายท่ีมีสภาพร่างกายที่ดีและ
ตอบสนองดีตอ่ เคมีบำ� บัด อาจใหเ้ กนิ 3 สูตรได้

ระดับคำ� แนะน�ำ 2A

ชนดิ ของเคมีบำ�บดั
1. กรณีของยาสูตรแรก แนะน�ำให้ใช้ classical CMF หรือ anthracycline-containing
regimen เช่น FAC, AC, EC, หรอื FEC เป็นตน้ โดยมีหลักการเลือกสูตรยาดงั น้ี
• กรณีที่ผู้ป่วยไม่เคยได้รับการรักษาเสริมหลังผ่าตัดด้วยยาเคมีบ�ำบัดมาก่อน แนะน�ำให้ใช้

classical CMF หรอื  anthracycline-containing regimen เช่น FAC, AC, EC, หรอื
FEC เปน็ ตน้
• กรณีท่ีผู้ป่วยเคยได้รับการรักษาเสริมหลังผ่าตัดด้วยยาเคมีบ�ำบัดมาก่อนนานเกิน 1 ปี แนะน�ำ
ให้ใช้ยาเคมีบ�ำบัดชุดเดิมได้โดยเฉพาะกรณีท่ีเคยได้สูตร classical CMF ในกรณีของผู้ป่วย
ท่ีเคยได้รับยาสูตร anthracycline-containing regimen แนะน�ำให้ใช้ยาเคมีบ�ำบัดชุดถัดไป
แทน
• กรณีที่ผู้ป่วยเคยได้รับการรักษาเสริมหลังผ่าตัดด้วยยาเคมีบ�ำบัดมาก่อนนานน้อยกว่า 1 ป ี
แนะนำ� ให้ใช้ยาเคมบี ำ� บัดชดุ ถัดไปแทน

ระดับคำ� แนะนำ�  ระดบั  1

79แนวทางการตรวจคดั กรองวินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็งเตา้ นม

มีการศึกษาแบบ metaanalysis พบว่าการใช้ยาเคมีบ�ำบัดหลายตัวพร้อมกันจะได้ประสิทธิภาพ
ดีกว่าการใช้ยาเคมีบ�ำบัดเพียงตัวเดียวโดยมี relative hazard ratio (HR) ของช่วงชีวิตเป็น 0.70 (95%
confidence intervals (CIs) 0.59-0.84) (118) ในกรณีของ CMF การใช้ classical CMF ( ใช้
cyclophosphamide แบบกนิ ) เมื่อเทียบกับการใช ้ modified CMF (intravenous 3-week CMF) พบว่า
การใช้ classical CMF มีการตอบสนองทดี่ ีกว่า (48% กบั 29%; p 0.003) และมชี ่วงชีวิตทดี่ ีกว่า (17 กบั
12 เดือน; p 0.016) การใช ้ modified CMF(169)

anthracycline-containing regimen มีการตอบสนองท่ีดีกว่าและมีช่วงชีวิตท่ีดีกว่า CMF
เลก็ นอ้ ยโดยม ี relative HR 0.89 (95% CIs 0.82-0.97)(118) แตม่ ผี ลขา้ งเคยี งมากกวา่ CMF ดว้ ย อยา่ งไรกต็ าม
ข้อมูลของการศึกษาได้รวมท้ัง classical CMF และ modified CMF

ในปัจจุบันมีข้อมูลพบวา่ การใช้ taxanes (docetaxel หรือ paclitaxel) ร่วมกับ anthracycline
(doxorubicin หรอื epirubicin) มีการตอบสนองที่ดกี วา่ การใช้ Anthracycline รว่ มกบั cyclophosphamide
แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ท�ำให้ช่วงชีวิตยืนยาวขึ้น(170-176) จึงยังไม่แนะน�ำให้ใช้เป็นยาชุดแรกในกรณีท่ีผู้ป่วย
ไมเ่ คยได้ anthracyclines containing regimen ในขณะน้ี

• กรณขี องยาสูตรทีส่ องเมอื่ โรคลุกลามหลงั ใหย้ าชุดแรก
1. กรณีท่ีเคยได้ anthracycline-containing regimen เปน็ ยาสูตรแรก
แนะนำ� ใหใ้ ช้ taxanes (docetaxel หรอื paclitaxel)

ระดบั คำ� แนะน�ำ 1
2. การใช้ยาตัวอน่ื ท่ีไม่ใช่ taxane เชน่  vinorelbine, capecitabine, gemcitabine หรอื CMF

ระดับคำ� แนะนำ�  2A
• กรณีท่ีใช้ CMF เป็นยาสูตรแรก
แนะน�ำให้ใช้ anthracycline-containing regimen เป็นยาสูตรท่ีสอง แล้วค่อยพิจารณาใช้
ยาตัวอ่ืน ดังทีก่ ลา่ วไวใ้ น 2 ต่อไป

ระดบั คำ� แนะน�ำ 1
ไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ให้ยาเคมีบ�ำบัดกับกลุ่มท่ีรักษาตามอาการ แต่มีข้อมูล
เปรียบเทียบระหว่างยาใหม่ในกลุ่ม taxane และ vinorelbine เทียบกับยาเก่าท่ีเคยใช้ในอดีตพบว่าสามารถท�ำ
ให้มีชีวิตยืนยาวข้ึน(164, 177-180) มีรายงานเปรียบเทียบระหว่างการใช้ docetaxel ร่วมกับ capecitabine กับ
docetaxel เพียงตัวเดียว ในผู้ป่วยท่ีเคยได้รับ anthracycline มาก่อน พบว่าการใช้ docetaxel ร่วมกับ
capecitabine ทำ� ใหม้ ชี ว่ งชวี ติ เพมิ่ มากขนึ้  (14.5 เดอื น กบั 11.5 เดอื น; p=0.0126) เมอ่ื เทยี บกบั docetaxel
เพียงตัวเดียว(168) มีรายงานเปรียบเทียบระหว่างการใช้ paclitaxel ร่วมกับ gemcitabine กับ pacllitaxel
เพียงตัวเดียวในผู้ป่วยที่เคยได้รับ anthracycline มาก่อน พบว่าการใช้ paclitaxel ร่วมกับ gemcitabine
ท�ำให้มี progression-free survival และ overall survival เพิ่มมากขึ้น เม่ือเทียบกับ paclitaxel เพียง
ตัวเดียว(181, 182) มีรายงานการใช้ capecitabine, gemcitabine และ Vinorelbine ในผู้ป่วยท่ีเคยได ้
anthracycline มาก่อน แล้วพบวา่ มกี ารตอบสนอง(183)

80 แนวทางการตรวจคดั กรองวินิจฉยั และรักษาโรคมะเร็งเตา้ นม

• กรณขี องยาสูตรท่สี ามเมื่อโรคลุกลามหลงั ใหย้ าสูตรที่สอง
แนะน�ำให้ใช้ capecitabine หรือ eribulin ในกรณีที่เคยได้ taxane เป็นยาสูตรที่สอง หรือ
พจิ ารณาเขา้ โครงการศึกษา (clinical trial) หรอื รักษาตามอาการแล้วแต่กรณี

ระดบั คำ� แนะนำ�  2A
มีการศึกษาแบบ Phase II ของ capecitabine ในผู้ป่วยที่ด้ือต่อ anthracycline และ taxane
พบว่ามีการตอบสนอง 20%(184) และได้ระยะเวลาควบคุมโรคประมาณ 3-4 เดือน ยา capecitabine จึงได้รับ
การยอมรับให้เป็นการรักษาสูตรท่ีสาม ยาเคมีบ�ำบัด eribulin มีการศึกษาท�ำในผู้ป่วยที่ด้ือต่อยาเคมีบ�ำบัด
อย่างน้อยสองสูตร โดยในน้ันแทบทุกรายเคยได้รับการรักษาด้วย anthracyclines และ taxanes มาก่อน
โดยเปรียบเทียบ eribulinและ TPC (treatment of physician choice) ซึง่ มากกวา่ ร้อยละ 95 ในกลมุ่ นี้ได้รบั
ยาเคมีบ�ำบัดตัวใดตัวหน่ึงไม่ว่าจะเป็น capecitabine gemcitabine หรือ vinorelbine พบว่ากลุ่มที่ได้รับยา
eribulin มีค่ากึ่งกลางรอดชีวิตดีกว่า TPC อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ 13.2 เดือน เทียบกับ 10.5 เดือน(185)
อย่างไรก็ตามเม่ือมีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่าง eribulin และ capecitabine ในผู้ป่วยท่ีผ่านการรักษาด้วย
ยาเคมบี ำ� บดั นอ้ ยกวา่ สองสตู ร ไมพ่ บวา่ ยาสองตวั นมี้ คี วามแตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ในทงั้ ในแง่ OS และ PFS(186)
ดังน้ันการเลือกใช้ยาตัวใดเป็นสูตรที่สามควรค�ำนึงถึงความเหมาะสมท้ังในด้านผลข้างเคียง และความคุ้มค่าของ
การรกั ษาและควรพิจารณาใช้ยาทอ่ี ยู่ในบัญชยี าหลกั แห่งชาติก่อน
นอกจากนม้ี ีการศึกษาแบบ Phase II ของ vinorelbine และ gemcitabine ในผปู้ ่วยท่ีดอ้ื ต่อ
taxane แล้วพบวา่ มีการตอบสนองเช่นกัน(187, 188)

ระยะเวลาของการให้ยาเคมีบำ�บัด
ในกรณีที่มีการตอบสนองต่อยาเคมีบ�ำบัด อาจพิจารณาให้ยาเคมีบ�ำบัดไประยะหนึ่ง (6-8 ชุด)
แล้วหยุด หรือให้ไปเรอ่ื ยๆ จนกว่าโรคจะลุกลามตอ่ ไป

ระดบั คำ� แนะนำ�  1
มีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการให้เคมีบ�ำบัดแบบ intermittent กับ continuous พบว่า
ผลการศึกษา ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าวิธีไหนดีกว่ากันเพราะมีทั้งข้อมูลที่ว่า การให้แบบ continuous
ไม่ไดท้ ำ� ใหช้ ว่ งชวี ติ ยนื ยาวขน้ึ  เมอื่ เทยี บกบั  intermittent(189-192) แตอ่ าจม ี progression-free survival เพม่ิ มากขนึ้
บางรายงานพบวา่ การให้แบบ continuous มีท้ัง progression-free survival และ overall survival เพ่ิมขนึ้
เมื่อเทียบกับแบบ intermittent(193, 194) อย่างไรก็ตามการให้แบบ continuous มีผลข้างเคียงมากกว่าแบบ
intermittent
บทบาทของ high-dose chemotherapy และ bone marrow transplantation หรอื stem
cell support
ไม่แนะน�ำให้ใชว้ ธิ กี ารรักษาดังกลา่ วในมะเร็งเต้านมระยะแพรก่ ระจายในขณะนี้

ระดับค�ำแนะน�ำ 1

81แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ ิจฉัย และรักษาโรคมะเรง็ เต้านม

มีข้อมูลในปัจจุบันพบว่าการใช้ high-dose chemotherapy ไม่ท�ำให้ชีวิตยืนยาวข้ึน แต่มีผล
ข้างเคยี งเพ่ิมขนึ้ (195, 196)

ขนาดและสูตรของเคมีบ�ำบดั ทแี่ นะน�ำให้ใช้:
CMF regimen cyclophosphamide 100 mg/m2/day po d1-14
(q 4 weeks ) Methotrexate 40 mg/m2 IV d1,8
5-FU 600 mg/m2 IV d1,8
FAC regimen 5-FU 500 mg/m2 IV
(q 3 weeks ) Doxorubicin 50 mg/m2 IV
Cyclophosphamdie 500 mg/m2 IV
AC regimen Doxorubicin 60 mg/m2 IV
(q 3 weeks ) Cyclophosphamide 600 mg/m2 IV
FEC regimen 5-FU 500 mg/m2 IV
Epirubicin 50-90 mg/m2 IV q 3 weeks
Cyclophosphamide 500 mg/m2 IV
EC regimen Epirubicin 60-90 mg/m2 IV q 3 weeks
Cyclophosphamide 600 mg/m2 IV
Paclitaxel 175 mg/m2 IV q 3 weeks
Docetaxel 70-100 mg/m2 IV q 3 weeks
Gemcitabine 800-1250 mg/m2 IV d1,8,15 q 4 weeks (single)
1000 mg/m2 IV d1,8 q 3 weeks (combined)
Vinorelbine 25-30 mg/m2 IV d1,8 q 3 weeks
Capecitabine 1250 mg/m2 PO bid pc d1-14 q 3 weeks
(single drug)
1000 mg/m2 PO bid pc d1-14 q 3 weeks
(combined drug)
Eribulin 1.4 mg/m2 D1,D8 q 3 weeks

การใช้ novel molecular-targeted therapy ในการรักษามะเร็งเตา้ นมระยะ
แพรก่ ระจาย

1. ค�ำแนะน�ำส�ำหรบั ผปู้ ่วยมะเรง็ เต้านมระยะแพร่กระจายทม่ี ี HER2/neu เป็นผลบวก
1.1 แนะน�ำให้ใช้ trastuzumab ในการรักษามะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายท่ีมี HER2/neu

เป็นผลบวก (ตามนิยามเช่นเดียวกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแรก) โดยใช้เป็นยาชุดแรกร่วมกับการใช้ยาเคมี
บำ� บดั ในกลุ่ม taxanes (paclitaxel หรือ docetaxel) ในผู้ปว่ ยท่เี คยได้รบั adjuvant chemotherapy ดว้ ยยา

82 แนวทางการตรวจคดั กรองวินจิ ฉัย และรกั ษาโรคมะเร็งเตา้ นม

กลุ่ม anthracycline หรือใช้เป็นยาชุดท่ีสองร่วมกับการใช้ taxanes ในผู้ป่วยท่ี ไม่เคยได้รับยากลุ่ม
anthracycline มากอ่ น

ระดับคำ� แนะนำ�  1
มีการศึกษาแบบ randomized controlled trial โดย Slamon DJ et al(197) ในผูป้ ่วยทีเ่ ป็น
มะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายที่มี HER2 เป็นผลบวกท่ีไม่เคยได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบ�ำบัดมาก่อน โดย
เปรยี บเทยี บระหวา่ งการใหย้ าเคมีบ�ำบัดอย่างเดียว (doxorubicin หรอื epirubicin / cyclophosphamide หรือ
paclitaxel) กับการให้ยาเคมีบ�ำบัดร่วมกับ trastuzumab พบว่า ผู้ป่วยกลุ่มท่ีได้รับยาเคมีบ�ำบัดร่วมกับ
trastuzumabมอี ัตราการตอบสนองของโรคทีด่ ีกว่า (50% vs 32%, p < 0.001) median time to disease
progression ท่ียาวกว่า (7.4 เดือน vs 4.6 เดือน, p < 0.001) และมีอัตราการรอดชีวิตท่ีมากกว่า โดยม ี
median survival 25.1 เดอื น เทียบกับ 20.3 เดอื น (p = 0.046) โดยมผี ลข้างเคยี งทสี่ ำ� คัญ คือ การท�ำงาน
ของกล้ามเน้ือหัวใจลดลง ซ่ึงพบได้สูงถึง 27% ในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับ anthracycline / cyclophosphamide
รว่ มกบั trastuzumab และพบได้ 13% ในกล่มุ ท่ีไดร้ ับ paclitaxel ร่วมกับ trastuzumabจงึ ไมแ่ นะน�ำให้ใช้
trastuzumab รว่ มกับยาในกลุ่ม anthracycline
• ผู้ป่วยท่ีจะได้รับ trastuzumab ต้องได้รับการตรวจการท�ำงานของหัวใจก่อนได้รับยา และใช้ยา
ไดใ้ นกรณีที่มี left ventricular ejection fraction ≥ 50% ผปู้ ่วยควรได้รบั การตรวจประเมนิ การทำ� งานของ
หัวใจทุก 3 เดือน ในระหว่างที่ไดร้ บั trastuzumab อยู่

ระดับคำ� แนะนำ�  2A
ในกรณีท่ีผู้ป่วยมีการตอบสนองของโรคต่อการรักษาด้วย taxanes / trastuzumab และเริ่มมี
ผลข้างเคียงจาก taxanes มากขึ้น อาจพิจารณาให้ trastuzumab ต่อเป็น monotherapy และควรพิจารณา
หยดุ ยา trastuzumab หลังได้ยาครบ 1 ปี
• ไม่แนะน�ำให้ใช้ trastuzumab ร่วมกับยาเคมีบ�ำบัดชนิดอื่น ในกรณีที่โรคลุกลามมากข้ึนใน
ขณะที่ไดร้ ับ trastuzumab

ระดบั คำ� แนะนำ�  2A
• แนะน�ำให้ใช้ trastuzumab ในการรักษามะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายที่มี HER2/neu เป็น
ผลบวกโดยใช้เป็นยาชุดแรกร่วมกับยาเคมีบ�ำบัดชนิดอื่น ได้แก่ vinorelbine ในกรณีท่ีผู้ป่วยเคยได้รับ
adjuvant chemotherapy ดว้ ยยากลมุ่ taxanes และโรคลกุ ลามในระยะเวลาน้อยกวา่ 1 ปหี ลังหยุด taxanes

ระดับค�ำแนะน�ำ 2A
มีการศึกษาเปรียบเทียบการใช้ยา trastuzumab ร่วมกับยาในกลุ่ม taxanes กับ trastuzumab
รว่ มกบั vinorelbine เป็นยาชุดแรกในผู้ปว่ ยมะเรง็ เต้านมระยะแพร่กระจายทมี่ ี HER2 เปน็ ผลบวก ไมพ่ บวา่
มคี วามแตกต่างกนั ในดา้ นอัตราการตอบสนอง และ time to disease progression

83แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ ิจฉยั และรกั ษาโรคมะเร็งเตา้ นม

• ในกรณีทผี่ ู้ปว่ ยเคยได้รบั trastuzumab เป็น adjuvant treatment และมกี ารกลับเป็นซ�้ำของ
โรคในระยะเวลาเกิน 1 ปี สามารถนำ� trastuzumab กลับมาใชใ้ หม่ได้

ระดบั ค�ำแนะน�ำ 2A
1.2 แนะนำ� ใหใ้ ช้ pertuzumab + trastuzumab + docetaxel ในการรักษามะเรง็ เตา้ นม
ระยะแพร่กระจายท่ีมี HER2/neu เป็นผลบวก (ตามนิยามเช่นเดียวกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแรก) เป็น
สูตรแรกส�ำหรับผู้ป่วยระยะแพร่กระจาย หรือในผู้ป่วยท่ีเคยได้รับ adjuvant chemotherapy ด้วยยากลุ่ม
anthracycline +/- trastuzumab มาเกนิ กว่า 1 ปี

ระดบั คำ� แนะนำ� 1
มีข้อมูลการศึกษาระยะที่ 3 แบบสุ่มในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายที่ติดตัวรับ HER2
(HER2 positive breast cancer) ที่ไม่เคยได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบ�ำบัดหรือยาต้าน HER2 ในระยะ
แพรก่ ระจายมากอ่ น แตอ่ าจเคยไดร้ บั ยาเคมบี �ำบัดรว่ มกบั ยาตา้ น HER2 ในการรักษาเสรมิ ทีผ่ ่านมาแลว้ มากกวา่
1 ปี สมุ่ ผู้ป่วยเป็นสองกลุ่ม กลมุ่ แรกได้รบั การรักษามาตรฐานด้วย trastuzumab + docetaxel และกลุ่มท่ ี
ไดร้ ับยา pertuzumab + trastuzumab + docetaxel พบวา่ กล่มุ ท่ีไดร้ ับยา pertuzumab รว่ มด้วย มคี ่ากึง่ กลาง
รอดชีวิตโดยปราศจากโรคดีกว่าอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ โดยค่า PFS ได้ 18.5 เดือนเทียบกับ 12.4 เดือน
HR = 0.62, p < .001(198) และคา่ update OS กลุ่มที่ได้ pertuzumab ดีกว่ากลุ่มท่ีไม่ได้อยา่ งมนี ยั สำ� คัญ
ทางสถติ ิ เช่นเดียวกนั 56.5 เดอื นเทียบกบั 40.8 เดือน HR = 0.68, p = 0.0002 อย่างไรกต็ ามยาสูตรนี้ไมม่ ี
ข้อมูลในผู้ป่วยท่ีเพิ่งไดร้ ับ adjuvant trastuzumab แลว้ มกี ารกลบั เป็นซ�้ำในระยะเวลาน้อยกว่า 1 ปี และไมม่ ี
ข้อมูลของยาในการใชร้ ว่ มกบั ยาตา้ นฮอร์โมน

1.3 แนะนำ� ให้ใช้ lapatinib ในการรกั ษาผปู้ ว่ ยมะเรง็ เต้านมระยะแพร่กระจายทม่ี ี HER2/neu
เป็นผลบวกที่มีโรคลุกลามในขณะที่ได้รับหรือหลังจากได้รับการรักษาด้วย trastuzumab โดยให้ใช้ร่วมกับ
ยา capecitabine

ระดับค�ำแนะน�ำ 2A
มีการศึกษาแบบ randomized controlled trial ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายท่ีมี
HER2 เป็นผลบวกที่เคยได้รับ anthracycline, taxane และ trastuzuma bโดยเปรียบเทียบระหว่างการให้
lapatinib ร่วมกับ capecitabine กับการให้ capecitabine อย่างเดียว พบว่า ในกลุ่มที่ได้รับ lapatinib/
capecitabine มีอัตราการตอบสนอง, time to disease progression และ progression-free survival
มากกว่ากลุ่มท่ีได้รับ capecitabine โดย median progression-free survival ในกลุ่มที่ได้รับ lapatinib/
capecitabine = 27.1 สัปดาห์ เทยี บกับ 17.6 สปั ดาห ์ ในกลุ่มที่ไดร้ ับ capecitabine, hazaad ratio (HR)
0.55 (0.41, 0.74) (p = 0.000033) ไมพ่ บว่ามคี วามแตกต่างกนั ในด้าน overall survival (67.7 vs 66.6
weeks, HR 0.78, p = 0.177)(199)

84 แนวทางการตรวจคัดกรองวินจิ ฉยั และรกั ษาโรคมะเรง็ เต้านม

2. ผปู้ ่วยมะเรง็ เตา้ นมทม่ี ี HER2/neu เป็นผลลบ
• ไม่แนะน�ำให้ใช้ bevacizumab ร่วมกับยาเคมีบ�ำบัดในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะ
แพรก่ ระจาย

ระดบั ค�ำแนะน�ำ 2A
มีการศึกษาแบบ randomized controlled trial (E2100 trial)(200) ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
ระยะแพร่กระจายที่ไม่มี HER2 ท่ีไม่เคยได้รับการรักษามาก่อน โดยเปรียบเทียบการรักษาระหว่างการให ้
weekly paclitaxel กบั การให้ weekly paclitaxel รว่ มกับ bevacizumab 10 mg/kg ทุก 2 สปั ดาห์ พบว่า
ผ้ปู ่วยกลมุ่ ท่ีได้ paclitaxel / bevacizumab มีอตั ราการตอบสนองของโรค (36.9% vs 21.2% p < 0.001)
และ progression-free survival มากกวา่ กล่มุ ท่ีไดร้ บั paclitaxel (11.8 เดอื น vs 5.9 เดือน, HR = 0.60
p < 0.001) แต่ ไม่มีความแตกต่างกันในด้าน overall survival โดยกลุ่มท่ีได้ bevacizumab จะพบ
ผลข้างเคียง ได้แก่ ความดันโลหิตสูง, ปวดศีรษะ, proteinuria และ cerebrovascular ischemia ท่ีมากกว่า
อย่างมีนัยส�ำคํญทางสถิติ การศึกษาโดยใช้ bevacizumab ร่วมกับยาเคมีบ�ำบัดชนิดอ่ืน เช่น docetaxel,
capecitabine ท่ีเปรียบเทียบกับการให้ยาเคมีบ�ำบัดอย่างเดียว พบว่า มีอัตราการตอบสนองท่ีดีข้ึน และมี
progression-free survival เพ่ิมข้ึน แต่ไม่มีประโยชน์ในด้าน overall survival ร่วมกับมีผลข้างเคียงท ี่
เพ่ิมข้นึ เชน่ กนั



85แนวทางการตรวจคดั กรองวินจิ ฉัย และรกั ษาโรคมะเร็งเต้านม

แนวทางปฏิบตั ิทางพยาธวิ ิทยามะเรง็ เตา้ นม

• แผนภมู ิการเตรยี มและการวินิจฉัยทางพยาธิวทิ ยา
• แนวทางปฏบิ ตั กิ ารส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
• แนวทางการอา่ นเซลลว์ ทิ ยาและรายงานผลส่ิงเจาะดูดจากเต้านมอยา่ งเป็นระบบ
• แนวทางการตรวจช้นิ เน้อื wide excision
• แนวทางการตรวจเน้ือผ่าตัดเต้านม (mastectomy)
• แนวทางการตรวจเนอ้ื ผา่ ตดั ต่อมนำ้� เหลืองทีร่ กั แร้
• หลักเกณฑก์ ารแปลผลและรายงานผล ER และ PgR
• หลักเกณฑก์ ารแปลผลและรายงานผล HER2 ของมะเร็งเตา้ นม
• หลักเกณฑก์ ารแปลผลและรายงานผล Ki-67 ของมะเรง็ เต้านม

แผนภูมิการเตรยี มและการวินิจฉยั ทางพยาธิวทิ ยา 86 แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ ิจฉยั และรกั ษาโรคมะเรง็ เตา้ นม

ประเภทและลักษณะของตัวอย่าง การเตรยี มท่ีห้องตรวจ/ห้องผ่าตัด หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร การวนิ จิ ฉัย/ การรายงาน
สิง่ เจาะดูดจากก้อนเนื้อ และการส่งต่อห้องปฏิบตั กิ าร* ย้อมสี Papanicolaou ใช้ชอ่ื โรคตามแบบ histopathology
(Fine-needle aspirates) สเมียร์บนสไลด์ จุ่มสไลด์ใน 95% (กรณีใชส้ เปรยต์ อ้ งแช่ใน 95% ethanol หรอื กรณีถ้าไม่ได้ ให้ใชช้ ่ือตามแบบ
ethanol ทันที หรือพ่นด้วยสเปรย์ 2 ครงั้ ๆ ละ 5 นาท ี แลว้ ใหจ้ มุ่ สไลดใน พรรณนา
สำ� หรับคงสภาพเซลล์ นำ้�  10 ครงั้ กอ่ นยอ้ มส ี Papanicolaou) ดูเอกสารแนวทางการอ่านเซลล์วิทยา
และรายงานผลสง่ิ เจาะดดู จากเตา้ นม
สิ่งเจาะดูดจากถงุ น�้ำ ดูดน�้ำจนหมด ตรวจที่เต้านมหลังการ ปน่ั สารนำ�้ เพอื่ ทำ� สเมยี ร ์ / กรณเี ลอื ด อย่างเป็นระบบ ( หนา้ 94)
(Cyst fluid sample) เจาะ หากยงั คลำ� รอยโรคไดใ้ หเ้ จาะดูด เกา่ ควรเตรียมสเมียร์ไว้มากกว่า 2  ใช้ช่ือตามแบบพรรณนา ว่าพบหรือไม่
สิ่งคัดหลั่งจากหัวนม ซ้�ำ ส่งน้�ำ และหรือสเมียร์ท้ังหมดที่ แผ่น / ย้อมสไลด์ท้ังหมดด้วยสี  พบเซลลม์ ะเรง็  (positive, suspicious,
(Nipple discharge sample) เจาะดดู ได ้ แยกตามตำ� แหนง่ พรอ้ มกบั Papanicolaou or negative for malignancy)
ระบปุ ริมาตร และคณุ ลกั ษณะของนำ้�
เชด็ คราบทห่ี วั นมดว้ ยนำ้� เกลอื นอรม์ ลั  / ยอ้ มสี Papanicolaou ใชช้ ่อื ตามแบบพรรณนา ว่าพบหรอื ไม่
ป้ายสิ่งคัดหล่ังบนสไลด์และจุ่มสไลด์ พบเซลลม์ ะเรง็ (positive, suspicious,
ทันทีใน 95% ethanol / ป้ายสไลด์ or negative for malignancy)
จ�ำนวน 2-6 แผน่ ตอ่ การตรวจ

แผนภูมิการเตรียมและการวินจิ ฉัยทางพยาธวิ ิทยา

ประเภทและลกั ษณะของตัวอยา่ ง การเตรยี มทหี่ ้องตรวจ/ห้องผ่าตดั หอ้ งปฏิบัตกิ าร การวนิ ิจฉัย/ การรายงาน
Biopsy / Core-needle biopsy และการส่งต่อห้องปฏบิ ตั ิการ* ตรวจสอบจำ� นวนชิ้น / ใสเ่ น้ือท้งั หมด ระบุคุณภาพและปริมาณวา่ เหมาะสม
แช่ใน 10% neutral buffered ลงตลบั / Embed เนือ้ ให้อยู่ในระนาบ ในการวนิ จิ ฉยั หรือไม่ / Histopatho-
formalin**ทนั ที / ระบุจ�ำนวนช้ิน เดียวกัน และเรียงเปน็ แถว ไม่ซอ้ น logic entity / Tumor type and แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ จิ ฉัย 87และรกั ษาโรคมะเรง็ เต้านม
ในใบขอตรวจ กนั grade (if applicable)

Core-needle biopsy from นำ� ชิน้ เนอื้ ไปถา่ ยภาพรงั สี / ระบชุ ้ิน ตรวจสอบจ�ำนวนชนิ้ และชิ้นที่ระบุมี Tumor type and grade
lesion with ท่ีมี microcalcification / แช่ใน microcalcification / ใสเ่ นอื้ ทัง้ หมด (if applicable) ระบุ
microcalcification 10% neutral buffered ลงตลับโดยแยกชนิ้ ที่ระบกุ ับช้นิ อืน่ ๆ / microcalcification
formalin**ทันที Embed เน้ือใหอ้ ยู่ในระนาบเดยี วกนั ในกรณีท่ีเป็น Oriented margin วัด
Needle-guided excision ระบุ ด้าน medial หรอื lateral, และเรียงเป็นแถว ไม่ซอ้ นกนั และระบรุ ะยะหา่ งจากขอบ / Tumor
from nonpalpable lesion anterior หรอื posterior, และ Orientation / Ink margins / วดั type, grade / Tumor size /
หรอื superior หรอื inferior / นำ� ชน้ิ เน้ือ ขนาดของรอยโรคและระยะห่างจาก Lymphovascular invasion status /
Wide excision ทีต่ ้องการดู ไปถา่ ยภาพรังสี และสง่ ฟิลม์เอกซเ์ รย์ ขอบรอยโรค (ในกรณีที่ตรวจพบ) ถงึ margin status (ในกรณีทีร่ ะบดุ า้ นได้
margin status พรอ้ มชิน้ เน้ือ(กรณี needle-guided ขอบช้ินเนอ้ื ผา่ ตดั ทง้ั 6 ดา้ น / ตดั ชดั เจน) ขอบนอกของรอยโรคถึง
excision) / แช่ใน 10% neutral รอยโรคทง้ั หมด (กรณี ท่ีไมพ่ บรอย surgical margin โดยดทู าง
buffered formalin**ทนั ที โรคโดยการดูดว้ ยตาเปล่า) ส่งท�ำสไลด์ กลอ้ งจลุ ทรรศน์ / ในกรณีท่ีไม่มี
ดูเอกสารแนวทางการตดั ชน้ิ เนอื้ Oriented margin ให้วดั และระบุ
wide excision (หน้า 100) ระยะที่ใกล้ที่สุด

ประเภทและลกั ษณะของ การเตรยี มทีห่ ้องตรวจ / ห้องผา่ ตดั ห้องปฏิบตั ิการ การวนิ จิ ฉัย/ การรายงาน 88 แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ ิจฉยั และรกั ษาโรคมะเรง็ เตา้ นม
ตัวอยา่ ง และการส่งตอ่ หอ้ งปฏิบัติการ* Orientation / Ink deep margin and Histopathologic entity/
related margin if indicated / ระบุ Tumor type, grade, and size /
Mastectomy ส่งหอ้ งปฏบิ ัติการทนั ที / ในกรณีไม่ margin distance / Serial sectioning Deep margin status /
สามารถส่งทนั ทีใหผ้ ่าครงึ่ เตา้ นม with 1-cm thick intervals Lymphovascular invasion
ในแนว 12 - 6 นาฬิกา (saggital ดเู อกสาร แนวทางการตรวจเน้ือผา่ ตดั status ดเู อกสารแนวทางการ
plane) / แช่ใน10%neutral เต้านม ในสว่ น macroscopy ตรวจเนอ้ื ผา่ ตดั เต้านม ในสว่ น
buffered formalin** / microscopy and diagnosis
ควรวาดภาพแสดงแนวผ่าตดั เตา้ นม (หน้าที่ 103)
และต�ำแหน่งกอ้ นในใบขอตรวจ
หรือทำ� เครือ่ งหมายที่เตา้ นมเพือ่
พยาธแิ พทย์สามารถระบุตำ� แหนง่
quadrant ไดถ้ ูกตอ้ ง

Axillary node dissection แช่ใน 10% neutral buffered Search for all nodes / ผ่าครงึ่ และใส่ รายงาน total node number
formalin** เน้ือลงตลบั node ละ 1 ช้นิ / ไม่ควรใส่ และ positive node number
มากกวา่ 4 nodes (4 ชนิ้ ) ใน 1 ตลับ และภาวะ extranodal
ดูเอกสารแนวทางการตรวจเนือ้ ผา่ ตัดตอ่ ม extension
น้�ำเหลืองท่รี กั แร้ (หนา้ 106)

ประเภทและลักษณะ การเตรยี มทห่ี อ้ งตรวจ/หอ้ งผา่ ตัด หอ้ งปฏบิ ัติการ การวินจิ ฉยั / การรายงาน
ของตัวอยา่ ง และการส่งตอ่ ห้องปฏบิ ตั กิ าร* ตรวจทุก node โดย serial 2-3 mm จน 1.รายงาน total node number
ส่งชิ้นเนอ้ื แบบส่ง frozen section หมด node / ตรวจทกุ ชิ้นของทุก node / และ positive node number
Sentinel Node หรอื formalin fixed tissue หลงั frozen section ใส่ทกุ ช้ินลงตลบั ใน frozen section
แยกตามแตล่ ะ node 2.รายงาน total node number
ดเู อกสารแนวทางการตรวจเน้อื ผ่าตดั ตอ่ ม positive node number และ
น�ำ้ เหลอื งทีร่ ักแร้ (หน้า 106) size of largest metastasis
ใน permanent section
การตรวจ ER, PgR, HER2 ใช้บลอ็ กพาราฟนิ ทมี่ เี น้อื เยอ่ื มะเรง็ เลอื กบลอ็ กทมี่ เี น้ือเยือ่ มะเรง็ และมี แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ จิ ฉัย 89และรกั ษาโรคมะเรง็ เต้านม
และ Ki-67 โดยวิธ ี ระยะลกุ ลาม เน้อื เย่อื ปกตอิ ยู่ในบลอ็ กเดยี วกนั ER, PgR ใหร้ ายงานร้อยละของ
immunohistochemistry ในกรณีของ DCIS LCIS ใหใ้ ช้ (ถา้ เป็นไปได)้ ย้อมตาม work positive cells หรอื negative
(IHC)*** บลอ็ กพาราฟินท่มี ีเน้ือเยอื่ ดังกล่าว instruction HER2 ใหร้ ายงานผล positive,
equivocal หรือ negative status
การตรวจ HER2 โดยวธิ ี ใช้บล็อกพาราฟินที่มีเนอื้ เยือ่ มะเรง็ เลอื กบล็อกทมี่ เี น้ือเยอ่ื มะเรง็ และมี ดูเอกสารหลกั เกณฑ์การแปลผล
in situ ลุกลาม เนื้อเย่ือปกติอยู่ในบล็อกเดยี วกนั และ และรายงานผล ER, PgR
hybridization(ISH)**** ควรเลอื กบล็อกเดียวกันกบั ท่ที �ำ HER2 (หน้า 107)
IHC (ถา้ เปน็ ไปได้ ) ใหร้ ายงานผล positive,
ยอ้ มตาม work instruction equivocal หรอื negative status
ดูเอกสารหลกั เกณฑก์ ารแปลผล
และรายงานผล HER2
(หนา้ 110)

* ดเู อกสารแนวทางปฏบิ ัตกิ ารสง่ ตรวจทางพยาธวิ ิทยา
** สูตรน�ำ้ ยา 10% neutral buffered formalin – Sodium phosphate monobasic (NaH2PO4) 4g, Sodium phosphate dibasic (anhydrous) 6.5 g,
Distilled water 900 ml และ 100% formalin (37%-40% formaldehyde solution) 100 ml
*** กรณีของ invasive carcinoma ใหต้ รวจ ER PgR HER2 ทุกรายและ Ki-67 เปน็ optional
กรณีของ DCIS และ LCIS ใหต้ รวจ ER และ PgR
**** วธิ ีท่ีไดร้ ับการรับรองได้แก่ FISH = Fluorescence in situ hybridization และ
DISH = Dual -color silver-enhanced in situ hybridization

รายการสำ� หรับตรวจสอบ (Check list items) 90 แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ ิจฉยั และรกั ษาโรคมะเรง็ เตา้ นม

Check-list Input Check-list Output for CA breast (รายการในใบรายงานผล )

 Patient identification  Type of carcinoma and grading
 Clinical information (including presurgical therapy,  Tumor size
previous pathology report)  Node status
 Radiological findings  Margin status
 Operative procedure, location (diagram preferred)  Lymphovascular invasion status
 Specimen handling and fixation  Biomarker status
 Request for biomarkers  Microcalcification (if applicable)

91แนวทางการตรวจคัดกรองวนิ ิจฉยั และรักษาโรคมะเรง็ เต้านม

แนวทางปฏิบัตกิ ารส่งตรวจทางพยาธิวทิ ยา

ประเภทสงิ่ ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา

1. ตัวอยา่ งเซลล์วทิ ยา จำ� แนกตามคุณลักษณะ ได้แก่
• สเมียร์ทีอ่ ยูบ่ นสไลด์
• น�้ำท่เี จาะดูดจากถุงนำ้�

2. ตวั อยา่ งชน้ิ เน้อื จ�ำแนกตามขนาดได้ 3 ประเภท ไดแ้ ก่
• core needle biopsy / vacuum-assisted biopsy (Mammotome)
• ชิน้ เนอื้ ท่มี ีขนาดไมเ่ กิน 5 เซนตเิ มตร
• ชนิ้ เนอื้ ทีม่ ขี นาดเกิน 5 เซนตเิ มตร

การเตรียมตัวอย่างส่ิงสง่ ตรวจก่อนสง่

1. ตัวอย่างเซลล์วิทยา จ�ำแนกตามคุณลักษณะ ไดแ้ ก่
1.1 การเตรียมสเมียร์
ส่ิงเจาะดูดจากก้อนเนื้อ ให้เตรียมสเมียร์โดยใช้สไลด์ 2 แผ่นประกบแล้วดึงออกจากกัน

ต้องไม่บดหรือกดอย่างแรง เพราะจะท�ำให้เซลล์ผิดรูปและอ่านผลผิดพลาดได้ ต้องรีบจุ่มสเมียร์ ในน�้ำยา
fixative ทันที สเมยี ร์ของ nipple discharge ให้ใช้สไลดป์ ้ายตรงหวั นมและรบี จุ่มในน�้ำยา fixative ทนั ที

น้ำ� ยา fixative มดี ังนี้
- 95% ethanol
- Spray fixative ท่ีมีส่วนประกอบเป็น 95% ethanol การใช้ต้องถือสเปรย์พ่นใน
ระยะห่างมากกว่า 1 ฟตุ เพ่อื ลดการเกิด artifact

1.2 ตัวอย่างสงิ่ ส่งตรวจท่ีเปน็ นำ�้
น้ำ� ทเี่ จาะดูดจากถุงนำ�้ ใหเ้ กบ็ ในภาชนะทีส่ ะอาด แยกเกบ็ ตามต�ำแหน่ง ระบชุ ่อื -นามสกุล

ผู้ปว่ ย ต�ำแหน่งทีเ่ จาะดดู และปรมิ าตรน�ำ้ ให้ชดั เจน กรณีไม่สามารถนำ� ส่งภายใน 24 ช่ัวโมง ใหเ้ กบ็ ในตู้เย็นท่ีมี
อุณหภมู ิ 4-8 องศาเซลเซยี ส และใหร้ บี น�ำสง่ โดยเรว็ ท่ีสดุ

2. ตวั อยา่ งชิน้ เนอื้ จ�ำแนกตามขนาดได้ 3 ประเภท ได้แก่
2.1 การเตรียมและดูแล core needle biopsy / vacuum-assisted biopsy
แท่งช้ินเนื้อขนาดเล็กได้จากการท�ำ core needle biopsy หรือ mammotome ให้วาง

แท่งช้ินเน้ือเปน็ เสน้ ตรงบนกระดาษแข็งหรอื ในตลับ ก่อนแช่ใน 10% neutral buffered formalin

92 แนวทางการตรวจคดั กรองวินจิ ฉัย และรกั ษาโรคมะเร็งเต้านม

2.2 การเตรยี มชน้ิ เนื้อท่ีมีขนาดไม่เกนิ 5 เซนติเมตร
ชิ้นเน้ือขนาดไม่ ใหญ่ สามารถแช่ ใน 10% neutral buffered formalin ได้เลย

โดยใหป้ รมิ าตรของน้�ำยามากกวา่ 10 เท่าของช้นิ เนื้อ
2.3 การเตรยี มช้นิ เน้ือทม่ี ขี นาดเกนิ 5 เซนติเมตร
ชิ้นเน้อื ขนาดใหญ่ เช่น mastectomy หรอื  ก้อนเน้อื ท่ีมีขนาดเกนิ  5 เซนตเิ มตร กรณีที่

ต้องส่งเน้ือตรวจนอกสถาบัน หรือต้องเก็บไว้นานมากกว่า 6 ชั่วโมง ที่จะได้ตรวจชิ้นเนื้อ ควรต้องผ่าแบ่งคร่ึง
ชิน้ เนอ้ื กอ่ นแช่ใน 10% neutral buffered formalin ทง้ั นี้ เพอื่ ใหก้ าร fix ของเนอ้ื เกดิ ได้อยา่ งสมบรู ณ์

รูปท่ี 26 Total mastectomy with surgical axillary
3. ระยะเวลาที่เหมาะสมส�ำหรับ fixation ชิ้นเนื้อทุกขนาดควรใช้เวลาอย่างน้อย 6 ช่ัวโมง

แต่ส�ำหรับช้ินเนื้อขนาดใหญ่ (mastectomy) ควรใช้เวลามากกว่า 12 ช่ัวโมง และชิ้นเน้ือทุกขนาดไม่ควรเกิน
72 ช่วั โมง และ cold ischemic time ไม่เกนิ 1 ช่วั โมง

93แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ ิจฉัย และรกั ษาโรคมะเร็งเตา้ นม

ใบขอตรวจ
ต้องมรี ายละเอยี ดดงั นี้
1. ชอ่ื -นามสกลุ , HN (ID, หรือ หมายเลขประจ�ำตวั ที่อา้ งองิ ได)้ , เพศ, อายุ ของผูป้ ่วย
2. ลกั ษณะรอยโรค, ตำ� แหน่ง, ขา้ งของนม, จ�ำนวนรอยโรคและขนาดทีต่ รวจพบทางคลนิ กิ
3. ชนดิ หรือวธิ ีการผ่าตดั รายละเอียดของขอบตา่ งๆ ของชิ้นเนอ้ื
4. ระบรุ ายการทข่ี อตรวจ
5. วนั ที่ที่ผา่ ตดั , ช่ือแพทย์และหมายเลขโทรศัพทต์ ดิ ตอ่
การส่งตัวอย่าง
ควรส่งตัวอย่างเซลล์วิทยาและหรือช้ินเน้ือมาที่ห้องปฏิบัติการที่เดียวท้ังหมด ไม่ควรแบ่งส่ง
ตวั อย่าง (กรณีทตี่ ้องการขอ second opinion ภายหลงั สามารถกระทำ� ไดโ้ ดยขอสเมียร์ และหรือสไลด์ / บล็อก
ชนิ้ เนื้อไปตรวจยังห้องปฏบิ ตั กิ ารแห่งทสี่ อง)
1. การส่งภายในสถาบันเดียวกัน
ส่งตวั อย่างและใบขอตรวจมาท่ีหอ้ งปฏบิ ตั ิการในวนั นัน้ หรอื ตามข้อตกลงภายในสถาบนั (ระวังมิให้
formalin หกใส่ใบขอตรวจ )
2. การสง่ ตรวจนอกสถาบนั
ควรแยกพัสดุตัวอย่างเซลล์วิทยาออกจากพัสดุช้ินเนื้อ การบรรจุตัวอย่างควรใช้พัสดุท่ีแน่นหนา
พร้อมกับมีใบขอตรวจท่ีใส่ ไว้ในถุงพลาสติกซิปล็อค เพื่อป้องกันกรณีที่มีของเหลว หรือ formalin อาจรั่ว
หรอื แตกได้

94 แนวทางการตรวจคดั กรองวินจิ ฉัย และรักษาโรคมะเรง็ เต้านม

แนวทางการอ่านเซลลว์ ิทยาและรายงานผล
ส่ิงเจาะดดู จากเตา้ นมอยา่ งเป็นระบบ



บทน�ำ

การวินิจฉัยตัวอย่างทางเซลล์วิทยาเป็นหน่ึงใน triple test ซ่ึงใช้ในการพิจารณาแนวทางการดูแล
รกั ษารอยโรคของเตา้ นม โดยรว่ มกบั การวนิ จิ ฉยั ทางรงั สวี ทิ ยาและขอ้ มลู ทางคลนิ กิ  ในการวนิ จิ ฉยั ทางเซลลว์ ทิ ยา
มมี ติ ทิ แี่ ยกไดเ้ ปน็  3 สว่ น คอื  การอา่ นสเมยี ร์โดยนกั เซลลว์ ทิ ยา การแปลผล และการรายงานผลโดยพยาธแิ พทย์
แต่ละส่วนมีความส�ำคัญและรายละเอียดในการสื่อสารเพ่ือให้เข้าใจตรงกัน นอกจากนี้ควรมีระบบการตรวจสอบ
คุณภาพเพ่อื ใหผ้ ลการวนิ ิจฉยั มีความถกู ตอ้ งมากทสี่ ดุ

การอ่านสเมยี ร์

ความส�ำคัญ การอ่านสเมียร์เป็นส่วนแรก สามารถให้นักเซลล์วิทยาท�ำแทนพยาธิแพทย์ได้ ท้ังนี้
เพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกัน และไม่ให้เกิดความสับสน จึงเสนอหลักเกณฑ์ในการอ่านและการบันทึกผลการ
อ่านเซลลว์ ิทยาของเตา้ นมอยา่ งเปน็ ระบบขน้ึ

ระบบของการอา่ น

อ่าน และบันทึกผล ตามลำ� ดับ ดังน้ี
1. คุณลักษณะและปรมิ าณของส่งิ เจาะดดู ท่เี ห็นด้วยตา
2. การประเมนิ ปรมิ าณเซลล์ ทเี่ ห็นจากก�ำลังขยายต่ำ�
3. การตรวจเซลล์ท่อี ยู่เป็นเซลลเ์ ดี่ยว
4. การตรวจเซลล์ทอี่ ยู่เปน็ กลมุ่
5. การตรวจพ้ืนหลังสเมียร์

รายละเอยี ด

1. คณุ ลักษณะและปริมาณของส่ิงเจาะดดู ที่เห็นดว้ ยตา
1.1 บนั ทึกวา่ สงิ่ เจาะดดู ท่ีไดร้ บั เปน็ น�ำ้ น�ำ้ ปนเลอื ด หรอื เปน็ สเมยี ร์
1.2 กรณีเป็นน�้ำ หรือน�้ำปนเลือด ให้บันทึกปริมาตรเป็นมิลลิลิตร และน�ำไปปั่นเพ่ือท�ำเป็น
สเมยี ร์ตอ่ ไป

95แนวทางการตรวจคดั กรองวนิ ิจฉยั และรักษาโรคมะเร็งเตา้ นม

1.3 การประเมินปริมาณของสเมียร์ ให้ใช้วัดตามยาว โดยเกณฑ์ ดังน้ี

สเมยี รม์ คี วามยาว น้อยกว่า 1 เซนตเิ มตร = ปริมาณนอ้ ย (small volume smear)

สเมียร์มคี วามยาว ระหว่าง 1-2 เซนตเิ มตร = ปรมิ าณปานกลาง

(medium volume smear)

สเมยี ร์มคี วามยาว มากกว่า 2 เซนติเมตร = ปริมาณมาก (large volume smear)
2. การประเมินปรมิ าณเซลล์และพน้ื หลังสเมยี ร์ ท่เี ห็นจากกำ� ลังขยายตำ�่
2.1 หลกั เกณฑ์ในการประเมนิ ปรมิ าณเซลล์ มีดงั นี้

จำ� นวนเซลล์น้อยกว่า 10 ตัว = ปริมาณเซลล์นอ้ ย (low cellularity)

จ�ำนวนเซลล์ระหวา่ ง 10 - 100 ตวั = ปริมาณเซลลป์ านกลาง

(moderate cellularity)

จำ� นวนเซลล์มากกว่า 100 ตวั = ปรมิ าณเซลลม์ าก (high cellularity)

(หมายเหต ุ เซลลเ์ มด็ เลอื ดแดง เม็ดเลือดขาว ไขมัน และไฟบรัส เป็นเซลล์พ้ืนหลงั )

2.2 บนั ทกึ ผลการประเมนิ โดยแยกเปน็  ปรมิ าณเซลลท์ อ่ี ยเู่ ดย่ี วๆ และปรมิ าณเซลลท์ อี่ ยเู่ ปน็ กลมุ่
3. การตรวจเซลล์ที่อยเู่ ปน็ เซลลเ์ ดย่ี ว
3.1 เปน็ bipolar naked nuclei หรือไม่

3.2 เปน็ histiocytes / macrophages หรือไม่

3.3 เป็นเซลล์ก�ำลงั เส่ือมหรือตายหรือไม่

3.4 เปน็ เซลล์ผดิ ปกติหรอื มะเร็งที่หลุดลอกจากกลุ่มหรอื ไม่ โดยมีเกณฑ์พจิ ารณาคือ

ลักษณะของเซลล์ผิดปกติและเซลล์มะเร็ง

- Nuclear enlargement

- Irregular nuclear contour

- Macronucleoli

- Coarsely clumped chromatin

- Hyperchromasia

- Pleomorphism
4. การตรวจเซลล์ที่อยูเ่ ปน็ กลุ่ม
4.1 มีเซลล์กลุ่มใหญ่มากหรือไม่ (มีเซลล์มากกว่าร้อยตัวในกลุ่ม) ถ้ามี มีรูปแบบของการจัด

เรยี งตัวพเิ ศษหรอื ไม่

รูปแบบของการจดั เรียงตวั พเิ ศษของเซลลก์ ล่มุ ใหญ่

- Discohesive, with cells dropping off the edges

- Crowded with overlapping of the nuclei in clusters

96 แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็งเตา้ นม

- Flat honeycomb sheets, with or without folding
- Branched, drum stick shaped and 3D (antler horn)
- Papillary with or without fibrovascular cores and palisaded arrays

(“picket fence”)
- Complex with punched out oval or round holes
- Small slit-like irregular spaces with streaming or irregular nuclear

orientation
4.2 เซลล์กลมุ่ เลก็ และกลางจำ� นวนมากไหม มรี ปู แบบการจดั เรียงตวั พเิ ศษหรอื ไม่

- ถ้ามีมากกวา่ 10 กลุ่ม ถอื วา่ มาก
- รปู แบบการจดั เรียงตวั พิเศษมี ดังนี้

1. Open, angulated tubule
2. Linear cord
3. Monolayered sheet
4. 3-D aggregate
5. Papillary-frond like
4.3 มเี ซลลล์ ักษณะผิดปกตแิ ละมะเรง็ หรอื ไม่
ลักษณะของเซลลผ์ ิดปกตแิ ละเซลล์มะเร็ง
- Nuclear enlargement
- Irregular nuclear contour
- Macronucleoli
- Coarsely clumped chromatin
- Hyperchromasia
- Pleomorphism
5. การตรวจพืน้ หลังสเมียร์
พ้นื หลงั สเมียรม์ ีลกั ษณะจ�ำเพาะหรือไม่
ลกั ษณะจำ� เพาะของพน้ื หลงั สเมยี ร์
- cystic
- inflamed
- hemorrhage
- mucin (ต้องมลี ักษณะเปน็ ลายเสน้ หรอื fibrillary จงึ เปน็ mucin)
- necrotic

97แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉัย และรกั ษาโรคมะเร็งเต้านม

- adipose-rich
- cellular fibro-stromal fragment rich

การแปลผล

ความส�ำคัญ เป็นส่วนที่สอง หลังจากการอ่านสเมียร์ น�ำผลการอ่านมาแปลผล โดยมีวิธีการแปล
ผลแยกเป็นสองระบบ คือ การแปลผลจากลักษณะสเมียร์ (cytomorphologic base) และการแปลผลตาม
โรคและการเปลี่ยนแปลงของเต้านม (clinicopathological entity base) การแปลผลวิธีหลังต้องใช้พยาธิ
แพทย์หรอื แพทย์ทม่ี ีความชำ� นาญ

รายละเอียด
1. การแปลผลจากลักษณะสเมยี ร์ (cytomorphologic base)

- Presence of malignant cells in clusters
- Presence of malignant cells in dispersal
- Large epithelial fragments with atypia
- Large epithelial fragments without atypia
- Fibroadenoma feature
- Mucinous feature
- Cyst feature, benign
- Cyst feature with atypical cells
- Low/ scant cellularity
2. การแปลผลตามโรคและการเปลยี่ นแปลงของเตา้ นม (clinicopathological entities base)
- Cyst and/ or apocrine metaplasia
- Duct ectasia
- Proliferative changes (Ductal hyperplasia, Adenosis, Complex sclerosing

lesion or radial scar)
- Papilloma
- Atypical hyperplasia / carcinoma in situ
- Fibroadenoma
- Cellular fibroadenoma or Phyllodes
- Phyllodes, no atypia or with atypia
- Ductal carcinoma, low grade or high grade
- Lobular carcinoma

98 แนวทางการตรวจคดั กรองวินจิ ฉยั และรักษาโรคมะเร็งเตา้ นม

- Mucinous carcinoma
- Lymphoma
- Sarcoma
- Suppurative inflammation (Mastitis, abscess)
- Granulomatous m  astitis
- Fat necrosis

การรายงานผล

ความส�ำคัญ เป็นส่วนที่สาม ใช้ส�ำหรับสื่อสารถึงผลการวินิจฉัยซึ่งมีความหมายรวมถึงความม่ันใจ
ในผลอยู่ด้วยเพ่ือแพทย์ที่รับผลจะใช้ในการตัดสินใจในการดูแลรักษาต่อไป ระบบของการรายงานผลมีแบบใช้
ตัวเลขเป็นรหัสและระบบของการรายงานผลท่ีใช้วลีหรือข้อความ ส�ำหรับประเทศไทย นิยมใช้ตามระบบหลัง
ระบบการรายงานที่น�ำเสนอ เป็นระบบการรายงานท่ีผสมการแปลผลตามลักษณะ สเมียร์และตามการจ�ำแนก
โรคของเต้านมโดยพยาธิแพทย์

รายละเอยี ด
ระบบของการรายงานผล
- Cyst with or without apocrine cells
- Scant cells, Benign change
- Inflammation
- Fibroadenomatoid feature
- Fibroadenoma
- Benign Phyllodes or cellular fibroadenoma
- Large fragment / Epithelial hyperplasia
- Atypical or suspicious cells
- Mammary carcinoma, grade specified
- Mucinous carcinoma
- Carcinoma, subtype suggested
- Lymphoma
- Spindle cell tumor/ Melanoma

99แนวทางการตรวจคดั กรองวินิจฉัย และรกั ษาโรคมะเร็งเต้านม

ระบบการตรวจสอบคุณภาพ

ความส�ำคัญ การตรวจสอบคุณภาพเป็นส่วนส�ำคัญในการปฏิบัติเพื่อระวังข้อผิดพลาดและช่วย
พัฒนาประสทิ ธิภาพของการวินจิ ฉัยทางเซลล์วิทยาใหไ้ ดผ้ ลทเ่ี หมาะสม ถกู ต้อง และนา่ เช่อื ถอื

รายละเอยี ด
การตรวจสอบคุณภาพประกอบด้วย
1. ระวัง artifact
โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง forcefully smeared discohesion และ degenerating apocrine cells
in cyst
2. ดูก�ำลงั ขยายต�่ำด้วยเสมอ
ในการปฏบิ ัติงาน ควรมีลำ� ดับการท�ำงานดังน้ี

- ดปู ริมาณด้วยตาเปลา่ เพื่อแยก large volume, high cellularity smear ออกจาก
small volume, high cellularity และแยก cyst ออกจาก non-cyst เป็นตน้

- ดูกำ� ลงั ขยายตำ่� เพื่อแยกเซลลเ์ ดีย่ ว เซลล์กลุม่ และพืน้ หลงั และประเมินเชงิ ปรมิ าณ
- ดูกำ� ลังขยายสูง เพ่ือดรู ายละเอยี ดเซลลเ์ ดยี ว เซลล์กล่มุ และพืน้ หลัง
- ดูกำ� ลังขยายต�่ำ เพือ่ เชอ่ื มโยงกอ่ นวินจิ ฉัย

3. ตรวจสอบการอา่ นกับทางคลนิ ิกและรังสีวทิ ยา
ควรมีการประชุมร่วมทางคลินิก รังสีวิทยา และพยาธิวิทยาเป็นประจ�ำเพื่อเชื่อมโยงเซลล์วิทยากับ
ลักษณะทางคลินิกกับรังสีวิทยา ถ้ามีความขัดแย้ง ควรพิจารณาท�ำการตัดช้ินเน้ือหรือตรวจเพิ่มเติมการตรวจ
สอบอยเู่ สมอท�ำให้เกิดความมนั่ ใจและลดข้อผดิ พลาด
การอ่านมะเร็งที่เป็นเซลล์ขนาดเล็ก และเซลล์ท่ีมี differentiation ดี ต้องอาศัยประสบการณ์
และความช�ำนาญของพยาธแิ พทย์


Click to View FlipBook Version